แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คุณธรรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คุณธรรม แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562

2562-12-14 สถานธรรมจินโจว อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ

西元二○一九年歲次己亥十一月十九日                                   仙佛慈悲訓

วันเสาร์ที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒  สถานธรรมจินโจว อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ

  เป็นดั่งน้ำช่วยคนดับกระหาย        เป็นร่มเงาช่วยคลายความทุกข์เข็ญ
เป็นดั่งแสงทองนำทางส่องเช้าเย็น    ผู้ฝึกเป็นเสียสละให้ไม่หน่ายเลย
                              เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก  แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดาแล้ว                       ถามทุกท่านเกษมฤๅ

  โลกกลมกลมคนเดินกันขวักไขว่         คนบำเพ็ญล้ำสมัยมีหลายความเห็น
คิดใหม่ได้แต่ไม่ไร้การบำเพ็ญ             โลกยามเย็นจึงเห็นไฟส่องทาง
ความแค้นใจทำบ้านให้เป็นไฟ             ความใจเย็นทำบ้านไม่เหินห่าง
ใต้ร่มน้อมให้กันอุดช่องว่าง                เปิดรับฟังทุกความสามารถความเห็น
ต่างความเห็นจึงกว้างใหญ่ได้พัฒนา      คนศึกษาคนด้วยการต่างความเห็น
ดึงศักยภาพได้ดึงด้วยสิ่งที่เป็น            ดีทุกวัยทำใจเป็นบำเพ็ญดี
ส่งไม้ต่อรุ่นก่อนรุ่นใหม่รับ                  เหมือนได้ใจคืนกลับมาตอนนี้
รุ่นหลังรุ่นปลูกไม่รู้จักดินดี                  รุ่นร่มเย็นเห็นวิธีแตกกิ่งก้านใบ
    คนปฏิบัติเป็นเห็นได้เป็นนักปราชญ์      เดินหน้าปฏิบัติตามเวลาเอื้ออำนวยให้
ถือคุณธรรมเป็นหลักเป็นดั่งธงชัย         มั่นคงเหนือกาลร่วมใจร่วมเวลา
จะตลอดไปหรือไม่อยู่ที่เรา                 เปลี่ยนเมตตาอันเหงาเศร้าของเราหนา
เป็นเมตตาอันอบอุ่นคนเข้าหา             ด้วยปัญญาเป็นเข็มทิศในชีวิตตน
                                                                          ฮา ฮา หยุด

พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ

ฟังธรรมเหนื่อยไหม ยังไหวอยู่ใช่หรือเปล่า (ไหวค่ะ) เป็นคำตอบที่น่าชื่นใจนะ รู้จักกันก่อนดีไหม  อากาศเย็นๆ พออยู่ร่วมกันก็กลายเป็นอบอุ่นได้ เพราะอะไรหรือ เพราะทุกคนต่างมีความร้อนในตัว ใช่หรือไม่ เกิดเป็นคนใจเย็นดีหรือใจร้อนดี แล้วส่วนใหญ่เราใจเย็นหรือเราใจร้อน ชอบคนใจเย็นแต่ตัวเองชอบใจร้อน จริงไหม ใจร้อนไม่ดีแล้วใจร้อนไหม เกิดเป็นคนกลัวเคราะห์กรรมเภทภัยไหม และเวรกรรมไหม (กลัว) ท่านเคยได้ยินไหมว่า ไม่มีเคราะห์ภัยใดน่ากลัวเท่ากับไฟที่เกิดจากโทสะ คนที่ขี้โมโหมักโกรธ เป็นคนที่ไม่มีใครอยากคบด้วย ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วอยากรู้ไหมว่าเราเป็นคนขี้โมโหหรือใจเย็น เวลาไปไหนคนเข้าหาหรือคนเดินหนี   เวลาไปไหนแล้ววงแตกไม่ใช่คนใจเย็น ใช่ไหม (ใช่)  ไปไหนมีแต่คนเดินหนีไม่มองหน้า แปลว่าเป็นคนใจร้อน จริงไหม (จริง)  ตกลงแปลว่าท่านเป็นคนใจร้อนที่อยากมีเวรมีภัย ที่ไม่มีใครเขาคบหา ไม่มีใครเขารักใคร่ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นเราควรจะเป็นคนที่มักโกรธบ่อยๆ หรือเปล่า (ไม่)  รู้ว่าเป็นศัตรูตัวร้ายควรจะมีความโกรธไหม (ไม่มี) แล้วอะไรล่ะที่จะช่วยดับความร้อนได้ (ธรรมะ)
เราถามท่านหน่อยนะ เราจะทำอย่างไรให้เราเป็นคนไม่โกรธ ท่านเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งที่คนโบราณมักจะชอบพูดและสอนคนไว้บ้างไหมว่า “คนเราดีไม่ทั่ว ชั่วไม่หมด” แปลว่าไม่มีใครดีจริงๆ และไม่มีใครร้ายจริงๆ ถึงจะขี้โมโหแต่ก็มีอะไรดีเหมือนกัน อารมณ์ร้อนแต่ก็ใจดีเหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่) แปลว่ามีทั้งร้อนและเย็นอยู่ในตัว แต่ร้อนมากกว่าเย็น ใช่ไหม (ใช่) อย่างนั้นเราอยากจะบอกท่านอย่างหนึ่งนะ บางครั้งมนุษย์ก็รู้ว่าอะไรไม่ดีอะไรดี แต่บางทีความดี
ไม่สามารถชนะความไม่ดีในใจได้ จริงหรือไม่ (จริง) ดีชั่วรู้หมดแต่อดใจไม่ไหว ใช่หรือเปล่า (ใช่) อันนี้จำได้ขึ้นใจเลย ใช่ไหม ถ้าเราบอกว่าจริงๆ แล้วการที่เราฝึกเป็นคนใจเย็นๆ หน่อย ฝึกโมโหให้น้อยหน่อย ฝึกเกรี้ยวกราดให้น้อยหน่อยนั้นดี เราไม่ได้ทำดีเพื่อหวังให้คนรัก แต่เราทำดีเพื่อป้องกันการที่เราจะไปเบียดเบียนทำร้ายคนที่เรารัก จริงไหม (จริง) เรารักคนที่อยู่รอบข้างเราไหม (รัก) แล้วคนที่อยู่รอบข้างเรา เราเห็นเขาเป็นทุกข์ เราทนได้ไหม (ไม่ได้) เห็นเขาหน้าเบี้ยวหน้าบูด เราก็พลอยหน้าบูดหน้าเบี้ยว จริงไหม (จริง) ลองอยู่ในบ้านมีแต่คนหน้าบูดหน้าเบี้ยว เรายิ้มออกไหม แต่ถ้าเกิดทุกคนในบ้านยิ้ม
เราหน้าบูดหน้าเบี้ยวเรายังยิ้มออกเลย จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราพยายามใจเย็นไว้ไม่โกรธคนอื่น เพราะว่าเราไม่อยากเบียดเบียนและไม่อยากทำร้ายคนที่เรารัก
ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เคยไหว้แล้วเอาท่านมาเป็นตัวเองไหม รู้ไหมว่าตัวท่านเอง
ก็คือพระพรหมของบ้านได้ ทำไมเราจึงบอกว่าท่านเป็นพระพรหมในโลกได้ และท่านเป็นพระพรหมในบ้านได้ เคยได้ยินไหม บิดามารดาเป็นพระพรหมของลูก แล้วเราเป็นพระพรหมของลูกจริงไหม (จริง)
นั่นแหละเรียกว่า “จิตแห่งกรุณา” เห็นใครทุกข์อยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์
เป็นพระพรหมได้หรือยัง (ได้)  สองแล้วนะ และเมื่อเขาได้ดีมีสุข เรายินดีหรือเราอิจฉา (ยินดี)  นั่นได้สามข้อแล้ว ท่านเป็นพระพรหมของลูกได้ไหม (ได้) ฉะนั้นเวลาลูกทำผิดโกรธไหม (ไม่โกรธ) อันนี้ยากนะ แต่เราสามารถกลับใจ
เป็นกลางรักเขาเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ (ใช่) ว่าส่วนว่า โกรธส่วนโกรธ แต่ใจ
ยังรักเหมือนเดิมไหม (รัก) นี่แหละจิตที่สามารถกลับคืนสู่ความเป็นกลางได้
ไม่ว่าเขาจะร้ายจะเลวอย่างไร ก็ยังมีความหวังดีและอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์เสมอ แล้วอย่างนี้กราบไหว้พระพรหมไม่สู้ทำตัวเองเป็นพระพรหมในบ้าน  แล้วถ้าเกิดเราแผ่ความเป็นพระพรหมออกสู่คนในโลก อย่างนี้เราไม่ใช่คนที่ปฏิบัติแล้วเป็นที่ร่มเย็นของผู้อื่นหรอกหรือ ท่านรู้ไหมขอหวยสามตัวเดี๋ยวมันก็หมด มันชื่นใจครู่เดียวใช่ไหม (ใช่)  แต่การประพฤติปฏิบัติจนมีคุณค่า จนเป็นที่ร่มเย็นเป็นที่พึ่งพิงของคนอื่นนั้นอยู่ได้หลายภพหลายชาติจริงไหม (จริง) เพราะการประพฤติวันนี้เป็นตัวบ่งบอกอนาคตในวันหน้า เพราะการดำเนินชีวิตในวันนี้เป็นตัวกำหนดภพภูมิในชาติหน้า แล้วคุณค่าของการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องดีงามในวันนี้จะสามารถพกติดตัวไป แม้จะต้องสิ้นชาติในการเป็นมนุษย์ แต่เราก็มีความดีงามพกติดตัวไปเป็นบุญวาสนานำพาให้เราไม่ว่าเกิดภพใดชาติใด ความเป็นพระพรหมนั้นก็จะคุ้มครองให้คนๆ นั้นประพฤติหรือปฏิบัติอยู่ที่ใดก็ร่มเย็นเป็นสุข หาเงินหาทองมีวันหมด แต่ประพฤติปฏิบัติด้วยความถูกต้องดีงามมันไม่มีวันหมด   มันจะติดตัวไปจนตาย และไม่ว่าจะภพไหนชาติไหน ความดีนั้นก็จะอยู่ในใจของเราไม่มีใครแย่งไปได้ อย่ามัวเห็นคุณค่าเงินทอง ทรัพย์สิน จนลืมคุณค่าความดีงามที่เรียกว่าธรรมในใจ เห็นอะไรมีค่าได้ แต่อย่าลืมเห็นคุณค่า
ในการประพฤติปฏิบัติอย่างผู้มีธรรม เห็นไหมว่าเป็นพระพรหม คนทั่วโลกก็มากราบไหว้ แล้วทำไมไม่เอาพระพรหมนั้นมาสถิตในใจเราด้วยการประพฤติปฏิบัติกันเล่า เราอยากช่วยให้คนมีความสุขไหม อยากช่วยให้คนพ้นทุกข์ไหม เห็นใครได้ดีมีสุข เราก็ดีใจกับเขาด้วยใช่ไหม ถ้าเห็นใครผิดพลาดไป เราซ้ำเติมเขาไหม ใครๆ ก็ผิดพลาดได้ ใช่หรือไม่ ถ้าท่านสามารถวางใจเป็นกลางได้
ไม่โกรธเกลียดใคร ไม่แช่งชักหักกระดูกใคร ไม่ด่าใคร ไม่นินทาใคร การเป็นพระพรหมในโลกยากหรือไม่ ยากอย่างเดียว เมื่อไหร่จะทำ
ก็คงไม่เผารนจิตใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทุกท่านปาดเหงื่อเลยหรือ จริงๆ แล้วสุขนั้นร้าย ทุกข์นั้นดี ความลำบากนั้นดีไหม ความสบายนั้นดีไหม ถ้าเราพูดตรงกันข้ามว่า “ความสบายนั้นแย่ ความลำบากนั้นดี” ท่านว่าจริงไหม เราถามท่านหน่อยนะ ยิ่งสบายเรายิ่งเอาแต่ใจตัว ขี้เกียจ อ่อนแอ และสู้คนไม่เป็น ใช่หรือไม่ เช่นนั้นยิ่งลำบากเรายิ่งเข้มแข็ง
ยิ่งยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ยิ่งโดนคนกดขี่ข่มเหงเรายิ่งรู้จักอยู่รอดให้ได้ ถ้าเราพูดว่าลำบากนั้นดี สบายนั้นแย่ผิดตรงไหน ในทางเดียวกัน “สุขนั้นแย่ทุกข์นั้นดี” พูดแบบนี้ผิดหรือไม่ ยิ่งสุขมากเรายิ่งอ่อนแอ ยิ่งสุขมากเรายิ่งเรียกร้องไม่จบสิ้นใช่ไหม แต่ยิ่งทุกข์เรายิ่งบอกว่าพอแล้ว คนที่ท่านรังเกียจ คนที่ท่านไม่ชอบ แท้จริงแล้วไม่มีดีหรอกหรือ ว่าฉันมากๆ เดี๋ยวฉันจะดีให้ได้ ดูถูกมากๆ เดี๋ยวฉันจะเก่งให้ได้เลย
แต่งงานนึกว่ามีความสุข เป็นอย่างไงล่ะ สุขจนพูดไม่ออกเลย ใช่ไหม (ใช่) มีลูกนึกว่าจะได้พึ่งพา เป็นอย่างไรเล่า หาไม่เห็นหัวเลยใช่ไหม (ใช่)  มีเงินนึกว่าจะได้มีบ้าน มีที่ดิน มีทรัพย์สินเป็นอย่างไรล่ะ หนี้ล้นพ้นตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) พุทธะจึงสอนไว้ว่าบางครั้งคิดว่ายิ่งหาแล้วยิ่งได้ แต่ถึงที่สุดจึงได้รู้ว่าพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ ไม่อย่างนั้นยิ่งหายิ่งได้ไม่คุ้มเสียเลย ใช่ไหม (ใช่)  เคยคิดว่ายิ่งมีแล้วจะได้เต็มเปี่ยม แต่ทำไมยิ่งมีกลับยิ่งอยากให้มันโล่งๆ ถูกไหม (ถูก) แต่เมื่อไรรู้จักคำว่าโล่งจึงรู้จักคำว่าเต็มเปี่ยม เหมือนกับ เดี๋ยวก็ซื้ออันนี้เข้ามาในบ้าน เดี๋ยวก็ซื้ออันนั้นเข้ามาในบ้าน ซื้อจนเต็มบ้านจนสุดท้าย จะเอาอะไรไปบริจาคดี มันจะได้โล่งๆ ใช่ไหม (ใช่)  เราพูดอะไรตลกไหม ตลกนะชีวิต เหมือนชีวิตเรายิ่งพยายามดึงตัวเองให้เก่ง ดึงตัวเองให้สูง ยกตัวเองให้มี แต่คนมีเขา
ไม่อวด คนอวดนั้นไม่มี ใช่หรือไม่ (ใช่) คนดีจริงเขาไม่คุย คนคุยแปลว่ายังไม่ดี แล้วเราเป็นแบบนั้น ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นพูดกันแบบเหมือนมีเหตุมีผล แต่ท่านรู้ไหมว่าถึงที่สุดเหตุผลก็ยังไม่ใช่ที่สุดของความจริง เหตุผลคือสิ่งที่พิสูจน์ได้ และเหตุผลเป็นรากของความจริง แต่ความเป็นจริงบางครั้งก็อยู่เหนือเหตุและผล ถูกไหม (ถูก)  เหมือนเราเปรียบเทียบว่าตะกร้าคือสิ่งที่ถูก อย่างนั้นแปลว่าสิ่งที่ไม่ใช่แบบนี้กลายเป็นผิด แต่เราถามว่าสิ่งนี้ถูกจริงไหม เหมือนวันนี้เราพูดชนะเขาได้ เราเป็นคนถูก แต่เมื่อผ่านไปอีกสักวันหนึ่ง เราจะเป็นคนถูกไหม แล้วเราจะเป็นคนถูกเสมอไหม (ไม่เสมอ) แล้วเราจะเป็นคนที่ถูกตลอดไหม (ไม่ตลอด)  ก็เหตุผลนี้ฉันเป็นคนถูกแล้วนี่ ฉันคิดว่าฉันถูกต้องแล้ว เธอคือคนที่ผิด อย่างนี้เราจะยืนยันว่าเราถูก แล้วเธอเป็นคนที่ผิด ตลอดได้ไหม (ไม่ได้) ก็เธอคือคนที่น่าเกลียด แต่ฉันเป็นคนที่น่ารัก จริงไหม ถ้าพูดกันตามเหตุผล ฉันยังหน้าเด็ก แต่เธอเหี่ยวแล้ว อย่างนี้ใช่ไหม ถ้าเราพูดกันตามเหตุผลอย่างนี้ถูกต้องไหม ฉันน่ารักกว่าถูกไหม (ถูก)  เธอน่าเกลียดใช่ไหม (ใช่)  แต่ต่อไปฉันจะน่ารักตลอดใช่ไหม (ไม่ใช่) เดี๋ยวฉันก็เหี่ยวไม่ต่างจากเธอถูกไหม (ถูก) อย่างนี้ตกลงใครถูก
ไม่ผูกพัน ช่วงใช้แล้วไม่ยึดติด อยู่ร่วมแล้วไม่เป็นทุกข์ คงยากนะ ตอบได้ดี
เราให้ดอกไม้เป็นกำลังใจ ดีไหม 
อันเป็นกลาง ถ้าเราเข้าใจความจริงอันเป็นกลาง เราจะยอมรับได้เลยว่า แท้จริงในโลกในร้ายก็ยังไม่ได้ร้ายที่สุด ยังมีคนร้ายกว่า ในดีก็ยังไม่ดีที่สุด
ยังมีคนดีกว่า ฉะนั้นถ้าเราวางใจเป็นกลางมองโลก เรานั่นแหละคือเข้าถึงพระพรหม และเข้าถึงธรรม
และระหว่างเจ็บกับตายอันไหนดีกว่ากัน หลายคนบอกว่าเจ็บนั้นทรมาน  ใช่ไหม (ใช่) แต่ตายโดยที่ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้สั่งเสีย บางทีอาจจะทำให้เรายิ่งเป็นทุกข์นะ จริงหรือไม่ (จริง)  
แต่ลืมลงแรงทำความเข้าใจที่ภายใน ถูกไหม (ถูก)  ถ้าเข้าใจแล้วจะโกรธ จะปฏิบัติผิดไหม จะทุกข์ไหม (ไม่) ควรกลัวไหมความทุกข์ (ไม่กลัว) เพราะทุกข์ยังไม่แท้ สุขยังไม่จริง สู้ประคองใจให้นิ่งๆ และยอมรับความเป็นจริงอันเป็นกลางดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
ยึดติดความคิดว่าแบบนี้ดี อีกแบบหนึ่งก็จะไม่ดีในทันที ใช่หรือไม่ (ใช่) เราถามท่านว่า เวลาเราถูกลอตเตอรี่ เป็นสิ่งที่ดีใช่ไหม (ใช่) แล้วเวลาที่เราไม่ถูกลอตเตอรี่ เป็นสิ่งที่แย่ใช่หรือไม่ (ใช่) การถูกลอตเตอรี่บ่อยๆ ทำให้เราเสียเงินบ่อย ใช่ไหม (ใช่) แล้วการไม่ถูกลอตเตอรี่บ่อยๆ ทำให้เราไม่อยากจะเสียเงินแล้วใช่ไหม (ใช่)  แล้วอะไรดีกว่าอะไร (การไม่เล่น)  เหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่า
เราเอาใจไปวางไว้กับคนที่เราเกลียด แล้วรู้สึกว่าเจ็บ เราก็ไม่ต้องเอาใจเรา
ไปวางไว้ที่เขา มนุษย์แปลกอยู่อย่างหนึ่ง อะไรก็เสียได้ ใช่ไหม (ใช่)  จำไว้นะ
เสียภายนอก เสียแล้วดีขึ้น ก็เสียไปได้ แต่สำหรับใจ อย่าพยายามเสีย เพราะเมื่อเสียไปแล้ว จะเรียกกลับคืนมาใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้ารู้ เห็น มองแล้วจะรู้สึกว่า เสียใจ เราก็ต้องเห็นเหมือนไม่เห็น เหมือนมีแต่เหมือนไม่มี อย่างนี้จะ
ไม่มีผลกับใจ อย่าเอาใจไปเสียเด็ดขาด เพราะเมื่อเสียไปแล้ว จะเรียกกลับมาไม่ได้ จำไว้นะ อยู่ในโลกหากเสียเงินเสียทองแล้วดีขึ้นก็เสียไป แต่หากเสียที่ใจ เสียแล้วแก้ไม่ได้ หากผิดหวังแล้วจะให้กลับมาดีเป็นเรื่องที่ยาก ฉะนั้นพยายามอย่าให้ใจเสีย ถ้าเมื่อเห็นแล้ว จะรู้สึกเสียใจ จะรู้สึกทุกข์ใจ จะไม่สบายใจ อย่างนี้เราไม่ใส่ใจ จะดีกว่าไหม (ดี)

โดยส่วนใหญ่บางทีที่เราใจเย็น เพราะว่าเมื่อเราเย็นเราก็สุขใจถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นเมื่อเราใจเย็นเพราะเราไม่ได้หวังให้คนรัก แต่เราใจเย็นเพราะว่าเราไม่อยากเบียดเบียนใคร ไม่อยากทำร้ายใครให้เป็นทุกข์ จะทำให้เราโกรธคนยากขึ้น เขาสุขเราก็สุข เขาทุกข์เราก็ทุกข์ ฉะนั้นที่เราใจเย็นเราก็อยากเห็นเขามีสุข ไม่ใช่เพื่อให้เขามาชมเราว่าเราดี ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราก็คงโกรธน้อยลง แต่ท่านรู้ไหมว่าคนใจเย็นยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เป็นหนทางนำไปสู่การอยู่อย่างคนประเสริฐ มนุษย์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ผู้ประเสริฐ เราประเสริฐตรงไหน อารมณ์ร้อน ใช่ไหม (ไม่ใช่)  ท่านรู้ไหมว่าคนที่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คือ คนที่มีธรรมอันประเสริฐ มีที่อยู่อันประเสริฐที่เรียกว่า ธรรม ฉะนั้น ถ้าเกิดเป็นคนแล้วเราใจเย็นไม่ได้ เราเอาแต่โมโห แปลว่าเราไม่ใช่คนประเสริฐ ผู้ใดก็ตามซึ่งสามารถรักษาซึ่งธรรมแห่งความใจเย็นได้ ผู้นั้นคือคนที่มีธรรมอันประเสริฐดำรงอยู่ และสามารถรักษาความบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหมในโลกได้ ท่านเคยเห็นพระพรหมสี่หน้าไหม (เคย) ไหว้ไหม (ไหว้) ไหว้เพราะขอ
เราลองมาดูคนที่เป็นพระพรหมของลูกได้ เราถามหน่อยว่าเวลาลูกเขาทำอะไรเราอยากให้เขามีสุขไหม (อยาก) ทำอะไรเขายิ้มได้เรามีสุขถูกไหม (ถูก) นั่นแหละเรียกว่าเมตตา หวังให้คนอื่นเป็นสุขโดยที่ตัวเองไม่สุขไม่เป็นไร ขอเขาได้สุขนั่นแหละ “เมตตา” และเมื่อไรที่ลูกทุกข์อยากให้เขาพ้นทุกข์ไหม
ลองมองดูให้ดีๆ ระหว่างความโกรธกับความใจเย็น ให้ผลแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนที่มักโกรธ หนีไม่พ้นเคราะห์กรรมเวรภัย ไม่มีใครรักจริง และไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ จริงไหม (จริง)  แต่คนที่ใจเย็นมีเมตตา รู้จักเห็นใจผู้อื่น กลับนำสู่ซึ่งความร่มเย็น คนที่ชิดใกล้ก็อบอุ่น คนประพฤติปฏิบัติก็มีความสบายใจร่มเย็นใจ ฉะนั้นถ้ามนุษย์รู้จักยั้งคิดรู้จักควบคุมอารมณ์ได้ ความโกรธ
แต่บางทีคนบางคนก็น่าโกรธ จริงไหม (จริง) ถ้ายังตอบว่าจริงอยู่ ก็ยังแปลว่าหนีความโกรธได้ไม่พ้นนะ ถ้าเราบอกท่านว่า “ในโลกนี้ไม่มีสุขจริง ในโลกนี้ไม่มีทุกข์แท้” ท่านว่าจริงไหม (จริง)  เชื่ออย่างนั้นเลยหรือ ถ้าเราพูดว่า ในโลกนี้สุขนั้นดี ทุกข์นั้นร้ายจริงๆ ท่านว่าใช่ไหม (ไม่ใช่) อย่างนั้นเราถามท่านหน่อยนะ เราพยายามแสวงหาความสุข แต่ทำไมในความสุขกลับให้ความทุกข์
มีสามีดีไหม ภรรยาน่ารักไหม มีเงินดีไหม สุขหรือทุกข์ พูดอย่างนี้
กลับกันถ้ามีคนชมมากๆ เหลิงไหม (เหลิง)  แย่ไหม (แย่)  แย่แน่ๆ เลยจริงไหม ก็จะไม่พัฒนาตัวเองต่อแล้วคิดว่าตัวเองดีแล้ว ใช่ไหม (ใช่) เราถามท่านว่า ถ้าเราเข้าใจความเป็นจริงในโลก อะไรหรือที่เรียกว่าสิ่งที่เราควรโกรธ อะไรหรือคือสิ่งที่เราเรียกว่าแย่จริงๆ และอะไรหรือคือสิ่งที่เราเรียกว่าสุข
ฉะนั้นที่สุดของความจริง ไม่ใช่การยึดติดถูกผิดดีร้าย แต่ที่สุดของความจริงสามารถทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้ คือ ความเป็นอิสระ ไม่ชอบและไม่เกลียดสิ่งใด เพราะทุกสิ่งล้วนมีดีและไม่ดี ไม่ต่างกัน  ถ้าอยากเป็นอิสระและอยู่บนโลกได้อย่างคนที่เข้าใจความจริง ก็จะต้องไม่รักและไม่ชังอะไร
แล้วเมื่อนั้น ท่านจะเข้าใจพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ว่า “ความจริงคือสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน” โลกพอดีอยู่แล้ว แต่ใจของเราต่างหากที่ไม่เคยพอ มองอะไรก็จึงไม่ดี จริงไหม (จริง)  เพราะความไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน เมื่อไม่เที่ยงแล้วอะไรหรือที่ร้าย จริงๆ เมื่อไม่แท้แล้วอะไรหรือที่ดีจริงๆ เมื่อไม่ทนแล้วอะไรหรือที่แท้จริง
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้รางวัลกับผู้ที่ตอบคำถาม)
อยากได้ผลไม้ ดอกไม้ หรือไม่เอาอะไรเลยดี  (ไม่เอาอะไรเลย) แปลว่าไม่เอาอะไรเลยก็ดี จริงๆ ถ้าเราอยู่ในโลกนี้ได้แบบไม่เอาอะไรเลย แค่ยืมใช้ แล้วรู้จักปล่อยวาง เราก็คงไม่ทุกข์ แต่มีอะไรบ้างที่มนุษย์ข้องเกี่ยวแล้ว
(จิตที่ไม่ยึดติดว่าใช่หรือไม่ใช่) พูดได้ต้องทำได้ อย่างนั้นจะรับดอกไม้ดีหรือผลไม้ดี (ผลไม้ดีกว่า) ไหนบอกว่าไม่ยึดติดไง เห็นไหมพอถึงเวลา รู้กับปฏิบัติเรายังทำไม่ได้ ถูกไหม ถึงที่สุดแล้ว ถ้าเราเข้าใจหลักธรรม อะไรก็ดี ผลไม้หรือดอกไม้ไม่สำคัญ สำคัญที่คนได้รับสิ่งนั้นไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจะบอกให้นะ ได้ดอกไม้ไปทุกข์น้อยกว่าผลไม้ เพราะได้ดอกไม้ไปไม่ค่อยมีใครจะขอเท่าไร จริงไหม แต่ได้ผลไม้ไปเขาต้องบอกว่า แบ่งกันบ้างสิ ใช่ไหม
(จิตใจที่เข้าถึงธรรมะ) เลือกผลไม้ดีหรือดอกไม้ดี ดอกไม้ก็ให้แง่คิดของดอกไม้ ทำอะไรทำให้เต็มที่เพราะถึงวันที่ร่วงโรยแล้ว ไม่มีแรงแล้วต่อให้อยากทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้แล้ว ฉะนั้นมีเวลาอย่าผัดวันประกันพรุ่ง ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะเราไม่รู้วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคนที่ยังชอบแอบไปสูบบุหรี่ จริงไหม
(ทางสายกลาง) คำตอบนี้คือคำตอบที่ถูกที่สุด ธรรมคือความจริง
อยากได้ดอกไม้หรืออยากได้ผลไม้ (ไม่อยากได้อะไรเลย) จริงๆ แล้วร่างกายเราก็ไม่ใช่ของจริง ตัวท่านก็ไม่จริง ถ้าจริงต้องไม่มีวันเปลี่ยนแปลง  แล้วเราเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  ตอบว่า (ใจเราไม่มีวันไขว้เขว, ความจริงอันธรรมดา) ปรบมือให้นักเรียนในชั้นนี้ ล้วนตอบได้ดี ล้วนมีภูมิธรรม ไม่มากก็น้อย น่ายกย่อง
(คุณธรรม รู้พระคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนเรามา) มโนธรรมสำนึกเป็นสิ่งดีงามที่มีอยู่ในจิตใจ สิ่งนี้ขอให้รักษาและแผ่ขยายไปให้กว้างไกล เราจะไปอยู่ที่ไหนก็เป็นที่รักของคนอื่น
ล้วนตอบได้ดีทั้งอายุน้อยและอายุน้อยมาก รับผลไม้นี้ไปเพื่อเป็นมงคลกับชีวิตก็ได้นะ ถ้าชีวิตสามารถรักษาได้ในความคิดอันเป็นกลางตลอดก็ไม่มี  สิ่งใดที่ทำให้เรารักมากและเกลียดมาก เมื่อเราไม่ตกเป็นทาสของกิเลส อารมณ์ เราก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์ใช่หรือไม่ และเมื่อเรามองเห็นความเป็นจริงแห่งชีวิตความทุกข์ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ความเจ็บน่ากลัวไหม ความตายน่ากลัวไหม
เราอยากบอกท่าน บางครั้งความเจ็บดี ตรงที่มาเตือนเรา ให้เรารู้จักคุณค่า เวลา และการอยู่ร่วมกัน ดีกว่าตายโดยที่ไม่ได้สั่งเสียเลยนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจึงบอกว่าถ้าเรามองดูความเป็นจริงของชีวิตให้ดี ในโลกนี้ไม่มีอะไรร้ายถ้าใจเรารับไหว และในโลกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ฉะนั้นถ้าวันนี้เราทำดีที่สุดพรุ่งนี้จะตาย ก็ไม่น่าห่วงใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้ายังกลัวตายแปลว่ายังไม่ดีใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฟังธรรมะวันนี้ยากเกินไปไหม (ไม่ยาก)  การเริ่มต้นศึกษาปฏิบัติธรรมจึงไม่ใช่แค่เพียงสวดมนต์ไหว้พระทำบุญสุนทาน หลักธรรมที่แท้จริง  คือการมีปัญญาเข้าถึงธรรมและนำพาให้ตนเองพ้นทุกข์  ฉะนั้นถือธรรมเพื่อประพฤติปฏิบัตินำพาให้พ้นทุกข์ ไม่ใช่ถือธรรมเพื่อหวังวอนขอและวนเวียนอยู่ในทุกข์ พอเข้าใจไหม โดยส่วนใหญ่มนุษย์ทุกคนมักเน้นปฏิบัติแต่ภายนอก
ที่เราโกรธเพราะเรายึดติดความคิดของเรา ถูกไหม (ถูก)  เราใช้ความคิดของเราเป็นหลักใช่ไหม ฉะนั้นหากเราต้องการทำใจให้เป็นกลาง ก็ต้องเปลี่ยน (ความคิด)  เพราะความคิดเป็นตัวกำหนดชีวิต เป็นตัวครอบงำจิตใจ ถ้าเรา
ท่านเคยได้ยินไหม พุทธะพูดบ่อยๆ ถ้าใจเราดีอะไรๆ ก็ดี แต่ถ้าใจเราแย่เมื่อเขาพูดอะไรก็แย่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเมื่อพบปัญหาอย่าเพิ่งจัดการเขา เมื่อพบปัญหาต้องจัดการตัวเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) เขาอยากได้ก็ได้ไป เขาอยากได้อะไรก็ให้ไป แต่ขออย่างเดียว อย่าใจเสีย เพราะถ้าเสียใจกับเขาแล้ว ก็เหมือนกับน้ำที่ไหลไปแล้วเรียกกลับไม่ได้ ด่าไปแล้วจะทำดีแค่ไหนก็ไม่ขึ้น ถูกไหม (ถูก)  เกลียดไปแล้ว ผูกพันไปแล้ว สร้างเวรสร้างกรรมไปแล้ว ชาติเดียวก็ใช้ไม่หมด ท่านว่าจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นเห็นอะไรไม่ดี อย่าเพิ่งจัดการเขา แต่ต้องจัดการตัวเราเอง
เมื่อใจเราดีอะไรก็ดีขึ้นได้ เมื่อใจเราร้ายอะไรก็ดีไม่ขึ้น ฉะนั้นหน้าที่ของการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติประพฤติธรรมให้ถูกต้อง คือ ไม่ได้แก้ที่เขาแต่แก้ที่เรา ไม่ต้องไปว่าเขาแต่ควรว่าเรา ถ้าคิดแล้วเจ็บแล้วจะไปคิดทำไมให้เจ็บใจ อยู่กันแบบห่างๆ ห่วงๆ ดีหรือไม่ ใกล้เกินมันอึดอัด ชิดเกินไปหายใจรดกัน มันเหม็น มันร้อน ฉะนั้นอยู่ร่วมกันต้องมีระยะห่าง ทำอะไรต้องรู้จักระยะห่างแล้วเราจะได้ไม่เจ็บปวด รักษาระยะ ห่างอย่ายุ่งกับเขามากเกินไป เพราะถึงที่สุดทุกชีวิตล้วนมีหนทางของตนเอง เมื่อเราหวังให้เป็ดเป็นไก่ไม่ได้ เมื่อนั้นไก่ก็ไม่มีวันเป็นเป็ดได้ เราพูดตลกแต่มนุษย์ก็มักจะทำอะไรตลก รู้ว่าเขาได้แค่นี้ ก็ยังหวังว่าต้องมากกว่านี้ ต้องดีกว่านี้ นั่นคือหวังเป็ดเป็นไก่ ทั้งที่จริงๆ แล้วได้แค่นี้ก็ดีแล้ว มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีกนะ ด้วยการให้เวลาตัวเองมาศึกษาปฏิบัติธรรม ธรรมสอนให้คนมีปัญญา ฉลาดในการดำเนินชีวิตแบบไม่ทุกข์


วันอาทิตย์ที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ สถานธรรมจินโจว อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  ความสำเร็จในชีวิตทุกทุกอย่าง      ล้วนแล้วสร้างมาจากใจทั้งสิ้น
คนยิ่งใหญ่ต้องรู้ละความเคยชิน       คนติดดินรักเรียบง่ายจึงสูงส่ง
                              เราคือ
  จี้กงอาจารย์เจ้า                           รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานจินโจว แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว                       ถามศิษย์รักทุกคนตั้งใจฟังดีไหม

บำเพ็ญต้องลงแรงให้ดีดี มาให้เห็นบ่อยบ่อย บำเพ็ญต้องลงแรงให้ดีดี ทำให้เห็นสักหน่อย บำเพ็ญต้องทำใจ       ให้ดีกับปัญหากร่อยกร่อย ทำบาปกันซะอร่อย ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้
บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี มาให้เห็นตลอด บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี ต้องทำให้ตลอด บำเพ็ญต้องตั้งใจให้ดี จึงจะไม่หายตลอด เมื่อไหร่ก็รู้ตลอด แต่ตอนนี้ไม่ไหว
*   ศิษย์ก็เฝ้าแต่คิด แต่ไม่คิดจะตระหนัก คิดเป็นข้อไม่กี่ข้อก็ฟุ้งซ่าน จิตอ่อนไหวต้านไม่ไหวก็พลุ่งพล่าน เรื่องพื้นฐานใครไม่ดื้อหันเข้าบ้าน จิตเป็นอะไรบ้าง จะต้องหาเรื่องแก้ คนฝึกหัดแก้ไข วันหนึ่งวันใดคนเหนือคนแน่ ไม่ต้องถือไว้ตลอด ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้
**  จะต้องอย่างนั้น จะต้องอย่างนี้ ที่จริงทำแล้วถึงไหน ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่อย่างนี้ ชีวิตแบกมาแสนไกล บำเพ็ญชีวิตบำเพ็ญหัวใจ ขอให้เบา
 *** จะต้องอย่างนั้น จะต้องอย่างนี้ ที่จริงทำแล้วไม่ไหว ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่อย่างนี้ กลับทำมากมาย สรุปตัวเองบำเพ็ญเรื่อยไป ต้องลงแรงเพื่อการบำเพ็ญ
    บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี มาให้เห็นตลอด บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี ต้องทำให้ตลอด บำเพ็ญต้องตั้งใจให้ดี จึงจะไม่หายตลอด เมื่อไหร่ก็รู้ตลอด แต่ตอนนี้ไม่ไหว (ซ้ำ *, **, ***)

ทำนองเพลง : รักติดไซเรน
ชื่อเพลง : ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้


พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ใครอยากโดนพัดอาจารย์ตีหัวบ้าง เอาด้านสันตีหรือเอาด้านหน้าตี หรือเอามือตี ชีวิตถ้าเราคิดว่าอะไรก็ดี อะไรก็ได้ คงทุกข์น้อยลงจริงไหม ถ้าเราเรื่องเยอะเราก็ทุกข์เยอะจริงไหม (จริง)  ถ้าเราเรื่องมากเราก็ทุกข์มากจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นถ้าเกิดบอกว่าอะไรๆ ก็ดี มันก็คงมีเรื่องง่ายๆ ขึ้นเยอะในชีวิตจริงไหม (จริง)  แล้วเรายอมให้ชีวิตมันง่ายแบบนั้นไหมหนอ อาจารย์แค่ถามง่ายๆ นะ ถ้าสมมติว่าในชีวิตของเรามีสิ่งที่ใจเราคิดใจเรากำหนด แล้วถ้าเกิดใจเราคิดใจเรากำหนด แล้วเราบอกว่า ขอให้เราเป็นคนที่ทุกข์ยาก สุขง่ายดีไหม ศิษย์อาจารย์ชอบเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง ทำอะไรก็จะบอกว่า “เดี๋ยวก่อน”  ถ้าเกิดความทุกข์มาศิษย์ก็บอกว่า “เดี๋ยวก่อน”  ดีไหม (ดี)  ทำไมถึงเวลาไม่เห็นทำอย่างนี้
คิดถึงกันไหม (คิดถึง)  บางคนคงไม่คิดถึงอาจารย์แล้วใช่ไหม ออกจากห้องพระไปก็ลืมแล้วจริงไหม (ไม่จริง)  จริงหรือ (จริง)  อาจารย์ได้ยินว่ามนุษย์ในโลกปากหวาน แต่ก้นก็เปรี้ยว เป็นอย่างนั้นไหม หรือเป็นประเภทปากว่าตาขยิบ เป็นคนพูดได้และเชื่อได้ใช่ไหม (เชื่อได้)  จริงหรือ (จริง)  เรามาคุยปรับความคิดกันก่อน ถ้าพูดถึงธรรมะปฏิบัติธรรมไม่ใช่ให้ตัดทางโลกเลย ไม่ใช่ให้เราไม่รับผิดชอบทางโลกเลย ไม่ใช่ไม่ให้เรารับผิดชอบทางโลกแล้วมาปฏิบัติธรรมอย่างเดียว การปฏิบัติธรรมยังประกอบหน้าที่ของความเป็นคนอย่างถูกต้องสมบูรณ์ แล้วยังรู้จักปฏิบัติธรรมในสังคม และก็ยังเอาธรรมมาปฏิบัติเพื่อช่วยคนในสังคมใช่หรือไม่ (ใช่)  ดังนั้นเข้าใจให้ถูกต้องว่าการมาบำเพ็ญธรรมไม่ใช่ตัดทางโลกแล้วไม่สนใจทางโลก แต่ยังรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้ดี และยังรู้จักมีน้ำใจที่จะช่วยเหลือผู้คนด้วยการเอาธรรมมาใช้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ดังนั้นเรามารู้จักกันก่อนได้ไหม
ความสำเร็จในชีวิตทุกทุกอย่าง      ล้วนแล้วสร้างมาจากใจทั้งสิ้น
คนยิ่งใหญ่ต้องรู้ละความเคยชิน     คนติดดินรักเรียบง่ายจึงสูงส่ง”
ทำอะไรต้องทำด้วยใจใช่ไหม (ใช่) แต่ในใจนั้นเมื่อเราทำอะไรสักอย่างแล้ว เราต้องไม่คิดว่าเป็นเพราะเราคนเดียว แต่เรื่องราวในโลกหลายๆ อย่างสำเร็จได้ เพราะต้องเกิดจาก ความร่วมแรงร่วมใจของทุกๆ คน ไม่ใช่มีเราแล้วถึงสำเร็จได้ ไม่ใช่ขาดเราแล้วมันจะไม่สำเร็จ ถูกหรือไม่ (ถูก)  จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน หรือจะเล็กกระจ้อยร่อยขนาดไหน สิ่งที่สำคัญก็คือไม่ถือตัว ต้องไม่สำคัญตัวเองผิด เก่งแค่ไหนก็ต้องอาศัยคนที่ไม่เก่ง ฉลาดแค่ไหนก็ยังต้องอยู่ร่วมกับคนที่ไม่ฉลาดให้ได้ อยากอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ตัวเองสบายแล้วไม่คิดถึงคนอื่นได้ด้วยหรือ ถ้าทำให้คนอื่นเขาเป็นทุกข์ เดี๋ยวเขาก็ทำให้เราทุกข์เหมือนกัน จริงไหม (จริง)  

(พระอาจารย์เมตตาเปรียบเทียบ ความแตกต่างทางโลกและธรรม)
โลก
วุ่นวาย
สุข ทุกข์
ลำเอียง
ธรรม
ความสงบ / จบ
พ้นทุกข์
เป็นกลาง

อาจารย์ถามหน่อยถ้าพูดถึงโลก เรานึกถึงความวุ่นวาย ถ้าพูดถึงธรรมเรานึกถึงความสงบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นคนที่มีใจธรรม คือใจที่สงบ ฟังแล้วเข้าใจง่ายขึ้นมาเลยใช่ไหม (ใช่)  ฟังธรรมมาแล้ว ใจแบบไหนหรือที่เรียกว่า “ใจมีธรรม ใจที่ปฏิบัติธรรม” เปรียบเทียบแบบนี้เข้าใจง่ายดี ถ้าพูดถึงทางโลก เรียกว่า ความวุ่นวาย ถ้าพูดถึงทางธรรม เรียกว่า ความสงบสุข ถ้าพูดถึง ทางโลกมีความสุขและความทุกข์ สลับกันไปไม่จบสิ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นหากพูดถึงทางธรรม ก็จะเป็นความสุขที่ไม่ใช่กลับไปเป็นทุกข์ แต่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราพ้นทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
เรานั่งฟังธรรมะมาตั้งนานแล้ว แต่บางทีเราก็ยังมองเห็นคำว่า “ธรรม” ไม่ชัดเจน มนุษย์มักชอบการเปรียบเทียบ ดังนั้นอาจารย์จึงนำการเปรียบเทียบมาทำให้เรามองเห็นอย่างชัดเจนขึ้น
โลกคือความวุ่นวาย ธรรมคือความสงบ โลกคือสิ่งที่มีทั้งความสุขและความทุกข์ มีดีและชั่ว แต่ธรรม คือ การพ้นทุกข์ ดีอย่างแท้จริง ดีแบบไม่กลับกลาย ไม่ใช่ดีหนึ่งวันแล้วก็ร้ายอีกหนึ่งวัน ดังนั้นคนที่ปฏิบัติธรรมก็ต้องเป็นคนที่ดีแท้ๆ ถ้าเราบอกว่าเราปฏิบัติธรรม แต่ความจริงเรายังดีบ้างไม่ดีบ้าง แปลว่าเรายังไม่ใช่คนที่ปฏิบัติธรรม อย่างนี้เห็นชัดขึ้นไหม (ชัด)  อย่างนี้คนที่ปฏิบัติแบบสามวันดีสี่วันร้าย ก็แปลว่ายังไม่ใช่คนที่เข้าถึงธรรม ตอนนี้รู้กันแล้วว่าปฏิบัติธรรม เขาปฏิบัติอย่างไร ดังนั้นคนที่ประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วมีธรรมจริงๆ นั้น ยิ่งอยู่ในโลกก็ยิ่งสงบไม่วุ่นวาย ยิ่งอยู่ในโลกก็ยิ่งต้องพ้นทุกข์ ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ปฏิบัติธรรมจริงๆ แล้ว ดีต้องดีแท้จริง ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นตอนนี้อาจารย์ถามศิษย์จริงๆ ว่า ปฏิบัติแล้วไปทางโลกหรือไปทางธรรม (ไปโลก, ไปทางธรรม)  ศิษย์บอกว่าไปทางธรรม แต่ก็เอียงเอนไปทางโลกเล็กๆ นะ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นอาจารย์อยากบอกว่า คนปฏิบัติธรรมเขาควรยิ่งปฏิบัติยิ่งเข้าสู่ทางสายกลาง ไม่ใช่รักลำเอียง ไม่ใช่เอียงซ้ายเอียงขวาใช่ไหม (ใช่)  แล้วใจเราตรงหรือใจเราเอียง (ตรง)  ดังนั้นถ้าพูดถึงธรรมคือความเป็นกลาง อะไรที่ทำให้เรากลับสู่ความเป็นกลางนั้นเรียกว่าธรรม  และธรรมคือความเป็นเช่นนั้นเอง ถูกหรือไม่ (ถูก)  อาจารย์ถามศิษย์ว่า ศิษย์เคยเจอคนที่ขี้เกียจตัวเป็นขนไหม (เคย)  เดินไปเดินมาอยู่นั่น เราก็ทำเข้าไป เขาจะเดินลอยไปลอยมาแล้วก็พูดว่า “แกต้องทำอย่างนั้นสิ แกต้องทำอย่างนี้” แต่ไม่เห็นเขาทำสักอย่างเลย เขาดีแต่พูด ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าวันหนึ่งเราขยันแล้วเจอคนขี้เกียจ ทำอย่างไรให้ใจเราเป็นธรรมไม่เป็นโลก ถ้าวันหนึ่งเรารับผิดชอบหน้าที่แต่คนเอาเปรียบ ทำอย่างไรให้ใจเรามีธรรมไม่มีโลก เคยเอามาใช้จนเกิดธรรมบ้างไหม (เคย)  ทำอย่างไรหรือ (ทำด้วยตัวเอง)  เขาไม่ทำเราก็ทำเอง
(เราต้องตั้งใจทำ)  ใช่ โดยส่วนใหญ่ถ้าเราขยัน เรามีความรับผิดชอบต่องาน แล้วเราอยากมีหัวใจที่มีธรรม ไม่อยากมีหัวใจที่เป็นโลก เพราะเป็นโลกแล้วมันรก มันวุ่นวาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
 ถ้าเราเป็นคนขยันแต่เจอคนขี้เกียจ  แล้วเราด่าไหม ไม่ด่าทางปากแต่ด่าในใจไหม ถ้าเราปฏิบัติธรรมทั้งข้างนอกและในใจ เราต้องเอามาทำให้มันสงบ  ศิษย์รู้ไหมว่าสิ่งที่น่ากลัวในตัวมนุษย์ที่น่ากลัวมากที่สุดคือ มโนกรรม เพราะมันเป็นตัวชักพาชีวิตและความคิดให้เกิดการกระทำ และส่งผลเป็นกรรม ฉะนั้นเราปฏิบัติธรรมอย่าเก่งแค่ปฏิบัติภายนอก แต่เราต้องเอาธรรมมาควบคุมใจเราได้ มายั้งใจได้ จำไว้เลยนะศิษย์ ธรรมแปลว่าสงบ สงบแปลว่าจบ จบแปลว่าไม่ต่อแล้ว ถ้าต่อแปลว่าอยากเกี่ยวกรรม ถ้าต่อแปลว่าอยากมีกรรมไม่อยากมีธรรม แล้วเราต่อไหม เกี่ยวกรรมเสร็จแล้วยังลากกรรมมาให้คนเขาร่วมเวรร่วมกรรม ก็ให้เพื่อนช่วยวิพากษ์วิจารณ์แล้วเราก็สะใจว่าเราคิดถูก แบบนี้เรียกว่าตอกย้ำความยึดมั่นถือมั่น และยึดกรรมเข้าไปอีกจริงหรือไม่ พูดแล้วทำให้คนที่โดนว่าดีขึ้นได้เพราะเราพูดไหม (ไม่ได้)  ถ้าอยากเข้าใจธรรมง่ายๆ อยากปฏิบัติธรรมง่ายๆ เริ่มตรงนี้ ธรรมแปลว่าสงบ จบ และพ้นทุกข์ ถ้าคิดแล้วยังทุกข์ไม่ต้องคิดดีไหม หน้าที่ปฏิบัติธรรมก็คือทำตัวเองก็พอ ถ้าตัวเองได้ดีเดี๋ยวมันก็ไปสะท้อน สะเทือนใจคนอื่น สอนโดยไม่ต้องพูดดีกว่าพูดจนปากเปียกปากแฉะ แต่เขาก็ไม่ทำ
ฉะนั้นเริ่มต้นการปฏิบัติธรรม ถามใจตนเองก่อน ทำแบบนั้นแล้วมันสงบไหม ถ้าสงบเรียกว่าใจมีธรรม ทำแบบนั้นแล้วพ้นทุกข์ไหม ถ้ามันพ้นทุกข์ด้วยสงบด้วยแล้วดีด้วย ก็ยิ่งกว่าการปฏิบัติธรรมทั้งนอกและในอีกจริงไหม(จริง) แต่เราเป็นแบบดีนอกแต่ข้างในร้ายไหม 
อาจารย์ให้กลอนยาวจนลืมหันมาคุยกับศิษย์เลย ให้คุยต่อดีไหม (ดี)  อย่างนั้นอาจารย์ถามต่อว่า เราอยู่ในโลกเราทุกข์ไหมศิษย์ (ทุกข์)  ทุกข์ไม่ทุกข์ (ทุกข์)  แปลว่ายังไม่ค่อยทุกข์เท่าไรนะ ยังยิ้มได้ จริงๆ แล้วทุกข์ไหม (ทุกข์)  มีทุกข์บ้างไม่ทุกข์บ้าง สลับกันไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วตอนนี้ทุกข์ไหม ง่วงไหม กินข้าวเหนียวมากท้องตึง ทุกข์หรือไม่ทุกข์ (ไม่ทุกข์)  ไม่ทุกข์ แต่จริงๆ ก็ทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นเราทุกข์กายหรือทุกข์ใจ (ทุกข์กาย, ทุกข์ใจ)  
ส่วนใหญ่กายจะทุกข์เพราะเป็นโรค ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ใจทุกข์เพราะมีปัญหา โดนว่าก็ทุกข์ โดนเขาเอาเงินไปไม่คืนก็ทุกข์ สามีไม่รักก็ทุกข์ ภรรยาหนีไปก็ทุกข์ มนุษย์มีทุกข์ทางใจเยอะแยะไปหมด แล้วเวลาเราทุกข์ใจ มันทุกข์หรืออะไรมาทำให้เราทุกข์ (ความคิด)  สิ่งที่ทำให้ทุกข์คืออะไร เหมือนเราทำงานแต่เพื่อนขี้เกียจ เราทุกข์เพราะความคิด เหมือนเราทำงานแล้วเราคิดว่าต้องได้กำไร แต่บังเอิญมันขาดทุน เราทุกข์เพราะความคิด อาจารย์ถามหน่อย เป็นเพราะเขาทำให้เราทุกข์หรือทุกข์เพราะใจเรา (ใจเรา) หรือว่าเขาไม่ดีดั่งใจเรา หรือเหตุการณ์ไม่เป็นดั่งใจเรา หรือสิ่งที่เราคาดหวังมันไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าใจเราไม่คิดอะไรเลย อะไรจะเกิดเราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้ใจทุกข์คือความคิด ถ้าเราจัดการความคิดได้เราก็สิ้นทุกข์ได้ ถ้าเราควบคุมความคิดได้ ความคิดก็ไม่ทำให้เราทุกข์ได้ ทุกวันนี้ที่เราทุกข์อยู่ก็เพราะพยายามทำอย่างไรให้เราไม่ต้องคิด จริงหรือไม่ (จริง)  เราจะเป็นบ้าตายก็เพราะความคิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  เรานอนไม่หลับก็เพราะเรายังคิดไม่ตกใช่หรือไม่ (ใช่)  เห็นชัดหรือยัง สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ไม่ใช่ใจ แต่เป็นเพราะความคิดที่ครอบงำใจ และบังคับใจ แล้วเมื่อเราไหลไปตามความคิด เราก็ง่ายต่อการตกเป็นทาสของกิเลส อารมณ์ เพราะความคิด  ง่ายต่อการเข้าข้างตนเอง เมื่อเป็นเพราะความคิดก็ง่ายมากที่จะโทษคนอื่นไม่โทษตนเอง แล้วความคิดก็ชอบที่จะมองตามในสิ่งที่ตนเองอยากได้ แต่ไม่มองความจริง ฉะนั้นตัวปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใจ แต่อยู่ที่ความคิด ใจไม่มีปัญหา แต่ความคิดต่างหากที่มีปัญหา แล้วความคิดมาจากไหน ความคิดมาจากความรู้ความเข้าใจที่เราสะสมเป็นตัวตนของเรา สิ่งที่ผ่านเข้าออกในใจของเราเป็นความคิดนั้นมาจากการสะสม เมื่อมีความคิดผ่านเข้าออก แล้วกระทบกับอารมณ์จึงกลายเป็นกิเลส ฉะนั้นความคิดที่เราสะสมจนกลายเป็นความรู้แล้วเรียกว่า “ใจ” ของเรานั้นจะไม่เหมือนกัน คนหนึ่งก็รักอย่างนี้ ส่วนอีกคนหนึ่งก็รักอย่างนั้น คนหนึ่งก็คิดว่าแบบนี้ถูกต้อง แต่อีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ใช่ ต้องแบบนั้นจึงจะถูก ฉะนั้นเราไม่ได้มีปัญหาทางใจ แต่เรามีปัญหาทางความคิด ความคิดไม่ลงตัวกัน เมื่อทะเลาะกันใจแม่กับใจลูกยังเหมือนเดิม ใจแม่ยังรักลูกอยู่ แต่ความคิดของแม่กับลูกเพียงไม่ตรงกัน ฉะนั้นต้องแยกให้ออก  หากเราแยกออก เราก็จะเกลียดใครไม่ลง เพราะเราเกลียดที่ความคิดไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ผิดไหมที่เขาคิดแบบนี้ (ไม่ผิด)  แล้วผิดไหมที่เขาคิดแบบนั้น (ไม่ผิด)  แล้วผิดไหมที่เราคิดแต่อย่างนี้ (ไม่ผิด) ก็เพราะว่าไม่เคยคิดเลยว่าเราคิดผิด ก็เลยไม่แก้ความคิดของตนเอง แล้วก็มาทะเลาะกันอย่างนี้ จริงไหม (จริง)  เมื่อไรเราจะควบคุมความคิดให้เราไม่ทุกข์ รู้ไหมว่าอะไรช่วยให้เราควบคุมความคิด และก็ทำให้เราไม่ทุกข์ได้ ท่านบอกว่าให้เอา “สติ” มาดึงเราให้กลับมาสู่ความเป็นกลางและหยุดกิเลสไม่ให้มันเติบโต เหมือนเราทำอะไรผิดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่คิดไม่รอบคอบ คิดแบบขาดสติใช่หรือไม่ (ใช่)  เขาด่ามาเราด่ากลับ เขาโกงมาก็โกงเขาเลย ลืมตัวไปจึงร้ายไป ใช่หรือไม่ (ใช่) ความคิดมาปุ๊บก็ทำไปทันทีโดยเราไม่มีสติยับยั้งถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าอยากมีธรรมต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความคิดของคน เพราะความคิดของคนง่ายที่จะติดในอารมณ์กิเลส และอารมณ์กิเลสก็มาจากการเข้าออกของความคิดที่ยึดติด ชอบชัง ฉะนั้นเมื่อไรมนุษย์ดึงความชอบชังออกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่าเทียมกัน ถ้าเมื่อไรที่เอาชอบชังเข้าไปใส่ เราเริ่มแบ่งแยกว่า คนนี้หัวดำคนนั้นหัวขาว คนนี้หล่อคนนั้นน่าเกลียด คนนี้เหี่ยว คนนั้นไม่เหี่ยว เพราะเอาตัวตนเป็นบรรทัดฐานในความคิด ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเรามีสติควบคุมและระงับความคิดได้ ความคิดก็จะไม่เกิด
ศิษย์เอ๋ยเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมว่า “บำเพ็ญธรรมเพื่อเป็นพุทธะ” (เคย)  แล้วพุทธะแปลว่าอะไร (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) และเราก็เป็นพุทธะได้ถ้าเรารู้ ฉะนั้น “การมีสติ แปลว่า การระลึกรู้ รู้ตัวรู้ตน” การเป็นพุทธะก็เป็นผู้รู้ ถ้าเราหาตัวรู้ได้เจอและไม่ขาดสาย รู้อย่างต่อเนื่องกับอาการของความคิดที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป แล้วไม่ไหลไปตามกิเลสอารมณ์นั้น แปลว่าเรากำลังดำเนินตามหนทางของความเป็นพุทธะตื่นในตัวเอง ตื่นแล้วพ้นทุกข์ ตื่นแล้วไม่ตกเป็นทาสของกิเลสอารมณ์ ศิษย์อยากมีเวรไหม แล้วศิษย์อยากจองเวรจองกรรมใครไหม (ไม่)  อยากอยู่แบบจบกรรม อยู่แบบคนมีบุญร่วมกันถูกไหม แล้วเวลาเขาด่ามาแล้วเราด่ากลับนี่มีบุญร่วมกันหรือมีกรรมร่วมกัน เรากำลังสร้างกรรมหรือกำลังสร้างบุญ ทำไมไม่เอาคำด่าของเขามาชำระล้างให้เราเกิดบุญ ทำไมเอาคำด่าของเขามาทำให้ตัวเองเกิดบาปทั้งๆ ที่ตัวเองก็ชอบทำบุญ ชอบหาความสงบไม่ใช่หรือ แล้วพอถึงเวลาไม่เห็นสงบเลย ศิษย์จำไว้นะ อารมณ์โลภ โกรธ หลง มันไม่มีตัวตน และมันชอบคนใส่ใจและแยแส แต่ถ้าเมื่อไหร่เราไม่ใส่ใจและแยแเส เดี๋ยวมันก็หายไปใช่หรือไม่ หากความโกรธมาแล้วเราใส่อารมณ์เข้าไปอีกก็เท่ากับยิ่งเติมเชื้อไฟ
การฝึกสติไม่ได้ฝึกตอนที่ไม่มีใครด่า นั่งเงียบๆ ท่องพุทธโธๆ แต่การฝึกสติและสมาธิคือตอนโดนเขาด่า ตอนโดนเขาว่า ตอนโดนเขากดขี่ ตอนโดนเขาเอาเปรียบ แล้วเราสามารถรักษาความดีและไม่หวั่นไหวแล้วทำความเห็นแจ้งในธรรมได้ นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมสุดยอด อะไรมาก็ให้แค่รู้ รู้แล้วอย่าเผลอไปเป็นมัน อย่าเผลอไปมีมัน มีตัวตนก็ทุกข์เพราะตัวตน มีลูกก็ทุกข์เพราะลูก มีความอยากก็ทุกข์เพราะความอยาก เป็นแม่ก็ทุกข์อย่างคนเป็นแม่ เป็นพ่อก็ทุกข์อย่างคนเป็นพ่อ แต่ก่อนเราเป็นลูก ตอนนี้เรากลายเป็นพ่อ สักพักหนึ่งเราไปทำงานเรากลายเป็นเพื่อน จบจากที่ทำงานแล้วเรากลายเป็นคนแก่อยู่บ้าน เราเคยมีอะไรเป็นของเราจริงบ้าง แล้วเราควรยึดไหม
ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์กับสิ่งที่มี เราก็จงจำไว้ว่า ทุกสิ่งมันมาแค่ให้เรารู้ รู้แล้วอยู่ร่วมกันอย่างไม่ทุกข์ ด้วยการมีก็เหมือนไม่มี  อยู่อย่างมีบุญดีกว่าอยู่อย่างมี (บาป, กรรม)  ด้วยการรู้จักมีสติเท่าทันความคิด อย่ายึดติดความคิดอย่างตายตัวพลิกแพลงไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่ทำให้ศิษย์ทุกข์ไม่ใช่คนอื่น แต่คือความคิดเราเอง
 ฉะนั้นสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติเริ่มต้นอย่างแรกเราต้องละบาปให้ได้ก่อน ถ้าละบาปไม่ได้ก็บำเพ็ญบุญไม่ได้ ถึงบำเพ็ญบุญแค่ไหน แต่ถ้าบาปไม่ละมันก็ไม่เรียกว่าบุญ
 (พระอาจารย์เมตตาให้ผลไม้ผู้ดูแลสถานธรรมและผู้มีส่วนร่วมในการสร้างสถานธรรมแห่งนี้)
ห้องพระนี้สวยไหม ปาดเหงื่อไปกี่รอบ เหนื่อยไหมทุกคน อาจารย์ขอให้กำลังใจฐันจู่ที่ดูแลที่นี่ด้วยนะ อาจารย์ฝากดูแลห้องพระนี้ที่ศิษย์ตั้งใจกันด้วยนะ เริ่มต้นเสียสละแล้วไปให้ถึงที่สุด กลอนนำที่ท่านหลันต้าเซียนให้ อาจารย์อยากส่งให้ถึงใจศิษย์ เป็นทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยคน เป็นน้ำดับความร้อน เป็นร่มเงาดับความทุกข์เข็ญ เป็นเรือนำพาส่งผู้คนให้พ้นทุกข์ แต่ต้องเริ่มจากใจที่อุทิศเสียสละ อาจารย์ให้สับปะรดแล้วกันนะความหมายจะได้รุ่งเรือง ยิ่งให้อย่ายิ่งยึดติด ยิ่งให้ยิ่งต้องปล่อยวางให้ได้ ให้เหมือนไม่ได้ให้ ยิ่งให้ยิ่งกว้างใหญ่ ใช่หรือไม่ มุ่งมั่นไปให้ถึงที่สุด ดูแลสถานธรรมนำพาผู้คนด้วยจิตใจเบิกบาน ไม่ว่าเขาจะมาอย่างไรต้องให้เขาออกไปด้วยความสุข ออกไปด้วยความร่มเย็น ขอให้ที่นี่เป็นดั่งที่กลอนอาจารย์ให้ ร่มไม้ใบบัง ใครก็อยากเข้ามา ทุกข์แค่ไหนพอมาอยู่ที่นี่ก็เย็นสบาย อาจารย์มีอีกหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง บอกคนที่ร่วมแรงร่วมใจจนทำให้วันนี้ประสบความสำเร็จได้ อาจารย์ฝากผลไม้ไปแจกด้วย คนที่ต้องเหนื่อยยาก เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย)  ไม่เหนื่อยและยิ่งต้องเข้มแข็งด้วย จริงไหม (จริง)  ผ่านไปได้สำเร็จด้วยดี ยกนิ้วให้ ศิษย์ของอาจารย์เก่ง ทำได้ในสิ่งที่ยากทำ ทนในสิ่งที่ยากทน ศิษย์เอ๋ย อาจารย์ถามจริงๆ ให้เราควักเพียงหนึ่งร้อยบาท เราคิดไหม คิดใช่ไหม แล้วนี่มากกว่าหนึ่งร้อย แล้วต้องลงทั้งแรง ลงทั้งเงิน และลงใจด้วย ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย อาจารย์จึงขอนับถือน้ำใจของศิษย์ทุกคนที่ทำจนห้องพระนี้ประสบความสำเร็จ งดงามได้ ฉะนั้นเมื่อพบสิ่งยากลำบาก ขอให้จดจำวันนี้ไว้ วันที่เราสำเร็จ วันที่เราทำได้ ทำในสิ่งที่เราไม่คิดว่าเราจะทำได้ ใช่ไหม (ใช่)  ตอนที่สร้างก็คิดว่าจะเสร็จเมื่อไร จะมีเงินไหม แต่เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ภูมิใจ ได้ทำในสิ่งที่เราไม่คาดว่าจะทำได้  อย่างนี้อาจารย์จะมอบอะไรให้ดี ถ้าเป็นลูกอมก็เดี๋ยวฟันจะพุ ถ้าเป็นขนมก็เดี๋ยวจะอ้วน ไม่รู้ว่าจะให้อะไรศิษย์ดี อย่างนี้ให้ส้มโอแล้วกัน รู้ว่ากินแอบเปิ้ลเบื่อแล้ว เอาส้มโอและแตงโมไปแบ่งกัน กว่าจะสร้างเสร็จต้องใช้หลายคน รู้ว่าหนักก็ยังสู้ต่อ รักษาใจนี้ไว้นะ
ศิษย์เอ๋ย อาจารย์อยากบอกศิษย์ว่า อย่าดูถูกความสามารถและคุณค่าความดีงามในตัวเอง มนุษย์หากได้ตั้งใจทำอะไรดีๆ มักทำได้ดี ดีที่หนึ่ง ดีอย่างแน่แท้ด้วย ศิษย์อาจไม่ต้องเชื่ออาจารย์ก็ได้ แต่ขอเพียงศิษย์เชื่อศรัทธาความดีในใจตน เกิดเป็นคนนะศิษย์ บุญบารมีใครๆ ก็อยากได้ แล้วรอให้ฟ้าประทานหรือเราจะสร้างเอง (สร้างเอง)  แล้วการทำบุญบารมีจะทำด้วยวิธีอย่างไร จิตที่มีแต่ให้ ศิษย์รู้ไหมว่า ธรรม คือ ความโปร่ง โล่ง เบา จิตที่เอามีแต่หนัก แต่จิตที่ให้นั้นเบา โล่ง เหมือนอย่างนี้  ของมีเพียงชิ้นเดียว แย่งกันไปแย่งกันมา อย่างนี้เหนื่อยไหม เกลียดไหม (เหนื่อย, เกลียด)  ถ้าเราคิดง่ายๆ ก็ถ้าเขาอยากได้ก็ให้เขาไป เราก็รู้สึกโล่งทันที ถ้าแย่งกัน ชิงชังด่าว่ากันแทบตาย เมื่อถึงเวลาก็เอาไปไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นในเรื่องของธรรมะสามารถใช้ได้ในทุกอย่าง เรื่องศีลไว้สำหรับละบาป เรื่องคุณธรรมไว้สำหรับประกอบกิจในการดำรงความเป็นคน อยู่ให้มีคุณธรรมมีบุญบารมี ศิษย์อยากไปอยู่ที่ไหนใครๆ ก็รัก เคารพนับถือ และให้เกียรติไหม (อยาก)  อย่างนั้นเราควรปฏิบัติอย่างคนที่มีธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีเมตตายากไหม เป็นคนพูดแล้วรักษาคำพูดยากไหม แต่เป็นคนชอบด่าคนอื่น ชอบจับผิดคนอื่น ชอบกินแรงคนอื่นดีไหม ชอบพูดมากแต่ไม่เคยทำเลยดีไหม แล้วเราเป็นไหม ฉะนั้นการที่เราต้องมีคุณธรรมไว้ ก็เพื่อยับยั้งจิตที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง และส่วนที่เราต้องมีศีลธรรมก็เพื่อยับยั้งไม่ให้เราก่อบาป เราชอบทำบาปไหม ยุงมาตบไม่ตบ มดมาบี้ไม่บี้ แมลงสาบมาเหยียบไม่เหยียบ เกิดเป็นคน สิ่งที่ดีที่สุดในการทำบุญก็คือไม่สร้างบาปเลย แล้วบาปที่เราไม่ควรทำมากที่สุดคือ การเบียดเบียนชีวิตคนอื่นเพื่อชีวิตตัวเอง
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “ร่มไม้ใบบัง”)
ต้นไม้นั้นต้องมีใบบังได้ ปกคลุมได้ ต้นไม้นั้นจึงร่มเย็น ตัวศิษย์ไปอยู่ที่ไหนแล้วมีแต่คนอยากใกล้ชิด แปลว่าคนนั้นเป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วร่มเย็น แล้วศิษย์เป็นประเภทนั้นหรือเปล่า ฉะนั้นคำว่าร่มไม้ใบบัง ความหมายโดยนัยก็คือความร่มเย็น ร่มไม้ใบบังในความหมายนี้มีกลอนซ้อนอยู่ ลองอ่านดูแล้วลองไปทำความเข้าใจให้ละเอียดดีไหม (ดี)
ขอให้เป็นเกียรติบัตรที่นี่และประทับไว้ที่นี่ ขอให้เป็นสถานธรรมที่ใครเข้ามาก็คลายความทุกข์ร้อน ขอให้เป็นสถานธรรมที่ใครเข้ามาก็ช่วยดับความทุกข์ในใจผู้คนได้ ทำให้ได้ในทุกที่นะ ขอให้เราเป็นคนที่ใครอยู่ใกล้แล้วอบอุ่น ใครอยู่ใกล้แล้วไม่ทุกข์ร้อน
มนุษย์ทุกข์เพราะความคิด ฉะนั้นต้องรู้จักมีสติกำกับ มีสติคอยดึง ดังนั้นถ้ามีสติคอยดึง เมื่อมีอะไรผ่านเข้ามาในความคิด มีอะไรผ่านเข้ามาในใจเรา เราก็ได้แค่รู้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่จะทำอย่างไรให้แค่รู้แล้วจบ บางครั้งเราไม่แค่รู้ เราจะเป็นประเภทแบบว่ารู้แล้วเราชอบตัดสิน รู้แล้วเราชอบเปรียบเทียบ ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้แล้วเราชอบมองยึดติด รู้แล้วเราไม่ยอมจบ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นเวลาเจออะไรที่ผ่านเข้ามาไม่ใช่ไปกระทบกายแล้วไปกระทบใจ แต่เมื่อกระทบกายแล้วจิตต้องแค่รู้แล้วไม่ตัดสินได้ไหม (ได้)
(พระอาจารย์เมตตาหยิบกล้วยและส้มขึ้นมา)
อันไหนดีกว่ากัน (กล้วย) เห็นไหมว่าความคิดคนมันไว ศิษย์เอยอะไรมันก็ดี จริงไหม (จริง) นี่แหละนิสัยที่น่ากลัวของมนุษย์ ชอบยึดติด ชอบตัดสิน จึงทำให้เราไม่สามารถมองเห็นความเป็นจริง ใช่หรือไม่ ศิษย์เคยไหม เวลาเจออะไรมากระทบใจ ขอให้นิ่งให้ถึงที่สุดแล้วความจริงจะปรากฏ ไม่ต้องตัดสิน ไม่ต้องให้ค่า ไม่ต้องยึดติด มองตามความเป็นจริง เหมือนอาจารย์ถามว่ากล้วยหรือส้มดีกว่าถ้ายึดติดความหมายเราก็ชอบกล้วย แต่ถ้าจะกินก่อนกินข้าวเราก็คงเลือกส้ม ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถามว่าอะไรดีที่สุดในชีวิต เวลาเราเจออะไรที่ไม่ดีของเขา (พระอาจารย์เมตตาให้อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมออกมา 2 ท่าน) เห็นอะไรชัดไหม เราอดตัดสินไม่ได้นะ ความคิดมันไว แค่มองเห็นก็คิดแล้วว่า คนนี้จะสูงไปไหนเนี่ย แต่พอมองเห็นอีกคน ทำไมอ้วนอย่างนี้ เตี้ยจังเลย เห็นไหมว่าความคิดมันไว ถูกไหม (ถูก) อย่าบอกนะว่าในใจศิษย์ไม่คิด ฉะนั้นแค่รู้แต่ไม่ตัดสิน แค่รู้แต่ไม่ยึดติด เพราะทุกสิ่งเกิดแล้วมันก็จะจบทันที แต่ถ้าบอกว่าคนนี้สูงยาวเข่าดีได้ก็ดีนะ คนนี้อ้วนคงไม่ไหวท่าทางจะกินจุไปนะ มันเลยไม่จบเลยถูกไหม ฉะนั้นความโลภ โกรธ หลง จะไม่เกิดในจิตใจศิษย์เลย ถ้าศิษย์สามารถมีสติรู้แต่ไม่ตัดสิน อารมณ์จะไม่เกิดขึ้นทันที ถูกไหม (ถูก)
เริ่มต้นบำเพ็ญธรรมต้องมีศีลเพื่อละบาป มีคุณธรรมเพื่อสร้างบุญบารมี รู้จักจิตตนเอง ฝึกจิตตัวเองด้วยคุณธรรม เรียกว่าสัจธรรมเพื่อรู้แจ้งและพ้นทุกข์ ธรรมมีสามกองแค่นี้เอง กองหนึ่งคือกองละบาป กองหนึ่งคือกองบำเพ็ญบุญ อีกกองหนึ่งคือเข้าถึงความบริสุทธิ์ รู้แจ้งถึงความเป็นจริงและนำพาให้ตนเองพ้นทุกข์ ที่เรียกว่า ศีลธรรม คุณธรรม และปัญญาธรรม มีโอกาสคงได้มาร่วมบุญกันอีกดีไหม เป็นบุญที่สร้าง เป็นบุญที่ร่วมกันศึกษาแล้วก่อเกิดปัญญา มีความตื่นรู้และพ้นทุกข์ ฉะนั้นมีโอกาสหมั่นให้ตัวเองมาเพิ่มปัญญาธรรม ด้วยการเสียสละ ละวางทางโลก วันนี้ถ้าไม่รู้จักฝึกหัด วันหน้าเราจะหัดทำใจไหวไหม
ใกล้ปีใหม่แล้วใครๆ ก็อยากให้อาจารย์อวยพร อาจารย์ไม่ขอให้แข็งแรง ไม่ขอให้ร่ำรวย แต่อาจารย์ขอให้ศิษย์มีปัญญารับมือกับทุกปัญหาเรื่องราวในความเป็นจริงของโลกด้วยสติและหัวใจที่กล้าหาญ เพราะในชีวิตเราเลือกไม่ได้ที่จะต้องเจอแต่สิ่งที่ดี บางครั้งถ้าเราไม่ดี ขอให้ศิษย์สู้ให้ไหว รับให้ได้ ไม่ว่าโลกมันจะพลิกไปขนาดไหน ขอให้พลิกใจตนเองให้เป็น ยกตัวเองให้พ้นทุกข์ให้ได้ แล้วความร่มเย็นสันติสุขจะเกิดจากใจ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยตื่นก็เป็นสุข ตายก็เป็นสุข เพราะทำดีที่สุดแล้ว จะกลัวอะไรกับความแก่ เจ็บ ตาย ถ้าทำเต็มที่แล้ว ขอให้ศิษย์มีสติ มีปัญญาและกล้าหาญ ฝ่าฟันความทุกข์ฝ่าฟันอุปสรรค อย่าให้ความคิดทำร้ายตัวเอง เป็นเด็กดีเข้มแข็ง รู้จักดูแลตัวเอง
(อาจารย์เป่าหัวให้หน่อย) หมดทุกข์หมดโศกได้เราต้องไม่สร้างเวร (หมดหนี้หมดสิน) หมดหนี้หมดสินต้องรู้จักลดละความอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมีหนี้ไม่จบสิ้น ชดใช้ด้วยจิตใจที่รู้จักไม่ฟุ่มเฟือยนะ (สุขภาพแข็งแรง) ความแข็งแรงไม่สู้จิตใจที่กล้าสู้กับความจริงนะ
อย่ากลัวกับโรคภัย อย่ากลัวกับปัญหา ขอเพียงศิษย์สู้ โรคภัยก็สามารถเบาบางได้ ขอเพียงศิษย์เข้มแข็งปัญหาต่างๆ ก็ผ่านได้ เหนื่อยกันไหม ดูแลตัวเองให้ดี อย่าลืมจิตใจนี้ รักษาใจนี้ไว้ ใจที่มุ่งมั่นบำเพ็ญเพื่อฉุดช่วยคน ใจที่ช่วยคนโดยไม่ห่วงตัวเอง ศิษย์ของอาจารย์เข้มแข็งแล้ว เก่งแล้ว ตั้งใจมุ่งมั่นบำเพ็ญไปให้ถึงฝั่งด้วยหัวใจที่กล้าหาญ หัวใจที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ เด็ดเดี่ยวห้าวหาญ ยอมรับความยากลำบากเป็นหัวใจที่ยอดที่สุดแล้ว ไม่ร้องไห้แล้วนะ เข้มแข็งนะ ไปให้ถึงฝั่งฟ้า ไปให้ถึงที่สุดที่เราทำได้ ดึงหัวใจที่ดีงามออกมานำทางผู้คน ดึงหัวใจที่เสียสละ ดึงหัวใจที่เสียสละอันนี้ให้คงอยู่จนทำให้เขาอยากเดินตามด้วยใจ ทำอะไรด้วยใจ เราก็จะได้ใจกลับมา จริงไหมศิษย์ เข้มแข็งนะ ตั้งใจบำเพ็ญนะ
เมื่อคิดจะทำอะไรต้องไตร่ตรองให้ดี อย่าคิดทำบาป อย่าทำผิด เพราะเมื่อศิษย์ผิดไปแล้ว อาจารย์ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเวรกรรมของใครคนนั้นก็ต้องรับเอง อาจารย์มีหน้าที่เพียงตักเตือนและชี้นำศิษย์ให้ถูกทาง อย่าหลงทางผิด จงเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเด็กดี อาจารย์ให้ผลไม้คนที่ปวดขา เอาผลไม้มาให้เขาด้วย และต้องรู้จักละบาป ไม่สร้างบาปเพิ่ม อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะได้สิ้นกรรม อาจารย์ช่วยได้เพียงการชะลอ แต่กรรมนั้นจะกลับมาอีก ถ้าศิษย์ยังกระทำเหมือนเดิม ศิษย์ต้องแก้ชะตาชีวิตของตนเองด้วยการเปลี่ยนการกระทำของตัวเอง คือ ไม่สร้างบาป ละบาป บำเพ็ญบุญให้ได้ ทำได้ไหม (ได้) 


พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ร่มไม้ใบบัง”

    คนใจเย็นจึงทำบ้านให้ร่มเย็น           น้อมรับฟังทุกความเห็นจึงกว้างใหญ่
สามารถดึงศักยภาพคนได้ทุกวัย           ทำด้วยใจได้ใจคืนกลับมา
รุ่นก่อนปลูกรุ่นหลังร่มเย็น                  ปฏิบัติเป็นเห็นตามปฏิบัติหนา
คุณธรรมคงเหนือกาลเวลา                  เป็นร่มเงาอันเมตตาตลอดไป








อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

2562-11-16 สถานธรรมจื้อเจวี๋ย สงขลา

西元二○一九年歲次己亥十月二十日                             仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒                สถานธรรมจื้อเจวี๋ย สงขลา
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
     ใช้ธรรมนำทางชีวิต                  มิคิดก่อกรรมทำเข็ญ
         รู้พอรู้ใช้สุขเป็น                         เช้าเย็นมีธรรมต่อกัน
                              เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ     รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก น้อมกายอัญชุลี
องค์มารดา                   ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

   ชมใจมโนธรรม                         ชมจริยะล้ำสุกใส
งดงามจากเมตตาไว้                     น่ารักงามง่ายระบือ
เนื่องขาดความเหมาะสม               ใจสะสมกิเลสยึดถือ
ทำไมไม่ซื่อซื่อ                           จงบำเพ็ญสื่อสารธรรม
กายตรงวาจาตรง                        จิตตรงเป็นประจำ
คำพูดการกระทำ                         คิดย้ำบำเพ็ญจริง
สำเร็จจากยุคลำเค็ญ                     คิดพูดเห็นสติ
วางเรื่องเก่าอคติ                         ความจริงชี้ปัญญา
อัคคีอย่ากอบเข้า                         ลามเผากระทั่งฟ้า
กวาดกิเลสกองขยะ                      ลุกปะทะคิดอะไร
ชีวิตเรื่องสั้นสั้น                          อย่ารอวันสลาย
วันหนึ่งทำอะไร                          ใช้ใจใช้สมอง
เข้าถึงแต่กฎเกณฑ์                      บำเพ็ญของตนพร่อง
บำเพ็ญทุกเรื่องต้อง                     มองมองไม่อัตตา
แม้มีคนปรานี                             ไม่มีพ้นปัญหา
เรื่องคนอื่นธรรมดา                      เห็นชะตากรรมตน
ชีวิตไม่เที่ยงหนา                         นาวากลางลมฝน
สรรพสิ่งล้วนปะปน                      มรรคผลในท่ามกลาง

                                                                                                ฮา ฮา หยุด



พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ

เราบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าการมาของเราคงทำให้ท่านลำบากใจไม่มากก็น้อย ใช่ไหม (ไม่ใช่)  ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นเราคุยกันต่อนะ ได้ไหม (ได้)  เมื่อเราเรียนรู้ว่าถึงแม้เราจะเก่งขนาดไหน แต่บางครั้งเราก็ผิดพลาดได้ในความเก่งนั้น ในสิ่งที่เรารู้บางครั้งเราก็ผิดพลาดได้ในสิ่งที่เรารู้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไรที่เราเจอคนผิดพลาด เมื่อไรที่เราเจอคนทำผิด เราควรไหมที่จะติฉินนินทา (ไม่ควร)  เราควรไหมที่จะหักหาญน้ำใจ (ไม่ควร)  เราควรไหมที่จะเอาไปต่อว่าต่อขาน (ไม่ควร)  แล้วเราควรไหมที่จะเอาไปบอกกล่าวผู้อื่น (ไม่ควร)  แล้วเราทำไหม (ไม่ทำ)  เราเก่งขนาดไหนเมื่อมาอยู่ในโลกกว้าง เมื่อมาอยู่กับผู้คนมากขึ้น เราจึงรู้ว่าบางครั้งเราแทบจะไม่เก่งเลย หรือบางครั้งสิ่งที่เรารู้มากขนาดไหน แต่เมื่อมาอยู่กับผู้คนมากขึ้น เราจึงรู้ว่าสิ่งที่เรารู้นั้นเป็นความรู้ที่บางครั้งใช้อะไรไม่ได้เลย เหมือนเราต้องนับหนึ่งใหม่เรียนรู้ใหม่ และในสิ่งที่เรารู้สิ่งที่เราเก่งเราก็พร้อมจะผิดพลาดได้ และในสิ่งที่เรามั่นใจเราก็พร้อมจะก้าวพลาดได้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อเจอคนที่พลาดเมื่อเจอคนที่ไม่เก่ง เราควรไหมที่จะนินทา เราควรไหมที่จะต่อว่าต่อขาน เราควรไหมที่จะเหน็บแนมให้เขาเจ็บปวด (ไม่ควร)  แล้วเราทำไหม (ไม่ทำ)  หัวอกเขาหัวอกเรา เราก็เคยผิดเขาก็เคยผิด ฉะนั้นถ้าจะทำสิ่งที่เรารู้สึกไม่ชอบ สิ่งที่คนเขาทำผิดพลาด แล้วทำผิดพลาดกับเรา เราจะมาแปรความผิดพลาดนั้นเป็นความโกรธเกลียด เป็นอารมณ์ เป็นกรรมต่อกัน หรือจะแปรความผิดพลาดของเขาเป็นความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ อภัย และรู้ซึ้งถึงความเป็นจริง อะไรดีกว่ากัน เราควรจะแปรความผิดพลาดของเขาเป็นความเห็นใจ เข้าใจ อภัย ใช่ไหม แต่ปกติเราเห็นใจไหม
ถ้าอย่างนั้นเราถามท่านหน่อย โลกนี้น่าอยู่เพราะคนเข้าใจกัน เห็นใจกัน ใช่ไหม และโลกนี้ไม่น่าอยู่เพราะคนเอาแต่ทำร้าย เหน็บแนม ซึ่งกันและกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราทำโลกน่าอยู่หรือเราทำโลกไม่น่าอยู่ และเราอยากได้โลกที่น่าอยู่หรือโลกที่ไม่น่าอยู่ (น่าอยู่)  เราอยากได้โลกน่าอยู่แต่เราทำโลกไม่น่าอยู่ ใช่ไหม เราต้องการอีกอย่างแต่เราทำอีกอย่าง อย่างนั้นถูกต้องไหม (ไม่ถูกต้อง)  และผลสุดท้ายกรรมก็ตกมาที่ตัวเรา ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ใช่หรือไม่ ก็เราไม่เคยเห็นใจเขา เราไม่เคยเรียนรู้ที่จะเข้าใจเขา และจะมีใครเข้าใจเห็นใจเรา ถูกไหม เขาผิดพลาด เราก็เคยผิดพลาด ถ้าแปรความผิดพลาดเป็นความเห็นใจ แปรความผิดพลาดเป็นความเข้าใจ โลกนี้คงสันติสุข จริงไหม แต่ทุกวันนี้ไม่สันติสุข ใช่ไหม แต่ส่วนใหญ่ที่เรามอบไปความรักหรือความเกลียด ทั้งรักทั้งเกลียดเลยใช่ไหม
ท่านไม่เคยได้ยินหรือว่า ปัญญาหาได้จากการเรียน ปัญญาเพิ่มได้ด้วยการเรียนรู้ ผู้ใดใคร่อยากมีปัญญา ผู้นั้นต้องใคร่รักการเรียนรู้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยิ่งปัญญาแห่งธรรมที่นำพาให้เราพ้นทุกข์ด้วย ปัญญานำพาให้เราพ้นทุกข์ได้ ปัญญาทำให้เราอยู่ร่วมกับทุกข์ได้อย่างเป็นสุข ปัญญาทำให้เรามีชีวิตอยู่บนโลกด้วยความเข้าใจทุกข์ อย่างนี้การศึกษาเรียนรู้ธรรมไม่น่าสนใจหรอกหรือ (น่าสนใจ) 
นั่งไม่นั่ง (นั่ง)  เชิญนั่ง ไม่ต้องพิธีรีตองมากนะ เพราะอยู่บ้านปกติไม่เคยสนใจใคร ไม่เคยแคร์ใครใช่หรือไม่ (ใช่)  มาอยู่ที่นี่จะกินก็ต้องเชิญคนนั้น จะนั่งก็ต้องเรียกคนนี้ ถ้าเราอยู่ในโลก เรารู้จักคำนึงถึงหัวอกคนอื่นก่อนที่จะนึกถึงตัวเองคนเช่นนี้ไม่น่ารักหรอกหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จะนั่งก็ห่วงคนอื่นให้คนอื่นนั่งก่อน จะกินก็นึกถึงคนอื่นก่อนเช่นนี้ไม่น่ารักหรอกหรือ (น่ารัก)  เพราะปกติเคยห่วงคนอื่นไหม (ห่วง)  ห่วงแต่คนในบ้านมากกว่าใช่ไหม (ใช่)  อย่ารำคาญพิธีรีตองเล็กๆ น้อยๆ เลยนะ เพราะพิธีรีตองก็เป็นจริยะ ที่ทำให้เรารู้จักคำนึงถึงผู้อื่นมากกว่านึกถึงตัวเอง ให้เรารู้จักสำนึกคุณถึงผู้อื่นก่อนที่จะห่วงแต่ตัวเอง ใช่หรือไม่
วันนี้ท่านมาฟังธรรมะ ธรรมะในความคิดของท่านโดยส่วนใหญ่มักจะตีกรอบว่าแค่สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ ทอดกฐิน ธรรมะสอนให้เราเป็นคนดี ใช่หรือไม่ แต่วันนี้ถ้าเราบอกว่าธรรมะไม่ใช่มีแค่นั้น ธรรมะยังมีอีกส่วนหนึ่ง และยังมีอีกหลายๆ ส่วนที่ท่านลืมมองไป ธรรมะไม่ได้สอนให้เราเป็นแค่คนดี แต่ธรรมะยังสอนให้เราเรียนรู้ที่จะเข้าใจความจริงและนำพาให้เราพ้นทุกข์ ซึ่งธรรมะอันนี้เราไม่เคยเอามาใช้เลย จริงไหม เอามาแต่ทำให้ตัวเองดี เอามาแต่ปฏิบัติให้ตัวเองดี แต่ไม่เคยเอาธรรมะมาปฏิบัติให้ตัวเองพ้นทุกข์สักที ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเราถามต่อ ธรรมะที่วันนี้ที่ท่านมาฟัง ไม่ใช่แค่เป็นคนดี แต่เป็นธรรมะที่ปฏิบัติแล้วทำให้เราพ้นทุกข์ อย่างนั้นท่านกลัวทุกข์หรือกล้าเผชิญความทุกข์ (กล้าทุกข์)  อย่างนั้นคนที่กล้าเผชิญความทุกข์ เขาจะเลือกเจอแต่สุขใช่ไหม ความทุกข์ไม่เอาใช่ไหม คนที่บอกว่าคือคนที่กล้าทุกข์ คือคนที่หวังวอนขอทำดีแล้วต้องเจอแต่สิ่งดีๆ อย่าเจอสิ่งที่ไม่ดีใช่ไหม คนที่กล้าเผชิญความทุกข์คือคนที่เลือกจะเจอแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่เลือกว่าทุกข์ไม่ยอมเจอใช่ไหม (ไม่ใช่) 
คนที่กล้าเผชิญความทุกข์คือคนที่กราบพระ ทำดีแล้วก็บอกว่าขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ แล้วนั่นคือคนที่กล้าเผชิญทุกข์หรือ ตกลงว่าท่านอยู่ในโลก ท่านกล้าทุกข์หรือท่านไม่กล้าสู้ทุกข์ (ไม่กล้าสู้ทุกข์)  ถ้าคนกล้าที่จะทุกข์เขาจะไม่เลือกเจอแต่สิ่งที่ดี ถ้าคนที่เข้าใจทุกข์ กล้าเผชิญทุกข์ เขาจะยอมรับทั้งดีและไม่ดี ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นผู้ที่กล้าเผชิญความทุกข์ เขาจะกล้ายอมรับความจริงว่า โลกนี้มีทั้งดีและไม่ดี โลกนี้มีทั้งสุขและทุกข์ เพราะเป็นธรรมดาของโลกและในความเป็นธรรมดานั่นคือความจริงอันหนีไม่พ้น ถ้าอย่างนั้นคนที่กล้าเผชิญความทุกข์คือคนที่เรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์และสุขได้ และคนที่ทำดีโดยไม่หวังวอนขอว่าจะต้องเจอแต่สิ่งที่ดี ฉะนั้นตอนนี้เราปฏิบัติธรรมแบบไหน ถ้าคนที่ปฏิบัติธรรมแบบเข้าใจ และนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์คงไม่ปฏิบัติธรรมแล้วเอาแต่ขอว่าจงเจอแต่สิ่งที่ดี จงมีแต่สิ่งที่ดี
ใช่ไหม แต่คนที่เขาเข้าใจทุกข์และปฏิบัติเป็น เขาจะกล้าเผชิญความทุกข์ ไม่ว่าความทุกข์นั้นจะดีหรือไม่ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นปฏิบัติธรรมอย่าเอาแต่ธรรมมาแค่เป็นคนดี แต่ต้องเอาธรรมมาทำให้เราเห็นแจ้งทั้งทุกข์และสุข ใช่หรือไม่ และส่วนใหญ่ความทุกข์ที่เราไม่อยากเจอมีอะไรบ้าง มีแต่เรื่องที่เป็นทุกข์ใจทั้งนั้นเลยใช่ไหม (ใช่)  แล้วในเรื่องที่ทุกข์ใจนี้คือส่วนหนึ่งของชีวิต แล้วคือความจริงที่หนีไม่พ้นใช่หรือไม่ แล้วคือความจริงอันเป็นธรรมดาโลกไหม (ใช่)  มีเยอะแยะเลยถูกไหม

จริงๆ แล้ว มนุษย์เราทุกคนมีเรื่องความทุกข์ที่หนีไม่พ้นเป็นหลักๆ อยู่ไม่กี่เรื่อง เรื่องหนึ่งคือความแก่ เรื่องหนึ่งคือความเจ็บ เรื่องหนึ่งคือความตาย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คือความทุกข์ที่หนีไม่พ้น ที่มีอยู่ในทุกชีวิต ใช่ไหม (ใช่)  ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นรูป หรือสิ่งที่เป็นนาม ก็มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หนีไม่พ้น สมมติถ้าเป็นแค่ตัวเราแค่ร่างกายนี้ มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย  ปกติก็มีแค่นี้ แต่ถ้าเมื่อใดเอาตัวเราใส่เข้าไปในชีวิต เรามีมากกว่านี้ไหม (มาก)  ออกมาเยอะเลย ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเอาตัวเราออกเราก็มีแค่ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย)  ฉะนั้นถ้าเราเอาตัวเราใส่เข้าไป ตัวเรานอกจาก แก่ เจ็บ ตาย แล้วเราก็ยังมีเพิ่มอะไรเข้าไปอีก (อารมณ์)  เอาง่ายๆ นะ มนุษย์เราทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความเป็นจริงอันหนีไม่พ้นที่เรียกว่า แก่ เจ็บ ตาย แล้วยังเป็นเช่นนั้นจนกว่าที่เราจะหมดลมหายใจไป ถึงจะสิ้นสิ่งนั้นได้ ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเมื่อไรสิ่งนั้นเติมคำว่าตัวตนเข้าไป ความทุกข์จะไม่ใช่แค่สามอย่าง จะมีมากมายนับไม่ถ้วนเขียนบนกระดานก็ไม่หมด ใช่ไหม (ใช่)  แล้วสิ่งนั้นจะค่อยๆ เริ่มเกิด ค่อยๆ เริ่มมี เพราะเมื่อเราใส่อารมณ์เข้าไป ใส่ตัวตนเข้าไป พอมีอารมณ์จากเจ็บเราก็เริ่มเจ็บมาก เจ็บน้อย ใช่ไหม พอมีอารมณ์เราก็เริ่มเจ็บเพราะเขาทำเรา หรือเจ็บเพราะเราทำเขา ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเมื่อใดเราดับทุกข์ง่ายๆ เมื่อใดเราถอนอารมณ์ออก ถอนตัวตนออก เราก็จะเหลือทุกข์แค่ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย)
เรายังถอนอารมณ์ออกไม่ได้ ถอนความเป็นตัวตนออกไม่ได้ ความทุกข์ก็จะมีไม่จบสิ้น ใช่หรือไม่ เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าสมมติว่ากระเช้าดอกไม้นี้หนีพ้นความแก่เจ็บตายได้ไหม (ไม่ได้)  เรารู้ว่ายังไงก็ต้องเหี่ยว กระเช้ายังไงก็ต้องพังสลาย แต่เมื่อไรที่เราเห็นกระเช้านี้มีใครดึงดอกไม้เราก็เฉยๆ ใครมาทำกระเช้าพังเราก็เฉยๆ แต่เราจะเจ็บมากยิ่งขึ้นถ้าบอกว่า “ของเรา”ใช่ไหม แต่เมื่อถอนของเราทิ้ง เจ็บไหม ทุกข์ไหม อย่างนั้นที่เราทุกข์เพราะเราพยายามอยากเป็นเจ้าของในสิ่งที่เราหนีไม่พ้นทุกข์ใช่ไหม แล้วเราอยากเจ็บอีกไหม (ไม่)  ถ้าอย่างนั้นลองเติมคำว่า ของเรา “เเต่เเฟนให้มา” เจ็บขึ้นไหม อยากเจ็บอีกไหม ของเรา แต่แฟนให้มา “แต่แฟนไม่ให้เรา” เจ็บไหม ฉะนั้นที่เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้ทั้งที่เรารู้ว่าสรรพสิ่งในโลกไม่ว่าตัวเราหรือของอะไรก็ตาม หนีไม่พ้นความแก่ ความเจ็บ ความตาย แต่ที่เราเจ็บกับสิ่งๆ นั้นมาก หรือทุกข์กับสิ่งๆ นั้นมาก เพราะเรายึดติดกับคำว่าตัวตน เพราะเรามีอารมณ์ร่วมกับสิ่งๆ นั้น ใช่ไหม ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์ เราไม่อยากเจ็บ บางครั้งเราต้องทำอย่างไรหนอ (ปล่อยวาง)  ปล่อยวางจริงไหม ท่านเคยได้ยินไหม ของบางอย่างมันมีก็จริง แต่ถ้าเราไม่คิดมันก็ไม่ทุกข์ ของบางอย่างมันไม่มี แต่เมื่อเราคิด เราก็ทุกข์ ใช่ไหม ฉะนั้นที่เราทุกข์เพราะเราคิด
ใช่หรือไม่

ฉะนั้นชีวิตนี้เป็นภาพสะท้อนของจิตใจเมื่อใจว่างทุกสิ่งก็ว่าง เมื่อใจมีทุกสิ่งก็มีถูกไหม (ถูก)  เหมือนเปรียบเทียบง่ายๆ คิดง่ายๆ บางคนยังคิดไม่ออกท่านเคยได้ยินคำว่า ผีเห็นผีไหม (เคย)  รู้ไส้รู้พุงเขาเพราะว่าเราก็เป็นอย่างนั้นใช่ไหม (ใช่)  เจ็บมากเท่าไหร่ก็เพราะเราคิดอย่างนั้นใช่ไหม ฉะนั้นถ้าความคิดนั้นไม่มีอยู่ในใจเรา เราจะเจ็บไหม (ไม่เจ็บ)  หรือเปรียบเทียบง่ายๆ อีก ท่านเคยเห็นไหมผู้หญิงไม่เคยติดเหล้า ผู้หญิงไม่เคยติดบุหรี่ ต่อให้เดินผ่านร้านเหล้าร้านบุหรี่จะหวั่นไหวไหม (ไม่)  จะรู้สึกเปรี้ยวปากไหม (ไม่)  เพราะบุหรี่และเหล้ามันไม่มีในใจใช่ไหม (ใช่)  แต่ตรงกันข้ามฝ่ายชาย แม้ไม่เห็นเหล้าไม่เห็นบุหรี่ แต่เหล้ากับบุหรี่มันอยู่ในใจอยากไหม (อยาก)  อย่าพูดสิมันเปรี้ยวปากถูกไหม ฉะนั้นฉันใดก็ฉันนั้นถ้าเรามองสิ่งนั้นไม่ใช่ทุกข์อีกต่อไป ถ้าเรามองสิ่งนั้นไม่ใช่ความเจ็บล่ะ ถ้าเรามองสิ่งนั้นเป็นความธรรมดา ใจเราเห็นเป็นธรรมดาก็ไม่เจ็บ ใจเราเห็นไม่ทุกข์ก็ไม่เจ็บ ใจเราเห็นเป็นเช่นนั้นเองก็ไม่เจ็บใช่ไหม (ใช่)  ผีเห็นผีเห็นอะไรก็ทำอย่างนั้น คิดอะไรก็ได้อย่างนั้นใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วถ้าเกิดว่าในใจเรามันว่างที่เห็นมันจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  เมื่อจิตว่างสรรพสิ่งก็ว่างเปล่าใช่ไหม (ใช่)  หรือเป็นเพราะว่าเราเต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนี้ทุกข์ สิ่งนั้นทุกข์ สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนั้นไม่ดี
ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเราจะแก้ที่เขาหรือแก้ที่เรา ว่าอย่างไร แก้ที่เขาหรือแก้ที่เรา (แก้ที่เรา)  เหมือนเราถามท่านง่ายๆ ปลูกดอกไม้ถ้าดอกไม้มันมีทั้งสวยและไม่สวยโทษสภาวะแวดล้อมหรือโทษต้นไม้

ถ้าเราดูแลดีก็แล้ว บำรุงดีก็แล้ว ทำอะไรดีทุกอย่างก็แล้ว เราก็ยังหนีไม่พ้นมีดอกไม้ไม่สวย มีผลไม้ไม่ดี โทษเขาหรือโทษเรา ชีวิตมีทุกข์ที่หนีไม่พ้น ใช่หรือไม่ และความหนีไม่พ้นนั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิต และคือความจริง ถ้าอย่างนั้นความจริงคือชีวิต ชีวิตคือธรรมดา ผู้ใดยอมรับความจริงอันเป็นธรรมดา ผู้นั้นย่อมเข้าใจธรรม ถูกหรือไม่
ยอมรับความจริงอันธรรมดาได้ มนุษย์ก็สามารถเรียนรู้ที่จะเข้าใจชีวิตและพ้นทุกข์ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ขึ้นชื่อว่าชีวิตหนีความตาย ความพลัดพราก หนีความสูญเสียได้ไหม (ไม่ได้)  หนีความไม่มีได้ไหม (ได้)  เพราะเรามาจากความไม่มี พอถึงวันหนึ่งเราก็ต้อง (ตาย)  ฉะนั้นเราบอกว่าเป็นคนหนึ่งที่กล้าเผชิญความทุกข์ สิ่งที่เราพูดมาทั้งหมดใช่ทุกข์ไหม
เราหนีความแก่ ความเจ็บได้ไหม (ไม่ได้)  ขึ้นชื่อว่าชีวิตมีความแก่ มีความเจ็บ มีความพลัดพราก มีความสูญเสีย มีความไม่มีเป็น (ธรรมดา)  และเป็นส่วนหนึ่งของ (ชีวิต)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเรายังมีชีวิต เราก็หนีไม่พ้นความจริงอันนี้ถูกหรือไม่ (ถูก)  และความจริงอันนี้คือส่วนหนึ่งของ (ชีวิต)  อันเป็นความจริงอันเป็นธรรมดา แต่เรายอมรับความจริงอันเป็นธรรมดาและเป็นทุกข์ ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกข์ไหม (ไม่)  ถ้าในใจเรายังกังวลถึงความแก่ ความเจ็บว่าเป็นทุกข์ ฉะนั้นเกิด แก่ เจ็บ เราก็เป็นทุกข์  แต่ถ้าเรามองว่าความแก่ ความเจ็บ ความเกิดเป็นธรรมดาของโลก เราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  เราก็จะไม่ทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นชีวิตเกิดขึ้นมาจากความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนชีวิตก็ต้องเปลี่ยนที่ (ความคิด ความรู้ ความเข้าใจ)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงบอกว่าไปไหว้พระเก้าวัดก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่เปลี่ยนที่ (ความคิด)  ถูกหรือไม่ (ถูก)  ความทุกข์แท้จริงแล้วทุกข์จริงไหม (ไม่จริง)
ถ้าสมมติว่าชีวิตเราเหมือนสายน้ำ เหมือนคลองเป็นสายน้ำเส้นหนึ่ง เราหวังว่าคลองนี้จะต้องมีแต่น้ำสะอาดที่ไหลผ่านเท่านั้นเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  วันหนึ่งต้องมีน้ำเสียและเมื่อมันไหลมา แล้วจะไหลไปไหม ไม่ว่าจะเป็นน้ำสะอาดหรือน้ำสกปรก สักวันหนึ่งไหลมาก็ต้องไหลไป เมื่อไหลไปแล้วไปเลย เรียกกลับไม่ได้ ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นที่ท่านบอกว่าทุกข์ มันจบไปหรือยัง มันไปแล้ว ใช่ไหม ทำไมคลองนั้นยังรู้สึกสกปรกอยู่ แล้วเมื่อมันมาอีกรอบ ถามใจท่านจะเก็บกลับไว้หรือให้ผ่านแล้วผ่านไป มันผ่านไปเลยหรือเราเก็บกักไว้ มันผ่านไปเลยแต่ใจท่านไม่ยอมผ่าน ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นจึงมีคำพูดว่า แม้ทุกข์จะจริงขนาดไหนแต่ในความเป็นจริง ทุกข์นั้นก็ยังสามารถลวงหลอกเราได้ สิ่งที่จริงอาจจะไม่จริงก็ได้ เหมือนดังคำกล่าวพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า จิตเดิมแท้นั้นประภัสสรแต่หมองหม่นเพราะกิเลสจรมา
ใช่ไหม เหมือนเราดูพระจันทร์หรือพระอาทิตย์ สว่างไหม (สว่าง)  แต่หมองหม่นไปเพราะเมฆ เพราะฉะนั้นเมฆก็เหมือนความทุกข์ไหม แล้วเมฆอยู่นานไหม เมฆไปไหม แล้วพระอาทิตย์ยังสว่างเหมือนเดิมไหม แต่ที่ใจท่านไม่สว่างเพราะใจท่านยังอยากเอาเมฆไปอยู่กับตัว ถูกไหม ถ้าอย่างนั้นพอจะเข้าใจหรือยัง ยากไหม ไม่ยากเลย อยู่ที่เราจัดการและรับมือกับความเป็นจริงในชีวิตอย่างไร ทั้งที่จริงๆ แล้วความเป็นจริงแห่งชีวิตล้วนเป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง ใช่ไหม

ไม่ใช่เรื่องยากในการที่จะเข้าใจความทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  แต่เสียอย่างเดียวสมาธิและสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เลยฟังแล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงไหม บางท่านรู้เรื่องบางท่านไม่รู้เรื่องก็เป็นธรรมดาจริงไหม เหมือนบางคนเห็นด้วยกับเราบางคนไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่อง (ธรรมดา)  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเมื่อใดที่มนุษย์สามารถมองเห็นความเป็นจริงอันเป็นธรรมดาได้ ความทุกข์เราจะลดน้อยลง และเราจะรู้จักและเข้าใจอะไรที่เรียกว่าประพฤติปฏิบัติธรรม ใช่ไหม (ใช่)  เราเพิ่งเคยได้ยินว่าถ้าเรามุ่งมั่นทำสิ่งดี แล้วเจอความไม่ดีมาต่อกรเรายังต้องหยัดยืนในความดีนั้นไว้ โดยไม่สูญเสียความดีไปจากใจ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วท่านรู้ไหมความเป็นมนุษย์เรียกว่าความปกติ จริงไหม (จริง)  ชีวิตคือความปกติอันเป็นธรรมดา ฉะนั้นเมื่อใดที่เราทำตัวเองผิดปกติ แปลว่าเรากำลังดำเนินชีวิตผิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความเป็นปกติคือความเป็นธรรมดา ความธรรมดาคือความปกติ อย่างนั้นที่เราผิดปกติเพราะเราทำสิ่งที่ผิดธรรมดา แล้วเราก็เลยหนีไม่พ้นความทุกข์ แต่ถ้าเราเข้าใจว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่ปกติธรรมดา เราก็จะไม่ทุกข์ จริงไหม (จริง)  ถามจริงๆ นะ เหมือนเราพยายามจัดดอกไม้ใส่ตะกร้า มีคนชมใช่ไหม (ใช่)  แล้วก็มีคนว่าใช่ไหม (ใช่)  แล้วก็มีทั้งคนที่ไม่พูดอะไรใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นคนที่รักษาใจปกติโดยที่เข้าใจธรรม ก็จะไม่รู้สึกอะไรทั้งตอนโดนชมและตอนโดนติ ถ้าโดนชมแล้วใจพองโตก็แปลว่าผิดปกติ ไม่ใช่ธรรมะ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วถ้าโดนว่าแล้วใจเราหดหู่ก็แปลว่าเราผิดปกติ ใช่ไหม (ใช่) 
ถ้าเกิดว่าเขาชมก็แล้ว ว่าก็แล้วใจเรายังปกติ แปลว่าเราเป็นอิสระและพ้นทุกข์จริงไหม (จริง)  แล้วชีวิตเราล่ะอยากพ้นทุกข์ไหม (อยาก)  ฉะนั้นโดนชมก็ (ปกติ)  โดนว่าก็ (ปกติ)  ไม่ชมไม่ว่าก็ (ปกติ)  แล้วเราปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  ก็เท่านั้นเอง ธรรมะไม่ยากเลยจริงไหม (จริง)  คนขี้โมโหปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  คนชอบนินทาคนอื่นปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  คนที่เอาแต่กินไม่สนใจคนอื่นปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  คนที่อยากสวยมากกว่าคนอื่นปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นธรรมะคือไม่ใช่แค่คนดี แต่ธรรมะคือเข้าใจความเป็นจริง จนรักษาความเป็นปกติของใจ และยอมรับได้ในความเป็นธรรมดา จนบังเกิดธรรมขึ้นในใจ ด้วยความเป็นปกติใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไรที่ผิดปกติ ก็แปลว่าท่านลืมธรรม ฉะนั้นกลับไปโดนใครว่า ก็รักษาความปกติ โดนใครชมก็ปกติ เขาไม่พูดอะไรเลยก็ (ปกติ)  ได้ไหม (ได้)  เพราะทุกสิ่งล้วนสะท้อนความเป็นจริงแห่งใจ เมื่อไรเขาทำอะไรผิดปกติ แสดงว่าใจเราก็ผิดปกติใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อไรที่เขาทำอะไรที่ทำให้เราทุกข์ แปลว่าใจเราก็ไม่ยอมรับความทุกข์อันเป็นธรรมดาใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นผู้ที่เข้าใจธรรมะแท้จริง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเช่นนั้นเอง ไม่มีอารมณ์ ไม่มีอัตตาตัวตน เราจึงเกิดมาเพื่อดับ ไม่ใช่เกิดมาเพื่อทุกข์
มีโอกาสคงได้ผูกบุญกัน พรุ่งนี้ตั้งต้นใหม่ดีไหม (ดี)  ถ้าวันนี้อยู่ฟังจนถึงเย็นขอให้ใจสู้ได้ไหม (ได้)  อย่าดูถูกพลังใจตัวเอง ถ้าทำได้ เราจะได้ยิ่งกว่าได้ แต่ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้ แม้นิดหน่อยมันก็ไม่ไหวใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าบอกว่าไหว เชื่อไหมว่า พลังใจจะทำให้ท่านสามารถทำในสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งไม่เชื่อว่าจะทำได้ เหมือนเราเข้าใจผู้คน ยิ่งเข้าใจมาก ใจเรายิ่งกว้าง เมื่อเราเข้าใจธรรม หัวใจเราจะเปิดกว้าง ความทุกข์จะน้อยลง และเราจะกลับคืนสู่สภาวธรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น ลองศึกษาดูนะ


   วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒        สถานธรรมจื้อเจวี๋ย สงขลา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  การรู้ธรรมต้องรู้แจ้งกระจ่างชัด      การปฏิบัติจะต้องทำให้เห็น
ข้อธรรมะทุกข้อต้องทำให้เป็น         การบำเพ็ญรู้เองทำเองเป็นสำคัญ
                        เราคือ
     จี้กงอาจารย์เจ้า       รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา     ลงสู่แดนโลก น้อมกายกราบ
องค์มารดาแล้ว                   ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์บ้างไหม
   
คนบำเพ็ญธรรม ทำตัวแตกต่าง ทุกทุกครั้งใช้อ่อนน้อมมาแทนตัว บังเอิญสบตากัน ใครหลบตาฉัน ยิ้มกลัวกลัว อาจเป็นสิ่งใกล้ตัว ฉันลืมเรื่องใดไปตามกาล
คนลืมธรรม เหลียวไปมองรอย ร้อยทั้งร้อย เดินผ่านมาในวันวาน อย่าไปเหนื่อยเกินไป เจ้าอาจไม่ทนเหมือนตำนาน บำเพ็ญนานนาน พึงกวดขัน ทบทวนใจ ดวงใจดวงเดียว จงอย่าหายไป
*ตัวปัญหา ความไม่รู้ของเจ้าเอง เดินตรงเผง เหมือนคนเก่งมาก ท้ายอืดอาด ลา ลัล ลา ลา ลา ลัล ลา ลัล ลา ลา อึดอัดไหม ละวางวุ่นวายท้ายอยู่ต่อ
**คนบำเพ็ญธรรม ทำตัวแตกต่าง ทุกทุกครั้งใช้อ่อนน้อมมาแทนตัว บังเอิญสบตากัน ใครหลบตาฉัน ยิ้มกลัวกลัว คนลืมตัว จึงแอบยิ้มกันในใจ เกรงการบำเพ็ญ เป็นแค่ฝันไป (ซ้ำ *,**)

ทำนองเพลง : วอนลมฝากรัก
ชื่อเพลง : เป็นแค่ฝันไป



พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

เป็นแบบนั้นก็ได้นะ ถ้ามีบุญก็ได้เจอกันใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าไร้บุญวาสนาแม้อยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้จักกัน จริงหรือเปล่า (จริง)  ฉะนั้นไม่ต้องร้องเพลงเรียกอาจารย์แล้วนะ ยิ่งเรียกก็เป็นการยึดติด ศึกษาธรรมเพื่อละวางการยึดมั่นถือมั่น  ถ้าปฏิบัติแล้วยังยึดมั่นถือมั่นนั่นเรียกว่าหลงผิดทาง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ชีวิตถ้าอยากมีสุขง่ายๆ ก็อย่าเรื่องมาก  ถ้าอันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอา อย่างนั้นก็ต้องอย่างนี้ อย่างนี้ก็ต้องอย่างนั้น ชีวิตสุขยากแน่ๆ  ช่วงนี้เศรษฐกิจดีไหม (ไม่ดี)  หาเงินยากไหม (ยาก)  แล้วทำอย่างไรให้เงินที่มีน้อยๆ มันดูมีค่าเยอะขึ้น ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อย มี ๑๐๐ ใช้ ๑๒๐ จนไม่จน (จน)  มี ๑๐๐ ใช้ ๑,๐๐๐ จนไม่จน (จน)  แล้วมี ๑๐๐ ไปใช้อีก ๒๐๐ ถึง ๓๐๐ จนไม่จน (จน)  ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยเถอะในห้องนี้ใครบ้างมี ๑๐๐ ใช้แค่ ๕๐  ศิษย์เอ๋ยศิษย์ลองคิดนะสมมติว่าวันนี้ศิษย์หาเงินได้ ๑๐๐ แล้วศิษย์ก็คิดว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้คงได้อีก ๑๐๐ ฉะนั้นเราเลยใช้ ๘๐, ๙๐, ๙๕ แต่ถึงเวลาจริงๆ  พรุ่งนี้หาไม่ได้ เหลือห้าบาทเองนะ ศิษย์เอยถ้าศิษย์อยู่ในโลกปัจจุบันนี้ เปลี่ยนความคิดแล้วเงินจะมากขึ้น อย่าไปหวังในอนาคต เพราะถ้าเงินในอนาคต มันกดไม่ได้ มันไม่มา เราจะตายก่อน เพราะเราเคยชินกับการใช้เงินเป็นว่าเล่น ใช้เงินแบบไม่ขาดมือ แล้วถ้าวันหนึ่งเงินขาดมือ ตายไหม (ตาย)  ไม่ตาย  ยังหายใจอยู่    เงินไม่ได้มาบาดคอตายเพราะศิษย์ไม่ยอมสู้ ฉะนั้นอยากให้เงินเยอะขึ้น ศิษย์เคยไหมมีเงินเป็นหมื่น แต่ความอยากเกินหมื่น มีเป็นหมื่นเหลือนิดเดียว ถ้ามีเงินเป็นหมื่น แต่ความอยาก เป็น สิบ ยี่สิบ เงินเยอะไหม (เยอะ)  แล้วเราเป็นแบบไหน
ฉะนั้นจะพูดธรรมะกับใครก็ตาม ถ้าเขายังมีเงินไม่พอใช้ ยังกินไม่อิ่ม ยังมีความสุขในชีวิตไม่ได้ ก็อย่าไปพูดธรรมะกับเขา จริงไหม (จริง)  ถ้าอาจารย์จะพูดธรรมะกับศิษย์ก็ต้องพูดเรื่องเงินก่อน พูดธรรมะก็ฟังได้หน่อยใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ถามกลับนะ ถ้าตอนนี้เงินหายาก มีเท่านี้ แต่ความอยากของศิษย์ลดลง เงินเหลือเยอะไหม (เหลือเยอะ)  แต่มันน่าสงสารอีกประเภทหนึ่ง คือนำเงินในอนาคตมาใช้มาก ตอนนี้แม้จะอยากลดลง ก็ไม่ได้ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นก็ต้องคิดหาทางอย่ายอมแพ้ ตราบที่เรายังมีชีวิตอยู่ มือมีไหม (มี)  เท้ามีไหม (มี)  ตัวมีไหม (มี)  และลมหายใจมีไหม (มี)  แต่เสียอย่างเดียวใจไม่สู้  ฉะนั้นมือมี เท้ามี ตัวมี แต่ใจต้องสู้ด้วย  ถูกหรือไม่ (ถูก)  เกิดเป็นคนอย่ายอมตายง่ายๆ  ตายให้ยากๆ  หน่อย  เหมือนเราดูหนังทำไมพระเอกจึงตายยากตายเย็น ใช่ไหม (ใช่)  ทีผู้ร้ายโดยยิงเปรี้ยงตายเลย พอพระเอกโดนยิง เปรี้ยงๆ  ฟื้นขึ้นมาเฉยเลย แล้วเราชอบไหม (ชอบ)  ทำไมไม่เป็นแบบนั้นล่ะ
มีอะไรมันหนักหนาสาหัสสากัน สู้ไหมล่ะ (สู้)  รอดไหมล่ะ (รอด)  ตายไม่ตาย (ไม่ตาย)  ให้มันได้อย่างนี้นะ จำคำอาจารย์ไว้นะศิษย์เอ๋ย ถ้าอยากมีเงิน ความอยากให้มันน้อยๆ แล้วเงินมันจะมากขึ้น แต่ถ้ามีเงินเท่านี้ความอยากมันเท่านี้ มีเท่าไหร่มันก็ไม่พอกิน กินเท่าไหร่มันก็ไม่อิ่ม เพราะความอยากมันมาก สังเกตเวลาเราอยากกิน ตอนเราหิวอะไรมันก็อยากหมด วางทั้งโต๊ะยังบอกไม่พอเลยจริงไหม (จริง)  กับข้าวมีมากมายพอไหม ไม่พอ แต่พออิ่มแล้วข้าวเม็ดเดียวยังไม่อยากจะกินแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเหมือนกันศิษย์ถ้าอยากอยู่บนโลกนี้ ถ้าไม่อยากลำบาก ลดความอยากตัวเองให้น้อยที่สุด แล้วชีวิตเราจะไม่ต้องเหนื่อยกับการสนองตัณหา สนองความอยากตัวเองอย่างไม่รู้จักพอ เราก็รู้ใจนี่ว่าใจเรามันถมเต็มไหม (ไม่เต็ม)  มีร้อยอยากได้กระเป๋าร้อยยี่สิบใช่ไหม (ใช่)  ไม่เป็นไรอาจารย์เดี๋ยวพอมีพันเผื่อจะได้กระเป๋าร้อยยี่สิบ แต่พอมีพันอยากได้กระเป๋าสองพันถูกไหมล่ะ (ถูก)  จริง อย่ามาพูดว่าไม่จริงเลยใช่ไหม (ใช่)  พอมันมีเงินเยอะขึ้น พอมีเงินหมื่นใช้กระเป๋าสองสามร้อยไหม (ไม่)  ใช่ไหมล่ะ
ต้อนรับอาจารย์ไหม (ต้อนรับ)   ต้อนรับอาจารย์จะยืนคุยกันหรือจะนั่งคุยกัน (นั่ง)  แปลว่าถ้าอาจารย์นั่งศิษย์ก็ (นั่ง)  อาจารย์ยืนศิษย์ก็ (ยืน, นั่ง)  ให้เกียรติกันหรือเปล่าศิษย์ ตัวเองสบายปล่อยคนอื่นลำบากได้หรือ (ได้)  ได้หรือเสียแรงนะ อุตส่าห์ฝึกบำเพ็ญมานะ ตัวเองสบาย คนอื่นลำบากช่างหัว ใช่ไหม
เริ่มฟังธรรมะนานๆ ก็เริ่มเมื่อย ใช่ไหม ก็อาจจะมีบ้างนิดหน่อย คราวหน้าอาจารย์บอกว่า ใช่ไม่ใช่ ใช่ก็ยกไหล่ (พระอาจารย์เมตตาให้ยกไหล่หนึ่งครั้ง)  ถ้าไม่ใช่ (พระอาจารย์เมตตาให้ยกไหล่สองครั้ง)  เพื่อเป็นการบริหารตัว ใช่ไหม อะไรที่เป็นการตอบว่า ดี ใช่ ให้ยกไหล่หนึ่งครั้ง อะไรที่ไม่ดี ไม่ใช่ ให้ยกไหล่ซ้ายหนึ่งครั้ง ขวาหนึ่งครั้ง
โดยส่วนใหญ่เวลาศิษย์จะทำอะไรก็ตาม หรือเวลาที่ศิษย์เดินเข้ามาในวัด หรือเข้ามาศึกษาธรรมสิ่งที่เรามักจะชอบมากที่สุด และทำกันบ่อยๆ คือชอบขอ ใช่ไหม (ใช่)  (ฝึกสติ)  เราทำอะไรถ้าเรามีสติเราจะไม่ผิดพลาด ถูกไหม (ถูก)  บางทีพูดช้าๆ ทำอะไรช้าๆ คิดสักนิดหนึ่งด้วยสติแล้วจะทำให้ชีวิตนั้นผิดพลาดน้อยลง จริงไหม (จริง)  สิ่งที่ศิษย์ส่วนใหญ่นั้นชอบมาวัด เวลาเข้ามาศึกษาธรรม ในใจชอบหวังวอนขอใช่หรือไม่ (ใช่)  และสิ่งที่เราขอ สมมติว่าอาจารย์ให้มีสองอย่าง อย่างหนึ่งคือสิ่งที่ชอบกันมากคืออยากได้เงิน พอพูดเรื่องเงินใครๆ ก็อยากได้  แต่ถ้าพูดถึงเงินกับสุขภาพ อาจารย์บอกว่าชีวิตเราบางทีขอได้แค่อย่างเดียว ไม่มีทางที่จะขอได้แล้วขอได้อีก ฉะนั้นถ้าอาจารย์ถามว่ามีสองอย่างระหว่างเงินกับสุขภาพ เอาอะไร (สุขภาพ)  แล้วตอนนี้ได้อะไร ได้เงินแต่สุขภาพเสียหายไปหลายแสนเลย  เพราะชีวิตเรา ก่อนจะเริ่มต้นอะไรศิษย์จะต้องลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูกต้อง เพราะถ้าศิษย์ให้ความสำคัญกับชีวิตผิด ศิษย์ก็จะเดินผิดไปตลอดทาง เหมือนเวลาเราเกิดขึ้นมา มนุษย์ทุกคนมักจะแสวงหาเงิน ใช่หรือไม่
เงินมาแล้วค่อยมีสุขภาพดีทีหลังถูกหรือไม่ (ไม่ถูก)  ตกลงว่าหาสุขภาพดีก่อนแล้วค่อยหาเงิน หรือหาเงินก่อนแล้วค่อยมีสุขภาพดี (สุขภาพ)  ที่แล้วๆ มาทำแทบตาย แล้วก็เอาเงินไปรักษาตัวเอง เพราะว่าอยากได้เงินจนลืมสุขภาพใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์ต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าชีวิตเหลือแค่สุขภาพกับเงิน เราต้องรักษา (สุขภาพ)  เพราะสุขภาพที่ดีจะหาเงินอย่างไรก็หาได้ แต่ถ้ามีเงินมากมาย แต่สุขภาพไม่ดี หาเงินมาเท่าไหร่ก็ใช้ไปกับสุขภาพไม่หายใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วปัจจุบันนี้เพื่อเงินจนลืมแล้วทำลายสุขภาพทั้งตัวเองและคนรอบข้างจริงไหม (จริง)  แปลว่าเพื่อเงินสามารถทำลายคนรอบข้างได้เลย ไม่ดีนะ ฉะนั้นอย่าเพียงเพื่อเงินแล้วทำลายสุขภาพจิต และทำลายสุขภาพคนรอบข้างเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ใช่ไหม (ใช่)  ตอนนี้เรารู้แล้ว ว่าสุขภาพสำคัญกว่าเงินใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วคนเราขอแค่สองอย่างไหม (ไม่)  ส่วนใหญ่พอมีสุขภาพดี มีเงินทองแล้ว สิ่งที่ศิษย์ปรารถนาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตำแหน่ง ชื่อเสียง ลาภยศใช่หรือไม่ (ใช่)  ที่ไม่ตอบแปลว่าไม่หวังใช่ไหม (ใช่)  ไม่หวังก็ดี แต่โดยส่วนใหญ่ พอเราสุขภาพดีมีเงินแล้ว สิ่งที่ศิษย์ปรารถนาตามมาก็คือ ครอบครัวต้องร่มเย็นใช่หรือไม่ (ใช่) 
ถ้าให้เลือกในสามอย่างนี้ แล้วเหลือเพียงอย่างเดียว ครอบครัวร่มเย็น สุขภาพดี เงิน แล้วเราจะเลือกอย่างไหน อะไรสำคัญที่สุด ยากไหม มีเงินแต่ครอบครัวไม่ร่มเย็น มีเงินแต่สุขภาพดี แต่ครอบครัวไม่ดี ดีไหม   (ไม่ดี)  ถ้าศิษย์ยังหาความสำคัญไม่ได้ ก็จะดำเนินชีวิตผิด อาจารย์อยากให้ศิษย์ไตร่ตรองดู ถ้าหากว่าเงินไม่มี สุขภาพเราอาจจะไม่ดี แต่ครอบครัวร่มเย็น ไม่ดีหรือ (ดี)  ดีกว่าจริงไหม คนบางคนเพื่อตัวสบาย เพื่อตัวเองมีสุขไม่สนใจครอบครัว เราเป็นแบบนั้นไหม เป็นไหม (ไม่เป็น)  ฉะนั้นเวลาเรายืนอยู่ มีชีวิตอยู่ อย่าเพียงเพื่อตัวเองสบาย แล้วครอบครัวหายนะ ไม่ถูกต้อง อย่าเพียงแต่เพื่อตัวเองมีสุข แล้วครอบครัวไม่ร่มเย็นไม่ถูกต้อง  เราต้องเห็นครอบครัวร่มเย็นก่อนแม้เราจะลำบากก็ตาม นี่ถึงจะเรียกว่า นำพาคนได้อย่างแท้จริง ถูกไหม (ถูก)  อาจารย์ถามศิษย์ ถ้าศิษย์ทำเพียงเพื่อสุขภาพตัวเองรอด ตัวเองมีเงิน ตัวเองดี แต่ครอบครัวหายนะ ครอบครัววิบัติ เอาไหม (ไม่เอา)  แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม คนที่ครอบครัวแตกแยกเพราะหวังแต่ตัวเองสุข  คนที่ครอบครัวล้มเหลว ครอบครัวแตกกระสานซ่านกระเซ็น เพราะห่วงแต่ความสุขของตัวเอง ใช่ไหม (ใช่) 
ฉะนั้นศิษย์คิดให้ดีๆ นะ อย่ามีชีวิตอยู่แต่ตัวเองสบาย แล้วครอบครัวไม่ร่มเย็น อย่างนั้นไม่ถูกต้อง ตัวเองแม้ไม่สบายครอบครัวร่มเย็น ถึงเรียกว่าประพฤติถูกต้อง ถูกหรือไม่ (ถูก) 
คุยกับอาจารย์ง่ายๆ อย่าฟังอย่างเดียวนะต้องคิดตามไปด้วย ถ้าระหว่างธรรมะกับชีวิต ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง (ชีวิต,ธรรมะ)  ไหนใครเลือกชีวิตยกมือขึ้น ไหนใครเลือกธรรมะยกมือขึ้น ชีวิตเลือกสองอย่างไม่ได้นะศิษย์ บางครั้งชีวิตมันมีทางเลือก เลือกว่าจะรักษาชีวิตแล้วทอดทิ้งคุณธรรมหรือรักษาคุณธรรมแล้วยอมทอดทิ้งชีวิต แล้วเราส่วนใหญ่ทิ้งคุณธรรมเพื่อรักษาชีวิต ถูกไม่ถูก (ไม่ถูก)  ดีไม่ดี (ไม่ดี)  แล้วเมื่อสักครู่นี้ที่เลือกชีวิตมากกว่าคุณธรรม ใครเลือก ขอตัวเองรอดคนอื่นตาย ช่างหัวมัน ได้ไม่ได้ (ไม่ได้)  ขอตัวเองมีกิน จะโกงคนอื่นก็ช่างหัวมัน ได้ไม่ได้ (ไม่ได้)  ถ้าอย่างนั้นเพื่อให้อาจารย์อยู่ นักเรียนตายหมดเลย ดีไม่ดี (ไม่ดี)  ก็อาจารย์เลือกตามศิษย์ เอาชีวิตตัวเองก่อนธรรมะทีหลัง ใช่ไหมศิษย์ ศิษย์จะบอกว่าคนเรามันต้องเดินคู่กันไป แต่บางครั้งถ้าเกิดว่าศิษย์เลือกแล้วศิษย์คิดว่าชีวิตศิษย์สำคัญ ไม่เป็นไรอาจารย์ ทำชั่วไปก่อนแล้วต่อไปยังมีลมหายใจอยู่แล้วค่อยไปทำดี ใช่ไหม
(ต้องคู่กันไป)  ต้องคู่กันไป ถูกไหม (ถูก)  แต่ถึงเวลา เราเคยนึกถึงธรรมมากกว่าชีวิตไหม (นึกถึง)  วันนี้เขาให้มาฟังธรรมยังคิดแล้วคิดอีกเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  จะฟังธรรมทำไมล่ะ ฟังเยอะแล้ว รู้อยู่แล้ว พอแล้ว ศิษย์เอ๋ยคนเราโดยส่วนใหญ่มักรักชีวิตมากกว่ารักธรรมะ ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วก็คิดว่าชีวิตรอดก่อน ธรรมะมีทีหลัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมว่า ในโลกนี้ถึงจะมีสติปัญญาล้ำ แต่สติปัญญาล้ำก็ไม่สามารถต้านแรงกรรมได้ เคยได้ยินไหม (เคยได้ยิน)  แล้วการที่เราต้องกลับมาเกิดก็เพราะเรามีกรรม และการที่เราต้องเจอกับคนที่เราไม่อยากเจอก็เพราะว่ากรรมมันส่งผล  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากกลับมาเกิดอีก ไม่อยากกลับมาทุกข์อีก เราจะต้องไม่มีกรรม เพราะฉะนั้นชีวิตนี้เรารักษาชีวิตแล้วเราไม่ต้องมีธรรม (ไม่ได้)  การกระทำแบบนี้มันเรียกว่ามีกรรมหรือมีบุญ (มีกรรม)  การกระทำแบบนี้เรียกว่ามีชีวิตอยู่เพื่อสร้างบุญหรือสร้างบาป (สร้างบาป,สร้างบุญ)  เอาตัวรอด ธรรมะทิ้งไว้ก่อน สร้างบุญหรือสร้างบาป (สร้างบุญ, สร้างบาป)  พูดกันตามธรรมดาจริงไหมศิษย์ เอาตัวรอด ธรรมะไว้ทีหลัง ไปเที่ยวก่อน ศิษย์เคยได้ยินประโยคนี้ไหม อาจารย์ย้ำนะ ไม่มีแรงใดเสมอเท่าแรงกรรม และไม่มีอำนาจใดต้านแรงกรรมได้อยู่ ถ้ากรรมนั้นมันตกผลของการที่เราทำ ถ้าอย่างนั้นเราจะรอให้ชีวิตต้องมีกรรม แล้วถึงจะมีธรรม หรือเราควรมีธรรม เพื่อจะได้สิ้นกรรม (มีธรรมได้สิ้นกรรม)  แต่ถึงเวลาเราเลือกมีกรรม หรือเราเลือกมีธรรม (มีกรรม, มีธรรม)
แล้วศิษย์เคยได้ยินไหม เมื่อไม่ยืนอยู่ขอบเหวก็ไม่คิดจะระวังตัว ไม่กระหายน้ำก็ไม่คิดจะเดินไปดื่มน้ำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็แปลว่ารอให้เรามีทุกข์มีกรรมแล้วเราก็ไปมีธรรม ทันไม่ทัน (ไม่ทัน)  แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง) 
ฉะนั้นทำไมอาจารย์จึงอยากบอกว่า เวลาเรามีชีวิตอยู่เราต้องรู้สิ่งสำคัญในชีวิตก่อนว่าในชีวิตอะไรสำคัญที่สุด  อาจารย์จะบอกศิษย์ว่าชีวิตหนึ่งมีคุณค่ามากที่สุด ประเสริฐที่สุด คือปฏิบัติธรรมและนำพาให้ตนพ้นทุกข์  นี่คือค่าที่สูงที่สุดของการเกิดเป็นคน และค่าที่แย่ที่สุด ต่ำที่สุดคือมีชีวิตอยู่แต่ตกเป็นทาสของกิเลสและตัณหา และหนีไม่พ้นเวรกรรม ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่าสิ่งสำคัญในการเกิดเป็นคนนั้นมีสองอย่างคือ พ้นทุกข์กับการตกเป็นทาสของกรรม  อะไรก็ตามที่ทำให้เราสามารถพ้นทุกข์ได้เราควรจะไตร่ตรองและมีไว้ในชีวิต ดีหรือไม่ อาจารย์ถามว่า ระหว่างเงินกับปัญญาให้เลือกเอาว่าเอาอะไร (ปัญญา)  ตอบชัดทันท่วงที แต่พอถึงเวลาเอาเงินหรือปัญญา (ปัญญา)  แล้วปัญญาเกิดได้ด้วยการเรียนรู้ ไม่หน่ายการเรียนรู้ ไม่หน่ายการศึกษา เราจึงมีปัญญาถูกหรือไม่  (ถูก)  เงินมีวันหมด แต่ถ้าปัญญาเรียนรู้แล้วไม่มีวันหมด และยิ่งถ้าอ่อนน้อมถ่อมตน ปัญญาก็จะเพิ่มพูนไปได้เรื่อยๆ ถูกหรือไม่ (ถูก)  เงินหายได้ ปัญญาไม่มีวันหมด ไม่มีวันหายได้ ถ้าคนๆ นั้นรู้จักเรียนรู้และอ่อนน้อมถ่อมตนใช่หรือไม่ (ใช่) 
แล้วศิษย์รู้ไหมว่าเงินหมดแล้ว ปัญญายังทำให้เงินมีได้ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเลือกมีเงินแต่ไม่เอาปัญญา พอเงินไม่มีปัญญาก็ไม่รอดจริงไหม (จริง)  ถ้าอย่างนั้นแล้วธรรมะสำคัญกับชีวิตเราไหม (สำคัญ)  สำคัญแค่เป็นคนดีแค่นั้นไหม (ใช่)  ไม่น่าใช่นะ แล้วเมื่อสักครู่อาจารย์ก็พูดไว้บอกว่า ไม่มีแรงใดเสมอแรงกรรม และไม่มีอำนาจใดต้านอำนาจกรรมได้ถูกหรือไม่ (ถูก)  เราย้อนกลับมาหน่อยว่า เราดำเนินชีวิตอย่างไรที่เรียกว่าสร้างกรรมมากกว่ามีธรรม อาจารย์ถามนิดหนึ่ง ในใจเราจำความไม่ดีของคนอื่นได้มากกว่าจำความดีใช่ไหม (ใช่)  ใครทำดีกับเราจำได้ไหม (จำได้)  ไม่ได้ แต่ใครด่าเราจำได้ไหม จำได้ ใครเอาเงินเราไปไม่คืน จำได้ จำไม่ลืมถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นกรรมมีอยู่สองทาง ทางหนึ่งคือตกเป็นทาสของกิเลส กับอีกทางหนึ่งการผูกเวร คำว่าผูกเวรแปลว่า ใครทำผิดกับเรา แล้วจำได้ไม่ลืมนั่นแหละเรียกว่าผูกเวร แล้วพอเจอคนที่ด่าเรา แล้วเราจำได้ไม่ลืม แล้วเวลาเขาคุยกับเรา เราก็พูดประชดประชัน กระแหนะกระแหนนั่นเรียกว่าผูกกรรม พอเจอหน้าเขายังเอาไปกระซิบกระซาบกับคนอื่นนั่นเรียกว่า จองเวรจองกรรม แล้วยังเอาไปนินทากับคนอื่นแปลว่า ลากกรรมมาให้อยู่กับตัว ฉะนั้นในใจของศิษย์มีเวรมีกรรมไหม คนไม่ดีจำได้หมดเลยใช่ไหม (ใช่)  ส่วนคนดีจำไม่ได้เลย การผูกเวร แปลว่า จำได้ว่าคนนั้นด่าเรา คนนั้นลักขโมยเรา คนนี้หักหาญน้ำใจเรา คนนี้เอาชนะเรา นี่คือผูกเวรไว้ จำไม่ลืม และพอถึงเวลาเจอหน้า  ไม่ต้องมายิ้มเลยใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเราจะอยู่อย่างคนไม่มีเวรกรรมได้อย่างไร
เมื่อสักครู่นี้คุยกันค้างเรื่องอะไรหรือ เรื่องชีวิตกับธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอย่างนั้นเรามาดูหน่อย ถ้าเกิดว่าเราจะอยู่ในโลกแล้วไม่ต้องมีกรรม แต่เราต้องเอาธรรมะมาช่วยยั้งใจ อยากอยู่ในโลกแบบไม่ต้องมีกรรม ถ้าอาจารย์ถามว่า ถ้าอยู่ในโลกนี้กรรมมันทำให้เกิดภัย ผลของการกระทำผิด ทำไม่ดีมันก่อให้เกิดทุกข์ ใช่หรือไม่ เหมือนที่อาจารย์บอก กรรมมันมีสองอย่างคือกรรมที่ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา  และกรรมอีกอย่างที่ผูกใจเจ็บ ยึดมั่นไม่ยอมลืม ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นกรรมที่ผูกใจเจ็บ ยึดมั่นไม่ยอมลืม เราพอลืมมันได้บ้างไหม ได้ไหม (ได้)  ถ้าอย่างนั้นเวลามีอะไรในใจล้างมันเสีย ดีหรือไม่ ใครด่าเราก็ไม่โกรธ ใครเอาเงินเราไปไม่คืนก็ไม่โกรธ ใครเอาสามีเราไปก็ไม่โกรธ ฝ่ายชายดีกว่านะน่าจะชอบ ใครเอาแฟนเราไปก็ไม่โกรธ (ไม่โกรธ)  เอาไปเลยจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นเราจะทำอย่างไร ที่จะทำให้เราไม่ตกเป็นทาสกิเลส แล้วเราจะทำอย่างไรที่ใจเรามันจะไม่ฝังใจจำในสิ่งที่ไม่ดีๆ ใช่ไหม (ใช่)  สมมติว่าในโลกนี้มันมีสิ่งที่ศิษย์ไม่ชอบ คือคำว่า แก่ เจ็บ ตาย  เราไม่ชอบใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราหนีพ้นไหม (ไม่พ้น)  อย่างไรเราก็ต้องเจอถูกไหม (ถูก)  ตายไหม (ตาย)  เมื่อสักครู่เราเลือกแล้วนะเราขอมีชีวิตที่มีธรรมมากกว่ามีชีวิตแต่ไร้ธรรมแล้วกลายเป็นสร้างกรรมถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นในคำว่า แก่ เจ็บ ตาย อาจารย์เพิ่มอีกอย่างหนึ่งศิษย์ชอบคำว่าเกิดไหม ชอบไหม ชอบไม่ชอบ (ไม่ชอบ)  ในความเป็นจริงของทุกชีวิตไม่ว่ามนุษย์หรือสรรพสิ่งหนีไม่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย ใช่ไม่ใช่ (ใช่)  ทุกสิ่งแม้แต่พัด มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไหม มีไหม (มี)  ในพัดก็มีเกิด ถ้าไม่สานมันจะเกิดพัดไหมล่ะและถ้าจะเกิดอีกได้ไหม (ได้)  แล้วพัดจะตายไปจากโลกได้ไหม (ได้)  เหมือนกันนะศิษย์จำไว้นะชีวิตนี้ไม่ต่างอะไรกับพัด ถ้าหมดสิ้นอยากแล้ว หมดสิ้นอยากการถักทอพัดแล้วพัดนี้ก็จะหายไปจากโลกถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าเมื่อไหร่ยังอยากมีพัดอีกมันก็เกิดอีก ฉันใดก็ฉันนั้นตัวเราจะสิ้นกรรมได้ก็ต่อเมื่อเราหมดอยากแล้ว ถ้าเรายังอยากอีกเราก็จะเกิดอีกๆ
แต่ถ้ามนุษย์เราสิ้นความอยาก เราก็ไม่ต้องพบกับการเกิด ในคำว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย อะไรน่ากลัวที่สุด (เกิด)  ทำไมล่ะ (เพราะเกิดแล้วก็มี แก่ เจ็บ ตายตามมา)  เก่งรู้ดี ฉะนั้นชีวิตจะสิ้นกรรมได้ถ้าเราไม่เกิด  แล้วเราเกิดไหม (เกิด)  เกิดเป็นกายหนึ่งครั้ง แต่เกิดความอยาก ไม่สิ้นสุด แล้วถ้าเกิดเป็นกายหนึ่งครั้ง แล้วในการเกิดนั้น ยังสั่งสมความอยากไม่จบสิ้น ในความอยากนั้นจะต้องทำให้เรากลับมาเกิดอีก แล้วเรารู้ไหม (รู้)  แล้วยังอยากไหม (อยาก)  อาจารย์ถามหน่อยเจ็บไหม (เจ็บ)  แก่ เศร้าไหม (เศร้า)  เศร้าทำไม ดีที่ได้แก่ ถ้าไม่แก่ก็ตายเลย คนเราแก่ ตาย กลัวไหม (ไม่กลัว)  อย่างนั้นไปอยู่ชายแดนภาคใต้ กลัวไม่กลัว  (ไม่กลัว)  แต่ไม่ไป ศิษย์รู้ไหม พระพุทธะจึงบอกไว้ว่า ถ้าอยากเกิด อย่ามองเพียงการเกิดเป็นร่างกาย มนุษย์เกิดความอยากเมื่อไหร่ ความอยากก็จะทำให้เราพบกับความเจ็บ ความตาย และอยากมากเท่าไหร่ ก็ต้องพบกับ แก่ เจ็บ ตาย จริงไหม แล้วชีวิตนี้ เราต้องพบกี่ครั้ง อยากไม่ถ้วน  ฉะนั้นในคำว่าแก่เจ็บตาย จะต้องพบกับคำว่าสูญเสียพลัดพรากจากสิ่งที่รัก  ทนอยู่กับสิ่งที่ไม่รัก  แล้วก็ต้องตายกับคนไม่รัก เพราะอะไร เพราะอยากเกิด เพราะอยากมี ใช่หรือไม่ (ใช่)
เพราะฉะนั้น สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่การตาย แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการเกิด และเราจะดับความเกิดได้อย่างไร ในเมื่อเรา แก่ เจ็บ ตาย ไม่เคยเข็ด  มีของอะไรพอสูญเสีย ร้องไห้ มีของได้มาแล้วไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า หวาดกลัว ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นเราจะแก้อย่างไร (ทำหมัน)  แค่มองเห็นเขาแล้วเกิดอยากพูดนั่นคือการเกิด แค่มองเห็นเสื้อตัวหนึ่งแล้วอยากซื้อนั่นคือการเกิด แค่เห็นกับข้าวแล้วเกิดความคิดว่าอร่อยไม่อร่อย นั่นก็คือการเกิด ชีวิตหนึ่งเราเกิดกายแค่ครั้งเดียวแต่ความอยากเรานับไม่ถ้วน ถ้าอย่างนั้นมนุษย์จึงไม่สามารถสิ้นการเกิดได้ สิ้นความแก่ เจ็บ ตายได้ ถ้ามนุษย์ยังหยุดเกิดไม่ได้ จริงไหม ธรรมะจึงสอนๆ อยากให้รู้ธรรมะเยอะๆ ธรรมะจึงสอน สอนว่าไม่ได้ให้แค่ไปทำหมัน ถ้าอย่างนั้นถามหน่อย ทำหมันเขาหรือทำหมันเรา อาจารย์ว่าควรทำทั้งเขาและเราถูกไหม มันจะได้ไม่เกิดนะ อย่าไปทำหมันแต่เขาแล้วเราไม่ทำ ใช่ไหม ธรรมะยังสอนต่ออีกว่า ถ้าเราจะหยุดการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้วิธีที่แก้ อย่าไปแก้ที่ปลายเหตุ ช้าไป มันต้องแก้ที่ขั้วต้นเหตุเลย จริงไหม แล้วต้นเหตุมันมาจากไหน (ตัวเราเอง) 
เคยได้ยินไหม ทุกสิ่งสำเร็จสำคัญที่ใจ ใจประเสริฐสุด สำคัญที่ใจ สำเร็จที่ใจ ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากจะแก้ต้องไปแก้ที่ (ใจ)  เพราะใจเป็นต้นเหตุของความอยากทั้งมวล ถูกหรือไม่ (ถูก)  ถ้าอย่างนั้นเมื่อพูดถึงใจก็ต้องหันกลับมาดูที่ (ตัวเรา)  จึงมีคำพูดคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า มนุษย์ก็เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งเมื่อเติบโตมาแล้ว แล้วเราไม่มีเมล็ดพันธุ์แห่งความอยากอีก ต้นไม้นี้พอโตไปล้มไปก็สูญสลายไปไม่กลับมาเกิดอีกถูกไหม (ถูก)  แต่มนุษย์เรามันไม่ใช่ต้นไม้ เพราะมนุษย์เราชอบฝังความอยากไว้ในเนื้อนาแห่งจิตใจ ฝังความไม่ชอบใจไว้ในจิตใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นวิธีที่จะแก้ ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมบอกว่า ถ้าใจดี พูดก็พูด (ดี)  ทำก็ดี คิดก็ (ดี)  ฉะนั้นถ้าสร้างเหตุดี การกระทำก็ (ดี)  และอีกอย่างหนึ่งคือ โดยส่วนใหญ่แล้วมนุษย์คิดดี หรือคิดไม่ดี (ไม่ดี)  ถ้าเราคิดร้าย พูดก็ (ร้าย)  ทำก็ (ร้าย)  ปฏิบัติก็ (ร้าย)  เมื่อสร้างเหตุร้าย ผลที่สุดก็คือความทุกข์และหนีไม่พ้นเป็นรอยเกวียนตามรอยเท้าโค และหนีไม่พ้นต้องเป็นกรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นธรรมะจึงสอนต่ออีก พอพูดถึงธรรมะนั่งหลับกันเชียว พอพูดถึงทำหมันตาตื่นเลยนะศิษย์เอ๋ย ถ้าอย่างนั้นฟังต่อ ฟังให้จบ
ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งที่พูดบอกว่ามนุษย์เราโชคดีที่สุด โชคดีที่สุดตรงไหนรู้ไหม (เป็นสัตว์ประเสริฐ)  ตอบได้ดี แต่เราทำตัวประเสริฐหรือทำตัวโลโซ เราทำตัวดีหรือเราทำตัวแย่ (ดี, แย่)  มนุษย์มักจะบอกว่าเกิดเป็นคนช่างโชคดี ถ้าได้ถูกลอตเตอรี่ ใช่หรือไม่ (ไม่)  แต่พุทธะบอกว่าเกิดเป็นคนโชคดีที่สุดก็คือสามารถประคองจิตใจเมื่อเจอวันที่เลวร้ายที่สุด แต่ยังสามารถพบความสงบเย็นได้ จริงไหม (จริง)  ถ้าชีวิตนี้เราบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากใจ สำคัญที่ใจ สำเร็จที่ใจ และประเสริฐสุขที่ใจ ฉะนั้นไม่ว่าอะไรมา แม้จะเลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่เราสามารถประคองใจจนสงบเย็นได้ โชคดีที่สุด และคนที่สุขที่สุดคือคนที่สามารถพบความทุกข์แต่สามารถเจอความสุขได้ ใช่หรือไม่
แปลว่าเราทำอย่างนี้ได้ไหมล่ะ (ได้)  ฉะนั้นถ้าชีวิตสำคัญที่ใจ สำเร็จที่ใจ เราต้องดูแลใจของเราให้ดี ในวันที่แย่ที่สุด เราสามารถประคองใจจนมั่นคงได้ เย็นได้ เราก็คือคนที่โชคดีที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ในวันที่เราทุกข์ที่สุด แต่เราสามารถพบความสุขได้ เราคือคนที่โชคดีที่สุด แต่ถึงเวลาเราทำได้อย่างนั้นไหม (ไม่ได้)  ทำอย่างไรดีล่ะ เวลาที่ใจเราเจอเรื่องไม่ดี แต่เราสามารถแปลใจให้สงบเย็นได้ (ปล่อยวาง)  เวลาเจอเรื่องทุกข์แต่เราสามารถนำพาจิตใจให้พบความสุขได้ ยากไหม (ยาก)  วิธีที่ง่ายๆ เลย ศิษย์เราต้องรู้ก่อนว่าใจของเราเป็นไปตามอะไร แล้วมาจากอะไร ใจของเราเป็นไปตามสิ่งแวดล้อมถูกไม่ถูก (ถูก)  ใจเราดีก็ต่อเมื่อคนพูดดีๆ ใช่ไม่ใช่ (ใช่)  ใจเราร้ายเมื่อคนพูดร้ายๆ ใช่ไม่ใช่ (ใช่)  ตกลงว่าใจเราเป็นไปตามอำนาจสิ่งแวดล้อมหรืออำนาจของตัวเอง (อำนาจของตัวเอง)  คุยกับศิษย์ชั้นนี้ เพราะถ้าพูดธรรมดานะหลับ ฉะนั้นต้องใช้พาวเวอร์เรนเจอร์  เราดีไม่ดีขึ้นอยู่กับคนอื่นหรือขึ้นอยู่กับตัวเรา (ตัวเรา)  ฉะนั้นเขาร้ายมาเราก็ (ร้ายตอบ)  เขาร้ายมาเราก็ (ดีตอบ)  ชีวิตอยู่ที่ตัวเรานะ
ศิษย์เคยได้ยินไหม ไม่มีอะไรร้ายในวันที่จิตใจเราดีๆ และไม่มีอะไรดีในวันที่จิตใจเราหงุดหงิด ฉะนั้นชีวิตเราใจเรามันเป็นอย่างไรไม่ใช่ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม แต่ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นเป็นคนกำหนด แล้วตัวเราเป็นไปตามอำนาจอะไร (อารมณ์, ความคิด, สติ, ปัญญา)  ตามอำนาจความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ที่เราสั่งสมไว้ในสมอง  สวยไม่สวยเอาอะไรวัด เอาใจวัด ดีไม่ดีเอาอะไรวัด  เอาตัวเองเป็นเกณฑ์ จริงไหม (จริง)  เขาดีไหม  ก็เหมือนจะดีนะ แต่ขี้นินทาไปหน่อยไม่ไหวๆ  ใช่ไหม (ใช่)  ก็เหมือนจะได้นะ แต่มันเสียไปเยอะ สามตัวก็ได้แล้วนะแต่ที่แล้วมาเสียไปเยอะเลย แทบจะเอาลอตเตอรี่ มาต้มแทนมาม่าเลย 
ฉะนั้นจิตใจ เป็นไปตามอำนาจ ความรู้และความคิด ที่เราสั่งสม และเราก็ชอบกำหนดกฎเกณฑ์ และเราก็ชอบตั้งศาลเตี้ย ตัดสินสิ่งนี้ดี ไม่ดี ชอบ ไม่ชอบ ทั้งที่ดี ดีไหม ไม่ดี ไม่ดีจริงๆ ไหม แล้วเราตาบอดไหม (บอด)  ฉะนั้นสิ่งที่เราตัดสิน แล้วใจเราบอกว่าเรารู้เราเห็นจริง แท้จริงแล้วยังไม่จริง สิ่งที่เราพูดว่าเรารู้เราถูก จริงๆ แล้วยังไม่ถูก เหมือนอาจารย์ถามนะ  ถ้าสมมติ อาจารย์เดินมา แล้วอาจารย์ก็เดินไป จบไหม เมื่อไหร่จะออกมา ใช่ไหม นั่นแหละความอยากของมนุษย์ที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวาย ถ้าทุกสิ่งมันผ่านไปแล้วก็จบจากใจก็จบ ถูกไหม แต่ที่ไม่จบ ไม่เหมาะ ไม่ควร เพราะใจที่บอกว่าอาจารย์มาแค่นี้ แล้วอาจารย์ไปแล้ว ไปเลย ได้ไหม ได้ เพราะชีวิตจริงๆ ก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนจะจบแต่ก็ไม่จบ แต่ก็ต้องจบ ใช่หรือไม่ ดูเหมือนจะดีแต่ก็เหมือนไม่ดี แต่ก็ดี จริงไหม อาจารย์ถามจริงๆ คนที่ศิษย์บอกว่าเขาร้าย มันร้ายจริงไหม น่าเกลียดจริงไหม ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นถ้าเราสามารถวางใจของตัวเองได้ แล้วมองสรรพสิ่งตามความเป็นจริง ถามหน่อยอะไรน่ารักที่สุด มีไหม แล้วใครน่าเกลียดที่สุด เราว่าบางทีเราน่าเกลียดแต่บางทีมันก็ยังมีดีอยู่นะอาจารย์ จริงไหม เราว่าตัวเองน่ารักแต่บางทีมันก็ทุเรศเหมือนกัน ใช่ไหม ศิษย์เอย ถ้าศิษย์วางความเป็นตัวตนเอง วางใจตัวเองออกแล้วมองโลกตามความเป็นจริง ศิษย์จะเห็นว่า แท้จริงสิ่งที่น่าเกลียดมันไม่ได้น่าเกลียด สิ่งที่น่ารักก็ไม่ได้น่ารักเสมอไป และสิ่งที่ว่ามันดีมันอาจจะไม่ดีก็ได้ แล้วสิ่งที่ศิษย์บอกว่าสมบูรณ์ที่สุด แท้จริงก็มีข้อบกพร่องที่สุด เมื่อเราเห็นชัดขนาดนั้น และถ้าเราเห็นชัดถึงขนาดว่า สิ่งที่เราว่าชอบมาก อยากมาก ก็หนีไม่พ้นเดี๋ยวต้องเจ็บกับมัน เดี๋ยวต้องตายกับมัน เดี๋ยวต้องแก่กับมัน เดี๋ยวต้องพลัดพรากกับมัน เรายังอยากได้มันไหม เรายังอยากอยู่กับมันแบบกรรมอะไรเราจึงต้องมาเจอกับมันนะ หรือว่าจะเจอแบบมีบุญต่อกันดี แล้วทุกขณะที่เราทำ เราทำบุญร่วมกันหรือทำกรรมกันมา ใช่ไหม
ถ้าใจ ยังยึดติด ชอบ ชัง ดีร้าย อันไหน เราชอบ อันไหนชัง ที่ตัดสิน ก็คือใจเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใจที่เรารู้ ใจที่เราคิด ใจที่เรากำหนด ฉะนั้นถ้ามาตรฐานของเรามันพังไปแล้ว เราจะบอกใครดี ไม่  เหมือนที่พระพุทธองค์สอนว่า อย่าเพิ่งเชื่อ ถ้าเรายังไม่รู้จักถึงที่สุด จริงไหม (จริง)  เหมือนอาจารย์บอกว่าคนนี้ยืนหน่อย ก้มนานแล้ว คนนี้อาจารย์ว่าหล่อๆ ถ้าอาจารย์เชื่ออย่างนั้น  ชีวิตนี้อาจารย์ก็จะไม่หล่อกว่านี้จริงไหม ใช่ไหม (ใช่)  แล้วถ้าอาจารย์เชื่อแต่ใจตัวเองแล้วตาบอด หูหนวก ไม่ฟังใคร อาจารย์ก็บอกว่าคนนี้หล่อที่สุดใช่ไหม  แต่จริงๆ แล้วในความเป็นจริงของโลก มีคนหล่อกว่าใช่ไหม แล้วมีคนดีกว่าใช่ไหม เมื่อเป็นอย่างนี้ศิษย์จะโดนเขาหลอกให้ศิษย์หลงได้ไหมล่ะ แล้วศิษย์จะอยากไหมล่ะ ในเมื่อทุกขณะจิตศิษย์คิดว่า  มันต้องมีดีกว่านี้  ใช่ไหม(ใช่)  แล้วถ้าหากศิษย์บอกว่า ศิษย์เจอคนนี้ไม่ถูกสเปกไม่เข้าตา ตัวก็ดำ หัวก็เหม่ง สิวก็ดก ก้นก็ตอบ พุงก็โต หาดีไม่เจอหรอก เฮ้อ แต่ศิษย์มั่นใจหรือว่าถ้าศิษย์ไปหาใหม่จะดีกว่านี้ (ใช่)  คิดว่าใหม่อาจจะได้แบบนี้  เอาไม่เอา (ไม่เอา)  ฉะนั้นศิษย์เอยอย่าเพิ่งเชื่อในกิเลสที่หลงรัก และอย่าเพิ่งเชื่อในกิเลสที่ตัวเองเกลียดชัง  อือนี่ไม่ดี  มันต้องมีหล่อกว่านี้ ไปๆ  มาๆ  จับพลัดจับผลูได้คนนี้  ไม่ดีหรือ ลงหลักปักฐานแน่นเลยนะ  นี่แหละเรียกว่าสำคัญที่ใจ แต่ใจนั้นก่อนที่จะ
ต้องมองให้ถึงที่สุด แล้วเราจะไม่ถูกโลกใบนี้ลวงหลอกให้เราหลงรัก หรือโลภ โกรธ หลงอะไรได้ง่ายๆ เพราะเรามีสติปัญญา เห็นทุกสิ่งอย่างแจ่มชัดใช่ไหม (ใช่)  แต่มนุษย์เรามักจะเชื่อใจตัวเอง แล้วก็ปิดตาให้แคบๆ แล้วก็บอกว่า คนนี้แหละหล่อสุดแล้ว แล้วก็ปิดตาเชื่อแคบๆ ว่าคนนี้แหละน่าเกลียดที่สุดแล้ว แต่จริงๆ แล้วคนนี้อาจจะ (ดี)  และคนนี้อาจจะ (ไม่ดี)  ไม่ดีหรือ ไม่แน่นะถ้าคนนี้ยังไม่พอใจ อยู่ได้แบบนี้ (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนชายคนที่ ๓ ออกมาหน้าชั้น)  ดีไหม ถ้าสามแล้วยังได้แค่นี้ก็ต้องดีแล้วล่ะใช่ไหม (ใช่)  เอาไม่เอา (เอา)  ยังเลือกอีกเดี๋ยวก็ได้ดีหรอกถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าศิษย์ไม่อยากทุกข์ ไม่อยากร่อนแล้ว ไปๆ มาๆ แทนที่จะได้เพชรกลับได้ก้อนกรวด ศิษย์ก็จงหยุดความอยากตัวเองให้มันน้อยที่สุดใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วถ้าวันหนึ่งต้องเจอกับคนๆ นี้ทำอย่างไรดี (นักเรียนชายคนที่ ๓)  ปรับใจตัวเองจะอยู่อย่างคนมีธรรมต่อกันหรือจะอยู่อย่างคนมีกรรมต่อกัน (มีธรรมต่อกัน)  พ่อด่าแม่ แม่ก็ยิ้มกลับ พ่อใช้แม่ แม่ก็ทำดีกลับ เหมือนที่ศิษย์พูดบอกว่าศิษย์ชอบทำบุญทำทานไหม (ทำ)  และชอบให้ธรรมะเป็นทานเป็นธรรมที่ประเสริฐที่ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นแม้พ่อจะให้กิเลสมา แม่จะให้ธรรมะไป ถ้าพ่อจะโกรธมา แม่จะอภัยกลับไป นี่แหละเรียกว่าทำทุกที่ให้เป็นการปฏิบัติธรรมและให้ธรรมะเป็นทาน พ่อจะเป็นอย่างไร แม่ก็จะมีธรรมะเป็นทานใช่ไหม (ใช่)  อย่าเป็นคนทำบุญในวัดเก่ง แต่ลืมทำบุญกับคนใกล้ตัว อย่าเป็นคนดีแต่ในวัด แต่ในบ้านกลับไม่ดี นั้นน่าเสียดายจริงไหม (จริง)
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ทำนองเพลง : วอนลมฝากรัก, ชื่อเพลง : เป็นแค่ฝันไป)
อาจารย์ขอไปคุยกับศิษย์ข้างล่าง อาจารย์ตั้งคำถาม อะไรที่ทำให้มีแล้วมีกรรม อะไรที่มีแล้วมีธรรม ตอบได้อาจารย์จะให้ผลไม้เอาไหม  ธรรมอะไรที่อยู่แล้วจะมีกรรมมากกว่ามีธรรม และธรรมอะไรที่อยู่แล้วมีธรรมและเราจะละกรรมได้ เราต้องคิดต่อแล้ว ถ้าศิษย์ไม่อยากกลับมาแล้วต้องมาเวียนว่ายตายเกิด เกิดแล้วเกิดอีก ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นแค่เป็นคนดีพอไหม แต่ถ้าเป็นคนดีแล้วยังหวังผล ร้องขอต่อ ถ้าอย่างนี้คนดีก็ต้องกลับมาเกิดเพื่อรับผล พอหมดบุญก็ต้องเวียนเกิดอีก ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นคนดีที่ไม่หวังวอนผลจะไม่มีกรรม ใช่หรือไม่ แล้วเป็นคนแบบไหนที่จะมีกรรมมากกว่ามีธรรม

(พระอาจารย์เมตตาผู้ร่วมฟัง)
สบายดีกันไหม  จิตใจยังเหมือนเดิมนะ ยังขี้น้อยใจอยู่ไหม ยังน่ารักเหมือนเดิมหรือเปล่า  ยังแอบไปกินเนื้อสัตว์เยอะๆ  อีกใช่ไหม ปลงไม่ตกรสชาด ดีใจที่ศิษย์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังทำตัวเหมือนเดิมไม่ค่อยน่าดีใจเท่าไหร่เลย แก้นิสัยที่ไม่ดีได้บ้างหรือยัง  ทำตัวเหมือนเดิม  ถ้าศิษย์อยากฝึกบำเพ็ญสิ่งแรกที่ศิษย์ต้องทำคือละความโกรธให้ได้ ความโกรธยังละไม่ได้ ไม่มีโอกาสเจออาจารย์  และถ้าหากความโลภ หลงไม่เบาบาง ถึงจะรับธรรมะแล้ว ก็ยังไม่พ้นทุกข์นะศิษย์ เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม ถึงจะกินเจแล้ว  แต่โลภ โกรธ หลงไม่เคยเบาบางในใจ นิสัยยังเหมือนเดิม แก้ไม่ได้ ไม่พ้นทุกข์นะศิษย์ ถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ศิษย์ต้องกล้าลงแรงที่ใจตัวเอง บำเพ็ญธรรมไม่ใช่แค่ปฏิบัติธรรรม ไม่ใช่แค่เสียสละช่วยคนอื่น แต่สิ่งสำคัญในการบำเพ็ญธรรมคือขัดเกลาจิตใจตน  จนไม่เหลือความยึดมั่นถือมั่นว่าเราเป็นแบบนี้ แบบนั้น เพราะถ้ายังมีตัวตนอยู่ ศิษย์ยังไม่พ้นความทุกข์ที่ศิษย์ต้องไปรับผลแห่งกรรมนั้น
ในตัวมนุษย์เรานั้นมันมีสิ่งที่เรียกว่ากายหยาบ แล้วก็เรียกว่ากายละเอียด ใช่หรือไม่ หรือเรียกอีกอย่างว่าสังขาร กับจิตญาณ สังขารเมื่อตายไปก็ลงสู่ดิน จิตญาณถ้าหากเข้าถึงความบริสุทธิ์ เข้าถึงจิตเดิมแท้ไร้ซึ่งอัตตาตัวตนที่ยึดถือมาบดบัง เมื่อนั้นศิษย์จะกลับคืนสู่ฟ้าเบื้องบนได้ แต่ถ้าเมื่อไรมีกายหยาบนี้ศิษย์เอาตัวตนไปบดบังจิตเดิมแท้ เอาตัวตนไปเป็นตัวแท้ ศิษย์จะไม่มีวันพบจิตเดิมแท้และกลับคืนสู่ฟ้าเบื้องบนได้ เพราะคำว่าตัวตนมันมีนิสัย มันมีกิเลสและมันหนีไม่พ้นกรรม ถูกหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นบำเพ็ญจึงต้องขัดเกลาตัวตนจนเหลือแต่กายกับจิต โดยที่กายคืนสู่ดิน จิตคืนสู่ฟ้า ใช่หรือไม่ แต่ถ้าในตัวศิษย์ยังประกอบไปด้วยตัวตนอยู่ มีอัตตาอยู่ มีความเป็นตัวตนเต็มอยู่ในใจของตัวศิษย์เอง ศิษย์ก็จะหนีไม่พ้นกรรมที่ศิษย์สร้าง กรรมที่ศิษย์ก่อ กรรมนั้นก็มาจากกิเลส มาจากความยึดติด มาจากนิสัยที่ชอบจดจำความไม่ดีของคนอื่น เหมือนที่อาจารย์บอกไว้ คำว่า ผูกเวรแปลว่าจำเรื่องไม่ดีของคนอื่นไม่ลืม และถึงเวลาก็ชอบกระแนะกระแหน ประชดประชัน นี่แหละที่เรียกว่าจองเวรจองกรรม ใช่หรือไม่ ถ้าตัวตนยังไม่สามารถดับได้ ตายไปก็ยังไม่สิ้นกรรม แต่ถ้าเมื่อไหร่ตัวตนศิษย์ดับได้เหลือแต่จิตเดิมแท้ที่เรียกว่าสภาวธรรม ศิษย์ก็จะพ้นทุกข์แท้จริง ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วยังไม่ถึงธรรมตรงนี้ ยังไม่พ้นทุกข์ เข้าใจไหมศิษย์
อย่างหนึ่งที่อาจารย์เห็นศิษย์ชอบพูดกัน ปฏิบัติธรรมแล้วจะไม่แก่ จะไม่เจ็บ จะไม่ตาย จะไม่เจออุบัติเหตุ ไม่จริง ปฏิบัติธรรมยังต้องแก่ ยังต้องเจ็บ ยังต้องตาย และอาจจะเจออุบัติเหตุได้ แต่อุบัติเหตุนั้นเป็นการใช้กรรมที่ตัวเองสร้าง ใช่หรือไม่ และมนุษย์ทุกคนก็มีโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นกรรมที่ตัวเองก่อ ถูกหรือไม่ และกรรมนั้นจะสิ้นก็ต่อเมื่อเรากล้ายอมรับชะตากรรม ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง เพราะอาจารย์บอกแล้วคนที่โชคดีที่สามารถรักษาใจที่ปกติได้ในวันที่เลวร้ายที่สุด และคนที่สามารถบำเพ็ญธรรมแล้วมีสุขมากที่สุดในวันที่ทุกข์จนไม่สามารถพูดกับใครได้ จนน้ำตามันล้นจนท่วมหน้าท่วมตาแต่เราก็สามารถพบความสุขได้ นั่นแหละคือคนที่สามารถบำเพ็ญธรรมและนำธรรมมาใช้จนพ้นทุกข์ แล้วธรรมก็ไม่ใช่สิ่งวิเศษอะไรแต่ธรรมคือความเป็นจริงอันเป็นธรรมดาที่เรายอมรับเข้าใจจนพ้นทุกข์ ความเป็นธรรมดาที่คนมีดีบ้างไม่ดีบ้าง สังขารมีดีบ้างไม่ดีบ้าง เจ็บบ้างก็ดี โดนว่าบ้างก็ดี เงินหายบ้างก็ดี จริงไหมศิษย์ เสียบ้างก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร ฟังบ้างก็ได้เยอะเหลือเกินแต่ก็ดี ดีตรงที่ทำไมเขาเอาเรื่องไม่ดีมาให้เราเพราะเขาเชื่อใจใช่หรือไม่ ทำไมเขาเล่าเรื่องต่างๆ มาให้เราเพราะเขาไว้ใจเรา ใช่หรือไม่
ถ้าอย่างนั้นเราอยู่บนโลกนี้เพื่อเอาทุกอย่างมาทำให้พบธรรม หรืออยู่เพื่อเอาทุกอย่างให้มีเวรกรรมต่อกัน ถามใจศิษย์เอง ใจเป็นตัวสะท้อนภาพของทุกสิ่งและทุกสิ่งสะท้อนให้เห็นใจ ใช่หรือไม่ มันไม่ต้องการเจ้าของ มันไม่ต้องการตัวตน มันเป็นสภาวะที่บริสุทธิ์อยู่แล้วอย่างนั้น แต่เราต่างหากที่ทำให้มันสกปรก จริงไหม ศึกษาธรรมต้องไปให้ถึงธรรม เพราะถึงที่สุดเขาก็คือธรรม เราก็คือธรรมและถึงที่สุดเราก็ต้องกลับสู่ธรรม ใช่ไหม ฉะนั้นจะทุกข์ทำไม จะเจ็บทำไม ลุกขึ้นสู้ รู้คุณค่าตัวเองรักตัวเอง ไม่ได้หรือ ศิษย์ทุกข์อาจารย์ก็เจ็บ เจ็บตรงที่ช่วยอะไรไม่ได้ มีลูกแต่ลูกเอาตัวเองไม่รอด คนเป็นพ่อไม่รู้จะทำอย่างไร ทำไมไม่บอกตัวเองว่าวันนี้ฉันต้องดีขึ้น วันนี้ฉันต้องเข้มแข็งขึ้น ไม่รักตัวเองหรือศิษย์ แล้วทำไมชอบทำสิ่งที่ผิด แล้วทำไมชอบทำตัวเองให้มันทุกข์ รักตัวเองไหม แล้วทำไมชอบทำให้ตัวเองเจ็บ รักตัวเองก็รู้จักดูแลตัวเองหน่อยนะ
(ขอบคุณพระอาจารย์เมตตา)  รักศิษย์ทุกคน ห่วงศิษย์ทุกคน แต่ศิษย์ต้องรักตัวเองด้วย รักตัวเองให้เป็น รักตัวเองให้ถูก อย่าเดินทางผิด อย่าทำบาป อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขอนะ บาปที่หนักที่สุดก็คือบาปที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และกรรมที่หนักที่สุดก็คือความหลงผิดคิดว่าตัวเองถูกเสมอใช่หรือไม่
อาจารย์คงต้องไปแล้วนะ แล้วแปลว่าจะตั้งใจบำเพ็ญเจอเรื่องราวอะไรก็ยึดหลักความถูกต้อง ประพฤติในศีล ประพฤติในธรรม อย่าไปหลงในโลกใบนี้เลยนะศิษย์เอย เห็นหลายครั้งตีก็แล้ว อาจารย์จับก็แล้ว ถึงเวลาก็ยังเหมือนเดิม ให้อาจารย์หายห่วงได้แล้วใช่ไหม ฉะนั้นเรื่องอะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์และดีงามดีกว่านะ มุ่งมั่นบำเพ็ญเพื่อตัวเองนำพาตัวเองให้พ้นทุกข์ดีกว่านะใช่ไหม อย่าคิดผิดอย่าทำผิดทำบาปกรรมเลยนะศิษย์เอย ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ นะ เดินบนหนทางบำเพ็ญแล้วต้องไปให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์ ความดีงามในจิตใจ ละบาปบำเพ็ญบุญ รักษาจิตให้ดีงาม อุทิศเสียสละมุ่งมั่นไปให้ถึงที่สุดนะศิษย์เอย ตั้งใจบำเพ็ญ อย่ากลัวความยากลำบาก อย่ากลัวอุปสรรคอย่าท้อแท้ไปให้ถึงที่สุดนะ
ศิษย์ที่ปกติคือศิษย์ที่น่ารักที่สุด ศิษย์ที่ชอบผิดปกติคือศิษย์ที่ชอบทำตัวตามกิเลสอารมณ์จริงไหม ให้อาจารย์เลิกห่วงเสียทีนะ อาจารย์จะเลิกห่วงได้ก็ต่อเมื่อศิษย์มุ่งมั่นทำสิ่งที่ถูกต้อง เข้มแข็ง เดินทางถูก อย่ากลัว อย่ายอมแพ้ หมดกรรมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ สิ้นกรรมด้วยเพราะเรากล้ายอมชดใช้  ศิษย์เอ๋ยถ้าชีวิตต้องเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน ขอให้ยอมรับมัน ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ด้วยหัวใจที่ไม่ตัดพ้อต่อว่า แล้วเราจะได้หมดกรรมกันไป จริงไหม  นำพาเขาให้ถูก ทำแบบอย่างให้ดีนะ ไปล่ะนะ รักษาตัวเองกันให้ดีนะศิษย์เอ๋ย ดูแลจิต ดูแลใจให้ดี เจอเรื่องอะไรรักษาความดีไว้จนสุดลมหายใจ ไม่ตัดพ้อ ไม่ต่อว่า ไม่สร้างบาปกรรมต่อ ยอมจบสิ้นชะตากรรมที่ไม่ดีนั้นด้วยจิตใจที่รู้จักสำนึกขอขมา ฉะนั้นเจอเรื่องราวอะไรเข้มแข็งไว้ ถือเป็นโอกาสได้ชำระกรรม เจอเรื่องราวอะไร ถือเป็นโอกาสได้หมดสิ้นกรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอาจารย์มีมือร้อยมือได้อาจารย์อยากมีมือร้อยมือตอนนี้จริงๆ เลย อาจารย์จะได้โอบกอดศิษย์รักของอาจารย์ทุกคน ขอบคุณในความเสียสละนะ ขอบคุณในหัวใจที่เสียสละอุทิศนะศิษย์เอ๋ย รักษาความดีนั้นไว้นะ อาจารย์คงต้องไปแล้วนะ ดูแลตัวเองกันดีๆ นะ ถือความเมตตานำพาผู้อื่นด้วยหัวใจที่เข้มแข็งนะ รักษาความดีงามไว้นะ
อย่ากลัวความทุกข์ยาก แต่ควรระมัดระวังใจตัวเองที่ไม่สู้กับความทุกข์จริงไหม (จริง)  อย่ากลัวคนอื่นเลยแต่กลัวใจตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะมุ่งมั่นทำดีให้ถึงที่สุดมากกว่าจริงไหม (จริง)  คนอื่นร้ายอย่างไร เหตุการณ์น่ากลัวอย่างไร ไม่สู้เท่ากับใจที่ไม่สู้ ใจที่มันไม่ยึดมั่นถือมั่นความถูกต้องใช่หรือเปล่า (ใช่)  เข้มแข็งนะ มั่นคงให้ถึงที่สุดนะ เดินไปให้จนถึงทางนะ อย่ากลัวลำบากนะ ควรกลัวสิ่งที่ควรกลัวมากที่สุดคือ อารมณ์กิเลสในใจตัวเองที่ควบคุมไม่ได้จริงไหม เภทภัยข้างนอกไม่น่ากลัวเท่ากับลมปากเรา ภยันตรายข้างนอกไม่น่ากลัวเท่ากับหัวใจเราที่ไม่ยึดมั่นสิ่งที่ถูกต้อง คนอื่นไม่น่ากลัวเท่ากับใจตัวเองที่ไม่รักษาความดีงาม หาความซื่อตรงไม่ได้ ศีลธรรมไม่มี เสียดายเกิดเป็นคน แต่ถ้าศีลธรรมก็มี คุณธรรมก็มีตายไปไม่เห็นต้องกลัวอะไร แต่ถ้าศีลธรรมไม่มี คุณธรรมยังบกพร่อง ตายไม่ได้ เพราะตายไปแล้วมีแต่กรรมใช่หรือไม่ ศิษย์เอยแค่นี้ยังอดทนไม่ได้ ชีวิตจริงศิษย์จะทนไหวหรือ
(พระอาจารย์เมตตานักเรียนในชั้นต่อ)
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท “คุณนะทำ”)
พระโอวาทซ้อนเอาไว้ให้ศิษย์นำพาชีวิต ได้คำว่า “คุณนะทำ” แต่ผมไม่ทำ ได้ไหม (ไม่ได้)  มนุษย์เราประเสริฐตรงที่การประพฤติปฏิบัติ ถ้าละบาปได้จึงเรียกว่าคนบุญ ถ้าละบาปไม่ได้ถึงจะทำดีแค่ไหนก็ยังมีผิดบาปอยู่ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นถึงจะมีคำว่า  “ละบาปบำเพ็ญบุญ”  แต่ถ้าบำเพ็ญบุญแล้วยังละบาปไม่ได้ บุญนั้นก็ไม่อาจเรียกว่าบุญที่บริสุทธิ์  เหมือนมือหนึ่งเราทำบุญ แต่อีกมือหนึ่งเรายังเกี่ยวกรรมอยู่ เรายังสร้างบาปอยู่ เช่นนี้ก็ไม่อาจเรียกว่าคนดีแท้จริงได้ จริงหรือไม่
คุณธรรมต่างจากศีลธรรมอย่างไร ศีลธรรมคือเครื่องชะล้างไม่ให้เราทำผิดบาป  ข้อยกเว้นที่เราไม่ควรจะทำ อย่างเช่นไม่เบียดเบียน ไม่เบียดเบียนผู้อื่นเป็นการสร้างกรรมหรือสร้างธรรม แล้วถ้าเบียดเบียนผู้อื่นมีธรรมหรือมีกรรม แล้วปกติเราเบียดเบียนคนอื่นไหม ฆ่าคนอื่นเพื่อชีวิตตัวเองไหม ฉะนั้น ศีลเป็นเครื่องละให้เราไม่ประพฤติผิด ส่วนคุณธรรมเป็นเครื่องที่ประพฤติปฏิบัติในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสันติสุข อย่างเช่น เราปฏิบัติต่อเขา ไม่ได้ด้วยอารมณ์ แต่ปฏิบัติต่อเขาด้วยหน้าที่ความถูกต้องในการเป็นคน เช่นนี้แล้วเวลาทำงาน ทำงานด้วยความซื่อตรง ไม่ได้ทำงานด้วยความอยากได้เงิน คุณค่าต่างกัน ถ้าอยากได้เงินเราก็ได้กรรมกับกิเลส แต่ถ้าเราปฏิบัติด้วยความซื่อตรง สิ่งที่เราได้ก็คือความเป็นธรรม ใช่หรือไม่ คุณธรรมมีไว้เพื่อให้เราทำ ไม่ได้มีไว้เพื่อนานนานจะทำทีนะ
เดี๋ยวนี้คนเสพสื่อเยอะมาก พอเสพมาก  เราก็สร้างกรรมด้วยสายตาใช่ไหม  แล้วก็ด่าเขาด้วยความคิดใช่ไหม  แล้วก็ชอบอ่านข่าวที่ไม่ดีนะ พออ่านเสร็จแอบด่าในใจไหม ทนไม่ไหวกดพิมพ์เลย  แล้วพอด่าทีมีคนเห็นด้วยกรรมก็ทวีคูณ คนกดไลค์หนึ่งครั้ง เราด่ามีคนกดไลค์ เท่ากับเราสร้างกรรมด้วยใช่หรือไม่ ฉะนั้นสื่อปัจจุบันนี้เราต้องระวัง สื่อนั้นทำให้เรามีกิเลสมากกว่ามีธรรม อ่านน้อยๆ ดีหรือไม่  แล้วเสพก็เสพแต่ที่ดีๆ ดีไหม (ดี)  ที่ไม่ดี ดูไม่ดู ต้องถามฝ่ายชาย ไม่ดู ศิษย์เอยเสียสละเพื่อคนอื่น  สร้างธรรม ดีกว่าสร้างกรรมนะ แล้วศิษย์จะเข้าใจว่าชีวิตนี้อยู่อย่างไม่มีกรรมดีที่สุด แล้วทำอย่างไรดีละ ไม่มีกรรม และมีแต่ธรรม กับพ่อแม่ กับเพื่อน กับที่ทำงานประพฤติอย่างไหน ทุกอย่างที่ประพฤติล้วนสอดคล้องต่อธรรม ไม่ผิดศีลธรรม แต่มนุษย์ไม่ใช่  กับพ่อแม่ชอบตามใจตัวเอง กับเพื่อนชอบเห็นแก่ตัว ใช่หรือไม่ สิ่งที่เราได้ก็คือนิสัย อารมณ์ และความทุกข์ ยิ้มเข้าไว้ศิษย์มุมปากมันตก  เดี๋ยวฮวงจุ้ยจะไม่ดี เข้าใจไหม เชื่ออาจารย์ อย่าทำปากอย่างนี้ เป็นผู้หญิงหมดสวยเพราะปากอย่างนี้ ผู้ชายหมดหล่อก็ได้เพราะปากอย่างนี้ อยากให้หน้าตาน่ารัก มีราศี ใครมองใครเห็นใครก็รัก จริงไหม
แล้วคนปัจจุบันยิ้มยากเหลือเกิน อยากสร้างบุญก็ทำบุญด้วยการยิ้ม คนอื่นเห็นคนนั้นเป็นอะไรนะ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกดี จริงไหม ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ไม่ถามต่อแล้วนะ เพราะอาจารย์ต้องคำนึงถึงคนที่เขารำคาญมากกว่าคนที่รู้สึกดี จริงๆ ศิษย์เชื่ออาจารย์เถอะ บางครั้งศิษย์มองเห็นว่าปัญหานิดๆ หน่อยๆ มันไม่เกิด มันไม่ถึงเรา แต่บางครั้งถ้าเราใส่ใจปัญหานิดๆ หน่อยๆ ให้ดีเราจะทำให้โลกนี้มีแต่สิ่งที่น่าอยู่ จริงไหม แต่ถ้าเรามัวแต่สนใจความสุขตนเองจนไม่มองดูว่าคนอื่นทุกข์เพราะเราแล้วเราก็ไม่ต้องทำอะไรทำเหมือนเดิมไม่สนใจคนอื่นสักวันความทุกข์ก็จะมาทำร้ายเรา จริงไหม ถ้าอย่างนั้นทำอย่างไรมีกรรม ทำอย่างไรมีบุญ (มีสติ, การมีธรรมมากกว่ามีกรรมคือศึกษาธรรมและนำไปปฏิบัติ, ฟังธรรมและมีสติอยู่ตลอดเวลา, ชีวิตจะได้เปลี่ยนเพราะเราเปลี่ยนความคิด)  ถ้าอย่างนั้นถ้าเราไม่รู้ว่าชีวิตเราจะยาวจะสั้นทำไมเราไม่ทำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่ไม่เรียกว่ากรรมแต่เป็นธรรมะ ที่อย่างน้อยจบไปแล้วคนก็ลืมเราไม่ลง ดีไหม
(ทำดีละเว้นความชั่ว, คนเราจะต้องมีสติ มีปัญญา มีจิตใจที่ดี ทำแต่สิ่งดีๆ, ทำอะไรด้วยสติปัญญา, หมั่นทำความดีสร้างธรรมะเยอะๆ)  ความดีอะไรล่ะที่ควรทำ เอาแอปเปิลของเราไปให้คนอื่น นี่คือการปฏิบัติธรรมถูกไหม ถึงเวลาก็ทำไม่ได้ อะไรเรียกว่าทำแล้วมีกรรม อะไรเรียกว่าทำแล้วมีธรรม ความดี ศิษย์เอ๋ย ตอบว่า (หมั่นทำความดี)  ตอบได้อย่างเดียวเลย ห้องนี้ตอบเหมือนกันหมดเหมือนลอกข้อสอบเลย ทำอะไรแล้วมีธรรมะ ทำดี ตั้งแต่หัวจดท้าย ทำอะไรแล้วมีธรรมะ ทำดี แล้วดีอย่างไรล่ะ (ทำบุญ)  บุญอะไรล่ะ นั่นสิ นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในมนุษย์ รู้แค่เพียงว่าทำดีแต่อะไรเรียกว่าดี เอาง่ายๆ นะศิษย์ มีโอกาสได้แอปเปิล มีใครไหมที่จะบอกอาจารย์ว่าไม่เอา และเอาไปให้คนข้างๆ ความดีคือความเสียสละ  ความดีคือคิดถึงตัวเองน้อยหน่อย คิดถึงผู้อื่นมากหน่อยแล้วเราเป็นแบบนั้นไหมล่ะ (ทำดีกับพ่อแม่)  อย่าทำดีแต่เฉพาะกับพ่อแม่  แต่ควรทำดีกับทุกคน จริงไหม (จริง, จะปฏิบัติต่อไป)  แล้วปฏิบัติอย่างไรเรียกว่าความสุขและความดีของครอบครัว นั่นก็คือ (ทำสิ่งที่ถูกต้อง, ซื่อตรง, มีเมตตาธรรม, มีมโนธรรมสำนึกที่ดีงาม)
 (จะสร้างความดีตลอด, การไม่เบียดเบียน)  การไม่เบียดเบียนคนทางสายตา คำพูด และการกระทำ (คุณธรรม)  ข้อไหนหรือ ถ้าคิดไม่ออกแปลว่าไม่ค่อยมีจริงไหม  เมตตาธรรมขอแค่เมตตา เมื่อเมตตาก็ไม่เบียดเบียน  เมื่อเมตตาก็ไม่ทำร้ายคนอื่น  เมื่อเมตตาก็ไม่โกหก โป้ปด   ไม่ฉ้อฉล แต่ซื่อตรง เมื่อเมตตาก็จะไม่ทำร้ายใครแต่จะซื่อตรง แค่นี้ทำได้ไหม คุณธรรม เมตตา มโนธรรม จริยธรรม คือความสุภาพอ่อนน้อม ปัญญาธรรม ทำอะไรรู้จักคิดไตร่ตรอง
อาจารย์คงต้องกลับแล้วนะ มีโอกาสคงได้กลับมาผูกบุญกันอีก บำเพ็ญธรรมไม่ใช่แค่เป็นคนดี แต่เราบำเพ็ญธรรมเพื่อละบาปบำเพ็ญบุญกลับสู่สภาวะเดิมแท้ เรามาจากธรรมกลับคืนสู่ธรรมที่คือบ้านเดิมแท้ของเรา เราเกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเราก็ต้องกลับสู่ธรรม แต่ถ้ายังยึดติดตัวตน ก็ยังหนีไม่พ้นกรรม ใช่หรือไม่
เราอยากกลับบ้านไหม บ้านที่ไม่ต้องทุกข์ บ้านที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด บ้านที่พ้นทุกข์แท้จริง นั่นคือธรรมะ จริงไหม แล้วเราไม่กลับหรือ ฉะนั้น หนทางบำเพ็ญธรรมไม่ใช่มีแค่นรก สวรรค์  แต่มีอีกอันหนึ่งเรียกว่าธรรม เป็นสภาวะเป็นกลาง หัวใจปกติ เขาคนนั้นกำลังเดินทางกลับบ้านที่แท้จริง ถ้าเมื่อไหร่ ยังยึดติด ดีร้าย นั่นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เพราะธรรมที่แท้จริง คือความเป็นกลาง กลับมาศึกษาธรรมบ้าง อย่ากลับแล้วกลับเลยจะได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด คงได้ผูกบุญกันนะ กลับบ้านที่แท้จริงที่ไม่ต้องทุกข์ บ้านที่พ้นทุกข์


พระโอวาทซ้อนพระโอวาท 
"คุณ
นะ
ทำ "
     เมตตาไม่ขาดจากใจ   มโนธรรมไว้เหมาะสม
ซื่อตรงจงใจน่าชม                   จริยะงามสมบำเพ็ญ
   ยึดถือสื่อกิเลสง่ายล้ำยุคเก่า    กอบกองเข้าเผาลุกลามความคิดเห็น
คิดถึงแต่เรื่องคนอื่นต้องบำเพ็ญ มองไม่เห็นใจของตนไม่พ้นกรรม


อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา