แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โอวาทซ้อน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โอวาทซ้อน แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รวมพระโอวาทซ้อนปี 2557





(ฉือฮุ่ย )   22-23 มีนาคม  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ย้อนมองตน”

เจ้าควรมองตนให้เป็น   เรื่องจำเป็นไม่ง่ายดาย   ใจวิ่งมาวิ่งไป  
ชอบโทษใครก่อนมองส่องตน ยิ่งมองยิ่งย้อนเข้าไป   ใจข้างในมีสิ่งน่าค้น  
เมื่อคนมากเกินหนึ่งคน   ฝึกใจอดทน   ต้องย้อนมองใจตัวเอง

(หมิงฮุย)  29-30 มีนาคม  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ลดละวาง”

เมื่อเชื่อมั่นว่าควรละ จงละให้แท้จริง ไม่ควรเปลี่ยนความตั้งใจ
ใจเบากว่าเดิมเพราะการละ การละที่แท้จริง เป็นยิ่งกว่าการละไป


 (ไท่อิน)  26-27 เมษายน  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ไร้ซึ่งตัวตน”

ไม่มีรูปแบบของจิตใจ ลักษณะนิสัยนั้นก็ว่างเปล่า
ความคิดรอบชัดโปร่งเบา ไม่เอาใดมาเป็นตน
อันตัวตนของตนนั้นไม่มี เพราะเปลี่ยนแปลงจนหาที่สุดไม่พ้น
จนกว่ารู้ธรรมจริงแท้อันสกล อยู่ในตนอันเปล่าไร้แสนธรรมดา

 (ผูถี )  3-5 พฤษภาคม  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ไม่ยึดติด”

ทุกสิ่งหมุนเวียนเปลี่ยนไป ช่วงใช้ไม่อาจครอบครอง
สิ่งใดของเจ้าเจ้าของ เกี่ยวข้องมิยึดผูกพัน
วางใจให้เป็นเห็นธรรม พบธรรมกลางความแปรผัน
แม้ตนไม่หลงหมายมั่น เมื่อนั้นไม่ยึดติดเลย

(หงหยัง)  31 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “แลไม่ผลักไส”

ไม่ยินดียินร้ายก็ไม่ผลักไส    ไม่ชอบก็ไม่ต้องชังอันใดเลย
ไม่ยึดไว้เลยไม่ต้องผลักไสเอย    ในความเฉยขอให้เป็นเช่นนี้แล
รักชอบและความเกลียดชัง    บดบังจิตใจเดิมแท้
มุ่งได้ไม่อาจแน่วแน่    เพราะแพ้ตนเองข้างใน

(เต๋อฮว่า)   14-15 มิถุนายน  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “รู้ตามจริง”

แค่รู้อย่างที่เป็นไป        ไม่ใช่อย่างอยากให้เป็น
มองตามความจริงที่เห็น        อะไรก็เช่นเดียวกัน
ดีร้ายก็ทุกข์ไม่ต่าง        เมื่อวางใจก็เรียบพลัน
ทุกสิ่งกลับสู่สามัญ        สิ่งนั้นคือธรรมนิรันดร์


 (เซิ่งเต๋อ )  21-22 มิถุนายน  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ไม่ตามใจ”

แค่มีสติตามรู้    ก่อนคุเป็นอารมณ์ฉัน
คิดเห็นก็รู้แค่นั้น    ไม่สร้างสรรค์ปรุงแต่งไป
ไม่เริ่มก็จบทันที    ความมีแค่เพียงยืมใช้
ไม่มีก็ยิ่งเข้าใจ    พบได้เมื่อเกิดปัญญา


(อิ๋งเซิ่ง)  28-29 มิถุนายน  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “รู้ธรรมรู้ทำ”

ฟังผู้คนอรรถามาก็มาก    เหมือนรู้แต่กลับยากปฏิบัติได้
ถึงว่ารู้แต่ไม่มาจากใจ    ก็ยังไกลคำว่าปฏิบัติธรรม
อย่าได้เพียงแค่ดีก็ผ่านไป    ต้องหยั่งตรองให้ถึงใจตนย้ำ
คิดพูดทำมีไหมอยู่ในธรรม    รักษาธรรมจักนำธรรมร่วมใจ

(จินจง)  5-7 กรกฎาคม  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ขาดปัญญาไม่ถึงฝั่ง”

