PDF 2537-07-16-เฉิงอี้ #6.pdf
วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗ พุทธสถาน เฉิงอี้ อ.บัวงาม
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
รากบัวงามบริสุทธิ์ศรัทธาใจ ดั่งทองคำหลอมไว้บริสุทธิ์ยิ่ง
แม้นมากมายทดสอบจิตสงบนิ่ง แล้วละทิ้งมุทินเกาะดั่งโคลนตม
เราคือ
องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่พุทธสถาน แล้วเคียมคัล
องค์มารดา ถามเมธีน้องพี่เกษมฤๅ
ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง ฮวา ฮวา
ร่วมประชุม ณ กลางสถานที่นี้ ต้องตั้งใจธรรมมีทุกทุกนาที
อย่าประมาทรวดเร็วคว้าธรรมดี ต้องยอมพลีเวลาเพียงสองวัน
ถึงกระนั้นจงอย่าได้เผลอไผล นั่งเก้าอี้พุทธาได้เพราะกุศล
แต่ก่อนเก่าบำเพ็ญมาผองสุชน ในชาตินี้หลุดพ้นได้บำเพ็ญใจ
จงรักษาสำรวมให้เคร่งครัด วาจาจัดทำร้ายกันไม่เลือกหนา
สถิตพระอริยะกลางวาจา อ่อนโยนกล้าเผชิญซึ่งความจริง
ปลูกต้นโพธิ์ใช่จะขึ้นในสองวัน หลังจากนี้ศึกษากันให้ถ่องแท้
คุณธรรมดำรงจึงกลับแก้ มรรคแน่คงศรัทธาอย่าสั่นคลอน
ภาระกิจส่งเสริมชนในที่นี้ อาจารย์บรรยายทุกท่านจงสมาน
สามัคคีทุกท้องที่มิแบ่งกัน ทั้งเธอฉันจิตหนึ่งเราพุทธา
ย้อนมองตนเห็นไหมพิจารณาดู วันนี้อยู่บุญสัมพันธ์ใกล้ไกลหนา
เดินทางมาสารทิศโปรดทั่วฟ้า มิแบ่งซึ่งห้าศาสนาใจแก่นธรรม
ฉุดช่วยไปทั่วพิภพในยุคขาว ส่องสกาวยิ่งยวดคุณงามสร้าง
บรรพชนเฝ้ามองจงอย่าขว้าง อาจพเนจรเกิดบางสิ่งให้พลิกฝัน
ปัดอารมณ์แลจิตใจกระจกใส ฟังธรรมไปอย่าง่วงเหงาให้สัปหงก
แล้วระเบียบถี่ถ้วนรู้พบ สติบรรจุอยู่เต็มห้วงจิตใจ
รักษาธรรมรักษาจิตคู่พร้อมเพรียง อย่าหลบเลี่ยงปลงแล้วจึงเห็นได้
กุศลสร้างก็ของตนมิใช่ใคร รู้ทางไปที่พี่นำน้องจงดู
ในสองวันจงอดทนศึกษาธรรม และได้นำปฏิบัติตนเข้าใจไหม
มิข้องเกี่ยวในวัฏฏะรูปลักษณ์ใด ฉันทาใจฤๅคิดเพลินในมายา
ในวันนี้ขอศิษย์น้องตั้งใจยิ่ง ศิษย์พี่นิ่งยืนคุมข้างสถาน
ยิ่งชัดเจนในคะแนนถูกจัดวาง ในท่ามกลางธรรมาขออวยชัย
ฮวา ฮวา หยุด
วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗
พระโอวาทท่านแปดเซียน หลี่เถียไกว่ และ ท่านเหอเซียนกู เมตตา
พุทธจิตหนึ่งคลุมครอบจักรวาล เมื่อวันวานเมธีท่านยังสงสัย
ตราบวันนี้มีความสุขพ้นเมามาย ศึกษารู้พ้นกายอันจอมปลอม
เราทั้งสองคือ
แปดเซียน หลี่เถียไกว่ พร้อมด้วย เหอเซียนกู รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่พุทธสถาน แฝงกายกราบอภิวาท
องค์ชคัตตรยาพดงส์ผู้เมตตา ถามเมธีทุกท่านเกษมฤๅ
ล่องกิเลสเพื่อตัดกลับยิ่งสร้าง ตื่นหลับต่างเจ็บตรึงหายไหม
เฝ้าแต่หมองเหม่อมัดยิ่งไว คะเนเงียบข่าวคราวใจลวงเจ็บช้ำ
อย่าปล่อยให้กรรมกระชากฉุดไป มีแต่เพลิงสุมใจสุดหยั่ง
อย่างนี้แล้วอาจารย์ท่านยังช่วยบัง ท่านยังหวังกลั้นน้ำตาเพื่อใคร
นิโรธดับกลายหวานชุ่มฉ่ำใจ เรื่องซับซ้อนมากกลับสนองย่ำแย่
ทั้งเช้าค่ำน้ำตาเปลี่ยนสามารถแผ่ ปกป้องหนาวทุเลาอุ่นเผื่อประทังร่าง
ธรรมทดสอบคู่เคลื่อนไหวเหนี่ยวรั้งดึง อุทธัจถึงคอยรอบจะธรกรัชกาย
กมลแจ้งชั่วดีมิแหนงหน่าย เยี่ยงฟ้าดินไม่หวั่นต่อภัยพาล
ฐิติหวนดินแดนนิพพานเบื้องฟ้า พรหมวิหารสลายค่าอวิชชาเดิมแปรกลับ
กตญาณผลักทุกข์ทะเลเคลื่อนเลื่อนขษัย ด้วยดั้นด้นชีวิตวนไหลคืนกลับต้นธาร
มายาหลากเผลอใจปล่อยล่วงล้ำ เป็นแรงน้ำต้านรับไร้ปราการ
โหมทลายหยุดพักไม่ทันกาล คอยรักษาคอยหมั่นไหวสติคง
ฮา ฮา หยุด
สักวัน หมอกคงจะเลยแล้วผ่าน เปี่ยมด้วยใจแห่งธรรม สมตั้งใจ
ขัดตน ไม่ขัดขวางเคลือบแคลงปกป้องตนเองเพื่อตน แม้แค่ใยบอบบาง
เป็นเช่นกรรมฉุดดึง
* ศรัทธาหลอมรากฐาน บำเพ็ญธรรมเปิดใจ อภัยคือกุศล ช่วยตน
ใช่ใคร สิ้นสูญหนี้กรรมหลุดพ้น
** โปรดทุกหนทุกแห่ง ฉับพลันเห็นด้วยจิต สู่กลียุคช่วยเวไนย
พี่น้องตน
*** เปรียบเทียบจงตัดแล้ว เปรียบเทียบพาทิฐิยากใส นอกใน
ท่ามกลางควันหมอกพิษโลกีย์
ผ่านมา กี่ครากี่คราวทดสอบ ศรัทธายังส่งเสริม มิท้อด้วยใจอดทน ปัจจุบันฝ่าฟันอวิชชาแดนให้ได้ สะพานดั่งจิตใจ มิกลัวคำเหยียดหยาม
(ซ้ำ *,**,***)
ทำนองเพลง : เพราะเธอ
พระโอวาทท่านแปดเซียน หลี่เถียไกว่ และ ท่านเหอเซียนกู เมตตา
ท่านเหอเซียนกู : ในโลกนี้ประกอบไปด้วยฟ้า ดิน มนุษย์ สรรพสัตว์
ทั้งหลาย ฟ้าเป็นสภาวะที่ว่างเปล่า บริสุทธิ์ ดินเป็นสภาวะที่ขุ่นหนัก
แต่มนุษย์ล่ะ เมธีทุกท่านเป็นสภาวะใด เบาหรือเปล่า
ถ้าทุกคนตั้งใจบำเพ็ญก็จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสภาวะที่เบาใสใช่ไหม ตอนนี้เบาใสหรือยัง ฟ้าประทานคุณธรรมให้ทุกคนตั้งแต่ลงมาเกิด คุณธรรมที่ฟ้ามอบมาให้คืออะไร ถ่ายทอดอยู่ที่ไหน (ตรัยรัตน์)
หลักธรรมอยู่ที่ไหน (ในจิต) มโนจิตอันเดิมแท้เหมือนขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ จิตตัวนี้ทำให้เรามีทรัพย์สิน เงินทอง ลาภยศ ชื่อเสียง แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาจากความอยากของทุกคน ตอนนี้เราทุกคนมีมโนจิตที่ยิ่งใหญ่ เราจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร (ช่วยเหลือคน) การจะช่วยคนต้องมีอะไรในมโนจิต (เมตตา) ทำอย่างไรถึงเรียกว่าเมตตา (อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์และมีความสุข) การอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์คือการแสดงออกมาด้วยความเมตตา ขึ้นอยู่กับว่าจะปรุงแต่งออกมาในรูปลักษณ์ใด
การศึกษาธรรมมิใช่มานั่งฟังสองวันก็เพียงพอ เราต้องศึกษาตลอดชีวิตจำเป็นไหมว่าจะต้องอ่านจากหนังสือ เราจะทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าศึกษาธรรมบำเพ็ญตน (มีจิตใจที่ดีงาม มีความจริงใจ)
คนเราทำดี ถึงแม้มรรคผลที่จะได้รับยังไม่ได้รับในทันทีก็กลับเป็นความทุกข์ ความดีที่ทำแม้จะยังไม่ได้รับผลทันที แต่ก็อยู่ที่ทุกคน การที่
จะทำให้มีใจอย่างทารกน้อย ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำอย่งไรให้จิตเป็นทารก (บำเพ็ญจิต) อย่างไรจึงจะเรียกว่าบำเพ็ญจิต (ฉุดช่วยคนอื่นให้
พ้นทุกข์) ถูกไหม
ทุกคนที่อยู่ในโลก บางครั้งก็เจ็บป่วย บางครั้งก็สุขสบาย เจ็บป่วยเพราะอะไร (กรรมเก่า) กรรมเก่าอย่างเดียวหรือเปล่า ถ้ามีคนบอกว่าบำเพ็ญธรรมนี้ไม่ใช่ของจริง เขามาหลอกเงินทอง เราจะคล้อยตามเขาไหม (ไม่) เพราะว่าตอนนี้มีเราบอกใช่ไหม บางครั้งบาปกรรมที่ทำให้เราต้องทุกข์ไม่ได้เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรอย่างเดียว แต่บางทีตัวเราเองก็เป็นผู้ก่อ ทำไมภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเราจึงรู้ได้ แต่ภัยที่เราก่อเราไม่รู้กลับต้องรับผล ถ้าทำดีได้รับผลดี เราอยากจะทำ ถ้าทำดีมีผลประโยชน์
แล้วเราไขว่คว้าที่จะทำดีเพื่อหวังผลของความดี ก็เป็นความอยาก ใจเราต้องไม่ทะยานอยากไม่ไขว่คว้า แต่ทำดีโดยเอาความเมตตาของเราออกมา
มีความสงสารอยากช่วยเหลือผู้อื่น
ในวันนี้เมธีทุกท่านได้แสดงอะไรบ้างที่เป็นความเมตตาต่อผู้อื่น (ช่วยแม่ครัวทำกับข้าว) ทานข้าวแล้วขอบคุณแม่ครัวหรือเปล่า (ขอบคุณแม่ครัว ขอบคุณอาจารย์ที่มาให้ความรู้) และขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมตตามาประทานพระโอวาท) ความต้องการความอยาก ถ้าเปลี่ยนจากความอยากด้วยการสร้างกุศลไม่รู้จักพอจะดีไหม (ดี)
ท่านหลี่เถียไกว่ : หัวหน้าชั้นมองลูกเรือของตนเองซิ มีลูกเรือตั้เยอะแยะ ทุกท่านรู้จักกันหมดหรือเปล่า (ยังไม่รู้จักกันทุกคน) บางคนแม้จะมาประชุมธรรมผ่านไปสองวันก็ยังไม่รู้จักกันเลย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วต่อไปจะกล้ามาสถานธรรมไหม สถานธรรมอยู่ไกลจะมาหรือ (มา) การสัญญา
กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถ้าพูดไปแล้วทำได้หรือเปล่า ถ้าหากมาที่นี่ด้วยจิตแต่ตัวยังอยู่บ้านหมายความว่าอย่างไร (ตายแล้ว) แล้วจะรอถึงวันนั้นหรือ
"พุทธจิตหนึ่งคลุมครอบจักรวาล" จิตของเรามีเพียงหนึ่งเดียวแต่ครอบคลุมจักรวาลได้ไหม เราอยู่ที่นี่เราไปนิพพานได้ไหม (ได้) ถ้าคิดว่าจิตยังไปไม่ถึงนิพพานก็ไปไม่ถึง ถ้าคิดว่าจิตถึงนิพพานก็ถึงได้ คนที่ตอบว่าจิตถึงนิพพานได้เพราะอะไร (เพราะเขาบำเพ็ญธรรม) การที่เราอยู่ในโลกมนุษย์ เราอยู่ในแดนนิพพานได้ โดยเราทำจิตใจของเราให้มีความสุข มีความเมตตา ให้การส่งเสริมผู้อื่นด้วยความจริงใจ
ตรัยรัตน์ที่เรารับไปนั้นลืมหมดแล้วใช่ไหม จากวันนี้ไปต้องกลับมาศึกษาและทบทวนให้เข้าใจ นักเรียนในชั้นมีจำนวนมาก ถ้ารู้จักกันไม่หมด ต้องพยายามรู้จักกันให้หมด บางครั้งบอกว่าส่งภาษากันไม่รู้เรื่อง ถ้าหากมีความจริงใจ มีมิตรไมตรี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เราก็สามารถที่จะรู้จักกันได้
ท่านรู้ไหมว่าการที่ทุกคนมาในที่นี้เพราะมีบุญสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ ถ้ารู้แล้วต้องรักษาบุญสัมพันธ์ของท่านให้ดี ผูกมิตรต่อกัน ไม่ใช่ว่าอยู่ในสายธรรมเดียวกันแล้วมีความรู้สึกว่าแบ่งแยกว่าอยู่กรุงเทพฯ กับดำเนิน
ในกลอนนำพระโอวาททำไมจึงบอกว่า กายนี้เป็นกายปลอม (ตายไปแล้วเอาไปไม่ได้) เวลาฝนไม่ตกก็บ่นว่าร้อน ฝนตกก็รู้สึกอึดอัด การที่เรารู้สึกเช่นนี้เป็นเพราะจิตของเราใช่ไหม จิตของมนุษย์สามารถปรุงแต่งได้ด้วยอะไรบ้าง (กายกรรม มโนกรรม และวจีกรรม, อารมณ์ รูป รส กลิ่น เสียง วัตถุเงินทอง) เราควรจะทำอย่างไร (เราต้องยึดมั่นในจุด ๆ นั้น) จิตของมนุษย์มีทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อจิตของเราเป็นกลางคืนก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นกลางวันได้ใช่ไหม เมื่อจิตของเราเปรียบเหมือนตะวันก็สามารถส่องสว่าง เมื่อเรามีจิตที่สว่างไสวแล้ว เราก็สามารถจะฉุดช่วยผู้อื่นได้ การมีอายุมาก อายุน้อยไม่ใช่ปัญหา เราจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา มีทั้งที่หลบและออกมาให้เห็นชัด ๆ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง
เมื่อศึกษาธรรมต้องรู้ว่าธรรมเป็นสุญญตา รูปลักษณ์นี้เรายึดไว้เพื่อบำเพ็ญ ไม่ใช่ยึดไว้ตลอด
“ล่องกิเลสเพื่อตัดกลับยิ่งสร้าง” ทำไมจึงยิ่งตัดกลับยิ่งสร้าง (เพราะเกิดความต้องการ) ถ้าหากเราคิดว่าเราจะตัดกิเลสแล้วก็คิดหาวิธีต่าง ๆ นานา เพื่อตัดมันทิ้งไป แต่เมื่อไหร่ที่เราคิดว่ากิเลสคือกิเลส เราจะต้อง
ตัดมัน อย่างนี้แล้วจิตเราก็ยิ่งเพิ่มบางสิ่งบางอย่างที่จะเป็นส่วนเกินให้เกิดขึ้นมา เปรียบเหมือนความร่ำรวย ลาภ ยศ เงินทองเป็นสิ่งที่ทำให้เราหลง ความอยากถ้าเราคิดว่าเราจะขจัดความอยากทิ้งไป พอเราตัดไปเรื่อย ๆ พอถึงจุดสุดขีดเราก็กู้ยืมเงินให้ได้มา
ท่านเหอเซียนกู : ความศรัทธาที่มีอยู่ก็จะทำให้เราทำอะไรได้สำเร็จ ถ้าหากเจอปัญหาก็ท้อแล้วจะทำอะไรได้สำเร็จไหม รออะไรก็รอได้ รอนิพพานดีไหม การจะไปนิพพานได้ทุกคนต้องบรรลุจากอะไร (จากการปฏิบัติธรรม) การบรรลุแปลว่าอะไร บรรลุคือการหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารเวียนว่าย
ตายเกิด ในเมื่อรู้ว่าต้องทำให้ได้ การจะทำให้ได้ต้องทำจิตใจให้อิสระปราศจากสิ่งห้อมล้อม ถ้าจะเปรียบจิตใจของคนก็เหมือนกับกษัตริย์
ร่างกายก็เหมือนกับเมือง ปัญญาก็เหมือนกับอาวุธ สติก็เหมือนกับปราการ ทุกคนควบคุมได้ไหม (ได้) แล้วจะควบคุมอะไร (ควบคุมอุปกิเลส อวิชชาที่จะทำร้ายเรา) ทุกสิ่งทุกอย่างใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ ต้องเริ่มจากการฝึกฝน
ท่านหลี่เถียไกว่ : บำเพ็ญธรรมใช่ว่าจะเริ่มได้ง่าย ๆ ถ้าทุกคนไม่ฝึกฝน ทุกคนจะรู้ว่าต้องบำเพ็ญธรรมหรือไม่ เมื่อรู้แล้วก็อยู่ที่ให้ทุกคนฝึกปฏิบัติ การให้เพลงธรรมไม่ใช่ให้ร้องเพื่อคลายเครียด แต่ให้เพลงธรรมเพื่อเป็นกำลังใจ เมื่อมีอุปสรรคเกิดขึ้นมาเราต้องฟันฝ่าอุปสรรคนั้น ถ้าเมธีทุกท่านต่อ ๆ ไปมาที่นี่ก็จะได้พบกันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไม่มาแล้วแม้แต่จะช่วยตนเองก็คงจะช่วยไม่ได้
ท่านเหอเซียนกู : อย่าลืมบำเพ็ญ ต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยความอดทนและก็จะได้กลับคืนไปพร้อมกับเรา
วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง และ พระนาจา เมตตา
ศรัทธาแกร่งเมตตาพร้อมปุถุชน ยากจะพ้นแต่หากพยายามย่อมสัมฤทธิ์
ประตูเปิดญาณได้สำนึกผิด จากวันนี้ถ้าคิดคือเริ่มต้น
เราคือ
พระอรหันต์จี้กงวิปลาส พร้อมด้วย ราชบุตรที่สามนาจาองค์น้อยน้อย
รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา แฝงกายก้มกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนฟังธรรมะเข้าใจหรือเปล่า
อย่าประมาทรวดเร็วคว้าธรรมดี ต้องยอมพลีเวลาเพียงสองวัน
ถึงกระนั้นจงอย่าได้เผลอไผล นั่งเก้าอี้พุทธาได้เพราะกุศล
แต่ก่อนเก่าบำเพ็ญมาผองสุชน ในชาตินี้หลุดพ้นได้บำเพ็ญใจ
จงรักษาสำรวมให้เคร่งครัด วาจาจัดทำร้ายกันไม่เลือกหนา
สถิตพระอริยะกลางวาจา อ่อนโยนกล้าเผชิญซึ่งความจริง
ปลูกต้นโพธิ์ใช่จะขึ้นในสองวัน หลังจากนี้ศึกษากันให้ถ่องแท้
คุณธรรมดำรงจึงกลับแก้ มรรคแน่คงศรัทธาอย่าสั่นคลอน
ภาระกิจส่งเสริมชนในที่นี้ อาจารย์บรรยายทุกท่านจงสมาน
สามัคคีทุกท้องที่มิแบ่งกัน ทั้งเธอฉันจิตหนึ่งเราพุทธา
ย้อนมองตนเห็นไหมพิจารณาดู วันนี้อยู่บุญสัมพันธ์ใกล้ไกลหนา
เดินทางมาสารทิศโปรดทั่วฟ้า มิแบ่งซึ่งห้าศาสนาใจแก่นธรรม
ฉุดช่วยไปทั่วพิภพในยุคขาว ส่องสกาวยิ่งยวดคุณงามสร้าง
บรรพชนเฝ้ามองจงอย่าขว้าง อาจพเนจรเกิดบางสิ่งให้พลิกฝัน
ปัดอารมณ์แลจิตใจกระจกใส ฟังธรรมไปอย่าง่วงเหงาให้สัปหงก
แล้วระเบียบถี่ถ้วนรู้พบ สติบรรจุอยู่เต็มห้วงจิตใจ
รักษาธรรมรักษาจิตคู่พร้อมเพรียง อย่าหลบเลี่ยงปลงแล้วจึงเห็นได้
กุศลสร้างก็ของตนมิใช่ใคร รู้ทางไปที่พี่นำน้องจงดู
ในสองวันจงอดทนศึกษาธรรม และได้นำปฏิบัติตนเข้าใจไหม
มิข้องเกี่ยวในวัฏฏะรูปลักษณ์ใด ฉันทาใจฤๅคิดเพลินในมายา
ในวันนี้ขอศิษย์น้องตั้งใจยิ่ง ศิษย์พี่นิ่งยืนคุมข้างสถาน
ยิ่งชัดเจนในคะแนนถูกจัดวาง ในท่ามกลางธรรมาขออวยชัย
ฮวา ฮวา หยุด
วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗
พระโอวาทท่านแปดเซียน หลี่เถียไกว่ และ ท่านเหอเซียนกู เมตตา
พุทธจิตหนึ่งคลุมครอบจักรวาล เมื่อวันวานเมธีท่านยังสงสัย
ตราบวันนี้มีความสุขพ้นเมามาย ศึกษารู้พ้นกายอันจอมปลอม
เราทั้งสองคือ
แปดเซียน หลี่เถียไกว่ พร้อมด้วย เหอเซียนกู รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่พุทธสถาน แฝงกายกราบอภิวาท
