西元二○○七年歲次丁亥十一月 廿七日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ สถานธรรมฉือเหริน จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทศิษย์พี่นาจา
สรรพสิ่งเกิดขึ้นอยู่และดับไป มีสิ่งใดที่มั่นคงยั่งยืนหนา
แม้ชีวิตยังผันแปรทุกเวลา แต่ใครหนาจะค้นพบหนทางจริง
เราคือ
ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฉือเหริน แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามทุกท่านหายง่วงนอนแล้วหรือยัง
หน้าที่พึงรู้มีอย่าใช้อารมณ์ สติข่มเพื่อใจที่ไม่วู่วาม
อภัยย่อมดียินรู้โกรธไม่งาม ยอมรับที่พึ่งได้ความสมานไมตรี
โลกความจริงเป็นไปคิดให้ถ้วน รู้กระบวนด้วยได้รับได้ประสบการณ์ชี้
โลกคงหมุนกาลเป็นเช่นสายนที ยังหลงเวียนมีอะไรดีขึ้นมา
เคยมีอดีตมั่นคงสุขสมอย่างไร รักษายังผันเปลี่ยนไปพบเห็นหนา
เวลาเปลี่ยนปัจจุบันยังต่างกันได้นา อนาคตเบื้องหน้ากว่าแจ้งดีดูปัจจุบัน
ปลุกคนเดิมตรองฝึกธรรมบำเพ็ญตน รู้คุมตนใจเดิมก็ยากหวั่น
เผลอไปที่แย่กว่าพลิกชีวิตทัน ทุกข์สารพันตรมต้องใช่ลืมสุขไป
รูปนามอย่าให้ลวงค่าจริงแท้ โลภแต่หวังไกลจนใกล้ระวังไม่
ชอบชังพันวุ่นตัวถือทิฐิไป พลาดพลั้งไปพัวพันลึกปิดตา
คนชอบวิ่งตามสมัยใจเปรียบเทียบ ธรรมสามัญเฉยเพราะเรียบไม่ใฝ่หา
แสงสีสิ่งทำนิยมเพลินอายตนะนา กระแสมายาใดเก่งผลัดสะบัดไม่ลง
คิดถึงวันไม่น่าพลาดพลั้งผิด จมอดีตบ่มอนาคตเชื่อมปัจจุบันกลายผง
ปฏิวัติทุกข์วันนี้เริ่มรู้ปลดปลง ปัจจุบันจงไปเพาะต้นใหม่สร้างสรรค์งาม
ฮิ ฮิ หยุด
พระโอวาทพระนาจา
เบื่อฟังธรรมะหรือยัง (ยัง) อดทนไหวไหม (ไหว) ท่านว่ามนุษย์มีความอดทนจำกัดไหม (จำกัด) แล้วความสามารถของมนุษย์มีความจำกัดไหม (ไม่จำกัด) ความสามารถไม่จำกัดแต่ความอดทนจำกัด แล้วความอดทนไม่ใช่ความสามารถหรือ ความอดทนก็เป็นความสามารถส่วนหนึ่ง
ท่านว่าเสียงของท่านดังที่สุดแค่ไหน ให้ท่านลากเสียงให้ยาวที่สุด ท่านว่าจะนานแค่ไหน (ไม่นาน) บางครั้งเราบอกว่าไม่นานแต่พอไปเทียบกับคนอื่น หรือคนข้างๆ เราอาจจะนานกว่าเขาก็ได้ ใช่ไหม (ใช่) แล้วพอเราไปเทียบกับหลายๆ คน ความจริงแล้วเสียงเราอาจจะ
สั้นกว่าปกติก็ได้ อาจจะยาวกว่าคนอื่นก็ได้
สั้นกว่าปกติก็ได้ อาจจะยาวกว่าคนอื่นก็ได้
ฉะนั้นความอดทนสั้นหรือยาวท่านตอบได้ไหม ลองดูสิว่านั่งอยู่ตรงนี้ ใครจะทนไม่ได้ก่อนกัน พอจบชั้นบางคนลุกทันทีเลย แต่บางคนจบชั้นแล้วกลับบอกว่า “อ้าวจบแล้วหรือยังฟังไม่ทันรู้เรื่องเลยจบได้อย่างไร” ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถามจริงๆ นะ ความอดทนของมนุษย์นี้มีเท่าไหร่ แท้จริงแล้วมนุษย์สามารถมีความอดทนได้ไม่จำกัด และก็อาจมีความอดทนแค่นิดเดียว
ที่ไหนล่ะที่ทำให้ความอดทนที่ยาวนานกลายเป็นความอดทนที่สั้นนิดเดียว อยู่ที่ใจถ้าใจสู้ก็อดทนไหว แต่ถ้าใจไม่รัก ไม่สู้ นั่งนิดเดียวก็ไม่เอาแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่) ทำไมเรื่องบางเรื่องเราจึงอดทนได้แต่ทำไมเรื่องบางเรื่องนิดหน่อยก็ไม่อดทนเพราะอะไร เพราะองค์จตุคามที่ห้อยหรือเปล่า พลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผลเท่ากับพลังของหัวใจที่เปิดรับหรือปิดรับต่างหาก ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นใครจะมีพลังมากแค่ไหน
แต่ถ้าหัวใจปิดไม่สู้ ยอมแพ้ ไม่ไหว ไม่เอา พลังจากศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ แต่ถ้าเกิดหัวใจสู้ แม้เติมพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
องค์จตุคามนิดหนึ่ง แม้แขวนพระ อะไรก็ไหว อะไรก็สู้ แล้วตัวเราก็ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ ใช่ไหม (ใช่)
แต่ถ้าหัวใจปิดไม่สู้ ยอมแพ้ ไม่ไหว ไม่เอา พลังจากศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ แต่ถ้าเกิดหัวใจสู้ แม้เติมพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
องค์จตุคามนิดหนึ่ง แม้แขวนพระ อะไรก็ไหว อะไรก็สู้ แล้วตัวเราก็ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นสิ่งสำคัญไม่ได้ขึ้นอยู่กับภายนอก กิเลส ปัญหา อุปสรรค ไม่สามารถมีปัญหา มีอิทธิพลต่อจิตใจได้ ถ้าใจเราไม่เปิดรับมัน เหมือนคำด่าของคนจะไม่เจ็บแสบ และร้อนเลยถ้าใจเราไม่รู้สึก หรือเปิดรับเข้ามาใช่ไหม (ใช่) เหมือนตอนนี้เขาจะพูดนานขนาดไหน ถ้าคิดว่านั่งอย่างนี้ก็ดี ดีกว่าอยู่บ้าน นั่งอยู่บ้านก็เป็นห่วงว่าน้ำจะท่วมไหม ฉันจะรอดหรือเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่) มาอยู่ที่นี่ก็ดี ลืมห่วงบ้าน ลืมห่วงโน่นห่วงนี่
“ฉะนั้นจุดประสงค์ของการมาฟังธรรมอย่างแรกที่อยากจะบอกท่านคือ มาฟังธรรมเพื่อปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น ที่เป็นสาเหตุให้เราทุกข์ไม่จบไม่สิ้น” อยากลองฟังดูไหม แค่บางทีเราทำอะไรนิดหน่อยเราก็มีความยึดมั่นถือมั่นเป็นห่วงเป็นกังวลแล้วใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการมาฟังธรรมะเพื่อให้เรารู้จักปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของเราให้รู้จักปล่อยบ้างดีไหม (ดี) ปล่อยได้เราก็ปลดทุกข์ได้หนึ่งเปราะ ถ้าปล่อยไม่ได้เราก็ต้องทุกข์ไปอีกไม่จบไม่สิ้นใช่หรือเปล่า (ใช่)
วันนี้มาฟังธรรมใครปล่อยอะไรได้บ้างแล้ว หรือฝนตกก็ห่วงที เวลาผ่านไปก็ห่วงที เป็นอย่างนั้นไหม (เป็น) คนพูดจบทีหนึ่งก็ห่วงอีกว่าเมื่อไหร่จะจบอีกหัวข้อหนึ่ง แล้วอย่างนี้มาฟังถูกทางไหม ไม่ถูกเพราะมาฟังแล้วยิ่งทุกข์ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ปล่อยก็ไม่ได้วางก็ไม่ลง กลับบ้าน ดีไหม กลับไปเป็นเหมือนเดิม ทุกข์เหมือนเดิม เอาไหม
ฉะนั้นเรามาฟังธรรมเราต้องรู้จักปล่อยวางเหมือนเราทำบุญ ไม่ใช่ทำแล้วยึดติดบุญ ทำแล้วกลายไปเป็นคนขอบุญต่อ เคยเห็นไหม คนที่ทำบุญแล้วขอบุญต่อ ทำบุญสิบบาทแล้วขอให้รวย ไปทำบุญหรือไปขอบุญ เอาทั้งสองอย่างใช่ไหม ถ้าทำด้วยแล้วขอด้วย ท่านว่าได้ไหม ลองคิดดู ถ้าทำด้วย ขอด้วย ไม่เรียกว่าทำแล้วนะ เรียกว่าขอมากกว่าทำ ใช่หรือไม่ (ใช่) ลองคิดให้ดีๆ การทำบุญคืออะไร “การทำบุญคือการทำอะไรก็ได้ที่ทำให้จิตใจสามารถชำระความเศร้าหมอง การทำบุญก็คือการทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง” แต่ทำแล้วเรายังยึดติด ยึดมั่น อย่างนี้เรียกว่าได้บุญไหม (ไม่ได้) ทุกขณะที่ทำก็คือทุกขณะที่เราได้สละ ได้คลายได้ปลดความยึดมั่นถือมั่นต่างหาก จึงเรียกว่าบุญ ฉะนั้นท่านต้องเข้าใจให้ถูกนะ
คนในโลกนี้ตาใสแป๋วทุกคนเลย แต่บ่อยครั้งที่ตาใสแป๋วอย่างนี้มักจะเห็นคนเลวเป็นคนดี แล้วก็เห็นคนดีเป็นคนเลว เพราะการไม่รู้จักศึกษาอะไรให้ถ่องแท้ จึงทำให้เราแยกแยะดีชั่วไม่ถูก แล้วไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าดี อะไรเรียกว่าไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) พอทำไปแล้วก็เลยบอกว่าทำดีแล้วก็ไม่ได้ดี ยังโดนว่าอีก เราเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่งนะ
มีชายยาจกคนหนึ่งเดินผ่านบ้านเศรษฐีทุกวัน แต่ยาจกคนนี้ไม่เคยเคาะประตูบ้าน หรือขออะไรจากเศรษฐีเลย เศรษฐีก็แปลกใจว่าปกติคนยากจนจะชอบขอจากคนรวย ใช่ไหม (ใช่) วันหนึ่งเศรษฐีก็เลยเดินไปหาคนยากจน เศรษฐีก็ถามว่า “ทำไมท่านไม่เคยขออะไร
จากเราเลยล่ะ ทำไมท่านเจอเราแล้วไม่นับญาติเราล่ะ เรารวยนะ
เราสามารถช่วยท่านจากจนกลายเป็นรวยได้นะ” ชายคนนี้บอกว่า
“ไม่เห็นจำเป็น ทำไมฉันต้องนับญาติกับเธอ ฉันอยู่อย่างนี้ถึงจะจน
ก็ดีได้” เศรษฐีก็รู้สึกว่ามันแปลก รู้สึกว่าตัวเองรวยแต่คนจนไม่มอง รู้สึกยอมไม่ได้ ใครๆ ก็อยากให้คนอื่นยอมรับ ยิ่งเรารวยมีฐานะแต่คนจนไม่ยอมมองเรา ไม่สนเราเลย เศรษฐีบอกว่าเอาอย่างนี้ไหมล่ะ
ในบ้านฉันมีของอยู่สิบส่วน ฉันให้เธอสองส่วน เอาไหม เศรษฐีนึกในใจว่าชายคนนี้จะต้องดีใจ และเอาแน่ๆ แต่ยาจกคนนี้บอกว่าสองส่วนหรือ ไม่เอา เศรษฐีก็งง ถามว่าทำไมล่ะ ถ้าฉันมีหนึ่งล้าน เธอก็ได้
สองแสน ไม่สนหรือ ยาจกบอกว่าท่านให้ฉันสองส่วน แต่ท่านได้ตั้งแปดส่วน ไม่ยุติธรรม เศรษฐีก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นมีสิบส่วน เอาไปห้าส่วนเลย
จากเราเลยล่ะ ทำไมท่านเจอเราแล้วไม่นับญาติเราล่ะ เรารวยนะ
เราสามารถช่วยท่านจากจนกลายเป็นรวยได้นะ” ชายคนนี้บอกว่า
“ไม่เห็นจำเป็น ทำไมฉันต้องนับญาติกับเธอ ฉันอยู่อย่างนี้ถึงจะจน
ก็ดีได้” เศรษฐีก็รู้สึกว่ามันแปลก รู้สึกว่าตัวเองรวยแต่คนจนไม่มอง รู้สึกยอมไม่ได้ ใครๆ ก็อยากให้คนอื่นยอมรับ ยิ่งเรารวยมีฐานะแต่คนจนไม่ยอมมองเรา ไม่สนเราเลย เศรษฐีบอกว่าเอาอย่างนี้ไหมล่ะ
ในบ้านฉันมีของอยู่สิบส่วน ฉันให้เธอสองส่วน เอาไหม เศรษฐีนึกในใจว่าชายคนนี้จะต้องดีใจ และเอาแน่ๆ แต่ยาจกคนนี้บอกว่าสองส่วนหรือ ไม่เอา เศรษฐีก็งง ถามว่าทำไมล่ะ ถ้าฉันมีหนึ่งล้าน เธอก็ได้
สองแสน ไม่สนหรือ ยาจกบอกว่าท่านให้ฉันสองส่วน แต่ท่านได้ตั้งแปดส่วน ไม่ยุติธรรม เศรษฐีก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นมีสิบส่วน เอาไปห้าส่วนเลย
โอ้ห้าแสนเชียวนะเอาไหม ยาจกถามว่า “แล้วท่านได้เท่าไหร่
ห้าส่วนเหมือนกันไม่เอา” เศรษฐีถามว่าทำไมล่ะ ให้ตั้งห้าเชียวละ
ไม่เอาหรือ ยาจกตอบว่า “ในเมื่อเรากับท่านเท่ากันแล้ว ทำไมฉันต้องไปเคารพท่านล่ะ” เศรษฐีให้ครึ่งหนึ่งแล้วยาจกก็ยังไม่ยอมรับ คราวนี้ทำไงดี ก็เลยยกให้ทั้งหมดเผื่อจะชนะใจบ้าง ท่านคิดว่าชนะใจไหม เพราะอะไรละ ยาจกนั้นก็บอกว่า “ถึงเวลาฉันมีมากกว่า ท่านไม่มีอะไรเลยแล้วทำไมฉันต้องไปเคารพท่านด้วยล่ะ”
ห้าส่วนเหมือนกันไม่เอา” เศรษฐีถามว่าทำไมล่ะ ให้ตั้งห้าเชียวละ
ไม่เอาหรือ ยาจกตอบว่า “ในเมื่อเรากับท่านเท่ากันแล้ว ทำไมฉันต้องไปเคารพท่านล่ะ” เศรษฐีให้ครึ่งหนึ่งแล้วยาจกก็ยังไม่ยอมรับ คราวนี้ทำไงดี ก็เลยยกให้ทั้งหมดเผื่อจะชนะใจบ้าง ท่านคิดว่าชนะใจไหม เพราะอะไรละ ยาจกนั้นก็บอกว่า “ถึงเวลาฉันมีมากกว่า ท่านไม่มีอะไรเลยแล้วทำไมฉันต้องไปเคารพท่านด้วยล่ะ”
บางครั้งการจะทำอะไรให้เป็นที่ยอมรับของผู้อื่นนั้น ไม่ใช่คิดว่าการให้เพียงอย่างเดียวจะมีประโยชน์แล้วคนจะรู้สึกดี แต่เราจะต้องดูด้วยว่าคนที่เขารับนั้นเป็นอย่างไรใช่หรือเปล่า
แต่ที่เราเล่าไม่ใช่มีเพียงแค่นี้ ยังมีอะไรมากกว่านั้น นิทานแต่ละเรื่องนั้นจริงๆ แล้วให้แง่คิดเรานะ ถ้ารู้จักเอาไปพินิจพิจารณา เหมือนเวลาเราดีกับลูก ดีกับสามี ดีกับคนรอบข้าง เราว่าเราทำดีถึงที่สุดแล้วนะ ให้ถึงที่สุดแล้วนะ แต่ทำไมเขากลับบอกว่าไม่เอา ไม่ต้องการ
ก็เพราะเราเห็นบางอย่าง และไม่เห็นบางอย่างใช่หรือไม่ เพราะเราให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผิดๆ ไปหรือเปล่า ฉะนั้นคำว่า “ดี” หรือ “ไม่ดี” อยู่ที่อะไรเป็นมาตรฐานกันแน่นะ วิธีการอะไรที่จะทำให้เราดำเนินชีวิตแล้วเป็นที่รักของผู้อื่น แล้วดำเนินชีวิตอย่างไร ทำไมใครๆ ถึงไม่ต้อนรับเราเลย อยู่ในโลกชอบไหมใครๆ ก็รัก (ชอบ) แล้วเรามีชีวิตอยู่ตอนนี้เคยนับไหมว่าคนรักกับคนเกลียดเท่ากัน หรือว่าคนรักมากกว่าคนเกลียด
ก็เพราะเราเห็นบางอย่าง และไม่เห็นบางอย่างใช่หรือไม่ เพราะเราให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผิดๆ ไปหรือเปล่า ฉะนั้นคำว่า “ดี” หรือ “ไม่ดี” อยู่ที่อะไรเป็นมาตรฐานกันแน่นะ วิธีการอะไรที่จะทำให้เราดำเนินชีวิตแล้วเป็นที่รักของผู้อื่น แล้วดำเนินชีวิตอย่างไร ทำไมใครๆ ถึงไม่ต้อนรับเราเลย อยู่ในโลกชอบไหมใครๆ ก็รัก (ชอบ) แล้วเรามีชีวิตอยู่ตอนนี้เคยนับไหมว่าคนรักกับคนเกลียดเท่ากัน หรือว่าคนรักมากกว่าคนเกลียด
เรารู้ชีวิตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มีโน่นแล้วก็มีนี่ ได้นั่นแล้วก็เสียนี่ ไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น แต่หนทางที่เราเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง ตั้งอยู่
ดับไปนี้เราเคยหาทางที่แท้จริงแห่งชีวิตของตัวเองบ้างไหม ยังกลับไปเวียนว่าย เดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวโชคดีเดี๋ยวโชคร้าย เดี๋ยวได้เดี๋ยวเสีย วนมากี่ปีแล้ว
ดับไปนี้เราเคยหาทางที่แท้จริงแห่งชีวิตของตัวเองบ้างไหม ยังกลับไปเวียนว่าย เดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวโชคดีเดี๋ยวโชคร้าย เดี๋ยวได้เดี๋ยวเสีย วนมากี่ปีแล้ว
ตอนนี้มาหาทางออกแล้วใช่ไหม แต่เราอยากบอกว่าทางออกที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่ภายนอกแต่อยู่ที่ภายใน ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ภายนอกแต่อยู่ที่ภายใน เหมือนพระพุทธองค์ที่ท่านนับถือ ท่านหาความสำเร็จที่หลุดพ้นจากภายนอกหรือจากภายใน ท่านพยายามที่จะเอาชนะตัวตนภายนอกหรือตัวตนภายใน (ภายใน) ท่านพยายามที่จะหนีทุกข์หรือกลับมาเผชิญแล้วสู้ความทุกข์ แล้วตอนนี้ชีวิตมนุษย์ที่เผชิญอยู่กำลังหาความสำเร็จจากภายนอก และกำลังหาความสุขจากภายนอก โดยที่ไม่มีใครกลับมาหาจากภายในเลย ถูกต้องหรือเปล่า (ไม่ถูก) เคยกลับมาหาบ้างไหม ไม่เคย ใช่หรือไม่ (ใช่) อยากชนะคนอื่น อยากจะสำเร็จให้มากกว่าคนอื่นหรืออย่างน้อยก็ต้องให้เท่ากับคนอื่น แต่เคยชนะตัวเองหรือยัง เคยประสบผลสำเร็จด้วยตัวเองบ้างไหม ก็ไม่มี
“ฉะนั้นการศึกษาหลักธรรมสิ่งที่สำคัญก็คือเอาชนะหัวใจตัวเองให้ได้ แล้วจงรู้จักหยุดยั้งให้เป็น ไม่ใช่อยากมีอยากเป็นอยากได้ แต่ไม่รู้จักหยุดให้เป็น” อย่างนี้ก็น่าเศร้า
(ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้ออกเสียงตามตัวโน๊ตดนตรีจากสูง ลงต่ำ เรื่อยๆ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด)
บางครั้งเราอยู่ดีๆ ก็ต้องลงมาต่ำ ฉะนั้นถึงแม้วันนี้ต้องลงไปต่ำบ้างก็สามารถพลิกกลับมาสูงได้เหมือนกันใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนชีวิตบางทียิ้มๆ อยู่เดี๋ยวก็กลายเป็นร้องไห้ ร้องไห้อยู่สักพักก็มีเรื่องให้หัวเราะ ฉะนั้นอย่าไปยึดมั่นอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง จนทำให้ชีวิตนั้นต้องทุกข์ยากเลยนะ ถ้ารู้จักปรับเปลี่ยนชีวิตให้เหมือนดนตรี แล้วเราจะรู้ว่าจังหวะของชีวิตก็มีอะไรน่าสนุกสนานได้เหมือนกัน
ใช่หรือไม่ (ใช่) แม้จะต่ำแม้จะสูงบ้างก็ตาม เมื่อเราฝึกเสียงแล้ว
ลองมาฝึกมือดูนะ ว่ามือเราจะไปได้สูง แล้วก็ไปได้แรงอย่างที่เราไม่คาดคิดไหม (ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้ปรบมือต่างระดับความดังกันจากเบาสุดจนดังสุด) เราได้ปรบมือแล้วลองเปลี่ยนเป็นเท้าบ้างนะ
ใช่หรือไม่ (ใช่) แม้จะต่ำแม้จะสูงบ้างก็ตาม เมื่อเราฝึกเสียงแล้ว
ลองมาฝึกมือดูนะ ว่ามือเราจะไปได้สูง แล้วก็ไปได้แรงอย่างที่เราไม่คาดคิดไหม (ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้ปรบมือต่างระดับความดังกันจากเบาสุดจนดังสุด) เราได้ปรบมือแล้วลองเปลี่ยนเป็นเท้าบ้างนะ
(ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้ซอยเท้าจำนวนครั้ง/เบาแรง ตามที่ท่านกำหนดให้) อยู่กับศิษย์พี่แค่นี้ง่ายไป เราใช้มือใช้เท้าและใช้เสียงมารวมกันนะ หนึ่งก็คือโด สองก็คือเร สามก็คือมี สี่ก็คือฟา ห้าก็คือซอล ทั้งเสียงทั้งมือและเท้า พร้อมนะ
ควบคุมยากไหม ชีวิตนี้เวลาเราพูดไปด้วย ทำไปด้วย ขยับไปด้วยและ คิดไปด้วย มันยากขนาดนี้ แต่ทำไมมนุษย์ไม่พยายามระมัดระวังหน่อยนะ ถึงเวลาทั้งพูด ทั้งคิด ไม่เคยระวังสักทีหนึ่งใช่ไหม (ใช่) นึกจะพูดก็พูด นึกจะคิดก็คิด นึกจะทำก็ทำ ผลเป็นอย่างไรก็ช่าง ใช่หรือไม่ (ใช่) ทั้งที่จริงๆ แล้วเวลาที่ต้องควบคุมทั้งสามสี่อย่างในชีวิตให้ไปพร้อมๆ กัน แล้วให้ได้ดีนั้นมันยาก แต่เราก็ยังปล่อยชีวิตอย่างประมาททุกที การทำทีละอย่างมันง่าย แต่ถ้าทำทีเดียวพร้อมกันมันยากใช่ไหม (ใช่) คนที่รู้ดีที่สุดว่าเราทำได้ดีทำได้ถูกนั้นก็คือตัวเราเองใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วชีวิตนี้ดีหรืองาม ถูกหรือผิด ใครจะกำหนดได้
(ตัวเราเอง)
(ตัวเราเอง)
(ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้นักเรียนในชั้นลุกและนั่งตามที่กำหนด)
ท่านเคยเห็นไหมว่า คนที่มีอำนาจมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นและเป็นที่รักของคนอื่นได้ ก็คือผู้ที่แม้เขาต้องยืนท่านก็ยอมยืนด้วย เขาได้นั่งท่านก็ยอมที่จะยืนใช่ไหม (ใช่) ท่านอยากเป็นคนธรรมดาหรือเป็นคนที่เหนือคนอื่น บางครั้งการเป็นคนที่เหนือคนอื่นก็ทำให้ท่านรู้สึกดีไม่ใช่หรือ แม้เขาไม่นั่งเราก็ไม่นั่งด้วยเพื่อเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน หรือถ้าเขาให้นั่งเราก็ยังยอมที่จะยืนก็ทำให้เราเป็นผู้เสียสละได้ใช่หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นท่านเลือกที่จะเป็นคนธรรมดาหรือเป็นคนที่รู้จักเสียสละ เพราะความจริงในโลกนี้ไม่มีใครนั่งได้ทั้งหมด
อยู่ในโลกนี้บางครั้งมีหู หูก็อาจจะหนวก มีตา ตาก็อาจจะบอดได้ จริงไหม บางครั้งเราคิดว่าตาเรานี้เชื่อได้มากที่สุดแล้ว แต่พอนานๆ ไป กลับเชื่อไม่ได้ เคยไหมว่าบางครั้งตาของเราเองยังหลอกตัวเอง และคนบางคนคิดว่าตาเชื่อไม่ได้ ก็เชื่อความคิดเชื่อในหัวสมองดีกว่า สมองนี้เราปราดเปรื่องแต่บางทีเอาแต่เชื่อในความคิด ก็คบไม่ได้เหมือนกัน คนที่เชื่อแต่ความคิดแต่ไม่ใช้สายตาดูบ้างก็อาจจะเพี้ยนได้ง่าย ใช่หรือไม่ (ใช่) ส่วนคนที่เอาแต่ใช้ตาแต่ไม่เคยใช้ความคิดเลยก็โดนหลอกได้ง่ายเหมือนกัน ใช่หรือไม่ เพราะว่าโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่าจริงและเท็จนั้นคล้ายกันมาก สิ่งที่ดีกับสิ่งที่ไม่ดีก็คล้ายกันมากจน แยกกันไม่ออก
ฉะนั้นเราอยู่ในโลกนี้ต้องรู้จักตรวจสอบให้ดีและแยกแยะให้เป็น ไม่อย่างนั้นแล้วสิ่งที่เหมือนกันนั่นแหละจะหลอกชีวิตเราให้สับสนได้ หลายๆ ครั้งคำพูดที่ว่า “คำพูดที่แท้จริง ยากจะหาได้ในวาจา พฤติกรรมที่แท้จริง ยากจะหาได้ในการกระทำ” ใช่ไหม (ใช่)
เคยเห็นไหม ปากพูดว่าสวยจังเลย (ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้นักเรียนหญิงท่านหนึ่งออกมายืนหน้าชั้น) แต่ตาเราแอบมองอย่างอื่นไม่ได้มองหน้าเขาเลย เชื่อได้ไหม
