แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หย่งซิ่น แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หย่งซิ่น แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2543

2543-07-23 พุทธสถานหย่งซิ่น จ.ชลบุรี


วันอาทิตย์ที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ พุทธสถานหย่งซิ่น จ.ชลบุรี
พระโอวาทท่านเสี่ยวเซี่ยวฝอถง

อย่าประมาทแม้เศษเสี้ยวของชีวิต เผลอทำผิดหมดชีวิตยากแก้หนา
หมั่นตรึกตรองทุกขณะด้วยคุณธรรมและจริยา ผิดชอบดีชั่วนาหมั่นย้ำเตือน
เราคือ
เสี่ยวเซี่ยวฝอถง รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานหย่งซิ่น    แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามเมธีทุกทุกท่านตั้งใจฟังธรรมะกันหรือเปล่า
อารมณ์ร้ายทำลายจิตพิฆาตสิ้น ตวัดลิ้นเกิดลมปากทิ่มแทงเหลือ
กระทำการประหารดั่งไฟรักเชื้อ เมตตาเกื้อการุณให้กลับไม่มี
เพียงเพื่อหวังตนมีและตนได้ กำเอาชัยไว้เป็นหนึ่งอย่างเต็มที่
ทั้งเงินทองชื่อเสียงต้องเปรมปรีดิ์ ไม่ทันเสพกลับต้องมีอันเลือนไป
บ้างเจ็บปวดสูญเสียหรือพลาดพลั้ง ไร้กำลังความพ่ายแพ้รับไม่ได้
หวนคำนึงหวังหาธรรมพักพิงใจ กรรมมากมายบุญตามมาช่วยเหลือไม่ทัน
ไม่สายรู้รักษ์ธรรมนำชีวิต เมตตาจิตเสียสละไม่ห้ำหั่น
น้ำใจเชื่อมมิตรไมตรีสายสัมพันธ์ ปลูกทุกวันสักวันงามสมบูรณ์
ร่วมสถานร่วมศึกษาน้อมบำเพ็ญ อภัยเป็นธรรมยิ่งใหญ่ให้มิสูญ
เสียงขัดหูภาพขัดตาธุลีพูน แปรความขุ่นเป็นเครื่องวัดพัฒนาใจ
ฮิ  ฮิ  หยุด

พระโอวาทท่านเสี่ยวเซี่ยวฝอถง

การมานั่งฟังธรรมะนั้นไม่ง่ายเลย ร้อนก็ร้อน อึดอัดก็อึดอัด ง่วงก็ง่วง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่การที่เราจะได้สิ่งดีมานั้น เราต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเราได้ธรรมะ แต่เราก็ต้องเสียอะไรไป (เสียเวลา)  แล้วกว่าการที่เราจะได้ความเข้มแข็ง เราต้องเสียแรงกายแรงใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
เรามาที่นี่เราต้องรู้ว่ามาทำอะไร มาแล้วก็ต้องทำสิ่งที่ตั้งใจมาให้บรรลุ ไม่เช่นนั้น มาแล้วก็เสียเปล่า ไม่รู้ด้วยว่ามาเพื่ออะไรและมาทำอะไรกันแน่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่อย่างนั้นเราจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แถมไม่ได้ธรรมะอะไรเลย จริงหรือไม่ (จริง)
วันนี้เรามาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ ที่จะมอบให้ท่านเป็นอย่างแรก และเป็นการเจอกันครั้งแรก ตัวมนุษย์นั้น ทุกๆ คนไม่ว่าจะกระทำสิ่งใดก็ตาม หากตื่นขึ้นมาด้วยจิตใจที่เบิกบานแจ่มใส ก็ย่อมมีกำลังวังชา มีจิตใจที่จะต่อสู้  แต่ถ้าเกิดว่าคนเรานั้นเกิดมา ลุกขึ้นมาจากการหลับ เราเกิดมาแล้วเราตื่นขึ้นมาด้วยท่าที่หดหู่ท้อแท้ การที่จะก้าวไปทำสิ่งใดย่อมเป็นการยากลำบาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์เราจึงต้องพยายามตื่นขึ้นมาจากความฝันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และพร้อมที่จะต่อสู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  รอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ มอบให้กับตัวเอง อาบอิ่มให้กับชีวิตของตัวเองจะเป็นขวัญและพลังให้เราสามารถที่จะก้าวต่อไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  เฉกเช่นเดียวกันเมื่อเราเห็นหน้าใครก็ตาม แล้วเรายิ้มไม่ออกเขาก็ยิ้มไม่ออกกับท่าน จริงหรือไม่ (จริง)  แต่ถ้าเกิดเจอหน้ากันแล้วยิ้ม ท่าทีการยิ้มเช่นนี้จะเป็นท่าทีเปิดรับซึ่งกันและกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  และเป็นกุญแจใจให้คนที่เขาพยายามปิดตัวเองนั้นค่อยๆ แง้มออกมาด้วยความละมุนละม่อม การอยู่ร่วมกันน้ำเย็นย่อมชโลมความร้อนให้หายไป ลมเย็นย่อมคลายความร้อนให้เบาบางไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  จิตใจที่สงบและมีความยิ้มแย้มแจ่มใสย่อมคลายความทุกข์วิตกกังวล ก่อนที่จะต้องเผชิญเรื่องราว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการเริ่มต้นที่ดีให้กับชีวิตนั่นก็คือการรู้จักยิ้มและมีจิตใจที่ใส ฉะนั้นทุกขณะจิตที่ท่านมีชีวิตอยู่เริ่มต้นด้วยสิ่งดีเล็กๆ น้อยๆ ความดีนี้จะช่วยอาบอิ่มให้เรามีขวัญกำลังใจ และพลังในการต่อสู่กับชีวิตที่ยังยาวไกลเหลือสั้นนิดเดียว ใช่หรือไม่ (ใช่)  เริ่มต้นเจอกันวันนี้ใครยังไม่ยิ้มก็ยิ้มดีไหม (ดี)
