วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558 สถานธรรมเจินจง ประเทศสหรัฐอเมริกา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ช่วยคนอยู่อย่างนี้ เช้าค่ำ
คนช่วยต้องก้าวก่อน หนึ่งก้าว
ช่วยเขาคือช่วยเรา บากบั่น
ช่วยเท่าที่ช่วยได้ อย่ารู้เสื่อมคลาย
เราคือ
จี้กงอาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลกีย์
แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทั้งหลายบำเพ็ญดีไหม
การช่วยตนไม่ใช่เห็นแก่ตัว ละความกลัวกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง
การช่วยคนใช้คุณธรรมมาสำแดง เมตตาแห่งพระโพธิสัตว์ทั่วสารพางค์[1]
แสงลาลับอาทิตย์แม้สูญไม่สิ้น ปักษาบินขอบฟ้าใช่ว่าขอบฝั่ง
ชีวิตคนยิ่งเติมเพิ่มยิ่งหลงทาง บำเพ็ญย่างวัยชรายิ่งต้องเร่งมือ
วัตถุยิ่งเต็มยิ่งพูนยิ่งรูปนาม หวังเต็มเปี่ยมละความมั่นยึดถือ
อยากมีความสุขไม่เฝ้ายุดยื้อ ชอบคิดคือทุกข์ต้องรู้เท่าทัน
ไถนาจิตเตรียมจัดคราดไถเตรียม คันไถเทียมวัวดั่งเรื่องของญาณ[2]
เพื่อกลับคืนบ้านเดิมไปชั่วกาล เมื่อประสานรอยเกวียนแล้วไม่แคล้วกัน
ฮา
ฮา หยุด
[1] สารพางค์ / สรรพางค์ ทั้งตัว, ทั่วตัว
[2] พระโอวาทบทสุดท้าย พระอาจารย์เมตตากล่าวถึง “ไตรยาน” คันไถเทียมวัว อุปมาหมายถึง เอกพุทธยาน สัมมาสัมโพธิญาณ วิถีธรรม สัจธรรมแท้ การรู้แจ้งในจิตตน
Row, row, row your boat.
Cultivate your peace.
Happily, happily, happily, happily.
Will you come with me?
ทำนองเพลง : Row row
row your boat
(พระอาจารย์เมตตาให้ผู้ปฏิบัติงานธรรมแต่งชื่อเพลงและท่าประกอบเอง)
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
เวลาที่ศิษย์มี ใช้อย่างมีค่าทุกวันหรือเปล่า
(ไม่) เวลาที่มีค่าที่สุด
ใช้เพื่อไปทำอะไรทราบไหม ควรใช้เพื่อทำอย่างไรให้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เพราะว่าชีวิตทุกวันนี้จะบอกว่าดี คิดว่าดีหรือไม่ (ไม่) เคยคิดถึงชีวิต
ที่ดีกว่านี้ไหม มีที่ดีกว่านี้ไหม (มี) อาจารย์จะบอกว่าชีวิตที่ดีที่สุดคือไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เพราะว่าแค่เฉพาะมีสังขาร ทุกวันต้องอาบน้ำ ไม่อาบสามวันได้ไหม (ไม่ได้) อาจารย์ไม่ได้อาบน้ำ หนึ่งวันไม่ทานข้าวสามมื้อได้ไหม (ไม่ได้) อาจารย์ไม่ได้ทานข้าว สนใจไหม (สนใจ) พูดอย่างนี้เชื่อหรือยังว่า
ไม่เกิดดีกว่า (เชื่อ) ขอให้ตายอีกครั้งเดียวพอ ทุกคนต้องตายไหม (ต้องตาย) แน่นอนไหม (แน่นอน) สิ่งนี้เป็นสัจธรรมใช่หรือเปล่า (ใช่) แต่ขอให้ตายอีกครั้งเดียวได้ไหม ก่อนจะไปถึงวันตาย ให้บำเพ็ญธรรม ได้ไหม (ได้, ไม่ได้)
ใช้เวลาบำเพ็ญธรรมมีค่าที่สุด ใช้เวลาทำมาหากิน มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ หามากใช้มาก หาน้อยใช้ (มาก, น้อย) จนไหม ยิ่งอยู่ยิ่งเหนื่อยใช่ไหม (ใช่) ไม่กินข้าวก็ (หิว) กินมากไปก็ (ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง) เหนื่อยไหม (เหนื่อย) เพราะว่ามียาช่วยใช่หรือไม่ กินมากก็ต้องหาเงินมาก ไปซื้อยามาก ทานยามากร่างกายก็พังทรุดโทรม หมอไม่สั่งให้ทานก็จะทาน จริงไหม (จริง)
บางคนที่อยู่ที่นี่ทานยามากจนป่วยเลยนะ
ใช้เพื่อไปทำอะไรทราบไหม ควรใช้เพื่อทำอย่างไรให้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เพราะว่าชีวิตทุกวันนี้จะบอกว่าดี คิดว่าดีหรือไม่ (ไม่) เคยคิดถึงชีวิต
ที่ดีกว่านี้ไหม มีที่ดีกว่านี้ไหม (มี) อาจารย์จะบอกว่าชีวิตที่ดีที่สุดคือไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เพราะว่าแค่เฉพาะมีสังขาร ทุกวันต้องอาบน้ำ ไม่อาบสามวันได้ไหม (ไม่ได้) อาจารย์ไม่ได้อาบน้ำ หนึ่งวันไม่ทานข้าวสามมื้อได้ไหม (ไม่ได้) อาจารย์ไม่ได้ทานข้าว สนใจไหม (สนใจ) พูดอย่างนี้เชื่อหรือยังว่า
ไม่เกิดดีกว่า (เชื่อ) ขอให้ตายอีกครั้งเดียวพอ ทุกคนต้องตายไหม (ต้องตาย) แน่นอนไหม (แน่นอน) สิ่งนี้เป็นสัจธรรมใช่หรือเปล่า (ใช่) แต่ขอให้ตายอีกครั้งเดียวได้ไหม ก่อนจะไปถึงวันตาย ให้บำเพ็ญธรรม ได้ไหม (ได้, ไม่ได้)
ใช้เวลาบำเพ็ญธรรมมีค่าที่สุด ใช้เวลาทำมาหากิน มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ หามากใช้มาก หาน้อยใช้ (มาก, น้อย) จนไหม ยิ่งอยู่ยิ่งเหนื่อยใช่ไหม (ใช่) ไม่กินข้าวก็ (หิว) กินมากไปก็ (ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง) เหนื่อยไหม (เหนื่อย) เพราะว่ามียาช่วยใช่หรือไม่ กินมากก็ต้องหาเงินมาก ไปซื้อยามาก ทานยามากร่างกายก็พังทรุดโทรม หมอไม่สั่งให้ทานก็จะทาน จริงไหม (จริง)
บางคนที่อยู่ที่นี่ทานยามากจนป่วยเลยนะ
(พระอาจารย์เมตตาแจ้งพระนาม)
วันนี้ถ้าไม่ได้แรงศรัทธา
บ้านก็ไม่สว่างไสวนะ บ้านสว่างเป็นเพราะว่าหลอดไฟหรือเป็นเพราะศรัทธา
(เพราะศรัทธา) อาจารย์คิดว่าเป็นเพราะศรัทธาของศิษย์นะ
(ผู้ปฏิบัติงานธรรมและนักเรียนกราบรับพระอาจารย์)
จะไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวได้
ถ้าหากว่ายังอยู่ภายใต้กฎของการเกิด เวลาที่ตายไปแล้ว ถ้าได้อยู่ด้วยกัน
เราก็จะเป็นหนึ่งเดียว คำพูดที่ไม่ต้อง
ใช้เสียง เห็นโดยไม่ต้องใช้ตา เดินทางก็ไม่เสียค่าน้ำมันหรือค่าเครื่องบิน
ดีไหม (ดี) เงินจะได้ไม่สำคัญ ไม่ต้องเรียนหนังสือ ไม่ต้องเสียเงินไปหาหมอ ถึงตอนนั้นเงินสำคัญไหม (ไม่สำคัญ) ถึงตอนนั้นยังอยากได้เงินไหม
(ไม่อยาก) เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมสำคัญไหม (สำคัญ) การบำเพ็ญธรรมก็ไม่ต้องใช้เงินเหมือนกัน ใช้แค่ใจ การลงแรง เคยเห็นที่ไหนที่
พื้นสกปรกไหม จะต้องทำอย่างไรล่ะ (ทำความสะอาด) ถ้าเช็ดธรรมดาแล้วไม่ออกล่ะ สมมติว่าเรามีหนวด (โกนออก) เกลี้ยงไหม สมมติว่าเราติดนิสัยอะไรบ้างอย่างซึ่งเป็นนิสัยที่ไม่ดี อย่างเช่น ชอบผิวปาก เราเพิ่งมาใหม่แบบสดๆ ร้อน สองวัน ให้เราแก้ไขเลย แก้ได้ไหม (ได้, ไม่ได้)
ใช้เสียง เห็นโดยไม่ต้องใช้ตา เดินทางก็ไม่เสียค่าน้ำมันหรือค่าเครื่องบิน
ดีไหม (ดี) เงินจะได้ไม่สำคัญ ไม่ต้องเรียนหนังสือ ไม่ต้องเสียเงินไปหาหมอ ถึงตอนนั้นเงินสำคัญไหม (ไม่สำคัญ) ถึงตอนนั้นยังอยากได้เงินไหม
(ไม่อยาก) เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมสำคัญไหม (สำคัญ) การบำเพ็ญธรรมก็ไม่ต้องใช้เงินเหมือนกัน ใช้แค่ใจ การลงแรง เคยเห็นที่ไหนที่
พื้นสกปรกไหม จะต้องทำอย่างไรล่ะ (ทำความสะอาด) ถ้าเช็ดธรรมดาแล้วไม่ออกล่ะ สมมติว่าเรามีหนวด (โกนออก) เกลี้ยงไหม สมมติว่าเราติดนิสัยอะไรบ้างอย่างซึ่งเป็นนิสัยที่ไม่ดี อย่างเช่น ชอบผิวปาก เราเพิ่งมาใหม่แบบสดๆ ร้อน สองวัน ให้เราแก้ไขเลย แก้ได้ไหม (ได้, ไม่ได้)
(พระอาจารย์เมตตาทำให้เกิดรอยความสกปรกขึ้นมาใหม่)
อันนี้เป็นรอยสกปรกแบบทำของเพิ่งเลอะ
พอสกปรกปุ๊บ เราก็หาอะไรมาเช็ดปั๊บ สะอาดไหม (สะอาด) ตอนนี้เราอายุเท่าไรแล้ว
สมมติว่าอายุยี่สิบปีก็แล้วกัน ยี่สิบปีที่ผ่านมา
มีเรื่องของความเคยชินเยอะแยะมากมาย อย่างเช่น ขี้โมโห บางทีก็แค่หงุดหงิด
แค่เบื่อ แค่รำคาญ เห็นอะไรก็ไม่เข้าตา ทำอย่างไรก็ไม่เข้าใจ อย่างนี้แก้หายไหม
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำหัวใจให้ใหม่ ทำได้ไหม (ได้) แน่ใจหรือเปล่า คนที่ยั่วโมโหเราอยู่ในบ้าน
อยู่ใกล้ๆ เราตลอดเวลา เราบอกว่าเราไม่สนใจ เหมือนผ้าขาว มีจุดดำหนึ่งจุด
มองที่ผ้าขาวหรือมองที่จุดดำ ยิ่งจุดดำยิ่งเล็กเท่าไรก็ยิ่งมองไม่ออก
ถ้าอาจารย์แต้มจุดที่เสื้อ มองเห็นไหม (เห็น)
ผ้าขาวมีตั้งผืนหนึ่ง แต่เรามองจุดดำ มีความสุขไหม (ไม่มี) เมื่อไม่มีความสุขอย่าพูดคำว่าบำเพ็ญ เพราะว่าการที่บำเพ็ญได้
ไม่ใช่แค่เราทำอะไรก็ได้ที่ดียิ่งขึ้น แต่เราต้องทำความสะอาดจิตใจ
เสร็จแล้วจิตใจของเราที่เพิ่งมีมาเมื่อไม่กี่ปีนี้
ซึ่งเราเรียกว่าตัวเราก็เอาออกยากแล้ว แต่ที่อาจารย์บอกว่าคราบสกปรกที่ฝังแน่น
อันนี้เป็นคราบความสกปรกที่มีมาแบบข้ามภพข้ามชาติ บางทีเรามองหน้าบางคนแล้วเราไม่ชอบ
บางทีเราเห็นของบางอย่างแล้วเราไม่ถูกใจ ทำไมล่ะ มีเหตุผลไหม
นั่นเป็นสิ่งที่ข้ามภพข้ามชาติมาเหมือนกัน สมมติว่าชาติที่แล้ว
เรามีสามีที่ชอบรังแก เกิดมาชาตินี้เราจึงอยากที่จะมีอิสรภาพมาก
แล้วจะไม่แต่งงานกับผู้ชายคนไหนที่วางท่าเลย นี่เป็นการยกตัวอย่าง
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนนั่ง)
อาจารย์นับถึงสาม ให้นั่งพร้อมกันนะ
เห็นไหมว่าเราฟังภาษาอะไรอยู่ อาจารย์พูดภาษาไทย คนแปลพูดภาษาอังกฤษ เวลาเราฟัง เราก็ฟังคนแปล
ฟังคำว่า “Three” จากคนแปล
นั่นแหล่ะเป็นประสาทที่เราแยกกันไม่ได้ เห็นไหมว่ายาก คนเราเป็นไปตามความเคยชิน
ทำอย่างนี้สนุกไหม
(สนุก) ที่อาจารย์พูดอย่างนี้ หมายถึงเรื่องของสติ
เวลาที่วันนี้เรามาอยู่ด้วยกัน เราต้องปล่อยวางความสงสัยไปก่อน
เพื่อที่เราจะได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ได้ไหม (ได้)
คนที่นี่ชอบถาม
มีคำถามจะถาม เรามักจะชอบพูดว่า “ฉันถามเธอ สักคำได้ไหม” เวลาที่เราตั้งคำถาม เราต้องตั้งคำถามให้ถูก
เพราะว่าถ้าเรา ตั้งคำถามผิด คำตอบที่เราได้ก็จะผิด ทุกวันนี้ถามว่า
ชีวิตนี้ทำอย่างไรให้ดีขึ้น ไม่ใช่ ศิษย์มักตั้งคำถามว่าทำอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้น
ใช่ไหม (ใช่) เราก็ไปทำคำตอบนั้น
เราไปตั้งคำถามนี้ เราก็มุ่งหน้าไปสู่การหาวัตถุสิ่งของที่มีมากมายยิ่งขึ้น
เราลองย้อนกรอเทปชีวิตของเรากลับไป ดูว่าชีวิตเราที่ดำเนินมาถึง ทุกวันนี้
เป็นการตั้งคำถามมาตลอดชีวิตว่าเราจะทำอะไร แล้วเราได้มาถึงจุดนั้นหรือยัง คำถามที่ตั้งมาตลอดชีวิตถูกหรือยัง
ชีวิตที่ผ่านมาดำเนินมาอย่างถูกต้องและเหมาะสมหรือยัง บางทีที่เรามาถึงจุดนี้
เพราะว่าในช่วงรอยต่อของชีวิตนี้ เราตั้งคำถามผิดมาบ่อยๆ เมื่อเราตั้งคำถามผิด
สิ่งที่ตอบมาก็ผิด สิ่งที่เราทำก็ผิด แต่ถามว่าคำตอบได้ตอนที่เราถามหรือเปล่า
(ไม่) จริงๆ แล้วคำตอบมีอยู่ทั่วทุกที่
มีอยู่ทุกเวลา บางทีเราก็ไม่ปล่อยตัวของเราให้เป็นไปตามธรรมชาติ บางทีเราก็ไม่ปล่อยใจเราให้เป็นไปตามธรรมชาติ
บางทีเราก็ฝืนนั่นฝืนนี่ เหมือนที่เราชอบฝืนลูก ชอบฝืนความคิด ชอบฝืนการกระทำ ของเรา
เสร็จแล้วพอลูกทุกข์ เราก็ทุกข์ จริงไหม (จริง)
ปัญหาแบบนี้เกิดในเอเชียมากกว่า แต่ว่าปัญหาแบบนี้ที่นี่ก็มีนะ ใช่ไหม
(ใช่)
คำกล่าวที่บอกว่า “จิตเป็นนาย
กายเป็นบ่าว” จิตเป็นนาย ตอนนี้ เรารู้แล้วว่าที่ตั้งของจิตของเราสถิตอยู่ที่ไหน
นั่นแหล่ะเป็นการบอกว่าจิตเป็นนายอย่างแท้จริง เมื่อจิตเป็นนายแล้ว เราก็จะมีสมาธิ
เมื่อมีสมาธิแล้ว เราก็ย่อมมีสติ เมื่อเรามีสติแล้ว เราก็ย่อมมีความสงบ เมื่อกลับมาสู่
ความสงบได้แล้ว ขอให้ค้างอยู่อย่างนั้น ขอให้อยู่ตรงนั้น ความสงบนั้นช่วยทำให้ศิษย์ได้สิ่งที่ดีๆ มากมาย และสามารถดึงสิ่งดีๆ เข้ามาหาอย่างมากมาย เมื่อเรามีความสงบแล้ว เราก็จะได้สำรวจ ตรวจตรา ไตร่ตรอง และเห็นตัวเองชัดมากยิ่งขึ้น เมื่อเราเห็นตัวเองชัดมากยิ่งขึ้น การที่เราจะแก้ไขตัวเองได้ในสิ่งใดๆ ก็ยิ่งดีและเร็วมากยิ่งขึ้น จริงไหม (จริง) นี่คือวิธีการในการที่เรานั้นจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อก่อนเราไม่กำหนดใจของเราอยู่ที่ตั้งของจิตของเรา เพราะฉะนั้นเมื่อเราเอาจิตใจของเรากระเจิดกระเจิงไปเกาะติดอยู่กับสิ่งของ บ้านเรือน รถรา ลูก ภรรยา สามี งาน ก็ทำให้จิตใจของเรานั้นกระเจิดกระเจิงและแตกออกไป เป็นท่อนคัมภีร์ที่พูดว่า
“หนึ่งกระจายไปสู่สรรพสิ่ง หนึ่งบังเกิดสรรพสิ่ง” ตอนนี้สรรพสิ่งกลับคืน
สู่หนึ่ง เพราะว่ากระจายนานไปแล้ว ใจที่เกาะติดอยู่กับสรรพสิ่ง สิ่งของ บ้านเรือน หรือปัญหาทุกสิ่ง จนสิ่งนั้นกลายเป็นชีวิตของเรา เหนื่อยไหม (เหนื่อย) ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเหนื่อยไปเรื่อยๆ เหนื่อยจนขาดใจตาย แล้วเราก็กระจัดกระจาย ไม่ได้กลับคืนสู่หนึ่ง ตอนนี้ให้กลับคืนสู่หนึ่ง
ให้มากที่สุด
ความสงบได้แล้ว ขอให้ค้างอยู่อย่างนั้น ขอให้อยู่ตรงนั้น ความสงบนั้นช่วยทำให้ศิษย์ได้สิ่งที่ดีๆ มากมาย และสามารถดึงสิ่งดีๆ เข้ามาหาอย่างมากมาย เมื่อเรามีความสงบแล้ว เราก็จะได้สำรวจ ตรวจตรา ไตร่ตรอง และเห็นตัวเองชัดมากยิ่งขึ้น เมื่อเราเห็นตัวเองชัดมากยิ่งขึ้น การที่เราจะแก้ไขตัวเองได้ในสิ่งใดๆ ก็ยิ่งดีและเร็วมากยิ่งขึ้น จริงไหม (จริง) นี่คือวิธีการในการที่เรานั้นจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อก่อนเราไม่กำหนดใจของเราอยู่ที่ตั้งของจิตของเรา เพราะฉะนั้นเมื่อเราเอาจิตใจของเรากระเจิดกระเจิงไปเกาะติดอยู่กับสิ่งของ บ้านเรือน รถรา ลูก ภรรยา สามี งาน ก็ทำให้จิตใจของเรานั้นกระเจิดกระเจิงและแตกออกไป เป็นท่อนคัมภีร์ที่พูดว่า
“หนึ่งกระจายไปสู่สรรพสิ่ง หนึ่งบังเกิดสรรพสิ่ง” ตอนนี้สรรพสิ่งกลับคืน
สู่หนึ่ง เพราะว่ากระจายนานไปแล้ว ใจที่เกาะติดอยู่กับสรรพสิ่ง สิ่งของ บ้านเรือน หรือปัญหาทุกสิ่ง จนสิ่งนั้นกลายเป็นชีวิตของเรา เหนื่อยไหม (เหนื่อย) ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเหนื่อยไปเรื่อยๆ เหนื่อยจนขาดใจตาย แล้วเราก็กระจัดกระจาย ไม่ได้กลับคืนสู่หนึ่ง ตอนนี้ให้กลับคืนสู่หนึ่ง
ให้มากที่สุด
เรารู้จักจิตของเราในสภาพอย่างไร
เรารู้จักจิตในสภาพของความคิด อันนั้นเป็นพลานุภาพเล็กๆ น้อยๆ
ที่คนสมัยนี้ค้นพบแล้วหนึ่งสิ่ง ชอบพูดบอกว่าคิดดี ดึงพลังดีเข้าสู่ตัว
นั่นคือพลานุภาพส่วนเล็กๆ ของจิต เรารู้จักเพียงแค่ส่วนเดียว
แต่เราจะทำอย่างไรให้เรารู้จักมากยิ่งขึ้น จิตต้องเสียเงินไปซื้อไหม (ไม่) มีอยู่แล้วสมบูรณ์ในตัว
แต่ว่าไม่สมบูรณ์เพราะว่าเรานั้นส่งใจไปจับสิ่งต่างๆ มากมาย บางคนส่งใจออกไปมากๆ
ไปสู่สิ่งต่างๆ จนกระทั่งญาณสังขารหรือจิตวิญญาณได้รับผลกระทบจนป่วย
เมื่อสังขารป่วยแล้วใจป่วยไหม (ป่วย) เพราะฉะนั้นจะต้องกลับมารู้จักจิตใจของตัวเอง
จิตภาวะของเรา รู้สึกหิวได้ทันทีที่เรารู้สึกหิวเลย ใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่ต้องตั้งตัว ตั้งหลัก
ถึงเวลาก็หิวเอง อันนี้ต้องฝึกไหม ไม่ต้องฝึกเพราะไม่หิว ร่างกายผิดปกติแล้ว นี่คือสิ่งที่อาจารย์บอก ส่งใจไปข้างนอก ใช้ร่างกายอย่างไม่เมตตาปรานี จนกระทั่งญาณสังขารป่วย สุดท้ายร่างกายนี้ก็ป่วย หลายๆ คนก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น แต่ว่าได้ป่วยจนเป็นโรคหรือยัง ถ้าเป็นโรคแล้วแต่จิตใจเข้มแข็งก็ยังรักษาได้ แต่หากว่าไม่มีจิตใจที่เข้มแข็ง แค่ปวดขาก็ยืนไม่อยู่แล้ว
ถึงเวลาก็หิวเอง อันนี้ต้องฝึกไหม ไม่ต้องฝึกเพราะไม่หิว ร่างกายผิดปกติแล้ว นี่คือสิ่งที่อาจารย์บอก ส่งใจไปข้างนอก ใช้ร่างกายอย่างไม่เมตตาปรานี จนกระทั่งญาณสังขารป่วย สุดท้ายร่างกายนี้ก็ป่วย หลายๆ คนก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น แต่ว่าได้ป่วยจนเป็นโรคหรือยัง ถ้าเป็นโรคแล้วแต่จิตใจเข้มแข็งก็ยังรักษาได้ แต่หากว่าไม่มีจิตใจที่เข้มแข็ง แค่ปวดขาก็ยืนไม่อยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นการจะบำเพ็ญธรรม
จึงต้องทำจิตใจให้รู้ว่า ที่ตั้งของจิตอยู่ที่ไหน และลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสำรวจและแก้ไขตัวเองได้
อย่าปล่อยให้ตัวเองนั้นป่วยสังขาร ที่มาจากการป่วยทางจิตใจ (ไม่ใช่โรคจิต) ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ
จึงจะสามารถบำเพ็ญให้ดีได้ การบำเพ็ญเป็นธรรมชาติ
เกี่ยวเนื่องทุกสิ่งตั้งแต่ภายในถึงภายนอก ตั้งแต่ภายนอกถึงภายใน
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท
ทำนองเพลง
Row Row Row Your Boat)
Row Row Row Your Boat)
“Will you come with me?” ไปด้วยกันกับพระอาจารย์ไหม
ไปกับอาจารย์ไม่ค่อยได้ shopping นะ ถ้าซื้อเยอะก็เก็บเหนื่อย ไม่ต้องซื้อ
ก็ไม่ต้องเก็บ กิเลสค่อยๆ ตัด บางคนก็ตัดได้ยากหน่อย มันอยู่ที่ใจ ถ้าใจอยากตัดก็จะตัดได้ ถ้าใจไม่อยากตัดก็จะตัดไม่ได้ เข้าข้างตัวเองก็ตัดยากหน่อย ไม่เข้าข้างตัวเองก็ตัดง่ายหน่อย จริงหรือเปล่า
ไปกับอาจารย์ไม่ค่อยได้ shopping นะ ถ้าซื้อเยอะก็เก็บเหนื่อย ไม่ต้องซื้อ
ก็ไม่ต้องเก็บ กิเลสค่อยๆ ตัด บางคนก็ตัดได้ยากหน่อย มันอยู่ที่ใจ ถ้าใจอยากตัดก็จะตัดได้ ถ้าใจไม่อยากตัดก็จะตัดไม่ได้ เข้าข้างตัวเองก็ตัดยากหน่อย ไม่เข้าข้างตัวเองก็ตัดง่ายหน่อย จริงหรือเปล่า
(พระอาจารย์เมตตาแจกผลไม้)
ใครรับผลไม้ลูกนี้แล้วต้องไปเลิกบุหรี่
ไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นการถามนะ บางคนต้องถาม
บางคนต้องบังคับ ทำไมอาจารย์พูดแบบนี้ เพราะร่างกายของศิษย์สองคนนี้ ใช้อย่างไม่ปรานีปราศรัย
ใช้มากเกินไปแล้ว ที่พูดอย่างนี้เพื่อให้ศิษย์รู้ว่า เมื่อตอนที่อายุมากกว่านี้ อย่าป่วย
เพราะอยู่ที่นี่ ถ้าป่วยก็จะลำบาก เวลาที่เราสูบบุหรี่มากๆ ยกตัวอย่าง ถ้าเอาฟองน้ำสีขาวไปจุ่มในโคลน
แล้วบอกให้ศิษย์หายใจผ่านฟองน้ำอันนี้ ยากไหม (ยาก) ถ้าเอาฟองน้ำโปร่งๆ ธรรมดาเหมือนผ้าขาวบางมาปิด
หายใจได้ไหม (ได้) นี่คือปอดคนอื่นนะ
แต่ปอดของศิษย์สองคนนี้ไม่ใช่ เอาไปจุ่มลงในโคลน แล้วบอกว่าให้หายใจ หายใจยากนะ
เพราะฉะนั้นถ้าไม่เลิก ก็จะป่วยไปเรื่อยๆ เพราะออกซิเจนไม่เข้าไปสู่ร่างกาย ทำให้ระบบทุกระบบของร่างกายเสียหมดเลย
ไม่หิว ไม่เหนื่อย อย่าให้ล้มป่วยขึ้นมาอย่างหนึ่ง อย่างอื่นจะตามมาเรื่อยๆ โชคดีที่ปีนี้ได้จัดประชุมธรรมที่นี่
อาจารย์พูดตรงๆ ชัดๆ แล้วให้ศิษย์ไปคิดเองว่า อยากจะเลิกหรือไม่อยากเลิก
ไม่ใช่เลิกให้อาจารย์จี้กง แต่เลิก
ให้ตัวเอง เพื่อตัวเอง รักตัวเอง ช่วยเหลือตัวเอง ทำได้ไหม พยายามทำให้ได้ อาจารย์รู้ว่ายากนะ ที่ให้โจทย์ไปไม่ใช่ง่าย ต้องพยายามมากๆ ไม่ตั้งใจก็ไม่มีใครทำได้ ถ้าตั้งใจก็ทำได้หมดทุกคน ต้องช่วยตัวเองนะ อาจารย์รักศิษย์มาก
ให้ตัวเอง เพื่อตัวเอง รักตัวเอง ช่วยเหลือตัวเอง ทำได้ไหม พยายามทำให้ได้ อาจารย์รู้ว่ายากนะ ที่ให้โจทย์ไปไม่ใช่ง่าย ต้องพยายามมากๆ ไม่ตั้งใจก็ไม่มีใครทำได้ ถ้าตั้งใจก็ทำได้หมดทุกคน ต้องช่วยตัวเองนะ อาจารย์รักศิษย์มาก
ส่วนศิษย์คนนี้ ถึงจะป่วยก็ยังป่วยไม่เยอะถ้าเทียบกับคนอื่น
คนอื่นนั้นเขาแฝงในร่างกายเยอะ แต่ของเราแสดงออกมาเห็นชัดๆ ในบางสิ่ง แต่ก็ยังดี
พยายามอ่านหนังสือเยอะๆ เข้าใจธรรมะให้มากๆ พูดน้อยๆ ทำให้เยอะๆ
แล้วเราจะได้เป็นกำลัง อาจารย์ก็จะได้มีกำลังใจด้วย
ไม่ใช่ไม่มีใครที่แข็งแรงเลยสักคน จะฝากความหวังไว้กับใครก็ไม่ได้
(พระอาจารย์เมตตาแจกผลไม้)
อาจารย์จ่ายค่าเครื่องบินเป็นผลไม้ได้ไหม
ได้ผลไม้ไปแล้ว ต้องทำอย่างไรบ้าง (ช่วยงานบ่อยๆ)
ทำได้ไหม จริงๆ ไม่ยาก อาจารย์ไม่ได้บังคับ
ว่าต้องทำเยอะๆ แต่ทำเท่าที่ทำได้ ถ้าเราไม่ทำ ชีวิตที่ผ่านไปก็ไม่ได้เจริญสร้างกุศล ชีวิตก็ผ่านไปแบบไม่เหลืออะไรนะ เพราะเงินทองที่เหลือไว้ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นคุณค่า ถามว่าเงินทองมีค่าไหม (มีค่า) แต่ชีวิตมีค่ามากกว่า ชีวิตมีชีวิตเดียว แต่เงินทองมีมากมาย จิตมีอีกหลายสิ่งที่ทำได้ ทำให้รวยได้ จิต
ทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ จิตเป็นพลังงานที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ที่เป็นไปไม่ได้ แต่ว่าจิตใจอันนั้นจะต้องเป็นจิตใจที่ไม่แตกไปเกาะกับสิ่งต่างๆ ฉะนั้นถ้าอยากมีจิตใจที่สามารถทำสิ่งที่เหลือเชื่อ ต้องบำเพ็ญจิตให้ถึงจิต แบบที่ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร ไม่เปรียบเทียบ ไม่ตัดพ้อ ไม่ต่อว่า ไม่บ่น ไม่เบื่อ
ทำได้ไหม (ได้)
ว่าต้องทำเยอะๆ แต่ทำเท่าที่ทำได้ ถ้าเราไม่ทำ ชีวิตที่ผ่านไปก็ไม่ได้เจริญสร้างกุศล ชีวิตก็ผ่านไปแบบไม่เหลืออะไรนะ เพราะเงินทองที่เหลือไว้ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นคุณค่า ถามว่าเงินทองมีค่าไหม (มีค่า) แต่ชีวิตมีค่ามากกว่า ชีวิตมีชีวิตเดียว แต่เงินทองมีมากมาย จิตมีอีกหลายสิ่งที่ทำได้ ทำให้รวยได้ จิต
ทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ จิตเป็นพลังงานที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ที่เป็นไปไม่ได้ แต่ว่าจิตใจอันนั้นจะต้องเป็นจิตใจที่ไม่แตกไปเกาะกับสิ่งต่างๆ ฉะนั้นถ้าอยากมีจิตใจที่สามารถทำสิ่งที่เหลือเชื่อ ต้องบำเพ็ญจิตให้ถึงจิต แบบที่ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร ไม่เปรียบเทียบ ไม่ตัดพ้อ ไม่ต่อว่า ไม่บ่น ไม่เบื่อ
ทำได้ไหม (ได้)
ศิษย์ลองสังเกตดูว่า
ความสุขกับความทุกข์ ต่างกันอย่างไร ความสุขได้มากจากไหน และความทุกข์ได้มาจากไหน ความทุกข์ได้มาจากสรรพสิ่งนอกกาย
บุคคล สิ่งของ เรื่องราว แต่ความสุขมาจากภายใน
ฉะนั้นการที่เราวิ่งไปหาทุกสิ่งเพื่อที่จะให้ตัวของเรามีความสุข
เราจึงไม่เคยมีความสุขจริงๆ เช่นอย่างวันนี้เราทะเลาะกับคนในบ้าน
วันนี้ให้ออกไปเที่ยวทะเลสาบที่สวยที่สุด ทั้งทะเลสาบก็จะมีแต่หน้าของคนที่เรามีปัญหาด้วย
หัวใจพูดและบ่นตลอดเวลา คิดตลอดเวลา แล้วความคิดนั้นก็ทำให้เราทุกข์
พอเราทุกข์แล้ว เราหาทางออกไม่เจอ เราก็กลายเป็นคนที่ไม่มีความสุขอะไรเลย
เพราะฉะนั้นเราควรทำอย่างไร ตอนทะเลาะอย่าไปทะเลาะด้วยดีไหม เวลาทะเลาะกับเขา
เขาทุกข์หรือเราทุกข์ (เราทุกข์) เราไม่ควรทะเลาะด้วย
ปล่อยความผิดเป็นเรื่องของความผิด ปล่อยความถูกเป็นเรื่องของความถูก
โดยที่ไม่ใช่เราเป็นฝ่ายถูกเขาเป็นฝ่ายผิด ไม่ต้องคิด หยุดคิด
เพราะทะเลาะกันทำให้ไม่มีความสุข เมื่อคิดได้อย่างนี้ จากการสำรวจก็กลับมาสู่ความสงบ
จากความสงบกลับมาสู่สมาธิ และในที่สุดก็กลับคืนสู่จิตใจของตัวเอง
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไร ก็อย่าทำให้มีอะไร ทำได้ไหม จริงๆ แล้วไม่ยาก
แต่ว่าไม่ทำนี่แหละยาก ทำเมื่อไรก็ไม่ยาก แต่ไม่ทำก็จะยากตลอดไป พอทำแล้ว
หนึ่งครั้งไม่ได้ สิบครั้งก็ต้องได้ แต่ถ้าสิบครั้งไม่ได้ ห้าสิบครั้งก็ต้องได้
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนออกมาวงกลอนพระโอวาท)
วงคำว่า “แม้” รู้จักคำว่า “แม้” ไหม เป็นคำขึ้นต้นของหลายๆ ประโยค เวลาเราจะไม่ทำอะไร จะอิดออด ชักช้า
เราจะใช้คำว่า “แม้” ตลอด
เพราะฉะนั้นหวังว่าจะไม่ “แม้” ได้ไหม
ตอนนี้โตแล้ว มีแรงแล้ว ช่วยงานเท่าที่ช่วยได้ ทำได้ไหม
วงคำว่า “สูญ” จะสูญไหม (ไม่สูญ) มาแวบไปแวบ ตามตัวจับยาก ชีวิตนี้มีชีวิตเดียว
ไม่ใช่เป็นแมวเก้าชีวิตนะ ชีวิตนี้มีชีวิตเดียว ใช้ให้มีคุณค่า
แต่ไม่ใช่ไปตามความฝันตัวเองหมด ฝันอย่างนั้น อย่าลืมฝันว่าจะไม่มาเกิดอีกแล้ว
อย่าลืมฝันว่าตัวเองต้องหลุดพ้น ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและบำเพ็ญธรรมให้ดี
ธรรมะดีที่สุดอยู่ตรงที่เราปฏิบัติตัวของเราได้ดี แล้วคนนั้นเขาจะเข้าใจธรรมะ
พูดไม่เก่งก็ไม่ใช่ พูดเก่งมาก แต่ไม่เป็นไร เราใช้ธรรมะจากการแสดงออก
เวลาเราพูดคำพูดเราก็จะมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ยิ่งทำได้ดี กระทำ
ได้ดี ธรรมะที่พูดออกมาก็ยิ่งดี ศึกษาธรรมะให้มากๆ ไม่ตามความฝันทางโลกหมด มาตามความฝันทางธรรมด้วย อาจารย์นั้นรู้ว่าศิษย์นั้นเป็นคนที่มี
บุญสัมพันธ์มาก แต่จะต้องรู้ว่าจะใช้อย่างไร ที่แน่ๆ ถ้ามาๆ หายๆ ตามตัว
จับยากจะลำบาก
ได้ดี ธรรมะที่พูดออกมาก็ยิ่งดี ศึกษาธรรมะให้มากๆ ไม่ตามความฝันทางโลกหมด มาตามความฝันทางธรรมด้วย อาจารย์นั้นรู้ว่าศิษย์นั้นเป็นคนที่มี
บุญสัมพันธ์มาก แต่จะต้องรู้ว่าจะใช้อย่างไร ที่แน่ๆ ถ้ามาๆ หายๆ ตามตัว
จับยากจะลำบาก
คำว่า
“ทุกข์” ใครจะวง คำนี้อาจารย์วงเองก็แล้วกัน อาจารย์แบกรับ
คำนี้แทนศิษย์ได้หมด แต่ว่าศิษย์อย่ามาฉกกลับไปแบกเองก็แล้วกันนะ
คำนี้แทนศิษย์ได้หมด แต่ว่าศิษย์อย่ามาฉกกลับไปแบกเองก็แล้วกันนะ
คนที่รับธรรมะบำเพ็ญธรรมมาเกินห้าปีแล้ว
ต้องศึกษาธรรมะให้มากๆ ไม่ใช่คนที่มีใจหรือเข้าใจธรรมะเพียงเพราะว่าเห็นอาจารย์จี้กง
เรามาดูคำว่า “ช่วย” กันหน่อย คำว่า “ช่วย” หมายถึงการที่เรานั้นโอบอุ้มผู้อื่น เหมือนคนๆ
หนึ่งนั่งอยู่ที่พื้น เราจะเรียกให้เขาลุกขึ้นยืน เราก็ยื่นมือไปและก็ดึงเขาขึ้นมา
อย่างนี้เรียกช่วยไหม (ใช่) คำว่า “ช่วย” ที่ให้เราไปก็แปลว่า ให้เราไปช่วยผู้อื่น
การช่วยบางทีเราก็คิดว่าจริงๆ แล้วเราก็ไม่มีดีอะไร ธรรมะก็พูดไม่เป็น
แล้วเราก็ไม่มีดีอะไรมากกว่าคนที่เราจะไปช่วย
หรือบางคนก็คิดว่าตัวเองจนกว่าเขาด้วยซ้ำ อย่างนี้เราช่วยเขาได้ไหม (ได้) ที่พูดว่าได้
เป็นเพราะว่าวันนี้เราไปช่วยเขาคือ เราช่วยจิตวิญญาณเขา เพราะว่าเราช่วยวิญญาณช่วยจิตใจของเขาที่หาคำตอบไม่ได้
ถ้ามองง่ายๆ คือ ช่วยเขาจากปัญหาความทุกข์ ปัญหาชีวิต ปัญหาสุขภาพ
ช่วยเป็นที่ระบายเวลาเขาอยากระบาย อยากพูดให้ใครสักคนฟัง แต่ว่าการช่วยแบบนี้ก็เป็นการช่วยแบบเปลือกนอก
วันนี้อาจารย์มาที่นี่ ไม่ได้มาช่วยให้ศิษย์สบายใจ
แต่ต้องการให้ศิษย์นั้นพ้นไปจากความทุกข์ และพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
แน่นอนศิษย์จะต้องบำเพ็ญตัวเองให้ดี เมื่อบำเพ็ญดีแล้ว คำพูดก็ดี การกระทำก็ดี ความคิดก็จะดี
เมื่อเราดีเหมาะสมแล้ว เวลาที่เราเจอคนๆ หนึ่ง เวลาเราพูดธรรมะให้เขาฟัง เขาก็จะเข้าใจ
ธรรมะไม่ต้องการการพูดที่ลึกซึ้ง แต่ธรรมะต้องการการปฏิบัติที่เห็นโดยการกระทำของคนๆ
นั้น การพูดให้ลึกซึ้งและ
มีมิติ มีความสวยงามอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของเปลือก ธรรมะที่ดีคือเกิดจากภายในที่สำแดงออกมาสู่ภายนอก เพราะฉะนั้นพูดธรรมะไม่เป็นก็ช่วยคนได้ ตอนนี้ทุกคนรู้ที่ตั้งของจิตวิญญาณ แต่คนอื่นไม่รู้ ให้เรียกคนดีๆ มารับธรรมะ ง่ายไหม (ง่าย) เพราะฉะนั้นตอนนี้ทุกคนต้องทำจิตใจให้เป็นปกติ สว่าง สดใส เพื่อที่เราเองจะได้สำแดงธรรมะออกมาจากตัวได้ อย่ามัวมืดมนอยู่กับปัญหาชีวิต
มีมิติ มีความสวยงามอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของเปลือก ธรรมะที่ดีคือเกิดจากภายในที่สำแดงออกมาสู่ภายนอก เพราะฉะนั้นพูดธรรมะไม่เป็นก็ช่วยคนได้ ตอนนี้ทุกคนรู้ที่ตั้งของจิตวิญญาณ แต่คนอื่นไม่รู้ ให้เรียกคนดีๆ มารับธรรมะ ง่ายไหม (ง่าย) เพราะฉะนั้นตอนนี้ทุกคนต้องทำจิตใจให้เป็นปกติ สว่าง สดใส เพื่อที่เราเองจะได้สำแดงธรรมะออกมาจากตัวได้ อย่ามัวมืดมนอยู่กับปัญหาชีวิต
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า
“ช่วยคน”)
“ช่วยคน”)
ในคำว่า “ช่วย” เมื่อสักครู่อธิบายไปแล้ว
แต่คำว่า “คน” ในที่นี้หมายความว่า “ไปช่วยผู้อื่น”
ถึงแม้ว่าฐานะของเราจะไม่ดีกว่า พูดธรรมะก็ไม่เป็น แต่ว่าจิตใจของเราสงบแล้ว
เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถที่จะช่วยผู้อื่นได้
เพียงแต่ศิษย์ต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าตัวเองนั้นสามารถที่จะช่วยผู้อื่นได้
ที่แน่ๆ คือต้องปฏิบัติตัวให้เหมาะสม แสดงออกถึงการบำเพ็ญให้แน่ชัด จึงจะสามารถช่วยผู้อื่นได้
ในขณะเดียวกันคำว่า “คน” ในภาษาไทยสามารถเขียนเป็นคำว่า “ตน” ได้เหมือนกัน นั่นคือ การช่วยคนอื่นคือการช่วยตัวเอง
เพราะฉะนั้นเราอย่าไปมองเรื่องผลประโยชน์ ถ้าเรามองเรื่องผลประโยชน์
เราก็จะไม่ได้ช่วยตัวเอง
อาจารย์จะไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
และไม่รู้สึกผิดหวังเลย ถ้าหากว่าสิ่งที่อาจารย์พูดนี้ศิษย์เอากลับไปทำบ้าง
จิตภาวะของศิษย์นั้นรู้สึกได้ จิตวิสัยของศิษย์นั้นสามารถเรียนรู้ได้
ให้รวบทุกสิ่งนั้นกลับคืนขึ้นสู่จิตเดิมแท้ อย่ามัวรู้สึก อย่ามัวแต่เรียนรู้
จิตไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องรู้สึก
ถ้าอาจารย์กลับไปแล้วศิษย์ของอาจารย์จะบำเพ็ญธรรมไหม
พยายามดีไหม (ดี) เวลาชาติหนึ่งเร็วมากๆ
สิบปีผ่านไปเร็ว ยี่สิบปีก็เร็ว หนึ่งชีวิตก็เร็วเหมือนกัน
อย่ามัวเสียเวลามองหาสิ่งที่อยากได้ อย่ามัวเสียเวลาไปกับปัญหาเรื่องราวต่างๆ
อย่ามัวให้ชีวิตผ่านเข้ามาแล้วก็ออกไป ขอให้ทั้งชีวิตและจิตใจกลับคืนสู่เบื้องบน
หวังที่สุด แทบไม่อยากทนเวลาเห็นศิษย์นั้นเวียนว่ายตายเกิด ศิษย์ไม่รู้หรอกว่าชีวิตของตัวเองนั้นมีค่ามากแค่ไหน
ศิษย์ไม่รู้หรอกว่าศิษย์นั้นควรค่าแก่การกลับคืนเบื้องบนขนาดไหน
อาจารย์ฝากความหวังทั้งหมดของอาจารย์ที่มีในโลกนี้ต่อศิษย์ทั้งหลาย
ภาระนี้อาจจะหนักไปสำหรับศิษย์ แต่ศิษย์ก็พยายามเหมือนที่ศิษย์ทำทุกครั้ง
อาจารย์รู้ว่าศิษย์ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ก็หวังไว้ ถึงแม้ว่าเห็นศิษย์เหนื่อย
ในเมื่อเสกที่นี่ขึ้นมาขนาดนี้ได้ ศิษย์คงเสกอะไรได้ ขึ้นมาอีกหลายอย่าง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนไม่มีกายสังขารเลยสักผู้เดียว แต่ศิษย์นั้นมีทั้งสังขาร มีทั้งร่างกาย
มีทั้งกำลังและสติปัญญา จึงหวังว่าศิษย์นั้นจะร่วมมือร่วมแรงกัน
ศิษย์ร่วมมือกันก็ไม่น้อยหน้าไปกว่าพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน
พวกเขาทั้งหมดนี้ ขอให้ศิษย์นั้นเป็นคนช่วยต่อไปก็แล้วกันนะ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท
“ช่วยคน”
แม้อาทิตย์ลับขอบฟ้าใช่ว่าสูญ วัยชรายิ่งเพิ่มพูนยิ่งเต็มเปี่ยม
ละความทุกข์ความสุขไม่ต้องจัดเตรียม จิตดั่งวัวเทียมเกวียนคืนบ้านเดิม