องค์ชคัตตรยาพดงส์ผู้เมตตา ถามเมธีทุกท่านเกษมฤๅ
ล่องกิเลสเพื่อตัดกลับยิ่งสร้าง ตื่นหลับต่างเจ็บตรึงหายไหม
เฝ้าแต่หมองเหม่อมัดยิ่งไว คะเนเงียบข่าวคราวใจลวงเจ็บช้ำ
อย่าปล่อยให้กรรมกระชากฉุดไป มีแต่เพลิงสุมใจสุดหยั่ง
อย่างนี้แล้วอาจารย์ท่านยังช่วยบัง ท่านยังหวังกลั้นน้ำตาเพื่อใคร
นิโรธดับกลายหวานชุ่มฉ่ำใจ เรื่องซับซ้อนมากกลับสนองย่ำแย่
ทั้งเช้าค่ำน้ำตาเปลี่ยนสามารถแผ่ ปกป้องหนาวทุเลาอุ่นเผื่อประทังร่าง
ธรรมทดสอบคู่เคลื่อนไหวเหนี่ยวรั้งดึง อุทธัจถึงคอยรอบจะธรกรัชกาย
กมลแจ้งชั่วดีมิแหนงหน่าย เยี่ยงฟ้าดินไม่หวั่นต่อภัยพาล
ฐิติหวนดินแดนนิพพานเบื้องฟ้า พรหมวิหารสลายค่าอวิชชาเดิมแปรกลับ
กตญาณผลักทุกข์ทะเลเคลื่อนเลื่อนขษัย ด้วยดั้นด้นชีวิตวนไหลคืนกลับต้นธาร
มายาหลากเผลอใจปล่อยล่วงล้ำ เป็นแรงน้ำต้านรับไร้ปราการ
โหมทลายหยุดพักไม่ทันกาล คอยรักษาคอยหมั่นไหวสติคง
ฮา ฮา หยุด
สักวัน หมอกคงจะเลยแล้วผ่าน เปี่ยมด้วยใจแห่งธรรม สมตั้งใจ
ขัดตน ไม่ขัดขวางเคลือบแคลงปกป้องตนเองเพื่อตน แม้แค่ใยบอบบาง
เป็นเช่นกรรมฉุดดึง
* ศรัทธาหลอมรากฐาน บำเพ็ญธรรมเปิดใจ อภัยคือกุศล ช่วยตน
ใช่ใคร สิ้นสูญหนี้กรรมหลุดพ้น
** โปรดทุกหนทุกแห่ง ฉับพลันเห็นด้วยจิต สู่กลียุคช่วยเวไนย
พี่น้องตน
*** เปรียบเทียบจงตัดแล้ว เปรียบเทียบพาทิฐิยากใส นอกใน
ท่ามกลางควันหมอกพิษโลกีย์
ผ่านมา กี่ครากี่คราวทดสอบ ศรัทธายังส่งเสริม มิท้อด้วยใจอดทน ปัจจุบันฝ่าฟันอวิชชาแดนให้ได้ สะพานดั่งจิตใจ มิกลัวคำเหยียดหยาม
(ซ้ำ *,**,***)
ทำนองเพลง : เพราะเธอ
พระโอวาทท่านแปดเซียน หลี่เถียไกว่ และ ท่านเหอเซียนกู เมตตา
ท่านเหอเซียนกู : ในโลกนี้ประกอบไปด้วยฟ้า ดิน มนุษย์ สรรพสัตว์
ทั้งหลาย ฟ้าเป็นสภาวะที่ว่างเปล่า บริสุทธิ์ ดินเป็นสภาวะที่ขุ่นหนัก
แต่มนุษย์ล่ะ เมธีทุกท่านเป็นสภาวะใด เบาหรือเปล่า
ถ้าทุกคนตั้งใจบำเพ็ญก็จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสภาวะที่เบาใสใช่ไหม ตอนนี้เบาใสหรือยัง ฟ้าประทานคุณธรรมให้ทุกคนตั้งแต่ลงมาเกิด คุณธรรมที่ฟ้ามอบมาให้คืออะไร ถ่ายทอดอยู่ที่ไหน (ตรัยรัตน์)
หลักธรรมอยู่ที่ไหน (ในจิต) มโนจิตอันเดิมแท้เหมือนขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ จิตตัวนี้ทำให้เรามีทรัพย์สิน เงินทอง ลาภยศ ชื่อเสียง แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาจากความอยากของทุกคน ตอนนี้เราทุกคนมีมโนจิตที่ยิ่งใหญ่ เราจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร (ช่วยเหลือคน) การจะช่วยคนต้องมีอะไรในมโนจิต (เมตตา) ทำอย่างไรถึงเรียกว่าเมตตา (อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์และมีความสุข) การอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์คือการแสดงออกมาด้วยความเมตตา ขึ้นอยู่กับว่าจะปรุงแต่งออกมาในรูปลักษณ์ใด
การศึกษาธรรมมิใช่มานั่งฟังสองวันก็เพียงพอ เราต้องศึกษาตลอดชีวิตจำเป็นไหมว่าจะต้องอ่านจากหนังสือ เราจะทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าศึกษาธรรมบำเพ็ญตน (มีจิตใจที่ดีงาม มีความจริงใจ)
คนเราทำดี ถึงแม้มรรคผลที่จะได้รับยังไม่ได้รับในทันทีก็กลับเป็นความทุกข์ ความดีที่ทำแม้จะยังไม่ได้รับผลทันที แต่ก็อยู่ที่ทุกคน การที่
จะทำให้มีใจอย่างทารกน้อย ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำอย่งไรให้จิตเป็นทารก (บำเพ็ญจิต) อย่างไรจึงจะเรียกว่าบำเพ็ญจิต (ฉุดช่วยคนอื่นให้
พ้นทุกข์) ถูกไหม
ทุกคนที่อยู่ในโลก บางครั้งก็เจ็บป่วย บางครั้งก็สุขสบาย เจ็บป่วยเพราะอะไร (กรรมเก่า) กรรมเก่าอย่างเดียวหรือเปล่า ถ้ามีคนบอกว่าบำเพ็ญธรรมนี้ไม่ใช่ของจริง เขามาหลอกเงินทอง เราจะคล้อยตามเขาไหม (ไม่) เพราะว่าตอนนี้มีเราบอกใช่ไหม บางครั้งบาปกรรมที่ทำให้เราต้องทุกข์ไม่ได้เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรอย่างเดียว แต่บางทีตัวเราเองก็เป็นผู้ก่อ ทำไมภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเราจึงรู้ได้ แต่ภัยที่เราก่อเราไม่รู้กลับต้องรับผล ถ้าทำดีได้รับผลดี เราอยากจะทำ ถ้าทำดีมีผลประโยชน์
แล้วเราไขว่คว้าที่จะทำดีเพื่อหวังผลของความดี ก็เป็นความอยาก ใจเราต้องไม่ทะยานอยากไม่ไขว่คว้า แต่ทำดีโดยเอาความเมตตาของเราออกมา
มีความสงสารอยากช่วยเหลือผู้อื่น
ในวันนี้เมธีทุกท่านได้แสดงอะไรบ้างที่เป็นความเมตตาต่อผู้อื่น (ช่วยแม่ครัวทำกับข้าว) ทานข้าวแล้วขอบคุณแม่ครัวหรือเปล่า (ขอบคุณแม่ครัว ขอบคุณอาจารย์ที่มาให้ความรู้) และขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมตตามาประทานพระโอวาท) ความต้องการความอยาก ถ้าเปลี่ยนจากความอยากด้วยการสร้างกุศลไม่รู้จักพอจะดีไหม (ดี)
ท่านหลี่เถียไกว่ : หัวหน้าชั้นมองลูกเรือของตนเองซิ มีลูกเรือตั้เยอะแยะ ทุกท่านรู้จักกันหมดหรือเปล่า (ยังไม่รู้จักกันทุกคน) บางคนแม้จะมาประชุมธรรมผ่านไปสองวันก็ยังไม่รู้จักกันเลย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วต่อไปจะกล้ามาสถานธรรมไหม สถานธรรมอยู่ไกลจะมาหรือ (มา) การสัญญา
กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถ้าพูดไปแล้วทำได้หรือเปล่า ถ้าหากมาที่นี่ด้วยจิตแต่ตัวยังอยู่บ้านหมายความว่าอย่างไร (ตายแล้ว) แล้วจะรอถึงวันนั้นหรือ
"พุทธจิตหนึ่งคลุมครอบจักรวาล" จิตของเรามีเพียงหนึ่งเดียวแต่ครอบคลุมจักรวาลได้ไหม เราอยู่ที่นี่เราไปนิพพานได้ไหม (ได้) ถ้าคิดว่าจิตยังไปไม่ถึงนิพพานก็ไปไม่ถึง ถ้าคิดว่าจิตถึงนิพพานก็ถึงได้ คนที่ตอบว่าจิตถึงนิพพานได้เพราะอะไร (เพราะเขาบำเพ็ญธรรม) การที่เราอยู่ในโลกมนุษย์ เราอยู่ในแดนนิพพานได้ โดยเราทำจิตใจของเราให้มีความสุข มีความเมตตา ให้การส่งเสริมผู้อื่นด้วยความจริงใจ
ตรัยรัตน์ที่เรารับไปนั้นลืมหมดแล้วใช่ไหม จากวันนี้ไปต้องกลับมาศึกษาและทบทวนให้เข้าใจ นักเรียนในชั้นมีจำนวนมาก ถ้ารู้จักกันไม่หมด ต้องพยายามรู้จักกันให้หมด บางครั้งบอกว่าส่งภาษากันไม่รู้เรื่อง ถ้าหากมีความจริงใจ มีมิตรไมตรี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เราก็สามารถที่จะรู้จักกันได้
ท่านรู้ไหมว่าการที่ทุกคนมาในที่นี้เพราะมีบุญสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ ถ้ารู้แล้วต้องรักษาบุญสัมพันธ์ของท่านให้ดี ผูกมิตรต่อกัน ไม่ใช่ว่าอยู่ในสายธรรมเดียวกันแล้วมีความรู้สึกว่าแบ่งแยกว่าอยู่กรุงเทพฯ กับดำเนิน
ในกลอนนำพระโอวาททำไมจึงบอกว่า กายนี้เป็นกายปลอม (ตายไปแล้วเอาไปไม่ได้) เวลาฝนไม่ตกก็บ่นว่าร้อน ฝนตกก็รู้สึกอึดอัด การที่เรารู้สึกเช่นนี้เป็นเพราะจิตของเราใช่ไหม จิตของมนุษย์สามารถปรุงแต่งได้ด้วยอะไรบ้าง (กายกรรม มโนกรรม และวจีกรรม, อารมณ์ รูป รส กลิ่น เสียง วัตถุเงินทอง) เราควรจะทำอย่างไร (เราต้องยึดมั่นในจุด ๆ นั้น) จิตของมนุษย์มีทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อจิตของเราเป็นกลางคืนก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นกลางวันได้ใช่ไหม เมื่อจิตของเราเปรียบเหมือนตะวันก็สามารถส่องสว่าง เมื่อเรามีจิตที่สว่างไสวแล้ว เราก็สามารถจะฉุดช่วยผู้อื่นได้ การมีอายุมาก อายุน้อยไม่ใช่ปัญหา เราจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา มีทั้งที่หลบและออกมาให้เห็นชัด ๆ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง
เมื่อศึกษาธรรมต้องรู้ว่าธรรมเป็นสุญญตา รูปลักษณ์นี้เรายึดไว้เพื่อบำเพ็ญ ไม่ใช่ยึดไว้ตลอด
“ล่องกิเลสเพื่อตัดกลับยิ่งสร้าง” ทำไมจึงยิ่งตัดกลับยิ่งสร้าง (เพราะเกิดความต้องการ) ถ้าหากเราคิดว่าเราจะตัดกิเลสแล้วก็คิดหาวิธีต่าง ๆ นานา เพื่อตัดมันทิ้งไป แต่เมื่อไหร่ที่เราคิดว่ากิเลสคือกิเลส เราจะต้อง
ตัดมัน อย่างนี้แล้วจิตเราก็ยิ่งเพิ่มบางสิ่งบางอย่างที่จะเป็นส่วนเกินให้เกิดขึ้นมา เปรียบเหมือนความร่ำรวย ลาภ ยศ เงินทองเป็นสิ่งที่ทำให้เราหลง ความอยากถ้าเราคิดว่าเราจะขจัดความอยากทิ้งไป พอเราตัดไปเรื่อย ๆ พอถึงจุดสุดขีดเราก็กู้ยืมเงินให้ได้มา
ท่านเหอเซียนกู : ความศรัทธาที่มีอยู่ก็จะทำให้เราทำอะไรได้สำเร็จ ถ้าหากเจอปัญหาก็ท้อแล้วจะทำอะไรได้สำเร็จไหม รออะไรก็รอได้ รอนิพพานดีไหม การจะไปนิพพานได้ทุกคนต้องบรรลุจากอะไร (จากการปฏิบัติธรรม) การบรรลุแปลว่าอะไร บรรลุคือการหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารเวียนว่าย
ตายเกิด ในเมื่อรู้ว่าต้องทำให้ได้ การจะทำให้ได้ต้องทำจิตใจให้อิสระปราศจากสิ่งห้อมล้อม ถ้าจะเปรียบจิตใจของคนก็เหมือนกับกษัตริย์
ร่างกายก็เหมือนกับเมือง ปัญญาก็เหมือนกับอาวุธ สติก็เหมือนกับปราการ ทุกคนควบคุมได้ไหม (ได้) แล้วจะควบคุมอะไร (ควบคุมอุปกิเลส อวิชชาที่จะทำร้ายเรา) ทุกสิ่งทุกอย่างใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ ต้องเริ่มจากการฝึกฝน
ท่านหลี่เถียไกว่ : บำเพ็ญธรรมใช่ว่าจะเริ่มได้ง่าย ๆ ถ้าทุกคนไม่ฝึกฝน ทุกคนจะรู้ว่าต้องบำเพ็ญธรรมหรือไม่ เมื่อรู้แล้วก็อยู่ที่ให้ทุกคนฝึกปฏิบัติ การให้เพลงธรรมไม่ใช่ให้ร้องเพื่อคลายเครียด แต่ให้เพลงธรรมเพื่อเป็นกำลังใจ เมื่อมีอุปสรรคเกิดขึ้นมาเราต้องฟันฝ่าอุปสรรคนั้น ถ้าเมธีทุกท่านต่อ ๆ ไปมาที่นี่ก็จะได้พบกันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไม่มาแล้วแม้แต่จะช่วยตนเองก็คงจะช่วยไม่ได้
ท่านเหอเซียนกู : อย่าลืมบำเพ็ญ ต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยความอดทนและก็จะได้กลับคืนไปพร้อมกับเรา
วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง และ พระนาจา เมตตา
ศรัทธาแกร่งเมตตาพร้อมปุถุชน ยากจะพ้นแต่หากพยายามย่อมสัมฤทธิ์
ประตูเปิดญาณได้สำนึกผิด จากวันนี้ถ้าคิดคือเริ่มต้น
เราคือ
พระอรหันต์จี้กงวิปลาส พร้อมด้วย ราชบุตรที่สามนาจาองค์น้อยน้อย
รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา แฝงกายก้มกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนฟังธรรมะเข้าใจหรือเปล่า
สายทองธรรมโบราณแปรสู่ปัจจุบัน ผ่องรากไว้สำคัญผันกิเลสไหว
กาลคับขันคงไม่นานเท่าเภทภัย แข่งจิตใจหนึ่งนี่วิถีธรรม
ลืมเลยที่สัญญาคือเชือกหน่วย สะบั้นด้วยลุ่มดอนร้างสิ้นธรรม
ห่างสุทธาทอดทิ้งใจจนกลับเพลี่ยงพล้ำ ระส่ำระสายตลอดกาลฝังใจร้อนระอุ
รักหลงโลภชั่วนิรันดร์ขจัดไกล ศิษย์ฝักใฝ่หวนนิจศีลสัจธรรม
คลายรนเร้าในใจคอยคุกคาม บริสุทธิ์ตามตื่นพ้น ณ กลางใจ
ได้ติดตามพระอาจารย์คืนสู่เบื้องบน
ฮา ฮา หยุด
หมายเหตุ : กลอนที่ขีดเส้นใต้พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นแต่ง
บทเพลงพระโอวาทพระนาจาเมตตา
กระดิ่งโดนลมพัดลู่ดัง กริงกรังกริงกรังกล่อมภมรระบำ ชวนบรรเลงบนนาวาธรรม ชักใบเรือนำทิศทางไป
อร่ามเรืองรองแดนนิพพาน จูงมือกันบำเพ็ญชีวี สะบัดธงปลิวล้อเล่นตาม พริ้วเบายามมองผ่องจิตคอยครื้นเครง
ญาณกลมโตเติมธรรมบำรุง ขาดซ่อมแซมมานานน้อมใจ สบตาก่อนลากันและกัน คืนปัญญาเร็วไวบำเพ็ญ
ฮิ ฮิ หยุด
ทำนองเพลง : A B C
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงและพระนาจา เมตตา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยกย่องบุคคลอยู่สองประเภท รู้ไหมว่าเป็นคน
ประเภทใดบ้าง ผู้ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยกย่องก็คือผู้ที่มีความกตัญญูต่อบุพการี และต่อผู้ที่เคยให้ความอุปการะเรา เพราะท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่มอบสิ่งที่ดีให้เราโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน
ถ้าให้ทุกคนเลือกเป็นต้นไม้ อยากเป็นต้นไม้ประเภทใด มีคนบอกว่าขอเลือกเป็นต้นหญ้าดีกว่า เพราะสามารถอ่อนลู่ไปตามลม ไม่แข็งไม่อวดตนใช่ไหม แต่ถ้าเมื่อใดมีผู้ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการอาศัยร่มเงา
เราก็ต้องกล้าที่จะเป็นต้นหญ้าใหญ่ ต้องรู้ว่าเมื่อใดควรเป็นต้นหญ้าเล็กและเมื่อใดควรเป็นต้นหญ้าใหญ่ เมื่ออยู่กับผู้ใหญ่เราต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและเมื่ออยู่กับผู้อ่อนอาวุโสกว่าเราต้องให้ความคุ้มครอบดูแล
การพายเรือทวนน้ำรู้สึกว่าพายยาก ถ้าหากไม่พยายามเรือก็อาจถอยหลังไป แต่การพายเรือตามกระแสน้ำง่ายดีใช่ไหม การพายเรือทวนกระแสน้ำก็คือทำอะไรตามอารมณ์ของตัวเอง การบำเพ็ญธรรมก็เหมือนกับการพายเรือทวนกระแสน้ำ เมื่อเรารู้ว่าต้องเผชิญกับความลำบากก็ต้องอดทนใช่หรือเปล่า
(พระอาจารย์เมตตาให้อาจารย์อาวุโสไต้หวันออกมาหน้าห้อง)
รู้ไหมว่าอาจารย์ไต้หวันที่มาที่นี่ต้องเผชิญความลำบากมากมาย แต่ไม่เป็นไรนะ เมื่อมาที่นี่แล้วตั้งใจมาช่วยงานก็ขอให้ช่วยเต็มที่ รักษาโอกาสที่ดีนี่เอาไว้ ไม่ต้องกลัวนะไม่ว่าจะมีอะไรทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี
ต้นไม้มีลักษณะอย่างไร (มีลำต้น มีเมล็ด มีราก) รากมาจากไหน (รากมาจากเมล็ด) แล้วตัวเรามาจากไหน (มาจากพ่อแม่) (ปู่ย่าตายาย)
(มาจากบรรพบุรุษ) แล้วบรรพบุรุษมาจากไหน (มาจากจิตวิญญาณที่มาจากเบื้องบน)
ต้นไม้มีลำต้นที่กลม ไม่มีเหลี่ยม ไม่มีมุม แต่คนทุกคนมีเหลี่ยมมีมุม เหลี่ยมมุมคือทิฐิใช่ไหม เมื่อทุกคนมีเหลี่ยมมีมุมของตัวเองอยู่ร่วมกันก็ต้องมีปัญหา ถ้าเรายอมลบเหลี่ยมมุมของตนเองไปบ้าง เขาก็จะยอมลบเหลี่ยมของเขาไปเช่นกัน ขอให้ทุกคนทำเพื่อคนอื่นบ้าง อย่ามองแต่คนอื่นขอให้ย้อนมองตนเอง บางครั้งที่เรารู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของคนบางคน เพราะเราเอาใจไปอยู่กับคำพูดของคน ๆ นั้น เราต้องหันมามองตัวเองว่าเราเคยทำให้คนอื่นเขาเจ็บปวดหรือเปล่า ถ้าใจเราเย็นแล้วอะไรก็เย็น
ใช่ไหม
การบำเพ็ญธรรมไม่ใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป บางคนเมื่อถูกผู้อื่นแกล้งก็จะเจ็บปวด ถ้าเราไม่ปล่อยใจให้ลอยไปกับความเจ็บปวด เราก็จะไม่เจ็บปวดใช่ไหม
ความเมตตากับความโหดเหี้ยมเราก็ต้องแยกให้ถูก เมื่อเห็นสัตว์ถูกฆ่าเรารู้สึกสงสาร แต่เมื่อเห็นสัตว์ที่ตายแล้วเรากลับรู้สึกเฉย ๆ ใช่ไหม
"สายทองธรรมโบราณแปรสู่ปัจจุบัน" สายทองนี้มีการถ่ายทอดมาแต่โบราณ มีประจักษ์พยานให้เห็นมากมาย จนบัดนี้จึงถ่ายทอดสู่ปุถุชน
ถ้าเกิดว่าในยุคสามนี้มีลัญจกรที่เปรียบประหนึ่งรากบัว รากบัวที่ขาวบริสุทธิ์เหมือนกับจิตใจของเด็กทารก เมื่อศิษย์ใช้ลัญจกรจิตของศิษย์ก็จะเหมือนเด็กซึ่งใสเป็นจิตที่ไม่มีกิเลสใช่ไหม
"กาลคับขันคงไม่นานเท่าเภทภัย" เภทภัยที่มีนั้นไม่เท่ากับเภทภัยในใจของมนุษย์ ซึ่งมีอารมณ์ มีการแบ่งแยก มีความตึงเครียดและมีอะไร
ต่าง ๆ อีกมากมายโดยที่ศิษย์ไม่คิดจะขจัดมันออกไป เภทภัยที่เห็นว่าร้ายแรงเมื่อคร่าชีวิตคนแล้วก็ผ่านไป แต่เภทภัยในใจนั้นมีอยู่นาน อย่างนี้เราต้องขจัดมันออกไปใช่ไหม
สัญญาก็เหมือนเชือกเส้นหนึ่งที่สองฝ่ายผูกกันไว้ ถ้าเชือกขาด
เมื่อไหร่ก็เหมือนเราขาดจากธรรม เมื่อห่างธรรมก็ห่างบ้าน ห่างใจ เมื่อลืมใจก็เพลี่ยงพล้ำ เมื่อพลาดแล้วจะไปไหนแม้ว่าเราจะรู้ตัว แต่จิตใจก็ระส่ำระสายมีจิตใจที่ร้อนระอุเพราะจิตเราโศกตรม เมื่อเราตกอยู่ในกองกิเลสเราก็ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้ ถ้าศิษย์รักพลาดเข้าสู่อบายภูมิแล้วก็จะมีจิตใจที่ร้อนระอุ อาจารย์อยากให้ศิษย์ขจัดความรัก โลภ หลง มีใจที่สะอาดดังรากบัว
(พระอาจารย์เมตตาให้ผู้ดูแลสถานธรรมออกมา) เป็นผู้ดูแลสถานธรรมจะต้องรู้จักส่งเสริมคน ถ้าหากชวนคนมาประชุมธรรมมากมาย แต่ไม่รู้จักส่งเสริมให้เขาเข้าใจธรรมะก็จะไม่มีประโยชน์อะไร
ทุกคนต้องเปิดใจให้กว้างเข้ามาศึกษา ถ้าทุกคนรู้จักความพอดีก็จะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ท่านเหอเซียนกูท่านให้ทุกคนมีความเมตตากรุณาใช่ไหม แต่ทุกคนต้องรู้จักกรุณาต่อตนเอง ต้องรักษาร่างกายเอาไว้เพื่อบำเพ็ญ ต้องกรุณาต่อผู้อื่น อย่างเช่นกรุณาต่อผู้ที่ดูแลรักษาความสะอาดด้วยการไม่ทำสกปรกใช่ไหม
คนที่เฉิงอี้ฐันจะเป็นความหวังของอาจารย์ได้ไหม ขอให้เพลงที่อาจารย์ให้สามารถปลุกจิตของศิษย์ให้ตื่นขึ้นมาได้ (พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท "ตื่นพ้น ณ.กลางใจ" ซึ่งถอดออกมาเป็นทำนองเพลง : มณีร้าว) อยู่ที่นี่ต้องรู้จักสามัคคีกัน (พระอาจารย์เมตตาพูดกับหัวหน้าชั้น) นักเรียนในชั้นนี้อาจารย์ฝากไว้ได้หรือเปล่า นักเรียนในชั้นก็อย่าให้หัวหน้าเป็นผู้เรียกฝ่ายเดียว ตัวเองก็ต้องรู้จักเรียก
ตัวเองด้วย ศิษย์รักของอาจารย์รู้ไหมว่าผู้ดูแลที่นี่เขามีความศรัทธาเพียงใด ทุ่มเทแรงกายแรงใจทุกอย่างเพื่อศิษย์รักของอาจารย์ ปณิธานไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวแต่เมื่อศิษย์มีปณิธานแล้วศิษย์ทำได้หรือเปล่า ถ้าศิษย์กลัวปณิธานก็จะไม่สามารถกลับคืนไปได้
อาจารย์ขอศิษย์อย่างหนึ่ง จงอย่าทิ้งธรรมะ ถ้าทิ้งแล้วศิษย์จะหวังอะไรได้อีก เราต้องฉุดช่วยตนเอง อย่ารอให้คนอื่นมาฉุดช่วยเรา
อย่าทำให้อาจารย์ต้องเสียน้ำตาเปล่า รับปากอาจารย์แล้วต้องทำให้ได้
พวกเราร้องเพลงคำสัญญา และเพลงแลกได้แต่น้ำตาเป็นการส่งพระอาจารย์ และพระนาจา
กาลคับขันคงไม่นานเท่าเภทภัย แข่งจิตใจหนึ่งนี่วิถีธรรม
ลืมเลยที่สัญญาคือเชือกหน่วย สะบั้นด้วยลุ่มดอนร้างสิ้นธรรม
ห่างสุทธาทอดทิ้งใจจนกลับเพลี่ยงพล้ำ ระส่ำระสายตลอดกาลฝังใจร้อนระอุ
รักหลงโลภชั่วนิรันดร์ขจัดไกล ศิษย์ฝักใฝ่หวนนิจศีลสัจธรรม
คลายรนเร้าในใจคอยคุกคาม บริสุทธิ์ตามตื่นพ้น ณ กลางใจ
ได้ติดตามพระอาจารย์คืนสู่เบื้องบน
ฮา ฮา หยุด
หมายเหตุ : กลอนที่ขีดเส้นใต้พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นแต่ง
บทเพลงพระโอวาทพระนาจาเมตตา
กระดิ่งโดนลมพัดลู่ดัง กริงกรังกริงกรังกล่อมภมรระบำ ชวนบรรเลงบนนาวาธรรม ชักใบเรือนำทิศทางไป
อร่ามเรืองรองแดนนิพพาน จูงมือกันบำเพ็ญชีวี สะบัดธงปลิวล้อเล่นตาม พริ้วเบายามมองผ่องจิตคอยครื้นเครง
ญาณกลมโตเติมธรรมบำรุง ขาดซ่อมแซมมานานน้อมใจ สบตาก่อนลากันและกัน คืนปัญญาเร็วไวบำเพ็ญ
ฮิ ฮิ หยุด
ทำนองเพลง : A B C
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กงและพระนาจา เมตตา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยกย่องบุคคลอยู่สองประเภท รู้ไหมว่าเป็นคน
ประเภทใดบ้าง ผู้ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยกย่องก็คือผู้ที่มีความกตัญญูต่อบุพการี และต่อผู้ที่เคยให้ความอุปการะเรา เพราะท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่มอบสิ่งที่ดีให้เราโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน
ถ้าให้ทุกคนเลือกเป็นต้นไม้ อยากเป็นต้นไม้ประเภทใด มีคนบอกว่าขอเลือกเป็นต้นหญ้าดีกว่า เพราะสามารถอ่อนลู่ไปตามลม ไม่แข็งไม่อวดตนใช่ไหม แต่ถ้าเมื่อใดมีผู้ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการอาศัยร่มเงา
เราก็ต้องกล้าที่จะเป็นต้นหญ้าใหญ่ ต้องรู้ว่าเมื่อใดควรเป็นต้นหญ้าเล็กและเมื่อใดควรเป็นต้นหญ้าใหญ่ เมื่ออยู่กับผู้ใหญ่เราต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและเมื่ออยู่กับผู้อ่อนอาวุโสกว่าเราต้องให้ความคุ้มครอบดูแล
การพายเรือทวนน้ำรู้สึกว่าพายยาก ถ้าหากไม่พยายามเรือก็อาจถอยหลังไป แต่การพายเรือตามกระแสน้ำง่ายดีใช่ไหม การพายเรือทวนกระแสน้ำก็คือทำอะไรตามอารมณ์ของตัวเอง การบำเพ็ญธรรมก็เหมือนกับการพายเรือทวนกระแสน้ำ เมื่อเรารู้ว่าต้องเผชิญกับความลำบากก็ต้องอดทนใช่หรือเปล่า
(พระอาจารย์เมตตาให้อาจารย์อาวุโสไต้หวันออกมาหน้าห้อง)
รู้ไหมว่าอาจารย์ไต้หวันที่มาที่นี่ต้องเผชิญความลำบากมากมาย แต่ไม่เป็นไรนะ เมื่อมาที่นี่แล้วตั้งใจมาช่วยงานก็ขอให้ช่วยเต็มที่ รักษาโอกาสที่ดีนี่เอาไว้ ไม่ต้องกลัวนะไม่ว่าจะมีอะไรทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี
ต้นไม้มีลักษณะอย่างไร (มีลำต้น มีเมล็ด มีราก) รากมาจากไหน (รากมาจากเมล็ด) แล้วตัวเรามาจากไหน (มาจากพ่อแม่) (ปู่ย่าตายาย)
(มาจากบรรพบุรุษ) แล้วบรรพบุรุษมาจากไหน (มาจากจิตวิญญาณที่มาจากเบื้องบน)
ต้นไม้มีลำต้นที่กลม ไม่มีเหลี่ยม ไม่มีมุม แต่คนทุกคนมีเหลี่ยมมีมุม เหลี่ยมมุมคือทิฐิใช่ไหม เมื่อทุกคนมีเหลี่ยมมีมุมของตัวเองอยู่ร่วมกันก็ต้องมีปัญหา ถ้าเรายอมลบเหลี่ยมมุมของตนเองไปบ้าง เขาก็จะยอมลบเหลี่ยมของเขาไปเช่นกัน ขอให้ทุกคนทำเพื่อคนอื่นบ้าง อย่ามองแต่คนอื่นขอให้ย้อนมองตนเอง บางครั้งที่เรารู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของคนบางคน เพราะเราเอาใจไปอยู่กับคำพูดของคน ๆ นั้น เราต้องหันมามองตัวเองว่าเราเคยทำให้คนอื่นเขาเจ็บปวดหรือเปล่า ถ้าใจเราเย็นแล้วอะไรก็เย็น
ใช่ไหม
การบำเพ็ญธรรมไม่ใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป บางคนเมื่อถูกผู้อื่นแกล้งก็จะเจ็บปวด ถ้าเราไม่ปล่อยใจให้ลอยไปกับความเจ็บปวด เราก็จะไม่เจ็บปวดใช่ไหม
ความเมตตากับความโหดเหี้ยมเราก็ต้องแยกให้ถูก เมื่อเห็นสัตว์ถูกฆ่าเรารู้สึกสงสาร แต่เมื่อเห็นสัตว์ที่ตายแล้วเรากลับรู้สึกเฉย ๆ ใช่ไหม
"สายทองธรรมโบราณแปรสู่ปัจจุบัน" สายทองนี้มีการถ่ายทอดมาแต่โบราณ มีประจักษ์พยานให้เห็นมากมาย จนบัดนี้จึงถ่ายทอดสู่ปุถุชน
ถ้าเกิดว่าในยุคสามนี้มีลัญจกรที่เปรียบประหนึ่งรากบัว รากบัวที่ขาวบริสุทธิ์เหมือนกับจิตใจของเด็กทารก เมื่อศิษย์ใช้ลัญจกรจิตของศิษย์ก็จะเหมือนเด็กซึ่งใสเป็นจิตที่ไม่มีกิเลสใช่ไหม
"กาลคับขันคงไม่นานเท่าเภทภัย" เภทภัยที่มีนั้นไม่เท่ากับเภทภัยในใจของมนุษย์ ซึ่งมีอารมณ์ มีการแบ่งแยก มีความตึงเครียดและมีอะไร
ต่าง ๆ อีกมากมายโดยที่ศิษย์ไม่คิดจะขจัดมันออกไป เภทภัยที่เห็นว่าร้ายแรงเมื่อคร่าชีวิตคนแล้วก็ผ่านไป แต่เภทภัยในใจนั้นมีอยู่นาน อย่างนี้เราต้องขจัดมันออกไปใช่ไหม
สัญญาก็เหมือนเชือกเส้นหนึ่งที่สองฝ่ายผูกกันไว้ ถ้าเชือกขาด
เมื่อไหร่ก็เหมือนเราขาดจากธรรม เมื่อห่างธรรมก็ห่างบ้าน ห่างใจ เมื่อลืมใจก็เพลี่ยงพล้ำ เมื่อพลาดแล้วจะไปไหนแม้ว่าเราจะรู้ตัว แต่จิตใจก็ระส่ำระสายมีจิตใจที่ร้อนระอุเพราะจิตเราโศกตรม เมื่อเราตกอยู่ในกองกิเลสเราก็ไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้ ถ้าศิษย์รักพลาดเข้าสู่อบายภูมิแล้วก็จะมีจิตใจที่ร้อนระอุ อาจารย์อยากให้ศิษย์ขจัดความรัก โลภ หลง มีใจที่สะอาดดังรากบัว
(พระอาจารย์เมตตาให้ผู้ดูแลสถานธรรมออกมา) เป็นผู้ดูแลสถานธรรมจะต้องรู้จักส่งเสริมคน ถ้าหากชวนคนมาประชุมธรรมมากมาย แต่ไม่รู้จักส่งเสริมให้เขาเข้าใจธรรมะก็จะไม่มีประโยชน์อะไร
ทุกคนต้องเปิดใจให้กว้างเข้ามาศึกษา ถ้าทุกคนรู้จักความพอดีก็จะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ท่านเหอเซียนกูท่านให้ทุกคนมีความเมตตากรุณาใช่ไหม แต่ทุกคนต้องรู้จักกรุณาต่อตนเอง ต้องรักษาร่างกายเอาไว้เพื่อบำเพ็ญ ต้องกรุณาต่อผู้อื่น อย่างเช่นกรุณาต่อผู้ที่ดูแลรักษาความสะอาดด้วยการไม่ทำสกปรกใช่ไหม
คนที่เฉิงอี้ฐันจะเป็นความหวังของอาจารย์ได้ไหม ขอให้เพลงที่อาจารย์ให้สามารถปลุกจิตของศิษย์ให้ตื่นขึ้นมาได้ (พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท "ตื่นพ้น ณ.กลางใจ" ซึ่งถอดออกมาเป็นทำนองเพลง : มณีร้าว) อยู่ที่นี่ต้องรู้จักสามัคคีกัน (พระอาจารย์เมตตาพูดกับหัวหน้าชั้น) นักเรียนในชั้นนี้อาจารย์ฝากไว้ได้หรือเปล่า นักเรียนในชั้นก็อย่าให้หัวหน้าเป็นผู้เรียกฝ่ายเดียว ตัวเองก็ต้องรู้จักเรียก
ตัวเองด้วย ศิษย์รักของอาจารย์รู้ไหมว่าผู้ดูแลที่นี่เขามีความศรัทธาเพียงใด ทุ่มเทแรงกายแรงใจทุกอย่างเพื่อศิษย์รักของอาจารย์ ปณิธานไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวแต่เมื่อศิษย์มีปณิธานแล้วศิษย์ทำได้หรือเปล่า ถ้าศิษย์กลัวปณิธานก็จะไม่สามารถกลับคืนไปได้
อาจารย์ขอศิษย์อย่างหนึ่ง จงอย่าทิ้งธรรมะ ถ้าทิ้งแล้วศิษย์จะหวังอะไรได้อีก เราต้องฉุดช่วยตนเอง อย่ารอให้คนอื่นมาฉุดช่วยเรา
อย่าทำให้อาจารย์ต้องเสียน้ำตาเปล่า รับปากอาจารย์แล้วต้องทำให้ได้
พวกเราร้องเพลงคำสัญญา และเพลงแลกได้แต่น้ำตาเป็นการส่งพระอาจารย์ และพระนาจา