“อย่าประมาทแม้เศษเสี้ยวของชีวิต เผลอทำผิดหมดชีวิตยากแก้หนา
หมั่นตรึกตรองทุกขณะด้วยคุณธรรมและจริยา ผิดชอบดีชั่วนาหมั่นย้ำเตือน”
ฉะนั้นไม่ว่าจะทำสิ่งใดเราต้องไม่มีความประมาท เราต้องเป็นผู้พร้อมเสมอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อเราพร้อมเสมอแล้วเราก็จะต้องรู้จักเอาสิ่งใดมาช่วยเตือนให้ตัวเราไม่ประมาท นั่นก็คือคุณธรรม อีกอย่างหนึ่งก็คือจริยธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  คุณธรรมช่วยย้ำเตือนเราว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี คุณธรรมเป็นเกราะป้องกันภัยให้มนุษย์ไม่ก้าวไปทำผิด และไม่พลั้งเผลอทำผิดโดยไม่รู้ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใจตั้งอยู่ที่ไหน ใจก็ต้องอยู่ที่ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางครั้งก็อดไม่ได้ต้องคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย ตัวอยู่นี่แต่บางครั้งใจคิดไปถึงบ้าน คิดไปถึงหนังทีวี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ชีวิตของเราเกิดมาตาดูหูฟังมือจับต้องกายกระทำงานต่างๆ ตามองอะไรก็เห็นอย่างนั้น หูอยากฟังอะไรก็ได้ยินเสียงอย่างนั้น ใช่หรือเปล่า (ใช่)  บางครั้งหูไม่อยากได้ยินในเรื่องบางเรื่องก็อาจที่จะปิดหู ตาเราไม่อยากมองในสิ่งที่ไม่น่ามอง เราก็สามารถหลับตาได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มือเราไม่อยากทำสิ่งที่ไม่ดีสิ่งที่เลวร้าย เราก็เก็บมือเราได้ หรือไม่ก็ตีมือเราได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  การที่เราจะตีมือเราได้ เราก็ต้องเอาใจของเราบังคับให้มืออีกมือหนึ่งตีมือเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มนุษย์โดยส่วนมากนั้นเมื่อเริ่มต้นเกิดมามีจิตสำนึกที่ดีงาม อยากมองสิ่งสวยๆ อยากได้ยินเสียงเพราะๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางทีถึงตอนที่เราเกิดมานั้น บางครั้งเรายังแยกไม่ออกว่าเสียงนี้คือเสียงเพราะ เสียงนี้คือเสียงไม่เพราะ  เรารู้แต่เพียงว่า เมื่อมีคนพูดออกมาเราได้ยินเสียง  เมื่อมีภาพปรากฎเราเห็น  เมื่อมีลมโชยมาเราได้กลิ่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อเราเริ่มต้นชีวิตบางครั้งเรายังแยกไม่ออกว่าเสียงนี้คือเสียงที่ไม่น่าฟัง ตาเมื่อมองเห็นภาพนื้คือภาพที่ไม่น่าดู ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ว่าจิตสำนึกจะคอยบอกเราอยู่เสมอว่าถ้าเดินไปตรงนี้ เสียงนี้จะเป็นเสียงที่อบอุ่นให้ความเมตตา  แต่ถ้าเดินไปทางเสียงนี้ เสียงนี้จะไม่เหมือนกับเสียงที่อบอุ่นและเมตตา ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอเราเริ่มรู้ว่ามีความแตกต่าง เราก็มักจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  กระทำในสิ่งที่ดีที่สุด  แต่ใต้จิตสำนึกของมนุษย์ทุกคนนั้นเริ่มต้นก็ใฝ่หาแต่สิ่งที่ดีงาม  แต่สิ่งที่ดีงามจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนๆ นั้นยืนอยู่เฉยๆ หรือว่าไปไขว่คว้าจับต้องมา (ไปไขว่คว้า)  ธรรมะก็เฉกเช่นเดียวกัน  ธรรมะจะไม่สามารถปรากฏในจิตใจของใครได้ ถ้าคนๆ นั้นไม่รู้จักไขว่คว้าและรักษายึดกุมไว้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  หากมนุษย์เราตลอดชีวิตเราไม่เคยรู้ว่าเรามีชีวิตแล้วต้องมีธรรมะ ธรรมะจะปรากฏกับคนๆ นั้นไหม (ไม่ปรากฏ)  บางทีก็มี  บางครั้งทำไมเราเดินไปเจอคน เห็นคนกำลังถูกทำร้าย เรามีใจสงสารไหมทั้งๆ ที่รู้ว่าคนๆ นั้นไม่ใช่ญาติพี่น้องเรา  บางครั้งเราก็อยากจะช่วยถ้าช่วยได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นสิ่งไม่ดีเข้ามาครอบงำ เราก็อยากจะยื่นมือไม่ช่วย  แต่ถ้าเกิดมีเรื่องที่เล่ามาว่าอย่าไปช่วยเลย