แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จื้อเจวี๋ย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จื้อเจวี๋ย แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

2562-11-16 สถานธรรมจื้อเจวี๋ย สงขลา

西元二○一九年歲次己亥十月二十日                             仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒                สถานธรรมจื้อเจวี๋ย สงขลา
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
     ใช้ธรรมนำทางชีวิต                  มิคิดก่อกรรมทำเข็ญ
         รู้พอรู้ใช้สุขเป็น                         เช้าเย็นมีธรรมต่อกัน
                              เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ     รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก น้อมกายอัญชุลี
องค์มารดา                   ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

   ชมใจมโนธรรม                         ชมจริยะล้ำสุกใส
งดงามจากเมตตาไว้                     น่ารักงามง่ายระบือ
เนื่องขาดความเหมาะสม               ใจสะสมกิเลสยึดถือ
ทำไมไม่ซื่อซื่อ                           จงบำเพ็ญสื่อสารธรรม
กายตรงวาจาตรง                        จิตตรงเป็นประจำ
คำพูดการกระทำ                         คิดย้ำบำเพ็ญจริง
สำเร็จจากยุคลำเค็ญ                     คิดพูดเห็นสติ
วางเรื่องเก่าอคติ                         ความจริงชี้ปัญญา
อัคคีอย่ากอบเข้า                         ลามเผากระทั่งฟ้า
กวาดกิเลสกองขยะ                      ลุกปะทะคิดอะไร
ชีวิตเรื่องสั้นสั้น                          อย่ารอวันสลาย
วันหนึ่งทำอะไร                          ใช้ใจใช้สมอง
เข้าถึงแต่กฎเกณฑ์                      บำเพ็ญของตนพร่อง
บำเพ็ญทุกเรื่องต้อง                     มองมองไม่อัตตา
แม้มีคนปรานี                             ไม่มีพ้นปัญหา
เรื่องคนอื่นธรรมดา                      เห็นชะตากรรมตน
ชีวิตไม่เที่ยงหนา                         นาวากลางลมฝน
สรรพสิ่งล้วนปะปน                      มรรคผลในท่ามกลาง

                                                                                                ฮา ฮา หยุด



พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ

เราบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าการมาของเราคงทำให้ท่านลำบากใจไม่มากก็น้อย ใช่ไหม (ไม่ใช่)  ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นเราคุยกันต่อนะ ได้ไหม (ได้)  เมื่อเราเรียนรู้ว่าถึงแม้เราจะเก่งขนาดไหน แต่บางครั้งเราก็ผิดพลาดได้ในความเก่งนั้น ในสิ่งที่เรารู้บางครั้งเราก็ผิดพลาดได้ในสิ่งที่เรารู้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไรที่เราเจอคนผิดพลาด เมื่อไรที่เราเจอคนทำผิด เราควรไหมที่จะติฉินนินทา (ไม่ควร)  เราควรไหมที่จะหักหาญน้ำใจ (ไม่ควร)  เราควรไหมที่จะเอาไปต่อว่าต่อขาน (ไม่ควร)  แล้วเราควรไหมที่จะเอาไปบอกกล่าวผู้อื่น (ไม่ควร)  แล้วเราทำไหม (ไม่ทำ)  เราเก่งขนาดไหนเมื่อมาอยู่ในโลกกว้าง เมื่อมาอยู่กับผู้คนมากขึ้น เราจึงรู้ว่าบางครั้งเราแทบจะไม่เก่งเลย หรือบางครั้งสิ่งที่เรารู้มากขนาดไหน แต่เมื่อมาอยู่กับผู้คนมากขึ้น เราจึงรู้ว่าสิ่งที่เรารู้นั้นเป็นความรู้ที่บางครั้งใช้อะไรไม่ได้เลย เหมือนเราต้องนับหนึ่งใหม่เรียนรู้ใหม่ และในสิ่งที่เรารู้สิ่งที่เราเก่งเราก็พร้อมจะผิดพลาดได้ และในสิ่งที่เรามั่นใจเราก็พร้อมจะก้าวพลาดได้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อเจอคนที่พลาดเมื่อเจอคนที่ไม่เก่ง เราควรไหมที่จะนินทา เราควรไหมที่จะต่อว่าต่อขาน เราควรไหมที่จะเหน็บแนมให้เขาเจ็บปวด (ไม่ควร)  แล้วเราทำไหม (ไม่ทำ)  หัวอกเขาหัวอกเรา เราก็เคยผิดเขาก็เคยผิด ฉะนั้นถ้าจะทำสิ่งที่เรารู้สึกไม่ชอบ สิ่งที่คนเขาทำผิดพลาด แล้วทำผิดพลาดกับเรา เราจะมาแปรความผิดพลาดนั้นเป็นความโกรธเกลียด เป็นอารมณ์ เป็นกรรมต่อกัน หรือจะแปรความผิดพลาดของเขาเป็นความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ อภัย และรู้ซึ้งถึงความเป็นจริง อะไรดีกว่ากัน เราควรจะแปรความผิดพลาดของเขาเป็นความเห็นใจ เข้าใจ อภัย ใช่ไหม แต่ปกติเราเห็นใจไหม
ถ้าอย่างนั้นเราถามท่านหน่อย โลกนี้น่าอยู่เพราะคนเข้าใจกัน เห็นใจกัน ใช่ไหม และโลกนี้ไม่น่าอยู่เพราะคนเอาแต่ทำร้าย เหน็บแนม ซึ่งกันและกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราทำโลกน่าอยู่หรือเราทำโลกไม่น่าอยู่ และเราอยากได้โลกที่น่าอยู่หรือโลกที่ไม่น่าอยู่ (น่าอยู่)  เราอยากได้โลกน่าอยู่แต่เราทำโลกไม่น่าอยู่ ใช่ไหม เราต้องการอีกอย่างแต่เราทำอีกอย่าง อย่างนั้นถูกต้องไหม (ไม่ถูกต้อง)  และผลสุดท้ายกรรมก็ตกมาที่ตัวเรา ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ใช่หรือไม่ ก็เราไม่เคยเห็นใจเขา เราไม่เคยเรียนรู้ที่จะเข้าใจเขา และจะมีใครเข้าใจเห็นใจเรา ถูกไหม เขาผิดพลาด เราก็เคยผิดพลาด ถ้าแปรความผิดพลาดเป็นความเห็นใจ แปรความผิดพลาดเป็นความเข้าใจ โลกนี้คงสันติสุข จริงไหม แต่ทุกวันนี้ไม่สันติสุข ใช่ไหม แต่ส่วนใหญ่ที่เรามอบไปความรักหรือความเกลียด ทั้งรักทั้งเกลียดเลยใช่ไหม
ท่านไม่เคยได้ยินหรือว่า ปัญญาหาได้จากการเรียน ปัญญาเพิ่มได้ด้วยการเรียนรู้ ผู้ใดใคร่อยากมีปัญญา ผู้นั้นต้องใคร่รักการเรียนรู้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยิ่งปัญญาแห่งธรรมที่นำพาให้เราพ้นทุกข์ด้วย ปัญญานำพาให้เราพ้นทุกข์ได้ ปัญญาทำให้เราอยู่ร่วมกับทุกข์ได้อย่างเป็นสุข ปัญญาทำให้เรามีชีวิตอยู่บนโลกด้วยความเข้าใจทุกข์ อย่างนี้การศึกษาเรียนรู้ธรรมไม่น่าสนใจหรอกหรือ (น่าสนใจ) 
นั่งไม่นั่ง (นั่ง)  เชิญนั่ง ไม่ต้องพิธีรีตองมากนะ เพราะอยู่บ้านปกติไม่เคยสนใจใคร ไม่เคยแคร์ใครใช่หรือไม่ (ใช่)  มาอยู่ที่นี่จะกินก็ต้องเชิญคนนั้น จะนั่งก็ต้องเรียกคนนี้ ถ้าเราอยู่ในโลก เรารู้จักคำนึงถึงหัวอกคนอื่นก่อนที่จะนึกถึงตัวเองคนเช่นนี้ไม่น่ารักหรอกหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จะนั่งก็ห่วงคนอื่นให้คนอื่นนั่งก่อน จะกินก็นึกถึงคนอื่นก่อนเช่นนี้ไม่น่ารักหรอกหรือ (น่ารัก)  เพราะปกติเคยห่วงคนอื่นไหม (ห่วง)  ห่วงแต่คนในบ้านมากกว่าใช่ไหม (ใช่)  อย่ารำคาญพิธีรีตองเล็กๆ น้อยๆ เลยนะ เพราะพิธีรีตองก็เป็นจริยะ ที่ทำให้เรารู้จักคำนึงถึงผู้อื่นมากกว่านึกถึงตัวเอง ให้เรารู้จักสำนึกคุณถึงผู้อื่นก่อนที่จะห่วงแต่ตัวเอง ใช่หรือไม่
วันนี้ท่านมาฟังธรรมะ ธรรมะในความคิดของท่านโดยส่วนใหญ่มักจะตีกรอบว่าแค่สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ ทอดกฐิน ธรรมะสอนให้เราเป็นคนดี ใช่หรือไม่ แต่วันนี้ถ้าเราบอกว่าธรรมะไม่ใช่มีแค่นั้น ธรรมะยังมีอีกส่วนหนึ่ง และยังมีอีกหลายๆ ส่วนที่ท่านลืมมองไป ธรรมะไม่ได้สอนให้เราเป็นแค่คนดี แต่ธรรมะยังสอนให้เราเรียนรู้ที่จะเข้าใจความจริงและนำพาให้เราพ้นทุกข์ ซึ่งธรรมะอันนี้เราไม่เคยเอามาใช้เลย จริงไหม เอามาแต่ทำให้ตัวเองดี เอามาแต่ปฏิบัติให้ตัวเองดี แต่ไม่เคยเอาธรรมะมาปฏิบัติให้ตัวเองพ้นทุกข์สักที ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเราถามต่อ ธรรมะที่วันนี้ที่ท่านมาฟัง ไม่ใช่แค่เป็นคนดี แต่เป็นธรรมะที่ปฏิบัติแล้วทำให้เราพ้นทุกข์ อย่างนั้นท่านกลัวทุกข์หรือกล้าเผชิญความทุกข์ (กล้าทุกข์)  อย่างนั้นคนที่กล้าเผชิญความทุกข์ เขาจะเลือกเจอแต่สุขใช่ไหม ความทุกข์ไม่เอาใช่ไหม คนที่บอกว่าคือคนที่กล้าทุกข์ คือคนที่หวังวอนขอทำดีแล้วต้องเจอแต่สิ่งดีๆ อย่าเจอสิ่งที่ไม่ดีใช่ไหม คนที่กล้าเผชิญความทุกข์คือคนที่เลือกจะเจอแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่เลือกว่าทุกข์ไม่ยอมเจอใช่ไหม (ไม่ใช่) 
คนที่กล้าเผชิญความทุกข์คือคนที่กราบพระ ทำดีแล้วก็บอกว่าขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ แล้วนั่นคือคนที่กล้าเผชิญทุกข์หรือ ตกลงว่าท่านอยู่ในโลก ท่านกล้าทุกข์หรือท่านไม่กล้าสู้ทุกข์ (ไม่กล้าสู้ทุกข์)  ถ้าคนกล้าที่จะทุกข์เขาจะไม่เลือกเจอแต่สิ่งที่ดี ถ้าคนที่เข้าใจทุกข์ กล้าเผชิญทุกข์ เขาจะยอมรับทั้งดีและไม่ดี ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นผู้ที่กล้าเผชิญความทุกข์ เขาจะกล้ายอมรับความจริงว่า โลกนี้มีทั้งดีและไม่ดี โลกนี้มีทั้งสุขและทุกข์ เพราะเป็นธรรมดาของโลกและในความเป็นธรรมดานั่นคือความจริงอันหนีไม่พ้น ถ้าอย่างนั้นคนที่กล้าเผชิญความทุกข์คือคนที่เรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์และสุขได้ และคนที่ทำดีโดยไม่หวังวอนขอว่าจะต้องเจอแต่สิ่งที่ดี ฉะนั้นตอนนี้เราปฏิบัติธรรมแบบไหน ถ้าคนที่ปฏิบัติธรรมแบบเข้าใจ และนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์คงไม่ปฏิบัติธรรมแล้วเอาแต่ขอว่าจงเจอแต่สิ่งที่ดี จงมีแต่สิ่งที่ดี
ใช่ไหม แต่คนที่เขาเข้าใจทุกข์และปฏิบัติเป็น เขาจะกล้าเผชิญความทุกข์ ไม่ว่าความทุกข์นั้นจะดีหรือไม่ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นปฏิบัติธรรมอย่าเอาแต่ธรรมมาแค่เป็นคนดี แต่ต้องเอาธรรมมาทำให้เราเห็นแจ้งทั้งทุกข์และสุข ใช่หรือไม่ และส่วนใหญ่ความทุกข์ที่เราไม่อยากเจอมีอะไรบ้าง มีแต่เรื่องที่เป็นทุกข์ใจทั้งนั้นเลยใช่ไหม (ใช่)  แล้วในเรื่องที่ทุกข์ใจนี้คือส่วนหนึ่งของชีวิต แล้วคือความจริงที่หนีไม่พ้นใช่หรือไม่ แล้วคือความจริงอันเป็นธรรมดาโลกไหม (ใช่)  มีเยอะแยะเลยถูกไหม

จริงๆ แล้ว มนุษย์เราทุกคนมีเรื่องความทุกข์ที่หนีไม่พ้นเป็นหลักๆ อยู่ไม่กี่เรื่อง เรื่องหนึ่งคือความแก่ เรื่องหนึ่งคือความเจ็บ เรื่องหนึ่งคือความตาย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คือความทุกข์ที่หนีไม่พ้น ที่มีอยู่ในทุกชีวิต ใช่ไหม (ใช่)  ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นรูป หรือสิ่งที่เป็นนาม ก็มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หนีไม่พ้น สมมติถ้าเป็นแค่ตัวเราแค่ร่างกายนี้ มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย  ปกติก็มีแค่นี้ แต่ถ้าเมื่อใดเอาตัวเราใส่เข้าไปในชีวิต เรามีมากกว่านี้ไหม (มาก)  ออกมาเยอะเลย ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเอาตัวเราออกเราก็มีแค่ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย)  ฉะนั้นถ้าเราเอาตัวเราใส่เข้าไป ตัวเรานอกจาก แก่ เจ็บ ตาย แล้วเราก็ยังมีเพิ่มอะไรเข้าไปอีก (อารมณ์)  เอาง่ายๆ นะ มนุษย์เราทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความเป็นจริงอันหนีไม่พ้นที่เรียกว่า แก่ เจ็บ ตาย แล้วยังเป็นเช่นนั้นจนกว่าที่เราจะหมดลมหายใจไป ถึงจะสิ้นสิ่งนั้นได้ ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเมื่อไรสิ่งนั้นเติมคำว่าตัวตนเข้าไป ความทุกข์จะไม่ใช่แค่สามอย่าง จะมีมากมายนับไม่ถ้วนเขียนบนกระดานก็ไม่หมด ใช่ไหม (ใช่)  แล้วสิ่งนั้นจะค่อยๆ เริ่มเกิด ค่อยๆ เริ่มมี เพราะเมื่อเราใส่อารมณ์เข้าไป ใส่ตัวตนเข้าไป พอมีอารมณ์จากเจ็บเราก็เริ่มเจ็บมาก เจ็บน้อย ใช่ไหม พอมีอารมณ์เราก็เริ่มเจ็บเพราะเขาทำเรา หรือเจ็บเพราะเราทำเขา ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเมื่อใดเราดับทุกข์ง่ายๆ เมื่อใดเราถอนอารมณ์ออก ถอนตัวตนออก เราก็จะเหลือทุกข์แค่ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย)
เรายังถอนอารมณ์ออกไม่ได้ ถอนความเป็นตัวตนออกไม่ได้ ความทุกข์ก็จะมีไม่จบสิ้น ใช่หรือไม่ เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าสมมติว่ากระเช้าดอกไม้นี้หนีพ้นความแก่เจ็บตายได้ไหม (ไม่ได้)  เรารู้ว่ายังไงก็ต้องเหี่ยว กระเช้ายังไงก็ต้องพังสลาย แต่เมื่อไรที่เราเห็นกระเช้านี้มีใครดึงดอกไม้เราก็เฉยๆ ใครมาทำกระเช้าพังเราก็เฉยๆ แต่เราจะเจ็บมากยิ่งขึ้นถ้าบอกว่า “ของเรา”ใช่ไหม แต่เมื่อถอนของเราทิ้ง เจ็บไหม ทุกข์ไหม อย่างนั้นที่เราทุกข์เพราะเราพยายามอยากเป็นเจ้าของในสิ่งที่เราหนีไม่พ้นทุกข์ใช่ไหม แล้วเราอยากเจ็บอีกไหม (ไม่)  ถ้าอย่างนั้นลองเติมคำว่า ของเรา “เเต่เเฟนให้มา” เจ็บขึ้นไหม อยากเจ็บอีกไหม ของเรา แต่แฟนให้มา “แต่แฟนไม่ให้เรา” เจ็บไหม ฉะนั้นที่เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้ทั้งที่เรารู้ว่าสรรพสิ่งในโลกไม่ว่าตัวเราหรือของอะไรก็ตาม หนีไม่พ้นความแก่ ความเจ็บ ความตาย แต่ที่เราเจ็บกับสิ่งๆ นั้นมาก หรือทุกข์กับสิ่งๆ นั้นมาก เพราะเรายึดติดกับคำว่าตัวตน เพราะเรามีอารมณ์ร่วมกับสิ่งๆ นั้น ใช่ไหม ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์ เราไม่อยากเจ็บ บางครั้งเราต้องทำอย่างไรหนอ (ปล่อยวาง)  ปล่อยวางจริงไหม ท่านเคยได้ยินไหม ของบางอย่างมันมีก็จริง แต่ถ้าเราไม่คิดมันก็ไม่ทุกข์ ของบางอย่างมันไม่มี แต่เมื่อเราคิด เราก็ทุกข์ ใช่ไหม ฉะนั้นที่เราทุกข์เพราะเราคิด
ใช่หรือไม่

ฉะนั้นชีวิตนี้เป็นภาพสะท้อนของจิตใจเมื่อใจว่างทุกสิ่งก็ว่าง เมื่อใจมีทุกสิ่งก็มีถูกไหม (ถูก)  เหมือนเปรียบเทียบง่ายๆ คิดง่ายๆ บางคนยังคิดไม่ออกท่านเคยได้ยินคำว่า ผีเห็นผีไหม (เคย)  รู้ไส้รู้พุงเขาเพราะว่าเราก็เป็นอย่างนั้นใช่ไหม (ใช่)  เจ็บมากเท่าไหร่ก็เพราะเราคิดอย่างนั้นใช่ไหม ฉะนั้นถ้าความคิดนั้นไม่มีอยู่ในใจเรา เราจะเจ็บไหม (ไม่เจ็บ)  หรือเปรียบเทียบง่ายๆ อีก ท่านเคยเห็นไหมผู้หญิงไม่เคยติดเหล้า ผู้หญิงไม่เคยติดบุหรี่ ต่อให้เดินผ่านร้านเหล้าร้านบุหรี่จะหวั่นไหวไหม (ไม่)  จะรู้สึกเปรี้ยวปากไหม (ไม่)  เพราะบุหรี่และเหล้ามันไม่มีในใจใช่ไหม (ใช่)  แต่ตรงกันข้ามฝ่ายชาย แม้ไม่เห็นเหล้าไม่เห็นบุหรี่ แต่เหล้ากับบุหรี่มันอยู่ในใจอยากไหม (อยาก)  อย่าพูดสิมันเปรี้ยวปากถูกไหม ฉะนั้นฉันใดก็ฉันนั้นถ้าเรามองสิ่งนั้นไม่ใช่ทุกข์อีกต่อไป ถ้าเรามองสิ่งนั้นไม่ใช่ความเจ็บล่ะ ถ้าเรามองสิ่งนั้นเป็นความธรรมดา ใจเราเห็นเป็นธรรมดาก็ไม่เจ็บ ใจเราเห็นไม่ทุกข์ก็ไม่เจ็บ ใจเราเห็นเป็นเช่นนั้นเองก็ไม่เจ็บใช่ไหม (ใช่)  ผีเห็นผีเห็นอะไรก็ทำอย่างนั้น คิดอะไรก็ได้อย่างนั้นใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วถ้าเกิดว่าในใจเรามันว่างที่เห็นมันจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  เมื่อจิตว่างสรรพสิ่งก็ว่างเปล่าใช่ไหม (ใช่)  หรือเป็นเพราะว่าเราเต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนี้ทุกข์ สิ่งนั้นทุกข์ สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนั้นไม่ดี
ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเราจะแก้ที่เขาหรือแก้ที่เรา ว่าอย่างไร แก้ที่เขาหรือแก้ที่เรา (แก้ที่เรา)  เหมือนเราถามท่านง่ายๆ ปลูกดอกไม้ถ้าดอกไม้มันมีทั้งสวยและไม่สวยโทษสภาวะแวดล้อมหรือโทษต้นไม้

ถ้าเราดูแลดีก็แล้ว บำรุงดีก็แล้ว ทำอะไรดีทุกอย่างก็แล้ว เราก็ยังหนีไม่พ้นมีดอกไม้ไม่สวย มีผลไม้ไม่ดี โทษเขาหรือโทษเรา ชีวิตมีทุกข์ที่หนีไม่พ้น ใช่หรือไม่ และความหนีไม่พ้นนั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิต และคือความจริง ถ้าอย่างนั้นความจริงคือชีวิต ชีวิตคือธรรมดา ผู้ใดยอมรับความจริงอันเป็นธรรมดา ผู้นั้นย่อมเข้าใจธรรม ถูกหรือไม่
ยอมรับความจริงอันธรรมดาได้ มนุษย์ก็สามารถเรียนรู้ที่จะเข้าใจชีวิตและพ้นทุกข์ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ขึ้นชื่อว่าชีวิตหนีความตาย ความพลัดพราก หนีความสูญเสียได้ไหม (ไม่ได้)  หนีความไม่มีได้ไหม (ได้)  เพราะเรามาจากความไม่มี พอถึงวันหนึ่งเราก็ต้อง (ตาย)  ฉะนั้นเราบอกว่าเป็นคนหนึ่งที่กล้าเผชิญความทุกข์ สิ่งที่เราพูดมาทั้งหมดใช่ทุกข์ไหม
เราหนีความแก่ ความเจ็บได้ไหม (ไม่ได้)  ขึ้นชื่อว่าชีวิตมีความแก่ มีความเจ็บ มีความพลัดพราก มีความสูญเสีย มีความไม่มีเป็น (ธรรมดา)  และเป็นส่วนหนึ่งของ (ชีวิต)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเรายังมีชีวิต เราก็หนีไม่พ้นความจริงอันนี้ถูกหรือไม่ (ถูก)  และความจริงอันนี้คือส่วนหนึ่งของ (ชีวิต)  อันเป็นความจริงอันเป็นธรรมดา แต่เรายอมรับความจริงอันเป็นธรรมดาและเป็นทุกข์ ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกข์ไหม (ไม่)  ถ้าในใจเรายังกังวลถึงความแก่ ความเจ็บว่าเป็นทุกข์ ฉะนั้นเกิด แก่ เจ็บ เราก็เป็นทุกข์  แต่ถ้าเรามองว่าความแก่ ความเจ็บ ความเกิดเป็นธรรมดาของโลก เราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  เราก็จะไม่ทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นชีวิตเกิดขึ้นมาจากความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนชีวิตก็ต้องเปลี่ยนที่ (ความคิด ความรู้ ความเข้าใจ)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงบอกว่าไปไหว้พระเก้าวัดก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่เปลี่ยนที่ (ความคิด)  ถูกหรือไม่ (ถูก)  ความทุกข์แท้จริงแล้วทุกข์จริงไหม (ไม่จริง)
ถ้าสมมติว่าชีวิตเราเหมือนสายน้ำ เหมือนคลองเป็นสายน้ำเส้นหนึ่ง เราหวังว่าคลองนี้จะต้องมีแต่น้ำสะอาดที่ไหลผ่านเท่านั้นเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  วันหนึ่งต้องมีน้ำเสียและเมื่อมันไหลมา แล้วจะไหลไปไหม ไม่ว่าจะเป็นน้ำสะอาดหรือน้ำสกปรก สักวันหนึ่งไหลมาก็ต้องไหลไป เมื่อไหลไปแล้วไปเลย เรียกกลับไม่ได้ ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นที่ท่านบอกว่าทุกข์ มันจบไปหรือยัง มันไปแล้ว ใช่ไหม ทำไมคลองนั้นยังรู้สึกสกปรกอยู่ แล้วเมื่อมันมาอีกรอบ ถามใจท่านจะเก็บกลับไว้หรือให้ผ่านแล้วผ่านไป มันผ่านไปเลยหรือเราเก็บกักไว้ มันผ่านไปเลยแต่ใจท่านไม่ยอมผ่าน ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นจึงมีคำพูดว่า แม้ทุกข์จะจริงขนาดไหนแต่ในความเป็นจริง ทุกข์นั้นก็ยังสามารถลวงหลอกเราได้ สิ่งที่จริงอาจจะไม่จริงก็ได้ เหมือนดังคำกล่าวพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า จิตเดิมแท้นั้นประภัสสรแต่หมองหม่นเพราะกิเลสจรมา
ใช่ไหม เหมือนเราดูพระจันทร์หรือพระอาทิตย์ สว่างไหม (สว่าง)  แต่หมองหม่นไปเพราะเมฆ เพราะฉะนั้นเมฆก็เหมือนความทุกข์ไหม แล้วเมฆอยู่นานไหม เมฆไปไหม แล้วพระอาทิตย์ยังสว่างเหมือนเดิมไหม แต่ที่ใจท่านไม่สว่างเพราะใจท่านยังอยากเอาเมฆไปอยู่กับตัว ถูกไหม ถ้าอย่างนั้นพอจะเข้าใจหรือยัง ยากไหม ไม่ยากเลย อยู่ที่เราจัดการและรับมือกับความเป็นจริงในชีวิตอย่างไร ทั้งที่จริงๆ แล้วความเป็นจริงแห่งชีวิตล้วนเป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง ใช่ไหม

ไม่ใช่เรื่องยากในการที่จะเข้าใจความทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  แต่เสียอย่างเดียวสมาธิและสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เลยฟังแล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงไหม บางท่านรู้เรื่องบางท่านไม่รู้เรื่องก็เป็นธรรมดาจริงไหม เหมือนบางคนเห็นด้วยกับเราบางคนไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่อง (ธรรมดา)  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเมื่อใดที่มนุษย์สามารถมองเห็นความเป็นจริงอันเป็นธรรมดาได้ ความทุกข์เราจะลดน้อยลง และเราจะรู้จักและเข้าใจอะไรที่เรียกว่าประพฤติปฏิบัติธรรม ใช่ไหม (ใช่)  เราเพิ่งเคยได้ยินว่าถ้าเรามุ่งมั่นทำสิ่งดี แล้วเจอความไม่ดีมาต่อกรเรายังต้องหยัดยืนในความดีนั้นไว้ โดยไม่สูญเสียความดีไปจากใจ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วท่านรู้ไหมความเป็นมนุษย์เรียกว่าความปกติ จริงไหม (จริง)  ชีวิตคือความปกติอันเป็นธรรมดา ฉะนั้นเมื่อใดที่เราทำตัวเองผิดปกติ แปลว่าเรากำลังดำเนินชีวิตผิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความเป็นปกติคือความเป็นธรรมดา ความธรรมดาคือความปกติ อย่างนั้นที่เราผิดปกติเพราะเราทำสิ่งที่ผิดธรรมดา แล้วเราก็เลยหนีไม่พ้นความทุกข์ แต่ถ้าเราเข้าใจว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่ปกติธรรมดา เราก็จะไม่ทุกข์ จริงไหม (จริง)  ถามจริงๆ นะ เหมือนเราพยายามจัดดอกไม้ใส่ตะกร้า มีคนชมใช่ไหม (ใช่)  แล้วก็มีคนว่าใช่ไหม (ใช่)  แล้วก็มีทั้งคนที่ไม่พูดอะไรใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นคนที่รักษาใจปกติโดยที่เข้าใจธรรม ก็จะไม่รู้สึกอะไรทั้งตอนโดนชมและตอนโดนติ ถ้าโดนชมแล้วใจพองโตก็แปลว่าผิดปกติ ไม่ใช่ธรรมะ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วถ้าโดนว่าแล้วใจเราหดหู่ก็แปลว่าเราผิดปกติ ใช่ไหม (ใช่) 
ถ้าเกิดว่าเขาชมก็แล้ว ว่าก็แล้วใจเรายังปกติ แปลว่าเราเป็นอิสระและพ้นทุกข์จริงไหม (จริง)  แล้วชีวิตเราล่ะอยากพ้นทุกข์ไหม (อยาก)  ฉะนั้นโดนชมก็ (ปกติ)  โดนว่าก็ (ปกติ)  ไม่ชมไม่ว่าก็ (ปกติ)  แล้วเราปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  ก็เท่านั้นเอง ธรรมะไม่ยากเลยจริงไหม (จริง)  คนขี้โมโหปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  คนชอบนินทาคนอื่นปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  คนที่เอาแต่กินไม่สนใจคนอื่นปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  คนที่อยากสวยมากกว่าคนอื่นปกติหรือผิดปกติ (ผิดปกติ)  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นธรรมะคือไม่ใช่แค่คนดี แต่ธรรมะคือเข้าใจความเป็นจริง จนรักษาความเป็นปกติของใจ และยอมรับได้ในความเป็นธรรมดา จนบังเกิดธรรมขึ้นในใจ ด้วยความเป็นปกติใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไรที่ผิดปกติ ก็แปลว่าท่านลืมธรรม ฉะนั้นกลับไปโดนใครว่า ก็รักษาความปกติ โดนใครชมก็ปกติ เขาไม่พูดอะไรเลยก็ (ปกติ)  ได้ไหม (ได้)  เพราะทุกสิ่งล้วนสะท้อนความเป็นจริงแห่งใจ เมื่อไรเขาทำอะไรผิดปกติ แสดงว่าใจเราก็ผิดปกติใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อไรที่เขาทำอะไรที่ทำให้เราทุกข์ แปลว่าใจเราก็ไม่ยอมรับความทุกข์อันเป็นธรรมดาใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นผู้ที่เข้าใจธรรมะแท้จริง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเช่นนั้นเอง ไม่มีอารมณ์ ไม่มีอัตตาตัวตน เราจึงเกิดมาเพื่อดับ ไม่ใช่เกิดมาเพื่อทุกข์
มีโอกาสคงได้ผูกบุญกัน พรุ่งนี้ตั้งต้นใหม่ดีไหม (ดี)  ถ้าวันนี้อยู่ฟังจนถึงเย็นขอให้ใจสู้ได้ไหม (ได้)  อย่าดูถูกพลังใจตัวเอง ถ้าทำได้ เราจะได้ยิ่งกว่าได้ แต่ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้ แม้นิดหน่อยมันก็ไม่ไหวใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าบอกว่าไหว เชื่อไหมว่า พลังใจจะทำให้ท่านสามารถทำในสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งไม่เชื่อว่าจะทำได้ เหมือนเราเข้าใจผู้คน ยิ่งเข้าใจมาก ใจเรายิ่งกว้าง เมื่อเราเข้าใจธรรม หัวใจเราจะเปิดกว้าง ความทุกข์จะน้อยลง และเราจะกลับคืนสู่สภาวธรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น ลองศึกษาดูนะ


   วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒        สถานธรรมจื้อเจวี๋ย สงขลา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  การรู้ธรรมต้องรู้แจ้งกระจ่างชัด      การปฏิบัติจะต้องทำให้เห็น
ข้อธรรมะทุกข้อต้องทำให้เป็น         การบำเพ็ญรู้เองทำเองเป็นสำคัญ
                        เราคือ
     จี้กงอาจารย์เจ้า       รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา     ลงสู่แดนโลก น้อมกายกราบ
องค์มารดาแล้ว                   ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์บ้างไหม
   
คนบำเพ็ญธรรม ทำตัวแตกต่าง ทุกทุกครั้งใช้อ่อนน้อมมาแทนตัว บังเอิญสบตากัน ใครหลบตาฉัน ยิ้มกลัวกลัว อาจเป็นสิ่งใกล้ตัว ฉันลืมเรื่องใดไปตามกาล
คนลืมธรรม เหลียวไปมองรอย ร้อยทั้งร้อย เดินผ่านมาในวันวาน อย่าไปเหนื่อยเกินไป เจ้าอาจไม่ทนเหมือนตำนาน บำเพ็ญนานนาน พึงกวดขัน ทบทวนใจ ดวงใจดวงเดียว จงอย่าหายไป
*ตัวปัญหา ความไม่รู้ของเจ้าเอง เดินตรงเผง เหมือนคนเก่งมาก ท้ายอืดอาด ลา ลัล ลา ลา ลา ลัล ลา ลัล ลา ลา อึดอัดไหม ละวางวุ่นวายท้ายอยู่ต่อ
**คนบำเพ็ญธรรม ทำตัวแตกต่าง ทุกทุกครั้งใช้อ่อนน้อมมาแทนตัว บังเอิญสบตากัน ใครหลบตาฉัน ยิ้มกลัวกลัว คนลืมตัว จึงแอบยิ้มกันในใจ เกรงการบำเพ็ญ เป็นแค่ฝันไป (ซ้ำ *,**)

ทำนองเพลง : วอนลมฝากรัก
ชื่อเพลง : เป็นแค่ฝันไป



พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

เป็นแบบนั้นก็ได้นะ ถ้ามีบุญก็ได้เจอกันใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าไร้บุญวาสนาแม้อยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้จักกัน จริงหรือเปล่า (จริง)  ฉะนั้นไม่ต้องร้องเพลงเรียกอาจารย์แล้วนะ ยิ่งเรียกก็เป็นการยึดติด ศึกษาธรรมเพื่อละวางการยึดมั่นถือมั่น  ถ้าปฏิบัติแล้วยังยึดมั่นถือมั่นนั่นเรียกว่าหลงผิดทาง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ชีวิตถ้าอยากมีสุขง่ายๆ ก็อย่าเรื่องมาก  ถ้าอันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอา อย่างนั้นก็ต้องอย่างนี้ อย่างนี้ก็ต้องอย่างนั้น ชีวิตสุขยากแน่ๆ  ช่วงนี้เศรษฐกิจดีไหม (ไม่ดี)  หาเงินยากไหม (ยาก)  แล้วทำอย่างไรให้เงินที่มีน้อยๆ มันดูมีค่าเยอะขึ้น ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อย มี ๑๐๐ ใช้ ๑๒๐ จนไม่จน (จน)  มี ๑๐๐ ใช้ ๑,๐๐๐ จนไม่จน (จน)  แล้วมี ๑๐๐ ไปใช้อีก ๒๐๐ ถึง ๓๐๐ จนไม่จน (จน)  ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยเถอะในห้องนี้ใครบ้างมี ๑๐๐ ใช้แค่ ๕๐  ศิษย์เอ๋ยศิษย์ลองคิดนะสมมติว่าวันนี้ศิษย์หาเงินได้ ๑๐๐ แล้วศิษย์ก็คิดว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้คงได้อีก ๑๐๐ ฉะนั้นเราเลยใช้ ๘๐, ๙๐, ๙๕ แต่ถึงเวลาจริงๆ  พรุ่งนี้หาไม่ได้ เหลือห้าบาทเองนะ ศิษย์เอยถ้าศิษย์อยู่ในโลกปัจจุบันนี้ เปลี่ยนความคิดแล้วเงินจะมากขึ้น อย่าไปหวังในอนาคต เพราะถ้าเงินในอนาคต มันกดไม่ได้ มันไม่มา เราจะตายก่อน เพราะเราเคยชินกับการใช้เงินเป็นว่าเล่น ใช้เงินแบบไม่ขาดมือ แล้วถ้าวันหนึ่งเงินขาดมือ ตายไหม (ตาย)  ไม่ตาย  ยังหายใจอยู่    เงินไม่ได้มาบาดคอตายเพราะศิษย์ไม่ยอมสู้ ฉะนั้นอยากให้เงินเยอะขึ้น ศิษย์เคยไหมมีเงินเป็นหมื่น แต่ความอยากเกินหมื่น มีเป็นหมื่นเหลือนิดเดียว ถ้ามีเงินเป็นหมื่น แต่ความอยาก เป็น สิบ ยี่สิบ เงินเยอะไหม (เยอะ)  แล้วเราเป็นแบบไหน
ฉะนั้นจะพูดธรรมะกับใครก็ตาม ถ้าเขายังมีเงินไม่พอใช้ ยังกินไม่อิ่ม ยังมีความสุขในชีวิตไม่ได้ ก็อย่าไปพูดธรรมะกับเขา จริงไหม (จริง)  ถ้าอาจารย์จะพูดธรรมะกับศิษย์ก็ต้องพูดเรื่องเงินก่อน พูดธรรมะก็ฟังได้หน่อยใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ถามกลับนะ ถ้าตอนนี้เงินหายาก มีเท่านี้ แต่ความอยากของศิษย์ลดลง เงินเหลือเยอะไหม (เหลือเยอะ)  แต่มันน่าสงสารอีกประเภทหนึ่ง คือนำเงินในอนาคตมาใช้มาก ตอนนี้แม้จะอยากลดลง ก็ไม่ได้ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นก็ต้องคิดหาทางอย่ายอมแพ้ ตราบที่เรายังมีชีวิตอยู่ มือมีไหม (มี)  เท้ามีไหม (มี)  ตัวมีไหม (มี)  และลมหายใจมีไหม (มี)  แต่เสียอย่างเดียวใจไม่สู้  ฉะนั้นมือมี เท้ามี ตัวมี แต่ใจต้องสู้ด้วย  ถูกหรือไม่ (ถูก)  เกิดเป็นคนอย่ายอมตายง่ายๆ  ตายให้ยากๆ  หน่อย  เหมือนเราดูหนังทำไมพระเอกจึงตายยากตายเย็น ใช่ไหม (ใช่)  ทีผู้ร้ายโดยยิงเปรี้ยงตายเลย พอพระเอกโดนยิง เปรี้ยงๆ  ฟื้นขึ้นมาเฉยเลย แล้วเราชอบไหม (ชอบ)  ทำไมไม่เป็นแบบนั้นล่ะ
มีอะไรมันหนักหนาสาหัสสากัน สู้ไหมล่ะ (สู้)  รอดไหมล่ะ (รอด)  ตายไม่ตาย (ไม่ตาย)  ให้มันได้อย่างนี้นะ จำคำอาจารย์ไว้นะศิษย์เอ๋ย ถ้าอยากมีเงิน ความอยากให้มันน้อยๆ แล้วเงินมันจะมากขึ้น แต่ถ้ามีเงินเท่านี้ความอยากมันเท่านี้ มีเท่าไหร่มันก็ไม่พอกิน กินเท่าไหร่มันก็ไม่อิ่ม เพราะความอยากมันมาก สังเกตเวลาเราอยากกิน ตอนเราหิวอะไรมันก็อยากหมด วางทั้งโต๊ะยังบอกไม่พอเลยจริงไหม (จริง)  กับข้าวมีมากมายพอไหม ไม่พอ แต่พออิ่มแล้วข้าวเม็ดเดียวยังไม่อยากจะกินแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเหมือนกันศิษย์ถ้าอยากอยู่บนโลกนี้ ถ้าไม่อยากลำบาก ลดความอยากตัวเองให้น้อยที่สุด แล้วชีวิตเราจะไม่ต้องเหนื่อยกับการสนองตัณหา สนองความอยากตัวเองอย่างไม่รู้จักพอ เราก็รู้ใจนี่ว่าใจเรามันถมเต็มไหม (ไม่เต็ม)  มีร้อยอยากได้กระเป๋าร้อยยี่สิบใช่ไหม (ใช่)  ไม่เป็นไรอาจารย์เดี๋ยวพอมีพันเผื่อจะได้กระเป๋าร้อยยี่สิบ แต่พอมีพันอยากได้กระเป๋าสองพันถูกไหมล่ะ (ถูก)  จริง อย่ามาพูดว่าไม่จริงเลยใช่ไหม (ใช่)  พอมันมีเงินเยอะขึ้น พอมีเงินหมื่นใช้กระเป๋าสองสามร้อยไหม (ไม่)  ใช่ไหมล่ะ
ต้อนรับอาจารย์ไหม (ต้อนรับ)   ต้อนรับอาจารย์จะยืนคุยกันหรือจะนั่งคุยกัน (นั่ง)  แปลว่าถ้าอาจารย์นั่งศิษย์ก็ (นั่ง)  อาจารย์ยืนศิษย์ก็ (ยืน, นั่ง)  ให้เกียรติกันหรือเปล่าศิษย์ ตัวเองสบายปล่อยคนอื่นลำบากได้หรือ (ได้)  ได้หรือเสียแรงนะ อุตส่าห์ฝึกบำเพ็ญมานะ ตัวเองสบาย คนอื่นลำบากช่างหัว ใช่ไหม
เริ่มฟังธรรมะนานๆ ก็เริ่มเมื่อย ใช่ไหม ก็อาจจะมีบ้างนิดหน่อย คราวหน้าอาจารย์บอกว่า ใช่ไม่ใช่ ใช่ก็ยกไหล่ (พระอาจารย์เมตตาให้ยกไหล่หนึ่งครั้ง)  ถ้าไม่ใช่ (พระอาจารย์เมตตาให้ยกไหล่สองครั้ง)  เพื่อเป็นการบริหารตัว ใช่ไหม อะไรที่เป็นการตอบว่า ดี ใช่ ให้ยกไหล่หนึ่งครั้ง อะไรที่ไม่ดี ไม่ใช่ ให้ยกไหล่ซ้ายหนึ่งครั้ง ขวาหนึ่งครั้ง
โดยส่วนใหญ่เวลาศิษย์จะทำอะไรก็ตาม หรือเวลาที่ศิษย์เดินเข้ามาในวัด หรือเข้ามาศึกษาธรรมสิ่งที่เรามักจะชอบมากที่สุด และทำกันบ่อยๆ คือชอบขอ ใช่ไหม (ใช่)  (ฝึกสติ)  เราทำอะไรถ้าเรามีสติเราจะไม่ผิดพลาด ถูกไหม (ถูก)  บางทีพูดช้าๆ ทำอะไรช้าๆ คิดสักนิดหนึ่งด้วยสติแล้วจะทำให้ชีวิตนั้นผิดพลาดน้อยลง จริงไหม (จริง)  สิ่งที่ศิษย์ส่วนใหญ่นั้นชอบมาวัด เวลาเข้ามาศึกษาธรรม ในใจชอบหวังวอนขอใช่หรือไม่ (ใช่)  และสิ่งที่เราขอ สมมติว่าอาจารย์ให้มีสองอย่าง อย่างหนึ่งคือสิ่งที่ชอบกันมากคืออยากได้เงิน พอพูดเรื่องเงินใครๆ ก็อยากได้  แต่ถ้าพูดถึงเงินกับสุขภาพ อาจารย์บอกว่าชีวิตเราบางทีขอได้แค่อย่างเดียว ไม่มีทางที่จะขอได้แล้วขอได้อีก ฉะนั้นถ้าอาจารย์ถามว่ามีสองอย่างระหว่างเงินกับสุขภาพ เอาอะไร (สุขภาพ)  แล้วตอนนี้ได้อะไร ได้เงินแต่สุขภาพเสียหายไปหลายแสนเลย  เพราะชีวิตเรา ก่อนจะเริ่มต้นอะไรศิษย์จะต้องลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูกต้อง เพราะถ้าศิษย์ให้ความสำคัญกับชีวิตผิด ศิษย์ก็จะเดินผิดไปตลอดทาง เหมือนเวลาเราเกิดขึ้นมา มนุษย์ทุกคนมักจะแสวงหาเงิน ใช่หรือไม่
เงินมาแล้วค่อยมีสุขภาพดีทีหลังถูกหรือไม่ (ไม่ถูก)  ตกลงว่าหาสุขภาพดีก่อนแล้วค่อยหาเงิน หรือหาเงินก่อนแล้วค่อยมีสุขภาพดี (สุขภาพ)  ที่แล้วๆ มาทำแทบตาย แล้วก็เอาเงินไปรักษาตัวเอง เพราะว่าอยากได้เงินจนลืมสุขภาพใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์ต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าชีวิตเหลือแค่สุขภาพกับเงิน เราต้องรักษา (สุขภาพ)  เพราะสุขภาพที่ดีจะหาเงินอย่างไรก็หาได้ แต่ถ้ามีเงินมากมาย แต่สุขภาพไม่ดี หาเงินมาเท่าไหร่ก็ใช้ไปกับสุขภาพไม่หายใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วปัจจุบันนี้เพื่อเงินจนลืมแล้วทำลายสุขภาพทั้งตัวเองและคนรอบข้างจริงไหม (จริง)  แปลว่าเพื่อเงินสามารถทำลายคนรอบข้างได้เลย ไม่ดีนะ ฉะนั้นอย่าเพียงเพื่อเงินแล้วทำลายสุขภาพจิต และทำลายสุขภาพคนรอบข้างเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ใช่ไหม (ใช่)  ตอนนี้เรารู้แล้ว ว่าสุขภาพสำคัญกว่าเงินใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วคนเราขอแค่สองอย่างไหม (ไม่)  ส่วนใหญ่พอมีสุขภาพดี มีเงินทองแล้ว สิ่งที่ศิษย์ปรารถนาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตำแหน่ง ชื่อเสียง ลาภยศใช่หรือไม่ (ใช่)  ที่ไม่ตอบแปลว่าไม่หวังใช่ไหม (ใช่)  ไม่หวังก็ดี แต่โดยส่วนใหญ่ พอเราสุขภาพดีมีเงินแล้ว สิ่งที่ศิษย์ปรารถนาตามมาก็คือ ครอบครัวต้องร่มเย็นใช่หรือไม่ (ใช่) 
ถ้าให้เลือกในสามอย่างนี้ แล้วเหลือเพียงอย่างเดียว ครอบครัวร่มเย็น สุขภาพดี เงิน แล้วเราจะเลือกอย่างไหน อะไรสำคัญที่สุด ยากไหม มีเงินแต่ครอบครัวไม่ร่มเย็น มีเงินแต่สุขภาพดี แต่ครอบครัวไม่ดี ดีไหม   (ไม่ดี)  ถ้าศิษย์ยังหาความสำคัญไม่ได้ ก็จะดำเนินชีวิตผิด อาจารย์อยากให้ศิษย์ไตร่ตรองดู ถ้าหากว่าเงินไม่มี สุขภาพเราอาจจะไม่ดี แต่ครอบครัวร่มเย็น ไม่ดีหรือ (ดี)  ดีกว่าจริงไหม คนบางคนเพื่อตัวสบาย เพื่อตัวเองมีสุขไม่สนใจครอบครัว เราเป็นแบบนั้นไหม เป็นไหม (ไม่เป็น)  ฉะนั้นเวลาเรายืนอยู่ มีชีวิตอยู่ อย่าเพียงเพื่อตัวเองสบาย แล้วครอบครัวหายนะ ไม่ถูกต้อง อย่าเพียงแต่เพื่อตัวเองมีสุข แล้วครอบครัวไม่ร่มเย็นไม่ถูกต้อง  เราต้องเห็นครอบครัวร่มเย็นก่อนแม้เราจะลำบากก็ตาม นี่ถึงจะเรียกว่า นำพาคนได้อย่างแท้จริง ถูกไหม (ถูก)  อาจารย์ถามศิษย์ ถ้าศิษย์ทำเพียงเพื่อสุขภาพตัวเองรอด ตัวเองมีเงิน ตัวเองดี แต่ครอบครัวหายนะ ครอบครัววิบัติ เอาไหม (ไม่เอา)  แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม คนที่ครอบครัวแตกแยกเพราะหวังแต่ตัวเองสุข  คนที่ครอบครัวล้มเหลว ครอบครัวแตกกระสานซ่านกระเซ็น เพราะห่วงแต่ความสุขของตัวเอง ใช่ไหม (ใช่) 
ฉะนั้นศิษย์คิดให้ดีๆ นะ อย่ามีชีวิตอยู่แต่ตัวเองสบาย แล้วครอบครัวไม่ร่มเย็น อย่างนั้นไม่ถูกต้อง ตัวเองแม้ไม่สบายครอบครัวร่มเย็น ถึงเรียกว่าประพฤติถูกต้อง ถูกหรือไม่ (ถูก) 
คุยกับอาจารย์ง่ายๆ อย่าฟังอย่างเดียวนะต้องคิดตามไปด้วย ถ้าระหว่างธรรมะกับชีวิต ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง (ชีวิต,ธรรมะ)  ไหนใครเลือกชีวิตยกมือขึ้น ไหนใครเลือกธรรมะยกมือขึ้น ชีวิตเลือกสองอย่างไม่ได้นะศิษย์ บางครั้งชีวิตมันมีทางเลือก เลือกว่าจะรักษาชีวิตแล้วทอดทิ้งคุณธรรมหรือรักษาคุณธรรมแล้วยอมทอดทิ้งชีวิต แล้วเราส่วนใหญ่ทิ้งคุณธรรมเพื่อรักษาชีวิต ถูกไม่ถูก (ไม่ถูก)  ดีไม่ดี (ไม่ดี)  แล้วเมื่อสักครู่นี้ที่เลือกชีวิตมากกว่าคุณธรรม ใครเลือก ขอตัวเองรอดคนอื่นตาย ช่างหัวมัน ได้ไม่ได้ (ไม่ได้)  ขอตัวเองมีกิน จะโกงคนอื่นก็ช่างหัวมัน ได้ไม่ได้ (ไม่ได้)  ถ้าอย่างนั้นเพื่อให้อาจารย์อยู่ นักเรียนตายหมดเลย ดีไม่ดี (ไม่ดี)  ก็อาจารย์เลือกตามศิษย์ เอาชีวิตตัวเองก่อนธรรมะทีหลัง ใช่ไหมศิษย์ ศิษย์จะบอกว่าคนเรามันต้องเดินคู่กันไป แต่บางครั้งถ้าเกิดว่าศิษย์เลือกแล้วศิษย์คิดว่าชีวิตศิษย์สำคัญ ไม่เป็นไรอาจารย์ ทำชั่วไปก่อนแล้วต่อไปยังมีลมหายใจอยู่แล้วค่อยไปทำดี ใช่ไหม
(ต้องคู่กันไป)  ต้องคู่กันไป ถูกไหม (ถูก)  แต่ถึงเวลา เราเคยนึกถึงธรรมมากกว่าชีวิตไหม (นึกถึง)  วันนี้เขาให้มาฟังธรรมยังคิดแล้วคิดอีกเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  จะฟังธรรมทำไมล่ะ ฟังเยอะแล้ว รู้อยู่แล้ว พอแล้ว ศิษย์เอ๋ยคนเราโดยส่วนใหญ่มักรักชีวิตมากกว่ารักธรรมะ ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วก็คิดว่าชีวิตรอดก่อน ธรรมะมีทีหลัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมว่า ในโลกนี้ถึงจะมีสติปัญญาล้ำ แต่สติปัญญาล้ำก็ไม่สามารถต้านแรงกรรมได้ เคยได้ยินไหม (เคยได้ยิน)  แล้วการที่เราต้องกลับมาเกิดก็เพราะเรามีกรรม และการที่เราต้องเจอกับคนที่เราไม่อยากเจอก็เพราะว่ากรรมมันส่งผล  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากกลับมาเกิดอีก ไม่อยากกลับมาทุกข์อีก เราจะต้องไม่มีกรรม เพราะฉะนั้นชีวิตนี้เรารักษาชีวิตแล้วเราไม่ต้องมีธรรม (ไม่ได้)  การกระทำแบบนี้มันเรียกว่ามีกรรมหรือมีบุญ (มีกรรม)  การกระทำแบบนี้เรียกว่ามีชีวิตอยู่เพื่อสร้างบุญหรือสร้างบาป (สร้างบาป,สร้างบุญ)  เอาตัวรอด ธรรมะทิ้งไว้ก่อน สร้างบุญหรือสร้างบาป (สร้างบุญ, สร้างบาป)  พูดกันตามธรรมดาจริงไหมศิษย์ เอาตัวรอด ธรรมะไว้ทีหลัง ไปเที่ยวก่อน ศิษย์เคยได้ยินประโยคนี้ไหม อาจารย์ย้ำนะ ไม่มีแรงใดเสมอเท่าแรงกรรม และไม่มีอำนาจใดต้านแรงกรรมได้อยู่ ถ้ากรรมนั้นมันตกผลของการที่เราทำ ถ้าอย่างนั้นเราจะรอให้ชีวิตต้องมีกรรม แล้วถึงจะมีธรรม หรือเราควรมีธรรม เพื่อจะได้สิ้นกรรม (มีธรรมได้สิ้นกรรม)  แต่ถึงเวลาเราเลือกมีกรรม หรือเราเลือกมีธรรม (มีกรรม, มีธรรม)
แล้วศิษย์เคยได้ยินไหม เมื่อไม่ยืนอยู่ขอบเหวก็ไม่คิดจะระวังตัว ไม่กระหายน้ำก็ไม่คิดจะเดินไปดื่มน้ำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็แปลว่ารอให้เรามีทุกข์มีกรรมแล้วเราก็ไปมีธรรม ทันไม่ทัน (ไม่ทัน)  แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง) 
ฉะนั้นทำไมอาจารย์จึงอยากบอกว่า เวลาเรามีชีวิตอยู่เราต้องรู้สิ่งสำคัญในชีวิตก่อนว่าในชีวิตอะไรสำคัญที่สุด  อาจารย์จะบอกศิษย์ว่าชีวิตหนึ่งมีคุณค่ามากที่สุด ประเสริฐที่สุด คือปฏิบัติธรรมและนำพาให้ตนพ้นทุกข์  นี่คือค่าที่สูงที่สุดของการเกิดเป็นคน และค่าที่แย่ที่สุด ต่ำที่สุดคือมีชีวิตอยู่แต่ตกเป็นทาสของกิเลสและตัณหา และหนีไม่พ้นเวรกรรม ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่าสิ่งสำคัญในการเกิดเป็นคนนั้นมีสองอย่างคือ พ้นทุกข์กับการตกเป็นทาสของกรรม  อะไรก็ตามที่ทำให้เราสามารถพ้นทุกข์ได้เราควรจะไตร่ตรองและมีไว้ในชีวิต ดีหรือไม่ อาจารย์ถามว่า ระหว่างเงินกับปัญญาให้เลือกเอาว่าเอาอะไร (ปัญญา)  ตอบชัดทันท่วงที แต่พอถึงเวลาเอาเงินหรือปัญญา (ปัญญา)  แล้วปัญญาเกิดได้ด้วยการเรียนรู้ ไม่หน่ายการเรียนรู้ ไม่หน่ายการศึกษา เราจึงมีปัญญาถูกหรือไม่  (ถูก)  เงินมีวันหมด แต่ถ้าปัญญาเรียนรู้แล้วไม่มีวันหมด และยิ่งถ้าอ่อนน้อมถ่อมตน ปัญญาก็จะเพิ่มพูนไปได้เรื่อยๆ ถูกหรือไม่ (ถูก)  เงินหายได้ ปัญญาไม่มีวันหมด ไม่มีวันหายได้ ถ้าคนๆ นั้นรู้จักเรียนรู้และอ่อนน้อมถ่อมตนใช่หรือไม่ (ใช่) 
แล้วศิษย์รู้ไหมว่าเงินหมดแล้ว ปัญญายังทำให้เงินมีได้ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเลือกมีเงินแต่ไม่เอาปัญญา พอเงินไม่มีปัญญาก็ไม่รอดจริงไหม (จริง)  ถ้าอย่างนั้นแล้วธรรมะสำคัญกับชีวิตเราไหม (สำคัญ)  สำคัญแค่เป็นคนดีแค่นั้นไหม (ใช่)  ไม่น่าใช่นะ แล้วเมื่อสักครู่อาจารย์ก็พูดไว้บอกว่า ไม่มีแรงใดเสมอแรงกรรม และไม่มีอำนาจใดต้านอำนาจกรรมได้ถูกหรือไม่ (ถูก)  เราย้อนกลับมาหน่อยว่า เราดำเนินชีวิตอย่างไรที่เรียกว่าสร้างกรรมมากกว่ามีธรรม อาจารย์ถามนิดหนึ่ง ในใจเราจำความไม่ดีของคนอื่นได้มากกว่าจำความดีใช่ไหม (ใช่)  ใครทำดีกับเราจำได้ไหม (จำได้)  ไม่ได้ แต่ใครด่าเราจำได้ไหม จำได้ ใครเอาเงินเราไปไม่คืน จำได้ จำไม่ลืมถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นกรรมมีอยู่สองทาง ทางหนึ่งคือตกเป็นทาสของกิเลส กับอีกทางหนึ่งการผูกเวร คำว่าผูกเวรแปลว่า ใครทำผิดกับเรา แล้วจำได้ไม่ลืมนั่นแหละเรียกว่าผูกเวร แล้วพอเจอคนที่ด่าเรา แล้วเราจำได้ไม่ลืม แล้วเวลาเขาคุยกับเรา เราก็พูดประชดประชัน กระแหนะกระแหนนั่นเรียกว่าผูกกรรม พอเจอหน้าเขายังเอาไปกระซิบกระซาบกับคนอื่นนั่นเรียกว่า จองเวรจองกรรม แล้วยังเอาไปนินทากับคนอื่นแปลว่า ลากกรรมมาให้อยู่กับตัว ฉะนั้นในใจของศิษย์มีเวรมีกรรมไหม คนไม่ดีจำได้หมดเลยใช่ไหม (ใช่)  ส่วนคนดีจำไม่ได้เลย การผูกเวร แปลว่า จำได้ว่าคนนั้นด่าเรา คนนั้นลักขโมยเรา คนนี้หักหาญน้ำใจเรา คนนี้เอาชนะเรา นี่คือผูกเวรไว้ จำไม่ลืม และพอถึงเวลาเจอหน้า  ไม่ต้องมายิ้มเลยใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเราจะอยู่อย่างคนไม่มีเวรกรรมได้อย่างไร
เมื่อสักครู่นี้คุยกันค้างเรื่องอะไรหรือ เรื่องชีวิตกับธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอย่างนั้นเรามาดูหน่อย ถ้าเกิดว่าเราจะอยู่ในโลกแล้วไม่ต้องมีกรรม แต่เราต้องเอาธรรมะมาช่วยยั้งใจ อยากอยู่ในโลกแบบไม่ต้องมีกรรม ถ้าอาจารย์ถามว่า ถ้าอยู่ในโลกนี้กรรมมันทำให้เกิดภัย ผลของการกระทำผิด ทำไม่ดีมันก่อให้เกิดทุกข์ ใช่หรือไม่ เหมือนที่อาจารย์บอก กรรมมันมีสองอย่างคือกรรมที่ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา  และกรรมอีกอย่างที่ผูกใจเจ็บ ยึดมั่นไม่ยอมลืม ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นกรรมที่ผูกใจเจ็บ ยึดมั่นไม่ยอมลืม เราพอลืมมันได้บ้างไหม ได้ไหม (ได้)  ถ้าอย่างนั้นเวลามีอะไรในใจล้างมันเสีย ดีหรือไม่ ใครด่าเราก็ไม่โกรธ ใครเอาเงินเราไปไม่คืนก็ไม่โกรธ ใครเอาสามีเราไปก็ไม่โกรธ ฝ่ายชายดีกว่านะน่าจะชอบ ใครเอาแฟนเราไปก็ไม่โกรธ (ไม่โกรธ)  เอาไปเลยจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นเราจะทำอย่างไร ที่จะทำให้เราไม่ตกเป็นทาสกิเลส แล้วเราจะทำอย่างไรที่ใจเรามันจะไม่ฝังใจจำในสิ่งที่ไม่ดีๆ ใช่ไหม (ใช่)  สมมติว่าในโลกนี้มันมีสิ่งที่ศิษย์ไม่ชอบ คือคำว่า แก่ เจ็บ ตาย  เราไม่ชอบใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราหนีพ้นไหม (ไม่พ้น)  อย่างไรเราก็ต้องเจอถูกไหม (ถูก)  ตายไหม (ตาย)  เมื่อสักครู่เราเลือกแล้วนะเราขอมีชีวิตที่มีธรรมมากกว่ามีชีวิตแต่ไร้ธรรมแล้วกลายเป็นสร้างกรรมถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นในคำว่า แก่ เจ็บ ตาย อาจารย์เพิ่มอีกอย่างหนึ่งศิษย์ชอบคำว่าเกิดไหม ชอบไหม ชอบไม่ชอบ (ไม่ชอบ)  ในความเป็นจริงของทุกชีวิตไม่ว่ามนุษย์หรือสรรพสิ่งหนีไม่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย ใช่ไม่ใช่ (ใช่)  ทุกสิ่งแม้แต่พัด มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไหม มีไหม (มี)  ในพัดก็มีเกิด ถ้าไม่สานมันจะเกิดพัดไหมล่ะและถ้าจะเกิดอีกได้ไหม (ได้)  แล้วพัดจะตายไปจากโลกได้ไหม (ได้)  เหมือนกันนะศิษย์จำไว้นะชีวิตนี้ไม่ต่างอะไรกับพัด ถ้าหมดสิ้นอยากแล้ว หมดสิ้นอยากการถักทอพัดแล้วพัดนี้ก็จะหายไปจากโลกถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าเมื่อไหร่ยังอยากมีพัดอีกมันก็เกิดอีก ฉันใดก็ฉันนั้นตัวเราจะสิ้นกรรมได้ก็ต่อเมื่อเราหมดอยากแล้ว ถ้าเรายังอยากอีกเราก็จะเกิดอีกๆ
แต่ถ้ามนุษย์เราสิ้นความอยาก เราก็ไม่ต้องพบกับการเกิด ในคำว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย อะไรน่ากลัวที่สุด (เกิด)  ทำไมล่ะ (เพราะเกิดแล้วก็มี แก่ เจ็บ ตายตามมา)  เก่งรู้ดี ฉะนั้นชีวิตจะสิ้นกรรมได้ถ้าเราไม่เกิด  แล้วเราเกิดไหม (เกิด)  เกิดเป็นกายหนึ่งครั้ง แต่เกิดความอยาก ไม่สิ้นสุด แล้วถ้าเกิดเป็นกายหนึ่งครั้ง แล้วในการเกิดนั้น ยังสั่งสมความอยากไม่จบสิ้น ในความอยากนั้นจะต้องทำให้เรากลับมาเกิดอีก แล้วเรารู้ไหม (รู้)  แล้วยังอยากไหม (อยาก)  อาจารย์ถามหน่อยเจ็บไหม (เจ็บ)  แก่ เศร้าไหม (เศร้า)  เศร้าทำไม ดีที่ได้แก่ ถ้าไม่แก่ก็ตายเลย คนเราแก่ ตาย กลัวไหม (ไม่กลัว)  อย่างนั้นไปอยู่ชายแดนภาคใต้ กลัวไม่กลัว  (ไม่กลัว)  แต่ไม่ไป ศิษย์รู้ไหม พระพุทธะจึงบอกไว้ว่า ถ้าอยากเกิด อย่ามองเพียงการเกิดเป็นร่างกาย มนุษย์เกิดความอยากเมื่อไหร่ ความอยากก็จะทำให้เราพบกับความเจ็บ ความตาย และอยากมากเท่าไหร่ ก็ต้องพบกับ แก่ เจ็บ ตาย จริงไหม แล้วชีวิตนี้ เราต้องพบกี่ครั้ง อยากไม่ถ้วน  ฉะนั้นในคำว่าแก่เจ็บตาย จะต้องพบกับคำว่าสูญเสียพลัดพรากจากสิ่งที่รัก  ทนอยู่กับสิ่งที่ไม่รัก  แล้วก็ต้องตายกับคนไม่รัก เพราะอะไร เพราะอยากเกิด เพราะอยากมี ใช่หรือไม่ (ใช่)
เพราะฉะนั้น สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่การตาย แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการเกิด และเราจะดับความเกิดได้อย่างไร ในเมื่อเรา แก่ เจ็บ ตาย ไม่เคยเข็ด  มีของอะไรพอสูญเสีย ร้องไห้ มีของได้มาแล้วไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า หวาดกลัว ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นเราจะแก้อย่างไร (ทำหมัน)  แค่มองเห็นเขาแล้วเกิดอยากพูดนั่นคือการเกิด แค่มองเห็นเสื้อตัวหนึ่งแล้วอยากซื้อนั่นคือการเกิด แค่เห็นกับข้าวแล้วเกิดความคิดว่าอร่อยไม่อร่อย นั่นก็คือการเกิด ชีวิตหนึ่งเราเกิดกายแค่ครั้งเดียวแต่ความอยากเรานับไม่ถ้วน ถ้าอย่างนั้นมนุษย์จึงไม่สามารถสิ้นการเกิดได้ สิ้นความแก่ เจ็บ ตายได้ ถ้ามนุษย์ยังหยุดเกิดไม่ได้ จริงไหม ธรรมะจึงสอนๆ อยากให้รู้ธรรมะเยอะๆ ธรรมะจึงสอน สอนว่าไม่ได้ให้แค่ไปทำหมัน ถ้าอย่างนั้นถามหน่อย ทำหมันเขาหรือทำหมันเรา อาจารย์ว่าควรทำทั้งเขาและเราถูกไหม มันจะได้ไม่เกิดนะ อย่าไปทำหมันแต่เขาแล้วเราไม่ทำ ใช่ไหม ธรรมะยังสอนต่ออีกว่า ถ้าเราจะหยุดการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้วิธีที่แก้ อย่าไปแก้ที่ปลายเหตุ ช้าไป มันต้องแก้ที่ขั้วต้นเหตุเลย จริงไหม แล้วต้นเหตุมันมาจากไหน (ตัวเราเอง) 
เคยได้ยินไหม ทุกสิ่งสำเร็จสำคัญที่ใจ ใจประเสริฐสุด สำคัญที่ใจ สำเร็จที่ใจ ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากจะแก้ต้องไปแก้ที่ (ใจ)  เพราะใจเป็นต้นเหตุของความอยากทั้งมวล ถูกหรือไม่ (ถูก)  ถ้าอย่างนั้นเมื่อพูดถึงใจก็ต้องหันกลับมาดูที่ (ตัวเรา)  จึงมีคำพูดคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า มนุษย์ก็เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งเมื่อเติบโตมาแล้ว แล้วเราไม่มีเมล็ดพันธุ์แห่งความอยากอีก ต้นไม้นี้พอโตไปล้มไปก็สูญสลายไปไม่กลับมาเกิดอีกถูกไหม (ถูก)  แต่มนุษย์เรามันไม่ใช่ต้นไม้ เพราะมนุษย์เราชอบฝังความอยากไว้ในเนื้อนาแห่งจิตใจ ฝังความไม่ชอบใจไว้ในจิตใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นวิธีที่จะแก้ ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมบอกว่า ถ้าใจดี พูดก็พูด (ดี)  ทำก็ดี คิดก็ (ดี)  ฉะนั้นถ้าสร้างเหตุดี การกระทำก็ (ดี)  และอีกอย่างหนึ่งคือ โดยส่วนใหญ่แล้วมนุษย์คิดดี หรือคิดไม่ดี (ไม่ดี)  ถ้าเราคิดร้าย พูดก็ (ร้าย)  ทำก็ (ร้าย)  ปฏิบัติก็ (ร้าย)  เมื่อสร้างเหตุร้าย ผลที่สุดก็คือความทุกข์และหนีไม่พ้นเป็นรอยเกวียนตามรอยเท้าโค และหนีไม่พ้นต้องเป็นกรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นธรรมะจึงสอนต่ออีก พอพูดถึงธรรมะนั่งหลับกันเชียว พอพูดถึงทำหมันตาตื่นเลยนะศิษย์เอ๋ย ถ้าอย่างนั้นฟังต่อ ฟังให้จบ
ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งที่พูดบอกว่ามนุษย์เราโชคดีที่สุด โชคดีที่สุดตรงไหนรู้ไหม (เป็นสัตว์ประเสริฐ)  ตอบได้ดี แต่เราทำตัวประเสริฐหรือทำตัวโลโซ เราทำตัวดีหรือเราทำตัวแย่ (ดี, แย่)  มนุษย์มักจะบอกว่าเกิดเป็นคนช่างโชคดี ถ้าได้ถูกลอตเตอรี่ ใช่หรือไม่ (ไม่)  แต่พุทธะบอกว่าเกิดเป็นคนโชคดีที่สุดก็คือสามารถประคองจิตใจเมื่อเจอวันที่เลวร้ายที่สุด แต่ยังสามารถพบความสงบเย็นได้ จริงไหม (จริง)  ถ้าชีวิตนี้เราบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากใจ สำคัญที่ใจ สำเร็จที่ใจ และประเสริฐสุขที่ใจ ฉะนั้นไม่ว่าอะไรมา แม้จะเลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่เราสามารถประคองใจจนสงบเย็นได้ โชคดีที่สุด และคนที่สุขที่สุดคือคนที่สามารถพบความทุกข์แต่สามารถเจอความสุขได้ ใช่หรือไม่
แปลว่าเราทำอย่างนี้ได้ไหมล่ะ (ได้)  ฉะนั้นถ้าชีวิตสำคัญที่ใจ สำเร็จที่ใจ เราต้องดูแลใจของเราให้ดี ในวันที่แย่ที่สุด เราสามารถประคองใจจนมั่นคงได้ เย็นได้ เราก็คือคนที่โชคดีที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ในวันที่เราทุกข์ที่สุด แต่เราสามารถพบความสุขได้ เราคือคนที่โชคดีที่สุด แต่ถึงเวลาเราทำได้อย่างนั้นไหม (ไม่ได้)  ทำอย่างไรดีล่ะ เวลาที่ใจเราเจอเรื่องไม่ดี แต่เราสามารถแปลใจให้สงบเย็นได้ (ปล่อยวาง)  เวลาเจอเรื่องทุกข์แต่เราสามารถนำพาจิตใจให้พบความสุขได้ ยากไหม (ยาก)  วิธีที่ง่ายๆ เลย ศิษย์เราต้องรู้ก่อนว่าใจของเราเป็นไปตามอะไร แล้วมาจากอะไร ใจของเราเป็นไปตามสิ่งแวดล้อมถูกไม่ถูก (ถูก)  ใจเราดีก็ต่อเมื่อคนพูดดีๆ ใช่ไม่ใช่ (ใช่)  ใจเราร้ายเมื่อคนพูดร้ายๆ ใช่ไม่ใช่ (ใช่)  ตกลงว่าใจเราเป็นไปตามอำนาจสิ่งแวดล้อมหรืออำนาจของตัวเอง (อำนาจของตัวเอง)  คุยกับศิษย์ชั้นนี้ เพราะถ้าพูดธรรมดานะหลับ ฉะนั้นต้องใช้พาวเวอร์เรนเจอร์  เราดีไม่ดีขึ้นอยู่กับคนอื่นหรือขึ้นอยู่กับตัวเรา (ตัวเรา)  ฉะนั้นเขาร้ายมาเราก็ (ร้ายตอบ)  เขาร้ายมาเราก็ (ดีตอบ)  ชีวิตอยู่ที่ตัวเรานะ
ศิษย์เคยได้ยินไหม ไม่มีอะไรร้ายในวันที่จิตใจเราดีๆ และไม่มีอะไรดีในวันที่จิตใจเราหงุดหงิด ฉะนั้นชีวิตเราใจเรามันเป็นอย่างไรไม่ใช่ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม แต่ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นเป็นคนกำหนด แล้วตัวเราเป็นไปตามอำนาจอะไร (อารมณ์, ความคิด, สติ, ปัญญา)  ตามอำนาจความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ที่เราสั่งสมไว้ในสมอง  สวยไม่สวยเอาอะไรวัด เอาใจวัด ดีไม่ดีเอาอะไรวัด  เอาตัวเองเป็นเกณฑ์ จริงไหม (จริง)  เขาดีไหม  ก็เหมือนจะดีนะ แต่ขี้นินทาไปหน่อยไม่ไหวๆ  ใช่ไหม (ใช่)  ก็เหมือนจะได้นะ แต่มันเสียไปเยอะ สามตัวก็ได้แล้วนะแต่ที่แล้วมาเสียไปเยอะเลย แทบจะเอาลอตเตอรี่ มาต้มแทนมาม่าเลย 
ฉะนั้นจิตใจ เป็นไปตามอำนาจ ความรู้และความคิด ที่เราสั่งสม และเราก็ชอบกำหนดกฎเกณฑ์ และเราก็ชอบตั้งศาลเตี้ย ตัดสินสิ่งนี้ดี ไม่ดี ชอบ ไม่ชอบ ทั้งที่ดี ดีไหม ไม่ดี ไม่ดีจริงๆ ไหม แล้วเราตาบอดไหม (บอด)  ฉะนั้นสิ่งที่เราตัดสิน แล้วใจเราบอกว่าเรารู้เราเห็นจริง แท้จริงแล้วยังไม่จริง สิ่งที่เราพูดว่าเรารู้เราถูก จริงๆ แล้วยังไม่ถูก เหมือนอาจารย์ถามนะ  ถ้าสมมติ อาจารย์เดินมา แล้วอาจารย์ก็เดินไป จบไหม เมื่อไหร่จะออกมา ใช่ไหม นั่นแหละความอยากของมนุษย์ที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวาย ถ้าทุกสิ่งมันผ่านไปแล้วก็จบจากใจก็จบ ถูกไหม แต่ที่ไม่จบ ไม่เหมาะ ไม่ควร เพราะใจที่บอกว่าอาจารย์มาแค่นี้ แล้วอาจารย์ไปแล้ว ไปเลย ได้ไหม ได้ เพราะชีวิตจริงๆ ก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนจะจบแต่ก็ไม่จบ แต่ก็ต้องจบ ใช่หรือไม่ ดูเหมือนจะดีแต่ก็เหมือนไม่ดี แต่ก็ดี จริงไหม อาจารย์ถามจริงๆ คนที่ศิษย์บอกว่าเขาร้าย มันร้ายจริงไหม น่าเกลียดจริงไหม ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นถ้าเราสามารถวางใจของตัวเองได้ แล้วมองสรรพสิ่งตามความเป็นจริง ถามหน่อยอะไรน่ารักที่สุด มีไหม แล้วใครน่าเกลียดที่สุด เราว่าบางทีเราน่าเกลียดแต่บางทีมันก็ยังมีดีอยู่นะอาจารย์ จริงไหม เราว่าตัวเองน่ารักแต่บางทีมันก็ทุเรศเหมือนกัน ใช่ไหม ศิษย์เอย ถ้าศิษย์วางความเป็นตัวตนเอง วางใจตัวเองออกแล้วมองโลกตามความเป็นจริง ศิษย์จะเห็นว่า แท้จริงสิ่งที่น่าเกลียดมันไม่ได้น่าเกลียด สิ่งที่น่ารักก็ไม่ได้น่ารักเสมอไป และสิ่งที่ว่ามันดีมันอาจจะไม่ดีก็ได้ แล้วสิ่งที่ศิษย์บอกว่าสมบูรณ์ที่สุด แท้จริงก็มีข้อบกพร่องที่สุด เมื่อเราเห็นชัดขนาดนั้น และถ้าเราเห็นชัดถึงขนาดว่า สิ่งที่เราว่าชอบมาก อยากมาก ก็หนีไม่พ้นเดี๋ยวต้องเจ็บกับมัน เดี๋ยวต้องตายกับมัน เดี๋ยวต้องแก่กับมัน เดี๋ยวต้องพลัดพรากกับมัน เรายังอยากได้มันไหม เรายังอยากอยู่กับมันแบบกรรมอะไรเราจึงต้องมาเจอกับมันนะ หรือว่าจะเจอแบบมีบุญต่อกันดี แล้วทุกขณะที่เราทำ เราทำบุญร่วมกันหรือทำกรรมกันมา ใช่ไหม
ถ้าใจ ยังยึดติด ชอบ ชัง ดีร้าย อันไหน เราชอบ อันไหนชัง ที่ตัดสิน ก็คือใจเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใจที่เรารู้ ใจที่เราคิด ใจที่เรากำหนด ฉะนั้นถ้ามาตรฐานของเรามันพังไปแล้ว เราจะบอกใครดี ไม่  เหมือนที่พระพุทธองค์สอนว่า อย่าเพิ่งเชื่อ ถ้าเรายังไม่รู้จักถึงที่สุด จริงไหม (จริง)  เหมือนอาจารย์บอกว่าคนนี้ยืนหน่อย ก้มนานแล้ว คนนี้อาจารย์ว่าหล่อๆ ถ้าอาจารย์เชื่ออย่างนั้น  ชีวิตนี้อาจารย์ก็จะไม่หล่อกว่านี้จริงไหม ใช่ไหม (ใช่)  แล้วถ้าอาจารย์เชื่อแต่ใจตัวเองแล้วตาบอด หูหนวก ไม่ฟังใคร อาจารย์ก็บอกว่าคนนี้หล่อที่สุดใช่ไหม  แต่จริงๆ แล้วในความเป็นจริงของโลก มีคนหล่อกว่าใช่ไหม แล้วมีคนดีกว่าใช่ไหม เมื่อเป็นอย่างนี้ศิษย์จะโดนเขาหลอกให้ศิษย์หลงได้ไหมล่ะ แล้วศิษย์จะอยากไหมล่ะ ในเมื่อทุกขณะจิตศิษย์คิดว่า  มันต้องมีดีกว่านี้  ใช่ไหม(ใช่)  แล้วถ้าหากศิษย์บอกว่า ศิษย์เจอคนนี้ไม่ถูกสเปกไม่เข้าตา ตัวก็ดำ หัวก็เหม่ง สิวก็ดก ก้นก็ตอบ พุงก็โต หาดีไม่เจอหรอก เฮ้อ แต่ศิษย์มั่นใจหรือว่าถ้าศิษย์ไปหาใหม่จะดีกว่านี้ (ใช่)  คิดว่าใหม่อาจจะได้แบบนี้  เอาไม่เอา (ไม่เอา)  ฉะนั้นศิษย์เอยอย่าเพิ่งเชื่อในกิเลสที่หลงรัก และอย่าเพิ่งเชื่อในกิเลสที่ตัวเองเกลียดชัง  อือนี่ไม่ดี  มันต้องมีหล่อกว่านี้ ไปๆ  มาๆ  จับพลัดจับผลูได้คนนี้  ไม่ดีหรือ ลงหลักปักฐานแน่นเลยนะ  นี่แหละเรียกว่าสำคัญที่ใจ แต่ใจนั้นก่อนที่จะ
ต้องมองให้ถึงที่สุด แล้วเราจะไม่ถูกโลกใบนี้ลวงหลอกให้เราหลงรัก หรือโลภ โกรธ หลงอะไรได้ง่ายๆ เพราะเรามีสติปัญญา เห็นทุกสิ่งอย่างแจ่มชัดใช่ไหม (ใช่)  แต่มนุษย์เรามักจะเชื่อใจตัวเอง แล้วก็ปิดตาให้แคบๆ แล้วก็บอกว่า คนนี้แหละหล่อสุดแล้ว แล้วก็ปิดตาเชื่อแคบๆ ว่าคนนี้แหละน่าเกลียดที่สุดแล้ว แต่จริงๆ แล้วคนนี้อาจจะ (ดี)  และคนนี้อาจจะ (ไม่ดี)  ไม่ดีหรือ ไม่แน่นะถ้าคนนี้ยังไม่พอใจ อยู่ได้แบบนี้ (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนชายคนที่ ๓ ออกมาหน้าชั้น)  ดีไหม ถ้าสามแล้วยังได้แค่นี้ก็ต้องดีแล้วล่ะใช่ไหม (ใช่)  เอาไม่เอา (เอา)  ยังเลือกอีกเดี๋ยวก็ได้ดีหรอกถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าศิษย์ไม่อยากทุกข์ ไม่อยากร่อนแล้ว ไปๆ มาๆ แทนที่จะได้เพชรกลับได้ก้อนกรวด ศิษย์ก็จงหยุดความอยากตัวเองให้มันน้อยที่สุดใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วถ้าวันหนึ่งต้องเจอกับคนๆ นี้ทำอย่างไรดี (นักเรียนชายคนที่ ๓)  ปรับใจตัวเองจะอยู่อย่างคนมีธรรมต่อกันหรือจะอยู่อย่างคนมีกรรมต่อกัน (มีธรรมต่อกัน)  พ่อด่าแม่ แม่ก็ยิ้มกลับ พ่อใช้แม่ แม่ก็ทำดีกลับ เหมือนที่ศิษย์พูดบอกว่าศิษย์ชอบทำบุญทำทานไหม (ทำ)  และชอบให้ธรรมะเป็นทานเป็นธรรมที่ประเสริฐที่ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นแม้พ่อจะให้กิเลสมา แม่จะให้ธรรมะไป ถ้าพ่อจะโกรธมา แม่จะอภัยกลับไป นี่แหละเรียกว่าทำทุกที่ให้เป็นการปฏิบัติธรรมและให้ธรรมะเป็นทาน พ่อจะเป็นอย่างไร แม่ก็จะมีธรรมะเป็นทานใช่ไหม (ใช่)  อย่าเป็นคนทำบุญในวัดเก่ง แต่ลืมทำบุญกับคนใกล้ตัว อย่าเป็นคนดีแต่ในวัด แต่ในบ้านกลับไม่ดี นั้นน่าเสียดายจริงไหม (จริง)
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ทำนองเพลง : วอนลมฝากรัก, ชื่อเพลง : เป็นแค่ฝันไป)
อาจารย์ขอไปคุยกับศิษย์ข้างล่าง อาจารย์ตั้งคำถาม อะไรที่ทำให้มีแล้วมีกรรม อะไรที่มีแล้วมีธรรม ตอบได้อาจารย์จะให้ผลไม้เอาไหม  ธรรมอะไรที่อยู่แล้วจะมีกรรมมากกว่ามีธรรม และธรรมอะไรที่อยู่แล้วมีธรรมและเราจะละกรรมได้ เราต้องคิดต่อแล้ว ถ้าศิษย์ไม่อยากกลับมาแล้วต้องมาเวียนว่ายตายเกิด เกิดแล้วเกิดอีก ใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นแค่เป็นคนดีพอไหม แต่ถ้าเป็นคนดีแล้วยังหวังผล ร้องขอต่อ ถ้าอย่างนี้คนดีก็ต้องกลับมาเกิดเพื่อรับผล พอหมดบุญก็ต้องเวียนเกิดอีก ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นคนดีที่ไม่หวังวอนผลจะไม่มีกรรม ใช่หรือไม่ แล้วเป็นคนแบบไหนที่จะมีกรรมมากกว่ามีธรรม

(พระอาจารย์เมตตาผู้ร่วมฟัง)
สบายดีกันไหม  จิตใจยังเหมือนเดิมนะ ยังขี้น้อยใจอยู่ไหม ยังน่ารักเหมือนเดิมหรือเปล่า  ยังแอบไปกินเนื้อสัตว์เยอะๆ  อีกใช่ไหม ปลงไม่ตกรสชาด ดีใจที่ศิษย์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังทำตัวเหมือนเดิมไม่ค่อยน่าดีใจเท่าไหร่เลย แก้นิสัยที่ไม่ดีได้บ้างหรือยัง  ทำตัวเหมือนเดิม  ถ้าศิษย์อยากฝึกบำเพ็ญสิ่งแรกที่ศิษย์ต้องทำคือละความโกรธให้ได้ ความโกรธยังละไม่ได้ ไม่มีโอกาสเจออาจารย์  และถ้าหากความโลภ หลงไม่เบาบาง ถึงจะรับธรรมะแล้ว ก็ยังไม่พ้นทุกข์นะศิษย์ เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม ถึงจะกินเจแล้ว  แต่โลภ โกรธ หลงไม่เคยเบาบางในใจ นิสัยยังเหมือนเดิม แก้ไม่ได้ ไม่พ้นทุกข์นะศิษย์ ถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ศิษย์ต้องกล้าลงแรงที่ใจตัวเอง บำเพ็ญธรรมไม่ใช่แค่ปฏิบัติธรรรม ไม่ใช่แค่เสียสละช่วยคนอื่น แต่สิ่งสำคัญในการบำเพ็ญธรรมคือขัดเกลาจิตใจตน  จนไม่เหลือความยึดมั่นถือมั่นว่าเราเป็นแบบนี้ แบบนั้น เพราะถ้ายังมีตัวตนอยู่ ศิษย์ยังไม่พ้นความทุกข์ที่ศิษย์ต้องไปรับผลแห่งกรรมนั้น
ในตัวมนุษย์เรานั้นมันมีสิ่งที่เรียกว่ากายหยาบ แล้วก็เรียกว่ากายละเอียด ใช่หรือไม่ หรือเรียกอีกอย่างว่าสังขาร กับจิตญาณ สังขารเมื่อตายไปก็ลงสู่ดิน จิตญาณถ้าหากเข้าถึงความบริสุทธิ์ เข้าถึงจิตเดิมแท้ไร้ซึ่งอัตตาตัวตนที่ยึดถือมาบดบัง เมื่อนั้นศิษย์จะกลับคืนสู่ฟ้าเบื้องบนได้ แต่ถ้าเมื่อไรมีกายหยาบนี้ศิษย์เอาตัวตนไปบดบังจิตเดิมแท้ เอาตัวตนไปเป็นตัวแท้ ศิษย์จะไม่มีวันพบจิตเดิมแท้และกลับคืนสู่ฟ้าเบื้องบนได้ เพราะคำว่าตัวตนมันมีนิสัย มันมีกิเลสและมันหนีไม่พ้นกรรม ถูกหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นบำเพ็ญจึงต้องขัดเกลาตัวตนจนเหลือแต่กายกับจิต โดยที่กายคืนสู่ดิน จิตคืนสู่ฟ้า ใช่หรือไม่ แต่ถ้าในตัวศิษย์ยังประกอบไปด้วยตัวตนอยู่ มีอัตตาอยู่ มีความเป็นตัวตนเต็มอยู่ในใจของตัวศิษย์เอง ศิษย์ก็จะหนีไม่พ้นกรรมที่ศิษย์สร้าง กรรมที่ศิษย์ก่อ กรรมนั้นก็มาจากกิเลส มาจากความยึดติด มาจากนิสัยที่ชอบจดจำความไม่ดีของคนอื่น เหมือนที่อาจารย์บอกไว้ คำว่า ผูกเวรแปลว่าจำเรื่องไม่ดีของคนอื่นไม่ลืม และถึงเวลาก็ชอบกระแนะกระแหน ประชดประชัน นี่แหละที่เรียกว่าจองเวรจองกรรม ใช่หรือไม่ ถ้าตัวตนยังไม่สามารถดับได้ ตายไปก็ยังไม่สิ้นกรรม แต่ถ้าเมื่อไหร่ตัวตนศิษย์ดับได้เหลือแต่จิตเดิมแท้ที่เรียกว่าสภาวธรรม ศิษย์ก็จะพ้นทุกข์แท้จริง ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วยังไม่ถึงธรรมตรงนี้ ยังไม่พ้นทุกข์ เข้าใจไหมศิษย์
อย่างหนึ่งที่อาจารย์เห็นศิษย์ชอบพูดกัน ปฏิบัติธรรมแล้วจะไม่แก่ จะไม่เจ็บ จะไม่ตาย จะไม่เจออุบัติเหตุ ไม่จริง ปฏิบัติธรรมยังต้องแก่ ยังต้องเจ็บ ยังต้องตาย และอาจจะเจออุบัติเหตุได้ แต่อุบัติเหตุนั้นเป็นการใช้กรรมที่ตัวเองสร้าง ใช่หรือไม่ และมนุษย์ทุกคนก็มีโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นกรรมที่ตัวเองก่อ ถูกหรือไม่ และกรรมนั้นจะสิ้นก็ต่อเมื่อเรากล้ายอมรับชะตากรรม ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง เพราะอาจารย์บอกแล้วคนที่โชคดีที่สามารถรักษาใจที่ปกติได้ในวันที่เลวร้ายที่สุด และคนที่สามารถบำเพ็ญธรรมแล้วมีสุขมากที่สุดในวันที่ทุกข์จนไม่สามารถพูดกับใครได้ จนน้ำตามันล้นจนท่วมหน้าท่วมตาแต่เราก็สามารถพบความสุขได้ นั่นแหละคือคนที่สามารถบำเพ็ญธรรมและนำธรรมมาใช้จนพ้นทุกข์ แล้วธรรมก็ไม่ใช่สิ่งวิเศษอะไรแต่ธรรมคือความเป็นจริงอันเป็นธรรมดาที่เรายอมรับเข้าใจจนพ้นทุกข์ ความเป็นธรรมดาที่คนมีดีบ้างไม่ดีบ้าง สังขารมีดีบ้างไม่ดีบ้าง เจ็บบ้างก็ดี โดนว่าบ้างก็ดี เงินหายบ้างก็ดี จริงไหมศิษย์ เสียบ้างก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร ฟังบ้างก็ได้เยอะเหลือเกินแต่ก็ดี ดีตรงที่ทำไมเขาเอาเรื่องไม่ดีมาให้เราเพราะเขาเชื่อใจใช่หรือไม่ ทำไมเขาเล่าเรื่องต่างๆ มาให้เราเพราะเขาไว้ใจเรา ใช่หรือไม่
ถ้าอย่างนั้นเราอยู่บนโลกนี้เพื่อเอาทุกอย่างมาทำให้พบธรรม หรืออยู่เพื่อเอาทุกอย่างให้มีเวรกรรมต่อกัน ถามใจศิษย์เอง ใจเป็นตัวสะท้อนภาพของทุกสิ่งและทุกสิ่งสะท้อนให้เห็นใจ ใช่หรือไม่ มันไม่ต้องการเจ้าของ มันไม่ต้องการตัวตน มันเป็นสภาวะที่บริสุทธิ์อยู่แล้วอย่างนั้น แต่เราต่างหากที่ทำให้มันสกปรก จริงไหม ศึกษาธรรมต้องไปให้ถึงธรรม เพราะถึงที่สุดเขาก็คือธรรม เราก็คือธรรมและถึงที่สุดเราก็ต้องกลับสู่ธรรม ใช่ไหม ฉะนั้นจะทุกข์ทำไม จะเจ็บทำไม ลุกขึ้นสู้ รู้คุณค่าตัวเองรักตัวเอง ไม่ได้หรือ ศิษย์ทุกข์อาจารย์ก็เจ็บ เจ็บตรงที่ช่วยอะไรไม่ได้ มีลูกแต่ลูกเอาตัวเองไม่รอด คนเป็นพ่อไม่รู้จะทำอย่างไร ทำไมไม่บอกตัวเองว่าวันนี้ฉันต้องดีขึ้น วันนี้ฉันต้องเข้มแข็งขึ้น ไม่รักตัวเองหรือศิษย์ แล้วทำไมชอบทำสิ่งที่ผิด แล้วทำไมชอบทำตัวเองให้มันทุกข์ รักตัวเองไหม แล้วทำไมชอบทำให้ตัวเองเจ็บ รักตัวเองก็รู้จักดูแลตัวเองหน่อยนะ
(ขอบคุณพระอาจารย์เมตตา)  รักศิษย์ทุกคน ห่วงศิษย์ทุกคน แต่ศิษย์ต้องรักตัวเองด้วย รักตัวเองให้เป็น รักตัวเองให้ถูก อย่าเดินทางผิด อย่าทำบาป อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขอนะ บาปที่หนักที่สุดก็คือบาปที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และกรรมที่หนักที่สุดก็คือความหลงผิดคิดว่าตัวเองถูกเสมอใช่หรือไม่
อาจารย์คงต้องไปแล้วนะ แล้วแปลว่าจะตั้งใจบำเพ็ญเจอเรื่องราวอะไรก็ยึดหลักความถูกต้อง ประพฤติในศีล ประพฤติในธรรม อย่าไปหลงในโลกใบนี้เลยนะศิษย์เอย เห็นหลายครั้งตีก็แล้ว อาจารย์จับก็แล้ว ถึงเวลาก็ยังเหมือนเดิม ให้อาจารย์หายห่วงได้แล้วใช่ไหม ฉะนั้นเรื่องอะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์และดีงามดีกว่านะ มุ่งมั่นบำเพ็ญเพื่อตัวเองนำพาตัวเองให้พ้นทุกข์ดีกว่านะใช่ไหม อย่าคิดผิดอย่าทำผิดทำบาปกรรมเลยนะศิษย์เอย ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ นะ เดินบนหนทางบำเพ็ญแล้วต้องไปให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์ ความดีงามในจิตใจ ละบาปบำเพ็ญบุญ รักษาจิตให้ดีงาม อุทิศเสียสละมุ่งมั่นไปให้ถึงที่สุดนะศิษย์เอย ตั้งใจบำเพ็ญ อย่ากลัวความยากลำบาก อย่ากลัวอุปสรรคอย่าท้อแท้ไปให้ถึงที่สุดนะ
ศิษย์ที่ปกติคือศิษย์ที่น่ารักที่สุด ศิษย์ที่ชอบผิดปกติคือศิษย์ที่ชอบทำตัวตามกิเลสอารมณ์จริงไหม ให้อาจารย์เลิกห่วงเสียทีนะ อาจารย์จะเลิกห่วงได้ก็ต่อเมื่อศิษย์มุ่งมั่นทำสิ่งที่ถูกต้อง เข้มแข็ง เดินทางถูก อย่ากลัว อย่ายอมแพ้ หมดกรรมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ สิ้นกรรมด้วยเพราะเรากล้ายอมชดใช้  ศิษย์เอ๋ยถ้าชีวิตต้องเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน ขอให้ยอมรับมัน ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ด้วยหัวใจที่ไม่ตัดพ้อต่อว่า แล้วเราจะได้หมดกรรมกันไป จริงไหม  นำพาเขาให้ถูก ทำแบบอย่างให้ดีนะ ไปล่ะนะ รักษาตัวเองกันให้ดีนะศิษย์เอ๋ย ดูแลจิต ดูแลใจให้ดี เจอเรื่องอะไรรักษาความดีไว้จนสุดลมหายใจ ไม่ตัดพ้อ ไม่ต่อว่า ไม่สร้างบาปกรรมต่อ ยอมจบสิ้นชะตากรรมที่ไม่ดีนั้นด้วยจิตใจที่รู้จักสำนึกขอขมา ฉะนั้นเจอเรื่องราวอะไรเข้มแข็งไว้ ถือเป็นโอกาสได้ชำระกรรม เจอเรื่องราวอะไร ถือเป็นโอกาสได้หมดสิ้นกรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอาจารย์มีมือร้อยมือได้อาจารย์อยากมีมือร้อยมือตอนนี้จริงๆ เลย อาจารย์จะได้โอบกอดศิษย์รักของอาจารย์ทุกคน ขอบคุณในความเสียสละนะ ขอบคุณในหัวใจที่เสียสละอุทิศนะศิษย์เอ๋ย รักษาความดีนั้นไว้นะ อาจารย์คงต้องไปแล้วนะ ดูแลตัวเองกันดีๆ นะ ถือความเมตตานำพาผู้อื่นด้วยหัวใจที่เข้มแข็งนะ รักษาความดีงามไว้นะ
อย่ากลัวความทุกข์ยาก แต่ควรระมัดระวังใจตัวเองที่ไม่สู้กับความทุกข์จริงไหม (จริง)  อย่ากลัวคนอื่นเลยแต่กลัวใจตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะมุ่งมั่นทำดีให้ถึงที่สุดมากกว่าจริงไหม (จริง)  คนอื่นร้ายอย่างไร เหตุการณ์น่ากลัวอย่างไร ไม่สู้เท่ากับใจที่ไม่สู้ ใจที่มันไม่ยึดมั่นถือมั่นความถูกต้องใช่หรือเปล่า (ใช่)  เข้มแข็งนะ มั่นคงให้ถึงที่สุดนะ เดินไปให้จนถึงทางนะ อย่ากลัวลำบากนะ ควรกลัวสิ่งที่ควรกลัวมากที่สุดคือ อารมณ์กิเลสในใจตัวเองที่ควบคุมไม่ได้จริงไหม เภทภัยข้างนอกไม่น่ากลัวเท่ากับลมปากเรา ภยันตรายข้างนอกไม่น่ากลัวเท่ากับหัวใจเราที่ไม่ยึดมั่นสิ่งที่ถูกต้อง คนอื่นไม่น่ากลัวเท่ากับใจตัวเองที่ไม่รักษาความดีงาม หาความซื่อตรงไม่ได้ ศีลธรรมไม่มี เสียดายเกิดเป็นคน แต่ถ้าศีลธรรมก็มี คุณธรรมก็มีตายไปไม่เห็นต้องกลัวอะไร แต่ถ้าศีลธรรมไม่มี คุณธรรมยังบกพร่อง ตายไม่ได้ เพราะตายไปแล้วมีแต่กรรมใช่หรือไม่ ศิษย์เอยแค่นี้ยังอดทนไม่ได้ ชีวิตจริงศิษย์จะทนไหวหรือ
(พระอาจารย์เมตตานักเรียนในชั้นต่อ)
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท “คุณนะทำ”)
พระโอวาทซ้อนเอาไว้ให้ศิษย์นำพาชีวิต ได้คำว่า “คุณนะทำ” แต่ผมไม่ทำ ได้ไหม (ไม่ได้)  มนุษย์เราประเสริฐตรงที่การประพฤติปฏิบัติ ถ้าละบาปได้จึงเรียกว่าคนบุญ ถ้าละบาปไม่ได้ถึงจะทำดีแค่ไหนก็ยังมีผิดบาปอยู่ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นถึงจะมีคำว่า  “ละบาปบำเพ็ญบุญ”  แต่ถ้าบำเพ็ญบุญแล้วยังละบาปไม่ได้ บุญนั้นก็ไม่อาจเรียกว่าบุญที่บริสุทธิ์  เหมือนมือหนึ่งเราทำบุญ แต่อีกมือหนึ่งเรายังเกี่ยวกรรมอยู่ เรายังสร้างบาปอยู่ เช่นนี้ก็ไม่อาจเรียกว่าคนดีแท้จริงได้ จริงหรือไม่
คุณธรรมต่างจากศีลธรรมอย่างไร ศีลธรรมคือเครื่องชะล้างไม่ให้เราทำผิดบาป  ข้อยกเว้นที่เราไม่ควรจะทำ อย่างเช่นไม่เบียดเบียน ไม่เบียดเบียนผู้อื่นเป็นการสร้างกรรมหรือสร้างธรรม แล้วถ้าเบียดเบียนผู้อื่นมีธรรมหรือมีกรรม แล้วปกติเราเบียดเบียนคนอื่นไหม ฆ่าคนอื่นเพื่อชีวิตตัวเองไหม ฉะนั้น ศีลเป็นเครื่องละให้เราไม่ประพฤติผิด ส่วนคุณธรรมเป็นเครื่องที่ประพฤติปฏิบัติในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสันติสุข อย่างเช่น เราปฏิบัติต่อเขา ไม่ได้ด้วยอารมณ์ แต่ปฏิบัติต่อเขาด้วยหน้าที่ความถูกต้องในการเป็นคน เช่นนี้แล้วเวลาทำงาน ทำงานด้วยความซื่อตรง ไม่ได้ทำงานด้วยความอยากได้เงิน คุณค่าต่างกัน ถ้าอยากได้เงินเราก็ได้กรรมกับกิเลส แต่ถ้าเราปฏิบัติด้วยความซื่อตรง สิ่งที่เราได้ก็คือความเป็นธรรม ใช่หรือไม่ คุณธรรมมีไว้เพื่อให้เราทำ ไม่ได้มีไว้เพื่อนานนานจะทำทีนะ
เดี๋ยวนี้คนเสพสื่อเยอะมาก พอเสพมาก  เราก็สร้างกรรมด้วยสายตาใช่ไหม  แล้วก็ด่าเขาด้วยความคิดใช่ไหม  แล้วก็ชอบอ่านข่าวที่ไม่ดีนะ พออ่านเสร็จแอบด่าในใจไหม ทนไม่ไหวกดพิมพ์เลย  แล้วพอด่าทีมีคนเห็นด้วยกรรมก็ทวีคูณ คนกดไลค์หนึ่งครั้ง เราด่ามีคนกดไลค์ เท่ากับเราสร้างกรรมด้วยใช่หรือไม่ ฉะนั้นสื่อปัจจุบันนี้เราต้องระวัง สื่อนั้นทำให้เรามีกิเลสมากกว่ามีธรรม อ่านน้อยๆ ดีหรือไม่  แล้วเสพก็เสพแต่ที่ดีๆ ดีไหม (ดี)  ที่ไม่ดี ดูไม่ดู ต้องถามฝ่ายชาย ไม่ดู ศิษย์เอยเสียสละเพื่อคนอื่น  สร้างธรรม ดีกว่าสร้างกรรมนะ แล้วศิษย์จะเข้าใจว่าชีวิตนี้อยู่อย่างไม่มีกรรมดีที่สุด แล้วทำอย่างไรดีละ ไม่มีกรรม และมีแต่ธรรม กับพ่อแม่ กับเพื่อน กับที่ทำงานประพฤติอย่างไหน ทุกอย่างที่ประพฤติล้วนสอดคล้องต่อธรรม ไม่ผิดศีลธรรม แต่มนุษย์ไม่ใช่  กับพ่อแม่ชอบตามใจตัวเอง กับเพื่อนชอบเห็นแก่ตัว ใช่หรือไม่ สิ่งที่เราได้ก็คือนิสัย อารมณ์ และความทุกข์ ยิ้มเข้าไว้ศิษย์มุมปากมันตก  เดี๋ยวฮวงจุ้ยจะไม่ดี เข้าใจไหม เชื่ออาจารย์ อย่าทำปากอย่างนี้ เป็นผู้หญิงหมดสวยเพราะปากอย่างนี้ ผู้ชายหมดหล่อก็ได้เพราะปากอย่างนี้ อยากให้หน้าตาน่ารัก มีราศี ใครมองใครเห็นใครก็รัก จริงไหม
แล้วคนปัจจุบันยิ้มยากเหลือเกิน อยากสร้างบุญก็ทำบุญด้วยการยิ้ม คนอื่นเห็นคนนั้นเป็นอะไรนะ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกดี จริงไหม ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ไม่ถามต่อแล้วนะ เพราะอาจารย์ต้องคำนึงถึงคนที่เขารำคาญมากกว่าคนที่รู้สึกดี จริงๆ ศิษย์เชื่ออาจารย์เถอะ บางครั้งศิษย์มองเห็นว่าปัญหานิดๆ หน่อยๆ มันไม่เกิด มันไม่ถึงเรา แต่บางครั้งถ้าเราใส่ใจปัญหานิดๆ หน่อยๆ ให้ดีเราจะทำให้โลกนี้มีแต่สิ่งที่น่าอยู่ จริงไหม แต่ถ้าเรามัวแต่สนใจความสุขตนเองจนไม่มองดูว่าคนอื่นทุกข์เพราะเราแล้วเราก็ไม่ต้องทำอะไรทำเหมือนเดิมไม่สนใจคนอื่นสักวันความทุกข์ก็จะมาทำร้ายเรา จริงไหม ถ้าอย่างนั้นทำอย่างไรมีกรรม ทำอย่างไรมีบุญ (มีสติ, การมีธรรมมากกว่ามีกรรมคือศึกษาธรรมและนำไปปฏิบัติ, ฟังธรรมและมีสติอยู่ตลอดเวลา, ชีวิตจะได้เปลี่ยนเพราะเราเปลี่ยนความคิด)  ถ้าอย่างนั้นถ้าเราไม่รู้ว่าชีวิตเราจะยาวจะสั้นทำไมเราไม่ทำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่ไม่เรียกว่ากรรมแต่เป็นธรรมะ ที่อย่างน้อยจบไปแล้วคนก็ลืมเราไม่ลง ดีไหม
(ทำดีละเว้นความชั่ว, คนเราจะต้องมีสติ มีปัญญา มีจิตใจที่ดี ทำแต่สิ่งดีๆ, ทำอะไรด้วยสติปัญญา, หมั่นทำความดีสร้างธรรมะเยอะๆ)  ความดีอะไรล่ะที่ควรทำ เอาแอปเปิลของเราไปให้คนอื่น นี่คือการปฏิบัติธรรมถูกไหม ถึงเวลาก็ทำไม่ได้ อะไรเรียกว่าทำแล้วมีกรรม อะไรเรียกว่าทำแล้วมีธรรม ความดี ศิษย์เอ๋ย ตอบว่า (หมั่นทำความดี)  ตอบได้อย่างเดียวเลย ห้องนี้ตอบเหมือนกันหมดเหมือนลอกข้อสอบเลย ทำอะไรแล้วมีธรรมะ ทำดี ตั้งแต่หัวจดท้าย ทำอะไรแล้วมีธรรมะ ทำดี แล้วดีอย่างไรล่ะ (ทำบุญ)  บุญอะไรล่ะ นั่นสิ นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในมนุษย์ รู้แค่เพียงว่าทำดีแต่อะไรเรียกว่าดี เอาง่ายๆ นะศิษย์ มีโอกาสได้แอปเปิล มีใครไหมที่จะบอกอาจารย์ว่าไม่เอา และเอาไปให้คนข้างๆ ความดีคือความเสียสละ  ความดีคือคิดถึงตัวเองน้อยหน่อย คิดถึงผู้อื่นมากหน่อยแล้วเราเป็นแบบนั้นไหมล่ะ (ทำดีกับพ่อแม่)  อย่าทำดีแต่เฉพาะกับพ่อแม่  แต่ควรทำดีกับทุกคน จริงไหม (จริง, จะปฏิบัติต่อไป)  แล้วปฏิบัติอย่างไรเรียกว่าความสุขและความดีของครอบครัว นั่นก็คือ (ทำสิ่งที่ถูกต้อง, ซื่อตรง, มีเมตตาธรรม, มีมโนธรรมสำนึกที่ดีงาม)
 (จะสร้างความดีตลอด, การไม่เบียดเบียน)  การไม่เบียดเบียนคนทางสายตา คำพูด และการกระทำ (คุณธรรม)  ข้อไหนหรือ ถ้าคิดไม่ออกแปลว่าไม่ค่อยมีจริงไหม  เมตตาธรรมขอแค่เมตตา เมื่อเมตตาก็ไม่เบียดเบียน  เมื่อเมตตาก็ไม่ทำร้ายคนอื่น  เมื่อเมตตาก็ไม่โกหก โป้ปด   ไม่ฉ้อฉล แต่ซื่อตรง เมื่อเมตตาก็จะไม่ทำร้ายใครแต่จะซื่อตรง แค่นี้ทำได้ไหม คุณธรรม เมตตา มโนธรรม จริยธรรม คือความสุภาพอ่อนน้อม ปัญญาธรรม ทำอะไรรู้จักคิดไตร่ตรอง
อาจารย์คงต้องกลับแล้วนะ มีโอกาสคงได้กลับมาผูกบุญกันอีก บำเพ็ญธรรมไม่ใช่แค่เป็นคนดี แต่เราบำเพ็ญธรรมเพื่อละบาปบำเพ็ญบุญกลับสู่สภาวะเดิมแท้ เรามาจากธรรมกลับคืนสู่ธรรมที่คือบ้านเดิมแท้ของเรา เราเกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเราก็ต้องกลับสู่ธรรม แต่ถ้ายังยึดติดตัวตน ก็ยังหนีไม่พ้นกรรม ใช่หรือไม่
เราอยากกลับบ้านไหม บ้านที่ไม่ต้องทุกข์ บ้านที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด บ้านที่พ้นทุกข์แท้จริง นั่นคือธรรมะ จริงไหม แล้วเราไม่กลับหรือ ฉะนั้น หนทางบำเพ็ญธรรมไม่ใช่มีแค่นรก สวรรค์  แต่มีอีกอันหนึ่งเรียกว่าธรรม เป็นสภาวะเป็นกลาง หัวใจปกติ เขาคนนั้นกำลังเดินทางกลับบ้านที่แท้จริง ถ้าเมื่อไหร่ ยังยึดติด ดีร้าย นั่นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เพราะธรรมที่แท้จริง คือความเป็นกลาง กลับมาศึกษาธรรมบ้าง อย่ากลับแล้วกลับเลยจะได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด คงได้ผูกบุญกันนะ กลับบ้านที่แท้จริงที่ไม่ต้องทุกข์ บ้านที่พ้นทุกข์


พระโอวาทซ้อนพระโอวาท 
"คุณ
นะ
ทำ "
     เมตตาไม่ขาดจากใจ   มโนธรรมไว้เหมาะสม
ซื่อตรงจงใจน่าชม                   จริยะงามสมบำเพ็ญ
   ยึดถือสื่อกิเลสง่ายล้ำยุคเก่า    กอบกองเข้าเผาลุกลามความคิดเห็น
คิดถึงแต่เรื่องคนอื่นต้องบำเพ็ญ มองไม่เห็นใจของตนไม่พ้นกรรม


อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561

2561-12-22 สถานธรรมจื้อเจวี๋ย อ.สิงหนคร จ.สงขลา

西元二〇一八年歲次戊戌十一月十六日                         仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑   สถานธรรมจื้อเจวี๋ย จ.สงขลา
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
  ความสุขหายง่ายไปไว                ความทุกข์หายยากหลีกพ้น
มาฝึกดับทุกข์ในตน                      ดีกว่าทุกข์ทนวางวาย
                            เราคือ
   ศิษย์พี่นาจา  รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลกแฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว                        ถามศิษย์น้องทุกคนยินดีต้อนรับเราไหม
  สรรพสิ่งนั้นหนาล้วนคืนว่าง          อันใดสมบูรณ์บ้างในโลกนี้
ดั่งลมพัดผันผ่านวันวารี                 โลกชั่วคราวทุกข์เปลี่ยนที่ไม่อาทร
ปรารถนาครองสิ่งใดแล้วยึดชิง              ครองครอบสิ่งทุกอย่างตามหลอกหลอน
ปรารถนาใดได้จริงหลงวิ่งวอน          ปลงใจสิ่งที่ร้อนด้วยธรรมะ
อย่ากังวลทุกข์หนักไม่น่ากลัว          จิตตื่นตัวคือยึดแล้วสละ
คนทิฐิมีความคิดความมานะ[1]           อารยะ[2]ถือทุกข์ที่ยื้อคืออนิจจา
หัวใจยึดติดย่อมไม่ผ่อนคลาย          ยึดมั่นหมายเพียงนั้นกั้นเวหา
ทะนงรับความจริงจึงเปิดฟ้า            ทางไปเป็นทางมาหวนศุกล[3]
ทำดีเองไม่ใช่อะไรฉุด                    ดีกว่าฝืนยื้อยุดให้สับสน
ชีวิตสั้นจำไว้ใฝ่หลุดพ้น                  บำเพ็ญตนใจดั่งเพชรตัดกิเลส
                                                                                ฮิ ฮิ หยุด


[1] มานะ:น.ความถือตัว, ความสำคัญตน,ความพยายาม, ความตั้งใจจริง, ความพากเพียร
[2] อารยะ:น.ผู้มีธรรม, อริยบุคคล       ว.เจริญ
[3] ศุกล:ว. สุกใส,สว่าง,ขาว,บริสุทธิ์.


พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
โดยส่วนใหญ่คนมาสถานธรรมก็อดตั้งคำถามสงสัยไม่ได้ว่าธรรมะมีค่าอะไร ธรรมะดีอย่างไรที่ฉันจะต้องมาเสียเวลานั่งฟัง เสียเวลาที่จะไปเที่ยวไปหาเงินดีกว่า บางครั้งเราอดคลางแคลงใจไม่ได้ คิดในใจว่าธรรมะมีค่าขนาดไหน ธรรมะมีประโยชน์อย่างไรที่ยอมเสียเวลามานั่งฟัง และยอมเสียความเป็นตัวเองเพื่อมาอดทนฟังใครก็ไม่รู้พูด ถูกไหม (ถูก)
ธรรมะดีกับเราอย่างไร ชีวิตเราไม่มีธรรมะก็อยู่ได้ ใช่ไหม (ไม่ใช่)  ฉะนั้นวันนี้ถ้าเรามาตอบคำถามนี้กับท่าน ท่านอยากจะลองฟังดูไหม (อยาก)  ไม่ว่าจะเป็นผู้ปฏิบัติงานธรรม นักเรียนในชั้น หรือคนที่ปฏิบัติธรรมะมานานๆ ก็อดถามใจตัวเองไม่ได้ว่า ธรรมะมีค่าขนาดที่ฉันต้องแลกกับชีวิตเลยหรือ ธรรมะมีค่าขนาดที่ฉันต้องยอมอดทนอดกลั้นขนาดนี้เลยหรือ ธรรมะดีขนาดนี้เลยหรือที่ฉันต้องยอมเสียเวลาชีวิตของฉันมาเพื่อฟัง เพราะธรรมะดีกับจิตใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เราฟังธรรมะมาตั้งมาก เรายังไม่เห็นดีเลย ลองฟังแล้วไตร่ตรอง แล้วหยั่งคิดดูว่าสิ่งที่เราพูดท่านคิดเห็นเป็นอย่างไร
อย่างนั้นเราถามท่านนะ ข้อหนึ่งที่ส่วนใหญ่เรามาฟังธรรมะ เคยได้ยินไหม คนเราเกิดมาก็ต้อง (ตาย)  และชีวิตนี้สิ่งที่เรากลัวที่สุดก็คือ (ความตาย)  บางคนบอกกลัวตาย บางคนบอกกลัวเจ็บป่วย บางคนบอกกลัวทุกข์ บางคนบอกกลัวพลัดพราก บางคนกลัวล่มจม บางคนกลัวน้ำท่วม ใช่ไหม
แต่ชีวิตอยู่แล้วยึดติดทุกอย่าง กับชีวิตที่อยู่แล้วเข้าใจ รู้จักปล่อยวางด้วยธรรมะ กลับทำให้เรามีชีวิตอย่างไม่กลัวตายไม่กลัวสูญเสียและไม่กลัวแม้กระทั่งความเจ็บปวด ชีวิตที่เข้าใจธรรมทำให้เราปล่อยวางแม้กระทั่งความทุกข์ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ธรรมมีค่าพอที่ท่านจะเสียเวลา เสียสละ เพื่อมีธรรมเพราะความตายเป็นสิ่งที่มนุษย์กลัวที่สุด เพราะความทุกข์เป็นสิ่งที่มนุษย์หนีไม่พ้น เพราะความพลัดพรากเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ ฉะนั้นถ้าใครถามตัวเองว่าทำไมฉันต้องเสียเวลามานั่งฟังธรรม เพราะการฟังธรรมนั้นทำให้เราเข้าใจชีวิตความเป็นจริงอันเป็นธรรมดาที่หนีไม่พ้น เกิดมาก็ต้องแก่ ต้องเจ็บและก็ต้องตาย เกิดมาแล้วก็หนีไม่พ้นทุกข์ แล้ววิชาไหนที่จะทำให้เราเข้าใจความแก่แล้วไม่ทุกข์ ความทุกข์แล้วไม่ทุกข์ตาย ความพลัดพรากแล้วไม่เจ็บปวด ความตายแล้วไม่ทรมาน นั่นก็คือวิชาที่ทำให้เราเข้าใจธรรมะ ฉะนั้นถ้าเขาบอกว่ามาฟังธรรมะไหม ท่านเลยบอกว่ามา เพราะมันทำให้เราได้ปลดปลง ปล่อยวาง ทุกข์ที่เราแบกมาตลอดชีวิต แต่มาที่นี่มาแล้วปล่อยหรือมาแล้วยังแบก (ปล่อย)
แล้วมีเหตุผลข้อเดียวไหมที่ทำให้เราอยากมาฟังธรรมะและยอมเสียสละชีวิตเพื่อธรรมะ ไม่ใช่แน่นอน อย่างนั้นถามท่านนะคนเรากลัวเจ็บ กลัวมีเคราะห์ กลัวโชคไม่ดี กลัวถูกทำร้าย อย่างนั้นรู้ไหมว่าถ้าฟังธรรมะแล้วท่านจะสามารถทำให้เคราะห์ร้ายกลายเป็นเคราะห์ดี ดวงร้ายกลายเป็นดวงดีได้ด้วยการดับต้นเหตุแห่งเคราะห์ แห่งทุกข์และแห่งเภทภัยอันตรายทั้งปวง เพราะเวลาเราดวงไม่ดี เคราะห์ไม่ดี เราก็พยายามไปสะเดาะเคราะห์ ฉะนั้นท่านรู้ไหม เคราะห์ เภทภัย ดวงชะตาไม่ดี หรือภัยอันตรายต่างๆ ล้วนมาจากปาก เคยได้ยินไหมว่า ปากพาจน คนจะได้ดีก็เพราะปาก คนจะไม่ดีก็เพราะปาก ฉะนั้นที่เราดวงชะตาไม่ดีก็เพราะ (ปาก)  ถ้าจะแก้ที่ดวงชะตามันแย่ แก้ที่วัดหรือแก้ที่ปาก (แก้ที่ปาก)  แต่พอถึงเวลาเห็นไปแก้ที่วัด ไม่ได้แก้ที่ปากใช่หรือไม่ (ใช่)  เคราะห์ร้าย เคราะห์ไม่ดีล้วนเกิดจากนิสัยเราทั้งสิ้น เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ โลภ ตระหนี่ บ่น นินทา เล่นลอตเตอรี่ เล่นหวยใต้ดิน ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นทำไมเราต้องศึกษาธรรมะ เพราะธรรมช่วยให้เรารู้จักควบคุมโลภ โกรธ หลงและความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว เพื่อยับยั้งต้นเหตุแห่งเคราะห์ภัยและเวรภัยทั้งปวงได้ จริงไหม โลภ โกรธ หลง ความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ได้ ล้วนออกมาจากอัตภาพที่ชื่อคำว่า “ตัวตน” ผู้ใดบรรเทาความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนได้ ผู้นั้นก็จะสามารถดับทุกข์ ดับเหตุแห่งทุกข์และดับเหตุแห่งภัยได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเพิ่มฟังธรรมะจากหนึ่งวันเป็นสองวัน เพื่อให้รู้ว่าการไม่ต้องมีเคราะห์จะได้ทำให้เรารู้จักปลงไม่ตาย ตายไม่ตาย ไม่เจ็บป่วยมาก ไม่อยากฟังหรือ ยังกลับหลงยึดมั่นตัวตนอีก
 (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจ้งพระนาม และเมตตาให้นักเรียนในชั้นเต้นเพลงอิปปี้ยา เพื่อคลายความเมื่อยล้าให้แก่นักเรียนในชั้น)
โดยส่วนใหญ่ศิษย์น้องทุกคนมักจะอดคิดไม่ได้ว่าทำไมฉันจะต้องเสียเวลากับธรรมะ ทำไมฉันจะต้องอุทิศชีวิตตัวเองกับธรรมะ ทำไมฉันจะต้องมานั่งฟังธรรมะ ศิษย์น้องจำไว้อย่างหนึ่งนะ เมื่อไรที่เราไม่สามารถเป็นบัวพ้นน้ำ เราก็ไม่มีวันที่จะฟังธรรมะครั้งเดียวแล้วเข้าใจ ฟังครั้งเดียวแล้วดับทุกข์ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราไม่ใช่บัวพ้นน้ำ เราก็อาจจะเป็นบัวที่อยู่ใต้น้ำหรือติดโคลนตม เราก็อาจจะเป็นประเภทที่ฟังบ่อยๆ ฟังเยอะๆ เพื่อจะได้เอามาใช้ในชีวิต เหมือนตอนแรกที่พูดว่าฟังธรรมะเพื่ออะไร ยอมสละเวลาเพื่ออะไร เพื่อเราจะได้เห็นความเป็นจริงของชีวิต เหมือนศิษย์พี่กับศิษย์น้องทุกคน ใครที่หนีความแก่ หนีความเจ็บ หนีความตายได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นผู้ที่เข้าถึงธรรมแห่งความเป็นจริงอันเรียกว่าธรรมดาของทุกชีวิต เขาค้นพบธรรมและไม่ยึดมั่นชีวิต เมื่อชีวิตมาถึงความตายก็สามารถปลดปลงและปล่อยวางได้ แต่ถ้าเป็นคนที่เขายังไม่สามารถมีธรรมในชีวิต คนๆ นั้นก็จะมีชีวิตอยู่โดยคิดว่า ก็ฉันเป็นอย่างนี้ ก็ฉันมีอย่างนี้ ฉันไม่ชอบอย่างนี้ และก็ติดว่าฉันเป็นคนดี ฉันชอบแบบนั้น ฉันชอบแบบนี้ เมื่อติดคำว่าตัวตนและยึดตัวตนก็หนีไม่พ้นเหตุแห่งการสร้างกรรมและความทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อใดที่มนุษย์ไม่เข้าใจว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย คือกลับไปสู่สภาวธรรม แต่มนุษย์กลับสู่การยึดมั่นถือมั่นตัวตน มนุษย์ก็เลยหนีไม่พ้นกรรมดีและกรรมชั่วและหนีไม่พ้นวิบากกรรมที่ตัวเองยึดติดและหลงสร้าง
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาถือผลลูกพลับซึ่งเป็นตัวแทนความโชคดี และถือผลแอปเปิลซึ่งเป็นตัวแทนความโชคร้าย)
อย่างนั้นศิษย์พี่ถามนะ ผลนี้ดี ผลนี้ไม่ดี เลือกผลไหน (ผลดี)  แล้วเมื่อสักครู่ใครบอกไม่ยึดติด ศิษย์พี่จะบอกให้ถ้าผลดีเรียกว่าสุข เรียกว่าสมหวัง เรียกว่าโชคดี ถ้าผลไม่ดีเรียกว่า โชคร้าย เรียกว่าทุกข์ เรียกว่าความตาย ศิษย์พี่ถามว่าความจริงโลกนี้มันมีด้านเดียวหรือมีสองด้าน (สองด้าน)  ชีวิตนี้มีด้านเดียวหรือสองด้าน (สองด้าน)  แล้วเป็นไปได้ไหมที่ชีวิตจะเลือกแต่ด้านหน้าไม่เอาด้านหลัง (ไม่ได้)  อย่างนั้นผลนี้ดี ผลนี้ไม่ดีเลือกผลไหน (ทั้งสอง)  ถ้าศิษย์น้องเข้าใจชีวิตเมื่อเลือกที่จะอยู่ก็ต้องไม่กลัวที่จะตาย เมื่อเลือกที่จะเข้มแข็ง ก็ต้องไม่กลัวเจ็บปวด เข้มแข็งได้ก็เจ็บปวดได้ เมื่อเจ็บปวดแล้วจะเข้มแข็งไม่ได้หรือ (ได้)
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำไมต้องฟังธรรมะมากๆ  เพราะธรรมะจะตอกย้ำเข้าไปในจิตใจว่า เกิดมาก็หนีความตายไม่พ้น และความเกิดกับความตายไม่เคยอยู่ห่างกัน อยู่ด้วยกันเสมอ เพราะทุกวันที่ศิษย์น้องเกิด ศิษย์น้องกำลังตายใช่ไหม และทุกวันที่ศิษย์น้องมีความสุข ก็มีความทุกข์อยู่ในใจ และทุกวันที่ศิษย์น้องมีความทุกข์ แต่ลึกๆ ก็เหมือนกับมีความสุขจริงไหม และทุกวันที่ศิษย์น้องแข็งแรงก็มีความเจ็บป่วยซ่อนอยู่ใช่ไหม เวลาเจ็บป่วยแล้วกลับมาแข็งแรงไม่ได้หรือ (ได้)  รักษากายได้ แต่อย่าลืมความเข้มแข็งในจิตใจ เพราะหมอรักษาได้เพียงกาย แต่ถ้าใจไม่สู้ ก็ไม่หาย กินยาดีขนาดไหนก็ไม่รอด ฉะนั้นความเข้าใจธรรมอันเป็นธรรมดาของชีวิต มันคุ้มไหมกับการที่เราจะศึกษา แล้วจะทำให้เราเข้าใจชีวิตยิ่งขึ้น คุ้มไหมกับการที่เรายอมเสียสละเพื่อจะมีธรรม (คุ้ม)  อีกอย่างหนึ่งของคนที่มีธรรมะประจำจะปากเสียไหม (ไม่)  จะเป็นคนใจดำอำมหิตไหม จะเป็นคนปากว่าตาขยิบไหม แล้วจะเป็นคนปากหวานก้นเปรี้ยวไหม (ไม่)  จะเป็นคนพูดอย่างทำอย่างไหม (ไม่)  เมื่อเป็นคนที่พูดอะไรทำได้อย่างนั้น เป็นคนซื่อสัตย์ เป็นคนซื่อตรง เขาจะเคราะห์ร้ายไหม (ไม่)  เขาจะดวงชะตาไม่ดีไหม (ไม่)  ถึงมีแต่ก็คงเป็นกรรมเก่าใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่กรรมใหม่เราไม่สร้างถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นถ้าเกิดเป็นคนที่มีธรรมเสมอ เราจะมีเคราะห์ร้ายไหม (ไม่มี)  เราจะหมดทุกข์ไหม (หมด)  แล้วเราจะดับทุกข์ได้ไหม (ได้)  แล้วเราจะมีธรรมไหม (มี)  เสียอย่างเดียวเมื่อถึงเวลามนุษย์ไม่เคยเห็นแก่ธรรม แต่มักจะเห็นแก่ตัว จริงไหม เมื่อถึงเวลาให้เลือกธรรมกับเลือกตัวเอง เลือกอะไร ยกตัวอย่างเช่น ถามว่าเป็นคนใจดีไหม ชอบคนใจดีไหม (ชอบ)  เมื่อถึงเวลาใจดีกับตัวเองแต่ใจร้ายกับ (ผู้อื่น)  เมตตาต่อตัวเองแต่ (ไม่เมตตาผู้อื่น)  ฉะนั้นธรรมะจึงสอนว่าถ้าศึกษาธรรมจงเห็นแก่ธรรมไม่ใช่เห็นแก่ตัว และเมื่อไรที่มีธรรมในตัวศิษย์น้องก็จะกลับคืนสู่ธรรมไม่ต้องกลับไปใช้เวรใช้กรรม เราถามง่ายๆ ชอบคนใจดี ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อถึงเวลาเราใจดีหรือใจร้าย (ใจดี)  อย่างนั้นถามนะ กินเนื้อสัตว์ไหม เนื้อสัตว์อร่อยไหม ถ้าไปกินผักรู้สึกลำบาก ใช่ไหม (ใช่)  เลยยอมสงสารตัวเองแล้วฆ่าสัตว์ทิ้งแล้วตัวเองกิน เคยเป็นแบบนี้ไหม หาผักกินยาก อาหารเจกินยาก สงสารตัวเองที่ต้องกินลำบากเลยกินเนื้อสัตว์ใช่ไหม แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม เบียดเบียนคนอื่นเพื่อสงสารตัวเอง อย่างนั้นเราปฏิบัติธรรมเพื่อตัวหรือปฏิบัติธรรมเพื่อธรรม ชอบไหมคนให้อภัย  ชอบไหมคนให้ทาน  ชอบไหมคนที่เมตตา (ชอบ)    แต่เมื่อถึงเวลาเราให้อภัยไหม แต่เมื่อเจอหน้ายังเกลียดเขา ยังพยายามให้อภัยอยู่แต่ยังไม่ลืม อย่างนี้เรียกว่าคนให้อภัยหรือ (ไม่)  ศิษย์น้องถ้าเขาให้อภัยจริงเขาจะลืมและจบมันไปตั้งนานแล้ว แค่ความเมตตาลึกๆ ในใจ ชอบคนเมตตา ชอบคนใจดี ชอบคนมีน้ำใจ แต่ที่ตัวเองเป็นคือเอาแต่เรียกร้องคนอื่นแต่ตัวเองไม่เคยเป็นเลย ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นถ้าปฏิบัติเพื่อธรรมไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อตัว ถ้ากินแล้วทำลายความมีเมตตาธรรม ถ้าพูดแล้วทำลายความเมตตาในจิตใจ เขายอมไม่พูดยอมไม่กิน เพราะเห็นธรรมเป็นตัว ดีกว่าเห็นตัวเป็นกิเลสอารมณ์และหนีไม่พ้นวิบากกรรม เหมือนเราอดไม่ได้ถ้าเขาด่าเรา เราก็ต้อง (ตบ)  ด่าปุ๊บตบปั๊บเลยหรือแล้วถ้าเราโดนตบ (ตบกลับ)  นักเรียนชั้นนี้มือไวใจเร็วจริงๆ เลยนะ ถ้าเขาด่าแล้วเราด่ากลับ เราน่าจะขอบคุณเขานะเพราะเราได้ใช้กรรมจบสิ้น    จริงไหม เราจะได้ไม่มีเคราะห์ภัย เราอยู่ในโลกนี้เราอยากได้มิตรหรือเราอยากได้ศัตรู (อยากได้มิตร)  แล้วเราสร้างมิตรหรือเราสร้างศัตรู สร้างศัตรูมากกว่าสร้างมิตร สามวันดีสี่วันไข้ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นพอเข้าใจในเหตุผลที่ศิษย์พี่อยากให้ศิษย์น้องศึกษาธรรมไหม แล้วทำไมต้องมีธรรม เพราะทุกชีวิตเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมชาติที่ต้องกลับคืนสู่ธรรม แต่ถ้ามนุษย์ไม่สามารถกลับคืนสู่ธรรมได้ มนุษย์ยังยึดติดความเป็นตัวตน มนุษย์ก็หนีไม่พ้นวิบากกรรมที่ตัวเองจะต้องไปแบกรับและยึดถือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตายครั้งเดียวเจ็บพอไหม พอแล้วถูกไหม แต่การยึดมั่นถือมั่นโดยที่ถือตัวตนเป็นหลักแล้วไม่สนใจธรรมจะทำให้ศิษย์น้องตายแล้วตายอีก เจ็บแล้วเจ็บอีก ทุกข์แล้วทุกข์อีก จนหาที่สุดไม่ได้ จนกว่าศิษย์น้องจะกลับคืนสู่ธรรม     เรามาจากธรรม และธรรมคือบ้านเดิมแท้ของจิตวิญญาณและสังขาร ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเราก็ควรกลับคืนสู่ที่เรามาถูกไหม แต่ทำไมเราไม่ถือธรรมเต็มตัว แต่เรากลับถือกิเลส อัตตา นิสัย ความเคยชิน เป็นตัวตน และเป็นสาเหตุให้เราหนีไม่พ้นเคราะห์ภัย เวรกรรม และวิบากกรรม ถูกไหม (ถูก)
ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ใครเป็นสายพุทธน่าจะรู้จักคำว่าปัจจัตตัง ปัจจัตตัง แปลว่า ธรรมต้องปฏิบัติเอง รู้เอง อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ศิษย์พี่พูด แต่จงเอาสิ่งที่ศิษย์พี่พูดไปปฏิบัติจนตื่นรู้ด้วยตัวเองแล้วจึงเชื่อ ไม่ใช่เห็นยืมร่างแล้วเชื่อ อย่างนั้นเรียกว่างมงาย แต่จงเอาสิ่งที่รู้ไปปฏิบัติ ไตร่ตรองแล้วเกิดความกระจ่างแจ้งด้วยตัวเองถึงจะเชื่อ อย่างนี้จึงจะเรียกว่าทำอะไรด้วยปัญญา ด้วยสติ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ไม่ใช่แค่เห็นเป็นร่างทรงแล้วเขาบอกว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างนี้เรียกว่างมงาย ใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์น้องเป็นคนฉลาด แล้วทุกอย่างเป็นการคว้าโอกาสหรือเสียโอกาส แล้วทุกอย่างเป็นคุณค่าหรือไม่มีคุณค่า แล้วทุกอย่างที่มีชีวิตผ่านมามีสุขหรือว่ามีทุกข์ ศิษย์พี่จะบอกอะไรอีกอย่างหนึ่งนะ ในโลกใบนี้มนุษย์ทุกคนไม่มีใครเกิดมาดีพร้อม และก็ไม่มีใครเกิดมาพร้อมสมบูรณ์ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นคนที่รู้จักใช้ชีวิตเป็นคนที่แม้จะเกิดมาไม่สมบูรณ์หรือไม่ดีพร้อม แต่เกิดมาแล้วถ้าเราเข้าใจชีวิต เราคงไม่ใช้ชีวิตเอาแต่ขอคนอื่น ถูกไหม (ถูก)
จริงๆ เราเป็นคนช่างขอ หรือช่างให้ (สองอย่าง)  เกิดมาเอาแต่ขอ เอาแต่วอน เอาแต่ฝันใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเกิดว่าเราเกิดมาไม่พร้อมสมบูรณ์  เราไม่ได้พร้อมเหมือนทุกคน ทุกคนก็เลยเลือกชีวิตด้วยการขอความรักจากใครสักคน ขอรอยยิ้มจากใครสักคน แล้วก็เพ้อฝันไปเป็นวันๆ แล้วก็ปล่อยชีวิตให้เสียโอกาสไปใช่หรือไม่ (ใช่)  นี่คือชีวิตของคนที่ไม่สมบูรณ์และไม่ได้เกิดมาพร้อมใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วคนที่ทำอย่างนี้ฉลาดหรือไม่ฉลาด (ไม่ฉลาด)  แล้วเราเป็นอย่างนี้ไหม (ไม่เป็น)  เราเกิดมาวิงวอนขอไหม (ขอ)  ใช่โดยส่วนใหญ่มนุษย์ทุกคนเกิดมาขอนั่น ขอนี่ แล้วก็บ่น ตัดพ้อนั่น ตัดพ้อนี่ แล้วก็โทษคนนั้น โทษคนนี้ แล้วก็ปล่อยชีวิตผ่านๆ ไปโดยไม่มีคุณค่า ไม่มีสาระอะไรเลย คุณค่ามากที่สุดก็คือสนองความอยากของตัวเองแค่นั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าทุกวันผ่านไปสนองความอยากของตัวเองก็หนีไม่พ้นการยึดติดตัวตน ใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่ถ้าศิษย์พี่บอกว่ามีอีกทางหนึ่ง แม้เราไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แต่เราจะทำทุกอย่างให้เป็นโอกาส ทุกอย่างให้เป็นคุณค่า ทุกอย่างทุกเวลาเป็นการเรียนรู้ และทุกอย่างทุกเวลาไม่ว่าจะทุกข์แค่ไหน ฉันก็จะพยายามค้นหาความสุขและทางพ้นทุกข์ให้เจอ ศิษย์พี่ถามหน่อยนะว่า คนเช่นนี้แม้เกิดมาไม่พร้อมสมบูรณ์ แต่ทุกวันเขาก็ทำให้ดีที่สุดใช่ไหม (ใช่)  เพราะเขาถือว่าทุกวันคือการสร้างโอกาส ไม่ใช่เสียโอกาส ทุกวันคือสิ่งที่มีคุณค่า ไม่ใช่ปล่อยให้ไร้คุณค่า ไร้ความหมาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  และทุกวันคือการหาความสุขเพื่อหนทางพ้นทุกข์ แต่ชีวิตนี้เราเป็นแบบนี้ไหม (ไม่)  ถ้าทำได้อย่างศิษย์พี่พูด จะเป็นคนที่แม้จะเกิดมาไม่พร้อมสมบูรณ์ก็สมบูรณ์ได้ แม้จะเกิดมาไม่ฉลาดแต่ก็เฉลียวได้ แม้เกิดมาจะทุกข์แต่ก็สามารถค้นพบความสุขได้ ท่ามกลางความทุกข์ เพราะทำทุกอย่าง ทำทุกเรื่องเป็นโอกาส เป็นการเรียนรู้และเป็นหนทางพ้นทุกข์ แต่มนุษย์และศิษย์น้องทุกคนไม่ใช่ ศิษย์น้องชอบรอโอกาส ชอบรอเวลา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ชอบให้เวลาสถานการณ์บีบคั้นจนทำให้เราต้องเข้มแข็ง บีบคั้นให้เราทุกข์จนถึงที่สุดแล้วเราค่อยหาทางพ้นทุกข์ แต่ศิษย์พี่ถามหน่อย ถึงเวลาตอนนั้นใจเรารับไหวหรือ เมื่อไม่เคยฝึกใจเลย จึงปรากฎให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่า แค่อกหักก็ฆ่าตัวตาย แค่ล้มละลายก็ผูกคอตาย แม้จะฟังธรรมไปมากเท่าไร เมื่อน้ำท่วมสวนยางก็ฆ่าตัวตาย หรือแม้แต่เอาไก่ไปชนแล้วแพ้ก็ฆ่าไก่ตาย ไม่เคยฆ่าตัวเองเลยนะ
ฉะนั้นศิษย์พี่ถามนะ ทุกเวลาที่ชีวิตสูญเสียไปคือโอกาสหรือเสียโอกาส คือคุณค่าที่ชีวิตหนึ่งได้เรียนรู้และรู้วิธีดับทุกข์ หรือเกิดมาเพื่อมีแต่ทุกข์ ฉะนั้นรู้แล้วว่าธรรมมีค่า จะเอาธรรมมาให้เกิดค่า หรือจะให้ธรรมก็คือธรรม เราก็คือเรา เพราะถึงเวลาคนที่ทุกข์ คนที่เจ็บ คนที่แย่ก็คือเรา ดังนั้นในบางครั้งที่ศิษย์น้องรัก ศิษย์น้องหวง ศิษย์น้องห่วง มันไม่เคยช่วยเรา ถ้าเราไม่รู้จักช่วยตัวเองด้วยธรรม จริงไหม (จริง)  เรื่องจะร้ายเรื่องจะดีไม่สำคัญเท่ากับใจของตัวเอง ศิษย์พี่ถามถูกลอตเตอรี่ ดีใจไหม (ดีใจ)  สุขไหม (สุข)  แต่ถ้าซื้อแค่ห้าบาท สุขไหม (ไม่สุข)  ทำไมกลายเป็นทุกข์ล่ะ (ซื้อนิดเดียว)  เห็นไหมเรื่องราวในโลกนี้ไม่ใช่ดีหรือร้าย ไม่ใช่ได้หรือเสีย สิ่งที่สำคัญคือใจมันพอหรือไม่พอ ถ้าไม่พอแม้เรื่องดีที่สุดก็กลายเป็นเรื่องร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้ารู้จักพอแม้เรื่องร้ายที่สุดมันก็มีดี จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นเรื่องราวในโลกนี้สิ่งที่เราต้องดูแลและเข้าใจให้ถึงแก่นแท้ของธรรมไม่ใช่ภายนอก แต่คือหัวใจเรา ถ้าเราเข้าใจแก่นแท้ของธรรมที่อยู่ในใจ รู้จักพอบ้าง เจ็บแล้วอย่าเจ็บอีก ทุกข์แล้วอย่าโง่ทุกข์ซ้ำ แย่แล้วอย่าแย่ซ้ำในเรื่องเดิม ต้องรู้จักเข็ด ต้องรู้จักจำ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเอาธรรมมาสอนแล้วเราจะเข้าใจแก่นแท้ของชีวิต หินมันหนักเมื่อเราแบกฉันใด ความทุกข์ ความผิดหวัง ความเสียใจ มันหนักเมื่อเรายึดมั่นไม่ปล่อยวางฉันนั้น
ฉะนั้นเราทุกข์เพราะอะไร ที่เราทุกข์เพราะเราเอาแต่ครุ่นคิดไม่ยอมรับความจริง เขาด่าเราก็ความจริง แม้เขาจะว่าเราเจ็บปวด มันก็ความจริงเพราะความจริงมันคือธรรม และธรรมมันก็คือความจริง ธรรมคือความจริงอันเป็นธรรมดา มีใครไม่โดนด่าบ้าง ไม่มีใช่ไหม (ใช่)  วันนี้ฉันโดนด่า พรุ่งนี้ฉันโดนชม มันก็ธรรมดา ใช่ไหม ฉะนั้นเมื่อเวลาเราเจอเรื่องราวศิษย์น้องจะเอามันมาเป็นโอกาสเพื่อสิ้นทุกข์ หรือศิษย์น้องจะเอาเรื่องนั้นมาทำร้ายให้ทุกข์ คนที่ฉลาด คนมีธรรม จึงเป็นคนฉลาดเอาทุกเรื่องราวมาทำให้พ้นทุกข์ และเอาทุกเรื่องราวมาเป็นโอกาสให้เราค้นพบธรรม แต่มนุษย์ด่ามาแล้วได้กิเลส ได้ความโกรธ ได้ความเกลียดกลับไปใช่หรือไม่ แล้วโกรธ เกลียดก็หนีไม่พ้นความทุกข์ วิบากกรรม แล้วก็ตามมาด้วยอกุศลกรรม พอมีทุกข์มากๆ ก็ไปทำบุญแล้วมันแก้ได้ไหม (ไม่ได้)  ถ้าอยากจะแก้ได้ ต้องแก้ที่นิสัย ถ้ามือข้างหนึ่งของศิษย์น้องไปทำบุญ แต่มืออีกข้างศิษย์น้องยังละปากตัวเอง ละอารมณ์ ละกิเลสตัวเองไม่ได้ มันจะใช้กันได้หรือ เหมือนด่าคนนี้แต่ไปทำบุญที่ตรงโน้น ชดใช้กันได้ไหม กรวดน้ำให้ได้ไหม (ไม่ได้)  ศิษย์พี่ว่าไม่ได้ จริงไหม สู้ทำบุญทั้งตรงโน้น ตรงนั้นและคนที่เราด่าเขา  ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเกิดมามีชีวิต อย่าบอกว่าไม่มีทางเลือก มันเลือกได้อยู่ที่เรารู้จักคิดอย่างคนมีสติปัญญา อย่าบอกว่าชีวิตอับจนหนทาง มันไม่มีวันอับจน อยู่ที่ศิษย์น้องสู้หรือไม่สู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ขอเพียงอย่างเดียว อย่าทำผิด อย่าคิดร้าย อย่าขาดธรรม เพราะถึงจะสู้ขนาดไหนแต่ถ้าทำผิด คิดร้าย ขาดคุณธรรม มันไม่มีวันเจริญ จำไว้นะศิษย์น้อง จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นมีโอกาสสูบบุหรี่ต่อดีไหม (ไม่ดี)  แล้วแต่ศิษย์น้องแล้วกันนะ เพราะเหมือนที่ศิษย์พี่บอก ทุกอย่างมีทางเดิน แต่เราจะเอามาเป็นโอกาสหรือเสียโอกาส เอามาสร้างบุญสร้างกุศล หรือเอามาผูกใจเจ็บด่าทอให้เขาเจ็บปวด วันนี้อยากสร้างบุญกับศิษย์พี่ไหม ง่ายๆ ฟังธรรมแล้วยิ้ม เชื่อไหมว่าคนพูดเขาจะมีกำลังใจถึงแม้เราจะไม่รู้เรื่องก็ตามแต่เราก็ยิ้ม พอเดินลงไปเจอพี่เลี้ยงก็ยิ้ม เป็นบุญที่สร้างง่ายๆ มาก เพราะโลกใบนี้ขาดคนมีความสุขและรู้จักส่งความสุขให้กับผู้อื่น ใกล้ปีใหม่แล้ว ส่งสุขกันหน่อย เจอใครก็ยิ้ม เพราะมันเป็นความสุขที่เราให้ได้โดยไม่มีวันหมด และยิ่งให้เหมือนยิ่งมีพลัง จริงไหม (จริง)  และไม่ต้องเสียเงินเสียทองด้วย ไม่เป็นไรเขาไม่ยิ้มแต่เราก็จะยิ้ม ดีไหม (ดี)  คนบนโลกนี้นอกจากขาดความสุขแล้ว ยังขาดความสุขที่ไม่มีวันหมดด้วย ฉะนั้นเราจะเป็นคนที่มีความสุขไม่มีวันหมด ยิ่งเขาว่าอย่างไร ฉันก็จะยิ้ม สามีบ่น ภรรยาก็จะยิ้ม ภรรยาบ่นทำไมกลับมาบ้านดึกสามีก็ยิ้ม แต่ไม่ได้ไปมีใครนะ เราไปฟังธรรมะ ต้องอธิบายด้วยเพราะบางคนเขาอยากฟังคำอธิบาย แต่ถ้าบางคนพูดมากแล้วไม่ต้องพูด ยิ้มเข้าไว้ ดีไหม (ดี)  ฉะนั้นศิษย์พี่ก็อยากส่งความสุขให้ศิษย์น้อง ไปล่ะนะ มีโอกาสยิ้มให้มากๆ นะ ส่งความสุขอย่าส่งแค่วันปีใหม่ ส่งความสุขทุกๆวันเพราะเราอยากได้ความสุขในชีวิตใช่ไหม (ใช่)  ไปล่ะนะ มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก


วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ สถานธรรมจื้อเจวี๋ย จ.สงขลา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

      สำรวมตนเมื่อยึดมั่นในสิ่งใด        ย่อมหลงไปในทางมายาได้ง่าย
เมื่อใดยอมรับความจริงที่ปรากฏ       ด้วยหัวใจสงบนั่นเรียกว่าธรรม
สิ่งที่ปรากฏล้วนเป็นภาพสะท้อน      ที่ออกมาจากใจตน
จิตที่อิสระแค่รู้แต่ไม่เอาเรื่องราว              

                            เราคือ
  จี้กงอาจารย์เจ้า                         รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่แดนโลก แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว               ถามศิษย์รักทุกคนยังคงยินดีต้อนรับอาจารย์บ้างไหม 

* ถ้าคิดด้วยธรรมะ ชีวิตมีอะไร วันนี้ยังไม่ใช่ คนรู้จึงบำเพ็ญ โลกไม่มีเหตุผล คนทุกข์มีจิตใจ อย่าเพิ่งคิดมากมาย ปลงให้หายเศร้าเซ็ง
** คิดว่าได้อะไร คิดว่าของใครดีกว่ากัน คิดในทางกลับกัน สิ่งนั้นมิเคยมีอยู่
*** ศิษย์เอ๋ยเจ้าบำเพ็ญได้ไหม กำกับความคิดด้วยปัญญา ไม่รู้ไม่เป็นไรหรอกหนา ผู้มีธรรมะ ผิดถูกอย่างไร สุขได้ทุกข์ได้ หันไปหันมา
(ซ้ำ * , ** , *** , ***)
 สุขได้ทุกข์ได้ ล้วนธรรมดา
ทำนองเพลง : กอดฉัน
ชื่อเพลง : คิดด้วยธรรมะ

พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

คนเราจะยิ้มให้สวย ยิ้มให้หล่อ ยิ้มนั้นต้องมีความจริงใจ ถามใจทุกท่าน ชอบคนแทงข้างหลัง,คนนินทาไหม พูดกับเราดีแต่แอบไปนินทาเรา เราชอบไหม (ไม่ชอบ)  แล้วเราเป็นไหม (ไม่เป็น)  โกหกนั้นตายตกนรกนะ ขอดูหน้าให้ชื่นใจหน่อยดีไหม (ดี)  จะได้เห็นหน้าตาว่ายิ้มจริงๆ หรือเปล่า เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย)  ดีใจที่ได้เจอ มีคำพูดคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า  “อยู่ในโลกนี้ เราสามารถทำให้โลกนี้เป็นสวรรค์บนดินได้” อย่างนั้นถ้าเป็นสวรรค์บนดินก็ด้วยการทำอะไร ทำความดี ทำให้โลกเป็นสวรรค์ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่คนที่ทำความดีไม่ละชั่วจะเป็นสวรรค์ไหม (ไม่)  แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น)  เราสามารถทำให้แดนโลกนี้กลายเป็นสวรรค์บนดิน คิดและทำในสิ่งที่ดีงาม มนุษย์เราด้านหนึ่งดีแต่อีกด้านหนึ่งก็ยังไม่สามารถละชั่วได้เราจะทำให้โลกนี้เป็นสวรรค์บนดินได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเราจะทำชีวิตให้มีความสุขได้ไหม (ได้)  ศิษย์เอ๋ยทำดีแค่ไหนแต่ถ้าชั่วยังไม่ละ ยังมีนิสัยและกิเลสอัตตาตัวตนพอกหนามันก็ไม่อาจเรียกว่าดี ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าอยากทำโลกนี้ให้เป็นสวรรค์บนดินก็แค่ละชั่ว นั่นก็เรียกดีที่หนึ่งแล้ว
แต่มนุษย์ปัจจุบันนี้ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนอาจารย์ก็เห็นมานักต่อนักแล้ว ดีก็ทำแต่ชั่วไม่ละ มันก็เรียกว่าดีได้อย่างถ่องแท้ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนกันถ้าศิษย์ทำดีขนาดไหนแต่ถ้าศิษย์ยังชั่วละไม่ได้ ก็ไม่อาจเรียกว่าคนดีใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นบนดินจึงเป็นได้ทั้งสวรรค์และนรก อยู่ที่เรากระทำและอยู่ที่เราคิดถูกหรือไม่ อย่างที่เรามักรู้กันว่าคิดดีขึ้นสวรรค์คิดชั่วลงนรก  แล้วเราคิดดีหรือคิดชั่ว (คิดดี)  ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามว่า เมื่อคิดดีขึ้นสวรรค์คิดชั่วลงนรก แล้วธรรมะอยู่ตรงไหน ตอบได้อาจารย์อยู่ต่อ ตอบไม่ได้อาจารย์กลับดีไหม ลองทดสอบภูมิปัญญาของศิษย์ ในเมื่อคิดดีขึ้นสวรรค์คิดชั่วลงนรก
แล้วถ้าพ้นจากความคิด ธรรมะอยู่ที่ไหน (อยู่ที่การปฏิบัติธรรม ธรรมะอยู่ในใจ ธรรมะอยู่ในทุกๆ ที่ ที่เราเข้าใจโลกนี้)  ใช่หรือไม่ เราก็เป็นธรรม เขาก็เป็นธรรม คิดดีขึ้นสวรรค์ก็เป็นธรรมะ คิดชั่วลงนรกก็เป็นธรรมะ แต่ธรรมะแท้มีหนึ่งเดียวที่นำพาพ้นทุกข์ นั่นคือ (อยู่ที่การกระทำความดีเรียกว่าธรรมะ)  คนที่ปฏิบัติไม่ดีเขาเรียกว่าอธรรม (ธรรมะอยู่ในตัวเราเอง)  ตอบแค่นั้นถูกไหม
ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมอยู่ทุกๆ ที่ ใช่ไหม (ใช่)  แต่ธรรมะที่ปฏิบัติดียังไม่ได้ทำให้เราพ้นทุกข์ ธรรมะที่ปฏิบัติไม่ดียังทำให้เราต้องทุกข์แล้วทุกข์เล่า แต่ธรรมะทางสายกลางที่เป็นหนึ่งเดียวแล้วทำให้เราพ้นทุกข์คือ คิดดีไปสวรรค์ คิดชั่วลงนรก พ้นจากความคิดไม่ยึดติดสิ่งใดเรียกว่า “สภาวธรรมอันเป็นกลาง” จริงไหม ทำดีก็ยังมีทุกข์ของคนดี ทำชั่วก็ยังมีทุกข์ของคนชั่ว หากพ้นจากความคิดดีคิดชั่ว เข้าใจความเป็นจริงและเป็นกลาง ไม่หวั่นไหวในสิ่งที่มากระทบและไม่เกิดอารมณ์ดีร้ายได้เสีย แต่สามารถรักษาความสงบเย็นอันเป็นกลางได้ นั้นไม่เรียกว่า “สภาวธรรม” (ธรรมะคือความว่างเปล่า)  แต่หากยังยึดมั่นถือมั่นก็ยังไม่มีธรรมะ (ธรรมะคือศีล สมาธิ ปัญญา)  ธรรมะคือศีล สมาธิ ปัญญา ใช่ไหม (ใช่,ไม่ใช่)  ธรรมะสามารถพูดได้หลายอย่างเช่น ธรรมะคือหน้าที่ ธรรมะคือกฎเกณฑ์ ธรรมะคือความจริง ธรรมะคือสรรพสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเป็นธรรม และเราจะเจอธรรมได้ก็ต่อเมื่อเราต้องประพฤติปฏิบัติแล้วเจอกับตัวเอง
อาจารย์ถามหน่อยนะ คุณค่าของชีวิตมนุษย์ที่สูงที่สุดคืออะไร (การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด)  ตอบได้ดี แต่ถึงเวลาเราก็มักจะมองว่าสิ่งนั้นไกลเกินเอื้อม วาสนาเราคงไปไม่ถึง แต่อย่างน้อยถ้าอาจารย์บอกว่าไปไม่ถึงแต่พยายามหาทางดับทุกข์และพ้นทุกข์ด้วยหัวใจที่สงบบ้างก็คงจะดี ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งที่น่าสงสารที่สุดและน่าเสียดายที่สุดในการเกิดเป็นคนคืออะไร (การไม่ปล่อยวาง, การชดใช้กรรม)  แค่น่าสงสารแต่ไม่น่าเสียดาย เพราะมนุษย์เกิดมาพร้อมกับกรรม คุณค่าของมนุษย์ที่สูงสุดคือการหาทางดับทุกข์
เกิดเป็นคนเรื่องที่น่าเสียดายและน่าเศร้าใจที่สุดคือ การตกเป็นทาสของอบายมุข ตัณหา กิเลส และหนีไม่พ้นวิบากกรรมที่ตัวเองก่อ ฉะนั้นถ้าเราหมั่นพิจารณาเสมอๆ เราก็คงรู้แล้วว่า ทำไมเราถึงจะต้องศึกษาธรรมและเรียนรู้ธรรม แต่มนุษย์ไม่เคยคิดเลยจริงไหม (จริง)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจ้งพระนาม และเมตตาให้นักเรียนเล่นเกมยืนนั่ง)
นั่งแล้วชอบหลับถูกไหม (ถูก)  ยืนเป็นเพื่อนกันดีไหม ใครขาไม่ดีอาจารย์อนุญาตให้นั่ง แต่ใครขาดียืนเป็นเพื่อนอาจารย์ดีไหม (ดี)  มาเล่นเกมสักเกมหนึ่ง ถ้าอาจารย์บอกให้ยืน ก็ยืน อาจารย์บอกให้นั่งก็นั่ง ถ้ากลุ่มไหนทำช้าสักคนหนึ่งต้องรับผิดชอบยืนทั้งกลุ่มดีไหม (ดี)  บางครั้งคนที่มีปัญหาในสังคมเพียงคนเดียว ถ้าเราไม่ร่วมรับผิดชอบ เราเองจะสร้างปัญหาที่กลายมาเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ได้  ฉะนั้นถ้าใครเป็นปัญหา อย่าเพิ่งกดขี่ อย่าเพิ่งทับถมเขา แต่ควรให้กำลังใจและให้โอกาส ปัญหานั้นจะไม่กลายเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ถูกไหม (ถูก)  (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นออกมาหน้าชั้น)  สมมติอาจารย์บอกว่า เขาเตี้ย แก่ หง่อม แล้วทุกคนก็ดูถูก ดูหมิ่นเขา อย่างนี้เขาจะกลายเป็นคนดีในสังคมไหม (ไม่)  แต่ถ้ามีคนหนึ่งว่า แต่คนหนึ่งบอก เขาไม่เตี้ย ไม่แก่ ไม่หง่อม เราคือคนที่ให้โอกาสใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้ามีใครผิดสักคนอย่าว่าเขานะ ได้หรือไม่ (ได้)  เพราะเราคือคนให้โอกาสและจะไม่สร้างปัญหาเพิ่มในสังคม ด้วยน้ำมือเราเองถูกไหม
(พระอาจารย์เมตตาให้เล่มเกมนั่งลง ยืนขึ้น)
ถ้าใครพลาดหนึ่งคนทั้งกลุ่มต้องยืนเป็นเพื่อนพระอาจารย์ ครึ่งชั่วโมงเอาไหม (เอา)  นั่งลง, ยืนขึ้น  ผิดไหม (ไม่ผิด) อาจารย์บอกแล้วอย่าปกป้องคนผิด ผิดแต่ผิดไม่หมด เพราะเขายังไม่ยืนเต็มที่ จำไว้นะศิษย์เมื่อไหร่ที่เราพบคนผิดพลาด ไม่ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เราต้องยอมรับว่าเขาผิดอย่าไปปกป้อง แต่ฉันจะให้โอกาส ไม่ใช่ทับถม นินทา ว่าร้าย แล้วโลกจะมีคนดีไหม แต่กลายเป็นว่ามีแต่คนไม่ดีเพิ่มขึ้น เพราะว่าทุกคนไม่ให้โอกาส  ฉะนั้น สวรรค์บนดินจะเกิดได้ ไม่ใช่คนที่เอาธรรมะ ไปยึดติดดี แล้วต้องดีอย่างเดียว  ชั่วไม่ได้ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง สวรรค์บนดินจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเรายอมรับ ไม่ว่าเขาจะดี หรือร้าย ไม่ใช่ว่าร้ายแล้วไม่มีดี  ฉะนั้นแม้เราเจอคนดี ถ้าหากเกิดวันหนึ่งเขาร้าย เราก็อย่าไปโกรธเคืองเขา
ศิษย์จำไว้นะ เมื่อใดที่เรากล้าให้โอกาสคนผิดแล้ววันหนึ่งถ้าเราทำผิดคนจะให้โอกาสเรา แต่ถ้าศิษย์ไม่เคยให้โอกาสคนผิด เมื่อถึงเวลาศิษย์ผิด เขาก็จะไม่ให้โอกาสศิษย์เลย แล้วเราเคยให้โอกาสคนผิดบ้างไหม แล้วเราเป็นคนที่คอยเหยียบย่ำซ้ำเติมคนผิดไหม (เคย)  ต่อไปไม่ทำแล้วดีไหม ไม่นินทาไม่ว่า ไม่เขียนลงในเฟสบุ๊ก ไม่ด่าลงไปในไลน์ ใช่ไหม (ใช่)  สิ่งที่มนุษย์ขาดไปในชีวิตคือบางครั้งต้องรู้จักเงียบบ้าง การรู้จักนิ่งเฉยบ้าง ไม่รู้ ไม่ตอบ ไม่พูด มันก็ไม่ผิดอะไร  รู้แล้วตอบแล้วพูดบางทีมันก็ไม่ถูกจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นถ้าเราอยากอยู่ในโลกแล้วให้ปัญหามันน้อยๆ บางครั้งไม่พูดก็ไม่เสียหายอะไร แต่ถึงเวลาเราพูดหรือไม่พูด (พูด)
ในห้องนี้ทุกคนล้วนมีความรัก โลภ โกรธ หลง ใช่ไหม (ใช่)  ส่วนใหญ่มีทุกคนใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ถามว่า ความโกรธ ความเกลียดดีไหม (ไม่ดี)  ควรมีไว้ในจิตใจไหม (ไม่ควร)  แต่เรามีไหม (มี)  สมมติว่ามีคนๆ หนึ่งหรือตัวศิษย์เองถูกเพื่อนที่รักที่สุดแทงศิษย์ข้างหลัง ทำร้ายศิษย์จนเกือบยืนไม่ได้ โกรธ แค้นไหม เพื่อนที่ศิษย์รักมากที่สุดทำร้ายศิษย์ด้วยการแทงข้างหลัง และเอาสิ่งที่ศิษย์หามาด้วยกันเอาไปเป็นของตัวเองหมด และทำให้ศิษย์เหมือนกลายไปเป็นคนล่มจมและเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ โกรธไหม เกลียดไหม แค้นไหม ศิษย์เอย มันเป็นธรรมดาของใจเรา มันต้องแค้น มันต้องโกรธ มันต้องโมโห และมันต้องเอาให้ถึงที่สุด เขาทำกับชีวิตเราได้ลงคอแล้วสิ้นศรัทธาความเชื่อถือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วเวลาศิษย์แค้นจะแค่ยิงปังเดียวแล้วจบไหม (ไม่จบ)  ต้องยิงอีกเท่าไร ยิงรัวๆ พอหายโกรธก็คิดได้สำนึกได้ แล้วหากมีใครเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์จะยิงเขาไหม (ยิง)  อย่างนั้นอาจารย์ถามศิษย์ว่าความโกรธที่เรามีอยู่ในใจ เราไม่เคยฝึก เราไม่เคยควบคุม เราไม่เคยดูแล ปล่อยให้มีอยู่ในใจตลอด แล้วหากวันหนึ่งความโกรธที่ครอบงำจิตใจแล้วปล่อยให้ชีวิตศิษย์พังแล้วตายทั้งเป็น ศิษย์อยากมีไหม (ไม่อยาก)  อยากคิดจะควบคุมบ้างไหม (อยาก)  ศิษย์จะพยายามไม่โกรธ ศิษย์เป็นคนที่รักคนง่าย ดีไหม (ดี)  เจอใครหนูก็รัก ไม่โกรธใครเลย จะได้ไม่สร้างบาปไม่สร้างกรรม ดีไหม (ไม่ดี)  ฉะนั้นแปลว่ารักเกินก็ไม่ดี โกรธเกินก็ไม่ดี แล้วศิษย์เคยเห็นไหม  รักมากก็แค้นมากแล้วต้องเอาคืนให้มาก  ในเมื่อเอาคืนกับเขาไม่ได้ ก็เอาคืนกับลูกเขาเลย จริงไหม (จริง)
อย่างนั้นอาจารย์ถามนะ ศิษย์เคยทำร้ายใครข้างหลังไหม ศิษย์เคยรักใครมากแล้วทอดทิ้งเขาไหม แล้วก็ฆ่าเขาอย่างไม่ใยดี ถามใจลึกๆ นะ มีทุกคน อย่างเช่นเลี้ยงวัวมารักไหม (รัก)  เอาเขาไปชนแล้วแพ้โมโหไหม ชนแล้วแพ้ฆ่าเขาเลย แล้วเขาจะแค้นเราไหม (แค้น)  แล้วเขาจะเอาคืนกลับไหม (เอาคืนกลับ)  แล้วคนที่ศิษย์รักมาก เขาทำศิษย์ได้ลงคอ เขาโกหก เขาไปมีใหม่ เขาทำร้ายศิษย์ เขาหลอกลวงเอาเงินศิษย์ ศิษย์ทำใจได้ไหม     (ได้ให้เขาไปเลย)  ตอนนี้ศิษย์พูดได้เพราะยังไม่เจอกับตัว ถ้าศิษย์เจอกับตัวศิษย์จะไม่พูดกับอาจารย์แบบนี้
อาจารย์จึงอยากบอกว่า โลภ โกรธ หลงเป็นทางมาแห่งกรรม ซึ่งเรียกว่ากรรมดี กรรมชั่วและผลสุดท้ายก็กลายเป็นชะตากรรม แล้วก็กลายเป็นวิบากกรรม แล้วก็กลายเป็นเวียนว่ายตายเกิดชดใช้กรรม ใช่ไหม (ใช่)  แล้วโลภ โกรธ หลง เกิดจากอะไร ฉะนั้นการที่เราสามารถดับทุกข์ได้เราต้องรู้ต้นเหตุแห่งทุกข์ ถ้าเรารู้ต้นเหตุแห่งทุกข์ การจะดับทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องยากถูกหรือไม่ (ถูก)  มนุษย์โดยส่วนใหญ่ทุกข์เพราะ กิเลสที่ตัวเองสร้าง หนีไม่พ้นโลภ โกรธ หลง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อาจารย์มีวิธีที่จะทำให้เราเห็นโลภ โกรธ หลง และหยุดโลภโกรธ หลง ได้ด้วยตัวเราเอง และจะทำให้เราสิ้นกรรม สิ้นวิบากกรรม ศิษย์สนใจจะฟังอาจารย์ไหม (สนใจ)  และอยากลองไปทำดูบ้างไหม (อยาก)  มาดูนิสัยของความโลภก่อน เวลาเราจะโลภ เราจะอยากได้ ความโลภจะทำให้รู้สึกว่า อยากเอามันเข้าหาตัวใช่ไหม (ใช่)  อะไรก็ได้ขอให้มากๆ แล้วเข้ามาหาตัวเรียกว่า โลภ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นเมื่อไรที่คิดอยากได้อะไร โอบกอดรัดเข้ามาหาตัวนั้นเรียกว่า โลภ โกรธเป็นอย่างไร อยากผลักไปไกลๆ เกลียด ไปเสีย หนีมันให้ไกลเรียกว่าโกรธ ส่วนหลง หลงตนทุกคนใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเวลาเราหลงตัวเอง บ่นแล้ว บ่นอีกถูกไหม (ถูก)  ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเมื่อไรมีอารมณ์อยากผลักไส นั่นแหละเรียกว่า โกรธ อยากได้เอามาเข้าหาตัว เรียกว่า โลภ ถ้าเมื่อไรวนเวียนไม่ไปไหน อยู่อย่างนั้นเรียกว่า หลง พอรู้จัก โลภ โกรธ หลงหรือยัง พอเห็นชัดแล้วนะ อาจารย์ถามหน่อยว่า โลภ โกรธ หลง มาจากไหน โดยส่วนใหญ่ก็บอกว่ามาจากใจเรา อะไรๆ ก็ใจหมดใช่ไหม (มาจากความคิด)  ตอบได้ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นโลภ โกรธ หลง เริ่มต้นมาจาก การเห็นอะไร แล้วรู้สึก แล้วคิด แล้วยึดติดถูกไหม (ถูก)  เห็นอะไรแล้วตัดสิน โลภ โกรธ หลงมันเริ่มต้นมาจากความรู้สึกดี พอรู้ดีก็เริ่มรู้สึกไม่ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  พอเริ่มรู้สึกชอบก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าศิษย์สามารถหยุดโลภ โกรธ หลง ด้วยความรู้สึกเท่าทัน เราจะตกเป็นทาสของมันไหม (ไม่)  พอเห็นดี ดีแล้วไง หล่อแล้วไงใช่ไหม (ใช่)
ศิษย์เคยโดนคนตำหนิแล้วเผอิญมีงานด่วน แล้วบอกเขาว่า เดี๋ยวก่อนๆ เคยไหม เห็นแล้วไม่คิดมันก็ไม่อยู่ในใจ แต่ไม่เห็นแล้วเอามาคิดมันก็อยู่ในใจ ฉะนั้นเห็นว่าหล่อขนาดไหนแต่ถ้าเราไม่คิด ไม่สนใจ ไม่ตัดสิน ไม่ยึดติด มันจะมีอารมณ์ขึ้นมาไหม (ไม่มี)  และถ้าเรายับยั้งได้ โลภ โกรธ หลง จะเกิดไหม (ไม่เกิด)  เมื่อโลภ โกรธ หลง ไม่เกิด กิเลสไม่เกิด กรรมไม่มี วิบากกรมไม่ต้องไปรับ จบไหม แล้วเราเหลือแต่ใช้กรรมเก่า นี่คือการปฏิบัติธรรม แล้วทำได้ไหม ฉะนั้นเมื่อเห็นใครด่าเรา อย่าเพิ่งตัดสิน อย่าเพิ่งโกรธ อย่าเพิ่งยึดติด อย่าเพิ่งคิด ช่างมันดีไหม (ดี)  เพราะว่าโกรธ ผลที่สุดก็คือนรกเผาใจ เพราะว่าหลงถึงที่สุดก็คืออบายภูมิ สัตว์เดรัจฉาน เพราะว่าโลภถึงที่สุดก็คือภพภูมิแห่งเปรต พญามาร ศิษย์จะเอาไหม (ไม่เอา)  เมื่อตัวตนเกิดขึ้น เอาง่ายๆ สมมติว่าเราเห็นแล้วถูกใจ คิดต่อไหม ไปต่อไหมต่อศิษย์ก็หนีไม่พ้นกรรมที่เรียกว่าตัวตน เมื่อมีความรู้สึกก็จะก่อเกิดเป็นตัวตน แล้วก่อเป็นภพ ชาติ ชรา มรณา พอเริ่มมีความรู้สึก แล้วความรู้สึกนั่นแหละเป็นตัวเราตัดสิน ฉะนั้นถ้ารู้สึกแล้วเราไปต่อ ก็จะก่อเกิดเป็นการกระทำที่เรียกว่า กรรมดี กรรมชั่ว แต่ถ้าไม่ไปต่อ ก็จะไม่มีกรรมต่อ ใช่หรือไม่ (ใช่)  โลภ โกรธ หลง ก็จะไม่มีเพราะว่าเจ็บแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นมนุษย์สามารถหยุดยั้งโลภ โกรธ หลงได้ ถ้าเรารู้แก่นแท้ความเป็นจริงแห่งใจตน เขาไม่ได้ยั่วยวน แต่ใจเราหวั่นไหว เขาไม่ได้เซ็กซี่บาดใจ ฉะนั้นเหมือนคนกินเหล้า เหล้ามันตั้งอยู่ไม่เคยกินจะเปรี้ยวปากไหม (ไม่)  ปกติมันตั้งอยู่มันจะน้ำลายไหลไหม (ไม่)  ก็เพราะมันไม่เคยมีความรู้สึกสิ่งนั้นอยู่ในใจถูกหรือไม่ เหมือนกันถ้าเราไม่มีตัณหา ไม่มีกิเลส ไม่มีความใคร่ ไม่มีความรัก ฉะนั้นยากไหมแต่อาจารย์ไม่ได้ให้ศิษย์ไม่รู้สึกไม่รู้สา แต่รู้สึกจนเห็นชัดแล้วไม่เอาอีกแล้ว ถูกไหม (ถูก)  ลองถามคนที่แต่งงานถามสิ มีใครกวักมือให้มาแต่งงานไหม (ไม่มี)  คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราสามารถหยุดยั้งได้ทันเราก็สามารถตัดกิเลสที่เป็นต้นเหตุแห่งการสร้างวิบากกรรมได้ ไม่ยากใช่หรือไม่ แต่จะทำอย่างไรให้เราเห็นชัดจนอะไรๆ ก็ไม่อยากโลภ โกรธ หลง อีกต่อไป
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนหญิง 1 ท่านออกมายืนหน้าห้อง)
ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามนะ คนๆ นี้สวยไหม แล้วคนๆ นี้ขี้เหร่ไหม คนๆ นี้ดีไหม แล้วคนๆ นี้ไม่ดีได้ไหม (ได้)  แล้วคนๆ นี้เป็นโชคดีใช่ไหม (ใช่)  แต่บางทีก็คือโชคร้ายใช่ไหม (ใช่)  ถ้าอย่างนั้นชีวิตนี้เราอยากเสี่ยงโชคไหม เราอยากลองขึ้นสวรรค์แล้วตกนรกไหม (ไม่)  ฉะนั้นการศึกษาธรรมประเด็นหลักของการศึกษาธรรมคือเรียนรู้ธรรมเพื่อนำทางให้เราพ้นทุกข์ ไม่ใช่เรียนรู้ธรรมเพียงเพื่อเป็นคนดีแล้วเกลียดคนชั่ว ไม่ใช่ศึกษาธรรมแล้วเรียนความดีแล้วเอาความดีไปตีกรอบว่าคนอื่นไม่ดี ไม่ใช่ เราเรียนรู้ธรรมเพื่อสำรวจตรวจสอบใจตัวเองดูแลใจตัวเองเมื่อเราถูกใครๆ ก็ถูก ใช่หรือไม่ แต่เมื่อไรที่เรามองเขาผิด ใครๆ ก็ผิดได้ในสายตาเรา จริงไหม (จริง)  แต่ถ้าเกิดว่าเราเห็นเขาแล้วเราคิดแค่ว่าก็สวยดี ก็น่ารักดี แต่ก็ไม่เอา เหมือนสาลี่นี้อาจารย์ถามนะ กินแล้วจะแข็งแรงไม่ตายไม่จนเอาไหม ไหนใครเอายกมือขึ้น เอานะ เดี๋ยวอาจารย์ให้ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามนะ มีอะไรบ้างที่กินแล้วแข็งแรงแล้วไม่เจ็บป่วยมีไหม (ไม่มี)  กินแล้วมีแต่รวยไม่จนมีไหม (ไม่มี) ฉะนั้นถ้าไม่อยากโลภก็จงมองความจริง อย่ามองเอาแต่ประโยชน์ส่วนตนจนลืมความจริง ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกลวง ใช่ไหม (ใช่)  เพราะจะมีจะจนจะแข็งแรงจะอ่อนแอ ไม่ได้อยู่ที่สามีแต่อยู่ที่ (ใจ)  ตัวเราเอง ใช่ไหม อย่างนั้นถามใหม่ กินแล้วสามีจะรักสามีจะหลง เอาไหม (ไม่เอา)
ฟังอาจารย์พูดยากไหม (ไม่ยาก)  พอทำได้ไหม (ได้)  แต่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อศิษย์ต้องมีสติและปัญญารู้เท่าทัน อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยนะ ศิษย์ว่าความเจ็บปวดเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี (ไม่ดี)  ความพลัดพรากเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี (ไม่ดี)  พรใดก็ไม่ประเสริฐเท่ากับรู้จักประพฤติปฏิบัติตนให้ดีงามใช่ไหม (ใช่)  เดี๋ยวปีใหม่พระอาจารย์จะให้พรศิษย์ดีไหม (ดี)  ยังไม่ถึงเลย ให้ก่อนได้ไหม ศิษย์เอยดีหรือไม่ดีอยู่ที่เรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นทำอย่างไรล่ะที่จะทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราไม่เป็นทุกข์ เราต้องพยายามเรียนรู้ทุกอย่าง เข้าใจก่อน จริงไหม ความเจ็บปวดเป็นทุกข์ไหม แล้วเราสามารถพ้นทุกข์ได้ไหม (ได้)  ทุกคนล้วนกลัวความเจ็บ แต่เราจะสามารถเอาชนะความเจ็บได้ก็ต่อเมื่อเราเห็นความเจ็บแล้วเราสามารถเอาชนะได้ ถ้าเราเอาแต่ตั้งแง่รังเกียจเราจะแก้ได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเราจะเห็นคุณค่ามันไหม เราจะกลัวมันถูกไหม (ไม่ถูก)  แต่ถ้าเราสามารถเห็นคุณค่าได้ เข้าใจมันได้ เราจะอยู่กับมันอย่าง (มีความสุข)
แล้วความเจ็บดีอย่างไร ความพลัดพรากดีอย่างไร และถ้าเกิดว่าวันไหนเราต้องพลัดพราก วันไหนเราต้องเจ็บ และวันไหนเราต้องตาย เราก็จะได้ไม่ทุกข์กับมันเพราะเราเข้าใจแล้ว จริงไหม (จริง)  ศิษย์สามารถหาเจอไหม ความเจ็บป่วยดีอย่างไร ความเจ็บป่วยเป็นสัญญาณเตือนภัยว่าเรากำลังดำเนินชีวิตมีความผิดปกติในร่างกาย เจ็บก่อนแล้วค่อยตาย ดีกว่ายังไม่ทันเจ็บแล้วก็ตาย จริงไหม (จริง)  เพราะเมื่อไรที่เจ็บแปลว่าในร่างกายเรามีสิ่งผิดปกติ ในร่างกายเรากำลังดำเนินอะไรผิดปกติ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเวลาเราเจ็บป่วยเราจึงต้องพึงสังวรไว้สองอย่างคือ สำนึกขอขมา เพราะเราไม่รู้ว่าเราไปทำอะไรมา เราจึงต้องเป็นโรคนี้ โรคมีตั้งเยอะไม่เป็น ดันมาเป็นโรคนี้ ใช่ไม่ใช่กรรมที่เราสร้าง อย่างแรก ขอบคุณสำนึกแก้ไข อย่างที่สองดีใจยังไม่ตาย ถูกไหม ยังมีเวลาสั่งเสีย ยังมีเวลาเตรียมตัว ยังมีเวลาทำให้ดีที่สุด เรายังมีเวลาไม่เสียใจก่อนที่ตัวเองจะตาย ก่อนที่ตัวเองยังไม่ได้ทำอะไร ฉะนั้นควรกลัวความเจ็บป่วยไหม ควรจะดีใจที่ได้ป่วย จริงๆ ศิษย์ อย่าไปรู้สึกเกลียดยิ่งเรารักความแข็งแรงเท่าไหร่ ก็รับไม่ได้เมื่อเราเจ็บป่วย ทำให้เราได้เข้าใจความเป็นจริง อันเป็นธรรมดา และเมื่อเราเจ็บป่วย เราไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวข้าวถึง แกงถึง แล้วเราจะรู้เลยว่าใครรักเราจริง เราจะรู้เลยว่าเวลามาเยี่ยมเขา มาสมน้ำหน้าหรือมาเห็นใจ ถ้าอย่างนั้นจะทุกข์กับความเจ็บป่วยไหม (ไม่ทุกข์)
ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามต่อ ความพลัดพรากกับความสูญเสีย ดีไหม (ไม่ดี, ความพลัดพรากเป็นสิ่งที่ไม่ดี)  ตอบอย่างนี้ช่วยให้เราชื่นใจและรับกับความพลัดพรากได้ไหม (ไม่ได้)  จำไว้ความพลัดพรากทำให้เรารู้จักรักษาเวลา ถนอมเวลาและรักษาคุณค่ากับคนที่เรารักให้มากที่สุด และถนอมเวลากับคนที่ชิดใกล้กับเราให้ดีที่สุด จริงไหม ฉะนั้นความพลัดพรากไม่ใช่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่าคิดคือเราทำดีที่สุดกับเขาหรือยัง เมื่อพลัดพรากเราจะไม่เสียใจ จะไม่เศร้าใจ ความพลัดพรากก็ดีอีกอย่าง คือทำให้เรารู้จักถนอมเวลากับคนใกล้ชิดให้ดีที่สุดจริงไหม ฉะนั้นเมื่อเจอความพลัดพรากดีไหม (ดี) จะทำให้เราย้อนไปได้ว่าเราจะต้องดูแลคนที่เหลือให้ดีที่สุด และทำเวลาวันนี้ให้กับเขาให้ดีที่สุด จริงไหม (จริง)  เพราะเมื่อไรที่เราพลัดพรากแล้วเราต้องเสียใจ แปลว่าเรายังทำไม่ถึงที่สุด ฉะนั้นจะมีอะไรไม่ดีถ้าจะต้องพลัดพรากในเมื่อเราทำดีที่สุดแล้ว เมื่อชีวิตทำดีที่สุดแล้วความตายน่ากลัวไหม (ไม่น่ากลัว)  แต่ความตายจะสอนให้เรารู้ว่าสักวันหนึ่งฉันมาจากดินฉันต้องกลับคืนสู่ดิน สักวันหนึ่งจิตฉันมาจากฟ้าฉันก็ขอกลับคืนสู่ฟ้า ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาจะตายฉันก็ปลดปลงได้เพราะทุกวันฉันทำดีที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นไม่ว่าจะพลัดพราก ไม่ว่าจะเจ็บปวด หรือแม้กระทั่งความตายเราก็จะเข้าถึงธรรมได้ เพราะชีวิตเราปลดปลงและเราทำถึงที่สุดแล้ว
อาจารย์จะถามว่าความทุกข์ดีไม่ดี (เพราะเจอความทุกข์แล้วเราจะได้รู้จักความสุข) แล้วถึงเวลาเอาทุกข์ไหม (ไม่เอา)  พูดได้แต่ทำไมทำไม่ได้ล่ะศิษย์เอย เหมือนเวลาเราอยู่กับแฟนเรา ทุกข์ไหม (ทุกข์)  ทุกข์แต่ก็มีความสุข แต่ก็สุขไม่เต็มปาก เหมือนจะดีแต่มันอีกนิดหนึ่งก็จะดีกว่านะแต่ก็ไม่เคยผ่านสักที ใช่หรือไม่ ฉะนั้นสิ่งที่ศิษย์เรียกว่าสุข แท้จริงแล้วอาจจะสุขไม่จริง ทุกข์ไม่แท้ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นถ้าศิษย์เข้าใจความเป็นจริงโลกใบนี้ไม่เคยมีสุขจริง ไม่เคยมีทุกข์แท้ นี่คือธรรมะ ฉะนั้นเราจะยึดอะไรกับความสุขและเราจะเกลียดอะไรกับความทุกข์ ในเมื่อก็ไม่เคยสุขจริงและก็ไม่เคยทุกข์จริง เหมือนเขาชมเราว่าสวยมีความสุขไหม (มีความสุข)  แต่สักพักหนึ่งกลับคิดว่า เขาชมหรือเขาประชดกันแน่ พอสักพักหนึ่งเขาด่าเรา ไม่เห็นสวยตรงไหนเลย ทุกข์ไหม แต่ถ้าเราคิดว่าฉันสวยเสียอย่าง เธอจะว่าอย่างไรฉันก็ไม่สนใจ ดีไหม (ดี)  ฉะนั้นโลกนี้จริงๆ อะไรเรียกว่าทุกข์แท้ อะไรเรียกว่าสุขจริง ถ้าเข้าใจเราจะยึดติดสุขไหมและถ้าเข้าใจเราจะหลงอยู่กับความทุกข์ไหม โลกนี้สุขไม่จริง ทุกข์ไม่แท้ใช่หรือไม่(ใช่) ฉะนั้นอาจารย์ให้ธรรมะสามข้อไว้เตือนใจศิษย์เวลาเจอเรื่องราวจะได้ย้ำเตือนใจ
๑. โลกนี้ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์พร้อม
๒. ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง
๓. ถึงที่สุดก็ไม่มีอะไรเป็นของเรา
ถ้าเตือนเสมอๆ ศิษย์จะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  ไม่มีอะไรสมบูรณ์พร้อม เมื่อวานนี้เขาด่า วันนี้เขาชม วันนี้เราได้กำไร พรุ่งนี้เราขาดทุน  มีสิ่งใดเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง)  ถ้าคิดอย่างนี้เสมอเราจะเข้าใจธรรม แล้วเราจะปลดปลงได้ถูกไหม (ถูก)
(พระอาจารย์เมตตาให้บทเพลงพระโอวาท  ทำนองเพลง กอดฉัน   ชื่อเพลง คิดด้วยธรรมะ) 
ฉะนั้นเวลาท้อใจ เวลาทุกข์ใจจำบทเพลงนี้ไว้เตือนใจตัวเอง
 (นักเรียนในชั้นร่วมฝึกร้องเพลงพระโอวาทที่พระอาจารย์เมตตาประทานให้)
อาจารย์รบกวนหน่อยนะ ก่อนกลับให้ทุกคนเตรียมแก้วน้ำใส่น้ำในแก้วทุกคน จะให้ทุกคนเอาแก้วน้ำนั้นมา อวยพร ขอให้ทุกคนแข็งแรง ขอให้มีสุข มีสวัสดิภาพ แล้วเอาคำนั้นมารวมกัน คำอวยพรของอาจารย์คนเดียวไม่มีค่าเท่ากับคำอวยพรของทุกคนรวมกัน แล้วเอาน้ำที่เป็นคำอวยพรของทุกคนเทรวมกัน เราก็จะได้คำอวยพรของทุกคน เช่น ขอให้ทุกคนแข็งแรง ขอให้บ้านเมืองสงบสุข ขอให้ทุกคนคิดดีอย่าคิดร้าย ดีไหม และได้นำคำอวยพรของอาจารย์รวมไปด้วยดีไหม แล้วเอามาเทรวมกัน
ศิษย์เอ๋ยเราเกิดมามีบุญวาสนาไหม (มี)  อาจารย์จะบอกว่าคนที่เกิดมาไม่พร้อมสมบูรณ์ คนที่เกิดมาไม่มีบุญวาสนา อาจารย์จะบอกวิธีแก้ง่ายๆ เอาไหม (เอา)  ศิษย์เอ๋ยจำไว้นะ คนที่เกิดมาไม่มีพร้อมสมบูรณ์ ไม่มีบุญวาสนาเยอะ สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้ ถึงแม้เราจะเกิดมาไม่มั่งมี แต่รู้จักขยันหมั่นเพียร รู้จักอดทนอดกลั้น ชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ แม้เราเกิดมาไม่มีบุญวาสนา ไปอยู่ที่ไหนใครก็ไม่รัก ไม่มีใครอุปถัมภ์ค้ำชู แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการรู้จักขยัน ซื่อตรง มีน้ำใจและสุภาพอ่อนน้อม ไปอยู่ที่ไหนใครก็รัก ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีคนรังเกียจ แล้วปัจจุบันนี้ถ้าเราไม่มั่งมี แล้วก็ไม่มีบุญ นั้นก็แปลว่าเราขี้เกียจ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นอยากเป็นคนมั่งมี แล้วมีบุญวาสนาเป็นที่รัก จงรู้จักสุภาพอ่อนน้อม มีน้ำใจ
ศิษย์รู้ไหม สิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือพลังมุ่งมั่น พลังแห่งความศรัทธาถูกต้องและดีงามมันจะก่อเกิดปาฏิหารย์ได้ ใช่หรือไม่ ขอเพียงศรัทธาเชื่อมั่นในความถูกต้องและดีงามและปฏิบัติอย่างไม่ย่อท้ออะไรๆ ก็เปลี่ยนได้จริงหรือไม่ แต่กลัวอย่างเดียวมนุษย์ความเป็นคนยังไม่สมบูรณ์และหวังจะมีความเป็นธรรมคงเป็นไปได้ยาก ใช่หรือไม่
ขออวยพรด้วยพลังแห่งความดี พลังแห่งความศรัทธา พลังแห่งความเชื่อมั่นว่าขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรง แม้แข็งแรงแล้วก็ขอให้หายเจ็บหายป่วย ขอให้การงานราบรื่นแม้ไม่ราบรื่นก็ขอให้ฟันฝ่าไปได้ด้วยความสงบร่มเย็น แม้จะมีทุกข์บ้างก็ขอให้พบเจอความสุข แม้ชีวิตจะเจ็บปวดบ้างแต่ก็ขอให้รู้จักเข้มแข็ง ฉะนั้นจงเชื่อมั่นในพลังที่ตัวเองตั้งใจและเอาพลังนั้นใส่เข้าไปในแก้วเยอะๆ อธิษฐานเยอะๆ เผื่อพรนั้นมันจะย้อนกลับมาที่ตัวเรานั้น ใช่ไหม สิ่งที่ตั้งใจให้ผู้อื่นนั่นแหละยิ่งให้เราก็จะยิ่งได้รับ แต่สิ่งที่เราหวังจากผู้อื่นแต่เราไม่เคยให้ เราจะไม่มีวันได้รับ ใช่หรือไม่ ใครตั้งจิตเสร็จแล้วก็ส่งคืน พี่เลี้ยงเทน้ำแล้วถือแก้วรวมกันแล้วจะได้ถือน้ำได้เยอะขึ้น ผู้ปฏิบัติงานธรรมใครยังไม่ทำก็กลับไปทำด้วยนะ
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนออกมาวงพระโอวาทซ้อน)
อาจารย์ถามใครตอบได้ก็ตอบ แล้วอาจารย์จะให้รางวัลได้ไหม (ได้)  อาจารย์ถามง่ายๆ โลกนี้หมุนตามใจเราหรือตามความเป็นจริง (ตามความเป็นจริง, ตามใจเรา)  ตามใจเราแน่ใจหรือ อยากให้เขายิ้ม เขายังไม่ยิ้มเลยจริงไหม (จริง)  อยากให้เขารัก เขายังไม่รักเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  อยากให้พ่อแม่เข้าใจ เขายังไม่ค่อยเข้าใจเราเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นโลกหมุนตามจริงหรือหมุนตามใจ (หมุนตามความเป็นจริง)  แล้วเรามักจะไปตามความจริงหรือไปตามใจ (ตามใจ)  เราอยากให้โลกหมุนตามใจหรือหมุนตามจริง (หมุนตามใจ)  แล้วชีวิตเราอยู่กับความจริงหรืออยู่กับการตามใจ (ตามจริง)  ศิษย์เอยโลกหมุนตามจริงแต่ตอนนี้พระอาจารย์กำลังตามใจศิษย์ ใช่ไหม (ใช่)  คนมีบุญวาสนาเหมือนโลกหมุนตามใจ แต่ถ้าคนไร้บุญวาสนาโลกเหมือนหมุนตามจริง จริงไหม แล้วเรามีบุญพอไหม ถ้าอยากมีบุญจงรู้จักมีน้ำใจและรู้จักมีสัมมาคารวะ ใช่หรือไม่ (ใช่, อยากให้โลกหมุนตามใจ)  ถ้าไม่อยากทุกข์อย่าพยายามให้โลกหมุนตามใจ แต่จงกล้ามองโลกหมุนตามจริงแล้วเราจะไม่ทุกข์ จริงไหม (จริง, โลกหมุนตามจริง)  แล้วเรายืนอยู่บนความจริงไหม ตามใจมากก็ทุกข์มากจริงไหม (โลกหมุนตามจริง)  แล้วเราเคยเห็นความจริงของโลกบ้างไหม เห็นว่าวันนี้เช้า วันนี้มืด วันนี้ได้ วันนี้เสีย อยู่ที่เวลาเราเห็น เราจะเห็นแบบธรรมหรือเห็นเป็นกิเลสสร้างกรรม บางครั้งโลกหมุนตามจริงแต่บางครั้งเราก็สามารถหมุนตามใจได้ ฝืนได้ แต่จำไว้นะ มันฝืนได้ไม่นาน ฝืนอย่างไรก็ต้องกลับมาสู่ความจริง จริงไหม แล้วเราเรียนรู้ที่จะรับความจริงได้ไหม ฉะนั้นถ้าเราเรียนรู้รับความจริงได้เราจะไม่กลัวความแก่ ไม่กลัวความเจ็บ ใช่หรือไม่
ความจริงไม่เคยลวงตาแต่เรามักจะตาบอดกับความจริง เพราะมัวแต่หลงติดในสิ่งที่ตัวเองคิด (โลกแห่งความเป็นจริง)  แล้วเรายอมรับความจริงได้ไหม แม้ลูกกับสามีไม่ได้ดั่งใจนะ (พยายามทำให้ได้)  จะพยายามได้ก็ต่อเมื่อเราวางความคิดของตนและยอมรับความเป็นจริง ทำอะไรเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง (ทำดีก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าไม่ดีก็ต้องยอมรับเช่นกัน)  มันก็คือความเป็นจริง (มีทั้งสุขและทุกข์เราก็ต้องยอมรับทั้งสองอย่าง)  แต่อาจารย์บอกไว้ตั้งแต่ต้นศิษย์เอาความคิดตัดสินว่าสิ่งนั้นดี สิ่งนั้นไม่ดี แต่ถึงที่สุดอะไรดีไม่ดีจริง (ไม่มี แต่เราต้องพยายามยอมรับให้ได้)  ถ้ายังพยายามแปลว่าเรายังยึดติด แต่ถ้าเข้าใจความเป็นจริงจะไม่ยึดติด เพราะทุกสิ่งธรรมดาล้วนเป็นเช่นนั้นเอง แต่ที่ยังยึดติดก็เพราะว่า เมื่อเรายึดติดเราก็ตัดสิน เมื่อตัดสินก็จะมีดีมีร้ายมีทุกข์มีสุข จะหนีไม่พ้นวิบากกรรมที่เรียกว่ากรรมดีกรรมชั่ว แต่ถ้าเมื่อใดที่ศิษย์เห็นอะไรแล้วไม่ตัดสิน ยอมรับความเป็นจริง ว่าเขาจะแย่ขนาดไหนก็ไม่ใช่ไม่มีดี เขาจะดีขนาดไหนก็ไม่ใช่ไม่มีแย่ ฉะนั้นเมื่อเข้าใจทั้งดีและแย่ เราจะรู้สึกอะไรก็เฉย ไม่ใช่อยู่เฉยๆ นะ แต่เห็นชัดเจนจนไม่ได้ยึดติดว่าเขาจะต้องดีหรือไม่ดี ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง เพราะเห็นชัดแล้ว (อย่ายึดติดยึดมั่น) ใช่ อย่ายึดติดยึดมั่นไม่น่ากลัวเท่ากับอย่าพยายามเห็นอะไรแล้วชอบตัดสิน เชื่อไหมว่าเราเห็นอะไรปุ๊บใจเราคิดแล้ว แบบนี้ไม่เอา แบบนี้เอา จริงไหม แล้วเราสามารถรู้ทันแล้วสามารถหยุดได้ไหม ว่าแบบนี้เอาก็ได้ แบบนี้เอาก็ดี หรือแบบนี้ไม่เอาก็ได้ ไม่เอาก็ดี นี้ล่ะเรียกว่ารู้ทันใจจนสามารถหยุดกิเลสและไม่ก่อกรรมใหม่
อาจารย์บอกตั้งแต่แรก กิเลสมามันก็มาจากดี ใช่ไหม แล้วเมื่อดี ตัณหามันก็เกิดแล้ว เมื่อตัณหาเกิดมันก็ตามมาด้วย โลภ โกรธ หลง และเราก็ไม่จบสิ้นคือวิบากกรรม ถ้าชั่วขณะ เห็นอะไรเราก็ เข้าใจ รู้ทันมันจะมีกรรมต่อไหม (ไม่มี)  ฉะนั้นสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่คนอื่น แต่สิ่งที่น่ากลัวคือเรารู้ทันใจเราและเราหยุดใจเราได้ไหม หยุดใจได้ศิษย์จะได้ไม่ต้องสร้างกรรมใหม่ เมื่อกิเลสไม่เกิด กรรมไม่มี เมื่อกรรมไม่มีเราก็ใช้แค่กรรมเก่า แต่กรรมมันจะหมุนไปตามอะไร อาจารย์อยากจะบอกกรรมมันจะหมุนไปตามความเป็นคน ถ้าความเป็นคนขาดคุณธรรมกรรมมันจะมาไว ถ้าความเป็นคนดำรงคุณธรรมได้เที่ยงตรงกรรมมันจะไม่มี จริงไหม เหมือนง่ายๆ ถ้าเราเมตตาเรามีมโนธรรม เรามีสัตยธรรม ความเป็นคนเรามีครบจะมีกรรมไหม เมื่อความเป็นคนพร้อมสมบูรณ์กรรมที่เหลือก็คงจะเป็นอดีตแต่คงไม่ใช่ชาตินี้แล้ว ฉะนั้นสิ่งที่น่ากลัวของมนุษย์มันไม่ใช่ความทุกข์ที่อยู่ตรงหน้า แต่สิ่งที่น่ากลัวของมนุษย์คือว่าเราไม่เคยรู้เท่าทันใจและหยุดยั้งมันให้ได้ จริงหรือไม่ เหมือนที่เวลาเรามองอะไร เราไม่เคยมองตามจริง เรามองตามใจ รักษาระยะให้มันดีเสมอต้นเสมอปลายไม่ได้เหรอ จริงไหม ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจความเป็นจริงเราจะมองตามความจริงไม่มองตามใจ เมื่อเห็นตามจริงก็เห็นธรรม แต่ถ้าเห็นตามใจก็เห็นกิเลสและวิบากกรรม ใช่หรือไม่ (หมุนตามจริงและตามใจ)
จริงๆ อาจารย์จะบอกว่าโลกนี้บางครั้งเหมือนหมุนตามจริง แต่บางครั้งบางคนมันทำไมมันประจวบเหมาะจะทำอะไรมันก็ได้ แต่ทำไมฉันไม่ได้ จริงไหม เหมือนที่อาจารย์บอก คนบางคนเกิดมาพร้อมบุญวาสนาแต่คนบางคนเกิดมาไร้บุญไร้วาสนา คนบางคนเกิดมาทำอะไรมันก็ขึ้น ทำอะไรมันก็รวย แต่พอเราทำมันจนๆ ขาดทุน ป่นปี้ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นเพราะอะไรก็ต้องหันกลับไปที่ตัวเราแม้เราไม่มีขอให้ขยัน แม้เราไม่ได้ก็ขอให้อดทนมีน้ำใจ รู้จักอ่อนน้อม รู้จักให้อภัย เดี๋ยวมันก็มีเดี๋ยวมันก็ได้ (ความเป็นจริงของเรา)  แล้วความเป็นจริงของเราคือตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยตอนนี้เราโชคดีหรือเราโชคไม่ดี เพราะอายุปูนนี้แล้วยังแข็งแรงอีก  ใช่ไหม ดีมาก โชคดีแล้วนะ รักษาบุญวาสนา ยิ้มเก่งๆ ทำบุญเยอะๆ มีน้ำใจกับคนเยอะๆ ศิษย์เอย อาจารย์ถามคนที่นั่งกระซิบ อาจารย์ถามหน่อย โลกหมุนตามจริงหรือโลกหมุนตามใจ (หมุนตามจริง)  แต่บางครั้งก็เหมือนหมุนตามใจใคร ถ้าอยากเรียนรู้ที่จะเข้าใจธรรมะ จงกล้าที่จะวางความคิดตนและยอมรับความคิดผู้อื่นหรือจงกล้าที่จะวางความคิดตนและยอมรับความจริง ใช่ไหม
มีใครอยากตอบอาจารย์บ้างไหมฝ่ายชาย (เห็นตามความเป็นจริง)  ความเป็นจริงก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ ความจริงบางครั้งไม่ตามใจ ฉะนั้นเมื่อเจอสิ่งที่ไม่ตามใจเราจะโกรธไหม (ไม่โกรธ,ความจริงหมุนไปตามโลก)  อาจารย์บอกว่า โลกหมุนไปตามจริง แต่ศิษย์ท่านนี้บอกว่า ความจริงหมุนไปตามโลก ศิษย์ช่วยอาจารย์คิดหน่อยว่า เขาพูดถูกหรือพูดผิด (ถูก)  ความจริงหมุนไปตามโลกถูกไหม (สัจธรรมของโลกคือเกิดแก่เจ็บตาย คุณความดี แต่ละคนมีความทุกข์ ความสุขเกิดจากตา หู ลิ้น กายใจ คนเราจะปล่อยวางได้ก็คือเมตตา มุทิตา อุเบกขา)  ศิษย์เอ๋ยพยายามเมตตา มุทิตา อุเบกขาก็ไม่พอ วางไม่ลง (แล้วต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา)  ศีล สมาธิ ปัญญา มีทั้งสามอย่าง เมตตา มุทิตา อุเบกขา บางทีก็วางไม่ลงถ้าไม่รู้จักพอ มันไม่ยากหรอกถ้ารู้จักพอสักที ไม่พอก็ไม่เคยได้ดี ถ้าชีวิตเจออย่างนี้ ศิษย์จะทนไหวไหมหนอ
(โลกหมุนไปตามใจ)  ตามใจได้ใช่ไหม แล้วศิษย์คิดว่า ศิษย์จะฝืนตามใจตัวเองได้นานแค่ไหน สักวันหนึ่งมันต้องกลับมาพบความจริง        ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนนี้เรามีแรงหมุนตามใจได้ แต่สักวันหนึ่งศิษย์ก็หนีไม่พ้นความเป็นจริง ฉะนั้นอย่าลืมนะ ความจริงที่หนีไม่พ้นก็คือ เราจะเอาชนะทุกข์ได้อย่างไร เราจะฟันฝ่ากิเลสได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่เคยคิดจะมีธรรมะอยู่ในใจจริงไหม (จริง,ถ้าเราเข้าใจความจริง โลกก็จะหมุนตามใจเราได้)  ตอบได้ดี ปรบมือหน่อย เหมือนอากาศร้อนแต่ศิษย์ดันใส่เสื้อหนาวอย่างนี้เรียกว่าอะไร (ไม่เข้าใจความจริง)
ศิษย์เอยศิษย์คนที่กำลังจะไปเป็นคนที่รับราชการ อาจารย์ขอฝากเตือนไว้อย่างหนึ่งนะศิษย์เอย เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ศิษย์ได้มันคือของประชาชน ฉะนั้นถ้าศิษย์ไม่สามารถรักษาหน้าที่ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ ศิษย์ก็จะเป็นคนที่เป็นขี้ข้าประชาชน และติดหนี้ประชาชน เงินหนึ่งบาทของศิษย์เท่ากับภาษีของประชาชนประเทศไทยทั้งประเทศ แต่บาปกรรมจะหนักกว่าคนอื่นเพราะจะเท่ากับจำนวนของประชาชนทั้งประเทศ แต่ถ้าศิษย์ถือความซื่อตรงรับผิดชอบ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดดูแลทุกข์สุขประชาชนได้ดี ศิษย์จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเพราะเขาถือว่าเป็นคนของประเทศ คนจีนโบราณใครที่ทำงานให้ข้าราชการ ใครที่ทำงานให้ประชาชน เขาถือว่าเป็นคนที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีเทพคุ้มครอง ฉะนั้นเทพอยู่ห่างไม่เท่าไหร่ มารก็อยู่ห่างไม่เท่าไหร่เหมือนกัน ศิษย์อยากเอาเทพหรือเอามาร (เทพ)  ตัวอย่างที่ดีและตัวอย่างที่ไม่ดี มีให้เห็นอยู่ที่ศิษย์เลือกเอา ฉะนั้นจะเป็นขี้ข้าประชาชน หรือจะเป็นคนของประชาชนที่ประชาชนรักหรือจะเป็นหนี้ประชาชนอยู่ที่ตัวศิษย์ดำเนินชีวิต จริงไหม คนอื่นเขาหาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เขาจะทำอะไรมันก็แค่บุญบาปของเขาแค่นั้นแต่ศิษย์หาด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงคนทั้งประเทศ ฉะนั้นผิดนิดหนึ่งมันไม่ใช่บาปแค่หนึ่งเดียวแต่มันบาปเท่ากับคนทั้งประเทศ จริงไหม อาจารย์พูดเกินไปไหม อาจารย์พูดโกหกไหม ฉะนั้นอยากมีเทพคุ้มครองก็จงรักษาความซื่อตรงให้ศักดิ์สิทธิ์ จริงไหม
 (พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “วางได้ใจเบา”)
ศิษย์เอย เราทุกข์เพราะความคิดยึดติดแต่เราสามารถวางความคิดได้ใจเราก็โล่งโปร่งเบา จริงไหม แต่ถ้าวางความคิดไม่ได้เราก็หนักอึ้ง จริงไหม อาจารย์มานานแล้วเบื่อไหม อาจารย์ขอกลับได้ไหม
ร้องเพลงส่งอาจารย์ดีไหม (ดี)  จริงๆ อาจารย์ยังมีธรรมะมากมายอยากจะพูดกับศิษย์ ธรรมะไม่ใช่สอนให้ศิษย์แค่เป็นคนดีแล้วเกลียดคนชั่ว แต่ธรรมะสอนให้ศิษย์รู้จักนำพาตัวเอง เอาความดีไปช่วยผู้อื่น แล้วไม่เอาความชั่วไปตัดสินว่าใคร ธรรมะสอนให้เรารู้จักย้อนมองส่องตน ตรวจสอบตัวเองก่อนที่จะไปว่าคนอื่น เพราะเมื่อไรที่ว่าคนอื่น ศิษย์เคยได้ยินคำว่า   ผีเห็นผีไหม (เคย)  ว่าเขาน่าเกลียดแปลว่าเรานั่นล่ะน่าเกลียด ใช่ไหม ว่าเขาร้ายแปลว่าเรานั่นเองร้าย ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นคนที่ปฏิบัติธรรมจึงรู้จักย้อนมองส่องตน ไม่ตรวจสอบไม่ว่าใคร ได้หรือไม่ (ได้)
จำไว้อีกอย่างหนึ่งนะศิษย์ ชีวิตมีทางเลือกเสมอ อย่าบอกว่าไม่มีทางเลือก แต่อย่าเลือกเอาแต่ตามใจตัวเอง จงเลือกที่จะวางความคิดตัวเอง แล้วมองความจริง และเราจะพบความสุข เพราะถ้าทุกคนตามใจตัวเองเราจะไม่มีวันพบสุข จริงไหม (จริง)  เพราะคนในโลกนี้ไม่ขาดก็เกิน ใช่ไหม (ใช่)  อยากให้พอดีมีไหม (ไม่มี)  อยากให้ก้าวหน้าดีอีกนิดหนึ่งเขาก็ย่ำอยู่กับที่ จริงไหม (จริง)  อยากให้เขาย่ำอยู่กับที่เขาก็เอาแต่ถอยหลังลงคลอง      จริงไหม (จริง)  แล้วเราทำอย่างไรได้ เราก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วทำใจ จริงไหม เหมือนทำแล้วอยากได้กำไรแต่ดันขาดทุน เราก็ได้แต่ทำใจ ศิษย์จำไว้นะปัจจุบันนี้ เรื่องราวในโลกล้วนน่ากลัวยิ่งขึ้น ฉะนั้นอย่าขายของหรือทำอะไรเพียงเพื่อหาเงิน แต่จงขายของเพียงเพื่ออยู่ได้ ปลูกต้นไม้ทำอะไรก็ตามจงปลูกเพื่ออยู่ได้ ไม่ใช่ปลูกเพื่อหาเงิน เพราะไม่เช่นนั้นศิษย์จะตาย เป็นสิ่งที่อาจารย์อยากบอก เพราะอนาคตไม่มีใครเดาได้ ฉะนั้นอย่าหวังเพียงเพื่อหาเงิน แต่จงหวังเพียงแค่อยู่
 (นักเรียนในชั้นร้องเพลงส่งพระอาจารย์ พระอาจารย์เสด็จลงมาเมตตาผู้ร่วมฟัง)
อาจารย์อยากให้กำลังใจ อยากให้รู้จักพูด อยากให้รู้จักคิด เหนื่อยไหม ไม่เหนื่อยนะ ศิษย์เอย ให้อาจารย์ตบหัวแต่ถึงเวลาก็ลืมอาจารย์      ให้อาจารย์ให้พรแต่ถึงเวลาก็ทำนิสัยดื้อเหมือนเดิมแล้วอย่างนี้มันจะช่วยอะไรได้ จริงไหม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์คือนิสัยความเคยชินที่ไม่ยอมแก้ ใช่ไหม ศิษย์เอยเวลามีน้อยแล้วนะ ถึงเวลาบอกกับตัวเองสังขารคืนสู่ดินจิตขอคืนสู่ฟ้าอะไรๆ ก็ไม่เอาแล้วเพราะทำได้ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้ายังทำไม่ดีที่สุดจงรู้จักปลดปลงปล่อยวาง ยึดบุญมันก็ทำให้เรากลับต้องไปเสวยบุญแล้วเราก็ต้องกลับมาเวียนว่าย แต่ถ้าบาปไม่ยึดเลย บาปไม่ทำ บุญสร้างแต่ไม่ยึดมันก็จะทำให้กลายเป็นกุศล กุศลช่วยชำระล้างกิเลสและความเป็นอัตตาตัวตน จะชำระล้างได้อย่างไรล่ะ ก็เมื่อทำแล้วสามารถกระชากตัวตนออกไปได้ กระชากนิสัยความเคยชินออกไปได้ ฉะนั้นศิษย์จงรู้จักควบคุมตัวเองให้ดี ถ้าทำอะไรแล้วสามารถปลดปลงตัวเองได้ ทำอะไรแล้วสามารถละลายกิเลสได้ สิ่งนั้นเรียกว่ากุศล สิ่งนั้นเรียกว่าทางบุญ แต่ถ้าทำแล้วยังยึดติดยังยึดมั่นยังหลง อย่างนั้นเรียกว่าบุญอันไม่บริสุทธิ์
ฟังอาจารย์เยอะแล้วจริงๆ คงไม่อยากได้ยินอาจารย์พูดหรอก คงอยากให้อาจารย์ตบหัวแล้วหายทุกข์หายโศกแล้วแข็งแรงๆ ใช่ไหม ตบแล้วตบอีกแต่ถึงเวลาก็ลืมอาจารย์ได้ลงคอ ถ้าไม่รู้จักปลดปลงไม่รู้จักปล่อยวาง แล้วจะวางโลกใบนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่รู้จักเสียสละมาฟังธรรมแล้วศิษย์จะสร้างกุศลอะไร ชีวิตถึงที่สุดต้องคืนสู่ธรรม ทำให้ศิษย์คืนสู่ธรรมได้ จงรู้จักสละให้ จงรู้จักที่จะช่วยเหลือ จงรู้จักที่จะไม่กลัวลำบาก ถูกไหม ความทุกข์ในโลกนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว จริงไหม
มัวแต่ติดโทรศัพท์จนลืมยิ้มไปหรือไม่ในชีวิต ติดโทรศัพท์จนลืมพูดคำว่าขอบคุณ หรือยิ้มแย้มให้กับคนที่ดีกับเราหรือเปล่า ตั้งใจช่วยเหลือคนให้ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตหนึ่งเราจะทำได้ เมื่อถึงวันหนึ่งเราต้องจากไป เราก็จะไม่กลัวความเจ็บ ไม่กลัวความตาย เพราะทำดีที่สุดแล้ว เพราะเต็มที่แล้ว แม้ใครจะว่า แม้ใครจะด่าทอให้เจ็บปวด แต่จิตใจที่ดีงามยังรักษาเอาไว้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จิตใจที่อยากช่วยคนมั่นคงอยู่อย่างนั้น ต้องลงแรงให้เยอะหน่อย ลงแรงไม่อยากเลยใช่ไหม แค่ให้โอกาสตัวเองในการยื่นมือช่วยคน แค่ไม่นิ่งดูดายเมื่อคนเดือดร้อน
ในจิตใจตั้งใจบำเพ็ญนะ บางครั้งมันก็คือกรรมที่เราสร้างชดใช้ไป มุ่งมั่นทำสิ่งที่ดีแม้อะไรจะเกิดขึ้น ศิษย์เอยอาจารย์ไม่เคยทิ้งศิษย์ขอเพียงศิษย์ศรัทธาในความถูกต้อง ศรัทธาเชื่อมั่นในความดี ความศรัทธานั้นแหละจะคุ้มครองศิษย์ แต่กลัวศิษย์เจอปัญหานิด ก็สิ้นศรัทธา เจอเรื่องนิดหน่อยก็หมดศรัทธาแล้วอะไรจะช่วยศิษย์ได้ ในเมื่อความดีศิษย์ยังสิ้นศรัทธา ฉะนั้นเชื่อมั่น ศรัทธาในความดีของตัวเอง ทำเพื่อลดละกิเลส ทำเพื่อช่วยผู้คน ถ้าทำแล้วช่วยคน ทำแล้ววางกิเลส ตัดกิเลสได้ ช่วยไปเถิด จริงไหม เพราะกิเลสทำให้เรามีกรรม เพราะมีกรรมจึงทำให้เกิดการเวียนว่ายไม่จบสิ้น แต่ถ้าสิ่งไหนทำให้เราสิ้นกิเลส สิ้นกรรม ทำไมไม่ทำกัน แค่ยั้งใจตัวเองให้ได้ หยุดใจตัวเองให้ได้ เสียสละให้มากๆ ลดอัตตาตัวตนให้เยอะๆ พูดแต่สิ่งที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดี ได้ไหม
เข้มแข็งนะ ทำให้ได้นะ มุ่งมั่นทำสิ่งที่ดีเพื่อคนข้างหลัง ดีสมกับที่อาจารย์ควรจะให้กำลังใจหรือยัง (ยัง)  คงต้องลาจากศิษย์แล้วนะ รักษาความเป็นคนให้มีคุณธรรมพร้อมสมบูรณ์ การบำเพ็ญธรรมก็ไม่ใช่เรื่องยาก อย่าไปผิดทางนะ ศิษย์เอยอาจารย์คงต้องไปแล้ว ทางมีให้เลือกเดินนะศิษย์ ทางที่นำพาให้พ้นทุกข์ ขอแค่เพียงศิษย์ทำดีไม่ยึดติด ความชั่วไม่ทำเลยดีที่สุด ไม่ต้องเป็นคนดีที่สุด แต่เป็นคนไม่เคยทำชั่วที่สุด นั่นแหละลูกศิษย์อาจารย์จริงไหม (จริง)  ไม่ต้องดีที่สุด ขอเพียงอะไรที่ชั่วศิษย์ก็ไม่ทำ นั่นแหละลูกศิษย์อาจารย์ ดีแค่ไหน แต่ชั่วยังละไม่ได้มันไม่มีหรอกศิษย์จริงหรือไม่ (จริง)  ความเป็นคนยังไม่สมบูรณ์แล้วศิษย์จะบำเพ็ญธรรมได้อย่างไร เมตตาก็ยังไม่มี มโนธรรมสำนึกที่รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาปก็ยังไม่มี มีสัมมาคารวะต่อผู้อื่นก็ไม่มี แล้วเราจะเป็นคนที่ดีได้อย่างไร ฉะนั้นปฏิบัติธรรมเริ่มต้นที่ตัวเรา เมตตาคนไหม เมตตาผู้อื่นไหม รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาปไหม เป็นคนที่พูดแล้วทำได้อย่างที่พูดได้ไหม เป็นคนที่รู้จักทำ รู้จักคิดอย่างคนที่ใช้ธรรม มีปัญญาไหม ถ้าทำได้ปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าความเป็นคนยังไม่สมบูรณ์ ศิษย์ไม่มีทางมีธรรมได้สมบูรณ์จริงหรือไม่
ศิษย์ทุกคนมีหน้าที่ อาจารย์ไม่เคยบอกว่าบำเพ็ญธรรมให้ทิ้งหน้าที่ขอให้ทำหน้าทีตัวเองได้สมบูรณ์ จะปฏิบัติธรรมมันก็ไม่น่าละอายใจจริงไหม ปฏิบัติความเป็นคนได้ดีพร้อม แล้วจะไปปฏิบัติธรรม มีหรือคนจะไม่เดินตาม ฉะนั้นถ้ามุ่งปฏิบัติธรรม จำคำอาจารย์สุดท้ายก่อนจาก “เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ประพฤติปฏิบัติต่อผู้คน สมบูรณ์ในคุณธรรม ไม่รู้สึกผิดนั่นแหละสมควรแล้วกับการเป็นผู้ปฏิบัติธรรม มีเวลาที่เหลือฉุดช่วยคนด้วยหัวใจที่มีแต่ให้” จริงไหม คงไม่ยากนะ อาจารย์คงต้องไปแล้วนะ ดูแลรักษากายใจตัวเองให้ดี อาจารย์ไม่อยากร้องไห้ เพราะมันไม่มีประโยชน์ แต่อาจารย์อยากเห็นศิษย์เข้มแข็ง กล้ารับความจริง เพราะชีวิตข้างหน้าอยู่ที่วันนี้ศิษย์เลือกทำ ฉะนั้นอะไรจะเกิดอย่าโทษคนอื่น แต่จงหันกลับมามองตัวเองว่า ใช่ไม่ใช่เพราะตัวเองทำตัวเอง ขอฟ้า ขอดิน ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่สู้ขอใจตัวเองให้ซื่อตรง ยุติธรรมจริงหรือไม่ (จริง)

พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “วางได้ใจเบา”

    สิ่งใดสมบูรณ์บ้างหนา ผันเปลี่ยนทุกคราทุกสิ่ง
ครอบครองสิ่งใดได้จริง หลงวิ่งตามยึดทุกข์ใจ

    สิ่งที่หนักคือตัวตนยึดถือ ทุกข์ที่ยื้อคือความคิดติดมั่นหมาย
เพียงยอมรับความจริงทางเป็นไป ดีกว่าฝืนยื้อไว้ดั่งใจตน

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา