西元二○一九年歲次己亥十一月十九日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ สถานธรรมจินโจว อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ
เป็นดั่งน้ำช่วยคนดับกระหาย เป็นร่มเงาช่วยคลายความทุกข์เข็ญ
เป็นดั่งแสงทองนำทางส่องเช้าเย็น ผู้ฝึกเป็นเสียสละให้ไม่หน่ายเลย
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดาแล้ว ถามทุกท่านเกษมฤๅ
โลกกลมกลมคนเดินกันขวักไขว่ คนบำเพ็ญล้ำสมัยมีหลายความเห็น
คิดใหม่ได้แต่ไม่ไร้การบำเพ็ญ โลกยามเย็นจึงเห็นไฟส่องทาง
ความแค้นใจทำบ้านให้เป็นไฟ ความใจเย็นทำบ้านไม่เหินห่าง
ใต้ร่มน้อมให้กันอุดช่องว่าง เปิดรับฟังทุกความสามารถความเห็น
ต่างความเห็นจึงกว้างใหญ่ได้พัฒนา คนศึกษาคนด้วยการต่างความเห็น
ดึงศักยภาพได้ดึงด้วยสิ่งที่เป็น ดีทุกวัยทำใจเป็นบำเพ็ญดี
ส่งไม้ต่อรุ่นก่อนรุ่นใหม่รับ เหมือนได้ใจคืนกลับมาตอนนี้
รุ่นหลังรุ่นปลูกไม่รู้จักดินดี รุ่นร่มเย็นเห็นวิธีแตกกิ่งก้านใบ
คนปฏิบัติเป็นเห็นได้เป็นนักปราชญ์ เดินหน้าปฏิบัติตามเวลาเอื้ออำนวยให้
ถือคุณธรรมเป็นหลักเป็นดั่งธงชัย มั่นคงเหนือกาลร่วมใจร่วมเวลา
จะตลอดไปหรือไม่อยู่ที่เรา เปลี่ยนเมตตาอันเหงาเศร้าของเราหนา
เป็นเมตตาอันอบอุ่นคนเข้าหา ด้วยปัญญาเป็นเข็มทิศในชีวิตตน
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ
ฟังธรรมเหนื่อยไหม ยังไหวอยู่ใช่หรือเปล่า (ไหวค่ะ) เป็นคำตอบที่น่าชื่นใจนะ รู้จักกันก่อนดีไหม อากาศเย็นๆ พออยู่ร่วมกันก็กลายเป็นอบอุ่นได้ เพราะอะไรหรือ เพราะทุกคนต่างมีความร้อนในตัว ใช่หรือไม่ เกิดเป็นคนใจเย็นดีหรือใจร้อนดี แล้วส่วนใหญ่เราใจเย็นหรือเราใจร้อน ชอบคนใจเย็นแต่ตัวเองชอบใจร้อน จริงไหม ใจร้อนไม่ดีแล้วใจร้อนไหม เกิดเป็นคนกลัวเคราะห์กรรมเภทภัยไหม และเวรกรรมไหม (กลัว) ท่านเคยได้ยินไหมว่า ไม่มีเคราะห์ภัยใดน่ากลัวเท่ากับไฟที่เกิดจากโทสะ คนที่ขี้โมโหมักโกรธ เป็นคนที่ไม่มีใครอยากคบด้วย ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วอยากรู้ไหมว่าเราเป็นคนขี้โมโหหรือใจเย็น เวลาไปไหนคนเข้าหาหรือคนเดินหนี เวลาไปไหนแล้ววงแตกไม่ใช่คนใจเย็น ใช่ไหม (ใช่) ไปไหนมีแต่คนเดินหนีไม่มองหน้า แปลว่าเป็นคนใจร้อน จริงไหม (จริง) ตกลงแปลว่าท่านเป็นคนใจร้อนที่อยากมีเวรมีภัย ที่ไม่มีใครเขาคบหา ไม่มีใครเขารักใคร่ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นเราควรจะเป็นคนที่มักโกรธบ่อยๆ หรือเปล่า (ไม่) รู้ว่าเป็นศัตรูตัวร้ายควรจะมีความโกรธไหม (ไม่มี) แล้วอะไรล่ะที่จะช่วยดับความร้อนได้ (ธรรมะ)
เราถามท่านหน่อยนะ เราจะทำอย่างไรให้เราเป็นคนไม่โกรธ ท่านเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งที่คนโบราณมักจะชอบพูดและสอนคนไว้บ้างไหมว่า “คนเราดีไม่ทั่ว ชั่วไม่หมด” แปลว่าไม่มีใครดีจริงๆ และไม่มีใครร้ายจริงๆ ถึงจะขี้โมโหแต่ก็มีอะไรดีเหมือนกัน อารมณ์ร้อนแต่ก็ใจดีเหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่) แปลว่ามีทั้งร้อนและเย็นอยู่ในตัว แต่ร้อนมากกว่าเย็น ใช่ไหม (ใช่) อย่างนั้นเราอยากจะบอกท่านอย่างหนึ่งนะ บางครั้งมนุษย์ก็รู้ว่าอะไรไม่ดีอะไรดี แต่บางทีความดี
ไม่สามารถชนะความไม่ดีในใจได้ จริงหรือไม่ (จริง) ดีชั่วรู้หมดแต่อดใจไม่ไหว ใช่หรือเปล่า (ใช่) อันนี้จำได้ขึ้นใจเลย ใช่ไหม ถ้าเราบอกว่าจริงๆ แล้วการที่เราฝึกเป็นคนใจเย็นๆ หน่อย ฝึกโมโหให้น้อยหน่อย ฝึกเกรี้ยวกราดให้น้อยหน่อยนั้นดี เราไม่ได้ทำดีเพื่อหวังให้คนรัก แต่เราทำดีเพื่อป้องกันการที่เราจะไปเบียดเบียนทำร้ายคนที่เรารัก จริงไหม (จริง) เรารักคนที่อยู่รอบข้างเราไหม (รัก) แล้วคนที่อยู่รอบข้างเรา เราเห็นเขาเป็นทุกข์ เราทนได้ไหม (ไม่ได้) เห็นเขาหน้าเบี้ยวหน้าบูด เราก็พลอยหน้าบูดหน้าเบี้ยว จริงไหม (จริง) ลองอยู่ในบ้านมีแต่คนหน้าบูดหน้าเบี้ยว เรายิ้มออกไหม แต่ถ้าเกิดทุกคนในบ้านยิ้ม
เราหน้าบูดหน้าเบี้ยวเรายังยิ้มออกเลย จริงไหม (จริง) ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราพยายามใจเย็นไว้ไม่โกรธคนอื่น เพราะว่าเราไม่อยากเบียดเบียนและไม่อยากทำร้ายคนที่เรารัก
ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เคยไหว้แล้วเอาท่านมาเป็นตัวเองไหม รู้ไหมว่าตัวท่านเอง
ก็คือพระพรหมของบ้านได้ ทำไมเราจึงบอกว่าท่านเป็นพระพรหมในโลกได้ และท่านเป็นพระพรหมในบ้านได้ เคยได้ยินไหม บิดามารดาเป็นพระพรหมของลูก แล้วเราเป็นพระพรหมของลูกจริงไหม (จริง)
นั่นแหละเรียกว่า “จิตแห่งกรุณา” เห็นใครทุกข์อยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์
เป็นพระพรหมได้หรือยัง (ได้) สองแล้วนะ และเมื่อเขาได้ดีมีสุข เรายินดีหรือเราอิจฉา (ยินดี) นั่นได้สามข้อแล้ว ท่านเป็นพระพรหมของลูกได้ไหม (ได้) ฉะนั้นเวลาลูกทำผิดโกรธไหม (ไม่โกรธ) อันนี้ยากนะ แต่เราสามารถกลับใจ
เป็นกลางรักเขาเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ (ใช่) ว่าส่วนว่า โกรธส่วนโกรธ แต่ใจ
ยังรักเหมือนเดิมไหม (รัก) นี่แหละจิตที่สามารถกลับคืนสู่ความเป็นกลางได้
ไม่ว่าเขาจะร้ายจะเลวอย่างไร ก็ยังมีความหวังดีและอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์เสมอ แล้วอย่างนี้กราบไหว้พระพรหมไม่สู้ทำตัวเองเป็นพระพรหมในบ้าน แล้วถ้าเกิดเราแผ่ความเป็นพระพรหมออกสู่คนในโลก อย่างนี้เราไม่ใช่คนที่ปฏิบัติแล้วเป็นที่ร่มเย็นของผู้อื่นหรอกหรือ ท่านรู้ไหมขอหวยสามตัวเดี๋ยวมันก็หมด มันชื่นใจครู่เดียวใช่ไหม (ใช่) แต่การประพฤติปฏิบัติจนมีคุณค่า จนเป็นที่ร่มเย็นเป็นที่พึ่งพิงของคนอื่นนั้นอยู่ได้หลายภพหลายชาติจริงไหม (จริง) เพราะการประพฤติวันนี้เป็นตัวบ่งบอกอนาคตในวันหน้า เพราะการดำเนินชีวิตในวันนี้เป็นตัวกำหนดภพภูมิในชาติหน้า แล้วคุณค่าของการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องดีงามในวันนี้จะสามารถพกติดตัวไป แม้จะต้องสิ้นชาติในการเป็นมนุษย์ แต่เราก็มีความดีงามพกติดตัวไปเป็นบุญวาสนานำพาให้เราไม่ว่าเกิดภพใดชาติใด ความเป็นพระพรหมนั้นก็จะคุ้มครองให้คนๆ นั้นประพฤติหรือปฏิบัติอยู่ที่ใดก็ร่มเย็นเป็นสุข หาเงินหาทองมีวันหมด แต่ประพฤติปฏิบัติด้วยความถูกต้องดีงามมันไม่มีวันหมด มันจะติดตัวไปจนตาย และไม่ว่าจะภพไหนชาติไหน ความดีนั้นก็จะอยู่ในใจของเราไม่มีใครแย่งไปได้ อย่ามัวเห็นคุณค่าเงินทอง ทรัพย์สิน จนลืมคุณค่าความดีงามที่เรียกว่าธรรมในใจ เห็นอะไรมีค่าได้ แต่อย่าลืมเห็นคุณค่า
ในการประพฤติปฏิบัติอย่างผู้มีธรรม เห็นไหมว่าเป็นพระพรหม คนทั่วโลกก็มากราบไหว้ แล้วทำไมไม่เอาพระพรหมนั้นมาสถิตในใจเราด้วยการประพฤติปฏิบัติกันเล่า เราอยากช่วยให้คนมีความสุขไหม อยากช่วยให้คนพ้นทุกข์ไหม เห็นใครได้ดีมีสุข เราก็ดีใจกับเขาด้วยใช่ไหม ถ้าเห็นใครผิดพลาดไป เราซ้ำเติมเขาไหม ใครๆ ก็ผิดพลาดได้ ใช่หรือไม่ ถ้าท่านสามารถวางใจเป็นกลางได้
ไม่โกรธเกลียดใคร ไม่แช่งชักหักกระดูกใคร ไม่ด่าใคร ไม่นินทาใคร การเป็นพระพรหมในโลกยากหรือไม่ ยากอย่างเดียว เมื่อไหร่จะทำ
ก็คงไม่เผารนจิตใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทุกท่านปาดเหงื่อเลยหรือ จริงๆ แล้วสุขนั้นร้าย ทุกข์นั้นดี ความลำบากนั้นดีไหม ความสบายนั้นดีไหม ถ้าเราพูดตรงกันข้ามว่า “ความสบายนั้นแย่ ความลำบากนั้นดี” ท่านว่าจริงไหม เราถามท่านหน่อยนะ ยิ่งสบายเรายิ่งเอาแต่ใจตัว ขี้เกียจ อ่อนแอ และสู้คนไม่เป็น ใช่หรือไม่ เช่นนั้นยิ่งลำบากเรายิ่งเข้มแข็ง
ยิ่งยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ยิ่งโดนคนกดขี่ข่มเหงเรายิ่งรู้จักอยู่รอดให้ได้ ถ้าเราพูดว่าลำบากนั้นดี สบายนั้นแย่ผิดตรงไหน ในทางเดียวกัน “สุขนั้นแย่ทุกข์นั้นดี” พูดแบบนี้ผิดหรือไม่ ยิ่งสุขมากเรายิ่งอ่อนแอ ยิ่งสุขมากเรายิ่งเรียกร้องไม่จบสิ้นใช่ไหม แต่ยิ่งทุกข์เรายิ่งบอกว่าพอแล้ว คนที่ท่านรังเกียจ คนที่ท่านไม่ชอบ แท้จริงแล้วไม่มีดีหรอกหรือ ว่าฉันมากๆ เดี๋ยวฉันจะดีให้ได้ ดูถูกมากๆ เดี๋ยวฉันจะเก่งให้ได้เลย
แต่งงานนึกว่ามีความสุข เป็นอย่างไงล่ะ สุขจนพูดไม่ออกเลย ใช่ไหม (ใช่) มีลูกนึกว่าจะได้พึ่งพา เป็นอย่างไรเล่า หาไม่เห็นหัวเลยใช่ไหม (ใช่) มีเงินนึกว่าจะได้มีบ้าน มีที่ดิน มีทรัพย์สินเป็นอย่างไรล่ะ หนี้ล้นพ้นตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) พุทธะจึงสอนไว้ว่าบางครั้งคิดว่ายิ่งหาแล้วยิ่งได้ แต่ถึงที่สุดจึงได้รู้ว่าพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ ไม่อย่างนั้นยิ่งหายิ่งได้ไม่คุ้มเสียเลย ใช่ไหม (ใช่) เคยคิดว่ายิ่งมีแล้วจะได้เต็มเปี่ยม แต่ทำไมยิ่งมีกลับยิ่งอยากให้มันโล่งๆ ถูกไหม (ถูก) แต่เมื่อไรรู้จักคำว่าโล่งจึงรู้จักคำว่าเต็มเปี่ยม เหมือนกับ เดี๋ยวก็ซื้ออันนี้เข้ามาในบ้าน เดี๋ยวก็ซื้ออันนั้นเข้ามาในบ้าน ซื้อจนเต็มบ้านจนสุดท้าย จะเอาอะไรไปบริจาคดี มันจะได้โล่งๆ ใช่ไหม (ใช่) เราพูดอะไรตลกไหม ตลกนะชีวิต เหมือนชีวิตเรายิ่งพยายามดึงตัวเองให้เก่ง ดึงตัวเองให้สูง ยกตัวเองให้มี แต่คนมีเขา
ไม่อวด คนอวดนั้นไม่มี ใช่หรือไม่ (ใช่) คนดีจริงเขาไม่คุย คนคุยแปลว่ายังไม่ดี แล้วเราเป็นแบบนั้น ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นพูดกันแบบเหมือนมีเหตุมีผล แต่ท่านรู้ไหมว่าถึงที่สุดเหตุผลก็ยังไม่ใช่ที่สุดของความจริง เหตุผลคือสิ่งที่พิสูจน์ได้ และเหตุผลเป็นรากของความจริง แต่ความเป็นจริงบางครั้งก็อยู่เหนือเหตุและผล ถูกไหม (ถูก) เหมือนเราเปรียบเทียบว่าตะกร้าคือสิ่งที่ถูก อย่างนั้นแปลว่าสิ่งที่ไม่ใช่แบบนี้กลายเป็นผิด แต่เราถามว่าสิ่งนี้ถูกจริงไหม เหมือนวันนี้เราพูดชนะเขาได้ เราเป็นคนถูก แต่เมื่อผ่านไปอีกสักวันหนึ่ง เราจะเป็นคนถูกไหม แล้วเราจะเป็นคนถูกเสมอไหม (ไม่เสมอ) แล้วเราจะเป็นคนที่ถูกตลอดไหม (ไม่ตลอด) ก็เหตุผลนี้ฉันเป็นคนถูกแล้วนี่ ฉันคิดว่าฉันถูกต้องแล้ว เธอคือคนที่ผิด อย่างนี้เราจะยืนยันว่าเราถูก แล้วเธอเป็นคนที่ผิด ตลอดได้ไหม (ไม่ได้) ก็เธอคือคนที่น่าเกลียด แต่ฉันเป็นคนที่น่ารัก จริงไหม ถ้าพูดกันตามเหตุผล ฉันยังหน้าเด็ก แต่เธอเหี่ยวแล้ว อย่างนี้ใช่ไหม ถ้าเราพูดกันตามเหตุผลอย่างนี้ถูกต้องไหม ฉันน่ารักกว่าถูกไหม (ถูก) เธอน่าเกลียดใช่ไหม (ใช่) แต่ต่อไปฉันจะน่ารักตลอดใช่ไหม (ไม่ใช่) เดี๋ยวฉันก็เหี่ยวไม่ต่างจากเธอถูกไหม (ถูก) อย่างนี้ตกลงใครถูก
ไม่ผูกพัน ช่วงใช้แล้วไม่ยึดติด อยู่ร่วมแล้วไม่เป็นทุกข์ คงยากนะ ตอบได้ดี
เราให้ดอกไม้เป็นกำลังใจ ดีไหม
อันเป็นกลาง ถ้าเราเข้าใจความจริงอันเป็นกลาง เราจะยอมรับได้เลยว่า แท้จริงในโลกในร้ายก็ยังไม่ได้ร้ายที่สุด ยังมีคนร้ายกว่า ในดีก็ยังไม่ดีที่สุด
ยังมีคนดีกว่า ฉะนั้นถ้าเราวางใจเป็นกลางมองโลก เรานั่นแหละคือเข้าถึงพระพรหม และเข้าถึงธรรม
และระหว่างเจ็บกับตายอันไหนดีกว่ากัน หลายคนบอกว่าเจ็บนั้นทรมาน ใช่ไหม (ใช่) แต่ตายโดยที่ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้สั่งเสีย บางทีอาจจะทำให้เรายิ่งเป็นทุกข์นะ จริงหรือไม่ (จริง)
แต่ลืมลงแรงทำความเข้าใจที่ภายใน ถูกไหม (ถูก) ถ้าเข้าใจแล้วจะโกรธ จะปฏิบัติผิดไหม จะทุกข์ไหม (ไม่) ควรกลัวไหมความทุกข์ (ไม่กลัว) เพราะทุกข์ยังไม่แท้ สุขยังไม่จริง สู้ประคองใจให้นิ่งๆ และยอมรับความเป็นจริงอันเป็นกลางดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
ยึดติดความคิดว่าแบบนี้ดี อีกแบบหนึ่งก็จะไม่ดีในทันที ใช่หรือไม่ (ใช่) เราถามท่านว่า เวลาเราถูกลอตเตอรี่ เป็นสิ่งที่ดีใช่ไหม (ใช่) แล้วเวลาที่เราไม่ถูกลอตเตอรี่ เป็นสิ่งที่แย่ใช่หรือไม่ (ใช่) การถูกลอตเตอรี่บ่อยๆ ทำให้เราเสียเงินบ่อย ใช่ไหม (ใช่) แล้วการไม่ถูกลอตเตอรี่บ่อยๆ ทำให้เราไม่อยากจะเสียเงินแล้วใช่ไหม (ใช่) แล้วอะไรดีกว่าอะไร (การไม่เล่น) เหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่า
เราเอาใจไปวางไว้กับคนที่เราเกลียด แล้วรู้สึกว่าเจ็บ เราก็ไม่ต้องเอาใจเรา
ไปวางไว้ที่เขา มนุษย์แปลกอยู่อย่างหนึ่ง อะไรก็เสียได้ ใช่ไหม (ใช่) จำไว้นะ
เสียภายนอก เสียแล้วดีขึ้น ก็เสียไปได้ แต่สำหรับใจ อย่าพยายามเสีย เพราะเมื่อเสียไปแล้ว จะเรียกกลับคืนมาใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้ารู้ เห็น มองแล้วจะรู้สึกว่า เสียใจ เราก็ต้องเห็นเหมือนไม่เห็น เหมือนมีแต่เหมือนไม่มี อย่างนี้จะ
ไม่มีผลกับใจ อย่าเอาใจไปเสียเด็ดขาด เพราะเมื่อเสียไปแล้ว จะเรียกกลับมาไม่ได้ จำไว้นะ อยู่ในโลกหากเสียเงินเสียทองแล้วดีขึ้นก็เสียไป แต่หากเสียที่ใจ เสียแล้วแก้ไม่ได้ หากผิดหวังแล้วจะให้กลับมาดีเป็นเรื่องที่ยาก ฉะนั้นพยายามอย่าให้ใจเสีย ถ้าเมื่อเห็นแล้ว จะรู้สึกเสียใจ จะรู้สึกทุกข์ใจ จะไม่สบายใจ อย่างนี้เราไม่ใส่ใจ จะดีกว่าไหม (ดี)
โดยส่วนใหญ่บางทีที่เราใจเย็น เพราะว่าเมื่อเราเย็นเราก็สุขใจถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นเมื่อเราใจเย็นเพราะเราไม่ได้หวังให้คนรัก แต่เราใจเย็นเพราะว่าเราไม่อยากเบียดเบียนใคร ไม่อยากทำร้ายใครให้เป็นทุกข์ จะทำให้เราโกรธคนยากขึ้น เขาสุขเราก็สุข เขาทุกข์เราก็ทุกข์ ฉะนั้นที่เราใจเย็นเราก็อยากเห็นเขามีสุข ไม่ใช่เพื่อให้เขามาชมเราว่าเราดี ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราก็คงโกรธน้อยลง แต่ท่านรู้ไหมว่าคนใจเย็นยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เป็นหนทางนำไปสู่การอยู่อย่างคนประเสริฐ มนุษย์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ผู้ประเสริฐ เราประเสริฐตรงไหน อารมณ์ร้อน ใช่ไหม (ไม่ใช่) ท่านรู้ไหมว่าคนที่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คือ คนที่มีธรรมอันประเสริฐ มีที่อยู่อันประเสริฐที่เรียกว่า ธรรม ฉะนั้น ถ้าเกิดเป็นคนแล้วเราใจเย็นไม่ได้ เราเอาแต่โมโห แปลว่าเราไม่ใช่คนประเสริฐ ผู้ใดก็ตามซึ่งสามารถรักษาซึ่งธรรมแห่งความใจเย็นได้ ผู้นั้นคือคนที่มีธรรมอันประเสริฐดำรงอยู่ และสามารถรักษาความบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหมในโลกได้ ท่านเคยเห็นพระพรหมสี่หน้าไหม (เคย) ไหว้ไหม (ไหว้) ไหว้เพราะขอ
เราลองมาดูคนที่เป็นพระพรหมของลูกได้ เราถามหน่อยว่าเวลาลูกเขาทำอะไรเราอยากให้เขามีสุขไหม (อยาก) ทำอะไรเขายิ้มได้เรามีสุขถูกไหม (ถูก) นั่นแหละเรียกว่าเมตตา หวังให้คนอื่นเป็นสุขโดยที่ตัวเองไม่สุขไม่เป็นไร ขอเขาได้สุขนั่นแหละ “เมตตา” และเมื่อไรที่ลูกทุกข์อยากให้เขาพ้นทุกข์ไหม
ลองมองดูให้ดีๆ ระหว่างความโกรธกับความใจเย็น ให้ผลแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนที่มักโกรธ หนีไม่พ้นเคราะห์กรรมเวรภัย ไม่มีใครรักจริง และไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ จริงไหม (จริง) แต่คนที่ใจเย็นมีเมตตา รู้จักเห็นใจผู้อื่น กลับนำสู่ซึ่งความร่มเย็น คนที่ชิดใกล้ก็อบอุ่น คนประพฤติปฏิบัติก็มีความสบายใจร่มเย็นใจ ฉะนั้นถ้ามนุษย์รู้จักยั้งคิดรู้จักควบคุมอารมณ์ได้ ความโกรธ
แต่บางทีคนบางคนก็น่าโกรธ จริงไหม (จริง) ถ้ายังตอบว่าจริงอยู่ ก็ยังแปลว่าหนีความโกรธได้ไม่พ้นนะ ถ้าเราบอกท่านว่า “ในโลกนี้ไม่มีสุขจริง ในโลกนี้ไม่มีทุกข์แท้” ท่านว่าจริงไหม (จริง) เชื่ออย่างนั้นเลยหรือ ถ้าเราพูดว่า ในโลกนี้สุขนั้นดี ทุกข์นั้นร้ายจริงๆ ท่านว่าใช่ไหม (ไม่ใช่) อย่างนั้นเราถามท่านหน่อยนะ เราพยายามแสวงหาความสุข แต่ทำไมในความสุขกลับให้ความทุกข์
มีสามีดีไหม ภรรยาน่ารักไหม มีเงินดีไหม สุขหรือทุกข์ พูดอย่างนี้
กลับกันถ้ามีคนชมมากๆ เหลิงไหม (เหลิง) แย่ไหม (แย่) แย่แน่ๆ เลยจริงไหม ก็จะไม่พัฒนาตัวเองต่อแล้วคิดว่าตัวเองดีแล้ว ใช่ไหม (ใช่) เราถามท่านว่า ถ้าเราเข้าใจความเป็นจริงในโลก อะไรหรือที่เรียกว่าสิ่งที่เราควรโกรธ อะไรหรือคือสิ่งที่เราเรียกว่าแย่จริงๆ และอะไรหรือคือสิ่งที่เราเรียกว่าสุข
ฉะนั้นที่สุดของความจริง ไม่ใช่การยึดติดถูกผิดดีร้าย แต่ที่สุดของความจริงสามารถทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้ คือ ความเป็นอิสระ ไม่ชอบและไม่เกลียดสิ่งใด เพราะทุกสิ่งล้วนมีดีและไม่ดี ไม่ต่างกัน ถ้าอยากเป็นอิสระและอยู่บนโลกได้อย่างคนที่เข้าใจความจริง ก็จะต้องไม่รักและไม่ชังอะไร
แล้วเมื่อนั้น ท่านจะเข้าใจพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ว่า “ความจริงคือสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน” โลกพอดีอยู่แล้ว แต่ใจของเราต่างหากที่ไม่เคยพอ มองอะไรก็จึงไม่ดี จริงไหม (จริง) เพราะความไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน เมื่อไม่เที่ยงแล้วอะไรหรือที่ร้าย จริงๆ เมื่อไม่แท้แล้วอะไรหรือที่ดีจริงๆ เมื่อไม่ทนแล้วอะไรหรือที่แท้จริง
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้รางวัลกับผู้ที่ตอบคำถาม)
อยากได้ผลไม้ ดอกไม้ หรือไม่เอาอะไรเลยดี (ไม่เอาอะไรเลย) แปลว่าไม่เอาอะไรเลยก็ดี จริงๆ ถ้าเราอยู่ในโลกนี้ได้แบบไม่เอาอะไรเลย แค่ยืมใช้ แล้วรู้จักปล่อยวาง เราก็คงไม่ทุกข์ แต่มีอะไรบ้างที่มนุษย์ข้องเกี่ยวแล้ว
(จิตที่ไม่ยึดติดว่าใช่หรือไม่ใช่) พูดได้ต้องทำได้ อย่างนั้นจะรับดอกไม้ดีหรือผลไม้ดี (ผลไม้ดีกว่า) ไหนบอกว่าไม่ยึดติดไง เห็นไหมพอถึงเวลา รู้กับปฏิบัติเรายังทำไม่ได้ ถูกไหม ถึงที่สุดแล้ว ถ้าเราเข้าใจหลักธรรม อะไรก็ดี ผลไม้หรือดอกไม้ไม่สำคัญ สำคัญที่คนได้รับสิ่งนั้นไป ใช่หรือไม่ (ใช่) เราจะบอกให้นะ ได้ดอกไม้ไปทุกข์น้อยกว่าผลไม้ เพราะได้ดอกไม้ไปไม่ค่อยมีใครจะขอเท่าไร จริงไหม แต่ได้ผลไม้ไปเขาต้องบอกว่า แบ่งกันบ้างสิ ใช่ไหม
(จิตใจที่เข้าถึงธรรมะ) เลือกผลไม้ดีหรือดอกไม้ดี ดอกไม้ก็ให้แง่คิดของดอกไม้ ทำอะไรทำให้เต็มที่เพราะถึงวันที่ร่วงโรยแล้ว ไม่มีแรงแล้วต่อให้อยากทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้แล้ว ฉะนั้นมีเวลาอย่าผัดวันประกันพรุ่ง ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะเราไม่รู้วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคนที่ยังชอบแอบไปสูบบุหรี่ จริงไหม
(ทางสายกลาง) คำตอบนี้คือคำตอบที่ถูกที่สุด ธรรมคือความจริง
อยากได้ดอกไม้หรืออยากได้ผลไม้ (ไม่อยากได้อะไรเลย) จริงๆ แล้วร่างกายเราก็ไม่ใช่ของจริง ตัวท่านก็ไม่จริง ถ้าจริงต้องไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แล้วเราเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน) ตอบว่า (ใจเราไม่มีวันไขว้เขว, ความจริงอันธรรมดา) ปรบมือให้นักเรียนในชั้นนี้ ล้วนตอบได้ดี ล้วนมีภูมิธรรม ไม่มากก็น้อย น่ายกย่อง
(คุณธรรม รู้พระคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนเรามา) มโนธรรมสำนึกเป็นสิ่งดีงามที่มีอยู่ในจิตใจ สิ่งนี้ขอให้รักษาและแผ่ขยายไปให้กว้างไกล เราจะไปอยู่ที่ไหนก็เป็นที่รักของคนอื่น
ล้วนตอบได้ดีทั้งอายุน้อยและอายุน้อยมาก รับผลไม้นี้ไปเพื่อเป็นมงคลกับชีวิตก็ได้นะ ถ้าชีวิตสามารถรักษาได้ในความคิดอันเป็นกลางตลอดก็ไม่มี สิ่งใดที่ทำให้เรารักมากและเกลียดมาก เมื่อเราไม่ตกเป็นทาสของกิเลส อารมณ์ เราก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์ใช่หรือไม่ และเมื่อเรามองเห็นความเป็นจริงแห่งชีวิตความทุกข์ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ความเจ็บน่ากลัวไหม ความตายน่ากลัวไหม
เราอยากบอกท่าน บางครั้งความเจ็บดี ตรงที่มาเตือนเรา ให้เรารู้จักคุณค่า เวลา และการอยู่ร่วมกัน ดีกว่าตายโดยที่ไม่ได้สั่งเสียเลยนะ ใช่หรือไม่ (ใช่) เราจึงบอกว่าถ้าเรามองดูความเป็นจริงของชีวิตให้ดี ในโลกนี้ไม่มีอะไรร้ายถ้าใจเรารับไหว และในโลกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ฉะนั้นถ้าวันนี้เราทำดีที่สุดพรุ่งนี้จะตาย ก็ไม่น่าห่วงใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้ายังกลัวตายแปลว่ายังไม่ดีใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฟังธรรมะวันนี้ยากเกินไปไหม (ไม่ยาก) การเริ่มต้นศึกษาปฏิบัติธรรมจึงไม่ใช่แค่เพียงสวดมนต์ไหว้พระทำบุญสุนทาน หลักธรรมที่แท้จริง คือการมีปัญญาเข้าถึงธรรมและนำพาให้ตนเองพ้นทุกข์ ฉะนั้นถือธรรมเพื่อประพฤติปฏิบัตินำพาให้พ้นทุกข์ ไม่ใช่ถือธรรมเพื่อหวังวอนขอและวนเวียนอยู่ในทุกข์ พอเข้าใจไหม โดยส่วนใหญ่มนุษย์ทุกคนมักเน้นปฏิบัติแต่ภายนอก
ที่เราโกรธเพราะเรายึดติดความคิดของเรา ถูกไหม (ถูก) เราใช้ความคิดของเราเป็นหลักใช่ไหม ฉะนั้นหากเราต้องการทำใจให้เป็นกลาง ก็ต้องเปลี่ยน (ความคิด) เพราะความคิดเป็นตัวกำหนดชีวิต เป็นตัวครอบงำจิตใจ ถ้าเรา
ท่านเคยได้ยินไหม พุทธะพูดบ่อยๆ ถ้าใจเราดีอะไรๆ ก็ดี แต่ถ้าใจเราแย่เมื่อเขาพูดอะไรก็แย่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเมื่อพบปัญหาอย่าเพิ่งจัดการเขา เมื่อพบปัญหาต้องจัดการตัวเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) เขาอยากได้ก็ได้ไป เขาอยากได้อะไรก็ให้ไป แต่ขออย่างเดียว อย่าใจเสีย เพราะถ้าเสียใจกับเขาแล้ว ก็เหมือนกับน้ำที่ไหลไปแล้วเรียกกลับไม่ได้ ด่าไปแล้วจะทำดีแค่ไหนก็ไม่ขึ้น ถูกไหม (ถูก) เกลียดไปแล้ว ผูกพันไปแล้ว สร้างเวรสร้างกรรมไปแล้ว ชาติเดียวก็ใช้ไม่หมด ท่านว่าจริงไหม (จริง) ฉะนั้นเห็นอะไรไม่ดี อย่าเพิ่งจัดการเขา แต่ต้องจัดการตัวเราเอง
เมื่อใจเราดีอะไรก็ดีขึ้นได้ เมื่อใจเราร้ายอะไรก็ดีไม่ขึ้น ฉะนั้นหน้าที่ของการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติประพฤติธรรมให้ถูกต้อง คือ ไม่ได้แก้ที่เขาแต่แก้ที่เรา ไม่ต้องไปว่าเขาแต่ควรว่าเรา ถ้าคิดแล้วเจ็บแล้วจะไปคิดทำไมให้เจ็บใจ อยู่กันแบบห่างๆ ห่วงๆ ดีหรือไม่ ใกล้เกินมันอึดอัด ชิดเกินไปหายใจรดกัน มันเหม็น มันร้อน ฉะนั้นอยู่ร่วมกันต้องมีระยะห่าง ทำอะไรต้องรู้จักระยะห่างแล้วเราจะได้ไม่เจ็บปวด รักษาระยะ ห่างอย่ายุ่งกับเขามากเกินไป เพราะถึงที่สุดทุกชีวิตล้วนมีหนทางของตนเอง เมื่อเราหวังให้เป็ดเป็นไก่ไม่ได้ เมื่อนั้นไก่ก็ไม่มีวันเป็นเป็ดได้ เราพูดตลกแต่มนุษย์ก็มักจะทำอะไรตลก รู้ว่าเขาได้แค่นี้ ก็ยังหวังว่าต้องมากกว่านี้ ต้องดีกว่านี้ นั่นคือหวังเป็ดเป็นไก่ ทั้งที่จริงๆ แล้วได้แค่นี้ก็ดีแล้ว มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีกนะ ด้วยการให้เวลาตัวเองมาศึกษาปฏิบัติธรรม ธรรมสอนให้คนมีปัญญา ฉลาดในการดำเนินชีวิตแบบไม่ทุกข์
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ สถานธรรมจินโจว อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ความสำเร็จในชีวิตทุกทุกอย่าง ล้วนแล้วสร้างมาจากใจทั้งสิ้น
คนยิ่งใหญ่ต้องรู้ละความเคยชิน คนติดดินรักเรียบง่ายจึงสูงส่ง
เราคือ
จี้กงอาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานจินโจว แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนตั้งใจฟังดีไหม
บำเพ็ญต้องลงแรงให้ดีดี มาให้เห็นบ่อยบ่อย บำเพ็ญต้องลงแรงให้ดีดี ทำให้เห็นสักหน่อย บำเพ็ญต้องทำใจ ให้ดีกับปัญหากร่อยกร่อย ทำบาปกันซะอร่อย ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้
บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี มาให้เห็นตลอด บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี ต้องทำให้ตลอด บำเพ็ญต้องตั้งใจให้ดี จึงจะไม่หายตลอด เมื่อไหร่ก็รู้ตลอด แต่ตอนนี้ไม่ไหว
* ศิษย์ก็เฝ้าแต่คิด แต่ไม่คิดจะตระหนัก คิดเป็นข้อไม่กี่ข้อก็ฟุ้งซ่าน จิตอ่อนไหวต้านไม่ไหวก็พลุ่งพล่าน เรื่องพื้นฐานใครไม่ดื้อหันเข้าบ้าน จิตเป็นอะไรบ้าง จะต้องหาเรื่องแก้ คนฝึกหัดแก้ไข วันหนึ่งวันใดคนเหนือคนแน่ ไม่ต้องถือไว้ตลอด ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้
** จะต้องอย่างนั้น จะต้องอย่างนี้ ที่จริงทำแล้วถึงไหน ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่อย่างนี้ ชีวิตแบกมาแสนไกล บำเพ็ญชีวิตบำเพ็ญหัวใจ ขอให้เบา
*** จะต้องอย่างนั้น จะต้องอย่างนี้ ที่จริงทำแล้วไม่ไหว ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่อย่างนี้ กลับทำมากมาย สรุปตัวเองบำเพ็ญเรื่อยไป ต้องลงแรงเพื่อการบำเพ็ญ
บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี มาให้เห็นตลอด บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี ต้องทำให้ตลอด บำเพ็ญต้องตั้งใจให้ดี จึงจะไม่หายตลอด เมื่อไหร่ก็รู้ตลอด แต่ตอนนี้ไม่ไหว (ซ้ำ *, **, ***)
ทำนองเพลง : รักติดไซเรน
ชื่อเพลง : ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ใครอยากโดนพัดอาจารย์ตีหัวบ้าง เอาด้านสันตีหรือเอาด้านหน้าตี หรือเอามือตี ชีวิตถ้าเราคิดว่าอะไรก็ดี อะไรก็ได้ คงทุกข์น้อยลงจริงไหม ถ้าเราเรื่องเยอะเราก็ทุกข์เยอะจริงไหม (จริง) ถ้าเราเรื่องมากเราก็ทุกข์มากจริงไหม (จริง) ฉะนั้นถ้าเกิดบอกว่าอะไรๆ ก็ดี มันก็คงมีเรื่องง่ายๆ ขึ้นเยอะในชีวิตจริงไหม (จริง) แล้วเรายอมให้ชีวิตมันง่ายแบบนั้นไหมหนอ อาจารย์แค่ถามง่ายๆ นะ ถ้าสมมติว่าในชีวิตของเรามีสิ่งที่ใจเราคิดใจเรากำหนด แล้วถ้าเกิดใจเราคิดใจเรากำหนด แล้วเราบอกว่า ขอให้เราเป็นคนที่ทุกข์ยาก สุขง่ายดีไหม ศิษย์อาจารย์ชอบเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง ทำอะไรก็จะบอกว่า “เดี๋ยวก่อน” ถ้าเกิดความทุกข์มาศิษย์ก็บอกว่า “เดี๋ยวก่อน” ดีไหม (ดี) ทำไมถึงเวลาไม่เห็นทำอย่างนี้
คิดถึงกันไหม (คิดถึง) บางคนคงไม่คิดถึงอาจารย์แล้วใช่ไหม ออกจากห้องพระไปก็ลืมแล้วจริงไหม (ไม่จริง) จริงหรือ (จริง) อาจารย์ได้ยินว่ามนุษย์ในโลกปากหวาน แต่ก้นก็เปรี้ยว เป็นอย่างนั้นไหม หรือเป็นประเภทปากว่าตาขยิบ เป็นคนพูดได้และเชื่อได้ใช่ไหม (เชื่อได้) จริงหรือ (จริง) เรามาคุยปรับความคิดกันก่อน ถ้าพูดถึงธรรมะปฏิบัติธรรมไม่ใช่ให้ตัดทางโลกเลย ไม่ใช่ให้เราไม่รับผิดชอบทางโลกเลย ไม่ใช่ไม่ให้เรารับผิดชอบทางโลกแล้วมาปฏิบัติธรรมอย่างเดียว การปฏิบัติธรรมยังประกอบหน้าที่ของความเป็นคนอย่างถูกต้องสมบูรณ์ แล้วยังรู้จักปฏิบัติธรรมในสังคม และก็ยังเอาธรรมมาปฏิบัติเพื่อช่วยคนในสังคมใช่หรือไม่ (ใช่) ดังนั้นเข้าใจให้ถูกต้องว่าการมาบำเพ็ญธรรมไม่ใช่ตัดทางโลกแล้วไม่สนใจทางโลก แต่ยังรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้ดี และยังรู้จักมีน้ำใจที่จะช่วยเหลือผู้คนด้วยการเอาธรรมมาใช้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ดังนั้นเรามารู้จักกันก่อนได้ไหม
“ความสำเร็จในชีวิตทุกทุกอย่าง ล้วนแล้วสร้างมาจากใจทั้งสิ้น
คนยิ่งใหญ่ต้องรู้ละความเคยชิน คนติดดินรักเรียบง่ายจึงสูงส่ง”
ทำอะไรต้องทำด้วยใจใช่ไหม (ใช่) แต่ในใจนั้นเมื่อเราทำอะไรสักอย่างแล้ว เราต้องไม่คิดว่าเป็นเพราะเราคนเดียว แต่เรื่องราวในโลกหลายๆ อย่างสำเร็จได้ เพราะต้องเกิดจาก ความร่วมแรงร่วมใจของทุกๆ คน ไม่ใช่มีเราแล้วถึงสำเร็จได้ ไม่ใช่ขาดเราแล้วมันจะไม่สำเร็จ ถูกหรือไม่ (ถูก) จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน หรือจะเล็กกระจ้อยร่อยขนาดไหน สิ่งที่สำคัญก็คือไม่ถือตัว ต้องไม่สำคัญตัวเองผิด เก่งแค่ไหนก็ต้องอาศัยคนที่ไม่เก่ง ฉลาดแค่ไหนก็ยังต้องอยู่ร่วมกับคนที่ไม่ฉลาดให้ได้ อยากอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ตัวเองสบายแล้วไม่คิดถึงคนอื่นได้ด้วยหรือ ถ้าทำให้คนอื่นเขาเป็นทุกข์ เดี๋ยวเขาก็ทำให้เราทุกข์เหมือนกัน จริงไหม (จริง)
(พระอาจารย์เมตตาเปรียบเทียบ ความแตกต่างทางโลกและธรรม)
อาจารย์ถามหน่อยถ้าพูดถึงโลก เรานึกถึงความวุ่นวาย ถ้าพูดถึงธรรมเรานึกถึงความสงบ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นคนที่มีใจธรรม คือใจที่สงบ ฟังแล้วเข้าใจง่ายขึ้นมาเลยใช่ไหม (ใช่) ฟังธรรมมาแล้ว ใจแบบไหนหรือที่เรียกว่า “ใจมีธรรม ใจที่ปฏิบัติธรรม” เปรียบเทียบแบบนี้เข้าใจง่ายดี ถ้าพูดถึงทางโลก เรียกว่า ความวุ่นวาย ถ้าพูดถึงทางธรรม เรียกว่า ความสงบสุข ถ้าพูดถึง ทางโลกมีความสุขและความทุกข์ สลับกันไปไม่จบสิ้น ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นหากพูดถึงทางธรรม ก็จะเป็นความสุขที่ไม่ใช่กลับไปเป็นทุกข์ แต่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราพ้นทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)
เรานั่งฟังธรรมะมาตั้งนานแล้ว แต่บางทีเราก็ยังมองเห็นคำว่า “ธรรม” ไม่ชัดเจน มนุษย์มักชอบการเปรียบเทียบ ดังนั้นอาจารย์จึงนำการเปรียบเทียบมาทำให้เรามองเห็นอย่างชัดเจนขึ้น
โลกคือความวุ่นวาย ธรรมคือความสงบ โลกคือสิ่งที่มีทั้งความสุขและความทุกข์ มีดีและชั่ว แต่ธรรม คือ การพ้นทุกข์ ดีอย่างแท้จริง ดีแบบไม่กลับกลาย ไม่ใช่ดีหนึ่งวันแล้วก็ร้ายอีกหนึ่งวัน ดังนั้นคนที่ปฏิบัติธรรมก็ต้องเป็นคนที่ดีแท้ๆ ถ้าเราบอกว่าเราปฏิบัติธรรม แต่ความจริงเรายังดีบ้างไม่ดีบ้าง แปลว่าเรายังไม่ใช่คนที่ปฏิบัติธรรม อย่างนี้เห็นชัดขึ้นไหม (ชัด) อย่างนี้คนที่ปฏิบัติแบบสามวันดีสี่วันร้าย ก็แปลว่ายังไม่ใช่คนที่เข้าถึงธรรม ตอนนี้รู้กันแล้วว่าปฏิบัติธรรม เขาปฏิบัติอย่างไร ดังนั้นคนที่ประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วมีธรรมจริงๆ นั้น ยิ่งอยู่ในโลกก็ยิ่งสงบไม่วุ่นวาย ยิ่งอยู่ในโลกก็ยิ่งต้องพ้นทุกข์ ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ปฏิบัติธรรมจริงๆ แล้ว ดีต้องดีแท้จริง ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นตอนนี้อาจารย์ถามศิษย์จริงๆ ว่า ปฏิบัติแล้วไปทางโลกหรือไปทางธรรม (ไปโลก, ไปทางธรรม) ศิษย์บอกว่าไปทางธรรม แต่ก็เอียงเอนไปทางโลกเล็กๆ นะ ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นอาจารย์อยากบอกว่า คนปฏิบัติธรรมเขาควรยิ่งปฏิบัติยิ่งเข้าสู่ทางสายกลาง ไม่ใช่รักลำเอียง ไม่ใช่เอียงซ้ายเอียงขวาใช่ไหม (ใช่) แล้วใจเราตรงหรือใจเราเอียง (ตรง) ดังนั้นถ้าพูดถึงธรรมคือความเป็นกลาง อะไรที่ทำให้เรากลับสู่ความเป็นกลางนั้นเรียกว่าธรรม และธรรมคือความเป็นเช่นนั้นเอง ถูกหรือไม่ (ถูก) อาจารย์ถามศิษย์ว่า ศิษย์เคยเจอคนที่ขี้เกียจตัวเป็นขนไหม (เคย) เดินไปเดินมาอยู่นั่น เราก็ทำเข้าไป เขาจะเดินลอยไปลอยมาแล้วก็พูดว่า “แกต้องทำอย่างนั้นสิ แกต้องทำอย่างนี้” แต่ไม่เห็นเขาทำสักอย่างเลย เขาดีแต่พูด ใช่ไหม (ใช่) ถ้าวันหนึ่งเราขยันแล้วเจอคนขี้เกียจ ทำอย่างไรให้ใจเราเป็นธรรมไม่เป็นโลก ถ้าวันหนึ่งเรารับผิดชอบหน้าที่แต่คนเอาเปรียบ ทำอย่างไรให้ใจเรามีธรรมไม่มีโลก เคยเอามาใช้จนเกิดธรรมบ้างไหม (เคย) ทำอย่างไรหรือ (ทำด้วยตัวเอง) เขาไม่ทำเราก็ทำเอง
(เราต้องตั้งใจทำ) ใช่ โดยส่วนใหญ่ถ้าเราขยัน เรามีความรับผิดชอบต่องาน แล้วเราอยากมีหัวใจที่มีธรรม ไม่อยากมีหัวใจที่เป็นโลก เพราะเป็นโลกแล้วมันรก มันวุ่นวาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเราเป็นคนขยันแต่เจอคนขี้เกียจ แล้วเราด่าไหม ไม่ด่าทางปากแต่ด่าในใจไหม ถ้าเราปฏิบัติธรรมทั้งข้างนอกและในใจ เราต้องเอามาทำให้มันสงบ ศิษย์รู้ไหมว่าสิ่งที่น่ากลัวในตัวมนุษย์ที่น่ากลัวมากที่สุดคือ มโนกรรม เพราะมันเป็นตัวชักพาชีวิตและความคิดให้เกิดการกระทำ และส่งผลเป็นกรรม ฉะนั้นเราปฏิบัติธรรมอย่าเก่งแค่ปฏิบัติภายนอก แต่เราต้องเอาธรรมมาควบคุมใจเราได้ มายั้งใจได้ จำไว้เลยนะศิษย์ ธรรมแปลว่าสงบ สงบแปลว่าจบ จบแปลว่าไม่ต่อแล้ว ถ้าต่อแปลว่าอยากเกี่ยวกรรม ถ้าต่อแปลว่าอยากมีกรรมไม่อยากมีธรรม แล้วเราต่อไหม เกี่ยวกรรมเสร็จแล้วยังลากกรรมมาให้คนเขาร่วมเวรร่วมกรรม ก็ให้เพื่อนช่วยวิพากษ์วิจารณ์แล้วเราก็สะใจว่าเราคิดถูก แบบนี้เรียกว่าตอกย้ำความยึดมั่นถือมั่น และยึดกรรมเข้าไปอีกจริงหรือไม่ พูดแล้วทำให้คนที่โดนว่าดีขึ้นได้เพราะเราพูดไหม (ไม่ได้) ถ้าอยากเข้าใจธรรมง่ายๆ อยากปฏิบัติธรรมง่ายๆ เริ่มตรงนี้ ธรรมแปลว่าสงบ จบ และพ้นทุกข์ ถ้าคิดแล้วยังทุกข์ไม่ต้องคิดดีไหม หน้าที่ปฏิบัติธรรมก็คือทำตัวเองก็พอ ถ้าตัวเองได้ดีเดี๋ยวมันก็ไปสะท้อน สะเทือนใจคนอื่น สอนโดยไม่ต้องพูดดีกว่าพูดจนปากเปียกปากแฉะ แต่เขาก็ไม่ทำ
ฉะนั้นเริ่มต้นการปฏิบัติธรรม ถามใจตนเองก่อน ทำแบบนั้นแล้วมันสงบไหม ถ้าสงบเรียกว่าใจมีธรรม ทำแบบนั้นแล้วพ้นทุกข์ไหม ถ้ามันพ้นทุกข์ด้วยสงบด้วยแล้วดีด้วย ก็ยิ่งกว่าการปฏิบัติธรรมทั้งนอกและในอีกจริงไหม(จริง) แต่เราเป็นแบบดีนอกแต่ข้างในร้ายไหม
อาจารย์ให้กลอนยาวจนลืมหันมาคุยกับศิษย์เลย ให้คุยต่อดีไหม (ดี) อย่างนั้นอาจารย์ถามต่อว่า เราอยู่ในโลกเราทุกข์ไหมศิษย์ (ทุกข์) ทุกข์ไม่ทุกข์ (ทุกข์) แปลว่ายังไม่ค่อยทุกข์เท่าไรนะ ยังยิ้มได้ จริงๆ แล้วทุกข์ไหม (ทุกข์) มีทุกข์บ้างไม่ทุกข์บ้าง สลับกันไป ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วตอนนี้ทุกข์ไหม ง่วงไหม กินข้าวเหนียวมากท้องตึง ทุกข์หรือไม่ทุกข์ (ไม่ทุกข์) ไม่ทุกข์ แต่จริงๆ ก็ทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนั้นเราทุกข์กายหรือทุกข์ใจ (ทุกข์กาย, ทุกข์ใจ)
ส่วนใหญ่กายจะทุกข์เพราะเป็นโรค ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ใจทุกข์เพราะมีปัญหา โดนว่าก็ทุกข์ โดนเขาเอาเงินไปไม่คืนก็ทุกข์ สามีไม่รักก็ทุกข์ ภรรยาหนีไปก็ทุกข์ มนุษย์มีทุกข์ทางใจเยอะแยะไปหมด แล้วเวลาเราทุกข์ใจ มันทุกข์หรืออะไรมาทำให้เราทุกข์ (ความคิด) สิ่งที่ทำให้ทุกข์คืออะไร เหมือนเราทำงานแต่เพื่อนขี้เกียจ เราทุกข์เพราะความคิด เหมือนเราทำงานแล้วเราคิดว่าต้องได้กำไร แต่บังเอิญมันขาดทุน เราทุกข์เพราะความคิด อาจารย์ถามหน่อย เป็นเพราะเขาทำให้เราทุกข์หรือทุกข์เพราะใจเรา (ใจเรา) หรือว่าเขาไม่ดีดั่งใจเรา หรือเหตุการณ์ไม่เป็นดั่งใจเรา หรือสิ่งที่เราคาดหวังมันไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าใจเราไม่คิดอะไรเลย อะไรจะเกิดเราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์) ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้ใจทุกข์คือความคิด ถ้าเราจัดการความคิดได้เราก็สิ้นทุกข์ได้ ถ้าเราควบคุมความคิดได้ ความคิดก็ไม่ทำให้เราทุกข์ได้ ทุกวันนี้ที่เราทุกข์อยู่ก็เพราะพยายามทำอย่างไรให้เราไม่ต้องคิด จริงหรือไม่ (จริง) เราจะเป็นบ้าตายก็เพราะความคิด ใช่หรือไม่ (ใช่) เรานอนไม่หลับก็เพราะเรายังคิดไม่ตกใช่หรือไม่ (ใช่) เห็นชัดหรือยัง สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ไม่ใช่ใจ แต่เป็นเพราะความคิดที่ครอบงำใจ และบังคับใจ แล้วเมื่อเราไหลไปตามความคิด เราก็ง่ายต่อการตกเป็นทาสของกิเลส อารมณ์ เพราะความคิด ง่ายต่อการเข้าข้างตนเอง เมื่อเป็นเพราะความคิดก็ง่ายมากที่จะโทษคนอื่นไม่โทษตนเอง แล้วความคิดก็ชอบที่จะมองตามในสิ่งที่ตนเองอยากได้ แต่ไม่มองความจริง ฉะนั้นตัวปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใจ แต่อยู่ที่ความคิด ใจไม่มีปัญหา แต่ความคิดต่างหากที่มีปัญหา แล้วความคิดมาจากไหน ความคิดมาจากความรู้ความเข้าใจที่เราสะสมเป็นตัวตนของเรา สิ่งที่ผ่านเข้าออกในใจของเราเป็นความคิดนั้นมาจากการสะสม เมื่อมีความคิดผ่านเข้าออก แล้วกระทบกับอารมณ์จึงกลายเป็นกิเลส ฉะนั้นความคิดที่เราสะสมจนกลายเป็นความรู้แล้วเรียกว่า “ใจ” ของเรานั้นจะไม่เหมือนกัน คนหนึ่งก็รักอย่างนี้ ส่วนอีกคนหนึ่งก็รักอย่างนั้น คนหนึ่งก็คิดว่าแบบนี้ถูกต้อง แต่อีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ใช่ ต้องแบบนั้นจึงจะถูก ฉะนั้นเราไม่ได้มีปัญหาทางใจ แต่เรามีปัญหาทางความคิด ความคิดไม่ลงตัวกัน เมื่อทะเลาะกันใจแม่กับใจลูกยังเหมือนเดิม ใจแม่ยังรักลูกอยู่ แต่ความคิดของแม่กับลูกเพียงไม่ตรงกัน ฉะนั้นต้องแยกให้ออก หากเราแยกออก เราก็จะเกลียดใครไม่ลง เพราะเราเกลียดที่ความคิดไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) ผิดไหมที่เขาคิดแบบนี้ (ไม่ผิด) แล้วผิดไหมที่เขาคิดแบบนั้น (ไม่ผิด) แล้วผิดไหมที่เราคิดแต่อย่างนี้ (ไม่ผิด) ก็เพราะว่าไม่เคยคิดเลยว่าเราคิดผิด ก็เลยไม่แก้ความคิดของตนเอง แล้วก็มาทะเลาะกันอย่างนี้ จริงไหม (จริง) เมื่อไรเราจะควบคุมความคิดให้เราไม่ทุกข์ รู้ไหมว่าอะไรช่วยให้เราควบคุมความคิด และก็ทำให้เราไม่ทุกข์ได้ ท่านบอกว่าให้เอา “สติ” มาดึงเราให้กลับมาสู่ความเป็นกลางและหยุดกิเลสไม่ให้มันเติบโต เหมือนเราทำอะไรผิดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่คิดไม่รอบคอบ คิดแบบขาดสติใช่หรือไม่ (ใช่) เขาด่ามาเราด่ากลับ เขาโกงมาก็โกงเขาเลย ลืมตัวไปจึงร้ายไป ใช่หรือไม่ (ใช่) ความคิดมาปุ๊บก็ทำไปทันทีโดยเราไม่มีสติยับยั้งถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นถ้าอยากมีธรรมต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความคิดของคน เพราะความคิดของคนง่ายที่จะติดในอารมณ์กิเลส และอารมณ์กิเลสก็มาจากการเข้าออกของความคิดที่ยึดติด ชอบชัง ฉะนั้นเมื่อไรมนุษย์ดึงความชอบชังออกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่าเทียมกัน ถ้าเมื่อไรที่เอาชอบชังเข้าไปใส่ เราเริ่มแบ่งแยกว่า คนนี้หัวดำคนนั้นหัวขาว คนนี้หล่อคนนั้นน่าเกลียด คนนี้เหี่ยว คนนั้นไม่เหี่ยว เพราะเอาตัวตนเป็นบรรทัดฐานในความคิด ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเรามีสติควบคุมและระงับความคิดได้ ความคิดก็จะไม่เกิด
ศิษย์เอ๋ยเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมว่า “บำเพ็ญธรรมเพื่อเป็นพุทธะ” (เคย) แล้วพุทธะแปลว่าอะไร (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) และเราก็เป็นพุทธะได้ถ้าเรารู้ ฉะนั้น “การมีสติ แปลว่า การระลึกรู้ รู้ตัวรู้ตน” การเป็นพุทธะก็เป็นผู้รู้ ถ้าเราหาตัวรู้ได้เจอและไม่ขาดสาย รู้อย่างต่อเนื่องกับอาการของความคิดที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป แล้วไม่ไหลไปตามกิเลสอารมณ์นั้น แปลว่าเรากำลังดำเนินตามหนทางของความเป็นพุทธะตื่นในตัวเอง ตื่นแล้วพ้นทุกข์ ตื่นแล้วไม่ตกเป็นทาสของกิเลสอารมณ์ ศิษย์อยากมีเวรไหม แล้วศิษย์อยากจองเวรจองกรรมใครไหม (ไม่) อยากอยู่แบบจบกรรม อยู่แบบคนมีบุญร่วมกันถูกไหม แล้วเวลาเขาด่ามาแล้วเราด่ากลับนี่มีบุญร่วมกันหรือมีกรรมร่วมกัน เรากำลังสร้างกรรมหรือกำลังสร้างบุญ ทำไมไม่เอาคำด่าของเขามาชำระล้างให้เราเกิดบุญ ทำไมเอาคำด่าของเขามาทำให้ตัวเองเกิดบาปทั้งๆ ที่ตัวเองก็ชอบทำบุญ ชอบหาความสงบไม่ใช่หรือ แล้วพอถึงเวลาไม่เห็นสงบเลย ศิษย์จำไว้นะ อารมณ์โลภ โกรธ หลง มันไม่มีตัวตน และมันชอบคนใส่ใจและแยแส แต่ถ้าเมื่อไหร่เราไม่ใส่ใจและแยแเส เดี๋ยวมันก็หายไปใช่หรือไม่ หากความโกรธมาแล้วเราใส่อารมณ์เข้าไปอีกก็เท่ากับยิ่งเติมเชื้อไฟ
การฝึกสติไม่ได้ฝึกตอนที่ไม่มีใครด่า นั่งเงียบๆ ท่องพุทธโธๆ แต่การฝึกสติและสมาธิคือตอนโดนเขาด่า ตอนโดนเขาว่า ตอนโดนเขากดขี่ ตอนโดนเขาเอาเปรียบ แล้วเราสามารถรักษาความดีและไม่หวั่นไหวแล้วทำความเห็นแจ้งในธรรมได้ นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมสุดยอด อะไรมาก็ให้แค่รู้ รู้แล้วอย่าเผลอไปเป็นมัน อย่าเผลอไปมีมัน มีตัวตนก็ทุกข์เพราะตัวตน มีลูกก็ทุกข์เพราะลูก มีความอยากก็ทุกข์เพราะความอยาก เป็นแม่ก็ทุกข์อย่างคนเป็นแม่ เป็นพ่อก็ทุกข์อย่างคนเป็นพ่อ แต่ก่อนเราเป็นลูก ตอนนี้เรากลายเป็นพ่อ สักพักหนึ่งเราไปทำงานเรากลายเป็นเพื่อน จบจากที่ทำงานแล้วเรากลายเป็นคนแก่อยู่บ้าน เราเคยมีอะไรเป็นของเราจริงบ้าง แล้วเราควรยึดไหม
ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์กับสิ่งที่มี เราก็จงจำไว้ว่า ทุกสิ่งมันมาแค่ให้เรารู้ รู้แล้วอยู่ร่วมกันอย่างไม่ทุกข์ ด้วยการมีก็เหมือนไม่มี อยู่อย่างมีบุญดีกว่าอยู่อย่างมี (บาป, กรรม) ด้วยการรู้จักมีสติเท่าทันความคิด อย่ายึดติดความคิดอย่างตายตัวพลิกแพลงไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่ทำให้ศิษย์ทุกข์ไม่ใช่คนอื่น แต่คือความคิดเราเอง
ฉะนั้นสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติเริ่มต้นอย่างแรกเราต้องละบาปให้ได้ก่อน ถ้าละบาปไม่ได้ก็บำเพ็ญบุญไม่ได้ ถึงบำเพ็ญบุญแค่ไหน แต่ถ้าบาปไม่ละมันก็ไม่เรียกว่าบุญ
(พระอาจารย์เมตตาให้ผลไม้ผู้ดูแลสถานธรรมและผู้มีส่วนร่วมในการสร้างสถานธรรมแห่งนี้)
ห้องพระนี้สวยไหม ปาดเหงื่อไปกี่รอบ เหนื่อยไหมทุกคน อาจารย์ขอให้กำลังใจฐันจู่ที่ดูแลที่นี่ด้วยนะ อาจารย์ฝากดูแลห้องพระนี้ที่ศิษย์ตั้งใจกันด้วยนะ เริ่มต้นเสียสละแล้วไปให้ถึงที่สุด กลอนนำที่ท่านหลันต้าเซียนให้ อาจารย์อยากส่งให้ถึงใจศิษย์ เป็นทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยคน เป็นน้ำดับความร้อน เป็นร่มเงาดับความทุกข์เข็ญ เป็นเรือนำพาส่งผู้คนให้พ้นทุกข์ แต่ต้องเริ่มจากใจที่อุทิศเสียสละ อาจารย์ให้สับปะรดแล้วกันนะความหมายจะได้รุ่งเรือง ยิ่งให้อย่ายิ่งยึดติด ยิ่งให้ยิ่งต้องปล่อยวางให้ได้ ให้เหมือนไม่ได้ให้ ยิ่งให้ยิ่งกว้างใหญ่ ใช่หรือไม่ มุ่งมั่นไปให้ถึงที่สุด ดูแลสถานธรรมนำพาผู้คนด้วยจิตใจเบิกบาน ไม่ว่าเขาจะมาอย่างไรต้องให้เขาออกไปด้วยความสุข ออกไปด้วยความร่มเย็น ขอให้ที่นี่เป็นดั่งที่กลอนอาจารย์ให้ “ร่มไม้ใบบัง” ใครก็อยากเข้ามา ทุกข์แค่ไหนพอมาอยู่ที่นี่ก็เย็นสบาย อาจารย์มีอีกหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง บอกคนที่ร่วมแรงร่วมใจจนทำให้วันนี้ประสบความสำเร็จได้ อาจารย์ฝากผลไม้ไปแจกด้วย คนที่ต้องเหนื่อยยาก เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย) ไม่เหนื่อยและยิ่งต้องเข้มแข็งด้วย จริงไหม (จริง) ผ่านไปได้สำเร็จด้วยดี ยกนิ้วให้ ศิษย์ของอาจารย์เก่ง ทำได้ในสิ่งที่ยากทำ ทนในสิ่งที่ยากทน ศิษย์เอ๋ย อาจารย์ถามจริงๆ ให้เราควักเพียงหนึ่งร้อยบาท เราคิดไหม คิดใช่ไหม แล้วนี่มากกว่าหนึ่งร้อย แล้วต้องลงทั้งแรง ลงทั้งเงิน และลงใจด้วย ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย อาจารย์จึงขอนับถือน้ำใจของศิษย์ทุกคนที่ทำจนห้องพระนี้ประสบความสำเร็จ งดงามได้ ฉะนั้นเมื่อพบสิ่งยากลำบาก ขอให้จดจำวันนี้ไว้ วันที่เราสำเร็จ วันที่เราทำได้ ทำในสิ่งที่เราไม่คิดว่าเราจะทำได้ ใช่ไหม (ใช่) ตอนที่สร้างก็คิดว่าจะเสร็จเมื่อไร จะมีเงินไหม แต่เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ภูมิใจ ได้ทำในสิ่งที่เราไม่คาดว่าจะทำได้ อย่างนี้อาจารย์จะมอบอะไรให้ดี ถ้าเป็นลูกอมก็เดี๋ยวฟันจะพุ ถ้าเป็นขนมก็เดี๋ยวจะอ้วน ไม่รู้ว่าจะให้อะไรศิษย์ดี อย่างนี้ให้ส้มโอแล้วกัน รู้ว่ากินแอบเปิ้ลเบื่อแล้ว เอาส้มโอและแตงโมไปแบ่งกัน กว่าจะสร้างเสร็จต้องใช้หลายคน รู้ว่าหนักก็ยังสู้ต่อ รักษาใจนี้ไว้นะ
ศิษย์เอ๋ย อาจารย์อยากบอกศิษย์ว่า อย่าดูถูกความสามารถและคุณค่าความดีงามในตัวเอง มนุษย์หากได้ตั้งใจทำอะไรดีๆ มักทำได้ดี ดีที่หนึ่ง ดีอย่างแน่แท้ด้วย ศิษย์อาจไม่ต้องเชื่ออาจารย์ก็ได้ แต่ขอเพียงศิษย์เชื่อศรัทธาความดีในใจตน เกิดเป็นคนนะศิษย์ บุญบารมีใครๆ ก็อยากได้ แล้วรอให้ฟ้าประทานหรือเราจะสร้างเอง (สร้างเอง) แล้วการทำบุญบารมีจะทำด้วยวิธีอย่างไร จิตที่มีแต่ให้ ศิษย์รู้ไหมว่า ธรรม คือ ความโปร่ง โล่ง เบา จิตที่เอามีแต่หนัก แต่จิตที่ให้นั้นเบา โล่ง เหมือนอย่างนี้ ของมีเพียงชิ้นเดียว แย่งกันไปแย่งกันมา อย่างนี้เหนื่อยไหม เกลียดไหม (เหนื่อย, เกลียด) ถ้าเราคิดง่ายๆ ก็ถ้าเขาอยากได้ก็ให้เขาไป เราก็รู้สึกโล่งทันที ถ้าแย่งกัน ชิงชังด่าว่ากันแทบตาย เมื่อถึงเวลาก็เอาไปไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นในเรื่องของธรรมะสามารถใช้ได้ในทุกอย่าง เรื่องศีลไว้สำหรับละบาป เรื่องคุณธรรมไว้สำหรับประกอบกิจในการดำรงความเป็นคน อยู่ให้มีคุณธรรมมีบุญบารมี ศิษย์อยากไปอยู่ที่ไหนใครๆ ก็รัก เคารพนับถือ และให้เกียรติไหม (อยาก) อย่างนั้นเราควรปฏิบัติอย่างคนที่มีธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีเมตตายากไหม เป็นคนพูดแล้วรักษาคำพูดยากไหม แต่เป็นคนชอบด่าคนอื่น ชอบจับผิดคนอื่น ชอบกินแรงคนอื่นดีไหม ชอบพูดมากแต่ไม่เคยทำเลยดีไหม แล้วเราเป็นไหม ฉะนั้นการที่เราต้องมีคุณธรรมไว้ ก็เพื่อยับยั้งจิตที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง และส่วนที่เราต้องมีศีลธรรมก็เพื่อยับยั้งไม่ให้เราก่อบาป เราชอบทำบาปไหม ยุงมาตบไม่ตบ มดมาบี้ไม่บี้ แมลงสาบมาเหยียบไม่เหยียบ เกิดเป็นคน สิ่งที่ดีที่สุดในการทำบุญก็คือไม่สร้างบาปเลย แล้วบาปที่เราไม่ควรทำมากที่สุดคือ การเบียดเบียนชีวิตคนอื่นเพื่อชีวิตตัวเอง
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “ร่มไม้ใบบัง”)
ต้นไม้นั้นต้องมีใบบังได้ ปกคลุมได้ ต้นไม้นั้นจึงร่มเย็น ตัวศิษย์ไปอยู่ที่ไหนแล้วมีแต่คนอยากใกล้ชิด แปลว่าคนนั้นเป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วร่มเย็น แล้วศิษย์เป็นประเภทนั้นหรือเปล่า ฉะนั้นคำว่าร่มไม้ใบบัง ความหมายโดยนัยก็คือความร่มเย็น ร่มไม้ใบบังในความหมายนี้มีกลอนซ้อนอยู่ ลองอ่านดูแล้วลองไปทำความเข้าใจให้ละเอียดดีไหม (ดี)
ขอให้เป็นเกียรติบัตรที่นี่และประทับไว้ที่นี่ ขอให้เป็นสถานธรรมที่ใครเข้ามาก็คลายความทุกข์ร้อน ขอให้เป็นสถานธรรมที่ใครเข้ามาก็ช่วยดับความทุกข์ในใจผู้คนได้ ทำให้ได้ในทุกที่นะ ขอให้เราเป็นคนที่ใครอยู่ใกล้แล้วอบอุ่น ใครอยู่ใกล้แล้วไม่ทุกข์ร้อน
มนุษย์ทุกข์เพราะความคิด ฉะนั้นต้องรู้จักมีสติกำกับ มีสติคอยดึง ดังนั้นถ้ามีสติคอยดึง เมื่อมีอะไรผ่านเข้ามาในความคิด มีอะไรผ่านเข้ามาในใจเรา เราก็ได้แค่รู้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่จะทำอย่างไรให้แค่รู้แล้วจบ บางครั้งเราไม่แค่รู้ เราจะเป็นประเภทแบบว่ารู้แล้วเราชอบตัดสิน รู้แล้วเราชอบเปรียบเทียบ ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้แล้วเราชอบมองยึดติด รู้แล้วเราไม่ยอมจบ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นเวลาเจออะไรที่ผ่านเข้ามาไม่ใช่ไปกระทบกายแล้วไปกระทบใจ แต่เมื่อกระทบกายแล้วจิตต้องแค่รู้แล้วไม่ตัดสินได้ไหม (ได้)
(พระอาจารย์เมตตาหยิบกล้วยและส้มขึ้นมา)
อันไหนดีกว่ากัน (กล้วย) เห็นไหมว่าความคิดคนมันไว ศิษย์เอยอะไรมันก็ดี จริงไหม (จริง) นี่แหละนิสัยที่น่ากลัวของมนุษย์ ชอบยึดติด ชอบตัดสิน จึงทำให้เราไม่สามารถมองเห็นความเป็นจริง ใช่หรือไม่ ศิษย์เคยไหม เวลาเจออะไรมากระทบใจ ขอให้นิ่งให้ถึงที่สุดแล้วความจริงจะปรากฏ ไม่ต้องตัดสิน ไม่ต้องให้ค่า ไม่ต้องยึดติด มองตามความเป็นจริง เหมือนอาจารย์ถามว่ากล้วยหรือส้มดีกว่าถ้ายึดติดความหมายเราก็ชอบกล้วย แต่ถ้าจะกินก่อนกินข้าวเราก็คงเลือกส้ม ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถามว่าอะไรดีที่สุดในชีวิต เวลาเราเจออะไรที่ไม่ดีของเขา (พระอาจารย์เมตตาให้อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมออกมา 2 ท่าน) เห็นอะไรชัดไหม เราอดตัดสินไม่ได้นะ ความคิดมันไว แค่มองเห็นก็คิดแล้วว่า คนนี้จะสูงไปไหนเนี่ย แต่พอมองเห็นอีกคน ทำไมอ้วนอย่างนี้ เตี้ยจังเลย เห็นไหมว่าความคิดมันไว ถูกไหม (ถูก) อย่าบอกนะว่าในใจศิษย์ไม่คิด ฉะนั้นแค่รู้แต่ไม่ตัดสิน แค่รู้แต่ไม่ยึดติด เพราะทุกสิ่งเกิดแล้วมันก็จะจบทันที แต่ถ้าบอกว่าคนนี้สูงยาวเข่าดีได้ก็ดีนะ คนนี้อ้วนคงไม่ไหวท่าทางจะกินจุไปนะ มันเลยไม่จบเลยถูกไหม ฉะนั้นความโลภ โกรธ หลง จะไม่เกิดในจิตใจศิษย์เลย ถ้าศิษย์สามารถมีสติรู้แต่ไม่ตัดสิน อารมณ์จะไม่เกิดขึ้นทันที ถูกไหม (ถูก)
เริ่มต้นบำเพ็ญธรรมต้องมีศีลเพื่อละบาป มีคุณธรรมเพื่อสร้างบุญบารมี รู้จักจิตตนเอง ฝึกจิตตัวเองด้วยคุณธรรม เรียกว่าสัจธรรมเพื่อรู้แจ้งและพ้นทุกข์ ธรรมมีสามกองแค่นี้เอง กองหนึ่งคือกองละบาป กองหนึ่งคือกองบำเพ็ญบุญ อีกกองหนึ่งคือเข้าถึงความบริสุทธิ์ รู้แจ้งถึงความเป็นจริงและนำพาให้ตนเองพ้นทุกข์ ที่เรียกว่า ศีลธรรม คุณธรรม และปัญญาธรรม มีโอกาสคงได้มาร่วมบุญกันอีกดีไหม เป็นบุญที่สร้าง เป็นบุญที่ร่วมกันศึกษาแล้วก่อเกิดปัญญา มีความตื่นรู้และพ้นทุกข์ ฉะนั้นมีโอกาสหมั่นให้ตัวเองมาเพิ่มปัญญาธรรม ด้วยการเสียสละ ละวางทางโลก วันนี้ถ้าไม่รู้จักฝึกหัด วันหน้าเราจะหัดทำใจไหวไหม
ใกล้ปีใหม่แล้วใครๆ ก็อยากให้อาจารย์อวยพร อาจารย์ไม่ขอให้แข็งแรง ไม่ขอให้ร่ำรวย แต่อาจารย์ขอให้ศิษย์มีปัญญารับมือกับทุกปัญหาเรื่องราวในความเป็นจริงของโลกด้วยสติและหัวใจที่กล้าหาญ เพราะในชีวิตเราเลือกไม่ได้ที่จะต้องเจอแต่สิ่งที่ดี บางครั้งถ้าเราไม่ดี ขอให้ศิษย์สู้ให้ไหว รับให้ได้ ไม่ว่าโลกมันจะพลิกไปขนาดไหน ขอให้พลิกใจตนเองให้เป็น ยกตัวเองให้พ้นทุกข์ให้ได้ แล้วความร่มเย็นสันติสุขจะเกิดจากใจ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยตื่นก็เป็นสุข ตายก็เป็นสุข เพราะทำดีที่สุดแล้ว จะกลัวอะไรกับความแก่ เจ็บ ตาย ถ้าทำเต็มที่แล้ว ขอให้ศิษย์มีสติ มีปัญญาและกล้าหาญ ฝ่าฟันความทุกข์ฝ่าฟันอุปสรรค อย่าให้ความคิดทำร้ายตัวเอง เป็นเด็กดีเข้มแข็ง รู้จักดูแลตัวเอง
(อาจารย์เป่าหัวให้หน่อย) หมดทุกข์หมดโศกได้เราต้องไม่สร้างเวร (หมดหนี้หมดสิน) หมดหนี้หมดสินต้องรู้จักลดละความอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมีหนี้ไม่จบสิ้น ชดใช้ด้วยจิตใจที่รู้จักไม่ฟุ่มเฟือยนะ (สุขภาพแข็งแรง) ความแข็งแรงไม่สู้จิตใจที่กล้าสู้กับความจริงนะ
อย่ากลัวกับโรคภัย อย่ากลัวกับปัญหา ขอเพียงศิษย์สู้ โรคภัยก็สามารถเบาบางได้ ขอเพียงศิษย์เข้มแข็งปัญหาต่างๆ ก็ผ่านได้ เหนื่อยกันไหม ดูแลตัวเองให้ดี อย่าลืมจิตใจนี้ รักษาใจนี้ไว้ ใจที่มุ่งมั่นบำเพ็ญเพื่อฉุดช่วยคน ใจที่ช่วยคนโดยไม่ห่วงตัวเอง ศิษย์ของอาจารย์เข้มแข็งแล้ว เก่งแล้ว ตั้งใจมุ่งมั่นบำเพ็ญไปให้ถึงฝั่งด้วยหัวใจที่กล้าหาญ หัวใจที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ เด็ดเดี่ยวห้าวหาญ ยอมรับความยากลำบากเป็นหัวใจที่ยอดที่สุดแล้ว ไม่ร้องไห้แล้วนะ เข้มแข็งนะ ไปให้ถึงฝั่งฟ้า ไปให้ถึงที่สุดที่เราทำได้ ดึงหัวใจที่ดีงามออกมานำทางผู้คน ดึงหัวใจที่เสียสละ ดึงหัวใจที่เสียสละอันนี้ให้คงอยู่จนทำให้เขาอยากเดินตามด้วยใจ ทำอะไรด้วยใจ เราก็จะได้ใจกลับมา จริงไหมศิษย์ เข้มแข็งนะ ตั้งใจบำเพ็ญนะ
เมื่อคิดจะทำอะไรต้องไตร่ตรองให้ดี อย่าคิดทำบาป อย่าทำผิด เพราะเมื่อศิษย์ผิดไปแล้ว อาจารย์ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเวรกรรมของใครคนนั้นก็ต้องรับเอง อาจารย์มีหน้าที่เพียงตักเตือนและชี้นำศิษย์ให้ถูกทาง อย่าหลงทางผิด จงเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเด็กดี อาจารย์ให้ผลไม้คนที่ปวดขา เอาผลไม้มาให้เขาด้วย และต้องรู้จักละบาป ไม่สร้างบาปเพิ่ม อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะได้สิ้นกรรม อาจารย์ช่วยได้เพียงการชะลอ แต่กรรมนั้นจะกลับมาอีก ถ้าศิษย์ยังกระทำเหมือนเดิม ศิษย์ต้องแก้ชะตาชีวิตของตนเองด้วยการเปลี่ยนการกระทำของตัวเอง คือ ไม่สร้างบาป ละบาป บำเพ็ญบุญให้ได้ ทำได้ไหม (ได้)
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ร่มไม้ใบบัง”
คนใจเย็นจึงทำบ้านให้ร่มเย็น น้อมรับฟังทุกความเห็นจึงกว้างใหญ่
สามารถดึงศักยภาพคนได้ทุกวัย ทำด้วยใจได้ใจคืนกลับมา
รุ่นก่อนปลูกรุ่นหลังร่มเย็น ปฏิบัติเป็นเห็นตามปฏิบัติหนา
คุณธรรมคงเหนือกาลเวลา เป็นร่มเงาอันเมตตาตลอดไป
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ
เป็นดั่งน้ำช่วยคนดับกระหาย เป็นร่มเงาช่วยคลายความทุกข์เข็ญ
เป็นดั่งแสงทองนำทางส่องเช้าเย็น ผู้ฝึกเป็นเสียสละให้ไม่หน่ายเลย
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดาแล้ว ถามทุกท่านเกษมฤๅ
โลกกลมกลมคนเดินกันขวักไขว่ คนบำเพ็ญล้ำสมัยมีหลายความเห็น
คิดใหม่ได้แต่ไม่ไร้การบำเพ็ญ โลกยามเย็นจึงเห็นไฟส่องทาง
ความแค้นใจทำบ้านให้เป็นไฟ ความใจเย็นทำบ้านไม่เหินห่าง
ใต้ร่มน้อมให้กันอุดช่องว่าง เปิดรับฟังทุกความสามารถความเห็น
ต่างความเห็นจึงกว้างใหญ่ได้พัฒนา คนศึกษาคนด้วยการต่างความเห็น
ดึงศักยภาพได้ดึงด้วยสิ่งที่เป็น ดีทุกวัยทำใจเป็นบำเพ็ญดี
ส่งไม้ต่อรุ่นก่อนรุ่นใหม่รับ เหมือนได้ใจคืนกลับมาตอนนี้
รุ่นหลังรุ่นปลูกไม่รู้จักดินดี รุ่นร่มเย็นเห็นวิธีแตกกิ่งก้านใบ
คนปฏิบัติเป็นเห็นได้เป็นนักปราชญ์ เดินหน้าปฏิบัติตามเวลาเอื้ออำนวยให้
ถือคุณธรรมเป็นหลักเป็นดั่งธงชัย มั่นคงเหนือกาลร่วมใจร่วมเวลา
จะตลอดไปหรือไม่อยู่ที่เรา เปลี่ยนเมตตาอันเหงาเศร้าของเราหนา
เป็นเมตตาอันอบอุ่นคนเข้าหา ด้วยปัญญาเป็นเข็มทิศในชีวิตตน
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ
ฟังธรรมเหนื่อยไหม ยังไหวอยู่ใช่หรือเปล่า (ไหวค่ะ) เป็นคำตอบที่น่าชื่นใจนะ รู้จักกันก่อนดีไหม อากาศเย็นๆ พออยู่ร่วมกันก็กลายเป็นอบอุ่นได้ เพราะอะไรหรือ เพราะทุกคนต่างมีความร้อนในตัว ใช่หรือไม่ เกิดเป็นคนใจเย็นดีหรือใจร้อนดี แล้วส่วนใหญ่เราใจเย็นหรือเราใจร้อน ชอบคนใจเย็นแต่ตัวเองชอบใจร้อน จริงไหม ใจร้อนไม่ดีแล้วใจร้อนไหม เกิดเป็นคนกลัวเคราะห์กรรมเภทภัยไหม และเวรกรรมไหม (กลัว) ท่านเคยได้ยินไหมว่า ไม่มีเคราะห์ภัยใดน่ากลัวเท่ากับไฟที่เกิดจากโทสะ คนที่ขี้โมโหมักโกรธ เป็นคนที่ไม่มีใครอยากคบด้วย ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วอยากรู้ไหมว่าเราเป็นคนขี้โมโหหรือใจเย็น เวลาไปไหนคนเข้าหาหรือคนเดินหนี เวลาไปไหนแล้ววงแตกไม่ใช่คนใจเย็น ใช่ไหม (ใช่) ไปไหนมีแต่คนเดินหนีไม่มองหน้า แปลว่าเป็นคนใจร้อน จริงไหม (จริง) ตกลงแปลว่าท่านเป็นคนใจร้อนที่อยากมีเวรมีภัย ที่ไม่มีใครเขาคบหา ไม่มีใครเขารักใคร่ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นเราควรจะเป็นคนที่มักโกรธบ่อยๆ หรือเปล่า (ไม่) รู้ว่าเป็นศัตรูตัวร้ายควรจะมีความโกรธไหม (ไม่มี) แล้วอะไรล่ะที่จะช่วยดับความร้อนได้ (ธรรมะ)
เราถามท่านหน่อยนะ เราจะทำอย่างไรให้เราเป็นคนไม่โกรธ ท่านเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งที่คนโบราณมักจะชอบพูดและสอนคนไว้บ้างไหมว่า “คนเราดีไม่ทั่ว ชั่วไม่หมด” แปลว่าไม่มีใครดีจริงๆ และไม่มีใครร้ายจริงๆ ถึงจะขี้โมโหแต่ก็มีอะไรดีเหมือนกัน อารมณ์ร้อนแต่ก็ใจดีเหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่) แปลว่ามีทั้งร้อนและเย็นอยู่ในตัว แต่ร้อนมากกว่าเย็น ใช่ไหม (ใช่) อย่างนั้นเราอยากจะบอกท่านอย่างหนึ่งนะ บางครั้งมนุษย์ก็รู้ว่าอะไรไม่ดีอะไรดี แต่บางทีความดี
ไม่สามารถชนะความไม่ดีในใจได้ จริงหรือไม่ (จริง) ดีชั่วรู้หมดแต่อดใจไม่ไหว ใช่หรือเปล่า (ใช่) อันนี้จำได้ขึ้นใจเลย ใช่ไหม ถ้าเราบอกว่าจริงๆ แล้วการที่เราฝึกเป็นคนใจเย็นๆ หน่อย ฝึกโมโหให้น้อยหน่อย ฝึกเกรี้ยวกราดให้น้อยหน่อยนั้นดี เราไม่ได้ทำดีเพื่อหวังให้คนรัก แต่เราทำดีเพื่อป้องกันการที่เราจะไปเบียดเบียนทำร้ายคนที่เรารัก จริงไหม (จริง) เรารักคนที่อยู่รอบข้างเราไหม (รัก) แล้วคนที่อยู่รอบข้างเรา เราเห็นเขาเป็นทุกข์ เราทนได้ไหม (ไม่ได้) เห็นเขาหน้าเบี้ยวหน้าบูด เราก็พลอยหน้าบูดหน้าเบี้ยว จริงไหม (จริง) ลองอยู่ในบ้านมีแต่คนหน้าบูดหน้าเบี้ยว เรายิ้มออกไหม แต่ถ้าเกิดทุกคนในบ้านยิ้ม
เราหน้าบูดหน้าเบี้ยวเรายังยิ้มออกเลย จริงไหม (จริง) ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราพยายามใจเย็นไว้ไม่โกรธคนอื่น เพราะว่าเราไม่อยากเบียดเบียนและไม่อยากทำร้ายคนที่เรารัก
ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เคยไหว้แล้วเอาท่านมาเป็นตัวเองไหม รู้ไหมว่าตัวท่านเอง
ก็คือพระพรหมของบ้านได้ ทำไมเราจึงบอกว่าท่านเป็นพระพรหมในโลกได้ และท่านเป็นพระพรหมในบ้านได้ เคยได้ยินไหม บิดามารดาเป็นพระพรหมของลูก แล้วเราเป็นพระพรหมของลูกจริงไหม (จริง)
นั่นแหละเรียกว่า “จิตแห่งกรุณา” เห็นใครทุกข์อยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์
เป็นพระพรหมได้หรือยัง (ได้) สองแล้วนะ และเมื่อเขาได้ดีมีสุข เรายินดีหรือเราอิจฉา (ยินดี) นั่นได้สามข้อแล้ว ท่านเป็นพระพรหมของลูกได้ไหม (ได้) ฉะนั้นเวลาลูกทำผิดโกรธไหม (ไม่โกรธ) อันนี้ยากนะ แต่เราสามารถกลับใจ
เป็นกลางรักเขาเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ (ใช่) ว่าส่วนว่า โกรธส่วนโกรธ แต่ใจ
ยังรักเหมือนเดิมไหม (รัก) นี่แหละจิตที่สามารถกลับคืนสู่ความเป็นกลางได้
ไม่ว่าเขาจะร้ายจะเลวอย่างไร ก็ยังมีความหวังดีและอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์เสมอ แล้วอย่างนี้กราบไหว้พระพรหมไม่สู้ทำตัวเองเป็นพระพรหมในบ้าน แล้วถ้าเกิดเราแผ่ความเป็นพระพรหมออกสู่คนในโลก อย่างนี้เราไม่ใช่คนที่ปฏิบัติแล้วเป็นที่ร่มเย็นของผู้อื่นหรอกหรือ ท่านรู้ไหมขอหวยสามตัวเดี๋ยวมันก็หมด มันชื่นใจครู่เดียวใช่ไหม (ใช่) แต่การประพฤติปฏิบัติจนมีคุณค่า จนเป็นที่ร่มเย็นเป็นที่พึ่งพิงของคนอื่นนั้นอยู่ได้หลายภพหลายชาติจริงไหม (จริง) เพราะการประพฤติวันนี้เป็นตัวบ่งบอกอนาคตในวันหน้า เพราะการดำเนินชีวิตในวันนี้เป็นตัวกำหนดภพภูมิในชาติหน้า แล้วคุณค่าของการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องดีงามในวันนี้จะสามารถพกติดตัวไป แม้จะต้องสิ้นชาติในการเป็นมนุษย์ แต่เราก็มีความดีงามพกติดตัวไปเป็นบุญวาสนานำพาให้เราไม่ว่าเกิดภพใดชาติใด ความเป็นพระพรหมนั้นก็จะคุ้มครองให้คนๆ นั้นประพฤติหรือปฏิบัติอยู่ที่ใดก็ร่มเย็นเป็นสุข หาเงินหาทองมีวันหมด แต่ประพฤติปฏิบัติด้วยความถูกต้องดีงามมันไม่มีวันหมด มันจะติดตัวไปจนตาย และไม่ว่าจะภพไหนชาติไหน ความดีนั้นก็จะอยู่ในใจของเราไม่มีใครแย่งไปได้ อย่ามัวเห็นคุณค่าเงินทอง ทรัพย์สิน จนลืมคุณค่าความดีงามที่เรียกว่าธรรมในใจ เห็นอะไรมีค่าได้ แต่อย่าลืมเห็นคุณค่า
ในการประพฤติปฏิบัติอย่างผู้มีธรรม เห็นไหมว่าเป็นพระพรหม คนทั่วโลกก็มากราบไหว้ แล้วทำไมไม่เอาพระพรหมนั้นมาสถิตในใจเราด้วยการประพฤติปฏิบัติกันเล่า เราอยากช่วยให้คนมีความสุขไหม อยากช่วยให้คนพ้นทุกข์ไหม เห็นใครได้ดีมีสุข เราก็ดีใจกับเขาด้วยใช่ไหม ถ้าเห็นใครผิดพลาดไป เราซ้ำเติมเขาไหม ใครๆ ก็ผิดพลาดได้ ใช่หรือไม่ ถ้าท่านสามารถวางใจเป็นกลางได้
ไม่โกรธเกลียดใคร ไม่แช่งชักหักกระดูกใคร ไม่ด่าใคร ไม่นินทาใคร การเป็นพระพรหมในโลกยากหรือไม่ ยากอย่างเดียว เมื่อไหร่จะทำ
ก็คงไม่เผารนจิตใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทุกท่านปาดเหงื่อเลยหรือ จริงๆ แล้วสุขนั้นร้าย ทุกข์นั้นดี ความลำบากนั้นดีไหม ความสบายนั้นดีไหม ถ้าเราพูดตรงกันข้ามว่า “ความสบายนั้นแย่ ความลำบากนั้นดี” ท่านว่าจริงไหม เราถามท่านหน่อยนะ ยิ่งสบายเรายิ่งเอาแต่ใจตัว ขี้เกียจ อ่อนแอ และสู้คนไม่เป็น ใช่หรือไม่ เช่นนั้นยิ่งลำบากเรายิ่งเข้มแข็ง
ยิ่งยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ยิ่งโดนคนกดขี่ข่มเหงเรายิ่งรู้จักอยู่รอดให้ได้ ถ้าเราพูดว่าลำบากนั้นดี สบายนั้นแย่ผิดตรงไหน ในทางเดียวกัน “สุขนั้นแย่ทุกข์นั้นดี” พูดแบบนี้ผิดหรือไม่ ยิ่งสุขมากเรายิ่งอ่อนแอ ยิ่งสุขมากเรายิ่งเรียกร้องไม่จบสิ้นใช่ไหม แต่ยิ่งทุกข์เรายิ่งบอกว่าพอแล้ว คนที่ท่านรังเกียจ คนที่ท่านไม่ชอบ แท้จริงแล้วไม่มีดีหรอกหรือ ว่าฉันมากๆ เดี๋ยวฉันจะดีให้ได้ ดูถูกมากๆ เดี๋ยวฉันจะเก่งให้ได้เลย
แต่งงานนึกว่ามีความสุข เป็นอย่างไงล่ะ สุขจนพูดไม่ออกเลย ใช่ไหม (ใช่) มีลูกนึกว่าจะได้พึ่งพา เป็นอย่างไรเล่า หาไม่เห็นหัวเลยใช่ไหม (ใช่) มีเงินนึกว่าจะได้มีบ้าน มีที่ดิน มีทรัพย์สินเป็นอย่างไรล่ะ หนี้ล้นพ้นตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) พุทธะจึงสอนไว้ว่าบางครั้งคิดว่ายิ่งหาแล้วยิ่งได้ แต่ถึงที่สุดจึงได้รู้ว่าพอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ ไม่อย่างนั้นยิ่งหายิ่งได้ไม่คุ้มเสียเลย ใช่ไหม (ใช่) เคยคิดว่ายิ่งมีแล้วจะได้เต็มเปี่ยม แต่ทำไมยิ่งมีกลับยิ่งอยากให้มันโล่งๆ ถูกไหม (ถูก) แต่เมื่อไรรู้จักคำว่าโล่งจึงรู้จักคำว่าเต็มเปี่ยม เหมือนกับ เดี๋ยวก็ซื้ออันนี้เข้ามาในบ้าน เดี๋ยวก็ซื้ออันนั้นเข้ามาในบ้าน ซื้อจนเต็มบ้านจนสุดท้าย จะเอาอะไรไปบริจาคดี มันจะได้โล่งๆ ใช่ไหม (ใช่) เราพูดอะไรตลกไหม ตลกนะชีวิต เหมือนชีวิตเรายิ่งพยายามดึงตัวเองให้เก่ง ดึงตัวเองให้สูง ยกตัวเองให้มี แต่คนมีเขา
ไม่อวด คนอวดนั้นไม่มี ใช่หรือไม่ (ใช่) คนดีจริงเขาไม่คุย คนคุยแปลว่ายังไม่ดี แล้วเราเป็นแบบนั้น ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นพูดกันแบบเหมือนมีเหตุมีผล แต่ท่านรู้ไหมว่าถึงที่สุดเหตุผลก็ยังไม่ใช่ที่สุดของความจริง เหตุผลคือสิ่งที่พิสูจน์ได้ และเหตุผลเป็นรากของความจริง แต่ความเป็นจริงบางครั้งก็อยู่เหนือเหตุและผล ถูกไหม (ถูก) เหมือนเราเปรียบเทียบว่าตะกร้าคือสิ่งที่ถูก อย่างนั้นแปลว่าสิ่งที่ไม่ใช่แบบนี้กลายเป็นผิด แต่เราถามว่าสิ่งนี้ถูกจริงไหม เหมือนวันนี้เราพูดชนะเขาได้ เราเป็นคนถูก แต่เมื่อผ่านไปอีกสักวันหนึ่ง เราจะเป็นคนถูกไหม แล้วเราจะเป็นคนถูกเสมอไหม (ไม่เสมอ) แล้วเราจะเป็นคนที่ถูกตลอดไหม (ไม่ตลอด) ก็เหตุผลนี้ฉันเป็นคนถูกแล้วนี่ ฉันคิดว่าฉันถูกต้องแล้ว เธอคือคนที่ผิด อย่างนี้เราจะยืนยันว่าเราถูก แล้วเธอเป็นคนที่ผิด ตลอดได้ไหม (ไม่ได้) ก็เธอคือคนที่น่าเกลียด แต่ฉันเป็นคนที่น่ารัก จริงไหม ถ้าพูดกันตามเหตุผล ฉันยังหน้าเด็ก แต่เธอเหี่ยวแล้ว อย่างนี้ใช่ไหม ถ้าเราพูดกันตามเหตุผลอย่างนี้ถูกต้องไหม ฉันน่ารักกว่าถูกไหม (ถูก) เธอน่าเกลียดใช่ไหม (ใช่) แต่ต่อไปฉันจะน่ารักตลอดใช่ไหม (ไม่ใช่) เดี๋ยวฉันก็เหี่ยวไม่ต่างจากเธอถูกไหม (ถูก) อย่างนี้ตกลงใครถูก
ไม่ผูกพัน ช่วงใช้แล้วไม่ยึดติด อยู่ร่วมแล้วไม่เป็นทุกข์ คงยากนะ ตอบได้ดี
เราให้ดอกไม้เป็นกำลังใจ ดีไหม
อันเป็นกลาง ถ้าเราเข้าใจความจริงอันเป็นกลาง เราจะยอมรับได้เลยว่า แท้จริงในโลกในร้ายก็ยังไม่ได้ร้ายที่สุด ยังมีคนร้ายกว่า ในดีก็ยังไม่ดีที่สุด
ยังมีคนดีกว่า ฉะนั้นถ้าเราวางใจเป็นกลางมองโลก เรานั่นแหละคือเข้าถึงพระพรหม และเข้าถึงธรรม
และระหว่างเจ็บกับตายอันไหนดีกว่ากัน หลายคนบอกว่าเจ็บนั้นทรมาน ใช่ไหม (ใช่) แต่ตายโดยที่ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้สั่งเสีย บางทีอาจจะทำให้เรายิ่งเป็นทุกข์นะ จริงหรือไม่ (จริง)
แต่ลืมลงแรงทำความเข้าใจที่ภายใน ถูกไหม (ถูก) ถ้าเข้าใจแล้วจะโกรธ จะปฏิบัติผิดไหม จะทุกข์ไหม (ไม่) ควรกลัวไหมความทุกข์ (ไม่กลัว) เพราะทุกข์ยังไม่แท้ สุขยังไม่จริง สู้ประคองใจให้นิ่งๆ และยอมรับความเป็นจริงอันเป็นกลางดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
ยึดติดความคิดว่าแบบนี้ดี อีกแบบหนึ่งก็จะไม่ดีในทันที ใช่หรือไม่ (ใช่) เราถามท่านว่า เวลาเราถูกลอตเตอรี่ เป็นสิ่งที่ดีใช่ไหม (ใช่) แล้วเวลาที่เราไม่ถูกลอตเตอรี่ เป็นสิ่งที่แย่ใช่หรือไม่ (ใช่) การถูกลอตเตอรี่บ่อยๆ ทำให้เราเสียเงินบ่อย ใช่ไหม (ใช่) แล้วการไม่ถูกลอตเตอรี่บ่อยๆ ทำให้เราไม่อยากจะเสียเงินแล้วใช่ไหม (ใช่) แล้วอะไรดีกว่าอะไร (การไม่เล่น) เหมือนกัน ถ้าเรารู้ว่า
เราเอาใจไปวางไว้กับคนที่เราเกลียด แล้วรู้สึกว่าเจ็บ เราก็ไม่ต้องเอาใจเรา
ไปวางไว้ที่เขา มนุษย์แปลกอยู่อย่างหนึ่ง อะไรก็เสียได้ ใช่ไหม (ใช่) จำไว้นะ
เสียภายนอก เสียแล้วดีขึ้น ก็เสียไปได้ แต่สำหรับใจ อย่าพยายามเสีย เพราะเมื่อเสียไปแล้ว จะเรียกกลับคืนมาใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้ารู้ เห็น มองแล้วจะรู้สึกว่า เสียใจ เราก็ต้องเห็นเหมือนไม่เห็น เหมือนมีแต่เหมือนไม่มี อย่างนี้จะ
ไม่มีผลกับใจ อย่าเอาใจไปเสียเด็ดขาด เพราะเมื่อเสียไปแล้ว จะเรียกกลับมาไม่ได้ จำไว้นะ อยู่ในโลกหากเสียเงินเสียทองแล้วดีขึ้นก็เสียไป แต่หากเสียที่ใจ เสียแล้วแก้ไม่ได้ หากผิดหวังแล้วจะให้กลับมาดีเป็นเรื่องที่ยาก ฉะนั้นพยายามอย่าให้ใจเสีย ถ้าเมื่อเห็นแล้ว จะรู้สึกเสียใจ จะรู้สึกทุกข์ใจ จะไม่สบายใจ อย่างนี้เราไม่ใส่ใจ จะดีกว่าไหม (ดี)
โดยส่วนใหญ่บางทีที่เราใจเย็น เพราะว่าเมื่อเราเย็นเราก็สุขใจถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นเมื่อเราใจเย็นเพราะเราไม่ได้หวังให้คนรัก แต่เราใจเย็นเพราะว่าเราไม่อยากเบียดเบียนใคร ไม่อยากทำร้ายใครให้เป็นทุกข์ จะทำให้เราโกรธคนยากขึ้น เขาสุขเราก็สุข เขาทุกข์เราก็ทุกข์ ฉะนั้นที่เราใจเย็นเราก็อยากเห็นเขามีสุข ไม่ใช่เพื่อให้เขามาชมเราว่าเราดี ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราก็คงโกรธน้อยลง แต่ท่านรู้ไหมว่าคนใจเย็นยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เป็นหนทางนำไปสู่การอยู่อย่างคนประเสริฐ มนุษย์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ผู้ประเสริฐ เราประเสริฐตรงไหน อารมณ์ร้อน ใช่ไหม (ไม่ใช่) ท่านรู้ไหมว่าคนที่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คือ คนที่มีธรรมอันประเสริฐ มีที่อยู่อันประเสริฐที่เรียกว่า ธรรม ฉะนั้น ถ้าเกิดเป็นคนแล้วเราใจเย็นไม่ได้ เราเอาแต่โมโห แปลว่าเราไม่ใช่คนประเสริฐ ผู้ใดก็ตามซึ่งสามารถรักษาซึ่งธรรมแห่งความใจเย็นได้ ผู้นั้นคือคนที่มีธรรมอันประเสริฐดำรงอยู่ และสามารถรักษาความบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหมในโลกได้ ท่านเคยเห็นพระพรหมสี่หน้าไหม (เคย) ไหว้ไหม (ไหว้) ไหว้เพราะขอ
เราลองมาดูคนที่เป็นพระพรหมของลูกได้ เราถามหน่อยว่าเวลาลูกเขาทำอะไรเราอยากให้เขามีสุขไหม (อยาก) ทำอะไรเขายิ้มได้เรามีสุขถูกไหม (ถูก) นั่นแหละเรียกว่าเมตตา หวังให้คนอื่นเป็นสุขโดยที่ตัวเองไม่สุขไม่เป็นไร ขอเขาได้สุขนั่นแหละ “เมตตา” และเมื่อไรที่ลูกทุกข์อยากให้เขาพ้นทุกข์ไหม
ลองมองดูให้ดีๆ ระหว่างความโกรธกับความใจเย็น ให้ผลแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนที่มักโกรธ หนีไม่พ้นเคราะห์กรรมเวรภัย ไม่มีใครรักจริง และไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ จริงไหม (จริง) แต่คนที่ใจเย็นมีเมตตา รู้จักเห็นใจผู้อื่น กลับนำสู่ซึ่งความร่มเย็น คนที่ชิดใกล้ก็อบอุ่น คนประพฤติปฏิบัติก็มีความสบายใจร่มเย็นใจ ฉะนั้นถ้ามนุษย์รู้จักยั้งคิดรู้จักควบคุมอารมณ์ได้ ความโกรธ
แต่บางทีคนบางคนก็น่าโกรธ จริงไหม (จริง) ถ้ายังตอบว่าจริงอยู่ ก็ยังแปลว่าหนีความโกรธได้ไม่พ้นนะ ถ้าเราบอกท่านว่า “ในโลกนี้ไม่มีสุขจริง ในโลกนี้ไม่มีทุกข์แท้” ท่านว่าจริงไหม (จริง) เชื่ออย่างนั้นเลยหรือ ถ้าเราพูดว่า ในโลกนี้สุขนั้นดี ทุกข์นั้นร้ายจริงๆ ท่านว่าใช่ไหม (ไม่ใช่) อย่างนั้นเราถามท่านหน่อยนะ เราพยายามแสวงหาความสุข แต่ทำไมในความสุขกลับให้ความทุกข์
มีสามีดีไหม ภรรยาน่ารักไหม มีเงินดีไหม สุขหรือทุกข์ พูดอย่างนี้
กลับกันถ้ามีคนชมมากๆ เหลิงไหม (เหลิง) แย่ไหม (แย่) แย่แน่ๆ เลยจริงไหม ก็จะไม่พัฒนาตัวเองต่อแล้วคิดว่าตัวเองดีแล้ว ใช่ไหม (ใช่) เราถามท่านว่า ถ้าเราเข้าใจความเป็นจริงในโลก อะไรหรือที่เรียกว่าสิ่งที่เราควรโกรธ อะไรหรือคือสิ่งที่เราเรียกว่าแย่จริงๆ และอะไรหรือคือสิ่งที่เราเรียกว่าสุข
ฉะนั้นที่สุดของความจริง ไม่ใช่การยึดติดถูกผิดดีร้าย แต่ที่สุดของความจริงสามารถทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้ คือ ความเป็นอิสระ ไม่ชอบและไม่เกลียดสิ่งใด เพราะทุกสิ่งล้วนมีดีและไม่ดี ไม่ต่างกัน ถ้าอยากเป็นอิสระและอยู่บนโลกได้อย่างคนที่เข้าใจความจริง ก็จะต้องไม่รักและไม่ชังอะไร
แล้วเมื่อนั้น ท่านจะเข้าใจพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ว่า “ความจริงคือสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน” โลกพอดีอยู่แล้ว แต่ใจของเราต่างหากที่ไม่เคยพอ มองอะไรก็จึงไม่ดี จริงไหม (จริง) เพราะความไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน เมื่อไม่เที่ยงแล้วอะไรหรือที่ร้าย จริงๆ เมื่อไม่แท้แล้วอะไรหรือที่ดีจริงๆ เมื่อไม่ทนแล้วอะไรหรือที่แท้จริง
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้รางวัลกับผู้ที่ตอบคำถาม)
อยากได้ผลไม้ ดอกไม้ หรือไม่เอาอะไรเลยดี (ไม่เอาอะไรเลย) แปลว่าไม่เอาอะไรเลยก็ดี จริงๆ ถ้าเราอยู่ในโลกนี้ได้แบบไม่เอาอะไรเลย แค่ยืมใช้ แล้วรู้จักปล่อยวาง เราก็คงไม่ทุกข์ แต่มีอะไรบ้างที่มนุษย์ข้องเกี่ยวแล้ว
(จิตที่ไม่ยึดติดว่าใช่หรือไม่ใช่) พูดได้ต้องทำได้ อย่างนั้นจะรับดอกไม้ดีหรือผลไม้ดี (ผลไม้ดีกว่า) ไหนบอกว่าไม่ยึดติดไง เห็นไหมพอถึงเวลา รู้กับปฏิบัติเรายังทำไม่ได้ ถูกไหม ถึงที่สุดแล้ว ถ้าเราเข้าใจหลักธรรม อะไรก็ดี ผลไม้หรือดอกไม้ไม่สำคัญ สำคัญที่คนได้รับสิ่งนั้นไป ใช่หรือไม่ (ใช่) เราจะบอกให้นะ ได้ดอกไม้ไปทุกข์น้อยกว่าผลไม้ เพราะได้ดอกไม้ไปไม่ค่อยมีใครจะขอเท่าไร จริงไหม แต่ได้ผลไม้ไปเขาต้องบอกว่า แบ่งกันบ้างสิ ใช่ไหม
(จิตใจที่เข้าถึงธรรมะ) เลือกผลไม้ดีหรือดอกไม้ดี ดอกไม้ก็ให้แง่คิดของดอกไม้ ทำอะไรทำให้เต็มที่เพราะถึงวันที่ร่วงโรยแล้ว ไม่มีแรงแล้วต่อให้อยากทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้แล้ว ฉะนั้นมีเวลาอย่าผัดวันประกันพรุ่ง ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะเราไม่รู้วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคนที่ยังชอบแอบไปสูบบุหรี่ จริงไหม
(ทางสายกลาง) คำตอบนี้คือคำตอบที่ถูกที่สุด ธรรมคือความจริง
อยากได้ดอกไม้หรืออยากได้ผลไม้ (ไม่อยากได้อะไรเลย) จริงๆ แล้วร่างกายเราก็ไม่ใช่ของจริง ตัวท่านก็ไม่จริง ถ้าจริงต้องไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แล้วเราเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน) ตอบว่า (ใจเราไม่มีวันไขว้เขว, ความจริงอันธรรมดา) ปรบมือให้นักเรียนในชั้นนี้ ล้วนตอบได้ดี ล้วนมีภูมิธรรม ไม่มากก็น้อย น่ายกย่อง
(คุณธรรม รู้พระคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนเรามา) มโนธรรมสำนึกเป็นสิ่งดีงามที่มีอยู่ในจิตใจ สิ่งนี้ขอให้รักษาและแผ่ขยายไปให้กว้างไกล เราจะไปอยู่ที่ไหนก็เป็นที่รักของคนอื่น
ล้วนตอบได้ดีทั้งอายุน้อยและอายุน้อยมาก รับผลไม้นี้ไปเพื่อเป็นมงคลกับชีวิตก็ได้นะ ถ้าชีวิตสามารถรักษาได้ในความคิดอันเป็นกลางตลอดก็ไม่มี สิ่งใดที่ทำให้เรารักมากและเกลียดมาก เมื่อเราไม่ตกเป็นทาสของกิเลส อารมณ์ เราก็ไม่ต้องกลัวความทุกข์ใช่หรือไม่ และเมื่อเรามองเห็นความเป็นจริงแห่งชีวิตความทุกข์ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ความเจ็บน่ากลัวไหม ความตายน่ากลัวไหม
เราอยากบอกท่าน บางครั้งความเจ็บดี ตรงที่มาเตือนเรา ให้เรารู้จักคุณค่า เวลา และการอยู่ร่วมกัน ดีกว่าตายโดยที่ไม่ได้สั่งเสียเลยนะ ใช่หรือไม่ (ใช่) เราจึงบอกว่าถ้าเรามองดูความเป็นจริงของชีวิตให้ดี ในโลกนี้ไม่มีอะไรร้ายถ้าใจเรารับไหว และในโลกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว ฉะนั้นถ้าวันนี้เราทำดีที่สุดพรุ่งนี้จะตาย ก็ไม่น่าห่วงใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้ายังกลัวตายแปลว่ายังไม่ดีใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฟังธรรมะวันนี้ยากเกินไปไหม (ไม่ยาก) การเริ่มต้นศึกษาปฏิบัติธรรมจึงไม่ใช่แค่เพียงสวดมนต์ไหว้พระทำบุญสุนทาน หลักธรรมที่แท้จริง คือการมีปัญญาเข้าถึงธรรมและนำพาให้ตนเองพ้นทุกข์ ฉะนั้นถือธรรมเพื่อประพฤติปฏิบัตินำพาให้พ้นทุกข์ ไม่ใช่ถือธรรมเพื่อหวังวอนขอและวนเวียนอยู่ในทุกข์ พอเข้าใจไหม โดยส่วนใหญ่มนุษย์ทุกคนมักเน้นปฏิบัติแต่ภายนอก
ที่เราโกรธเพราะเรายึดติดความคิดของเรา ถูกไหม (ถูก) เราใช้ความคิดของเราเป็นหลักใช่ไหม ฉะนั้นหากเราต้องการทำใจให้เป็นกลาง ก็ต้องเปลี่ยน (ความคิด) เพราะความคิดเป็นตัวกำหนดชีวิต เป็นตัวครอบงำจิตใจ ถ้าเรา
ท่านเคยได้ยินไหม พุทธะพูดบ่อยๆ ถ้าใจเราดีอะไรๆ ก็ดี แต่ถ้าใจเราแย่เมื่อเขาพูดอะไรก็แย่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเมื่อพบปัญหาอย่าเพิ่งจัดการเขา เมื่อพบปัญหาต้องจัดการตัวเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) เขาอยากได้ก็ได้ไป เขาอยากได้อะไรก็ให้ไป แต่ขออย่างเดียว อย่าใจเสีย เพราะถ้าเสียใจกับเขาแล้ว ก็เหมือนกับน้ำที่ไหลไปแล้วเรียกกลับไม่ได้ ด่าไปแล้วจะทำดีแค่ไหนก็ไม่ขึ้น ถูกไหม (ถูก) เกลียดไปแล้ว ผูกพันไปแล้ว สร้างเวรสร้างกรรมไปแล้ว ชาติเดียวก็ใช้ไม่หมด ท่านว่าจริงไหม (จริง) ฉะนั้นเห็นอะไรไม่ดี อย่าเพิ่งจัดการเขา แต่ต้องจัดการตัวเราเอง
เมื่อใจเราดีอะไรก็ดีขึ้นได้ เมื่อใจเราร้ายอะไรก็ดีไม่ขึ้น ฉะนั้นหน้าที่ของการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติประพฤติธรรมให้ถูกต้อง คือ ไม่ได้แก้ที่เขาแต่แก้ที่เรา ไม่ต้องไปว่าเขาแต่ควรว่าเรา ถ้าคิดแล้วเจ็บแล้วจะไปคิดทำไมให้เจ็บใจ อยู่กันแบบห่างๆ ห่วงๆ ดีหรือไม่ ใกล้เกินมันอึดอัด ชิดเกินไปหายใจรดกัน มันเหม็น มันร้อน ฉะนั้นอยู่ร่วมกันต้องมีระยะห่าง ทำอะไรต้องรู้จักระยะห่างแล้วเราจะได้ไม่เจ็บปวด รักษาระยะ ห่างอย่ายุ่งกับเขามากเกินไป เพราะถึงที่สุดทุกชีวิตล้วนมีหนทางของตนเอง เมื่อเราหวังให้เป็ดเป็นไก่ไม่ได้ เมื่อนั้นไก่ก็ไม่มีวันเป็นเป็ดได้ เราพูดตลกแต่มนุษย์ก็มักจะทำอะไรตลก รู้ว่าเขาได้แค่นี้ ก็ยังหวังว่าต้องมากกว่านี้ ต้องดีกว่านี้ นั่นคือหวังเป็ดเป็นไก่ ทั้งที่จริงๆ แล้วได้แค่นี้ก็ดีแล้ว มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีกนะ ด้วยการให้เวลาตัวเองมาศึกษาปฏิบัติธรรม ธรรมสอนให้คนมีปัญญา ฉลาดในการดำเนินชีวิตแบบไม่ทุกข์
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ สถานธรรมจินโจว อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ความสำเร็จในชีวิตทุกทุกอย่าง ล้วนแล้วสร้างมาจากใจทั้งสิ้น
คนยิ่งใหญ่ต้องรู้ละความเคยชิน คนติดดินรักเรียบง่ายจึงสูงส่ง
เราคือ
จี้กงอาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานจินโจว แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนตั้งใจฟังดีไหม
บำเพ็ญต้องลงแรงให้ดีดี มาให้เห็นบ่อยบ่อย บำเพ็ญต้องลงแรงให้ดีดี ทำให้เห็นสักหน่อย บำเพ็ญต้องทำใจ ให้ดีกับปัญหากร่อยกร่อย ทำบาปกันซะอร่อย ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้
บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี มาให้เห็นตลอด บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี ต้องทำให้ตลอด บำเพ็ญต้องตั้งใจให้ดี จึงจะไม่หายตลอด เมื่อไหร่ก็รู้ตลอด แต่ตอนนี้ไม่ไหว
* ศิษย์ก็เฝ้าแต่คิด แต่ไม่คิดจะตระหนัก คิดเป็นข้อไม่กี่ข้อก็ฟุ้งซ่าน จิตอ่อนไหวต้านไม่ไหวก็พลุ่งพล่าน เรื่องพื้นฐานใครไม่ดื้อหันเข้าบ้าน จิตเป็นอะไรบ้าง จะต้องหาเรื่องแก้ คนฝึกหัดแก้ไข วันหนึ่งวันใดคนเหนือคนแน่ ไม่ต้องถือไว้ตลอด ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้
** จะต้องอย่างนั้น จะต้องอย่างนี้ ที่จริงทำแล้วถึงไหน ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่อย่างนี้ ชีวิตแบกมาแสนไกล บำเพ็ญชีวิตบำเพ็ญหัวใจ ขอให้เบา
*** จะต้องอย่างนั้น จะต้องอย่างนี้ ที่จริงทำแล้วไม่ไหว ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่อย่างนี้ กลับทำมากมาย สรุปตัวเองบำเพ็ญเรื่อยไป ต้องลงแรงเพื่อการบำเพ็ญ
บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี มาให้เห็นตลอด บำเพ็ญต้องลงแรงถ้าให้ดี ต้องทำให้ตลอด บำเพ็ญต้องตั้งใจให้ดี จึงจะไม่หายตลอด เมื่อไหร่ก็รู้ตลอด แต่ตอนนี้ไม่ไหว (ซ้ำ *, **, ***)
ทำนองเพลง : รักติดไซเรน
ชื่อเพลง : ท่องหนึ่งถึงร้อยเอาไว้
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ใครอยากโดนพัดอาจารย์ตีหัวบ้าง เอาด้านสันตีหรือเอาด้านหน้าตี หรือเอามือตี ชีวิตถ้าเราคิดว่าอะไรก็ดี อะไรก็ได้ คงทุกข์น้อยลงจริงไหม ถ้าเราเรื่องเยอะเราก็ทุกข์เยอะจริงไหม (จริง) ถ้าเราเรื่องมากเราก็ทุกข์มากจริงไหม (จริง) ฉะนั้นถ้าเกิดบอกว่าอะไรๆ ก็ดี มันก็คงมีเรื่องง่ายๆ ขึ้นเยอะในชีวิตจริงไหม (จริง) แล้วเรายอมให้ชีวิตมันง่ายแบบนั้นไหมหนอ อาจารย์แค่ถามง่ายๆ นะ ถ้าสมมติว่าในชีวิตของเรามีสิ่งที่ใจเราคิดใจเรากำหนด แล้วถ้าเกิดใจเราคิดใจเรากำหนด แล้วเราบอกว่า ขอให้เราเป็นคนที่ทุกข์ยาก สุขง่ายดีไหม ศิษย์อาจารย์ชอบเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง ทำอะไรก็จะบอกว่า “เดี๋ยวก่อน” ถ้าเกิดความทุกข์มาศิษย์ก็บอกว่า “เดี๋ยวก่อน” ดีไหม (ดี) ทำไมถึงเวลาไม่เห็นทำอย่างนี้
คิดถึงกันไหม (คิดถึง) บางคนคงไม่คิดถึงอาจารย์แล้วใช่ไหม ออกจากห้องพระไปก็ลืมแล้วจริงไหม (ไม่จริง) จริงหรือ (จริง) อาจารย์ได้ยินว่ามนุษย์ในโลกปากหวาน แต่ก้นก็เปรี้ยว เป็นอย่างนั้นไหม หรือเป็นประเภทปากว่าตาขยิบ เป็นคนพูดได้และเชื่อได้ใช่ไหม (เชื่อได้) จริงหรือ (จริง) เรามาคุยปรับความคิดกันก่อน ถ้าพูดถึงธรรมะปฏิบัติธรรมไม่ใช่ให้ตัดทางโลกเลย ไม่ใช่ให้เราไม่รับผิดชอบทางโลกเลย ไม่ใช่ไม่ให้เรารับผิดชอบทางโลกแล้วมาปฏิบัติธรรมอย่างเดียว การปฏิบัติธรรมยังประกอบหน้าที่ของความเป็นคนอย่างถูกต้องสมบูรณ์ แล้วยังรู้จักปฏิบัติธรรมในสังคม และก็ยังเอาธรรมมาปฏิบัติเพื่อช่วยคนในสังคมใช่หรือไม่ (ใช่) ดังนั้นเข้าใจให้ถูกต้องว่าการมาบำเพ็ญธรรมไม่ใช่ตัดทางโลกแล้วไม่สนใจทางโลก แต่ยังรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้ดี และยังรู้จักมีน้ำใจที่จะช่วยเหลือผู้คนด้วยการเอาธรรมมาใช้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ดังนั้นเรามารู้จักกันก่อนได้ไหม
“ความสำเร็จในชีวิตทุกทุกอย่าง ล้วนแล้วสร้างมาจากใจทั้งสิ้น
คนยิ่งใหญ่ต้องรู้ละความเคยชิน คนติดดินรักเรียบง่ายจึงสูงส่ง”
ทำอะไรต้องทำด้วยใจใช่ไหม (ใช่) แต่ในใจนั้นเมื่อเราทำอะไรสักอย่างแล้ว เราต้องไม่คิดว่าเป็นเพราะเราคนเดียว แต่เรื่องราวในโลกหลายๆ อย่างสำเร็จได้ เพราะต้องเกิดจาก ความร่วมแรงร่วมใจของทุกๆ คน ไม่ใช่มีเราแล้วถึงสำเร็จได้ ไม่ใช่ขาดเราแล้วมันจะไม่สำเร็จ ถูกหรือไม่ (ถูก) จะยิ่งใหญ่ขนาดไหน หรือจะเล็กกระจ้อยร่อยขนาดไหน สิ่งที่สำคัญก็คือไม่ถือตัว ต้องไม่สำคัญตัวเองผิด เก่งแค่ไหนก็ต้องอาศัยคนที่ไม่เก่ง ฉลาดแค่ไหนก็ยังต้องอยู่ร่วมกับคนที่ไม่ฉลาดให้ได้ อยากอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ตัวเองสบายแล้วไม่คิดถึงคนอื่นได้ด้วยหรือ ถ้าทำให้คนอื่นเขาเป็นทุกข์ เดี๋ยวเขาก็ทำให้เราทุกข์เหมือนกัน จริงไหม (จริง)
(พระอาจารย์เมตตาเปรียบเทียบ ความแตกต่างทางโลกและธรรม)
โลก
วุ่นวาย
สุข ทุกข์
ลำเอียง
ธรรม
ความสงบ / จบ
พ้นทุกข์
เป็นกลาง
เรานั่งฟังธรรมะมาตั้งนานแล้ว แต่บางทีเราก็ยังมองเห็นคำว่า “ธรรม” ไม่ชัดเจน มนุษย์มักชอบการเปรียบเทียบ ดังนั้นอาจารย์จึงนำการเปรียบเทียบมาทำให้เรามองเห็นอย่างชัดเจนขึ้น
โลกคือความวุ่นวาย ธรรมคือความสงบ โลกคือสิ่งที่มีทั้งความสุขและความทุกข์ มีดีและชั่ว แต่ธรรม คือ การพ้นทุกข์ ดีอย่างแท้จริง ดีแบบไม่กลับกลาย ไม่ใช่ดีหนึ่งวันแล้วก็ร้ายอีกหนึ่งวัน ดังนั้นคนที่ปฏิบัติธรรมก็ต้องเป็นคนที่ดีแท้ๆ ถ้าเราบอกว่าเราปฏิบัติธรรม แต่ความจริงเรายังดีบ้างไม่ดีบ้าง แปลว่าเรายังไม่ใช่คนที่ปฏิบัติธรรม อย่างนี้เห็นชัดขึ้นไหม (ชัด) อย่างนี้คนที่ปฏิบัติแบบสามวันดีสี่วันร้าย ก็แปลว่ายังไม่ใช่คนที่เข้าถึงธรรม ตอนนี้รู้กันแล้วว่าปฏิบัติธรรม เขาปฏิบัติอย่างไร ดังนั้นคนที่ประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วมีธรรมจริงๆ นั้น ยิ่งอยู่ในโลกก็ยิ่งสงบไม่วุ่นวาย ยิ่งอยู่ในโลกก็ยิ่งต้องพ้นทุกข์ ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ปฏิบัติธรรมจริงๆ แล้ว ดีต้องดีแท้จริง ไม่ใช่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นตอนนี้อาจารย์ถามศิษย์จริงๆ ว่า ปฏิบัติแล้วไปทางโลกหรือไปทางธรรม (ไปโลก, ไปทางธรรม) ศิษย์บอกว่าไปทางธรรม แต่ก็เอียงเอนไปทางโลกเล็กๆ นะ ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นอาจารย์อยากบอกว่า คนปฏิบัติธรรมเขาควรยิ่งปฏิบัติยิ่งเข้าสู่ทางสายกลาง ไม่ใช่รักลำเอียง ไม่ใช่เอียงซ้ายเอียงขวาใช่ไหม (ใช่) แล้วใจเราตรงหรือใจเราเอียง (ตรง) ดังนั้นถ้าพูดถึงธรรมคือความเป็นกลาง อะไรที่ทำให้เรากลับสู่ความเป็นกลางนั้นเรียกว่าธรรม และธรรมคือความเป็นเช่นนั้นเอง ถูกหรือไม่ (ถูก) อาจารย์ถามศิษย์ว่า ศิษย์เคยเจอคนที่ขี้เกียจตัวเป็นขนไหม (เคย) เดินไปเดินมาอยู่นั่น เราก็ทำเข้าไป เขาจะเดินลอยไปลอยมาแล้วก็พูดว่า “แกต้องทำอย่างนั้นสิ แกต้องทำอย่างนี้” แต่ไม่เห็นเขาทำสักอย่างเลย เขาดีแต่พูด ใช่ไหม (ใช่) ถ้าวันหนึ่งเราขยันแล้วเจอคนขี้เกียจ ทำอย่างไรให้ใจเราเป็นธรรมไม่เป็นโลก ถ้าวันหนึ่งเรารับผิดชอบหน้าที่แต่คนเอาเปรียบ ทำอย่างไรให้ใจเรามีธรรมไม่มีโลก เคยเอามาใช้จนเกิดธรรมบ้างไหม (เคย) ทำอย่างไรหรือ (ทำด้วยตัวเอง) เขาไม่ทำเราก็ทำเอง
(เราต้องตั้งใจทำ) ใช่ โดยส่วนใหญ่ถ้าเราขยัน เรามีความรับผิดชอบต่องาน แล้วเราอยากมีหัวใจที่มีธรรม ไม่อยากมีหัวใจที่เป็นโลก เพราะเป็นโลกแล้วมันรก มันวุ่นวาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเราเป็นคนขยันแต่เจอคนขี้เกียจ แล้วเราด่าไหม ไม่ด่าทางปากแต่ด่าในใจไหม ถ้าเราปฏิบัติธรรมทั้งข้างนอกและในใจ เราต้องเอามาทำให้มันสงบ ศิษย์รู้ไหมว่าสิ่งที่น่ากลัวในตัวมนุษย์ที่น่ากลัวมากที่สุดคือ มโนกรรม เพราะมันเป็นตัวชักพาชีวิตและความคิดให้เกิดการกระทำ และส่งผลเป็นกรรม ฉะนั้นเราปฏิบัติธรรมอย่าเก่งแค่ปฏิบัติภายนอก แต่เราต้องเอาธรรมมาควบคุมใจเราได้ มายั้งใจได้ จำไว้เลยนะศิษย์ ธรรมแปลว่าสงบ สงบแปลว่าจบ จบแปลว่าไม่ต่อแล้ว ถ้าต่อแปลว่าอยากเกี่ยวกรรม ถ้าต่อแปลว่าอยากมีกรรมไม่อยากมีธรรม แล้วเราต่อไหม เกี่ยวกรรมเสร็จแล้วยังลากกรรมมาให้คนเขาร่วมเวรร่วมกรรม ก็ให้เพื่อนช่วยวิพากษ์วิจารณ์แล้วเราก็สะใจว่าเราคิดถูก แบบนี้เรียกว่าตอกย้ำความยึดมั่นถือมั่น และยึดกรรมเข้าไปอีกจริงหรือไม่ พูดแล้วทำให้คนที่โดนว่าดีขึ้นได้เพราะเราพูดไหม (ไม่ได้) ถ้าอยากเข้าใจธรรมง่ายๆ อยากปฏิบัติธรรมง่ายๆ เริ่มตรงนี้ ธรรมแปลว่าสงบ จบ และพ้นทุกข์ ถ้าคิดแล้วยังทุกข์ไม่ต้องคิดดีไหม หน้าที่ปฏิบัติธรรมก็คือทำตัวเองก็พอ ถ้าตัวเองได้ดีเดี๋ยวมันก็ไปสะท้อน สะเทือนใจคนอื่น สอนโดยไม่ต้องพูดดีกว่าพูดจนปากเปียกปากแฉะ แต่เขาก็ไม่ทำ
ฉะนั้นเริ่มต้นการปฏิบัติธรรม ถามใจตนเองก่อน ทำแบบนั้นแล้วมันสงบไหม ถ้าสงบเรียกว่าใจมีธรรม ทำแบบนั้นแล้วพ้นทุกข์ไหม ถ้ามันพ้นทุกข์ด้วยสงบด้วยแล้วดีด้วย ก็ยิ่งกว่าการปฏิบัติธรรมทั้งนอกและในอีกจริงไหม(จริง) แต่เราเป็นแบบดีนอกแต่ข้างในร้ายไหม
อาจารย์ให้กลอนยาวจนลืมหันมาคุยกับศิษย์เลย ให้คุยต่อดีไหม (ดี) อย่างนั้นอาจารย์ถามต่อว่า เราอยู่ในโลกเราทุกข์ไหมศิษย์ (ทุกข์) ทุกข์ไม่ทุกข์ (ทุกข์) แปลว่ายังไม่ค่อยทุกข์เท่าไรนะ ยังยิ้มได้ จริงๆ แล้วทุกข์ไหม (ทุกข์) มีทุกข์บ้างไม่ทุกข์บ้าง สลับกันไป ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วตอนนี้ทุกข์ไหม ง่วงไหม กินข้าวเหนียวมากท้องตึง ทุกข์หรือไม่ทุกข์ (ไม่ทุกข์) ไม่ทุกข์ แต่จริงๆ ก็ทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนั้นเราทุกข์กายหรือทุกข์ใจ (ทุกข์กาย, ทุกข์ใจ)
ส่วนใหญ่กายจะทุกข์เพราะเป็นโรค ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ใจทุกข์เพราะมีปัญหา โดนว่าก็ทุกข์ โดนเขาเอาเงินไปไม่คืนก็ทุกข์ สามีไม่รักก็ทุกข์ ภรรยาหนีไปก็ทุกข์ มนุษย์มีทุกข์ทางใจเยอะแยะไปหมด แล้วเวลาเราทุกข์ใจ มันทุกข์หรืออะไรมาทำให้เราทุกข์ (ความคิด) สิ่งที่ทำให้ทุกข์คืออะไร เหมือนเราทำงานแต่เพื่อนขี้เกียจ เราทุกข์เพราะความคิด เหมือนเราทำงานแล้วเราคิดว่าต้องได้กำไร แต่บังเอิญมันขาดทุน เราทุกข์เพราะความคิด อาจารย์ถามหน่อย เป็นเพราะเขาทำให้เราทุกข์หรือทุกข์เพราะใจเรา (ใจเรา) หรือว่าเขาไม่ดีดั่งใจเรา หรือเหตุการณ์ไม่เป็นดั่งใจเรา หรือสิ่งที่เราคาดหวังมันไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าใจเราไม่คิดอะไรเลย อะไรจะเกิดเราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์) ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้ใจทุกข์คือความคิด ถ้าเราจัดการความคิดได้เราก็สิ้นทุกข์ได้ ถ้าเราควบคุมความคิดได้ ความคิดก็ไม่ทำให้เราทุกข์ได้ ทุกวันนี้ที่เราทุกข์อยู่ก็เพราะพยายามทำอย่างไรให้เราไม่ต้องคิด จริงหรือไม่ (จริง) เราจะเป็นบ้าตายก็เพราะความคิด ใช่หรือไม่ (ใช่) เรานอนไม่หลับก็เพราะเรายังคิดไม่ตกใช่หรือไม่ (ใช่) เห็นชัดหรือยัง สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ไม่ใช่ใจ แต่เป็นเพราะความคิดที่ครอบงำใจ และบังคับใจ แล้วเมื่อเราไหลไปตามความคิด เราก็ง่ายต่อการตกเป็นทาสของกิเลส อารมณ์ เพราะความคิด ง่ายต่อการเข้าข้างตนเอง เมื่อเป็นเพราะความคิดก็ง่ายมากที่จะโทษคนอื่นไม่โทษตนเอง แล้วความคิดก็ชอบที่จะมองตามในสิ่งที่ตนเองอยากได้ แต่ไม่มองความจริง ฉะนั้นตัวปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใจ แต่อยู่ที่ความคิด ใจไม่มีปัญหา แต่ความคิดต่างหากที่มีปัญหา แล้วความคิดมาจากไหน ความคิดมาจากความรู้ความเข้าใจที่เราสะสมเป็นตัวตนของเรา สิ่งที่ผ่านเข้าออกในใจของเราเป็นความคิดนั้นมาจากการสะสม เมื่อมีความคิดผ่านเข้าออก แล้วกระทบกับอารมณ์จึงกลายเป็นกิเลส ฉะนั้นความคิดที่เราสะสมจนกลายเป็นความรู้แล้วเรียกว่า “ใจ” ของเรานั้นจะไม่เหมือนกัน คนหนึ่งก็รักอย่างนี้ ส่วนอีกคนหนึ่งก็รักอย่างนั้น คนหนึ่งก็คิดว่าแบบนี้ถูกต้อง แต่อีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ใช่ ต้องแบบนั้นจึงจะถูก ฉะนั้นเราไม่ได้มีปัญหาทางใจ แต่เรามีปัญหาทางความคิด ความคิดไม่ลงตัวกัน เมื่อทะเลาะกันใจแม่กับใจลูกยังเหมือนเดิม ใจแม่ยังรักลูกอยู่ แต่ความคิดของแม่กับลูกเพียงไม่ตรงกัน ฉะนั้นต้องแยกให้ออก หากเราแยกออก เราก็จะเกลียดใครไม่ลง เพราะเราเกลียดที่ความคิดไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) ผิดไหมที่เขาคิดแบบนี้ (ไม่ผิด) แล้วผิดไหมที่เขาคิดแบบนั้น (ไม่ผิด) แล้วผิดไหมที่เราคิดแต่อย่างนี้ (ไม่ผิด) ก็เพราะว่าไม่เคยคิดเลยว่าเราคิดผิด ก็เลยไม่แก้ความคิดของตนเอง แล้วก็มาทะเลาะกันอย่างนี้ จริงไหม (จริง) เมื่อไรเราจะควบคุมความคิดให้เราไม่ทุกข์ รู้ไหมว่าอะไรช่วยให้เราควบคุมความคิด และก็ทำให้เราไม่ทุกข์ได้ ท่านบอกว่าให้เอา “สติ” มาดึงเราให้กลับมาสู่ความเป็นกลางและหยุดกิเลสไม่ให้มันเติบโต เหมือนเราทำอะไรผิดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่คิดไม่รอบคอบ คิดแบบขาดสติใช่หรือไม่ (ใช่) เขาด่ามาเราด่ากลับ เขาโกงมาก็โกงเขาเลย ลืมตัวไปจึงร้ายไป ใช่หรือไม่ (ใช่) ความคิดมาปุ๊บก็ทำไปทันทีโดยเราไม่มีสติยับยั้งถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นถ้าอยากมีธรรมต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความคิดของคน เพราะความคิดของคนง่ายที่จะติดในอารมณ์กิเลส และอารมณ์กิเลสก็มาจากการเข้าออกของความคิดที่ยึดติด ชอบชัง ฉะนั้นเมื่อไรมนุษย์ดึงความชอบชังออกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่าเทียมกัน ถ้าเมื่อไรที่เอาชอบชังเข้าไปใส่ เราเริ่มแบ่งแยกว่า คนนี้หัวดำคนนั้นหัวขาว คนนี้หล่อคนนั้นน่าเกลียด คนนี้เหี่ยว คนนั้นไม่เหี่ยว เพราะเอาตัวตนเป็นบรรทัดฐานในความคิด ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเรามีสติควบคุมและระงับความคิดได้ ความคิดก็จะไม่เกิด
ศิษย์เอ๋ยเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมว่า “บำเพ็ญธรรมเพื่อเป็นพุทธะ” (เคย) แล้วพุทธะแปลว่าอะไร (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) และเราก็เป็นพุทธะได้ถ้าเรารู้ ฉะนั้น “การมีสติ แปลว่า การระลึกรู้ รู้ตัวรู้ตน” การเป็นพุทธะก็เป็นผู้รู้ ถ้าเราหาตัวรู้ได้เจอและไม่ขาดสาย รู้อย่างต่อเนื่องกับอาการของความคิดที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป แล้วไม่ไหลไปตามกิเลสอารมณ์นั้น แปลว่าเรากำลังดำเนินตามหนทางของความเป็นพุทธะตื่นในตัวเอง ตื่นแล้วพ้นทุกข์ ตื่นแล้วไม่ตกเป็นทาสของกิเลสอารมณ์ ศิษย์อยากมีเวรไหม แล้วศิษย์อยากจองเวรจองกรรมใครไหม (ไม่) อยากอยู่แบบจบกรรม อยู่แบบคนมีบุญร่วมกันถูกไหม แล้วเวลาเขาด่ามาแล้วเราด่ากลับนี่มีบุญร่วมกันหรือมีกรรมร่วมกัน เรากำลังสร้างกรรมหรือกำลังสร้างบุญ ทำไมไม่เอาคำด่าของเขามาชำระล้างให้เราเกิดบุญ ทำไมเอาคำด่าของเขามาทำให้ตัวเองเกิดบาปทั้งๆ ที่ตัวเองก็ชอบทำบุญ ชอบหาความสงบไม่ใช่หรือ แล้วพอถึงเวลาไม่เห็นสงบเลย ศิษย์จำไว้นะ อารมณ์โลภ โกรธ หลง มันไม่มีตัวตน และมันชอบคนใส่ใจและแยแส แต่ถ้าเมื่อไหร่เราไม่ใส่ใจและแยแเส เดี๋ยวมันก็หายไปใช่หรือไม่ หากความโกรธมาแล้วเราใส่อารมณ์เข้าไปอีกก็เท่ากับยิ่งเติมเชื้อไฟ
การฝึกสติไม่ได้ฝึกตอนที่ไม่มีใครด่า นั่งเงียบๆ ท่องพุทธโธๆ แต่การฝึกสติและสมาธิคือตอนโดนเขาด่า ตอนโดนเขาว่า ตอนโดนเขากดขี่ ตอนโดนเขาเอาเปรียบ แล้วเราสามารถรักษาความดีและไม่หวั่นไหวแล้วทำความเห็นแจ้งในธรรมได้ นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรมสุดยอด อะไรมาก็ให้แค่รู้ รู้แล้วอย่าเผลอไปเป็นมัน อย่าเผลอไปมีมัน มีตัวตนก็ทุกข์เพราะตัวตน มีลูกก็ทุกข์เพราะลูก มีความอยากก็ทุกข์เพราะความอยาก เป็นแม่ก็ทุกข์อย่างคนเป็นแม่ เป็นพ่อก็ทุกข์อย่างคนเป็นพ่อ แต่ก่อนเราเป็นลูก ตอนนี้เรากลายเป็นพ่อ สักพักหนึ่งเราไปทำงานเรากลายเป็นเพื่อน จบจากที่ทำงานแล้วเรากลายเป็นคนแก่อยู่บ้าน เราเคยมีอะไรเป็นของเราจริงบ้าง แล้วเราควรยึดไหม
ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์กับสิ่งที่มี เราก็จงจำไว้ว่า ทุกสิ่งมันมาแค่ให้เรารู้ รู้แล้วอยู่ร่วมกันอย่างไม่ทุกข์ ด้วยการมีก็เหมือนไม่มี อยู่อย่างมีบุญดีกว่าอยู่อย่างมี (บาป, กรรม) ด้วยการรู้จักมีสติเท่าทันความคิด อย่ายึดติดความคิดอย่างตายตัวพลิกแพลงไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่ทำให้ศิษย์ทุกข์ไม่ใช่คนอื่น แต่คือความคิดเราเอง
ฉะนั้นสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติเริ่มต้นอย่างแรกเราต้องละบาปให้ได้ก่อน ถ้าละบาปไม่ได้ก็บำเพ็ญบุญไม่ได้ ถึงบำเพ็ญบุญแค่ไหน แต่ถ้าบาปไม่ละมันก็ไม่เรียกว่าบุญ
(พระอาจารย์เมตตาให้ผลไม้ผู้ดูแลสถานธรรมและผู้มีส่วนร่วมในการสร้างสถานธรรมแห่งนี้)
ห้องพระนี้สวยไหม ปาดเหงื่อไปกี่รอบ เหนื่อยไหมทุกคน อาจารย์ขอให้กำลังใจฐันจู่ที่ดูแลที่นี่ด้วยนะ อาจารย์ฝากดูแลห้องพระนี้ที่ศิษย์ตั้งใจกันด้วยนะ เริ่มต้นเสียสละแล้วไปให้ถึงที่สุด กลอนนำที่ท่านหลันต้าเซียนให้ อาจารย์อยากส่งให้ถึงใจศิษย์ เป็นทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยคน เป็นน้ำดับความร้อน เป็นร่มเงาดับความทุกข์เข็ญ เป็นเรือนำพาส่งผู้คนให้พ้นทุกข์ แต่ต้องเริ่มจากใจที่อุทิศเสียสละ อาจารย์ให้สับปะรดแล้วกันนะความหมายจะได้รุ่งเรือง ยิ่งให้อย่ายิ่งยึดติด ยิ่งให้ยิ่งต้องปล่อยวางให้ได้ ให้เหมือนไม่ได้ให้ ยิ่งให้ยิ่งกว้างใหญ่ ใช่หรือไม่ มุ่งมั่นไปให้ถึงที่สุด ดูแลสถานธรรมนำพาผู้คนด้วยจิตใจเบิกบาน ไม่ว่าเขาจะมาอย่างไรต้องให้เขาออกไปด้วยความสุข ออกไปด้วยความร่มเย็น ขอให้ที่นี่เป็นดั่งที่กลอนอาจารย์ให้ “ร่มไม้ใบบัง” ใครก็อยากเข้ามา ทุกข์แค่ไหนพอมาอยู่ที่นี่ก็เย็นสบาย อาจารย์มีอีกหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง บอกคนที่ร่วมแรงร่วมใจจนทำให้วันนี้ประสบความสำเร็จได้ อาจารย์ฝากผลไม้ไปแจกด้วย คนที่ต้องเหนื่อยยาก เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย) ไม่เหนื่อยและยิ่งต้องเข้มแข็งด้วย จริงไหม (จริง) ผ่านไปได้สำเร็จด้วยดี ยกนิ้วให้ ศิษย์ของอาจารย์เก่ง ทำได้ในสิ่งที่ยากทำ ทนในสิ่งที่ยากทน ศิษย์เอ๋ย อาจารย์ถามจริงๆ ให้เราควักเพียงหนึ่งร้อยบาท เราคิดไหม คิดใช่ไหม แล้วนี่มากกว่าหนึ่งร้อย แล้วต้องลงทั้งแรง ลงทั้งเงิน และลงใจด้วย ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย อาจารย์จึงขอนับถือน้ำใจของศิษย์ทุกคนที่ทำจนห้องพระนี้ประสบความสำเร็จ งดงามได้ ฉะนั้นเมื่อพบสิ่งยากลำบาก ขอให้จดจำวันนี้ไว้ วันที่เราสำเร็จ วันที่เราทำได้ ทำในสิ่งที่เราไม่คิดว่าเราจะทำได้ ใช่ไหม (ใช่) ตอนที่สร้างก็คิดว่าจะเสร็จเมื่อไร จะมีเงินไหม แต่เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ภูมิใจ ได้ทำในสิ่งที่เราไม่คาดว่าจะทำได้ อย่างนี้อาจารย์จะมอบอะไรให้ดี ถ้าเป็นลูกอมก็เดี๋ยวฟันจะพุ ถ้าเป็นขนมก็เดี๋ยวจะอ้วน ไม่รู้ว่าจะให้อะไรศิษย์ดี อย่างนี้ให้ส้มโอแล้วกัน รู้ว่ากินแอบเปิ้ลเบื่อแล้ว เอาส้มโอและแตงโมไปแบ่งกัน กว่าจะสร้างเสร็จต้องใช้หลายคน รู้ว่าหนักก็ยังสู้ต่อ รักษาใจนี้ไว้นะ
ศิษย์เอ๋ย อาจารย์อยากบอกศิษย์ว่า อย่าดูถูกความสามารถและคุณค่าความดีงามในตัวเอง มนุษย์หากได้ตั้งใจทำอะไรดีๆ มักทำได้ดี ดีที่หนึ่ง ดีอย่างแน่แท้ด้วย ศิษย์อาจไม่ต้องเชื่ออาจารย์ก็ได้ แต่ขอเพียงศิษย์เชื่อศรัทธาความดีในใจตน เกิดเป็นคนนะศิษย์ บุญบารมีใครๆ ก็อยากได้ แล้วรอให้ฟ้าประทานหรือเราจะสร้างเอง (สร้างเอง) แล้วการทำบุญบารมีจะทำด้วยวิธีอย่างไร จิตที่มีแต่ให้ ศิษย์รู้ไหมว่า ธรรม คือ ความโปร่ง โล่ง เบา จิตที่เอามีแต่หนัก แต่จิตที่ให้นั้นเบา โล่ง เหมือนอย่างนี้ ของมีเพียงชิ้นเดียว แย่งกันไปแย่งกันมา อย่างนี้เหนื่อยไหม เกลียดไหม (เหนื่อย, เกลียด) ถ้าเราคิดง่ายๆ ก็ถ้าเขาอยากได้ก็ให้เขาไป เราก็รู้สึกโล่งทันที ถ้าแย่งกัน ชิงชังด่าว่ากันแทบตาย เมื่อถึงเวลาก็เอาไปไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นในเรื่องของธรรมะสามารถใช้ได้ในทุกอย่าง เรื่องศีลไว้สำหรับละบาป เรื่องคุณธรรมไว้สำหรับประกอบกิจในการดำรงความเป็นคน อยู่ให้มีคุณธรรมมีบุญบารมี ศิษย์อยากไปอยู่ที่ไหนใครๆ ก็รัก เคารพนับถือ และให้เกียรติไหม (อยาก) อย่างนั้นเราควรปฏิบัติอย่างคนที่มีธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีเมตตายากไหม เป็นคนพูดแล้วรักษาคำพูดยากไหม แต่เป็นคนชอบด่าคนอื่น ชอบจับผิดคนอื่น ชอบกินแรงคนอื่นดีไหม ชอบพูดมากแต่ไม่เคยทำเลยดีไหม แล้วเราเป็นไหม ฉะนั้นการที่เราต้องมีคุณธรรมไว้ ก็เพื่อยับยั้งจิตที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง และส่วนที่เราต้องมีศีลธรรมก็เพื่อยับยั้งไม่ให้เราก่อบาป เราชอบทำบาปไหม ยุงมาตบไม่ตบ มดมาบี้ไม่บี้ แมลงสาบมาเหยียบไม่เหยียบ เกิดเป็นคน สิ่งที่ดีที่สุดในการทำบุญก็คือไม่สร้างบาปเลย แล้วบาปที่เราไม่ควรทำมากที่สุดคือ การเบียดเบียนชีวิตคนอื่นเพื่อชีวิตตัวเอง
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “ร่มไม้ใบบัง”)
ต้นไม้นั้นต้องมีใบบังได้ ปกคลุมได้ ต้นไม้นั้นจึงร่มเย็น ตัวศิษย์ไปอยู่ที่ไหนแล้วมีแต่คนอยากใกล้ชิด แปลว่าคนนั้นเป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วร่มเย็น แล้วศิษย์เป็นประเภทนั้นหรือเปล่า ฉะนั้นคำว่าร่มไม้ใบบัง ความหมายโดยนัยก็คือความร่มเย็น ร่มไม้ใบบังในความหมายนี้มีกลอนซ้อนอยู่ ลองอ่านดูแล้วลองไปทำความเข้าใจให้ละเอียดดีไหม (ดี)
ขอให้เป็นเกียรติบัตรที่นี่และประทับไว้ที่นี่ ขอให้เป็นสถานธรรมที่ใครเข้ามาก็คลายความทุกข์ร้อน ขอให้เป็นสถานธรรมที่ใครเข้ามาก็ช่วยดับความทุกข์ในใจผู้คนได้ ทำให้ได้ในทุกที่นะ ขอให้เราเป็นคนที่ใครอยู่ใกล้แล้วอบอุ่น ใครอยู่ใกล้แล้วไม่ทุกข์ร้อน
มนุษย์ทุกข์เพราะความคิด ฉะนั้นต้องรู้จักมีสติกำกับ มีสติคอยดึง ดังนั้นถ้ามีสติคอยดึง เมื่อมีอะไรผ่านเข้ามาในความคิด มีอะไรผ่านเข้ามาในใจเรา เราก็ได้แค่รู้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่จะทำอย่างไรให้แค่รู้แล้วจบ บางครั้งเราไม่แค่รู้ เราจะเป็นประเภทแบบว่ารู้แล้วเราชอบตัดสิน รู้แล้วเราชอบเปรียบเทียบ ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้แล้วเราชอบมองยึดติด รู้แล้วเราไม่ยอมจบ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นเวลาเจออะไรที่ผ่านเข้ามาไม่ใช่ไปกระทบกายแล้วไปกระทบใจ แต่เมื่อกระทบกายแล้วจิตต้องแค่รู้แล้วไม่ตัดสินได้ไหม (ได้)
(พระอาจารย์เมตตาหยิบกล้วยและส้มขึ้นมา)
อันไหนดีกว่ากัน (กล้วย) เห็นไหมว่าความคิดคนมันไว ศิษย์เอยอะไรมันก็ดี จริงไหม (จริง) นี่แหละนิสัยที่น่ากลัวของมนุษย์ ชอบยึดติด ชอบตัดสิน จึงทำให้เราไม่สามารถมองเห็นความเป็นจริง ใช่หรือไม่ ศิษย์เคยไหม เวลาเจออะไรมากระทบใจ ขอให้นิ่งให้ถึงที่สุดแล้วความจริงจะปรากฏ ไม่ต้องตัดสิน ไม่ต้องให้ค่า ไม่ต้องยึดติด มองตามความเป็นจริง เหมือนอาจารย์ถามว่ากล้วยหรือส้มดีกว่าถ้ายึดติดความหมายเราก็ชอบกล้วย แต่ถ้าจะกินก่อนกินข้าวเราก็คงเลือกส้ม ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถามว่าอะไรดีที่สุดในชีวิต เวลาเราเจออะไรที่ไม่ดีของเขา (พระอาจารย์เมตตาให้อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมออกมา 2 ท่าน) เห็นอะไรชัดไหม เราอดตัดสินไม่ได้นะ ความคิดมันไว แค่มองเห็นก็คิดแล้วว่า คนนี้จะสูงไปไหนเนี่ย แต่พอมองเห็นอีกคน ทำไมอ้วนอย่างนี้ เตี้ยจังเลย เห็นไหมว่าความคิดมันไว ถูกไหม (ถูก) อย่าบอกนะว่าในใจศิษย์ไม่คิด ฉะนั้นแค่รู้แต่ไม่ตัดสิน แค่รู้แต่ไม่ยึดติด เพราะทุกสิ่งเกิดแล้วมันก็จะจบทันที แต่ถ้าบอกว่าคนนี้สูงยาวเข่าดีได้ก็ดีนะ คนนี้อ้วนคงไม่ไหวท่าทางจะกินจุไปนะ มันเลยไม่จบเลยถูกไหม ฉะนั้นความโลภ โกรธ หลง จะไม่เกิดในจิตใจศิษย์เลย ถ้าศิษย์สามารถมีสติรู้แต่ไม่ตัดสิน อารมณ์จะไม่เกิดขึ้นทันที ถูกไหม (ถูก)
เริ่มต้นบำเพ็ญธรรมต้องมีศีลเพื่อละบาป มีคุณธรรมเพื่อสร้างบุญบารมี รู้จักจิตตนเอง ฝึกจิตตัวเองด้วยคุณธรรม เรียกว่าสัจธรรมเพื่อรู้แจ้งและพ้นทุกข์ ธรรมมีสามกองแค่นี้เอง กองหนึ่งคือกองละบาป กองหนึ่งคือกองบำเพ็ญบุญ อีกกองหนึ่งคือเข้าถึงความบริสุทธิ์ รู้แจ้งถึงความเป็นจริงและนำพาให้ตนเองพ้นทุกข์ ที่เรียกว่า ศีลธรรม คุณธรรม และปัญญาธรรม มีโอกาสคงได้มาร่วมบุญกันอีกดีไหม เป็นบุญที่สร้าง เป็นบุญที่ร่วมกันศึกษาแล้วก่อเกิดปัญญา มีความตื่นรู้และพ้นทุกข์ ฉะนั้นมีโอกาสหมั่นให้ตัวเองมาเพิ่มปัญญาธรรม ด้วยการเสียสละ ละวางทางโลก วันนี้ถ้าไม่รู้จักฝึกหัด วันหน้าเราจะหัดทำใจไหวไหม
ใกล้ปีใหม่แล้วใครๆ ก็อยากให้อาจารย์อวยพร อาจารย์ไม่ขอให้แข็งแรง ไม่ขอให้ร่ำรวย แต่อาจารย์ขอให้ศิษย์มีปัญญารับมือกับทุกปัญหาเรื่องราวในความเป็นจริงของโลกด้วยสติและหัวใจที่กล้าหาญ เพราะในชีวิตเราเลือกไม่ได้ที่จะต้องเจอแต่สิ่งที่ดี บางครั้งถ้าเราไม่ดี ขอให้ศิษย์สู้ให้ไหว รับให้ได้ ไม่ว่าโลกมันจะพลิกไปขนาดไหน ขอให้พลิกใจตนเองให้เป็น ยกตัวเองให้พ้นทุกข์ให้ได้ แล้วความร่มเย็นสันติสุขจะเกิดจากใจ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยตื่นก็เป็นสุข ตายก็เป็นสุข เพราะทำดีที่สุดแล้ว จะกลัวอะไรกับความแก่ เจ็บ ตาย ถ้าทำเต็มที่แล้ว ขอให้ศิษย์มีสติ มีปัญญาและกล้าหาญ ฝ่าฟันความทุกข์ฝ่าฟันอุปสรรค อย่าให้ความคิดทำร้ายตัวเอง เป็นเด็กดีเข้มแข็ง รู้จักดูแลตัวเอง
(อาจารย์เป่าหัวให้หน่อย) หมดทุกข์หมดโศกได้เราต้องไม่สร้างเวร (หมดหนี้หมดสิน) หมดหนี้หมดสินต้องรู้จักลดละความอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมีหนี้ไม่จบสิ้น ชดใช้ด้วยจิตใจที่รู้จักไม่ฟุ่มเฟือยนะ (สุขภาพแข็งแรง) ความแข็งแรงไม่สู้จิตใจที่กล้าสู้กับความจริงนะ
อย่ากลัวกับโรคภัย อย่ากลัวกับปัญหา ขอเพียงศิษย์สู้ โรคภัยก็สามารถเบาบางได้ ขอเพียงศิษย์เข้มแข็งปัญหาต่างๆ ก็ผ่านได้ เหนื่อยกันไหม ดูแลตัวเองให้ดี อย่าลืมจิตใจนี้ รักษาใจนี้ไว้ ใจที่มุ่งมั่นบำเพ็ญเพื่อฉุดช่วยคน ใจที่ช่วยคนโดยไม่ห่วงตัวเอง ศิษย์ของอาจารย์เข้มแข็งแล้ว เก่งแล้ว ตั้งใจมุ่งมั่นบำเพ็ญไปให้ถึงฝั่งด้วยหัวใจที่กล้าหาญ หัวใจที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ เด็ดเดี่ยวห้าวหาญ ยอมรับความยากลำบากเป็นหัวใจที่ยอดที่สุดแล้ว ไม่ร้องไห้แล้วนะ เข้มแข็งนะ ไปให้ถึงฝั่งฟ้า ไปให้ถึงที่สุดที่เราทำได้ ดึงหัวใจที่ดีงามออกมานำทางผู้คน ดึงหัวใจที่เสียสละ ดึงหัวใจที่เสียสละอันนี้ให้คงอยู่จนทำให้เขาอยากเดินตามด้วยใจ ทำอะไรด้วยใจ เราก็จะได้ใจกลับมา จริงไหมศิษย์ เข้มแข็งนะ ตั้งใจบำเพ็ญนะ
เมื่อคิดจะทำอะไรต้องไตร่ตรองให้ดี อย่าคิดทำบาป อย่าทำผิด เพราะเมื่อศิษย์ผิดไปแล้ว อาจารย์ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเวรกรรมของใครคนนั้นก็ต้องรับเอง อาจารย์มีหน้าที่เพียงตักเตือนและชี้นำศิษย์ให้ถูกทาง อย่าหลงทางผิด จงเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเด็กดี อาจารย์ให้ผลไม้คนที่ปวดขา เอาผลไม้มาให้เขาด้วย และต้องรู้จักละบาป ไม่สร้างบาปเพิ่ม อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะได้สิ้นกรรม อาจารย์ช่วยได้เพียงการชะลอ แต่กรรมนั้นจะกลับมาอีก ถ้าศิษย์ยังกระทำเหมือนเดิม ศิษย์ต้องแก้ชะตาชีวิตของตนเองด้วยการเปลี่ยนการกระทำของตัวเอง คือ ไม่สร้างบาป ละบาป บำเพ็ญบุญให้ได้ ทำได้ไหม (ได้)
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ร่มไม้ใบบัง”
คนใจเย็นจึงทำบ้านให้ร่มเย็น น้อมรับฟังทุกความเห็นจึงกว้างใหญ่
สามารถดึงศักยภาพคนได้ทุกวัย ทำด้วยใจได้ใจคืนกลับมา
รุ่นก่อนปลูกรุ่นหลังร่มเย็น ปฏิบัติเป็นเห็นตามปฏิบัติหนา
คุณธรรมคงเหนือกาลเวลา เป็นร่มเงาอันเมตตาตลอดไป