西元二○一三年 歲次癸巳二月十二日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๒๓มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ สถานธรรมหมิงฮุย จ.ลพบุรี
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านฮั่นจงหลี
จิตตกเป็นทาสอารมณ์หรืออย่างไร ต้องปล่อยตนสนองใจไปทุกสิ่ง
พออยากก็ทำได้ไม่หวั่นจริง พอเบื่อก็ยอมทิ้งไม่เปลี่ยนใจ
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานหมิงฮุย แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ
เรื่องรู้รู้แต่กลับตันเพราะนิสัย กำหนดใจมากมายขาดมองจุดเริ่ม
เวลาคนเห็นคนชัดฉายหนังเดิม จิตเผดิมอย่าลืมความดีทั้งปวง
เรื่องธรรมะจริงแท้ทำได้ให้เห็น กายบำเพ็ญใจเรียนไม่จึงน่าห่วง
ดำเนินดั่งรู้ธรรมแต่ย่ำขาลวง ช่างน่าห่วงใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบาย
เจอเรื่องแย่ธรรมะคือผู้รู้พา ใช้ปัญญาจริงแท้จบที่ใจได้
รู้สละความโลภก็จะสลายไป สติไวไม่โกรธทันดีย่อมมา
คนลุ่มหลงสมมติจิตบริสุทธิ์หลุดหาย คนยึดติดยึดไม่คลายแม้กังขา
ธรรมะไม่เคยผ่านไปเมื่อผ่านมา หลงนามรูปง่ายโดยตาทะลวงใจ
ทุกสิ่งคือสิ่งสมมติภาพลวงตา โลกมัวหมองงมงายอย่าหลงฝันใฝ่
ผู้บำเพ็ญรู้ตนชัดเพื่อคืนไป ผู้ตื่นธรรมได้ใจร่มเย็นเป็นจริง
ฮาฮาหยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านฮั่นจงหลี
“ทุกสิ่งคือสิ่งสมมติภาพลวงตา โลกมัวหมองงมงายอย่าหลงฝันใฝ่
ผู้บำเพ็ญรู้ตนชัดเพื่อคืนไป ผู้ตื่นธรรมได้ใจร่มเย็นเป็นจริง”
คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าธรรมะว่าคือความสงบ คือความนิ่ง ไม่วุ่นวาย ไม่สับสน ไม่มีอะไรเยอะเกินไป ง่ายๆ เรียบๆแต่ทำไมมาที่นี่มีร้องเพลง มีแต่นั่งฟัง ไม่ค่อยสงบเลย บางคนจะรู้สึกค้านในใจลึกๆ เพราะดูไม่เหมือนธรรมะที่เคยเข้าใจ ที่เคยศึกษา ที่เคยเรียนรู้มา
ส่วนใหญ่มนุษย์ทุกคนล้วนมีความทุกข์ ล้วนมีปัญหา อยากได้ความสงบ ไม่อยากวุ่นวาย ถ้าอย่างนั้นทิ้งโลกใบนี้แล้วไปอยู่ในป่าเลยดีไหม (ไม่ได้) เพราะปัญหาเกิดจากไหน ตาเมื่อเห็นเกิดปัญหาไหม (เกิด) หูเมื่อได้ยินเกิดปัญหาไหม (เกิด) ปากเมื่อพูดเกิดปัญหาไหม (เกิด) ฉะนั้นต้นเหตุปัญหาคือตา หู ปาก ใช่ไหม (ใช่) แล้วเราจะทำอย่างไรไม่ให้ต้นเหตุของปัญหาสร้างปัญหา เราก็เลยปิดตา ปิดหู ปิดปาก เข้าป่าเลย จะได้ดับทุกข์หมดปัญหา ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไม่มีวันพบธรรม เพราะท่านบอกว่าธรรมจะพบได้ก็ต่อเมื่อสงบนิ่ง ไม่วุ่นวาย ถ้าอย่างนั้นเมื่อไหร่ที่ลืมตา เปิดหู เปิดปาก ก็ไม่มีวันพบธรรม ไม่มีวันสงบ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่) ฉะนั้นการศึกษาธรรมะ อย่ามองหนึ่งแล้วเป็นหนึ่ง การเข้าถึงธรรมะอย่าคิดว่าเป็นอย่างนี้ก็ต้องเป็นอย่างนี้ ไม่จริงเสมอไป คนบางคนเจอทุกข์หนักกลับเข้าถึงธรรม ตายังเห็น หูยังได้ยิน ใจยังเต้น ยิ่งเห็นชัดยิ่งได้ยินชัดกลับยิ่งเข้าใจชีวิต อย่างนั้นการเข้าถึงธรรมะมีแค่วิธีเดียวหรือ หรือเราพูดง่ายๆ ถ้ายังไม่เข้าถึงความเป็นคนจะเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างไร ในเมื่อยังเข้าไม่ถึงโลกที่แท้จริง แล้วท่านจะเข้าถึงโลกแห่งธรรมได้อย่างไร
ท่านเบื่อโลกใบนี้ไหม เบื่อตัวเองไหม อยากทิ้งความวุ่นวายไปไกลๆ เหลือเกิน คนก็ช่างเลวร้ายเหลือเกิน ทิ้งเขาไปเลย ถูกไหม (ไม่ถูก) บางคนบอกขอไปหาความสงบสักพัก ไปขอตั้งหลักก่อน ถ้าตั้งหลักได้แล้วจะกลับมารบกับเขาใหม่ ไปขอเพิ่มพลังก่อน หรือที่ท่านชอบพูดว่าไปชาร์จ
แบตก่อน มีกำลังค่อยมาเจอเขาใหม่ ตอนนี้เกลียดเหลือเกิน เบื่อเหลือเกิน ฉะนั้นอย่างที่เราบอก ถ้าเรายังไม่เข้าถึงความเป็นคน เราจะเข้าถึงความเป็นธรรมได้ฉันใด ถ้าเรายังมองคนไม่ทะลุแล้วเราจะมองธรรมได้ทะลุหรือ ก็เป็นไปไม่ได้
แบตก่อน มีกำลังค่อยมาเจอเขาใหม่ ตอนนี้เกลียดเหลือเกิน เบื่อเหลือเกิน ฉะนั้นอย่างที่เราบอก ถ้าเรายังไม่เข้าถึงความเป็นคน เราจะเข้าถึงความเป็นธรรมได้ฉันใด ถ้าเรายังมองคนไม่ทะลุแล้วเราจะมองธรรมได้ทะลุหรือ ก็เป็นไปไม่ได้
ท่านเคยได้ยินไหม ครอบครัวไหนมีพ่อแม่เป็นปราชญ์เป็นเมธี ลูกย่อมเป็นปราชญ์ บ้านไหนมีแม่เป็นเมธีบ้านนั้นมั่นใจได้เลยว่า ลูกไม่มีวันประพฤติชั่ว รากเป็นอย่างไรต้นก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่ท่านอาจจะแย้งเราอยู่ในใจ บางทีรากตรงแต่ต้นมันกลับจะคด แต่ทุกคนอย่าลืมนะ การสอนคนเหมือนตีเหล็ก ถ้าความร้อนไม่ถึงคนเขาจะไม่นับถือ เขากลับจะเกลียดแล้วแช่งชักหักกระดูก เหมือนเราตีเหล็ก ถ้าตีตอนที่ไฟยังร้อนไม่ได้ที่เหล็กมันก็ไม่หลอม สอนคนก็เหมือนกัน ถ้าสอนไม่ได้ถึงที่ สอนไม่ได้ถึงใจ นอกจากเขาจะไม่เชื่อไม่นับถือแล้วเขา ยังผูกใจเจ็บ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วอย่างนี้ทำอย่างไรดี ตอนนี้อยากคุยกับเราไหม (อยาก) ฉะนั้นการจะคุยกับใคร ตอนแรกถ้าเขาไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา เราต้องพูดจนให้เขาวางใจก่อน ถ้าพูดแล้วเขาไม่วางใจไม่จำเป็นต้องพูดต่อ แต่ถ้าพูดแล้ววางใจอยากคุยต่อ เราค่อยโน้มน้าวฉะนั้นก่อนจะช่วยใครควรจะโน้มน้าวก่อนถ้าเขาไม่เชื่อแม้เราพูดไปก็เหนื่อยเปล่า
ท่านเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหม วาสนาเกิดได้ต้องเกิดจากการใช้ความรู้ ใช้ความสามารถอบรมบ่มเพาะจึงจะมีโชควาสนา แต่การแปรเปลี่ยนจิตคนให้ดีได้ไม่ได้ใช้เพียงวาสนาอย่างเดียว แต่บางครั้งต้องใช้โองการฟ้าควบคู่ไปด้วย ถ้าเราใช้โองการฟ้านำโชควาสนาเราก็จะแปรเปลี่ยนคนได้ แต่ถ้าใช้ความรู้สึกโชควาสนานำโองการฟ้าท่านก็แปรเปลี่ยนคนยาก นักเรียนคงไม่เข้าใจ แต่ผู้ปฏิบัติงานธรรมคงเข้าใจ หรือว่าไม่เข้าใจต้องกลับไปอ่านใหม่ อย่าใช้แค่ความรู้สึกนำพาคนแต่บางครั้งต้องใช้โองการฟ้า โองการฟ้านำพาโชควาสนาด้วย
ใจอยากอะไรก็วิ่งไปตามอยาก ยิ่งถ้าอยากมากๆ ชอบมากๆ ให้เหนื่อยอย่างไรก็ไม่รู้สึกเหนื่อย ให้ลำบากอย่างไรก็ไม่รู้สึกว่าลำบาก ขอเพียงอยากตัวเดียว แต่ถ้าไม่อยากแล้ว แค่ไม้จิ้มฟันอันเดียวยังยกไม่ไหว ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้ารังเกียจแล้วไม้จิ้มฟันอันเดียวก็ยกไม่ขึ้น แต่ถ้าชอบแล้วแม้ไม้เป็นมัดๆ สิบๆ แท่งก็ยกได้ เหมือนตอนนี้ถ้าอารมณ์ดีสบายใจ นั่งทั้งวันก็ไม่เหนื่อย แต่ถ้าหงุดหงิดนั่งแค่หนึ่งนาทีก็ไม่เอาใจมันไม่อยู่แล้ว นั่นแปลว่าเราต้องตกเป็นทาสของความรู้สึกไปตลอดชีวิตเลยหรือ ใจสั่งให้โกรธก็โกรธ ใจสั่งให้รักก็รัก ใจสั่งให้เกลียดก็ด่าเขาเลย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สั่ง ใช่ไหม เราปฏิวัติความรู้สึกไม่ได้เลย ถ้าใครชมมา เราก็ดี ใครด่ามา (โกรธ)
เราเห็นมนุษย์ในโลก เรายังแปลกใจ ทั้งที่ตัวเองก็ทำผิดแต่ก็มีเหตุผลที่ทำผิด จริงไหม (จริง) รู้ว่าด่าเขาผิดไหม (ผิด) รู้ว่าโกรธเขาผิดไหม (ผิด) แต่โกรธไหม (โกรธ) ด่าไหม (ด่า) แล้วมีเหตุผลไหม แต่เราอยากจะบอกนะว่า ถ้าพูดถึงธรรมะ ธรรมะไม่มีเหตุผล แล้วก็ใช้ธรรมะวัดกันไม่ได้ ถ้าว่าด้วยเหตุผลและเอาธรรมะมาอ้าง โมโหกันตาย จริงไหม (จริง)
แล้วอะไรเรียกว่าคนมีธรรมะ คนมีธรรมะคือ
๑. คนอารมณ์ไม่กระเพื่อมไหว เป็นคนใจเย็น
๒. ไม่เห็นแก่ตัว
๓. ยอมได้ก็ยอม
ถ้าทำได้ครบสามข้อนี้ ถามว่าชีวิตนี้มีธรรมะไหม มีได้ และถามว่าชีวิตต้องเปิดตา เปิดหู เปิดปากก็ยังไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ชีวิตก็สงบได้ จริงไหม (จริง) ทำได้ไหม (ทำได้, ทำไม่ได้) ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง (ใช่) อย่างนั้นถ้าท่านทำไม่ได้จะมีเรื่องน่ากลัวอยู่นะ แล้วน่ากลัวจนถึงภัยพิบัติ ความเจ็บไข้ได้ป่วย ผลสุดท้ายก็คือการรับโทษทัณฑ์ และที่น่ากลัวที่สุดคือ หนีไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด แค่ไม่ยอม ไม่อดทนและเห็นแก่ตัว แต่ถ้าสงบได้ ไม่เห็นแก่ตัว อดทนได้ ท่านจะหนีได้ พ้นทั้งเภทภัย ความเจ็บไข้ได้ป่วย การจองเวรจองกรรม และการเวียนว่ายตายเกิด ลองคิดดูให้ดีนะ ว่าแค่ยอมสามอย่างนี้เราพ้นได้ตั้งแต่สี่ ห้า หก ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วทำไมถึงไม่ยอม (ทำไม่ได้)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจ้งพระนาม)
ยินดีต้อนรับเราไหม (ยินดี) อย่าเพิ่งเบื่อเสียก่อน ไม่เบื่อจริงๆ หรือ (จริง) โกหกบาปนะ แล้วถ้าโกหกบ่อยๆ ตกนรกเลยนะ บางคนบอกอย่าเอามาขู่เลย ไม่กลัวหรอก นรกสวรรค์ไม่รู้มีจริงหรือเปล่า แต่เมื่อไหร่ที่ทำผิด ทำไมจึงรู้สึกระแวง เมื่อไหร่ที่คิดจะทำผิดทำไมใจมันสั่นรัว แล้วทำไมเวลาทำผิดจึงไม่ค่อยกล้ามองหน้าใคร
มนุษย์มีความคิดแตกต่าง มีความรู้ก็แตกต่างกันไปอย่างนั้นเริ่มต้นที่เหมือนกันก่อน รู้สึกลึกๆ เป็นเหมือนกันก็คือ บางครั้งที่มนุษย์เราสนใจศึกษาธรรมะ เพราะเราเบื่อโลก และอยากหาทางพ้นทุกข์ เบื่อโลกอย่างเดียวไม่พอ เบื่อคนหน่ายคนด้วยรู้สึกว่าคนวุ่นวายเหลือเกิน แต่ว่าให้เราหนีสุดหล้าฟ้าเขียวหนีพ้นไหม (ไม่พ้น) เพราะอะไร เพราะว่าขึ้นชื่อว่าคน ที่เรียกว่าตัวตน หรือเรียกอีกอย่างว่าชีวิต ชีวิตจะประกอบได้ต้องมีหลายๆ ชีวิต ทำให้มีหนึ่งชีวิตชีวิตนี้จะมีได้ก็ต้องเกิดจากมีรากฐานของชีวิตมา ฉะนั้นถ้าเราคิดทุกเรื่องแล้วเราหลบไปหาความสงบทางธรรม เช่นนี้เรียกว่ารับผิดชอบชีวิตไหม เช่นนี้เรียกว่าหนีทุกข์แล้วไปหาความสุขคนเดียว
การศึกษาธรรมจริงๆ ก็คือ ทำตัวเองให้ดี อยู่กับคนรอบข้างให้ได้ ความสุขก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม ธรรมะก็ไม่ใช่อยู่แค่ในวัด แต่เริ่มต้นที่ตัวเราเอง เหมือนที่เราบอกไว้ตั้งแต่ต้น ถ้ามีพ่อแม่เป็นเมธี มีหรือลูกจะไม่เป็นปราชญ์ ถ้าบ้านไหนมีแม่เป็นเมธีลูกไม่มีวันประพฤติผิดประพฤติชั่ว ถูกหรือไม่ (ถูก) ชีวิตคนประกอบไปด้วยรากฐานที่มาจากจิตใจ ถ้าจิตใจวางรากฐานที่ดีงามชีวิตก็ต้องดีงามถูกต้อง ครอบครัวจะต้องประกอบไปด้วยพ่อ แม่ จึงมีลูก ชีวิตต้องประกอบไปด้วยจิตใจจึงมีตัวตน พอมีจิตใจถึงจะมีตัวตน แล้วถ้าเราวางจิตใจได้ดีงาม การนำพาชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนที่จะดูว่าจิตใจดีหรือไม่ดี เราขอถามท่านว่าคนรอบข้างมีอะไรดีบ้าง นึกออกไหม นึกออกแต่ต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าถามว่าคนรอบข้างมีอะไรไม่ดีบ้าง ไม่ต้องนึกก็พูดออกมาได้ทันที ใช่หรือไม่ ท่านรู้ไหมว่าการคิดจะควบคุมคนอื่นคือหนทางแห่งการนำพาสู่นรก การมองเห็นคนอื่นมีดี นำพาเราขึ้นสวรรค์ เกี่ยวอะไรกันหรือ
ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องหนึ่ง สมมติว่ามีคนเดินมาแล้วด่าท่านเสียๆ หายๆ จะด่ากลับหรือไม่ (ด่า) แต่การด่าในใจคิดหรือไม่ว่า เขามีดีอะไร ถึงมาว่าฉัน หรือว่าไม่คิดอะไร ว่ากลับไปเลย ฉะนั้นเวลาเราเห็นคนที่ทำไม่ดี ทำผิด ในใจลึกๆ เราคิดว่าเราอย่าเป็นเช่นคนๆ นั้น ถ้าเราเห็น คนๆ หนึ่งด่าอีกคนหนึ่ง ส่วนคนที่โดนด่า ก็ด่ากลับทันที เราก็จะบอกว่าก็ไม่ดีทั้งคู่นั่นแหละ ถูกไหม (ถูก) เห็นชัดเลยไหม (ชัด) รู้เลยใช่ไหม (ใช่) แล้วเราทำไหม (ทำ) เราคิดในใจว่าเราจะไม่ทำแบบนั้น แต่ถ้าเราโดนด่าบ้างเราด่ากลับไหม แม้ปากไม่พูดแต่ใจด่า แม้หน้าจะยิ้มๆ แต่ใจเกลียด ใช่หรือไม่ (ใช่)
ท่านเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมว่า “ใครก่อเวรก่อภัยกับเรา แล้วเราต่อเวรต่อภัย คนนั้นน่ารังเกียจกว่า” ใครด่ามาแล้วเรารู้ว่าคนด่านี้ไม่ดี แล้วเรายังด่ากลับ เราก็ไม่ต่างอะไรกับเขา แถมน่ารังเกียจกว่าเขา เพราะรู้แล้วยังทำ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ท่านรู้ไหมว่าจิตสำนึกของคนถ้าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ผิด สำนึกผิดชอบชั่วดี หรือรู้ว่าตัวเองผิด ท่านเชื่อไหมว่าจะเป็นยารักษาโรค เป็นคาถาชุบชีวิต เป็นหนทางนำพาชีวิตไปสู่สวรรค์ แต่ถ้าเมื่อไรยังมีชีวิตอยู่ คนโน้นก็เกลียด คนนี้ก็น่าเบื่อ คนนั้นก็ไม่ได้ดั่งใจ ท่านกำลังสร้างนรกบนดิน ใช่หรือไม่ (ใช่) จิตที่คอยจับผิดคนอื่น คอยว่าคนอื่น คอยเกลียดคนอื่น ไม่เคยได้ดั่งใจ ไม่เห็นดีน่ารำคาญ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจไปหมด ท่านเชื่อไหมว่านอกจากจะสร้างนรกบนดินแล้ว ท่านยังสามารถสร้างโรคภัยไข้เจ็บมาสู่ตัว รู้ไหม (ไม่รู้) ลองจับท้องตัวเองดูสิ ท้องตัวเองโตไหม คนที่ท้องโตแล้วชอบมองเห็นคนอื่นไม่เคยมีดีเลย คือคนที่ปล่อยให้ธาตุดินพิฆาตธาตุไม้ แล้วเก็บความโกรธความเกลียดไว้ในใจ จนสะสมกลายเป็นก้อนเนื้ออยู่ในท้อง ท้องโตไหม แล้วนานไปจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บ นี่แค่เพียงการเกลียดคน แค่คอยจับผิดคนเท่านั้นเองนะ
เราจะบอกให้ลึกลงไปอีก มีคำกล่าวคำหนึ่งว่า “จริงๆ แล้วถ้ามนุษย์ซื่อตรง มีความเที่ยงธรรม แม้ผีก็ไม่กล้าเข้าใกล้”รู้ไหมว่า ภพภูมิมนุษย์มาจากไตรภูมิ มาจากภูมิชั้นฟ้า ประกอบไปด้วยฟ้า ดิน มนุษย์ ขึ้นชื่อว่าคนประกอบไปด้วยฟ้า ดิน มนุษย์ ถ้าทำดี มีคุณธรรม ฟ้าย่อมเคารพยกย่อง แต่ถ้าเป็นคนไร้คุณธรรม ขาดคุณธรรมในใจ ฟ้าย่อมให้เภทภัย เมื่อไม่สามารถรักษาคุณธรรมความเป็นคนได้ คิดร้าย ทำชั่ว ประพฤติผิดก็หนีไม่พ้นตกนรกภูมิ เมื่อขาดภพภูมิที่สองกลายเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ผีมารก็ข่มเหงได้แล้วก็สามารถยึดตัวเราทำร้ายเราได้ เพราะอะไรเราจึงขาดคุณธรรมกลายเป็นคนชั่ว กลายเป็นคนที่แม้แต่ผีก็ทำร้ายได้ รู้ไหม เพียงเพราะแค่เห็นใครแล้วไม่พอใจ เห็นใครแล้วไม่ได้ดั่งใจ รำคาญ ไม่ชอบ เพียงแค่ว่าไม่ชอบ พอไม่ชอบก็เกิดความโกรธ โกรธมากๆ ก็หลงตัวเอง ฉันดี เธอไม่ได้เรื่อง
ถ้าโกรธก็เสียคุณธรรมความเป็นคน เมื่อหลงตัวเอง เห็นแก่ตน ยมบาลก็กำหนดให้มีโรคภัยไข้เจ็บ ก็หนีไม่พ้นเภทภัย เมื่อเห็นแก่ตัวมากๆ เราก็หนีไม่พ้นความทุกข์ยาก เมื่อหนีไม่พ้นความทุกข์ยากก็เริ่มเบียดเบียนทำร้าย เมื่อเบียดเบียนทำร้ายก็ก่อเวรก่อภัย ก็หนีไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นพระพุทธะจึงกล่าวว่า “มนุษย์เมื่ออยู่ด้วยกัน การทำร้ายกันย่อมเกิดโทษ” แต่การพยายามควบคุมให้คนนี้ต้องเป็นอย่างนี้ ให้คนนั้นต้องเป็นอย่างนั้นก็เกิดเวร ถูกหรือไม่ (ถูก) ล้วนไม่ดีทั้งสองอย่าง ผู้บำเพ็ญธรรมอย่าเข้าใกล้สองสิ่งนี้ แต่มนุษย์ตัวเองดีหรือยัง ก็ไม่รู้ แต่ชอบควบคุมสามี ควบคุมลูก ลูกต้องเป็นอย่างนั้น สามีต้องเป็นอย่างนี้ พอไม่เป็นอย่างนั้นไม่เป็นอย่างนี้ก็เกิดความขัดเคืองแค้นกัน ไม่พอใจกัน ไม่ปรองดองกัน เมื่อไม่ปรองดองก็กลายเป็นสร้างนรกบนดิน อยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นบำเพ็ญธรรมคืออะไร มองแต่ข้อดีของกันและกัน อย่าควบคุมใคร มีแต่ควบคุมตน แล้วตอนนั้นจากนรกจะกลายเป็นสวรรค์ เราก็หนีพ้นทั้งเภทภัยและโรคภัยไข้เจ็บ พญามารผีร้ายก็คุมชีวิตเราไม่ได้ ยมบาลก็ทำร้ายเราไม่ได้ ฉะนั้นต้นเหตุของภัยภิบัติและโรคภัยไข้เจ็บ เกิดจากใจที่อยากจะควบคุมคนอื่น เกิดจากใจที่มองแต่เห็นคนอื่นไม่ได้เรื่อง จริงไหม
(เปลี่ยนความคิดตัวเราเอง เราเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้ ถ้าเราควบคุมตัวเองได้ก็หมายความว่า เราทำให้ตัวเองมีความสุขได้ ไม่โกรธ การเห็นเป็นเหตุของการคิด การได้ยินเป็นเหตุของการคิด การฟังเป็นเหตุของการคิด ถ้าเราไม่เห็นไม่ได้ยิน อยู่กับตัวเองอย่างมีสติ และมองคนรอบกายได้มีความสุข) ตอบได้ดี ปรบมือให้เขาหน่อยดีไหม แต่อดไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่) พยายามมองเอง พยายามจะเข้าใจ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมเขาต้องทำกับเราแบบนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่าลืมนะ เราบอกว่าเอาธรรมะมาวัดคนไม่ได้ เราจะพยายามเอาเหตุผลมาตรวจสอบคนก็ไม่ได้ ยิ่งพยายามตรวจสอบว่า ทำไมเขาถึงทำกับเราแบบนี้ บอกเหตุผลสิ ทำไมเธอไม่รักฉัน บอกเหตุผลสิ ทำไมลูกถึงไม่อยากดี บอกได้ไหม บางทีไม่มีเหตุผล ยิ่งพยายามหาเหตุผลยิ่งโมโหตาย
(ต้องมีสติ) ต้องมีสติพิจารณาทุกเรื่อง ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนั้นถามท่านว่า พ่อแม่มีอะไรดีบ้าง นึกออกไหม (พ่อแม่ก็ดูแลเราตลอด) ถ้าเรานึกแล้วตอบได้ทันที แต่ถ้าเกิดเราถามว่า พ่อแม่มีดีอะไร สิ่งที่ออกมาในความคิดเราคือความไม่ดี แปลว่าเรายังขาดกตัญญูโดยส่วนใหญ่ถ้าถามว่าพ่อแม่มีดีอะไร ทุกคนมักจะตอบว่าจำไม่ค่อยจะได้ แต่สิ่งที่จำได้อยู่ในสมองคือ คำบ่น ถูกไหม (ถูกครับ) เมื่อไหร่ที่นึกว่าคำบ่นมากกว่า ความรู้สึกว่า พ่อแม่มีดี นั่นแปลว่า ในใจลึกๆ เรายังรู้สึกว่าแม่ยังไม่ค่อยน่ารัก พ่อยังไม่ค่อยน่ารัก ใช่หรือไม่ (ใช่ครับ) จิตสำนึกเกิดได้ย่อมเป็นหนทางเยียวยารักษาชีวิตให้ดีงาม เป็นธรรมดาเราอยู่ในโลกนี้ย่อมมีคนที่ถูกใจและไม่ถูกใจ แต่ถ้าเราไม่สามารถที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนที่ไม่ถูกใจให้เป็น เรานั่นแหละคือคนที่ทำให้ตัวเองทุกข์ เพราะคนที่ไม่ถูกใจและถูกใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่เราอยากจะบอกท่านง่ายๆ ก็คืออยู่ในโลกอยากเข้าถึงธรรมท่านต้องเข้าถึงความเป็นคนก่อน ถ้าอยู่ในโลกไม่เข้าถึงโลกจะเข้าถึงธรรมได้อย่างไร ไม่บรรลุความเป็นคนจะบรรลุธรรมะได้หรือไม่ (ไม่ได้) ฉะนั้นท่านจงจำไว้ให้จงหนักอยากจะหนีโลกไปหาความสุขไม่มีวันหนีพ้น ถ้าต้นเหตุแห่งปัญหามาจากใจ ใจที่ยังยึดมั่นว่าลูกต้องเป็นแบบนั้น เพื่อนต้องเป็นแบบนี้ สามีต้องเป็นเช่นนี้ เรานั่นแหละก็คือคนที่ไปอยู่ที่ใดก็เป็นทุกข์ ไปอยู่ที่ใดก็สร้างนรกมากกว่าสร้างสวรรค์ทำไมเราต้องเกิดมาทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีปัจจัย ทำไมเราไม่เจอคนดีๆ ทำไมต้องเจอคนแบบนี้เพราะเรามีกรรมเวรกันมาแล้วเราจะยอมจบกรรมได้อย่างไร หรือรู้จักอดทนให้อภัยเพื่อสลายหนี้กรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเราจะสลายหนี้กรรมได้อย่างไร สิ่งสำคัญอย่างเดียวคือจิตที่สำนึกรู้ยอมรับผิดบ้าง อย่าคิดว่าตัวเองถูกเสมอ อย่าคิดว่าตัวเองดีกว่าใคร การคิดแบบนี้คือการสร้างนรกให้กับตัวเองเพราะตั้งแต่ต้นเราบอกแล้วว่าอยากเข้าถึงธรรมะไม่ยาก ใจเย็น ไม่เห็นแก่ตัว และถึงที่สุดยอมให้ได้ ถ้ายอมไม่ได้เย็นไม่ได้ เห็นแต่ตัวเอง ไม่เห็นใครเห็นแต่หน้าตัวเองไม่เห็นหน้าใคร มีเรื่องแน่ๆ ใช่หรือไม่ (ใช่) และทำให้โลกนี้กลายเป็นนรกได้ และตัวเราก็กลายเป็นปีศาจร้าย
ใครว่าตัวเองเป็นคนดีบ้างยกมือขึ้น ใครที่คิดว่าตัวเองยังไม่ดี แปลว่าสิ่งที่ฟังไม่เสียเปล่า เพราะเราบอกว่าจิตสำนึกผิดเป็นหนทางสู่สวรรค์ เป็นคาถาชุบชีวิต เป็นยารักษาใจ ถูกไหม (ถูก) แต่ถ้าจิตที่คิดว่าตัวเองดีแล้ว เก่งแล้ว ต้องระวัง เพราะสังเกตง่ายๆ เวลาเราไปทำบุญ ไปทำดีแล้วมักจะมองใครไม่ค่อยขึ้นใช่ไหม มองแล้วคนนี้ยังไม่ได้เรื่อง คนนี้ยังขี้บ่น ไม่เหมือนฉันวันนี้อิ่มบุญ คิดอย่างนี้ก็สร้างนรกบนดินแล้ว ฉะนั้นบำเพ็ญธรรมคือ เห็นทุกคนมีดี แต่เมื่อไหร่คิดจะควบคุม คิดจะจับผิด ท่านก็คือคนที่สร้างนรกบนดิน มีใครอยากให้ใครควบคุมใครบ้าง (ไม่มี) ใจลึกๆ ท่านยังบอกเลยว่า เรารักอิสระ หัวใจก็อิสระจะมาบังคับไม่ได้ เมื่อท่านไม่ชอบการบังคับ ท่านก็อย่าไปเผลอยึดมั่นบังคับใคร แล้วเรายึดมั่นไหม (ไม่ยึด) แต่เมื่อดูทีวีเห็นเขาฆ่ากัน ก็ด่าทอ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้น ขึ้นชื่อว่ามนุษย์มีความถูกต้องเที่ยงธรรม ฟ้าจะคุ้มครอง แต่ถ้าไร้คุณธรรมประพฤติผิด นอกจากฟ้าไม่คุ้มครองแล้ว ยังตกอยู่ในชีวิตที่หนีไม่พ้นยมบาล และถึงที่สุดก็หนีไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด ฉะนั้นอยากหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดสำคัญที่ดำรงตน อยู่กับพ่อแม่เรามีคุณธรรมความเป็นคนคือกตัญญูไหม เรียกร้องให้พ่อแม่มีเมตตา แต่ตัวเราดีหรือยัง เรียกร้องให้คนอื่นซื่อตรงซื่อสัตย์ ตัวเราซื่อตรงซื่อสัตย์หรือยัง เรียกร้องให้คนอื่นเป็นคนดี ตัวเราดีแท้ไหม ฉะนั้นเมื่อต้นตรงมีหรือรากจะคด เมื่อรากตรงมีหรือต้นจะคด เมื่อจิตใจถูกต้องเที่ยงธรรม มีหรือการดำเนินชีวิตจะสูญเสียหลักแห่งความเป็นคน ฉะนั้นถ้าขึ้นชื่อว่าคนยังทำตนไม่เที่ยงตรงถูกต้อง จะบรรลุธรรมได้เป็นเรื่องยาก ถ้าอยู่กับคนยังไม่ได้ดี แล้วหวังไปบำเพ็ญธรรมได้ดี เราก็ไม่เคยเห็นมีที่ไหน ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่มนุษย์ก็บอกว่า อย่างนั้นเกิดเป็นคน สัตว์เล็กสัตว์น้อยช่างมัน เอาบ้านเราไว้ก่อน เช่นนี้ชะตาชีวิตย่อมสั้นเป็นแน่แท้ เคยได้ยินไหม
บางคนรักแต่ครอบครัวของตนเอง แต่ชีวิตผู้อื่นไม่รัก อย่างนี้ไม่ถูกต้อง แต่ถ้าชีวิตผู้อื่นก็รัก ครอบครัวก็รัก อายุย่อมยืนยาว แต่ถ้ารักแต่ครอบครัวตัวเอง รักแต่ชีวิตตัวเองแล้วทำร้ายชีวิตอื่น อายุย่อมสั้น บางคนบอก เกิดเป็นคนทำดีก็พอแล้ว ตัวเองรอดก็พอแล้ว พ่อแม่ก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา ได้ไหม (ไม่ได้) บางคนบอกว่าเพราะยังไม่มีเวลา ขอไปทำมาหากินก่อน ใช่ไหม (ใช่) ท่านเคยได้ยินไหม ตัวเองห่วงตัวเองแต่ไม่ดูแลคนรอบข้าง ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เย่อหยิ่งจองหอง มีความรู้สูงส่ง แม้ไม่ฉ้อฉล ไม่เป็นคนชั่วร้าย แต่ถึงที่สุดวาสนาย่อมอับเฉา ฟังเราพอเข้าใจบ้างไหม
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่า “คน” ถ้าอยากมีธรรมะ สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นจากตัวตนเองก่อน ถ้าตัวเองทำตนได้ถูกต้องและรู้จักคุณธรรมแห่งความเป็นคนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การจะมีธรรมะก็ไม่ใช่เรื่องยาก การนำพาคนก็ไม่ใช่เรื่องน่าทุกข์ใจ ความสุขก็ไม่ใช่เรื่องที่หายาก แต่น่าเสียดายอย่างหนึ่งตรงที่บางคนฟังแล้วแต่ไม่เอา มาฟังให้ผ่านๆ หูไป แต่ถามว่าได้อะไรไหม ไม่รู้ ไม่สน ไม่เกี่ยวกับฉัน ใช่ไหม (ไม่ใช่) เมื่อยามที่ตัวเองทุกข์อย่ามาตัดพ้อฟ้าดิน ว่าฟ้าไม่ยุติธรรมไม่ได้นะ เพราะว่าถึงที่สุดแล้วชีวิตล้วนเกิดจากตนเป็นผู้ลิขิตทั้งนั้น ชะตาแม้จะขึ้นอยู่กับฟ้าแต่ฟ้าก็มองดูที่ตัวคน พลิกผันตามตัวคน ฉะนั้นเราเกิดเป็นคน ความสงบที่แท้จริงต้องเริ่มจากใจ คุณธรรมที่แท้จริงต้องเริ่มจากตัว ถ้าเราไม่เริ่มที่ตัว ไม่เริ่มที่ใจ ไปวิ่งหาภายนอกก็เท่ากับว่าจับต้นชนปลายไม่ถูก แก้ไม่ถูกที่ต้นเหตุ ถูกหรือไม่ (ถูก)
ในวันนี้เราคงกลับได้แล้ว จำคำพูดของเราไว้ การบำเพ็ญธรรมไม่ใช่เรื่องยาก การบำเพ็ญธรรมทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าเป็นคนบำเพ็ญธรรมมีธรรมะ ทนในสิ่งยากทนเรียกว่าคุณธรรมถ้าอดทนไม่ได้ท่านก็ไม่สามารถมีธรรมะได้ เมื่อไม่สามารถประพฤติธรรมแห่งฟ้าดินได้ ท่านก็สูญเสียใจฟ้า หนีไม่พ้นนรก เมื่อหนีไม่พ้นนรก ยังคิดผิดคิดร้ายก็หนีไม่พ้นการเวียนว่าย เมื่อหนีไม่พ้นการเวียนว่ายท่านก็ต้องรับเภทภัย ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความทุกข์แล้วก็วัฏฏะแห่งการเวียนว่าย ดังนั้นการจะแก้ไม่ยากเลย คนทุกคนล้วนมีดี แต่ถ้าเมื่อไหร่คิดว่า คนทุกคนยังไม่ได้เรื่อง ยังแย่ ท่านคือคนที่ทำร้ายคุณธรรม และสร้างนรกบนดิน จริงไหม (จริง) เห็นใครก็เกลียด เห็นใครก็ไม่ชอบ พอไม่ชอบ เกลียดแล้วก็อยากควบคุม พอควบคุมแล้วไม่เป็นดั่งใจแล้วเป็นอย่างไร ก็โกรธ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
อีกเรื่องทิ้งท้ายก็แล้วกัน ท่านเคยได้ยินไหม มนุษย์เราถ้ารักษาความตรงเที่ยงได้ ก็ยังรักษาฟ้าดินได้แต่ถ้ามนุษย์ไม่สามารถรักษาความตรงเที่ยงได้ มนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะอยู่ค้ำฟ้าค้ำดินได้ เราจึงมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถเที่ยงได้ นั่นคืออะไรรู้ไหม อะไรที่ทำให้เราสูญเสียความเที่ยงในหัวใจ สูญเสียหัวใจแห่งฟ้าดินรู้ไหม มีคำเดียวคือคำว่า เพียงแค่เรารู้สึกแค่เพียง “ไม่พอใจ” เราจะไม่สามารถรักษาใจแห่งฟ้าดินได้ เพียงแค่เรา
“ไม่พอใจ”คำเดียวนะ เมื่อไม่พอใจสะสมมากแล้วอยากหาเหตุผลแห่งธรรมะว่า ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ พยายามหาเหตุผล หาอย่างไรก็ไม่เจอ จำไว้ว่าธรรมะอย่าใช้เหตุผล ถ้าใช้เหตุผลจะโมโห เราบอกเป็นรอบที่สาม รอบที่สี่แล้วนะ เมื่อเราไม่พอใจ ชีวิตต้องเจอแบบนี้ ทำดีแล้วทำไมต้องเจอแบบนี้ แล้วพยายามจะเข้าใจ แล้วอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
“ไม่พอใจ”คำเดียวนะ เมื่อไม่พอใจสะสมมากแล้วอยากหาเหตุผลแห่งธรรมะว่า ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ พยายามหาเหตุผล หาอย่างไรก็ไม่เจอ จำไว้ว่าธรรมะอย่าใช้เหตุผล ถ้าใช้เหตุผลจะโมโห เราบอกเป็นรอบที่สาม รอบที่สี่แล้วนะ เมื่อเราไม่พอใจ ชีวิตต้องเจอแบบนี้ ทำดีแล้วทำไมต้องเจอแบบนี้ แล้วพยายามจะเข้าใจ แล้วอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
อย่างนั้นวิธีแก้ ยอมได้ไหม ไม่เห็นแก่ตัวได้ไหม รักษาความสงบเย็นได้ไหม ถ้าพลิกกลับได้ ท่านพบธรรม แต่ถ้าพลิกกลับไม่ได้ เมื่อไม่ยอมกลายเป็นความโกรธ โกรธมากๆ หวาดกลัว หวาดกลัวมากๆ ก็เลยต้องพยายามหาความสุขสบายใจ ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองสบายใจ เพราะว่าเกลียด โกรธ พอใจอันนั้น ไม่พอใจอันนี้ ถูกหรือไม่ พอหาความสุขสบายใจ พอได้ความสุขสบายใจ เริ่มวิตกกังวล ถูกไหม (ถูก) พอวิตกกังวลมากๆ เริ่มเป็นทุกข์ ผลสุดท้ายก็สูญเสียความเป็นคน เพียงแค่ “ไม่พอใจ” เท่านั้นเอง ฉะนั้นต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล ต้นเหตุแห่งเภทภัย ความเจ็บไข้ได้ป่วย การเวียนว่ายตายเกิด และปัญหาในชีวิตทั้งมวล ล้วนเกิดมาจากคำๆ เดียวว่า “ไม่พอใจ”
ฉะนั้นขอแค่เพียงแค่นี้ก็ดีแล้ว ถ้าคิดได้แบบนี้ ท่านจะสามารถรักษาคุณธรรมแห่งฟ้าดิน แม้ผีก็ทำร้ายเราไม่ได้ แต่ถ้าคนโน้นก็โกรธ คนนี้ก็เกลียด คนนี้ก็ไม่ได้ดั่งใจ ทำไมเรื่องไม่เป็นแบบนี้ ทำไมเรื่องไม่เป็นแบบนั้น คิดอย่างนี้ ท่านกำลังเพาะความเจ็บปวดให้ลงสู่ร่างกาย ลองคิด ตื่นเช้ามาเกลียดเขา ด่าแช่งเขา ท้องไส้ปั่นป่วนไหม ไม่ต้องไปหาหมอ เรารักษาง่ายๆ รู้จักพอใจ ท่านก็หายเจ็บหายป่วย และรู้จักสำนึกผิดบ้าง เพราะการรู้สึกสำนึกผิดเป็นยารักษาชีวิต หนทางสู่สวรรค์ และเป็นคาถาที่ชุบชีวิต ให้ชีวิตมีความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่ไม่ใช่สำนึกผิดแล้ว ก็จมกับความผิด สำนึกแล้วแก้ไขให้ดีขึ้นวันนี้ที่นั่งอยู่เป็นนรกหรือสวรรค์ ถ้าบอกว่าไม่พอใจ ท่านก็คือคนที่สร้างนรกถูกไหม
มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีกนะ บางคนยังหลับได้ ไม่เป็นไรเราเข้าใจเพราะว่าไม่เคยนั่งนานๆ แบบนี้ก็คงเหนื่อยเป็นธรรมดา สิ่งที่น่ากลัวที่ขังชีวิตจิตใจมนุษย์ให้ทุกข์ที่สุดก็คือร่างกาย อย่าปล่อยให้ร่างกายเป็นกรงขังใจ ใจเรารักอิสระ ใจท่านโหยหาอิสระไม่ใช่หรือแล้วทำไมปล่อยให้กายมาขังใจ ใจเหนือกายไม่ได้หรือ ใจยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกไม่ได้หรือ ใจพ้นทุกข์ไม่ได้หรือ คิดให้ดีๆ นะ ไม่อย่างนั้นจะมีพุทธะไว้ทำไม พุทธะมีไว้บอกว่าใจเราเป็นอิสระและพ้นทุกข์ได้ และมีชีวิตอยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึกได้ บอกท่านวันนี้คงบอกได้ไม่หมด ไปฟังต่อพรุ่งนี้ดีไหม ใช้ปัญญานะ จำไว้ว่าความโกรธนำมาซึ่งความอับจนหนทางและอับจนปัญญา อย่าพึงโกรธบ่อยเพราะคนโกรธบ่อย ไม่มีวันเข้าถึงธรรมะได้
วันอาทิตย์ที่๒๔ มีนาคมพุทธศักราช๒๕๕๖ สถานธรรมหมิงฮุยจ.ลพบุรี
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
คนทุกข์คือคนที่จมกับเรื่องเก่าเก่า คนทุกข์คือคนที่ยังเอาจำเก็บไว้
คนทุกข์คือคนที่ไม่เคยยอมใคร คนทุกข์คือผู้ไม่พร้อมรับความจริง
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานหมิงฮุยแฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักอาจารย์ไม่ค่อยเข้มแข็งกันเลยหรือ
ความทุกข์ความสุขใจ ไม่มีสิ่งไหนคงนิรันดรปลงหน่อยศิษย์เอ๋ย ดูก่อนศิษย์เอ๋ย สิ่งที่ตามความต้องการสร้างความทุกข์ใจ
* คิดลึกซึ้ง ลอยความอิจฉาไม่มีอัตตาทุกข์แอบสุขมา วางเป็นแค่นั้นเจ้าจะขอบคุณเรื่องราวที่มาสอนใจ
** ความทุกข์ความสุขนั้นวนอยู่อย่างนั้น รู้แล้วจึงตามทัน ไม่เกิดปัญหาสิ่งที่ไขว่คว้าว่างเปล่าไม่มีไม่มีทั้งตัวและตน ( ซ้ำ *, *** )
*** ใจเอ๋ยใจคน รอวันพ้นดูเหมือนไม่มีวัน นอกจากศิษย์รักรู้ตัวเอง
ทำนองเพลง: อารีดัง (๒๕๓๙)
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
“คนทุกข์คือคนที่จมกับเรื่องเก่าเก่า“เรื่องมันจบไปแล้ว แต่เราก็ยังเก็บเอามาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉะนั้นความสุขอยู่ไหน ความสุขอยู่แค่ตรงนี้เอง ไม่มากไม่น้อยคิดแค่นี้ก็ดีแล้ว คนที่มีความทุกข์คือคนที่มักจมอยู่กับเรื่องเก่าๆคนที่ไม่เคยยอมใคร มีเรื่องอะไรก็เก็บไว้หมดหัวใจของเราเป็นกระโถนท้องพระโรงหรือเป็นถังขยะ ที่ไม่ค่อยเก็บเรื่องดีๆเก็บแต่เรื่องเน่าๆ เรื่องของเมื่อวาน เรื่องของปีที่แล้วแต่ทำไมยังอยู่ในใจ ยังเป็นขยะ เป็นของเก่าใช่ไหม (ใช่)หัวใจเป็นถังขยะที่ถมไม่มีวันเต็มแล้วทำไมวันนี้ฟังธรรมแล้วรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วเต็มแล้วตกลงใจของเราเต็มหรือไม่เต็มกันแน่ ใจของเรามีหรือไม่มีก้นบึ้ง (ไม่มีก้นบึ้ง) จริงหรือ แต่ทำไมเวลาเกลียดนิดเดียวก็รู้สึกรับไม่ได้แล้วไหนบอกหัวใจไม่มีก้นบึ้ง เพราะแค่เกลียดนิดเดียวเราก็บอกว่ารับไม่ได้แล้วแล้วจริงๆ หัวใจมีก้นบึ้งไหม แล้วแต่อารมณ์ อารมณ์ดีก็รับได้หมดทุกอย่างแต่ถ้าอารมณ์ไม่ดี อะไรก็ไม่เอา วันนี้มานั่งฟังมีความสุขหรือมีความทุกข์ (มีความสุข) มีความสุขหรือสุขจนร้อน จนนั่งไม่ติดกระเด้งหายไปหลายคนเลย
“คนทุกข์คือผู้ไม่พร้อมรับความจริง”ถ้านั่งที่นี่แล้วมีความสุขก็คือ คนที่กล้ายอมรับความจริง กล้าอยู่กับปัจจุบันแต่ถ้านั่งตรงนี้แล้วจำใจทนแปลว่าเราเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริงกับปัจจุบันที่เกิดขึ้นเรายังยึดติดกับความคิด ทั้งที่จริงๆ แล้วใจมนุษย์มีเหลี่ยมมีมุมไหม ไม่มีไปอยู่กับใครก็ได้ แต่ความยึดติดในอัตตาตัวตนทำให้มีเหลี่ยมมีมุมพอไปเจอคนโน้นก็กระทบใจ กระทบหูก็รับไม่ได้
เรามานั่งฟังธรรมะวันนี้ จุดประสงค์ที่แท้จริงของการฟังธรรมะคืออะไร (ขัดเกลาจิตใจ, เพื่อหาทางพ้นทุกข์) แล้วถ้าเกิดยิ่งนั่งยิ่งทุกข์ยิ่งนั่งยิ่งฝืนใจ ยิ่งร้อนใจ ถูกไหม (ไม่ถูก) อาจารย์อยากจะบอกว่าการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม สวดมนต์ก็ดี นั่งสมาธิก็ดี ฟังธรรมก็ดีรู้จักเคารพนบนอบผู้อื่น อะไรก็ดีหมดแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปนั้นมีจุดมุ่งหมายเดียวคือต้องการให้ศิษย์เข้าใจทุกข์และหาทางพ้นทุกข์
พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า “ธรรมะที่พระพุทธองค์แสดงนั้น มีมากมายเท่ากับใบไม้ในป่าแต่สิ่งที่ท่านพูดหรือใช้ได้จริงๆ นั้นมีแค่หยิบมือเดียว” และหยิบมือนั้นคืออะไร ทำอย่างไรก็ได้ให้เราพ้นทุกข์แล้ววันนี้มานั่งเพื่อพ้นทุกข์หรือนั่งแล้วยิ่งทุกข์ (เพื่อพ้นทุกข์) นั่งทุกข์มาตั้งนาน แล้วศิษย์รู้ไหมถ้านั่งแล้วเรามีศีลมั่นคงมีสติเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น คนพูดเขาก็ได้บุญด้วย ได้บุญเพราะว่าได้โปรดคนบุญเพราะคนที่นั่งมีศีลครบ มีสติดี มีปัญญาถึงพร้อม คนพูดยิ่งได้บุญแล้วเมื่อเราได้บุญ ฟังแล้วดีจังเลยขอแผ่บุญที่เราได้ฟังนี้ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้บรรพชนทั้งหลายครบงามพร้อมไหม ฟังด้วย ให้ด้วย ดีไหม (ดี)
ศิษย์เคยได้ยินไหมว่าการจะทำบุญนอกจากจะต้องดูเนื้อนาบุญที่จะลงแล้วคนที่พูดให้ฟังก็ต้องมีความตั้งใจเต็มเปี่ยมถึงพร้อม ให้แล้วสบายใจด้วยให้แล้วคนรับอิ่มใจด้วย บุญครบสมบูรณ์เลย ถูกไหม (ถูก) แล้ววันนี้ศิษย์พร้อมสมบูรณ์ไหม (พร้อมสมบูรณ์) ศิษย์ชอบทำบุญ ใช่ไหม (ใช่) อาจารย์เรียกว่าไม่ได้ทำบุญ แต่ศิษย์ชอบติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ติดสินบนหนึ่งร้อยขอสองร้อยฉะนั้นหลักการปฏิบัติธรรมทุกอย่างปฏิบัติอะไรก็ได้แต่จุดมุ่งหมายก็คือเพื่อลดความหลง แต่ไปๆ มาๆ ศิษย์หลงกับการปฏิบัติทำบุญเพื่อลดอัตตาตัวตน เพื่อลดความตระหนี่ เพื่อลดความโลภแต่ทำไมยิ่งทำกลายเป็นยิ่งโลภ อย่างนี้แปลว่าเราไปผิดทางเราปฏิบัติธรรมทุกอย่างก็เพื่อไม่ให้หลงแต่ทำไมตอนนี้เรากลายเป็นทำแล้วเราหลง หลงในความรู้ ฉันสวดมนต์เก่งฉะนั้นเวลาเราศึกษาอะไร เราจึงต้องเข้าใจให้ถึงหลัก แล้วก็ต้องมองตัวเองให้ออกไม่อย่างนั้นแล้วเรานั่นแหละคือผู้ที่หลอกตัวเองแล้วก็ไม่เข้าใจธรรมศิษย์รักของอาจารย์ไม่ค่อยเข้มแข็งกันเลยหรือ (เข้มแข็ง) เข้มแข็งพอให้อาจารย์หายห่วงกันได้หรือยัง (ได้) หรือแข็งจนเกินไปไม่ยอมใครแข็งเกินไม่ยอมใครก็น่ากลัวแข็งนอกอ่อนในหรือแข็งทั้งนอกแข็งทั้งในเลย
อาจารย์ไม่ได้มาเพื่อให้ยึดเรื่องรูปลักษณ์ แต่อาจารย์มาเพื่อชี้นำแนวทางให้ศิษย์พ้นทุกข์เข้าใจให้ถูกต้องด้วย ไม่ใช่ให้ศิษย์มายึดเรื่องอย่างนี้แค่ยืมวิธีการมาเพื่อได้ติดต่อสื่อสารกับศิษย์และนำพาศิษย์ให้พ้นทุกข์ธรรมะเป็นเรื่องที่ต้องรู้เอง ปฏิบัติเอง ตื่นเอง และได้รับเองไม่ว่าพุทธะจะมาโปรดกี่องค์ แต่คนที่จะนำพาให้เราพ้นทุกข์ทำให้เรามีสุขที่แท้จริงได้ ไม่ใช่อาจารย์แต่เป็นตัวศิษย์เองที่จะต้องคิดให้ได้และนำพาชีวิตให้ถูกทาง แต่ทำอย่างไรดีศิษย์อยากมีธรรมะ อยากมีความสงบ อยากมีความสุขที่แท้ถามว่าการปฏิบัติธรรมกับการดำเนินชีวิตเหมือนกันหรือไม่ อาจารย์ว่ามองๆไปก็คล้ายๆ กัน เรามีชีวิตอยู่เพื่อให้ตนเองไม่ทุกข์การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกันคือทำอย่างไรให้ตนเองพ้นทุกข์ ไม่ได้ต่างกันเลยแต่วิถีทางการพ้นทุกข์ของพุทธะกับวิถีทางพ้นทุกข์ของมนุษย์ต่างกันตรงที่ว่าถ้าเป็นพุทธะหากทำแล้วพ้นทุกข์แต่ผิดหลักธรรมท่านยอมตายดีกว่าแต่มนุษย์ถ้าทำแล้วผิดหลักธรรมแต่ชีวิตอยู่ได้ก็ทำได้มนุษย์ก็เลยเป็นมนุษย์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด แต่ไม่ได้เป็นพุทธะอย่างนั้นหากตอบคำถามอาจารย์ได้การพ้นทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
อาจารย์ถามว่าความสุขของศิษย์คืออะไร ใครตอบได้จะได้นั่ง แต่ก่อนนั่งจะให้เลือกว่า จะช่วยแต่ตนเองหรือช่วยผู้อื่นด้วย
(การที่เขียน “พ” เป็น) เขียนอักษร“พ” เป็น คือการรู้จักพอ ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนั้นจะช่วยตัวเองหรือจะช่วยคนอื่นให้ได้นั่ง (ช่วยผู้อื่น) จะให้บางคนนั่ง หรือจะให้ทุกคนนั่ง (ทุกคน) แล้วตนเองยอมยืนคนเดียวอย่างนั้นทุกคนกล้านั่งหรือไม่ (กล้า, ไม่กล้า)ไม่กล้าฉะนั้นทุกคนต้องช่วยตัวเอง ศิษย์เอ๋ยพุทธะช่วยคนที่รู้จักช่วยตนเอาแต่หวังวอนขอไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่มีบุญวาสนาขอไปก็เปล่าประโยชน์จะหวังให้อาจารย์ช่วยตลอดได้ไหม (ไม่ได้)
(การเป็นผู้ให้มากกว่าการเป็นผู้รับ) ตอบได้ดี แม้การให้นั้นจะถูกคนว่า แล้วไม่ได้รับผลที่ดีก็จะยัง (ให้อยู่) ทำให้ได้นะ
(ความสุขคือการได้รู้จักให้) ตอบได้ดี (เข้าใจตัวเอง ปล่อยวางได้เข้าใจผู้อื่นแล้วก็พอใจในสภาพที่ตัวเองมี) ความสุขที่แท้จริงคืออะไรคิดให้ดี เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น ใช่ไหม (ใช่) ที่อาจารย์บอกว่าเข้าใจตัวเองก็เข้าใจยากแล้ว เข้าใจผู้อื่นยิ่งยากใหญ่จริงไหม (จริง) อย่างนั้นความสุขของศิษย์ก็เป็นเรื่องยากมากๆ ใช่ไหม (ใช่)ฉะนั้นสุขคืออะไรรู้ไหม เมื่อสักครู่อาจารย์บอกตั้งแต่ต้นแล้วสุขคือเท่านี้ ตรงนี้ แค่นี้ ก็ดีแล้ว เขาแค่นี้ เขาเท่านี้ก็ดีแล้วผมแค่นี้ ผมตรงนี้ก็สุขแล้ว ไม่มาก ไม่น้อย ไม่ขาดไม่เกินหรือจะขาดเกินก็ไม่เป็นไร แค่นี้ก็สุขแล้ว ใช่ไหม
ความสุขที่อาจารย์บอกยากไหม (ไม่ยาก) ยืนก็สุข นั่งก็สุข โดนว่าก็สุขไม่โดนว่าก็สุข ไม่มาก ไม่น้อย ไม่ต้องมีเยอะหรือจะขาดไปก็ไม่เป็นไรหรือมันจะหายไปก็ได้ ความสุขคือการอยู่กับปัจจุบันแล้วรับมันให้ได้แม้หน้าจะเหี่ยวไปกว่านี้ แม้สามีจะไปแล้วก็ตามหรือแม้แต่ลูกจะไม่เป็นดั่งหวังก็ตาม ก็เราทำอะไรไม่ได้นะศิษย์เสียเขาไปแล้วจะเสียใจไปอีกทำไม อย่างนี้เรียกว่าโง่สองเท่าไหมอกหักแล้วยังทำให้ใจเจ็บทำไม บ้านโดนน้ำท่วมแล้ว ร้องไห้ทำไมน้ำยังท่วมไม่พออีกหรือ
ฉะนั้นสุขคืออะไรถามตัวเอง สุขคือการได้กลับมาอยู่กับตัวเองรักตัวเองเป็น แม้ไม่มีเขา เราก็อยู่ได้ ใช่ไหม (ใช่) สุขได้กลับมายืนกับตัวเอง ยืนเป็นคนเดิม เราเคยมีเขามาก่อนไหม (ไม่มี) กลับมาอยู่กับตัวเอง กลับมามีตัวเอง แล้วเราจะเหงาไหม (เหงา) เราคิดไปเองเราปรุงแต่งไปเอง แล้วทำไมแต่ก่อนเราไม่มีเขา เราก็สุขได้ล่ะ ใช่หรือไม่ (ใช่) ความสุขก็คือการกลับมาอยู่กับความเป็นปกติ เป็นดั้งเดิมแท้ของเราดั้งเดิมแท้ของเราคืออะไร มีเงินเยอะไหม (ไม่) มีสามีไหม (ไม่มี) มีภรรยาไหม (ไม่มี) มีลูกไหม (ไม่มี) เพราะฉะนั้นได้กลับมาอยู่แบบเดิมๆไม่ดีหรือ ถ้าหากศิษย์หาความสุขได้ ศิษย์ก็พบความสงบได้แต่ถ้าเรายังสุขไม่ได้เราก็ยังสงบไม่ได้
มีใครอยากฝึกความสงบกับอาจารย์บ้าง (มี) อย่างนั้นอาจารย์ขอตัวแทนศิษย์ ๑คน
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนฝ่ายชายหนึ่งท่านออกมายืนหน้าชั้น)
ความสงบเรียกร้องจากคนอื่นไม่ได้ใช่ไหม (ใช่) ประเดี๋ยวอาจารย์จะเอาแอปเปิลไปซ่อนไว้ที่คนใดคนหนึ่ง แล้วศิษย์จะต้องไปขอคืนเอามา ขอถูกคนจึงจะได้ ขอไม่ถูกคนเขาก็จะไม่มีให้ เข้าใจไหม (เข้าใจ)จะเอาแอปเปิ้ลกี่ลูก (๓ ลูก) จำไว้ว่าขอแล้วจึงจะได้นะ ศิษย์คนอื่นๆถ้าเขามาขอจึงให้ ถ้าเขาไม่ขอก็ไม่ให้นะ
ศิษย์จำไว้นะ ถ้าใช้ความสงบไปขอบางทีก็ยากเหมือนกัน เราว่าเราอยากสงบใจแต่บางทีคนข้างนอกก็ชวนให้เราวุ่นวายใจหรือเกิน จะขอให้เขาสงบได้หรือเปล่าบางทีก็ยาก บางทีก็ง่าย ใช่ไหม (ใช่) หาแอปเปิลยากไหม (ไม่ยาก)จะไม่ยากหากอาจารย์ให้เวลาไม่จำกัด แต่ถ้าอาจารย์กำจัดเวลา ยากไหม (ยาก) เหมือนชีวิต หากเราปรารถนาความสุข ความสงบเราจะบอกว่าไม่เป็นไรยังมีเวลาอีกเยอะ ขอไปเที่ยวก่อน อย่าประมาทนะศิษย์เพราะเวลามีจำกัด อย่าคิดว่าเรายังมีอนาคตคนที่จะมีความสุขคือคนที่ไม่หลงเมาอดีต และไม่ยึดติดกับอนาคต บางครั้งความสงบก็ต้องได้จากคนรอบข้างด้วย เราจะเร่งให้เขาสงบ หรือเราจะเร่งให้เขาร้อนรน ถูกไหม อาจารย์มีวิธี ไม่ต้องใช้เวลานานก็หาได้ทันที ใครจะช่วยแนะวิธีได้บ้าง
(นักเรียนฝ่ายหญิงในชั้นคนหนึ่งบอกว่า “ขอพี่ๆ น้องๆ ทุกคน ใครที่ถือแอปเปิลไว้รบกวนขอให้เอาออกมาให้ด้วย”)
ฉะนั้นอย่าดูถูกดูเบาคนทุกคนมีปัญญา อยู่ที่ว่าเราจะหาปัญญานั้นจนเจอไหมบางครั้งเราปรารถนาความสงบ ปรารถนาความสุข เราคิดว่าตัวเราทำได้แต่บางทีก็ต้องยอม ขอพึ่งคนอื่นด้วย ความสงบไม่ได้เกิดจากเราคนเดียวได้แต่บางครั้งต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งคนอื่น และขอคนอื่นเป็นบ้าง การมีสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม อย่าอายต้องหนักแหน่นและพูดด้วยเสียงดังฟังชัด ผมขอแล้วกันครับ อย่างนี้ใช่ไหม (ใช่)
(แอปเปิลทั้งสามลูกผมขอแล้วกันครับ) ให้ไหมบางทีขอครั้งแรกไม่สำเร็จก็ขอใหม่ ตื่นเต้นอะไรศิษย์เร็วไม่อย่างนั้นไม่ได้นะ ตอนนี้ผมกำลังวุ่นวายใจแล้วครับอาจารย์บอกให้ผมสงบ ผมสงบไม่ลงแล้วครับ ใช่ไหม
ศิษย์เอ๋ยถ้าขอแล้วถึงที่สุดไม่ได้วิธีเดียวที่จะทำให้เราสงบคือยอมรับความจริง ใช่ไหม (ใช่) ก้มหน้ารับความจริง อาจารย์ให้โอกาสอีกครั้งหนึ่งนะไม่ลองอีกครั้งหนึ่งหรือ ชีวิตคนพลาดครั้งเดียวแล้วเราจะยอมตายเลยหรือศิษย์จะยอมแพ้เลยหรือ ไม่ลองสู้อีกสักตั้ง ตราบเรายังมีลมหายใจอย่าเพิ่งยอมแพ้
(นักเรียนในชั้น ๓ คนที่ถือแอปเปิลไว้นำแอปเปิลออกมาให้)
ความสงบสุขความสันติเกิดได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือกันพึ่งพากัน ใช่ไหม (ใช่) ได้มาแล้วทำอย่างไรดีความดีจะบังเกิดขึ้นก็เกิดด้วยการที่เรามี (มีน้ำใจแบ่งปันช่วยเหลือคนอื่นที่ยังทุกข์อยู่) แล้วทำอย่างไรดีกับแอปเปิลสามลูกนี้ (แบ่งเป็นส่วนแล้วก็แจกทุกคนเท่ากัน) เขาเรียกว่าเมื่อถึงเวลาแล้วต้องมีจิตสำนึกคุณเขาให้เรามาเราเอาไปคืนเขาดีไหม (ดี) จำได้ไหมคนที่ให้เรามา(จำไม่ได้แล้ว) นี่แหละความน่ากลัวของมนุษย์ ใครทำดีจำไม่ได้ แต่ใครทำร้ายจำได้แม่น ใช่ไหม (ใช่)
การหาความสงบอย่างแรกต้องมีสุขก่อนถ้าเรามีสุขแล้วการจะหาความสงบก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่มีเรื่องยากอยู่อย่างหนึ่ง คือ ทำอย่างไรก็ไม่สงบสักที เพราะอะไรรู้ไหมเพราะมนุษย์มีความยึดติด มีความยึดติดที่ว่า อาจารย์ผมจะสุขได้ผมจะสงบได้ต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ใช่ไหม ถ้าเป็นแบบอื่นผมไม่สุข ใช่ไหมบางคนบอกต้องอย่างนี้ ต้องแบบนี้ และต้องเช่นนี้ถึงจะสุขอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นไม่สุขเลย สุขไหมศิษย์ (ไม่ครับ)ยืนตรงนี้สุขไหม ยืนตรงนี้สงบไหม ทำไมล่ะ (เพราะถูกพระอาจารย์ตีด้วยพัดตลอด) เพราะเรายึดติดรูปแบบ ใช่ไหม
เรากำหนดตีกรอบความสุขเกินไป เข้าใจไหมว่าอาจารย์สอนอะไร รู้หรือยังสุขคืออะไร สงบคืออะไร เข้าใจไหมศิษย์ จะสุขได้อย่างไร เดี๋ยวอาจารย์ก็ตีๆถ้าศิษย์ไม่ยึดรูปแบบมันก็สุข แค่เพียงคิดว่าถูกตีปุ๊บปัญญาเกิดถูกตีปุ๊บสมองโล่งความโง่หาย กิเลสปลดปล่อย แต่ถ้าถูกตี
“ตีทำไมๆ มันสุขไหม ไม่สุข มันสงบไหม ไม่สงบ” เตรียมมีเรื่องแล้วอาจารย์เข้าใจหรือยัง (เข้าใจ)
“ตีทำไมๆ มันสุขไหม ไม่สุข มันสงบไหม ไม่สงบ” เตรียมมีเรื่องแล้วอาจารย์เข้าใจหรือยัง (เข้าใจ)
อย่าตีกรอบความสุข อย่ากำหนดความสงบความสงบหาได้ทุกที่ ทุกที่ก็คือที่ปฏิบัติธรรม ทุกที่ก็คือวัดอย่าเป็นคนดีเฉพาะอยู่ในวัด อย่าเป็นคนสงบแค่นั่งสมาธิแต่คนดีจริงเข้าถึงธรรมะจริงที่ไหนก็สงบได้ ที่ไหนก็ดีได้ แค่เรารู้ทันหรือไม่ หรือยังยึดมั่นกับความคิดในหัวใจความสงบก็คือการไม่ยึดมั่นถือมั่นและไม่ได้มัวแต่โทษที่อาจารย์เอาแต่ตีหัวความสุขที่แท้จริงคือปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นแล้วหันกลับมามองตัวเองโดยไม่หลงยึดติดกับความคิดอย่างงมงาย อย่างผูกใจเจ็บ อย่างมีอารมณ์แต่ปล่อยวางได้ไหม ถูกตีก็มีสุขแม้ว่าอาจารย์จะเปลี่ยนจากใช้พัดมาเป็นด้ามพัดตีก็ยังสุขไหม ไหวไหมต้องไหวนะศิษย์ อย่าบอกว่าไม่ไหวเพราะถึงเวลาชีวิตมันพลิกไปโดยที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ศิษย์บอกอยากจะเจอแต่แบบนี้ ชีวิตต้องมีแต่แบบนี้อย่าพลิกอย่างนี้มันรับไม่ไหว มันตั้งตัวไม่ทันแต่ก่อนเรามีบ้านกลับมาไม่มีบ้าน สุขไหมศิษย์ สงบไหมศิษย์ ต้องสงบต้องตั้งสติจะได้เกิดปัญญา ถ้าสติศิษย์ไม่มี เจอบ้านหายถ้าสติแตกกระจายอาจเป็นบ้าได้นะศิษย์ เพราะใจเราตั้งรับไม่ทันฉะนั้นไม่มีใครทำเราบ้าได้ ไม่มีใครทำเราทุกข์ได้นอกจากใจเราขาดสติ
พอเข้าใจธรรมะที่อาจารย์พูดหรือไม่ (เข้าใจ) ถ้าภรรยาอยากหาความสงบโดยไปสวดมนต์ ส่วนสามีก็เอาแต่เรียกหาหลายครั้งจนภรรยาโมโห สุดท้ายบ้านก็จะไม่เกิดความสงบแปลว่าการสวดมนต์บทสวดธรรมะก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเราขาดสติ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นพอรู้ระดับหนึ่งแล้ว อาจารย์จะพูดระดับที่ยากขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง ไหวไหม (ไหว)
ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าธรรมะคือสิ่งที่จะทำให้พ้นทุกข์แล้วการพ้นทุกข์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นให้มีความสุขและสงบให้ได้ แต่ธรรมะมีมากมายจะใช้ธรรมะข้อไหนดับทุกข์ได้ ทำให้เราปล่อยวางได้ไม่ยึดติด ใครตอบอาจารย์ได้บ้าง
(ยอมรับกับสภาพที่เป็นอยู่, มีสุขในทุกจังหวะของชีวิต, มีความสุขตั้งแต่เช้ายันนอนหลับ)
ธรรมะข้อไหนที่จะทำให้ศิษย์ปลดปลงความทุกข์ได้ เราอยากมีความสุขแต่บางครั้งเราเจอเรื่องราวมากมายที่มากระทบใจเราจะเอาธรรมะข้อไหนมาช่วยแก้ ทำให้เราเกิดปัญญาและปล่อยวางได้ สุขได้ยิ้มได้
ธรรมข้อไหนที่ทำให้เราช่วยปลดปลงปล่อยวาง และคิดได้ แล้วเข้าใจเลยวางมันทันที เปลี่ยนจากทุกข์เป็นสุขได้เลยข้อไหน (ทำทุกอย่างให้มีสติ ให้คิด) สติก็มีแล้วแต่บางครั้งก็ตัดใจไม่ลงใช่ไหม (ต้องปล่อยวาง) แล้วทำอย่างไรถึงจะปล่อยวางได้
(ศีล สมาธิ ปัญญา) เอาหมดเลย ศีล สมาธิ ปัญญา เกือบจะใช่นะ
(ความไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่และดับไปถ้าเราปลงอนิจจังข้อนี้ได้ ก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เราครอบครองอยู่ใจที่รู้จักพอคือใจที่มีความสุขที่แท้จริง)
(ยอมรับกับสภาพที่เกิดขึ้น, มันไม่มีอะไรเลย ให้เราคิดว่าเป็นธรรมชาติ ใช้ปัญญา ความไม่เที่ยง ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ไม่มีอะไรแน่นอน)ศิษย์ล้วนตอบได้ดีกันทั้งนั้นเลยนะ
(อริยสัจ ๔ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ตอบได้ดีนะ
(ระงับความโกรธและให้อภัยผู้อื่น) ระงับความโกรธและให้อภัยผู้อื่น
(ใช้สติ) ใช้สติพิจารณาว่าเรื่องจบไปแล้วแต่เรายังเก็บมาคิดหรือเปล่า ถ้าเป็นปัญหาก็คิดให้ดีๆ แต่ถ้าเรื่องจบแล้วคิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จบแล้วจบไป ก็อย่าเก็บมาคิด
(ปล่อยวาง) ทำอย่างไรถึงปล่อยได้ (ไม่คิด) ทำได้หรือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ทำให้มนุษย์ป่วยและทุกข์มากก็คือความคิด ความคิดที่เข้าแล้วไม่ออกเหมือนน้ำที่ตกลงไปในหัวใจแล้วแตกเป็นวงกระเพื่อมๆ คิดว่าจะไม่คิดแล้วแต่ความคิดกลับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ถ้าเราไม่คิดแล้วจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ถามว่าคนที่โยนความคิดเข้าไปในหัวใจคือใคร (เราเอง)แล้วทำอย่างไรถึงจะไม่คิดได้ (ไม่ยึดติด) ตอบได้ดี (การไม่ยึดมั่นถือมั่นต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้) พูดได้ต้องทำให้ได้นะ
(ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่กับทุกวันให้มีความสุข) แม้จะทำใจยาก ใช่ไหม (ใช่) แล้วทำอย่างไรกับสิ่งที่ทำใจยาก แล้วมีความสุขมีสติ มีปัญญา อย่าลืมธรรมะข้อหนึ่ง ธรรมะข้อนั้นคืออะไร
(ความไม่ประมาท, ฝึกจิตให้ตั้งอยู่บนความพอใจและตั้งอยู่กับความพอดี) ระวังเอียงแล้วล้มได้นะ เพราะบางครั้งสิ่งที่เราพอใจ พอดีคนอื่นเขาอาจจะไม่ชอบ (เป็นผู้ให้แล้วก็เป็นผู้รับด้วย) ตอบได้ก็ต้องทำได้ด้วยนะ
(ศีลข้อที่หนึ่ง ปาณาติปาตา เวรมณีสิกขาปะทังสมาธิยามิ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น) ข้อเดียวหรือศิษย์ (ถ้าทั้งห้าข้อก็ศีลห้าค่ะ) พยายามรักษาศีลห้าจะได้ทำให้เรามีสุขไม่มีทุกข์ ตอบได้ดีนะ
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนฝ่ายชายในชั้นคนหนึ่งตอบแล้วใกล้เคียงกับคำตอบของพระอาจารย์)
(ทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนไม่เที่ยง เกิดขึ้น มีตั้งอยู่แล้วก็ดับไปถ้าเราพอใจในสิ่งที่ตนมี ก็คือ ใจคนที่รู้จักพอเป็นใจที่มีความสุขที่สุดแล้ว)ถูกแต่ยังไม่หมด แต่ก็ไม่ได้ผิดแต่อาจารย์จะบอกว่า ธรรมะข้อหนึ่งที่สามารถใช้ได้ตลอดชีวิตแล้วคอยเตือนสติให้เราไม่ประมาท และนำพาเราพ้นทุกข์ พ้นเวรพ้นภัยได้นั่นคือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็น
(ธรรมดา) ผู้มีสติไม่หลงยึดมั่นถือมั่นมัวเมาในกิเลสตัณหาผู้นั้นจะเป็นผู้พ้นทุกข์ได้ พ้นภัยพ้นเวรได้ แต่ผู้ที่ยังหลงมัวเมายึดติดผู้นั้นจะเป็นผู้ที่มีความทุกข์โศกเศร้านิรันดร์กาล หรือเรียกง่ายๆ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีเกิดขึ้นก็ย่อมมีวันดับไปเมื่อเรารู้ว่าเกิดขึ้นแล้วดับไป เราจะยึดไหม (ไม่ยึด) เมื่อไม่ยึดแล้วเรามีอะไรที่จะต้องปล่อยไหม (ไม่มี) นั่นแหละ เราก็พ้นทุกข์แล้วร่างกายนี้เกิดไหม (เกิด)แก่ไหม (แก่)เจ็บไหม (เจ็บ)ตายไหม (ตาย)เป็น (ธรรมดา)ฉะนั้นเราไม่ยึดเราจะทุกข์ไหม แล้วมีอะไรต้องปล่อยไหม (ไม่มี)แต่เมื่อไรที่รู้สึกว่าต้องปล่อย แปลว่าเรากำลังยึด ถูกไหมเมื่อไรที่เรารู้สึกว่ามันเจ็บแปลว่าเรากำลังผูกพัน ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นธรรมะคืออะไร ธรรมะไม่ใช่เรียกว่ามีเงิน มีทอง แต่ธรรมะคือไม่มีเงินไม่มีทอง หรือแม้จะสูญเสียร่างกายก็สามารถรักษาความเป็นปกติได้นั่นแหละเรียกว่าเข้าถึงธรรม เข้าใจไหมศิษย์ฉะนั้นโดนด่าก็เป็นเรื่องธรรมดา โดนชมก็เป็นเรื่องธรรมดาโดนคนเอาเงินไปแล้วไม่คืนก็เป็นเรื่อง (ธรรมดา) มีแฟนแต่แฟนแอบปันใจก็เป็นเรื่อง (ธรรมดา) เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นตัวตน เสื้อผ้า เงินทองชื่อเสียงเกียรติยศ มันมีการเกิดขึ้นแต่สักวันหนึ่งมันก็มีเวลาไปฉะนั้นคาถากันทุกข์ของอาจารย์มีอยู่อันหนึ่งอยากได้ไหม (อยาก) อย่างนั้นจำไว้เลยนะ“เดี๋ยวมันมา เดี๋ยวมันก็ไป”ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่สามีทิ้ง อาจารย์สอนแล้ว มันมาเดี๋ยวมันก็ไปฉะนั้นถ้าถูกแฟนทิ้งก็ (เป็นเรื่องธรรมดา) เพราะอาจารย์สอนแล้วว่าทุกสิ่งมาแล้วก็ไป
ฉะนั้นถึงเวลาที่เราต้องสละร่างกาย ถึงเวลาที่เราต้องเจอทุกข์ยากจำไว้นะศิษย์ มันเป็นสิ่งที่เกิดแค่เพียงชั่วครู่เท่านั้นเหมือนอาจารย์ถามว่าถูกลอตเตอรี่ดีใจไหม (ดีใจ) ได้เงินก็ดีใจแต่พอผ่านไปสิบปีรู้สึกเฉยๆ ก็ถูกไปแล้วนะอาจารย์ มันเฉยแล้ว ใช่ไหม (ใช่) โดนแฟนทิ้งตอนนี้ทำใจไม่ได้ แต่พอผ่านไปไม่ถึงสองสามปีมีคนรักใหม่ทำไมทำใจได้ ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นจำไว้นะศิษย์ทุกสิ่งล้วนเป็นแค่ชั่วคราว แม้กระทั่งตัวเราเองเราก็เกิดมาแค่ชั่วขณะหนึ่ง เราจะสร้างกรรมให้ทุกข์เวียนว่ายหรือเราจะมาเพื่อชดใช้กรรมให้หมดสิ้น แล้วไม่ต้องเวียนว่ายอีกจะทำอย่างไร นอกจากคิดด้วยธรรมะสิ่งนี้แล้วต้องทำอย่างไรอีก ก็ที่ศิษย์พูดนั่นแหละ วิถีทางการปฏิบัติธรรมมีอยู่สามอย่าง นั่นคือ ทาน ศีล ภาวนา เคยได้ยินไหม (เคย)
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลง ทำนองเพลง : อารีดัง)
อาจารย์พูดธรรมะวันนี้เป็นลำดับขั้นมากๆ แล้วถ้าฟังวันนี้ไม่เข้าใจต้องเคาะปัญญาอย่างแรงแล้วถ้าไม่เข้าใจกลับไปอ่านอีกทีหนึ่งอาจารย์เริ่มต้นตั้งแต่ว่าทำไมเราต้องศึกษาธรรมะจุดประสงค์หลักของการศึกษาธรรมะคือเพื่อพ้นทุกข์ แล้วความสุขความสงบคืออะไรแล้วพอเราเข้าใจความสุขความสงบ บางครั้งก็ยังติดปัญหาที่ว่าเวลาเราเจอปัญหาเราแก้ไม่ได้ เราจะเอาธรรมะข้อไหนศิษย์จำไว้นะเพราะว่าถ้าศิษย์ไม่จำเวลาตายไปยมบาลเขาจะถามก่อนที่จะตัดสินคดี เขาเรียกว่าเทวทูตทั้งสามคือความแก่ ความเจ็บ ความตาย เวลาตายไปศิษย์จะเจอคำถามนี้ฉะนั้นถ้าบอกว่าอาจารย์บอกแล้ว บอกแล้วเป็นอย่างไร เป็นเหมือนเดิมศิษย์ก็ลงตามเขาไปในนรกนะ
ศิษย์จำไว้นะอันนี้เป็นยมทูตที่เตือนให้เรารู้ว่า อย่าหลงประมาทมัวเมายึดติดในตัวตนเรามาเพื่อหาทางพ้นทุกข์นี่คือชีวิตที่แท้จริงไม่ใช่มาเพื่อคลุกกับความทุกข์ แล้วก็ตายในความทุกข์แต่เรามาเพื่อหาทางพ้นทุกข์โดยใช้ร่างกายชั่วคราวนี้เป็นที่สร้างบุญสร้างกุศลแล้วสิ่งที่จะทำให้เราพ้นจากทุกข์ได้ก็คือ การมีทาน ศีลและภาวนาที่ศิษย์เคยได้ยิน “ทาน” คือการฝึกเมตตา “ศีล” คือการฝึกความมั่นคงไม่ประพฤติชั่ว ประพฤติแต่สิ่งที่ดี “ภาวนา” คือการเข้าถึงปัญญารู้แจ้งเห็นจริงจนปลดปลงปล่อยวาง แล้วมีปัญญาตื่นรู้
ทุกคนชอบทำทานอย่างนั้นอาจาารย์ถามว่าทานอะไรที่ประเสริฐที่สุด (การให้อภัยทาน) รู้แล้วอภัยไหม (อภัย) ศิษย์รู้ไหมว่าก่อนที่จะถึงอภัยทานที่เป็นสุดยอดของทานจริงๆแล้วพระพุทธะท่านบอกว่าทำทานกับเนื้อนาบุญนั้นประเสริฐสุดแต่ก่อนหน้านี้จะมีอีกอย่างหนึ่งคือการที่คนชอบสร้างวัดสร้างวาสร้างศาลาที่พัก ศิษย์เคยเห็นไหม ทำไมเขาถึงชอบสร้างวัดเพราะการสร้างวัดการสร้างสาธารณะประโยชน์ยิ่งใหญ่กว่าการทำสังฆทานที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานถึงร้อยครั้ง แล้วการสร้างวิหารร้อยแห่งก็ไม่เท่ากับให้ธรรมะเป็นทานหนึ่งครั้ง
แล้วการให้ธรรมะเป็นทานคืออะไรก็คือการให้อภัยทาน ฉะนั้นใครทำร้ายเรา เราให้อภัยได้ไหม (ได้)แต่พอเจอเหตุการณ์มีคนมาทำร้ายเรา เราก็จำฝังใจไว้หมดถ้าเขาด่าศิษย์แล้วศิษย์เก็บฝังใจนั้นเรียกว่า “ผูกใจเจ็บ” ถ้ามีโอกาสก็จะแก้แค้นเรียกว่า “จองเวรจองกรรม” แล้วหากตายไปแล้วก็ยังไม่ลืมเรียกว่า “เกี่ยวกรรมข้ามภพข้ามชาติ” เกิดใหม่แล้วมาเจอเขาอีก แต่หากไม่อยากกลับมาเกิดแล้วเจอกันอีกก็ต้องเลิกจำดีใจและให้อภัยเขา เหมือนทำบุญกับพระ แต่หลังจากนั้นเห็นพระผ่านเราไปเราก็เสียใจว่าถูกหลอก แล้วจะให้อภัยเขาไหม (อภัย) ด่าลับหลังเลยหรือเปล่า (เปล่า) ให้เงินคนขอทาน แต่มารู้ทีหลังว่าเป็นคนหลอกลวงก็คิดว่าเราไม่น่าให้เงินไปเลย ถ้าศิษย์ให้ทานแล้วรู้ทีหลังว่าถูกหลอกต้องให้อภัยเป็นทานคิดว่าเรากำลังได้สร้างทานยิ่งใหญ่แล้ว แต่การสร้างอภัยทานก็ไม่เท่ากับการรักษาศีลเพียงหนึ่งครั้ง
ศิษย์เคยได้ยินหรือไม่ ศีล ๕ ก็ไม่สู้ศีล (๘) ศีล ๘ ก็ไม่สู้ศีล (๑๐) ศีล๑๐ ไม่สู้ศีล (๒๒๗)แล้วทำได้สักศีลไหม มีแต่สายสิญจน์ใช่ไหม แล้วศีลยังมีความเข้มข้นของศีลคือ ถ้าทำได้บางวันห้าข้อบางวันข้อเดียว อย่างนี้เรียกว่าศีลระดับง่ายๆ แต่ศีลระดับกลางก็คือถ้าตัวไม่ตายจริงๆ จะไม่พร่องศีลแต่ระดับศีลที่ถือว่าขั้นโพธิสัตว์คือแม้ตายก็ไม่ขาดศีล ยากไหม (ยาก) ไม่ยาก อย่างที่พระพุทธเจ้าบอก ธรรมะกับตัวอะไรสำคัญกว่าท่านบอกว่ายอมตัวตายแต่รักษาธรรมะไว้ ท่านจึงได้เป็นพุทธะ แต่มนุษย์ไม่ใช่ธรรมะทิ้งไว้ก่อน ขอให้ตัวยังได้หายใจก่อน
“ใจเอ๋ยใจคน รอวันพ้นดูเหมือนไม่มีวัน นอกจากศิษย์รักรู้ตัวเอง”
ศิษย์มักจะพูดว่าความทุกข์เป็นเรื่องยากที่เราจะพ้นได้แต่อาจารย์อยากบอกศิษย์ว่า ศิษย์สามารถพ้นได้ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ได้ถ้าศิษย์เข้าใจถึงบอกว่าธรรมะเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยตนบางครั้งพยายามอธิบายให้คนเข้าใจเป็นเรื่องยาก เห็นอาจารย์พูดสนุกๆแต่อาจารย์อยากบอกศิษย์นะว่า ถ้าศิษย์เข้าใจแล้วบางทีการจะพูดให้ใครสักคนหนึ่งเข้าใจไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะแต่ละคนมีภูมิปัญญาธรรมแตกต่างกัน ศิษย์มองเห็นเป็นเรื่องสนุกแต่อาจารย์มองเห็นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คำว่า “ว่างเปล่า ไม่มี ไม่มีทั้งตัวและตน”ศิษย์จำได้ไหม ธรรมะมีบทหนึ่งสอนไว้ว่า “สรรพสิ่งล้วนหนีไม่พ้นไตรลักษณ์” ไตรลักษณ์มีอะไรบ้างถ้าเข้าใจไตรลักษณ์จะเข้าใจว่าว่างเปล่าไม่มีทั้งตัวและตน
ไตรลักษณ์คืออะไร ว่างเปล่าไม่มี ไม่มีทั้งตัวและตน (อนิจจัง ทุกขังอนัตตา) อนัตตาแปลว่าอะไรศิษย์ (เกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่และสูญสิ้นดับสลายไป) ว่างเปล่าในที่สุด ใช่หรือไม่ อนิจจังคือความไม่เที่ยง ทุกขังคือมีทุกข์เป็นธรรมดา อนัตตาคือว่างเปล่าทุกสรรพสิ่งเราเกิดมาเพียงชั่วครู่แล้วก็ตายไปแต่ในความชั่วครู่ตายไปศิษย์อย่าลืมว่า มีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์และว่างเปล่า ถ้าศิษย์บอกอาจารย์ว่า ศิษย์ทุกข์เหลือเกินอาจารย์ก็จะว่าบอกศิษย์โง่ เพราะศิษย์กำลังทุกข์กับความว่างเปล่าทุกข์เพราะความยึดมั่นทั้งๆ ที่มันว่างเปล่า ถึงที่สุดแล้วก็คือว่างเปล่าแล้วศิษย์หาอะไรในความว่างเปล่าเหมือนความทุกข์ถึงที่สุดก็ตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป
ฉะนั้นศิษย์ต้องมองให้ออก การมองให้ออกเรียกว่าภาวนาการภาวนาทำได้ทุกที่เมื่อโดนกระทบทางตา ทางหู การภาวนาคือการมีสติ สมาธิจนรู้แจ้งในไตรลักษณ์ เกิดปัญญาแล้วพ้นทุกข์ ถ้าพูดให้เป็นขั้นตอนภาวนาคือเมื่อเจออะไรมากระทบ ก็เรียกสติ อยู่กับปัจจุบัน เมื่ออยู่กับปัจจุบันมากๆ ก็กลายเป็นสมาธิ สมาธิเมื่อมีสติย้ำๆคงที่อยู่กับสิ่งนั้น ก็จะคิดได้ว่าจะโกรธทำไม เดี๋ยวมันมาเดี๋ยวมันก็ไปจะกลายเป็นมหาสติ
เกิดมหาสติแล้วสามารถระลึกถึงไตรลักษณ์ได้ก็จะเกิดปัญญา เมื่อเกิดปัญญาและสติเป็นประจำเสมอๆ เห็นไตรลักษณ์ว่าไม่เที่ยงแล้วปลงเราก็สามารถเข้าใจ เข้าถึง แจ้ง เรียกว่าวิมุติ หรือวิสุทธิ ยากหรือไม่ (ยาก)
เกิดมหาสติแล้วสามารถระลึกถึงไตรลักษณ์ได้ก็จะเกิดปัญญา เมื่อเกิดปัญญาและสติเป็นประจำเสมอๆ เห็นไตรลักษณ์ว่าไม่เที่ยงแล้วปลงเราก็สามารถเข้าใจ เข้าถึง แจ้ง เรียกว่าวิมุติ หรือวิสุทธิ ยากหรือไม่ (ยาก)
ฉะนั้นอยากจะแก้ต้องแก้เมื่อโดนกระทบ กระทบแล้วมีสติทันหรือไม่โกรธแล้วได้อะไร โลภแล้วได้อะไร เกลียดแล้วได้อะไร มีเงินมากกว่าคนอื่นแต่ตายแล้วเอาไปด้วยได้หรือไม่ ฉะนั้นการเรียนรู้ศึกษาธรรมจนพ้นทุกข์แล้วก็อย่าลืมช่วยคน (ฉุดไม่พ้น) ฉุดไม่พ้นเพราะไฟยังแรงไม่พอหรือเปล่าศิษย์รู้ไหมว่าเมื่อศิษย์พ้นทุกข์แล้วศิษย์ก็จะไม่ทำให้ใครทุกข์อาจารย์อยากจะบอกว่าทาน ศีล ภาวนา ทานคือการฝึกเมตตา ให้คนอื่นให้มากอย่าเห็นแก่ตน ทำไมต้องถือศีล ก็เพื่อเป็นกรอบไม่ให้เราคิดชั่ว คิดร้ายทำไมต้องมีภาวนา ก็เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งแล้วปลดปลง มองให้ออกมองให้สุดว่าสิ่งที่มา สิ่งที่เกิดขึ้น เดี๋ยวก็จากไป ที่เห็นว่าสวย ว่าดีนั้นหลอกลวง แล้วยึดร่างกายนี้ไหม (ยึด) หลงกายนี้ไหม (หลง) เอาไหม (เอา) ถุงขี้ทั้งนั้น ร่างกายที่ศิษย์รักศิษย์หลงบำรุงบำเรอ ไม่เคยกำราบ ไม่เคยควบคุม เช้าขึ้นมาก็มองว่าสวยไหม หล่อไหมดีไหม ที่ศิษย์บอกว่าสวย หล่อ ดี นั้น แต่อาจารย์บอกว่าเป็นถุงขี้ทั้งนั้น หนังหุ้มขี้ จริงไหม (จริง) ออกจากตาก็ (ขี้ตา) ออกจากหูก็ (ขี้หู)
ฉะนั้นจำไว้นะศิษย์เอย การเรียนรู้หลักธรรมก็เหมือนการดำเนินชีวิตเพื่อหาทางพ้นทุกข์เท่านั้นเอง ฉะนั้นอย่าหลง เมื่อหลงศิษย์ก็จะเจอเทวทูต คือความแก่ก็มาให้เห็น ความเจ็บก็มาให้เห็น ความตายก็มาให้เห็น แล้วถ้ายังหลงอีกศิษย์ก็คือคนที่ทุกข์และโศกานิรันดร์กาลแต่เมื่อไรเข้าใจ ไม่ยึดมั่น ปล่อยวาง มองให้ออก ดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทศิษย์จะพ้นทุกข์ พ้นภัย พ้นเวียนว่ายได้เชื่ออาจารย์บ้างเถอะไม่เชื่ออาจารย์นี้ไม่เป็นไรแต่เชื่อธรรมที่อาจารย์บอกแล้วศิษย์จะได้ไม่ต้องทุกข์ถ้าทุกคนเอาตัวเองรอด จะไม่มีคนน่าสงสารในโลก จะไม่มีสัตว์ถูกรังแกจะไม่มีคนทำร้ายกัน ฉะนั้นอย่าหลงเลย เงินมันใหญ่จนลืมคุณธรรมเลยหรือ อารมณ์โลภ โกรธ หลงมันดีหนักหนาหรือศิษย์จึงปล่อยมันไม่ได้ เก็บมันไว้ในใจตลอด ส่วนพระในใจไม่เคยมี แต่โกรธโลภ หลงจำขึ้นใจ มีแล้วศิษย์ก็ต้องมานั่งทุกข์
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า
“รู้แล้วไม่ทุกข์”)
“รู้แล้วไม่ทุกข์”)
สิ่งที่อาจารย์บอกวันนี้ ศิษย์นำไปใช้แล้วคิดอย่างคนมีสติ มีปัญญาเข้าถึงธรรมะ แล้วธรรมะที่อาจารย์ให้ศิษย์ไม่ใช่ธรรมะยากเลย ใช่ไหมมีความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นธรรมดา เวลาเจอแล้วธรรมดาไหมถึงที่สุดมันก็ว่างเปล่าไปทุกข์อะไร
“รู้มากมายแต่กลับขาดรู้ใจตน มองเห็นคนชัดอย่าลืมความจริงแท้
เรียนรู้ธรรมแต่ไม่ทำจึงย่ำแย่ ธรรมะคือความจริงแท้จบที่ใจ
รู้ทันไม่โลภโกรธหลงสมมติจิต บริสุทธิ์ไม่ยึดติดผ่านโดยง่าย
รูปนามคือสิ่งสมมติอย่างมงาย มองชัดตนรู้ธรรมได้ใจร่มเย็น”
แค่นี้เองนะศิษย์ ธรรมะแค่นี้เอง ตื่นนะ อย่าหลงโลกอย่าหลงตัวเอง ร่างกายเป็นสิ่งชั่วคราว เป็นศาลาชั่วคราวไม่ต้องเชื่ออาจารย์ ไม่เป็นไร แต่เอาธรรมะที่อาจารย์บอกไปใช้เถอะใช้แล้วศิษย์จะได้พ้นทุกข์ เมื่อศิษย์พ้นได้ศิษย์ก็ช่วยให้คนอื่นให้พ้นทุกข์ได้อาจารย์ไม่อยากเห็นคนที่กลายมาเป็นสัตว์แล้วต้องทรมานอาจารย์ก็ไม่อยากเห็นคนที่ทำร้ายกันอย่างน่าเวทนา ที่เขาทำร้ายกันเพราะอะไรเพราะเขาหลงผิด เขาขาดปัญญาธรรม ใช่ไหมแล้วเราจะเป็นอย่างนั้นไหมฉะนั้นเราต้องช่วยตัวเองนะศิษย์ หนึ่งคนดำรงตนถูกต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้ได้ดี ก็ไม่มีผลกระเทือนให้ใครต้องทุกข์ยากยิ่งถ้าหนึ่งคนมุ่งมั่นความดีอย่างเที่ยงธรรมแล้วยืนหยัดอยู่กับความถูกต้องอย่างจริงแท้อย่างไม่ยอมแพ้ย่อมมีผลสะเทือนต่ออีกหลายๆ คน ศิษย์เคยได้ยินไหม“หนึ่งคดทำร้ายร้อยตรง”เพียงแค่คนชั่วคนเดียว แค่เขาคิดผิดแล้วเราเผลอให้อำนาจเขาเขาฆ่าศิษย์ได้ภายในหนึ่งนาทีเลย ฉะนั้นเภทภัยเกิดจากใจคนอย่าคิดว่าเราช่วยอะไรใครไม่ได้ ช่วยได้นะศิษย์ แต่ถ้าช่วยไม่ได้ก็รักษาตัวเองให้ดี อย่าทำให้ใครทุกข์ได้ไหม (ได้)
(พระอาจารย์เมตตาส่งเสริมเจ้าของสถานธรรมที่กำลังจะเปิดใหม่)
จำที่อาจารย์บอกได้ไหม การให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก่อนที่จะเป็นอภัยทานคือให้ธรรมะเป็นทาน การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ให้คนได้มาสร้างบุญนั่นแหละก็คือทานที่ยิ่งใหญ่แล้วศิษย์รู้ไหมการยอม
อ่อนน้อมเคารพคนที่มีธรรมะมากกว่านั่นก็คือการได้บุญเหมือนกัน เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อได้หมดใจแต่อย่างน้อยไม่ขัดขวางยินดี อาจารย์ก็อนุโมทนากับผลบุญนั้นแล้วพยายามต่อนะ เจออุปสรรค เจอความยากลำบากขอให้ฟันฝ่าได้ด้วยจิตใจที่อดทนเข้มแข็งและมุ่งมั่น จำได้ไหมที่อาจารย์บอกทำสังฆทานเป็นร้อยครั้งแม้จะมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานก็ไม่ประเสริฐเท่ากับสร้างวิหารหนึ่งครั้ง หรือได้สร้างศาลาให้คนได้ใช้ประโยชน์แต่สร้างวิหารร้อยวิหารก็ไม่ประเสริฐเท่ากับให้ธรรมะเป็นทานหรือเรียกว่าอภัย อย่างนั้นอาจารย์ฝากด้วยนะอาจารย์ยินดีกับการเสียสละอุทิศและตั้งใจแต่ขอให้ความตั้งใจนั้นต้องมั่นคงอย่าหวั่นไหว อย่ายอมแพ้ช่วยคนเป็นเรื่องยาก แต่การรักษาใจให้มั่นคง อาจารย์คิดว่าคงไม่ยาก
อ่อนน้อมเคารพคนที่มีธรรมะมากกว่านั่นก็คือการได้บุญเหมือนกัน เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อได้หมดใจแต่อย่างน้อยไม่ขัดขวางยินดี อาจารย์ก็อนุโมทนากับผลบุญนั้นแล้วพยายามต่อนะ เจออุปสรรค เจอความยากลำบากขอให้ฟันฝ่าได้ด้วยจิตใจที่อดทนเข้มแข็งและมุ่งมั่น จำได้ไหมที่อาจารย์บอกทำสังฆทานเป็นร้อยครั้งแม้จะมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานก็ไม่ประเสริฐเท่ากับสร้างวิหารหนึ่งครั้ง หรือได้สร้างศาลาให้คนได้ใช้ประโยชน์แต่สร้างวิหารร้อยวิหารก็ไม่ประเสริฐเท่ากับให้ธรรมะเป็นทานหรือเรียกว่าอภัย อย่างนั้นอาจารย์ฝากด้วยนะอาจารย์ยินดีกับการเสียสละอุทิศและตั้งใจแต่ขอให้ความตั้งใจนั้นต้องมั่นคงอย่าหวั่นไหว อย่ายอมแพ้ช่วยคนเป็นเรื่องยาก แต่การรักษาใจให้มั่นคง อาจารย์คิดว่าคงไม่ยาก
วันนี้อาจารย์มาแล้วอาจารย์ก็ต้องไปนะอาจารย์ฝากขนมไปแจกผู้ที่ช่วยทำงานที่นี่นะ ใครมาช่วยตั้งแต่ก่อนงานหรือช่วยจนจบงาน ฝากขนมไปเป็นกำลังใจด้วยนะ เอาอะไรดีขนม ลูกอมไหมจะได้หวาน เดี๋ยวหวานมากๆ ก็เบาหวานขึ้นอีกอาจารย์ให้อะไรอาจารย์ต้องคิดเลยนะ แอปเปิลดีที่สุด สามลูกพอไหมทำให้เกิดปัญญา ทำให้เกิดความสามัคคี ใช่ไหม
บำเพ็ญธรรมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยังยากเพราะเราไม่ยอม ใช่ไหม ช่วยคนก็ไม่ยาก ขอเพียงเราไม่ยอมแพ้เป็นจี้กงน้อยของอาจารย์คอยช่วยคนด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้การบำเพ็ญธรรมะ ไม่มีอะไรยาก ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจจะยากก็เพียงความยึดติดในตัวตนที่ทำให้เรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยาก
อาจารย์ไปแล้ว อย่ายอมแพ้ เดี๋ยวนี้ไม่จับมืออาจารย์แล้วอยากให้เขกกระโหลกหรือ เด็กดื้อทั้งหลาย อาจารย์คิดถึงศิษย์ อย่าดื้อจับมือแล้วแปลว่าต้องมาอีกนะ เข้มแข็งหรือยัง ต้องมาอีกนะ คิดถึงศิษย์จริงๆศิษย์คิดถึงอาจารย์ไหม (คิดถึง) ตั้งใจมาบำเพ็ญนะเป็นคนดีไม่ใช่เรื่องยาก มีโอกาสกลับมาผูกบุญกับอาจารย์อีกอย่าไปแล้วไปเลย ได้ไหม ระวังอารมณ์ตัวเองนะศิษย์อย่าปล่อยให้อารมณ์และความยึดมั่นมาทำร้ายทั้งชีวิต เข้าใจนะรู้จักคิดรู้จักทำนะศิษย์ มีโอกาสสร้างบุญต่อ ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง และดีงามอาจารย์อยากให้มงคล ให้ความสุขความร่มเย็นกับศิษย์ทุกคน แต่ศิษย์ต้องรู้จักคิดรู้จักพูด รู้จักทำ ไตร่ตรองให้ดี อย่าเพียงใช้อารมณ์
ชั่ววูบ คิดง่ายๆไม่สนใจใครแล้วทำร้ายคนอื่นไม่ได้นะ ศิษย์เอยเวลาคนเขาโกรธแล้วเขาเอาถึงที่สุดเลย ฉะนั้นทำอะไรคิดให้ดีๆ กลับมาอีกนะอย่าให้เสียเปล่า สิ่งที่ดีสิ่งที่เป็นมงคลอาจารย์มอบให้ศิษย์ ขอให้ทำอะไรรู้จักคิดรู้จักทำ ไปแล้วนะ คิดถึงศิษย์จริงๆมีโอกาสกลับมาอีกนะศิษย์เอย
ชั่ววูบ คิดง่ายๆไม่สนใจใครแล้วทำร้ายคนอื่นไม่ได้นะ ศิษย์เอยเวลาคนเขาโกรธแล้วเขาเอาถึงที่สุดเลย ฉะนั้นทำอะไรคิดให้ดีๆ กลับมาอีกนะอย่าให้เสียเปล่า สิ่งที่ดีสิ่งที่เป็นมงคลอาจารย์มอบให้ศิษย์ ขอให้ทำอะไรรู้จักคิดรู้จักทำ ไปแล้วนะ คิดถึงศิษย์จริงๆมีโอกาสกลับมาอีกนะศิษย์เอย
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “รู้แล้วไม่ทุกข์”
รู้มากมายแต่กลับขาดรู้ใจตน มองเห็นคนชัดอย่าลืมความจริงแท้
เรียนรู้ธรรมแต่ไม่ทำจึงย่ำแย่ ธรรมะคือความจริงแท้จบที่ใจ
รู้ทันไม่โลภโกรธหลงสมมติ จิตบริสุทธิ์ไม่ยึดติดผ่านโดยง่าย
รูปนามคือสิ่งสมมติอย่างมงาย มองชัดตนรู้ธรรมได้ใจร่มเย็น
พระอาจารย์เมตตาแก้ไขเพลงพระโอวาทประชุมธรรมสถานธรรมฉงเต๋อ
วันที่ ๕-๖ มกราคม ปี ๒๕๕๖
วันที่ ๕-๖ มกราคม ปี ๒๕๕๖
หน้า ๑๕ บรรทัดที่ ๑
เดิม ก้าวและย้ำโดยไม่สับสนแนวทาง
เป็น ก้าวและย่ำโดยไม่สับสนแนวทาง
บรรทัดที่ ๑๐
เดิม เสียใจต้องมีน้ำตานิดหน่อย
เป็น เสียใจก็มีน้ำตานิดหน่อย