เคยเห็นไหม ปากพูดว่าสวยจังเลย (ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้นักเรียนหญิงท่านหนึ่งออกมายืนหน้าชั้น) แต่ตาเราแอบมองอย่างอื่นไม่ได้มองหน้าเขาเลย เชื่อได้ไหม
ฉะนั้นเราอยู่ในโลกนี้อย่าปล่อยให้คำพูดลวงหลอกตัวเรา
เราอยู่ในโลกจะอยู่ด้วยความระแวงอย่างเดียวไม่ได้ การอยู่ด้วยความระแวงจะทำให้เราไม่เป็นสุข แต่เราต้องอยู่ด้วยความระมัดระวังและทำอะไรพึงตรวจสอบให้รอบคอบ มิฉะนั้นจะโดนคนหลอกเอาได้
ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะมนุษย์มักจะโดนหลอกได้ง่ายด้วยคำพูด
แล้วอะไรอีก มนุษย์โดนหลอกด้วยอะไรง่ายที่สุด (คำชื่นชม เยินยอ,คำพูดและความประพฤติและการกระทำ ในใจพูดอย่างหนึ่ง แต่คิดอีกอย่างหนึ่ง) ใจที่พูดอย่างแต่คิดอีกอย่าง เรียกว่า ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ใช่หรือไม่ อะไรอีกที่ทำให้มนุษย์มีตาแต่กลายเป็นคนตาบอด มีหูแต่กลายเป็นคนหูหนวก มีใจแต่กลายเป็นคนใจบอดได้ (เงิน) เงินคือตัวใหญ่เลยที่บางครั้งทำให้มีตาแล้วทำให้ตาเราบอดข้างหนึ่ง มีหูแล้วหูเราก็หนวกข้างหนึ่ง เพียงเพราะว่าลงไปหนึ่งร้อย แล้วจะได้กลับมาหนึ่งล้าน (อำนาจ) อำนาจหน้าที่หรือบางทีเรียกว่าเก้าอี้ที่เป็นตำแหน่ง ใช่ไหม เพียงเพราะตำแหน่งเท่านั้นเอง เราก็ยอมตาบอดข้างหนึ่ง หูหนวกข้างหนึ่ง เขาชมเราจริงหรือ เป็นเพราะเรานั่งเก้าอี้นี้ต่างหากเขาจึงชมเรา เมื่อไหร่เราห่างจากเก้าอี้เขาก็ไม่ชมหรอก ใช่ไหม (ใช่)
เราอยู่ในโลกจะอยู่ด้วยความระแวงอย่างเดียวไม่ได้ การอยู่ด้วยความระแวงจะทำให้เราไม่เป็นสุข แต่เราต้องอยู่ด้วยความระมัดระวังและทำอะไรพึงตรวจสอบให้รอบคอบ มิฉะนั้นจะโดนคนหลอกเอาได้
ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะมนุษย์มักจะโดนหลอกได้ง่ายด้วยคำพูด
แล้วอะไรอีก มนุษย์โดนหลอกด้วยอะไรง่ายที่สุด (คำชื่นชม เยินยอ,คำพูดและความประพฤติและการกระทำ ในใจพูดอย่างหนึ่ง แต่คิดอีกอย่างหนึ่ง) ใจที่พูดอย่างแต่คิดอีกอย่าง เรียกว่า ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ใช่หรือไม่ อะไรอีกที่ทำให้มนุษย์มีตาแต่กลายเป็นคนตาบอด มีหูแต่กลายเป็นคนหูหนวก มีใจแต่กลายเป็นคนใจบอดได้ (เงิน) เงินคือตัวใหญ่เลยที่บางครั้งทำให้มีตาแล้วทำให้ตาเราบอดข้างหนึ่ง มีหูแล้วหูเราก็หนวกข้างหนึ่ง เพียงเพราะว่าลงไปหนึ่งร้อย แล้วจะได้กลับมาหนึ่งล้าน (อำนาจ) อำนาจหน้าที่หรือบางทีเรียกว่าเก้าอี้ที่เป็นตำแหน่ง ใช่ไหม เพียงเพราะตำแหน่งเท่านั้นเอง เราก็ยอมตาบอดข้างหนึ่ง หูหนวกข้างหนึ่ง เขาชมเราจริงหรือ เป็นเพราะเรานั่งเก้าอี้นี้ต่างหากเขาจึงชมเรา เมื่อไหร่เราห่างจากเก้าอี้เขาก็ไม่ชมหรอก ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นเราอยู่ในโลกนี้อย่าเป็นคนมีตา แต่ตาบอด มีหูแต่หูหนวก มีใจแต่ใจบอด (หลงเชื่อคำพูดหวานๆ) หลงเชื่อคำพูดหวานๆ ความรักทำให้คนตาบอด ใช่หรือไม่ (ใช่) ท่านเคยดูละครเรื่องรจนาเสี่ยงพวงมาลัยไหม (เคย) สิ่งศักดิ์สิทธิ์เคยบอกว่าคนที่คนตกหลุมรักก็เหมือนรจนา เห็นเจ้าเงาะเป็นรูปทองอยู่คนเดียว คนอื่นเห็นเป็นสีดำหมด ตอนที่เรามีความรักก็เหมือนกัน ใครพูดอย่างไรเราก็ไม่เชื่อ เราก็ยังเห็นเขาเป็นทองอยู่คนเดียว จนกระทั่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เมื่อไหร่เขาจะถอดรูปเงาะออกซะที รู้สึกว่าทำไมรูปเงาะมันติดนานเหลือเกิน เคยเป็นไหม (เคย) (พรรคพวกญาติสนิทมิตรสหาย) พรรคพวกญาติสนิทมิตรสหายอาจจะทำให้เราตาบอด หูหนวกได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
เพื่อนดีก็พาดีไป เพื่อนร้ายก็พาวิบัติ ฉะนั้นต้องรู้จักฟังคนนะ
มีอะไรอีกไหม สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ตาบอดก็คือผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า ใช่ไหม (ใช่) การที่คนเราอยู่ในโลกนี้แล้วทำให้มีตา แล้วตาไม่บอด มีหูแล้วหูไม่หนวกต้องมีอะไรบ้าง
มีอะไรอีกไหม สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ตาบอดก็คือผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า ใช่ไหม (ใช่) การที่คนเราอยู่ในโลกนี้แล้วทำให้มีตา แล้วตาไม่บอด มีหูแล้วหูไม่หนวกต้องมีอะไรบ้าง
เราต้องรู้จักรับฟัง เพราะการที่รับฟังจะทำให้เรามีความรู้ได้กว้างขวาง คนที่เลือกฟังเฉพาะที่หูชอบ ตาชอบ ใจชอบ คนนั้นเท่ากับคนที่ปิดตา ปิดหู ฉะนั้นอยากกระจ่างแจ้งต้องรู้จักรับฟังทุกๆ เรื่องไม่ว่าคำติ คำชม แต่ถ้าอยากมืดมัวตาบอด ก็จงเลือกฟังสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองชม อยากได้แบบไหนก็เลือกเอาแล้วกัน แค่รู้จักรับฟังอย่างเดียวพอไหม (ไม่พอ) ยังต้องรู้จักว่าเวลาเห็นเรื่องอะไร ได้ยินเรื่องอะไร ต้องรู้จักพินิจพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ หรือภาษาธรรมะเขาเรียก พิจารณ์เก้า มองอะไรต้องมองให้แจ่มชัด ฟังอะไรก็ต้องรู้จักฟังหูไว้หู หูมีสองข้าง ฟังหนึ่งข้างก็ต้อง เผื่อไว้หนึ่งข้างใช่หรือไม่ ตาก็มีสองข้าง ใช่หรือไม่ เห็นอะไรก็ต้องเห็นให้ดีๆ มองให้ชัดเจน แล้วเวลาพูด ต้องพูดด้วยความจริงใจ อย่าพูดโดยการใช้อารมณ์
มนุษย์เราทำให้เรื่องๆ หนึ่งผิดเพี้ยนได้ก็เพราะการใส่อารมณ์ใส่ความรู้สึกร่วม ใช่หรือไม่ (ใช่) ตัวอย่างง่ายๆ เหมือนกับเวลาเล่นเกมคำพูด ที่ท่านชอบเล่นกัน เริ่มต้นจากบอกคนข้างหน้าหนึ่งประโยคแต่ไปถึงข้างหลังกลายเป็นเรื่องเดียวกันไหม (ไม่เป็น) เวลาพูดอะไรก็ต้องพูดความจริง ถ้าไม่ใช่ความจริง เป็นสิ่งที่เราไม่น่าจะพูด เพราะพูดมั่วๆ ไปคนที่ต้องประสบผลกับสิ่งที่ตัวเองพูดคือตัวเราเอง ฉะนั้นเวลาพูดอะไรต้องถือความสัตย์จริง แล้วคำพูดจะไม่ฆ่าเรานะ ใช่หรือไม่
แล้วเวลาทำอะไรสีหน้าต้องดู (จริงใจ) ต้องดูเป็นกันเอง อ่อนน้อม
แล้วเวลาทำอะไรสีหน้าต้องดู (จริงใจ) ต้องดูเป็นกันเอง อ่อนน้อม
เวลาจะทำอะไรเราต้องตั้งใจจริง เวลามีปัญหาสงสัย ก็ตอบให้ชัดเจน ถ้ายังสงสัยอยู่ก็อย่าเพิ่งทำ ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาได้ในภายหลัง ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์ที่ทำให้มนุษย์หูหนวกและตาบอดได้ คือใจที่ชอบรับ เมื่อรับของเขามาก็ต้องปิดตาข้างหนึ่ง ปิดหูข้างหนึ่ง มือต้องอ่อน ตัวต้องอ่อน เพราะรับเขามาแล้ว คนอื่นว่าไม่ดี เราบอกไม่เป็นไร เขาก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ใช่ไหม ของที่เรารับมาทำให้เรากลายเป็นทาสโดยไม่รู้ตัว เวลาที่จะรับของๆ ใครมาก็ต้องคิดให้ดี ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เรารับมาจะฆ่าให้เราตายได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าหากท่านอยู่ในสังคมทำอะไรก็ต้องพิจารณาให้ดี รู้จักรับฟังความคิดเห็นคนอื่น สองอย่างนี้พอที่จะทำให้เราอยู่รอดในสังคมไหม ทำอะไรรู้จักพิจารณาไตร่ตรองให้ดี ทำอะไรแล้วรู้จักรับฟัง จะทำให้เราเป็นคนไม่หูหนวก ตาบอด เพราะความรู้ของมนุษย์เราเรียนได้จำกัด ใช่หรือไม่ (ใช่) ขนาดนั่งฟัง ยังนั่งได้จำกัด เราพูดไปสิบ มีคนได้หนึ่งก็มี ได้ศูนย์ก็มีจริงไหม (จริง) เราจึงอยากบอกท่านว่า แค่สองอย่างนี้พอไหม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการเป็นคนคืออะไร เกิดเป็นคนถ้าขาดสิ่งนี้จะกลายเป็นอย่างอื่นได้เลยถ้าไม่มีความ (ซื่อสัตย์) เวลาเราเจอเรื่องราวอะไรเราต้องรู้จักพิจารณา สองต้องรู้จักรับฟังให้รอบคอบ สิ่งที่สามเวลาเราอยู่กับใครก็ตามขาดสิ่งนี้ไม่ได้เลยคือ
(อ่อนน้อมถ่อมตน, มีสติ, ความจริงใจ, เอาใจเขามาใส่ใจเรา, ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น, ความเอื้ออาทรต่อกัน, มีธรรมะอยู่ในใจ, ความรักความผูกพัน, อย่าขาดสติ, ต้องมีการให้, จิตใจมั่นคง,
มีปัญญาให้มาก, มีความยุติธรรม, มีธรรมะอยู่ในใจ, การมีคุณธรรมที่ดี, ความกตัญญู, มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, มีความสัตย์จริง,คิดก่อนทำ, การรู้จักตัวเอง, ความรักต่อเพื่อนมนุษย์, มีการให้อภัย)
มีปัญญาให้มาก, มีความยุติธรรม, มีธรรมะอยู่ในใจ, การมีคุณธรรมที่ดี, ความกตัญญู, มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, มีความสัตย์จริง,คิดก่อนทำ, การรู้จักตัวเอง, ความรักต่อเพื่อนมนุษย์, มีการให้อภัย)
(มีปัญญาและความอดทน) ท่านตอบได้ถูกนะ (ไม่มีความหลง, มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี, มีความละอายแก่ใจ) ถ้าทำผิดแล้วคิดได้ละอายใจอยู่เสมอ ในชีวิตเราก็จะไม่ทำผิดเลยนะ (ละจากอบายมุข, มีสัมมาคารวะ)
ในชีวิตต้องมีความอดทน ถ้าเราขาดขันติหรือขาดความอดทน
ก็ทนไม่ได้ ไม่อยากฟัง ไม่ชอบ ไม่มีความอดทนเราก็ยากที่จะทำอะไรได้สำเร็จ แล้วยากที่จะมองอะไรได้อย่างเด่นชัด เพราะว่าปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์เป็นใหญ่ ใช่หรือไม่ (ไม่)