ช่วยแล้วเดี๋ยวจะโดนหาว่าเป็นผู้ทำร้ายเขาโดยไม่รู้ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเกิดไม่มีเรื่องนี้มนุษย์ทุกคนจะสามารถช่วยเหลือและมีน้ำใจต่อกันอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง และยื่นมือให้กันอย่างเต็มที่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าหากมีโจรผู้ร้ายมาปรากฏ คนทุกคนจะมองกันด้วยความระแวงไม่ไว้ใจ จิตสำนึกที่ดีงามที่เคยมีอยู่จึงเริ่มถอยหลังไป จริงหรือไม่ (จริง)  แล้วเมื่อไม่ใช้บ่อยๆ เริ่มถอยหลังๆ ก็จะหายไปหมด  แล้วเราก็จะคิดว่าเรานั้นไม่ใช่คนดี จริงหรือไม่ (จริง)  แล้วก็บอกว่าตัวเราเป็นคนไม่ดีขี้บ่น อิจฉา รังเกียจ นินทา ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าคิดกันดีๆ  จริงๆ แล้วทุกคนมีอยู่แต่อยู่ที่ว่ามองแล้วหยิบไปใช้ไหม ฟังแล้วรู้จักเอาไปปฏิบัติหรือเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเราเห็นฟ้า จะเห็นฟ้าก็ต่อเมื่อแหงนหน้ามอง เราจะเห็นดินก็ต่อเมื่อก้มหน้ามอง แล้วเราจะเห็นธรรมะก็ต่อเมื่อตัวเราต้องค้นหาและไขว่คว้ามา ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีอยู่ในจิตใจในมโนธรรมสำนึก  แต่มีอยู่ก็สามารถหายไปได้ถ้าไม่รู้จักหยิบมาใช้ เหมือนเสื้อตัวหนึ่งไม่หยิบบ่อยๆ บางครั้งเราจำได้ไหมว่าเสื้อตัวนั้นแขวนไว้ที่ไหน (ไม่ได้)  แล้วถ้าหากว่าเราเก็บเสื้อตัวนั้นตอนเราลืมสติหรือไม่มีสติ สติเราไม่อยู่กับตัว ปัญญาเราไม่ได้ขบคิด แม้ตอนนั้นจะแขวนเสื้อก็จำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้ตอนนั้นจะเคยมีธรรมะก็จะนึกว่าตัวเองไม่มี  เหมือนตัวเราหากไม่เจอคนเลวร้าย หากไม่เจอคนน่าเกลียดน่ากลัว หากไม่เจอคนเจ้าเล่ห์ฉ้อฉน เราจะรู้ไหมว่าเรานั้นก็มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมอยู่ ไม่รู้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไรที่เห็นคนไม่ดีในสังคม เราต้องขอบคุณเขา เพราะทำให้เราเห็นว่าตัวเรานั้นดีหรือเปล่า ตัวเรานั้นลืมทอดทิ้งไปหรือไม่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเวลาเจอคนไม่ดีอย่าไปว่าเขา ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้เราเห็นตัวเอง นี่คือมุมมอง  ทำไมคนในสังคมจึงมองกันว่าสังคมน่ากลัว คนไม่ดี คนนั้นก็เจ้าเล่ห์ คนโน้นก็ฉ้อฉน คนโน้นก็ชอบนินทาว่าร้าย คนนี้ก็ชอบเบียดเบียน  แต่ต้องมองกลับว่าคนนั้นเบียดเบียนแต่เราไม่เบียดเบียน ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนโน้นฉ้อฉนทำไมเราจึงฉ้อฉนเหมือนกัน  ทำให้เราได้ตรวจสอบ ทำให้เราได้มองเห็น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเรื่องราวในโลกนี้แม้จะเลวร้ายมืดมิดอย่างไรก็ใช่ที่จะน่ากลัว ในความน่ากลัวนั้นยังให้ข้อคิดที่ดีและให้มุมสว่างที่เราพร้อมจะเห็นได้ชัดเจน และจะตั้งต้นจะไม่ทำตามเขาเด็ดขาด จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นเกิดมาเป็นคนเราจึงต้องอย่าได้ปล่อยให้ชีวิตเป๋ไปเป๋มา เคว้งไปเคว้งมา แต่เมื่อมีชีวิตจึงต้องรู้จักตั้งต้น  เมื่อตั้งต้นแล้วก็ต้องตั้งต้นให้ดีงามและสว่างไสว ใช่หรือไม่ (ใช่)  นี่คือเป็นมนุษย์แล้วควรรู้จักวางตน บางคนเกิดมาแล้วมักจะไม่ชอบอย่ามาตีกรอบ อย่ามาควบคุม  ในนิทานเรื่องหนึ่งมีใบไม้ใบหนึ่งเป็นใบที่พูดได้ แต่ยังไม่ได้เกาะกิ่งไม้ใด ใบไม้ใบนั้นเดินไปเจอกิ่งไม้กิ่งนี้ก็ดี เดินไปเจอกิ่งโน้นก็ดี เดินไปอย่างนี้ต้นไม้ทั้งต้นเลือกไม่ได้สักที  บางครั้งพอจะไปกิ่งนี้ก็ไม่เอาบอกว่าเบียดเสียดยัดเยียดชอบตีกรอบชอบบังคับ พอเดินไปอีกก็บอกว่าไม่เอาชอบดุว่าเข้มงวด เราขอเป็นใบไม้อิสระดีกว่าไม่ต้องเกาะกิ่งไหน  แต่พอมีลมพัดมาใบไหนที่จะอยู่ได้ ใบไหนที่ต้องร่วงหล่นสูญสลายไปก่อนกำหนดเวลา (ใบที่ไม่เกาะกิ่ง)  พอลมพัดมาฝนตกกระหน่ำมาใบไม้นั้นก็ปลิวไปปลิวมา ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอเจอน้ำหน่อยก็บุบสบายไปก่อนเวลา จริงหรือไม่ (จริง)  ท่านเห็นได้คนที่ไม่ยอมอยู่ในกรอบของสังคม  คนที่ไม่ยอมอยู่ในกฎของสังคมมักจะไปก่อนกำหนดเวลา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าได้กลัวข้อบังคับหรือกฎระเบียบของสังคม อย่าได้กลัวคำดุด่าว่ากล่าวตักเตือนตน ไม่เช่นนั้นจะเป็นผู้ที่ทอดทิ้งสิ่งล้ำค่าและมองไม่เห็นความเป็นจริง หรือคุณค่าของคำพูดที่แฝงอยู่ในคำว่ากล่าวตักเตือน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราเกิดเป็นคนจงอย่าได้มองข้ามทุกๆ สิ่ง  จงมีชีวิตอยู่แล้วมองเห็นความเป็นจริงแห่งชีวิต แล้วเราจะไม่ถูกเปลือกของชีวิตทำให้เราไม่เห็นความเป็นแก่นแท้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนหลายๆ คนชอบมีชีวิตที่อิสระไม่ชอบถูกบังคับ ไม่ชอบถูกตีกรอบ ไม่ชอบถูกเข้มงวดกวดขัน  แต่ลองสังเกตดูว่าเด็กที่รู้จักระเบียบรู้จักควบคุมตัวเอง ทำด้วยตัวเองไม่เรียกร้องจากใคร กับเด็กที่ปล่อยตัวเองตามอิสระไม่ยอมทำอะไรเองต้องคอยให้ผู้อื่นทำให้ เด็กคนไหนจะเข้มแข็งกว่ากัน (ทำด้วยตัวเอง)  แล้วเด็กคนไหนที่ไปเผชิญโลกแล้วอยู่ได้อย่างเข้มแข็งไม่พ่ายแพ้สังคมในโลก (เด็กทำด้วยตัวเอง)  และเด็กที่รู้จักกฎระเบียบของสังคม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราต้องเป็นคนที่รู้จักตาดูหูฟังอย่างแจ่มชัด  ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีตาดูหูฟังอย่างมืดมัว และโดนลมพัดพาไปอีกโลกหนึ่งที่อันตรายก็เป็นได้
“เพียงเพื่อหวังตนมีและต้องได้ กำเอาชัยไว้เป็นหนึ่งอย่างเต็มที่”
เวลาเราจะทำสิ่งใดเรามีอารมณ์หน้าอินทร์หน้าพรหมก็ไม่สน ใช่หรือไม่ (ใช่)  หน้าขาวหน้าดำก็ไม่กลัว อารมณ์ขึ้นแล้วก็ต้องระเบิด อารมณ์นั้นเปรียบเหมือนหน้ากากของมนุษย์ เปลี่ยนเป็นหน้ากากอื่น เปลี่ยนเป็นหน้ากากโมโห เราเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการแสดงอารมณ์  แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้เปลี่ยนแบบนี้ทันที ใช่หรือไม่ (ใช่)  เดินไปสักพักก็หยิบหน้ากากอันนั้นมาใส่ เดินไปสักพักก็หยิบอันโน้นมาใส่ จริงหรือไม่ (จริง)  เราจึงสนุกเพลิดเพลินในการมีอารมณ์ รู้สึกว่าชีวิตมีรสชาติ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่คนเช่นนี้เป็นคนที่น่าสงสาร เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ เปลี่ยนตัวเองไปเรื่อยๆ ตามสภาพแวดล้อมเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ในเมื่อคุมตัวเองไม่ได้ เขาจะคุมคนอื่นได้หรือไม่ (ไม่ได้)  แล้วบอกว่าฉันเป็นหัวหน้า ฉันอายุมากกว่า บางครั้งถามตัวเองดูว่าเข้าใจตัวเองหรือยัง คุมตัวเองได้ไหม บางทีก็ยังสับสนปนเปอยู่เลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอารมณ์ต้องรู้จักควบคุมบ้าง ไม่ใช่มีเท่าไรก็ระเบิดหมด อย่างนี้น่ากลัวยิ่งกว่าดภูเขาไฟระเบิดเสียอีก ภูเขาไฟระเบิดเมื่อหมดแล้วก็หมดกัน แต่อารมณ์บางทีหมดแล้วก็ยังออกมาได้อีกเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ภูเขาไฟระเบิดแค่ครั้งเดียวลูกเดียว แต่ท่านระเบิดเป็นสิบๆ ครั้งแถมไม่มีจำนวนจำกัด  ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นท่านน่ากลัวยิ่งกว่าอีก พอการกระทำมีอารมณ์ เวลาลิ้นเราตวัดพูดอะไรบางทีก็ไม่ได้คิด บางครั้งใช้คำพูดสวยๆ แต่ความจริงแล้วทิ่มแทงให้ไปคิดเอาเอง ว่าเขาลึกๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฝ่ายหญิงมักเป็นบ่อยๆ แต่ฝ่ายชายมักจะพูดน้อยแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ใช้กำลังมากกว่า ฉะนั้นเราเกิดเป็นคน ชีวิตเมื่อเกิดมาสิ่งแรกที่เรารู้ก็คือเราเกิดมาเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่มีใครเกิดมาแล้วเดินถอยหลัง ทุกคนเกิดมาแล้วก็เดินไปข้างหน้านี่เป็นนัยที่แฝงให้เรารู้ว่า ธรรมชาติสอนให้มนุษย์รู้อย่างหนึ่งว่าคนเราเกิดมาต้องเจริญรอยให้ดียิ่งๆ ขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราจะต้องไม่ทอดทิ้งธรรมชาติที่มีอยู่ และมองข้ามธรรมชาติที่คอยสอนชีวิต หากเกิดเป็นคนไม่ยอมสนใจธรรมชาติ คนๆ นั้นไม่สามารถอยู่กับธรรมชาติได้อย่างประสานกลมกลืนและไม่สามารถที่จะเอาธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ จริงหรือไม่ (จริง)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นเล่นเกมส์หน้ากากยิ้ม หน้ากากโกรธ หน้ากากวางเฉย)
อารมณ์ของมนุษย์เราก็เหมือนกันเป็นสิ่งที่เหมือนขั้ว ไม่ขั้วซ้ายก็ขั้วขวา แต่อารมณ์ที่แท้จริงของมนุษย์ไม่ใช่ขั้วซ้ายไม่ใช่ขั้วขวา แต่เป็นอารมณ์ที่ขั้วตรงกลางสงบนิ่งและไม่มีอารมณ์ใดๆ หากมนุษย์เราดำเนินชีวิตสามารถรักษาอารมณ์สงบนิ่งนี้ได้ย่อมเป็นการดีไม่น้อย ใช่หรือไม่ (ใช่)  อารมณ์โกรธนี้อยู่ๆ จะให้ปั้นหน้าให้ยิ้มนั้นยากหรือไม่ (ยาก)  ฉะนั้นห้ามพูดว่าทำชั่วทำง่ายทำดีนั้นทำยาก เราขอแย้งเป็นคนแรกเลยว่าทำดีนั้นทำง่ายเพียงแต่ยิ้มด้วยความจริงใจ จริงหรือไม่ (จริง)  ยิ้มนี้ก็เป็นรอยยิ้มช่วยบุกเบิกทางแล้ว ใครที่เกลียดเราเราก็ยิ้มเข้าไว้สักวันหนึ่งเขาจะต้องถามเราว่าไม่โกรธฉันหรือ จริงหรือไม่ (จริง)
เมื่อเราเริ่มต้นชีวิต อย่างที่เราบอกแล้วว่าเราต้องรู้จักวางตนและตั้งตนอยู่บนทางที่ถูก หากเมื่อเริ่มต้นชีวิตไม่รู้จักวางตนตั้งตนในหนทางที่ถูกแล้ว เราก็ย่อมง่ายที่จะถูกพัดพาไปตามกระแสลมของโลก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อรู้จักตั้งต้นแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะพึงรู้ไว้นั่นคือว่า คนเรานั้นมีอยู่สองอย่างไม่วางเฉยก็โลภมาก โดยปกติคนเราเมื่อเติบโตมาแล้ว บางครั้งพอยังไม่ทันตั้งต้นเลยก็อยากมีโน่นอยากมีนี่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่พอมีแล้วความอยากของเราเคยถมให้เราเต็มบ้างไหม  ความอยากของเราเคยทำให้เรารู้สึกว่าเป็นสุขบ้างหรือไม่ (ไม่เคย)  เมื่อเราเริ่มต้นชีวิต เราก็อยากมีโน่นอยากมีนี่เพิ่ม มีแล้วหากเราไม่รู้จักคำว่าพอ คำว่า “ไม่รู้จักคำว่าพอ” จะทำให้เราถูกกิเลสครอบงำเป็นไปได้ไหม (ได้)  ก็เพราะว่าความอยากนี้หากเกิดขึ้นในตัวเราแล้ว ความอยากจะทำให้เรามักไม่ค่อยเที่ยง แล้วก็มักจะไม่คิดถึงคุณธรรมสักเท่าไร ถ้าเกิดว่าความอยากนั้นมีอำจาจเหนือมโนธรรมสำนึกความอยากนั้นก็จะบดบังมโนธรรมสำนึก และทำให้เราง่ายที่จะเผลอไผลไปตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาอารมณ์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไรเราอยากน้อยก็เป็นทาสกิเลสได้น้อย แต่ถ้าเมื่อไรเราอยากมากๆ ก็ง่ายที่จะเป็นทาสกิเลสโดยไม่รู้ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้ตอนแรกเราจะรู้สึกว่าอะไรดีอะไรชั่ว แต่ถ้าเกิดว่าเราอยากมากๆ อยากอย่างไม่จบสิ้น ความอยากนั่นจะทำให้เราเผลอทำผิด  แล้วลืมนึกถึงคุณธรรมความผิดชอบชั่วดีมากกว่าคนที่รู้จักอยากน้อยๆ จริงหรือไม่ (จริง)  อย่างเช่นเหมือนคนที่มองเห็นหากเกิดมาอยากได้ทอง บ้านโน้นก็มีทอง บ้านนั้นก็มีทอง ตอนแรกเราจะยังรู้ตัวว่าอย่านะนั่นเป็นบ้านของเขา นั่นเป็นทองของเขา แล้วถ้าเกิดว่าเราลืมมโนธรรมสำนึก ความอยากนั้นจะทำให้เราเผลอหยิบทองเขามาได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วความอยากนั้นอาจจะเกิดความเจ้าเล่ห์เพทุบายแกล้งไปตีสนิทแล้วก็หาอุบายหลอกลวงเอาทองไปเปลี่ยนบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือไม่ก็แกล้งเอาทองสิบบาทไปหลอกล่อแลกกับทองหนึ่งบาท เมื่อความอยากครอบงำเราเราก็เชื่อเขายอมแลกเอาทองสิบบาทมา เหมือนกับที่ท่านโดนเขาโกงกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เขาจะไม่โกงเราแล้วเรามองเห็นง่ายๆ แบบนี้ แต่เขายังมีแผนซ้อนแผน เล่ห์ซ้อนเล่ห์ จริงหรือไม่ (จริง)  เหมือนที่ดินผืนหนึ่งจากดินธรรมดากลายเป็นเงิน จากที่เคยรักดินผืนนี้มากขายหรือไม่ขาย (ขาย) พอได้เงินมาแล้ว เงินที่ได้มาง่ายก็เสียง่าย จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นอย่าปล่อยให้กิเลสนั้นครอบงำจนเราไม่สามารถแยกผิดชอบชั่วดี จนทำให้เราตกเป็นทาสของกิเลส แล้วลืมความเป็นคนหรือลืมคุณธรรมอันดีงามทอดทิ้งไปเสีย เช่นนี้ก็เสียเปล่าที่เกิดมาเป็นคน ใช่หรือไม่ (ใช่)  จะให้เรียกว่าคนประเสริฐก็ออกจะไม่เต็มปากเต็มคำ ใช่หรือไม่ (ใช่)
“ทั้งเงินทองชื่อเสียงต้องเปรมปรีดิ์ ไม่ทันเสพกลับต้องมีอันเลือนไป”
บางครั้งเราคิดว่าเราจะต้องหาเงินให้ได้มากๆ หาเงินให้ได้เยอะๆ  เหมือนพานหนึ่งใบที่เราพยายามหาอะไรก็ได้มาใส่ให้เต็ม ไม่ว่าเงินทองเกียรติยศชื่อเสียง เต็มแล้วบางครั้งพอหรือไม่ ไม่พอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  หาให้ได้มากกว่านี้อีกล้นพานแล้วก็ยังไม่พอ บางครั้งยังไม่ทันหยิบออกมากินยังไม่ทันหยิบออกไปใช้ก็มีคนขอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีเหตุให้ต้องเสีย มีเหตุให้ต้องหายก็มี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสู้มีน้อยๆ แล้วพึงพอใจแล้วได้ใช้ กับมีมากๆ เดี๋ยวก็เสียโน่นเดี๋ยวก็เสียนี่ เดี๋ยวก็ต้องระแวดระวังว่าจะหายไหม อันไหนสุขกว่ากัน มีน้อยดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนเราชอบเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนยันต์กันโรค บางคนเห็นธรรมะเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนฮู้เอาไว้แปะกันผีกันปีศาจ บางคนเห็นธรรมะเป็นยารักษาโรค เป็นนางพยาบาลช่วยรักษา แท้ที่จริงแล้วธรรมะช่วยให้มนุษย์เรารู้จักมองเหตุและเห็นผล ป้องกันตั้งแต่เหตุอย่าให้ส่งผล ใช่หรือไม่ (ใช่)  ธรรมะเหมือนเครื่องคุ้มครองยึดเหนี่ยวจิตใจ บางครั้งคนเราเจ็บป่วยต้องมีเหตุมาและเหตุไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  เอาแต่ยึดธรรมะแต่ไม่รักษาตัว รักษาตัวไม่หายแล้วก็โทษธรรมะได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ต้องโทษตัวท่านเองที่ไม่รู้จักดูเหตุดูผล พอเอาธรรมะไปแปะไว้ที่บ้าน ปรากฏว่ามีคนมาทวงหนี้บอกว่าธรรมะไม่ช่วยอย่างนี้ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ฉะนั้นเราต้องรู้จักใช้ธรรมะให้ถูกทาง ไม่เช่นนั้นแล้วแม้มีธรรมะก็จะช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งตัวเอง
“บ้างเจ็บปวดสูญเสียหรือพลาดพลั้ง ไร้กำลังความพ่ายแพ้รับไม่ได้”
แต่ก่อนเคยมีเงินมาก วันหนึ่งต้องสูญเสียรับได้ไหม  แต่ก่อนเคยมีแต่คนรักเอาใจ พอไม่มีคนรัก ไม่มีคนเอาใจรับได้ไหม  (ไม่ได้)  ต้องพยายามทำให้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะโลกนี้มีสว่างแล้วก็มี (มืด)  มีคนชมก็ต้องมีคน (ติ)  มีคนรักก็ต้องมีคน (เกลียด)  มีคนว่าเราดีก็ต้องมีคนว่าเรา (ไม่ดี)  ฉะนั้นเราต้องรู้จักทำใจบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำใจอย่างเดียวไม่พอ แต่ใจนี้จะต้องรู้จักใจกว้างด้วย หากเราใจคับแคบ พอเดินผิดหน่อยก็ชนแล้ว แต่สู้เราเปิดใจกว้างไม่ว่าเรื่องอะไรมาก็ชนยาก ยังอยู่ห่างไกล ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนจึงต้องเปิดใจกว้างและรับให้ได้ทั้งเรื่องมืดและสว่าง ขาวและดำ แต่คนเราก็มีปัญญาอยู่อย่างหนึ่ง ปัญญาที่สามารถอยู่ร่วมกับสภาวะแวดล้อม แม้ตัวเองไม่สามารถจะอยู่ได้ก็สามารถจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้อยู่ร่วมกันได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วนอกเหนือจากนั้นอีกอย่างหนึ่งก็คือ แม้สภาวะแวดล้อมจะดีจะร้ายอย่างไร มนุษย์เราก็สามารถจะเปลี่ยนให้ได้ตามที่ใจต้องการ ใช่หรือไม่ (ใช่)  นี่คือปัญญาของมนุษย์ ฉะนั้นจะกลัวอะไรกับความมืดความสว่าง จะกลัวอะไรกับคนดีคนร้าย หากเรารู้จักใช้ปัญญาของตน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่จะใช้ปัญญาอย่างไรจึงจะสามารถเปลี่ยน แล้วก็ไม่เกิดผลกระทบกับการอยู่ร่วม แล้วสามารถปรับเปลี่ยนกลมกลืนสอดคล้อง แล้วไม่ลืมความเป็นตัวของคนเอง ไม่สูญเสียทอดทิ้งรากเดิมแท้ของตนเอง จุดนี้สำคัญกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  หลายคนเปลี่ยนแปลงอยู่กับคนโน้นก็ได้คนนี้ก็ได้ แต่มักจะลืมความเป็นตัวของตัวเอง ทอดทิ้งความเป็นตัวของตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  หลายคนแม้ตัวเองจะไม่ยอมเปลี่ยน แต่ก็สามารถเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้กลมกลืนกับที่ใจเราต้องการได้ แต่พอเปลี่ยนตามใจเราต้องการแล้ว ก็มักจะหลงตนเอง ลืมตนเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือที่เรียกว่าได้ดีแล้วลืมตน ยืนอยู่สูงแล้วขาไม่ติดพื้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  นั่นแหละคือความยากของมนุษย์ บางครั้งรู้จักใช้ปัญญา แต่ก็อับจนปัญญาเหมือนกัน จริงหรือไม่
“หวนคำนึงหวังหาธรรมพักพิงใจ กรรมมากมายบุญตามมาช่วยเหลือไม่ทัน”
เพราะมัวแต่เพลินกับกิเลส เพลินกับการสะสมเกียรติยศชื่อเสียง ถึงแม้มีเกียรติยศชื่อเสียงมากมาย แต่ไม่เคยสร้างบุญกุศลจะมีประโยชน์อะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอพญายมพอเจ้ากรรมนายเวรมาตามทวงหนี้ ตอนนั้นจะมาเร่งสร้างบุญก็สายไปเสียแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราอยากบอกท่านในการบำเพ็ญตนไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ใช่เรื่องยากเลย ก็คือละเว้นจากสิ่งชั่วร้าย นั่นก็คือการทำดีหรือบำเพ็ญตนอย่างง่ายๆ แล้วไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นชื่นชม แต่สามารถดำเนินชีวิตแล้วไร้ที่ติ นั่นแหละเรียกว่าผู้มีธรรมะในชีวิตแล้วทำได้หรือไม่ (ได้)  แม้ทำดีแต่ก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไร แต่เรารู้ว่าไม่ทำชั่วทำอย่างไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งใดที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีก็เลิกเสีย แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แม้จะที่มืดที่อับก็ไม่แอบทำทำได้ไหม (ได้)  แม้จะเป็นความชั่วเล็กๆ น้อยๆ แอบว่าพ่อแม่ แอบว่าครูบาอาจารย์ก็ไม่ทำได้ไหม (ได้)  แม้นินทาเพื่อนบ้านว่าไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ก็จะไม่ขยับปากพูดได้ไหม (ได้)  หากเริ่มต้นเล็กๆ เราทำได้ เรื่องใหญ่ๆ ทำไมเราจะก้าวไปไม่ถึง แต่หากความผิดเล็กๆ น้อยๆ เรากล้าทำ แล้วทำไมความชั่วที่ยิ่งใหญ่จะไม่บังเกิดกับเรา จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นจะต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ
“ไม่สายรู้รักษ์ธรรมนำชีวิต เมตตาจิตเสียสละไม่ห้ำหั่น”
เกิดเป็นคนคุณธรรมข้อแรกที่ท่านต้องพึงรู้ไว้ก็คือความกตัญญูรู้คุณ ความกตัญญูรู้คุณเป็นใยที่คอยประสานให้มนุษย์เราอยู่ด้วยกันอย่างชื่นบานคงทน ความกตัญญูเป็นสิ่งที่บันดาลให้มนุษย์เรารู้จักเมตตา เคารพและอ่อนน้อมและเสียสละแก่ผู้อื่น มนุษย์ทุกคนมักจะคิดว่า ความกตัญญูคือทำให้กับบิดามารดา แต่ถ้าเกิดว่าคนที่รู้จักความกตัญญูเป็นใหญ่ เขาจะมองเห็นว่าความกตัญญูนั้นไม่ใช่เกิดแค่บิดามารดา แต่ยังมีครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ และคนในสังคมนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นไม่ว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่ เป็นเด็กเป็นวัยรุ่นเราจึงไม่ควรมองข้ามเรื่องความกตัญญู เกิดเป็นคนรู้คุณคน รู้คุณบิดามารดา รู้คุณฟ้าดิน และรู้คุณคนทุกคนในสังคม คนๆ นั้นคือคนที่สามารถเสียสละให้ทุกๆ คนได้ และมีน้ำใจมีเวลาที่จะช่วยเหลือผองชน จริงหรือไม่ (จริง)
การบำเพ็ญธรรมคืออะไร  การบำเพ็ญธรรมคือการขัดเกลาจิตใจตนเอง ส่งเสริมตัวเองด้วยคุณธรรมความดีงามที่ถึงจะปฏิบัติได้ สิ่งใดที่เป็นสิ่งที่ดี สิ่งใดที่เป็นสิ่งที่ชอบพึงกระทำ สิ่งใดที่เป็นสิ่งเลวร้ายก็เลิกกระทำอย่าได้คิดกล้ำกลาย และอย่าได้คิดแตะต้อง นั่นแหละคือการบำเพ็ญดีในสังคม  สังคมปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร คนก็ร้ายอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าท่านบำเพ็ญธรรม สังคมจะร้ายอย่างไรเราก็ยังดีอย่างนั้น นั่นแหละยอดเยี่ยม จริงหรือไม่ (จริง)  แม้สังคมจะร้ายอย่างไร ท่านก็ยังดีอย่างนั้นแล้วยังมีใจช่วยเหลือคนอีก นั่นแหละเรียกว่าพุทธะ ทำได้ไหม (ได้)  ไม่ใช่เป็นเรื่องยากเลย จริงหรือไม่ (จริง)  นั่นก็คือเรียกร้องตัวเอง เริ่มต้นที่ตัวเอง และยื่นมือไปช่วยเขา ท่านก็จะได้เป็นพุทธะน้อยๆ แล้ว  ท่านก็จะได้ฝึกฝนการเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยากเป็นไหม  หากฝึกฝนตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นคน ตายไปก็ไม่กลัว  แม้วันพรุ่งนี้จะตายก็ไม่กลัว เพราะได้ทำดีอย่างเต็มที่แล้ว เกิดมามีคุณค่าแล้ว จริงหรือไม่ (จริง) แต่ถ้าเกิดว่าทุกท่านให้ตายตอนนี้กลัวหรือไม่ (กลัว)  ก็เพราะว่ายังไม่ดี ยังแอบทำไม่ดีอยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  หมากก็รู้ว่ากินแล้วไม่ดี บุหรี่ก็รู้ว่าสูบแล้วไม่ดี เหล้าก็รู้ว่าดื่มแล้วไม่ดี แต่ท่านก็ยังติด ไปเที่ยวดึกๆ ดื่นดีหรือไม่ (ไม่ดี) แต่ทำไมชอบเที่ยวทำให้พ่อแม่เป็นห่วง ทำให้คนอื่นอกสั่นขวัญแขวนดีหรือไม่ (ไม่ดี) ฉะนั้นก่อนจะทำอะไรขอให้ระลึกถึงด้วยว่า ตัวเราทำแล้วไม่เดือดร้อนผู้อื่น เดือดร้อนยิ่งกว่าอะไรเสียอีก  เอาไว้ท่านรักใคร เหมือนใจเขาใจเราก็จะรู้ว่าความหว่งหาอาทรของพ่อแม่ที่มีต่อบุตรนั้นยิ่งใหญ่กว่าความรักใดๆ ในโลกนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
“ร่วมสถานร่วมศึกษาน้อมบำเพ็ญ อภัยเป็นทานยิ่งใหญ่ให้มิสูญ”
การให้อภัยยิ่งให้ไปเท่าไรไม่มีวันสูญเปล่า และเป็นการให้ที่ง่ายที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ทำไมเราทำยาก บางทีเกลียดเขา ให้อภัยได้ไหม ไม่ต้องให้เป็นสิ่งของเพียงแต่ใจเราเปิดกว้างอภัยให้ จริงหรือไม่ (จริง)  คนเราทุกคนมีประสบการณ์ มีนิสัยมีความคิด มีความเข้าใจแตกต่างกันไป บางครั้งเขาบอกว่านี่ซ้ายนี่ขวา แต่บางคนบอกว่าไม่ใช่ นี่ขวานี่ซ้าย แล้วจะไปเถียงกันทำไม ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางครั้งเถียงไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ปล่อยให้เขาไปรู้เองนั่นแหละดีที่สุด จริงหรือเปล่า (จริง)  ถ้าเกิดเราพูดหนึ่งครั้งแล้วโมโห สองครั้งแล้วโกรธเกี้ยว เลิกพูดเสีย เปลี่ยนเป็นให้อภัยทำใจได้ ไม่ใช่ให้อภัยแล้วบอกว่าตัวเองโง่ อย่างนี้ไม่ถูก อย่างนี้ไม่เรียกว่าให้อภัย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ให้อภัยที่แท้จริงใจเราต้องไม่เก็บมาฝักไว้ในตัว การให้อภัยที่แท้จริงก็คือ แม้เขาจะดีจะร้ายเราก็ต้องให้อภัยต้องไม่มีร้ายในใจเลย ทำได้ไหม (ได้) บางคนทำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีคำกล่าวคำหนึ่งทิ้งท้ายก่อนจะจากกันว่า “เมื่อเจอคนเลวอย่าได้ด่วนเกลียดเขา เมื่อเจอความยากลำบากอย่าได้บ่นท้อแท้”  เพราะอะไรเมื่อเจอคนเลวเราต้องดีใจ อย่างที่เราบอก เพราะเราได้ตรวจสอบตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อเจอความทุกข์ยาก ก็อย่าได้บ่นท้อหรือยอมแพ้ อุปสรรคความทุกข์ยากช่วยวัดดูว่า ตอนนี้จิตใจเราเข็มแข็งหรืออ่อนแอ ตอนนี้สิ่งที่เรากระทำอยู่ได้ปล่อยปละหรือว่ายึดมั่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนอยู่ในโลกนี้ อยู่ที่ตาดูหูฟัง แล้วมองเป็นธรรมะ หรือมองเป็นอคติ มองเป็นแบบโลกโลกีย์หรือมองเป็นแบบพุทธะมอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเรื่องราวไม่ว่าจะมืดมนหรือใสสว่างขอให้มองแบบธรรมะ มองอย่างผู้มีธรรมะ มองอย่างผู้บำเพ็ญและเรียนรู้ศึกษาธรรม แล้วเราจะเห็นว่าแม้คนร้ายอย่างไรก็ยังมีดี แม้อุปสรรคขวากหนามพัดโหมกระหน่ำมากเพียงใด ก็ยังให้ความแข็งแกร่งกับจิตใจ จริงหรือไม่ (จริง)  สิ่งหนึ่งที่วันนี้เรามาแล้วเราเสียใจมากที่สุดนั่นก็คือผู้ปฏิบัติงานธรรมไม่เห็นเลย ไม่ช่วยเราสร้างบรรยากาศเลย แถมหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ เรามาครั้งนี้เราผิดหวัง
วันนี้เรามีโอกาสมาผูกบุญสัมพันธ์กับทุกท่านเล็กๆ น้อยๆ ขอให้ต่อไปมีใจมาศึกษาธรรมอีก อย่าเห็นว่าธรรมะนั้นเป็นเรื่องไกลเกินตัว ธรรมะหากรู้จักใช้จะช่วยละลายความมืดมนในสังคม ขจัดความอิจฉาริษยาดื้อด้าน ทิฐิในใจตนให้เบาบางได้ คุณธรรมหากรู้จักบำเพ็ญจะช่วยแปรเปลี่ยนความชั่วร้ายของจิตใจผู้อื่นให้กลายเป็นความดีงาม แปรศัตรูให้เป็นมิตร แปรความร้ายให้เป็นความรัก แปรความอ่อนแอให้เป็นความมั่นคงแข็งแกร่ง ในการที่จะอยู่บนโลกนี้อย่าได้เป็นผู้ที่บำเพ็ญแล้วแก่วัดแก่วา แม้ธรรมะอยู่ตรงหน้าก็ไม่คิดจะฟัง แม้สิ่งที่ดีปรากฏอยู่ก็ไม่คิดที่จะจับ คิดที่จะกระทำ คนเช่นนี้เกิดมาก็เสียเปล่า จริงหรือไม่ (จริง)  ขอให้ตั้งใจบำเพ็ญให้ดี บางครั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์มา ก็อยากจะส่งเสริมให้ท่านเข้าใจธรรมะให้ยิ่งๆ ขึ้นไป แต่เมื่อเข้าใจแล้วรู้จักธรรมนี้คืออะไรแล้ว ก็ขอให้ยึดกุมและบำเพ็ญให้มั่นคง อย่าได้ท้อแท้อย่าได้หวั่นไหวและอย่าได้เปลี่ยนแปลง

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา