西元二○一九年歲次己亥十一月初五日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒ สถานธรรมหมิงอี้ จ.ตาก
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี
เมื่อเริ่มต้นก็ต้องไปให้ถึงสุด อย่าเดินเดินหยุดหยุดหมดความหมาย
เมื่อเข้าใจก็ต้องเดินให้ถึงชัย ความลำบากคัดคนให้ใครเก่งจริง
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก น้อมกายกราบอัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านเกษมสำราญฤๅ
ตามรอยเท้าแห่งอริยาแนบสนิท หมุนชีวิตแห่งกงล้อบาปบุญเคลื่อน
ประสบการณ์ล้วนแล้วเป็นเครื่องเตือน ไว้เป็นประกันเหมือนสัจธรรมความจริง
ความเหงาเศร้าอันวิเวกน่าสะพรึง เหงาที่หนึ่งเป็นหนีหลีกสรรพสิ่ง
ปกติคงไว้ยากมีใครนิ่ง แยกแยะความสิ่งสิ่งนั้นอะไร
ถือสาจริงได้ทุกข์เองนั้นสนอง วัฏจักรล้วนต้องเป็นไปเช่นไหน
อุเบกขาใดสิ่งทำก่อนทำใจ รวบรวมนั้นสิ่งกระจัดกระจายหนียิ่งลึก
รู้จักทำใจได้ไม่หมองหม่น ขณะพ้นไม่สร้างแต่รู้สึก
ประเมินผลตระหนักเหตุทุกข์รู้ลึก ให้มาฝึกปล่อยวางเพิ่มหวั่นลำพอง
ไม่ข่มเหงไม่ก่อบาปพยาบาท ไม่เร่งบำเพ็ญเกรงอำนาจชวนผยอง
คนบำเพ็ญฝึกอ่อนน้อมตามครรลอง ปฏิบัติธรรมเตือนตนต้องประจำวัน
คนไม่มีดีพร้อมโดยธรรมชาติ หากไม่ขาดก็เกินต้องบากบั่น
เข็นครกขึ้นภูเขาต้องฝ่าฟัน นอกในใจนั้นมีธรรมครอง
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี
ทำอะไรต้องทำจริง เมื่อมุ่งมั่นแล้วก็ต้องไปให้สุด ใครเปลี่ยนใจมาวันนี้วันเดียวพอ (ไม่เปลี่ยน) อยากจะรู้อะไรก็ควรรู้ให้ชัดก่อนที่จะปฏิเสธ จะได้ไม่เสียโอกาส หรือเสียสิ่งที่ไม่น่าจะเสียไป การศึกษาธรรม สิ่งที่สำคัญคือ เรียนรู้ใจตน ผ่อนปรนเรื่องผู้อื่น จะปฏิบัติธรรมไม่ใช่เอาธรรมะไปตีกรอบวัดค่าใคร ไปตรวจสอบใคร แต่ผู้ปฏิบัติธรรมคือผู้ที่เข้มงวดตนเอง ผ่อนปรนผู้อื่น แก้ไขตัวเองไม่แก้ไขผู้อื่น เรียกว่าหนทางที่ถูกต้องในการปฏิบัติธรรม แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเราปฏิบัติธรรมเข้มงวดผู้อื่น ผ่อนปรนตัวเอง เรียกร้องผู้อื่น แต่ลืมเรียกร้องใจตน เช่นนี้ไม่ถูกต้อง
บางครั้งการนิ่งเงียบคือธรรมะที่ดีที่สุด เพราะหนึ่งคำพูดคือหนึ่งความคิดเห็น และหนึ่งความคิดเห็น ชอบตัดสินผู้คนว่าถูกว่าผิด ทั้งที่จริงๆ แล้ว ทุกความคิดเห็นมีทั้งถูกและผิด แต่ถึงที่สุดแล้วเราก็ต้องปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นจริงตามธรรมชาติ สิ่งที่ดีที่สุดบางครั้งก็คือการนิ่งเงียบและยอมรับความจริง ซึ่งบางทีชีวิตเราลืมตรงนี้ไป เรื่องบางเรื่องเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เราก็ทำตัวเหมือนรู้ไปหมด ใช่หรือไม่
เรื่องบางเรื่องเรายังไม่เข้าใจแจ่มชัด แต่เราก็คิดว่าเรารู้ชัด จนถึงที่สุดแล้วชีวิตเป็นสิ่งที่ยาก ยากจะทำให้ดีที่สุด ใช่หรือเปล่า ท่านว่าโลกนี้น่าอยู่เพราะ (มีธรรมะ) มีธรรมะ แล้วทุกวันเรามีธรรมะไหม (มีบ้างไม่มีบ้าง) ชีวิตก็เลยน่าอยู่บ้าง ไม่น่าอยู่บ้าง แล้วเรายังมีชีวิตอยู่ได้เพราะ (เรามีธรรมะในใจ) อย่างนั้นเมื่อไรไม่มีธรรมะ ก็ขาดชีวิตชีวาใช่ไหม ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก เมื่อพูดถึงธรรมะและความเป็นจริงในชีวิต
เคยได้ยินไหมว่าถ้าไม่มีคนๆ หนึ่งเสียสละเพื่อเรา เราจะยังอยู่บนโลกนี้ได้ไหม ถ้าไม่มีคนที่รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ และเห็นผู้อื่นสำคัญกว่าตัวเอง จะมีเราอยู่บนโลกนี้ได้ไหม แต่พูดอย่างนี้คงนึกไม่ออกใช่ไหม มีคนๆ หนึ่งที่กินอิ่มและอยู่สบายโดยที่ไม่ต้องทำอะไร เพราะมีคนที่ยอมลำบาก เพื่อให้เรากินอิ่มและอยู่สบาย
โลกนี้น่าอยู่และเรายังมีชีวิตอยู่ได้ เพราะมนุษย์รู้จักเห็นคุณค่าของผู้อื่นมากกว่าตัวเอง และรู้จักเสียสละผลประโยชน์ส่วนตน เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อคนอื่น วันนี้เรามีเงินใช้ มีเงินเที่ยว มีชีวิตอยู่ได้จนเติบโตทุกวันนี้ เพราะความรับผิดชอบของพ่อแม่ เพราะความเสียสละความสุขตัวเองเพื่อลูก ถูกไหม (ถูก) เราเกิดเป็นคน เราจะห่วงแต่ความสุขตนจนไม่นึกถึงความสุขผู้อื่นได้ไหม (ไม่ได้) โลกนี้น่าอยู่ก็เพราะมีผู้เสียสละ เพราะมีผู้เมตตา เพราะมีคนที่เมื่อมีความสุขคิดถึงคนที่ทุกข์ เมื่อได้ดีคิดถึงคนที่โชคร้าย จริงไหม (จริง) แต่มนุษย์มักจะให้เหตุผลในการทำดีว่า ขอให้มั่งมีก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยอนุเคราะห์ช่วยเหลือคน ถ้าคิดอย่างนี้พ่อแม่คงไม่ต้องดูแลเรา เพราะพ่อแม่ทำทุกอย่างเพื่อจะให้มีฐานะและมาดูแลเรา ถูกไหม (ถูก) วันหนึ่งถ้าเรามีโอกาสเป็นพ่อแม่บ้าง แล้วเราไม่เคยคิดเสียสละเลย เราจะเลี้ยงลูกได้สำเร็จไหม และชีวิตนี้จะมีรุ่นต่อไปไหม (ไม่มี) ถ้าทุกคนคิดแค่เพียงว่า ขอตัวเองมีก่อน แล้วค่อยช่วยคนอื่น แล้วเราจะมีรุ่นหลังให้สืบต่อไหม (ไม่มี)
โลกนี้น่าอยู่ได้และเรายังคงอยู่ได้เพราะเมื่อเราสุขนึกถึงคนที่ทุกข์ เมื่อเรามีนึกถึงคนที่ไร้ ไม่จำเป็นจะต้องรอจนร่ำรวยแล้วถึงให้ เพราะถ้าคิดแบบนั้นคงไม่มีวันให้ใครได้ จริงไหม (จริง) เมื่อไรเรารวย (ไม่ทราบ) เมื่อไรเราพอ (ไม่มี) มีแต่ว่ายิ่งให้ก็ (ยิ่งได้) แต่มีคนคิดจะให้ไหม ในเมื่อตัวเองยังบอกว่าตัวเองยังไม่ได้เลย ฉะนั้นมีน้อยแต่ยังได้ให้ ดีกว่ารอจนสมบูรณ์แล้วไม่เคยให้ใครเลย เช่นนี้น่าเสียดาย
อยากเกิดเป็นคนที่มีเท่าไรก็ให้ หรือเกิดมาเป็นคนที่มีแต่ได้รับ ท่านอยากเกิดเป็นคนประเภทใด (คนที่มีแล้วให้) เราว่าไม่จริงนะ เพราะชีวิตเกิดมามีแต่ขอ ขอให้รวยก่อน ขอให้ดีก่อน ขอให้สุขก่อน แล้วฉันถึงจะให้ คนที่เกิดมามีแต่ให้ เขาเรียกว่าราชา คนที่เกิดมามีแต่ขอก่อนแล้วค่อยให้ เขาเรียกว่า (ยาจก)
ในเมื่อท่านก็รู้อยู่เต็มอกว่า โลกนี้น่าอยู่และตัวเรานี้ยังอยู่ได้เพราะมีคนเสียสละที่รู้จักคิดถึงสุขของคนอื่นมากกว่าสุขของตัวเอง โลกนี้น่าอยู่เพราะมีคนที่เมื่อตัวเองสุขยังนึกถึงคนที่ทุกข์ และโลกนี้ทำให้เรายังอยู่ได้เพราะว่าความรับผิดชอบของคนที่ยอมเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อความสุขของลูกหลาน ฉะนั้นพระพุทธะจึงกล่าวไว้ว่าอยู่อย่างราชาที่มีแต่ให้ ดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างขอทาน ที่เอาแต่ขอแต่ไม่เคยให้ใคร เพราะตัวเองไม่เคยพอสักที แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม การมาฟังธรรมะ ถ้าท่านไม่ตีกรอบธรรมะว่าจะต้องเป็นพระเทศน์ จะต้องได้ธรรมะเฉพาะในวัด ที่ไหนก็มีธรรมะได้ ท่านก็คงเปิดใจฟังเราได้รู้เรื่อง แต่มนุษย์มักอดไม่ได้ที่จะตีกรอบความรู้ความเข้าใจของตัวเองอย่างยึดมั่นตายตัว ความเป็นจริงล้วนไม่คงที่ ฉะนั้นมั่นใจหรือว่าสิ่งที่เรารู้นั้นเป็นความจริง
มนุษย์มีความรู้ความเข้าใจอยู่ในใจ แล้วเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เรารู้เข้าใจนั้นถูกต้อง เราถามท่านง่ายๆ หนึ่งบวกหนึ่งเป็น (สอง) แล้วหนึ่งบวกหนึ่งเป็นศูนย์ได้ไหม แล้วหนึ่งบวกหนึ่งติดลบได้ไหม ทำไมไม่เป็นสองล่ะ แอปเปิลรวมกับตัวเราเป็นอะไร หนึ่งหรือสอง ถ้าเราถือก็เป็นแอปเปิลหนึ่งและตัวเราหนึ่ง ถ้ามนุษย์ตีกรอบความจริงว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ แต่มันใช้วัดทุกสิ่งทุกอย่างได้ไหม (ไม่ได้) ถ้าเกิดว่าแอปเปิลเราได้มาแล้วเรากินไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังเหลือเราหนึ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ ในโลกของความเป็นจริงเราคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะต้องได้แบบนี้ เรามักมีสูตรสำเร็จ ทำดีต้องได้ดี พูดดีต้องมีคนชม แต่ในโลกของความเป็นจริงทำดีแล้วไม่ได้ดีเป็นไปได้ไหม (ได้) แล้วการไม่ได้ดีคือเรื่องแย่ไหม โลกนี้เป็นโลกของความสัมพันธ์กัน มีคนเก่งก็ต้องมีคนไม่เก่ง อย่างนั้นหมายความว่าคนไม่เก่งเป็นคนไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่) ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อทำดีแล้วโดนว่า อย่างนั้นการโดนว่าไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่) อย่าตีกรอบของความคิดตัวเองจนทำให้เราไม่ซื่อตรงกับความจริง อย่าเอากรอบของความรู้ความเข้าใจมามองสรรพสิ่งอย่างตายตัวจนทำให้เราไม่เปิดใจกว้าง เราบอกว่าทำดีต้องได้ดี แต่ถ้าทำดีแล้วไม่ได้ดีนั่นเป็นคนอื่น หรือเป็นเพราะแบบนั้นไม่ดี หรือเป็นเพราะว่าคนอาจจะคิดได้ทั้งดีและไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเราเก่งถ้าเราฉลาด เราควรดูถูกคนที่ไม่เก่งไหม เราควรหงุดหงิดกับคนที่สอนยากไหม (ไม่ควร) คนล้มอย่าข้าม วันนี้เขาไม่เก่งต่อไปเขาอาจจะเก่ง แล้วเราอาจจะไม่เก่ง ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอย่าตีกรอบตายตัวว่าฉันเรียนไม่เก่ง ฉันไม่ประสบผลสำเร็จอะไรเลย ฉันไม่มีดีอะไรเลย คิดแบบนี้ทำร้ายตัวเองไหม ไม่ดูถูกตัวเองจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่จะย่ำอยู่กับที่จนไม่คิดจะพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงนี้ แต่อีกสิบนาทีเรายืนอีกที่หนึ่ง อย่างนั้นคนที่บอกว่าเมื่อสักครู่เรายืนอยู่ตรงนี้เขาพูดผิด คนที่บอกว่าเรายืนอยู่ตรงนั้นคือคนถูก ใช่ไหม (ไม่ใช่) วันนี้เราพบสุขแต่อีกวันหนึ่งเราพบทุกข์ ชีวิตเราต้องทุกข์แล้วไม่มีวันสุข ใช่ไหม (ไม่ใช่)
ถ้าวันนี้เราโดนคนทำร้าย แล้วเราจำเป็นต้องเกลียดคนที่ทำร้ายไหม เมื่อไรที่คิดจะเกลียดก็แปลว่าเราพร้อมจะทิ้งความสุขและเอาความทุกข์หรือนรกเผาไหม้ใจด้วยความเกลียด อย่างนั้นควรหรือที่จะเกลียด (ไม่ควร) เขาเกลียดเราวันนี้ แต่เขาอาจจะสอนอะไรดีๆ กับเราในวันหน้า ความเกลียดของเขาในวันนี้ อาจจะให้คุณค่าและความหมายที่แท้จริงที่เราไม่เคยรู้จักตัวเองก็เป็นได้ ยิ่งเขาเกลียดเรามากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องดูแลตัวเองให้เข้มแข็งมากเท่านั้น จริงไหม (จริง) แต่ในทางตรงกันข้าม เขายิ่งรักเรามากเท่าไรทำไมเรายิ่งอ่อนแอมากเท่านั้น ใช่ไหม (ใช่) อย่างนั้นควรหรือที่จะเกลียดคนที่น่ารังเกียจ (ไม่ควร)
ไม่มีอะไรจริงเสมอไป และไม่มีอะไรเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ขอเพียงเราไม่ดูถูกคุณค่าตัวเองและปล่อยชีวิตเป็นไปตามสิ่งแวดล้อม ชีวิตเราก็อยู่ในกำมือและเราควบคุมได้ เก่งภายนอก แข็งแกร่งภายนอก ไม่สู้ความเก่งที่หนักแน่นและรู้คุณค่าตัวเองในใจ ความแข็งแกร่งภายนอกจะมีประโยชน์อะไรถ้าไร้ซึ่งความแข็งแกร่งและสงบนิ่ง รู้คุณค่าตนในใจ
ต่อไปจะเกลียดคนที่น่ารังเกียจไหม จะเกลียดคนที่ว่าเราไหม (ไม่) เพราะอะไรหรือ ในดีมีร้ายในร้ายมีดี ถ้ามนุษย์พยายามหาความสมบูรณ์แบบ มนุษย์อาจจะไม่ซื่อตรงต่อความจริง เพราะมนุษย์มักจะบอกว่า ความสำเร็จ ความงาม ความดี ความสมหวังชัยชนะ หรือความสุข คือสิ่งที่สมบูรณ์ที่สุดในชีวิต เพราะเมื่อใดที่เราบอกว่า สิ่งนั้นคือสุขเราก็ต้องเรียนรู้ทุกข์ สิ่งนั้นสมบูรณ์ เราก็ต้องรู้จักความไม่สมบูรณ์ สิ่งที่ไม่สมบูรณ์สิ่งที่เรียกว่าทุกข์ แท้จริงแล้วมันใช่ทุกข์ไหม แท้จริงคือสิ่งที่ไม่งามไหม (ไม่ใช่)
มนุษย์มักจะกำหนดสิ่งที่เรียกว่าความสุขคือแบบนี้ เมื่อกำหนดความสุข ความทุกข์ก็บังเกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เมื่อกำหนดความดี ความไม่ดีก็เกิด เมื่อไรที่เรามีสิ่งที่ชอบ ความไม่ชอบก็เกิด ฉะนั้นสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เรียกว่าทุกข์ แท้จริงแล้วคือสิ่งที่ไม่ดี จริงหรือไม่ (ไม่จริง)
โลกนี้เป็นโลกของความสัมพันธ์กัน ความเกี่ยวเนื่องซึ่งกัน มีคนดีก็มีคนไม่ดี มีสิ่งที่เรียกว่าสำเร็จก็มีสิ่งที่เรียกว่าล้มเหลว ใช่หรือไม่ (ใช่) มนุษย์อยากมีธรรมะก็เพราะว่ามนุษย์พบความทุกข์ พบความล้มเหลว พบความพ่ายแพ้ พบความผิดหวัง แล้วชีวิตจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อพบความสุข พบความสำเร็จ ชนะเท่านั้น ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่) ต่อไปแม้เราจะพ่ายแพ้ เราก็เข้าใจความสมบูรณ์ในชีวิต แม้เราจะทุกข์เราก็รู้ว่ามันมี (สุข) ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกข์กับสุขไม่ได้แยกจากกัน อยู่ที่ใจเรากำหนดเท่านั้นเอง
อยากถามหาความหมายของชีวิต จงอย่าถามใครไกลเกินเอื้อม แต่จงหันกลับมาถามที่ใจตน เพราะถ้าโลกนี้เป็นโลกแห่งความเป็นจริง ผู้มีสติปัญญาเรียนรู้อยู่กับความเป็นจริง ย่อมไม่หวาดหวั่นเมื่อเจอความทุกข์ แต่จะก่อเกิดความเข้าใจและเป็นอิสระ มนุษย์มีเรื่องให้ติดเยอะแยะไปหมด แล้วพอติดก็หนีไม่พ้นความหวาดกลัว และพอกลัวขึ้นมา ทุกข์ขึ้นมา ก็ค่อยนึกถึงธรรม ทั้งที่จริงๆ แล้วผู้ที่กำหนดชีวิตให้สุขทุกข์ไม่ใช่ใคร นอกจากใจเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ระหว่างต้นกล้วยกับต้นทุเรียน ท่านว่าอะไรดีกว่าอะไร (กล้วย) ชีวิตเราควรเป็นเหมือนต้นทุเรียนหรือต้นกล้วย ต่างก็ดีคนละแบบ ถ้าเกิดว่าทางเลือกมีแค่สอง ท่านก็คิดได้แค่สอง ใช่หรือไม่ มีใครจะบอกว่าจะเป็นทั้งกล้วยและทุเรียนบ้าง กล้วยมีประโยชน์ไหม (มี) ส่วนไหนมีประโยชน์ (ทั้งต้น) แต่สิ่งที่น่ากลัวของกล้วยคือ เมื่อหน่ออ่อนแทงยอดมา ต้องฟันหน่อเก่าทิ้ง ถ้ายังเสียดายหน่อเก่าก็จะล้ม หน่อใหม่ก็จะตาย ฉะนั้นในสิ่งที่ดีที่สุดก็ยังมีข้อที่ต้องระวัง ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนบางคนเหมือนต้นกล้วย แต่เพื่อนเราบางคนเหมือนต้นทุเรียน อยู่กันตั้งนานหาอะไรไม่ค่อยเจอ เหมือนอยู่กับสามีอยู่กันตั้งนานกว่าจะออกผลสักทีเหมือนทุเรียนไหม เหมือนเราอยู่กับเพื่อนเราขยันทุกอย่างแต่เพื่อนเป็นเหมือนต้นทุเรียน มีไว้ประดับ นานๆ จะมีค่าสักทีใช่หรือไม่ (ใช่)
ในความเป็นจริงไม่มีอะไรดีพร้อมสมบูรณ์แบบ ในความเป็นจริงไม่มีอะไรที่มีค่ามากกว่าอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีค่าในตัวของตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการเรียนรู้ธรรมจึงไม่ได้สอนให้เรายกตัวเองสูงแล้วข่มคนอื่น แต่การเรียนรู้ธรรมสอนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นต้นกล้วยหรือต้นทุเรียน ไม่ว่าจะเป็นต้นใหญ่ที่ให้ร่มเงาหรือต้นหญ้า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีคุณ แต่ในคุณประโยชน์นั้นก็ต้องรู้จักระมัดระวังโทษที่ตามมาด้วย ถ้าคนๆ นั้นไม่รู้จักแก่นของสรรพสิ่งหรือไม่รู้ความจริงของชีวิต
ในโลกมีคนหลากหลายแบบ เป็นหญ้าเทียมพื้นหรือเป็นต้นไม้สูงให้ร่มเงา เป็นดอกไม้ที่ไม่มีกลิ่นหอมแต่กลับมีกลิ่นเหม็น เขาควรหรือที่เราจะผูกใจเจ็บและรังเกียจ แล้วทำให้เราต้องสูญเสียความสุขไปจากใจ ทั้งที่จริงๆแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีดีมีร้าย ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เมื่อสอนตัวเราได้ ทุกสิ่งก็เท่าเทียมกัน เมื่อไม่เอาตัวเองวัด ทุกอย่างก็มีค่าเท่ากัน แต่ที่เรียกว่าดีร้ายได้เสียทุกข์สุขนั้นล้วนเป็นเพราะใช้ใจตัวเองไปวัดทั้งสิ้น เมื่อใจบริสุทธิ์แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่ากัน ไม่มีอะไรร้ายในวันที่เราดี จริงหรือไม่ (จริง)
วันนี้เราได้มาผูกบุญกับท่าน อย่าเพิ่งดูถูกคุณค่าตัวเอง นั่งวันนี้อาจจะทรมาน อาจจะลำบาก และอาจจะฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก วันนี้เรามาเพื่อให้ท่านได้ประจักษ์ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเลวร้าย ถ้าใจเราเข้าใจทุกสิ่ง โลกนี้ไม่มีอะไรดีที่สุด ถ้าเราซื่อตรงต่อความจริง อย่ายึดมั่นความคิดจนลืมเปิดใจกว้าง ตราบใดที่ชีวิตยังต้องหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อย ไม่มีอะไรดีที่สุดและแย่ที่สุด ใช่ไหม (ใช่)
วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒ สถานธรรมหมิงอี้ จ.ตาก
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น
ชอบปาฏิหาริย์เพ้อฝันทั้งคืน แม้ลืมตาตื่นศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป
เราคือ
จี้กงอาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานหมิงอี้ แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์บ้างไหม
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
ชีวิตต้องฝึกฝน เกิดเป็นคนต้องเดินทาง
เดินไปทางไหนสดใส เดินไปทางไหนใจกว้าง
เดินเข้าใกล้ใจไม่จาง สว่างภายในจิตตน
ค้นหาตัวเองให้เจอ ไม่เผลอท่ามกลางสับสน
แม้จะมีวันอับจน แต่ตนรู้จักตัวเอง
ปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา ความคิดอารมณ์ข่มเหง
ฝึกตนรู้จักตัวเอง คนเก่งสติต้องไว
ทุกข์สุขเป็นเรื่องธรรมดา ศรัทธาความดียิ่งใหญ่
อย่าเป็นหินทับหญ้าไว้ สะสางภายในจิตตน
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ศิษย์เคยได้ยินไหมว่าสูงสุดคืนสู่สามัญ ถ้าธรรมะคือสิ่งที่สูงที่สุด สิ่งที่ดีที่สุด แปลว่าสิ่งที่สูงที่สุดและดีที่สุดก็คือความเป็นธรรมดา ดังนั้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นธรรมดา โดนด่าก็เป็น (ธรรมดา) สามีทิ้งก็เป็น (ธรรมดา) อกหักรักคุดก็เป็น (ธรรมดา) ฉะนั้นผู้สามารถยืนอยู่บนสิ่งที่ธรรมดาได้โดยรักษาจิตปกติไม่เสียศูนย์ ไม่เสียความเป็นคนดี คนนั้นก็คือคนที่สามารถเอาธรรมมาใช้และรักษาความปกติได้ แต่คนโดยส่วนใหญ่ยังรับความเป็นธรรมดาไม่ได้ มักชอบทำอะไรตามใจตัวเอง แต่โลกในความเป็นจริงนั้นเดินตามความเป็นจริง ไม่ได้เดินตามใจเรา ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ แค่ยอมรับความจริงอันเป็น (ธรรมดา) ที่เราทุกข์เพราะเราไม่รับความจริงและเอาแต่ใจตน ใช่ไหม (ใช่)
ถ้าเรามีสติอยู่เสมอหนทางพ้นทุกข์คือการค้นหาความจริงภายในใจตน ถ้าเราอยากพ้นทุกข์ ขอแค่มีสติปัญญา ยอมรับความจริงแล้วเราจะพ้นทุกข์ พ้นความกลัวในโลกนี้ ศิษย์กลัวตายไหม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรายอมรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่สิ่งสำคัญคือ อยู่ให้ดีหรือยัง ถ้าอยู่ไม่ดี อย่าเพิ่งตาย เพราะตายไปแล้วก็ยังจะไม่พ้นทุกข์
เกิดเป็นคนถ้าไม่คิดว่าตัวเองผิดพลาดบ้างเลย เราก็ไม่มีวันก้าวหน้า ผิดก็แก้ไขยอมรับ ทำให้ดีขึ้น อย่าซ้ำรอยเดิม ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นบาปกรรมติดตัว ถูกหรือไม่ (ถูก) มนุษย์มีทางเลือก อย่าพูดว่าตัวเองไม่มีทางเลือก ขอแค่เพียงเราขยันสู้ และเลือกทางที่ถูกต้อง หนทางสว่างอยู่ไม่ไกล แต่เสียอย่างเดียวเรามักอดใจไม่ไหว ห้ามใจไม่อยู่ ความโลภ กิเลส เลยทับถมให้เรามองไม่เห็นทางที่ถูกต้อง
บางครั้งความอยากอาจจะดูไม่บาป แต่การสนอง โดยที่ไม่คำนึงถึงเหตุผล ความถูกต้อง และความดีงาม ทำให้กลายเป็นบาป และบาปให้ผลคือความทุกข์ และให้ผลคือกรรมที่หนีไม่พ้นเพราะเราเป็นคนสร้างเหตุ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ส่วนใหญ่มนุษย์มักจะมองว่าธรรมะคือสิ่งที่อยู่ในวัด ธรรมะคือสิ่งที่พระพูด ถ้าอยากจะปฏิบัติธรรมะก็แค่ให้ทาน สวดมนต์ ทำบุญอาจารย์จะบอกศิษย์ว่า ธรรมะมีอะไรมากกว่านั้น ธรรมะที่ศิษย์รู้เป็นไปเพื่อ “ละ” ไม่ใช่เป็นไปเพื่อ “ยึด” ทุกครั้งที่ปฏิบัติ ปฏิบัติเพื่อละ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อยึด ธรรมะคือสิ่งที่ทำเพื่อปล่อยวางไม่ยึดถือ เราทำบุญเพื่อละ ไม่ใช่ทำบุญเพื่อยึด เราบำเพ็ญทานเพื่อละ ไม่ใช่บำเพ็ญทานเพื่อยึด
ศิษย์เอยถ้าจะพูดเรื่องธรรมะเราต้องปรับเรื่องความคิดให้ถูกต้องก่อน ถ้ามีความคิดที่ผิด เราก็จะดำเนินผิด ธรรมะเราปฏิบัติเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อยึด ใช่หรือไม่ (ใช่) เราทำบุญเพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ฉะนั้นเราทำบุญทำทานเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อยึด แต่ตอนนี้ศิษย์กำลังหลงกับการปฏิบัติธรรม เหมือนจะละ แต่ก็เหมือนจะยึด แล้วตกลงจะละหรือจะยึด (ละ) ละด้วยแล้วก็ยึดด้วย ไม่ถูก ปฏิบัติธรรมละด้วยยึดด้วย เหมือนที่ศิษย์ชอบเป็น ทำบุญไปแล้วก็ขอถูกสามตัว ให้ไปแล้วขอลูกหลานร่มเย็น ขอสามีเชื่อฟัง ขอลูกประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน ไปที่ไหนก็มีแต่คนดีคนรัก สาธุ ใช่ไหม (ใช่) แล้วตกลงเราละหรือเรายึด บุญคือสิ่งที่ทำเพื่อชำระล้างใจให้สะอาด คำว่าละคือสะอาด แล้วตอนนี้เราละหรือเรายึด (ละ) มือหนึ่งละมือหนึ่งยึดถูกไหม (ไม่ถูก) ถ้าธรรมะมีไว้เพื่อให้เราละมากกว่ายึด แล้วอะไรจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจล่ะ สิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคือความจริงแท้ เพราะความจริงแท้จะทำให้ศิษย์ไม่ทุกข์ แต่ถ้าศิษย์ยึดเหนี่ยวความดี ความดีก็ทำเราทุกข์ ทำดีต้องได้ดี พอไม่ได้ดีทุกข์ไหม (ทุกข์) เราทำดีเพื่อละ ไม่ใช่ทำดีเพื่อยึด ทุกข์เพราะละหรือทุกข์เพราะยึด (ยึด)
ถ้าทำบุญไปเพื่อจะหวังผลและจะได้กลับมา แก่ เจ็บ ตาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเอาไหม (ไม่เอา) ควรทำเพื่อละหรือควรทำเพื่อยึด (ละ) ควรทำเพื่อหวังผลหรือควรทำเพื่อไม่ต้องมีผลอะไร (ไม่มีผลอะไร) ที่แล้วมาทำเพื่อหวังผลใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าศิษย์เรียนรู้หลักธรรม ศิษย์ต้องเข้าใจแก่นของหลักธรรมให้ถูกต้อง เราศึกษาธรรมแปลว่าเราต้องไม่ยึดอะไรเลย แก่นแห่งธรรมะทั้งมวลล้วนสอนไว้ว่า ใดๆ ในโลก ล้วนไม่ควรยึดมั่นถือมั่น สิ่งใดมีความเกิด สิ่งนั้นล้วนมีความดับ เมื่อไรที่เราพยายามจะดับแปลว่าเรายังมีการยึดไม่ปล่อยวาง ทุกสิ่งล้วนมีเหตุและผล ถ้าเราไม่สร้างเหตุเราก็ไม่ต้องไปรับผล ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร สิ่งนั้นก็ไม่เป็นนายมาบังคับใจเรา วันนี้ศิษย์ยังทุกข์อยู่เพราะศิษย์พยายามยึด ทั้งที่จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรในโลกยึดได้เลย จริงไหม (จริง) บอกห้ามแก่ แก่ไหม (แก่) บอกห้ามเจ็บ เจ็บไหม (เจ็บ) บอกห้ามตาย ตายไหม (ตาย) มันฟังเราไหม (ไม่ฟัง) สิ่งนี้ต้องเป็นของฉันคนเดียว ห้ามเปลี่ยนแปลง เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ต้องรักฉันคนเดียว ห้ามแบ่งใจเด็ดขาด อย่าตาย อย่าเจ็บ เราเป็นแบบนี้ ใช่ไหม (ใช่) ห้ามร้าย ห้ามชั่ว ห้ามโกหก ห้ามตระบัดสัตย์ เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ที่เราทุกข์อยู่เพราะเรากำลังหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่งเกิดแล้วมันก็ดับอยู่แล้ว เราอยากพ้นทุกข์ต้องพยายามปล่อยเพราะเรายึดกับความคิดไว้ ปล่อยที่ความคิด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างศิษย์ยื้อไม่ได้ จริงไหม (จริง)
พอเข้าใจธรรมะหรือยัง (เข้าใจ) อาจารย์พูดง่ายๆ คนด่าเรา ถ้าเราไม่ถือสา เราไม่เอามาใส่ใจ เราเห็นเหมือนไม่เห็น ทำอะไรเราได้ไหม แต่ถ้าเราถือสา เราใส่ใจ เราคิด แล้วเราทุกข์เพราะ (คิด) อยากดับทุกข์ จงหาความจริงแท้ในใจตน อยากจะพ้นทุกข์ พ้นความกลัวในโลก จงมีสติปัญญามองให้เห็นความจริง แล้วมนุษย์จะพ้นทุกข์พ้นความกลัวได้ ถ้าจิตใจเข้มแข็ง จริงไหม (จริง) แล้วเราจะเอาอะไรมารับมือ เวลาที่เราเจอความทุกข์ รู้ขนาดนี้ ทำใจได้ไหม (ได้)
เขายืมเงินไปแล้วไม่คืน ถ้าศิษย์ไม่สร้างเหตุให้เขามายืม ศิษย์ก็ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจว่าเมื่อไรเขาจะคืน ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าอยากจะช่วยคน ให้แบบที่เขาไม่คืนก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้เขาเท่าที่เขาอยากได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะขออยู่ร่ำไป ถูกไหม (ถูก) ให้เท่าที่เราช่วยเหลือแล้วเขาไม่คืนเรา เราก็ไม่เดือดร้อน เหมือนเวลาเรารับมือกับความทุกข์ เราจะเอาธรรมะมาปฏิบัติในชีวิตอย่างไร
เมื่อครู่อาจารย์บอกวิธีในการดับทุกข์ด้วยการเข้าถึงธรรมะ ด้วยการเข้าใจธรรมะอันเป็นพื้นฐานของความเป็นคน หรือเรียกว่าเข้าใจธรรมะอันเป็นจริงที่หลีกหนีไม่พ้น วิธีปฏิบัติที่จะดับทุกข์ได้ง่ายๆ ถ้าโดนเขาด่ามาศิษย์ทำอย่างไร (เฉยและพยายามนิ่ง) แต่คำว่า “เฉย” กับคำว่า “พยายามนิ่ง” ของศิษย์นั้น ในใจเก็บสิ่งนั้นมาเป็นอารมณ์ไหม (เก็บ) แล้วจำได้ไหมว่าเขาว่าเรา (จำได้) ทำไมอาจารย์ถึงพูดเช่นนี้ เวลาคนเขาว่าเรา ที่เรานิ่ง เราเฉยเป็นสิ่งที่ดี ศิษย์รู้ไหมว่าการนิ่งการเฉยนี้ สามารถตัดรากแห่งบาปทั้งมวลได้ การอดทนนิ่งได้ สามารถหยุดรากเหง้าของการทะเลาะวิวาทไม่ให้เกิดได้ ลดการติเตียนได้ แล้วการอดทนนิ่งได้เป็นทางแห่งการเจริญศีล สมาธิ และเป็นการเจริญกุศลทั้งมวลด้วย จิตที่นิ่งได้เมื่อโดนกระทบยังสามารถพ้นบ่วงเวร พ้นบ่วงมารได้ด้วย แต่โดยส่วนใหญ่เวลาเราโดนว่า หรือเราโดนทำร้าย เราอภัย เรายอม อดทนใช่ไหม (ใช่) สิ่งที่ศิษย์ทำได้คือพยายามให้อภัยทาน แต่คำว่าให้อภัยเป็นทาน เวลาเจอหน้าเขายังขัดเคืองใจไหม (มีบ้าง) และในใจยังจำสิ่งที่เขาว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทำดีทำไมจึงไม่พ้นทุกข์เราก็อภัยแล้ว เราก็นิ่งแล้ว คำว่าผูกเวรแปลว่า ใจจำได้ว่าเขาด่าว่า เอาชนะ ถากถาง กินแรง เวรกำลังถูกผูกไว้ที่ใจ เมื่อไรที่ใจจำได้ว่าคนอื่นทำไม่ดีกับเรา ทำร้ายเราแล้วจำไม่ลืม นั่นเรียกว่า “ผูกเวร” และเมื่อไรที่เจอคนที่ทำไม่ดีกับเราแล้วเผลอประชดประชัน เผลอด่ากระแหนะกระแหน หรือเผลอนินทานั่นเรียกว่า “จองกรรม” ถึงแม้ศิษย์จะบอกว่า ศิษย์อภัย แต่ถ้าในใจยังไม่สิ้นความยึดถือในตัวตน ไม่มีวันสิ้นทุกข์ ดังที่พระพุทธองค์บอกไว้ว่า ปฏิบัติธรรม ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ละบาปบำเพ็ญบุญเข้าถึงความบริสุทธิ์ ทานเป็นเบื้องต้นของศีล ศีลเป็นเบื้องต้นของสมาธิ และสมาธิเป็นเบื้องต้นของปัญญา ถ้าศิษย์ทำแค่ทาน แต่ศิษย์ยังไม่สามารถละการเบียดเบียนในใจได้ ศิษย์ก็ยังไม่พ้นทุกข์ ถึงแม้ศิษย์จะทำดีขนาดไหน ก็ยังไม่พ้นทุกข์ ให้อภัยแต่ในใจยังเก็บความไม่ดีของเขาอยู่ ยังจำได้อยู่ อย่างนี้จะพ้นไหม เวรยังถูกยืดเยื้ออยู่ในใจเพราะเรายังผูกเวรไว้ยังยึดความโกรธไว้ในใจ ยังยึดความเกลียดไว้ในใจ ฉะนั้นหนทางที่จะถึงความบริสุทธิ์ได้ก็คือ เมื่อจะให้ต้องให้ให้ถึงที่สุด เมื่อจะปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติให้สูงสุด เห็นแจ้งจนไม่เกิดความหวั่นไหวในใจ และมองเห็นเป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง มนุษย์จะสิ้นวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิดได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์สามารถดับสิ้นซึ่งความคิดยึดมั่นถือมั่นในตัวตนจนหมดไม่เหลือ มนุษย์จึงจะสามารถพ้นเวียนว่ายตายเกิดได้ ยากไหม (ไม่ยาก)
(พระอาจารย์เมตตาเรียกนักเรียนฝ่ายชายหนึ่งคนออกมายืนหน้าชั้น แล้วทักทายด้วยการตีศรีษะ)
ทำแบบนี้อาจารย์ตีเสร็จก็แล้ว ศิษย์จบไหม (ไม่จบ) นั่นคือกำลังผูกเวรให้ยืดเยื้อ ถ้าแค่โดนตบ คิดดีขึ้นสวรรค์ คิดชั่วด่าในใจตกนรก แต่ถ้าพ้นจากความคิด ไม่คิดอะไร ช่างมัน ทุกอย่างเกิดแล้วจบแล้ว จงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ฉะนั้นที่อาจารย์ตีก็จบแล้วถูกไหม ถ้าเราไม่ยึดติด เราอยู่กับปัจจุบัน เรายอมรับความจริง ก็แค่ตีก็แค่เจ็บที่กาย แต่ไม่เจ็บที่ใจ จบไหม (จบ) ฉะนั้นอยากสิ้นเวรสิ้นกรรมก็อยู่ที่ว่าจบหรือไม่จบถ้าไม่จบก็ผูกใจเจ็บ ก็หนีไม่พ้นทุกข์ แต่ถ้าจบแล้วจบกัน ศิษย์เอ๋ย ถูกตีเจ็บแค่กาย แต่ถ้าเราแค้นมันเจ็บไปถึงใจและทำให้เราต้องกลับมาเวียนว่าย ต้องแก้แค้นอีก ศิษย์จำไว้นะ คิดดีขึ้นสวรรค์ คิดชั่วตกนรก แต่ถ้าพ้นจากความยึดติดในตัวตน นั่นคือพ้นทุกข์พ้นบาปกรรมนิจนิรันดร์
การศึกษาธรรมไม่ใช่การปฏิบัติแค่ภายนอก ต้องลงแรงปฏิบัติที่ภายใน มนุษย์เกิดมาพร้อมกับกรรม เราเป็นผลพวงของกรรมที่เราสร้าง เราอยากสร้างกรรมต่อหรือเราอยากจบกรรม (จบกรรม) แล้วทุกวันนี้เราผูกกรรมต่อหรือเราจบกรรม อย่าบำเพ็ญแค่ระดับทาน แต่ให้ก้าวไปจนระดับศีลบริสุทธิ์ ถ้าเราโดนเขาเบียดเบียน เราไม่เบียดเบียนกลับ เราจะให้ธรรมะเป็นทาน ประเสริฐกว่าทานทั้งปวง ถ้าเขาด่าเรามา แต่เราปฏิบัติด้วยเมตตากลับ เราให้ทานที่ประเสริฐ เขาเบียดเบียนเรา แต่เราเมตตากลับ เราสามารถทำทานได้ทุกที่ทำให้อยู่ที่ไหนก็เย็นได้ด้วยใจเราเอง เขาด่ามาฉันจะเมตตากลับ เขาโกงมาฉันจะซื่อตรงกลับ เขาทำร้ายมา ฉันจะใจเย็นกลับ ฉันจะไม่ทำร้ายเขา นี่เรียกว่า ให้ทานที่ยิ่งใหญ่และทานนั้นสามารถเป็นบุญเป็นกุศลได้ ทำได้ไหม (ได้) ปฏิบัติธรรมอย่างนี้ยากไหม (ไม่ยาก) เมื่อเรามองเห็นความเป็นจริงว่า มันก็เป็นธรรมดา วันนี้เขาด่าฉัน วันพรุ่งนี้เขาอาจจะชมฉันก็ได้ ในเมื่อชีวิตมีโอกาส ทำไมไม่พลิกชีวิตให้เป็นการพ้นทุกข์ ทำไมปล่อยให้ชีวิตจมอยู่กับความทุกข์ อย่าบอกว่าไม่มีทางเลือก ชีวิตมีทางเลือก แต่เมื่อเลือกจงก้าวให้สูงที่สุดและจงไปให้ดีที่สุด อย่ามีธรรมะแค่ผิวเผิน ทำทุกวันให้เป็นการพ้นทุกข์พ้นกรรม ดีกว่าใช้อารมณ์ ดีกว่าสร้างบาปแล้วผลสุดท้ายก็หนีไม่พ้นทุกข์
มนุษย์ยังทุกข์เพราะเรื่องอะไรบ้าง (การเรียน) การเรียนทำให้เกิดปัญญา ปัญญานำพาให้เราพ้นทุกข์ได้ แล้วปัญญาสามารถนำพาชีวิตให้พ้นความลำบากได้ ฉะนั้นอย่าไปทุกข์ ก้มหน้ายอมรับความจริง ใช่ไหม (ใช่)
(อยากมีปัญญา) อยากในสิ่งที่ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ความอยากนั้นจะไม่ทำให้เราทุกข์ แต่ต้องไม่ลืมความจริงว่า บางทีอาจจะสมหวังหรือไม่สมหวังก็ได้ ความอยากก็จะไม่ทุกข์
(ทุกข์เพราะเจ็บป่วย) เจ็บป่วยหนีพ้นไหมศิษย์ (ไม่พ้น) รักษาได้ให้รักษา สู้ได้สู้ และยอมรับกับสิ่งที่เป็น อย่าทุกข์กายแล้วลงไปที่ใจไม่อย่างนั้นจะทำให้ทรมาน ใครบ้างไม่เคยเจ็บ ใครบ้างไม่เคยป่วย มีไหม (ไม่มี) ฉะนั้นเราป่วยเป็นเรื่องธรรมดา
ความเจ็บป่วยมีอยู่สองแบบ แบบที่หนึ่งคือ เราสร้างเอง แบบที่สองคือ เวรกรรมตกผล ทำไมกินเหมือนกัน อยู่เหมือนกัน คนอื่นไม่ป่วยแต่เราป่วย เมื่อป่วยแล้วรักษาไม่หาย เป็นเพราะเวรกรรม แล้ววิธีจะแก้เวรกรรมได้คือ ยินดีชดใช้และสร้างบุญกุศลให้มากๆ อย่าสร้างบาปอีก
(ทุกข์เพราะใจยึดมั่น) ตอนนี้รู้หรือยังว่ามันยึดไม่ได้ ศิษย์จำไว้นะ ทำตัวเองให้ดีที่สุด ถึงเวลาผลจะเป็นอย่างไรกล้ายอมรับ จะทำให้เราไม่ทุกข์
(ทุกข์เพราะหนี้สิน เรื่องทำมาหากิน อาชีพ) ตอนแรกคิดว่าเราหามาเพื่อเราจะได้มีความสุข แต่หาไปหามากลายเป็นหนี้สิน ยังอยากทำต่อไหม (ก็ยังต้องทำ) ถ้าศิษย์อยากให้จบ แค่ยอมรับ อย่าหนี สู้ด้วยใจที่ยอมรับความจริง เมตตาธรรมจะแปรบาปให้เป็นบุญ แปรทุกข์ให้เป็นพ้นทุกข์มนุษย์ยังทุกข์ไม่จบสิ้นเพราะไม่สามารถควบคุมความคิดได้ และความคิดเป็นต้นเหตุสำคัญที่สุด ฉะนั้นถ้าเราเปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน ถ้ายังดื้อดึงในความคิดเดิมเราก็ทุกข์เพราะความคิด จิตมนุษย์ชอบไหลลงสู่ที่ต่ำ ชอบคิดแย่มากกว่าคิดดี ถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ ต้องเปลี่ยนความคิดให้ได้
(เรียนไม่รู้เรื่อง) ถ้าใจชอบ ยากอย่างไรก็ทำจนได้ เต้นไม่เป็น แต่ถ้าชอบเต้น ท่ายากๆ ศิษย์ก็เต้นได้ เพราะใจชอบ เพราะใจรัก ถ้าอยากเรียนให้รู้เรื่องต้องเริ่มที่ใจศิษย์ก่อน ถ้ารักในการเรียน ยากอย่างไรก็เรียนรู้เรื่อง แต่ถ้าไม่รักในเรียน ง่ายอย่างไรมันก็เรียนไม่รู้เรื่อง จริงไหม (จริง) แล้วการเรียนก็เพื่อตัวเองนะ ไม่ใช่เพื่อพ่อแม่
(หนี้สินของตนเอง) ทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครไม่มีหนี้ บางคนมีหนี้ทางใจ บางคนมีหนี้ทางร่างกาย หนี้ทางทรัพย์สินยินดีชดใช้ด้วยใจเป็นสุข ยังดีกว่าปล่อยให้เป็นหนี้ทางใจ ฉะนั้นมีหนี้ก็ใช้ และพยายามลดความอยากให้มาก เงินที่มีอยู่ก็จะเพิ่มขึ้น ถ้ายังอยากเท่าเดิม แต่เงินเท่านี้ ก็มีหนี้ไม่จบสิ้น แล้วประคองสติให้ดี ทำอะไรคิดให้เยอะๆ หยุดความอยากของตัวเองให้น้อยลงสิ่งที่มีจะมีมูลค่าที่จะไปใช้หนี้ได้ แต่ถ้าความอยากยังสูง หนี้ก็ยังมีอยู่ จะไม่มีวันชดใช้ได้หมดลดความอยากของตัวเองให้มากที่สุด หนี้จะได้ผ่อนหมด ลูกหนี้ที่ดีคือใช้แต่น้อยแต่ไม่เกี่ยงงอนเขาก็จะรับ พยายามพึ่งตนเองให้มาก อย่าคิดพึ่งคนอื่น ที่มีหนี้เพราะเราคิดว่าพึ่งคนนั้นก็ได้ พึ่งคนนี้ก็ได้ใช่ หนี้เราถึงมีเต็มไปหมด แต่ถ้าเมื่อไรเราคิดพึ่งตัวเองเราจะก่อหนี้ไหม ถ้าเรารับผิดชอบต่อตัวเองเราจะสร้างหนี้ให้ใครเดือดร้อนไหม เงินใครใครก็รักจริงไหม ยืมเขามาเขาก็อยากได้คืน ฉะนั้นเป็นลูกหนี้ที่ดี ยินดีชดใช้นะ แต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อเราเจอปัญหา เราพร้อมรับความเป็นจริงไหม ชีวิตไม่อยากสูญเสีย แต่มีใครบ้างไม่สูญเสีย ชีวิตไม่อยากพลัดพรากไม่อยากล้มละลาย แต่ใครบ้างไม่พลัดพรากไม่ล้มละลาย เพราะถึงที่สุดเราต้องกลับไปสู่ความไม่มี ไม่ได้ ไม่เอา แล้วเราจะยึดเพื่อให้ทุกข์ทำไม ถ้าของจะเป็นของเราอย่างไรก็เป็นของเรา แต่ถ้าไม่ใช่ของเราทำอย่างไรก็ไม่ใช่ของเรา ให้รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทำอะไรให้คิดถึงหัวอกของพ่อแม่ พ่อแม่จะเดือดร้อนไหม พ่อแม่จะเจ็บปวดไหม พ่อแม่จะเสียใจไหมที่เราทำแบบนี้ ถ้าทำได้แบบนี้ศิษย์จะไม่ทุกข์นะ
(ทุกข์เพราะแค้น) ถูกกดขี่ข่มเหง ถูกดูถูก ถูกเหยียดหยาม เราโกรธแค้น เราเคืองใจ ถูกคนดูถูกคุณค่าเรา เราเจ็บแค้น แต่ความเจ็บแค้นนี้มันเป็นเหมือนไฟเผา เราสูญเสียความสุขไปเพียงเพราะว่าเราแค้นเราเจ็บ ศิษย์รู้ไหมว่า การเกิดเป็นคน สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คืออัตตาตัวตนที่ยึดมั่นถือมั่นอย่างไม่ปล่อยวาง รู้อะไรแล้วรู้ไม่สุดมันคืออวิชชา ที่ทำให้เราไม่มีวันพ้นทุกข์ ยังอยากจะผูกไว้หรือ (ตอนเขาทำเรา เขาก็จบโดยที่เขามีความสุข ถ้าเราทำแบบนั้นเราก็จบแบบเรามีความสุข) ศิษย์มั่นใจว่าคิดถูกใช่ไหม (ถูก) วัฏจักรของมนุษย์ที่ยังเวียนว่ายไม่จบสิ้นก็เพราะมนุษย์ไม่สามารถวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เราก็เลยไม่มีวันพ้นทุกข์ ทั้งที่จริงๆ แล้วศิษย์มีหนทางพ้นทุกข์ในตัวเอง ศิษย์มีสิ่งที่ดีในตัวเอง เอาเป็นแค่แรงผลักดันแต่ไม่ผูกใจเจ็บไม่ได้หรือ ไม่ผูกใจเจ็บ แค่ยอมรับความจริง ถ้าอาจารย์บอกว่าชาติที่แล้วศิษย์ไปทำเขา ชาตินี้เขาทำศิษย์กลับ ถ้าอย่างนั้นแปลว่าศิษย์อยากทำกลับเพื่อจะได้กลับมาเจอกันอีก เอาไหม (คิดว่าไม่น่าจะได้กลับ) ไม่แน่นะ แต่จะกลับมาเป็นคนหรือเปล่า ถ้าอยากได้อย่างนั้น อาจารย์ไม่ว่าอะไร เพราะถึงที่สุดไม่มีใครขีดเส้นชีวิตศิษย์ได้นอกจากตัวเอง
อาจารย์ให้ส้มโอก็แล้วกัน ลองไปไตร่ตรองทีละนิด ส้มโอก่อนจะกินมันต้องปอกเปลือกก็หนามาก ใช่ไหม (ใช่) ชีวิตก็เหมือนกัน กว่าศิษย์จะเข้าใจความจริงแท้ของชีวิต บางครั้งต้องผ่านความยากลำบาก ผ่านการเรียนรู้ แล้วศิษย์จะเข้าใจ เราอยู่ในโลก คนๆ หนึ่งที่ทำให้เรารักสุดจิตสุดใจ คนๆ หนึ่งที่ทำให้เราอยู่ด้วยไม่ไปไหน เราอยู่กับเขาแล้วรักเขาเพราะเขาทำในสิ่งที่ธรรมดา แต่ซื่อตรงและจริงใจ ค่าของคนอยู่ที่การกระทำ มีแฟนเป็น ด็อกเตอร์ มีลูกเป็นด็อกเตอร์ แต่คุยกับเราไม่รู้เรื่อง สู้มีลูกธรรมดาดีกว่า จริงไหม มีเพื่อนสวย มีเพื่อนเก่ง แต่ไม่แยแสไม่สนใจเราเลย ไม่เคยคำนึงถึงหัวอกเราเลย เราขอมีเพื่อนธรรมดาที่เข้าใจเราดีกว่า จริงไหม (จริง)
ศิษย์เคยดูประวัติพระพุทธเจ้าไหม เคยดูประวัติพระกวนอินไหม ยิ่งกรรมหนักแต่สามารถพลิกใจได้ คนธรรมดากลายเป็นพุทธะ ยิ่งทุกข์หนักแล้วพลิกใจรักษาใจจนสะอาดบริสุทธิ์ มีผู้หญิงคนหนึ่งโดนเผาทั้งเป็น เพราะเมียน้อยอิจฉา เลยจุดไฟเผาผู้หญิงที่เป็นเมียหลักให้ตายทั้งเป็น ขณะที่เขาโดนเผาทั้งเป็น ในใจเขาคิดเสมอว่า เขาจะไม่แค้น ไม่โกรธ เขาขอบคุณที่ทำให้เขาสิ้นทุกข์และสิ้นกรรมจบชาตินี้เลย ตายแล้วกลับพ้นทุกข์ทันที แต่ถ้าขณะนั้นถ้าเขาคิดแค่เพียงว่า ทำไมต้องทำฉัน ทำไมต้องฆ่าฉัน จิตเมื่อยังไม่พ้น ความคิดก็กลายเป็นตกนรก แล้วก็กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ชั่วขณะจิตเดียวเองนะศิษย์ แปรบาปให้เป็นบุญ แปรทุกข์ให้เป็นสิ้นทุกข์สิ้นกรรม อาจารย์บังคับศิษย์ไม่ได้ อยู่ที่ตัวศิษย์เองเลือกเดิน รู้นะว่าอะไรดี อะไรไม่ดี แต่อดใจไม่ได้ว่าทำไมต้องทำกับฉัน ทำไมต้องทำกับผมซึ่งเป็นลูก แต่เหตุผลอธิบายกันไม่ได้ แต่สิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลคือ ความจริงแห่งธรรมะที่ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ เราจะยอมรับไหม ล้างใจให้บริสุทธิ์เพื่อกลับคืนสู่ภาวะธรรมอันเดิมแท้ มนุษย์มาจากธรรมะ ไม่ใช่มาจากความทุกข์ คิดให้ดีๆ
(ทุกข์เพราะความคาดหวัง) เหมือนศิษย์คาดหวังแอปเปิลจากอาจารย์ โอกาสที่จะได้ไม่ได้มีเท่ากันไหม (เท่ากัน) แล้วคิดยังไงเพื่อจะได้ไม่ทุกข์ (อย่าไปคาดหวัง) แล้วเราไม่คาดหวังได้ไหม เรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด ถ้าศิษย์กล้าจริง ศิษย์เข้มแข็งจริง ศิษย์สู้ชีวิตจริง และศิษย์รักตัวเองจริง กลัวอะไร ล้มแล้วลุก ผิดแล้วสู้ใหม่ พ่ายแล้วชนะได้ ขอเพียงศิษย์ไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง ไม่ต้องไปสนใจคำดูถูกใคร สนใจประคองใจตัวเองให้ดีก็พอ ธรรมะคือความเป็นกลาง มีธรรมคือดึงใจให้เป็นกลาง เพื่อไม่ต้องเสียศูนย์
(ทุกข์เพราะหลงสาว) หลงสาวหรือหลงตัวเอง สิ่งที่เห็นว่าสวย แท้จริงอาจไม่สวย สิ่งที่ไม่สวย แท้จริงอาจสวย ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีอะไรเที่ยงแท้ อย่าหลงจนลืมความจริง เหมือนอาจารย์บอกว่ากินแอปเปิลผลนี้อร่อย กินแล้วแข็งแรง แต่ก็ตายเร็ว เอาไหม (ไม่เอา) หลงกับสิ่งที่ตัวเองชอบ มีแล้วทำให้ศิษย์ตายไวหรือตายช้า และทำให้ศิษย์ตายทั้งเป็น ใช่ไหม (ใช่) ถ้าไม่อยากตายทั้งเป็น ก็จงมองสิ่งที่หลงให้แจ่มชัด ไม่อย่างนั้นก็จะทุกข์เพราะตัวเอง
(ทุกข์เพราะไม่เคยพอใจในสิ่งที่มี สิ่งที่เป็น) ศิษย์รู้ไหมคนที่เกิดมาแล้วไม่เคยพอใจตัวเอง คือคนที่เกิดมาแล้วขาดทุนตั้งแต่เกิด แต่ถ้าคิดว่า แบบนี้ก็ดีแล้ว ดีไหม (ดี) อย่างน้อยอยู่กับตัวเองเงียบๆ คนเดียวก็อยู่ได้ ใช่ไหม (ใช่)
(ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี) ทุกข์เพราะความไม่พอ (มีความทุกข์เพราะความอยาก ที่ทนทุกข์เพราะสิ่งที่ตนมีอยู่ไม่เพียงพอ) ได้แล้วก็ไม่รู้สึกสุขเลย แปลว่าภรรยาอยู่นี่มีสุขไหม (ภรรยาเราไม่สามารถอ่านใจเขาได้ เขาจะทุกข์หรือจะสุขก็ได้ ทุกคนทุกข์เพราะว่าไม่พอใจสิ่งที่ตนมี) เราทุกข์เพราะเราไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ น่าสงสารนะ ศิษย์ควรจะดีใจแล้วควรมีความสุขนะ อายุตั้งปูนนี้แล้ว ยังอยู่รอดปลอดภัยยืนได้เข้มแข็ง โชคดีที่สุด เกิดมาควรพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ และจงเป็นสุขกับสิ่งที่มี แค่นี้ก็ดีนักหนาแล้ว ตอนนี้ไม่ทุกข์แล้ว ใช่ไหม (ไม่ทุกข์) ดีแล้วที่ได้แก่ ดีกว่าเกิดมายังไม่มีโอกาสแก่แล้วก็ตายเลย
(ทุกข์เพราะความคิด) ต้องระมัดระวังความคิด เพราะจิตของมนุษย์ง่ายที่จะไหลลงต่ำ ง่ายที่จะใฝ่หาความทุกข์และง่ายจะไปตามอารมณ์ ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมคือการฝึกข่มจิต จิตที่ฝึกดีแล้วคือจิตที่นำสุขมาให้ แต่เราเคยข่มจิตตัวเองบ้างไหม เราเคยระงับใจตัวเองได้ไหม ทุกข์เพราะพูดในสิ่งที่ไม่น่าพูด ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำ และยังข่มจิตตัวเองไม่ได้ เพราะไม่รู้อะไรดีอะไรไม่ดี ฉะนั้นเวลาจะทำอะไร คิดง่ายๆ ทำแบบนี้แล้วมันโหดร้ายกับคนอื่นไหม ทำแบบนี้แล้วทำร้ายใจคนไหม ถ้าคิดแบบนี้เสมอจะทำผิดไหม (ไม่ทำ)
(ทุกข์เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร) ถ้าวันนี้ขยัน วันนี้พากเพียร วันนี้ซื่อตรง วันนี้รับผิดชอบหน้าที่ ไม่ต้องกลัวอนาคต แต่ถ้ามัวห่วงอนาคต วันนี้ยังเอาไม่รอดอนาคตก็ดับ ฉะนั้นชีวิตอยู่ที่ปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อนาคตดีแน่ แต่ถ้าปัจจุบันยังขี้เกียจ ขี่มอเตอรไซต์เที่ยวอยู่ทุกวัน อนาคตก็ไม่รอด จริงไหม
(กลัวทำให้พ่อแม่เสียใจ) ตอบอาจารย์ตอบดี แต่พอถึงเวลาสนใจพ่อแม่ไหม ถ้าศิษย์คิดได้อยู่เสมอว่าไม่มีพ่อแม่ก็ไม่มีเราในวันนี้ ทำอะไรคิดถึงพ่อแม่เป็นหลัก ถือว่าเป็นลูกกตัญญู ขอให้คิดได้อย่างนี้เสมอ แอปเปิลผลนี้เอาให้ใครดี (ครึ่งหนึ่งของพ่อ ครึ่งหนึ่งของแม่) ปรบมือให้หน่อย
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “ทำใจให้เป็น”)
พูดไปจนถึงที่สุด ถ้าศิษย์ไม่ทำอาจารย์ก็พูดอะไรไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) รู้ธรรมแต่ไม่ปฏิบัติธรรมก็น่าเสียดาย จริงไหม (จริง) เสียดายนักเรียนในชั้นนี้ มีโอกาสฝึกปัญญาเพิ่มพูนทางธรรมบ้าง อย่าคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลชีวิต เพราะถึงที่สุดแล้ววันหนึ่งคนที่ต้องทุกข์และหนีไม่พ้นทุกข์ก็คือตัวของศิษย์เอง จะปฏิบัติบำเพ็ญอย่างไร ไม่ยากเลย ดำเนินชีวิตแบบไม่ผิดศีล ดำเนินชีวิตกับผู้คนไม่ขาดคุณธรรมความเป็นคน กับพ่อแม่รู้กตัญญู กับพี่น้องรู้จักรักใคร่ปรองดอง กับเพื่อนซื่อตรงจริงใจ รับผิดชอบหน้าที่ด้วยคุณธรรมเต็มหัวใจ เช่นนี้แล้ว เงยหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน ชีวิตก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เพราะศีลไม่ขาด ธรรมไม่พร่อง กรรมเวรไม่ยืดเยื้อ แม้ต้องตายวันนี้ก็ไม่เสียดายชีวิต ฉะนั้นความตายไม่น่ากลัว ความเจ็บก็ไม่น่ากลัว แต่การเกิดเป็นคนแล้วไม่รู้ทางดับทุกข์ น่ากลัวกว่า จริงไหม (จริง)
ดูแลกาย ดูแลใจตัวเองให้ดี เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เรามาจากธรรม เราก็ต้องกลับคืนสู่ธรรม เราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และเราก็ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติ บ้านเดิมแท้ของศิษย์คือบ้านแห่งธรรม บ้านในโลกหนีไม่พ้นทุกข์ แต่บ้านแห่งธรรมคือความสงบเย็น รู้จักกลับบ้านในโลกแล้วไม่อยากกลับบ้านที่แท้จริงหรือ บ้านที่ไม่มีทุกข์ บ้านที่พ้นทุกข์ บ้านที่พ้นเวรพ้นกรรม ยังละบาปไม่ได้ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าคนดี ฉะนั้นเริ่มต้น ละบาป บำเพ็ญบุญ ถือครองคุณธรรมในการอยู่ร่วมกับคน หนทางบำเพ็ญธรรมจึงไม่ใช่เรื่องยาก มีโอกาส อาจารย์คงได้มาผูกบุญกับศิษย์อีกนะ รักษาบุญอันนี้ไว้ด้วยหัวใจที่ดี อย่าทำผิด ได้ไหม (ได้) ถ้าศิษย์ทำผิด แม้ตัวจะอยู่แต่ใจศิษย์ติดอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ พุทธะมาโปรดจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าธรรมะที่ฟังไม่เคยเข้าไปอยู่ในใจศิษย์ ลองเอาไปคิดพิจารณาดูว่าสิ่งที่อาจารย์พูดวันนี้ เพื่ออาจารย์หรือเพื่อศิษย์ ทุกข์แล้วค่อยมีธรรม หรือควรมีธรรมก่อนแล้วจะได้ไม่ทุกข์ คิดไตร่ตรองให้ดีนะ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ทำใจให้เป็น”
กงล้อแห่งชีวิตล้วนเหมือนกัน เป็นสัจธรรมอันเป็นหนึ่งที่คงไว้
ยากมีใครหลีกหนีความจริงได้ ทุกสิ่งล้วนต้องเป็นไปเช่นนั้นเอง
ทำสิ่งใดได้สิ่งนั้นหนีไม่พ้น ไม่สร้างเหตุตกผลมาข่มเหง
ไม่ก่อบาปเพิ่มทุกข์รู้หวั่นเกรง บำเพ็ญเร่งฝึกมีธรรมเตือนตน
พระอาจารย์เมตตาแก้ไขเพลงพระโอวาทและประทานชื่อเพลงที่ให้ไว้ ณ สถานธรรมหมิงเอิน จ.เพชรบูรณ์ วันที่ ๙-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
เพลงพระโอวาทหน้า ๑๒ ย่อหน้าสุดท้าย
เดิม
แพ้นี้เพราะไม่อยากแพ้ อ่อนแอกว่าคนยอมแพ้ชินชา ถ้าเรียนรู้เห็น เพี้ยนหลอกสายตา ชอบฟังดีกว่า กำไรธรรมะกว่าเดิม
แก้ไขเป็น
ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น ชอบปาฏิหาริย์ เพ้อฝันทั้งคืน แม้ลืมตาตื่น ศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป
ลึกลับเพราะไม่เรียนรู้ อะไรนั้นคือธรรมะจริงจริง ใช้เดาแบบนี้เพราะไม่รู้จริง เมื่อขวัญมินิ่ง อย่างไรจะศึกษา
แพ้นี้เพราะไม่อยากแพ้ อ่อนแอกว่าคนยอมแพ้ชินชา ถ้าเรียนรู้เห็นเพี้ยนหลอกสายตา ชอบฟังดีกว่า กำไรธรรมะกว่าเดิม
*หลักในวันนี้ ธรรมะดีดี อย่าละทิ้งการศึกษา จิตใจเท่านั้นกลับคืนฟ้ามา ธรรมที่อรรถาครบถ้วนเพราะทำ
**ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น ชอบปาฏิหาริย์ เพ้อฝันทั้งคืน แม้ลืมตาตื่น ศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป (ซ้ำ *,**)
ทำนองเพลง : คิดถึงฉันบ้างคืนนี้
ชื่อเพลง : ธรรมะไม่ใช่เรื่องลี้ลับ
วันเสาร์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒ สถานธรรมหมิงอี้ จ.ตาก
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี
เมื่อเริ่มต้นก็ต้องไปให้ถึงสุด อย่าเดินเดินหยุดหยุดหมดความหมาย
เมื่อเข้าใจก็ต้องเดินให้ถึงชัย ความลำบากคัดคนให้ใครเก่งจริง
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก น้อมกายกราบอัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านเกษมสำราญฤๅ
ตามรอยเท้าแห่งอริยาแนบสนิท หมุนชีวิตแห่งกงล้อบาปบุญเคลื่อน
ประสบการณ์ล้วนแล้วเป็นเครื่องเตือน ไว้เป็นประกันเหมือนสัจธรรมความจริง
ความเหงาเศร้าอันวิเวกน่าสะพรึง เหงาที่หนึ่งเป็นหนีหลีกสรรพสิ่ง
ปกติคงไว้ยากมีใครนิ่ง แยกแยะความสิ่งสิ่งนั้นอะไร
ถือสาจริงได้ทุกข์เองนั้นสนอง วัฏจักรล้วนต้องเป็นไปเช่นไหน
อุเบกขาใดสิ่งทำก่อนทำใจ รวบรวมนั้นสิ่งกระจัดกระจายหนียิ่งลึก
รู้จักทำใจได้ไม่หมองหม่น ขณะพ้นไม่สร้างแต่รู้สึก
ประเมินผลตระหนักเหตุทุกข์รู้ลึก ให้มาฝึกปล่อยวางเพิ่มหวั่นลำพอง
ไม่ข่มเหงไม่ก่อบาปพยาบาท ไม่เร่งบำเพ็ญเกรงอำนาจชวนผยอง
คนบำเพ็ญฝึกอ่อนน้อมตามครรลอง ปฏิบัติธรรมเตือนตนต้องประจำวัน
คนไม่มีดีพร้อมโดยธรรมชาติ หากไม่ขาดก็เกินต้องบากบั่น
เข็นครกขึ้นภูเขาต้องฝ่าฟัน นอกในใจนั้นมีธรรมครอง
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี
ทำอะไรต้องทำจริง เมื่อมุ่งมั่นแล้วก็ต้องไปให้สุด ใครเปลี่ยนใจมาวันนี้วันเดียวพอ (ไม่เปลี่ยน) อยากจะรู้อะไรก็ควรรู้ให้ชัดก่อนที่จะปฏิเสธ จะได้ไม่เสียโอกาส หรือเสียสิ่งที่ไม่น่าจะเสียไป การศึกษาธรรม สิ่งที่สำคัญคือ เรียนรู้ใจตน ผ่อนปรนเรื่องผู้อื่น จะปฏิบัติธรรมไม่ใช่เอาธรรมะไปตีกรอบวัดค่าใคร ไปตรวจสอบใคร แต่ผู้ปฏิบัติธรรมคือผู้ที่เข้มงวดตนเอง ผ่อนปรนผู้อื่น แก้ไขตัวเองไม่แก้ไขผู้อื่น เรียกว่าหนทางที่ถูกต้องในการปฏิบัติธรรม แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเราปฏิบัติธรรมเข้มงวดผู้อื่น ผ่อนปรนตัวเอง เรียกร้องผู้อื่น แต่ลืมเรียกร้องใจตน เช่นนี้ไม่ถูกต้อง
บางครั้งการนิ่งเงียบคือธรรมะที่ดีที่สุด เพราะหนึ่งคำพูดคือหนึ่งความคิดเห็น และหนึ่งความคิดเห็น ชอบตัดสินผู้คนว่าถูกว่าผิด ทั้งที่จริงๆ แล้ว ทุกความคิดเห็นมีทั้งถูกและผิด แต่ถึงที่สุดแล้วเราก็ต้องปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นจริงตามธรรมชาติ สิ่งที่ดีที่สุดบางครั้งก็คือการนิ่งเงียบและยอมรับความจริง ซึ่งบางทีชีวิตเราลืมตรงนี้ไป เรื่องบางเรื่องเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เราก็ทำตัวเหมือนรู้ไปหมด ใช่หรือไม่
เรื่องบางเรื่องเรายังไม่เข้าใจแจ่มชัด แต่เราก็คิดว่าเรารู้ชัด จนถึงที่สุดแล้วชีวิตเป็นสิ่งที่ยาก ยากจะทำให้ดีที่สุด ใช่หรือเปล่า ท่านว่าโลกนี้น่าอยู่เพราะ (มีธรรมะ) มีธรรมะ แล้วทุกวันเรามีธรรมะไหม (มีบ้างไม่มีบ้าง) ชีวิตก็เลยน่าอยู่บ้าง ไม่น่าอยู่บ้าง แล้วเรายังมีชีวิตอยู่ได้เพราะ (เรามีธรรมะในใจ) อย่างนั้นเมื่อไรไม่มีธรรมะ ก็ขาดชีวิตชีวาใช่ไหม ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก เมื่อพูดถึงธรรมะและความเป็นจริงในชีวิต
เคยได้ยินไหมว่าถ้าไม่มีคนๆ หนึ่งเสียสละเพื่อเรา เราจะยังอยู่บนโลกนี้ได้ไหม ถ้าไม่มีคนที่รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ และเห็นผู้อื่นสำคัญกว่าตัวเอง จะมีเราอยู่บนโลกนี้ได้ไหม แต่พูดอย่างนี้คงนึกไม่ออกใช่ไหม มีคนๆ หนึ่งที่กินอิ่มและอยู่สบายโดยที่ไม่ต้องทำอะไร เพราะมีคนที่ยอมลำบาก เพื่อให้เรากินอิ่มและอยู่สบาย
โลกนี้น่าอยู่และเรายังมีชีวิตอยู่ได้ เพราะมนุษย์รู้จักเห็นคุณค่าของผู้อื่นมากกว่าตัวเอง และรู้จักเสียสละผลประโยชน์ส่วนตน เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อคนอื่น วันนี้เรามีเงินใช้ มีเงินเที่ยว มีชีวิตอยู่ได้จนเติบโตทุกวันนี้ เพราะความรับผิดชอบของพ่อแม่ เพราะความเสียสละความสุขตัวเองเพื่อลูก ถูกไหม (ถูก) เราเกิดเป็นคน เราจะห่วงแต่ความสุขตนจนไม่นึกถึงความสุขผู้อื่นได้ไหม (ไม่ได้) โลกนี้น่าอยู่ก็เพราะมีผู้เสียสละ เพราะมีผู้เมตตา เพราะมีคนที่เมื่อมีความสุขคิดถึงคนที่ทุกข์ เมื่อได้ดีคิดถึงคนที่โชคร้าย จริงไหม (จริง) แต่มนุษย์มักจะให้เหตุผลในการทำดีว่า ขอให้มั่งมีก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยอนุเคราะห์ช่วยเหลือคน ถ้าคิดอย่างนี้พ่อแม่คงไม่ต้องดูแลเรา เพราะพ่อแม่ทำทุกอย่างเพื่อจะให้มีฐานะและมาดูแลเรา ถูกไหม (ถูก) วันหนึ่งถ้าเรามีโอกาสเป็นพ่อแม่บ้าง แล้วเราไม่เคยคิดเสียสละเลย เราจะเลี้ยงลูกได้สำเร็จไหม และชีวิตนี้จะมีรุ่นต่อไปไหม (ไม่มี) ถ้าทุกคนคิดแค่เพียงว่า ขอตัวเองมีก่อน แล้วค่อยช่วยคนอื่น แล้วเราจะมีรุ่นหลังให้สืบต่อไหม (ไม่มี)
โลกนี้น่าอยู่ได้และเรายังคงอยู่ได้เพราะเมื่อเราสุขนึกถึงคนที่ทุกข์ เมื่อเรามีนึกถึงคนที่ไร้ ไม่จำเป็นจะต้องรอจนร่ำรวยแล้วถึงให้ เพราะถ้าคิดแบบนั้นคงไม่มีวันให้ใครได้ จริงไหม (จริง) เมื่อไรเรารวย (ไม่ทราบ) เมื่อไรเราพอ (ไม่มี) มีแต่ว่ายิ่งให้ก็ (ยิ่งได้) แต่มีคนคิดจะให้ไหม ในเมื่อตัวเองยังบอกว่าตัวเองยังไม่ได้เลย ฉะนั้นมีน้อยแต่ยังได้ให้ ดีกว่ารอจนสมบูรณ์แล้วไม่เคยให้ใครเลย เช่นนี้น่าเสียดาย
อยากเกิดเป็นคนที่มีเท่าไรก็ให้ หรือเกิดมาเป็นคนที่มีแต่ได้รับ ท่านอยากเกิดเป็นคนประเภทใด (คนที่มีแล้วให้) เราว่าไม่จริงนะ เพราะชีวิตเกิดมามีแต่ขอ ขอให้รวยก่อน ขอให้ดีก่อน ขอให้สุขก่อน แล้วฉันถึงจะให้ คนที่เกิดมามีแต่ให้ เขาเรียกว่าราชา คนที่เกิดมามีแต่ขอก่อนแล้วค่อยให้ เขาเรียกว่า (ยาจก)
ในเมื่อท่านก็รู้อยู่เต็มอกว่า โลกนี้น่าอยู่และตัวเรานี้ยังอยู่ได้เพราะมีคนเสียสละที่รู้จักคิดถึงสุขของคนอื่นมากกว่าสุขของตัวเอง โลกนี้น่าอยู่เพราะมีคนที่เมื่อตัวเองสุขยังนึกถึงคนที่ทุกข์ และโลกนี้ทำให้เรายังอยู่ได้เพราะว่าความรับผิดชอบของคนที่ยอมเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อความสุขของลูกหลาน ฉะนั้นพระพุทธะจึงกล่าวไว้ว่าอยู่อย่างราชาที่มีแต่ให้ ดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างขอทาน ที่เอาแต่ขอแต่ไม่เคยให้ใคร เพราะตัวเองไม่เคยพอสักที แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม การมาฟังธรรมะ ถ้าท่านไม่ตีกรอบธรรมะว่าจะต้องเป็นพระเทศน์ จะต้องได้ธรรมะเฉพาะในวัด ที่ไหนก็มีธรรมะได้ ท่านก็คงเปิดใจฟังเราได้รู้เรื่อง แต่มนุษย์มักอดไม่ได้ที่จะตีกรอบความรู้ความเข้าใจของตัวเองอย่างยึดมั่นตายตัว ความเป็นจริงล้วนไม่คงที่ ฉะนั้นมั่นใจหรือว่าสิ่งที่เรารู้นั้นเป็นความจริง
มนุษย์มีความรู้ความเข้าใจอยู่ในใจ แล้วเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เรารู้เข้าใจนั้นถูกต้อง เราถามท่านง่ายๆ หนึ่งบวกหนึ่งเป็น (สอง) แล้วหนึ่งบวกหนึ่งเป็นศูนย์ได้ไหม แล้วหนึ่งบวกหนึ่งติดลบได้ไหม ทำไมไม่เป็นสองล่ะ แอปเปิลรวมกับตัวเราเป็นอะไร หนึ่งหรือสอง ถ้าเราถือก็เป็นแอปเปิลหนึ่งและตัวเราหนึ่ง ถ้ามนุษย์ตีกรอบความจริงว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ แต่มันใช้วัดทุกสิ่งทุกอย่างได้ไหม (ไม่ได้) ถ้าเกิดว่าแอปเปิลเราได้มาแล้วเรากินไปแล้ว ตอนนี้ก็ยังเหลือเราหนึ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ ในโลกของความเป็นจริงเราคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะต้องได้แบบนี้ เรามักมีสูตรสำเร็จ ทำดีต้องได้ดี พูดดีต้องมีคนชม แต่ในโลกของความเป็นจริงทำดีแล้วไม่ได้ดีเป็นไปได้ไหม (ได้) แล้วการไม่ได้ดีคือเรื่องแย่ไหม โลกนี้เป็นโลกของความสัมพันธ์กัน มีคนเก่งก็ต้องมีคนไม่เก่ง อย่างนั้นหมายความว่าคนไม่เก่งเป็นคนไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่) ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อทำดีแล้วโดนว่า อย่างนั้นการโดนว่าไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่) อย่าตีกรอบของความคิดตัวเองจนทำให้เราไม่ซื่อตรงกับความจริง อย่าเอากรอบของความรู้ความเข้าใจมามองสรรพสิ่งอย่างตายตัวจนทำให้เราไม่เปิดใจกว้าง เราบอกว่าทำดีต้องได้ดี แต่ถ้าทำดีแล้วไม่ได้ดีนั่นเป็นคนอื่น หรือเป็นเพราะแบบนั้นไม่ดี หรือเป็นเพราะว่าคนอาจจะคิดได้ทั้งดีและไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเราเก่งถ้าเราฉลาด เราควรดูถูกคนที่ไม่เก่งไหม เราควรหงุดหงิดกับคนที่สอนยากไหม (ไม่ควร) คนล้มอย่าข้าม วันนี้เขาไม่เก่งต่อไปเขาอาจจะเก่ง แล้วเราอาจจะไม่เก่ง ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอย่าตีกรอบตายตัวว่าฉันเรียนไม่เก่ง ฉันไม่ประสบผลสำเร็จอะไรเลย ฉันไม่มีดีอะไรเลย คิดแบบนี้ทำร้ายตัวเองไหม ไม่ดูถูกตัวเองจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่จะย่ำอยู่กับที่จนไม่คิดจะพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงนี้ แต่อีกสิบนาทีเรายืนอีกที่หนึ่ง อย่างนั้นคนที่บอกว่าเมื่อสักครู่เรายืนอยู่ตรงนี้เขาพูดผิด คนที่บอกว่าเรายืนอยู่ตรงนั้นคือคนถูก ใช่ไหม (ไม่ใช่) วันนี้เราพบสุขแต่อีกวันหนึ่งเราพบทุกข์ ชีวิตเราต้องทุกข์แล้วไม่มีวันสุข ใช่ไหม (ไม่ใช่)
ถ้าวันนี้เราโดนคนทำร้าย แล้วเราจำเป็นต้องเกลียดคนที่ทำร้ายไหม เมื่อไรที่คิดจะเกลียดก็แปลว่าเราพร้อมจะทิ้งความสุขและเอาความทุกข์หรือนรกเผาไหม้ใจด้วยความเกลียด อย่างนั้นควรหรือที่จะเกลียด (ไม่ควร) เขาเกลียดเราวันนี้ แต่เขาอาจจะสอนอะไรดีๆ กับเราในวันหน้า ความเกลียดของเขาในวันนี้ อาจจะให้คุณค่าและความหมายที่แท้จริงที่เราไม่เคยรู้จักตัวเองก็เป็นได้ ยิ่งเขาเกลียดเรามากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องดูแลตัวเองให้เข้มแข็งมากเท่านั้น จริงไหม (จริง) แต่ในทางตรงกันข้าม เขายิ่งรักเรามากเท่าไรทำไมเรายิ่งอ่อนแอมากเท่านั้น ใช่ไหม (ใช่) อย่างนั้นควรหรือที่จะเกลียดคนที่น่ารังเกียจ (ไม่ควร)
ไม่มีอะไรจริงเสมอไป และไม่มีอะไรเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ขอเพียงเราไม่ดูถูกคุณค่าตัวเองและปล่อยชีวิตเป็นไปตามสิ่งแวดล้อม ชีวิตเราก็อยู่ในกำมือและเราควบคุมได้ เก่งภายนอก แข็งแกร่งภายนอก ไม่สู้ความเก่งที่หนักแน่นและรู้คุณค่าตัวเองในใจ ความแข็งแกร่งภายนอกจะมีประโยชน์อะไรถ้าไร้ซึ่งความแข็งแกร่งและสงบนิ่ง รู้คุณค่าตนในใจ
ต่อไปจะเกลียดคนที่น่ารังเกียจไหม จะเกลียดคนที่ว่าเราไหม (ไม่) เพราะอะไรหรือ ในดีมีร้ายในร้ายมีดี ถ้ามนุษย์พยายามหาความสมบูรณ์แบบ มนุษย์อาจจะไม่ซื่อตรงต่อความจริง เพราะมนุษย์มักจะบอกว่า ความสำเร็จ ความงาม ความดี ความสมหวังชัยชนะ หรือความสุข คือสิ่งที่สมบูรณ์ที่สุดในชีวิต เพราะเมื่อใดที่เราบอกว่า สิ่งนั้นคือสุขเราก็ต้องเรียนรู้ทุกข์ สิ่งนั้นสมบูรณ์ เราก็ต้องรู้จักความไม่สมบูรณ์ สิ่งที่ไม่สมบูรณ์สิ่งที่เรียกว่าทุกข์ แท้จริงแล้วมันใช่ทุกข์ไหม แท้จริงคือสิ่งที่ไม่งามไหม (ไม่ใช่)
มนุษย์มักจะกำหนดสิ่งที่เรียกว่าความสุขคือแบบนี้ เมื่อกำหนดความสุข ความทุกข์ก็บังเกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เมื่อกำหนดความดี ความไม่ดีก็เกิด เมื่อไรที่เรามีสิ่งที่ชอบ ความไม่ชอบก็เกิด ฉะนั้นสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เรียกว่าทุกข์ แท้จริงแล้วคือสิ่งที่ไม่ดี จริงหรือไม่ (ไม่จริง)
โลกนี้เป็นโลกของความสัมพันธ์กัน ความเกี่ยวเนื่องซึ่งกัน มีคนดีก็มีคนไม่ดี มีสิ่งที่เรียกว่าสำเร็จก็มีสิ่งที่เรียกว่าล้มเหลว ใช่หรือไม่ (ใช่) มนุษย์อยากมีธรรมะก็เพราะว่ามนุษย์พบความทุกข์ พบความล้มเหลว พบความพ่ายแพ้ พบความผิดหวัง แล้วชีวิตจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อพบความสุข พบความสำเร็จ ชนะเท่านั้น ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่) ต่อไปแม้เราจะพ่ายแพ้ เราก็เข้าใจความสมบูรณ์ในชีวิต แม้เราจะทุกข์เราก็รู้ว่ามันมี (สุข) ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกข์กับสุขไม่ได้แยกจากกัน อยู่ที่ใจเรากำหนดเท่านั้นเอง
อยากถามหาความหมายของชีวิต จงอย่าถามใครไกลเกินเอื้อม แต่จงหันกลับมาถามที่ใจตน เพราะถ้าโลกนี้เป็นโลกแห่งความเป็นจริง ผู้มีสติปัญญาเรียนรู้อยู่กับความเป็นจริง ย่อมไม่หวาดหวั่นเมื่อเจอความทุกข์ แต่จะก่อเกิดความเข้าใจและเป็นอิสระ มนุษย์มีเรื่องให้ติดเยอะแยะไปหมด แล้วพอติดก็หนีไม่พ้นความหวาดกลัว และพอกลัวขึ้นมา ทุกข์ขึ้นมา ก็ค่อยนึกถึงธรรม ทั้งที่จริงๆ แล้วผู้ที่กำหนดชีวิตให้สุขทุกข์ไม่ใช่ใคร นอกจากใจเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ระหว่างต้นกล้วยกับต้นทุเรียน ท่านว่าอะไรดีกว่าอะไร (กล้วย) ชีวิตเราควรเป็นเหมือนต้นทุเรียนหรือต้นกล้วย ต่างก็ดีคนละแบบ ถ้าเกิดว่าทางเลือกมีแค่สอง ท่านก็คิดได้แค่สอง ใช่หรือไม่ มีใครจะบอกว่าจะเป็นทั้งกล้วยและทุเรียนบ้าง กล้วยมีประโยชน์ไหม (มี) ส่วนไหนมีประโยชน์ (ทั้งต้น) แต่สิ่งที่น่ากลัวของกล้วยคือ เมื่อหน่ออ่อนแทงยอดมา ต้องฟันหน่อเก่าทิ้ง ถ้ายังเสียดายหน่อเก่าก็จะล้ม หน่อใหม่ก็จะตาย ฉะนั้นในสิ่งที่ดีที่สุดก็ยังมีข้อที่ต้องระวัง ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนบางคนเหมือนต้นกล้วย แต่เพื่อนเราบางคนเหมือนต้นทุเรียน อยู่กันตั้งนานหาอะไรไม่ค่อยเจอ เหมือนอยู่กับสามีอยู่กันตั้งนานกว่าจะออกผลสักทีเหมือนทุเรียนไหม เหมือนเราอยู่กับเพื่อนเราขยันทุกอย่างแต่เพื่อนเป็นเหมือนต้นทุเรียน มีไว้ประดับ นานๆ จะมีค่าสักทีใช่หรือไม่ (ใช่)
ในความเป็นจริงไม่มีอะไรดีพร้อมสมบูรณ์แบบ ในความเป็นจริงไม่มีอะไรที่มีค่ามากกว่าอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีค่าในตัวของตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการเรียนรู้ธรรมจึงไม่ได้สอนให้เรายกตัวเองสูงแล้วข่มคนอื่น แต่การเรียนรู้ธรรมสอนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นต้นกล้วยหรือต้นทุเรียน ไม่ว่าจะเป็นต้นใหญ่ที่ให้ร่มเงาหรือต้นหญ้า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีคุณ แต่ในคุณประโยชน์นั้นก็ต้องรู้จักระมัดระวังโทษที่ตามมาด้วย ถ้าคนๆ นั้นไม่รู้จักแก่นของสรรพสิ่งหรือไม่รู้ความจริงของชีวิต
ในโลกมีคนหลากหลายแบบ เป็นหญ้าเทียมพื้นหรือเป็นต้นไม้สูงให้ร่มเงา เป็นดอกไม้ที่ไม่มีกลิ่นหอมแต่กลับมีกลิ่นเหม็น เขาควรหรือที่เราจะผูกใจเจ็บและรังเกียจ แล้วทำให้เราต้องสูญเสียความสุขไปจากใจ ทั้งที่จริงๆแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีดีมีร้าย ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เมื่อสอนตัวเราได้ ทุกสิ่งก็เท่าเทียมกัน เมื่อไม่เอาตัวเองวัด ทุกอย่างก็มีค่าเท่ากัน แต่ที่เรียกว่าดีร้ายได้เสียทุกข์สุขนั้นล้วนเป็นเพราะใช้ใจตัวเองไปวัดทั้งสิ้น เมื่อใจบริสุทธิ์แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่ากัน ไม่มีอะไรร้ายในวันที่เราดี จริงหรือไม่ (จริง)
วันนี้เราได้มาผูกบุญกับท่าน อย่าเพิ่งดูถูกคุณค่าตัวเอง นั่งวันนี้อาจจะทรมาน อาจจะลำบาก และอาจจะฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก วันนี้เรามาเพื่อให้ท่านได้ประจักษ์ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเลวร้าย ถ้าใจเราเข้าใจทุกสิ่ง โลกนี้ไม่มีอะไรดีที่สุด ถ้าเราซื่อตรงต่อความจริง อย่ายึดมั่นความคิดจนลืมเปิดใจกว้าง ตราบใดที่ชีวิตยังต้องหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปเรื่อย ไม่มีอะไรดีที่สุดและแย่ที่สุด ใช่ไหม (ใช่)
วันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒ สถานธรรมหมิงอี้ จ.ตาก
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น
ชอบปาฏิหาริย์เพ้อฝันทั้งคืน แม้ลืมตาตื่นศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป
เราคือ
จี้กงอาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานหมิงอี้ แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์บ้างไหม
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
ชีวิตต้องฝึกฝน เกิดเป็นคนต้องเดินทาง
เดินไปทางไหนสดใส เดินไปทางไหนใจกว้าง
เดินเข้าใกล้ใจไม่จาง สว่างภายในจิตตน
ค้นหาตัวเองให้เจอ ไม่เผลอท่ามกลางสับสน
แม้จะมีวันอับจน แต่ตนรู้จักตัวเอง
ปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา ความคิดอารมณ์ข่มเหง
ฝึกตนรู้จักตัวเอง คนเก่งสติต้องไว
ทุกข์สุขเป็นเรื่องธรรมดา ศรัทธาความดียิ่งใหญ่
อย่าเป็นหินทับหญ้าไว้ สะสางภายในจิตตน
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ศิษย์เคยได้ยินไหมว่าสูงสุดคืนสู่สามัญ ถ้าธรรมะคือสิ่งที่สูงที่สุด สิ่งที่ดีที่สุด แปลว่าสิ่งที่สูงที่สุดและดีที่สุดก็คือความเป็นธรรมดา ดังนั้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นธรรมดา โดนด่าก็เป็น (ธรรมดา) สามีทิ้งก็เป็น (ธรรมดา) อกหักรักคุดก็เป็น (ธรรมดา) ฉะนั้นผู้สามารถยืนอยู่บนสิ่งที่ธรรมดาได้โดยรักษาจิตปกติไม่เสียศูนย์ ไม่เสียความเป็นคนดี คนนั้นก็คือคนที่สามารถเอาธรรมมาใช้และรักษาความปกติได้ แต่คนโดยส่วนใหญ่ยังรับความเป็นธรรมดาไม่ได้ มักชอบทำอะไรตามใจตัวเอง แต่โลกในความเป็นจริงนั้นเดินตามความเป็นจริง ไม่ได้เดินตามใจเรา ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ แค่ยอมรับความจริงอันเป็น (ธรรมดา) ที่เราทุกข์เพราะเราไม่รับความจริงและเอาแต่ใจตน ใช่ไหม (ใช่)
ถ้าเรามีสติอยู่เสมอหนทางพ้นทุกข์คือการค้นหาความจริงภายในใจตน ถ้าเราอยากพ้นทุกข์ ขอแค่มีสติปัญญา ยอมรับความจริงแล้วเราจะพ้นทุกข์ พ้นความกลัวในโลกนี้ ศิษย์กลัวตายไหม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรายอมรับ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่สิ่งสำคัญคือ อยู่ให้ดีหรือยัง ถ้าอยู่ไม่ดี อย่าเพิ่งตาย เพราะตายไปแล้วก็ยังจะไม่พ้นทุกข์
เกิดเป็นคนถ้าไม่คิดว่าตัวเองผิดพลาดบ้างเลย เราก็ไม่มีวันก้าวหน้า ผิดก็แก้ไขยอมรับ ทำให้ดีขึ้น อย่าซ้ำรอยเดิม ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นบาปกรรมติดตัว ถูกหรือไม่ (ถูก) มนุษย์มีทางเลือก อย่าพูดว่าตัวเองไม่มีทางเลือก ขอแค่เพียงเราขยันสู้ และเลือกทางที่ถูกต้อง หนทางสว่างอยู่ไม่ไกล แต่เสียอย่างเดียวเรามักอดใจไม่ไหว ห้ามใจไม่อยู่ ความโลภ กิเลส เลยทับถมให้เรามองไม่เห็นทางที่ถูกต้อง
บางครั้งความอยากอาจจะดูไม่บาป แต่การสนอง โดยที่ไม่คำนึงถึงเหตุผล ความถูกต้อง และความดีงาม ทำให้กลายเป็นบาป และบาปให้ผลคือความทุกข์ และให้ผลคือกรรมที่หนีไม่พ้นเพราะเราเป็นคนสร้างเหตุ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ส่วนใหญ่มนุษย์มักจะมองว่าธรรมะคือสิ่งที่อยู่ในวัด ธรรมะคือสิ่งที่พระพูด ถ้าอยากจะปฏิบัติธรรมะก็แค่ให้ทาน สวดมนต์ ทำบุญอาจารย์จะบอกศิษย์ว่า ธรรมะมีอะไรมากกว่านั้น ธรรมะที่ศิษย์รู้เป็นไปเพื่อ “ละ” ไม่ใช่เป็นไปเพื่อ “ยึด” ทุกครั้งที่ปฏิบัติ ปฏิบัติเพื่อละ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อยึด ธรรมะคือสิ่งที่ทำเพื่อปล่อยวางไม่ยึดถือ เราทำบุญเพื่อละ ไม่ใช่ทำบุญเพื่อยึด เราบำเพ็ญทานเพื่อละ ไม่ใช่บำเพ็ญทานเพื่อยึด
ศิษย์เอยถ้าจะพูดเรื่องธรรมะเราต้องปรับเรื่องความคิดให้ถูกต้องก่อน ถ้ามีความคิดที่ผิด เราก็จะดำเนินผิด ธรรมะเราปฏิบัติเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อยึด ใช่หรือไม่ (ใช่) เราทำบุญเพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ฉะนั้นเราทำบุญทำทานเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อยึด แต่ตอนนี้ศิษย์กำลังหลงกับการปฏิบัติธรรม เหมือนจะละ แต่ก็เหมือนจะยึด แล้วตกลงจะละหรือจะยึด (ละ) ละด้วยแล้วก็ยึดด้วย ไม่ถูก ปฏิบัติธรรมละด้วยยึดด้วย เหมือนที่ศิษย์ชอบเป็น ทำบุญไปแล้วก็ขอถูกสามตัว ให้ไปแล้วขอลูกหลานร่มเย็น ขอสามีเชื่อฟัง ขอลูกประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน ไปที่ไหนก็มีแต่คนดีคนรัก สาธุ ใช่ไหม (ใช่) แล้วตกลงเราละหรือเรายึด บุญคือสิ่งที่ทำเพื่อชำระล้างใจให้สะอาด คำว่าละคือสะอาด แล้วตอนนี้เราละหรือเรายึด (ละ) มือหนึ่งละมือหนึ่งยึดถูกไหม (ไม่ถูก) ถ้าธรรมะมีไว้เพื่อให้เราละมากกว่ายึด แล้วอะไรจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจล่ะ สิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคือความจริงแท้ เพราะความจริงแท้จะทำให้ศิษย์ไม่ทุกข์ แต่ถ้าศิษย์ยึดเหนี่ยวความดี ความดีก็ทำเราทุกข์ ทำดีต้องได้ดี พอไม่ได้ดีทุกข์ไหม (ทุกข์) เราทำดีเพื่อละ ไม่ใช่ทำดีเพื่อยึด ทุกข์เพราะละหรือทุกข์เพราะยึด (ยึด)
ถ้าทำบุญไปเพื่อจะหวังผลและจะได้กลับมา แก่ เจ็บ ตาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเอาไหม (ไม่เอา) ควรทำเพื่อละหรือควรทำเพื่อยึด (ละ) ควรทำเพื่อหวังผลหรือควรทำเพื่อไม่ต้องมีผลอะไร (ไม่มีผลอะไร) ที่แล้วมาทำเพื่อหวังผลใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าศิษย์เรียนรู้หลักธรรม ศิษย์ต้องเข้าใจแก่นของหลักธรรมให้ถูกต้อง เราศึกษาธรรมแปลว่าเราต้องไม่ยึดอะไรเลย แก่นแห่งธรรมะทั้งมวลล้วนสอนไว้ว่า ใดๆ ในโลก ล้วนไม่ควรยึดมั่นถือมั่น สิ่งใดมีความเกิด สิ่งนั้นล้วนมีความดับ เมื่อไรที่เราพยายามจะดับแปลว่าเรายังมีการยึดไม่ปล่อยวาง ทุกสิ่งล้วนมีเหตุและผล ถ้าเราไม่สร้างเหตุเราก็ไม่ต้องไปรับผล ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร สิ่งนั้นก็ไม่เป็นนายมาบังคับใจเรา วันนี้ศิษย์ยังทุกข์อยู่เพราะศิษย์พยายามยึด ทั้งที่จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไรในโลกยึดได้เลย จริงไหม (จริง) บอกห้ามแก่ แก่ไหม (แก่) บอกห้ามเจ็บ เจ็บไหม (เจ็บ) บอกห้ามตาย ตายไหม (ตาย) มันฟังเราไหม (ไม่ฟัง) สิ่งนี้ต้องเป็นของฉันคนเดียว ห้ามเปลี่ยนแปลง เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ต้องรักฉันคนเดียว ห้ามแบ่งใจเด็ดขาด อย่าตาย อย่าเจ็บ เราเป็นแบบนี้ ใช่ไหม (ใช่) ห้ามร้าย ห้ามชั่ว ห้ามโกหก ห้ามตระบัดสัตย์ เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ที่เราทุกข์อยู่เพราะเรากำลังหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่งเกิดแล้วมันก็ดับอยู่แล้ว เราอยากพ้นทุกข์ต้องพยายามปล่อยเพราะเรายึดกับความคิดไว้ ปล่อยที่ความคิด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างศิษย์ยื้อไม่ได้ จริงไหม (จริง)
พอเข้าใจธรรมะหรือยัง (เข้าใจ) อาจารย์พูดง่ายๆ คนด่าเรา ถ้าเราไม่ถือสา เราไม่เอามาใส่ใจ เราเห็นเหมือนไม่เห็น ทำอะไรเราได้ไหม แต่ถ้าเราถือสา เราใส่ใจ เราคิด แล้วเราทุกข์เพราะ (คิด) อยากดับทุกข์ จงหาความจริงแท้ในใจตน อยากจะพ้นทุกข์ พ้นความกลัวในโลก จงมีสติปัญญามองให้เห็นความจริง แล้วมนุษย์จะพ้นทุกข์พ้นความกลัวได้ ถ้าจิตใจเข้มแข็ง จริงไหม (จริง) แล้วเราจะเอาอะไรมารับมือ เวลาที่เราเจอความทุกข์ รู้ขนาดนี้ ทำใจได้ไหม (ได้)
เขายืมเงินไปแล้วไม่คืน ถ้าศิษย์ไม่สร้างเหตุให้เขามายืม ศิษย์ก็ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจว่าเมื่อไรเขาจะคืน ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าอยากจะช่วยคน ให้แบบที่เขาไม่คืนก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้เขาเท่าที่เขาอยากได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะขออยู่ร่ำไป ถูกไหม (ถูก) ให้เท่าที่เราช่วยเหลือแล้วเขาไม่คืนเรา เราก็ไม่เดือดร้อน เหมือนเวลาเรารับมือกับความทุกข์ เราจะเอาธรรมะมาปฏิบัติในชีวิตอย่างไร
เมื่อครู่อาจารย์บอกวิธีในการดับทุกข์ด้วยการเข้าถึงธรรมะ ด้วยการเข้าใจธรรมะอันเป็นพื้นฐานของความเป็นคน หรือเรียกว่าเข้าใจธรรมะอันเป็นจริงที่หลีกหนีไม่พ้น วิธีปฏิบัติที่จะดับทุกข์ได้ง่ายๆ ถ้าโดนเขาด่ามาศิษย์ทำอย่างไร (เฉยและพยายามนิ่ง) แต่คำว่า “เฉย” กับคำว่า “พยายามนิ่ง” ของศิษย์นั้น ในใจเก็บสิ่งนั้นมาเป็นอารมณ์ไหม (เก็บ) แล้วจำได้ไหมว่าเขาว่าเรา (จำได้) ทำไมอาจารย์ถึงพูดเช่นนี้ เวลาคนเขาว่าเรา ที่เรานิ่ง เราเฉยเป็นสิ่งที่ดี ศิษย์รู้ไหมว่าการนิ่งการเฉยนี้ สามารถตัดรากแห่งบาปทั้งมวลได้ การอดทนนิ่งได้ สามารถหยุดรากเหง้าของการทะเลาะวิวาทไม่ให้เกิดได้ ลดการติเตียนได้ แล้วการอดทนนิ่งได้เป็นทางแห่งการเจริญศีล สมาธิ และเป็นการเจริญกุศลทั้งมวลด้วย จิตที่นิ่งได้เมื่อโดนกระทบยังสามารถพ้นบ่วงเวร พ้นบ่วงมารได้ด้วย แต่โดยส่วนใหญ่เวลาเราโดนว่า หรือเราโดนทำร้าย เราอภัย เรายอม อดทนใช่ไหม (ใช่) สิ่งที่ศิษย์ทำได้คือพยายามให้อภัยทาน แต่คำว่าให้อภัยเป็นทาน เวลาเจอหน้าเขายังขัดเคืองใจไหม (มีบ้าง) และในใจยังจำสิ่งที่เขาว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทำดีทำไมจึงไม่พ้นทุกข์เราก็อภัยแล้ว เราก็นิ่งแล้ว คำว่าผูกเวรแปลว่า ใจจำได้ว่าเขาด่าว่า เอาชนะ ถากถาง กินแรง เวรกำลังถูกผูกไว้ที่ใจ เมื่อไรที่ใจจำได้ว่าคนอื่นทำไม่ดีกับเรา ทำร้ายเราแล้วจำไม่ลืม นั่นเรียกว่า “ผูกเวร” และเมื่อไรที่เจอคนที่ทำไม่ดีกับเราแล้วเผลอประชดประชัน เผลอด่ากระแหนะกระแหน หรือเผลอนินทานั่นเรียกว่า “จองกรรม” ถึงแม้ศิษย์จะบอกว่า ศิษย์อภัย แต่ถ้าในใจยังไม่สิ้นความยึดถือในตัวตน ไม่มีวันสิ้นทุกข์ ดังที่พระพุทธองค์บอกไว้ว่า ปฏิบัติธรรม ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ละบาปบำเพ็ญบุญเข้าถึงความบริสุทธิ์ ทานเป็นเบื้องต้นของศีล ศีลเป็นเบื้องต้นของสมาธิ และสมาธิเป็นเบื้องต้นของปัญญา ถ้าศิษย์ทำแค่ทาน แต่ศิษย์ยังไม่สามารถละการเบียดเบียนในใจได้ ศิษย์ก็ยังไม่พ้นทุกข์ ถึงแม้ศิษย์จะทำดีขนาดไหน ก็ยังไม่พ้นทุกข์ ให้อภัยแต่ในใจยังเก็บความไม่ดีของเขาอยู่ ยังจำได้อยู่ อย่างนี้จะพ้นไหม เวรยังถูกยืดเยื้ออยู่ในใจเพราะเรายังผูกเวรไว้ยังยึดความโกรธไว้ในใจ ยังยึดความเกลียดไว้ในใจ ฉะนั้นหนทางที่จะถึงความบริสุทธิ์ได้ก็คือ เมื่อจะให้ต้องให้ให้ถึงที่สุด เมื่อจะปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติให้สูงสุด เห็นแจ้งจนไม่เกิดความหวั่นไหวในใจ และมองเห็นเป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง มนุษย์จะสิ้นวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิดได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์สามารถดับสิ้นซึ่งความคิดยึดมั่นถือมั่นในตัวตนจนหมดไม่เหลือ มนุษย์จึงจะสามารถพ้นเวียนว่ายตายเกิดได้ ยากไหม (ไม่ยาก)
(พระอาจารย์เมตตาเรียกนักเรียนฝ่ายชายหนึ่งคนออกมายืนหน้าชั้น แล้วทักทายด้วยการตีศรีษะ)
ทำแบบนี้อาจารย์ตีเสร็จก็แล้ว ศิษย์จบไหม (ไม่จบ) นั่นคือกำลังผูกเวรให้ยืดเยื้อ ถ้าแค่โดนตบ คิดดีขึ้นสวรรค์ คิดชั่วด่าในใจตกนรก แต่ถ้าพ้นจากความคิด ไม่คิดอะไร ช่างมัน ทุกอย่างเกิดแล้วจบแล้ว จงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ฉะนั้นที่อาจารย์ตีก็จบแล้วถูกไหม ถ้าเราไม่ยึดติด เราอยู่กับปัจจุบัน เรายอมรับความจริง ก็แค่ตีก็แค่เจ็บที่กาย แต่ไม่เจ็บที่ใจ จบไหม (จบ) ฉะนั้นอยากสิ้นเวรสิ้นกรรมก็อยู่ที่ว่าจบหรือไม่จบถ้าไม่จบก็ผูกใจเจ็บ ก็หนีไม่พ้นทุกข์ แต่ถ้าจบแล้วจบกัน ศิษย์เอ๋ย ถูกตีเจ็บแค่กาย แต่ถ้าเราแค้นมันเจ็บไปถึงใจและทำให้เราต้องกลับมาเวียนว่าย ต้องแก้แค้นอีก ศิษย์จำไว้นะ คิดดีขึ้นสวรรค์ คิดชั่วตกนรก แต่ถ้าพ้นจากความยึดติดในตัวตน นั่นคือพ้นทุกข์พ้นบาปกรรมนิจนิรันดร์
การศึกษาธรรมไม่ใช่การปฏิบัติแค่ภายนอก ต้องลงแรงปฏิบัติที่ภายใน มนุษย์เกิดมาพร้อมกับกรรม เราเป็นผลพวงของกรรมที่เราสร้าง เราอยากสร้างกรรมต่อหรือเราอยากจบกรรม (จบกรรม) แล้วทุกวันนี้เราผูกกรรมต่อหรือเราจบกรรม อย่าบำเพ็ญแค่ระดับทาน แต่ให้ก้าวไปจนระดับศีลบริสุทธิ์ ถ้าเราโดนเขาเบียดเบียน เราไม่เบียดเบียนกลับ เราจะให้ธรรมะเป็นทาน ประเสริฐกว่าทานทั้งปวง ถ้าเขาด่าเรามา แต่เราปฏิบัติด้วยเมตตากลับ เราให้ทานที่ประเสริฐ เขาเบียดเบียนเรา แต่เราเมตตากลับ เราสามารถทำทานได้ทุกที่ทำให้อยู่ที่ไหนก็เย็นได้ด้วยใจเราเอง เขาด่ามาฉันจะเมตตากลับ เขาโกงมาฉันจะซื่อตรงกลับ เขาทำร้ายมา ฉันจะใจเย็นกลับ ฉันจะไม่ทำร้ายเขา นี่เรียกว่า ให้ทานที่ยิ่งใหญ่และทานนั้นสามารถเป็นบุญเป็นกุศลได้ ทำได้ไหม (ได้) ปฏิบัติธรรมอย่างนี้ยากไหม (ไม่ยาก) เมื่อเรามองเห็นความเป็นจริงว่า มันก็เป็นธรรมดา วันนี้เขาด่าฉัน วันพรุ่งนี้เขาอาจจะชมฉันก็ได้ ในเมื่อชีวิตมีโอกาส ทำไมไม่พลิกชีวิตให้เป็นการพ้นทุกข์ ทำไมปล่อยให้ชีวิตจมอยู่กับความทุกข์ อย่าบอกว่าไม่มีทางเลือก ชีวิตมีทางเลือก แต่เมื่อเลือกจงก้าวให้สูงที่สุดและจงไปให้ดีที่สุด อย่ามีธรรมะแค่ผิวเผิน ทำทุกวันให้เป็นการพ้นทุกข์พ้นกรรม ดีกว่าใช้อารมณ์ ดีกว่าสร้างบาปแล้วผลสุดท้ายก็หนีไม่พ้นทุกข์
มนุษย์ยังทุกข์เพราะเรื่องอะไรบ้าง (การเรียน) การเรียนทำให้เกิดปัญญา ปัญญานำพาให้เราพ้นทุกข์ได้ แล้วปัญญาสามารถนำพาชีวิตให้พ้นความลำบากได้ ฉะนั้นอย่าไปทุกข์ ก้มหน้ายอมรับความจริง ใช่ไหม (ใช่)
(อยากมีปัญญา) อยากในสิ่งที่ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ความอยากนั้นจะไม่ทำให้เราทุกข์ แต่ต้องไม่ลืมความจริงว่า บางทีอาจจะสมหวังหรือไม่สมหวังก็ได้ ความอยากก็จะไม่ทุกข์
(ทุกข์เพราะเจ็บป่วย) เจ็บป่วยหนีพ้นไหมศิษย์ (ไม่พ้น) รักษาได้ให้รักษา สู้ได้สู้ และยอมรับกับสิ่งที่เป็น อย่าทุกข์กายแล้วลงไปที่ใจไม่อย่างนั้นจะทำให้ทรมาน ใครบ้างไม่เคยเจ็บ ใครบ้างไม่เคยป่วย มีไหม (ไม่มี) ฉะนั้นเราป่วยเป็นเรื่องธรรมดา
ความเจ็บป่วยมีอยู่สองแบบ แบบที่หนึ่งคือ เราสร้างเอง แบบที่สองคือ เวรกรรมตกผล ทำไมกินเหมือนกัน อยู่เหมือนกัน คนอื่นไม่ป่วยแต่เราป่วย เมื่อป่วยแล้วรักษาไม่หาย เป็นเพราะเวรกรรม แล้ววิธีจะแก้เวรกรรมได้คือ ยินดีชดใช้และสร้างบุญกุศลให้มากๆ อย่าสร้างบาปอีก
(ทุกข์เพราะใจยึดมั่น) ตอนนี้รู้หรือยังว่ามันยึดไม่ได้ ศิษย์จำไว้นะ ทำตัวเองให้ดีที่สุด ถึงเวลาผลจะเป็นอย่างไรกล้ายอมรับ จะทำให้เราไม่ทุกข์
(ทุกข์เพราะหนี้สิน เรื่องทำมาหากิน อาชีพ) ตอนแรกคิดว่าเราหามาเพื่อเราจะได้มีความสุข แต่หาไปหามากลายเป็นหนี้สิน ยังอยากทำต่อไหม (ก็ยังต้องทำ) ถ้าศิษย์อยากให้จบ แค่ยอมรับ อย่าหนี สู้ด้วยใจที่ยอมรับความจริง เมตตาธรรมจะแปรบาปให้เป็นบุญ แปรทุกข์ให้เป็นพ้นทุกข์มนุษย์ยังทุกข์ไม่จบสิ้นเพราะไม่สามารถควบคุมความคิดได้ และความคิดเป็นต้นเหตุสำคัญที่สุด ฉะนั้นถ้าเราเปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน ถ้ายังดื้อดึงในความคิดเดิมเราก็ทุกข์เพราะความคิด จิตมนุษย์ชอบไหลลงสู่ที่ต่ำ ชอบคิดแย่มากกว่าคิดดี ถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ ต้องเปลี่ยนความคิดให้ได้
(เรียนไม่รู้เรื่อง) ถ้าใจชอบ ยากอย่างไรก็ทำจนได้ เต้นไม่เป็น แต่ถ้าชอบเต้น ท่ายากๆ ศิษย์ก็เต้นได้ เพราะใจชอบ เพราะใจรัก ถ้าอยากเรียนให้รู้เรื่องต้องเริ่มที่ใจศิษย์ก่อน ถ้ารักในการเรียน ยากอย่างไรก็เรียนรู้เรื่อง แต่ถ้าไม่รักในเรียน ง่ายอย่างไรมันก็เรียนไม่รู้เรื่อง จริงไหม (จริง) แล้วการเรียนก็เพื่อตัวเองนะ ไม่ใช่เพื่อพ่อแม่
(หนี้สินของตนเอง) ทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครไม่มีหนี้ บางคนมีหนี้ทางใจ บางคนมีหนี้ทางร่างกาย หนี้ทางทรัพย์สินยินดีชดใช้ด้วยใจเป็นสุข ยังดีกว่าปล่อยให้เป็นหนี้ทางใจ ฉะนั้นมีหนี้ก็ใช้ และพยายามลดความอยากให้มาก เงินที่มีอยู่ก็จะเพิ่มขึ้น ถ้ายังอยากเท่าเดิม แต่เงินเท่านี้ ก็มีหนี้ไม่จบสิ้น แล้วประคองสติให้ดี ทำอะไรคิดให้เยอะๆ หยุดความอยากของตัวเองให้น้อยลงสิ่งที่มีจะมีมูลค่าที่จะไปใช้หนี้ได้ แต่ถ้าความอยากยังสูง หนี้ก็ยังมีอยู่ จะไม่มีวันชดใช้ได้หมดลดความอยากของตัวเองให้มากที่สุด หนี้จะได้ผ่อนหมด ลูกหนี้ที่ดีคือใช้แต่น้อยแต่ไม่เกี่ยงงอนเขาก็จะรับ พยายามพึ่งตนเองให้มาก อย่าคิดพึ่งคนอื่น ที่มีหนี้เพราะเราคิดว่าพึ่งคนนั้นก็ได้ พึ่งคนนี้ก็ได้ใช่ หนี้เราถึงมีเต็มไปหมด แต่ถ้าเมื่อไรเราคิดพึ่งตัวเองเราจะก่อหนี้ไหม ถ้าเรารับผิดชอบต่อตัวเองเราจะสร้างหนี้ให้ใครเดือดร้อนไหม เงินใครใครก็รักจริงไหม ยืมเขามาเขาก็อยากได้คืน ฉะนั้นเป็นลูกหนี้ที่ดี ยินดีชดใช้นะ แต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อเราเจอปัญหา เราพร้อมรับความเป็นจริงไหม ชีวิตไม่อยากสูญเสีย แต่มีใครบ้างไม่สูญเสีย ชีวิตไม่อยากพลัดพรากไม่อยากล้มละลาย แต่ใครบ้างไม่พลัดพรากไม่ล้มละลาย เพราะถึงที่สุดเราต้องกลับไปสู่ความไม่มี ไม่ได้ ไม่เอา แล้วเราจะยึดเพื่อให้ทุกข์ทำไม ถ้าของจะเป็นของเราอย่างไรก็เป็นของเรา แต่ถ้าไม่ใช่ของเราทำอย่างไรก็ไม่ใช่ของเรา ให้รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทำอะไรให้คิดถึงหัวอกของพ่อแม่ พ่อแม่จะเดือดร้อนไหม พ่อแม่จะเจ็บปวดไหม พ่อแม่จะเสียใจไหมที่เราทำแบบนี้ ถ้าทำได้แบบนี้ศิษย์จะไม่ทุกข์นะ
(ทุกข์เพราะแค้น) ถูกกดขี่ข่มเหง ถูกดูถูก ถูกเหยียดหยาม เราโกรธแค้น เราเคืองใจ ถูกคนดูถูกคุณค่าเรา เราเจ็บแค้น แต่ความเจ็บแค้นนี้มันเป็นเหมือนไฟเผา เราสูญเสียความสุขไปเพียงเพราะว่าเราแค้นเราเจ็บ ศิษย์รู้ไหมว่า การเกิดเป็นคน สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คืออัตตาตัวตนที่ยึดมั่นถือมั่นอย่างไม่ปล่อยวาง รู้อะไรแล้วรู้ไม่สุดมันคืออวิชชา ที่ทำให้เราไม่มีวันพ้นทุกข์ ยังอยากจะผูกไว้หรือ (ตอนเขาทำเรา เขาก็จบโดยที่เขามีความสุข ถ้าเราทำแบบนั้นเราก็จบแบบเรามีความสุข) ศิษย์มั่นใจว่าคิดถูกใช่ไหม (ถูก) วัฏจักรของมนุษย์ที่ยังเวียนว่ายไม่จบสิ้นก็เพราะมนุษย์ไม่สามารถวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เราก็เลยไม่มีวันพ้นทุกข์ ทั้งที่จริงๆ แล้วศิษย์มีหนทางพ้นทุกข์ในตัวเอง ศิษย์มีสิ่งที่ดีในตัวเอง เอาเป็นแค่แรงผลักดันแต่ไม่ผูกใจเจ็บไม่ได้หรือ ไม่ผูกใจเจ็บ แค่ยอมรับความจริง ถ้าอาจารย์บอกว่าชาติที่แล้วศิษย์ไปทำเขา ชาตินี้เขาทำศิษย์กลับ ถ้าอย่างนั้นแปลว่าศิษย์อยากทำกลับเพื่อจะได้กลับมาเจอกันอีก เอาไหม (คิดว่าไม่น่าจะได้กลับ) ไม่แน่นะ แต่จะกลับมาเป็นคนหรือเปล่า ถ้าอยากได้อย่างนั้น อาจารย์ไม่ว่าอะไร เพราะถึงที่สุดไม่มีใครขีดเส้นชีวิตศิษย์ได้นอกจากตัวเอง
อาจารย์ให้ส้มโอก็แล้วกัน ลองไปไตร่ตรองทีละนิด ส้มโอก่อนจะกินมันต้องปอกเปลือกก็หนามาก ใช่ไหม (ใช่) ชีวิตก็เหมือนกัน กว่าศิษย์จะเข้าใจความจริงแท้ของชีวิต บางครั้งต้องผ่านความยากลำบาก ผ่านการเรียนรู้ แล้วศิษย์จะเข้าใจ เราอยู่ในโลก คนๆ หนึ่งที่ทำให้เรารักสุดจิตสุดใจ คนๆ หนึ่งที่ทำให้เราอยู่ด้วยไม่ไปไหน เราอยู่กับเขาแล้วรักเขาเพราะเขาทำในสิ่งที่ธรรมดา แต่ซื่อตรงและจริงใจ ค่าของคนอยู่ที่การกระทำ มีแฟนเป็น ด็อกเตอร์ มีลูกเป็นด็อกเตอร์ แต่คุยกับเราไม่รู้เรื่อง สู้มีลูกธรรมดาดีกว่า จริงไหม มีเพื่อนสวย มีเพื่อนเก่ง แต่ไม่แยแสไม่สนใจเราเลย ไม่เคยคำนึงถึงหัวอกเราเลย เราขอมีเพื่อนธรรมดาที่เข้าใจเราดีกว่า จริงไหม (จริง)
ศิษย์เคยดูประวัติพระพุทธเจ้าไหม เคยดูประวัติพระกวนอินไหม ยิ่งกรรมหนักแต่สามารถพลิกใจได้ คนธรรมดากลายเป็นพุทธะ ยิ่งทุกข์หนักแล้วพลิกใจรักษาใจจนสะอาดบริสุทธิ์ มีผู้หญิงคนหนึ่งโดนเผาทั้งเป็น เพราะเมียน้อยอิจฉา เลยจุดไฟเผาผู้หญิงที่เป็นเมียหลักให้ตายทั้งเป็น ขณะที่เขาโดนเผาทั้งเป็น ในใจเขาคิดเสมอว่า เขาจะไม่แค้น ไม่โกรธ เขาขอบคุณที่ทำให้เขาสิ้นทุกข์และสิ้นกรรมจบชาตินี้เลย ตายแล้วกลับพ้นทุกข์ทันที แต่ถ้าขณะนั้นถ้าเขาคิดแค่เพียงว่า ทำไมต้องทำฉัน ทำไมต้องฆ่าฉัน จิตเมื่อยังไม่พ้น ความคิดก็กลายเป็นตกนรก แล้วก็กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ชั่วขณะจิตเดียวเองนะศิษย์ แปรบาปให้เป็นบุญ แปรทุกข์ให้เป็นสิ้นทุกข์สิ้นกรรม อาจารย์บังคับศิษย์ไม่ได้ อยู่ที่ตัวศิษย์เองเลือกเดิน รู้นะว่าอะไรดี อะไรไม่ดี แต่อดใจไม่ได้ว่าทำไมต้องทำกับฉัน ทำไมต้องทำกับผมซึ่งเป็นลูก แต่เหตุผลอธิบายกันไม่ได้ แต่สิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลคือ ความจริงแห่งธรรมะที่ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ เราจะยอมรับไหม ล้างใจให้บริสุทธิ์เพื่อกลับคืนสู่ภาวะธรรมอันเดิมแท้ มนุษย์มาจากธรรมะ ไม่ใช่มาจากความทุกข์ คิดให้ดีๆ
(ทุกข์เพราะความคาดหวัง) เหมือนศิษย์คาดหวังแอปเปิลจากอาจารย์ โอกาสที่จะได้ไม่ได้มีเท่ากันไหม (เท่ากัน) แล้วคิดยังไงเพื่อจะได้ไม่ทุกข์ (อย่าไปคาดหวัง) แล้วเราไม่คาดหวังได้ไหม เรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด ถ้าศิษย์กล้าจริง ศิษย์เข้มแข็งจริง ศิษย์สู้ชีวิตจริง และศิษย์รักตัวเองจริง กลัวอะไร ล้มแล้วลุก ผิดแล้วสู้ใหม่ พ่ายแล้วชนะได้ ขอเพียงศิษย์ไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง ไม่ต้องไปสนใจคำดูถูกใคร สนใจประคองใจตัวเองให้ดีก็พอ ธรรมะคือความเป็นกลาง มีธรรมคือดึงใจให้เป็นกลาง เพื่อไม่ต้องเสียศูนย์
(ทุกข์เพราะหลงสาว) หลงสาวหรือหลงตัวเอง สิ่งที่เห็นว่าสวย แท้จริงอาจไม่สวย สิ่งที่ไม่สวย แท้จริงอาจสวย ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีอะไรเที่ยงแท้ อย่าหลงจนลืมความจริง เหมือนอาจารย์บอกว่ากินแอปเปิลผลนี้อร่อย กินแล้วแข็งแรง แต่ก็ตายเร็ว เอาไหม (ไม่เอา) หลงกับสิ่งที่ตัวเองชอบ มีแล้วทำให้ศิษย์ตายไวหรือตายช้า และทำให้ศิษย์ตายทั้งเป็น ใช่ไหม (ใช่) ถ้าไม่อยากตายทั้งเป็น ก็จงมองสิ่งที่หลงให้แจ่มชัด ไม่อย่างนั้นก็จะทุกข์เพราะตัวเอง
(ทุกข์เพราะไม่เคยพอใจในสิ่งที่มี สิ่งที่เป็น) ศิษย์รู้ไหมคนที่เกิดมาแล้วไม่เคยพอใจตัวเอง คือคนที่เกิดมาแล้วขาดทุนตั้งแต่เกิด แต่ถ้าคิดว่า แบบนี้ก็ดีแล้ว ดีไหม (ดี) อย่างน้อยอยู่กับตัวเองเงียบๆ คนเดียวก็อยู่ได้ ใช่ไหม (ใช่)
(ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี) ทุกข์เพราะความไม่พอ (มีความทุกข์เพราะความอยาก ที่ทนทุกข์เพราะสิ่งที่ตนมีอยู่ไม่เพียงพอ) ได้แล้วก็ไม่รู้สึกสุขเลย แปลว่าภรรยาอยู่นี่มีสุขไหม (ภรรยาเราไม่สามารถอ่านใจเขาได้ เขาจะทุกข์หรือจะสุขก็ได้ ทุกคนทุกข์เพราะว่าไม่พอใจสิ่งที่ตนมี) เราทุกข์เพราะเราไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ น่าสงสารนะ ศิษย์ควรจะดีใจแล้วควรมีความสุขนะ อายุตั้งปูนนี้แล้ว ยังอยู่รอดปลอดภัยยืนได้เข้มแข็ง โชคดีที่สุด เกิดมาควรพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ และจงเป็นสุขกับสิ่งที่มี แค่นี้ก็ดีนักหนาแล้ว ตอนนี้ไม่ทุกข์แล้ว ใช่ไหม (ไม่ทุกข์) ดีแล้วที่ได้แก่ ดีกว่าเกิดมายังไม่มีโอกาสแก่แล้วก็ตายเลย
(ทุกข์เพราะความคิด) ต้องระมัดระวังความคิด เพราะจิตของมนุษย์ง่ายที่จะไหลลงต่ำ ง่ายที่จะใฝ่หาความทุกข์และง่ายจะไปตามอารมณ์ ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมคือการฝึกข่มจิต จิตที่ฝึกดีแล้วคือจิตที่นำสุขมาให้ แต่เราเคยข่มจิตตัวเองบ้างไหม เราเคยระงับใจตัวเองได้ไหม ทุกข์เพราะพูดในสิ่งที่ไม่น่าพูด ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำ และยังข่มจิตตัวเองไม่ได้ เพราะไม่รู้อะไรดีอะไรไม่ดี ฉะนั้นเวลาจะทำอะไร คิดง่ายๆ ทำแบบนี้แล้วมันโหดร้ายกับคนอื่นไหม ทำแบบนี้แล้วทำร้ายใจคนไหม ถ้าคิดแบบนี้เสมอจะทำผิดไหม (ไม่ทำ)
(ทุกข์เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร) ถ้าวันนี้ขยัน วันนี้พากเพียร วันนี้ซื่อตรง วันนี้รับผิดชอบหน้าที่ ไม่ต้องกลัวอนาคต แต่ถ้ามัวห่วงอนาคต วันนี้ยังเอาไม่รอดอนาคตก็ดับ ฉะนั้นชีวิตอยู่ที่ปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อนาคตดีแน่ แต่ถ้าปัจจุบันยังขี้เกียจ ขี่มอเตอรไซต์เที่ยวอยู่ทุกวัน อนาคตก็ไม่รอด จริงไหม
(กลัวทำให้พ่อแม่เสียใจ) ตอบอาจารย์ตอบดี แต่พอถึงเวลาสนใจพ่อแม่ไหม ถ้าศิษย์คิดได้อยู่เสมอว่าไม่มีพ่อแม่ก็ไม่มีเราในวันนี้ ทำอะไรคิดถึงพ่อแม่เป็นหลัก ถือว่าเป็นลูกกตัญญู ขอให้คิดได้อย่างนี้เสมอ แอปเปิลผลนี้เอาให้ใครดี (ครึ่งหนึ่งของพ่อ ครึ่งหนึ่งของแม่) ปรบมือให้หน่อย
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “ทำใจให้เป็น”)
พูดไปจนถึงที่สุด ถ้าศิษย์ไม่ทำอาจารย์ก็พูดอะไรไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) รู้ธรรมแต่ไม่ปฏิบัติธรรมก็น่าเสียดาย จริงไหม (จริง) เสียดายนักเรียนในชั้นนี้ มีโอกาสฝึกปัญญาเพิ่มพูนทางธรรมบ้าง อย่าคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลชีวิต เพราะถึงที่สุดแล้ววันหนึ่งคนที่ต้องทุกข์และหนีไม่พ้นทุกข์ก็คือตัวของศิษย์เอง จะปฏิบัติบำเพ็ญอย่างไร ไม่ยากเลย ดำเนินชีวิตแบบไม่ผิดศีล ดำเนินชีวิตกับผู้คนไม่ขาดคุณธรรมความเป็นคน กับพ่อแม่รู้กตัญญู กับพี่น้องรู้จักรักใคร่ปรองดอง กับเพื่อนซื่อตรงจริงใจ รับผิดชอบหน้าที่ด้วยคุณธรรมเต็มหัวใจ เช่นนี้แล้ว เงยหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน ชีวิตก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เพราะศีลไม่ขาด ธรรมไม่พร่อง กรรมเวรไม่ยืดเยื้อ แม้ต้องตายวันนี้ก็ไม่เสียดายชีวิต ฉะนั้นความตายไม่น่ากลัว ความเจ็บก็ไม่น่ากลัว แต่การเกิดเป็นคนแล้วไม่รู้ทางดับทุกข์ น่ากลัวกว่า จริงไหม (จริง)
ดูแลกาย ดูแลใจตัวเองให้ดี เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เรามาจากธรรม เราก็ต้องกลับคืนสู่ธรรม เราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และเราก็ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติ บ้านเดิมแท้ของศิษย์คือบ้านแห่งธรรม บ้านในโลกหนีไม่พ้นทุกข์ แต่บ้านแห่งธรรมคือความสงบเย็น รู้จักกลับบ้านในโลกแล้วไม่อยากกลับบ้านที่แท้จริงหรือ บ้านที่ไม่มีทุกข์ บ้านที่พ้นทุกข์ บ้านที่พ้นเวรพ้นกรรม ยังละบาปไม่ได้ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าคนดี ฉะนั้นเริ่มต้น ละบาป บำเพ็ญบุญ ถือครองคุณธรรมในการอยู่ร่วมกับคน หนทางบำเพ็ญธรรมจึงไม่ใช่เรื่องยาก มีโอกาส อาจารย์คงได้มาผูกบุญกับศิษย์อีกนะ รักษาบุญอันนี้ไว้ด้วยหัวใจที่ดี อย่าทำผิด ได้ไหม (ได้) ถ้าศิษย์ทำผิด แม้ตัวจะอยู่แต่ใจศิษย์ติดอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ พุทธะมาโปรดจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าธรรมะที่ฟังไม่เคยเข้าไปอยู่ในใจศิษย์ ลองเอาไปคิดพิจารณาดูว่าสิ่งที่อาจารย์พูดวันนี้ เพื่ออาจารย์หรือเพื่อศิษย์ ทุกข์แล้วค่อยมีธรรม หรือควรมีธรรมก่อนแล้วจะได้ไม่ทุกข์ คิดไตร่ตรองให้ดีนะ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ทำใจให้เป็น”
กงล้อแห่งชีวิตล้วนเหมือนกัน เป็นสัจธรรมอันเป็นหนึ่งที่คงไว้
ยากมีใครหลีกหนีความจริงได้ ทุกสิ่งล้วนต้องเป็นไปเช่นนั้นเอง
ทำสิ่งใดได้สิ่งนั้นหนีไม่พ้น ไม่สร้างเหตุตกผลมาข่มเหง
ไม่ก่อบาปเพิ่มทุกข์รู้หวั่นเกรง บำเพ็ญเร่งฝึกมีธรรมเตือนตน
พระอาจารย์เมตตาแก้ไขเพลงพระโอวาทและประทานชื่อเพลงที่ให้ไว้ ณ สถานธรรมหมิงเอิน จ.เพชรบูรณ์ วันที่ ๙-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
เพลงพระโอวาทหน้า ๑๒ ย่อหน้าสุดท้าย
เดิม
แพ้นี้เพราะไม่อยากแพ้ อ่อนแอกว่าคนยอมแพ้ชินชา ถ้าเรียนรู้เห็น เพี้ยนหลอกสายตา ชอบฟังดีกว่า กำไรธรรมะกว่าเดิม
แก้ไขเป็น
ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น ชอบปาฏิหาริย์ เพ้อฝันทั้งคืน แม้ลืมตาตื่น ศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป
ลึกลับเพราะไม่เรียนรู้ อะไรนั้นคือธรรมะจริงจริง ใช้เดาแบบนี้เพราะไม่รู้จริง เมื่อขวัญมินิ่ง อย่างไรจะศึกษา
แพ้นี้เพราะไม่อยากแพ้ อ่อนแอกว่าคนยอมแพ้ชินชา ถ้าเรียนรู้เห็นเพี้ยนหลอกสายตา ชอบฟังดีกว่า กำไรธรรมะกว่าเดิม
*หลักในวันนี้ ธรรมะดีดี อย่าละทิ้งการศึกษา จิตใจเท่านั้นกลับคืนฟ้ามา ธรรมที่อรรถาครบถ้วนเพราะทำ
**ลี้ลับเพราะไม่ศึกษา ศรัทธาแบบงมงายไร้วันตื่น ชอบปาฏิหาริย์ เพ้อฝันทั้งคืน แม้ลืมตาตื่น ศิษย์รักหลงทางเรื่อยไป (ซ้ำ *,**)
ทำนองเพลง : คิดถึงฉันบ้างคืนนี้
ชื่อเพลง : ธรรมะไม่ใช่เรื่องลี้ลับ
x