ก็ทนไม่ได้ ไม่อยากฟัง ไม่ชอบ ไม่มีความอดทนเราก็ยากที่จะทำอะไรได้สำเร็จ แล้วยากที่จะมองอะไรได้อย่างเด่นชัด เพราะว่าปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์เป็นใหญ่ ใช่หรือไม่ (ไม่)
ฉะนั้นเกิดเป็นคน ถ้าอยากให้คนอื่นฟังเรา เราก็ต้องรู้จักบ่มเพาะการรับฟังผู้อื่นให้เป็นก่อน ถูกหรือไม่ (ถูก) อยากให้คนอื่นอดทนต่อเรา เราก็ต้องรู้จักบ่มเพาะความอดทนให้เป็นก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเรายังอดทนไม่เป็น จะไปเรียกร้องให้ใครอดทนก็ยากนัก “ฉะนั้นต้องรู้จักพินิจพิจารณาไตร่ตรอง รู้จักรับฟังให้มาก และต้องรู้จักอดทน ”
ถ้าอย่างนั้นมาฟังนิทานอีกเรื่อง เรื่องมีอยู่ว่าระหว่างชายแดนเมืองนี้กับชายแดนอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งกำลังจะทำสงครามกัน แต่ว่าเสบียงของสองฝั่งชายแดนเริ่มจะหมด ฉะนั้นเวลาเพาะปลูกเขาก็ต้องเพาะปลูกที่ใกล้ๆ กับน้ำ และแม่น้ำนี้ก็กั้นระหว่างสองเมืองนี้พอดี
ทั้งสองเมืองก็ต้องปลูกริมน้ำเหมือนกัน แต่ว่าผลผลิตของเมืองหนึ่งกลับดีกว่าอีกเมืองหนึ่ง เพราะว่าเขาพยายามรดน้ำพรวนดิน ดูแล
แต่อีกเมืองหนึ่งไม่เคยดูแล ผลผลิตก็ออกมาไม่ดี ทำให้เกิดความอิจฉา ก็เลยข้ามไปเหยียบต้นไม้ของอีกฝั่งหนึ่ง ถ้าเป็นท่านจะทำอย่างไร
ท่านก็จะต้องบอกว่า “ถ้าฉันเห็น ฉันจะฆ่ามัน” แต่แม่ทัพฝั่งที่ถูกเหยียบต้นไม้ให้ตายนั้น พูดว่า “เขาเหยียบก็ไม่เป็นไร เราจะไปช่วยรดน้ำต้นไม้ของเขาให้ เขาเหยียบของเรา เราจะไปช่วยดูแลของเขาให้” ปรากฏว่าฝั่งที่ไม่ค่อยดูแลต้นไม้กลับเจริญเติบโตงอกงามขึ้นมา แต่อีกฝั่งหนึ่งต้นไม้ไม่ทันโตก็ถูกเหยียบย่ำ จนกระทั่งแม่ทัพนายกองของฝั่งที่ไม่ค่อยดูแลสงสัยว่า ทำไมต้นไม้ถึงงามในเมื่อไม่ได้ดูแล เขาก็เลยไปแอบดู จึงได้รู้ว่าฝั่งโน้นมีน้ำใจมาช่วยรดน้ำให้ แม้โดนเหยียบย่ำก็ยังข้ามมารดน้ำให้ จิตใจเช่นนี้จึงทำให้ฝั่งตรงข้ามเลิกที่จะรบกับฝั่งนี้
ทั้งสองเมืองก็ต้องปลูกริมน้ำเหมือนกัน แต่ว่าผลผลิตของเมืองหนึ่งกลับดีกว่าอีกเมืองหนึ่ง เพราะว่าเขาพยายามรดน้ำพรวนดิน ดูแล
แต่อีกเมืองหนึ่งไม่เคยดูแล ผลผลิตก็ออกมาไม่ดี ทำให้เกิดความอิจฉา ก็เลยข้ามไปเหยียบต้นไม้ของอีกฝั่งหนึ่ง ถ้าเป็นท่านจะทำอย่างไร
ท่านก็จะต้องบอกว่า “ถ้าฉันเห็น ฉันจะฆ่ามัน” แต่แม่ทัพฝั่งที่ถูกเหยียบต้นไม้ให้ตายนั้น พูดว่า “เขาเหยียบก็ไม่เป็นไร เราจะไปช่วยรดน้ำต้นไม้ของเขาให้ เขาเหยียบของเรา เราจะไปช่วยดูแลของเขาให้” ปรากฏว่าฝั่งที่ไม่ค่อยดูแลต้นไม้กลับเจริญเติบโตงอกงามขึ้นมา แต่อีกฝั่งหนึ่งต้นไม้ไม่ทันโตก็ถูกเหยียบย่ำ จนกระทั่งแม่ทัพนายกองของฝั่งที่ไม่ค่อยดูแลสงสัยว่า ทำไมต้นไม้ถึงงามในเมื่อไม่ได้ดูแล เขาก็เลยไปแอบดู จึงได้รู้ว่าฝั่งโน้นมีน้ำใจมาช่วยรดน้ำให้ แม้โดนเหยียบย่ำก็ยังข้ามมารดน้ำให้ จิตใจเช่นนี้จึงทำให้ฝั่งตรงข้ามเลิกที่จะรบกับฝั่งนี้
จิตใจอย่างนี้ดีนะ แล้วท่านคิดว่าท่านทำได้ไหม (ได้) ทำไมปล่อยให้คนดีมีแต่ในหนังสือ ทำไมปล่อยให้คนดีมีแต่ในอดีต ทำไมปัจจุบันไม่มีในตัวเราเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราขาดไม่ได้ก็คือ ความใจกว้าง คนที่ใจกว้างและยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างแม้จะถูกเหยียบย่ำขนาดไหน มีตาก็ตากว้างไกล มีหูก็หูกว้างไกล เคยเห็นไหมคนที่มีตาดีหูดี แต่ใจไม่ดีเพราะว่ารู้สึกเกลียดและรู้สึกอคติ เมื่อเรามีอคติแล้วจะมองเห็นใครดีได้ไหม (ไม่ได้) “ฉะนั้นจิตใจของความเป็นคนที่ขาดไม่ได้ จะทำให้เรามองเห็นคนได้เด่นชัด ไม่ว่าเขาจะดีจะร้ายก็คือจิตใจที่กว้างไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก รู้จักแยกแยะอะไรดีอะไรชอบ” แม้เกลียดคนผิวดำชอบคนผิวขาวก็ยังรู้ว่าคนผิวดำมีอะไรดี แม้จะชอบคนผิวขาวก็ยังรู้ว่าคนผิวขาวมีอะไรน่าเกลียด แล้วเราจะไม่ลำเอียงรักทุกคนได้เท่ากัน จิตใจอย่างนี้ดีไหม แล้วท่านคิดว่าท่านมีได้ไหม (ได้) ฉะนั้นถ้าจิตใจอย่างนี้มีได้ เป็นคนใจกว้างทำอะไรรู้จักคิดไตร่ตรอง ชีวิตนี้จะไม่กลายเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา เส้นผมบังภูเขาเลย อุปสรรคยากแค่ไหนก็ยังดึงเส้นผมออกแล้วมองเห็นได้อย่างแจ่มชัด เพราะเราเป็นคนใจกว้าง ใช่ไหม (ใช่)
(ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้หัวหน้าชั้นและพี่เลี้ยงชายหนึ่งท่านออกไปหน้าชั้น)
ให้ท่านเลือกว่าชอบคนไหน ไม่ต้องพูดนะเดี๋ยวเขาเสียใจ ข้อเสียของมนุษย์อย่างหนึ่งก็คือชอบมองแต่เปลือกไม่ยอมเห็นแก่น ถึงแม้จะรู้ว่าทำอะไรต้องรู้จักตรวจสอบต้องรู้จักรับฟัง แต่พอเห็นแล้วข้างนอกขอสวยไว้ก่อนข้างในเป็นอย่างไรไม่รู้ช่างมัน ใช่ไหม (ใช่) จำไว้ว่า “สรรพสิ่งในโลกนี้มีสองลักษณะคือลักษณะภายนอกและลักษณะธาตุแท้ภายใน อย่าปล่อยให้ดวงตาภายนอกหรือรูปลักษณ์ภายนอกหลอกลวงความจริงแท้ที่ควรจะมองเห็น” อย่างเช่นคนบางคนที่เราเคยพบเห็นในโลกนี้
(ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้นักเรียนหลับตาแล้วให้ผู้ปฏิบัติงานธรรมชาย ๒ คน คนหนึ่งผิวคล้ำกว่าอีกคนหนึ่ง เข้าไปยืนหลังกระดานดำ แล้วออกเสียงพูดคำว่า “สวัสดีครับ” ให้ฟัง คนแรกเป็นเสียงที่อ่อนโยนน่าฟัง กับอีกคนหนึ่งเป็นเสียงที่ดุไม่น่าฟัง แล้วให้นักเรียนบอกว่าชอบเสียงแบบไหนมากกว่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่ชอบเสียงไพเราะ แต่เมื่อเฉลยโดยให้ผู้พูดแสดงตัว ปรากฏว่าผู้ที่ผิวคล้ำกว่าเป็นผู้ที่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะกว่าอีกคนหนึ่ง)
เห็นไหมว่าอย่าเอาแต่ฟังอย่างเดียว ฉะนั้นเราอย่ามัวแต่หลงรูปภายนอกจนลืมสนใจแก่นแท้ภายใน เหมือนตอนที่เรามาตอนต้น
แค่เห็นหน้าเราเขาก็บอกไม่เชื่อ ไม่เอาใช่ไหม (ใช่) เราอย่ามัวสนใจรูปลักษณ์ภายนอกจนลืมมองแก่นแท้ภายใน ไม่อย่างนั้นดวงตานั้นแหละจะทำให้เราอดเห็นสิ่งที่ดีกว่านั้นใช่ไหม (ใช่) มองอะไรมองให้รอบ รู้อะไรรู้ให้ชัด มนุษย์เราไม่ใช่เกิดมาแล้วมีตาอย่างเดียว แต่ไร้หูก็ไม่ดี เรามีทั้งตา มีทั้งหู และมีทั้งใจ และก็มีทั้งสมองและปัญญาให้คิด ฉะนั้นใช้ให้ครบ คิดให้ดี อย่าเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง มิฉะนั้นอาจถูกหลอกเอาได้นะใช่หรือไม่ (ใช่)
แค่เห็นหน้าเราเขาก็บอกไม่เชื่อ ไม่เอาใช่ไหม (ใช่) เราอย่ามัวสนใจรูปลักษณ์ภายนอกจนลืมมองแก่นแท้ภายใน ไม่อย่างนั้นดวงตานั้นแหละจะทำให้เราอดเห็นสิ่งที่ดีกว่านั้นใช่ไหม (ใช่) มองอะไรมองให้รอบ รู้อะไรรู้ให้ชัด มนุษย์เราไม่ใช่เกิดมาแล้วมีตาอย่างเดียว แต่ไร้หูก็ไม่ดี เรามีทั้งตา มีทั้งหู และมีทั้งใจ และก็มีทั้งสมองและปัญญาให้คิด ฉะนั้นใช้ให้ครบ คิดให้ดี อย่าเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง มิฉะนั้นอาจถูกหลอกเอาได้นะใช่หรือไม่ (ใช่)
วันนี้ที่เราพูดมาพอจะเข้าใจไหม เกิดเป็นคนไม่รู้จักแยกแยะไม่ได้นะ เพราะในโลกนี้มีทั้งสิ่งที่จริงและสิ่งที่เท็จ สิ่งที่ดีและสิ่งที่ร้าย สิ่งที่ภายนอกดูสวยแต่ภายในดูต๊ะติ๊งโหน่ง แม้ภายนอกดูไม่งามแต่ภายในดูงดงาม ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นเราจะไม่ศึกษาไม่ได้ เกิดเป็นคนจะต้องรู้จักเพียรศึกษาอยู่ตลอดเวลา เราจะไม่เป็นคนตกยุคตกสมัย
ดีไหม (ดี) ไม่ใช่ทันสมัยในการแต่งตัวนะ แต่ทันสมัยคือตามเท่าทันกิเลสและความลวงหลอกของคนใช่ไหม (ใช่) ใครว่าผีน่ากลัวบ้าง
แล้วผีกับคนใครน่ากลัวกว่า (คน) คนน่ากลัวกว่าผี แต่คนยังชอบแต่งตัวหลอกเป็นผีอีกใช่หรือเปล่า
ดีไหม (ดี) ไม่ใช่ทันสมัยในการแต่งตัวนะ แต่ทันสมัยคือตามเท่าทันกิเลสและความลวงหลอกของคนใช่ไหม (ใช่) ใครว่าผีน่ากลัวบ้าง
แล้วผีกับคนใครน่ากลัวกว่า (คน) คนน่ากลัวกว่าผี แต่คนยังชอบแต่งตัวหลอกเป็นผีอีกใช่หรือเปล่า
อยู่ในสังคมไม่ใช่ตามทันกิเลสอย่างเดียว เราต้องรู้จักตามให้ทันคนด้วย ไม่เช่นนั้นก็โดนหลอกอีกเรื่อยๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
วันนี้มาฟังธรรมะใครยังแอบสูบบุหรี่บ้างยกมือขึ้น ขอเสียงปรบมือให้กับคนที่กล้ายอมรับหน่อย กล้ายอมรับแล้วยังสูบบุหรี่อีกไหม
ท่านเคยได้ยินเรื่องหนอนกับเทวดาคุยกันไหม (ไม่เคย) อยากฟังไหม (อยากฟัง) แต่เล่าแล้วไม่รู้จะสะกิดใจใครได้บ้างหรือเปล่า เผอิญว่าหนอนกับเทวดา แต่ก่อนเป็นเพื่อนกัน แต่ไม่รู้กรรมเวรอะไร ทำให้คนที่เป็นเทวดาได้ขึ้นสวรรค์ คนที่เป็นหนอนอยู่ในโถส้วม อยู่ในท่ออุจจาระ ด้วยความหวังดีเทวดาอยากช่วยเพื่อน เพราะว่าเพื่อนมัวแต่แหวกว่ายอยู่ในกองอุจจาระ เทวดาจึงมาปรากฏกายต่อหน้าหนอน แม้จะเหม็นเทวดาก็ทน ท่านมาบอกว่า “มาเป็นแบบเราเถอะ ทำแบบเราเถอะ มันดีกว่า” หนอนจึงถามว่าดีกว่าอย่างไรล่ะ เทวดาตอบว่า เวลาอยากกินอะไร อยากได้อะไร แค่คิดก็ได้ทันที หนอนเลยบอกว่า ไม่เอาหรอก ฉันไม่ต้องการคิด แค่ฉันหันควับ ฉันก็กินเลย อย่างท่านยังต้องนั่งนึกอีก ไม่เอาหรอกลำบากๆ ของเราสิหันควับก็กิน กินไม่มีวันหมดด้วย หนอนก็ยังบอกว่าในกองอุจจาระมันดีกว่า
ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าคนอยากทำผิด อยากสูบบุหรี่ อยากดื่มเหล้า ก็ไม่ต่างอะไรกับหนอนในกองอาจม เรากำลังจะบอกท่านว่าถ้ามนุษย์ยอมอดทน และรู้จักเสียสละ ปฏิบัติให้ได้ดี และให้มีดีอยู่กับตัว ท่านก็คือคนที่เริ่มจะเป็นเทวดา แต่ถ้ายังอยากมีร้ายอยู่กับตัว ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับหนอนในส้วม เพราะมีร้าย คิดร้ายเมื่อไหร่ คนที่คิดก็คือคนที่ต้องเจ็บปวดกับความคิดนั่นแหละ ถูกหรือเปล่า (ถูก)
ตั้งแต่มายังไม่มีใครร้องเพลงต้อนรับท่านเลยใช่ไหม
(ศิษย์พี่นาจาเมตตาให้ผู้ปฏิบัติงานธรรมร้องเพลงต้อนรับนักเรียนและให้นักเรียนร้องเพลง IF YOU ARE HAPPY)
ในความหมายก็คือถ้าเขายินดีต้อนรับอุปถัมภ์ท่านทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ท่านก็ต้องรู้จักสำนึกคุณใช่หรือไม่ ที่ขาดไม่ได้ก็คือ เมื่อได้รับอะไรแล้วก็รู้สึกดี และขอบคุณ จิตใจเช่นนี้เป็นจิตใจที่ไม่ทำให้ความโลภมาทำร้ายหัวใจได้ ไม่ปล่อยให้ความเกลียดชังมาเข่นฆ่าจิตใจที่ดีงามได้
หายง่วงหรือยัง ท่านนะเหมือนเด็กเลย ไม่ว่าจะผมขาวหรือผมดำ ฟังอะไรได้ช่วงสั้นๆ ถึงเวลาก็ต้องไปเปลี่ยนอิริยาบถใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนกันบางครั้งถ้าทุกข์มันมาจุกอกอยู่ตรงหน้า ถือไว้กลุ้มใจไปไม่มีประโยชน์ บางครั้งต้องลองปล่อยดูบ้าง ปล่อยแล้วจับมาใหม่ บางทีอาจจะรู้สึกว่าทุกข์ที่เราแบกอยู่แทบตายนี้ พอปล่อยไปสักพักหนึ่ง แล้วกลับมามองใหม่อาจจะมีอะไรที่เรายังแก้ไขได้ ใช่ไหม (ใช่)
ชีวิตมันมีทุกข์มากมายใช่หรือไม่ ทุกข์เพราะความผิดหวัง
ทุกข์เพราะความพลัดพราก ทุกข์เพราะไม่อยากให้เกิดแต่มันก็ต้องเกิด
แต่บางครั้งการที่เราแบกไว้กับตัวนั้น ยิ่งแบกก็ยิ่งหนัก ยิ่งแบกก็ยิ่งเจ็บ ฉะนั้นเราจะปล่อยไปสักครั้งหนึ่ง แล้วหยิบขึ้นมาใหม่ เราอาจจะเห็นวิธีแก้ วิธีการปลงก็ได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ของนั้นถ้าเราถือไม่นานก็ไม่หนักหรอก แต่พอยิ่งถือนานๆ เข้าจากไม่หนักก็กลายเป็นหนัก จากไม่เมื่อยก็เมื่อย จากเมื่อยแล้วกลายเป็นเจ็บ จากเจ็บแล้วก็กลายเป็นทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทุกข์เพราะความพลัดพราก ทุกข์เพราะไม่อยากให้เกิดแต่มันก็ต้องเกิด
แต่บางครั้งการที่เราแบกไว้กับตัวนั้น ยิ่งแบกก็ยิ่งหนัก ยิ่งแบกก็ยิ่งเจ็บ ฉะนั้นเราจะปล่อยไปสักครั้งหนึ่ง แล้วหยิบขึ้นมาใหม่ เราอาจจะเห็นวิธีแก้ วิธีการปลงก็ได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ของนั้นถ้าเราถือไม่นานก็ไม่หนักหรอก แต่พอยิ่งถือนานๆ เข้าจากไม่หนักก็กลายเป็นหนัก จากไม่เมื่อยก็เมื่อย จากเมื่อยแล้วกลายเป็นเจ็บ จากเจ็บแล้วก็กลายเป็นทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรมนั้น ให้รู้จักปล่อยวาง
อย่ายึดมั่นถือมั่น แบ่งเขาแบ่งเรา เราก็คือคนที่หาเหตุให้ทุกข์ทั้งนั้นเลยจริงไหม (จริง) เหมือนมนุษย์บอกว่าฉันเป็นคนแบบนี้ ต้องพูดเพราะๆ พูดไม่เพราะฟังไม่ขึ้น ฉะนั้นพอใครพูดไม่เพราะก็รู้สึกเจ็บใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นจงเป็นคนมีใจที่อะไรก็รับได้ พูดเพราะไม่เพราะฉันก็ฟังได้ พูดดีไม่ดีฉันก็ทนไหว ชีวิตโชคดีโชคร้ายก็รับได้ ดีไหม (ดี) ถ้าท่านเลือกที่รักมักที่ชัง คนที่เลือกก็คือคนที่ทุกข์ก่อน เมื่อเราทุกข์แล้วเราจะแก้ไขทุกข์ก็เป็นเรื่องยาก เพราะใจเราปิดไปข้างหนึ่งแล้วใช่หรือเปล่า ฉะนั้นจงเป็นคนที่ใจเปิดกว้างๆ แล้วกล้าที่จะยืนอยู่บน
ความเป็นจริง เพราะโลกนี้มีได้ก็ต้องมีเสีย มีหัวก็ต้องมีก้อย มีสุขก็ต้องมีทุกข์ วันนี้เรามีทองแต่พรุ่งนี้ทองอาจจะไม่มีก็ได้ ฉะนั้นยอมรับเสีย
อย่ายึดมั่นถือมั่น แบ่งเขาแบ่งเรา เราก็คือคนที่หาเหตุให้ทุกข์ทั้งนั้นเลยจริงไหม (จริง) เหมือนมนุษย์บอกว่าฉันเป็นคนแบบนี้ ต้องพูดเพราะๆ พูดไม่เพราะฟังไม่ขึ้น ฉะนั้นพอใครพูดไม่เพราะก็รู้สึกเจ็บใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นจงเป็นคนมีใจที่อะไรก็รับได้ พูดเพราะไม่เพราะฉันก็ฟังได้ พูดดีไม่ดีฉันก็ทนไหว ชีวิตโชคดีโชคร้ายก็รับได้ ดีไหม (ดี) ถ้าท่านเลือกที่รักมักที่ชัง คนที่เลือกก็คือคนที่ทุกข์ก่อน เมื่อเราทุกข์แล้วเราจะแก้ไขทุกข์ก็เป็นเรื่องยาก เพราะใจเราปิดไปข้างหนึ่งแล้วใช่หรือเปล่า ฉะนั้นจงเป็นคนที่ใจเปิดกว้างๆ แล้วกล้าที่จะยืนอยู่บน
ความเป็นจริง เพราะโลกนี้มีได้ก็ต้องมีเสีย มีหัวก็ต้องมีก้อย มีสุขก็ต้องมีทุกข์ วันนี้เรามีทองแต่พรุ่งนี้ทองอาจจะไม่มีก็ได้ ฉะนั้นยอมรับเสีย
การศึกษาบำเพ็ญธรรมคือ การสอนให้มนุษย์ยืนอยู่บนความเป็นจริงและรับความเป็นจริงให้ได้ แม้ว่าความเป็นจริงนั้นจะไม่สวยงามและเจ็บปวดก็ตาม วันนี้ท่านมาฟังธรรมกับเรา
เราไม่ได้มาพูดถึงเรื่องปาฏิหาริย์ เราไม่ได้ต้องการให้ท่านเชื่อเรื่องอิทธิฤทธิ์ แต่เราต้องการให้ท่านยืนอยู่บนความจริง เพราะปาฏิหาริย์และอิทธิฤทธิ์นานๆ จะมีสักครั้งใช่หรือไม่ แต่ความจริงต่างหากที่เราต้องพบเจอทุกวัน ฉะนั้นจงอยู่กับความจริง และการกล้าที่จะสู้กับความจริงให้เป็นอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ที่เรารับได้ดีไหม แม้ชีวิตวันนี้อยู่พรุ่งนี้จะตายก็ไม่เป็นไร รับได้ไหม (ได้)
เราไม่ได้มาพูดถึงเรื่องปาฏิหาริย์ เราไม่ได้ต้องการให้ท่านเชื่อเรื่องอิทธิฤทธิ์ แต่เราต้องการให้ท่านยืนอยู่บนความจริง เพราะปาฏิหาริย์และอิทธิฤทธิ์นานๆ จะมีสักครั้งใช่หรือไม่ แต่ความจริงต่างหากที่เราต้องพบเจอทุกวัน ฉะนั้นจงอยู่กับความจริง และการกล้าที่จะสู้กับความจริงให้เป็นอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ที่เรารับได้ดีไหม แม้ชีวิตวันนี้อยู่พรุ่งนี้จะตายก็ไม่เป็นไร รับได้ไหม (ได้)
ในวันนี้สิ่งที่เราเฝ้าเพียรพยายามบอกท่านก็คือการบำเพ็ญธรรมฝึกฝนตนเป็นคนดี แล้วยังฝึกฝนการอยู่ร่วมกับคนอื่นให้ได้ดีด้วย มนุษย์บางคนอยู่กับตัวเองดี แต่พอไปอยู่กับคนอื่นก็กลัวดีจะแตก
ใช่ไหม (ใช่) ในยามปกติดูอย่างนี้ทุกคนก็ดีหมดแต่ถ้ามีอารมณ์ มีใครขัดใจ ก็ดีแตกทุกที หรือพอมีผลประโยชน์มาอยู่ตรงหน้า จากที่เคยดี ๆ ใจเย็น ก็กลายเป็นใจร้อนวู่วามใช่หรือไม่ (ใช่) แต่คนดีที่แท้จริงต้องไม่กลัวผลประโยชน์ ต้องไม่กลัวเสียงขัดหู และต้องไม่กลัวการดูถูกเหยียดหยาม ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใช่ไหม (ใช่) ในยามปกติดูอย่างนี้ทุกคนก็ดีหมดแต่ถ้ามีอารมณ์ มีใครขัดใจ ก็ดีแตกทุกที หรือพอมีผลประโยชน์มาอยู่ตรงหน้า จากที่เคยดี ๆ ใจเย็น ก็กลายเป็นใจร้อนวู่วามใช่หรือไม่ (ใช่) แต่คนดีที่แท้จริงต้องไม่กลัวผลประโยชน์ ต้องไม่กลัวเสียงขัดหู และต้องไม่กลัวการดูถูกเหยียดหยาม ใช่หรือไม่ (ใช่)
เราหวังและอยากให้ท่านเดินไปสู่ทางที่ดีที่ถูกต้อง แต่เราเป็นเพียงผู้ชี้ทาง ผู้บอกทาง หรือเป็นโทรโข่งนั่นเอง ท่านอย่าสนใจว่า
โทรโข่งหน้าตาจะเป็นอย่างไร แต่จงสนใจความหมายของเสียงใน
โทรโข่งมากกว่า หน้าตานี้ โทรโข่งนี้ ยังมีวันสูญสลายได้ แต่ความเป็นจริงในการดำรงชีวิต ที่มนุษย์เลือกเอาไปทำแล้วทำให้ดี ไม่มีวัน
สูญสลายไปจากใจได้ ชีวิตจะตายจากไปได้ แต่คุณธรรมความ
ดีงามของคนๆ หนึ่ง ไม่สามารถเลือนหายไปได้ เพราะเขาทำได้ดีและทำได้งดงาม แล้วทำไมชีวิตหนึ่งเราไม่เลือกสิ่งที่ดีสิ่งที่งามเอามาสู่ชีวิตล่ะ ทำไมเลือกแต่จะปล่อยไปตามอารมณ์ ตามความเคยชินที่ผิดๆ รีบลุกจากการเป็นหนอน มาเป็นเทวดาบ้างดีไหม
โทรโข่งหน้าตาจะเป็นอย่างไร แต่จงสนใจความหมายของเสียงใน
โทรโข่งมากกว่า หน้าตานี้ โทรโข่งนี้ ยังมีวันสูญสลายได้ แต่ความเป็นจริงในการดำรงชีวิต ที่มนุษย์เลือกเอาไปทำแล้วทำให้ดี ไม่มีวัน
สูญสลายไปจากใจได้ ชีวิตจะตายจากไปได้ แต่คุณธรรมความ
ดีงามของคนๆ หนึ่ง ไม่สามารถเลือนหายไปได้ เพราะเขาทำได้ดีและทำได้งดงาม แล้วทำไมชีวิตหนึ่งเราไม่เลือกสิ่งที่ดีสิ่งที่งามเอามาสู่ชีวิตล่ะ ทำไมเลือกแต่จะปล่อยไปตามอารมณ์ ตามความเคยชินที่ผิดๆ รีบลุกจากการเป็นหนอน มาเป็นเทวดาบ้างดีไหม
(นักเรียนในชั้นและผู้ปฏิบัติงานธรรมกล่าวขอบคุณศิษย์พี่นาจาเมตตา)
ไม่ต้องขอบคุณศิษย์พี่หรอกไม่มีศิษย์น้องก็ไม่มีศิษย์พี่ เกิดเป็นคนต้องรู้จักขอบคุณซึ่งกันและกัน อย่ายกย่องตัวเองจนดูเบาผู้อื่น มีเขาจึงมีเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)
“จมอดีตบ่มอนาคตเชื่อมปัจจุบันกลายผง”
เพราะฉะนั้นแต่ก่อนศิษย์น้องจะเป็นอย่างไร ศิษย์พี่ถือว่าเป็นอดีต แต่ปัจจุบันนี้ขอให้เริ่มต้นตั้งใจทำสิ่งที่ดี และรักษาสิ่งที่ดีให้เหมือนเกลือรักษาความเค็ม ได้ไหม (ได้)
ก่อนจะไปศิษย์พี่ก็จะได้วางใจว่าศิษย์พี่ทำเต็มที่แล้วนะ เหลือแต่ศิษย์น้องว่าจะตั้งใจฟังหรือตั้งใจบำเพ็ญเต็มที่หรือยัง
ขอให้ตั้งใจฟังให้จบ อดทนในสิ่งที่ยากจะทนให้ได้นะ แม้จะไม่เคยอดทนขนาดนี้มาก่อนก็ตาม เหลืออีกแค่วันเดียว สู้ตายนะ
วันอาทิตย์ที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ สถานธรรมฉือเหริน จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทพระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย
เราผู้เฒ่าผ่านโลกมากี่ร้อยปี ก็ยังหวังเห็นคนดีช่วยโลกหนา
ตัดวัฏฏะหยุดภพชาติด้วยปฏิปทา มีปณิธานบำเพ็ญมาแล้วไม่เปลี่ยนแปลง
เราคือ
พระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดา ถามหลานน้อยน้อยสบายดีไหม
สิ่งเดิมเดิมในความคิดอันเข้มข้น ยังวกวนจิตใจ จะทำดีในความคิดดูเหมือนง่าย มือนี้เปลี่ยนตัวเอง
ยิ่งต้องรู้และต้องเข้าใจ อย่าไปทำอะไรเพื่อดัง อยากจะดีจงมีน้ำใจกว้าง เติบโตไปบนทางของตน ใครเห็นใคร ที่เห็นก็แบบตัวเอง
คน คน คนนั้นมีหลายอย่าง บางครั้งคนเองยังแปลกใจ อย่าไปมอง มองมองเห็นมากเลยหน่าย ปัญหาใครมาเหนื่อยตัวเอง
( * ) เปลี่ยนความคิดชนะซึ่งเรื่องเก่า จะตัวเบาใจเบาท่ามกลาง ห่างความเห็นทุกข์เข็ญนั้นเดินห่าง อย่าไปวางใจความคิดตน จงพ้นไปในหัวใครเจ้าเหตุผล
น้ำทั้งสายความฝันคา ผัดวันกันมากับเรื่องใด ชีวิตหวังในเรื่องใด เหตุใดไม่คิด
แล้วทำ ( ซ้ำ * )
แล้วทำ ( ซ้ำ * )
ทำนองเพลง :เจ้าสาวที่กลัวฝน
ชื่อเพลง : คิดก่อนแล้วจึงทำ
พระโอวาทพระพฤฒาชัณษาแห่งทักษิณาลัย
เมื่อสักครู่นี้ฟังหัวข้อมหาปณิธานสิบได้ครบสิบข้อไหม เรามาทำให้เสียสมาธิหรือเปล่า อย่าเพิ่งรำคาญคนแก่นะ คนแก่ทำอะไรเชื่องช้า หูก็ไม่ค่อยดี ฉะนั้นต้องพูดกับเราดังๆ หน่อยนะ ในที่นี้มีคนรุ่นราวคราวเดียวกับเราเยอะเหมือนกันใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอย่าคิดว่าแก่แล้วบำเพ็ญไม่ได้ อย่าคิดว่าแก่แล้วทำอะไรไม่ไหว ถ้าใจสู้เสียอย่าง ทางไกลแค่ไหนก็ยังใกล้ได้ แต่ถ้าใจไม่สู้ทางไกลแค่ไหนก็ย่อมไม่ไหวแน่นอน
วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้วในการฟังธรรมะ (วันที่สอง) ฟังแล้วรู้สึกเป็นอย่างไร (ดี) อายุมากแล้ว ตาก็มองไม่ค่อยเห็น หูก็ไม่ค่อยได้ยิน แต่หัวใจต้องสู้นะ เคยได้ยินไหม มนุษย์ชอบพูดกันว่า “ตัวแก่แต่ใจต้องไม่แก่” ใช่หรือไม่ (ใช่) “ตัวเจ็บป่วยแต่หัวใจต้องไม่เจ็บป่วย” พอถึงเวลาร่างกายตายแต่ใจมันไม่ตายใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นคนอายุน้อยอย่ายอมแพ้คนแก่นะ
ชีวิตไม่แน่นอนใช่ไหม วันนี้แข็งแรง พรุ่งนี้อาจจะอ่อนแอ วันนี้ยังเยาว์วัย พรุ่งนี้อาจจะชราวัย ฉะนั้นเห็นเราแล้วก็ต้องรู้จักปลงบ้างนะ โลกนี้ไม่แน่ไม่นอน แม้แต่ตัวเราเองหรือใจของเราเอง มีอะไรบ้างที่มั่นคงแน่นอนบ้าง ตั้งแต่เล็กจนโตเรายังรักษาไว้ไม่เคยห่างหายไปจากตัวเรา อายุใช่ไหม (ใช่) อยากจะลืมก็ลืมไม่ได้ เดี๋ยวก็มีคนย้ำเตือนว่าอายุเท่าไหร่แล้ว คนเราทุกคนนั้นรู้จักวันเกิด เลือกวันเกิดได้ แต่ชีวิตของคนรู้วันตาย เลือกวันตายได้จริงๆ หรือ (ไม่ได้) คนบางคนอยากตายวันนี้แต่ดวงยังไม่ถึงคาด ทำอย่างไรก็ตายไม่ได้ แต่คนบางคนไม่อยากตายก็ต้องตาย ฉะนั้นชะตาชีวิตอยู่ที่ฟ้าหรืออยู่ที่เรา (ฟ้า) อยู่ที่ฟ้าส่วนหนึ่ง อยู่ที่เราส่วนหนึ่ง แม้ฟ้าจะกำหนดให้ท่านอายุยืน แต่ทุกวันท่านเอาแต่ใช้ชีวิตอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า อย่างไรเสียก็ต้องอายุสั้น แล้วถ้าฟ้ากำหนดให้ท่านอายุสั้น แต่ท่านรู้จักถนอมรักษา หมั่นทำความดี ช่วยเหลือสรรพสัตว์ ช่วยเหลือคน แม้ดวงชะตาชีวิตจะสั้นแต่ฟ้าก็อยากต่อให้ยืนยาว
ฉะนั้นเราอย่ามัวแต่ดูหมอเลยนะ ดูตัวเองดีกว่า ถามตัวเองดีกว่า ว่าอยากจะมีอายุยืนยาวหรืออายุสั้น ก็ต้องมองที่การประพฤติ การปฏิบัติหรือความคิดในจิตใจ เคยได้ยินไหม คิดดีเหมือนขึ้นสวรรค์ คิดชั่วก็เหมือนตกนรก คิดดีก็พาให้ตัวเองมีสุข คิดชั่วก็ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฉะนั้นความคิดจึงเสมือนรากของชีวิตและจิตใจ ถ้ารากบำรุงไม่ดี ต้นก็ต้องเหี่ยวเฉา ผลก็ออกไม่ได้ แต่ถ้าจิตใจของเราดี ชีวิตร่างกายก็จะเจริญเติบโตอย่างงดงาม ถูกหรือไม่ (ถูก)
แต่ถ้าจิตใจเราไม่ดีเก็บสะสมแต่สิ่งที่เลวร้าย แม้จะปิดบังซ่อนเร้นอย่างไร คนก็ต้องมองออกใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์คือ ความคิดที่ถูกปลูกฝังไว้ในหัวใจ แล้วเราคิดอย่างไรล่ะ คิดจะมีดีไว้ในตัวหรือจะคิดชั่วเก็บไว้ในตัว เราเชื่อว่าทุกท่านก็อยากมีดีไว้กับตัว แต่บางครั้งมันก็อดไม่ได้ ขนาดเห็นเราก็ยังอดคิดร้ายไม่ได้เลย ใช่หรือเปล่า เป็นธรรมดานะ
ฉะนั้นถ้าเห็นอะไรดี ก็จงนำสิ่งดีนั้นมาเลียนแบบนำมาเป็นครูสอนเพิ่มความงดงามให้ชีวิตและจิตใจ แต่ถ้าเห็นอะไรไม่ดี ก็จงสะบัดปัดทิ้งไป ท่านเคยเห็นไหม เมล็ดพันธุ์แม้จะดีขนาดไหน แต่ถ้าปลูกในดินที่ไม่ดี เมล็ดพันธุ์ก็กลายได้ ชีวิตคนเราแม้ว่าเมื่อก่อนเราจะดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่รู้จักเลือกสภาวะแวดล้อมก็อาจจะมีผลต่อจิตใจได้เหมือนกัน ดังที่กล่าวว่า “ดินดี ส้มก็กลายเป็นผลไม้รสหวาน ดินไม่ดีส้มก็กลายเป็นมะนาวเปรี้ยว” ใช่หรือไม่ (ใช่) น้ำเน่าเปลี่ยนธาตุแปรสี ความเคยชินที่ผิดๆ ก็เปลี่ยนแปลงตัวตนของเราได้ ฉะนั้นอย่ามัวแต่เลือกเฉพาะที่เพลินหูเพลินตา แต่ที่สงบแห่งจิตใจไม่กลับมาหาบ้างน่าเสียดายนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
อยากฟังเราคุยไหม (อยาก) เราเริ่มต้นไว้ว่า ใจเราก็เหมือนรากต้นไม้ ถ้าจิตใจเราดีชีวิตก็จะงดงามออกลูกตกผลได้สวยงาม แต่ถ้าจิตใจเราไม่ดี ปลูกหรือบ่มเพาะอะไร ผลออกมาก็บิดเบี้ยวไม่สวย รสชาติก็ไม่อร่อย
จิตใจเช่นไรที่ควรจะปลูกฝังบ่มเพาะไว้ในร่างกายของเรา และจิตใจแบบไหนละที่ไม่ควรมีไว้ เพราะยิ่งมีมากก็ยิ่งไม่ดี นั้นคือจิตที่ฟุ้งซ่าน ใช่หรือไม่ มีอะไรอีก จิตใจที่จมอยู่ในอดีต (จิตใจอาฆาตมาดร้าย) ความเคืองแค้น ใช่หรือไม่ คนแก่ก็เหมือนส้มยิ่งไม่สวยก็ยิ่งหวาน ยิ่งน่าเกลียดก็ยิ่งอร่อย ใช่หรือไม่ (ใช่) ส้มสวยๆ ไม่ค่อยหวานนะ ถ้าเลือกแต่รูปก็จะได้กินแต่ที่ไม่อร่อย ใช่หรือเปล่า (จิตใจที่คับแคบไม่เปิดกว้าง) คนที่เห็นใครได้ดีแล้วอิจฉา สู้เขาไม่ได้แล้วเจ็บปวด ใครเอาเปรียบแล้วเคืองแค้นเช่นนี้เป็นจิตใจที่ไม่ดีเลยใช่หรือไม่ แต่หลานเคยได้ยินไหมว่า รังแกเขาสักวันหนึ่งเขาย่อมมารังแกตอบ แต่ถ้าถูกเขารังแกแล้วเราให้อภัยนั่นแหละคือวาสนา เอาเปรียบเขาสักวันเขาย่อมเอาเปรียบตอบ แต่ถ้ายอมให้เขาเอาเปรียบโดยที่จิตใจไม่ถือโทษ โกรธเคืองเราย่อมมีวาสนาที่ดีในสักวันหนึ่ง “ฉะนั้นถ้าโดนใครรังแก หรือโดนใครดูถูก โดนใครเหยียบหยามจงอดทนเข้าไว้ อดทนในเรื่องเล็กได้ เรื่องใหญ่ย่อมไม่มีวันสูญเสีย คนที่รู้จักอดทน รู้จักยอม รู้จักอภัยจะเป็นคนที่สามารถอยู่บนโลกได้อย่างสันติสุข”
จิตใจที่ไม่มีความเมตตาอารี จิตใจที่เลว ใจที่ไม่ดี ใจที่ใฝ่ต่ำเป็นเรื่องที่คนเรามักจะเป็นกันไหม (ใช่) ขอให้คิดดีเข้าไว้ คิดสูงเข้าไว้ แม้เราจะรู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน แต่คิดง่ายๆ คิดต่ำๆ มันง่ายกว่าใช่ไหม (ใช่) แต่รู้ไหมว่าขนาดน้ำ เราอยากให้มันไปที่สูงเรายังสามารถหาวิธีการนำมันขึ้นไปได้ แล้วทำไมจิตใจของเราเองเราถึงดึงให้สูงเหมือนน้ำไม่ได้ล่ะ อย่าเพียงแต่ว่าทำอะไรก็ทำเป็นหมด ทำได้เก่งหมด แต่ทำให้หัวใจตัวเองให้เก่งให้ดีไม่ได้ มันน่าเสียดายนะ ใช่ไหม (ใช่)
ใจอย่างไร (จิตใจที่ไมบริสุทธิ์, ใจที่อาฆาตพยาบาท โทสะ โมหะ) ถามว่าในที่นี้ใครบ้างไม่เคยโกรธใครเลย มีไหม โกรธครั้งหนึ่งแล้วเจ็บปวดไหม (เจ็บปวด) โมโหแล้วได้อะไรไหม (ไม่ได้) แล้วยังมีอีกอยู่ไหม (มี) ยังมีอยู่ใช่หรือไม่ ค้านคนอื่นแล้วดีไหม (ไม่ดี) แล้วมีไหม เคยเห็นไหม วัชพืชขึ้นแล้วมันรก มันไม่สวย เห็นแล้วเกะกะลูกตา เหมือนต้นไมยราบ ขึ้นมาแล้วพลาดไปถูกเข้าแล้วก็โดนหนามทิ่มขา ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วยังคิดจะปลูกมันไว้ไหม (ไม่ปลูก) แต่บางทีมองไปกลับรู้สึกว่าสวยดีเหมือนกัน
ความโกรธ ความเคืองแค้น เราก็รู้ว่ามีแล้วไม่ดี แต่ไปๆ มาๆ เรากับพึงพอใจให้มันมีอยู่กับตัวเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอภัยได้ก็จงอภัย มีแต่จิตใจที่กว้างใหญ่ไม่รู้จักเคืองแค้นต่างหากจึงจะเป็นจิตใจที่งดงาม มีอะไรอีก (จิตใจชั่วร้ายคิดแต่สิ่งที่ไม่ดี, จิตใจที่มองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา) ถ้าใครรำคาญคนแก่สักวันก็คงแก่ มองโลกในแง่ร้ายก็ไม่มีความสุข เปลี่ยนเป็นมองในแง่ดีบ้างดีไหม
ความสงบในจิตใจหรือที่ควรจะบ่มเพาะไว้ อย่าเป็นคนใจร้อนต้องใจเย็นๆ ใช่ไหม อะไรอีกที่ไม่ควรมีไว้ในหัวใจ ไม่ควรบ่มเพาะให้กลายเป็นนิสัย (ความอยากได้, กิเลส, ใจร้อนวู่วาม, ความโลภหลงไม่รู้จักพอ, จิตใจที่ไม่รู้จักอดทน, จิตใจที่ไม่ซื่อตรง, จิตใจที่มีความยึดมั่นถือมั่น, ไม่มีความอดทน, จิตใจที่ไม่มีความชั่วร้าย, กิเลสตัณหา)
(จิตใจที่พยาบาทคนอื่น, เอาเปรียบผู้อื่น) ตอบได้แต่อย่าเอาคำตอบนั้นมาเก็บไว้ในหัวใจนะ สะบัดทิ้ง ปัดออกบ้าง (ความรักที่ไม่มีเหตุผล, จิตใจที่หมกมุ่นอยู่กับอบายมุข, รู้จักให้อภัย, หลอกตัวเอง, ไม่ยอมรับความจริง) หลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง ตอบได้ดีนะ (ไม่มีจิตใจบาป) อย่าคิดร้าย อย่าคิดชั่ว จิตใจที่แต่ละท่านบอกมานั้น ถ้ารู้ว่าไม่ดีก็ต้องรีบตัดทิ้ง อย่าปล่อยให้เนิ่นนาน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นนิสัยและความเคยชิน ใช่หรือไม่ (ใช่) (อคติ) ตอบได้ดีนะ มนุษย์ทุกคนย่อมรักตัวเอง แต่ถ้ารักตัวเองมากจนไม่ยอมลำบาก คนๆ นั้นก็จะตกเป็นทาสของสรรพสิ่งได้ง่าย เป็นทาสของอะไรบ้าง (เป็นทาสของความโลภ ความหลง) เป็นทาสของความโลภ ความหลง ใช่ไหม (ใช่) (จิตที่ไม่หมกมุ่น จิตไม่ประภัสสร) ไม่สว่าง ไม่งดงาม ใช่ไหม ฉะนั้นถ้าคิดแล้วมืดมน ย่ำแย่ เราต้องรีบตัดทิ้ง
เราบอกแล้วว่ายิ่งอายุมาก เราต้องไม่เลอะเลือน เลอะเลือนเมื่อไหร่ลำบากเมื่อนั้น ถ้าเราทำไม่ได้ยิน ก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้ยิน จำไม่ได้ก็บอกว่าจำไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) ไม่รู้เรื่องก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง เขาจะได้พยายามบอก ดีกว่าตอบมั่วๆ พูดผิดๆ มันน่าอายเขานะ ใช่ไหม
เราถามว่าใจแบบไหนที่ไม่ควรเก็บไว้ในตัวเอง ใจที่คิดอย่างไร หรือนิสัยอย่างที่เก็บไว้ในตัวเองมากๆ แล้วมันไม่ดี อะไรล่ะ ขี้บ่นไหม ขี้บ่นมากๆ ลูกหลานก็ไม่รักใช่หรือเปล่า อย่าเอาแต่ความอยากได้จนทำให้เรากลายเป็นคนโลภมากโดยไม่รู้ตัว อายุมากแล้วไม่ใช่ว่านั่นก็อยากได้ นี่ก็อยากได้ ใช่ไหม (ใช่) อายุมากแล้วปลงได้ก็ต้องปลง ปล่อยได้ก็ต้องปล่อย วางได้ก็ต้องวาง
เราถามว่าใจแบบไหนที่ไม่ควรเก็บไว้ในตัวเอง ใจที่คิดอย่างไร หรือนิสัยอย่างที่เก็บไว้ในตัวเองมากๆ แล้วมันไม่ดี อะไรล่ะ ขี้บ่นไหม ขี้บ่นมากๆ ลูกหลานก็ไม่รักใช่หรือเปล่า อย่าเอาแต่ความอยากได้จนทำให้เรากลายเป็นคนโลภมากโดยไม่รู้ตัว อายุมากแล้วไม่ใช่ว่านั่นก็อยากได้ นี่ก็อยากได้ ใช่ไหม (ใช่) อายุมากแล้วปลงได้ก็ต้องปลง ปล่อยได้ก็ต้องปล่อย วางได้ก็ต้องวาง
สิ่งที่ควรอยากได้คือตายไปแล้วไม่เสียชาติเกิด นั่นก็คือความดี แล้วทำดีอย่างไรล่ะ ที่จะตายไปแล้วไม่เสียชาติเกิด รู้จักให้อภัย รู้จักพูดคำดีๆ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไม่เป็นคนขี้บ่น ขี้โมโห ใช่หรือไม่ (ใช่) เข้าใจสิ่งที่เราพูดบ้างไหม (เข้าใจ) (มีนักเรียนในชั้นที่สูงอายุต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคให้) ว่าอย่างไร จะเอาส้ม จะให้รักษาโรค
เรากับท่านต่างกันไหมล่ะ เราเหมือนกันในกายแต่ต่างกันในใจใช่ไหม เราบอกแล้วว่า ตัวป่วยเพราะใจไม่สู้ แถมเลือกกิน ร่างกายก็ไม่ได้ออกกำลังกาย กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน ตอนนี้ก็ทำงานใช่ไหม อยากให้หายเป็นไปได้หรือท่าน มีใครบ้างในโลกนี้ที่เกิดมาโดยไม่ป่วย
อายุน้อยๆ เขายังเมื่อยหลังเป็นเลย ใช่หรือไม่ เราจะรักษาท่านให้หายเพื่อให้ท่านกลับไปเป็นใหม่เอาไหม (ไม่เอา) ฉะนั้นท่านก็ต้องสู้ด้วยหัวใจตัวเอง เหนื่อยก็ยังต้องเข้มแข็งได้ด้วยหัวใจ ท่านอายุ ๘๕ ปี
เราอายุเท่าไหร่ท่านรู้ไหม เราเห็นโลกมากี่กัลป์ เห็นมนุษย์อย่างท่านเวียนว่ายตายเกิดมากี่ชาติแล้วรู้ไหม
เรากับท่านต่างกันไหมล่ะ เราเหมือนกันในกายแต่ต่างกันในใจใช่ไหม เราบอกแล้วว่า ตัวป่วยเพราะใจไม่สู้ แถมเลือกกิน ร่างกายก็ไม่ได้ออกกำลังกาย กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน ตอนนี้ก็ทำงานใช่ไหม อยากให้หายเป็นไปได้หรือท่าน มีใครบ้างในโลกนี้ที่เกิดมาโดยไม่ป่วย
อายุน้อยๆ เขายังเมื่อยหลังเป็นเลย ใช่หรือไม่ เราจะรักษาท่านให้หายเพื่อให้ท่านกลับไปเป็นใหม่เอาไหม (ไม่เอา) ฉะนั้นท่านก็ต้องสู้ด้วยหัวใจตัวเอง เหนื่อยก็ยังต้องเข้มแข็งได้ด้วยหัวใจ ท่านอายุ ๘๕ ปี
เราอายุเท่าไหร่ท่านรู้ไหม เราเห็นโลกมากี่กัลป์ เห็นมนุษย์อย่างท่านเวียนว่ายตายเกิดมากี่ชาติแล้วรู้ไหม
(ทำใจให้สงบ, ใจต้องมีสติ ไม่ต้องระแวง ไม่ต้องกังวล) ถ้าพูดได้อย่างที่ทำ ถ้าทำได้อย่างที่พูดก็ไม่ต้องกังวลใช่หรือไม่ ถ้าทำดีที่สุดแล้วก็ไม่เห็นต้องระแวงว่าใครจะดีหรือไม่ดีกับเรา (จิตใจที่ขุ่นมัว, ไม่ผ่องใส, จิตใจไม่ริษยาอาฆาต, ความถือดี) จิตใจที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนย่อมเป็นที่รัก แต่จิตใจที่ดื้อดึงแข็งกระด้างย่อมมีแต่วันแตกหักใช่หรือไม่ (ใจโลเลไม่มั่นคง, จิตใจที่ไร้คุณธรรม, จิตใจไม่เอาเปรียบคนอื่น, รู้จักบ่มเพาะจิตใจที่ให้โดยไม่หวังผล)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ชื่อเพลง
“คิดก่อนแล้วจึงทำ” ทำนองเพลง “เจ้าสาวที่กลัวฝน”)
“คิดก่อนแล้วจึงทำ” ทำนองเพลง “เจ้าสาวที่กลัวฝน”)
มีคนนำดีก็ร้องได้เพราะใช่ไหม (ใช่) แล้วจิตใจเรามีจิตใจที่ดีนำชีวิตบ้างหรือยัง จิตใจที่ดีต้องเป็นจิตใจที่กว้าง รู้จักขยันหมั่นเพียร
มีความซื่อตรง อยู่ง่ายกินง่าย เป็นคนที่แม้จะอยู่อย่างต่ำแต่ทำเยี่ยงคนที่สูงส่ง ใฝ่หาอย่างคนที่รู้จักพอเพียง ไม่ยึดมั่นถือมั่นอย่างตายตัว
เป็นคนที่รู้จักอะลุ้มอล่วยถ่อมตนกับผู้อื่น แต่เข้มงวดต่อตัวเอง ทุกวันไม่มีเวลาไปจับผิดหรือว่าใคร มีแต่ตรวจสอบจับผิดดูแลตัวเอง
คนเช่นนี้ถ้าทำได้ จะไม่มีเวลาไปบ่นว่าใครได้ ฉะนั้นเกิดเป็นคนจิตใจที่ดีจงพึงมีไว้ “ใจกว้าง ใจเย็น รู้จักอดทน รู้จักยอม รู้จักให้อภัย” ไม่ยากนี่ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีความซื่อตรง อยู่ง่ายกินง่าย เป็นคนที่แม้จะอยู่อย่างต่ำแต่ทำเยี่ยงคนที่สูงส่ง ใฝ่หาอย่างคนที่รู้จักพอเพียง ไม่ยึดมั่นถือมั่นอย่างตายตัว
เป็นคนที่รู้จักอะลุ้มอล่วยถ่อมตนกับผู้อื่น แต่เข้มงวดต่อตัวเอง ทุกวันไม่มีเวลาไปจับผิดหรือว่าใคร มีแต่ตรวจสอบจับผิดดูแลตัวเอง
คนเช่นนี้ถ้าทำได้ จะไม่มีเวลาไปบ่นว่าใครได้ ฉะนั้นเกิดเป็นคนจิตใจที่ดีจงพึงมีไว้ “ใจกว้าง ใจเย็น รู้จักอดทน รู้จักยอม รู้จักให้อภัย” ไม่ยากนี่ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนที่รู้จักพอ เก้าอี้ตัวไหนก็นั่งได้สบาย แต่คนที่ไม่รู้จักพอ
นั่งเก้าอี้ตัวไหนก็จะไม่มีความสุขเข้าใจไหม (เข้าใจ) เคยไหมในชีวิตที่หาเงินมาได้มากมาย ซื้อบ้านได้หลังโต แต่ซื้อให้หัวใจหรือตัวเราให้การนอนหลับไม่ได้ หลับไม่ลงใช่ไหม (ใช่) หรือที่มนุษย์ว่ามีเงินซื้อเตียงแต่มีเงินซื้อการนอนหลับไม่ได้ มีเงินซื้อความสุขแต่ซื้อได้แค่สุข
ชั่วครู่ ไม่พบสุขถาวร มีเงินสามารถเลี้ยงลูกได้เติบโต แต่เงินไม่สามารถซื้อหัวใจลูก หรือซื้อหัวใจใครได้ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่าคิดว่าเงินชื่อเสียงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เลย มีแต่ความดีงามในหัวใจที่ยิ่งใหญ่สามารถผูกมัดหัวใจใครๆ ในโลกได้ ธรรมะไม่ได้ทำให้คนยิ่งใหญ่
แต่คนจะยิ่งใหญ่ได้เมื่อรู้จักเอาธรรมะมาประพฤติปฏิบัติใช่หรือไม่ (ใช่) ความเมตตากรุณาปราณีเป็นสิ่งงดงาม แต่ถ้าเมื่อไหร่มนุษย์รู้จักประพฤติปฏิบัติความเมตตาปราณี ผู้นั้นก็คือเป็นคนที่งดงามยิ่งกว่างดงามเสียอีกใช่หรือไม่
นั่งเก้าอี้ตัวไหนก็จะไม่มีความสุขเข้าใจไหม (เข้าใจ) เคยไหมในชีวิตที่หาเงินมาได้มากมาย ซื้อบ้านได้หลังโต แต่ซื้อให้หัวใจหรือตัวเราให้การนอนหลับไม่ได้ หลับไม่ลงใช่ไหม (ใช่) หรือที่มนุษย์ว่ามีเงินซื้อเตียงแต่มีเงินซื้อการนอนหลับไม่ได้ มีเงินซื้อความสุขแต่ซื้อได้แค่สุข
ชั่วครู่ ไม่พบสุขถาวร มีเงินสามารถเลี้ยงลูกได้เติบโต แต่เงินไม่สามารถซื้อหัวใจลูก หรือซื้อหัวใจใครได้ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่าคิดว่าเงินชื่อเสียงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เลย มีแต่ความดีงามในหัวใจที่ยิ่งใหญ่สามารถผูกมัดหัวใจใครๆ ในโลกได้ ธรรมะไม่ได้ทำให้คนยิ่งใหญ่
แต่คนจะยิ่งใหญ่ได้เมื่อรู้จักเอาธรรมะมาประพฤติปฏิบัติใช่หรือไม่ (ใช่) ความเมตตากรุณาปราณีเป็นสิ่งงดงาม แต่ถ้าเมื่อไหร่มนุษย์รู้จักประพฤติปฏิบัติความเมตตาปราณี ผู้นั้นก็คือเป็นคนที่งดงามยิ่งกว่างดงามเสียอีกใช่หรือไม่
ฉะนั้นอย่าปล่อยสิ่งดีๆ เป็นแค่พูดคำว่าดีๆ แต่จงเป็นคำว่าดีๆ
ที่การประพฤติปฏิบัติของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้จักยอม รู้จักพอ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักสุภาพ รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาป ทำได้เช่นนี้ มีหรือจะไม่ได้ดี ใช่ไหม (ใช่)
ที่การประพฤติปฏิบัติของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้จักยอม รู้จักพอ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักสุภาพ รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาป ทำได้เช่นนี้ มีหรือจะไม่ได้ดี ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นชีวิตงดงามอยู่ที่การเลือกประพฤติปฏิบัติ ในโลกนี้มีทั้งสิ่งที่เรียกว่าดี และเรียกว่าไม่ดี คนที่จะเอามาประพฤติปฏิบัติได้ก็คือคนที่รู้จักเลือก เลือกอะไรเอาไว้ในใจ เลือกอะไรทิ้งออกไป ใช่ไหม (ใช่)
หลานบอกว่าเหล้า บุหรี่และอบายมุขเป็นสิ่งที่ไม่ดี แล้วสิ่งที่ไม่ดีเมื่อมาอยู่กับเราแล้วจะเป็นอย่างไร จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านั้นมันก็ยังเป็นแค่ตรงนั้น แต่เมื่อไหร่ที่เราจับยึดและนำสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นมาอยู่กับตัว เมื่อนั้นก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีไป ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนที่มนุษย์พูดว่า เหล้าไม่ได้ทำให้คนเมา แต่คนไปกินเหล้าจนเมาเองต่างหาก ใช่ไหม (ใช่) กิเลสทำให้คนชั่วไหม (ชั่ว) จริงๆ แล้วกิเลสไม่ได้ทำให้คนชั่ว
ถ้าคนไม่เอากิเลสมาไว้กับตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนกัน บุหรี่ก็ยังเป็นบุหรี่ อบายมุข การพนัน ก็ยังเป็นอบายมุข เป็นการพนัน แต่เมื่อไหร่ที่มนุษย์คิดอยากจะจับแล้วติดอกติดใจ เมื่อนั้นก็ไม่ได้ดีสักคน แต่ก็แปลกนะ สิ่งไหนที่ไม่ดีก็ชอบไปจับ ชอบไปสัมผัส แต่สิ่งที่ดี ทำแล้วได้ดี ทำแล้วเจริญ ทำไมคนถึงไม่เลือกที่จะทำ ยังคงเป็นคำกล่าวเหมือนเดิมว่านรกไม่มีทาง แต่คนเลือกที่จะเดิน สวรรค์มีทาง แต่คนกลับไม่ไป ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าคนไม่เอากิเลสมาไว้กับตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนกัน บุหรี่ก็ยังเป็นบุหรี่ อบายมุข การพนัน ก็ยังเป็นอบายมุข เป็นการพนัน แต่เมื่อไหร่ที่มนุษย์คิดอยากจะจับแล้วติดอกติดใจ เมื่อนั้นก็ไม่ได้ดีสักคน แต่ก็แปลกนะ สิ่งไหนที่ไม่ดีก็ชอบไปจับ ชอบไปสัมผัส แต่สิ่งที่ดี ทำแล้วได้ดี ทำแล้วเจริญ ทำไมคนถึงไม่เลือกที่จะทำ ยังคงเป็นคำกล่าวเหมือนเดิมว่านรกไม่มีทาง แต่คนเลือกที่จะเดิน สวรรค์มีทาง แต่คนกลับไม่ไป ใช่หรือไม่ (ใช่)
วันนี้คำที่หลานๆ วงหรือสิ่งที่เราให้เป็นสิ่งสุดท้ายที่อยากฝากให้ นั่นก็คือชีวิตนี้มีอยู่แค่ปัจจุบัน มีอยู่แค่วันนี้ เราไม่อาจจะรู้ถึงวันพรุ่งนี้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้น จงทำวันนี้ให้ดี ให้มีสุข มนุษย์หลายคนหวังความสุขในอนาคตเบื้องหน้าจนลืมความสุขในขณะปัจจุบัน ใช่หรือไม่ (ใช่) ทำไมไม่ทำทุกวันให้มีความสุข เพราะกว่าจะถึงความฝัน เราก็สำเร็จตั้งแต่ที่ก้าวเดินแต่ละขณะแล้ว เข้าใจไหม (เข้าใจ) เหมือนเราฝันว่าถ้าเรามีบ้านแล้วจะมีความสุข แต่ทุกขณะที่เราเก็บเงินเพื่อจะซื้อบ้าน เราก็มีความสุข เก็บหนึ่งร้อยเราก็มีความสุข เก็บหนึ่งพันเราก็มีความสุข เพราะหนึ่งพันนี้จะทำให้เรามีบ้าน ใช่หรือไม่ (ใช่)
สุขอยู่กับปัจจุบัน จงรู้พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี สิ่งใดที่มันผ่านไปแล้วหายไปแล้ว ก็จงทำใจเสียอย่ามัวแต่จมอยู่กับอดีตจนทำให้ปัจจุบันไม่มีความสุขและอนาคตก็ไม่มีหวัง หลายคนมัวหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว สิ่งที่มันจบไปแล้วจนทำให้วันนี้ไม่มีสุข และอนาคตก็ไม่มีความหมาย น่าเสียดาย
ฉะนั้นจงทำวันนี้ให้ดีและให้มีความสุขด้วยการที่รู้จักพึงพอใจในสิ่งที่มี ในสิ่งที่ตัวเองเป็น รักในสิ่งที่ตัวเองได้รับแม้มันจะน้อยก็ตาม
ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่ามัวจมอยู่กับอดีตที่ผ่านไป เช่นเดียวกับคนที่เรารัก
ถ้าวันนี้เขารักเราน้อยกว่าเมื่อวาน ก็จงดีใจเถอะว่าอย่างน้อยก็ยังดีที่เขายังรัก ใช่หรือไม่ (ใช่) หรือถ้าวันนี้เขาไม่รักเราเหมือนเมื่อวาน ก็จงทำใจเสียว่า เขาไม่รัก เรารักตัวเองก็ได้ ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอะไรผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไปอยู่กับปัจจุบันนะ ชีวิตมีแค่ปัจจุบันขณะเท่านั้น อนาคตเป็นอย่างไรเราไม่รู้ ฉะนั้นทำวันนี้ให้มีสุข ด้วยใจของ
เราเอง
ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่ามัวจมอยู่กับอดีตที่ผ่านไป เช่นเดียวกับคนที่เรารัก
ถ้าวันนี้เขารักเราน้อยกว่าเมื่อวาน ก็จงดีใจเถอะว่าอย่างน้อยก็ยังดีที่เขายังรัก ใช่หรือไม่ (ใช่) หรือถ้าวันนี้เขาไม่รักเราเหมือนเมื่อวาน ก็จงทำใจเสียว่า เขาไม่รัก เรารักตัวเองก็ได้ ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอะไรผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไปอยู่กับปัจจุบันนะ ชีวิตมีแค่ปัจจุบันขณะเท่านั้น อนาคตเป็นอย่างไรเราไม่รู้ ฉะนั้นทำวันนี้ให้มีสุข ด้วยใจของ
เราเอง
แม้ตัวจะแก่ก็ยิ้มได้ เจ็บก็ยังยิ้มได้ อย่างน้อยเจ็บป่วยก็ยังดี เพราะยังมีร่างกาย หรืออย่างน้อยแม้ร่างกายไม่ครบก็ยังดีที่ยังมีชีวิตมีลมหายใจใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเกิดเป็นคนมีชีวิตอย่าได้ยอมแพ้และอย่าได้อ่อนแอ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดด้วยการบำเพ็ญตน บำเพ็ญตนเป็นอย่างไรต้องบอกอีกไหม คงต้องบอกอีกที คือต้องเข้มงวดตัวเอง ผ่อนปรนผู้อื่น แก้ไขตัวเองไม่เอาเวลาไปจับผิดใคร
คนที่ทุกวันมีแต่สำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าฉันยังไม่ดี จะมีเวลาไปแก้ไขหรือว่าใครไหม ก็ย่อมเป็นที่รักของผู้อื่นใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ดี ก็คิดว่าไม่ดีจนตัวเองย่ำแย่ ก็เป็นสิ่งไม่ดีต้องคิดเพื่อทำให้ดียิ่งขึ้นนะ มนุษย์แปลกนะ เวลาหลงก็หลงมาก เวลาแย่ก็รู้สึกแย่มาก ลำบากเสียนี่กระไร เพราะฉะนั้นถ้าเวลาหลงมากเกินไปก็ปล่อยให้ตกลงมาเสียบ้าง เวลาที่แย่เกินไปก็ผลักมันขึ้นมาบ้างจะได้สมดุลกับชีวิต ฉะนั้นเรามาไม่เคยคิดอยากรักษาโรคให้ใครนะ ไม่เคยคิดแสดงปาฏิหาริย์ให้ใครดูให้ใครเชื่อ แต่สิ่งที่เราอยากบอกก็คือความเป็นจริงแห่งชีวิตที่มนุษย์ต้องรู้จักประพฤติปฏิบัติ ถ้าทำได้ดีทำได้งาม ตัวเราก็เป็น
คนดีเป็นคนงามได้ใช่ไหม (ใช่) ทำไม่ดี ทำไม่งาม ตัวเราก็ทุกข์เจ็บปวดใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นทำวันนี้ให้ดีที่สุด ด้วยการรู้จักบำเพ็ญตน
คนดีเป็นคนงามได้ใช่ไหม (ใช่) ทำไม่ดี ทำไม่งาม ตัวเราก็ทุกข์เจ็บปวดใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นทำวันนี้ให้ดีที่สุด ด้วยการรู้จักบำเพ็ญตน
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า
“อยู่กับปัจจุบันขณะ”)
“อยู่กับปัจจุบันขณะ”)
ได้คำว่าอะไร (อยู่กับปัจจุบันขณะ) มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันนะ เข้าใจสิ่งที่เราพูดหรือยัง อย่ามัวจมอยู่กับอดีตหรือสิ่งที่มันผ่านไปแล้วต้องยอมรับความจริง ยอมรับในสิ่งที่ตัวตนเป็นและมีความสุขในสิ่งที่ตัวตนเป็นด้วยการที่รู้จักให้ รู้จักเสียสละ รู้จักอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น คนที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ก็จะไม่เป็นที่รักของใครหรอก ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้น “ขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญอย่าเป็นคนเกียจคร้าน ต้องรู้จักขยันขันแข็ง รู้จักพึงพอใจ อยู่ง่าย กินง่าย แม้จะอยู่ต่ำแต่ก็ทำงานเยี่ยงคนที่สูงส่ง รู้จักพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มีชีวิตอยู่ไม่ยึดมั่นถือมั่น” ถ้าทำได้เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมระดับหนึ่งที่ดี ทำให้ได้นะ ไม่ยากเลยใช่ไหม เห็นใครทุกข์ยากก็ไม่นิ่งดูดาย เห็นใครลำบากก็ไม่เอาแต่สบาย คนเช่นนี้ถึงจะเป็นคนที่สามารถทำได้โลก
สันติสุขได้ ใครทุกข์เราทุกข์ด้วย ใครลำบากเราคิดไปช่วย วันนี้ก็คงแค่นี้นะ
สันติสุขได้ ใครทุกข์เราทุกข์ด้วย ใครลำบากเราคิดไปช่วย วันนี้ก็คงแค่นี้นะ
อย่าปล่อยให้ความรู้ความสามารถเสียเปล่านะ ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องไปแล้วนะ มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก ดูแลตัวเองดีๆ
นะหลานน้อย อะไรที่มันผิดมันพลาดไปแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยเคืองโกรธ มองแค่ปัจจุบันและความมุ่งมั่นสู่อนาคต ในอดีตจะแย่ขนาดไหนขอเพียงปัจจุบันคิดแก้ไขปรับปรุง และไม่ทำย้ำซ้ำรอยผิดเดิมอีก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ให้อภัยเสมอ จำไว้นะ
นะหลานน้อย อะไรที่มันผิดมันพลาดไปแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยเคืองโกรธ มองแค่ปัจจุบันและความมุ่งมั่นสู่อนาคต ในอดีตจะแย่ขนาดไหนขอเพียงปัจจุบันคิดแก้ไขปรับปรุง และไม่ทำย้ำซ้ำรอยผิดเดิมอีก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ให้อภัยเสมอ จำไว้นะ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “อยู่กับปัจจุบันขณะ”
รู้พึงพอใจที่มี รู้ยินดีที่พึงได้
ยอมรับความจริงเป็นไป รับได้ด้วยคิดได้เป็น
การหมุนเวียนมีอะไรคงมั่น อดีตผันปัจจุบันยังต่างกันได้
พบดีกว่าเดิมตรองฝึกแจ้งใจ ที่แย่กว่าเดิมไปใช่ต้องตรม
อย่าหวังไกลจนลืมค่าใกล้ตัว วุ่นพันพัวเพราะวิ่งตามสมัยนิยม
ทำสิ่งใดเก่งผลัดวันไม่น่าชม อนาคตบ่มเพาะวันนี้เริ่มต้นไป