วันเสาร์ที่ ๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ ศูนย์กลางงานธรรมไท่อิน
หลังจากมีการบรรยายหัวข้อ รู้และเข้าใจการบำเพ็ญธรรม ประมาณหนึ่งชั่วโมง ได้มีวิญญาณยืมร่างสามคุณ มาผูกบุญสัมพันธ์แต่เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมแซ่หลินอาวุโสเมตตาถามวิญญาณดวงนั้นว่าเป็นใครมาจากไหน และใครเป็นผู้ให้มาวิญญาณนั้นตอบว่า เขาเป็นวิญญาณพเนจรอยู่ข้างนอก พระอาจารย์ให้มา อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมแซ่หลินอาวุโสให้อธิบายความเป็นมา เพื่อผูกบุญสัมพันธ์กับทุกคน และจะได้มีกุศลกับตัวเอง วิญญาณนั้นจึงเริ่มพูด
พระธรรมร่วมทาง ทุกแนวทางสู่ใจ ทุกเส้นทางยาวไกลทอดคืนเบื้องบน เศร้าไม่มีใครสน ข้าคอยเจ้าอดทน เลิกน้อยใจได้คนเลิกรวนวุ่นวาย
* เบื่อชีวิตตรงไม่เป็นไปอย่างนึกฝัน ผู้กวดขันซ่อนชีวิตไว้หลังเป้าหมาย ปราชญ์อุทิศลมหายใจ ใช่รดทิ้งเผยแผ่น้ำใจ เรื่องในใจคนหญิงชายย่อมมีทุกคน
หนทางธรรมใช้การชี้แนะชักชวน เพิ่มจำนวนแล้วรู้รักเขาเท่าตัว รู้ทุกอย่างแจ่มชัดหัวใจเต้นระรัว คิดแน่นหัวถึงเวลาแจงไม่ออก
ใช้ปัญญาฝ่าไป ใช้ชีวิตต่อไป ใช้เรื่องราวรอบกายขึ้นมาฝึกตน พระธรรมร่วมทาง ทุกแนวทางสู่ใจ ทุกเส้นทางยาวไกลทอดคืนเบื้องบน (ซ้ำ *)
ทำนองเพลง : นิยายรักขาดตอน
ชื่อเพลง : พระธรรมร่วมทาง
วิญญาณผูกบุญสัมพันธ์
เราเคยมีโอกาสมีร่างกายทำสิ่งต่างๆ ได้ วันๆ ก็เอาแต่ทำงาน ว่างก็เที่ยว ไม่เคยสนใจว่าอะไรคือการทำบุญทำดี
แต่พอชีวิตหมดสิ้นโอกาสแล้ว จะขอใคร ใครก็ไม่ช่วย จะขอบุญใครก็ขอไม่ได้ ใครทำใครก็ได้ วันนี้เลยอยากจะมาขอบุญกับทุกท่าน
เราชื่อ “สุกัญญา นนทผล” ช่างทรมานเหลือเกิน จะไปเกิด ไปเวียนว่ายอะไรก็ไม่ได้
อย่ามัวหลงระเริง ไม่มีใครรู้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ทำให้ดี อย่าให้เป็นเหมือนเรา ขอลูกหลาน ลูกหลานก็ไม่ช่วย เขาไม่รู้ เขาไม่ได้ยิน คุกเข่าวอนขอใคร แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยไม่ได้ เพราะตัวเราทำตัวเราเอง ขอร้องนะ ช่วยทำบุญให้เราด้วย ขอร้องล่ะ
เราเห็นผู้มีบุญใส่ชุดขาว รัศมีสว่างไกล ใบหน้าอิ่มเอิบ เพราะเค้ามีโอกาสได้บำเพ็ญ แม้ชีวิตต้องตายไปแล้ว เค้าก็กลับไปอย่างมีความสุข
เมื่อเรารู้สึกตัวก็ได้แต่เสียดาย ที่ตอนมีร่างยังทำไม่เต็มที่ ฉะนั้นอย่าได้ประมาทนะ มันหนาว สุดขั้วเลย
อาจารย์ท่านชื่ออะไรนะ (พระอาจารย์จี้กง) สงสารอาจารย์ของท่าน ช่วยพวกท่าน แต่พวกท่านก็ไม่รู้เลย นึกแล้วก็น่าหัวเราะเยาะ มีบุญแต่ไร้โอกาส มีโอกาสแต่ไร้บุญ ไม่ต่างกันเลย เหนื่อยจังเลย เราหมดเวลาแล้วนะ คิดดูให้ดีก็แล้วกัน
พระโอวาทท่านกวันเซิ่งตี้จวิน
เป็นคนดีแท้ วิเศษแท้ ประเสริฐแท้ รู้ค่าตัวเองหรือเปล่า (รู้) แน่ใจหรือว่ารู้ค่าตัวเองแล้ว (ไม่แน่ใจ) เป็นมนุษย์อ่อนแอด้วยสังขารจำกัด จิตใจก็ยังอ่อนแอ น่าสงสารเป็นที่สุด มัวแต่มีความคิดสงสารตัวเอง เข้าข้างตัวเอง หลงผิดต่างๆ นานา เป็นทุกข์ก็เพราะตัวเองทั้งสิ้น วันนี้คิดไม่ได้ วันหน้าคิดไม่ได้ ตายไปแล้วค่อยคิดได้ ทันหรือเปล่า (ไม่ทัน) ตอนนี้วิญญาณผีทั่วสามโลก ต่างรู้จักพระพุทธะจี้กง ต่างเรียกท่านว่าอาจารย์ แต่หาใช่ศิษย์ไม่ ส่วนพวกท่านเป็นลูกศิษย์ตัวจริง แต่ทำตัวไม่เหมือน ไม่เหมาะสม ดูแล้วน่าอนาถใจที่สุด จริงหรือไม่ (จริง)
มีเวลาขอให้เข้าใจธรรมะ ด้วยการศึกษาธรรมะ ใช้ความศรัทธา ใช้ความจริงใจ บำเพ็ญให้ดีทั้งกุศลและความดี ใช้เวลาที่มีให้เกิดประโยชน์ที่สุด ทุกคนล้วนมีเวลาเท่ากัน แต่ใช้ไม่เหมือนกัน ทุกวันนี้ท่านใช้เวลาของตัวเอง ให้มีประโยชน์ที่สุดหรือยัง (ยัง) หากพรุ่งนี้ต้องตายไป จะเสียดายชีวิตนี้ไหม (เสียดาย) ชีวิตที่ใช้เวลานับสิบปีในการเจริญเติบโต รู้ความแต่เอาไว้เข้าข้างตัวเอง มีประโยชน์หรือไม่ (ไม่)
เรา กวนอู รู้ใจท่านทุกอย่าง รู้ถึงจิตใจท่าน รู้ถึงกิเลสของท่าน รู้ถึงความยากลำบากของท่าน แต่ทุกคนก็ต้องต่อสู้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ขอให้ต่อสู้ไปในสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง บำเพ็ญธรรมให้ดี
- อย่าให้เสียแรงเกิดที่เกิดมาในชาตินี้
- อย่ามัวฟุ้งซ่านรำคาญใจ
- อย่ามัวแต่อกตัญญู หรือไม่ตอบแทนคุณ
- อย่าไม่เข้าใกล้ธรรมะ ด้วยเหตุที่ไม่ว่าง
- อย่าลืมย้อนมองส่องตน
- อย่าลืมคิดให้ถ้วนถี่ คิดหน้าแล้วคิดหลังด้วย
- อย่าลืมว่าทุกท่านมีบาปกรรมมีหนี้เวรต้องชำระสะสางด้วยกันทั้งสิ้น
ท่านช้าไม่ก้าวหน้าก็คือถดถอย เมื่อท่านถอยแม้แต่วิญญาณทั่วไปยังสามารถที่จะให้ร้ายท่านได้ ยิ่งวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทุกท่านช้าไปหลายก้าว เมื่อเห็นคุณค่าของตนแล้วให้รีบทำหน้าที่ของตนเอง หน้าที่แห่งความเป็นมนุษย์ หน้าที่แห่งผู้บำเพ็ญ และหน้าที่แห่งพุทธะในอนคต อย่าลืม อย่าลืม
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๐ ศูนย์กลางงานธรรมไท่อิน กทม.
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
พระธรรมร่วมทาง ทุกแนวทางสู่ใจ ทุกเส้นทางยาวไกลทอดคืนเบื้องบนเศร้าไม่มีใครสน ข้าคอยเจ้าอดทน เลิกน้อยใจได้คนเลิกรวนวุ่นวาย
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาสอาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่ไท่อินจงซิน แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนง่วงหรือเปล่า
ผู้ปฏิบัติงานธรรมเหนื่อยหรือเปล่า
เบื่อชีวิตตรงไม่เป็นไปอย่างนึกฝัน ผู้กวดขันซ่อนชีวิตไว้หลังเป้าหมาย ปราชญ์อุทิศลมหายใจใช่รดทิ้งเผยแผ่น้ำใจ เรื่องในใจคนหญิงชายย่อมมีทุกคน
หนทางธรรมใช้การชี้แนะชักชวน เพิ่มจำนวนแล้วรู้รักเขาเท่าตัว รู้ทุกอย่างแจ่มชัดหัวใจเต้นระรัว คิดแน่นหัวถึงเวลาแจงไม่ออก ใช้ปัญญาฝ่าไป ใช้ชีวิตต่อไป ใช้เรื่องราวรอบกายขึ้นมาฝึกตน
ทำนองเพลง : นิยายรักขาดตอน
ชื่อเพลง : พระธรรมร่วมทาง
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ฟังธรรมะสองวันง่วงไหม (ไม่ง่วง) ธรรมะก็มีแบบที่พูดให้สนุกสนานได้ พูดให้จริงจังเป็นหลักการก็ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) แต่ธรรมะที่ดีสุดคือธรรมะอะไร ธรรมะที่ฟังแล้วหัวเราะดีหรือเปล่า ธรรมะที่ฟังแล้วร้องไห้ดีไหม ธรรมะที่ฟังแล้วคิดได้ดีไหม (ดี) ธรรมะที่ฟังแล้วปลงตกดีไหม (ดี) ยังไม่ดีเลย มีธรรมะอย่างหนึ่งดีกว่า ดีกว่าสิ่งที่พูดไปทั้งหมดนี้ คือธรรมะอะไร ธรรมะที่อยู่ในใจดีไหม ก็ยังไม่ถูก มีธรรมะอยู่ข้อหนึ่งดีมาก คือธรรมะที่ศิษย์ปฏิบัติได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) แล้วธรรมะข้อไหนที่เราปฏิบัติได้ ข้อไหน ใช่ข้อที่เราฟังหรือเปล่า หรือข้อที่เราพูดได้ หรือข้อง่ายๆ หรือข้อยากๆ ธรรมะข้อไหนที่เราปฏิบัติได้ ธรรมะมีอยู่หลายข้อมากๆ ธรรมะมีอยู่หลากหลาย ธรรมะมีอยู่ทุกที่ทุกหนทุกแห่ง มีทั้งภายใน มีทั้งภายนอก มีทั้งที่เราสามารถที่จะมองเห็น มีทั้งที่ไม่สามารถมองด้วย ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ธรรมะอยู่กับเราทุกที่ทุกเวลา แต่ธรรมะข้อไหนที่เราปฏิบัติได้ ธรรมะข้อที่ปฏิบัติได้ ก็คือข้อที่เรานั้นยินยอมพร้อมใจที่จะลงมือทำ อาจารย์ไม่ได้พูดว่าธรรมะมีกี่ข้อแล้วก็ข้อไหนบ้าง ศิษย์ควรจะทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ถ้าเรียนกับอาจารย์จี้กงไม่มีวิชา ไม่มีข้อกำหนด ไม่มีข้อบังคับ มีแต่ความสมัครใจ มีแต่สิ่งที่เราคิดเองและลงมือไปทำ ซึ่งบางคนก็คิดผิด หลงผิดแล้วก็ทำผิด บางคนก็คิดถูก แล้วก็ทำถูก แต่นั่นคือเกิดจากสิ่งที่เราฟังและเข้าใจไปทำตามนั้น บางทีเราเข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้วทำถูกได้หรือเปล่า คนอื่นว่าเราได้หรือเปล่า คนอื่นว่าเราได้ แต่เราฟังหรือเปล่า เราก็ฟังนะ ฟังใช้อะไรฟัง (ใช้หู) ใช้หูฟัง ฟังรู้เรื่องไหม ใช้อะไร (ใช้ใจ) ใช้ใจฟัง ใช้ใจดู ใช้ใจคิด แล้วก็ใช้ใจพูดด้วย
เราใช้ใจทั้งสิ้นในการที่จะฟังผู้อื่นหรือเปล่า บางคนยืนเงียบเวลาคนอื่นเขาติ พยักหน้าด้วย แต่เข้าใจไหม ไม่อาจเข้าใจได้ เพราะฉะนั้นธรรมะข้อที่ง่ายที่สุด ปฏิบัติได้ดีที่สุด คือข้อที่ศิษย์ปฏิบัติได้ โดยเกิดจากการอาสาด้วยใจ สมัครใจที่จะทำถูกหรือไม่ เราจึงต้องมาพัฒนาอะไร จึงจำเป็นต้องพัฒนาจิตใจ เพื่อให้จิตใจนั้นเป็นจิตใจที่สมบูรณ์ เมื่อจิตใจสมบูรณ์สิ่งที่ทำออกมาก็สมบูรณ์ สิ่งที่พูดออกมาก็สมบูรณ์ ถ้าใจไม่สมบูรณ์สิ่งที่พูดออกมาสมบูรณ์ไหม (ไม่สมบูรณ์) สิ่งที่ทำออกมาสมบูรณ์ไหม (ไม่สมบูรณ์) ทุกวันนี้เรารู้สึกว่าเราสมบูรณ์หรือยัง (ยัง) เมื่อไหร่จะสมบูรณ์ดี
บางคนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นคนเก่า บางคนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นคนใหม่ คนเก่ามีวิธีการปฏิบัติตนแบบคนเก่า คนเก่าถูกคนใหม่ทดสอบได้หรือเปล่า (ได้) ตกหรือเปล่า ถามว่าคนใหม่ถูกคนเก่าทดสอบได้ไหม (ได้) คนถูกคนทดสอบได้ไหม เราทดสอบคนอื่นได้ไหม (ได้) คนอื่นทดสอบเราได้ไหม (ได้) ทำไมล่ะ แสดงว่าเราอยู่ท่ามกลางการทดสอบ ใช่หรือไม่ (ใช่) เราอยู่ท่ามกลางหมู่มนุษย์ด้วยกัน เมื่อด้านที่ไม่สมบูรณ์เจอด้านที่ไม่สมบูรณ์เป็นอย่างไร ออกมาก็เป็นไม่สมบูรณ์ ถ้าด้านที่ไม่สมบูรณ์เจอด้านที่สมบูรณ์เป็นอย่างไร บางทีออกมาเป็นสมบูรณ์ บางทีก็ไม่สมบูรณ์ เป็นคนเก่าต้องใกล้เคียงความสมบูรณ์ที่สุด เพราะฉะนั้นเมื่อกี้ใครที่บอกว่าเป็นคนเก่าแล้ว เราต้องใกล้เคียงความสมบูรณ์แห่งจิตใจมากที่สุด เมื่อเราเจอความไม่สมบูรณ์ของคนเก่าด้วยกันก็ดี หรือเจอความไม่สมบูรณ์ของคนกลางเก่ากลางใหม่ก็ดี หรือเจอความไม่สมบูรณ์ของคนใหม่ก็ดี เราจำเป็นต้องเอาความสมบูรณ์ของเราไปแลกไหม จะเอาร้อยบาทไปแลกขยะไหม (ไม่แลก) เวลาที่เรามีด้านที่สมบูรณ์แบบ บางคนเวลาไปเจอสิ่งที่ไม่สมบูรณ์เข้า สิ่งที่ไม่ถูกตามหลักทำนองคลองธรรม ไม่ถูกตามหลักการ เรารู้สึกว่าเราสมบูรณ์ แต่ว่าเวลาที่เราเจอคนอื่นเป็นหมู่หรือจ่า เราถูกความไม่สมบูรณ์ของเขามาทำให้เราเป็นคนไม่สมบูรณ์หรือเปล่า ในขณะนั้นเราอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่เมื่อผ่านไปสักสองสามนาที เราต้องรีบๆ รู้ตัว
อารมณ์เป็นอย่างไรบ้าง อารมณ์คือสิ่งที่เกิดขึ้นฉับพลันทันใด แล้วอารมณ์เป็นสิ่งที่หายไปฉับพลันทันใดหรือเปล่า (ใช่) เป็นประเภทเกิดง่ายตายยาก อยู่นานแล้วก็กัดกร่อนด้วยจริงหรือไม่ (จริง) ในขณะที่ความสมบูรณ์เจอความไม่สมบูรณ์ ในขณะนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เรารู้สึกว่าเราถูกสิ่งที่ชื่อว่าอารมณ์มาทำให้เรารู้สึกอย่างไรบ้าง ไม่มีคำตอบที่แน่นอน แต่มีคำตอบอยู่ที่ศิษย์ทุกคน ในการที่จะดำรงตน เพราะฉะนั้นออกมาเป็นหมู่เป็นจ่า จะออกมาเป็นหัวเป็นก้อยก็ยังไม่รู้เลย
วันหนึ่งๆ เคยเจอธรรมะบ้างหรือเปล่า วันหนึ่งๆ มีธรรมะในชีวิตบ้างหรือเปล่า (มี) มีธรรมะอยู่กี่ชั่วโมง วันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมง ให้เวลามีธรรมะที่เจอตามถนนหนทาง เจอตามข้างทาง เจอกับบุคคล เห็นธรรมะอยู่กี่ชั่วโมง ถามเยอะไปเหรอ กี่นาที เราสามารถเจอธรรมะในโจร เราสามารถเจอธรรมะในก้อนหิน เราสามารถเจอธรรมะในอากาศที่เราหายใจ แล้วเรายังสามารถเจอธรรมะได้ตลอดเวลาที่ไหน ที่ตัวเราเองอีก ทะเลาะกันก็มีธรรมะเหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่) ยอมเขามีธรรมะหรือเปล่า (มี) ถูกเอาเปรียบมีธรรมะหรือเปล่า (มี) เสียเปรียบแล้วมีธรรมะหรือเปล่า (มี) ธรรมะจะเจอต่อเมื่อ คนที่มีตาที่จะมอง คนที่เปิดใจที่จะรับ ถ้าเกิดเขาสาดคำพูดมาเราจะเอาอะไรกลับดี เราจะสาดอะไรกลับ ถ้าเขาสาดคำพูดมา เราจะสาดรอยยิ้มกลับดีหรือไม่ (ดี) เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นคิดอย่างไร ต้นตอของความดีและความชั่วอยู่ที่ความคิด ความคิดที่อยู่ในใจของเรา
ชั่วขณะหนึ่งที่เราคิดดี เราเป็นอะไร เราก็มีปีก เป็นนางฟ้าเทวดาขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าหากอีกชั่วขณะหนึ่งเราคิดชั่ว เป็นอย่างไร เอาลูกตุ้มเหล็กมาถ่วงขาตกนรกไป ใช่หรือไม่ (ใช่) อยากมีความสุข ความสุขนี้ใครเป็นผู้หา (ตัวเราเอง) อยากให้เขารักเรา เราต้องทำอย่างไร (รักก่อน) อยากให้เขาดีกับเรา เราต้อง (ดีก่อน) มีบางคนบอกอาจารย์ว่า เราดีกับเขาแล้วเขาไม่ดีตอบ เขาเป็นคนใจแข็งมากเลย ดีกับเขาแล้วเขาไม่ดีตอบ เหมือนต้องไปนั่งล้างจานให้คนอื่น เพราะอะไร ส่วนใหญ่อาจารย์สอนศิษย์ใช้ชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เรื่องหนึ่งที่อาจารย์พูดกับศิษย์น้อยกว่าการใช้ชีวิตคือเรื่องบุญและกรรม ทุกคนต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นมีกรรมเป็นสิ่งที่ติดตัว เราต้องพยายามที่จะล้างกรรมครั้งนี้ที่ติดตัว เรามาด้วยการยอมรับกรรม ก้มหน้ารับกรรม แล้วก็ทำใจสำนึกของขมา ยอมรับในสิ่งที่เราถูกกลั่นแกล้ง ยอมรับในสิ่งที่เราถูกเอาเปรียบ ยิ่งศิษย์เป็นคนที่ยอมได้เท่าไหร่ ศิษย์จะเป็นคนที่มีบุญวาสนาเท่านั้น
ในทางโลกรูปธรรมที่เห็นชัดๆ คือคนบางคนมีรถขับ ในขณะที่บางคนไม่มีรถขับ ทำไมเราเกิดมาไม่มีรถขับ ในขณะที่คนอื่นเกิดมามีรถขับ หรือบางคนมีรถขับยังมีคนขับรถให้ด้วย ใช่หรือเปล่า (ใช่) นี่คือบุญที่ทำมาไม่เท่ากัน ใช่หรือเปล่า (ใช่) แต่บางคนไม่คิดอย่างนั้น พยายามจะหาเงินแบบทำร้ายตัวเอง เพื่อที่จะมีหน้าตาทัดเทียมกับผู้อื่น เพื่อที่จะได้ทุกๆ อย่างที่คนอื่นได้ แต่ได้ไหม ได้มะเร็งมาแทน จริงหรือเปล่า (จริง) เพราะฉะนั้นการที่เรานั้นเกิดมาเป็นคน ทุกคนมีบุญและกรรมมาไม่เท่ากันจึงจำเป็นที่จะต้องยอมรับด้วย ในขณะเดียวกันไม่ใช่ยอมรับเฉยๆ ต้องชดใช้ด้วย ในขณะเดียวกันไม่ใช่ชดใช้เฉยๆ ยังต้องสำนึกอีกด้วย ต้องทำใจให้ได้ จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้ บางคนรถไม่มีขับแต่ชีวิตครอบครัวเขาดีมากเลย ส่วนบางคนชีวิตครอบครัวดีมาก มีฐานะแต่ไม่มีความสุข มนุษย์ในสมัยนี้มักจะไม่พูดเรื่องความทุกข์ ใช่หรือเปล่า (ใช่) เพราะว่าพูดความทุกข์ให้คนอื่นฟัง ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร จริงหรือเปล่า (จริง) แต่เวลาพูด พูดไม่หยุดเลย เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องบำเพ็ญธรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองด้วย ต้องมีเป้าหมายในการเดินทางว่าตัวเรานี้จะขอบำเพ็ญธรรมเพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด พ้นจากการเกิดดับทั้งปัจจุบันและอนาคต ส่วนอดีตยินดีชดใช้ โดยเริ่มต้นจากความคิดของเรานี้ โดยเปลี่ยนแปลงจากภายในของเรานี้ โดยตั้งใจตัวเราเอง เพื่อที่เรานั้นจะไปสู่หนทางที่ดีกว่านี้ คำว่าดีของอาจารย์ไม่ได้หมายถึงว่ามีเงินนะ ไม่ได้บอกว่าดีหมายถึงมีรถขับ คำว่าดีไม่ได้หมายความว่าสามีเลิกมาทะเลาะกับฉันแล้ว หรือภรรยาก็ดีแล้ว ไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่ใช่อย่างนี้ คำว่าดีหมายถึงอะไรจึงดี คำว่าดีก็หมายถึง คิดดี ทำดี พูดดี เป็นคนดี บำเพ็ญดี ปฏิบัติดี ทั้งที่ลับและที่แจ้ง
(พระอาจารย์เมตตาให้แจกปากกากับนักเรียนทุกคนในชั้น)
การฟังธรรมะต้องมีกระดาษและปากกาจริงหรือไม่ (จริง) ถ้าไม่มีกระดาษปากกาก็ต้องมีสมองในการจดจำเป็นอย่างดี ใช่หรือไม่ (ใช่)
บำเพ็ญสมัยนี้ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายจริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นผู้ชายมีน้อยจะต้องถนอมรักษาเขาไว้หน่อยดีไหม (ดี) ในความเป็นจริงที่ว่ามีผู้บำเพ็ญธรรมผู้หญิงเยอะก็จะมีเรื่องหยุมหยิมเยอะ เรื่องไร้สาระเยอะ เรื่องนินทาเยอะ แล้วก็มีความอ่อนแอในจิตใจเยอะ จริงหรือเปล่า แม้กระทั่งมีใครมาขยิบตาให้เราหน่อยก็คิดมากใช่หรือเปล่า ผู้ชายสมมุติว่าเวลามีคนข้างหน้ามาขยิบตาให้เรา แต่เขาขยิบตาหาคนข้างหลังเรา คิดมากไหม บางทีก็คิดแต่คิดไม่นานใช่หรือเปล่า
กำลังไปหาปากกากันทั่วสถานธรรมเลย ถ้าไม่มาสถานธรรมบ่อยจะรู้ไหมว่าปากกาอยู่ไหนบ้าง จะรู้ไหมว่าถ้วยชามอยู่ไหน อาจารย์ว่ามาสถานธรรมรู้จักอยู่สามที่ รู้จักที่ไหน ห้องพระ ห้องครัว ห้องน้ำ แต่สามที่นี้ช่วยในการบำเพ็ญปฏิบัติของเราไหม (ช่วย) คนที่ขัดห้องน้ำต้องเป็นคนที่เป็นคนเก่า ยิ่งใครที่รู้สึกว่าตัวเองมีกรรมเยอะๆ เนี่ยต้องขัดห้องน้ำ ใครที่คิดว่าตัวเองต้องการฝึกความอดทนเนี่ยต้องไปห้องครัว แต่ถ้าอยู่บนห้องพระ อยู่ห้องพระตลอดเลยแต่ท่องอะไรไม่ค่อยจะเป็น มีประโยชน์ไหม (ไม่มี) เดินเข้าครัวแต่ไม่ช่วยในครัวทำเลย มีประโยชน์ไหม (ไม่มี) เดินเข้าห้องน้ำแต่ไม่เข้าห้องน้ำมีไหม เดินเข้าห้องน้ำหน้าก็ไม่ล้าง ฟันก็ไม่แปรง ไม่ได้เข้าไปอาบน้ำ แล้วก็ไม่ได้เข้าไปเข้าห้องน้ำด้วย มีไหม ไม่มี เพราะฉะนั้นต้องไปทุกที่เหมือนกับเวลาเราไปเข้าห้องน้ำ
มาห้องพระอะไรที่อยู่ในห้องพระ ทั้งวิธีการกราบไหว้ ทั้งรู้ว่าท่องอะไรบ้าง รู้ว่ากราบอย่างไรจึงจะถูกต้อง ทำไมถึงกราบอย่างนี้ ทำไมถึงต้องทำอย่างนี้ เวลาจะช่วยงานครัว เราไปเข้าห้องครัว หั่นยังไง ล้างยังไง เก็บยังไง เช็ดยังไง ไม่ใช่สักแต่ทำ ไม่เก็บ เหมือนเวลาเราเข้าห้องน้ำต้องสอนไหม ไปล้างหน้าอย่างนี้นะ เข้าห้องน้ำทำอย่างนี้นะ อาบน้ำต้องทำอย่างนี้นะ ต้องสอนไหม (ไม่ต้อง) เพราะฉะนั้น การที่มาห้องพระศึกษาธรรมเหมือนกับการเข้าห้องน้ำ ถูกต้องไหม (ถูก) รู้ทุกซอกทุกมุม ใช่หรือไม่
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นใช้ปากกาเขียนคำว่า “แก้ไข” ลงบนฝ่ามือตัวเอง)
แก้ไขลงกระดาษเหมือนกันไหม (ไม่เหมือน) ถ้าแก้ไขลงกระดาษก็เป็นอะไร แก้ไขลงกระดาษก็ไม่ถึงมือซักที ใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นตอนนี้แก้ไขลงมือ เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่อาจารย์ให้ไว้ติดตัว เดี๋ยวพออาจารย์กลับแล้วในมือยังอยู่ไหม แล้วจะลอกเมื่อไหร่ ถ้าใครอาบน้ำไม่สะอาดก็จะไม่ออก ใช่หรือเปล่า
เพราะฉะนั้นตอนนี้แก้ไขลงมือ เรามักพูดเรื่องการแก้ไข แต่ไม่ยอมลงมือปฏิบัติจริงหรือไม่ (จริง) อาจารย์เล่นกับศิษย์เพื่อให้ศิษย์รู้ว่าแก้ไขต้องลงมือ
เขียนแก้ไขอย่างเดียว ลงมือไม่ต้องเขียน เห็นไหมว่าธรรมะเนี่ยเวลาพูดออกมา อาจารย์พูดเขียนคำว่าแก้ไขลงมือ หมายความว่า แก้ไขให้เขียนลงมือ แต่คนก็ทำไม (เขียนคำว่าแก้ไขลงมือ) เป็นคนซื่อ บำเพ็ญแล้วจะบรรลุทุกคน จริงหรือเปล่า ยิ่งคนเก่ายิ่งต้องเขียนให้ชัดๆ จริงหรือเปล่า ถ้าหากว่าเราเขียนโดยใช้ดินสอเขียนติดหรือเปล่า หรือปากกาเขียนแต่ไม่มีหมึก หรือมือของเราเปียกมากเกินไปติดหรือเปล่า (ไม่ติด) นอกจากเรื่องเขียนผิดยังมีเขียนเกิน ยังมีเขียนไม่ติด ยังมีเขียนออกแรงน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นแค่การแก้ไขจึงจำเป็นต้องรู้จักอย่างละเอียดถี่ถ้วนในการแก้ไข ว่าเราแก้ไขแล้วเราได้แก้ไขจริงๆ หรือเปล่า เราใช้ดินสอหรือใช้อุปกรณ์ผิดในการที่เราจะลงมือแก้ไข ต่อให้แก้ไขไปอีกนาน ได้ไม่ได้ (ไม่ได้) ใช้แก้วตักน้ำแทนขันยังใช้ได้ ถ้าใช้กระชอนที่มีรูรั่วมาใช้ตักน้ำแทนขันได้ไหม (ไม่ได้) แม้จะตักให้ตายก็ไม่เต็ม เพราะฉะนั้นจึงต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ด้วย ดูเราให้ชัดแล้วค่อยดูคนอื่น ดูคนอื่นก็ดูตาเว้นตา
วันนี้ศิษย์มองว่าคนนั้นขี้เกียจ คนนั้นไม่ดี คนนี้เอาเปรียบ ถามว่าศิษย์เห็นบุญเห็นกรรมเขาไหม (ไม่เห็น) เห็นไหมว่าเขาทำอย่างนี้ วันหน้าเขาจะเป็นอะไร (ไม่เห็น) ไม่เห็นว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้ เหตุปัจจัยอะไรทำให้เขาเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเวลาเจอคนที่ป่วย ยิ่งอู้ ยิ่งขี้เกียจ ยิ่งไม่บำเพ็ญยิ่งป่วย ให้ทำยังไง ให้รีบกลับมาพิจารณาตัวเองเลยว่า เรากำลังคิดว่าเขาอู้ เขาป่วย แล้วก็ขี้เกียจด้วย ใช่หรือเปล่า แล้วเห็นไหมว่าทำไมเราถึงคิด เรามีสิทธิ์คิดแทนคนอื่นหรือเปล่า (ไม่มี) เรามีสิทธิ์จะแสดงความเมตตา ปรารถนาดี และยิ่งต้องทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างเพิ่มเติม
ถ้าเขาร้ายมาก็ให้เราดีตอบ เรามีมือ เรามีสมอง เรามีความคิด เราตอบโต้ได้ แต่เราไม่ทำ จริงหรือเปล่า (จริง) ไม่ได้หมายความว่า คนที่ไม่ได้ตอบโต้คนอื่นเป็นคนขี้ขลาด หรือว่าไม่เก่ง หรือว่าไม่ดี หรือว่าไม่แน่จริง ไม่ใช่ แต่ที่เราไม่ตอบโต้เพราะว่าเรามีเมตตา เมตตาบำเพ็ญได้ตอนเจอคนไม่ดี ตอนเจอคนดีเมตตาออกไหม เมตตาเจอเมตตาออกมาก็เป็นเมตตาอยู่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) เวลาเราเจอคนเมตตาเราก็เมตตาใช่หรือเปล่า ชัดเจนไหม (ชัดเจน) เวลาเมตตาเจอเมตตาก็เหมือนทุ่งหญ้าเขียวๆ แต่ถ้าหากว่า เราเมตตาต่อคนที่ร้ายมา เหมือนอินทรีอยู่กลางฟ้า โดดเด่นและสง่างาม แต่อย่าจงใจสร้างเจตนาหรือแกล้งเป็นคนดี ไม่อย่างนั้นแทนที่ศิษย์จะได้บวกหนึ่ง จะกลายเป็นลบสิบ จริงหรือเปล่า ถ้าหากว่าทุกคนตรงนั้นเป็นคนไม่ดีหมดเลย มีเราเป็นคนดีคนเดียว คนดีนี้รอดไหม (ไม่รอด) อยู่ดงเสือก็ต้องเป็นเสือ อยู่ดงแพะก็เป็นแพะ อยู่ดงคนก็เป็นคน แต่ใจเป็นอะไร (พุทธะ)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นนั่งลงพร้อมกันหลังจากนับ ๑ ๒ ๓)
ขอดูศักยภาพคนเก่าคนใหม่ที่เป็นนักเรียนวันนี้ว่า แขน ขา กระดูก ยังมีแรงหรือเปล่า พร้อมเพรียงกายใจหรือเปล่า
การเดินทางต้องฟังคนที่ถือธงนำหน้า คนถือธงนำหน้าก็คือเตี่ยนฉวันซือ เตี่ยนฉวันซือถือธงอยู่คนเดียวเหนื่อยแล้วก็ต้องมีผู้ช่วยจริงหรือเปล่า ผู้ช่วยก็คืออาจารย์บรรยายธรรม กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ต้องมีเสบียง คนที่มักจะช่วยเหลือในด้านอำนวยความสะดวกคือฐันจู่ ถ้าหากว่าเดินไปไม่มีฐันจู่ได้ไหม (ไม่ได้) ไม่มีเจี่ยงซือ ไม่มีเตี่ยนฉวันซือได้ไหม (ไม่ได้) แล้วถ้าไม่มีคนเดินได้ไหม (ไม่ได้) คนเดินก็สำคัญ ใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องเกื้อหนุน กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน จะมีใครมีอำนาจมากกว่าใครก็หาไม่ ทุกคนทำตามหน้าที่ ทุกคนทำตามสิ่งที่ควรจะทำ
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนลงไปหาหิน ๒ ก้อน มีนักเรียน ๒ คนรีบลุกออกไป)
บางเรื่องเวลาก่อนที่เราจะไปทำไม่ได้ใช้แค่ความเร็วเท่านั้น ยังต้องหันกลับมาถามว่าหินประเภทไหน ก้อนขนาดไหน จริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นมีแต่ความเร็วได้ไหม (ไม่ได้) เราต้องมีความรอบคอบและระมัดระวัง อาจารย์อยากได้หินที่ไม่ใหญ่กว่าฝ่ามือสองก้อน มีตะปุ่มตะปั่ม
“เบื่อชีวิตตรงไม่เป็นไปอย่างนึกฝัน”
ชีวิตไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด จริงหรือเปล่า (จริง) ตั้งแต่เกิดมา ชีวิตเป็นอย่างที่เราคิดหรือเปล่า (ไม่เป็น) เราตั้งความฝันสูงเกินไปไหม แต่ในความเป็นจริงของชีวิตนั้น ไม่มีสิ่งใดได้มาอย่างนั้น แต่การตั้งความฝันไว้สูงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิด แต่อย่าเป็นคนทะยานอยาก ฟุ้งเฟ้อ โลภ ไม่รู้จักพอ คนที่บำเพ็ญธรรมนั้นถ้ามีความโลภ จะบำเพ็ญธรรมได้หรือไม่ (ไม่ได้) ในขณะเดียวกัน คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ทุกคนก็ได้ชื่อว่าคนบำเพ็ญธรรมแล้ว ถามว่าเรายังมีความอยากไหม (มี) เรายังมีความโลภไหม (มี) เราจึงจำเป็นต้องขัดเกลาให้บรรเทาลดน้อยถอยลง การที่เราจะขัดเกลาความโลภให้ลดน้อยถอยลงทำอย่างไร เราจะทำเหมือนที่เราเคยทำมา ทำให้กิเลสเราลดน้อยถอยลงใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)
(นักเรียน ๒ คนนำหินที่หาได้ ไปมอบให้พระอาจารย์)
อันนี้เรียกว่าเป็นหินที่เรียบใช่หรือเปล่า ฉะนั้นใครที่บำเพ็ญธรรมที่นี่จงลงไปหาหินให้อาจารย์ใหม่สองก้อน เห็นไหมว่าแม้ว่าเราจะฟังคำสั่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องได้ตามคำสั่ง เพราะฉะนั้นคนที่เป็นผู้นำนำลำบากไหม (ลำบาก) การเป็นผู้นำจึงมีความยากลำบาก
บางเรื่องเราทำมาด้วยความเข้าใจของเราเอง ในขณะที่ในความเป็นจริงแล้ว เราพูดไปตั้งเยอะแต่คนที่ฟังคำสั่งอาจจะไม่รู้เรื่องก็ได้ เพราะว่าในชั่วขณะนั้นเรามีความคิดเป็นของตัวเอง การมีความคิดเป็นของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าความคิดที่เป็นตัวของตัวเองนี้เรียกว่า ความหนักแน่นและมั่นคง ถึงเวลาจะให้ใครมาปลอบใจเราอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ เราจำเป็นที่จะต้องปลอบใจตัวเอง จึงต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่จำเป็นต้องทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่าเราคิดถูกอยู่เสมอหรือเปล่า เราเป็นคนคิดดีอยู่เสมอหรือไม่ เราเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายหรือเปล่า หากว่าเราเป็นตัวของตัวเอง แต่เข้าข้างตัวเอง เห็นใจแต่ตัวเอง สงสารแต่ตัวเอง อันนี้จะพัฒนาไปเป็นความเห็นแก่ตัวในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากสำหรับผู้ที่บำเพ็ญธรรม การที่จะเอาแต่เห็นแก่ตัว เมื่อเห็นแก่ตัวจึงไม่เห็นแก่ส่วนรวม เมื่อไม่เห็นแก่ส่วนรวมแล้วจะช่วยเหลือผู้อื่นได้ไหม (ไม่ได้) เมื่อเห็นแก่ตัวแล้วจะช่วยผู้อื่นไม่ได้ เมื่ออยากจะเมตตา รู้ว่าเมตตาเป็นอย่างไรแต่ก็ยังไม่คิดจะทำ
(นักเรียน ๒ คน เอาก้อนหินขึ้นมา)
คนแก่วิ่งมาไวกว่าคนหนุ่ม ส่วนคนหนุ่มคิดถึงแต่คำสั่งว่าจะต้องทำให้ตรงแล้วจึงมาช้า ถามว่าสองคนนี้กับสองคนแรกใครถูกใครผิด (ไม่มี) นี่คือการทำงานแบบหนึ่งเหมือนกัน ในการทำงานก็เจอสารพัดปัญหาแบบนี้ บางคนมาเร็วไม่ได้ฟังหัวฟังท้าย บางคนมาเร็วอายุมากแล้ว แต่เขาทำได้ดี ส่วนคนหนุ่มนี่คิดมากมาตามคำสั่งเลย แต่ช้ากว่า ฉะนั้นในการทำงานจึงเกิดสารพัดกระบวน เกิดมาหลากหลายรูปแบบแล้วแต่คน อันนี้จึงส่อถึงบุญและกรรมของคนที่ไม่เท่ากันด้วย คนที่ชอบคิดมากเป็นคนที่มีกรรมหนัก ชาตินี้จึงชอบคิดมาก ฉะนั้นเราจงทำตัวให้คิดน้อยลง แม้ว่าสมองจะไป แต่ว่าเราต้องมีสติ เพื่อที่จะเป็นการสะเดาะเคราะห์ตัวเองทุกวันๆ คิดมากแล้วทำให้เกิดโรค เกิดโรคแล้วรักษาไม่ได้
(พระอาจารย์เมตตาขออาสาสมัครนักเรียนชายหนึ่งคน โดยให้โอกาสกับคนที่เดินออกมาเร็วที่สุด)
อันนี้เขาเรียกว่าได้เปรียบทางระยะทาง หมายถึงคนที่มีวาสนา เพราะฉะนั้นบางคนบำเพ็ญธรรมแล้ว เขาเดินนิดหน่อยแต่เขาถึงแล้วเนี่ย เขามีวาสนาไหม (มี) ตอนนี้เรายังไม่มีแต่ว่าเราสามารถที่จะสั่งสมวาสนาได้ วาสนาเกิดจากอะไร อาจารย์บรรยายธรรมตอบ (ต้องลงแรงปฏิบัติ) ไม่ถูก (การทำความดี) วาสนาเกิดจากอะไร ให้คิดกันไปเรื่อยๆ
เตี่ยนฉวันซือก็คิดไปด้วย เดี๋ยวอาจารย์จะไล่ให้ตอบ
เตี่ยนฉวันซือก็คิดไปด้วย เดี๋ยวอาจารย์จะไล่ให้ตอบ
(พระอาจารย์ให้นักเรียนที่ออกมา นำหินสองก้อนขัดกัน)
ถามว่าตอนนี้มุมที่หินหายไปหรือยัง การขัดหินไม่ได้ใช้เวลาเพียงนิดเดียวในการขัดให้มุมเหลี่ยมมันหายไป เพราะว่าหินเป็นของแข็ง
เคยได้ยินคำว่า ใจแข็งเหมือนหินไหม ถามว่าใจเราแข็งเหมือนหินไหม ใจแข็งเหมือนหินเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ใจซีกซ้ายทะเลาะกับใจซีกขวา หัวใจตัวเองทะเลาะกับหัวใจตัวเอง ข้างหนึ่งบอกว่าให้ทำดี ข้างหนึ่งบอกว่าให้เลยตามเลย ยิ่งเจอคนหมู่มาก คำว่าเลยตามเลยก็มาบ่อยขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์ทำตรงนี้ให้ดูเพราะอยากจะบอกว่าหินสองก้อนขัดกันต้องใช้เวลา เราจงอย่าขัดกับคนอื่น แต่จงขัดกับจิตใจของตัวเราเอง ขัดมุมเหลี่ยมที่เกิดขึ้นจากความเคยชินของเรา ที่สะสมจนแข็งตัวเป็นความเคยชินต่างๆ นานา ที่พร้อมจะปูดพร้อมจะงอก ความเคยชินใหม่อย่าได้สร้าง ความเคยชินเก่าก็พยายามที่จะลบหาย ถ้าทำได้เช่นนี้ของใหม่ก็จะไม่มีมา ตอนนี้เราก็แค่ขัดเกลาของเก่าใช่หรือไม่ (ใช่) ตอนนี้ใจของทุกคนมีหินอยู่สองก้อน ใจแข็งเป็นหินแล้วใจก็หนักๆ อึ้งๆ อยู่เสมอๆ ใช่หรือไม่ นั่นแหละที่บอกว่าใจเราเหมือนหิน ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องแก้ไขตัวเองด้วยความหนักแน่น อาจารย์มีหินสองก้อนที่มอบเข้าไปสู่ใจศิษย์จากรูปธรรมมอบไปเป็นนามธรรมให้ใจศิษย์ทุกๆ คน เพื่อให้ศิษย์รู้ว่า ต้องขัดเกลาและต้องใช้เวลา วันนี้ศิษย์ยังทำไม่ได้หรือยังทำไม่ได้ดี ไม่เป็นไร หากศิษย์ทำไปเรื่อยๆ ด้วยความเสมอต้นเสมอปลายบำเพ็ญธรรมประหนึ่งกินข้าวศิษย์ก็จะบรรลุธรรมเช่นเดียวกัน
มิหนำซ้ำอาจารย์ยังมีแก้ไขที่ลงมือไว้นั้น ก็เพื่อให้ศิษย์นั้นเตือนใจตัวเองว่าต้องขัดเกลาดังขัดหิน ต้องแก้ไขลงมือปฏิบัติด้วย ถ้าหากว่าศิษย์หยุดเพราะว่ารู้สึกเหนื่อย หากศิษย์หยุดเพราะรู้สึกท้อถอย เจ็บปวดกับเรื่องบางเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไม่เข้าใจชีวิตไม่เข้าใจโลกไม่เข้าใจตัวเอง เบื่อหน่าย ท้อถอยและมองเห็นแต่เบื้องหน้าก็คือความทุกข์ ศิษย์เอ๋ย ธรรมะช่วยได้ ช่วยอย่างไร ธรรมะไม่มีตัวตน จะมีมือสักข้างเอื้อมมาลูบหัวเราปลอบใจยังไม่มี แต่ธรรมะเปรียบเสมือนโอสถที่เยียวยารักษาจิตใจ เพียงแต่เราเปิดใจ เพียงแต่เรารับฟัง ธรรมะอยู่ทุกหนทุกแห่ง เหมือนอากาศธาตุ อยากให้มีตัวตนย่อมมี ไม่อยากให้มีตัวตนย่อมไม่มี ธรรมะจึงอยู่กับเราทุกที่ทุกเวลา
สองวันนี้ให้มานั่งฟังธรรมะบางคนนั้นยังต้องฝืนตัวเองมาเลยจริงหรือเปล่า แต่ว่าเวลามาฟังแล้วรู้สึกดี เหมือนรถที่เติมน้ำมัน ฉะนั้นจึงหวังว่าศิษย์ทุกคนนั้น บางทีการทำความดีก็ต้องฝืนไปทำ การทำใจก็ต้องฝืนทำเช่นเดียวกัน การจะทำให้ใจของเราคิดดี เราก็ต้องฝืนคิดดีเช่นเดียวกัน แต่ธรรมที่ฝืนนี้ให้เป็นธรรมชาติ ฝืนจนเป็นธรรมชาติไม่ใช่ฝืนจนเป็นนิสัย คนละอัน เพราะบางคนฝืนจนเป็นนิสัย เรารู้ว่าดีแต่เราขี้เกียจเราก็ต้องลองฝืนทำดู เรารู้ว่าดีแต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลา เราก็ต้องลองเจียดเวลาดู สิ่งที่ไม่ดีบางทีก็มีต้นกำเนิดมาจากสิ่งที่อยู่รอบกายเรา สิ่งที่ดีเกิดมาจากสิ่งที่ไม่ดีก็มี รู้ว่าอะไรไม่ดีจึงรู้ว่าอะไรดีจริงหรือไม่ ตอนนี้ใจเราก็มีสิ่งที่ไม่ดีอยู่เยอะแยะ แต่ก็มีสิ่งที่ดีอยู่มากมายจริงหรือไม่ จะเอาไม่ดีมากลบดี หรือจะเอาดีมากลบไม่ดี
ตอนนี้งานธรรมแผ่ขยายกว้างใช่หรือไม่ หากศิษย์ใช้ใจคนไปทำงานฟ้า งานฟ้าย่อมจำกัดอยู่ที่คน แต่หากศิษย์ใช้ใจฟ้าไปทำงานฟ้า งานฟ้าย่อมกว้างขวาง ไพศาลใหญ่โต ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราแม้แต่ตัวเราก็ยังไม่ใช่ของเรา อย่าเห็นแก่ตัวกับผู้อื่น แต่จงอย่าได้คิดเพื่อประโยชน์ตน เห็นแก่ตัวกับตัวเองไม่เป็นไร เห็นแก่ตัวกับผู้อื่นนั้นจงทำให้น้อย หากว่าไม่มีความลำบากใดๆ เลย ไหนเลยจะเรียกว่าการฝึกฝน หากไม่ได้เจ็บจากการฝึกฝนเลย ไหนเลยจะเรียกว่าการซ่อมแซม ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ไหนเลยจะเรียกว่าการปรับปรุง ฉะนั้นวันนี้ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้เปลี่ยนออกมาจากภายในออกสู่ภายนอกจึงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่งดงาม
“เพิ่มจำนวนแล้วรู้รักเขาเท่าตัว”
เท่าตัวไม่ได้เพิ่มเป็นเท่าตัวแต่ว่ารักคนอื่นเท่ากับที่เรานั้นรักตัวเอง
“หนทางธรรมใช้การชี้แนะชักชวน” ชี้แนะชักชวนก็คือชี้แนะผู้อื่นคือ การส่งเสริมผู้อื่น ด้วยคำพูด ด้วยการที่เรานั้นเป็นแบบอย่างคือกระทำดี ชักชวนคือการชวนคนมารับธรรมะ เมื่อเพิ่มขึ้นแล้วต้องรู้จักรักคนที่เพิ่มขึ้นมาด้วยไม่ใช่รังเกียจเขาที่เขานั้นมีข้อเสียต่างๆ นานา เพราะว่าเราเองก็มีข้อเสีย ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเห็นข้อเสีย ใช่หรือไม่
(พระอาจารย์เมตตาถามอาจารย์บรรยายธรรมว่า วาสนาเกิดจากอะไร)
อาจารย์บรรยายธรรมตอบ (หมั่นทำความดีสร้างบุญกุศล สั่งสมบุญ คุณงามความดีที่ได้สะสมมา เกิดจากบุญเก่า บ่มเพาะคุณงามความดี) ใครอ่านหนังสือไม่เยอะ ตอบไม่ได้ ใช่หรือเปล่า เรามักรู้ในสิ่งที่เราควรจะพูด แต่เราไม่หาวิชาความรู้เพิ่มเติมไปจากที่เราพูด เพราะฉะนั้นความเข้าใจในธรรมจึงมีขอบเขตจำกัด
อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมตอบ (บุญวาสนาคือไม่ได้อยู่ๆ ก็เกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็เกิดจากคุณงามความดี หรือการเจริญคุณธรรมสามัญ ๕ คุณธรรม ๘ หรือการที่เรามีเมตตา มีอะไรที่ดีให้คนอื่น ก็เป็นการเสริมสร้างบุญวาสนาของเรา ยังต้องรู้จักถนอม ไม่ใช่ใช้ทั้งหมดที่ทำไป ) สรุปว่าอะไร (ต้องสร้างสมคุณธรรมจึงจะมีบุญวาสนา)
อาจารย์ถ่ายทอกเบิกธรรมตอบ (บุญวาสนาคือเกิดจากการที่เรา
สั่งสมทำความดี แต่อาจจะยังไม่ถึงที่สุดแต่ยังมีการยึดติด ยึดมั่นจึงเกิดเป็นบุญวาสนา)
สั่งสมทำความดี แต่อาจจะยังไม่ถึงที่สุดแต่ยังมีการยึดติด ยึดมั่นจึงเกิดเป็นบุญวาสนา)
อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมตอบ (คือการสั่งสม ผู้น้อยขออาศัยคำของท่านเหล่าเฉียนเหยินเพื่อฝากไว้ ขออนุญาตใช้คำแปลชั่วคราว
พระอาจารย์เมตตา บุญวาสนาคือ บิดาเปี่ยมล้นเมตตา บุตรหนาก็รู้กตัญญู ผู้พี่เอื้อเฟื้อเอ็นดู น้องรู้เคารพนบนอบ สามีภรรยาปรองดอง สอดคล้องกลมเกลียวซึ่งกัน ประสานดั่งสายสัมพันธ์ เช่นนั้นวาสนาครัวเรือน)
พระอาจารย์เมตตา บุญวาสนาคือ บิดาเปี่ยมล้นเมตตา บุตรหนาก็รู้กตัญญู ผู้พี่เอื้อเฟื้อเอ็นดู น้องรู้เคารพนบนอบ สามีภรรยาปรองดอง สอดคล้องกลมเกลียวซึ่งกัน ประสานดั่งสายสัมพันธ์ เช่นนั้นวาสนาครัวเรือน)
อย่างนี้ก็อยู่แค่ครัวเรือนสิ แสดงให้เห็นว่านี่คือบุคคลที่อ่านหนังสือ ใช่หรือไม่ เราเห็นแบบอย่างที่ดีแล้วจำเป็นต้องเลียนแบบ คนที่ฟังธรรมะ คนที่บำเพ็ญธรรมจะฟังธรรมะอย่างเดียวก็หาไม่ ยังจำเป็นต้องอ่านหนังสือด้วย ที่สำคัญที่สุดจะต้องพูดด้วย การพูดธรรมะจึงเป็นสิ่งที่คนไม่มีความรู้นั้นไม่มีสิทธ์พูด จำเป็นที่จะต้องเป็นคนที่มีความรู้จึงจะพูดออก ไม่อย่างนั้นที่พูดออกมาก็จะฟังไม่ได้ ใช่หรือเปล่า เราจึงจำเป็นที่จะต้องหาโอกาสที่จะอ่านหนังสือ เพิ่มเติมความรู้ให้กับตัวเราเอง ถ้าเราไม่อ่านหนังสือ ความเข้าใจทั้งหมดก็เป็นความเข้าใจของใคร เป็นความเข้าใจของเราเอง ธรรมะก็เป็นธรรมะแบบฉบับย่อ แบบเราเขียนเองคิดเอง แล้วบังคับคนอื่นทำ
วาสนานั้นเป็นอย่างไรเคยได้ยินคำพูดบอกว่า กินข้าวไม่หมดทำลายวาสนาไหม แล้วข้าวเกี่ยวอะไรกับวาสนาละ แค่เราไม่ทิ้งขว้างข้าวเราก็เป็นคนที่มีวาสนาแล้วใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นวาสนาเกิดจากอะไร วาสนาจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากการถนอมรักษาสั่งสมและเห็นคุณค่า ในการทำความดีต่างๆ ในการให้ต่าง ๆ คนมีวาสนาคือผู้ที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ จึงเป็นผู้ที่มีวาสนาได้ คือหมายความว่ามีนาที่ดี ให้ข้าวที่ดีมาขึ้น ตอนนี้เรามีนาข้าวหรือยัง เราไปหาเมล็ดข้าวพันธุ์ดี ธรรมะข้อดีๆ ต่างๆ เป็นพันธุ์ดีมากแต่นาของเราไม่พร้อม เพราะว่าน้ำยังท่วมนาอยู่เลย ขึ้นไม่ขึ้น (ไม่ขึ้น)
(พระอาจารย์เมตตาให้ร้องเพลงพระโอวาทที่ประทานให้)
ทุกคนมีพรสวรรค์เป็นของตนใช่หรือไม่ บางคนก็ถนัดที่จะบรรยายธรรม บางคนถนัดที่จะนำร้องเพลง บางคนก็ถนัดที่จะทำกับข้าว บางคนก็ถนัดที่จะพูดธรรมะนอกรอบ เพราะฉะนั้นเราถนัดสิ่งใดขอเพียงเป็นสิ่งที่ดี จงพัฒนาด้วยความตั้งอกตั้งใจ แล้วทุกอย่างจะกลายเป็นพรสวรรค์ ที่เกิดจากพรแสวง ศิษย์ทุกคน ณ วันนี้บำเพ็ญกันได้ดี เพียงแต่มีโลกส่วนตัว มีชีวิตส่วนตัวกันค่อนข้างจะมาก จึงอยากให้รู้จักที่จะบริหารเวลาของตัวเองให้มีเวลาฝึกฝนธรรมะ และมีเวลาที่จะคิด มีเวลาที่จะทบทวนตัวเอง ย้อนมองส่องตน
(พระอาจารย์เมตตาให้ผู้เขียนกระดานวาดกล่องบนกระดาน ๑ ใบ)
อาจารย์ยังมีธรรมะกล่องๆ ไว้ให้ศิษย์อีกอย่างหนึ่งก่อนจะกลับด้วย วาดตรงหรือยัง (ตรง) ใช้ตาดูก็ไม่ค่อยตรงถ้าใช้ใจดูก็ตรงอยู่ใช่หรือไม่ ธรรมะกล่องๆ สิ่งที่คนอื่นทำจริงๆ เป็นเรื่องยากมากที่เราจะพูดว่ามันผิดหรือมันถูก มันดีหรือไม่ดี ตรงหรือไม่ตรงเพราะว่าอะไร เพราะบางทีเวลาที่เราออกความคิดเห็นกลับทำให้เรื่องมันแย่ลง เพราะฉะนั้นบางเรื่องออกความคิดเห็นได้ไหม (ไม่ได้) บางเรื่องจึงเป็นเรื่องที่รู้ทั้งรู้แต่พูดไม่ได้ จริงหรือเปล่า มีเรื่องประเภทนี้ไหม (มี) แล้วเราเคยไหม รู้ทั้งรู้แต่ไม่พูดหรือ พูดหมดเลย
กล่องใบนี้มีด้านที่เราสามารถเห็นอยู่กี่ด้าน (๓ ด้าน) แล้วมีด้านที่เราไม่เห็นอยู่กี่ด้าน (๓ ด้าน) เวลาที่เราจะเปิดกล่องเราเจอด้านไหนก่อน (ฝา) ฝากล่องอยู่ไหน (อยู่ด้านบน) ด้านบนนี่คือด้านที่ ๑ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นอาจารย์บอกว่าคนมีสองประเภท คนประเภทแรกเป็นสุภาพชน คนประเภทที่สองเป็นอะไร ตรงข้ามกับสุภาพชนเป็นอะไร คนหนึ่งเป็นสุภาพชนอีกคนก็เป็นไม่สุภาพชน อาจารย์สมมุติว่าคนหนึ่งเป็นสุภาพชนอีกคนหนึ่งเป็นพลทหารแล้วกัน คนที่เป็นสุภาพชนเวลาจะพูดออกมาแล้วเวลาจะทำอะไรต้องระวังไหม (ต้องระวัง) ส่วนคนที่เป็น
พลทหารเป็นอย่างไร ต้องระวังไหม วันๆ เขาใช้แรง วันๆ เขาต้องใช้เสียง วันๆ ต้องออกแรงเยอะแยะ เพราะฉะนั้นให้เขารักษามารยาทได้หรือเปล่า (ไม่ได้ ) ฉะนั้นจึงมีคนอยู่สองประเภทในการบำเพ็ญธรรมะ คนแรกเป็นสุภาพชนคือเป็นผู้ที่ฝึกฝนเป็นกัลยาณชน เป็นสุภาพชน เป็นคนที่มีมารยาท ส่วนคนประเภทที่สองเป็นคนที่ใช้แรง เป็นคนที่ไม่คำนึงถึงมารยาทใดๆ พูดไปหัวเราะไปได้ทั้งวัน ซีเรียสกันจะตายคนนี้ก็จะหัวเราะ แต่คนประเภทนี้มีประโยชน์ไหม (มี) ถ้าเขาไม่เข้ามาผิดจังหวะ เขาคงไม่โดนศอกออกไป เพราะฉะนั้นคนจึงแบ่งเป็น
พลทหารเป็นอย่างไร ต้องระวังไหม วันๆ เขาใช้แรง วันๆ เขาต้องใช้เสียง วันๆ ต้องออกแรงเยอะแยะ เพราะฉะนั้นให้เขารักษามารยาทได้หรือเปล่า (ไม่ได้ ) ฉะนั้นจึงมีคนอยู่สองประเภทในการบำเพ็ญธรรมะ คนแรกเป็นสุภาพชนคือเป็นผู้ที่ฝึกฝนเป็นกัลยาณชน เป็นสุภาพชน เป็นคนที่มีมารยาท ส่วนคนประเภทที่สองเป็นคนที่ใช้แรง เป็นคนที่ไม่คำนึงถึงมารยาทใดๆ พูดไปหัวเราะไปได้ทั้งวัน ซีเรียสกันจะตายคนนี้ก็จะหัวเราะ แต่คนประเภทนี้มีประโยชน์ไหม (มี) ถ้าเขาไม่เข้ามาผิดจังหวะ เขาคงไม่โดนศอกออกไป เพราะฉะนั้นคนจึงแบ่งเป็น
๑. คนที่มีความเป็นสุภาพชนคือเป็นผู้ศึกษาธรรม เรียนธรรมอย่างลึกซึ้ง ปฏิบัติธรรมและพร้อมที่จะเป็นพุทธะในอนาคต
๒. คือคนที่ไม่ค่อยได้ศึกษาธรรมมาแต่ชอบไปใช้แรงงานอยู่ข้างล่าง ถึงเวลาเขาให้ฟังธรรมะก็ไม่ค่อยชอบฟัง แต่เขาก็ปฏิบัติธรรมใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นคนประเภทนี้จะไม่ค่อยมีมารยาทและไม่ลึกซึ้งในทางธรรมเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันสุภาพชนก็ไม่ชอบที่จะไปออกแรง จริงหรือไม่ คนที่เป็นสุภาพชนกับคนที่เป็นพลทหารทะเลาะกันใครเสีย สุภาพชนย่อมแพ้แน่นอน เขาตะโกนใส่หน้า สุภาพชนกล้าตะโกนไหม
(ไม่กล้า) พลทหารถือจานข้าวเดินไปกินไป สุภาพชนย่อมนั่งที่โต๊ะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(ไม่กล้า) พลทหารถือจานข้าวเดินไปกินไป สุภาพชนย่อมนั่งที่โต๊ะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
พุทธะเบื้องบนจึงมีพุทธะหลายประเภท มีพุทธะที่เป็นอย่างอาจารย์ และมีพุทธะที่มีความสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ศิษย์อยากเป็นแบบไหน อาจารย์บอกให้ถึงอาจารย์เป็นแบบนี้ แต่เวลาที่อาจารย์สอนศิษย์ อาจารย์ก็สอนศิษย์ให้เป็นสุภาพชน เพราะการเป็นสุภาพชนคือการตีกรอบให้กับทางเดิน ไม่หลงเดินนอกลู่นอกทาง เพราะพลังจิตของศิษย์ไม่เข้มแข็งพอ เพราะว่าศิษย์นั้นมีความหลงเป็นที่ตั้ง จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการบำเพ็ญแบบสุภาพชน จะเป็นการง่ายกับการบำเพ็ญมากกว่า เพราะฉะนั้นศิษย์ก็ยังต้องกินข้าวที่โต๊ะ ยังต้องพูดจาดีๆ และยังจำเป็นที่จะต้องบำเพ็ญธรรมอยู่ในกรอบในระเบียบ
ฉะนั้นตอนนี้จะติดความอิสระได้หรือไม่ (ไม่ได้) มนุษย์เป็นโรคอยากมีอิสรเสรี แต่ถูกความอิสรเสรีนั่นแหละ เป็นเครื่องบังคับควบคุมตนให้ตนนั้นอิสระไปนอกกรอบเลยเถิด และเหลิงอยู่กับอิสระนั้น การบำเพ็ญจึงควรที่จะบำเพ็ญอย่างคนที่มีกรอบมีจารีตมีประเพณี และอยู่กันอย่างมีวัฒนธรรมดีกว่า
ด้านที่ ๒ ที่เห็นชัดๆ คืออะไร อาจารย์จะให้เป็นด้านของภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ทุกคนมีทุกคนหรือเปล่า (มี) ทุกคนมีภาระหน้าที่มีความรับผิดชอบ ฉะนั้นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบนั้นในทางโลกต้องทำไหม (ทำ) ในทางธรรมต้องทำไหม (ทำ) ในทางโลกและทางธรรมก็จำเป็นที่จะต้องทำ ถ้าหากเราเป็นคนที่ไม่มีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ก็เป็นคนที่เป็นไม้หลักปักเลน คือปักตรงไหนก็ไม่สามารถที่จะเป็นที่พึ่งพิงของใครได้ เพราะฉะนั้นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบจึงมาพร้อมกับความเครียด เราต้องรู้จักที่จะอยู่กับความเครียดอย่างไม่เครียด ต้องรู้ว่าแค่ไหนคือขอบเขต แค่ไหนต้องหยุด แค่ไหนต้องทำ แค่ไหนต้องต่อ แค่ไหนต้องตัด คนที่จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบดีที่สุด คือคนที่ศึกษาภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของตน ถ้าหากไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรับผิดชอบอะไรอยู่ แล้วบอกว่ารับผิดชอบ คนนี้รับผิดชอบไหม
อีกด้านหนึ่งที่เห็นชัดซึ่งอยู่ด้านข้าง ก็คือพุทธระเบียบกฎเกณฑ์ หลักการข้อกำหนดบังคับทั้งหลาย เวลาที่ศิษย์มาสถานธรรมศิษย์มักจะเจอบ่อยๆ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเขาบอกว่าต้องทำอย่างนี้ ต้องทำอย่างนั้น อย่างเช่น ต้องใส่เสื้อขาวกระโปรงน้ำเงิน ใส่เสื้อขาวกางเกงน้ำเงิน
เจี่ยงซือต้องผูกเนคไท อันนี้เป็นรูปแบบ ใช่หรือไม่ (ใช่) เป็นรูปแบบจำเป็นไหม จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้จะไม่จำเป็นตราบเมื่อวันนั้นศิษย์ของอาจารย์หลุดพ้นไปแล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็น แต่วันนี้เมื่อยังเป็นคนอยู่รวมกัน จำเป็นที่จะต้องมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยจึงจำเป็นที่จะต้องมีพุทธระเบียบ กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ซึ่งหวังว่าศิษย์นั้นจะไม่รำคาญ หรืออึดอัดกับสิ่งเหล่านี้
เจี่ยงซือต้องผูกเนคไท อันนี้เป็นรูปแบบ ใช่หรือไม่ (ใช่) เป็นรูปแบบจำเป็นไหม จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้จะไม่จำเป็นตราบเมื่อวันนั้นศิษย์ของอาจารย์หลุดพ้นไปแล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็น แต่วันนี้เมื่อยังเป็นคนอยู่รวมกัน จำเป็นที่จะต้องมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยจึงจำเป็นที่จะต้องมีพุทธระเบียบ กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ซึ่งหวังว่าศิษย์นั้นจะไม่รำคาญ หรืออึดอัดกับสิ่งเหล่านี้
อีกสามด้านที่มองไม่เห็นคืออะไร สมมุติว่าอาจารย์กลับกล่องลง กลับด้านแล้ว แล้วจะเห็นอีกข้างหนึ่ง ข้างที่อยู่ข้างล่างนี้คืออะไร (ก้นกล่อง) ก้นกล่องมีอะไร ก้นกล่องมีธรรมะอยู่สองแบบ หนึ่งเป็นทฤษฎี สองเป็นปฏิบัติ ศิษย์บางคนเป็นคนที่เก่งธรรมะทฤษฎีมาก แต่ไม่เก่งในการปฏิบัติ ใช่หรือไม่ (ใช่) ศิษย์บางคนเก่งธรรมะปฏิบัติมาก แต่ไม่รู้ทฤษฎีเลย ทั้งสองอย่างนี้ผลออกมาไม่เหมือนกัน ศิษย์จำเป็นที่จะต้องบำเพ็ญธรรมอย่างมีทฤษฎีและการปฏิบัติควบคู่ไปด้วย ยิ่งถ้าเป็นอาจารย์บรรยายธรรม อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม ทฤษฎีสำคัญ แต่ต้องปฏิบัติด้วย เพราะว่าคนเราปฏิบัติตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เวลาเราพูดธรรมะพูดแค่
ห้าสิบนาที
ห้าสิบนาที
อีกด้านหนึ่งที่มองไม่เห็นอยู่ด้านข้าง คือเรื่องของการสร้างคุณธรรม ละกิเลส อันหนึ่งสร้างอันหนึ่งลด ให้ศิษย์สร้างคุณธรรมขึ้นมา ในการบำเพ็ญธรรมนั้นจำเป็นที่จะต้องมีคุณธรรม เหมือนอย่างเมื่อวานนี้ศิษย์เจอใคร จอมเทพวินัยธรกวนอู คุณธรรมของท่านคืออะไร (ซื่อสัตย์) คุณธรรมของท่านคือความซื่อสัตย์โดดเด่น แล้วศิษย์มีอะไรโดดเด่น ขี้บ่นโดดเด่น เครียดโดดเด่น หรือว่าดื้อโดดเด่น ตอนนี้ไม่มีอะไรโดดเด่น ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างคุณธรรมและละกิเลส ไม่ละกิเลสก็เป็นพุทธะไม่ได้ ไม่มีพุทธะองค์ไหนที่กลับไปอยู่เบื้องบนโดยที่มีกิเลส จำเอาไว้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเรื่องใดที่เป็นกิเลสทั้งสิ้น ปัญหาทั้งสิ้น ความอยากทั้งสิ้น ต้องตัดให้สิ้นก่อนที่จะจบชีวิตนี้ แต่คนเรารู้ไหมว่าตัวเองจะจบเมื่อไหร่ ศิษย์ไม่สามารถรู้เลย ว่าศิษย์นั้นจะจบชีวิตเมื่อไหร่ ต้องเตรียมตัวหรือเปล่า ฝนจะตกแล้วเตรียมร่มไม่เตรียม (เตรียม) ร่มเตรียมง่ายแต่ใจเตรียมยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)
อีกด้านหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง ด้านสุดท้ายคืออะไร วันนี้ก็พูดไปรอบหนึ่งแล้ว
(พระอาจารย์เมตตาให้ทุกคนช่วยกันตอบ)
ทุกคนเป็นจองหงวนได้ มีความกล้าในยามที่ต้องกล้า มีความกลัวในยามที่ต้องกลัว และมีความมั่นคงในยามที่ต้องมั่นคง ทำใจได้ในยามที่ต้องทำใจ รู้ในยามที่ควรจะรู้ เป็นอย่างที่ควรจะเป็น ดีในเวลาที่ต้องใช้ความดี แข็งในเวลาที่ต้องแข็ง อ่อนในเวลาที่ต้องอ่อน ช้าในเวลาที่ต้องช้า เร็วในเวลาที่ต้องเร็ว ถ้าหากว่าทำแค่พื้นฐานเหล่านี้ได้ ศิษย์ของอาจารย์ก็จะเป็นคนที่รู้จักจังหวะ อีกหนึ่งด้านที่เหลือ คือบุญและกรรม บุญคือเรื่องอะไร คือการที่เรานั้นเป็นผู้บำเพ็ญธรรมจำเป็นที่จะต้องเจริญปณิธานสร้างกุศล การเจริญปณิธานสร้างกุศลนั้นเป็นเรื่องที่ทำด้วยจิตใจอาสา และทำด้วยจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ อย่าทำงานธรรมะทำไปบ่นไป ให้กุศลหมด อย่าทำงานธรรมะด้วยความฝืนใจ อย่าทำงานธรรมะด้วยจิตใจที่เกี่ยงงอน เพราะฉะนั้นกุศลจะกลายเป็นอกุศล ปณิธานนั้นคือความตั้งใจ ศิษย์ทุกคนนั้นมีปณิธาน จงเจริญปณิธานตัวเอง นั่นเรียกว่าการเจริญกุศล ส่วนกรรมเป็นอย่างไร กรรมเป็นเรื่องที่ควบคู่มากับคนที่บำเพ็ญธรรม กรรมเป็นเรื่องที่หยั่งรากลึก และเป็นต้นเหตุเป็นต้นตอของศิษย์ในทุกๆ เรื่อง
อาจารย์จะเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้ฟัง มีคนอยู่คนหนึ่งเป็นลูกศิษย์อาจารย์ คนๆ นี้ปัจจุบันได้บำเพ็ญธรรม แต่ในชาตินี้ที่เขาบำเพ็ญ แม้จะมีวาสนาในการที่จะอยู่ในทางธรรม แม้จะมีวาสนาโดดเด่นกว่าคนอื่น ในขณะเดียวกันบุญที่เขาทำมาก็มีมาก กรรมก็ทำมามากเช่นเดียวกัน กรรมที่เขาทำ ทำให้เขาเป็นผู้บำเพ็ญธรรมที่ป่วยไข้ การป่วยไข้ของเขาเป็นสิ่งที่รักษาไม่หาย เช่นเดียวกับโรคปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว ปวดข้อ ทำให้เป็นคนที่เกียจคร้าน ความเกียจคร้านก็ทำให้เป็นคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น ฉะนั้นเมื่อทำได้น้อย เวลาจะทำก็เลือกเวลาทำ อาจารย์ก็ยังเห็นว่าเขาเป็นคนที่ทำต่อหน้าเพื่อเอาหน้าด้วย ฉะนั้นศิษย์คิดว่าคนๆ นี้เป็นอย่างไรบ้าง ใช้ได้ไหม ในการบำเพ็ญธรรมของเขาใช้ได้ไหม ให้ศิษย์เป็นคนตัดสินใจว่าเขาควรจะได้รับความเมตตาจากฟ้าในการที่จะทำให้เขามีสุขภาพดีขึ้นหรือเปล่า ควรจะได้รับหรือเปล่า แน่นอนคนที่ไม่สงสารผู้อื่น ฟ้าก็ไม่สงสารเขาเช่นเดียวกัน ฉะนั้นคนที่คำนึงถึงความเจ็บป่วยไข้ของตัวเองอยู่เป็นนิจ ทำให้ตัวเองนั้นมีความเชื่องช้าลงเรื่อยๆ เลือกกิน เลือกอยู่ เลือกปฏิบัติ การบำเพ็ญธรรมของเขาก็ดูกระท่อนกระแท่น แต่เขาก็ยังบำเพ็ญ
ฉะนั้นในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ศิษย์ของอาจารย์บำเพ็ญกระท่อนกระแท่น แต่ศิษย์ก็ยังบำเพ็ญ กุศลศิษย์ก็ยังสร้างไป ศิษย์คิดว่าอุปสรรคส่วนใหญ่อยู่ที่ไหนของคนๆ นี้ อยู่ที่ใจหรือความเจ็บป่วย (อยู่ที่ใจ) เรื่องนี้ไม่มีตอนจบ เพราะยังเป็นชีวิตของศิษย์คนหนึ่งที่อาจารย์ยังเฝ้ามองอยู่ แล้วก็เหมือนกันกับศิษย์หลายๆ คนที่เป็นอย่างนั้นด้วย อาจารย์ไม่ได้มองในรายละเอียดปลีกย่อยของชีวิตศิษย์ว่า วันๆ ศิษย์ทำอะไรบ้าง วันๆ ศิษย์เจออะไรบ้าง วินาทีนี้ศิษย์กำลังคิดอะไร วินาทีนั้นศิษย์กำลังคิดอะไร แต่อาจารย์นั้นมองศิษย์ทุกๆ คนพร้อมๆ กัน ฉะนั้นมนุษย์ที่เดินดินอยู่ทุกวันนี้ คนที่เป็นศิษย์อาจารย์ อาจารย์จึงมองศิษย์ด้วยความสงสาร ศิษย์น่าสงสารมาก ในเวลาที่ศิษย์ควรจะคิดได้ ศิษย์ยังคิดไม่ได้ บางทีใจก็หมกมุ่นกับเรื่องบางเรื่องมากเกินไป บางทีก็ใส่ใจคนอื่นน้อยเกินไป บางทีก็สนใจแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องมากเกินไป อาจารย์ทั้งสงสารแล้วก็ทั้งห่วง ทั้งเข้าใจศิษย์เป็นที่สุด แล้วก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรกับศิษย์เป็นที่สุด เรื่องเดียวที่พุทธะเบื้องบนแม้กระทั้งอาจารย์ก็ช่วยศิษย์ไม่ได้คือเรื่องของกรรม ศิษย์ต้องเป็นคนรับ ให้มันหายไปเอง แต่ไม่รู้ศิษย์ของอาจารย์แต่ละคนๆ ทนได้หรือเปล่า อาจารย์จึงมักช่วยศิษย์อยู่เงียบๆ ลับหลัง ด้วยการทำหนักให้เป็นเบา แต่เบาก็ยังไม่ใช่แปลว่าไม่มี
ดั่งเพลงที่อาจารย์ให้ไป พระธรรมทำให้ศิษย์นั้นร่วมทางเดียวกัน ทุกเส้นทางที่ศิษย์เดิน ก็เดินเข้าสู่ใจของตัวเอง แม้หนทางจะยาวไกล ทุกเส้นที่ยาวไกล แม้จะยาวไกลแค่ไหนปลายทางก็คือเบื้องบนเหมือนๆ กันทั้งนั้น ขอให้ศิษย์นั้นมีความอดทน มีความศรัทธา มีความตั้งใจ ใช้ปัญญา เบาอารมณ์ เบาความคิด อย่าเป็นคนพูดไม่เป็น อย่าเป็นคนพูดไม่ดี อย่าเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่อง
ทะเลทุกข์ดินแดนโลกมนุษย์ที่ศิษย์อยู่นี้คือความทุกข์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีหัว ไม่มีท้าย ไม่มีเลิกรา สิ่งเดียวที่เป็นที่พักพิงให้ศิษย์ได้ คือใจของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผูกพันกับอาจารย์ ซึ่งศิษย์คือความหวัง ศิษย์เปรียบเหมือนลมหายใจในโลกมนุษย์ที่อาจารย์มี ศิษย์คือกำลังใจของอาจารย์ทุกเมื่อ และอาจารย์ให้กำลังใจศิษย์ไว้ทุกเมื่อ ขอให้ทนทุกข์อันทุกข์ทน ด้วยความอดกลั้นและเข้มแข็งทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดี ทำให้สถานธรรมคือสวรรค์ คือที่พักพิงด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความคิดของคนหนึ่งคน สะเทือนได้เหมือนคลื่นน้ำ ความดีของเราก็สามารถที่จะทำให้คลื่นนั้นสงบได้ เชื่อไหม (เชื่อ) อาจารย์เชื่อมั่นศิษย์ทุกคน อาจารย์รักศิษย์ทุกคน รู้ใจอาจารย์ทำตัวศิษย์ให้ดี บำเพ็ญธรรมดั่งคนบำเพ็ญ บำเพ็ญธรรมดั่งคนที่รอตำแหน่งพุทธะในอนาคต คำสั่งเสียของอาจารย์มากมายศิษย์รู้อยู่แล้ว เข้าใจอยู่แล้ว คนทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนเก่า ไม่ว่าจะเป็นคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นเด็กอยู่ หรือเป็นคนที่สูงอายุแล้ว ทุกคนล้วนอยากที่จะมีเพื่อนร่วมทางการบำเพ็ญ มาสถานธรรมคนเดียวไม่อยากมา มาแล้วไม่อบอุ่นก็ไม่อยากมา แต่เราจะเรียกร้องใครได้ เขาไม่เป็นเพื่อนเรา เราไปเป็นเพื่อนเขาดีไหม (ดี) ถ้าเขาไม่มีที่ระบายเราเป็นที่ระบายดีไหม (ดี) ทำอย่างนี้จึงจะสามารถช่วยผู้อื่นได้
อาจารย์โดดเดี่ยวแสนโดดเดี่ยวในการทำงานยุคสาม แต่อาจารย์ก็ทำ แล้วทำเสมอต้นเสมอปลาย จึงหวังว่าศิษย์ทุกคนจะตั้งใจพิจารณา รับรองได้ว่าเบื้องบนไม่โกงกุศลศิษย์ ใครทำใครได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้ อยากให้ศิษย์ได้ ยังทำให้ไม่ได้ ก่อนจากนี้ขอเป็นกำลังใจให้ศิษย์ที่ท้อแท้เหนื่อยหน่าย เบื่อชีวิตตัวเองเหลือเกิน ศิษย์คือที่รักของอาจารย์ ศิษย์คือความหวังอาจารย์ ศิษย์อย่าเบื่อตัวเองเพราะอาจารย์ไม่เคยเบื่อศิษย์เลยแม้แต่คนเดียว รักษาสุขภาพให้ดีนะ
กล่องด้านที่
๑ สุภาพชน
๒ ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ
๓ พุทธระเบียบ กฎเกณฑ์
๔ บำเพ็ญธรรมอย่างมีทฤษฎีและปฏิบัติ
๕ สร้างคุณธรรม ละกิเลส
๖ บุญและกรรม
พระธรรมร่วมทางทุกแนวทางสู่ใจ ทุกเส้นทางยาวไกล เศร้าไม่มีใครสนข้าคอยเจ้าอดทน เลิกน้อยใจได้คน เลิกรวนวุ่นวาย
เบื่อชีวิตตรองไม่เป็นไปอย่างนึกฝัน ผู้กวดขันเฝ้าชีวิตสู้เป้าหมาย ปราชญ์อุทิศลมหายใจใช่ลดทิ้ง เผยแผ่น้ำใจเรื่องในใจ คนหญิงชายย่อมมีทุกคน
หนทางธรรมใช้การชี้แนะชักชวน เพิ่มจำนวนแล้วรู้รักเขาเท่าตัว รู้ทุกอย่างแจ่มชัดหัวใจเต้นระรัว คิดแน่นหัว ถึงเวลาแจงไม่ออก หนทางธรรมใช้การชี้แนะชักชวน ใช้ปัญญาต่อไป ใช้ชีวิตต่อไป ใช้เรื่องราวรอบกายขึ้นมาฝึกตน
ทำนองเพลง : นิยายรักขาดตอน
ชื่อเพลง : พระธรรมร่วมทาง
