西元二○一六年歲次丙申四月初八日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ สถานธรรมหมิงเอิน จ.เพชรบูรณ์
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
การให้ธรรมประเสริฐกว่าทานทั้งหลาย รักการให้ใจเมตตาต้องเหมาะสม
เลือกที่รักมักที่ชังตามอารมณ์ ก็ยากบ่มคุณธรรมงามแท้จริง
เราคือ
ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานหมิงเอิน แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์น้องทุกคนต้อนรับศิษย์พี่ไหม
การให้ต้องธรรมหลายข้อผนวก ผู้สะดวกถึงรู้ไม่แตกแถว
บำเพ็ญธรรมบาปกรรมสร้างขวางแนว แต่ความดีทำแล้วก็สบาย
หาทางนำสติมาคืนชีวิต พรหมลิขิตของใครสิ่งดีร้าย
สงบใจสิ่งใดเกิดไม่เป็นไร การทำใจทำให้พ้นสบาย
อะไรนั้นไม่ยึดได้คงระงับ อะไรดับเมื่อจะดับก็เข้าใจ
ชีวิตทุกขณะต้องเบาทางใจ ใครละไหมไม่เสมอตนวาง
คนปล่อยวางมีสุขไร้กังวล ลืมแม้ตนของเราจึงสว่าง
ละอัตตาตัวใครไม่มีทาง การสะสางล้วนทำเริ่มที่เรา
ทุกสิ่งเป็นทุกอย่างไม่ได้ โลกเปลี่ยนไปกิเลสก็เหมือนเก่า
เป็นเช่นนั้นเองจงบำเพ็ญเรา ไม่ขัดเกลาจะดีขึ้นได้อย่างไร
ฮิ ฮิ หยุด
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
ความเกียจคร้าน ความเบื่อหน่าย ความท้อและการจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง จนไม่มองว่าข้างหน้ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น ก็ทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ไปโดยไม่รู้ตัว จริงไหม (จริง) บางครั้งก็ทำให้เรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวและดูดาย ไม่สนใจไยดีคนรอบข้าง คนอื่นเขาทำอะไรไปตั้งเยอะแยะ แล้วเราก็มารู้สึกเบื่อ เกียจคร้าน บางทีก็ทำให้เรากลายเป็นคนไม่มีน้ำใจกับคนรอบข้าง ความเกียจคร้าน ความท้อและการจมอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง จนไม่สนใจข้างหน้าว่าเขาจะทำอะไร อยากทำอะไรก็ทำไป ไหนบอกว่าเราศึกษาธรรม เราเป็นคนบำเพ็ญปฏิบัติธรรม แล้วทำไมเราถึงไม่รู้จักให้ธรรมกับคนอื่นบ้าง เวลาเราอยู่ร่วมกันทำไมเราชอบให้แต่กิเลส อารมณ์
ธรรมะไม่ได้สอนให้เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแค่ตอนเราอยู่ที่วัด ทุกๆ ที่เราก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ และทุกคนเราก็สามารถที่จะให้ธรรมได้ จริงไหม (จริง) รู้ทุกอย่างเต็มอก แต่ถึงเวลาทำไม่ได้ ทำบ้างไม่ทำบ้าง แล้วแต่อารมณ์ ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้สึกดีก็ให้ รู้สึกไม่ดีก็ไม่ให้ อย่างนี้เรียกว่าคนดีจริงไหม แล้วจะอ้างว่าตัวเราก็ยังดี ได้หรือเปล่า
บางคนชอบทำบุญทำทาน แต่ทำทานแบบเลือกที่รักมักที่ชัง อย่างนี้ถูกต้องไหม (ไม่ถูก) อาหารดีๆ ถวายแต่เจ้าอาวาส พระรูปอื่นถวายไหม อยากกินอะไรก็ทำแบบนั้น เดี๋ยวชาติหน้าก็ได้กิน ถวายดอกไม้เยอะๆ ชาติหน้าจะได้สวย แต่ศีลธรรมไม่มี แล้วจะกลับมาเกิดเป็นคนไหม มนุษยธรรม คุณธรรมแห่งความเป็นคนไม่มี ก็ไม่เเน่ว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นคนหรือเปล่า เเล้วอยากทำบุญกลับไปสวรรค์ เเต่เมตตา กรุณา ก็มีแบบเอียงๆ เเล้วอย่างนี้จะขึ้นสวรรค์ได้ไหม จะเป็นเทพเทวดาได้ไหม (ไม่ได้)
ถ้าทำดีเเค่ไหนเเต่นิสัยไม่เคยเเก้ เรื่องไม่ดีไม่เคยลดละ มือหนึ่งก็ทำดี อีกมือก็ทำบาป อย่างนี้ยังเรียกว่าคนดีไหม (ไม่ดี) พระพุทธองค์สอนว่า “ละชั่ว บำเพ็ญบุญ” เเต่มนุษย์ชั่วก็ไม่ละ บุญก็ทำกะปริดกะปรอยเเล้ว อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นคนมีธรรมไหม (ไม่มี) บอกให้มาฟังธรรม ฟังไหม
วันนี้เราคุยกันเรื่องธรรมะล้วนๆ ฉะนั้นจะมาขอเลขสามตัวไม่ได้ จะมาขอรักษาโรคไม่มีนะ จะขอให้มีเเต่สุขเเล้วไม่มีทุกข์ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) เพราะทุกสิ่งล้วนคือธรรม ฉะนั้นไม่ว่าดีหรือร้าย ได้หรือเสีย นั่นก็คือธรรม เเต่เรามองไม่เห็นธรรมก็เพราะว่าตาเราฝ้าฟาง ใจเรายึดมั่นชอบเปรียบเทียบ ธรรมจึงมีสูงต่ำ ดีร้ายได้เสีย ทั้งที่จริงๆ เเล้วทุกขณะล้วนคือธรรม ไม่มีร้าย ไม่มีดี ใช่หรือไม่ (ใช่)
ความหมายของคำว่าทุกข์ คือสิ่งที่ทนได้ยาก เเละต้องเปลี่ยนอยู่เสมอ ทุกคนเข้าใจความทุกข์ผิดไปหรือเปล่า ทุกข์ไม่ใช่พูดว่า “ตายแน่ๆ ตายแล้ว ทำอย่างไรดี” คนที่คิดอย่างนั้นคือ รับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้ มัวจมและยึดมั่นกับอดีตหรือความคิดที่ตัวเองคาดหวัง เหมือนถามว่าตอนนี้ซื้อทองมาหนึ่งเส้น แล้วโดนคนกระชากไป ทุกข์ไหม (ทุกข์) ทุกข์ที่ไหน (ใจ) มันเป็นทุกข์ที่เป็นธรรมดาของธรรมชาติ แล้วเราเอามันไหลมาสู่ใจ อย่าลืมสิ ทุกสิ่งมันมีมา เดี๋ยวมันก็มีไป ในเมื่อเรายังมีปัญญา ไม่ยอมแพ้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหาใหม่ก็ได้ ใช่ไหม (ใช่) ทำไมไม่แปรทุกข์ให้กลายเป็นบุญล่ะ แปรทุกข์ให้กลายเป็นการให้ธรรม ให้เป็นการไม่จองเวรจองกรรม ให้หมดเวรหมดกรรม ไหนบอกว่าไม่อยากมีเวร ไม่อยากมีกรรม แล้วทำไมมักจะเผลอเกี่ยวกรรม เผลอคิดเป็นเวรทุกที ทุกข์มันก็แค่ทุกข์อันเป็นธรรมดา แต่มันไม่ใช่ทุกข์ของเรา มันเป็นทุกข์ของธรรม ทุกข์ของทุกสิ่ง แล้วไหนของเราล่ะ แล้วเราหลงอะไรไป หลงไปเองทั้งนั้นเลย เหมือนที่พระอาจารย์บอกว่า มนุษย์ทุกคนขี้ตู่ ทุกอย่างมันคือธรรมชาติ เก้าอี้ก็มาจากต้นไม้ ร่างกายเราก็มาจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วเราขี้ตู่ไหม ขี้ขโมยไหม (ไม่) ขโมยต้นไม้มาหาตังค์ ขโมยปลาทำบาปกรรมมาหาตังค์ นั่นน่ะขี้ตู่ทั้งนั้นเลย แล้วถ้าวันหนึ่งฟ้าจะเรียกกลับคืน ทำไมบอกว่าฟ้าไม่ยุติธรรม ฟ้าก็แค่เรียกคืน และถึงที่สุดทุกคนก็ต้องเดินกลับไปสู่ความไม่มี อันเป็นของเดิมแท้ ใช่ไหม
ฉะนั้นมีแต่คนโง่เท่านั้นที่หลงยึดถือทุกอย่างเป็นของตัวเอง มนุษย์เป็นนักเกี่ยวตัวยง รู้จักคนนั้น รู้จักคนนี้ก็เก็บมาคิด แล้วก็ลากคนนั้นคนนี้ไปด้วยกัน พอว่างก็เอาเรื่องคนนี้ เอาเรื่องคนนั้นมาคิด ขี้ตู่อย่างเดียวไม่พอ ยังงกและชอบเกี่ยวกรรม บางเรื่องจบไปแล้วแต่ขอเกี่ยวเอาไว้ ทำไมเขาถึงว่าฉันอย่างนั้น ทำไมเขามองฉันอย่างนี้ ใช่ไหม (ใช่)
จิตที่หนักย่อมลงนรก แต่จิตที่ใสเบาย่อมขึ้นสวรรค์ ถ้าทำอะไรเอาแต่เกี่ยวคนนั้นเกี่ยวคนนี้ แบกคนนั้นยึดคนนี้ ก็เหมือนตกนรก แต่ถ้าเราดำเนินชีวิตอย่างปล่อยวาง ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่รัก แล้วเราจะยึดมั่นอะไรใครให้หนักใจ ใช่ไหม (ใช่) แต่เรากลับไม่ใช่ เห็นใครน่ารัก เก็บไปหมดทุกอย่างแล้วก็เป็นทุกข์เพราะความคิดของตัวเองมันเป็นธรรมดา ศิษย์พี่ทำให้เห็นธรรม มันเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ เราอย่าเอามาเก็บไว้ในใจ เพราะถ้าเราเอามาเก็บไว้ในใจ จากทุกข์อันเป็นธรรมดาก็กลายเป็นทุกข์ขังใจ คิดให้บังเกิดธรรม ความทุกข์ก็จะกลายเป็นการพ้นทุกข์ แต่ถ้าคิดให้บังเกิดธรรมไม่เป็น เราก็เป็นผู้ที่จมอยู่ในกระแสแห่งทุกข์ที่ตัวเองยึดติด แล้วตัวเองมองไม่เห็น ตัวเองก็จะก่อกรรมโดยการกล่าวโทษผู้อื่น ด้วยการใส่ร้าย ด้วยการว่าให้เจ็บปวด ใช่ไหม
แต่ความดีทำแล้วก็สบาย ทุกขณะหนึ่งความคิด ทุกขณะหนึ่งการกระทำ ล้วนสามารถส่งผลเป็นบุญบาปเวรกรรมหรือสิ้นเวรสิ้นกรรมได้ เหมือนขณะนี้ ถ้าศิษย์น้องบอกว่า ทำไมไม่นั่ง คิดอย่างนี้คือคิดให้เป็นทุกข์ แล้วคิดเป็นทุกข์มนุษย์หยุดแค่ตรงคิดไหม ถ้าไม่มีสติแล้วคิดต่ออีก ตัวเองได้นั่ง ให้คนอื่นยืน ตัวเองพูดได้ เพราะตัวเองนั่งมานานแล้ว เริ่มใส่ไคล้เริ่มว่าเริ่มตัดพ้อ ใช่ไหม (ใช่) เพราะว่าศิษย์น้องฟุ้งซ่าน คิดไปเอง แล้วก็ไม่ยอมรับความจริงแค่นั้นเอง ใช่ไหม
เราอยู่ในโลก เราปฏิบัติธรรมได้ทุกขณะเลย ไม่ต้องรอไปวัด เราก็สามารถให้เมตตาได้ เเต่ถึงเวลาตอนนั้นศิษย์น้องจะยอมรับความจริงเเล้วให้ธรรมเขาได้ไหม หรือตอนนั้นจะเอาอารมณ์เป็นใหญ่ เอาความยึดมั่นของตนเองเป็นใหญ่ เหมือนเขาว่าเราโง่ โกรธไหม (โกรธ) อยู่ๆ เดินมาเเล้วด่าไอ้โง่ โกรธไหม (โกรธ) นั่นล่ะศิษย์น้องเอ๋ย น่าเสียดาย เป็นโอกาสที่ศิษย์น้องจะได้จบเวรจบกรรม เเต่ศิษย์น้องไม่เคยจบ ใช่ไหม (ใช่)
พระพุทธะสอนให้รักกาลสั้นหรือรักกาลยาว (ยาว) รักกาลยาวจึงมีเรื่องตลอดเลย ให้รักกาลสั้น ไม่ให้รักกาลยาว ใช่ไหม (ใช่) เมื่อกี้ศิษย์น้องยังพูดเองเลย เวลาเราทำดีกับใคร กับหลวงพ่อทำดีเยอะๆ กับเณรไม่ต้องสนใจ อย่างนั้นได้ไหม (ไม่ได้) คนเมตตาจริงๆ จะอุทิศให้จริงๆ กับใครก็ต้องให้ กับใครก็ต้องรัก เเต่เราเป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น) มีบ้างไม่มีบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนั้นถึงเวลาฟ้ากำหนดความยุติธรรมมาบ้าง เจ้านายเขารักอีกคนหนึ่งไม่รักเรา อย่าบ่นนะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเหตุผล เราทำอะไร เราก็ได้รับอย่างนั้น ในเมื่อตัวเรายังเลือกที่รักมักที่ชัง พอถึงเวลาเวรกรรมกลับมา เจ้านายเอาเเต่ด่าเราเเต่ไม่ด่าเพื่อนเราเลย โกรธไหม ก็ทำเองทั้งนั้น จริงไหม (จริง)
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวศิษย์น้องเองทั้งนั้น คิดได้คิดเป็น บาปก็กลายเป็นบุญ คิดไม่ได้คิดไม่เป็นบาปก็ยังเป็นบาปอยู่วันยังค่ำ วันนี้ศิษย์พี่มีแนวทางในการปฏิบัติธรรมง่ายๆ ใครสนใจบ้าง (สนใจ) ที่ศิษย์พี่พูดมาทั้งหมดฟังรู้เรื่องไหม (รู้เรื่อง) เเต่ยังทำไม่ได้เลย เเต่ถ้าทำได้จะดีมาก พระอาจารย์ก็เมตตาบอกเสมอว่าในโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ ไม่ว่าใครจะด่าใครจะว่า ไม่ว่าใครจะเอาอะไรของเราไป ศิษย์น้องจำไว้เสมอนะ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเหตุเป็นผล เป็นเวรเป็นกรรม คนมีตั้งร้อยคนทำไมไม่หลอก ทำไมมาหลอกเรา คนมีตั้งหมื่นตั้งพันคน ทำไมไม่ด่า ทำไมมาด่าเรา คนตั้งมากมาย ทำไมไม่ไปยืม แต่มายืมเงินเรา ฉะนั้นคนให้ยืมโง่ไหม (ไม่โง่) คิดให้ดีๆ ให้ครั้งที่หนึ่งถือว่าเป็นเมตตา แต่ให้ครั้งที่สอง ครั้งที่สามถือว่าเราโง่ไปแล้วนะ ให้ครั้งที่หนึ่งเพื่อให้ใจเมตตา ให้แล้วแม้เขาจะไม่คืนก็ต้องทำใจ ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะศิษย์พี่บอกแล้วว่า “ทุกขณะแปรบาปให้เป็นบุญ แปรร้ายให้เป็นดี แปรกรรมให้เป็นการจบเวรจบกรรม” ฉะนั้นทุกขณะที่เราทำ ถ้าเราไม่ละบาปก่อน แล้วจะเข้าสู่หนทางบริสุทธิ์ได้อย่างไร หนทางของพุทธะก็ล้วนบอกไว้แล้วว่า “ละบาปบำเพ็ญบุญ เดินทางสู่ความบริสุทธิ์ เท่ากับคืนสู่ความบริสุทธิ์” แต่ตัวเราไปถึงสักทางไหม เห็นพยายามมาตั้งนาน ยังเหมือนเดิมเลย นิสัยอย่างไรก็ยังอย่างนั้น
ฉะนั้นธรรมะจึงสอนไว้ว่าไม่ใช่เปลี่ยนเขา แต่เปลี่ยนเรา ไม่ใช่แก้เขา แต่แก้เรา ไม่ใช่เอาธรรมไปวัดใคร แต่เอาธรรมมาใช้ที่เราแล้วจงให้ธรรมแก่เขา เพราะเราก็คือธรรม เขาก็คือธรรม และทุกสิ่งก็คือธรรม แต่เราตาบอดเองมองไม่เคยเห็นธรรม ฉะนั้นอยากจะแก้ไหม (อยาก) พระพุทธะสอนไว้ว่าเริ่มต้นก้าวแรก ต้องรู้จักให้ ทำได้ไหม (ได้) ศิษย์น้องอาจจะบอกว่ามันยากนะ ยังไม่มีเลยจะให้ได้อย่างไร สมมติว่าเราไม่เคยกินแอปเปิลมาก่อนเลย แล้ววันนี้ได้แอปเปิลมาหนึ่งผล ถามว่าคิดจะให้ใครไหมหรือคิดจะเก็บ ให้หรือไม่ให้ (ให้) พูดดีนะ แต่ถึงเวลาให้ไหม (ไม่ให้) ขอหาอีกสักลูกหนึ่ง แล้วค่อยว่ากัน จริงไหม (จริง) เก็บก่อน แล้วพอลูกที่สองจะให้ไหม (ให้) ลูกแรกของตัวเอง ลูกที่สองของคนที่ตัวเองรัก เดี๋ยวหาลูกที่สาม มีแล้วจะแบ่งให้ ใช่ไหม (ใช่) พอลูกที่สามหามาได้ ให้ไหม (ไม่ให้) รอหาให้เยอะๆ ก่อนค่อยให้ทีเดียว ใช่ไหม (ใช่) หาลูกที่สองก็แล้ว หาลูกที่สามก็แล้ว รอฤกษ์รอยาม รอดูหน้าคนก่อนว่าคนไหนน่าจะให้ จริงไหม (จริง) แล้วพอจะให้เห็นหน้าปุ๊บก็ว่าพรุ่งนี้ค่อยให้ พอเห็นหน้าปุ๊บ เขาทำหน้าอย่างนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้ ใช่ไหม (ใช่) ได้ให้ไหม (ไม่ได้ให้) รอจนตลอดชีวิตสิ่งที่หามาเก็บหรือให้ (เก็บ)
พระพุทธะจึงสอนว่า ถ้าอยากปฏิบัติธรรม จงรู้จักให้ แต่เราไม่เคยให้ บอกว่ารอให้มีก่อน เดี๋ยวให้ ใช่ไหม (ใช่) พออยากมีก็เริ่มหลง เริ่มยึด เริ่มโลภ เริ่มถมไม่เคยเต็ม แล้วตอนนั้นจะสละออกง่ายไหม ไม่ง่ายเลยใช่หรือไม่ ยิ่งมีก็ยิ่งหลง อยู่ในโลกนี้ถ้าไม่จับอะไรเลย ไม่ลิ้มรสอะไรเลย เราก็จะไม่ติดอะไรเลย พอรู้จักมันแล้วเป็นอย่างไร เอาอีก แล้วถึงเวลาก็คิดถึงมันอีก ตามมาด้วยกิเลส โลภ โกรธ หลง แล้วตอนนั้นค่อยให้ ทันไหม
บางทีความอยากมีของศิษย์น้อง ก็ทำให้คิดว่า “ไม่เป็นไร ผิดหน่อย บาปหน่อย เดี๋ยวก็ค่อยไปทำบุญทีหลัง ไม่มีใครเห็น” แล้วมีใครบ้างโลภแล้วไม่ทำผิด โลภแล้วไม่ทำบาป โลภแล้วไม่เบียดเบียนหรือเอาเปรียบใคร จะทำทุกขณะที่มีโอกาส ตอนนี้ศิษย์พี่ถามหน่อย อยู่ในโลกนี้กินก็รู้รสมาหมดแล้ว อะไรที่สวยๆ อยากแต่งก็แต่งมาหมดแล้ว อะไรที่อยากได้ก็ได้มาเกือบค่อนชีวิตแล้ว ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าตอนนี้จงรู้จักการให้ผู้อื่นบ้างทำยากไหม (ไม่ยาก ยาก) ทำยากเพราะยึดติด ทำไมพระพุทธองค์ถึงสอนว่า จงรู้จักให้ เพราะการให้ทำให้เราไม่โลภ ไม่หลง ไม่เอาเปรียบ ไม่รังแกคน ไม่สร้างบาป ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร จิตที่ให้ประเสริฐกว่าจิตที่คิดจะรับ ยิ่งถ้าให้ด้วยความสุขให้ด้วยความเข้าใจและเต็มใจให้ ถามว่า ผู้รับจะไม่รู้สึกรับรู้ได้ถึงความดีเขาเลยหรือ จะรับอย่างเดียวเป็นไปได้ไหม เราต้องให้อย่างสุดจิตสุดใจ เหมือนที่พระพุทธองค์ท่านปฏิบัติ ให้จนไม่ยึดติดคำว่าตัวตน ของตน ให้จนไม่มีคำว่าอะไรคือของตน ถ้าให้ขนาดนั้นสิ่งที่ท่านกำลังให้ คือสิ่งที่ท่านกำลังปฏิบัติธรรมได้ถึงสุดยอดความเป็นพุทธะอยู่ ไม่ต้องไปปฏิบัติธรรมที่ไหน ทำกับคนใกล้ตัวเรา ฉะนั้นทำไมเราไม่ลองให้ดูล่ะ คิดให้ดีๆ นะ การให้ที่ดีนั้นมีหลายอย่าง เราอย่าให้แค่ของ เราต้องให้ธรรมที่เกิดจากใจเราจริงๆ ให้เพราะเราเมตตารัก เราให้เพราะความหวังดี แล้วจะเข้าถึงความสุขที่เรียกว่าสุขของการไม่มีอะไรให้ยึดถือ ความสุขของการปล่อยวาง ความสุขของการไม่มีอะไรแต่ก็สุขจนเปี่ยมล้นได้ แต่มนุษย์ไม่ใช่ เราสุขแต่การมี การได้รับ แต่พุทธะกลับสอนให้สละ เพราะท่านพบความสุขที่ประเสริฐที่สุดคือ ความสุขที่ให้เเล้วสงบเย็นไม่มีตัวตนต้องมารองรับยึดติดว่าฉันกำลังสุข เเล้วเมื่อนั้นศิษย์น้องจะเข้าใจคำว่า สุขที่ว่างเปล่าจากตัวตนที่ยึดถือ นั่นคือสุขที่เเท้จริง คือสุขของการปล่อยวาง แต่มนุษย์ไม่ใช่ ทำอะไรก็ยังหวังผล ยังยึดถือ จึงไม่เรียกว่าการให้ที่แท้จริง
สมมติว่าเรามีแอปเปิลลูกหนึ่งทำอย่างไรเราจะให้คนทั้งชั้นได้ (เอาเมล็ดไปเพาะ) กว่าจะได้กินแอปเปิลนักเรียนในชั้นบางคนคงตายไปแล้ว ใช่ไหม เอาตอนนี้ เอาเดี๋ยวนี้ (หนึ่งลูกก็ให้กันต่อๆ ไปเรื่อยๆ ลูกเดียวให้กันไปเรื่อยๆ ให้คนละหนึ่งลูกเท่ากัน) พูดได้ถูกใจศิษย์พี่นะ ปรบมือให้เขาหน่อย ถูกต้องที่สุดเลย ศิษย์น้องส่วนใหญ่บอกว่าให้แบ่ง ใช่ไหม (ใช่) ให้แบ่งก็คือยังยึดตัวเองก่อนเเล้วค่อยแบ่งให้คนอื่น แต่การให้ที่ถูกต้องคือ ให้โดยที่ตนเองไม่เอา เมื่อผู้อื่นได้รับไปแล้ว ก็ยังรู้จักให้ต่อ ศิษย์น้องอย่าศึกษาธรรมแบบแตะๆ เเล้วก็เลิก ไม่เอาแล้ว มาศึกษาธรรมเเล้วต้องปฏิบัติให้เข้าถึงให้ได้ ใช่ไหม (ใช่) ทำอย่างไรให้มนุษย์ทุกคนมีจิตสำนึกที่ดี รู้จักให้มากกว่ารับ ศิษย์น้องไปเอาเปรียบเขามาเยอะแล้ว แล้วค่อยมาให้ ไปทำเขามาเยอะแล้ว แล้วค่อยมาดีกับเขา จริงไหม (จริง) ไปทำบาปมาเต็มที่แล้วค่อยมาทำบุญล้างได้หรือ คิดให้ดีๆ นะ เหมือนตัวเราเอง ชมเราดีขนาดไหน แต่ด่าเราเจ็บหนึ่งครั้ง จำขึ้นใจเลย สนิทกันขนาดไหน พูดขัดหูนิดทะเลาะกันทันทีเลย ใช่ไหม (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้แอปเปิลแก่นักเรียนที่ตอบคำถาม)
รับแอปเปิลได้เลย แต่ได้รับแล้วต้องรู้จักให้ต่อนะ แอปเปิลนี้ก็จะเกิดจากการให้ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อให้จนถึงที่สุด บางครั้งการให้นั้นจะย้อนกลับมาหาเราโดยที่เราไม่ได้คาดหวังเลย ซึ่งอันนั้นคือบุญที่ยิ่งใหญ่กว่าการให้แค่ตัวเองอีกนะ ใช่ไหม (ใช่) อย่าส่งต่อแอปเปิลนี้ผ่านไปเฉยๆ จงบอกว่า “ขอให้ใครได้รับแอปเปิลนี้จงมีความสุข” อย่าแค่ให้เพียงสิ่งของ แต่ต้องให้จากความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากใจ แล้วแอปเปิลนี้ก็จะเป็นแอปเปิลที่เต็มไปด้วยความสุขจากนักเรียนทุกคนในชั้น อย่าจับแค่ผ่านมือไป อวยพรให้กับคนที่จับมีความสุข มีความโชคดี ถ้าเรารู้จักให้แล้ว ก้าวต่อไปของการเรียนรู้ปฏิบัติธรรมนั่นคือให้แล้วต้องสงบ ให้แล้วต้องนิ่ง ให้แล้วต้องอดทน เพราะถ้าอยู่ในโลก สงบไม่ได้ นิ่งไม่เป็น อดทนไม่มี ให้ไปก็ระเบิด ใช่ไหม (ใช่)
แล้วการอดทน การสงบนิ่ง ดีตรงไหน อยากฟังไหม (อยาก) คนที่รู้จักอดทนได้ คนที่รู้จักสงบนิ่งได้ คนที่รู้จักวางเฉยได้ คนที่รู้จักใจเย็นได้ ไม่ว่าโดนอะไรกระทบ คนที่ทำได้แบบนี้จะสามารถขุดรากแห่งบาปทั้งมวลให้มลายหายสิ้น จะสามารถขุดรากของการติเตียนและการทะเลาะวิวาทให้หมดสิ้น เขาด่าเรามาเราอดทน แค่นิ่งๆ เพราะบางทีพูดอะไรมากดูเหมือนจะเป็นการประชด คนกำลังโมโหคิดได้ทุกอย่าง ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุด เวลาเจออะไร นิ่ง สงบ เย็น เอาความนิ่ง สงบ เย็น เป็นประธานในการดำเนินชีวิต หนทางนี้จะนำพามาซึ่งศีลธรรม กุศล แต่ถ้าไม่นิ่ง ไม่สงบ ไม่อดทน ไม่รู้จักใจเย็น หนทางนั้นจะนำมาซึ่งบาป ขาดศีลขาดธรรมและอกุศล ทางธรรมสอนไว้ชัดเจน ให้แล้วต้องนิ่ง
อยู่ในโลกนานๆ รู้สึกวุ่นวายไหม (วุ่นวาย) อยากหาความสงบไหม (อยาก) อยากไปหาที่สงบใจ อยากไปหาที่สบายใจ แต่ใจนี้ไม่เคยสงบสักที พระพุทธะจึงสอนไว้ว่า อย่ามัวแต่กราบพระข้างนอก อย่ามัวแต่หาพระข้างนอก จนลืมสร้างพระข้างใน ศิษย์น้องเคยได้ยินไหม ใจฟ้าถ้าสงบ ทุกอย่างก็ราบรื่น แต่ถ้าใจฟ้าชอบสอดรู้สอดเห็น อยากยุ่งเรื่องนั้นยุ่งเรื่องนี้ คนบนโลกก็วุ่นวาย ฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าใจเรานิ่ง ใจเราสงบได้ ใครจะเป็นอย่างไรช่างเขา จัดการเราดีกว่า เพราะเราเปลี่ยนเขาไม่ได้ เปลี่ยนใจเราดีกว่า ถ้ามองแล้วเจ็บปวด อย่ามองดีไหม สงบใจดีหรือเปล่าทำได้ไหม ยากไหม (ยาก แต่ทำได้)
ศิษย์น้องจะไปหาที่สงบทำไมต้องขนกันไปทั้งบ้าน ที่สงบต้องเริ่มจากตัวเอง ถ้าศิษย์น้องอ้าปากก็หาเรื่อง ไปอยู่ที่ไหนแม้จะไปเที่ยวทะเล อุตส่าห์มาเที่ยวตั้งไกล ก็ยังพูดให้หมดสนุก เคยไหม (เคย) ถ้าใจเราไม่สงบไปอยู่ที่ใดก็ไม่สงบ แต่ถ้าเราสงบได้ แม้ที่ใดจะวุ่นวาย เราก็แปรเปลี่ยนให้กลายเป็นที่สงบได้ ถึงสามีจะเป็นอย่างไร ภรรยาจะเป็นอย่างไร ก็ยังรักกันได้ เพราะมนุษย์ทุกคนแม้จะนิสัยไม่ดีขนาดไหน ลึกๆ เราก็อยากได้คนที่เข้าใจกัน ใช่ไหม (ใช่) ถึงแม้ภรรยาจะบ่นขนาดไหน แต่สามีก็ต้องเข้าใจภรรยา ถึงสามีจะมีกิ๊ก ชอบดื่มเหล้า ชอบสูบบุหรี่ แต่ภรรยาก็เข้าใจ ฉะนั้นสิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา เราจะเอาตัวเองเป็นหลักหรือเอาครอบครัวเป็นหลัก ใช่หรือไม่ ฉะนั้นถ้าเราสามารถสงบได้ ถ้าเราสามารถนิ่งได้ ถ้าเราสามารถสำรวมได้ ภัยก็จะไม่เกิดจากตัวเรา แต่มนุษย์กลับไม่ค่อยสงบสำรวมตัวเอง พูดอะไรไปแล้วก็ลืม แล้วค่อยคิดได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
เมื่อรู้จักให้ รู้จักนิ่งแล้ว พุทธะยังสอนให้เรารู้จักอีกอย่างคือ รู้นิ่งจนมีสติรู้เท่าทันทุกความคิด และรู้เท่าทันกิเลสที่ไหลเข้ามาครอบงำใจ จนสามารถกางกั้นไม่ให้มันมายุ่งกับเราได้ ไม่ใช่แค่สงบอย่างเดียว แต่สงบจนรู้ ไม่ใช่รู้คนอื่น ธรรมะไม่เคยสอนให้เราไปรู้คนอื่น แต่สอนให้เรารู้จักใจตัวเอง รู้ว่ากิเลสมาแล้ว ความโกรธมาแล้ว ความอยากมาแล้ว แล้วศิษย์น้องรู้ไหมว่าโลภ โกรธ หลงมันกลัวอะไร เราจะมีวิธีแก้และจัดการกับโลภ โกรธ หลงอย่างไร โลภ โกรธ หลงกลัวคนรู้ทัน เมื่อเรารู้ทันว่ากำลังโกรธ เราก็จะไม่โกรธ เพราะเรารู้ทัน ถูกไหม (ถูก) ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เดี๋ยวมันก็ดับเป็นธรรมดา ฉะนั้นไม่ต้องไปข่มมัน เดี๋ยวมันก็จางไปถ้าเราไม่ปรุงแต่ง ไม่ให้ค่า ไม่ให้ความสำคัญ จบไหม (จบ) ฉะนั้นถ้าเรามีสติระลึกรู้อยู่ทุกขณะ ไม่ว่าอะไรที่มากระทบ กระทบแล้วไม่ปล่อยให้กิเลสมันครอบงำ แต่ใช้สติรู้แล้วสงบ ก็ไม่กลายเป็นกิเลสครอบงำใจ แต่กลายเป็นการได้สร้างกุศลที่เรียกว่าอกรรม กรรมที่ไม่ต้องเวียนกลับมาชดใช้กรรมอีกต่อไป ดีกว่าไหม (ดี) ทำได้ไหม (ได้) ง่ายไหม แต่ถึงเวลาไม่เคยนิ่ง มารู้อีกทีปล่อยไปเต็มๆ เลย ทั้งความโกรธ ทั้งความเกลียด ทั้งจองเวร ใช่ไหม (ใช่)
สิ่งที่ศิษย์พี่พูดทั้งหมดคือธรรมแห่งความเป็นจริง วันหนึ่งถ้าศิษย์น้องต้องเจอ ศิษย์น้องก็จงรู้จักเอาไปใช้ เพราะโลกนี้มันเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะและมีทุกข์ และถึงที่สุดก็ว่างเปล่า ความเปลี่ยนแปลงสอนให้เรารู้จักให้ ความเป็นทุกข์สอนให้เรารู้จักสงบ ความว่างเปล่าสอนให้เรารู้เท่าทัน แล้วมีร่างกายนี้เราหนีความไม่เที่ยง ความทุกข์และความว่างเปล่าพ้นไหม แล้วเราเคยเอาอะไรมาใช้ จนสามารถนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์ได้ นั่นคือจงนิ่งและมีสติรู้เท่าทัน ยากไหม
เข้าใจธรรมที่เรียกว่าแก่นธรรมหรือยัง (เข้าใจ) จงแปรทุกข์ให้เป็นสุข จงแปรบาปให้เป็นบุญ จงแปรความคิดร้ายให้เป็นความคิดถูกต้องที่นำพาให้เราพบทางสว่าง พุทธะนำพาให้มนุษย์พ้นทุกข์ไม่ได้ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักพึ่งตนเอง พระพุทธะเป็นผู้ชี้ทาง แต่คนที่จะนำพาให้ตัวเราพ้นทุกข์และกลับสู่ทางที่ถูกคือตัวเราเอง ไม่มีใครร้ายเท่ากับตัวศิษย์น้องและไม่มีใครดีที่สุดเท่ากับตัวศิษย์น้อง ดังคำกล่าวว่า “ที่ใดเป็นที่แห่งกิเลส ที่นั่นก็เป็นที่พุทธะบังเกิด ที่ใดเป็นที่แห่งทุกข์ ที่นั่นก็เป็นที่สิ้นทุกข์สิ้นเวรกรรมได้”
ฉะนั้นศึกษาธรรมต้องเข้าให้ถึงธรรม อย่ามัวแต่หลงกิเลส ความมี ความโลภ ความโกรธ ความหลงเลย สิ่งเหล่านี้ไม่เคยทำให้ใครมีสุขเลย นอกจากการปล่อยวาง
วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ สถานธรรมหมิงเอิน จ.เพชรบูรณ์
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
หลงในรูปติดทุกข์เกี่ยวกรรมไม่สิ้น ติดเคยชินติดอารมณ์สารพัน
หากไม่มีธรรมเตือนตนยากรู้ทัน ฝึกรู้ตนสติรู้ทันแจ้งปัญญา
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักของอาจารย์ทุกคนคิดถึงอาจารย์ไหม
อยู่กับทุกข์ในใจ เทียบใจนี้เป็นฟองน้ำเอย ดูดซึมคอยซับมา ซ่อนในใจซ้อนในใจ บีบออกไปไวไว ซอกซอยของใจมีหลายอย่าง ผู้หญิงนองน้ำตา ผู้ชายอัตตาเหลือเกิน
เกิดมาเป็นคนทั้งที ต้องไม่ทำตัวหลงไป อย่ามองไปไหนไกล ชาติอื่นอื่นใดไม่เป็นของตัว
* ลุ่มหลงละลายความหวัง อะไรคือธรรมของตน ไม่ยอมชัดเจน ก็ไม่อาจเห็นอนาคตงาม สับสนไม่ทำอะไร อะไรคือทางสายกลาง แน่ใจไหมทุกข์ทำให้เจ้าเป็น (ซ้ำ *,___)
ทำนองเพลง :ทางรักสีดำ
ชื่อเพลง :ทุกข์ไม่ทำให้ทุกข์
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
วันนี้อาจารย์มาคุยเรื่องง่ายๆ ดีไหม โดยส่วนมากมักสงสัยว่า ทำไมหนอ เป็นคนต้องมีคุณธรรม ต้องศึกษาธรรม จำเป็นไหม (จำเป็น) ศิษย์ปกติไม่ค่อยได้เข้าใจธรรม ไม่ค่อยได้ปฏิบัติธรรมเท่าไหร่ ขอเเค่ทำบุญไปวัดใส่บาตรก็พอเเล้ว ไม่ต้องเข้าใจธรรม ไม่ต้องฟังธรรมอะไรมากก็ยังอยู่รอดมาได้ จะฟังธรรมอะไรเยอะเเยะ อย่างนั้นหรือเปล่า ฟังไปเยอะก็ไม่ค่อยได้ใช้ จริงไหม ไม่ใช่หรือ อาจารย์ถามหน่อยนะว่าเกิดเป็นคน เราจำเป็นต้องมีคุณธรรมไหม (จำเป็น) แล้วเกิดเป็นคน เราจำเป็นต้องเข้าใจธรรมไหม (ต้องเข้าใจ)
ส่วนใหญ่ศิษย์ของอาจารย์ทุกคนมักจะถามว่า ฟังธรรมะเยอะๆ ฟังไปทำไม มันก็เหมือนๆ เดิม หลายต่อหลายคนมักจะสงสัยว่า คุณธรรมจำเป็นต้องมีไหมและความเข้าใจจำเป็นต้องเข้าใจมากแค่ไหนหรือ แล้วมันสำคัญกับชีวิตเราจริงๆ หรือเปล่า เพราะเราไม่เคยคิดตรงนี้เลย เราคิดแค่เพียงว่าชีวิตนี้เพียงตื่นมาหาเงิน ถูกไหม (ถูก) แต่เราไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตนี้ต้องมีธรรม ต้องเข้าใจธรรม ต้องประกอบคุณงามความดีที่เรียกว่า คุณธรรม สมมติง่ายๆ เราอยากออกไปหาตังค์ เราอยากไปซื้ออะไรสักอย่างหนึ่ง ของที่เราซื้อเราต้องพยายามเลือกดีที่สุด เพราะเราเสียเงินไปแล้ว แล้วศิษย์เคยเห็นประเภทย้อมแมวไหม (เคย) ผลไม้ดูแล้ว พินิจแล้ว มีสติกเกอร์แปะ ดีแน่เลย แต่พอแกะสติกเกอร์ออกมา หนอนโผล่มา เรารับได้ไหม (ไม่ได้) โกรธไหม (โกรธ) เวลาเราเอาเงินไปซื้อของทั้งที เราก็อยากได้ของที่ดีมีคุณภาพ เราก็เลยบ่นออกมาว่า ขายของไม่มีคุณธรรมเลย ไม่ซื่อตรง เหมือนเวลาเรามีเพื่อน เพื่อนพูดกับเราดีมาก แต่ถึงเวลาแอบแทงเราข้างหลัง รับไหวไหม (ไม่ไหว) ทำไมทำอย่างนี้กับฉัน ทำไมเป็นคนอย่างนี้ ทำไมไม่ซื่อตรง ทำไมไม่จริงใจ ถูกไหม (ถูก) เราอยากได้เพื่อนซื่อตรง เราซื้อของ เราก็อยากได้คนจริงใจ เรามีแฟนเราก็อยากได้คนรักเดียวใจเดียว เรามีลูกน้องเราก็อยากได้ลูกน้องจริงใจ ซื่อตรง ไม่คดในข้องอในกระดูก มีหัวหน้าเราก็อยากมีหัวหน้าที่ดี ยุติธรรมไม่รักลำเอียง สิ่งที่ศิษย์อยากได้เรียกว่าคุณธรรมในความเป็นคน ถ้าศิษย์ไม่เข้าใจว่าทำไม ก็ถามตัวเองสิว่า อยากได้เพื่อนดีไหม ไปทำงานอยากได้เพื่อนร่วมงานโกงเราไหม อยากได้เพื่อนเอาเปรียบไหม อยากมีลูกน้องรักเรา แต่แอบด่าเราข้างหลังไหม อยากมีภรรยาแต่ภรรยามีชู้ไหม อยากมีสามีแต่สามีไปแอบมีกิ๊กเอาไหม สิ่งที่ตัวเราควรจะอยากได้ในตัวของทุกคนคือคุณธรรมของความเป็นคน หรือง่ายๆ เป็นคนที่รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ และรู้จักรับผิดชอบในความเป็นคนของตน
ศิษย์ถามอีกว่าทำไมต้องมาเรียกศิษย์ให้ปฏิบัติธรรม เอาแบบง่ายๆ สมมติอาจารย์เป็นคนทำหน้าที่เก็บขยะ แต่วันนี้อาจารย์ขี้เกียจเก็บ พรุ่งนี้ มะรืนก็ขี้เกียจเก็บ แต่สิ้นเดือนเก็บเงิน ด่าไหม ให้ไหม (ไม่) ศิษย์ไม่ให้เพราะอะไร เพราะไม่รับผิดชอบหน้าที่ ไม่มีจิตสำนึกแห่งคุณธรรมความเป็นคน ถึงเวลาเอาเต็มที่ แต่ถึงเวลาที่ควรจะทำกลับไม่ทำ บางคนทำอย่าง
สุดจิตสุดใจ เหมือนเราจะสอนลูกน้องว่า ต้องเคารพหัวหน้า แต่สักพักเรากลับนินทาหัวหน้า แล้วลูกน้องจะรักเราไหม ช่วงที่เราเป็นลูกน้องเราก็ทำตัวไม่ดีเอารัดเอาเปรียบ ถึงเวลาที่เรามีลูกน้องเอาเปรียบบ้าง เราจะด่าเขาลงไหม ตอนสามีมีกิ๊กเราว่าเขา แต่พอถึงเวลาเราเห็นหนุ่มๆ เรากิ๊กไหม กิ๊กกั๊กเลยใช่ไหม (ไม่)
สุดจิตสุดใจ เหมือนเราจะสอนลูกน้องว่า ต้องเคารพหัวหน้า แต่สักพักเรากลับนินทาหัวหน้า แล้วลูกน้องจะรักเราไหม ช่วงที่เราเป็นลูกน้องเราก็ทำตัวไม่ดีเอารัดเอาเปรียบ ถึงเวลาที่เรามีลูกน้องเอาเปรียบบ้าง เราจะด่าเขาลงไหม ตอนสามีมีกิ๊กเราว่าเขา แต่พอถึงเวลาเราเห็นหนุ่มๆ เรากิ๊กไหม กิ๊กกั๊กเลยใช่ไหม (ไม่)
อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ ถ้าอยู่แล้วทำให้เขาทุกข์ เราก็ต้องพร้อมจะเดินจากไป ถ้าอยู่แล้วทำให้เขามีความสุข ทำไมเราจะทิ้งตัวเองออกไป ถ้าฝืนแล้วทำให้เขาทุกข์ เราจะฝืนใจเขาไหม ถ้าอยู่แล้วเขาไม่รัก มีแต่รังเกียจ มีแต่ความทุกข์ เราจะอยู่ไหม (ไม่อยู่)
เราเรียนรู้ธรรมเพื่อดับทุกข์ ฉะนั้นทุกข์เกิดที่ไหน เราก็ต้องดับที่นั่น ทุกข์เกิดที่ไหน เราก็ต้องแก้ที่นั่น ตอนนี้ยืนเป็นทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์) แต่ถ้ายืนนานกว่านี้อีกนิดจะทุกข์ ใช่หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามศิษย์นะ ระหว่าง “เห็นทุกข์” กับ “พยายามเป็นทุกข์” อันไหนหนักกว่ากัน (พยายามเป็นทุกข์) เวลาทุกข์มาเราควรจะแค่เห็นทุกข์หรือไปเป็นทุกข์ (แค่เห็น) ถ้าเผลอไปเป็นมันก็หนัก มันก็ทุกข์ แต่ถ้าทุกข์มาแค่เห็นแล้วเราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์) เหมือนกันถ้ายืนแล้วเป็นทุกข์ เราก็เปลี่ยนจากการเป็นทุกข์ มาเป็นเห็นทุกข์ หายไหม (ไม่หาย) อย่างนั้นยืนต่อดีไหม ในโลกนี้ขารู้จักปวดไหม (รู้) ตัดมันแล้วมันยังไม่รู้จักเจ็บเลย ขาไม่รู้จักเจ็บ เนื้อไม่รู้จักปวด แต่ใจของคนสอนให้มันเจ็บสอนให้มันปวด ธรรมะจึงสอนให้รู้ว่า บางอย่างแค่รู้แต่อย่าเผลอไปเป็น
อาจารย์จะบอกศิษย์ว่า ในโลกนี้เราไม่ใช่แค่ต้องรู้ว่าทำไมเราต้องมีคุณธรรมอย่างเดียว แต่ศิษย์ต้องรู้อีกว่า ทำไมอาจารย์จี้กงต้องให้เข้าใจธรรม เพราะถ้าศิษย์เข้าใจธรรม ศิษย์จะรู้เลยว่าในทุกๆ เรื่องจะไม่ทำให้ศิษย์ทุกข์ เพราะทุกๆ เรื่องคือธรรม ถ้าเราเข้าใจธรรมตัวนี้ ธรรมตัวนี้ก็จะทำให้เราไม่ทุกข์ เเต่เราเคยเข้าใจธรรมตัวนี้ไหม ว่าก่อนจะเข้าใจธรรมนี้ เราต้องมาเข้าใจอย่างหยาบๆ ก่อนว่า ทำไมเกิดเป็นคน ทำไมเราต้องมีคุณธรรม จำเป็นไหม (จำเป็น)
อย่างนั้นถ้าใครตอบได้ ได้นั่ง ดีไหม (ดี) ช่วยเหลือตนเองนะ อาจารย์จี้กงไม่ช่วยแล้วนะ อาจารย์ถามหน่อยนะว่า ทำไมเราต้องมีคุณธรรม เเล้วคุณธรรมอะไรบ้างที่ควรมีไว้กับตัวถึงจะทำให้เราสามารถอยู่กับคนอื่นได้ อย่างไม่ทุกข์ สมมติถ้าเป็นแม่คน ควรมีคุณธรรมกับลูกคืออะไร ควรมีคุณธรรมกับสามีคืออะไร แล้วควรมีคุณธรรมกับน้องคืออะไร เเละควรมีคุณธรรมกับเพื่อนคืออะไร ตอบได้ไหม ตอนนี้เป็นโอกาสของศิษย์ที่จะต้องช่วยตนเอง แต่อาจารย์จะบอกให้ว่าการช่วยตนเองถ้าคิดดีๆ ถ้าตอบได้ยังสามารถเสียสละช่วยคนอื่นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนั้นเราจะเอาคุณธรรมที่แสดงออกมาแล้ว นอกจากจะช่วยตนเองได้แล้วยังช่วยคนอื่นได้คืออะไร อย่าแค่ฟังแต่ต้องคิดและทำให้ได้ตามที่อาจารย์ว่านะ
(เมตตา ความซื่อสัตย์ ปากตรงไปตรงมา) ศิษย์เอ๋ย ปากตรงไปตรงมาก็กลายเป็นขวานผ่าซากนะ
(ต้องรู้จักสิ่งแวดล้อมภายในและภายนอก) (ซื่อสัตย์ เอื้อเฟื้อ ให้อภัย มีความกตัญญู) ความกตัญญูแปลว่า รู้คุณตอบแทนคุณ แล้วเราจะตอบแทนคุณเพื่อนในชั้นไหม แล้วเราจะรู้คุณคนเพื่อนในชั้นไหม
มีเมตตา (การให้คนอื่น เสียสละให้คนอื่นอย่างไม่มีเงื่อนไข) รักโดยไม่มีเงื่อนไข ให้โดยไม่มีการร้องขอ ทำโดยไม่หวังผล อันนี้ยากหน่อยนะเหมือนคนข้างๆ ศิษย์เขาก็ตอบเหมือนกันกับศิษย์
อาจารย์ถามหัวหน้ากับรองหัวหน้าก่อนนะ จะยอมนั่งเพราะตัวเองตอบได้ แล้วให้นักเรียนในชั้นยืน หรือตัวเองจะยืนแล้วให้นักเรียนในชั้นนั่ง ได้ไหม (ได้) เพราะอาจารย์รู้ว่าหัวหน้ามีคนช่วย รองหัวหน้าก็มีคนช่วย มากันเป็นคู่ตัวเองยืนไม่ไหวเดี๋ยวหาคนยืนคู่ได้ ใช่หรือเปล่า เชิญศิษย์รักทุกคนนั่งลงได้
หัวหน้ากับรองหัวหน้าเขายอมเสียสละแล้วเรากล้านั่งหรือ นั่งเป็นพระอิฐพระปูนเลย ศิษย์เอ๋ย ถ้ามีคนทำดีให้เรา โดยไม่หวังผลแถมเขายอมลำบาก ศิษย์ยังกล้านั่งได้ลง อาจารย์ถึงว่าโลกนี้คนดีถึงได้อ่อนแอนัก ยิ่งเขาดีเราก็ต้องยิ่งดีตอบ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วคุณธรรมจะได้ค้ำจุนโลกอยู่ต่อไป
อาจารย์เทียบง่ายๆ นะศิษย์ ถ้าคนๆ หนึ่งไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของความเป็นคน เช่นขับรถห้ามคุยโทรศัพท์ แต่ก็ยังคุยแล้วเผลอไปชน ตายไปห้าหกราย แล้วบอกฉันไม่ได้ตั้งใจ ศิษย์รับผิดชอบไหวไหม (ไม่ไหว) ฉะนั้นจิตสำนึกแห่งคุณธรรมความเป็นคนจึงขาดไม่ได้ ถ้าศิษย์จะเป็นคนในสังคมแล้วอยากเป็นที่รักของใคร แล้วไม่อยากมีกรรมเกี่ยวกับใคร ถ้าเรารับผิดชอบได้ดี ทำได้ถูกต้อง ทำได้เหมาะสม แล้วไม่ทำให้ใครทุกข์ ใครล่ะจะทุกข์เพราะศิษย์ จริงไหม (จริง) แต่ถ้าเรายังรับผิดชอบตัวเองได้ไม่ดี ยังทำตัวให้มีความเป็นคนได้ไม่ถูกต้อง ตราบลมหายใจไม่สิ้น ศิษย์ก็สามารถทำให้ทุกคนในโลกเป็นทุกข์ได้ ฉะนั้นอาจารย์จึงถามศิษย์ตั้งแต่แรกแล้วว่า เข้าใจไหมว่า ทำไมเกิดเป็นคนถึงต้องมีคุณธรรมถ้าเราทำหน้าที่ได้ดี ทำหน้าที่ได้ถูกต้องและมีคุณธรรมของความเป็นคนครบถ้วน เราก็จะสมบูรณ์ในหน้าที่ สมบูรณ์ในความเป็นคน
เราต้องพึงสังวรตนเองให้รู้ไว้เสมอว่า เราอยากได้สิ่งใด เราอยากได้คนรักหรือคนเกลียด (คนรัก) เราอยากได้คนซื่อตรงหรือคนคิดคดทรยศ (คนซื่อตรง) เราอยากได้คนที่มีเมตตาจริงใจหรือคนเอาเปรียบกินแรงเรา (เมตตา) โลกนี้เรียกว่าเป็นเหตุและผล มีสิ่งหนุนนำเป็นปัจจัยกัน ถ้าเราอยู่ร่วมกัน แต่เราไม่สร้างสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เอาแต่เรียกร้องคนอื่น แต่ตัวเราไม่ทำ เขาจะมีแบบอย่างดีๆ ให้ดูไหม (ไม่มี) ยิ่งถ้ารุ่นนี้ไม่ทำ รุ่นต่อไปไม่ทำ แล้วรุ่นต่อๆ ไปไม่ทำ เเล้วรุ่นต่อไปจะมีไหม ใช่หรือไม่ (ใช่)
เกิดเป็นคนทั้งทีสิ่งแรกที่มนุษย์ควรจะมีคือ เมตตาธรรมในหัวใจ บางทีศิษย์เมตตาเขาเเล้วศิษย์ซื่อตรงต่อเขาแล้ว จริงใจดูแลเอาใจใส่เขาแล้ว รักเดียวใจเดียวก็แล้ว แต่ทำไมบางทีก็ยังเจอคนโกงอีก บางทีก็ยังเจอคนว่าไม่ดีอีก ถ้าศิษย์ทำคุณธรรมของตนเองได้ดี รับผิดชอบต่อหน้าที่ได้ดี ถามว่าเราจะมีปัญหาในการร่วมงานกับคนไหม (ไม่มี) มันน่าจะไม่มี แต่บางครั้งเราก็มีจริงไหม (จริง) เพราะเรามีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งที่อาจารย์อยากจะบอกว่าถึงเราจะมีคุณธรรมความเป็นคนมากเท่าไร แต่ถ้านิสัยนี้เเก้ไม่ได้ เราก็ไม่สามารถอยู่กับใครได้ ใครบ้างเป็นคนที่ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บ เรื่องเก่าเล่าใหม่ เป็นไหม จริงๆ แล้วอาจารย์จะบอกว่าศิษย์เป็นทุกคน แต่ไม่กล้ายอมรับ ใช่ไหม
ถึงศิษย์จะมีเมตตา จะซื่อตรงขนาดไหน แต่มีนิสัยชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บ เรื่องเก่ากลับมาเล่าใหม่ แล้วจะจบไหม จะไปกันรอดไหม (ไม่รอด) จะเมตตากันจริงไหม (ไม่จริง) แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม เพราะเป็นกันทุกคน เป็นเรื่องอดีต เขาเป็นคนใหม่แล้ว แต่เรายังมองเขาเป็นอย่างนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่) ธรรมจึงสอนให้เรารู้ว่า นอกจากมีคุณธรรมแล้วยังไม่พอ เราต้องเข้าใจธรรมแห่งความเป็นจริงของคน ว่าเขาไม่ชอบอะไร ไม่ต้องไปมองไกล มองที่ตัวเรา สมมติว่าเราแอบไปทำผิดมา แล้วเขาจับได้ บีบให้ตายคั้นให้ตาย ยอมรับมาว่าไปแอบมีกิ๊ก แล้วบางทีเรื่องเก่าเล่าใหม่ แล้วบางทีแค่ผิดนิดเดียวต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย พอสามียอมรับแล้ว เรายอมรับได้ไหม (ไม่ได้) แล้วจะอยู่กับเขารอดไหม
ศิษย์เอ๋ยมีคุณธรรมในความเป็นคน ต้องเข้าใจหลักของใจคนด้วยว่า ใจคนไม่ชอบให้ใครมาจับผิด ใจคนไม่ชอบให้รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ แล้วไม่ชอบมากที่สุดคือ ถึงจะผิดอย่างไรก็อยากให้เข้าใจ ผิดอย่างไรก็อยากให้ได้รับการอภัย ฉะนั้นเราอย่าลืม อภัยตัวเองได้ ก็ต้องอภัยผู้อื่นได้เช่นกัน ธรรมะสอนให้มองแค่วันนี้ เพราะพรุ่งนี้ไม่มี พอถึงพรุ่งนี้ก็กลายเป็นวันนี้ ใช่ไหม เวลาเราจะทุกข์ เราคิดแค่เพียง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทุกข์ ดีไหม (ดี) พอถึงพรุ่งนี้มันก็เป็นวันนี้
ธรรมะจึงสอนไว้ว่า เข้าใจตัวเองชัดมีหรือจะมองผู้อื่นผิด แต่คนกลับมองคนอื่นชัด แต่มองตัวเองไม่เห็น ไม่ใช่มีตาไว้แค่จับผิด แต่มีตาไว้มองรอบด้าน ฉะนั้นหัวหน้าที่ดีต้องดับปมด้อยแต่ชูปมเด่น จึงเรียกได้ว่าเป็นหัวหน้าที่ดีที่ถูกต้อง ไม่ใช่ขยายปมด้อยแล้วดับปมเด่น อย่างนี้อยู่กับบุคลากรใดก็ไม่พัฒนา ถ้าศิษย์มีนิสัยฟื้นฝอยหาตะเข็บแล้วก็นำไปประจาน ชอบนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ อาจารย์ถามว่าถ้าเราเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังทั่วไปหมด แล้วเขาจะแก้ไขตัวให้ดีขึ้นไหม (ไม่) จำไว้นะถ้าลูกน้องทำผิดอย่าประจาน เพราะจะทำให้เขาไม่มีที่ยืน และศิษย์จะทำให้เขาไม่อยากดีขึ้นเลย เพราะเขาถูกว่าไปหมด ฉะนั้นควรดับปมด้อย แต่ชูปมเด่น แต่มนุษย์ไม่ใช่ กลับชอบดับปมเด่น แต่ชูปมด้อยแทน แล้วใครจะอยากอยู่ด้วย ถ้าอยากอยู่ในโลกนี้แล้วเป็นที่รักของทุกคน ต้องรักคนให้จริงใจ มีเมตตาให้ถึงที่สุด บางครั้งเราไม่ต้องเรียกร้อง เขาก็จะรักกลับมาเอง ถ้าเขาไม่รักเรา เราก็ต้องย้อนกลับมาดูว่าเราจริงใจที่สุดหรือยัง ถ้าเราต้องการคนที่รักแบบไม่มีข้อแม้ เราก็ต้องรักเขาแบบไม่มีข้อแม้เหมือนกัน หัวอกของคนมีธรรม ถ้าเขาจะดี เขาควรดีในแบบของเขาหรือดีในแบบที่เราอยากให้เป็น (ดีในแบบของเขา) ถ้าศิษย์รักเขา ศิษย์ก็ต้องรักที่เขาเป็นแบบนั้น ถ้าศิษย์หวังดีกับเขา ศิษย์ก็ต้องหวังดีในสิ่งที่เขาอยากเป็นถ้าเราเข้าใจคุณธรรมความเป็นคนแล้ว เราจะต้องเข้าใจหัวใจของการเป็นคนที่ถูกต้องด้วย อย่าเอานิสัยมาปนกับคุณธรรม ไม่อย่างนั้นเราจะแยกแยะไม่ออก อยากได้คนรักจงมีเมตตา อยากได้คนจริงใจจงมีความซื่อตรง ไม่อยากได้คนคดโกง เราอย่าไปคิดอยากได้ของๆ ใคร อยากได้ปัญญาดีก็จงรู้จักเรียนรู้และไถ่ถามให้มากๆ
เกิดเป็นคนทำไมต้องเข้าใจธรรมะ เข้าใจคนก็ยากแล้ว เข้าใจธรรมะยิ่งยากใหญ่ ใช่ไหม (ใช่) เข้าใจคนเพื่อปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน เข้าใจธรรมเพื่อเข้าใจหลักของความเป็นคนและหลักของสรรพสิ่ง ศิษย์เคยได้ยินไหมว่า เราเรียนหนังสือตายไปสิ่งที่เรียนเอาไปได้ไหม (ไม่ได้) ตายไปเงิน เกียรติยศและทรัพย์สินเสื้อผ้าเอาไปได้ไหม (ไม่ได้) ตายไปมีแค่บุญกับบาป แต่อาจารย์อยากจะบอกศิษย์ว่ามีสิ่งวิเศษยิ่งกว่าบุญกับบาป นั่นคืออะไรรู้ไหม มีสิ่งหนึ่งที่แม้ตายไปกี่ภพกี่ชาติ สิ่งนี้ก็สามารถติดตัวศิษย์ไปได้ นั่นคือความดี คุณธรรม คุณธรรมทำให้มนุษย์ประเสริฐ แต่สิ่งที่สามารถนำพาให้เราตัดภพตัดชาติได้ไม่ใช่แค่คุณธรรม แต่เรียกว่า ปัญญา ถ้าเกิดปัญญาเข้าใจในธรรมจะสามารถตัดภพตัดชาติหลุดพ้นการเวียนว่ายได้ ถ้าผู้ใดรู้จักอบรมบ่มเพาะคุณธรรมปัญญาธรรมลงไปในหน่อเนื้อแห่งจิตใจ จะทำให้หน่อเนื้อแห่งจิตใจนี้ไม่ว่าต้องเกิดกี่ภพกี่ชาติ คุณธรรมแห่งปัญญาที่กระจ่างแจ้งในธรรมจะนำพาให้ศิษย์ไม่ว่าอยู่ภพไหนชาติไหน ก็จะมีปัญญาดี ฟังอะไรก็เข้าใจง่าย ปัญญานี้ได้มาจากการเรียนรู้เข้าใจธรรม ถ้าศิษย์หมั่นเรียนรู้เข้าใจธรรมมากๆ ถึงแม้วันนี้จะยังไม่เข้าถึง ถึงแม้วันนี้จะยังไม่รู้แจ้ง แต่เรียนรู้ไปบ่อยๆ บ่มเพาะคุณธรรมแห่งความรู้ธรรมไปบ่อยๆ ปัญญานี้จะติดตัวไปทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าจะอยู่ชาติไหน เราก็มีปัญญาคิดได้ ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากมีปัญญาดี จงต้องรู้จักหมั่นศึกษาเข้าใจธรรม ความเข้าใจนี้จะสามารถทำให้เราตัดภพตัดชาติได้ แต่ว่าศิษย์ก็บอกว่า ยังยากอยู่ เพราะศิษย์ยังอยากรวย เอารวยไว้ก่อน พอรวย ตายแล้วเอาไปได้ไหม (ไม่ได้) แต่ถ้ามีเงินแล้วมีปัญญา มีปัญญาแล้วมีบุญบารมีสั่งสม ซุปเปอร์มหารวยเลย อาจารย์ถามระหว่างมีเงินกับปัญญา ศิษย์ว่าเอาอันไหนดี (ปัญญา) แต่พอถึงเวลามาฟังธรรม พอเข้าใจธรรมก็เกิดปัญญา แต่ศิษย์ก็ยังบอกเอาเงินก่อน ถูกไหม (ถูก) ปัญญาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าไม่มีเงินแต่มีปัญญาก็ทำให้มีเงินได้ แต่ถ้ามีเงินแล้วไม่มีปัญญา ทำอย่างไรก็จน แล้วปัญญาไม่ได้เกิดจากการไปนั่งฟังเขาพูด แต่ต้องเกิดจากการกระจ่างแจ้งในธรรมที่เคยสั่งสมมา ฉะนั้นถ้าต่อไปมีการฟังเทศน์ฟังธรรม มีการอบรมธรรม ฟังไหม (ฟัง) เพราะอะไร (อยากมีปัญญา) จำไว้นะปัญญาจะเป็นอริยทรัพย์ที่สามารถติดไปได้ทุกภพทุกชาติ
ถ้ายังตัดอบายมุขไม่ได้ ยังตัดโลภโกรธหลงไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งศิษย์ต้องตกนรก ไม่ต้องกลัว ยอมรับ ผิดก็ผิด ชดใช้ก็ชดใช้ แต่ถ้าตกนรกเเล้วยังไม่ยอมรับ บาปกรรมจะยิ่งเพิ่มทวีคูณ ถูกไหม (ถูก) สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม กรรมจำแนกสัตว์โลกให้แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน จงคิดก่อนจะสร้างกรรม คุณธรรมทำให้คนประเสริฐ ปัญญาทำให้มนุษย์บริสุทธิ์และพ้นทุกข์สิ้นทุกข์ได้ ทำไมเลือกเงินไม่เลือกปัญญา ทำไมเอาเกียรติยศแต่ไม่เอาอริยทรัพย์ เกิดเป็นคนอย่าคิดว่า เข้าใจธรรมเป็นเรื่องยาก อาจารย์อยากให้ศิษย์รับเอาไว้ เพราะจะดีกับปัญญาของศิษย์เอง วันนี้ไม่ได้ เดี๋ยววันหนึ่งก็ได้ พอได้แล้วก็จะสว่างใส จะเข้าใจทะลุทะลวงเลยนะศิษย์ ปัญญาเกิดได้เมื่อเราสงบนิ่งจนถึงที่สุด แต่คำว่าสงบนิ่ง ไม่ใช่แค่หลับตา ไม่รับรู้ปิดหูปิดตา อย่างนั้นไม่ใช่ แม้เราลืมตาเจออะไรมากระทบก็เข้าใจจนเกิดปัญญาแล้ววางลงได้ อย่างนั้นย่อมประเสริฐกว่า เหมือนที่พระพุทธะเคยกล่าวไว้ว่า แม้เรานั่งสมาธิจนได้ฌาณถึงสิบปี ก็ยังไม่ประเสริฐเท่ากับรู้แจ้งในธรรมเพียงชั่วช้างกระดิกหูไก่กระพือปีก แค่รู้ขณะเดียว
ศิษย์เคยได้ยินคำว่า สูงสุดย่อมคืนสู่สามัญ ใช่ไหม (ใช่) คนชอบติดดอย นึกว่าตัวเองยังสูงอยู่ ทั้งที่ตัวเองนั้นเป็นมนุษย์เดินดินทั่วไป เวลาได้เงินมาแล้วต้องสูญเสียไปทำใจได้ไหม (ไม่ได้) ผิดหวังในรัก ทำใจได้ไหม (ไม่ได้) ถ้าศิษย์อยากรวยแต่ศิษย์ไม่เข้าใจธรรมของการมีเงิน ไม่เข้าใจธรรมของความเป็นจริงที่เรียกว่าสัจธรรม ศิษย์ก็จะทุกข์เพราะเงิน ศิษย์ก็จะทุกข์เพราะรัก ศิษย์ก็จะทุกข์เพราะเกียรติยศ สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นจริงอย่างที่เข้าใจ สิ่งที่ศิษย์เห็นจริงนั้น มันเปลี่ยนได้ไหม (ได้) แล้วเรายอมรับได้ไหม รับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง สรรพสิ่งในโลกแสวงหาได้แต่ยึดครองไม่ได้ เราจึงต้องเข้าใจในหลักของธรรม ฉะนั้นพระพุทธะจึงสอนไว้ว่าหลักสำคัญในการเข้าใจธรรม ไม่ใช่ให้เราเข้าใจเพื่อทุกข์ ไม่ใช่ให้เราเข้าใจเพื่อท้อ แต่ให้เราเข้าใจเพื่อรู้จักอยู่กับมันให้เป็น สมมติโดนเพื่อนด่าว่าไอ้แก่ รับได้ไหม (ได้) ศิษย์รับได้หรือเขารับไม่ได้ ตอนศิษย์แก่ศิษย์ก็รับได้ แต่บางคนขนาดแก่แล้วพอโดนด่าว่าไอ้แก่ รับไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) ในเมื่อเรารู้ความจริง ความจริงคือหลักสัจธรรมที่ทำให้เราไม่ลืมเลือน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ศิษย์เอ๋ย ศิษย์จะเป็นใครศิษย์จะอยากอะไรอาจารย์ไม่ว่า แต่ศิษย์ต้องไม่ลืมความจริงว่าโลกเปลี่ยนทุกขณะ เเละสิ่งที่ศิษย์กำลังครอบครองมันก็เปลี่ยนทุกขณะ ศิษย์กำลังทุกข์กับอะไรในเมื่อทุกขณะมันเปลี่ยน เขาด่าเราไอ้แก่ ขอบใจเดี๋ยวฉันก็แก่ ถ้าเขาด่าเราว่าไอ้ขี้เหร่เราโกรธไหม (ไม่โกรธ) ไม่เป็นไรเพราะเราก็ขี้เหร่จริงๆ
ความเข้าใจธรรมทำให้เราเป็นกลาง เมื่อเราเป็นกลาง เราจะไม่โกรธใคร เราจะไม่เกลียดใคร เเละเราจะไม่รักใคร เมื่อไม่โกรธไม่เกลียดไม่รักไม่หลงไม่โลภ เราก็ไม่ตกลงไปอยู่ในทางเเห่งอบายภูมิ นั่นล่ะเรียกว่าเกิดปัญญาเห็นเเจ้งในธรรมทั้งมวล นอกจากมีคุณธรรมความเป็นคนแล้วเราต้องเข้าใจ หลักแห่งสัจธรรม เพราะหลักแห่งสัจธรรมจะสอนให้เรารู้ว่าเกิดเป็นคนต้องมีทางสายกลาง เราไม่ต้องพยายามเป็นกลาง แต่เราแค่รู้ยอมรับว่า เราไม่ใช่สวยสุดเเละเราไม่ได้ขี้เหร่สุด เราไม่ได้เก่งสุดและเราก็ไม่ได้แย่สุด เวลาหาเงินมามากแค่ไหนศิษย์เอ๋ยจำไว้ไม่ต้องรวยสุดเพราะรวยสุดก็มีรวยกว่า ไม่ต้องเดินทางสายกลางแค่ยอมรับว่าตนเองเป็นกลาง
อาจารย์อยากให้ศิษย์เข้าใจหลักแห่งธรรมะ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กฎแห่งไตรลักษณ์ที่เรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และมีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างและก็ทุกผู้ทุกคน เพราะถ้าเราเข้าใจถึงเวลามันเปลี่ยนไป รับได้ไหม (ได้) ต้องรับให้ได้ เราทุกข์กายแล้วเราโง่ทุกข์ใจทำไม เราเจ็บกายแล้วเราโง่เจ็บใจทำไม เราสูญเสียแล้วทำไมต้องให้ใจสูญเสียอีก ฉะนั้นรู้ธรรมเพื่อเข้าถึงปัญญา เพื่อนำทางตนไปสู่ความบริสุทธิ์ที่มีอยู่ในใจศิษย์ทุกคน แต่ศิษย์ไม่เคยมองเห็นมันเท่านั้นเอง
อาจารย์บอกว่า ถ้าผลไม้นี้กินแล้วแก่ กินแล้วเจ็บ กินแล้วตาย เอาไหม (ไม่เอา) งั้นอาจารย์ถามหน่อยสิ่งที่ศิษย์ปรารถนา ไม่ว่าเงินทอง
คนรัก กระเป๋า เสื้อผ้า เกียรติยศ มีอะไรที่ศิษย์ครอบครองแล้วไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายบ้าง (ไม่มี) ฉะนั้นเราอยากเพิ่มทุกข์ เพิ่มความแก่ เพิ่มความตายให้ตัวเองไหม (ไม่) ทำไมไม่พอสักที ศิษย์ก็บอกว่ามีคนมาทำให้ศิษย์โมโห ทำให้ศิษย์รัก ศิษย์ไปว่าเขาที่ทำให้ศิษย์โกรธ ไปว่าที่ทำให้เรารักเขา ถ้าสมมติมีใครมาดีกับศิษย์ สวยจัง เดี๋ยวเขาเอาขนมมาให้และมาหาตัวเองทุกวันเลยนะ อาจารย์ถามจริงๆ ถ้าใจมันไม่รัก ต่อให้ประเคนอะไรมา ถึงให้ดีขนาดไหน จะรักไหมอาจารย์ถามว่า เขาทำให้หนูรัก หรือหนูไปรักเขาเอง แล้วก็ไปโกรธเขาว่าเขาทำให้หนูเจ็บ ก็หนูเผลอไปรักเขาทำไม ถูกไหม (ถูก) เหมือนกัน เขาทำให้ผมโกรธ ด่าผม ตีผม ถามว่าถ้าตัวศิษย์ไม่มีตะกอนแห่งความโกรธ ใครตีจะโกรธไหม เขาตีเรานิดเดียวเอง ถ้าเขามาทำให้เราโกรธ แต่เราไม่มีตะกอนแห่งความโกรธ เราไม่มีไฟแห่งความเกลียด เราจะโกรธหรือเกลียดเขาไหม เขาผิดไหมที่ทำให้ตัวเองโกรธ รับกันไปคนละครึ่งนะ
คนรัก กระเป๋า เสื้อผ้า เกียรติยศ มีอะไรที่ศิษย์ครอบครองแล้วไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายบ้าง (ไม่มี) ฉะนั้นเราอยากเพิ่มทุกข์ เพิ่มความแก่ เพิ่มความตายให้ตัวเองไหม (ไม่) ทำไมไม่พอสักที ศิษย์ก็บอกว่ามีคนมาทำให้ศิษย์โมโห ทำให้ศิษย์รัก ศิษย์ไปว่าเขาที่ทำให้ศิษย์โกรธ ไปว่าที่ทำให้เรารักเขา ถ้าสมมติมีใครมาดีกับศิษย์ สวยจัง เดี๋ยวเขาเอาขนมมาให้และมาหาตัวเองทุกวันเลยนะ อาจารย์ถามจริงๆ ถ้าใจมันไม่รัก ต่อให้ประเคนอะไรมา ถึงให้ดีขนาดไหน จะรักไหมอาจารย์ถามว่า เขาทำให้หนูรัก หรือหนูไปรักเขาเอง แล้วก็ไปโกรธเขาว่าเขาทำให้หนูเจ็บ ก็หนูเผลอไปรักเขาทำไม ถูกไหม (ถูก) เหมือนกัน เขาทำให้ผมโกรธ ด่าผม ตีผม ถามว่าถ้าตัวศิษย์ไม่มีตะกอนแห่งความโกรธ ใครตีจะโกรธไหม เขาตีเรานิดเดียวเอง ถ้าเขามาทำให้เราโกรธ แต่เราไม่มีตะกอนแห่งความโกรธ เราไม่มีไฟแห่งความเกลียด เราจะโกรธหรือเกลียดเขาไหม เขาผิดไหมที่ทำให้ตัวเองโกรธ รับกันไปคนละครึ่งนะ
ฉะนั้นก่อนที่จะไปว่าเขา เราต้องเข้าใจหลักแห่งธรรม หลักแห่งใจ ถ้าใจกว้างจนหาที่สุดไม่ได้ แล้วในความกว้างและความว่างนั้น มันไม่มีคำว่าเกลียดคืออะไร โกรธคืออะไร รักคืออะไร ถ้าไปแหย่อะไร เขาจะโกรธไหม และเขาจะหลงรักไหม เขาทำให้ศิษย์โกรธหรือศิษย์มีตะกอนแห่งความโกรธ เขาทำให้ศิษย์รักหรือศิษย์ยินยอมไปรักเขา ฉะนั้นก่อนจะโกรธที่เขาทำเราให้เจ็บ เราควรจะโกรธที่ใจตัวเราเผลอไปมีสิ่งนั้นหรือเปล่า ศิษย์เอยถ้าเราเข้าใจหลักแห่งธรรมแล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือใจ ของเราต้องคุมให้อยู่ เพราะถ้าคุมไม่อยู่ แม้จะเข้าใจธรรมขนาดไหน ใจเรามันก็ไหวไปเรื่อยๆ
อาจารย์อยากให้ศิษย์ทำอะไรคิดให้ดีๆ อย่าคิดสนุกไม่อย่างนั้นจะทุกข์ถนัด เพราะชีวิตลองเล่นไม่ได้ ถ้าพลาดไปแล้วศิษย์ต้องรับผิดชอบเขาทั้งชีวิตมันน่ากลัว อยู่กับอาจารย์ อาจารย์ช่วยรับผิดชอบได้ แต่ชีวิตประมาทไม่ได้นะศิษย์ เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เราคู่ด้วยเขาเป็นคู่เวรคู่กรรม หรือคู่บุญคู่วาสนา ฉะนั้นคิดให้ดีๆ นะ แต่กว่าจะเข้าใจนั้นก็คงยากเเล้วจริงไหม เรายังยึดติดความมีความเป็นอยู่ แต่ทั้งที่จริงเเล้วในความมีความเป็นแท้จริงหาเป็นของเราไม่ สังขารตายได้แต่จิตไม่มีวันตาย สังขารมีวันดับได้แต่จิตไม่มีวันดับ แต่มนุษย์มัวหลงแต่สังขารจนลืมจิตเดิมแท้
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ชื่อเพลง ทุกข์ไม่ทำให้ทุกข์ ทำนองเพลง ทางรักสีดำ)
ทุกข์ไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ แต่เราทุกข์เพราะตัวเราเอง พบความเป็นจริงในโลกแล้ว หลักแห่งสัจธรรมที่เรารู้คือ โลกนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์และว่างเปล่า ว่างเปล่าจากตัวตนให้ยึดถือ ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจหลักสัจธรรมอันนี้
เรายังทุกข์กับอะไรอยู่อีก เมื่อวานแอปเปิลของพระนาจาเป็นแอปเปิลที่เกิดจากความอธิษฐาน ความตั้งใจดีของทุกคนใส่ลงไปในแอปเปิล เพราะเมื่อวานพระนาจาสอนศิษย์ว่ารู้จักสละให้ แล้วการสละให้นั้น ไม่ใช่การให้แค่สิ่งของ เหมือนเราให้คุณธรรม ให้ความจริงใจ ให้ความเมตตา
ให้ความโอบอ้อมอารี ให้ความซื่อตรง อย่ามองเขาเพียงให้แค่นี้ แค่ให้สิ่งของอย่างเดียว แต่ต้องให้ด้วยคุณธรรม ถ้าวันนี้อาจารย์จะแจกแอปเปิลให้ เอาเพื่อให้หรือเอาเพื่อสละ (เอาเพื่อสละ) เอาไปแล้วให้ต่อ อาจารย์ก็ยินดีจะแจก
เรายังทุกข์กับอะไรอยู่อีก เมื่อวานแอปเปิลของพระนาจาเป็นแอปเปิลที่เกิดจากความอธิษฐาน ความตั้งใจดีของทุกคนใส่ลงไปในแอปเปิล เพราะเมื่อวานพระนาจาสอนศิษย์ว่ารู้จักสละให้ แล้วการสละให้นั้น ไม่ใช่การให้แค่สิ่งของ เหมือนเราให้คุณธรรม ให้ความจริงใจ ให้ความเมตตา
ให้ความโอบอ้อมอารี ให้ความซื่อตรง อย่ามองเขาเพียงให้แค่นี้ แค่ให้สิ่งของอย่างเดียว แต่ต้องให้ด้วยคุณธรรม ถ้าวันนี้อาจารย์จะแจกแอปเปิลให้ เอาเพื่อให้หรือเอาเพื่อสละ (เอาเพื่อสละ) เอาไปแล้วให้ต่อ อาจารย์ก็ยินดีจะแจก
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนออกมาวงคำในพระโอวาทซ้อนบนกระดาน และให้นำแอปเปิลผลที่นักเรียนได้รับจากศิษย์พี่พระนาจาที่รับแล้วและส่งต่อๆ กันจนทั่ว ให้นำไปปั่นเป็นน้ำแล้วแบ่งกันทุกคน เพื่อเป็น
สิริมงคล)
สิริมงคล)
จงรู้จักให้ก่อนนะศิษย์เอย จะยิ่งดีมากที่สุด ถ้าการให้ทำให้เขารู้จักให้ต่อนะ ให้แล้วรู้จักให้ต่อนะศิษย์
นอกจากให้แอปเปิล แล้วอะไรที่เราจะรู้จักให้ต่อได้อีก (ความรัก)
สู้ให้ความเมตตาจริงใจดีกว่านะ
สู้ให้ความเมตตาจริงใจดีกว่านะ
(ให้ความเมตตา ให้ใจ) แล้วทำอย่างไรถึงจะให้ใจคนอื่น ทำอะไรจริงใจซื่อตรง นี่แหละเรียกว่าให้ใจล้วนๆ ไม่ว่าทำอะไรกับใครจริงใจ ซื่อตรง ขยันให้ให้ตลอดนะ ไปอยู่ที่ใดจะได้ไม่ลำบาก ทำสิ่งที่ถูกต้อง ไปอยู่ที่ใดก็ไม่ลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครถูกต้อง ขอเพียงตัวเองถูกต้องให้ได้ก่อนนะ สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดี ถ้ายอมรับความจริง ชีวิตไม่เที่ยงนะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย สังขารเป็นของดิน จิตเป็นของฟ้า จำไว้นะ ไหว้พระข้างนอกไม่สู้สร้างพระข้างใน ฉะนั้นถ้าเราทำตัวน่าเคารพ ถ้าเราทำตัวได้ถูกต้อง ไม่ต้องเรียกร้องใคร เราเคารพตัวเองได้ เราไหว้ตัวเองได้ คนอื่นก็เคารพเราได้ ไหว้เราได้ แต่ถ้าเรายังทำตัวไม่ถูก ใครจะเคารพเรา แล้วเราจะรักตัวเองได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง อบายมุขห่างๆ ไว้ดีไหม ดีแปลว่าต้องทำให้ได้
ศิษย์เป็นคนจิตใจดีและอาจารย์ก็เชื่ออย่างนั้น รักษาความดี รักษาความซื่อตรง อย่าคดในข้องอในกระดูกเด็ดขาด ทำดีให้ถึงที่สุดนะ
การให้ที่ประเสริฐที่สุดและเป็นการให้ที่ดีที่สุดคือให้โดยไม่หวังผล ให้โดยไม่เหลือตัวตนให้ยึดถือ เพราะถ้าเรายังหวังผล ยังมีตัวตนให้ยึดถือ แปลว่าสิ่งที่เราทำเราต้องเอาตัวเราไปรับผลนั้นอีก แล้วศิษย์อยากกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในทุกข์นั้นอีกไหม อย่างนั้นต้องทำอย่างไรที่ทำให้เราให้แล้วไม่เหลือตัวตนให้ยึดถือ ไม่เหลือตัวตนให้ต้องกลับมาเวียนว่ายอีก ต้องให้ทั้งใจ ให้หมดใจ ทำให้ได้นะ
รูปลักษณ์เป็นเพียงภายนอก สิ่งที่งดงามแท้จริงคือภายใน ระมัดระวังนิสัย นิสัยเป็นอารมณ์แค่ชั่วขณะหนึ่ง สิ่งสำคัญคือถ้าศิษย์ตรง ศิษย์ดีแน่ คำพูดคนอื่นก็ไม่มีผล แต่บางครั้งตรงเกินไปก็เดือดร้อนคนอื่น ฉะนั้นจำไว้นะ ความจริงแม้จะพูดแล้วดี แต่ถ้าพูดแล้วทำให้คนไม่รัก ทำให้คนไม่สามัคคี ทำให้คนฟังแล้วเจ็บปวด บางครั้งไม่ต้องพูดเงียบไว้ดีกว่านะ ทำให้ได้นะ อะไรที่ดีก็รักษา แต่อะไรที่ไม่ดีทั้งความเอาแต่ใจ บางครั้งก็ต้องเบาๆ ลงบ้างนะ
สวยหรือไม่สวยเรารู้ดี เพราะสิ่งที่สวยยิ่งกว่าคือใจของศิษย์ เราอยากเชิดชูอะไรให้คนข้างนอกรับรู้ เราอยากเชิดชูใจ เชิดชูคุณงามความดี หรือเราอยากเชิดชูหน้าตา อาจารย์อยากให้ศิษย์เชิดชูที่ใจคุณงามความดี ดีกว่า และยิ่งถ้าทำดีโดยไม่เปิดเผย สิ่งนั้นยิ่งเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่กว่า ปิดทองหลังพระประเสริฐกว่านะ ดีกว่าทำอะไรแล้วเอาแต่เชิดชูหน้าตา มันเป็นความหลอกลวง
มากันทั้งครอบครัวเลย ฉะนั้นสิ่งที่จะทำให้เราเป็นครอบครัวอบอุ่นคือรอยยิ้ม ไม่ว่าอะไรใจเย็นเข้าไว้ นี่คือบุญของศิษย์นะ
ยอมได้ก็ยอม อย่าแอบดื้อลึกๆ ตั้งใจไปทำให้ได้นะ
ระมัดระวังควบคุมอารมณ์ของตนเองด้วย อย่าใจร้อน พูดอะไรให้รู้จักยั้งคิด ทำอะไรขอให้ใจเย็นๆ คิดไตร่ตรองให้ดี
งามภายนอกไม่สู้งามภายใน ขาวภายนอกไม่สู้ขาวภายใน สงบภายนอกไม่สู้สงบที่ใจ
ตั้งใจบำเพ็ญให้ดี เวลามีกันไม่มากเเล้ว ฉะนั้นศิษย์เอย รู้จักบำเพ็ญ มีโอกาสอย่าหลงทางโลกจนลืมบำเพ็ญ
ชีวิตคืออะไรหรือ คือความแน่หรือความรู้จักยอม บางทีแน่มากๆ เราก็เจ็บปวดใช่ไหม ยอมได้ก็ยอม
รักษาความดีดุจเกลือรักษาความเค็ม
ดีชั่วรู้หมดแต่อดใจไม่ไหว น่าเสียดายนะศิษย์เอย
รู้แล้วเหลือแต่ลงมือปฏิบัติ อาจารย์เชื่อมั่นในศิษย์
บางครั้งชีวิตมีทางเลือก แต่ต้องเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าเลือกสิ่งที่ตามใจเห็น เพราะบางครั้งตามใจมากๆ มันไม่ถูกต้อง ใช่ไหม ตามใจมากๆ ก็กลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ฉะนั้นบางครั้งต้องรู้จักฝืนใจตัวเอง
ชีวิตเหนื่อยไหม ลำบากไหม ฉะนั้นอดทน เราต้องรู้จักสร้างบุญบารมีให้กับตนเอง อะไรที่เป็นสิ่งที่ดีจงบอกจงเผื่อแผ่ผู้อื่น
ดื้อไหม ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดหรือยัง (ยัง) บางครั้งยังล้ายังท้อใช่ไหม ศิษย์เอยวันนี้คืออนาคตวันหน้า ถ้าวันนี้ศิษย์ไม่ตั้งใจทำให้ดีที่สุดวันหน้าจะลำบาก ฉะนั้นยอมลำบากตอนนี้เพื่อวันหน้าจะได้มีอนาคตที่ดี เชื่ออาจารย์นะ
รออาจารย์ไหม (รอ) มีโอกาสศึกษาธรรมเยอะๆ อายุมากแล้วสังขารมันไม่เที่ยงมีแต่จิตคน แต่ตัวศิษย์เองต้องรู้จักคิดรู้จักทำอยู่ในกรอบเเห่งศีลธรรมอันดีงาม
ตั้งใจบำเพ็ญฝึกฝนเรียนรู้คุณธรรมความเป็นคนให้ถูกต้องและงดงาม ระมัดระวังควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ ธรรมมีความสำคัญกับชีวิต
ในร่างกายเรามีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าสังขาร และมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าจิตญาณ สังขารเป็นสิ่งที่เกิดดับได้ วันหนึ่งก็ต้องแตกสลายไปตามสภาพธรรมชาติ แต่จิตญาณไม่มีวันแตกดับ ไม่ต้องการที่อยู่ ไม่ต้องการเจ้าของ แต่ต้องการแค่คนที่รู้และเข้าใจในธรรม มนุษย์ประเสริฐเพราะมีธรรม มีคุณธรรมในการดำรงชีวิต เข้าใจในธรรมที่อยู่ในตัวตน ธรรมที่อยู่ในตัวตนเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สัจธรรม ถ้าเรารู้แจ้งในสัจธรรมของตัวตน เราก็มีปัญญาหลุดพ้นและเข้าถึงจิตเดิมแท้ เข้าใจไหม (เข้าใจ) ฉะนั้นศิษย์มองให้ชัดนะในธรรมมีสัจธรรม และถ้าเราเข้าถึงสัจธรรมและประกอบด้วยคุณธรรมเราคือ
ผู้ประเสริฐที่เข้าถึงหนทางบริสุทธิ์ ละชั่ว กระทำดี กลับคืนสู่ธรรมญาณเดิมในตัวตน ในตัวเรามีสัจธรรมที่เรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจังคือความไม่เที่ยง ทุกขังคือความทนได้ยาก อนัตตาคือว่างเปล่าจากตัวตนที่แท้จริง เมื่อมันว่างเปล่าจากตัวตนที่แท้จริง เราจะมีตัวตนไปแบกรับมันไหม (ไม่มี)
ในร่างกายเรามีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าสังขาร และมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าจิตญาณ สังขารเป็นสิ่งที่เกิดดับได้ วันหนึ่งก็ต้องแตกสลายไปตามสภาพธรรมชาติ แต่จิตญาณไม่มีวันแตกดับ ไม่ต้องการที่อยู่ ไม่ต้องการเจ้าของ แต่ต้องการแค่คนที่รู้และเข้าใจในธรรม มนุษย์ประเสริฐเพราะมีธรรม มีคุณธรรมในการดำรงชีวิต เข้าใจในธรรมที่อยู่ในตัวตน ธรรมที่อยู่ในตัวตนเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สัจธรรม ถ้าเรารู้แจ้งในสัจธรรมของตัวตน เราก็มีปัญญาหลุดพ้นและเข้าถึงจิตเดิมแท้ เข้าใจไหม (เข้าใจ) ฉะนั้นศิษย์มองให้ชัดนะในธรรมมีสัจธรรม และถ้าเราเข้าถึงสัจธรรมและประกอบด้วยคุณธรรมเราคือ
ผู้ประเสริฐที่เข้าถึงหนทางบริสุทธิ์ ละชั่ว กระทำดี กลับคืนสู่ธรรมญาณเดิมในตัวตน ในตัวเรามีสัจธรรมที่เรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจังคือความไม่เที่ยง ทุกขังคือความทนได้ยาก อนัตตาคือว่างเปล่าจากตัวตนที่แท้จริง เมื่อมันว่างเปล่าจากตัวตนที่แท้จริง เราจะมีตัวตนไปแบกรับมันไหม (ไม่มี)
มนุษย์ไม่ใช่มีแค่กายกับจิต แต่มนุษย์เติมใจเข้าไป ใจที่ครอบงำและเชื่อมระหว่างกายกับจิต และใจตัวนี้ที่เรียกว่า อัตตาตัวตน ทำให้แม้เราจะตาย ใจตัวนี้ก็ตามจิตไป แล้วครอบงำจิตว่า เราเป็นแบบนี้ เราชอบแบบนี้ แต่ถ้าเมื่อไหร่เรามองเห็นชัดว่าสังขารไม่เที่ยง ใจก็ไม่เที่ยง และความไม่เที่ยงนั้นไม่ใช่ตัวเรา เราจะค้นพบจิตเดิมแท้ซึ่งเป็นหนทางบริสุทธิ์ที่เรียกว่า สภาวธรรม มนุษย์เกิดแค่ครั้งเดียว เกิดแล้วแก่แล้วเจ็บแล้วตาย แต่มนุษย์ซ้อนเกิดเข้าไปอีก ด้วยการที่เกิดชอบ เกลียด รัก ชัง เบื่อ หน่าย ซึ่งรวมกันเรียกว่า กรรม เมื่อมีตัวตน มีผู้สร้าง มีกรรม ก็ก่อเกิดเป็นภพ ชาติ ชรา มรณา เกิดกี่ทีก็ทุกข์ทุกที ก็เลยไม่รู้แจ้ง ถ้าเราเข้าใจธรรมที่เรียกว่าสัจธรรม หรือมีปัญญาเห็นแจ้งด้วยการเข้าใจว่าอนิจจังแปลว่า ไม่เที่ยง ทุกขังแปลว่า ทนได้ยาก อนัตตาแปลว่า ว่างเปล่าจากตัวตน ถ้าเราทำแล้วไม่ยึดจึงเรียกว่า “ธรรม” แต่ถ้าทำแล้วยึดแล้วหลงจึงเรียกว่า “กรรม” ถ้าเราใช้แล้วไม่ยึดแปลว่าเราเข้าถึงธรรม แต่ถ้าเราใช้แล้วเรายึด ยึดแล้วเรายังสร้างดีก็เรียกว่า “บุญกรรม” เรียกว่า กรรมดี ยึดแล้วยังสร้างบาปก็เรียกว่า กรรมชั่ว เรียกว่า “บาป” แต่ถ้าเรายืมใช้แล้วเราเข้าใจ แล้วเราแจ้ง เราไม่ยึด แค่ยืมใช้แล้วปล่อยวาง เรียกว่า “อกรรม”
พระพุทธะจึงสอนไว้ว่า จงมาอยู่บนโลกแบบคนยืมใช้ ยืมสังขาร เราแค่ยืมเขามา ถึงเวลาก็เป็นไปตามสภาวธรรม คนนี้เขารัก คนนี้เขาหน่าย ก็เป็นไปตามสภาวธรรม วันนี้เขารัก วันนี้เขาเกลียด ก็เป็นสภาวธรรม วันนี้ศิษย์แข็งแรง พรุ่งนี้เจ็บปวดก็เป็นสภาวธรรม พอเข้าใจมากๆ ก็จะเป็นธรรมดา เมื่อเข้าใจมากๆ ธรรมดาก็กลายเป็นแค่นั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดแล้วดับ สิ่งใดมีความเกิด สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา แล้วศิษย์จะพยายามปล่อยทำไม เดี๋ยวก็ดับได้เอง ถูกไหม (ไหม) แต่ที่ต้องพยายามปล่อยเพราะศิษย์ยึดมันไม่ปล่อย วางไม่ลง ถ้าอยากไม่ทุกข์ แค่เห็นทุกข์แต่อย่าทน เข้าใจไหม
พระพุทธะสอนไว้ว่าเมื่อมันไม่เที่ยง เมื่อมันเป็นทุกข์และเมื่อมันว่างเปล่า เราโกรธอะไรกับความไม่เที่ยง เขาด่าก็รู้ว่าไม่เที่ยง เขาชมก็รู้ว่าไม่เที่ยง เขายกย่องก็รู้ว่าไม่เที่ยง ถ้าเราหลงเราก็คือคนที่โง่กับความไม่เที่ยง แล้วเราทุกข์ไหม แล้วเราจะแบกทุกข์ไปอีกทำไม แล้วทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ไหม (เป็น) แล้วเราจะให้ทุกข์เขาอีกทำไม ฉะนั้นถ้าปิดปากได้
พูดน้อยหน่อยดีไหม (ดี) นอกจากมีปัญญาแล้ว ยังต้องรู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้นที่เรียกว่าสัจธรรม พระพุทธะสอนไว้ว่า “จงอย่าประมาทในการดำเนินชีวิตเพราะทุกชีวิตล้วนไปสู่ความตาย” เรากำลังตายอยู่ทุกขณะ ทุกคนดีใจที่ได้เป่าเค้กวันเกิด แต่พระพุทธะบอกว่ากำลังเป่าเค้กวันตาย ดีใจที่ตัวเองสวย ตัวเองหล่อ แต่พระพุทธะบอกว่าคือหนังผีหุ้มกระดูก ดีใจมีบ้านใหญ่ๆ แต่ตายไปแล้วบ้านใหญ่ๆ เป็นของใคร เงินทองแย่งกันแทบตาย แล้วผลสุดท้ายเป็นของใคร (ของคนอื่น) แล้วทำไมไม่เอาปัญญา เอาเงินไปทำไม เมื่อไรที่เราเข้าใจความไม่เที่ยง ความทนได้ยาก ความว่างเปล่าจากตัวตน ความโลภ โกรธ หลงมันเลยไม่มี เมื่อทุกอย่างไม่เที่ยงจะโลภอะไร เมื่อทนได้ยากจะโกรธอะไร เมื่อว่างเปล่าจากตัวตนจะหลงอะไร เมื่อศิษย์โลภแล้วจะค่อยไปให้ทานหรือ ไปเกลียดไปโกรธเขามาเต็มที่แล้วค่อยมารักษาศีลหรือ ไปหลงก่อนแล้วค่อยมีปัญญาหรือ ทำไมไม่มีปัญญาก่อนจะได้ไม่หลง ทำไมไม่มองให้เห็นชัดจะได้ไม่โกรธ พระพุทธะจึงสอนให้รู้จักทาน ศีล ภาวนา ก็มาจากตรงนี้ ก็อยู่ในตัวศิษย์ที่เรียกว่าสัจธรรม เรียกว่าสังขาร เรียกว่ากองทุกข์ เรียกว่าสิ่งของ เรียกว่าธรรม ในธรรมมีหลักสัจธรรม
ในสัจธรรมถ้ารู้จักประกอบคุณธรรมเรียกว่ามนุษย์ประเสริฐ แล้วถ้าประกอบคุณธรรมแล้วเข้าใจในหลักสัจธรรมนั่นคือหนทางพ้นทุกข์
พูดน้อยหน่อยดีไหม (ดี) นอกจากมีปัญญาแล้ว ยังต้องรู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้นที่เรียกว่าสัจธรรม พระพุทธะสอนไว้ว่า “จงอย่าประมาทในการดำเนินชีวิตเพราะทุกชีวิตล้วนไปสู่ความตาย” เรากำลังตายอยู่ทุกขณะ ทุกคนดีใจที่ได้เป่าเค้กวันเกิด แต่พระพุทธะบอกว่ากำลังเป่าเค้กวันตาย ดีใจที่ตัวเองสวย ตัวเองหล่อ แต่พระพุทธะบอกว่าคือหนังผีหุ้มกระดูก ดีใจมีบ้านใหญ่ๆ แต่ตายไปแล้วบ้านใหญ่ๆ เป็นของใคร เงินทองแย่งกันแทบตาย แล้วผลสุดท้ายเป็นของใคร (ของคนอื่น) แล้วทำไมไม่เอาปัญญา เอาเงินไปทำไม เมื่อไรที่เราเข้าใจความไม่เที่ยง ความทนได้ยาก ความว่างเปล่าจากตัวตน ความโลภ โกรธ หลงมันเลยไม่มี เมื่อทุกอย่างไม่เที่ยงจะโลภอะไร เมื่อทนได้ยากจะโกรธอะไร เมื่อว่างเปล่าจากตัวตนจะหลงอะไร เมื่อศิษย์โลภแล้วจะค่อยไปให้ทานหรือ ไปเกลียดไปโกรธเขามาเต็มที่แล้วค่อยมารักษาศีลหรือ ไปหลงก่อนแล้วค่อยมีปัญญาหรือ ทำไมไม่มีปัญญาก่อนจะได้ไม่หลง ทำไมไม่มองให้เห็นชัดจะได้ไม่โกรธ พระพุทธะจึงสอนให้รู้จักทาน ศีล ภาวนา ก็มาจากตรงนี้ ก็อยู่ในตัวศิษย์ที่เรียกว่าสัจธรรม เรียกว่าสังขาร เรียกว่ากองทุกข์ เรียกว่าสิ่งของ เรียกว่าธรรม ในธรรมมีหลักสัจธรรม
ในสัจธรรมถ้ารู้จักประกอบคุณธรรมเรียกว่ามนุษย์ประเสริฐ แล้วถ้าประกอบคุณธรรมแล้วเข้าใจในหลักสัจธรรมนั่นคือหนทางพ้นทุกข์
ทำบุญอย่าหวังผล เพราะถ้าทำบุญเเล้วหวังผลคือเรากำลังจะมีตัวตนเพื่อไปแบกรับกรรมต่อ เหมือนที่ศิษย์ชอบขอกัน ชาติหน้าขอให้เกิดมาสบายไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ ชาติหน้าเกิดเป็นสุนัขให้เขาอาบน้ำให้ทำนู่นทำนี่ให้ แต่คุณธรรมความดีไม่ดีเลยใช่ไหม (ใช่) เอาหรือ (ไม่เอา) อาจารย์จึงอยากให้ศิษย์อยู่บนโลกอย่ามัวหลงโลภ หลงโกรธ หลงเงินทอง หลงรูปลักษณ์ มันเป็นของไม่เที่ยง มีของเที่ยงอยู่อย่างเดียวที่อยู่ในใจศิษย์ นั่นคือจิตเดิมแท้อันบริสุทธิ์ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสภาวธรรม
ไปแล้วนะ มีโอกาสกลับมาผูกบุญกันอีกดีไหม (ดี) จำไว้โลภ โกรธ หลง คือหนทางแห่งบาปและกรรม แต่ไม่โลภไม่โกรธไม่หลงคือหนทางแห่งอกรรม เลือกทางที่ถูกอย่าหลงผิดทาง มีโอกาสเป็นศิษย์อาจารย์กันแล้ว กลับมาผูกบุญกันอีก กลับมาเพิ่มปัญญาธรรมอีก ดีไหม (ดี) อาจารย์ห่วงศิษย์ได้มากแค่ไหน แต่ถึงเวลาก็ต้องปล่อย คิดให้ดีๆ ก่อนจะเลือกทำอะไรนะศิษย์ แล้วเราจะได้ไม่ต้องทุกข์เพราะตนเอง ทำให้ได้นะ เข้มแข็งนะ บำเพ็ญธรรม อุทิศเสียสละ ฉุดช่วยเวไนยกลับคืนฟ้าเบื้องบน สังขารเป็นของดิน จิตเป็นของฟ้า ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา ฝึกใจฟ้ารู้จักให้ รู้จักใจกว้าง รู้จักอดทน ฝึกใจดั่งดินที่หนักแน่นมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง แล้วศิษย์จะเป็นคนที่มีทั้งใจฟ้าที่กว้างใหญ่และใจดินที่อดทน ทำให้ได้นะ เลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง อย่าหลงทาง รักษาคุณงามความดีให้เข้มแข็งยิ่งกว่าสังขารตั้งใจทำให้ได้ นำไปปฏิบัติบ้าง อย่าแค่ฟังแล้วผ่านเลย ศิษย์เอ๋ยมีโอกาสเป็นศิษย์อาจารย์กันแล้วกลับมาอีกนะ มาช่วยอาจารย์อีกได้ไหม ทำให้ได้นะ
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า
“ผู้ใฝ่ธรรม” )
“ผู้ใฝ่ธรรม” )
คำนี้มีความหมายที่ดี คำนี้มีความหมายที่ลึกซึ้ง และอาจารย์ก็เชื่อว่าศิษย์ของอาจารย์ในชั้นนี้ทำได้ดีและทำได้ลึกจนถึงคำว่า “ธรรม” ลองไปอ่านความหมายข้างในดู ถ้าทำได้ถึงขนาดนี้ศิษย์ถึง “ธรรม” แน่ ศิษย์สิ้นทุกข์แน่ อย่าทุกข์แล้วทุกข์อีกเลยนะ มีปัญญาตื่นเถอะ ทุกข์พอแล้ว
เจ็บพอแล้ว มีปัญญาแล้วมีสติรู้ แต่ไม่ต้องทุกข์ ได้ไหม ทำให้ได้นะ ศิษย์เอ๋ยบำเพ็ญเพื่อสิ้นทุกข์ เกิดมาเป็นคนถือว่าประเสริฐสุดแล้ว จะหลงอะไรกับโลกใบนี้ ไม่มีอะไรน่าอาลัยอาวรณ์เลย ถ้าเราทำได้ดี ทำได้ถูกต้อง เราก็ช่วยคนได้ทั้งโลก อย่าดูเบาตัวเอง ถ้าเราทำได้ดี เราทำได้ถูกต้อง เราก็คือพระบนโลกใบนี้ ศรัทธาในความดีงาม คุณธรรมในใจของศิษย์ เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดที่ศิษย์มีในชีวิตหนึ่ง
เจ็บพอแล้ว มีปัญญาแล้วมีสติรู้ แต่ไม่ต้องทุกข์ ได้ไหม ทำให้ได้นะ ศิษย์เอ๋ยบำเพ็ญเพื่อสิ้นทุกข์ เกิดมาเป็นคนถือว่าประเสริฐสุดแล้ว จะหลงอะไรกับโลกใบนี้ ไม่มีอะไรน่าอาลัยอาวรณ์เลย ถ้าเราทำได้ดี ทำได้ถูกต้อง เราก็ช่วยคนได้ทั้งโลก อย่าดูเบาตัวเอง ถ้าเราทำได้ดี เราทำได้ถูกต้อง เราก็คือพระบนโลกใบนี้ ศรัทธาในความดีงาม คุณธรรมในใจของศิษย์ เพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดที่ศิษย์มีในชีวิตหนึ่ง
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ผู้ใฝ่ธรรม”
รู้ธรรมต้องให้ถึงธรรม บาปกรรมผู้บำเพ็ญไม่สร้าง
ความดีทำแล้วก็วาง สตินำทางของใจ
สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับทุกขณะ เมื่อไม่ยึดจะต้องละปล่อยวางไหม
ไม่มีแม้อัตตาตัวตนของใคร ทุกสิ่งล้วนเป็นไปเช่นนั้นเอง
แก้ไขเพลงพระโอวาทงานประชุมธรรมสถานธรรมผู่ถี จ.พิษณุโลก
๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙
หน้า ๑๕ ย่อหน้าแรกเพลงพระโอวาท
บรรทัดที่ ๔
เดิม ไม่จับไม่ฝืนทน แก้ไขเป็น ไม่จับไม่ฝืนตน
บรรทัดที่ ๘
เดิม เหมือนกับทุกทุกวัน แก้ไขเป็น เหมือนกันกับทุกทุกวัน
บรรทัดที่ ๑๑
เดิม เรื่องแบบนี้ศิษย์คุ้นกันบ้างหรือเปล่า
แก้ไขเป็น เรื่องแบบนี้ศิษย์คุ้น(กัน)บ้างหรือเปล่า