มีปัญญาทำให้ยอมและอภัย    ทำให้ปล่อยไปแม้แต่ประโยชน์ผล
ไม่ใช่โง่ไม่เท่าทันพันเล่ห์กล    แต่รู้ตนว่ากำลังทำอะไร
รู้เท่าทันใจตัวเองดีที่สุด    ใจบริสุทธิ์ความดีย่อมทำได้ง่าย
ไม่เป็นทุกข์ในสิ่งที่เขามอบให้    เรื่องวุ่นวายจบลงที่ใจตัว
ปัญญาเกิดภายในจิตแห่งกุศล    เมื่อช่วยคนเมื่อสละความเห็นแก่ตัว
เลี้ยงชีวิตอย่าสายเกินค่อยล้อมรั้ว    จิตเมามัวเห็นฉลาดเป็นปัญญา


( ฉงเต๋อ )  25-26 ตุลาคม  2557
 พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ใช้ธรรม นำชีวิต”

วิทยาการก้าวหน้านำชีวิต จนใจจิตหาทางออกไม่พบ
ยิ่งมียิ่งไม่พอยิ่งไม่จบ แม้ดินกลบยังไม่รู้จักตัวเอง
มีชีวิตอยู่แล้วยิ่งหงุดหงิด เพราะยึดติดมองหาแต่ความเก่ง
ศีลธรรมจริยะไม่ยำเกรง คนข่มเหงกันเพราะวัดค่าด้วยเงิน

ใช้ธรรมนำชีวา ไม่บ้าคำสรรเสริญ
อยู่อย่างไม่ขาดไม่เกิน ก้าวเดินด้วยธรรมนำใจ


(หมิงอี้)  8-9 พฤศจิกายน  2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “วางใจเป็น เห็นธรรม”

    ฉลาดแม้ชั่วชีวิต    แต่สิ้นคิดชั่วขณะ
ปล่อยใจตามรู้สึกจะ    ปะทะอารมณ์นอกใน
อย่าอยากจนไม่รู้ตน    อย่าผิดจนหลงไปใหญ่
คิดทำนั้นเอาแต่ใจ    ล้วนใช้ตนทำร้ายตน
    รู้วางใจด้วยสติ    ทันรู้ที่ติดในตน
ยั้งก่อนสร้างเหตุตกผล    รู้ตนในตนก่อนทำ
วางเป็นเย็นได้สุขจริง    นิ่งตรองทุกสิ่งมีธรรม
ดีร้ายตนไม่ถลำ    ใช้ธรรมมากกว่าใช้ใจ


(หงเต้า)  5-7 ธันวาคม 2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ต้องหมั่นทบทวนตัวเอง”

    ใจดีไม่พอหลุดพ้น    ฝึกตนเหมือนจะจวนเจียน
ที่สุดก็ยังวนเวียน    คนเพียรเพียรเป็นอาจิณ
    การคิดและการทบทวนไม่เหมือนกัน    ทบทวนนั้นเป็นน้ำหยดลงหิน
หมั่นทบทวนเพื่อใจไร้ราคิน    ได้ยลยินอะไรให้ย้อนมองตน
เรื่องผิดถูกเอียงข้างใครล้วนไม่ได้    แต่เรื่องใจกุศลและอกุศล
กลับแจ่มชัดกำหนดชีวิตคน    การครองตนจึงไม่ควรเอาแต่ใจ
ยามลืมตาตนอย่าลืมไตร่ตรอง    ทุกเรื่องใช้แต่สมองย่อมไม่ได้
คนไม่ได้อยู่ลำพังอย่าลืมไป    หมั่นเอาใจเขามาใส่ใจของเรา


( หย่งชาง )  13-14 ธันวาคม 2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ใจสะอาดจิตบริสุทธิ์”

เรื่องราวของชีวิตอันหลากหลาย เรื่องมากมายเกิดขึ้นยากตั้งรับ
แต่จิตใจยังสะอาดฝุ่นไม่จับ เพราะกำราบมารในจิตทันท่วงที
ช่วงระหว่างเกิดและตายเป็นช่องว่าง เติมอะไรในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้
อันความจริงไม่อาจทำเป็นไม่มี จงเลือกทำสิ่งที่ดีไว้เป็นทุน
ผู้รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ ต้องรู้หยุดกายใจไม่หมกมุ่น
หมั่นทบทวนความผิดติดมักคุ้น แก้ไขได้เป็นคุณผู้พากเพียร

( จินเอวี๋ยน )  20-21 ธันวาคม 2557
 พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ทุกข์เพราะยึด”

ทุกข์เพราะเขาหรือเราเฝ้ายึดถือ เจ็บช้ำคือไม่อาจรับความจริงได้
ตรอมตรมเพราะไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ ไม่อาจให้ใครแก้ได้นอกจากตน
อดทนได้ยากกับความจริงอันเป็นทุกข์ คอยเปลี่ยนแปลงเคล้าคลุกให้สับสน
เริ่มและจบที่สุดอยู่ในใจตน ทุกข์สุขหรือล่วงพ้นอยู่ที่ใจ


( เจิ้งซิน )  27-28 ธันวาคม 2557
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “เย็นเพราะปลง”

ปล่อยอารมณ์ครอบงำจนขาดสติ โดนสะกิดขัดเคืองก็ลุกลามใหญ่
ง่ายพลุ่งพล่านหลงลืมตนกระแทกไป เสียทั้งตนได้ทุกข์ใจไม่คุ้มกัน
ยอมให้เป็นเย็นให้ลงนิ่งให้ได้ วางดีร้ายจึงสงบธรรมเช่นนั้น
ทุกข์เพราะยึดทาสความคิดรู้ให้ทัน สติแกร่งเมตตากันด้วยเข้าใจ


( ถงซิน )  10-11 มกราคม 2558
 พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “นิ่งเพราะวาง”

ธรรมอันเป็นเช่นนั้นแต่เดิมมา เป็นธรรมดาที่จริงแท้แต่หนไหน
เดิมไม่มีคงไม่มีของของใคร หลงยึดตนติดทุกข์ใจลืมความจริง
ที่เห็นตั้งอยู่ชั่วคราว ต่างคงไม่เที่ยงสรรพสิ่ง
ไหนร้ายหรือดีแท้จริง เมื่อนิ่งจะเห็นเป็นไป

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

โอวาทซ้อน ๒๕๕๕ ศูนย์กลางงานธรรมไท่อิน “๓๐ปีแห่งการใช้คุณธรรมกล่อมเกลาจิตใจผู้คน ใช้จริยธรรมสร้างความกลมเกลียว เป็นปึกแผ่น”



วันที่ ๑๒-๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ ศูนย์กลางงานธรรมไท่อิน กรุงเทพมหานคร
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านท่านหลี่เถียไกว่

บำเพ็ญธรรมมีจริยะอันงดงาม ปฏิบัติตามหลักธรรมอันแจ่มชัด
เมื่อจะมองก็เห็นคุณธรรมชัด เมื่อจะคัดจริยะก็งดงาม
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหลี่เถียไกว่ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานไท่อิน  แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

สถานธรรม นั้น ไม่ สำคัญ ที่ ใหญ่ เล็ก
มี หลัง เล็ก บรรยากาศ ธรรม อบ อุ่น
มี หลัง ใหญ่ ให้ สามัคคี สำนึก คุณ
สถานธรรม บ้าน เน้น การุญ บำเพ็ญ ต่อ กัน
บุคคล ซึ่ง รักษา สามัคคี ทำ ดัง นี้
ทำ ความ ดี ยาก แต่ ต้อง ขยัน
เรียน ข้อ ธรรม กว่า แจ้ง แรง สำคัญ
อภัย คง สร้าง การ มั่น สามัคคี งาม
จรรโลง ไว้ เอา ดี อย่าง องค์ พุทธะ
ตัว อย่า จริยะ แห่ง เฉียนเหยิน ทั้ง สาม ยืม “อย่า” จาก “อย่าง
อย่า จืด จาง อนุรักษ์ ธรรม มี พยายาม
ธรรม ร้อย ดวง ใจ สยาม เป็น พลัง
นิ่ง ไว้ ด้วย ต่าง แบบ ต่าง นิสัย
บำเพ็ญ ธรรม เพียร มุ่ง ใจ ตน สว่าง
ตั้ง หลัก ด้วย ชีวิต ธรรม ประสาท ทาง
ตา สว่าง ดั่ง ฟื้น คืน จาก มรณา
จิต เมื่อ ฟื้น เมื่อ ตื่น ภาระ คอย
อย่า หนี ถอย ไม่ หน่าย เข้า อาสา
ฟื้น ฟู แล้ว ต้อง ปฏิบัติ ด้วย ปัญญา
บำเพ็ญ เต็ม โต เติบ กล้า สละ โลก
ปัญญา อัน ควร ที่ รู้ แยก แยะ
หาก แกร็น แคระ อย่า หมาย ได้ วิโมกข์
สวย นอก แต่ กลวง ใน ใฝ่ บริโภค
คือ งาม ดี ใน โลก สมัย นี้
จง ศึกษา อดีต เพื่อ สร้าง อนาคต ใกล้
สบาย หมด สะดวก ใหม่ เรียน ทุก ที่
จับ จด มัก ง่าย จึง เสีย ที ยืม “จง” จาก “จึง”
ผ่อน อ่อน แข็ง ไว้ ดี บังเกิด คุณ
คน บำเพ็ญ รู้ ปรับ ตัว ต่าง วาระ
คน ทุก คน ใช้ ธรรมะ เป็น กระสุน
บำเพ็ญ ไม่ มี ใคร เลย ขาด ทุน
ปล่อย สำคัญ ไม่ วุ่น เป็น อารมณ์ ยืม “วง” จาก “วาง”
งาน ธรรม อัน ยาว นาน ผ่าน มนุษย์ ยืม “ธรรม” จาก “ธรรมะ”
พระ วิสุทธิ์ การ ชี้ ใจ เจ้า อาศรม
บำเพ็ญ นาน รู้สึก ปลอด โปร่ง ใส กลม
เตือน แล พุทธบุตร ภัย ระงม เร่ง บำเพ็ญ
ขยาย กว้าง ไกล ดั่ง ไร้ เขต คาม
สถิต อยู่ แห่ง ธรรม ใน ใจ เห็น
ทุก บ้าน แสง สัจ จะ จาก ผู้ บำเพ็ญ ยืม “จะ” จาก “สัจจะ”
ธรรมะ อาบ ดวง ญาณ เย็น สงบ สบาย
บำเรอ อิ่ม สู่ เมื่อ ปวด โรค เบียดเบียน ยืม “เมื่อ” จาก “เมื่อย”
คน เกษียณ ทำ ใจ ไม่ เคย ได้
เป็น คน ทุก ข์ ทุก ข์ ทำ ให้ เข้าใจ
บำเพ็ญ วัน อุทัย ธรรม ใช่ เพียง วัน
สละ พลี ชีวิต เพื่อ ปณิธาน สูง ล้ำ
ทว่า กลับ ได้ ธรรม ท่าม กลาง นั้น
จาก เบื้อง บน เพื่อ ช่วย พระ ศรีอาริย์
ปัจจุบัน ยอม อด ทน ฝึก จิต ใจ
บำเพ็ญ ไม่ ญาณ เหมือน ของ ที่ คว่ำ
ต้อง ตก ต่ำ อยู่ ใน โลกีย์ วิสัย
ลืม ประจำ ไม่ รู้ ก็ บ่อย ไป
พูด แต่ ใช่ ใช่ แล้ว ไม่ กระทำ
มนุษย์ ก็ มี กรรม นั่ง รอ โชค
คน ถูก โลก ลืม เพราะ น้ำใจ ดำ
คน ถูก โลก จำ เพราะ น้ำใจ งาม
สำนึก ตัว รู้ รีบ ทำ กุศล มูล
สร้าง คุณ ธรรม ตะวัน แห่ง ธรรม สว่าง
แต่ เปรียบ ดั่ง ดวง ตา อัน อบอุ่น
บำเพ็ญ กอปร ด้วย จริยา บวก เป็น คูณ
ด้วย จันทร์ นวล คือ สมบูรณ์ แห่ง ตะวัน
อวด ฉลาด สาด รู้ ทำ ยุ ยั่ว
ใต้ แสง ทั่ว หาก เป็น ต้อง ประสาน
ไม่ รู้ ช่าง น่า สงสาร น่า สงสาร
ฉลาด นั้น ไม่ กลัว กลัว ไร้ กฎเกณฑ์
ฝึก ตัว ใจ ตาม ตัว การ อนุสัย
กระทั่ง ใน ที่ สุด อสูร กาย เผ่น
ตัด กิเลส บำเพ็ญ ลุ ติด โคลน เลน
บำเพ็ญ ต้อง ตลอด จน ชัด ใจ เบิกบาน ยืม “จน” ใน “เจน”
ปัญญา ขาด จะ ล่วง หน้า ปัญหา หน่วง
บ้าง ผิด ช่วง ปฏิบัติ ได้ ไม่ ขยัน
ได้ ทิ้ง บ้าง ทำ ส่ง ส่ง เหมือนกัน
แสง เทียน ต่อ เนื่อง นั้น เทียน สมบูรณ์
มนุษย์ คือ แสง ไม่ ขาด ยิ่ง กว่า
เทียน ยอม ไฟ ขาด ศรัทธา อุดมการณ์ สูญ
บำเพ็ญ ยอม เท ทุ่ม ใช่ เพื่อ สมบูรณ์
ชีวิต ไหม้ ไร้ อัตตา คูณ คืน ประจิม
ทั้ง โลก ลุก ไหม้ ด้วย ไฟ กิเลส
ใจ ดั่ง เปรต บริโภค ไม่ เคย อิ่ม
บำเพ็ญ ละ หลง โลภ โกรธ แทง ทิ่ม
แต่ สนิม หงุดหงิด ใจ เหมือน วัย ทอง
อัน จริยะ คือ ราก ฐาน สังคม พระ
อัน จริยะ คือ ราก ฐาน ของ ปรองดอง
ผู้ แสดง จริยะ อาศัย จริยะ มา มอง
ปกครอง อารมณ์ ได้ เหมาะ หนา เป็น จริยะ
จริยะ เป็น รื่ มา ประพฤติ ใน ธรรม
ไร้ มือ ควบ คุม ธรรมะ แห่ง พุทธะ
ลืม นา แล้ว แม้ หน้า แห่ง อริยะ ยืม “นา” จาก “นาน
วิริยะ หาก ขาด ก้าว ก็ เจอ กระดูก
กระทำ ถูก วาย วุ่น ยึด ติด แล
ถูก ต้อง แต่ ไร้ คุณธรรม ไม่ ถูก
อัน มารยาท ตรง แต่ มารยาท ไม่ ถูก
ธรรม ขาด จริง ไม่ ถูก ใน บัดดล
ผ่าน บ่ม เพาะ เสนาะ ใน ความ ว่าง
คน กระด้าง ดี แต่ พูด ไม่ สน
ระอา ไหม มารยาท ไม่ มี ใน คน
พิสูจน์ ได้ ใจ คน ที่ มี ธรรม
พูด ทำ จาก ใด ใด ใน สมอง
ฉะนั้น ต้อง อย่า ปล่อย ใจ จม น้ำ
ยิ่ง จริยะ เรียก ไร้ คน มี ประจำ
ใคร ว่า บำเพ็ญ ธรรม นั่ง เกี้ยว ไป
แน่ หรือ นภา ไกล นัยน์ ตา สบ
มอง ยาก บรรจบ พิภพ หรือ ที่ ใกล้
ไร้ ธารา ไฟ โหม หรือ ดับ ไป
เกิด ยาก ดับ ย้ำ คน ใน พิจารณา
ภูมิ ธรรม มี ต่าง กัน ต้อง พยายาม
การ กระทำ และ นิสัย หัด ให้ ช้า
พูด ทำ ให้ เจ็บ เขา รู้สึก ล้า
ร่วม ใจ ประสาน ยาก ถ้า สมอง มึน
ใน การ อยู่ ร่วม ต้อง ใจ เย็น
เพราะ ไม่ สมบูรณ์ บำเพ็ญ จึง เกิด ขึ้น
ธรรม รู้ เรียน ต้อง ปฏิบัติ เข้าใจ ขึ้น
ไม่ เมา มึน ทิฐิ ติ ว่า คน
อภัย ซึ่ง กัน วาง ตัว เอง ลง
มี หลง ด้วย กัน ขับ เคี่ยว ข้น
วิญญู ใช้ ธรรม คุณ เครื่อง หมาย ตน
คุณ ธรรม หนุน เนื่อง คน รัก อภัย
ติด นำ ติด จริยะ ติด บ่น ว่า
ติด อัตตา ยาก ออก จาก โคลน วิสัย
จริยะ จาก ใจ การุณ ก็ จาก ใจ
อัน มารยาท เพียง ใช้ ย่อม ได้ คืน
จริยะ ย่อม ขาด ไป เพราะ ไม่ สละ
ผล สมบูรณ์ แห่ง จริยะ ใจ ร่ม รื่น
ขจัด หยาบ ออก ไป เพื่อ ฟู ฟื้น
จิต แสดง ชัด การ ตื่น แห่ง ปัญญา
อะไร บ่ง บอก ซึ่ง ใคร ฝึก พุทธะ
มี จริยะ การ ตัด กิเลส การ ศึกษา
ชีวิต สิ้น จะ บอก ใคร คืน สุทธา ยืม “สิน” ใน “สิ้น”
ชีวิต ลึก ธรรม คุณ ล่า ช้า สำแดง
โกรธ เพียง ใด ย่อม บ่ง กำลัง สติ
สามัคคี การ อยู่ ร่วม บอก ความ แกร่ง
สง่า ใด เพียง บำเพ็ญ อย่า เหี่ยว แห้ง
ทุก ทุก เรื่อง บอก แจง ตัว บุคคล
สุข สงบ ทาง บำเพ็ญ ไป ได้ ดี
ตาม สภาวะ ใจ ที่ ควร เป็น กุศล
ใจ วุ่น วาย แม้ บำเพ็ญ ก็ พิกล
เมื่อ รู้ ตน รีบ เปลี่ยน คืน กตญาณ
รวม คน เป็น ปึก แผ่น ด้วย ศรัทธา
อาศัย ร่วม ด้วย แผ่น ฟ้า ดิน ประสาน
ร่วม อุดม สมบูรณ์ ใน แนว ทาง ญาณ
ประสบ การณ์ ร่วม เชี่ยว ชาญ ร่วม บำเพ็ญ
จ้อง อุปสรรค เห็น ความ จริง ร่วม แก้ไข
ใช้ ฝี มือ อย่าง ใจ มลาย เข็ญ
ความ สามารถ คัด จาก ปัญญา ผู้ บำเพ็ญ
ใจ คน เย็น ใจ ธรรม เย็น อิทธิบาท
ไม่ บำเพ็ญ ไม่ สร้าง บารมี ชาติ ก่อน
อนาทร มาก กว่า เขา ที่ หลัก สมบัติ
แต่ เสมอ กัน คน ปัจจุบัน เรื่อง โอกาส
ก้าง คอ ถูก จำกัด อย่า หยุด ยืม “วง” จาก “ขวาง
ต้อง การ ธรรม มาก กว่า เหล่า อาหาร
เพราะ คน หนอ มี อาการ เมา สมุทร
คน ส่งเสริม ต่ำ สูง เงิน ทอง สมมุติ
อยู่ ร่วม กัน แย้ง ฉุด ตลอด เวลา
ดำรง ด้วย ธรรม เป็น ประจำ ทุก วัน
ไม่ ไร้ กัน อภัย นำ หมด ปัญหา
เงิน ติด ตัว ไป ใจ ติด ปัญญา
คน ต่าง กรรม ต่าง วาระ ปณิธาน เดียว
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท
๓๐ปีแห่งการใช้คุณธรรมกล่อมเกลาจิตใจผู้คน
ใช้จริยธรรมสร้างความกลมเกลียว เป็นปึกแผ่น
บ้านหลังเล็กให้เน้นสามัคคี รักษาซึ่งความดียากกว่าการสร้าง
คงข้อดีเอาไว้อย่าจืดจาง อนุรักษ์ธรรมอย่างเฉียนเหยินมี
ร้อยดวงใจไว้ด้วยต่างมุ่งเพียรธรรม ชีวิตฟื้นด้วยหลักธรรมไม่ถอยหนี
เมื่อฟื้นฟูแล้วต้องเติบโตเต็มที่ อย่าแคระแกร็นนอกงามดีแต่กลวงใน
ศึกษาอดีตเพื่อสร้างอนาคต สมัยใหม่สะดวกหมดจดมักง่าย
จงเรียนรู้อ่อนแข็งไว้ปรับใช้ คนทุกคนไม่มีใครไม่สำคัญ
วงการธรรมอันยาวนานแลกว้างไกล พุทธบุตรรู้สึกปลอดภัยดั่งอยู่บ้าน
แสงแห่งธรรมจะอาบอิ่มสู่ดวงญาณ เมื่อทุกคนทำทุกวันอุทัยธรรม
พลีชีวิตเพื่อธรรมได้กลับเบื้องบน ยอมอดทนเพื่อฝึกญาณไม่ตกต่ำ
อยู่เหมือนใช่แต่ไม่ใช่ก็มีกรรม ถูกโลกลืมถูกโลกจำรีบรู้ตัว
คุณธรรมเปรียบดั่งดวงตะวัน จริยาคือนวลจันทร์สาดแสงทั่ว
หากรู้ทำเป็นไม่รู้ช่างน่ากลัว ตามใจตัวในที่สุดอสูรกาย
การบำเพ็ญต้องตลอดจนลุล่วง จะขาดช่วงทิ้งบ้างทำบ้างได้ไม่
ส่งแสงเทียนต่อเนื่องไม่ขาดไฟ ยอมทุ่มเทยอมลุกไหม้ไร้อัตตา
จริยะคือรากฐานของสังคม อาศัยจริยะแสดงอารมณ์ได้เหมาะหนา
จริยะคือมือควบคุมหมายนา หากขาดแล้วแม้ก้าวหน้าก็วุ่นวาย
ถูกต้องแต่ไร้มารยาทขาดบ่มเพาะ จริงตรงแต่ไม่เสนาะกระด้างไหม
มารยาทดีแต่ไม่ได้ทำจากใจ คนใดไร้จริยะอย่าเรียกว่าบำเพ็ญธรรม
หรือนภายากบรรจบพิภพไกล หรือธารายากดับไฟโหมย้ำ
หรือคนต่างนิสัยและกระทำ ยากประสานใจทำให้สมบูรณ์
การอยู่ร่วมบำเพ็ญต้องเรียนรู้ซึ่งกัน วางทิฐิกันคุณธรรมใช้จริยะนำหนุน
ติดอัตตายากออกจากใจการุณ ใช้เพียงมารยาทย่อมขาดสมบูรณ์แห่งจริยะไป
การแสดงออกชัดบ่งบอกซึ่งจริยะ การตัดสินจะบอกคุณธรรมลึกเพียงใด
การอยู่ร่วมย่อมบ่งบอกบำเพ็ญเพียงใด ทุกเรื่องบอกสภาวะใจที่บำเพ็ญ
คนเป็นปึกแผ่นด้วยร่วมอุดมการณ์ ร่วมเชี่ยวชาญร่วมแนวทางร่วมความเห็น
อุปสรรคคัดฝีมืออย่างใจเย็น คนบำเพ็ญมากกว่าเขาที่หลักธรรม
บารมีเสมอกันคนถูกคอ วงการธรรมมากคนหนอมีสูงต่ำ
ส่งเสริมกันด้วยธรรมเป็นประจำ อภัยกันไร้กรรมติดตัวไป



หมายเหตุ พระโอวาทซ้อนพระโอวาทแต่ละที่ที่นำมาต่อกัน
๓๐ปีแห่งการ ประชุมธรรม ศูนย์กลางงานธรรมไท่อิน กรุงเทพฯ วันที่ ๑๗-๑๘ มีนาคม ๒๕๕๕
ใช้คุณธรรม ประชุมธรรม สถานธรรมอิ๋งเซิ่ง จ.อุตรดิตถ์ วันที่ ๑๗-๑๘ มีนาคม ๒๕๕๕
กล่อมเกลาจิตใจผู้คน ประชุมธรรม สถานธรรมฉือฮุ่ย ต.จันดี จ.นครศรีธรรมราช วันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕
ใช้จริยธรรม ประชุมธรรม สถานธรรมหมิงฮุย จ.ลพบุรี วันที่ ๓๑ มีนาคม – ๑ เมษายน ๒๕๕๕
สร้างความกลมเกลียว ประชุมธรรม สถานธรรมผูถี จ.พิษณุโลก วันที่ ๒๘-๒๙ เมษายน ๒๕๕๕

เป็นปึกแผ่น ประชุมธรรม สถานธรรมเซิ่งเต๋อ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ วันที่ ๕-๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา