แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หมิงอี้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หมิงอี้ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

2562-11-30 สถานธรรมหมิงอี้ จ.ตาก

西元二○一九年歲次己亥十一月初五日                   仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒                   สถานธรรมหมิงอี้ จ.ตาก
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี
  เมื่อเริ่มต้นก็ต้องไปให้ถึงสุด         อย่าเดินเดินหยุดหยุดหมดความหมาย
เมื่อเข้าใจก็ต้องเดินให้ถึงชัย           ความลำบากคัดคนให้ใครเก่งจริง
                              เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี          รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก น้อมกายกราบอัญชุลี
องค์มารดา                               ถามเมธีทุกท่านเกษมสำราญฤๅ
   ตามรอยเท้าแห่งอริยาแนบสนิท     หมุนชีวิตแห่งกงล้อบาปบุญเคลื่อน
ประสบการณ์ล้วนแล้วเป็นเครื่องเตือน      ไว้เป็นประกันเหมือนสัจธรรมความจริง
ความเหงาเศร้าอันวิเวกน่าสะพรึง     เหงาที่หนึ่งเป็นหนีหลีกสรรพสิ่ง
ปกติคงไว้ยากมีใครนิ่ง                  แยกแยะความสิ่งสิ่งนั้นอะไร
ถือสาจริงได้ทุกข์เองนั้นสนอง         วัฏจักรล้วนต้องเป็นไปเช่นไหน
อุเบกขาใดสิ่งทำก่อนทำใจ             รวบรวมนั้นสิ่งกระจัดกระจายหนียิ่งลึก
รู้จักทำใจได้ไม่หมองหม่น              ขณะพ้นไม่สร้างแต่รู้สึก
ประเมินผลตระหนักเหตุทุกข์รู้ลึก     ให้มาฝึกปล่อยวางเพิ่มหวั่นลำพอง
ไม่ข่มเหงไม่ก่อบาปพยาบาท          ไม่เร่งบำเพ็ญเกรงอำนาจชวนผยอง
คนบำเพ็ญฝึกอ่อนน้อมตามครรลอง  ปฏิบัติธรรมเตือนตนต้องประจำวัน
คนไม่มีดีพร้อมโดยธรรมชาติ          หากไม่ขาดก็เกินต้องบากบั่น
เข็นครกขึ้นภูเขาต้องฝ่าฟัน            นอกในใจนั้นมีธรรมครอง
                                                                                                               ฮา ฮา หยุด


พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี


ทำอะไรต้องทำจริง เมื่อมุ่งมั่นแล้วก็ต้องไปให้สุด ใครเปลี่ยนใจมาวันนี้วันเดียวพอ (ไม่เปลี่ยน)  อยากจะรู้อะไรก็ควรรู้ให้ชัดก่อนที่จะปฏิเสธ จะได้ไม่เสียโอกาส หรือเสียสิ่งที่ไม่น่าจะเสียไป การศึกษาธรรม สิ่งที่สำคัญคือ เรียนรู้ใจตน ผ่อนปรนเรื่องผู้อื่น จะปฏิบัติธรรมไม่ใช่เอาธรรมะไปตีกรอบวัดค่าใคร ไปตรวจสอบใคร แต่ผู้ปฏิบัติธรรมคือผู้ที่เข้มงวดตนเอง ผ่อนปรนผู้อื่น แก้ไขตัวเองไม่แก้ไขผู้อื่น เรียกว่าหนทางที่ถูกต้องในการปฏิบัติธรรม แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเราปฏิบัติธรรมเข้มงวดผู้อื่น ผ่อนปรนตัวเอง เรียกร้องผู้อื่น แต่ลืมเรียกร้องใจตน เช่นนี้ไม่ถูกต้อง
บางครั้งการนิ่งเงียบคือธรรมะที่ดีที่สุด เพราะหนึ่งคำพูดคือหนึ่งความคิดเห็น และหนึ่งความคิดเห็น ชอบตัดสินผู้คนว่าถูกว่าผิด ทั้งที่จริงๆ แล้ว ทุกความคิดเห็นมีทั้งถูกและผิด แต่ถึงที่สุดแล้วเราก็ต้องปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นจริงตามธรรมชาติ สิ่งที่ดีที่สุดบางครั้งก็คือการนิ่งเงียบและยอมรับความจริง ซึ่งบางทีชีวิตเราลืมตรงนี้ไป เรื่องบางเรื่องเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เราก็ทำตัวเหมือนรู้ไปหมด ใช่หรือไม่
เรื่องบางเรื่องเรายังไม่เข้าใจแจ่มชัด แต่เราก็คิดว่าเรารู้ชัด จนถึงที่สุดแล้วชีวิตเป็นสิ่งที่ยาก ยากจะทำให้ดีที่สุด ใช่หรือเปล่า ท่านว่าโลกนี้น่าอยู่เพราะ (มีธรรมะ)  มีธรรมะ แล้วทุกวันเรามีธรรมะไหม (มีบ้างไม่มีบ้าง)  ชีวิตก็เลยน่าอยู่บ้าง ไม่น่าอยู่บ้าง แล้วเรายังมีชีวิตอยู่ได้เพราะ (เรามีธรรมะในใจ)  อย่างนั้นเมื่อไรไม่มีธรรมะ ก็ขาดชีวิตชีวาใช่ไหม ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก เมื่อพูดถึงธรรมะและความเป็นจริงในชีวิต
เคยได้ยินไหมว่าถ้าไม่มีคนๆ หนึ่งเสียสละเพื่อเรา เราจะยังอยู่บนโลกนี้ได้ไหม ถ้าไม่มีคนที่รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ และเห็นผู้อื่นสำคัญกว่าตัวเอง จะมีเราอยู่บนโลกนี้ได้ไหม แต่พูดอย่างนี้คงนึกไม่ออกใช่ไหม มีคนๆ หนึ่งที่กินอิ่มและอยู่สบายโดยที่ไม่ต้องทำอะไร เพราะมีคนที่ยอมลำบาก เพื่อให้เรากินอิ่มและอยู่สบาย
โลกนี้น่าอยู่และเรายังมีชีวิตอยู่ได้ เพราะมนุษย์รู้จักเห็นคุณค่าของผู้อื่นมากกว่าตัวเอง และรู้จักเสียสละผลประโยชน์ส่วนตน เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อคนอื่น วันนี้เรามีเงินใช้ มีเงินเที่ยว มีชีวิตอยู่ได้จนเติบโตทุกวันนี้ เพราะความรับผิดชอบของพ่อแม่ เพราะความเสียสละความสุขตัวเองเพื่อลูก ถูกไหม (ถูก)  เราเกิดเป็นคน เราจะห่วงแต่ความสุขตนจนไม่นึกถึงความสุขผู้อื่นได้ไหม (ไม่ได้)  โลกนี้น่าอยู่ก็เพราะมีผู้เสียสละ เพราะมีผู้เมตตา เพราะมีคนที่เมื่อมีความสุขคิดถึงคนที่ทุกข์ เมื่อได้ดีคิดถึงคนที่โชคร้าย จริงไหม (จริง)  แต่มนุษย์มักจะให้เหตุผลในการทำดีว่า ขอให้มั่งมีก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยอนุเคราะห์ช่วยเหลือคน ถ้าคิดอย่างนี้พ่อแม่คงไม่ต้องดูแลเรา เพราะพ่อแม่ทำทุกอย่างเพื่อจะให้มีฐานะและมาดูแลเรา ถูกไหม (ถูก)     วันหนึ่งถ้าเรามีโอกาสเป็นพ่อแม่บ้าง แล้วเราไม่เคยคิดเสียสละเลย เราจะเลี้ยงลูกได้สำเร็จไหม และชีวิตนี้จะมีรุ่นต่อไปไหม (ไม่มี)  ถ้าทุกคนคิดแค่เพียงว่า ขอตัวเองมีก่อน แล้วค่อยช่วยคนอื่น แล้วเราจะมีรุ่นหลังให้สืบต่อไหม (ไม่มี) 
โลกนี้น่าอยู่ได้และเรายังคงอยู่ได้เพราะเมื่อเราสุขนึกถึงคนที่ทุกข์ เมื่อเรามีนึกถึงคนที่ไร้ ไม่จำเป็นจะต้องรอจนร่ำรวยแล้วถึงให้ เพราะถ้าคิดแบบนั้นคงไม่มีวันให้ใครได้ จริงไหม (จริง)  เมื่อไรเรารวย (ไม่ทราบ)  เมื่อไรเราพอ (ไม่มี)  มีแต่ว่ายิ่งให้ก็ (ยิ่งได้)  แต่มีคนคิดจะให้ไหม ในเมื่อตัวเองยังบอกว่าตัวเองยังไม่ได้เลย  ฉะนั้นมีน้อยแต่ยังได้ให้ ดีกว่ารอจนสมบูรณ์แล้วไม่เคยให้ใครเลย เช่นนี้น่าเสียดาย
อยากเกิดเป็นคนที่มีเท่าไรก็ให้ หรือเกิดมาเป็นคนที่มีแต่ได้รับ ท่านอยากเกิดเป็นคนประเภทใด (คนที่มีแล้วให้)  เราว่าไม่จริงนะ เพราะชีวิตเกิดมามีแต่ขอ ขอให้รวยก่อน ขอให้ดีก่อน ขอให้สุขก่อน แล้วฉันถึงจะให้ คนที่เกิดมามีแต่ให้ เขาเรียกว่าราชา คนที่เกิดมามีแต่ขอก่อนแล้วค่อยให้ เขาเรียกว่า (ยาจก)
ในเมื่อท่านก็รู้อยู่เต็มอกว่า โลกนี้น่าอยู่และตัวเรานี้ยังอยู่ได้เพราะมีคนเสียสละที่รู้จักคิดถึงสุขของคนอื่นมากกว่าสุขของตัวเอง โลกนี้น่าอยู่เพราะมีคนที่เมื่อตัวเองสุขยังนึกถึงคนที่ทุกข์ และโลกนี้ทำให้เรายังอยู่ได้เพราะว่าความรับผิดชอบของคนที่ยอมเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อความสุขของลูกหลาน ฉะนั้นพระพุทธะจึงกล่าวไว้ว่าอยู่อย่างราชาที่มีแต่ให้ ดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างขอทาน ที่เอาแต่ขอแต่ไม่เคยให้ใคร เพราะตัวเองไม่เคยพอสักที แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม การมาฟังธรรมะ ถ้าท่านไม่ตีกรอบธรรมะว่าจะต้องเป็นพระเทศน์ จะต้องได้ธรรมะเฉพาะในวัด ที่ไหนก็มีธรรมะได้ ท่านก็คงเปิดใจฟังเราได้รู้เรื่อง แต่มนุษย์มักอดไม่ได้ที่จะตีกรอบความรู้ความเข้าใจของตัวเองอย่างยึดมั่นตายตัว ความเป็นจริงล้วนไม่คงที่ ฉะนั้นมั่นใจหรือว่าสิ่งที่เรารู้นั้นเป็นความจริง
มนุษย์มีความรู้ความเข้าใจอยู่ในใจ แล้วเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เรารู้เข้าใจนั้นถูกต้อง เราถามท่านง่ายๆ หนึ่งบวกหนึ่งเป็น (สอง)  แล้วหนึ่งบวกหนึ่งเป็นศูนย์ได้ไหม แล้วหนึ่งบวกหนึ่งติดลบได้ไหม ทำไมไม่เป็นสองล่ะ แอปเปิลรวมกับตัวเราเป็นอะไร หนึ่งหรือสอง ถ้าเราถือก็เป็นแอปเปิลหนึ่งและตัวเราหนึ่ง ถ้ามนุษย์ตีกรอบความจริงว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ แต่มันใช้วัดทุกสิ่งทุกอย่างได้ไหม (ไม่ได้)  ถ้าเกิดว่าแอปเปิลเราได้มาแล้วเรากินไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังเหลือเราหนึ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ ในโลกของความเป็นจริงเราคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะต้องได้แบบนี้ เรามักมีสูตรสำเร็จ ทำดีต้องได้ดี พูดดีต้องมีคนชม แต่ในโลกของความเป็นจริงทำดีแล้วไม่ได้ดีเป็นไปได้ไหม (ได้)  แล้วการไม่ได้ดีคือเรื่องแย่ไหม โลกนี้เป็นโลกของความสัมพันธ์กัน มีคนเก่งก็ต้องมีคนไม่เก่ง อย่างนั้นหมายความว่าคนไม่เก่งเป็นคนไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่)  ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อทำดีแล้วโดนว่า อย่างนั้นการโดนว่าไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่)  อย่าตีกรอบของความคิดตัวเองจนทำให้เราไม่ซื่อตรงกับความจริง อย่าเอากรอบของความรู้ความเข้าใจมามองสรรพสิ่งอย่างตายตัวจนทำให้เราไม่เปิดใจกว้าง เราบอกว่าทำดีต้องได้ดี แต่ถ้าทำดีแล้วไม่ได้ดีนั่นเป็นคนอื่น หรือเป็นเพราะแบบนั้นไม่ดี หรือเป็นเพราะว่าคนอาจจะคิดได้ทั้งดีและไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเราเก่งถ้าเราฉลาด เราควรดูถูกคนที่ไม่เก่งไหม เราควรหงุดหงิดกับคนที่สอนยากไหม (ไม่ควร)  คนล้มอย่าข้าม วันนี้เขาไม่เก่งต่อไปเขาอาจจะเก่ง แล้วเราอาจจะไม่เก่ง ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอย่าตีกรอบตายตัวว่าฉันเรียนไม่เก่ง ฉันไม่ประสบผลสำเร็จอะไรเลย ฉันไม่มีดีอะไรเลย คิดแบบนี้ทำร้ายตัวเองไหม ไม่ดูถูกตัวเองจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่จะย่ำอยู่กับที่จนไม่คิดจะพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงนี้ แต่อีกสิบนาทีเรายืนอีกที่หนึ่ง อย่างนั้นคนที่บอกว่าเมื่อสักครู่เรายืนอยู่ตรงนี้เขาพูดผิด คนที่บอกว่าเรายืนอยู่ตรงนั้นคือคนถูก ใช่ไหม (ไม่ใช่)  วันนี้เราพบสุขแต่อีกวันหนึ่งเราพบทุกข์ ชีวิตเราต้องทุกข์แล้วไม่มีวันสุข ใช่ไหม (ไม่ใช่)
ถ้าวันนี้เราโดนคนทำร้าย แล้วเราจำเป็นต้องเกลียดคนที่ทำร้ายไหม เมื่อไรที่คิดจะเกลียดก็แปลว่าเราพร้อมจะทิ้งความสุขและเอาความทุกข์หรือนรกเผาไหม้ใจด้วยความเกลียด อย่างนั้นควรหรือที่จะเกลียด (ไม่ควร)  เขาเกลียดเราวันนี้ แต่เขาอาจจะสอนอะไรดีๆ กับเราในวันหน้า ความเกลียดของเขาในวันนี้ อาจจะให้คุณค่าและความหมายที่แท้จริงที่เราไม่เคยรู้จักตัวเองก็เป็นได้ ยิ่งเขาเกลียดเรามากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องดูแลตัวเองให้เข้มแข็งมากเท่านั้น จริงไหม (จริง)  แต่ในทางตรงกันข้าม เขายิ่งรักเรามากเท่าไรทำไมเรายิ่งอ่อนแอมากเท่านั้น ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นควรหรือที่จะเกลียดคนที่น่ารังเกียจ (ไม่ควร)
ไม่มีอะไรจริงเสมอไป และไม่มีอะไรเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ขอเพียงเราไม่ดูถูกคุณค่าตัวเองและปล่อยชีวิตเป็นไปตามสิ่งแวดล้อม ชีวิตเราก็อยู่ในกำมือและเราควบคุมได้ เก่งภายนอก แข็งแกร่งภายนอก ไม่สู้ความเก่งที่หนักแน่นและรู้คุณค่าตัวเองในใจ ความแข็งแกร่งภายนอกจะมีประโยชน์อะไรถ้าไร้ซึ่งความแข็งแกร่งและสงบนิ่ง รู้คุณค่าตนในใจ
ต่อไปจะเกลียดคนที่น่ารังเกียจไหม จะเกลียดคนที่ว่าเราไหม (ไม่)  เพราะอะไรหรือ  ในดีมีร้ายในร้ายมีดี ถ้ามนุษย์พยายามหาความสมบูรณ์แบบ มนุษย์อาจจะไม่ซื่อตรงต่อความจริง เพราะมนุษย์มักจะบอกว่า ความสำเร็จ ความงาม ความดี ความสมหวังชัยชนะ หรือความสุข คือสิ่งที่สมบูรณ์ที่สุดในชีวิต เพราะเมื่อใดที่เราบอกว่า สิ่งนั้นคือสุขเราก็ต้องเรียนรู้ทุกข์ สิ่งนั้นสมบูรณ์ เราก็ต้องรู้จักความไม่สมบูรณ์ สิ่งที่ไม่สมบูรณ์สิ่งที่เรียกว่าทุกข์ แท้จริงแล้วมันใช่ทุกข์ไหม แท้จริงคือสิ่งที่ไม่งามไหม (ไม่ใช่)
มนุษย์มักจะกำหนดสิ่งที่เรียกว่าความสุขคือแบบนี้ เมื่อกำหนดความสุข ความทุกข์ก็บังเกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เมื่อกำหนดความดี ความไม่ดีก็เกิด เมื่อไรที่เรามีสิ่งที่ชอบ ความไม่ชอบก็เกิด ฉะนั้นสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เรียกว่าทุกข์ แท้จริงแล้วคือสิ่งที่ไม่ดี จริงหรือไม่ (ไม่จริง)
โลกนี้เป็นโลกของความสัมพันธ์กัน ความเกี่ยวเนื่องซึ่งกัน มีคนดีก็มีคนไม่ดี มีสิ่งที่เรียกว่าสำเร็จก็มีสิ่งที่เรียกว่าล้มเหลว ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์อยากมีธรรมะก็เพราะว่ามนุษย์พบความทุกข์ พบความล้มเหลว พบความพ่ายแพ้ พบความผิดหวัง แล้วชีวิตจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อพบความสุข พบความสำเร็จ ชนะเท่านั้น ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  ต่อไปแม้เราจะพ่ายแพ้ เราก็เข้าใจความสมบูรณ์ในชีวิต แม้เราจะทุกข์เราก็รู้ว่ามันมี (สุข)  ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกข์กับสุขไม่ได้แยกจากกัน อยู่ที่ใจเรากำหนดเท่านั้นเอง
อยากถามหาความหมายของชีวิต จงอย่าถามใครไกลเกินเอื้อม แต่จงหันกลับมาถามที่ใจตน เพราะถ้าโลกนี้เป็นโลกแห่งความเป็นจริง ผู้มีสติปัญญาเรียนรู้อยู่กับความเป็นจริง ย่อมไม่หวาดหวั่นเมื่อเจอความทุกข์ แต่จะก่อเกิดความเข้าใจและเป็นอิสระ มนุษย์มีเรื่องให้ติดเยอะแยะไปหมด แล้วพอติดก็หนีไม่พ้นความหวาดกลัว และพอกลัวขึ้นมา ทุกข์ขึ้นมา ก็ค่อยนึกถึงธรรม ทั้งที่จริงๆ แล้วผู้ที่กำหนดชีวิตให้สุขทุกข์ไม่ใช่ใคร นอกจากใจเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ระหว่างต้นกล้วยกับต้นทุเรียน ท่านว่าอะไรดีกว่าอะไร (กล้วย)  ชีวิตเราควรเป็นเหมือนต้นทุเรียนหรือต้นกล้วย ต่างก็ดีคนละแบบ ถ้าเกิดว่าทางเลือกมีแค่สอง ท่านก็คิดได้แค่สอง ใช่หรือไม่  มีใครจะบอกว่าจะเป็นทั้งกล้วยและทุเรียนบ้าง กล้วยมีประโยชน์ไหม (มี)  ส่วนไหนมีประโยชน์ (ทั้งต้น)  แต่สิ่งที่น่ากลัวของกล้วยคือ เมื่อหน่ออ่อนแทงยอดมา ต้องฟันหน่อเก่าทิ้ง ถ้ายังเสียดายหน่อเก่าก็จะล้ม หน่อใหม่ก็จะตาย ฉะนั้นในสิ่งที่ดีที่สุดก็ยังมีข้อที่ต้องระวัง ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนบางคนเหมือนต้นกล้วย แต่เพื่อนเราบางคนเหมือนต้นทุเรียน อยู่กันตั้งนานหาอะไรไม่ค่อยเจอ เหมือนอยู่กับสามีอยู่กันตั้งนานกว่าจะออกผลสักทีเหมือนทุเรียนไหม เหมือนเราอยู่กับเพื่อนเราขยันทุกอย่างแต่เพื่อนเป็นเหมือนต้นทุเรียน มีไว้ประดับ นานๆ จะมีค่าสักทีใช่หรือไม่ (ใช่)
ในความเป็นจริงไม่มีอะไรดีพร้อมสมบูรณ์แบบ ในความเป็นจริงไม่มีอะไรที่มีค่ามากกว่าอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีค่าในตัวของตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการเรียนรู้ธรรมจึงไม่ได้สอนให้เรายกตัวเองสูงแล้วข่มคนอื่น แต่การเรียนรู้ธรรมสอนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นต้นกล้วยหรือต้นทุเรียน ไม่ว่าจะเป็นต้นใหญ่ที่ให้ร่มเงาหรือต้นหญ้า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีคุณ แต่ในคุณประโยชน์นั้นก็ต้องรู้จักระมัดระวังโทษที่ตามมาด้วย ถ้าคนๆ นั้นไม่รู้จักแก่นของสรรพสิ่งหรือไม่รู้ความจริงของชีวิต
ในโลกมีคนหลากหลายแบบ เป็นหญ้าเทียมพื้นหรือเป็นต้นไม้สูงให้ร่มเงา เป็นดอกไม้ที่ไม่มีกลิ่นหอมแต่กลับมีกลิ่นเหม็น เขาควรหรือที่เราจะผูกใจเจ็บและรังเกียจ แล้วทำให้เราต้องสูญเสียความสุขไปจากใจ ทั้งที่จริงๆแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีดีมีร้าย ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เมื่อสอนตัวเราได้ ทุกสิ่งก็เท่าเทียมกัน เมื่อไม่เอาตัวเองวัด ทุกอย่างก็มีค่าเท่ากัน แต่ที่เรียกว่าดีร้ายได้เสียทุกข์สุขนั้นล้วนเป็นเพราะใช้ใจตัวเองไปวัดทั้งสิ้น เมื่อใจบริสุทธิ์แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่ากัน ไม่มีอะไรร้ายในวันที่เราดี จริงหรือไม่ (จริง)
วันนี้เราได้มาผูกบุญกับท่าน อย่าเพิ่งดูถูกคุณค่าตัวเอง นั่งวันนี้อาจจะทรมาน อาจจะลำบาก และอาจจะฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก วันนี้เรามาเพื่อให้ท่านได้ประจักษ์ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเลวร้าย ถ้าใจเราเข้าใจทุกสิ่ง โลกนี้ไม่มีอะไรดีที่สุด ถ้าเราซื่อตรงต่อความจริง อย่ายึดมั่นความคิดจนลืมเปิดใจกว้าง ตราบใดที่ชีวิตยังต้องหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อย ไม่มีอะไรดีที่สุดและแย่ที่สุด ใช่ไหม (ใช่)


วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒                      สถานธรรมหมิงอี้ จ.ตาก
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา                    ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น
ชอบปาฏิหาริย์เพ้อฝันทั้งคืน           แม้ลืมตาตื่นศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป
                        เราคือ
     จี้กงอาจารย์เจ้า       รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา     ลงสู่พุทธสถานหมิงอี้ แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว                   ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์บ้างไหม

  หนทางพิสูจน์ม้า                       กาลเวลาพิสูจน์คน
ชีวิตต้องฝึกฝน                           เกิดเป็นคนต้องเดินทาง
เดินไปทางไหนสดใส                    เดินไปทางไหนใจกว้าง
เดินเข้าใกล้ใจไม่จาง                     สว่างภายในจิตตน
ค้นหาตัวเองให้เจอ                      ไม่เผลอท่ามกลางสับสน
แม้จะมีวันอับจน                         แต่ตนรู้จักตัวเอง
ปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา                ความคิดอารมณ์ข่มเหง
ฝึกตนรู้จักตัวเอง                         คนเก่งสติต้องไว
ทุกข์สุขเป็นเรื่องธรรมดา               ศรัทธาความดียิ่งใหญ่
อย่าเป็นหินทับหญ้าไว้                  สะสางภายในจิตตน
                                                          ฮา ฮา หยุด



พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ศิษย์เคยได้ยินไหมว่าสูงสุดคืนสู่สามัญ ถ้าธรรมะคือสิ่งที่สูงที่สุด สิ่งที่ดีที่สุด แปลว่าสิ่งที่สูงที่สุดและดีที่สุดก็คือความเป็นธรรมดา ดังนั้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นธรรมดา โดนด่าก็เป็น (ธรรมดา)  สามีทิ้งก็เป็น (ธรรมดา)  อกหักรักคุดก็เป็น (ธรรมดา)  ฉะนั้นผู้สามารถยืนอยู่บนสิ่งที่ธรรมดาได้โดยรักษาจิตปกติไม่เสียศูนย์ ไม่เสียความเป็นคนดี คนนั้นก็คือคนที่สามารถเอาธรรมมาใช้และรักษาความปกติได้ แต่คนโดยส่วนใหญ่ยังรับความเป็นธรรมดาไม่ได้ มักชอบทำอะไรตามใจตัวเอง แต่โลกในความเป็นจริงนั้นเดินตามความเป็นจริง ไม่ได้เดินตามใจเรา ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ แค่ยอมรับความจริงอันเป็น (ธรรมดา)  ที่เราทุกข์เพราะเราไม่รับความจริงและเอาแต่ใจตน ใช่ไหม (ใช่) 
ถ้าเรามีสติอยู่เสมอหนทางพ้นทุกข์คือการค้นหาความจริงภายในใจตน ถ้าเราอยากพ้นทุกข์ ขอแค่มีสติปัญญา ยอมรับความจริงแล้วเราจะพ้นทุกข์ พ้นความกลัวในโลกนี้ ศิษย์กลัวตายไหม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรายอมรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่สิ่งสำคัญคือ อยู่ให้ดีหรือยัง ถ้าอยู่ไม่ดี อย่าเพิ่งตาย เพราะตายไปแล้วก็ยังจะไม่พ้นทุกข์
เกิดเป็นคนถ้าไม่คิดว่าตัวเองผิดพลาดบ้างเลย เราก็ไม่มีวันก้าวหน้า ผิดก็แก้ไขยอมรับ ทำให้ดีขึ้น อย่าซ้ำรอยเดิม ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นบาปกรรมติดตัว ถูกหรือไม่ (ถูก)  มนุษย์มีทางเลือก อย่าพูดว่าตัวเองไม่มีทางเลือก ขอแค่เพียงเราขยันสู้ และเลือกทางที่ถูกต้อง หนทางสว่างอยู่ไม่ไกล แต่เสียอย่างเดียวเรามักอดใจไม่ไหว ห้ามใจไม่อยู่ ความโลภ กิเลส เลยทับถมให้เรามองไม่เห็นทางที่ถูกต้อง
บางครั้งความอยากอาจจะดูไม่บาป แต่การสนอง โดยที่ไม่คำนึงถึงเหตุผล ความถูกต้อง และความดีงาม ทำให้กลายเป็นบาป และบาปให้ผลคือความทุกข์ และให้ผลคือกรรมที่หนีไม่พ้นเพราะเราเป็นคนสร้างเหตุ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ส่วนใหญ่มนุษย์มักจะมองว่าธรรมะคือสิ่งที่อยู่ในวัด ธรรมะคือสิ่งที่พระพูด ถ้าอยากจะปฏิบัติธรรมะก็แค่ให้ทาน สวดมนต์ ทำบุญอาจารย์จะบอกศิษย์ว่า ธรรมะมีอะไรมากกว่านั้น ธรรมะที่ศิษย์รู้เป็นไปเพื่อ “ละ” ไม่ใช่เป็นไปเพื่อ “ยึด” ทุกครั้งที่ปฏิบัติ ปฏิบัติเพื่อละ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อยึด ธรรมะคือสิ่งที่ทำเพื่อปล่อยวางไม่ยึดถือ เราทำบุญเพื่อละ ไม่ใช่ทำบุญเพื่อยึด เราบำเพ็ญทานเพื่อละ ไม่ใช่บำเพ็ญทานเพื่อยึด
ศิษย์เอยถ้าจะพูดเรื่องธรรมะเราต้องปรับเรื่องความคิดให้ถูกต้องก่อน ถ้ามีความคิดที่ผิด เราก็จะดำเนินผิด ธรรมะเราปฏิบัติเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อยึด ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราทำบุญเพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ฉะนั้นเราทำบุญทำทานเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อยึด  แต่ตอนนี้ศิษย์กำลังหลงกับการปฏิบัติธรรม เหมือนจะละ แต่ก็เหมือนจะยึด แล้วตกลงจะละหรือจะยึด (ละ)    ละด้วยแล้วก็ยึดด้วย ไม่ถูก ปฏิบัติธรรมละด้วยยึดด้วย เหมือนที่ศิษย์ชอบเป็น ทำบุญไปแล้วก็ขอถูกสามตัว ให้ไปแล้วขอลูกหลานร่มเย็น ขอสามีเชื่อฟัง ขอลูกประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน ไปที่ไหนก็มีแต่คนดีคนรัก สาธุ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วตกลงเราละหรือเรายึด บุญคือสิ่งที่ทำเพื่อชำระล้างใจให้สะอาด คำว่าละคือสะอาด แล้วตอนนี้เราละหรือเรายึด (ละ)  มือหนึ่งละมือหนึ่งยึดถูกไหม (ไม่ถูก)  ถ้าธรรมะมีไว้เพื่อให้เราละมากกว่ายึด แล้วอะไรจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจล่ะ สิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคือความจริงแท้ เพราะความจริงแท้จะทำให้ศิษย์ไม่ทุกข์ แต่ถ้าศิษย์ยึดเหนี่ยวความดี ความดีก็ทำเราทุกข์ ทำดีต้องได้ดี พอไม่ได้ดีทุกข์ไหม (ทุกข์)  เราทำดีเพื่อละ ไม่ใช่ทำดีเพื่อยึด ทุกข์เพราะละหรือทุกข์เพราะยึด (ยึด)   
ถ้าทำบุญไปเพื่อจะหวังผลและจะได้กลับมา แก่ เจ็บ ตาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเอาไหม (ไม่เอา)  ควรทำเพื่อละหรือควรทำเพื่อยึด (ละ)  ควรทำเพื่อหวังผลหรือควรทำเพื่อไม่ต้องมีผลอะไร (ไม่มีผลอะไร)  ที่แล้วมาทำเพื่อหวังผลใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าศิษย์เรียนรู้หลักธรรม ศิษย์ต้องเข้าใจแก่นของหลักธรรมให้ถูกต้อง เราศึกษาธรรมแปลว่าเราต้องไม่ยึดอะไรเลย แก่นแห่งธรรมะทั้งมวลล้วนสอนไว้ว่า ใดๆ ในโลก ล้วนไม่ควรยึดมั่นถือมั่น สิ่งใดมีความเกิด สิ่งนั้นล้วนมีความดับ เมื่อไรที่เราพยายามจะดับแปลว่าเรายังมีการยึดไม่ปล่อยวาง ทุกสิ่งล้วนมีเหตุและผล ถ้าเราไม่สร้างเหตุเราก็ไม่ต้องไปรับผล ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร สิ่งนั้นก็ไม่เป็นนายมาบังคับใจเรา วันนี้ศิษย์ยังทุกข์อยู่เพราะศิษย์พยายามยึด ทั้งที่จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรในโลกยึดได้เลย จริงไหม (จริง)  บอกห้ามแก่ แก่ไหม (แก่)  บอกห้ามเจ็บ เจ็บไหม (เจ็บ)  บอกห้ามตาย ตายไหม (ตาย)  มันฟังเราไหม (ไม่ฟัง) สิ่งนี้ต้องเป็นของฉันคนเดียว ห้ามเปลี่ยนแปลง เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  ต้องรักฉันคนเดียว ห้ามแบ่งใจเด็ดขาด อย่าตาย อย่าเจ็บ เราเป็นแบบนี้ ใช่ไหม (ใช่)  ห้ามร้าย ห้ามชั่ว ห้ามโกหก ห้ามตระบัดสัตย์ เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ที่เราทุกข์อยู่เพราะเรากำลังหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่งเกิดแล้วมันก็ดับอยู่แล้ว เราอยากพ้นทุกข์ต้องพยายามปล่อยเพราะเรายึดกับความคิดไว้ ปล่อยที่ความคิด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างศิษย์ยื้อไม่ได้ จริงไหม (จริง)  
พอเข้าใจธรรมะหรือยัง (เข้าใจ)  อาจารย์พูดง่ายๆ คนด่าเรา ถ้าเราไม่ถือสา  เราไม่เอามาใส่ใจ เราเห็นเหมือนไม่เห็น ทำอะไรเราได้ไหม แต่ถ้าเราถือสา เราใส่ใจ เราคิด แล้วเราทุกข์เพราะ (คิด) อยากดับทุกข์ จงหาความจริงแท้ในใจตน อยากจะพ้นทุกข์ พ้นความกลัวในโลก จงมีสติปัญญามองให้เห็นความจริง แล้วมนุษย์จะพ้นทุกข์พ้นความกลัวได้  ถ้าจิตใจเข้มแข็ง จริงไหม (จริง)  แล้วเราจะเอาอะไรมารับมือ เวลาที่เราเจอความทุกข์ รู้ขนาดนี้ ทำใจได้ไหม (ได้)
เขายืมเงินไปแล้วไม่คืน ถ้าศิษย์ไม่สร้างเหตุให้เขามายืม ศิษย์ก็ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจว่าเมื่อไรเขาจะคืน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอยากจะช่วยคน ให้แบบที่เขาไม่คืนก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้เขาเท่าที่เขาอยากได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะขออยู่ร่ำไป ถูกไหม (ถูก)  ให้เท่าที่เราช่วยเหลือแล้วเขาไม่คืนเรา เราก็ไม่เดือดร้อน เหมือนเวลาเรารับมือกับความทุกข์ เราจะเอาธรรมะมาปฏิบัติในชีวิตอย่างไร
เมื่อครู่อาจารย์บอกวิธีในการดับทุกข์ด้วยการเข้าถึงธรรมะ ด้วยการเข้าใจธรรมะอันเป็นพื้นฐานของความเป็นคน หรือเรียกว่าเข้าใจธรรมะอันเป็นจริงที่หลีกหนีไม่พ้น วิธีปฏิบัติที่จะดับทุกข์ได้ง่ายๆ ถ้าโดนเขาด่ามาศิษย์ทำอย่างไร (เฉยและพยายามนิ่ง)  แต่คำว่า “เฉย” กับคำว่า “พยายามนิ่ง” ของศิษย์นั้น ในใจเก็บสิ่งนั้นมาเป็นอารมณ์ไหม (เก็บ)  แล้วจำได้ไหมว่าเขาว่าเรา (จำได้)  ทำไมอาจารย์ถึงพูดเช่นนี้ เวลาคนเขาว่าเรา ที่เรานิ่ง เราเฉยเป็นสิ่งที่ดี ศิษย์รู้ไหมว่าการนิ่งการเฉยนี้ สามารถตัดรากแห่งบาปทั้งมวลได้ การอดทนนิ่งได้ สามารถหยุดรากเหง้าของการทะเลาะวิวาทไม่ให้เกิดได้ ลดการติเตียนได้ แล้วการอดทนนิ่งได้เป็นทางแห่งการเจริญศีล สมาธิ และเป็นการเจริญกุศลทั้งมวลด้วย จิตที่นิ่งได้เมื่อโดนกระทบยังสามารถพ้นบ่วงเวร พ้นบ่วงมารได้ด้วย แต่โดยส่วนใหญ่เวลาเราโดนว่า หรือเราโดนทำร้าย เราอภัย เรายอม อดทนใช่ไหม (ใช่)  สิ่งที่ศิษย์ทำได้คือพยายามให้อภัยทาน แต่คำว่าให้อภัยเป็นทาน เวลาเจอหน้าเขายังขัดเคืองใจไหม (มีบ้าง)  และในใจยังจำสิ่งที่เขาว่า ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ทำดีทำไมจึงไม่พ้นทุกข์เราก็อภัยแล้ว เราก็นิ่งแล้ว คำว่าผูกเวรแปลว่า ใจจำได้ว่าเขาด่าว่า เอาชนะ ถากถาง กินแรง เวรกำลังถูกผูกไว้ที่ใจ เมื่อไรที่ใจจำได้ว่าคนอื่นทำไม่ดีกับเรา ทำร้ายเราแล้วจำไม่ลืม นั่นเรียกว่า “ผูกเวร” และเมื่อไรที่เจอคนที่ทำไม่ดีกับเราแล้วเผลอประชดประชัน เผลอด่ากระแหนะกระแหน หรือเผลอนินทานั่นเรียกว่า “จองกรรม” ถึงแม้ศิษย์จะบอกว่า ศิษย์อภัย แต่ถ้าในใจยังไม่สิ้นความยึดถือในตัวตน ไม่มีวันสิ้นทุกข์ ดังที่พระพุทธองค์บอกไว้ว่า ปฏิบัติธรรม ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ละบาปบำเพ็ญบุญเข้าถึงความบริสุทธิ์ ทานเป็นเบื้องต้นของศีล ศีลเป็นเบื้องต้นของสมาธิ และสมาธิเป็นเบื้องต้นของปัญญา ถ้าศิษย์ทำแค่ทาน แต่ศิษย์ยังไม่สามารถละการเบียดเบียนในใจได้ ศิษย์ก็ยังไม่พ้นทุกข์ ถึงแม้ศิษย์จะทำดีขนาดไหน ก็ยังไม่พ้นทุกข์  ให้อภัยแต่ในใจยังเก็บความไม่ดีของเขาอยู่ ยังจำได้อยู่ อย่างนี้จะพ้นไหม เวรยังถูกยืดเยื้ออยู่ในใจเพราะเรายังผูกเวรไว้ยังยึดความโกรธไว้ในใจ ยังยึดความเกลียดไว้ในใจ  ฉะนั้นหนทางที่จะถึงความบริสุทธิ์ได้ก็คือ เมื่อจะให้ต้องให้ให้ถึงที่สุด เมื่อจะปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติให้สูงสุด เห็นแจ้งจนไม่เกิดความหวั่นไหวในใจ และมองเห็นเป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง มนุษย์จะสิ้นวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิดได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์สามารถดับสิ้นซึ่งความคิดยึดมั่นถือมั่นในตัวตนจนหมดไม่เหลือ มนุษย์จึงจะสามารถพ้นเวียนว่ายตายเกิดได้ ยากไหม (ไม่ยาก) 
(พระอาจารย์เมตตาเรียกนักเรียนฝ่ายชายหนึ่งคนออกมายืนหน้าชั้น แล้วทักทายด้วยการตีศรีษะ)  
ทำแบบนี้อาจารย์ตีเสร็จก็แล้ว ศิษย์จบไหม (ไม่จบ)  นั่นคือกำลังผูกเวรให้ยืดเยื้อ ถ้าแค่โดนตบ คิดดีขึ้นสวรรค์ คิดชั่วด่าในใจตกนรก แต่ถ้าพ้นจากความคิด ไม่คิดอะไร ช่างมัน ทุกอย่างเกิดแล้วจบแล้ว จงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ฉะนั้นที่อาจารย์ตีก็จบแล้วถูกไหม ถ้าเราไม่ยึดติด เราอยู่กับปัจจุบัน เรายอมรับความจริง ก็แค่ตีก็แค่เจ็บที่กาย แต่ไม่เจ็บที่ใจ จบไหม (จบ)  ฉะนั้นอยากสิ้นเวรสิ้นกรรมก็อยู่ที่ว่าจบหรือไม่จบถ้าไม่จบก็ผูกใจเจ็บ ก็หนีไม่พ้นทุกข์ แต่ถ้าจบแล้วจบกัน ศิษย์เอ๋ย ถูกตีเจ็บแค่กาย แต่ถ้าเราแค้นมันเจ็บไปถึงใจและทำให้เราต้องกลับมาเวียนว่าย ต้องแก้แค้นอีก ศิษย์จำไว้นะ คิดดีขึ้นสวรรค์ คิดชั่วตกนรก แต่ถ้าพ้นจากความยึดติดในตัวตน นั่นคือพ้นทุกข์พ้นบาปกรรมนิจนิรันดร์
การศึกษาธรรมไม่ใช่การปฏิบัติแค่ภายนอก ต้องลงแรงปฏิบัติที่ภายใน มนุษย์เกิดมาพร้อมกับกรรม เราเป็นผลพวงของกรรมที่เราสร้าง เราอยากสร้างกรรมต่อหรือเราอยากจบกรรม (จบกรรม)  แล้วทุกวันนี้เราผูกกรรมต่อหรือเราจบกรรม อย่าบำเพ็ญแค่ระดับทาน แต่ให้ก้าวไปจนระดับศีลบริสุทธิ์ ถ้าเราโดนเขาเบียดเบียน เราไม่เบียดเบียนกลับ เราจะให้ธรรมะเป็นทาน ประเสริฐกว่าทานทั้งปวง ถ้าเขาด่าเรามา แต่เราปฏิบัติด้วยเมตตากลับ เราให้ทานที่ประเสริฐ เขาเบียดเบียนเรา แต่เราเมตตากลับ เราสามารถทำทานได้ทุกที่ทำให้อยู่ที่ไหนก็เย็นได้ด้วยใจเราเอง เขาด่ามาฉันจะเมตตากลับ เขาโกงมาฉันจะซื่อตรงกลับ เขาทำร้ายมา ฉันจะใจเย็นกลับ ฉันจะไม่ทำร้ายเขา นี่เรียกว่า ให้ทานที่ยิ่งใหญ่และทานนั้นสามารถเป็นบุญเป็นกุศลได้ ทำได้ไหม (ได้)  ปฏิบัติธรรมอย่างนี้ยากไหม (ไม่ยาก)  เมื่อเรามองเห็นความเป็นจริงว่า มันก็เป็นธรรมดา วันนี้เขาด่าฉัน วันพรุ่งนี้เขาอาจจะชมฉันก็ได้ ในเมื่อชีวิตมีโอกาส ทำไมไม่พลิกชีวิตให้เป็นการพ้นทุกข์ ทำไมปล่อยให้ชีวิตจมอยู่กับความทุกข์ อย่าบอกว่าไม่มีทางเลือก ชีวิตมีทางเลือก แต่เมื่อเลือกจงก้าวให้สูงที่สุดและจงไปให้ดีที่สุด อย่ามีธรรมะแค่ผิวเผิน ทำทุกวันให้เป็นการพ้นทุกข์พ้นกรรม ดีกว่าใช้อารมณ์ ดีกว่าสร้างบาปแล้วผลสุดท้ายก็หนีไม่พ้นทุกข์
มนุษย์ยังทุกข์เพราะเรื่องอะไรบ้าง (การเรียน)  การเรียนทำให้เกิดปัญญา ปัญญานำพาให้เราพ้นทุกข์ได้ แล้วปัญญาสามารถนำพาชีวิตให้พ้นความลำบากได้ ฉะนั้นอย่าไปทุกข์ ก้มหน้ายอมรับความจริง ใช่ไหม (ใช่) 

(อยากมีปัญญา)  อยากในสิ่งที่ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ความอยากนั้นจะไม่ทำให้เราทุกข์ แต่ต้องไม่ลืมความจริงว่า บางทีอาจจะสมหวังหรือไม่สมหวังก็ได้ ความอยากก็จะไม่ทุกข์   
(ทุกข์เพราะเจ็บป่วย)  เจ็บป่วยหนีพ้นไหมศิษย์ (ไม่พ้น)  รักษาได้ให้รักษา สู้ได้สู้ และยอมรับกับสิ่งที่เป็น อย่าทุกข์กายแล้วลงไปที่ใจไม่อย่างนั้นจะทำให้ทรมาน ใครบ้างไม่เคยเจ็บ ใครบ้างไม่เคยป่วย มีไหม (ไม่มี)  ฉะนั้นเราป่วยเป็นเรื่องธรรมดา
ความเจ็บป่วยมีอยู่สองแบบ แบบที่หนึ่งคือ เราสร้างเอง แบบที่สองคือ เวรกรรมตกผล ทำไมกินเหมือนกัน อยู่เหมือนกัน คนอื่นไม่ป่วยแต่เราป่วย เมื่อป่วยแล้วรักษาไม่หาย เป็นเพราะเวรกรรม แล้ววิธีจะแก้เวรกรรมได้คือ ยินดีชดใช้และสร้างบุญกุศลให้มากๆ อย่าสร้างบาปอีก 
(ทุกข์เพราะใจยึดมั่น)  ตอนนี้รู้หรือยังว่ามันยึดไม่ได้ ศิษย์จำไว้นะ ทำตัวเองให้ดีที่สุด ถึงเวลาผลจะเป็นอย่างไรกล้ายอมรับ จะทำให้เราไม่ทุกข์
(ทุกข์เพราะหนี้สิน เรื่องทำมาหากิน อาชีพ)  ตอนแรกคิดว่าเราหามาเพื่อเราจะได้มีความสุข แต่หาไปหามากลายเป็นหนี้สิน ยังอยากทำต่อไหม (ก็ยังต้องทำ) ถ้าศิษย์อยากให้จบ แค่ยอมรับ อย่าหนี สู้ด้วยใจที่ยอมรับความจริง เมตตาธรรมจะแปรบาปให้เป็นบุญ แปรทุกข์ให้เป็นพ้นทุกข์มนุษย์ยังทุกข์ไม่จบสิ้นเพราะไม่สามารถควบคุมความคิดได้ และความคิดเป็นต้นเหตุสำคัญที่สุด  ฉะนั้นถ้าเราเปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน ถ้ายังดื้อดึงในความคิดเดิมเราก็ทุกข์เพราะความคิด จิตมนุษย์ชอบไหลลงสู่ที่ต่ำ ชอบคิดแย่มากกว่าคิดดี ถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ ต้องเปลี่ยนความคิดให้ได้
(เรียนไม่รู้เรื่อง)  ถ้าใจชอบ ยากอย่างไรก็ทำจนได้ เต้นไม่เป็น แต่ถ้าชอบเต้น ท่ายากๆ ศิษย์ก็เต้นได้ เพราะใจชอบ เพราะใจรัก ถ้าอยากเรียนให้รู้เรื่องต้องเริ่มที่ใจศิษย์ก่อน ถ้ารักในการเรียน ยากอย่างไรก็เรียนรู้เรื่อง แต่ถ้าไม่รักในเรียน ง่ายอย่างไรมันก็เรียนไม่รู้เรื่อง จริงไหม (จริง)  แล้วการเรียนก็เพื่อตัวเองนะ ไม่ใช่เพื่อพ่อแม่
(หนี้สินของตนเอง)  ทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครไม่มีหนี้ บางคนมีหนี้ทางใจ บางคนมีหนี้ทางร่างกาย หนี้ทางทรัพย์สินยินดีชดใช้ด้วยใจเป็นสุข ยังดีกว่าปล่อยให้เป็นหนี้ทางใจ ฉะนั้นมีหนี้ก็ใช้ และพยายามลดความอยากให้มาก เงินที่มีอยู่ก็จะเพิ่มขึ้น ถ้ายังอยากเท่าเดิม แต่เงินเท่านี้ ก็มีหนี้ไม่จบสิ้น แล้วประคองสติให้ดี ทำอะไรคิดให้เยอะๆ หยุดความอยากของตัวเองให้น้อยลงสิ่งที่มีจะมีมูลค่าที่จะไปใช้หนี้ได้ แต่ถ้าความอยากยังสูง หนี้ก็ยังมีอยู่ จะไม่มีวันชดใช้ได้หมดลดความอยากของตัวเองให้มากที่สุด หนี้จะได้ผ่อนหมด ลูกหนี้ที่ดีคือใช้แต่น้อยแต่ไม่เกี่ยงงอนเขาก็จะรับ พยายามพึ่งตนเองให้มาก อย่าคิดพึ่งคนอื่น ที่มีหนี้เพราะเราคิดว่าพึ่งคนนั้นก็ได้ พึ่งคนนี้ก็ได้ใช่ หนี้เราถึงมีเต็มไปหมด แต่ถ้าเมื่อไรเราคิดพึ่งตัวเองเราจะก่อหนี้ไหม ถ้าเรารับผิดชอบต่อตัวเองเราจะสร้างหนี้ให้ใครเดือดร้อนไหม เงินใครใครก็รักจริงไหม ยืมเขามาเขาก็อยากได้คืน ฉะนั้นเป็นลูกหนี้ที่ดี ยินดีชดใช้นะ แต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อเราเจอปัญหา เราพร้อมรับความเป็นจริงไหม ชีวิตไม่อยากสูญเสีย แต่มีใครบ้างไม่สูญเสีย ชีวิตไม่อยากพลัดพรากไม่อยากล้มละลาย แต่ใครบ้างไม่พลัดพรากไม่ล้มละลาย เพราะถึงที่สุดเราต้องกลับไปสู่ความไม่มี ไม่ได้ ไม่เอา แล้วเราจะยึดเพื่อให้ทุกข์ทำไม ถ้าของจะเป็นของเราอย่างไรก็เป็นของเรา แต่ถ้าไม่ใช่ของเราทำอย่างไรก็ไม่ใช่ของเรา ให้รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทำอะไรให้คิดถึงหัวอกของพ่อแม่ พ่อแม่จะเดือดร้อนไหม พ่อแม่จะเจ็บปวดไหม พ่อแม่จะเสียใจไหมที่เราทำแบบนี้ ถ้าทำได้แบบนี้ศิษย์จะไม่ทุกข์นะ
(ทุกข์เพราะแค้น)  ถูกกดขี่ข่มเหง ถูกดูถูก ถูกเหยียดหยาม เราโกรธแค้น เราเคืองใจ ถูกคนดูถูกคุณค่าเรา เราเจ็บแค้น  แต่ความเจ็บแค้นนี้มันเป็นเหมือนไฟเผา เราสูญเสียความสุขไปเพียงเพราะว่าเราแค้นเราเจ็บ ศิษย์รู้ไหมว่า การเกิดเป็นคน สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คืออัตตาตัวตนที่ยึดมั่นถือมั่นอย่างไม่ปล่อยวาง รู้อะไรแล้วรู้ไม่สุดมันคืออวิชชา ที่ทำให้เราไม่มีวันพ้นทุกข์  ยังอยากจะผูกไว้หรือ (ตอนเขาทำเรา เขาก็จบโดยที่เขามีความสุข ถ้าเราทำแบบนั้นเราก็จบแบบเรามีความสุข)  ศิษย์มั่นใจว่าคิดถูกใช่ไหม (ถูก)  วัฏจักรของมนุษย์ที่ยังเวียนว่ายไม่จบสิ้นก็เพราะมนุษย์ไม่สามารถวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เราก็เลยไม่มีวันพ้นทุกข์ ทั้งที่จริงๆ แล้วศิษย์มีหนทางพ้นทุกข์ในตัวเอง ศิษย์มีสิ่งที่ดีในตัวเอง เอาเป็นแค่แรงผลักดันแต่ไม่ผูกใจเจ็บไม่ได้หรือ ไม่ผูกใจเจ็บ แค่ยอมรับความจริง ถ้าอาจารย์บอกว่าชาติที่แล้วศิษย์ไปทำเขา ชาตินี้เขาทำศิษย์กลับ ถ้าอย่างนั้นแปลว่าศิษย์อยากทำกลับเพื่อจะได้กลับมาเจอกันอีก เอาไหม (คิดว่าไม่น่าจะได้กลับ)  ไม่แน่นะ แต่จะกลับมาเป็นคนหรือเปล่า ถ้าอยากได้อย่างนั้น อาจารย์ไม่ว่าอะไร เพราะถึงที่สุดไม่มีใครขีดเส้นชีวิตศิษย์ได้นอกจากตัวเอง

อาจารย์ให้ส้มโอก็แล้วกัน ลองไปไตร่ตรองทีละนิด ส้มโอก่อนจะกินมันต้องปอกเปลือกก็หนามาก ใช่ไหม (ใช่)  ชีวิตก็เหมือนกัน กว่าศิษย์จะเข้าใจความจริงแท้ของชีวิต บางครั้งต้องผ่านความยากลำบาก ผ่านการเรียนรู้ แล้วศิษย์จะเข้าใจ เราอยู่ในโลก คนๆ หนึ่งที่ทำให้เรารักสุดจิตสุดใจ คนๆ หนึ่งที่ทำให้เราอยู่ด้วยไม่ไปไหน เราอยู่กับเขาแล้วรักเขาเพราะเขาทำในสิ่งที่ธรรมดา แต่ซื่อตรงและจริงใจ ค่าของคนอยู่ที่การกระทำ มีแฟนเป็น      ด็อกเตอร์ มีลูกเป็นด็อกเตอร์ แต่คุยกับเราไม่รู้เรื่อง สู้มีลูกธรรมดาดีกว่า จริงไหม มีเพื่อนสวย มีเพื่อนเก่ง แต่ไม่แยแสไม่สนใจเราเลย ไม่เคยคำนึงถึงหัวอกเราเลย เราขอมีเพื่อนธรรมดาที่เข้าใจเราดีกว่า จริงไหม (จริง) 
ศิษย์เคยดูประวัติพระพุทธเจ้าไหม เคยดูประวัติพระกวนอินไหม ยิ่งกรรมหนักแต่สามารถพลิกใจได้ คนธรรมดากลายเป็นพุทธะ ยิ่งทุกข์หนักแล้วพลิกใจรักษาใจจนสะอาดบริสุทธิ์ มีผู้หญิงคนหนึ่งโดนเผาทั้งเป็น เพราะเมียน้อยอิจฉา เลยจุดไฟเผาผู้หญิงที่เป็นเมียหลักให้ตายทั้งเป็น ขณะที่เขาโดนเผาทั้งเป็น ในใจเขาคิดเสมอว่า เขาจะไม่แค้น ไม่โกรธ เขาขอบคุณที่ทำให้เขาสิ้นทุกข์และสิ้นกรรมจบชาตินี้เลย ตายแล้วกลับพ้นทุกข์ทันที แต่ถ้าขณะนั้นถ้าเขาคิดแค่เพียงว่า ทำไมต้องทำฉัน ทำไมต้องฆ่าฉัน จิตเมื่อยังไม่พ้น ความคิดก็กลายเป็นตกนรก แล้วก็กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ชั่วขณะจิตเดียวเองนะศิษย์ แปรบาปให้เป็นบุญ แปรทุกข์ให้เป็นสิ้นทุกข์สิ้นกรรม อาจารย์บังคับศิษย์ไม่ได้ อยู่ที่ตัวศิษย์เองเลือกเดิน รู้นะว่าอะไรดี อะไรไม่ดี แต่อดใจไม่ได้ว่าทำไมต้องทำกับฉัน ทำไมต้องทำกับผมซึ่งเป็นลูก แต่เหตุผลอธิบายกันไม่ได้ แต่สิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลคือ ความจริงแห่งธรรมะที่ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ เราจะยอมรับไหม ล้างใจให้บริสุทธิ์เพื่อกลับคืนสู่ภาวะธรรมอันเดิมแท้ มนุษย์มาจากธรรมะ ไม่ใช่มาจากความทุกข์ คิดให้ดีๆ
(ทุกข์เพราะความคาดหวัง)  เหมือนศิษย์คาดหวังแอปเปิลจากอาจารย์ โอกาสที่จะได้ไม่ได้มีเท่ากันไหม (เท่ากัน)  แล้วคิดยังไงเพื่อจะได้ไม่ทุกข์ (อย่าไปคาดหวัง)  แล้วเราไม่คาดหวังได้ไหม เรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด ถ้าศิษย์กล้าจริง ศิษย์เข้มแข็งจริง ศิษย์สู้ชีวิตจริง และศิษย์รักตัวเองจริง กลัวอะไร ล้มแล้วลุก ผิดแล้วสู้ใหม่ พ่ายแล้วชนะได้ ขอเพียงศิษย์ไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง ไม่ต้องไปสนใจคำดูถูกใคร สนใจประคองใจตัวเองให้ดีก็พอ ธรรมะคือความเป็นกลาง มีธรรมคือดึงใจให้เป็นกลาง เพื่อไม่ต้องเสียศูนย์
(ทุกข์เพราะหลงสาว)  หลงสาวหรือหลงตัวเอง สิ่งที่เห็นว่าสวย แท้จริงอาจไม่สวย สิ่งที่ไม่สวย แท้จริงอาจสวย ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีอะไรเที่ยงแท้ อย่าหลงจนลืมความจริง เหมือนอาจารย์บอกว่ากินแอปเปิลผลนี้อร่อย กินแล้วแข็งแรง แต่ก็ตายเร็ว เอาไหม (ไม่เอา)  หลงกับสิ่งที่ตัวเองชอบ มีแล้วทำให้ศิษย์ตายไวหรือตายช้า และทำให้ศิษย์ตายทั้งเป็น ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าไม่อยากตายทั้งเป็น ก็จงมองสิ่งที่หลงให้แจ่มชัด ไม่อย่างนั้นก็จะทุกข์เพราะตัวเอง 
(ทุกข์เพราะไม่เคยพอใจในสิ่งที่มี สิ่งที่เป็น) ศิษย์รู้ไหมคนที่เกิดมาแล้วไม่เคยพอใจตัวเอง คือคนที่เกิดมาแล้วขาดทุนตั้งแต่เกิด แต่ถ้าคิดว่า แบบนี้ก็ดีแล้ว ดีไหม (ดี)  อย่างน้อยอยู่กับตัวเองเงียบๆ คนเดียวก็อยู่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  
(ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี)  ทุกข์เพราะความไม่พอ (มีความทุกข์เพราะความอยาก ที่ทนทุกข์เพราะสิ่งที่ตนมีอยู่ไม่เพียงพอ)  ได้แล้วก็ไม่รู้สึกสุขเลย แปลว่าภรรยาอยู่นี่มีสุขไหม (ภรรยาเราไม่สามารถอ่านใจเขาได้ เขาจะทุกข์หรือจะสุขก็ได้ ทุกคนทุกข์เพราะว่าไม่พอใจสิ่งที่ตนมี) เราทุกข์เพราะเราไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ น่าสงสารนะ ศิษย์ควรจะดีใจแล้วควรมีความสุขนะ อายุตั้งปูนนี้แล้ว ยังอยู่รอดปลอดภัยยืนได้เข้มแข็ง โชคดีที่สุด เกิดมาควรพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ และจงเป็นสุขกับสิ่งที่มี แค่นี้ก็ดีนักหนาแล้ว ตอนนี้ไม่ทุกข์แล้ว ใช่ไหม (ไม่ทุกข์)  ดีแล้วที่ได้แก่ ดีกว่าเกิดมายังไม่มีโอกาสแก่แล้วก็ตายเลย
(ทุกข์เพราะความคิด)  ต้องระมัดระวังความคิด เพราะจิตของมนุษย์ง่ายที่จะไหลลงต่ำ ง่ายที่จะใฝ่หาความทุกข์และง่ายจะไปตามอารมณ์ ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมคือการฝึกข่มจิต จิตที่ฝึกดีแล้วคือจิตที่นำสุขมาให้ แต่เราเคยข่มจิตตัวเองบ้างไหม เราเคยระงับใจตัวเองได้ไหม ทุกข์เพราะพูดในสิ่งที่ไม่น่าพูด ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำ และยังข่มจิตตัวเองไม่ได้ เพราะไม่รู้อะไรดีอะไรไม่ดี  ฉะนั้นเวลาจะทำอะไร คิดง่ายๆ ทำแบบนี้แล้วมันโหดร้ายกับคนอื่นไหม ทำแบบนี้แล้วทำร้ายใจคนไหม ถ้าคิดแบบนี้เสมอจะทำผิดไหม (ไม่ทำ) 
(ทุกข์เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร)  ถ้าวันนี้ขยัน วันนี้พากเพียร วันนี้ซื่อตรง วันนี้รับผิดชอบหน้าที่ ไม่ต้องกลัวอนาคต แต่ถ้ามัวห่วงอนาคต วันนี้ยังเอาไม่รอดอนาคตก็ดับ ฉะนั้นชีวิตอยู่ที่ปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อนาคตดีแน่ แต่ถ้าปัจจุบันยังขี้เกียจ ขี่มอเตอรไซต์เที่ยวอยู่ทุกวัน อนาคตก็ไม่รอด จริงไหม
(กลัวทำให้พ่อแม่เสียใจ)  ตอบอาจารย์ตอบดี แต่พอถึงเวลาสนใจพ่อแม่ไหม ถ้าศิษย์คิดได้อยู่เสมอว่าไม่มีพ่อแม่ก็ไม่มีเราในวันนี้ ทำอะไรคิดถึงพ่อแม่เป็นหลัก ถือว่าเป็นลูกกตัญญู ขอให้คิดได้อย่างนี้เสมอ แอปเปิลผลนี้เอาให้ใครดี (ครึ่งหนึ่งของพ่อ ครึ่งหนึ่งของแม่)  ปรบมือให้หน่อย
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “ทำใจให้เป็น”)
พูดไปจนถึงที่สุด ถ้าศิษย์ไม่ทำอาจารย์ก็พูดอะไรไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  รู้ธรรมแต่ไม่ปฏิบัติธรรมก็น่าเสียดาย จริงไหม (จริง)  เสียดายนักเรียนในชั้นนี้ มีโอกาสฝึกปัญญาเพิ่มพูนทางธรรมบ้าง อย่าคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลชีวิต เพราะถึงที่สุดแล้ววันหนึ่งคนที่ต้องทุกข์และหนีไม่พ้นทุกข์ก็คือตัวของศิษย์เอง จะปฏิบัติบำเพ็ญอย่างไร ไม่ยากเลย ดำเนินชีวิตแบบไม่ผิดศีล ดำเนินชีวิตกับผู้คนไม่ขาดคุณธรรมความเป็นคน กับพ่อแม่รู้กตัญญู กับพี่น้องรู้จักรักใคร่ปรองดอง กับเพื่อนซื่อตรงจริงใจ รับผิดชอบหน้าที่ด้วยคุณธรรมเต็มหัวใจ เช่นนี้แล้ว เงยหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน ชีวิตก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เพราะศีลไม่ขาด ธรรมไม่พร่อง กรรมเวรไม่ยืดเยื้อ แม้ต้องตายวันนี้ก็ไม่เสียดายชีวิต ฉะนั้นความตายไม่น่ากลัว ความเจ็บก็ไม่น่ากลัว แต่การเกิดเป็นคนแล้วไม่รู้ทางดับทุกข์ น่ากลัวกว่า จริงไหม (จริง)  

ดูแลกาย ดูแลใจตัวเองให้ดี เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เรามาจากธรรม  เราก็ต้องกลับคืนสู่ธรรม เราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และเราก็ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติ บ้านเดิมแท้ของศิษย์คือบ้านแห่งธรรม บ้านในโลกหนีไม่พ้นทุกข์ แต่บ้านแห่งธรรมคือความสงบเย็น รู้จักกลับบ้านในโลกแล้วไม่อยากกลับบ้านที่แท้จริงหรือ บ้านที่ไม่มีทุกข์  บ้านที่พ้นทุกข์ บ้านที่พ้นเวรพ้นกรรม ยังละบาปไม่ได้ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าคนดี ฉะนั้นเริ่มต้น ละบาป บำเพ็ญบุญ ถือครองคุณธรรมในการอยู่ร่วมกับคน หนทางบำเพ็ญธรรมจึงไม่ใช่เรื่องยาก มีโอกาส อาจารย์คงได้มาผูกบุญกับศิษย์อีกนะ รักษาบุญอันนี้ไว้ด้วยหัวใจที่ดี อย่าทำผิด ได้ไหม (ได้)  ถ้าศิษย์ทำผิด แม้ตัวจะอยู่แต่ใจศิษย์ติดอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ พุทธะมาโปรดจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าธรรมะที่ฟังไม่เคยเข้าไปอยู่ในใจศิษย์ ลองเอาไปคิดพิจารณาดูว่าสิ่งที่อาจารย์พูดวันนี้ เพื่ออาจารย์หรือเพื่อศิษย์ ทุกข์แล้วค่อยมีธรรม หรือควรมีธรรมก่อนแล้วจะได้ไม่ทุกข์ คิดไตร่ตรองให้ดีนะ 


พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ทำใจให้เป็น”
    กงล้อแห่งชีวิตล้วนเหมือนกัน        เป็นสัจธรรมอันเป็นหนึ่งที่คงไว้
ยากมีใครหลีกหนีความจริงได้           ทุกสิ่งล้วนต้องเป็นไปเช่นนั้นเอง
ทำสิ่งใดได้สิ่งนั้นหนีไม่พ้น                ไม่สร้างเหตุตกผลมาข่มเหง
ไม่ก่อบาปเพิ่มทุกข์รู้หวั่นเกรง           บำเพ็ญเร่งฝึกมีธรรมเตือนตน




พระอาจารย์เมตตาแก้ไขเพลงพระโอวาทและประทานชื่อเพลงที่ให้ไว้ ณ สถานธรรมหมิงเอิน จ.เพชรบูรณ์ วันที่ ๙-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
เพลงพระโอวาทหน้า ๑๒ ย่อหน้าสุดท้าย
เดิม
    แพ้นี้เพราะไม่อยากแพ้ อ่อนแอกว่าคนยอมแพ้ชินชา ถ้าเรียนรู้เห็น เพี้ยนหลอกสายตา ชอบฟังดีกว่า กำไรธรรมะกว่าเดิม
แก้ไขเป็น
    ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น ชอบปาฏิหาริย์ เพ้อฝันทั้งคืน แม้ลืมตาตื่น ศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป

    ลึกลับเพราะไม่เรียนรู้ อะไรนั้นคือธรรมะจริงจริง ใช้เดาแบบนี้เพราะไม่รู้จริง เมื่อขวัญมินิ่ง อย่างไรจะศึกษา
    แพ้นี้เพราะไม่อยากแพ้ อ่อนแอกว่าคนยอมแพ้ชินชา ถ้าเรียนรู้เห็นเพี้ยนหลอกสายตา ชอบฟังดีกว่า กำไรธรรมะกว่าเดิม
    *หลักในวันนี้ ธรรมะดีดี อย่าละทิ้งการศึกษา จิตใจเท่านั้นกลับคืนฟ้ามา ธรรมที่อรรถาครบถ้วนเพราะทำ
    **ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น ชอบปาฏิหาริย์ เพ้อฝันทั้งคืน แม้ลืมตาตื่น ศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป (ซ้ำ *,**) 
ทำนองเพลง : คิดถึงฉันบ้างคืนนี้

ชื่อเพลง : ธรรมะไม่ใช่เรื่องลี้ลับ
x

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2561

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

2557-11-09 สถานธรรมหมิงอี้ จ.ตาก


西元二○一四年 歲次甲午 閏九月 十七日    仙佛慈悲訓

วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๗    สถานธรรมหมิงอี้  จ.ตาก
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

    มีศีลธรรมแต่หลงดีในตน    ก็ยากพ้นวัฏฏะการเวียนว่าย
รู้ธรรมแต่หลงปฏิบัติน่าเศร้าใจ    ความยึดมั่นเหตุแห่งภัยไม่พ้นกรรม
        เราคือ
    พระอาจารย์จี้กง        รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่พุทธสถานหมิงอี้ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว    ถามศิษย์รักของอาจารย์ทุกคนยังทุกข์กับเรื่องอะไรกันหรือ

    ทุกข์กายอย่าได้ทุกข์ใจไม่ต่าง    ไม่รู้วางใจยิ่งแพ้ระทมใหญ่
ก้าวทันสติด้วยยั้งสร้างเหตุปัจจัย    สำนึกในติดที่ตนก่อนโทษกัน
อยากดับทุกข์รู้ไหมแค่ตื่นใจ    เมื่อตระหนักเหตุสร้างภัยคุมใจฉัน
ตื่นรู้ตนในธรรมจริงกระจ่างพลัน    เหตุหรือผลไม่สำคัญอยู่ที่ใจ
เมื่อตนเย็นได้ก็พร้อมรับมือ    ใจก่อนเป็นสุขคือการนิ่งได้
อย่าทำวางจริงจริงแต่กลับกลาย    แม้ว่าทุกสิ่งยากไม่เกินพยายาม
คนนิ่งตรองมีสติมานำตน    เรียนรู้ร้ายตนนำก้าวให้ข้าม
รู้ธรรมดีไม่ใช้ธรรมก็ฟ่าม    เรียนรู้ธรรมแต่กลับตามกิเลสอารมณ์
โกรธใช้มากถลำมากยากถอนตัว    ยิ่งกว่าใช้ใจกลัวกิเลสมากล้น
ร้ายกว่าร้ายย่อมตกเป็นทาสอารมณ์    พลิกร้ายเหนือใจอารมณ์คือใจธรรม
            ฮา  ฮา   หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
เป็นอย่างไรบ้างได้มาฟังธรรมะ ดีไหม (ดีมาก)  ดีมากเลยหรือ แล้วรู้ไหมว่าสองวันนี้เราได้บำเพ็ญอะไรบ้าง การตั้งใจฟังทำให้เราได้บำเพ็ญบุญบารมีรู้ไหม (รู้)  ถ้ารู้จักอดทนอดกลั้นได้ก็ได้บำเพ็ญขันติบารมี ถ้ารู้จักเพียรไม่ท้อก็ได้บำเพ็ญวิริยะบารมี ถ้าตั้งใจฟังด้วยความเสียสละก็ได้บำเพ็ญ ถ้าตั้งใจมาด้วยความสงสารคนชักชวนก็ได้บำเพ็ญเมตตาบารมี ถ้าตั้งใจฟังด้วยความอดทนอดกลั้นไม่ยอมแพ้ เพียรไม่ท้อถอยก็ได้บำเพ็ญทั้งขันติและวิริยะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เห็นไหมว่าแค่มานั่งฟังเองนะศิษย์ แล้วถ้าฟังแล้วจิตยิ่งเกิดความเบิกบาน ยิ่งเกิดความแจ่มใส นอกจากฟังแล้วเรายังได้สร้างบุญ บุญคือเครื่องชำระใจให้ผ่องใส ใช่หรือไม่
(พระอาจารย์เมตตาพูดกับนักเรียนที่ร้องไห้)  ใจเย็นๆ ไม่ต้องร้องไห้นะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาพูดภาษาคนไม่ใช่พูดภาษาอะไรก็ไม่รู้นะ เป็นอะไรหรือ ทำแบบนี้แล้วจะได้บุญไหม ฟุ้งซ่านก็มีแต่ได้บาป บาปกับบุญต่างกัน บุญคือทำให้จิตใจผ่องใส บาปคือทำให้จิตใจขุ่นมัว ถ้าฟังธรรมแล้วขุ่นมัวหม่นหมองก็จะไม่ได้บุญ แต่กำลังสร้างบาปให้กับตน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนนี้เรามาฟังเพื่อการเบิกบาน มาฟังเพื่อความสบายใจ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นตั้งสติให้ดีแล้วกลับมายืนขึ้นใหม่นะ ลุกขึ้น
“มีศีลธรรมแต่หลงดีในตน    ก็ยากพ้นวัฏฏะการเวียนว่าย
รู้ธรรมแต่หลงปฏิบัติน่าเศร้าใจ    ความยึดมั่นเหตุแห่งภัยไม่พ้นกรรม”
มีศีลแต่หลงตัวเองก็ไม่พ้นการเวียนว่าย รู้ธรรมเยอะแยะแต่หลงทางในการปฏิบัติธรรมก็หนีไม่พ้นการสร้างกรรมและบาป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราอย่าเป็นคนที่รู้มาก ฟังมากแต่ถึงเวลากับหลงตัวเอง อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ใช่หรือไม่
โดยส่วนใหญ่เจอหน้าอาจารย์ก็อยากจะขอนั่นขอนี่ อาจารย์จะบอกให้ชั้นนี้เป็นชั้นแห่งนักสู้ คนที่เป็นนักสู้เจออะไรก็ต้องไม่หวั่นกลัว จะต้องฟันฝ่าและนำพาให้ตัวเองพบทางสว่างให้ได้ นี่ถึงจะเรียกว่าชีวิตที่รู้จักสู้ชีวิตเป็น แต่มนุษย์เรายังไม่ทันจะหายใจได้ด้วยตัวเองก็คิดจะยืมจมูกคนอื่นหายใจ ยังไม่ทันยืนด้วยลำแข้งตัวเองก็คิดจะไปพึ่งลำแข้งคนอื่น แล้วอย่างนี้ตัวเองจะรอดไหม (ไม่รอด)  จมูกตัวเองมีไหม (มี)  ขาตัวเองมีไหม (มี)  แล้วทำไมไม่รู้จักหายใจด้วยตัวเอง ไม่ยืนด้วยตัวเอง ไม่ใช่เกิดมาเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจอพระแล้วขออย่างเดียว อาจารย์ถามว่าขอให้รวยแต่ขี้เกียจ จะรวยไหม (ไม่รวย)  ขอให้รวย แต่แต่ละวันเอาแต่นอนงอมืองอเท้า ไม่ทำอะไรจะมีเงินไหม (ไม่มี)  แล้วมาขออาจารย์ทำไม ชอบขออาจารย์ ขอให้มีแต่สิ่งดี อย่าเจอเรื่องร้าย แต่ถ้าอาจารย์ถามว่าถ้าเจอเรื่องร้ายแล้วได้ชดใช้กรรม เจอเรื่องดีเพื่อไม่ให้หลงแล้วสร้างกรรมอีก ทำไมเราต้องกลัวเรื่องร้าย เมื่อเรื่องร้ายมาแล้วทำให้เราได้ชดใช้กรรมแล้วหมดกรรม ถูกไหม
แล้วชีวิตใครในโลกนี้ที่มีแต่ด้านดีแล้วไม่มีด้านร้าย ชีวิตต้องมีด้านดีและด้านร้าย ฉะนั้นบทเรียนหนึ่งที่อาจารย์ให้ศิษย์เป็นนักสู้ในชีวิตนี้ให้ได้ก็คือร้ายได้ดีได้ มีได้ก็ต้องมีเสีย มีทุกข์ก็ต้องมีสุข มีรวยก็ต้องมีจน มีแข็งแรงก็มีอ่อนแอ ฉะนั้นถ้าศิษย์จำบทเรียนอันนี้ของอาจารย์ไปได้ ชีวิตนี้ศิษย์ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว จริงไหม (จริง)
แล้วศิษย์เป็นนักสู้ไหม (เป็น)  สู้ไหม (สู้)  ถ้าสู้ก็จำบทเรียนนี้ไว้ ถ้าบทเรียนมาเห็นไหมอาจารย์จี้กงบอกแล้วใช่ไหม (ใช่)  คนที่ไม่ยอมรับความจริงคือคนที่แพ้ตั้งแต่ต้น คนที่มองไม่เห็นชีวิต ว่าชีวิตไม่เคยมาด้านเดียวมันมาสองด้านตลอด นั่นคือคนที่กำลังหลอกลวงตัวเอง อยู่กับความเพ้อฝันพกลม ฉะนั้นเจออาจารย์ยังอยากขออีกไหม (ไม่ขอ)  อยากให้สามีรักแต่ว่า เช้าเราก็ด่า กลางวันก็บ่น เย็นก็นินทาเขาจะรักไหม อยากให้ลูกได้ดี แต่ละวันเราเอาแต่พูดไม่ดี เคยสอนลูกดีๆ เคยพูดดีๆ ไหม ศิษย์จำไว้นะทุกอย่างเริ่มที่ใจก็จบที่ใจ แต่ถ้าเกิดที่นี่ไม่มีใจ ก็จะไม่มีอะไรให้เริ่ม และไม่มีอะไรให้จบ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนผันแปรและแปรเปลี่ยนแต่มนุษย์เอาใจไปใส่ แล้วถ้าเราดึงใจออกมา อะไรจะเกิดมันจะเจ็บปวดใจไหม จริงหรือเปล่า
อาจารย์ถามเพราะว่าเราเอาใจไปใส่ ฉะนั้นอะไรที่กระทบใจนิดหนึ่งก็เจ็บก็ปวด ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเราเอาใจออก ก็คือธรรมชาติ เหมือนดอกไม้เวลาร่วงโรย ทำไมศิษย์ไม่รู้สึกทุกข์ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่แค้น ไม่ก่อเวรกรรมกับดอกไม้ เพราะศิษย์มองเห็นชัดว่าเป็นเช่นนั้นเอง แล้วศิษย์ไม่ได้เอาใจไปใส่ จริงไหม (จริง)  แต่เมื่อไรศิษย์เอาใจไปใส่ดอกไม้ “ดอกไม้ร่วงแล้ว ดอกไม้เจ็บแล้ว ดอกไม้แก่แล้ว ดอกไม้ตายแล้ว” ถ้าอย่างนั้นแล้วร่างกายต่างอะไรกับดอกไม้ดอกหนึ่ง  ถ้าไร้ใจแล้วเราจะต้องดับทุกข์ทำไม จะเป็นการเกิดที่ไม่ต้องมีเกิดแล้ว ไม่ใช่เป็นเกิดที่ต้องดับ แต่ไม่มีเกิดตั้งแต่แรก แล้วจะดับอะไร จริงไหม (จริง)  แล้วเราจะมีใจกับตัวนี้ไปทำไม แล้วมีใจกับตัวนี้ยังไม่พอ ยังแบ่งใจไปเผื่อคนนั้นคนนี้อีก จึงทุกข์อยู่ร่ำไป ฉะนั้นทำไมไม่ตัดให้ขาดเลย ตัดใจยากไหม (ยาก)  ยากหรือ ก็แต่ก่อนเราไม่เคยมีอะไรสักอย่างเป็นของเรา แล้วรู้ได้อย่างไรว่าใจที่ให้เขาไปคือของเรา ศิษย์ลืมไปแล้วหรือ แรกเริ่มธรรมะสอนอะไร มาตัวเปล่า กลับไปตัวเปล่า แล้วใจมาจากไหน ใจมาทีหลัง จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นอาจารย์อยากบอกศิษย์ว่าอยากบำเพ็ญธรรมแล้วพ้นทุกข์ โดยที่ไม่ต้องพยายามดับทุกข์เลย นั่นก็คือ ตัดให้ขาดเลย นั่นก็คือ ตัดใจ ดีไหม (ดี)  อย่าเอาใจไปฝากคนนั้น อย่าเอาใจไปบอกรักคนโน้น รักคนนี้ พอถึงเวลาหลายใจแล้วเป็นอย่างไร ก็ปวดทั้งใจ ฉะนั้นลองอยู่กับธรรมชาติเหมือนเราอยู่กับต้นไม้ มันจะผลัดใบ มันจะตกลูก มันจะเน่า มันจะตาย มันจะถูกแมลงกัดกิน ทำไมเราไม่เจ็บปวด เพราะเรารู้ว่ามันเป็นธรรมชาติ แล้วร่างกายเราต่างอะไรกับธรรมชาติ มีเหี่ยวไหม ทั้งดีทั้งร้ายก็ไม่ต่างอะไรกับธรรมชาติ แล้วเราไปผูกยึดมั่นทำไมให้เจ็บปวดใจ ทำไมเราไม่ดึงใจออกมาแล้วมองว่ามันก็คือธรรมชาติ ธรรมชาติก็คือธรรมะ ธรรมะก็คือตัวเรา แค่นั้นเองจบแล้ว โดยที่ไม่ต้องพยายามดับทุกข์ อดทน เมตตา ใช่ไหมศิษย์ (ใช่)  
ฉะนั้นอย่าให้ใจไปเรื่อย อย่าเอาความรู้สึกไปเรื่อย เพราะความรู้สึกนั่นแหละคือตัวน่ากลัวที่สุด ยิ่งรู้สึกก็ยิ่งทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)
แต่ศิษย์ของอาจารย์ก็บอกว่า “เกิดเป็นคนมันก็ต้องมีดีบ้าง ชั่วบ้าง อยากบ้าง เป็นเรื่องปกติ จะไม่ให้อยากเลย ไม่ให้ดีเลย ไม่ให้มีใจเลย มันยากนะ” ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นเรามารู้วิธีการที่ถ้าอยากมากๆ แล้วเป็นอย่างไร เอาไหม ดีบ้างชั่วบ้างมันดีไหม
(พระอาจารย์จี้กงเมตตาถามนักเรียนในชั้นว่า “ยังทุกข์กับเรื่องอะไรกันหรือ”)
(ไม่มีเงิน)  ถ้าตอนเด็กๆ รู้จักขยันอดออม ตอนนี้ก็ไม่ลำบากใช่ไหม (ใช่)
ยินดีต้อนรับอาจารย์ไหม (ยินดี)  ทำให้ศิษย์หายง่วงได้ชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี หรือหายเบื่อไปชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี ใช่ไหม (ใช่)  ใครรู้สึกว่านั่งฟังแล้วเบื่อ ถ้ารู้สึกอย่างนั้นแปลว่าทั้งบุญก็ไม่ได้ บารมีก็ไม่ได้เลยนะ ศิษย์นับถือพุทธ พระพุทธะสอนว่า “บุญคือเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส บารมีคือการสั่งสมและปฏิบัติตนในทางที่ถูกต้องและดีงาม” เมื่อตอนนี้มีโอกาสได้ฝึกฝนสร้างบุญบารมี ทำไมจึงไม่คิดให้ตัวเองไปในทางสว่าง ทำไมจึงพยายามคิดให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์  มนุษย์แปลกนะ ทางดีๆ มีไม่เดิน ชอบไปเดินทางมืดๆ สิ่งสบายๆ มีให้เลือกกลับไม่เอา ชอบไปลำบาก เหมือนที่มนุษย์ชอบพูดว่า “สวรรค์มีทางให้เดิน มนุษย์ไม่เลือกเดิน นรกไม่มีทางให้เดิน แต่มนุษย์พยายามเดิน” จริงไหม (จริง)  วันนี้เห็นชัดเลยไหม ว่าแม้แต่อยู่หน้าพระแต่ก็เหมือนตกนรก เป็นไหม (ไม่เป็น)  ไม่เป็นเลยหรือ แปลว่าสองวันที่นั่งมานี้เบิกบานใจ อิ่มอกอิ่มใจ (ใช่)  หลอกลวงทั้งเพ ถ้าไม่เห็นแก่หน้าคนที่ชวนมาก็กลับไปนานแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  ได้อยู่อย่างเดียวคือความเมตตาต่อคนที่ชวนมา เกรงใจ ไม่อย่างนั้นกลับไปแล้ว ถูกไหม (ไม่ถูก)  อาจารย์พูดมาผิดหมดเลยใช่ไหม ไม่เป็นไร อาจารย์พูดผิดเองก็ได้ เข้าใจผิดเองก็ได้ ใช่หรือเปล่า
ศิษย์รักอยากนั่งหรือยัง (ยัง)  คนอายุมากยืนไหวไหม (ไหว)  นั่งคนเดียวเหงาไหม (ไม่เหงา)  นักเรียนในชั้นนี้ต้องเป็นนักสู้นะ ยืนได้ก็นั่งได้ นั่งได้ก็ยืนได้ แม้จะยืนสามชั่วโมงใช่ไหม (ไม่ใช่)  ไหนบอกว่าเป็นนักสู้ของอาจารย์ ศิษย์เอ๋ยในชีวิตนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเรากล้าเรียนรู้ กล้ายอมรับ ไม่มีอะไรน่ากลัวเกินที่เราจะฝ่าฟันให้พ้นได้หรอก แต่ถ้าเราไม่กล้า ไม่สู้ ปิดประตูตั้งแต่แรก แม้บทเรียนที่ง่ายสุดศิษย์ก็ผ่านไม่ได้ แต่ถ้าศิษย์กล้า ศิษย์สู้ อะไรมาก็ลองสู้กับมันสักตั้ง มันจะร้ายขนาดไหนเชียวชีวิตนี้ ใช่ไหม (ใช่)  ทำไมเวลาเจอร้ายต้องไปหาดีเพื่อมากลบเกลื่อนร้าย ไม่มีประโยชน์ เป็นศิษย์ของอาจารย์จี้กงเมื่อเจอร้ายก็มองให้เข้าใจ มองให้  แจ่มแจ้ง “ดี ฉันจะได้หมดกรรม” “ดี ฉันจะได้หมดการยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง” “ดี ในทุกข์นี้แหละฉันจะหาดีและทำให้ตัวเองพ้นทุกข์ให้ได้” ใช่ไหม (ใช่)  เกิดเป็นคนกลัวทำไมกับความทุกข์ เกิดเป็นคนกลัวทำไมกับความลำบาก ขอเพียงศิษย์เป็นนักสู้ ไม่ยอมแพ้ก็ไม่มีวันอดตาย จริงไหม แต่ถ้าเริ่มต้น อะไรก็ไม่เอา อะไรก็ต้องอย่างนั้น อะไรก็ต้องอย่างนี้ มันลำบากตั้งแต่ต้น ใช่ไหม (ใช่)  เปิดหัวใจให้กว้างๆ แล้วอะไรก็จะรับไหว ถ้าหัวใจ คับแคบ หัวใจมีกรอบ หัวใจมีความคาดหวัง หัวใจมีตัวตน มันก็รับไม่ได้ อะไรมาก็ติดกรอบ ติดตัวติดตนไปหมด ฉะนั้นเปิดใจให้กว้าง แล้วอะไรล่ะทำให้ใจของมนุษย์มีกรอบ มีตัวมีตน แล้วสู้กับทุกข์ไม่ได้ รู้ไหม ความกลัว ความคิด ใช่ไหม (ใช่)ชีวิตไม่เอาอย่าเจ็บป่วย ไม่เอาอย่าโชคร้าย ไม่เอาต้องมีแต่ดี แค่คิดแบบนี้ก็ผิดแล้วนะศิษย์ เพราะตำราแห่งชีวิตนักสู้ ร้ายก็มีดี  ได้ก็มีเสีย แข็งแรงก็มี อ่อนแอ รวยก็มีจน มันเป็นสิ่งที่หนุนเนื่องกันเกี่ยวเนื่องกันและทำให้ก่อเกิดเป็นชีวิตหนึ่ง ฉะนั้นมีชีวิตใครบ้างที่ได้โดยไม่เสีย มีโดยไม่จน เข้มแข็งโดยไม่อ่อนแอ ชนะโดยไม่เคยแพ้ (ไม่มี)  ฉะนั้นถ้าจะมาเป็นลูกศิษย์อาจารย์จี้กง  คัมภีร์แห่งนักสู้ศิษย์จะต้องเข้าใจแล้วตีให้แตก เมื่อตีแตกแล้วชีวิตจะพลิกซ้ายพลิกขวา ตบหน้า คว่ำศิษย์ ศิษย์ก็กลับมายืนด้วยขาตัวเอง แล้วก็ไม่ต้องยืมจมูกใครหายใจ ใช่ไหม (ใช่)
นั่งไม่นั่ง (นั่ง) ไหนเมื่อครู่ใครบอกจะไม่นั่ง (ปวดเข่า)  อาจารย์บอกว่ามีเข่าให้รู้สึกปวดดีกว่ามีเข่าแล้วไม่มีความรู้สึก จริงไหม (จริง)  แค่คิดก็เป็นทุกข์แล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ต้องกล้ายอมรับความจริง เพราะแค่คิดนิดเดียวก็สามารถบังเกิดทุกข์ได้โดยไม่รู้ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญ ถ้าเราอยากอยู่บนโลกใบนี้เราต้องรู้เท่าทันแม้กระทั่งความคิดของตน แค่หนึ่งความคิดก็ก่อเกิดเป็นตัวตนและก่อเกิดเป็นการเกิดทุกข์แล้วต้องรับ ทุกข์ และก็ต้องหาทางดับทุกข์ ศิษย์ว่าจริงไหม (จริง) 
สมมติอาจารย์มีดอกไม้หนึ่งดอก ศิษย์เห็นไหม ระวังความคิดนะ เพราะแค่หนึ่งความคิดจะก่อเกิดทุกข์ได้ทันที จริงไหม (จริง)  ถ้าอาจารย์หยิบดอกไม้ขึ้นมาดอกหนึ่งแล้วอาจารย์ก็เด็ดดอกไม้ แล้วอาจารย์ก็ทิ้งดอกไม้นี้ลงพื้น ศิษย์ก็คิดว่าทำไมอาจารย์ทำแบบนี้ แค่คิดก็ก่อเกิดทุกข์ ใช่ไหมศิษย์ แล้วถ้าอาจารย์เหยียบดอกไม้บนพื้นอีกล่ะ ศิษย์ก็คงคิดว่าทำไมอาจารย์หยาบคายจัง แค่คิดก็ก่อเกิดทุกข์ จริงไหม (จริง)  ความคิด การยึดมั่น การรับรู้ ความรู้สึกที่ติดยึด สามารถบังเกิดทุกข์ได้ทุกๆ เมื่อที่ตากระทบ หูได้ยิน จนทำให้เราไม่สามารถมองเห็นความจริง แต่เห็นแค่เพียงว่า ทำไมอาจารย์ทำแบบนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วเรื่องมันก็แค่นั้น เท่านั้น เอาอะไรกับดอกไม้ แต่มนุษย์ก็ยังแบกมันมาไว้ คิดวนเวียนว่าอาจารย์ทำแบบนั้นทำไม ดอกไม้ทำอะไรให้อาจารย์ไม่พอใจ ใช่ไหม ฉะนั้นอยู่ในโลกอย่าใช้แต่ความคิด อย่าใช้แต่ความรู้สึก อย่าใช้แต่จำได้หมายรู้ จนทำให้เรามองไม่เห็นความจริงบนโลก เห็นแต่สิ่งที่เรียกว่า “ทำไม เพราะอะไร” แล้วทุกข์ที่ไม่มีตัวตนก็เกิดมาเพราะความคิดและยึดติดในความรู้สึก จริงไหม (จริง)  เรื่องมันจบไปแล้ว แต่ศิษย์ก็ยังกลับมาคิดอีกว่าทำไมอาจารย์เหยียบมันล่ะ ทั้งที่เรื่องมันจบไปตั้งแต่ตอนนั้น กลับบ้านไปก็ยังไม่เข้าใจว่า อาจารย์จี้กงเหยียบดอกไม้ทำไม เราแบกทุกข์มาใช่ไหม (ใช่)  ทั้งที่จริงๆ แล้วมันก็แค่นั้นเอง เราคุมทุกอย่างไม่ได้ เราหวังให้เป็นอย่างใจไม่ได้ เหมือนเราดูแลร่างกายอย่างดีมันก็ป่วยห้ามไม่ให้ใครมาทำร้ายเราได้ไหม อย่าทำร้าย อย่าว่า อย่าด่า อย่าบ่น ห้ามได้หรือศิษย์ (ไม่ได้) ถึงแม้ว่าบางครั้งความติดยึดทำให้ชีวิตเราลำบาก แต่ถ้าสิ่งที่ลำบากศิษย์ฝ่าฟันได้ ศิษย์เข้าใจได้ เราจะมีอะไรที่ต้องทุกข์อีก จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นถ้าอาจารย์เปลี่ยนใหม่ ไม่เหยียบย่ำดอกไม้ก็ได้ เป็นอาจารย์ชอบดอกไม้ ดอกไม้สวยๆ อย่ามายุ่งกับดอกไม้ของอาจารย์นะ ใครมาว่าดอกไม้ของอาจารย์ไม่สวยเดี๋ยวแช่งให้ทุกข์ตลอดชีวิตเลย ถึงอาจารย์จะดูแลปกป้องไม่ให้ใครมาไต่มาตอม แต่ถึงเวลาดอกไม้ก็มีธรรมชาติของดอกไม้คือ ความร่วงโรย ความเหี่ยว ความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราหนีไม่พ้น
ชีวิตก็เหมือนกันศิษย์ ถึงศิษย์จะรักขนาดไหน ปกป้องดูแลขนาดไหน แต่คัมภีร์แห่งการสู้ชีวิตก็บอกไว้แล้วว่า ไม่มีใครในโลกที่จะแข็งแรงโดยไม่เจ็บป่วย ที่จะเกิดมาแล้วไม่ต้องตาย ที่จะมีสุขแล้วไม่ต้องทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจคัมภีร์แห่งชีวิต คัมภีร์แห่งนักสู้ อะไรคือความทุกข์ อะไรคือสุขแท้จริง มันไม่มี แต่คัมภีร์แห่งการสู้ชีวิตของอาจารย์ หรือของตัวศิษย์เองมันจะทำให้ศิษย์เข้าใจว่า ชีวิตมันก็แค่นี้ มันก็เท่านี้ แล้วศิษย์จะเอาอะไรกับมันมาก รักแล้วไม่ตายมีไหม รักแล้วไม่เปลี่ยนแปลงมีไหม รักแล้วไม่เจ็บป่วยมีไหม (ไม่มี)  แล้วจะรักทำไม และให้อยู่ร่วมแบบไหน อาจารย์จะให้ศิษย์ทำอย่างไรล่ะ ไม่ยากเลยศิษย์ อยู่ร่วมแบบยืมใช้ เรายืมเขามา สังเกตไหมเวลาเราไปยืมอะไรเขามา เราจะใช้มันเต็มที่ ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็คืนเขาไป ถูกไหม (ถูก)  มันจะเป็นอะไร มันจะบุบสลาย ช่างมัน ฉันยืมเขามาเดี๋ยวฉันก็คืนเขาไป แล้วร่างกายนี้มันต่างอะไรกับสิ่งที่ศิษย์ยืมเขามา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ศาลาพักร้อน” เรามาแค่ชั่วขณะหนึ่ง ถึงเวลาศิษย์ก็ต้องคืนเขาไป คืนดิน คืนฟ้า คืนธาตุลม คืนธาตุไม้ ฝุ่นธุลีก็คือชีวิต ชีวิตก็คือฝุ่นธุลี ถูกหรือไม่ (ถูก)  เราดูถูกฝุ่นธุลี แต่ถึงสุดท้ายเราก็ไม่ต่างอะไรกับฝุ่นธุลี เรายิ่งใหญ่ขนาดไหนเชียวศิษย์ จนถึงขนาดทุกข์ไม่ได้ แพ้ไม่ได้ อกหักไม่ได้ ผิดหวังไม่ได้ ฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่ศิษย์เข้าใจชีวิต มันคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ตัวเราเกิดมาเพียงแค่ยืมใช้ ถึงเวลาก็ต้องคืนดิน คืนฟ้าไป ใช่หรือไม่
ถ้าอย่างนั้นศิษย์ก็ทำชั่วให้เต็มที่เลยถูกหรือไม่ (ไม่ถูก)  เหล้าก็กินบุหรี่ก็สูบ ศิษย์จะชอบบอกว่าเกิดเป็นคนก็ต้องมีดีบ้างร้ายบ้าง จะให้ศิษย์ดีร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ยากจริงไหม อาจารย์ก็ว่าเวลาทำอะไรไม่ดีศิษย์บอกไม่เป็นไรแค่นิดเดียว ทำนิดทำหน่อยไม่เป็นไร อาจารย์ถามคนที่สูบบุหรี่คนที่กินเหล้า มันแค่นิดเดียว เป๊กเดียวนิดเดียว มันเปรี้ยวปาก แต่ตอนที่ไม่กินมันเปรี้ยวปากไหม แต่ที่เลิกไม่ได้ก็มาจากนิดเดียว แต่นิดเดียวนี้ถ้าเข้ามาอยู่ในใจแล้วใจจะสั่นระริกระริก แม้ไม่เห็นเหล้าไม่เห็นบุหรี่ ใจก็พาให้เราเดินไปหาเหล้าบุหรี่
ฉะนั้นอย่าคิดว่าชั่วนิดเดียวผิดนิดเดียวไม่เป็นไรหรอกอาจารย์ แล้วนิดเดียวป่านนี้ยังเลิกไม่ได้เลย เพราะว่ามันนิดเดียว จึงบอกว่าถ้าจิตนิ่งเราจะควบคุมสภาวะแวดล้อม แต่ถ้าจิตไม่นิ่งเราจะถูกสภาพแวดล้อมควบคุมตัวเรา เหมือนกันถ้าใจศิษย์ไม่มีเหล้าไม่มีบุหรี่ แม้เห็นเหล้าตั้งอยู่ตรงหน้าแม้เห็นบุหรี่วางให้ฟรีหนึ่งซองก็ไม่เอาจริงไหม แต่ถ้าเมื่อไรใจศิษย์มีเหล้าใจศิษย์มีบุหรี่ แม้ไม่เห็นเหล้าไม่เห็นบุหรี่ ใจก็จะไปหา ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นอาจารย์ถึงบอกศิษย์ว่ามนุษย์มีทางให้เลือกเดิน หนึ่งคือสว่าง อีกหนึ่งคือมืด เมื่อเดินแล้วสว่างทำไมไม่พยายามเดิน เมื่อเดินแล้วมันมืดทำไมจึงอยากเดิน อาจารย์ไม่เคยเห็นใครที่ลองแล้วแตะนิดหนึ่งๆ แล้วจะไม่ไปทั้งตัว ฉะนั้นอย่าลองเล่นกับชีวิต เพราะชีวิตเมื่อพลาดเมื่อติดแล้วมันถอนยาก เหมือนกันอย่าลองเล่นกับโลภ โกรธ หลง เพราะโลภ โกรธ หลงเมื่ออยู่กับตัวแล้วจะครอบงำชีวิต อาจารย์เห็นน้อยคนเหลือเกินที่จะหันหลังกลับแล้วไม่คบกับโลภโกรธหลงอีกเลย ยอมตกเป็นทาสอารมณ์ทาสกิเลสทั้งนั้น แล้วผลของการตกเป็นทาสอารมณ์ทาสกิเลสก็คือวิบากกรรม แล้วที่น่ากลัวที่สุดคือจองเวรจองกรรม แล้วที่น่ากลัวยิ่งกว่าน่ากลัวก็คือ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เวียนว่ายในวัฏฏะแห่งกรรมเพียงเพราะกิเลสเล็กๆ แล้วอยากเลิกไหม (อยาก)  เลิกอะไร (เลิกชนไก่, เลิกเหล้า เลิกบุหรี่)  ศิษย์รู้ไหมคนที่ชอบตีไก่ ชนไก่ อนาคตเห็นเลยนะศิษย์ เริ่มตั้งแต่ช่วงลำตัวจะเริ่มไม่มีความรู้สึก หรือบางทีโดนคนทำร้ายโดยไม่มีสาเหตุ ล้วนเป็นผลกรรมที่ศิษย์ก่อทั้งนั้น ถ้าตอนนี้หยุดได้ยังทันนะ ใช่ไหม (ใช่)  
ศิษย์เคยเห็นหนอนกินขี้ไหม หรือเคยเห็นหนอนกินของเน่าไหม ศิษย์กลับรู้สึกขยะแขยงว่ามันกินได้อย่างไร อาหารดีๆ มีตั้งเยอะไม่กิน ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์เห็นแบบนั้นอาจารย์ก็ขำเพราะอาจารย์ก็นึกถึงศิษย์ ของดีๆ มีตั้งเยอะไม่กิน ไปกินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่ต่างอะไรกับหนอนในอาจมเลย จริงไหมศิษย์ (จริง)  กินเหล้าแล้วเป็นอย่างไร อาจารย์เห็นก่อนจะกินมันก็ฝืดคอจะตาย กินแล้วมันบาดคอไหม นั่นแหละที่อาจารย์ไม่เข้าใจ กินไปก็บาดคอไป กินอีกก็บาดคออีก ก็ยังจะกินกันอีก ไม่เห็นมีใครกินแล้วมีความสุขเลย ฉะนั้นทำอะไรคิดให้ดีๆ นะศิษย์
โดยส่วนใหญ่ศิษย์มักจะบอกว่าเกิดเป็นคน ต้องมีอารมณ์มีความรู้สึกต้องใช้ความคิด จะให้เราไม่รู้สึกอะไรเลยมันเป็นเรื่องยาก พระพุทธะกล่าวไว้คำหนึ่งว่า มนุษย์ถ้ายังติดอยู่ในคำว่าชอบชัง เมื่อเจอสิ่งที่ชอบเมื่อต้องพลัดพรากกับสิ่งที่ชอบก็เป็นทุกข์ เมื่อต้องผจญกับสิ่งที่ไม่ชอบอยู่อย่างยืนยาวก็ต้องเป็นทุกข์ ฉะนั้นพระพุทธะก็ได้สอนไว้ว่า ไม่ชอบไม่ชังอะไรเลยจะได้ไม่ต้องทุกข์กับใครเลย ฉะนั้นศิษย์ยังอยากชอบอีกไหม ก็ยังอดไม่ได้ใช่ไหม พระพุทธะจึงสอนว่านี่แหละคนประมาท ทำไมพระพุทธะจึงบอกว่าคนประมาท เพราะสิ่งที่ไม่น่ารัก คนประมาทมองเห็นว่าน่ารัก สิ่งที่ไม่น่ายินดี คนประมาทในการดำเนินชีวิตมองเห็นว่าน่ายินดี สิ่งที่เรียกว่าทุกข์ คนประมาทในการดำเนินชีวิตบอกว่ามันคือสุข ใช่หรือไม่ ฉะนั้นศิษย์ก็คือคนที่ประมาทในการดำเนินชีวิตหรือไม่ ศิษย์ก็อาจจะบอกว่า “ก็ในโลกนี้ ยังมีสุขอยู่นะ แล้วจะไม่ให้ชอบ ไม่ให้ชังเลย มันก็เป็นไปได้ยาก ไม่ให้รู้สึกอะไรเลยยิ่งยากใหญ่” ใช่ไหม (ใช่)
ทำไมอาจารย์พูดว่า มนุษย์กำลังประมาท เพราะว่าถ้ากำลังชอบชังอยู่ เมื่อเจอสิ่งที่ไม่ชอบ เราก็ต้องทุกข์ และถ้าเราพลัดพรากจากสิ่งที่ชอบ เราก็ต้องทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์ เราก็ไม่ชอบ ไม่ชังอะไรเลยดีไหม (ดี, ไม่ได้)  เห็นไหมศิษย์ก็ยังบอกอาจารย์มันไม่ได้ อย่างนั้นอาจารย์ถามศิษย์ สิ่งที่ศิษย์บอกว่าชอบกับสิ่งที่ศิษย์บอกว่าชังนี้ ถ้าศิษย์ยังอยากมีมันอยู่ มันดีไหม (ไม่ดี)  แล้วอยากมีไหม ก็อยากอยู่ดีนะอาจารย์ ใช่หรือไม่ เอาอย่างไรกันแน่ อาจารย์เริ่มสับสนแล้ว
อย่างนั้นอาจารย์เปรียบเทียบง่ายๆ นะศิษย์ บางครั้งสิ่งที่ศิษย์บอกว่ามันคือความสุข มันคือสิ่งที่ศิษย์ชอบ มันคือสิ่งที่ศิษย์ต้องมี อาจารย์จะให้ศิษย์ไม่รู้สึกเลย มันก็เป็นไปได้ยาก ใช่หรือไม่ แต่ทำอย่างไรล่ะเราจึงจะสามารถควบคุมมันได้และไม่ทำให้เรากลายเป็นคนที่หลงไปกับกิเลส อารมณ์แล้วก่อกรรม
สิ่งที่ศิษย์บอกว่าสวยถึงเวลาก็มีสวยกว่า จริงไหม (จริง)  สิ่งที่ศิษย์ว่าแย่ก็มีแย่กว่า ฉะนั้นตอนนี้สิ่งที่ศิษย์หลงชื่นชม ศิษย์ลืมมองสิ่งที่สวยกว่าไหม ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิต แล้วไม่ตีกรอบกับชีวิตว่า “ชีวิตฉันอยู่กับแค่คนนี้ ลูกฉันมีแค่ตรงนี้” เราจะมองเห็นได้มากกว่านั้น อย่าให้ปรากฏการณ์แค่ชั่วขณะของชีวิตมาตีกรอบจนทำให้เรามองไม่เห็นความจริง แล้วเราจะไม่หลงตัวเอง ไม่หลงยึดมั่นกับสิ่งที่ตัวเองมีเด็ดขาด เพราะถ้าอันนี้สวยกว่า อันนี้ก็สวยกว่า ถ้าอันนี้เตี้ย อันนี้ก็ยังสูงกว่า ใช่หรือไม่ มนุษย์มีความเป็นกลางอยู่แล้ว แต่เพราะความยึดมั่นถือมั่นในปรากฏการณ์ จิตเราจึงหลงและลืมความเป็นกลางในตัวเองไป และความเป็นกลางนั่นแหละคือจิตเดิมแท้ จำไว้นะศิษย์มนุษย์มีความเป็นกลางอยู่แล้ว แต่เพราะความหลงและยึดมั่น หรือเพราะความคิดว่าฉันต้องสวย ฉันต้องดี เลยทำให้เราลืมความเป็นกลางไปว่าเราก็ยังมีดีกว่า ในตัวเราก็ยังมีแย่กว่า และเขาแย่จริงหรือ ฉะนั้นสิ่งที่ศิษย์บอกว่าศิษย์รัก แท้จริงยังมีสิ่งที่น่ารักกว่า สิ่งที่ศิษย์บอกว่า เกลียด แท้จริงแล้วเขาอาจจะไม่ใช่สิ่งที่น่าเกลียดที่สุด ฉะนั้นอย่าให้ปรากฏการณ์แค่ชั่ววูบมาหลอกลวงใจอันเป็นกลางของเราจนมองไม่ เห็นความจริงนะศิษย์ ตื่นแล้วรู้เสียทีว่าเรามีจิตเดิมแท้อยู่ในตัวเอง แต่เพราะความคิด ความยึดมั่น ความชอบชัง ทำให้เราหลงลืมความจริงแท้ และมองเห็นชีวิตไม่ได้ตลอดสาย เห็นแค่ชั่วขณะ ถ้าโดนด่าว่า “แย่ ไม่ได้เรื่อง เธอมีดีอะไรบ้าง” เจ็บไหม (ตอนนี้ไม่เจ็บ) แต่ต่อไปจะเจ็บไหม อาจารย์จะสอนให้ จะใช้อะไรที่จะทำให้เราพ้นจากกิเลสและพ้นจากความคิด สิ่งที่เป็นธรรมชาติเดิมแท้ของจิต ที่ทำให้มนุษย์กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์นั่นคือ สติ ปัญญา
ถ้าโกรธเมื่อโดนด่า โดนว่า เมื่อทำผิด ถ้ายิ่งใช้ความคิดมันยิ่งซับซ้อน ยิ่งปวดหัว ยิ่งแก้ไม่ได้ แต่วิธีที่จะแก้กำจัดความโกรธ ความโลภ ความหลง และให้เรารู้ตนและมีธรรมะ นั่นคือสติปัญญา สติปัญญาเป็นธรรมชาติเดิมแท้ที่อยู่ในตัวตนของเรา ที่จะทำให้เราตื่นแล้วมองความจริง ตื่นแล้วระลึกรู้ทุกสิ่งด้วยธรรม แล้วมองอย่างคนที่ไม่เอาตัวเองเข้าไปครอบงำ แต่มองอย่างคนเห็นจริง เหมือนเวลาโกรธมา ด่ามา อย่าเอาตัวเองเข้าไปร่วม แต่จงใช้สติปัญญา ไม่สู้ ไม่ถอย ไม่หนี แต่ใช้ความนิ่งเฉยรับมือ จำไว้นะศิษย์ อยากเอาชนะกิเลสในใจตนเองให้ได้ ไม่สู้ ไม่หนี ไม่เพิ่มค่า ไม่ปรุงแต่ง แต่ใช้ความนิ่ง และสติปัญญารับมือ สติที่ไม่มีการยึดมั่นถือมั่น ไม่มีความคาดหวัง ไม่มีตัวตน จะเป็นสติปัญญาที่บริบูรณ์ สะอาดบริสุทธิ์ มนุษย์เรียนรู้ ละชั่วทำดี แต่เข้าไม่ถึงความบริสุทธิ์เพราะไม่ใช่เอาแต่คิด แต่ต้องใช้สติปัญญา ใช่ไหม (ใช่) 
(พระอาจารย์เมตตาให้ห่อลูกอมกับนักเรียนห้าคนที่ออกมายืนหน้าชั้น)
ให้แล้วเอาไปแบ่งบุญต่อ ไปบอกบุญต่อนะศิษย์ ไม่ใช่ให้แล้วเก็บไว้คนเดียว เอาไปบอกบุญต่อ บอกว่ามีบุญหวานๆ มาฝาก บุญที่ดีที่สุดคือบุญที่รู้จักให้ ไม่เก็บไว้กับตัวเอง จำไว้นะ เกิดเป็นคน มนุษย์มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ แต่เพียงเพราะเห็นแก่ตนความยิ่งใหญ่เลยคับแคบ มนุษย์มีจิตใจที่เมตตา แต่เพียงเพราะอยากมีกิเลส อยากมีโลภ เมตตาจึงกลายเป็นความโหดร้าย มนุษย์มีจิตใจที่เย็น แต่เพราะความอยากได้อยากมี และหลงตน จิตใจที่เย็นก็เลยกลายเป็นรุ่มร้อน ฉะนั้นปราชญ์จึง ให้ค่าความไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ความไม่หลงโลภมีค่าสูงยิ่ง เพราะจะทำให้จิตกลับสู่สภาวะปกติ แต่ใจที่โลภเห็นแก่ตนล้วนนำพาให้ใจนั้นแคบ ร้อนรน และทุกข์ร้อน จริงไหม (จริง)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร้องเพลง อิบ ปี้ ยา ยา และสลับบีบไหล่คนข้างหน้าและข้างหลัง)
นั่งอยู่ด้วยกันตั้งนาน บางคนเหม็นหน้าคนข้างหน้าจริงๆ เลย เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า นึกว่าแอบบ่นว่าคนข้างหน้า ว่าเขาจะนั่งหรือเขาจะนอน เอาแต่โยกหลับอยู่นั่นแหละ ใช่ไหม ไม่ได้นะ อยู่ร่วมกันอย่าคิดแต่จะเอาตัวรอดคนเดียว ไม่ได้ อยู่ร่วมกันเราก็ต้องรู้จักเห็นใจและให้อภัยผู้อื่น อยู่ร่วมกันเราจะเอาแต่เห็นแก่ตัว มองแต่ตัวเองไม่ได้ อาจารย์รู้ว่าศิษย์บางคนรู้ดีทุกอย่าง แต่บางทีก็คิดไม่ได้ ช่างน่าเสียดายนะ
เกิดเป็นคนนะศิษย์เอย อาจารย์สอนว่า “เรียนรู้จากบำเพ็ญธรรมแล้ว หน้าที่ก็ต้องรู้จักรับผิดชอบให้ดี” เราเกิดมาเพียงแค่ยืมใช้กายเนื้อ ถึงเวลาต้องคืนเขาไป สมบัติผลัดกันชม แฟนผลัดกันยืมใช้ จริงไหม บางคนบอกว่าไม่จริง ใช่หรือไม่ จริงๆ นะศิษย์ บางทีก็ต้องทำใจ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ใช่คู่เรา เขาจะไปเป็นคู่คนอื่น เราก็ต้องทำใจ เงินยังเปลี่ยนตั้งหลายมือ จริงหรือไม่ (จริง)  แล้วอะไรคือของเรา มีไหม อะไรที่เราควบคุมได้และอะไรที่เป็นของเรา เราคิดว่าบางครั้งร่างกายนี้คือของเรา ชีวิตคือของเรา แต่จริงๆ แล้วทั้งชีวิตและร่างกายก็หนีไม่พ้นสัจธรรมที่เรียกว่าความจริง มีเปลี่ยนแปลง มีเจ็บ มีพลัดพราก มีดีใจ มีร้องไห้ ฉะนั้นผู้ที่มีสติ ไม่เอาแต่ใช้ความรู้สึกจึงมองเห็นความจริง แต่คนที่เอาแต่ใช้ความรู้สึกก็จะมองไม่เห็นความจริง ก็จะจมอยู่กับความทุกข์ ถูกไหมศิษย์ (ถูก)
บางครั้งเวลาอาจารย์พูดธรรมะไปก็อายตัวเอง ทำไมรู้ไหม เพราะคนที่เข้าถึงธรรมแล้ว เขาจะไม่พูด เขาจะแค่นิ่งเงียบ เพราะยิ่งพูดยิ่งห่างไกลธรรม  แต่ถ้าอาจารย์มาเงียบๆ ศิษย์คงอึดอัด จริงหรือเปล่า (จริง)  แปลกนะคนพูดมากก็ว่าขี้บ่น คนไม่พูดเลยก็รำคาญ ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นเรามารู้จักตัวตนที่ศิษย์รักกันหนักหนาดีไหม เราทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง แล้วทำไมตอนแรกที่อาจารย์บอกตั้งแต่ต้น ศิษย์จำได้ไหม อาจารย์บอกว่า “ทุกข์ไม่มีจริง สุขไม่มีของแท้” ใช่หรือไม่ 
มนุษย์ประมาทในการดำเนินชีวิตจึงบอกว่ามีสิ่งน่ายินดี ส่วนสิ่งที่ไม่น่ารัก ผู้ประมาทในการดำเนินชีวิตจะบอกว่าน่ารัก สิ่งที่ทุกข์ผู้ประมาทในการดำเนินชีวิตบอกว่าเป็นสุข ทำไมอาจารย์พูดอย่างนั้น แล้วจริงๆ มันคืออะไร ศิษย์เคยได้ยินพระพุทธะกล่าวไว้ว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น “ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป” แล้วมีพระพุทธะบอกไหมว่า “สุขเท่านั้นที่เกิดขึ้น สุขเท่านั้นที่ตั้งอยู่ สุขเท่านั้นที่ดับไป” ไม่มีจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นมีสุขไหม เกิดก็ทุกข์ ตายก็ทุกข์ แล้วอันนี้เรียกว่าอะไร “กองทุกข์” ฉะนั้นถ้าศิษย์ไปเผลอยึดมั่นถือมั่น ศิษย์ก็กำลังกอดทุกข์ พระพุทธะยังกล่าวอีกว่า ก้อนทุกข์ก้อนนี้เป็นที่รวมของทุกข์ เป็นที่รวมของกรรมเก่า ที่พร้อมกำลังจะสร้างใหม่หรือว่าหยุดเพื่อหมดกรรม ถ้าอยากรู้ว่าเราทำกรรมอะไรมาก็ดูตอนนี้ หน้าตาสวยไหม ผิวพรรณดีไหม คนที่ผิวพรรณละเอียดเนียนนุ่มไม่มีปุไม่มีปะแสดงว่าชาติก่อนไม่เป็นคนที่มักโกรธ อยู่กับใครๆ ก็รัก แปลว่าไม่เป็นคนขี้อิจฉาริษยา ไม่เคยเจ็บออดๆ แอดๆ แปลว่าสมัยก่อนไม่ค่อยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฉะนั้นถ้าชาติหน้าอยากใช้กรรมอีก อยากผิวสวยอย่าโกรธ ไม่ต้องใช้ครีมบำรุงผิวเลย เหมือนตอนนี้อาจารย์ถามว่าอนาคตแก่แล้วจะหน้าใส ไหม (ไม่)  ถ้าตอนนี้แก่แล้วไม่มักโกรธ จะทำให้เป็นคนที่หน้าแก่ช้า ดีกว่าเสียเงินซื้อครีมกระปุกละหลายพันบาท ไม่อยากเจ็บออดๆ แอดๆ เป็นคนแข็งแรง อย่าเป็นคนขี้อิจฉา อย่าขี้นินทาและอย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เห็นใครได้ดีอนุโมทนาสาธุแล้วจะเป็นคนที่ไปที่ไหนก็ไม่มีใครเกลียดดีไหม (ดี)  ศิษย์อยากได้หรือสร้างกรรมเพื่อรับกรรมต่อ และทำแค่นี้พอไหมไม่พอ สวยก็แล้วอะไรดีก็แล้ว แต่ถ้าเกิดลูกไม่ดี ศิษย์จะต้องสร้างเท่าไรถึงจะได้ครบสมบูรณ์ ทำไมศิษย์ไม่สร้างอะไรที่ไม่ต้องมีกรรมเกี่ยวเนื่องต่อ
แล้วเราจะดับกรรมทั้งมวลได้อย่างไร พระพุทธะกล่าวไว้ประโยคเดียว “อยากหยุดกรรมทั้งมวลจงหยุดที่ผัสสะ” ผัสสะคือความรู้สึกตัว อาจารย์บอกแล้วแค่รู้สึกตัวก็ก่อเกิดเป็นตัวตนมาแบกรับทุกข์ ทั้งที่จริงๆ แล้วตัวตนนี้มันถึงเวลามันก็เปลี่ยนแปลงไปและกลับไปสู่ความว่างเปล่า อาจารย์ถามนะศิษย์ มนุษย์ทุกคนหนีความเปลี่ยนแปลงได้ไหม หนีความทุกข์ได้ไหม ฉะนั้นอาจารย์ขออย่างหนึ่งนะศิษย์ ทุกข์ไม่ใช่แปลว่าตาย ตาย ตาย ไม่ใช่ แต่ทุกข์แปลว่าสิ่งที่ทนได้ยากซึ่งมีอยู่ในทุกชีวิต แต่เมื่อไหร่เราเผลอไปคิด ไปรับรู้ไปยึดมั่นว่า ตัวเองเป็นแบบนั้น ตัวเองเป็นแบบนี้ ก็คือเราเอาใจไปรับทุกข์ ฉะนั้นมันทุกข์ของมันอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปยึดมั่น เราไม่ต้องไปคิดคาดหวัง ยอมรับความจริงแค่นั้นเอง แต่มนุษย์บอกว่า ทำไมๆ แค่คิดว่าทำไมนั่นแหละ ศิษย์เอ๋ยก็ไปรับทุกข์มาเต็มๆ แล้ว ต้องหาเหตุดับทุกข์ แต่ถ้าศิษย์บอกว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง แค่นั้นเอง เราไม่ต้องรับทุกข์ เราจบตั้งแต่นั้นเลย ฉะนั้นตัวตนนี้ถึงที่สุดก็แปรเปลี่ยนไปสู่ความว่าง แต่มนุษย์เอาตัวเองที่บอกว่า ฉันเป็นคนอย่างนั้น เป็นคนอย่างนี้มาครอบไว้ในตัวเอง พอมาครอบไว้ในตัวเอง แล้วก็บอกฉันชอบแบบนั้น ฉันไม่ชอบแบบนี้ ฉันเป็นอย่างนั้น ฉันเป็นอย่างนี้ เราก็เลยกลายเป็นคนที่ยื่นมือไปรับทุกข์มาเต็มๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเป็นธรรมชาติที่เกิดดับๆ ไปรับมาทำไม ไปยึดมาทำไม มันเกิดดับๆ อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วนะศิษย์ ฉะนั้นวิธีรับมือคือ มีสติ ตื่นรู้ เพราะมีแต่สติตื่นรู้เท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถเผชิญกับทุกสิ่ง ถึงเราได้แค่นี้เราก็จงพอใจในแค่นี้ แล้วก็ไม่ต้องไปยึดมั่นอะไร เพราะถึงเวลามันก็ต้องเปลี่ยนไป จริงไหม (จริง)  แล้วเราจะยึดทำไมให้ทุกข์
พระพุทธะจึงบอกว่า แล้วอะไรคือของเรา แล้วอะไรคือลูกเรา ในเมื่อตัวเราของเรายังไม่มี แล้วนั่นคือลูกเราหรือ นั่นคือสามีเราหรือ นั่นคือภรรยาเราหรือ มันไม่มีนะศิษย์ จริงไหม (จริง)  ไปให้ถึงที่อาจารย์พูดหน่อยเถอะ แล้วศิษย์จะได้ไม่ต้องพยายามดับทุกข์เลย เพราะทุกข์มันดับไปแล้วศิษย์ มันเกิดแล้วมันก็จบ ฉะนั้นพระพุทธะสอนว่า “เมื่ออะไรเกิดขึ้นจงมองอยู่แค่ขณะนี้ แล้วก็รับมันในสิ่งที่เป็นแค่นี้ อย่าไปเพ้อฝันอนาคต อย่าไปยึดติดกับอดีต อย่าไปยึดติดกับความคิด ยึดติดความรู้สึก มันจะทำให้เราหลง และไปรับทุกข์โดยไม่รู้ตัว แค่นี้เท่านี้ดีแล้ว แค่นี้เท่านี้พอแล้ว แค่นี้เท่านี้สุขแล้ว ดีไหม

แล้วเราจะได้ไม่ต้องวิ่ง ไปทุกข์ทำไม แค่เปลี่ยนจากทำไม เป็น เข้าใจ เข้าใจ แล้วก็เข้าใจ เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง เกิดความอยากจนทะเลาะกัน ด่ากัน แล้วได้อะไรมา สมมติอาจารย์หมั่นไส้คนๆ หนึ่ง แม้อาจารย์พูดตั้งนาน ก็นั่งหลับ พูดตั้งนานแล้วยังไม่ตื่นอีก ยังหลับอีก อาจารย์ปาผลไม้ใส่หัวเลยดีไหม ปาให้ตื่นเลยดีไหม (ไม่ดี)  ทำไม (เป็นเช่นนั้นเอง)  ตอบได้ดีนะ ถึงเวลาให้คิดให้ได้อย่างนี้ตลอดนะศิษย์
ถ้าวันหนึ่งศิษย์เจอคนด่าศิษย์อย่างเจ็บปวด คำที่เขาด่าเหมือนผลไม้ที่ลอยมา อาจารย์ถามจริงๆ หลบได้ทำไมไม่หลบ เขาด่าแล้วรับไว้ แล้วบางทีโดนแล้วเจ็บไหม (เจ็บ) เจ็บแล้วเก็บไหม (เก็บ) เก็บมาเสร็จแล้ว ว่างๆ ก็กลับมา (คิด)  “มาทำร้ายฉันทำไม ทำไมชอบทำร้ายฉัน” ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นอาจารย์เทียบง่ายๆ คำด่าคนหลุดออกจากปากเขาเรียกว่าอะไร ขี้ปาก นี่คือขี้ นี่คือปาก รู้ว่าเป็นขี้ปากเขา เก็บไหม (เก็บ) แล้วว่างๆ ก็กลับมาคิด “ด่าฉันทำไม”  ก็คือการเล่นขี้ “ทำไมมันดีกว่าฉันหรือถึงมาด่าฉัน”  พอเล่นขี้เสร็จแล้วปรุงแต่งขี้อีก “เขาก็ไม่ได้ดีกว่าฉันเท่าไรหรอกแก เขาก็แย่พอๆ กับฉันนั่นแหละ” เพิ่มขี้อีก ใช่ไหมศิษย์ (ใช่)  บางทีว่างๆ อดไม่ได้ แบ่งขี้ให้คนอื่นกิน “นี่แก คนนั้นด่าฉันเขาก็ไม่ได้ดีเท่าไรหรอก” เอาไปนะขี้หนึ่งก้อน  “จริงๆ นะคนนั้นก็ไม่ดีนะ ก็ว่าฉัน”  แกเอาไปอีกก้อนหนึ่ง ผู้หญิงเป็นไหม (เป็น)  เล่นขี้เยอะไหม (เยอะ) แถมว่างๆ ขี้เหม็นไหม เจอหน้าเขาปากลับเลย อาจารย์ก็ไม่เข้าใจนะ แต่พูดอย่างนี้ทุกคนเห็นภาพทันที แล้วต่อไปพอใครด่าจะเก็บขี้อีกไหม (ไม่เก็บ)  จำไว้นะ บางอย่างมันเกิดแล้วจบไปแล้ว มันเป็นขี้ไปแล้วนะศิษย์ อย่าไปเก็บมันมา แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่มนุษย์สอนว่าถ้ารู้ว่ามันเป็นขี้อยู่กับเรามันเหม็น ทำไมไม่รู้จักหาประโยชน์อย่างอื่น ขี้พอไปโรยต้นไม้กลายเป็นปุ๋ยดิน ใช่หรือไม่ ฉะนั้นถึงเป็นขี้ก็ยังมีอะไรดีๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพิ่มขี้แล้วเล่นขี้นะ ใช่ไหม
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท “วางใจเป็น เห็นธรรม”)
“ฉลาดแม้ชั่วชีวิต    แต่สิ้นคิดชั่วขณะ
ปล่อยใจตามรู้สึกจะ        ปะทะอารมณ์นอกใน
อย่าอยากจนไม่รู้ตน        อย่าผิดจนหลงไปใหญ่
คิดทำนั้นเอาแต่ใจ        ล้วนใช้ตนทำร้ายตน
รู้วางใจด้วยสติ        ทันรู้ที่ติดในตน
ยั้งก่อนสร้างเหตุตกผล        รู้ตนในตนก่อนทำ
วางเป็นเย็นได้สุขจริง        นิ่งตรองทุกสิ่งมีธรรม
ดีร้ายตนไม่ถลำ            ใช้ธรรมมากกว่าใช้ใจ”
อย่างที่อาจารย์บอกถ้าเราวางใจถูกตั้งแต่ต้น เริ่มต้นถูกเราก็พบทางถูก แต่ถ้าใจวางผิดเราก็จะคิดว่าเราจะเสียสิ่งใดไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นอาจารย์จึงอยากสอนให้ศิษย์รู้ไว้ว่าจริงๆ แล้วแม้กระทั่งใจเราก็ไม่มีให้ต้องวางเลย อยู่กับชีวิตด้วยความว่างไร้ซึ่งตัวตนที่มีหัวใจ เราก็จะไม่ต้องดับทุกข์อะไร ยากหน่อยนะเข้าใจไหม เราใช้ใจมาจนเยอะแล้วนะศิษย์วางเสียบ้าง ให้วางได้จริงๆ 
จริงๆ แล้วใจมันก็ไม่ต่างอะไรกับสรรพสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ตัวเรามีอยู่อย่างหนึ่งนะที่มันว่างอยู่แล้ว บริสุทธิ์อยู่แล้ว นั่นคือจิตเดิมแท้ที่ศิษย์ได้รับหนึ่งชี้ แต่ความรู้สึกของใจมันครอบงำจนทำให้ศิษย์มองไม่เห็นความว่างที่มีอยู่ในตัว ตน จริงหรือไม่ (จริง)

หนทางการบำเพ็ญคือ “ละบาป บำเพ็ญบุญ ชำระล้างความยึดมั่นถือมั่นความลุ่มหลง ความไม่รู้ ให้เป็นผู้รู้ตื่นและกลับคืนสู่สภาวะจิตเดิมแท้ที่มีอยู่ในตัวตน” และคำว่าเป็นพุทธะก็จะอยู่ในตัวศิษย์ทุกคน โดยที่ไม่จำเป็นต้องวอนขอใคร แต่เรียกร้องจากตัวเอง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่อยู่ข้างนอก แต่อยู่ในตัวเราได้ ค้นหาคัมภีร์ในตน ค้นหาพระพุทธะในตน ค้นหาผู้มีศีลมีธรรมในตน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็คือเรานั่นเอง
(พระอาจารย์เมตตาประทานผลไม้แก่นักเรียนฝ่ายชายสองคนที่บอกกับพระอาจารย์ว่าจะตั้งใจเลิกเหล้า กับเลิกชนไก่)
เอาผลไม้ลูกใหญ่หรือลูกเล็ก (ลูกใหญ่) แล้วอีกคนล่ะ (ลูกเล็ก) เสียสละนะ อย่ามัวแต่เห็นแก่ลูกใหญ่ ลูกเล็กนะ รับผลไม้ไปแล้วทำให้ได้นะ ส่วนคนที่ไม่กล้ายืนแปลว่ายังทำไม่ได้หรือ อย่างนั้นเมื่อถึงเวลาต้องรับผลของการกระทำตัวเอง อย่ามาร้องเรียกอาจารย์นะ เพราะถือว่าอาจารย์ชี้นำทางแล้ว ถึงเวลาถ้าศิษย์ไม่นำพาตัวเอง คนที่ต้องรับผลแห่งกรรมก็คือตัวศิษย์เอง จริงไหม (จริง) อาจารย์ต้องยุติธรรมนะ ใครทำอะไรก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น ตาข่ายฟ้าชัดเจน ฉะนั้นถ้าเราไม่ทำบาป ไม่ก่อเวรกรรม ไม่เบียดเบียนใคร กรรมมันจะมาไวไหมล่ะ เราก็แค่ได้แต่ชดใช้กรรมในอดีต แต่ไม่สร้างกรรมใหม่เพื่อรับผลในอนาคต ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นไม่ว่ากรรมมันจะมาแรงขนาดไหน ศิษย์ชั้นนี้จำไว้นะ หัวใจนักสู้ กล้ายอมรับทุกสิ่งที่เป็นไปเพื่อชดใช้กรรม ด้วยจิตใจที่ให้อภัย ไม่จองเวรจองกรรมตอบ ได้ไหมศิษย์ (ได้) แล้วมีชีวิตอยู่ด้วยรู้จักสำรวม ระมัดระวัง อย่าตกเป็นทาสกิเลสอารมณ์นะ กิเลสอารมณ์ไม่เคยพาให้ใครพ้นทุกข์ได้ การยึดมั่นถือมั่นและหลงตนก็ไม่เคยทำให้ใครพ้นทุกข์ได้ เชื่อไหมล่ะศิษย์ (เชื่อ)
อาจารย์มีคำพูดเยอะแยะ อยากนำพาให้ศิษย์พ้นทุกข์ แต่ถ้าศิษย์ยังคิดไม่ได้ เอาแต่ใช้อารมณ์ความรู้สึกก็ยากจะพ้นทุกข์ได้นะ ฉะนั้นถ้าเขาจากไปแล้วไม่กลับมา เราก็ทำตัวให้ดีจนเขาต้องหันกลับมาเสียดายศิษย์ ใช่หรือเปล่า คุณค่าเราอยู่ที่ตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเพิ่มค่า ส่วนใครที่มีชีวิตคู่ไปแล้วก็ประคองชีวิตให้ดีๆ ส่วนใครที่ยังไม่มีก็คิดให้ดีๆ ก่อนจะมีใคร อาจารย์ก็ไม่ห้ามหรอกนะ แต่ว่าอาจารย์แค่อยากบอกศิษย์ว่า แค่ชีวิตเรา เรายังไม่รู้ความแน่นอนและเอาเขามาอีกคนหนึ่ง แล้วเดี๋ยวมีอีกคนหนึ่ง แล้วก็มีอีกคนหนึ่ง อาจารย์ก็พูดไม่ออกนะ ในเมื่อตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วทำไมศิษย์จึงหาห่วงมาเพิ่ม ใช่หรือไม่ แต่อาจารย์ก็ขัดขวางไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีบุญ มีกรรมกันมา ศิษย์แน่ใจหรือว่ากำลังใช้บุญไม่ใช่ใช้กรรม อาจารย์พูดแบบนี้แปลว่าแฟนฉันเป็นกรรมของฉันแน่ๆ เลย ไม่ใช่อย่างนั้นนะศิษย์ แต่จงทำตัวเองให้มีคุณค่า ทำตัวเองให้น่าเคารพ ทำตัวเองให้คนเขารู้สึกว่าใครจะอยู่กับฉันก็ต้องรู้สึกดี ใครจะทิ้งฉันไปก็ต้องรู้สึกเสียดาย ต้องให้ได้อย่างนี้ถึงจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์จี้กง
ฉะนั้นเรียนรู้ธรรม หน้าที่ต้องรับผิดชอบ เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาไปใช้ในชีวิตให้เป็น ชั้นนี้อาจารย์ให้เป็นหัวใจนักสู้ อายุขนาดนี้ยังนั่งฟังได้นี่สุดยอดแล้ว ฉะนั้นทุกข์มากกว่านี้ก็สู้ตาย อย่ายอมแพ้ชีวิต มันแค่นี้เอง มันเท่านั้นเอง อย่าปล่อยให้ความทุกข์มันกัดกินใจ เรื่องบางอย่างมันจบไปแล้ว คิดมากไปทุกข์เปล่า ทำไมไม่ดึงให้ตัวเองเจอสิ่งที่สว่าง เจอสิ่งที่สบายใจ หรือยังแกว่งเท้าหาเสี้ยน ใช่ไหมศิษย์ ฉะนั้นคิดให้ดีๆ นะ ทางบุญมีให้เดิน แต่ทางบาปไม่มีให้เดิน อย่าไปเดินเด็ดขาดนะศิษย์ เพราะเมื่อลงไปแล้วไม่เห็นใครที่จะกลับลำได้ทันสักคน จงทำอะไรด้วยสติอันเป็นธรรมชาติเดิมแท้ของ  พุทธจิตธรรมญาณ นั่นคือสติปัญญาที่พร้อมบริบูรณ์ด้วยความไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่ดำรงไว้ซึ่งความว่างสว่างใส
อาจารย์คงต้องไปแล้วนะ มีโอกาสกลับมาอีกนะ เด็กดื้อเอ๋ย ตั้งสตินะทำอะไรคิดให้ดี ตั้งใจบำเพ็ญนะ อย่าทำสิ่งที่ผิด กลับมาอีกนะ รู้เรื่องไหม ลูกเขาลุ้นแทนนะ อย่าดื้อ รู้จักทำแต่สิ่งที่ดีงามชีวิตจะได้ไม่เป็นแบบนี้ เจ็บแล้วต้องจำนะ
อย่าไปแล้วไปเลยนะศิษย์ กลับมาให้อาจารย์เห็นหน้าบ้าง ขอให้แข็งแรง มีโอกาสได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดก็ดีแล้วนะศิษย์ มีโอกาสมาฟังให้ครบ อาจารย์ไปแล้วนะ เหนื่อยหน่อยนะถ้าเขาจะต้องเป็นแบบนี้ อย่าร้องไห้ เป็นศิษย์ของอาจารย์ต้องเข้มแข็ง อาจารย์ยังไม่ร้องไห้ ลุกมาสู้ใหม่อีกครั้งดีไหม เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็มีแต่ความทุกข์นะเชื่ออาจารย์ อาจารย์ก็คิดถึงศิษย์ แต่ศิษย์เลิกอ่อนแอได้แล้ว เข้มแข็งแล้วห้ามดื้อนะ รู้จักนำพาตัวเองให้ดีระมัดระวังอารมณ์ให้ได้ ดูแลตัวเองดีๆ ตั้งใจบำเพ็ญไม่อ่อนแอ พรดีๆ อาจารย์มีให้ศิษย์แล้ว
(ตาสว่างขึ้นเยอะ)  ถ้าศิษย์ตาสว่างได้ก็จงรู้จักระมัดระวัง ทำอะไรคิดให้รอบคอบ อย่าใช้อารมณ์นำแต่จงใช้สติ ใช้สติให้มากๆ คิดไตร่ตรองให้ดี พระพุทธะสอนว่าเวลาจะทำอะไรอย่าใช้ความคิด แต่ใช้การพิจารณา ทำแล้วเบียดเบียนไหม ทำแล้วเป็นอกุศลหรือเปล่า ทำแล้วให้ความทุกข์เป็นผลถึงที่สุดไหม หรือให้วิบากกรรมเป็นผล ถ้าทำแล้วได้แบบนั้นจงอย่าทำ พุทธะไม่เคยสอนให้มนุษย์ใช้ความคิด แต่ท่านสอนให้พิจารณาและใช้สติปัญญาที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น จึงจะสามารถมองทุกสิ่งทุกอย่างได้บริบูรณ์และสมบูรณ์ถ้วนทั่ว เชื่ออาจารย์ไหม (เชื่อ)  ถ้าเชื่อศิษย์ก็ไม่ต้องกลัวทุกข์ในโลก แต่ความทุกข์มาเพื่อให้เราเรียนรู้และจบสิ้นทุกข์ ทุกข์ยังไม่ทันเกิดเราก็จบได้ ทันที ยิ่งกว่าเกิดมาเพื่อจบ แต่จบตั้งแต่ยังไม่ทันเกิดเลย จริงไหม (จริง)  เพราะยิ่งเกิดก็มีแต่ทุกข์นะศิษย์เอย ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้สมบูรณ์ เราเกิดมาเพียงเพื่อยืมใช้ ผลจะเป็นอย่างไรต้องกล้ารับด้วยหัวใจนักสู้นะศิษย์เอย แล้วอาจารย์จะได้ไปได้อย่างสบายใจ เพราะศิษย์รักของอาจารย์ทำได้ เมื่อศิษย์พ้นทุกข์คนรอบข้างก็พ้นทุกข์ เมื่อศิษย์มีสุขคนรอบข้างก็มีสุขนะ



พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “วางใจเป็น เห็นธรรม”
    ฉลาดแม้ชั่วชีวิต    แต่สิ้นคิดชั่วขณะ
ปล่อยใจตามรู้สึกจะ    ปะทะอารมณ์นอกใน
อย่าอยากจนไม่รู้ตน    อย่าผิดจนหลงไปใหญ่
คิดทำนั้นเอาแต่ใจ    ล้วนใช้ตนทำร้ายตน
    รู้วางใจด้วยสติ    ทันรู้ที่ติดในตน
ยั้งก่อนสร้างเหตุตกผล    รู้ตนในตนก่อนทำ
วางเป็นเย็นได้สุขจริง    นิ่งตรองทุกสิ่งมีธรรม
ดีร้ายตนไม่ถลำ    ใช้ธรรมมากกว่าใช้ใจ

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา