西元二○一四年 歲次甲午九月二十日 活佛恩師慈訓
วันจันทร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ สถานธรรมหยรูซื่อ ไมอามี่
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
อเมริกาอยู่ที่ไหนก็มาได้ ขอเพียงศิษย์มีใจก็มาถึง
น้ำหมื่นสายไหลรวมมาเป็นหนึ่ง ศิษย์เข้าถึงสัจภาวะในตนเอง
เราคือ
จี้กง อาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่สถานธรรมหยรูซื่อ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคน นักเรียนเก้าคนคือก้าวหน้าใช่ไหม
วนเวียนทำเรื่องเดิมทั้งเช้าค่ำ จะไม่ทำก็เหมือนจะไม่ได้
คราบน้ำตาทุกข์หนักหนักยังฝังใจ หมองพรากใจกว่ารู้ตัวเฉียบเย็น
จงช่วยกันเติมกำลังใจส่งเสริม ปัญหาเดิมอย่าซ้ำเรื่องชวนปากเหม็น
จงตั้งใจตัวเองเพื่อจะบำเพ็ญ ฟังและเห็นกายใจยิ่งทบทวน
โยนคุณค่าตนเผาไฟความเห็นผิด ชีวิตศิษย์ทลายพังลงอย่างผันผวน
จงเร่งรีบแก้ไขเถิดอาจารย์ชวน เจ้าใช้ปัญญาแม้ด่วนยังไม่ทัน
บุญคนมีเปลี่ยนชีวิตใฝ่ทางธรรม ละลายกรรมธรรมนั้นเพียงช่วยเท่านั้น
แม้ศรัทธาแต่ปล่อยตัวกลัวไม่ผ่าน เลอะที่เดียวนิดหน่อยนั้นขวางประตู
ลัดฟ้าเป็นหวนบ้านเดิมต้นธาร ข้าเป็นพยานศิษย์บำเพ็ญฟ้าดินรู้
เลือนลบรอยน้ำตามาผิดเป็นครู ถ้าเหนื่อยแล้วอีกครู่กลับมาทำ
ผ่านชาติทุกครั้งเจ้าก็ลืมหมด ถูกโลกรัดแน่นบดแล้วบดซ้ำ
เป็นร้อยเรื่องมัวกลัวไม่ยอมทำ ไยตัวศิษย์รักไม่นำชีวิตเอง
กินไม่อิ่มเกินไปนักเพื่อสุขภาพ หากไม่มีไปนักได้ยิ่งเก่ง
ความทุกข์เจ้าสอนตัวเจ้านั้นเอง ใดเทียมเวียนว่ายสติเร่งพินิจตน
ศิษย์คนใดคืนสักคนแสนลำบาก เจ้าได้ใจรู้ที่จักแสวงผล
อาจารย์ยังรอคอยเจ้าคืนเบื้องบน จงช่วยตนช่วยคนไปพร้อมกัน
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ที่นี่ไม่เที่ยงคืนนอนไม่เป็นใช่ไหม พระจันทร์สวยหรือพระอาทิตย์สวย พระจันทร์ต้องอยู่กลางฟ้าถึงจะนอนได้ ถ้าพระจันทร์ไม่อยู่กลางฟ้า ก็ไม่อยากจะนอน ทำไมเป็นอย่างนั้น อยากจะได้สุขภาพดีไหม (อยาก) เวลาเราทำงานหาเงินมาเท่าไร ก็หมดไปกับการหาหมอ ใช่หรือไม่ (ใช่) คิดว่าจะไม่ป่วยแล้ว แต่ก็ป่วยทุกที ป่วยเป็นโรคอะไร ถามว่าระหว่าง
โรคกายกับโรคใจ ป่วยเป็นโรคอะไรมากกว่ากัน (โรคทางใจ) ใครว่าตนเองป่วยทางกายมากกว่าทางใจ แล้วใครป่วยเป็นโรคทางใจมากกว่า
ยกมือขึ้น มือไม่ได้เอามา อยู่ที่บ้านกันหมด ไหนลองเอามือสองข้างยื่นออกมาแล้วปรบมือ ยกขึ้น ป่วยเป็นโรคทางใจตั้งแต่ตอนไหน ตอนเด็กป่วยเป็นโรคทางใจหรือยัง (ยัง) แน่ใจหรือเปล่า ตอนเด็กอายุ 10 ขวบ ป่วยเป็นโรคทางใจหรือยัง ตอนที่เป็นคนที่อยากได้อะไรแล้วต้องได้ อย่างนี้ป่วยไหม แล้วตอนเด็กเป็นโรคอย่างนี้ไหม (เป็น) ตอนเด็กๆ พูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ป่วยหรือยัง (ป่วยแล้ว) แต่ตอนเด็กยังไม่ป่วยหนัก ตอนนี้เป็นโรคทางใจที่ป่วยหนักมาก
โรคกายกับโรคใจ ป่วยเป็นโรคอะไรมากกว่ากัน (โรคทางใจ) ใครว่าตนเองป่วยทางกายมากกว่าทางใจ แล้วใครป่วยเป็นโรคทางใจมากกว่า
ยกมือขึ้น มือไม่ได้เอามา อยู่ที่บ้านกันหมด ไหนลองเอามือสองข้างยื่นออกมาแล้วปรบมือ ยกขึ้น ป่วยเป็นโรคทางใจตั้งแต่ตอนไหน ตอนเด็กป่วยเป็นโรคทางใจหรือยัง (ยัง) แน่ใจหรือเปล่า ตอนเด็กอายุ 10 ขวบ ป่วยเป็นโรคทางใจหรือยัง ตอนที่เป็นคนที่อยากได้อะไรแล้วต้องได้ อย่างนี้ป่วยไหม แล้วตอนเด็กเป็นโรคอย่างนี้ไหม (เป็น) ตอนเด็กๆ พูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ป่วยหรือยัง (ป่วยแล้ว) แต่ตอนเด็กยังไม่ป่วยหนัก ตอนนี้เป็นโรคทางใจที่ป่วยหนักมาก
เวลาที่อาจารย์บอกว่า ให้ศิษย์นั้นมาบำเพ็ญธรรม มารักษาใจตนเอง ให้ยาตามโรคทางใจตนเอง ถามว่าเราอยากจะมาฟังธรรมะไหม เวลาคนเรียกให้เรามาฟังธรรมะเพื่อรักษาโรคทางใจของเรา โดยให้ยาวิเศษขนานเอก เราจะว่างไม่ว่าง (ไม่ว่าง) แม้กระทั่งช่วยตนเองก็ยังบอกไม่ว่าง มีคนมาช่วยเรา เรามีเวลาว่างไหม มีคนบอกว่าจะช่วยให้เรา
พ้นทุกข์ เรามีเวลาว่างหรือไม่ (ว่าง) เราก็ไม่ว่าง แถมยังพูดว่าพ้นทุกข์ได้แน่เหรอ คนพูดยังไม่พ้นทุกข์เลย แล้วจะช่วยเราได้อย่างไร มีความสงสัยมากมาย สูงกว่าเหนือหัวขึ้นไปเป็นร้อยเท่าพันเท่า ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะเราใช้แต่ใจของมนุษย์คิดใช่หรือไม่ (ใช่)
พ้นทุกข์ เรามีเวลาว่างหรือไม่ (ว่าง) เราก็ไม่ว่าง แถมยังพูดว่าพ้นทุกข์ได้แน่เหรอ คนพูดยังไม่พ้นทุกข์เลย แล้วจะช่วยเราได้อย่างไร มีความสงสัยมากมาย สูงกว่าเหนือหัวขึ้นไปเป็นร้อยเท่าพันเท่า ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะเราใช้แต่ใจของมนุษย์คิดใช่หรือไม่ (ใช่)
ตอนเกิดมาเรายังมีใจฟ้าอยู่ เวลามองเข้าไปนัยน์ตาของเด็กทารกว่าเขาคิดอะไรไหม เห็นความใสของเขาไหม มองเข้าไปนัยน์ตาของเรา
ดูว่าใสหรือไม่ (ไม่ใส) ขุ่นมากๆ เลย โดยเฉพาะเวลาโกรธ เคยส่องกระจกไหม (ไม่ส่อง) ตอนนี้เวลาโกรธหรือโมโหไม่ย่อมส่องกระจกเลย เพราะว่ากลัวเจอยักษ์ เราเหมือนยักษ์ เหมือนผีไหม เราเหมือนเทวดาไหม ไม่เหมือนเลยสักนิดเดียว เราอยากเหมือนอะไร สมมติว่าตรงนี้เป็นกระจก เราส่องกระจกเข้าไป เราอยากเห็นอะไร อยากจะเห็นยักษ์หรือเทวดา เวลาที่เราอยู่บ้านหรือที่ทำงาน หรือทุกที่ เราเห็นอะไร (เห็นยักษ์) เรามองเห็นคนอื่นเป็นยักษ์ ระวังตัวตลอดเวลา 360 องศารอบตัว
ใครอย่ามาแหย่ ใครขืนเข้ามาในระยะ 360 องศา มาทำร้ายเรา เราจะทำตาโตใส่ หรือทำให้เขาเจ็บกว่าเรา โลกนี้เลยไม่น่าอยู่ ใช่ไหม (ใช่)
ดูว่าใสหรือไม่ (ไม่ใส) ขุ่นมากๆ เลย โดยเฉพาะเวลาโกรธ เคยส่องกระจกไหม (ไม่ส่อง) ตอนนี้เวลาโกรธหรือโมโหไม่ย่อมส่องกระจกเลย เพราะว่ากลัวเจอยักษ์ เราเหมือนยักษ์ เหมือนผีไหม เราเหมือนเทวดาไหม ไม่เหมือนเลยสักนิดเดียว เราอยากเหมือนอะไร สมมติว่าตรงนี้เป็นกระจก เราส่องกระจกเข้าไป เราอยากเห็นอะไร อยากจะเห็นยักษ์หรือเทวดา เวลาที่เราอยู่บ้านหรือที่ทำงาน หรือทุกที่ เราเห็นอะไร (เห็นยักษ์) เรามองเห็นคนอื่นเป็นยักษ์ ระวังตัวตลอดเวลา 360 องศารอบตัว
ใครอย่ามาแหย่ ใครขืนเข้ามาในระยะ 360 องศา มาทำร้ายเรา เราจะทำตาโตใส่ หรือทำให้เขาเจ็บกว่าเรา โลกนี้เลยไม่น่าอยู่ ใช่ไหม (ใช่)
เราอยากจะได้คนดีๆ อยู่รอบตัวเรา เราก็จะต้องเป็นคนดีก่อน
เป็นเรื่องง่ายๆ เป็นหลักของเหตุและผล เราอยากให้สามีดีกับเรา หรืออยากให้ภรรยาดีกับเรา เราต้องดีกับเขาก่อน ถ้าเราอยากให้อะไรที่ดีๆ เข้ามาหาเรา เราต้องทำดีก่อน ทุกคนชอบพูดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ยืนยันสักสิบทีไม่กล้าพูด เพราะว่าดีแต่ก็มีนิดหนึ่ง อีกหน่อยนะ เดี๋ยววันนี้ขอเป็นยักษ์ก่อน แล้วค่อยเป็นคนดีต่อ ความผิดของเราเฝ้าอภัย ความผิดของคนอื่นยิ่งใหญ่กว่าภูเขา การที่เราจะมาเป็นคนที่ฟังธรรมะบำเพ็ญธรรม พ้นจากความทุกข์ได้ ทำง่ายหรือเปล่า หลายๆ เรื่องเป็นสิ่งที่ศิษย์ที่นี่รู้
อยู่แล้ว รู้ตัวด้วย แต่ทำไม่ได้
เป็นเรื่องง่ายๆ เป็นหลักของเหตุและผล เราอยากให้สามีดีกับเรา หรืออยากให้ภรรยาดีกับเรา เราต้องดีกับเขาก่อน ถ้าเราอยากให้อะไรที่ดีๆ เข้ามาหาเรา เราต้องทำดีก่อน ทุกคนชอบพูดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ยืนยันสักสิบทีไม่กล้าพูด เพราะว่าดีแต่ก็มีนิดหนึ่ง อีกหน่อยนะ เดี๋ยววันนี้ขอเป็นยักษ์ก่อน แล้วค่อยเป็นคนดีต่อ ความผิดของเราเฝ้าอภัย ความผิดของคนอื่นยิ่งใหญ่กว่าภูเขา การที่เราจะมาเป็นคนที่ฟังธรรมะบำเพ็ญธรรม พ้นจากความทุกข์ได้ ทำง่ายหรือเปล่า หลายๆ เรื่องเป็นสิ่งที่ศิษย์ที่นี่รู้
อยู่แล้ว รู้ตัวด้วย แต่ทำไม่ได้
การบำเพ็ญธรรมเริ่มต้นจากตรงสิ่งที่เรารู้แล้ว และทำสิ่งที่เรารู้นั้นให้ดี เราไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่เราไม่รู้ เกิดมาจนปูนนี้แล้ว เรารู้มากมาย
แต่ทำสิ่งที่รู้ สิ่งที่มีเงื่อนไข มีข้อยกเว้นเสมอ ทำให้เรานั้นไปไม่ถึงที่สุด ศิษย์ของอาจารย์เวลาอาจารย์เห็นศิษย์คุยกัน แม้กระทั่งเทวดายังไม่กล้าคิดเลย อย่าว่าแต่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดเลย ขนาดให้เป็นเทวดายังไม่กล้าคิดเลย กลัวจะตกลงมาจากเมฆ เพราะว่าสิ่งที่เราทำนั้นดีหรือไม่ดี เป็นสิ่งที่ยากมากที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แล้วก็ยากยิ่งกว่าคือการทำตัวของเรานั้นให้ดี แต่ถ้าไม่เริ่มเลย ทำได้ไหม ไม่เริ่มก็ทำไม่ได้ แล้วจะเริ่มไหม (เริ่มทำความดี) ถามว่าทุกวันนี้ทำดีกันหรือเปล่า (ทำดี) ก็ไม่เลวนะ ฉะนั้นถ้าศิษย์ไม่ได้เป็นคนดีอยู่ ก็ไม่มีใครมาชวนให้มารับธรรมะ เป็นศิษย์ของอาจารย์หรอกนะ ขัดแย้งไหม คนอื่นมองเราเป็นคนดี แต่ตัวเรามองตัวเองไม่ดี วันนี้มีนักเรียนกี่คน (9 คน) ถ้าวันนี้มีนักเรียน 9 คน ต่อไปก็จะก้าวหน้าใช่ไหม (ใช่) ปรบมือให้ตนเองหน่อย
แต่ทำสิ่งที่รู้ สิ่งที่มีเงื่อนไข มีข้อยกเว้นเสมอ ทำให้เรานั้นไปไม่ถึงที่สุด ศิษย์ของอาจารย์เวลาอาจารย์เห็นศิษย์คุยกัน แม้กระทั่งเทวดายังไม่กล้าคิดเลย อย่าว่าแต่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดเลย ขนาดให้เป็นเทวดายังไม่กล้าคิดเลย กลัวจะตกลงมาจากเมฆ เพราะว่าสิ่งที่เราทำนั้นดีหรือไม่ดี เป็นสิ่งที่ยากมากที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แล้วก็ยากยิ่งกว่าคือการทำตัวของเรานั้นให้ดี แต่ถ้าไม่เริ่มเลย ทำได้ไหม ไม่เริ่มก็ทำไม่ได้ แล้วจะเริ่มไหม (เริ่มทำความดี) ถามว่าทุกวันนี้ทำดีกันหรือเปล่า (ทำดี) ก็ไม่เลวนะ ฉะนั้นถ้าศิษย์ไม่ได้เป็นคนดีอยู่ ก็ไม่มีใครมาชวนให้มารับธรรมะ เป็นศิษย์ของอาจารย์หรอกนะ ขัดแย้งไหม คนอื่นมองเราเป็นคนดี แต่ตัวเรามองตัวเองไม่ดี วันนี้มีนักเรียนกี่คน (9 คน) ถ้าวันนี้มีนักเรียน 9 คน ต่อไปก็จะก้าวหน้าใช่ไหม (ใช่) ปรบมือให้ตนเองหน่อย
สถานธรรมหลังเล็กๆ ก็อบอุ่นดี เดินไปก็ชนกันไปมา แต่ปกติไม่มีใครมาให้ชนนะ เพราะไม่ค่อยได้มา คือความจริง แล้วก็ไม่ว่าง แล้วเมื่อไรจะว่าง
“ถามศิษย์รักทุกคน นักเรียนเก้าคนคือก้าวหน้าใช่ไหม”
ถามศิษย์รักทุกคน นักเรียนเก้าคนคือก้าวหน้าใช่ไหม (ใช่) ถ้าเขาก้าวหน้า คนข้างหน้าต้องก้าวให้ไกลกว่า แล้วก็เหนื่อยกว่า ยอมหรือเปล่า (ยอม) รู้ไหมนักเรียนแค่ 9 คน คนเก่าไม่กี่คน คนที่ข้ามน้ำข้ามทะเล
มาทุกปีๆ ปีละหลายๆ หน เขาก็เหนื่อย อาจารย์เห็นพวกเขาแล้วสงสารจริงๆ จากใจ รอวันว่าเมื่อไรศิษย์ที่อยู่ที่นี่สามารถยืนด้วยลำแข้ง ก้าวเดินบนขาของตัวเอง เพื่อที่จะก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น รอศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ดอกไม้บานขึ้นมาร่วงหล่นลงไป ใบไม้ใบแล้วใบเล่าก็ร่วงหล่น ร่วงหล่นไปเหลือไม่กี่คน แต่ก็ยังดีใจที่ยังเหลือ อยากให้ศิษย์ทุกคนเร่งรีบบำเพ็ญธรรมก่อนที่ร่างกายจะไม่ไหว เพราะจริงๆ ถ้าร่างกายไม่ไหว การบำเพ็ญธรรมก็ไม่ไหว จริงไหม (จริง) ถึงมีใจแต่ร่างกายไม่สู้เราก็ไม่ไหว จริงๆ แล้วยังไม่ถึงคิวอาจารย์ แต่อาจารย์ก็อยากมาใจแทบขาด ติดธุระมาช้า นักเรียนก็ยังอุตส่าห์จะรอ เห็นหลีเจี่ยงซือพูดธรรมะ ก็เลยไม่กล้าที่จะมารบกวน อาจารย์มาถึงก็พูดมากเลย ทำให้ศิษย์ของอาจารย์งงหรือเปล่า
มาทุกปีๆ ปีละหลายๆ หน เขาก็เหนื่อย อาจารย์เห็นพวกเขาแล้วสงสารจริงๆ จากใจ รอวันว่าเมื่อไรศิษย์ที่อยู่ที่นี่สามารถยืนด้วยลำแข้ง ก้าวเดินบนขาของตัวเอง เพื่อที่จะก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น รอศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ดอกไม้บานขึ้นมาร่วงหล่นลงไป ใบไม้ใบแล้วใบเล่าก็ร่วงหล่น ร่วงหล่นไปเหลือไม่กี่คน แต่ก็ยังดีใจที่ยังเหลือ อยากให้ศิษย์ทุกคนเร่งรีบบำเพ็ญธรรมก่อนที่ร่างกายจะไม่ไหว เพราะจริงๆ ถ้าร่างกายไม่ไหว การบำเพ็ญธรรมก็ไม่ไหว จริงไหม (จริง) ถึงมีใจแต่ร่างกายไม่สู้เราก็ไม่ไหว จริงๆ แล้วยังไม่ถึงคิวอาจารย์ แต่อาจารย์ก็อยากมาใจแทบขาด ติดธุระมาช้า นักเรียนก็ยังอุตส่าห์จะรอ เห็นหลีเจี่ยงซือพูดธรรมะ ก็เลยไม่กล้าที่จะมารบกวน อาจารย์มาถึงก็พูดมากเลย ทำให้ศิษย์ของอาจารย์งงหรือเปล่า
วันนี้อาจารย์มายืมร่างให้ศิษย์ดู ไม่ได้หมายความว่า ให้ศิษย์ยึดติดในสิ่งที่ศิษย์เห็น แน่นอนอาจารย์ไม่อยากมาในลักษณะที่ให้ศิษย์ยึดติดในรูปลักษณ์ แต่ก็แน่นอนเหมือนกัน ถ้าอาจารย์ไม่มา ศิษย์ก็คงไม่ได้ฟังในสิ่งที่อาจารย์อยากพูดให้ฟัง ใช่หรือไม่ (ใช่) เนื่องจากหูของศิษย์ก็ไม่ทิพย์
ตาของศิษย์ก็ไม่ทิพย์ กายเนื้อสกปรกเปรอะเปื้อนไปหมด กิเลสพอกพูนหนาจนไม่สามารถที่จะดิ้นไปทางไหนได้ อยู่เฉยๆ ชีวิตนี้ก็ทุกข์หนัก ยังมีกรรมที่รอทับถมศิษย์มากมายที่ยังมองไม่เห็น ยังมีความเครียดที่เกิดจากตัวของศิษย์ที่ทำตัวเอง และเกิดจากภาวะของความกดอากาศที่เกิดจากบรรยากาศโลกอีกมากมาย ทำให้ศิษย์นั้นกลายเป็นคนที่มีความเครียดและทุกข์หนัก แต่แน่นอนคนใดที่ต้องการหลุดพ้นจากการเวียนว่าย
ตายเกิด จะต้องสามารถฝ่าฝืนทวนกระแสโลกีย์นี้ให้ได้
ตาของศิษย์ก็ไม่ทิพย์ กายเนื้อสกปรกเปรอะเปื้อนไปหมด กิเลสพอกพูนหนาจนไม่สามารถที่จะดิ้นไปทางไหนได้ อยู่เฉยๆ ชีวิตนี้ก็ทุกข์หนัก ยังมีกรรมที่รอทับถมศิษย์มากมายที่ยังมองไม่เห็น ยังมีความเครียดที่เกิดจากตัวของศิษย์ที่ทำตัวเอง และเกิดจากภาวะของความกดอากาศที่เกิดจากบรรยากาศโลกอีกมากมาย ทำให้ศิษย์นั้นกลายเป็นคนที่มีความเครียดและทุกข์หนัก แต่แน่นอนคนใดที่ต้องการหลุดพ้นจากการเวียนว่าย
ตายเกิด จะต้องสามารถฝ่าฝืนทวนกระแสโลกีย์นี้ให้ได้
สิ่งที่อาจารย์พูดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าใครทำได้ในชาตินี้ก็สำเร็จได้ในชาตินี้เลย หากทำไม่ได้ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป ก็เป็นที่น่าเสียดายอย่างมาก ชีวิตนี้ทุกข์แล้ว ใช่หรือเปล่า วันข้างหน้า ชาติหน้า ชาติไหนๆ หากต้องกลับมาเกิดอีก เพราะไม่สามารถจะอยู่เป็นดาวบนฟ้าได้ กลับทุกข์หนักยิ่งกว่านี้ ชาตินี้ถึงแม้ว่ามีทุกข์ แต่โชคดีใช่ไหมที่เกิดมาได้เจอกันกับอาจารย์ พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สมัยก่อนต้องบำเพ็ญถึงขั้นขีดสุดแล้ว
จึงจะสามารถรู้จุดญาณทวารประตูเกิดตายนี้ แต่ศิษย์ของอาจารย์ตอนนี้รู้ประตูเกิดตาย อาจารย์เปิดประตูให้เรียบร้อย แต่ก็ยังมัวเมาที่จะอยู่ในโลกนี้ เสียดายอาลัยอาวรณ์ไม่อยากตัดนั่นไม่อยากทิ้งนี่ จนกระทั่งตนเองไปไหนไม่รอด ก็น่าเสียดาย
จึงจะสามารถรู้จุดญาณทวารประตูเกิดตายนี้ แต่ศิษย์ของอาจารย์ตอนนี้รู้ประตูเกิดตาย อาจารย์เปิดประตูให้เรียบร้อย แต่ก็ยังมัวเมาที่จะอยู่ในโลกนี้ เสียดายอาลัยอาวรณ์ไม่อยากตัดนั่นไม่อยากทิ้งนี่ จนกระทั่งตนเองไปไหนไม่รอด ก็น่าเสียดาย
วันนี้ถ้าหากว่าศิษย์รู้ว่า ใจของศิษย์มีเนื้องอกเนื้อร้าย ศิษย์จะปล่อยทิ้งไว้ไหม (ไม่ปล่อย) ศิษย์ก็ไม่ปล่อยทิ้งไว้ แต่ตอนนี้ศิษย์ยังมอง
ไม่เห็นเนื้องอกเนื้อร้ายที่เกาะกินใจของศิษย์เอง จึงทำให้ศิษย์ไม่ยอมจะตัดออกสักที ไม่ยอมปลง ไม่ยอมรับรู้ และไม่ยอมเข้าใจ เกิดมามีกิเลสมากมายนับไม่ถ้วน จะตัดอย่างไรดี
ไม่เห็นเนื้องอกเนื้อร้ายที่เกาะกินใจของศิษย์เอง จึงทำให้ศิษย์ไม่ยอมจะตัดออกสักที ไม่ยอมปลง ไม่ยอมรับรู้ และไม่ยอมเข้าใจ เกิดมามีกิเลสมากมายนับไม่ถ้วน จะตัดอย่างไรดี
อาจารย์สมมติกองไฟกองโตๆ ท่วมสูงเลยหลังคาขึ้นไป เป็นไฟอยู่ในใจของศิษย์ ไฟกองมหึมาเลย ทุกคนมีคนละ 1 กอง ถามว่าจะดับไฟกองนี้ จะดับอย่างไร ในใจมีไฟกองโต ทุกคนรู้สึกได้ว่า ในใจตัวเองมีไฟกองโต โตยิ่งกว่าตัวของเราที่โตอยู่แล้วอีก อาจารย์ถามว่าทุกคนมีไฟกองโต จะดับไฟกองนี้อย่างไร จะปล่อยให้มันเผาไหม้อย่างนี้ไหม ไฟไหม้แค่ยืนใกล้ก็เดือดร้อนแล้วใช่ไหม ร้อนตัวร้อนใจแล้ว แต่นี่ไฟอยู่ข้างใน อยู่ในใจ จะดับอย่างไร ใครร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนกับอาจารย์หน่อยว่าจะดับอย่างไร
ผลไม้มาแล้ว ไม่มีใครตอบว่าจะดับไฟอย่างไร วันนี้เนื่องจากผู้ร่วมฟังในชั้นและนักเรียนมีอยู่เพียงหยิบมือเดียว ออกแรงกันชนิดแทบจะกระชากทุกสิ่งทุกอย่างออกมาใช้ ไม่ได้หลับได้นอน มีนักเรียนมา 9 คน ปรบมือให้ตัวเอง เป็นห่วงศิษย์ข้างหน้าทุกคน ยืนๆ ไประวังล้ม ดับไฟทำอย่างไร
(ต้องเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้ดีก่อน, ดับไฟกิเลสในใจเราก่อน) ดับอย่างไร (สิ่งที่ไม่ดี เราก็ลดละ) ต้องหัดพูดธรรมะแล้ว
การพูดธรรมะไม่สำคัญว่าพูดเก่งหรือเปล่า ขอให้พูดออกมาจากความจริงใจ ความจริงใจทำให้ธรรมะมีค่าและวิเศษ คนที่พูดธรรมะเก่งแต่
ไม่มีความจริงใจ ต่อให้พูดธรรมะดีแค่ไหน ก็ไม่กินใจคนฟัง เพราะฉะนั้นการที่เราพูดธรรมะ เราต้องพูดออกมาจากความจริงใจ และเนื่องจากว่าศิษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ แม้จะพูดไม่เก่งก็ต้องหัดพูด ถ้าไม่พูด ไม่เป็นปากเสียงแทนฟ้า ก็ไม่สามารถจะมีใครมาพูดแทนได้ พูดได้ว่าศิษย์เป็นแถวหน้าของอเมริกา ถ้าข้างหน้าสุดไม่ยอมพูด ไม่ยอมเดิน ข้างหลังเดินมาก็ชนเรา จะให้เขาเหยียบเราไปเลยไหม เอาไหม (ไม่เอา) เพราะฉะนั้นต้องหัดพูดธรรมะด้วย
การพูดธรรมะไม่สำคัญว่าพูดเก่งหรือเปล่า ขอให้พูดออกมาจากความจริงใจ ความจริงใจทำให้ธรรมะมีค่าและวิเศษ คนที่พูดธรรมะเก่งแต่
ไม่มีความจริงใจ ต่อให้พูดธรรมะดีแค่ไหน ก็ไม่กินใจคนฟัง เพราะฉะนั้นการที่เราพูดธรรมะ เราต้องพูดออกมาจากความจริงใจ และเนื่องจากว่าศิษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ แม้จะพูดไม่เก่งก็ต้องหัดพูด ถ้าไม่พูด ไม่เป็นปากเสียงแทนฟ้า ก็ไม่สามารถจะมีใครมาพูดแทนได้ พูดได้ว่าศิษย์เป็นแถวหน้าของอเมริกา ถ้าข้างหน้าสุดไม่ยอมพูด ไม่ยอมเดิน ข้างหลังเดินมาก็ชนเรา จะให้เขาเหยียบเราไปเลยไหม เอาไหม (ไม่เอา) เพราะฉะนั้นต้องหัดพูดธรรมะด้วย
(เห็นจิตของตัวเองตลอดเวลา เพราะว่าถ้าเราไม่คิดที่จะภาวนา เราก็จะมีความชั่วอยู่ในตัวเราตลอดเวลา)
(หันหน้าเข้ามาปฏิบัติธรรม) ปรบมือให้หน่อย อันนี้เป็นคำตอบ
ที่ถูกใจศิษย์พี่ๆ ทั้งหลาย
ที่ถูกใจศิษย์พี่ๆ ทั้งหลาย
(ใช้ธรรมะดับกิเลส) ธรรมะข้อไหน (ธรรมะในการนิ่ง สงบ และพยายามเอาชนะในสิ่งที่เราเห็นว่าเราอยากได้ ชนะกิเลส) คำว่าธรรมะกับความดีมีความหมายเหมือนกันในภาษามนุษย์ คือเป็นคำพูดคลุมๆ
หาความชัดเจนไม่ได้ ฉะนั้นการที่บอกว่ามาศึกษาธรรม มาฟังธรรมะ อธิบายธรรมะ จึงต้องลงลึกในแต่ละกิ่งก้านให้ละเอียด เพื่อให้เราจะได้เป็นคนที่บำเพ็ญธรรมแล้วไม่งงๆ มึนๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ทิศรู้ทาง เข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นบำเพ็ญไปชั่วชีวิตก็ไม่สำเร็จ
หาความชัดเจนไม่ได้ ฉะนั้นการที่บอกว่ามาศึกษาธรรม มาฟังธรรมะ อธิบายธรรมะ จึงต้องลงลึกในแต่ละกิ่งก้านให้ละเอียด เพื่อให้เราจะได้เป็นคนที่บำเพ็ญธรรมแล้วไม่งงๆ มึนๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ทิศรู้ทาง เข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นบำเพ็ญไปชั่วชีวิตก็ไม่สำเร็จ
(ก็ต้องมีสติอยู่กับตัว เวลาโกรธก็รู้ตัว) ปรบมือให้หน่อย ปรบมือให้ฝ่ายหญิง เพราะข้างหน้าฝ่ายหญิงตอบไปแล้วสามคน ข้างหน้าฝ่ายชายก็ยังเสมอต้นเสมอปลายไม่ตอบอะไร เวลาที่อาจารย์เห็นศิษย์รักฝ่ายหญิงกับฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงมีปฏิภาณไหวพริบ ตาก็มองได้เห็นเยอะกว่า
หูก็ฟังได้เยอะกว่า ปากก็พูดเยอะกว่า เรื่องก็เยอะกว่า แต่ก็ฉลาดกว่า
หูก็ฟังได้เยอะกว่า ปากก็พูดเยอะกว่า เรื่องก็เยอะกว่า แต่ก็ฉลาดกว่า
(ต้องศึกษาในพระอนุตตรธรรมมารดา ให้รู้แก่นแท้ว่าวิธีดับไฟนั้นเป็นอย่างไร จะได้ศึกษากันต่อไป)
ส่วนศิษย์รักฝ่ายชายก็บำเพ็ญเรียบๆ ง่ายๆ ดูอะไรก็เหมือนไม่ค่อยจะมีมิติเท่าไร เป็นด้านเดียว คิดก็ด้านเดียว อะไรก็ด้านเดียว แต่เวลามีกิเลสก็น้อยกว่า เพราะว่าพูดน้อยกว่า จะทำอะไรก็คิดช้าๆ เพราะฉะนั้นการเป็นผู้หญิง การจะสำเร็จธรรมถึงบอกว่ายากกว่า เพราะว่าเรามีรายละเอียดสูงมาก ใช่หรือเปล่า (ใช่) เราเป็นคนที่มีรายละเอียดเยอะ ทำให้ชีวิตนี้ก็เยอะแยะตามไปหมด แต่ความที่ว่าเราเป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบมากกว่า เราก็จะต้องรู้จักว่าทำอย่างไรจะเอาชนะตัวเองและควบคุมตัวเองให้ได้ ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ การสำเร็จธรรมก็ยาก ถ้าควบคุมตัวเองได้ดี รู้จักตัวเองได้ดีถ่องแท้ในตัวเองแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็สำเร็จ
ในประวัติศาสตร์ ถ้าหากผู้หญิงคนไหนเก่งขึ้นมา จะเก่งมาก เพราะว่าอะไร เป็นหนึ่งในล้าน แต่อาจารย์หวังว่าศิษย์ที่อยู่ที่นี่ทุกคนเป็นหนึ่งในล้านทั้งสิ้น ส่วนผู้ชายเป็นคนที่มีบุญบำเพ็ญมาก่อน ฉะนั้นอย่างไร
ก็ดี เป็นคนที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว เวลาจะไปฟังธรรมะก็ดูเหมือนจะกินใจได้ง่ายกว่า มีความหนักแน่นมากกว่า ท้อถอยและถดถอยไปยากกว่า ฉะนั้นหวังว่าการที่จะบำเพ็ญธรรมในชาตินี้ เมื่อมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว รักษาพื้นฐานและเดินไปข้างหน้าให้มั่นคง ศิษย์ก็สำเร็จได้โดยง่าย เข้าใจไหม
ก็ดี เป็นคนที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว เวลาจะไปฟังธรรมะก็ดูเหมือนจะกินใจได้ง่ายกว่า มีความหนักแน่นมากกว่า ท้อถอยและถดถอยไปยากกว่า ฉะนั้นหวังว่าการที่จะบำเพ็ญธรรมในชาตินี้ เมื่อมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว รักษาพื้นฐานและเดินไปข้างหน้าให้มั่นคง ศิษย์ก็สำเร็จได้โดยง่าย เข้าใจไหม
แต่พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในชาตินี้นั้น เลือกเกิดมาเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะว่าอะไร เพราะเวลาผู้ชายไม่ยอมบำเพ็ญก็จะไม่ยอมบำเพ็ญเลย ส่วนผู้หญิงนั้นยังพอคิดๆ อยู่บ้าง ฉะนั้นมีทั้งสองแบบ ทั้งชายและหญิง อาจารย์ก็หวังว่าศิษย์ทั้งสองด้าน ทั้งชายและหญิงร่วมมือกัน และบำเพ็ญไปพร้อมกันดีหรือไม่ (ดี) ในครอบครัวก็มีสามีภรรยา มาบำเพ็ญธรรมก็มีศิษย์ชายและศิษย์หญิง ร่วมมือร่วมแรงกัน ผู้หญิงคุยเก่งกว่าก็คุยธรรมะให้เยอะๆ อย่านินทา อย่าเอาเรื่องชาวบ้านมาพูด มาเป็น
ความคิดเห็นของตัวเอง ดีไหม (ดี) เวลาเราอยู่ที่ทำงาน เวลาเขาพูดเรื่องคนโน้น คนนั้น คนนี้ ถ้าหากว่ามีชื่อเรา เราไม่ชอบใช่ไหม (ใช่)
แค่ได้ยินแว่วๆ ก็ไม่ชอบแล้ว
ความคิดเห็นของตัวเอง ดีไหม (ดี) เวลาเราอยู่ที่ทำงาน เวลาเขาพูดเรื่องคนโน้น คนนั้น คนนี้ ถ้าหากว่ามีชื่อเรา เราไม่ชอบใช่ไหม (ใช่)
แค่ได้ยินแว่วๆ ก็ไม่ชอบแล้ว
เพราะฉะนั้นเวลามาสถานธรรม การบำเพ็ญธรรมก็เหมือนกัน อย่าพูดเรื่องคนโน้น คนนี้ คนนั้น เพราะว่าไม่มีอะไรจะพูด ให้พูดธรรมะดีไหม (ดี) พูดธรรมะเพราะว่าเราศึกษาธรรมะ เราเข้าใจธรรมะ เอาสิ่งที่เข้าใจมาพูด ไม่ต้องสนใจว่าเวลาพูดแล้วคนฝั่งตรงข้ามจะฟังเราแล้วเข้าใจหรือไม่ มันอยู่ที่ว่าเวลาเราพูดไป ถ้าเราเข้าใจในสิ่งที่เราพูด คนตรงข้ามก็เข้าใจในสิ่งที่เราพูด ถ้าเราไม่เข้าใจในสิ่งที่เราพูด คนที่เราพูดให้ฟังเขาก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราพูด เพราะว่าเราไม่เข้าใจตัวเอง เราพูดอะไรไปคนอื่นก็ไม่เข้าใจ จริงไหม
เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมก็คือ การหันกลับมาเข้าใจตัวเอง เพื่อให้ตัวเองนั้นมีความเป็นเอกภาพและเที่ยงตรง เมื่อเราเที่ยงตรง เราพูดสิ่งใดไป คนอื่นก็ฟังรู้เรื่อง ถ้าหากว่าเรายังพูดสิ่งใดไปแล้วผู้อื่นฟัง
ไม่รู้เรื่อง ต้องหันกลับมาดูว่าเรานั้นปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร การปฏิบัติของเราเป็นอย่างไร การพูดของเราเป็นอย่างไร ถ้าไม่ดีก็ต้องแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่แก้ไขที่วิธีการพูด ให้เราแก้ไขที่ภายใน เอาภายในสำแดงออกมาให้สว่างถึงภายนอกให้ได้ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการพูดธรรมะที่ดี
ใช่หรือไม่ (ใช่) ถึงจะเป็นการปฏิบัติที่ดี เป็นการปฏิบัติจากภายในออกมาสู่ภายนอก จริงหรือไม่ (จริง)
ไม่รู้เรื่อง ต้องหันกลับมาดูว่าเรานั้นปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร การปฏิบัติของเราเป็นอย่างไร การพูดของเราเป็นอย่างไร ถ้าไม่ดีก็ต้องแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่แก้ไขที่วิธีการพูด ให้เราแก้ไขที่ภายใน เอาภายในสำแดงออกมาให้สว่างถึงภายนอกให้ได้ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการพูดธรรมะที่ดี
ใช่หรือไม่ (ใช่) ถึงจะเป็นการปฏิบัติที่ดี เป็นการปฏิบัติจากภายในออกมาสู่ภายนอก จริงหรือไม่ (จริง)
(ญาติธรรมที่ไม่ถนัดภาษาไทยตอบว่า ปล่อยวาง) เห็นไหมพูดไทยดีมาก
(พระอาจารย์เมตตาแจกให้ผลไม้นักเรียน และเมตตาถามว่าจะแย่งผลไม้จากมือพระอาจารย์หรือไม่)
สมมติว่าผลไม้นี้คือมณีรัตนะอันมีค่าที่อาจารย์มอบให้ อาจารย์จะให้แล้ว เอาหรือไม่เอา (เอา) ต้องดึงไว้ไหม (ต้องดึง) ต้องยึดไว้ไหม
ถ้าไม่ยึดหลุดไหม (หลุด)
ถ้าไม่ยึดหลุดไหม (หลุด)
(สิ่งที่ร้อนถ้าเราไปแตะก็ร้อน ปล่อยวางด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี
ก็จะช่วยได้)
ก็จะช่วยได้)
(ต้องใจเย็นๆ ) ใจเย็นดับได้ไหม (ได้) แล้วถ้าเกิดเขายั่วโมโห
จะทำอย่างไร (เขาไม่เคยพูดเลย)
จะทำอย่างไร (เขาไม่เคยพูดเลย)
(เอาสิ่งที่ดีๆ เก็บไว้ สิ่งที่ไม่ดีปล่อยไป)
(เราก็ดับโดยการที่ว่า ใครทำอะไรเขาก็ได้อย่างนั้น เราไม่เอาของเขามาใส่ใจ) ถ้าเกิดว่าคิดต่อไป อย่าไปคิดว่าเขาทำอะไรได้อย่างนั้น
เราไม่ต้องคิดอะไรเลย ไม่ปรุงแต่งอะไรเลย อันนั้นจะขึ้นไปสู่ภาวะอีกอันหนึ่งที่สูงกว่านี้ อยู่สถานธรรมทุกวันเราต้องมีภาวะจิตที่สูง ถึงจะสามารถที่จะกว้างใหญ่ได้
เราไม่ต้องคิดอะไรเลย ไม่ปรุงแต่งอะไรเลย อันนั้นจะขึ้นไปสู่ภาวะอีกอันหนึ่งที่สูงกว่านี้ อยู่สถานธรรมทุกวันเราต้องมีภาวะจิตที่สูง ถึงจะสามารถที่จะกว้างใหญ่ได้
(ห้ามใจตัวเองให้ทำแต่ความดี) ทำความดีดับไฟได้หรือ (ได้ค่ะ) แน่ใจหรือเปล่า
(พยายามศึกษาธรรมะ ละความโลภ โกรธ หลง พยายามช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และญาติพี่น้อง เพื่อให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะศึกษาธรรมะ)
อาจารย์จะยกตัวอย่างศิษย์คนนี้นะ คนนี้ชาติที่แล้วทำบุญด้วยระฆัง เพราะฉะนั้นเกิดมาในชาตินี้เสียงจะน่าฟังมาก ถ้าในขณะที่ทำบุญ เขาทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์ เวลาที่เขาเกิดมาชาติใหม่ เสียงเขาจะมีความ
มีพลังอยู่ในนั้น ศิษย์เคยเห็นบางคนที่เป็นอย่างนี้ไหม เคยได้ยินไหม
ที่เสียงกังวานข้างใน ทำไมเสียงเราแตกๆ แหบๆ ไม่เพราะ ไม่ใส
ร้องเพลงก็ไม่ได้ แต่บางคนเกิดมาเสียงก็เหมือนทองคำเลย เป็นเพราะว่าในอดีตชาติทำบุญนี้ ทำให้ฝังอยู่ในจิต และเกิดออกมาเป็นพลังงานที่ชาติปัจจุบันได้อย่างนี้ เพราะฉะนั้นเวลาที่คนลักษณะนี้ ถ้าหากว่าเสริมด้วยการพูดธรรมะเป็นทาน จะทำให้ไปได้สูงกว่าคนอื่น เพราะเรียกว่าบุญเก่ามี ถ้าหากว่าศิษย์เอาดีเอาจริงเอาจังกับการพูดธรรมะ พูดในสิ่งที่ดีและ
อย่าด่าคนอื่น จะทำให้ศิษย์นั้นมีพลังที่ดีมาก ทำได้หรือไม่
มีพลังอยู่ในนั้น ศิษย์เคยเห็นบางคนที่เป็นอย่างนี้ไหม เคยได้ยินไหม
ที่เสียงกังวานข้างใน ทำไมเสียงเราแตกๆ แหบๆ ไม่เพราะ ไม่ใส
ร้องเพลงก็ไม่ได้ แต่บางคนเกิดมาเสียงก็เหมือนทองคำเลย เป็นเพราะว่าในอดีตชาติทำบุญนี้ ทำให้ฝังอยู่ในจิต และเกิดออกมาเป็นพลังงานที่ชาติปัจจุบันได้อย่างนี้ เพราะฉะนั้นเวลาที่คนลักษณะนี้ ถ้าหากว่าเสริมด้วยการพูดธรรมะเป็นทาน จะทำให้ไปได้สูงกว่าคนอื่น เพราะเรียกว่าบุญเก่ามี ถ้าหากว่าศิษย์เอาดีเอาจริงเอาจังกับการพูดธรรมะ พูดในสิ่งที่ดีและ
อย่าด่าคนอื่น จะทำให้ศิษย์นั้นมีพลังที่ดีมาก ทำได้หรือไม่
ถ้าหากว่าอดีตชาติทำมาดี บำเพ็ญมาดี แต่ปัจจุบันและอนาคต
ทำในสิ่งที่ไม่ได้เป็นคุณกับการต่อยอดมาจากบุญเดิมเลย ก็ทำให้อาจจะไม่ได้ดีมากขึ้น แต่อาจจะแย่ลง บางคนอดีตชาติเคยสร้างมาดีในลักษณะการให้ระฆัง พูดธรรมะ แต่สุดท้ายพูดไม่ดีมากกว่าดี พอเกิดมาชาติใหม่เป็นใบ้เลยนะ เพราะว่าชอบด่าคน ชอบว่าคน ชอบนินทาคน กรรมส่งผลรุนแรงมาก อาจจะพลิกจากด้านหนึ่งเป็นอีกด้านไปเลย เพราะฉะนั้นอยู่ที่ศิษย์ของอาจารย์ รู้จักต่อยอดบุญหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักต่อยอดบุญ
อย่างน้อยต้องรู้จักพูดดี และไม่ด่าทอ จะดีมาก
ทำในสิ่งที่ไม่ได้เป็นคุณกับการต่อยอดมาจากบุญเดิมเลย ก็ทำให้อาจจะไม่ได้ดีมากขึ้น แต่อาจจะแย่ลง บางคนอดีตชาติเคยสร้างมาดีในลักษณะการให้ระฆัง พูดธรรมะ แต่สุดท้ายพูดไม่ดีมากกว่าดี พอเกิดมาชาติใหม่เป็นใบ้เลยนะ เพราะว่าชอบด่าคน ชอบว่าคน ชอบนินทาคน กรรมส่งผลรุนแรงมาก อาจจะพลิกจากด้านหนึ่งเป็นอีกด้านไปเลย เพราะฉะนั้นอยู่ที่ศิษย์ของอาจารย์ รู้จักต่อยอดบุญหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักต่อยอดบุญ
อย่างน้อยต้องรู้จักพูดดี และไม่ด่าทอ จะดีมาก
(ถ้าสมมติว่าเราจะดับไฟในตัวเรา เราสมควรจะมาสถานธรรมบ่อยๆ เพื่อช่วยเหลือสถานธรรม เพื่อจิตใจเราจะได้สูง)
ที่นี่ จริงๆ แล้วเป็นคนที่มีภูมิธรรมเยอะ และก็มีบุญเยอะ เพราะฉะนั้นควรจะมีการศึกษาธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดชั้นเท่าที่กำลังทำได้ จะทำให้การศึกษาธรรมต่อเนื่อง แล้วเวลาที่เจออาจารย์จี้กงมา เวลาที่คนไปชวนอย่าบอกไม่ว่าง เพราะเวลาเราไม่ว่างบ่อยๆ คนจัดชั้นก็ไม่รู้จะจัดให้ใครมาใช่หรือไม่ (ใช่) เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกรูปแบบในการที่ทำให้เราได้ฟังธรรมะร่วมกัน และทุกๆ คนต้องใช้ความพยายามในการที่จะมาสถานธรรม เพื่อที่จะได้ฟังธรรมะ ถ้าหากว่าทำได้ ศิษย์ก็จะเป็นคนที่มีความก้าวหน้าในธรรมะยิ่งขึ้น ถ้าหากทำไม่ได้ ต่างคนต่างไม่มีเวลา กระโจนลงไปในไฟแห่งโลกีย์ก็หมดกัน เวลานานๆ ที กว่าเขาจะดึง กว่าเขาจะเหนี่ยวมาได้ ตัวเราก็เลอะเทอะเปรอะเปื้อน จิตใจเราก็ไม่มี
ที่ว่างสำหรับธรรมะเลย
ที่ว่างสำหรับธรรมะเลย
(ไม่รู้จะตอบอย่างไร ขอสารภาพเราก็กินไปเยอะ ส่วนมากก็ไม่ค่อยว่าง เวลามีคนโทรไปชวนก็ตอบปฏิเสธบ่อย แต่ต่อไปจะพยายาม จะหาเวลามาสถานธรรมให้เร็วขึ้น และทุกครั้ง) ปรบมือให้หน่อย ถึงแม้ว่าสถานธรรมจะเล็ก แต่ว่าสัญญานี้ไม่ได้สัญญากับอาจารย์จี้กงคนเดียว สัญญาหมดทั้งมนุษย์ เทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก
(สิ่งแรกต้องทำใจให้เย็นเหมือนน้ำ ซึ่งค่อนข้างจะยาก เมื่อใจเราเย็นจากข้างในแล้ว ภายนอกก็จะค่อยๆ เย็น ไฟนั้นก็จะค่อยๆ ดับ แล้วถ้าเรารู้ว่าไฟนั้นเกิดจากอะไร ก็เริ่มต้นดับจากที่จุดเริ่มต้นค่ะ)
(ไม่รู้จะตอบอย่างไร) ตอนนี้เรามีไฟกองหนึ่ง บางทีเรารู้สึกว่าก็เยอะแล้วนะ แต่ถ้าเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ไฟก็กองท่วม ถ้าเราไม่รู้ตั้งแต่ตอนนี้ แล้วก็ปล่อยให้ท่วมไปเรื่อยๆ ถ้าเรารู้ตั้งแต่ตอนนี้ ไฟก็อาจจะกองเท่านี้หรืออาจจะกองเล็กลงก็ได้นะ รู้หน่อยดีไหม นั่งคิดอีกสักครู่นะ
(ตัวเราเอง เวลาคนพูดอะไรมาก็มีแต่ความโกรธ จะพยายามทำให้จิตใจเราต้องเย็นลง ปล่อยความโกรธออกไป) จริงๆ แล้วศิษย์ทุกคนคิดว่าตัวเองปล่อยนะ แต่ส่วนใหญ่เก็บหมด เห็นไหมว่าคนที่เด็กที่สุดในชั้นนี้ ก็ยังมีความโกรธ นิดหน่อยก็ยังรู้สึกว่าตัวเองโกรธออกมาที่ตา ตาร้อนผ่าวๆ คนที่อายุมากที่สุดในชั้นก็มีอารมณ์อยู่ ยังไม่สามารถที่จะหาทางออกได้ ถ้าหากว่าศิษย์เป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิตจนวันตาย ศิษย์ก็จะมีกิเลสเรื่องนี้ ทีนี้ทุกคนคิดว่าตัวเองกำลังปล่อย แต่ปล่อยแบบไหน ปล่อยแบบหินทับหญ้า เวลาเราเอาก้อนหินออกจากหญ้า หญ้าเป็นอย่างไร หญ้าเป็นผู้ที่มีพลังงานชีวิตที่สุด แม้กระทั่งเราเอาหินไปทับไว้ หญ้าอยู่ใต้หินก็ยังจะงอกอยู่ แต่อาจจะเหมือนกับตาย พอเรายกหินออก หญ้าก็งอกขึ้นมาใหม่ แปลว่าอะไร แปลว่าเขาไม่ตาย เหมือนกันศิษย์ของอาจารย์ เวลาที่ศิษย์กำลังเก็บอารมณ์อยู่ก็เหมือนกัน ศิษย์ก็เก็บแบบหินทับหญ้า พอถึงเวลาทนไม่ไหวแล้ว ระเบิดขึ้นมา ก้อนหินออกไปหญ้ายังอยู่เท่าเดิมไหม
(เท่าเดิม) หญ้ายังอยู่เท่าเดิม กิเลสของคน ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามอย่างนี้แปลงร่างเป็นหลายสิ่งหลายอย่าง ทำให้เรานั้นเป็นสารพัดจะเป็น หัวหกก้นขวิดไปกับชีวิตนี้
(เท่าเดิม) หญ้ายังอยู่เท่าเดิม กิเลสของคน ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามอย่างนี้แปลงร่างเป็นหลายสิ่งหลายอย่าง ทำให้เรานั้นเป็นสารพัดจะเป็น หัวหกก้นขวิดไปกับชีวิตนี้
เพราะฉะนั้นเราจะต้องพยายามระงับสามสิ่งนี้ด้วยอะไร เมื่อสักครู่อาจารย์สมมติไฟกองโตหนึ่งกอง ถามว่าศิษย์จะดับไฟนี้อย่างไร เป็นเรื่องง่ายๆ แต่ศิษย์เองก็ยังคิดไม่ออก ไฟดับด้วยอะไร (น้ำ) ไฟก็ดับด้วยน้ำ น้ำในภาษาจีนหมายถึง “ปัญญา” ผู้ที่มีปัญญาจึงจะสามารถเอาไฟกองโตนี้ออกจากใจของตัวเองได้ หากไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถเอาไฟนี้ออกไปได้ แต่ปัญญามาจากไหน ปัญญามาจากอดีตชาติที่สั่งสมไว้แล้ว ส่วนปัจจุบันก็คือ การสร้างสติให้กับตัวเอง เพราะฉะนั้นเวลาที่ศิษย์จะมีปัญญาอันนี้ได้ เหมือนเมื่อสักครู่อาจารย์ทดสอบศิษย์ทั้งห้องบอกว่าไฟดับอย่างไร
ศิษย์ตอบเท่าที่ปัญญาของตนเองมี ทุกคนตอบเท่ากับที่ปัญญาของตัวเองมี นั่นแหล่ะเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมบางทีเราแก้ไขปัญหาได้ บางทีเราแก้ไขปัญหาไม่ได้ บางทีทำไมคราวนี้เราแพ้ คราวนี้เราชนะ ก็เพราะว่าปัญญาของเราไม่คงที่ ไม่เสมอต้นเสมอปลาย
ศิษย์ตอบเท่าที่ปัญญาของตนเองมี ทุกคนตอบเท่ากับที่ปัญญาของตัวเองมี นั่นแหล่ะเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมบางทีเราแก้ไขปัญหาได้ บางทีเราแก้ไขปัญหาไม่ได้ บางทีทำไมคราวนี้เราแพ้ คราวนี้เราชนะ ก็เพราะว่าปัญญาของเราไม่คงที่ ไม่เสมอต้นเสมอปลาย
ฉะนั้นอยากจะให้ปัญญาเสมอต้นเสมอปลายต้องทำอย่างไร การที่ให้ปัญญาเสมอต้นเสมอปลาย จึงต้องหันกลับมาทบทวนตัวเอง ถ้าหากเวลาเราไปปะทะกับผู้อื่น เรายังรู้สึกว่าผู้อื่นผิดโดยที่คิดว่าตัวเองถูก อันนี้ก็เป็นหนึ่งในการที่บอกว่าเรานั้นไม่มีปัญญา ฉะนั้นการจะมีปัญญา
ก็เกิดขึ้นจากการฟังธรรมะให้มาก อ่านหนังสือธรรมะให้มาก คิดในแง่ดี อีกอย่างหนึ่งที่จะพูดถึงก็คือ อายตนะทั้งหก อายตนะมีหกอย่างใช่ไหม (ใช่) มีอะไรบ้าง (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
ก็เกิดขึ้นจากการฟังธรรมะให้มาก อ่านหนังสือธรรมะให้มาก คิดในแง่ดี อีกอย่างหนึ่งที่จะพูดถึงก็คือ อายตนะทั้งหก อายตนะมีหกอย่างใช่ไหม (ใช่) มีอะไรบ้าง (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
“กินไม่อิ่มเกินไปนักเพื่อสุขภาพ”
เวลาเรากินเรากินอย่างไร เรากินตอนหิว กินไม่ยั้ง กระเพาะมีสิบส่วน มีสิบกินไปสิบสองใช่ไหม (ใช่) ยิ่งกินตอนหิว ก็ยิ่งกินๆ เพราะฉะนั้นสุดท้ายร่างกายเสีย เพราะเหมือนกับกล่องใบหนึ่ง กล่องใบนี้เวลาจะเอาของใส่ลงไป ถ้าเราใส่เต็มเลย เขย่ายากไหม (ยาก) ถ้าเราใส่จนล้นปากขึ้นมาปิดปากกล่องไม่ได้ เราจะเขย่าได้ไหม (ไม่ได้) นี่คือกระเพาะ ถ้าหากว่าเราใส่ลงไปไม่เต็มเขย่าได้ เขย่าแล้วก็ลงไป แต่ถ้าเยอะมากเกินไปถามว่าลงได้ไหม (ไม่ได้) เพราะฉะนั้นมีสิบส่วนให้กินแค่เจ็ดส่วนได้ไหม (ได้) ก่อนจะอิ่มก็หยุดทำได้ไหม (ทำได้)
อาจารย์มักจะพูดให้ศิษย์ฟังเสมอว่าถ้าร่างกายไม่ดีก็บำเพ็ญธรรมไม่ได้ มีใจก็ไม่มีแรง เพราะว่าป่วย เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมกับร่างกายเป็นสิ่งที่คู่กัน นอกจากว่าต้องกินให้ดี ยังต้องรู้จักออกกำลังกาย แล้วยังต้องอย่าอุดอู้อยู่ในที่เดิมตลอด ต้องไปหาอากาศที่สดชื่นด้วย เข้าใจหรือไม่ ทำได้ไหม (ได้)
ก่อนที่อาจารย์จะให้พระโอวาทครอบ อาจารย์จะเฉลยก่อนดีไหม ไฟกองโตใช้น้ำดับ น้ำก็คือปัญญา ปัญญามาจากไหน ปัญญามาจากการฟังธรรมะ การศึกษาธรรมะ และบุญในอดีตชาติ ทำจิตให้เป็นกุศล
ในชาติปัจจุบันด้วย จึงสามารถที่จะเกิดปัญญาได้ เพราะปัญญานั้นอยู่กับคนที่จิตเป็นกุศลเท่านั้น หากจิตไม่เป็นกุศล ปัญญาก็ย่อมจะไม่เกิด ถึงแม้ว่าเกิดมาก็ตายไป ปัญญาของศิษย์ก็ตาย เพราะว่าศิษย์นั้นไม่มีฐานที่ตั้งที่เป็นกุศล เหมือนกับวันนี้จะวางของแล้วไม่มีที่ให้ของวาง เพราะฉะนั้นปัญญานี้ก็หายไปอีก เพราะฉะนั้นจงสร้างจิตใจที่ดีเป็นพื้นฐานเพื่อให้ปัญญานี้กำเนิดขึ้น
ในชาติปัจจุบันด้วย จึงสามารถที่จะเกิดปัญญาได้ เพราะปัญญานั้นอยู่กับคนที่จิตเป็นกุศลเท่านั้น หากจิตไม่เป็นกุศล ปัญญาก็ย่อมจะไม่เกิด ถึงแม้ว่าเกิดมาก็ตายไป ปัญญาของศิษย์ก็ตาย เพราะว่าศิษย์นั้นไม่มีฐานที่ตั้งที่เป็นกุศล เหมือนกับวันนี้จะวางของแล้วไม่มีที่ให้ของวาง เพราะฉะนั้นปัญญานี้ก็หายไปอีก เพราะฉะนั้นจงสร้างจิตใจที่ดีเป็นพื้นฐานเพื่อให้ปัญญานี้กำเนิดขึ้น
ฉะนั้นปัญญาที่เกิดขึ้นๆ จากอะไร อาจารย์บอกว่า อายตนะของศิษย์เป็นดาบสองคม เป็นทั้งคุณและเป็นทั้งโทษ เวลาที่อายตนะเรามีหกอย่าง ถามว่าอายตนะอะไรที่ปิดไม่ได้เลย อายตนะอะไรที่ปิดได้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อะไรที่ปิดได้ (ตา) ตาอย่างเดียว ปิดตาไป สมมติให้เงยหน้ามองแสงสว่างก่อนปิดตา มองแล้วหลอดไฟอยู่ไหม (อยู่) ลองปิดตาไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมองหลอดไฟ หลอดไฟอยู่ไหม (อยู่) ยังอยู่ เพราะฉะนั้นนี่คืออะไร นี่คือสัญญาของศิษย์ที่มี เพียงแต่ว่าสัญญานี้มีขึ้นครู่เดียว เราหลับตาสักพักหลอดไฟก็จะหายไปใช่ไหม แต่ในความเป็นจริงแล้ว สัญญาที่เข้าไปสู่จิตแล้วไม่หายไป อะไรที่ปิดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือหู
เมื่อครั้งที่แล้ว อาจารย์เคยพูดถึงเรื่องของความคิด ที่จะกลายเป็นคำพูด จำได้ไหม ไหนลองพูดสิ
(ผู้ปฏิบัติงานธรรมตอบพระอาจารย์ : ความคิดจะกลายเป็นคำพูด คำพูดจะกลายเป็นการกระทำ การกระทำจะกลายเป็นความเคยชิน ความเคยชินจะกลายเป็นอุปนิสัย อุปนิสัยจะกลายเป็นชะตากรรม)
เพราะฉะนั้นเราพูดถึงว่าอายตนะมีสองอย่าง คราวที่แล้วอาจารย์ไม่ได้ลงลึกขนาดนี้ ก็คือว่าปกติอายตนะที่เราใช้อยู่ตลอดเวลาก็คือ หู กับ ตา หูและตาไม่สามารถปิดได้ เมื่อเราได้ยินเสียง ทุกคนหลับตา
(พระอาจารย์เมตตาดีดนิ้วมือแล้วมีเสียง)
ได้ยินเสียงอะไรไหม (ได้ยินเสียงดีดนิ้ว) รู้ได้อย่างไรว่าดีดนิ้ว (เคยได้ยิน) คือว่าเราเคยได้ยิน แล้วแม้กระทั่งเราได้ยินเสียงปุ๊บ เราก็รู้ทันทีว่านี่คืออะไรใช่ไหม โดยที่เราไม่ต้องมองเห็นก็ได้ เพราะฉะนั้นหูของเรา เวลาหูได้ยินปุ๊บ ตาของเราก็มองปุ๊บ เหมือนเราบอกว่าเสียงอย่างนี้
(พระอาจารย์เมตตาเคาะ)
ได้ยินไหม (ได้ยิน) ก็คือ ทั้งหูและตาได้ยินพร้อมกัน จึงเกิดเป็นอะไร เกิดกลายเป็นความคิดของเรา ความคิดที่ฝังรากอยู่ในสมองอยู่ในจิตใจของเรา เมื่อเป็นความคิดก็ไปสมอง เมื่อเป็นความรู้สึกก็จะไปใจ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราได้ยินเสียงเคาะเกิดขึ้นพร้อมกัน กลายเป็นความคิดของเรา กลายเป็นความรู้สึกของเราเข้าไปสู่จิตใจของเรา และกลายเป็นสัญญา กลายเป็นเวทนาของเรา เพราะฉะนั้นเมื่อหูและตาประสานกันจึงทำให้ศิษย์เกิดความคิดมากมาย หูและตาทำให้เกิดความคิดมากมาย เมื่อเราประสานกันในทางลบก็กลายเป็นอกุศลกรรม เมื่อเราประสานกันแล้วไปในทางดีก็จะเกิดเป็นปัญญา แต่สุดท้ายเมื่อเราจะ
บรรลุธรรม ต้องบำเพ็ญให้ถึงขั้นว่าแม้แต่ปัญญาก็ต้องวาง จึงจะสามารถหลุดพ้นได้
บรรลุธรรม ต้องบำเพ็ญให้ถึงขั้นว่าแม้แต่ปัญญาก็ต้องวาง จึงจะสามารถหลุดพ้นได้
ฉะนั้นเมื่อหูและตาประสานกันเกิดเป็นความคิดของเรา เราจะบอกว่าถ้าอย่างนั้นหูกับตาไม่ดีเราไม่เอาได้ไหม (ไม่ได้) ถ้าตอนนี้หูไม่ได้ยิน
ข้างหนึ่งรู้สึกทรมานไหม (ทรมาน) ถ้าตามัว สายตาสั้น สายตายาว
ตาเป็นต้อ ทรมานไหม (ทรมาน) ก็ทรมาน เพราะฉะนั้นไม่ใช่ให้เราทำลาย ไม่ใช่ให้เราต่อสู้ แต่ให้เรารู้จักที่จะเฝ้าดู เฝ้าดูหูและเฝ้าดูตาของเรา เพราะถ้าเราไม่เฝ้าดู ความคิดที่จะไหลเข้าไปในตัวเราก็จะกลายเป็นความคิดที่ไม่ดี ความรู้สึกที่จะไหลเข้าไปก็จะกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่ดี
ข้างหนึ่งรู้สึกทรมานไหม (ทรมาน) ถ้าตามัว สายตาสั้น สายตายาว
ตาเป็นต้อ ทรมานไหม (ทรมาน) ก็ทรมาน เพราะฉะนั้นไม่ใช่ให้เราทำลาย ไม่ใช่ให้เราต่อสู้ แต่ให้เรารู้จักที่จะเฝ้าดู เฝ้าดูหูและเฝ้าดูตาของเรา เพราะถ้าเราไม่เฝ้าดู ความคิดที่จะไหลเข้าไปในตัวเราก็จะกลายเป็นความคิดที่ไม่ดี ความรู้สึกที่จะไหลเข้าไปก็จะกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่ดี
ทีนี้มาถึงคำตอบว่าไฟกองโตจะดับอย่างไร ก็คือให้รู้จักใช้ปัญญาของเราซึ่งเกิดจากสิ่งที่เรารับรู้เองนี่แหล่ะ เมื่อเรารับรู้แต่ในสิ่งที่ดี
ก็เปรียบเสมือนการเอาฟืนออกจากไฟทีละก้อนๆ เหมือนปู่โง่ขุดภูเขา คือเราเอาออกทีละน้อยๆ ถามว่าเราจะมีปัญญากองโตของเราดับพรวดเดียวเลยไหม ศิษย์ไม่ใช่พระอริยะทำไม่ได้ อาจารย์ก็ไม่ได้ให้ศิษย์ทำอย่างนั้น ไม่ได้ต้องการให้ศิษย์เป็นพุทธะไปในฉับพลันทันใด ละทิ้งโลกไม่ต้องสนใจสามี ภรรยา ลูก และไม่ต้องดูแลการงาน การเงินใดๆ ไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่ให้ศิษย์รู้ว่าการบำเพ็ญธรรม คือการปฏิบัติตัวเอง ปฏิบัติภายในของตัวเองให้ดีและนำออกมาเป็นการปฏิบัติภายนอกของเราให้ดี ทำได้เท่านี้ศิษย์ของอาจารย์ ไฟกองโตของศิษย์ที่ศิษย์หมั่นดับทุกวันก็จะหดเล็กลงๆ แต่ต้องขยันห้ามขี้เกียจ ขี้เกียจเมื่อไรเป็นอย่างไร (ไฟลุกขึ้นอีก)
ขี้เกียจเมื่อไร ไฟก็คือไฟ มันจะลุกขึ้นมาอีกใช่ไหม (ใช่) กว่าที่จะมาดับ
ก็เห็นอยู่ว่าเป็นไฟ แต่ว่าดับอย่างไร ถ้าขี้เกียจดับ ไม่ขยัน ไม่เสมอต้นเสมอปลาย ไฟก็คือไฟ ทำลายแม้กระทั่งตัวศิษย์เอง เข้าใจหรือไม่ (เข้าใจ) อย่างนี้ดับได้ไหม (ได้) ยากหรือไม่ยาก (ไม่ยาก) แล้วแต่ศิษย์นะ
ก็เปรียบเสมือนการเอาฟืนออกจากไฟทีละก้อนๆ เหมือนปู่โง่ขุดภูเขา คือเราเอาออกทีละน้อยๆ ถามว่าเราจะมีปัญญากองโตของเราดับพรวดเดียวเลยไหม ศิษย์ไม่ใช่พระอริยะทำไม่ได้ อาจารย์ก็ไม่ได้ให้ศิษย์ทำอย่างนั้น ไม่ได้ต้องการให้ศิษย์เป็นพุทธะไปในฉับพลันทันใด ละทิ้งโลกไม่ต้องสนใจสามี ภรรยา ลูก และไม่ต้องดูแลการงาน การเงินใดๆ ไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่ให้ศิษย์รู้ว่าการบำเพ็ญธรรม คือการปฏิบัติตัวเอง ปฏิบัติภายในของตัวเองให้ดีและนำออกมาเป็นการปฏิบัติภายนอกของเราให้ดี ทำได้เท่านี้ศิษย์ของอาจารย์ ไฟกองโตของศิษย์ที่ศิษย์หมั่นดับทุกวันก็จะหดเล็กลงๆ แต่ต้องขยันห้ามขี้เกียจ ขี้เกียจเมื่อไรเป็นอย่างไร (ไฟลุกขึ้นอีก)
ขี้เกียจเมื่อไร ไฟก็คือไฟ มันจะลุกขึ้นมาอีกใช่ไหม (ใช่) กว่าที่จะมาดับ
ก็เห็นอยู่ว่าเป็นไฟ แต่ว่าดับอย่างไร ถ้าขี้เกียจดับ ไม่ขยัน ไม่เสมอต้นเสมอปลาย ไฟก็คือไฟ ทำลายแม้กระทั่งตัวศิษย์เอง เข้าใจหรือไม่ (เข้าใจ) อย่างนี้ดับได้ไหม (ได้) ยากหรือไม่ยาก (ไม่ยาก) แล้วแต่ศิษย์นะ
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนและผู้ร่วมฟัง วงพระโอวาทซ้อนพระโอวาท)
วงคำว่า “ทุกข์” แต่ขอให้ได้สุขนะ หากคิดได้ เรื่องก็จะกลับข้าง หากคิดดี จิตใจดี ทุกอย่างก็ดีขึ้น
วงคำว่า “ใจ” นี่ต้องมีใจมานะ มาทั้งใจเลยนะ เราเป็นเด็กแต่มีโอกาสสูงกว่าคนอื่นเลยนะ รู้หรือเปล่า ความสามารถมีเพียบแต่ต้องฝึกฝน ถ้าไม่ฝึกฝนเราก็เป็นเด็กที่ไม่มีคุณภาพ ถ้าฝึกได้เราก็เป็นเด็กที่มีคุณภาพ มีคุณภาพทั้งทางธรรมและทางโลกเลยนะ รู้ไหม (รู้)
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ชื่อเพลง:
พร่ำเพรียกเรียกหาศิษย์ ทำนองเพลง : รักร้าง)
พร่ำเพรียกเรียกหาศิษย์ ทำนองเพลง : รักร้าง)
(พระอาจารย์เมตตาผู้ดูแลสถานธรรมและผู้ช่วยดูแลสถานธรรม)
แก่สอง หนุ่มสาวสอง ศิษย์อาจารย์คนนี้ คนนี้ และคนนี้
พูดธรรมะไม่ค่อยเป็นนะ พูดไม่เก่ง การที่เรามีสถานธรรม พอเวลาเราพูดธรรมะไม่เก่ง ทำให้คนมารับธรรมะก็น้อยลง แต่ว่าการที่คนรับธรรมะ ไม่ใช่การนับหัว แต่เป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์ เราต้องเปิดโอกาสให้ผู้อื่น และผู้มีบุญสัมพันธ์ได้เข้ามา เพราะฉะนั้นให้พูดธรรมะตามวาระโอกาส ศึกษาธรรมะให้มากจะได้พูดเป็นนะ เข้าใจไหม
พูดธรรมะไม่ค่อยเป็นนะ พูดไม่เก่ง การที่เรามีสถานธรรม พอเวลาเราพูดธรรมะไม่เก่ง ทำให้คนมารับธรรมะก็น้อยลง แต่ว่าการที่คนรับธรรมะ ไม่ใช่การนับหัว แต่เป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์ เราต้องเปิดโอกาสให้ผู้อื่น และผู้มีบุญสัมพันธ์ได้เข้ามา เพราะฉะนั้นให้พูดธรรมะตามวาระโอกาส ศึกษาธรรมะให้มากจะได้พูดเป็นนะ เข้าใจไหม
ส่วนศิษย์อาจารย์คนนี้พูดเก่งมาก แต่บางทีพูดแล้วมันก็เลยเถิดไปใหญ่ เพราะว่าอายุมากแล้ว เพราะฉะนั้นพยายามพูดให้เป็นธรรมะ ให้เข้าสู่หลักการที่แท้จริง และพยายามควบคุมนิสัยอารมณ์ของตัวเองให้มาก เข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นเวลาเราอยู่สถานธรรม เรียกว่าอยู่มากแต่ก็ยังมีบาปมาก แต่ถ้าเราทำได้ดีเราก็จะมีบุญกุศลมาก มันชิดกันเป็นเส้นยาแดงผ่าแปด ทุกๆ คนต้องพยายามทบทวนตัวเองให้ดี ข้อใดที่บกพร่องก็ต้องมาแก้ไข วันนี้มีสี่คนยืนตรงนี้นะ เก้าอี้อาจารย์มีสี่ขา ถ้าศิษย์คนใดคนหนึ่งไม่แข็งแรง อาจารย์นั่งก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นอาจารย์นั่งไม่ได้ เวไนยก็นั่งไม่ได้ สี่คนจึงต้องพยายามร่วมแรงร่วมใจกันนะ
(พระอาจารย์เมตตานักธรรมอาวุโส)
อยู่ที่นี่แล้วให้หาโอกาสส่งเสริมลูกให้ดี ทั้งลูกทั้งหลาน ให้เราเป็นสะพานที่ดี เชื่อมธรรมะเข้าไปสู่ครัวเรือนนะ อย่างนี้บรรพชนจะมีกุศลมาก รู้ไหม นี่เป็นโอกาสสร้างกุศลที่หายากมาก ถือว่าบรรพชนเอาใจช่วย ส่งศิษย์มา ถ้าศิษย์ทำได้เต็มที่ นั่นคือต่อไปตระกูลของศิษย์ก็จะสำเร็จ
ความสามารถเยอะแยะนะ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งได้ทำงานเยอะ อย่ากลัวเหนื่อย แต่ถ้าเหนื่อยก็ต้องพัก ทำได้เท่าไหนกุศลศิษย์ก็มากขึ้นเท่านั้น แต่ที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้บอกให้ไปยึดติดนะ เพียงแต่ว่าพูดถึงในสิ่งที่เบื้องบนมองเห็น
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท
คำว่า “รวมพลัง สามัคคี”)
คำว่า “รวมพลัง สามัคคี”)
นี่คือโอวาทที่ศิษย์ออกมาวงคนละหนึ่งตัวอักษร คำว่าอะไร
(รวมพลัง สามัคคี) รวมพลัง สามัคคี และปีนี้มีเก้าคน จะก้าวหน้า (ขอบคุณพระอาจารย์เมตตา)
(รวมพลัง สามัคคี) รวมพลัง สามัคคี และปีนี้มีเก้าคน จะก้าวหน้า (ขอบคุณพระอาจารย์เมตตา)
มนุษย์มีไตรรัตน์ล้ำค่าอยู่สามสิ่ง คือ กายธาตุ พลังธาตุ และวิญญาณธาตุ กายธาตุรู้จักไหม กายธาตุคือร่างกาย วิญญาณธาตุรู้จักไหม วิญญาณก็คือความรู้สึกชอบ หรือ ไม่ชอบ รู้จักดี วิญญาณธาตุที่อยู่ภายในรู้แล้ว แต่อันหนึ่งที่ยังไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน ก็คือพลังธาตุ พลังธาตุนี้คืออะไรบ้าง สมมติตอนนี้จะยกแก้วน้ำขึ้น เอามือ เอากายสังขารนี้ไปจับแก้ว ถามว่ายกแก้วขึ้นไหม แก้วขยับไหม (ขยับ) การยกขึ้นนี้คือพลัง ที่อาจารย์ยกตัวอย่างนี้ อาจจะเป็นเพียงเล็กๆ น้อยๆ ถ้าหากว่าให้เรายกเก้าอี้ขึ้น โดยให้เราจับไว้เฉยๆ จะยกขึ้นไหม (ไม่ขึ้น) ถ้าจะยกขึ้นเราก็ต้องออกแรง นี่คือพลังธาตุ ทีนี้ถ้าเราพาตัวเองไปที่อโคจรบ่อยๆ
พลังธาตุของเราก็จะตกลงไปเรื่อยๆ
พลังธาตุของเราก็จะตกลงไปเรื่อยๆ
วันนี้อาจารย์ให้คำว่ารวมพลังสามัคคี แปลว่าให้เราเอาพลังของเรามารวมกัน พลังที่รวมกัน สามัคคีกัน จะสามารถทำงานฟ้าได้ เพราะว่างานธรรมะในปัจจุบันนี้ เป็นการรวมพลังระหว่างฟ้าและมนุษย์ เพราะว่าฟ้าพูดไม่ได้ มนุษย์พูดได้ ถ้าหากว่ามนุษย์ไม่ช่วย ฟ้าก็ทำไม่ได้ เข้าใจหรือไม่ (เข้าใจ) ฉะนั้นจงใช้พลังของศิษย์นั้นให้เต็มที่ เมื่อศิษย์มีใจ ฟ้าก็หนุนช่วย ในยุคปัจจุบันนี้ขอเพียงศิษย์มีใจแค่หนึ่งส่วน ฟ้าช่วยตั้งเก้าส่วน กลับกันกับในยุคเขียว มนุษย์มีใจเก้าส่วน ฟ้าช่วยแค่หนึ่งส่วน กลับกันเลยใช่ไหม เพราะฉะนั้นปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นโชคดีของศิษย์มาก
แต่อาจารย์ไม่อยากพูดว่าศิษย์นั้นโชคดีมากแค่ไหน เพียงแต่อยากให้รักษาความโชคดีตรงนี้ไว้
แต่อาจารย์ไม่อยากพูดว่าศิษย์นั้นโชคดีมากแค่ไหน เพียงแต่อยากให้รักษาความโชคดีตรงนี้ไว้
การบำเพ็ญในยุคปัจจุบัน ประกอบด้วยสามสิ่ง คือ บำเพ็ญมนุษยธรรม ก็คือการที่สร้างความเป็นมนุษย์ของศิษย์นั้นให้สมบูรณ์ บำเพ็ญอนุตตรธรรม ก็คือบำเพ็ญให้หลุดพ้นกลับคืนไป อีกอันหนึ่ง
ก็คือ บำเพ็ญสาธารณกุศล ก็คือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในฐานะมนุษย์ การตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม ก็คือการบำเพ็ญใจให้ตรงเที่ยง ศิษย์อย่าลืมว่าศิษย์ต้องทำทั้งสามอย่างนี้ เมื่อทำได้ทั้งสามสิ่งนี้ สามพันบุญครบสมบูรณ์ แปดร้อยกุศลก็จะตามมา
ก็คือ บำเพ็ญสาธารณกุศล ก็คือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในฐานะมนุษย์ การตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม ก็คือการบำเพ็ญใจให้ตรงเที่ยง ศิษย์อย่าลืมว่าศิษย์ต้องทำทั้งสามอย่างนี้ เมื่อทำได้ทั้งสามสิ่งนี้ สามพันบุญครบสมบูรณ์ แปดร้อยกุศลก็จะตามมา
ฉะนั้นศิษย์ของอาจารย์ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ขอให้ประคองใจตัวเองว่าจะบำเพ็ญธรรมและจะทำให้ดีที่สุดทุกๆ วัน เมื่อคิดได้อย่างนี้ศิษย์ก็จะไม่พ้นไปจากเส้นทางของการบำเพ็ญธรรม และไม่พ้นไปจากการหลุดพ้น
จากการเวียนว่าย ทำได้ไหม (ได้)
จากการเวียนว่าย ทำได้ไหม (ได้)
(พระอาจารย์เมตตาให้ฝึกร้องเพลงพระโอวาท)
“น้ำตาพรากใจทุกข์หนักกว่าเดิม อย่าซ้ำเติมกายและใจ”
หมายความว่า แม้ว่าศิษย์จะมีทุกข์หนักอย่างไร ก็อย่าซ้ำเติมกายกับใจของตนเองให้หนักกว่าเดิม
“เห็นคุณค่าตน ผาพังทลาย”
คือให้รู้จักเห็นคุณค่าของตัวเอง การมีร่างกายเกิดมาในชาตินี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ง่ายจริงๆ แล้วแถมยังเกิดมาครบอาการ ทั้งสติปัญญาและความรู้ก็มี ชาตินี้จึงเป็นชาติที่ไม่ง่ายเลย พร้อมจะบำเพ็ญธรรมหรือไม่ อยู่ที่เรานั้นจะเปิดโอกาสให้ตัวเองหรือไม่ เมื่อเราเห็นคุณค่าตัวเองแล้ว ผาพังทลาย หมายความว่า ไม่ว่าอุปสรรคใดๆ ก็จะได้พังทลายลงมา เพราะว่าศิษย์นั้นได้ใช้ปัญญา
“แม้คนมีกรรม ธรรมนั้นเปลี่ยนชีวิต”
แม้ศิษย์เป็นคนมีกรรม แต่ธรรมนั้นสามารถเปลี่ยนชีวิตศิษย์ เพียงนิดเดียวที่ศิษย์นั้นศรัทธา
“ฟ้าเป็นพยาน ลบรอยน้ำตา”
ฟ้าย่อมเป็นพยานให้กับการบำเพ็ญของศิษย์ในชาตินี้ ขอให้ศิษย์นั้นปาดน้ำตาทิ้งไป หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ทุกชาติที่ผ่านมามัวแต่ร้อยรัดเรื่องตัวเองทั้งนั้น เพราะกลัวจะไม่มีบ้าง กลัวจะไม่อิ่มบ้าง อาจารย์จะสอนเจ้าว่า ทุกข์ใดๆ ไม่เทียบเทียมการเวียนว่ายอีกแล้ว เจ้าเป็นคนรู้ใจอาจารย์ ก็ขอให้ได้สติเสียที
“ไหนคนดีศิษย์ข้าทั้งหลาย อยู่หนใดกันศิษย์เอ๋ย ทั้งเพียรใช้กรรม และเพียรชดเชย”
หมายความว่าชาตินี้ เราทุกคนเคยสร้างกรรมใดมา ก็ขอให้เพียร
ใช้กรรมนั้น การที่จะละลายกรรมได้ คือการยอมใช้กรรมเท่านั้น เผชิญหน้าสู้กรรมจึงจะสามารถให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรมให้ศิษย์ได้ บอกจริงๆ มีเพียงไม่กี่คนที่อาจารย์สามารถต่อรองให้ศิษย์ได้ โดยที่ศิษย์นั้นไม่เจ็บปวดอะไรเลย เกือบจะทุกกรณีที่เจ้ากรรมนายเวรนั้น ต้องการให้ศิษย์ได้ชดใช้ด้วยการสำนึกผิด และต้องออกมาในรูปของการเจ็บป่วย และเจ็บปวดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอาจารย์ถึงบอกศิษย์ว่า ศิษย์อย่าเฉยต่อไปอีกเลย
ใช้กรรมนั้น การที่จะละลายกรรมได้ คือการยอมใช้กรรมเท่านั้น เผชิญหน้าสู้กรรมจึงจะสามารถให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรมให้ศิษย์ได้ บอกจริงๆ มีเพียงไม่กี่คนที่อาจารย์สามารถต่อรองให้ศิษย์ได้ โดยที่ศิษย์นั้นไม่เจ็บปวดอะไรเลย เกือบจะทุกกรณีที่เจ้ากรรมนายเวรนั้น ต้องการให้ศิษย์ได้ชดใช้ด้วยการสำนึกผิด และต้องออกมาในรูปของการเจ็บป่วย และเจ็บปวดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอาจารย์ถึงบอกศิษย์ว่า ศิษย์อย่าเฉยต่อไปอีกเลย
วันนี้อาจารย์มานานแล้ว คงจะได้เวลาที่อาจารย์ต้องไป เพราะว่าศิษย์ของอาจารย์นั้น มีเวลาไม่มาก อาจารย์อยากให้ศิษย์รู้อย่างเดียวว่า สำหรับอาจารย์นั้น แม้ว่าเราไม่เคยเจอกัน แม้ว่าศิษย์ไม่เคยเห็นอาจารย์ แต่อาจารย์อยากให้รู้ว่าอาจารย์นั้นรักและเป็นห่วงศิษย์เสมอ ชาตินี้ศิษย์จะหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้หรือไม่ อาจารย์นั้นใส่ใจตลอดเวลา
ไม่เคยลืมศิษย์ทุกลมหายใจ
ไม่เคยลืมศิษย์ทุกลมหายใจ
อาจารย์อยากบอกศิษย์เป็นคำสุดท้าย ทุกคนที่อยู่ที่นี่เป็นคนมีบุญเก่า แต่อย่าเก่าเก็บ เราต้องรู้จักดำเนินหน้าบำเพ็ญต่อไป เพื่อไม่ให้เสียชาติเกิดในชาตินี้ อย่าเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ อย่าเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ลองบำเพ็ญดูด้วยจิตใจที่ว่างๆ ความว่างเดิมทีเป็นจิตใจของศิษย์อยู่แล้ว ศิษย์อย่าลืมมันไป และต้องใช้ความว่างนี้ในการดำเนินหน้า อย่ามัวแต่ลังเลสงสัย เกียจคร้าน ไม่เอาธรรมะเป็นของใจ ไม่เช่นนั้น ชาตินี้เกิดมาก็จะเสียเปล่า ตายไปจะเสียใจมาก เข้าใจไหม
อาจารย์รักและห่วงศิษย์ทุกคน ทุกวันเวลาคิดถึงศิษย์ทุกคน มีแต่ศิษย์ของอาจารย์นั้น เกเร เหลวไหล ทำไมไม่เอาการบำเพ็ญขึ้นมาอยู่ในหัวใจบ้างเลย อย่าลืมที่อาจารย์สอนนะ และอย่าลืมอาจารย์ ขอให้ทุกคนนั้นตั้งใจบำเพ็ญ เอาจริงเอาจัง เอาชนะกิเลส เอาชนะมารในจิตใจตัวเองให้ได้ เอาชนะความคิดของตัวเอง เอาชนะเสียงที่อยู่ในใจของตัวเองให้ได้ ถ้าศิษย์ทำได้ ไม่เพียงแค่อาจารย์จะยินดี วันข้างหน้า ศิษย์จะรู้ว่ามันคุ้มที่สุดที่ได้ลงทุนไว้ในชาตินี้ แต่ก็อย่าเหนื่อยเกินไป รักษาตัวเอง บำเพ็ญตามสภาพ
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับกิเลสแล้ว ต้องฝึกให้มาก อย่าปล่อยตัวปล่อยใจตามน้ำไป เข้าใจไหม (เข้าใจ) อาจารย์รักศิษย์นะ รักศิษย์ทุกคน
วันอังคารที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ สถานธรรมหยรูซื่อ ไมอามี่
พระโอวาทท่านฮว๋าเอวี๋ยนต้าเซียน
จากเบื้องบนกลับมาสู่โลกมนุษย์ ช่างแสนสุดจะบรรยายใจความได้
ปณิธานความตั้งใจไม่เสื่อมคลาย น่าเสียดายที่กายเนื้อไม่คงทน
ข้าพเจ้าคือ
ฮว๋าเอวี๋ยนต้าเซียน 華圓大仙 รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่ถิ่นเดิม แฝงกายประณตน้อม
องค์มารดาแล้ว
มิกล้ารบกวนถาม ท่านหันเหล่าเตี่ยนฉวนซือ สบายดีไหม
ไม่กล้ารบกวนถาม เตี่ยนฉวนซือและนักธรรมอาวุโสที่ฝูซัน สบายดีไหม
ท่านหยังเหล่าเตี่ยนฉวนซือ สบายดีไหม ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง
ฝากถามเตี่ยนฉวนซือและนักธรรมอาวุโสที่ฉือจี้ฐัน สบายดีไหม
หลินเตี่ยนฉวนซือที่รำลึกถึงเสมอ สบายดีไหม ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง
เตี่ยนฉวนซือและนักธรรมอาวุโส ณ ประเทศไทย สบายดีไหม
อาอี๊และพี่น้อง สบายดีไหม
ขอบคุณศิษย์พี่น้องที่ช่วยดูแลสถานธรรมหลินซื่อ สวนมะลิ ไว้เป็นอย่างดี
ขอให้รักใคร่กลมเกลียวกัน
สวัสดีศิษย์พี่น้องที่เคยเกื้อกูลกันมาและคิดถึงข้าพเจ้าเสมอ สบายดีไหม
นักธรรมทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี่ สบายดีไหม
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทท่านฮว๋าเอวี๋ยนต้าเซียน
งดถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ เพราะข้าพเจ้าเป็นคนที่ทุกคนคิดถึง ทำให้พอถ่ายก็ส่งกันไปมา ไม่เป็นอันทำอะไร ตอนนี้เบื้องบนมีด่านมาใหม่ สำหรับคนที่อยู่บนโลกและติดของที่เป็นเทคโนโลยีแบบนี้ เมื่อก่อนยังไม่มีคอมพิวเตอร์ แต่ตอนนี้มีของอย่างนี้ขึ้นมา เบื้องบนเลยเตรียมรอไว้แล้ว หลายๆ คนก็อยู่ในนั้น จำลองเหตุการณ์ไว้ ก็ไม่เป็นอันจะเดินเข้าประตูพุทธะ อยู่กันแต่ในคุกสวรรค์ เพราะฉะนั้นต้องรู้จักระมัดระวัง ต้องรู้ว่าจะใช้อย่างไรให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าความเคยชินในโลกมนุษย์ทุกสิ่งต้องถูกตัดสิ้นเมื่อยามกลับขึ้นไปเบื้องบน
วันนี้ต้องขอพูดยาวนิดหนึ่ง ขออภัยมากๆ ที่วันนี้ต้องให้มากพิธีรีตอง จริงๆ ก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น เพราะว่าข้าพเจ้าก็เพิ่งจะกลับไป
ไม่นาน ต่อไปก็ไม่ต้องมากพิธีรีตองอย่างนี้ก็ได้ เพียงแต่กังวลว่าถ้าท่านไม่ได้ทำ ท่านจะไม่สบายใจ วันนี้มาได้ด้วยแรงคิดถึงจากศิษย์พี่น้องทุกคน พระอาจารย์ให้เวลานานนิดหนึ่ง ให้มาผูกบุญสัมพันธ์กับทุกท่าน ว่าแล้ว
ก็แซงหน้าศิษย์พี่อีกสองคนที่กลับไปด้วยกัน แต่ด้วยบุญสัมพันธ์พิเศษ
ที่อเมริกา เพราะข้าพเจ้าได้มาบุกเบิกที่นี่จึงสามารถกลับมาได้ คิดถึงพวกท่านมาก อีกสักครู่จะมาคุยให้ฟังว่าพอกลับไปเบื้องบนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ขอเวลาสักครู่
ไม่นาน ต่อไปก็ไม่ต้องมากพิธีรีตองอย่างนี้ก็ได้ เพียงแต่กังวลว่าถ้าท่านไม่ได้ทำ ท่านจะไม่สบายใจ วันนี้มาได้ด้วยแรงคิดถึงจากศิษย์พี่น้องทุกคน พระอาจารย์ให้เวลานานนิดหนึ่ง ให้มาผูกบุญสัมพันธ์กับทุกท่าน ว่าแล้ว
ก็แซงหน้าศิษย์พี่อีกสองคนที่กลับไปด้วยกัน แต่ด้วยบุญสัมพันธ์พิเศษ
ที่อเมริกา เพราะข้าพเจ้าได้มาบุกเบิกที่นี่จึงสามารถกลับมาได้ คิดถึงพวกท่านมาก อีกสักครู่จะมาคุยให้ฟังว่าพอกลับไปเบื้องบนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ขอเวลาสักครู่
นานๆ ได้ลงมาทีขอพูดยาวนิดหนึ่ง เดี๋ยวจะไม่ครบ จะมีคนน้อยใจต่อว่าเราอีก จริงๆ ไม่เคยลืมท่านไหนเลย
ในการที่มาบุกเบิกที่นี่ หวังว่าทุกท่านก็จะตั้งใจบำเพ็ญ การบำเพ็ญนั้นมีคุณูปการสูงสุด สามารถทำให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
ได้จริง ในขณะที่วิญญาณของข้าพเจ้าออกจากร่างไป ในทันทีทันใดนั้น พระอาจารย์ก็มายืนรอรับเลย ในการขึ้นไปเบื้องบนนั้น ผ่านทั้งด่าน
ซันกวนต้าตี้ ผ่านทั้งพุทธาลัย ไปคุกสวรรค์ จิ่วหยังกวน ได้ไปหมด
การเป็นปุถุชนนั้นมีความไม่สะดวกอยู่หลายอย่าง มีนิสัยความเคยชินที่
ไม่ดี มีอารมณ์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย จึงต้องถูกชำระขัดเกลาให้สิ้น จึงจะสามารถเข้าสู่แดนพุทธภูมิได้ หากไม่สามารถชำระให้สิ้นได้ ก็จะติดวนเวียนอยู่อย่างนั้น นานเท่าไรจนกว่าท่านนั้นจะหายจากโลกของมนุษย์ จึงจะสามารถเข้าสู่ประตูพุทธภูมิได้
ได้จริง ในขณะที่วิญญาณของข้าพเจ้าออกจากร่างไป ในทันทีทันใดนั้น พระอาจารย์ก็มายืนรอรับเลย ในการขึ้นไปเบื้องบนนั้น ผ่านทั้งด่าน
ซันกวนต้าตี้ ผ่านทั้งพุทธาลัย ไปคุกสวรรค์ จิ่วหยังกวน ได้ไปหมด
การเป็นปุถุชนนั้นมีความไม่สะดวกอยู่หลายอย่าง มีนิสัยความเคยชินที่
ไม่ดี มีอารมณ์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย จึงต้องถูกชำระขัดเกลาให้สิ้น จึงจะสามารถเข้าสู่แดนพุทธภูมิได้ หากไม่สามารถชำระให้สิ้นได้ ก็จะติดวนเวียนอยู่อย่างนั้น นานเท่าไรจนกว่าท่านนั้นจะหายจากโลกของมนุษย์ จึงจะสามารถเข้าสู่ประตูพุทธภูมิได้
ฉะนั้นการที่จะหลุดพ้นไปได้นั้น จะว่ายากก็ไม่ยาก เบื้องบนเอาใจช่วยอยู่มาก ทั้งตั้งด่านไว้มากมาย เพื่อให้มนุษย์นั้นได้ถอดเปลือกออกทีละชิ้น แต่การถอดเปลือกก็เหมือนการขอดเกล็ดปลาออกจากตัวปลา เดิมมีปลาก็ต้องมีเกล็ด มนุษย์เองก็ต้องมีอารมณ์และกิเลสความเคยชินต่างๆ มากมาย ทำให้เป็นเหมือนปกติที่มีสิ่งนี้ ถ้าไม่มีก็เหมือนจะแปลกไป
แต่สำหรับเบื้องบนแล้ว มนุษย์เป็นโรคชนิดหนึ่ง เป็นโรคไม่รู้ตัว มีแล้ว
คิดว่าถูกต้อง ฉะนั้นสายตาของพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เวลามองมนุษย์นั้นไม่เหมือนกัน มองอย่างเอ็นดู มองอย่างที่จะต้องรักษา ในสามโลกนั้น ได้แก่ มนุษย์ เทวดา และพุทธภูมิ ในสามโลกมนุษย์ถือว่าดีที่สุด เพราะหลังจากที่เรานั้นได้หลุดพ้น ได้อริยฐานะเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้ไปท่องเที่ยวทั้งในนรกและในสวรรค์ คนที่มีบุญมากแต่ยังติดและไม่ได้รับวิถีธรรมนั้น ก็ติดอยู่ในสวรรค์ คนที่มีกรรมมากและยังติดก็จะลงไปนรก
แต่สำหรับเบื้องบนแล้ว มนุษย์เป็นโรคชนิดหนึ่ง เป็นโรคไม่รู้ตัว มีแล้ว
คิดว่าถูกต้อง ฉะนั้นสายตาของพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เวลามองมนุษย์นั้นไม่เหมือนกัน มองอย่างเอ็นดู มองอย่างที่จะต้องรักษา ในสามโลกนั้น ได้แก่ มนุษย์ เทวดา และพุทธภูมิ ในสามโลกมนุษย์ถือว่าดีที่สุด เพราะหลังจากที่เรานั้นได้หลุดพ้น ได้อริยฐานะเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้ไปท่องเที่ยวทั้งในนรกและในสวรรค์ คนที่มีบุญมากแต่ยังติดและไม่ได้รับวิถีธรรมนั้น ก็ติดอยู่ในสวรรค์ คนที่มีกรรมมากและยังติดก็จะลงไปนรก
ฉะนั้นก็ต้องถามว่าท่านอยากจะติดอยู่ที่ไหน ถ้าหากว่าถึงเวลาร่างกายอันนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เน่าเปื่อยแล้ว ท่านอยากไปอยู่ที่ไหน ถ้าหากว่าอยากติดอยู่ในแดนมนุษย์นี้ แน่นอนติดไม่ได้ เพราะว่าร่างกายไม่อำนวยเหมือนกับเรา ครั้นจะขึ้นไปข้างบนก็เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์จี้กง
พระอาจารย์ก็จะผลักดันให้เรานั้นกลับขึ้นพุทธภูมิให้ได้ การที่ต้องไป
ขัดเกลานั้นก็คือเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น แต่หากว่าท่านไม่ยอมขัดเกลาเลย อยากจะเป็นเทวดาบนสวรรค์ อยู่ไปห้าร้อยปี พันปี สองพันปี ก็ต้องลงมาเกิด เกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่บุญแต่กรรม
พระอาจารย์ก็จะผลักดันให้เรานั้นกลับขึ้นพุทธภูมิให้ได้ การที่ต้องไป
ขัดเกลานั้นก็คือเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น แต่หากว่าท่านไม่ยอมขัดเกลาเลย อยากจะเป็นเทวดาบนสวรรค์ อยู่ไปห้าร้อยปี พันปี สองพันปี ก็ต้องลงมาเกิด เกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่บุญแต่กรรม
ในสมัยเรามีชีวิตอยู่ เราก็ตั้งใจว่าเราจะหลุดพ้นให้ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็ประหวั่นพรั่นพรึง ไม่กล้าคิดว่าตัวเองนั้นจะสามารถที่จะไปพ้นจาก
กฎแห่งกรรมอันนี้ได้ ต้องขอบพระคุณฟ้าเบื้องบนเมตตา เหลาหมู่เมตตา พระอาจารย์เมตตา พระอาจาริณีเมตตา ท่านเฉียนเหยินเมตตา
ทุกๆ ท่านที่สำเร็จธรรมไปก่อนนั้นต่างเอาใจช่วย ทำให้ข้าพเจ้านั้นสำนึก
ในความผิดบาปเล็กๆ น้อยๆ ที่มีในโลกมนุษย์ และสามารถที่จะหลุดพ้นกลับคืนขึ้นไปได้ แต่โดยวิถีชีวิตของข้าพเจ้าเกิดมาในชาติปัจจุบันที่เพิ่งจะผ่านไปนี้ ค่อนข้างจะมีความปกติ จึงทำให้ไม่ได้สร้างบาปเวรมากมาย กลับกันอีกหลายๆ คนที่วิถีชีวิตค่อนข้างจะซับซ้อน การเคี่ยวกรำค่อนข้างจะรุนแรงมากกว่า จึงทำให้เกิดกรรมและเวรมากขึ้น
กฎแห่งกรรมอันนี้ได้ ต้องขอบพระคุณฟ้าเบื้องบนเมตตา เหลาหมู่เมตตา พระอาจารย์เมตตา พระอาจาริณีเมตตา ท่านเฉียนเหยินเมตตา
ทุกๆ ท่านที่สำเร็จธรรมไปก่อนนั้นต่างเอาใจช่วย ทำให้ข้าพเจ้านั้นสำนึก
ในความผิดบาปเล็กๆ น้อยๆ ที่มีในโลกมนุษย์ และสามารถที่จะหลุดพ้นกลับคืนขึ้นไปได้ แต่โดยวิถีชีวิตของข้าพเจ้าเกิดมาในชาติปัจจุบันที่เพิ่งจะผ่านไปนี้ ค่อนข้างจะมีความปกติ จึงทำให้ไม่ได้สร้างบาปเวรมากมาย กลับกันอีกหลายๆ คนที่วิถีชีวิตค่อนข้างจะซับซ้อน การเคี่ยวกรำค่อนข้างจะรุนแรงมากกว่า จึงทำให้เกิดกรรมและเวรมากขึ้น
ต้องถามทุกท่านว่า ทุกท่านเลือกเส้นทางที่จะเดินในอนาคตหรือยัง หากว่าท่านเลือกแล้ว ท่านต้องไปให้มั่นคง ต้องไปให้หนักแน่น
อย่าถดถอยไม่ก้าวหน้า อย่าไม่คงเส้นคงวา อย่าเป็นคนไม่เสมอต้นปลาย ถ้าหากว่าท่านบำเพ็ญจนลมหายใจสุดท้ายได้เมื่อไร เมื่อนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมารอรับท่านที่หัวเตียง แต่หากว่าท่านบำเพ็ญไม่เสมอต้นเสมอปลาย และสร้างกรรมหนักจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไม่ได้ ก็จะมี… มารอรับที่ปลายเตียง ไม่ทราบว่าท่านคิดเห็นเป็นอย่างไร
อย่าถดถอยไม่ก้าวหน้า อย่าไม่คงเส้นคงวา อย่าเป็นคนไม่เสมอต้นปลาย ถ้าหากว่าท่านบำเพ็ญจนลมหายใจสุดท้ายได้เมื่อไร เมื่อนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมารอรับท่านที่หัวเตียง แต่หากว่าท่านบำเพ็ญไม่เสมอต้นเสมอปลาย และสร้างกรรมหนักจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไม่ได้ ก็จะมี… มารอรับที่ปลายเตียง ไม่ทราบว่าท่านคิดเห็นเป็นอย่างไร
ขณะที่วิญญาณนั้นได้หลุดลอยออกจากร่างไปนี้ มีวิญญาณบางส่วนของข้าพเจ้าที่อาลัยอาวรณ์ในโลกมนุษย์ คิดนั่นคิดนี่เพราะว่าปกติเป็นคนคิดมาก คิดเยอะแยะมากมายทำให้วิญญาณบางส่วนนั้นตกค้างอยู่ในโลกมนุษย์ 49 วัน หลังจากนั้นเมื่อครบ 49 วันแล้ว วิญญาณก็ได้กลับขึ้นเบื้องบน ไปตามที่บอกทีละขั้นๆ ขอดเกล็ดปลาทีละเกล็ดๆ ออกจากตัว เมื่อขึ้นไปเบื้องบนแล้ว ในขณะที่ผ่านในด่านต่างๆ เพื่อรับโทษต่างๆ นั้น ได้เจอวิญญาณของตัวเองอีกบางส่วนที่ถูกเอาไปลงโทษไว้ตั้งแต่เป็นสิบปี ทำให้ร่างกายในช่วงหลังป่วยไข้อยู่บ่อยครั้ง จะบอกว่า
ไม่เหนื่อยก็เหนื่อย ใจจะสู้แต่ตัวก็ไม่ค่อยไหว ก็เพราะว่าวิญญาณของความเป็นมนุษย์บางส่วนนั้นได้ถูกเอาไปชดใช้ไว้ตั้งแต่ก่อนหน้า แต่ต้องขอบคุณเบื้องบนเมตตาที่เป็นอย่างนี้ เพราะเมื่อละกายสังขารไปจริงๆ แล้ว ทำให้บาปที่มีอยู่น้อย เพราะว่าป่วยแล้วก็ไม่มีปัญญาจะทำนั่นทำนี่ การทำบาปก็ลดน้อยลงด้วย เมื่อใช้กรรมจนเสร็จและขัดเกลานิสัยความเคยชินออกจนหมดเรียบร้อย ขัดกิเลสออกจนหมดเกลี้ยง ก็จึงถึงเวลาที่จะได้กลับคืน ก้าวพ้นจากประตูมนุษย์ไปสู่ประตูความเป็นพุทธะอย่างแท้จริง
ไม่เหนื่อยก็เหนื่อย ใจจะสู้แต่ตัวก็ไม่ค่อยไหว ก็เพราะว่าวิญญาณของความเป็นมนุษย์บางส่วนนั้นได้ถูกเอาไปชดใช้ไว้ตั้งแต่ก่อนหน้า แต่ต้องขอบคุณเบื้องบนเมตตาที่เป็นอย่างนี้ เพราะเมื่อละกายสังขารไปจริงๆ แล้ว ทำให้บาปที่มีอยู่น้อย เพราะว่าป่วยแล้วก็ไม่มีปัญญาจะทำนั่นทำนี่ การทำบาปก็ลดน้อยลงด้วย เมื่อใช้กรรมจนเสร็จและขัดเกลานิสัยความเคยชินออกจนหมดเรียบร้อย ขัดกิเลสออกจนหมดเกลี้ยง ก็จึงถึงเวลาที่จะได้กลับคืน ก้าวพ้นจากประตูมนุษย์ไปสู่ประตูความเป็นพุทธะอย่างแท้จริง
ระยะเวลาที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่เวลาน้อยๆ แต่เนื่องจากว่าตอนที่ได้กลับมาผูกบุญสัมพันธ์ก็เป็นเวลานานพอสมควร และก็หลายๆ คน
จึงไม่ได้กล่าวเรื่องนี้ให้ฟัง ที่พูดให้ฟังนี้เพื่ออยากจะบอกว่าการบรรลุเป็นพุทธะนั้น จำเป็นที่จะต้องบำเพ็ญในชาตินี้ให้ได้อย่างน้อยต้องมีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และอีกสักนิดหน่อยจะไปขอดเกล็ดปลากันข้างบนก็ไม่เป็นไร ถ้าผ่านได้ก็คือผ่าน ไม่ทราบว่าศิษย์น้องที่อยู่ที่นี่เชื่อไหม (เชื่อ) หวังว่าการบำเพ็ญนั้นจะสามารถบรรลุล่วงไปด้วยดี
จึงไม่ได้กล่าวเรื่องนี้ให้ฟัง ที่พูดให้ฟังนี้เพื่ออยากจะบอกว่าการบรรลุเป็นพุทธะนั้น จำเป็นที่จะต้องบำเพ็ญในชาตินี้ให้ได้อย่างน้อยต้องมีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และอีกสักนิดหน่อยจะไปขอดเกล็ดปลากันข้างบนก็ไม่เป็นไร ถ้าผ่านได้ก็คือผ่าน ไม่ทราบว่าศิษย์น้องที่อยู่ที่นี่เชื่อไหม (เชื่อ) หวังว่าการบำเพ็ญนั้นจะสามารถบรรลุล่วงไปด้วยดี
สิ่งที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดและใกล้ชิดกับชีวิตของศิษย์น้องทุกคนที่สุดก็คือ การที่มีนิสัย ความเคยชินที่ต้องขัดเกลา ของศิษย์พี่ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน อารมณ์ก็ไม่ได้ร้าย ใจก็ไม่ได้ร้าย แต่ไม่วายมีเล็กๆ น้อยๆ แต่เล็กๆ น้อยๆ นี่แหล่ะที่อยู่กับศิษย์น้องทุกคนเสมอๆ และไม่ยอมไปไหน เป็นอารมณ์ที่คุกรุ่นพลุ่งพล่านอยู่ข้างใน ที่ไม่ยอมไปไหน ทำให้เส้นทางอริยะของทุกๆ คนนั้นดูไม่ราบรื่นเลย
ฉะนั้นศิษย์พี่เตือนศิษย์น้องด้วยความหวังดี ก็คือว่าอยากจะให้
ขัดเกลาให้ได้มากขึ้นกว่านี้ อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เลยเก็บไว้ก่อน ไม่ทำ เพราะว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้แหล่ะ ที่ทำให้ไปไหนไม่ได้เป็นส่วนมาก ข้อเสียใหญ่ๆ แก้ได้หมดแล้ว กินเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวเล่น ตัดง่ายกว่า แต่ความเคยชินที่ไม่ดี เล็กๆ น้อยๆ ตัดยากกว่าจริงหรือไม่ (จริง) เพราะว่าเกิดขึ้นทุกขณะลมหายใจเลย เมื่อจะบรรลุขึ้นเป็นพุทธะแล้ว สิ่งนี้ก็ต้องตัดเช่นเดียวกัน ไม่พ้นไปสักคนเดียว
ขัดเกลาให้ได้มากขึ้นกว่านี้ อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เลยเก็บไว้ก่อน ไม่ทำ เพราะว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้แหล่ะ ที่ทำให้ไปไหนไม่ได้เป็นส่วนมาก ข้อเสียใหญ่ๆ แก้ได้หมดแล้ว กินเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวเล่น ตัดง่ายกว่า แต่ความเคยชินที่ไม่ดี เล็กๆ น้อยๆ ตัดยากกว่าจริงหรือไม่ (จริง) เพราะว่าเกิดขึ้นทุกขณะลมหายใจเลย เมื่อจะบรรลุขึ้นเป็นพุทธะแล้ว สิ่งนี้ก็ต้องตัดเช่นเดียวกัน ไม่พ้นไปสักคนเดียว
เบื้องบนในขณะนี้ นอกจากว่าเตรียมช่วยมนุษย์ในการโปรด
สามโลกนี้อย่างขะมักเขม้น ยังเตรียมงานหลงฮว๋าไว้ด้วย รอให้คนที่บำเพ็ญธรรมและมีบุญกุศลในโลกนี้ทุกๆ คน ที่ได้บำเพ็ญดีนั้น กลับไปรับอริยฐานะอย่างพร้อมสมบูรณ์ที่เบื้องบน ซึ่งหลายๆ คน ตอนนี้ก็ยังมีกายเป็นมนุษย์อยู่ ยังไม่ได้รับอริยฐานะใดๆ อริยฐานะก็ยังรออยู่ ส่วนศิษย์น้องแม้ไม่ได้เป็นเซียนใหญ่ แต่ก็เป็นเซียนน้อยๆ เหมือนศิษย์พี่ก็ได้
อย่างน้อยเราก็มีส่วน เป็นเซียนน้อยๆ แต่ก็อยู่บนฟ้าเหมือนกัน แม้จะไม่มีบัลลังก์อาสน์ใหญ่ๆ แต่ก็มีเมฆก้อนเล็กๆ ให้เหยียบ ศิษย์น้องทุกท่านเป็นผู้ที่มีบุญ เพราะว่าถ้าไม่มีบุญคงจะไม่ทำงานธรรมะ ช่วยพระอาจารย์อยู่อย่างนี้ ฉะนั้นอย่าได้ดูถูกตัวเอง อย่าได้ดูแคลนตัวเอง โอกาสเป็นของ
ทุกคน โอกาสของศิษย์น้องนั้นตอนนี้มีมากกว่าศิษย์พี่แล้ว เพราะศิษย์พี่
ไม่มีร่างกาย จึงไม่สามารถที่จะทำในสิ่งนี้ได้
สามโลกนี้อย่างขะมักเขม้น ยังเตรียมงานหลงฮว๋าไว้ด้วย รอให้คนที่บำเพ็ญธรรมและมีบุญกุศลในโลกนี้ทุกๆ คน ที่ได้บำเพ็ญดีนั้น กลับไปรับอริยฐานะอย่างพร้อมสมบูรณ์ที่เบื้องบน ซึ่งหลายๆ คน ตอนนี้ก็ยังมีกายเป็นมนุษย์อยู่ ยังไม่ได้รับอริยฐานะใดๆ อริยฐานะก็ยังรออยู่ ส่วนศิษย์น้องแม้ไม่ได้เป็นเซียนใหญ่ แต่ก็เป็นเซียนน้อยๆ เหมือนศิษย์พี่ก็ได้
อย่างน้อยเราก็มีส่วน เป็นเซียนน้อยๆ แต่ก็อยู่บนฟ้าเหมือนกัน แม้จะไม่มีบัลลังก์อาสน์ใหญ่ๆ แต่ก็มีเมฆก้อนเล็กๆ ให้เหยียบ ศิษย์น้องทุกท่านเป็นผู้ที่มีบุญ เพราะว่าถ้าไม่มีบุญคงจะไม่ทำงานธรรมะ ช่วยพระอาจารย์อยู่อย่างนี้ ฉะนั้นอย่าได้ดูถูกตัวเอง อย่าได้ดูแคลนตัวเอง โอกาสเป็นของ
ทุกคน โอกาสของศิษย์น้องนั้นตอนนี้มีมากกว่าศิษย์พี่แล้ว เพราะศิษย์พี่
ไม่มีร่างกาย จึงไม่สามารถที่จะทำในสิ่งนี้ได้
ตอนนี้ศิษย์พี่ได้รับคำสั่งจากพระอาจารย์ให้ช่วยดูแลงานธรรม
ที่อเมริกา ตั้งแต่ได้รับอริยฐานะ ฉะนั้นเปิดเพลงศิษย์พี่ทั้งสองวัน ศิษย์พี่ก็ฟังๆ อยู่ มองๆ อยู่ ไม่กล้าขอพระอาจารย์มา พระอาจารย์ก็มองๆ แล้วก็เหล่ๆ วันนี้เดิมทีไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มา พระอาจารย์ก็เลยเหล่ๆ แล้วบอกว่าให้มาสักครู่หนึ่ง ดีใจมากที่ได้เจอทุกๆ คน คิดถึงทุกๆ คนเสมอ ดีใจที่เจอเพราะว่าไม่มีกายสังขารแล้วอะไรก็ยากไปหมด ไม่สามารถพูดธรรมะให้ใครฟังได้ ยังคิดอยู่ว่าตอนเป็นมนุษย์พูดธรรมะน้อยไปหน่อย แล้วก็คิดว่าแปลหนังสือน้อยไปหน่อย ร้องเพลงก็สงสัยจะร้องน้อยไปหน่อย โชคดีที่ยังมีเป็นซีดี เป็นเทป ไม่อย่างนั้นก็คงจะตายแบบคนที่ตายไปแล้ว หวังว่าทุกคนสร้างคุณงามความดีให้มาก เมื่อตายไปแล้วก็จะได้ดูไม่เหมือนตาย เปิดเพลงที่ข้าพเจ้าร้องบ่อยๆ ก็เหมือนข้าพเจ้ายังไม่ตาย ใช่ไหม
ที่อเมริกา ตั้งแต่ได้รับอริยฐานะ ฉะนั้นเปิดเพลงศิษย์พี่ทั้งสองวัน ศิษย์พี่ก็ฟังๆ อยู่ มองๆ อยู่ ไม่กล้าขอพระอาจารย์มา พระอาจารย์ก็มองๆ แล้วก็เหล่ๆ วันนี้เดิมทีไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มา พระอาจารย์ก็เลยเหล่ๆ แล้วบอกว่าให้มาสักครู่หนึ่ง ดีใจมากที่ได้เจอทุกๆ คน คิดถึงทุกๆ คนเสมอ ดีใจที่เจอเพราะว่าไม่มีกายสังขารแล้วอะไรก็ยากไปหมด ไม่สามารถพูดธรรมะให้ใครฟังได้ ยังคิดอยู่ว่าตอนเป็นมนุษย์พูดธรรมะน้อยไปหน่อย แล้วก็คิดว่าแปลหนังสือน้อยไปหน่อย ร้องเพลงก็สงสัยจะร้องน้อยไปหน่อย โชคดีที่ยังมีเป็นซีดี เป็นเทป ไม่อย่างนั้นก็คงจะตายแบบคนที่ตายไปแล้ว หวังว่าทุกคนสร้างคุณงามความดีให้มาก เมื่อตายไปแล้วก็จะได้ดูไม่เหมือนตาย เปิดเพลงที่ข้าพเจ้าร้องบ่อยๆ ก็เหมือนข้าพเจ้ายังไม่ตาย ใช่ไหม
อยากจะบอกศิษย์น้องทุกคนที่มีชีวิตเป็นมนุษย์ในขณะนี้ ว่าเป็นผู้ที่มีความโชคดีมาก โดยเฉพาะถ้าสังขารอำนวย การทำงานก็จะยิ่งดีมาก แต่หากป่วยไข้ก็ไม่ต้องกลัว เพราะว่าความป่วยไข้นั้นเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องเกิดขึ้น เพราะว่าสังขารนี้เน่าเปื่อยได้ ก็เลยป่วยได้ ถ้าหากว่าเราไม่ป่วยอะไรเลย แสดงว่าเรารักษาสุขภาพดีมาก แต่คนบำเพ็ญธรรมส่วนใหญ่ ก็ตั้งใจจะทำงานเพื่อส่วนรวม ฉะนั้นสังขารก็จึงร่วงโรยลง แต่ว่าการใช้สังขารนี้เพื่อการทำงานธรรมะ มันเป็นสิ่งที่คุ้มค่าจริงๆ แต่หากว่าใช้สังขารเพื่อการช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีค่า เพียงแต่อยู่รอด น่าเสียดายชีวิตของคน เพราะว่าชีวิตของคนสั้นมาก ศิษย์น้องดูหนึ่งปีที่ผ่านไป หนึ่งปีไวหรือช้า (ไว) ไวมาก สิบปีที่แล้ว
ก็เหมือนกับเพิ่งจะผ่านไปนี่เอง ขนาดข้าพเจ้าเพิ่งตายไปได้ไม่กี่ปี ยังไวมาก
ก็เหมือนกับเพิ่งจะผ่านไปนี่เอง ขนาดข้าพเจ้าเพิ่งตายไปได้ไม่กี่ปี ยังไวมาก
ฉะนั้นใช้ทุกเวลาให้มีค่า แล้วก็ใช้ทุกเวลานาทีให้เป็นประโยชน์
ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองบ้าง แต่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นส่วนใหญ่ อย่างนี้จะรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่สูญเปล่า แล้วเบื้องบนก็ตอบแทนได้อย่างร้อยเท่าพันทวี ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดตลอดไป อันนี้คุ้มค่าที่สุด
ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองบ้าง แต่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นส่วนใหญ่ อย่างนี้จะรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไม่สูญเปล่า แล้วเบื้องบนก็ตอบแทนได้อย่างร้อยเท่าพันทวี ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดตลอดไป อันนี้คุ้มค่าที่สุด
ในเมื่อวันนี้มาแล้วก็คงถือโอกาสพูดธรรมะอีกสักเล็กน้อย ศิษย์น้องทุกท่านจะรีบกลับบ้านหรือเปล่า (ไม่) การบำเพ็ญธรรมนั้นมีหลักย่อยๆ อยู่มากมาย แต่มีหลักใหญ่ๆ อยู่ 4 ข้อ นักธรรมอาวุโสคงจะเคยได้ยินอยู่แล้ว
- ความประพฤติ
- คุณธรรม
- แรงไฟสุขุม
- จริยระเบียบ
ความประพฤติที่เที่ยงตรง เกิดจากใจที่ตรงเที่ยง หากว่าจิตใจ
ตรงเที่ยง ความประพฤติก็จะเที่ยงตรงตามมา หากว่าเรานั้นเป็นผู้บำเพ็ญธรรม แต่หากว่าเรานั้นไม่รู้จักบำเพ็ญให้ดี เราไม่มีความประพฤติที่ดี
มากพอ คนมองธรรมะก็จะมองอย่างดูแคลน เนื่องจากว่าธรรมะนั้น
ไร้รูปลักษณ์ มองผู้ประพฤติธรรมเป็นหลักใหญ่ ฉะนั้นผู้ที่บำเพ็ญธรรม
จึงจำเป็นที่จะต้องมีความประพฤติที่ดี เพื่อทำให้ธรรมะดูสูงส่งมากยิ่งขึ้น
ตรงเที่ยง ความประพฤติก็จะเที่ยงตรงตามมา หากว่าเรานั้นเป็นผู้บำเพ็ญธรรม แต่หากว่าเรานั้นไม่รู้จักบำเพ็ญให้ดี เราไม่มีความประพฤติที่ดี
มากพอ คนมองธรรมะก็จะมองอย่างดูแคลน เนื่องจากว่าธรรมะนั้น
ไร้รูปลักษณ์ มองผู้ประพฤติธรรมเป็นหลักใหญ่ ฉะนั้นผู้ที่บำเพ็ญธรรม
จึงจำเป็นที่จะต้องมีความประพฤติที่ดี เพื่อทำให้ธรรมะดูสูงส่งมากยิ่งขึ้น
คุณธรรม เกิดจากอะไร คุณธรรมเกิดจากความประพฤติของเราที่มีต่อหลักแห่งฟ้าได้อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรม หากว่าเรามีหลักแห่งฟ้าอยู่ในใจ สิ่งที่เราประพฤติออกมาก็จะเรียกว่าคุณธรรมไปโดยปริยาย
แต่หากว่าเรานั้นไม่มีหลักแห่งฟ้า มีแต่ความเห็นแก่ตัว เราก็จะไม่มีคุณธรรมมากยิ่งขึ้นและมากยิ่งขึ้น สุดท้ายเราจะกลายเป็นผู้ที่ไม่มีคุณธรรม
แต่หากว่าเรานั้นไม่มีหลักแห่งฟ้า มีแต่ความเห็นแก่ตัว เราก็จะไม่มีคุณธรรมมากยิ่งขึ้นและมากยิ่งขึ้น สุดท้ายเราจะกลายเป็นผู้ที่ไม่มีคุณธรรม
แรงไฟสุขุม หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ความหนักแน่น
สุขุมคัมภีรภาพ ทำไมถึงกล่าวข้อนี้เป็นหลักในการที่จะบำเพ็ญสำหรับ
ผู้บำเพ็ญธรรม เพราะหากว่าไม่มีความหนักแน่น ไม่มีความสุขุม เราก็จะมีอารมณ์เกรี้ยวกราด โมโหง่าย ฉุนเฉียว มีความโลภ มีความหลง เพราะว่าเราเป็นคนที่ไม่มีความหนักแน่น เพราะฉะนั้นความหนักแน่น
จึงทำให้ศิษย์น้องทุกท่านนั้นไม่เลื่อนลอย ไม่ทำอะไรหยิบโหย่ง ความ
สุขุมคัมภีรภาพนั้น ทำให้ไม่ท้อถอย ไม่ถดถอยไปจากทางธรรมอย่างง่ายดาย ฉะนั้นความสุขุมคัมภีรภาพ เกิดจากอารมณ์ที่เย็นและก็นิ่งลง เมื่อเวลาเจอปัญหาต้องรู้จักสงบ แยกแยะ วิเคราะห์ ต้องรู้จักให้กำลังใจตัวเอง อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต ให้รู้จักอะลุ่มอล่วย เอาใจใส่ ฉะนั้นความสุขุมคัมภีรภาพนั้น เกิดจากสภาวะจิตของคนที่นิ่งสงบ เมื่อเรานิ่งสงบได้ ต่อไปปัญหาก็จะคลี่คลายมากยิ่งขึ้น แน่นอนโดยหลักการแล้วถ้าหากต้องการจะมีปัญหาชีวิตน้อย ต้องหันมาทบทวนตัวเองให้มาก ทบทวนตัวเองทุกเช้าค่ำ ทบทวนเหมือนกินข้าวสามมื้อ การกินอาหารเพื่อร่างกาย แต่การทบทวนตัวเองนั้นเพื่อจิตใจ เพื่อพุทธภาวะจิตของเรานั้นจะได้นิ่งและหนักแน่นมากยิ่งขึ้น
สุขุมคัมภีรภาพ ทำไมถึงกล่าวข้อนี้เป็นหลักในการที่จะบำเพ็ญสำหรับ
ผู้บำเพ็ญธรรม เพราะหากว่าไม่มีความหนักแน่น ไม่มีความสุขุม เราก็จะมีอารมณ์เกรี้ยวกราด โมโหง่าย ฉุนเฉียว มีความโลภ มีความหลง เพราะว่าเราเป็นคนที่ไม่มีความหนักแน่น เพราะฉะนั้นความหนักแน่น
จึงทำให้ศิษย์น้องทุกท่านนั้นไม่เลื่อนลอย ไม่ทำอะไรหยิบโหย่ง ความ
สุขุมคัมภีรภาพนั้น ทำให้ไม่ท้อถอย ไม่ถดถอยไปจากทางธรรมอย่างง่ายดาย ฉะนั้นความสุขุมคัมภีรภาพ เกิดจากอารมณ์ที่เย็นและก็นิ่งลง เมื่อเวลาเจอปัญหาต้องรู้จักสงบ แยกแยะ วิเคราะห์ ต้องรู้จักให้กำลังใจตัวเอง อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต ให้รู้จักอะลุ่มอล่วย เอาใจใส่ ฉะนั้นความสุขุมคัมภีรภาพนั้น เกิดจากสภาวะจิตของคนที่นิ่งสงบ เมื่อเรานิ่งสงบได้ ต่อไปปัญหาก็จะคลี่คลายมากยิ่งขึ้น แน่นอนโดยหลักการแล้วถ้าหากต้องการจะมีปัญหาชีวิตน้อย ต้องหันมาทบทวนตัวเองให้มาก ทบทวนตัวเองทุกเช้าค่ำ ทบทวนเหมือนกินข้าวสามมื้อ การกินอาหารเพื่อร่างกาย แต่การทบทวนตัวเองนั้นเพื่อจิตใจ เพื่อพุทธภาวะจิตของเรานั้นจะได้นิ่งและหนักแน่นมากยิ่งขึ้น
จริยระเบียบ มีคำกล่าวบอกว่า “หากมีความสุภาพในเบื้องต้น
จะเป็นกัลยาณชนในเบื้องปลาย” หลายๆ ท่านอยู่ในที่นี่เป็นคนสุภาพ
อยู่แล้ว แต่อย่าให้โมโห ถ้าโมโหแล้วก็คนละคนกัน ฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้
ไม่เรียกว่าสุภาพ คนมีความสุภาพนั้น ต้องสุภาพได้เสมอ จริยระเบียบหรือคนที่มีจริยะนั้น ตรงกันข้ามที่สุดกับคนที่เห็นแก่ตัว ถ้าเราเป็นผู้ที่เห็นแก่ตัว จะเรียกว่าเป็นคนที่มีจริยะไม่ได้ อยากจะเป็นผู้มีจริยะสูงส่งนั้น
สิ่งใดที่ผิดจริยะอย่าฟัง อย่าพูด อย่าทำ แล้วอะไรอีกอย่าง
จะเป็นกัลยาณชนในเบื้องปลาย” หลายๆ ท่านอยู่ในที่นี่เป็นคนสุภาพ
อยู่แล้ว แต่อย่าให้โมโห ถ้าโมโหแล้วก็คนละคนกัน ฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้
ไม่เรียกว่าสุภาพ คนมีความสุภาพนั้น ต้องสุภาพได้เสมอ จริยระเบียบหรือคนที่มีจริยะนั้น ตรงกันข้ามที่สุดกับคนที่เห็นแก่ตัว ถ้าเราเป็นผู้ที่เห็นแก่ตัว จะเรียกว่าเป็นคนที่มีจริยะไม่ได้ อยากจะเป็นผู้มีจริยะสูงส่งนั้น
สิ่งใดที่ผิดจริยะอย่าฟัง อย่าพูด อย่าทำ แล้วอะไรอีกอย่าง
(อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมตอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ : อย่ามอง) อยากจะปรบมือให้ แสดงว่าอ่านหนังสือมาก สมัยที่มีชีวิตอยู่อ่านหนังสือมาก ฉะนั้นความรู้ทางธรรมนั้นก็จะมีมาก เวลาที่เรามีความรู้ทางธรรมมาก ข้อดีก็คือเราสามารถพูดธรรมะให้คนอื่น คนที่มีจิตใจไม่หนักแน่นขึ้นๆ ลงๆ เป็นเพราะว่าอะไร ทราบไหม ส่วนใหญ่เกิดจากพูดมั่วมากไป ถ้าหากว่าอยากจะมีความหนักแน่น ก็ให้พูดน้อยลง เมื่อพูดพร่ำเพรื่อน้อยลง จะมีความหนักแน่นมากขึ้น จิตใจก็จะขึ้นๆ ลงๆ น้อยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเราซึ่งเป็นผู้หญิง เราจะพูดมากกว่าผู้ชาย ถ้าไม่ได้พูดอึดอัดมาก ส่วนผู้ชายพูดน้อยอยู่แล้วพูดน้อยอีกหน่อยก็ไม่เป็นไร ฉะนั้นจึงต้องระวังให้มาก ผู้หญิงก็จะมีใจที่ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลาเพราะว่าอดใจไม่ได้
รู้มากพูดน้อยไม่เป็นจริงไหม อันนี้ก็เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง ไปสู่การเป็นพุทธะ
รู้มากพูดน้อยไม่เป็นจริงไหม อันนี้ก็เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง ไปสู่การเป็นพุทธะ
มีธรรมะ 3 ข้อ ที่มุ่งไปสู่ความสำเร็จ ที่อยากให้จำไว้ด้วย ก็เป็น
สิ่งที่นักธรรมอาวุโสได้ยินกันอยู่แล้ว ก็คือ ปัญญา เมตตา และกล้าหาญ ปัญญานั้นเกิดขึ้นจากการศึกษาธรรม เมื่อศึกษาธรรมมากปัญญาก็จะพอกพูนขึ้น เมตตานั้นเกิดจากจิตภายใน โพธิจิตของเราซึ่งสว่างไสว ความกล้าหาญนี้เป็นสิ่งที่ศิษย์พี่นั้นบกพร่องมากในสมัยที่เป็นมนุษย์ เพราะว่ามีความกลัวมาก มีความกังวลและความเครียดบ่อย ทำให้เป็นทุกข์ในสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นบ่อยครั้ง แต่ก็เป็นกรรมอย่างหนึ่ง ถึงบอกว่ามนุษย์เกิดแต่กรรม ก็เพราะว่ามีกรรมจึงทำให้เป็นอย่างนั้น อยากให้ศิษย์น้องรู้ว่าความกล้าหาญนั้น ถ้าหากว่าสิ่งที่จะทำคือปัญญา สิ่งจะทำคือเมตตา ขอให้เราใช้ความกล้าหาญไปทำ ไม่เช่นนั้นเราจะขัดงานใหญ่ของเบื้องบนหลายๆ ครั้ง โดยไม่รู้ตัว แต่ว่าก็ต้องคิดด้วยปัญญา ปัญญาจึงเป็นผู้ตัดสินว่าสิ่งที่ทำนั้น ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
สิ่งที่นักธรรมอาวุโสได้ยินกันอยู่แล้ว ก็คือ ปัญญา เมตตา และกล้าหาญ ปัญญานั้นเกิดขึ้นจากการศึกษาธรรม เมื่อศึกษาธรรมมากปัญญาก็จะพอกพูนขึ้น เมตตานั้นเกิดจากจิตภายใน โพธิจิตของเราซึ่งสว่างไสว ความกล้าหาญนี้เป็นสิ่งที่ศิษย์พี่นั้นบกพร่องมากในสมัยที่เป็นมนุษย์ เพราะว่ามีความกลัวมาก มีความกังวลและความเครียดบ่อย ทำให้เป็นทุกข์ในสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นบ่อยครั้ง แต่ก็เป็นกรรมอย่างหนึ่ง ถึงบอกว่ามนุษย์เกิดแต่กรรม ก็เพราะว่ามีกรรมจึงทำให้เป็นอย่างนั้น อยากให้ศิษย์น้องรู้ว่าความกล้าหาญนั้น ถ้าหากว่าสิ่งที่จะทำคือปัญญา สิ่งจะทำคือเมตตา ขอให้เราใช้ความกล้าหาญไปทำ ไม่เช่นนั้นเราจะขัดงานใหญ่ของเบื้องบนหลายๆ ครั้ง โดยไม่รู้ตัว แต่ว่าก็ต้องคิดด้วยปัญญา ปัญญาจึงเป็นผู้ตัดสินว่าสิ่งที่ทำนั้น ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
วันนี้ศิษย์พี่มาที่นี่ก็ดีใจ สอนธรรมะเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากมา
ยืมร่างเป็นครั้งแรก ก็ไม่รู้จะทำอะไรว่าถูกหรือว่าผิด พระอาจารย์ก็ไม่ได้สอน เพียงแต่บอกให้ไปเลย ศิษย์พี่ก็มาเลยเพราะว่าอยากมา ไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ยังมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือเปล่า แต่ถึงศิษย์พี่ไม่ได้กลับมา ข้าพเจ้าไม่ได้กลับมา แต่ขอให้ทราบว่าข้าพเจ้าอยู่ด้วยเสมอ ขอให้มีความตั้งใจ
ยืมร่างเป็นครั้งแรก ก็ไม่รู้จะทำอะไรว่าถูกหรือว่าผิด พระอาจารย์ก็ไม่ได้สอน เพียงแต่บอกให้ไปเลย ศิษย์พี่ก็มาเลยเพราะว่าอยากมา ไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ยังมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือเปล่า แต่ถึงศิษย์พี่ไม่ได้กลับมา ข้าพเจ้าไม่ได้กลับมา แต่ขอให้ทราบว่าข้าพเจ้าอยู่ด้วยเสมอ ขอให้มีความตั้งใจ
วันนี้ข้าพเจ้ามาเพียงสั้นๆ เท่านี้ รู้สึกว่าวันนี้พูดเยอะไปนิดหนึ่ง พระอาจารย์ท่านก็ยืนรอแล้ว เพราะว่าท่านก็ไม่อยากให้รบกวนมาก อย่างที่บอก ยังอยากเตือนเรื่องการใช้เทคโนโลยี เพราะว่าเต็มไปหมดเลย ศิษย์น้องทั้งหมดเต็มไปหมดเลย พระอาจารย์พูดบอกว่า “เสียเวลา
ก้มหน้า ไม่ยอมทำงานธรรมะ” อันนี้ต้องไปคิดดู เพราะว่าเดี๋ยวนี้ก้าวหน้ามากจนกระทั่ง รูป เสียง ตัวหนังสือ แต่ว่าที่ก้มหน้าก้มตาอยู่
ทำให้เสียเวลาในงานธรรมะ และก็ขัดเวลาที่จะผูกบุญสัมพันธ์กับ
เวไนยสัตว์ให้ทั่วกว้าง พระอาจารย์เห็นแล้วส่ายหน้า หลายๆ คนติดอยู่
ในนั้น ไม่ไปไหนเลยเพลิน เป็นการสอบที่ราบรื่น ก็ลองคิดดูว่าจะเสียเวลาก้มหน้ากันเพียงแค่ไหน วันนี้ที่บอกว่าไม่ให้ถ่ายรูป และไม่ให้อะไรเลย เพราะว่าข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าเป็นที่รักของหลายๆ คน ก็อยากจะให้
สิ่งที่ข้าพเจ้าพูด ไปสู่พวกเขา แต่ไม่อยากให้เขายึดติดในรูปลักษณ์ และก็ก้มหน้าก้มตาเหมือนที่พระอาจารย์ว่า ไม่อย่างนั้นพระอาจารย์บอกว่าข้าพเจ้ามาแล้วทำให้เป็นอย่างนี้ ข้าพเจ้ารับไม่ไหว
ก้มหน้า ไม่ยอมทำงานธรรมะ” อันนี้ต้องไปคิดดู เพราะว่าเดี๋ยวนี้ก้าวหน้ามากจนกระทั่ง รูป เสียง ตัวหนังสือ แต่ว่าที่ก้มหน้าก้มตาอยู่
ทำให้เสียเวลาในงานธรรมะ และก็ขัดเวลาที่จะผูกบุญสัมพันธ์กับ
เวไนยสัตว์ให้ทั่วกว้าง พระอาจารย์เห็นแล้วส่ายหน้า หลายๆ คนติดอยู่
ในนั้น ไม่ไปไหนเลยเพลิน เป็นการสอบที่ราบรื่น ก็ลองคิดดูว่าจะเสียเวลาก้มหน้ากันเพียงแค่ไหน วันนี้ที่บอกว่าไม่ให้ถ่ายรูป และไม่ให้อะไรเลย เพราะว่าข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าเป็นที่รักของหลายๆ คน ก็อยากจะให้
สิ่งที่ข้าพเจ้าพูด ไปสู่พวกเขา แต่ไม่อยากให้เขายึดติดในรูปลักษณ์ และก็ก้มหน้าก้มตาเหมือนที่พระอาจารย์ว่า ไม่อย่างนั้นพระอาจารย์บอกว่าข้าพเจ้ามาแล้วทำให้เป็นอย่างนี้ ข้าพเจ้ารับไม่ไหว
ขอลาทุกท่านก่อน และก็คงไม่มีโอกาสเจอกันอีกได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าทุกท่านอยู่ในใจของข้าพเจ้าเสมอ
กราบลา
พระอนุตตรธรรมมารดา
ถอย
不成佛不罷休
(ปู้เฉิงฝอปู๋ป้าซิว)
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ทำนองเพลง : 愛江山更愛美人 (ไอ้เจียงซันเกิ้งไอ้เหม่ยเหยิน)
道出根本皆相連 真性皆是有根源 實實在在有血緣
เต้าชูเกินเปิ่นเจียเซียงเหลียน เจินซิ่งเจียซื่อโหย่วเกินเอวี๋ยน สือสือไจ้ไจ้โหยวเสี่ยเอวี๋ยน
來自相同地方 流著相同的血 這條道脈是要追遠
ไหลจื้อเซียงถงตี้ฟัง หลิวเจ๋อเซียงถงตีเสี่ย เจ้อเถียวเต้าไม่ซื่อเย่าจุยเอวี่ยน
總說一花開五葉 五教同源莫分別 道化有情來修回
จ่งซวออี้ฮวาไคอู่เอยี้ย อู่เจี้ยวถงเอวี๋ยนมว่อเฟินเปี๋ย เต้าฮว่าโหย่วฉิงไหลซิวหุย
皇天賜機再浮 所謂藕斷絲還連 輕嘆世間人多變遷
ฮวั๋งเทียนชื่อจีไจ้ฝูเซี่ยน สว่อเว่ยโอ่วต้วนซือไหเหลียน ชิงทั่นซื่อเจียนเหยินตวอเปี้ยนเชียน
愛想貪 更愛飲沉 每個迷子好沾這些腥攤
ไอ้เสี่ยงทัน เกิ้งไอ้อิ่นเฉิน เหม่ยเก้อหมีจื่อเฮ่าจันเจ้อเซียซิงทัน
好兒郎 揮劍气膽 壯志豪情四海遠名揚
ห่าวเอ๋อร์หลัง ฮุยเจี้ยนชี่ตั่น จ้วงจื้อหาวฉิงซื่อไห่เอวี่ยนหมิงหยัง
* 人生短短幾個秋 啊... 不成不罷休 東邊兒來救原人哪
เหยินเซิงต๋วนต่วนจี่เก้อชิว อา... ปู้เฉิงปู๋ป้าซิว ตงเปียนเอ๋อร์ไหลจิ้วเอวี๋ยนเหยินน่ะ
西邊兒皇中候
ซีเปียนเอ๋อร์ฮวั๋งหมู่โฮ่ว
來呀來各修 啊... 不成不罷休 三曹大事放在心頭
ไหลยาไหลเก้อซิว อา... ปู้เฉิงปู๋ป้าซิว ซันเฉาต้าซื่อฟั่งไจ้ซินโถว
(ซ้ำทั้งเพลง ,*)
ไม่บรรลุไม่เลิกรา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ทำนองเพลง : 愛江山更愛美人 (ไอ้เจียงซันเกิ้งไอ้เหม่ยเหยิน)
แก่นธรรมสายใยบุญสัมพันธ์ จิตญาณเดิมล้วนมีต้นญาณ ในความจริงแท้มีต้นธาร มาจากแดนเดิมด้วยกัน เราร่วมสายเลือดเหมือนกัน
สายธรรมกำเนิดเดิมต้องติดตาม
สายธรรมกำเนิดเดิมต้องติดตาม
กลีบมาลีเดียวมีห้าใบ ห้าศาสน์รากเดียวไม่แยกกัน ธรรมเกลาเวไนยบำเพ็ญคืน เบื้องบนประทานวาระบุญ รากบัวใยสัมพันธ์ไม่ขาด ทอดถอนใจจิตคนช่างแปรเปลี่ยน
โลภอยากได้ หลงใหลมัวเมา มวลเวไนยต่างชอบแปดเปื้อน
คาวโลกีย์ บุตรคนดี เงื้อดาบปัญญา หาญกล้ามุ่งมั่นแพร่ธรรมทั่วโลกา
คาวโลกีย์ บุตรคนดี เงื้อดาบปัญญา หาญกล้ามุ่งมั่นแพร่ธรรมทั่วโลกา
* ชีวีสั้นเพียงไม่กี่ปี อา... ไม่บรรลุไม่เลิกรา ฉุดช่วยคนแดนโลกา องค์มารดาคอยแดนพุทธา มานะมามุ่งบำเพ็ญ อา... ไม่บรรลุไม่เลิกรา งานช่วยสามภพยิ่งใหญ่ไม่ลืม
(ซ้ำทั้งเพลง ,*)
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “รวมพลัง สามัคคี”
น้ำตาพราก ใจทุกข์หนักกว่าเดิม อย่าซ้ำเติมกายและใจ เห็นคุณค่าตน ผาพังทลาย ศิษย์รีบใช้ปัญญา แม้คนมีกรรม ธรรมนั้นเปลี่ยนชีวิต เพียงนิดเดียวที่ศรัทธา ฟ้าเป็นพยาน ลบรอยน้ำตา ศิษย์หวนมาอีกครั้ง
* ทุกชาติ มัวร้อยรัดเรื่องตัว ศิษย์รักกลัวไม่มีไม่อิ่มเกินไป สอนเจ้าทุกข์ใดเทียมเวียนว่าย คนรู้ใจได้สติสักที
ไหนคนดี ศิษย์ข้าทั้งหลาย อยู่หนใดกันศิษย์เอ๋ย ทั้งเพียรใช้กรรม และเพียรชดเชย ศิษย์อย่าเฉยต่อไป (ซ้ำ *)
ชื่อเพลง : พร่ำเพรียกเรียกหาศิษย์
ทำนองเพลง : รักร้าง
(บทเพลงย่อหน้าที่ 3 พระอาจารย์เมตตาเพิ่มเติมต่อจากพระโอวาทครอบ)