西元二○○九年歲次己丑三月二十四日 仙佛慈悲訓
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๒ สถานธรรมฮุ่ยอวี้ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
พระโอวาทท่านหยรูอี้เซียนถง
คนพากเพียรต้องมีแรงไม่เหือดแห้ง ต้องมีเลือดแห่งพุทธะอันเข้มข้น
เป็นคนดีล้วนต้องเคยสู้อดทน หากฝึกฝนขัดเกลาได้ย่อมดีเอง
เราคือ
หยรูอี้เซียนถง (如意仙童) รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานใหม่ แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสบายดีไหม
ปฏิบัติงานธรรมด้วยใจฟ้า ทุกเวลาทุกนาทีเป็นประโยชน์
แพร่งานธรรมกว้างไกลให้ช่วงโชติ จิตปราโมทย์ปัญหามาสำเร็จมี
คนใช้ใจใจก็ต้องสะอาด คนฉลาดฉลาดก็ต้องคุณธรรมปรี่
บำเพ็ญด้วยจิตสำนึกแห่งความดี อย่าได้มีอคติบั่นทอนใจ
เรื่องหน้าพระต้องรู้เห็นทำเป็นหมด จริยระเบียบทุกบทหยิบใช้ได้
มาว่างว่างปัจจุบันอย่าหนักไป ธรรมในใจบำเพ็ญจิตกุศลบุญ
ใช้อารมณ์ย่อมผิดตั้งแต่แรก เป็นคนแบกอารมณ์มากย่อมหัวหมุน
ที่ลงทุนเพียรไปกลับขาดทุน อย่าว้าวุ่นฝึกใจให้เย็นเย็น
อยู่ร่วมกันอย่าว่ากันให้รักกัน อย่าหักหาญน้ำใจด้วยลมปากเหม็น
ขัดแย้งกันต่างกันให้ใจเย็น คนไม่อาจเป็นพุทธะในวันเดียว
ฮิ ฮิ หยุด
พระโอวาทท่านหยรูอี้เซียนถง
ท่านต้องเข้าใจการเป็นผู้ลงแรงปฏิบัติธรรม การขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมคืออะไร ขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรมแล้วต้องจำไว้ว่าเราไม่กลัวความทุกข์ เราไม่กลัวความลำบาก เพราะความทุกข์เป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญธรรมต้องเอาชนะให้ได้ และค้นหาทางออกให้เจอ ถ้าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมกลัวทุกข์ ท่านจะบำเพ็ญอะไร จริงไหม (จริง) ขึ้นชื่อว่าบำเพ็ญธรรมแล้วกลัวความลำบาก แล้วท่านจะสบายไปเพื่ออะไรล่ะ บำเพ็ญธรรมไม่มีคำว่าสบาย บำเพ็ญธรรมคือต้องยอมลำบากและเอาชนะทุกข์ให้ได้ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมให้มาฟังธรรมอีก ฟังไหม (ฟัง) ขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรมแล้ว หรือขึ้นชื่อว่าคนปฏิบัติดีแล้ว ถ้าโดนคนว่า โดนคนเข้าใจผิด โดนคนกระแนะกระแหน โดนคนดูถูก ยังบำเพ็ญไหม (บำเพ็ญ) ยังทำดีไหม (ทำ) จริงนะ (จริง)
เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย) เมื่อยหรือยัง (ยัง) ถ้าอย่างนั้นเราลองเล่นอะไรกันหน่อยนะ จะดูความร่วมแรงร่วมใจกัน การทำงานอะไรก็ตามต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจ ใช่หรือไม่ (ใช่) ยิ่งพูดมากเสียงก็จะยิ่งดังใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นลองดูซิว่าการทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้นยากไหม
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้หันหน้าจับคู่กัน แล้วตบมือกับคู่ของตัวเอง)
เราเป็นคนที่อยู่ในโลก เราไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จด้วยตัวเองเพียงคนเดียว บางทีต้องร่วมแรงร่วมใจกับผู้อื่น ถูกไหม (ถูก) ถ้าตีเขาแรง นอกจากเขาเจ็บเราก็เจ็บ ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นรู้จักควบคุมกำลังตัวเองให้ดี ไม่อย่างนั้นตัวเองจะเจ็บด้วย เขาก็จะเจ็บด้วย ระหว่างต่างคนต่างตีเจ็บไหม (เจ็บ, ไม่เจ็บ) มีทั้งเจ็บและไม่เจ็บ คนหนึ่งรองรับ คนหนึ่งตี ดูซิว่าการตีแบบนี้กับการตีแบบต่างคนต่างชนกันนั้นอันไหนเจ็บกว่ากันนะ แต่เราเชื่อว่าปะทะกันแรงๆ พร้อมกันย่อมเจ็บกว่าคนหนึ่งตีอีกคนหนึ่งรับ ถูกไหม (ถูก)
ในความเป็นจริงการอยู่ร่วมกันนั้น ถ้าต่างคนต่างแรงมา ต่างคนต่างมีความคิดเห็นมา มันก็มีแต่จะกระทบกันให้เจ็บ สู้ถ้าเกิดเรายอมได้ให้อีกคนหนึ่งได้ตี อีกคนหนึ่งเป็นผู้รับ แปลว่าบางครั้งเราอยู่ร่วมกัน เราต้องเป็นคนฟังบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเราฟังมากๆ แล้ว คนที่พูดมากๆ ก็ต้องรู้จักหยุดเพื่อเป็นคนฟัง แต่ในโลกของความเป็นจริง จะมีใครยอมฟัง ในตัวเราเองเราเคยฟังเสียงตัวเรากี่ชั่วโมง แค่หนึ่งนาทียังฟังได้ไม่ครบเลย แล้วจะให้ใครฟังเสียงท่าน ถูกหรือเปล่า ฉะนั้นในสังคมเวลาเราอยู่ร่วมกันมีแต่คนต่างตีกันใช่หรือไม่ ใครล่ะจะฟังในเมื่อตัวเรายังไม่ฟังตัวเราเลย ตัวเราอยู่นิ่งๆ ฟังเสียงตัวเราสักหนึ่งนาทีได้ไหม (ได้) จริงหรือ เห็นกลับบ้านฟังยังไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หลับแล้วใช่หรือเปล่า ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญต้องทำในสิ่งที่ยากทำ ใครไม่ฟัง เรายอมฟัง เขาอยากพูดให้พูดไป เราฟังแบบรู้จักกลั่นกรองรับรู้ความคิดเห็น ไม่ใช่ฟังแบบพูดไปเถอะ ใช่หรือไม่ อย่างนั้นเราจะได้ประโยชน์อะไร กลายเป็นเราต้องใช้ความอดทนอดกลั้นในการข่มใจตัวเอง ใช่หรือไม่
ฉะนั้นเราบำเพ็ญธรรม นอกจากต้องทนในสิ่งยากทน คือไม่กลัวความยากลำบาก ไม่กลัวความทุกข์ ไม่กลัวความท้อ อย่างที่สองก็คือ ต้องฝึกให้เป็นคนใจกว้างๆ ไม่ยึดมั่นถือมั่น รู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น นี่คือคุณธรรมที่เป็นเอกของความเป็นปราชญ์หรือเป็นกัลยาณชน ไม่มีอะไรที่เก่งแต่รู้อย่างเดียวเป็นคนรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ทำได้ยากไหม (ไม่ยาก) คนที่บอกว่าไม่ยาก ต้องเป็นคนที่มีจิตใจกว้างใหญ่เหมือนพระศรีอาริย์ ท้องใหญ่ใจกว้างจึงรับได้ทุกสิ่ง เราเห็นผู้บำเพ็ญธรรมลงพุงกันเป็นแถว ฉะนั้นลงพุงแล้วต้องรับเรื่องทุกอย่างได้ด้วย ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นคนที่จิตใจกว้างขวางไม่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดเห็น ไม่แบ่งเขาแบ่งเราจะเป็นผู้ที่สามารถรับฟังและรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างแจ่มกระจ่าง
คนที่ยึดมั่นถือมั่นมากคนนั้นก็ทุกข์มาก ถูกไหม (ถูก) คนที่มีอัตตาตัวตนมาก คนนั้นก็เจ็บปวดมากใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าเรารู้จักบำเพ็ญแล้วปล่อยวาง บำเพ็ญแล้วเขาอยากไปก็ไป เขาจะไปไหนก็ตาม แต่บางครั้งก็ต้องมีจุดยืนด้วย ไม่ใช่ตามจนไร้จุดยืนก็ไม่ถูกต้อง เขาบอกว่ากินเจไม่ดี เราก็เลยไม่กินเจเลยได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นจุดยืนก็ต้องมี อะลุ้มอล่วยก็ต้องเป็นใช่หรือไม่ (ใช่)
เรายกตัวอย่างเรื่องง่ายๆ วันหนึ่งท่านได้เห็น หรือต้องเจอกับตัว ลองคิดดูนะว่าเราจะจัดการเรื่องราวแบบนี้อย่างไร มีชายคนหนึ่งไปที่วัด แต่เผอิญว่าตอนที่เขาไปวัด เขาถือถังใส่น้ำมาหนึ่งใบ มีคนถามเขาว่าไปไหน เขาก็บอกไปจับปลา เขาถามที่ไหน ที่วัด ท่านคิดว่าอย่างไร พอเดินไปสักพักหนึ่งก็ถึงสระน้ำ แต่สระน้ำนั้นกลับแห้งขอด ตอนเขาไป เขาเอาแมวไปด้วยหนึ่งตัว พอไปถึงสระน้ำแมวก็เริ่มดม แมวมีจมูกดีใช่ไหม พอได้กลิ่นหรือเห็นใต้ดินมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ แมวก็จะรู้ทันที ถูกหรือไม่ (ถูก) ถ้าเราเดินผ่านไป เราเห็นคนทำอย่างนี้ ในใจเรารู้สึกอย่างไร นี่ในวัดนะ จับปลาด้วย แถมเอาแมวมาช่วยจับปลาอีก ใช่ไหม แมวนี่ก็จมูกดี พอเห็นอะไรอยู่ตรงไหนก็ไปเขี่ย เขาก็จับมาแล้วก็ใส่ถังทันที ทำกันอย่างมีความสุขสนุกสนานมาก ตรงไหนมีปลา จับมาใส่ถังทันที ถ้าท่านเห็นอย่างนี้ ท่านกำลังเดินผ่านคนที่ทำแบบนี้ ท่านคิดเห็นอย่างไร
(ไม่สบายใจ คิดว่าเขาไม่มีจิตเมตตา) คิดในใจว่าเขาไม่มีจิตเมตตา เราเดินผ่านมาแล้วผ่านไปใช่ไหม (ตัวเองสร้างกรรมแล้วยังลากแมวไปสร้างกรรมด้วย, ชักชวนให้เขาไปปล่อยในหนองน้ำ, เตือนเขาว่ามันบาป, คิดว่าเขาอาจไม่ได้จับไปกินก็ได้) บางคนคิดว่าเขาไม่ได้จับไปกิน อาจจะจับไปปล่อยก็ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ท่านอื่นล่ะ ถ้าเจอเรื่องแบบนี้เราจะจัดการเรื่องแบบนี้อย่างไร (จะถามเขาก่อนว่าจะจับปลาไปทำอะไร ถ้าเขาจะเอาไปทำลายก็บอกเขาว่ามันบาปให้เอาไปปล่อย) ใช่แล้ว เมื่อเวลาเราอยู่ร่วมกันหรือเราเห็นสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง เรารู้สึกไม่ดีหรือผิดแผก ก่อนที่จะด่วนสรุป ก่อนที่จะตัดสินใจ ทำไมเราไม่หัดถามให้ชัดเจน นิสัยอย่างหนึ่งของมนุษย์หรือคนทั่วไปคือชอบเดา เดาเสร็จแล้วเอาร้ายไว้ก่อน ดีไว้ทีหลัง ถูกไหม (ถูก)
ฉะนั้นจึงเป็นธรรมดาที่คนเราไม่ว่าจะทำเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ย่อมมีทั้งคนที่เห็นชอบและคนที่รังเกียจ ย่อมมีคนที่เข้าข้างและคนที่ไม่เข้าข้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่เราอยากจะบอกท่าน เหมือนกันเราทำสิ่งใดก็ตามย่อมเป็นที่มองของคนหมู่มาก โดยเฉพาะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่แปลก ไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วถ้าเราทำเหมือนเดิมคือเดาไว้ก่อน คิดร้ายไว้ก่อน มองแย่ไว้ก่อน เท่ากับเรากำลังปฏิเสธคนหรือไม่รู้จักรับฟังคน ไม่รู้จักเปิดกว้าง ยึดมั่นแต่ความคิดเห็นตน
เหมือนเวลาเราปฏิบัติธรรม คนยังไม่รู้คนยังไม่เข้าใจ เขาก็ต้องมองในแง่ร้ายไว้ก่อน เหมือนชายคนนี้จะไปช่วยปลาที่มันกำลังจะตายอยู่แล้ว แต่เขาจะสามารถมองเห็นได้ไหม แล้วเขาจะสามารถช่วยได้หมดไหม เขาก็เลยยืมความฉลาดของแมวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ แล้วก็จะได้จับปลาได้ง่ายขึ้น แต่ถ้ามนุษย์เราเห็นก็คิดว่าคนนี้บ้าจริงๆ ขนาดในวัดยังจับปลาได้ ไม่ถามแล้วก็เดินไป เรากำลังทำบาปไหม (ทำ) เราบาปไหม บาปที่คิดร้าย บาปที่ดูถูกคนโดยที่ยังไม่ได้ถาม ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วคนในสังคมเป็นแบบนี้ไหม (เป็น) แล้วชอบเดาอย่างนี้ไหม (ชอบ) แล้วปากเราถามได้ไหม (ได้) แล้วทำไมเราไม่ถาม เรากลัวโดนเขาว่ายุ่งอะไรด้วยใช่ไหม
ฉะนั้นถ้าไม่อยากโดนว่ายุ่งอะไรด้วย วิธีการในการเป็นผู้บำเพ็ญธรรมก็คือ เมื่อเรามองสิ่งใดก็ตาม เมื่อเราเห็นคนกำลังทำอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือในหัวใจเรา ถ้าน้ำใสย่อมสะท้อนสิ่งต่างๆ ได้เด่นชัด ถ้าน้ำขุ่นย่อมสะท้อนอะไรไม่ได้เลย แถมมองได้อย่างสกปรกด้วย ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรม คือต้องรักษาใจให้สะอาด เพื่อเวลาเรามองสิ่งใดจะได้มองได้อย่างแจ่มชัด ถูกต้องและรอบคอบ
ฉะนั้นอย่างที่สามสำหรับผู้บำเพ็ญธรรมคือ ภายนอกดี ในหัวใจต้องดีด้วย ปฏิบัติภายนอกได้ ภายในใจต้องปฏิบัติได้ด้วย รักความสวยงามข้างนอก หัวใจก็ต้องรักให้ดีด้วย ใช่ไหม (ใช่) เข้าใจสิ่งที่เราพูดหรือเปล่า (เข้าใจ) ฉะนั้นการมองสิ่งใดก็ตาม มนุษย์เรานั้นอดไม่ได้หรอกที่จะมองแล้วมุมนี้ก็ต้องเป็นมุมนี้ ใช่ไหม (ใช่) เห็นด้านนี้ก็ต้องเห็นด้านนี้ ถูกไหม (ถูก) แล้วเราควรจะเป็นอย่างนี้ตลอดชีวิตไหม (ไม่ควร) เห็นด้านหน้าท่านก็ยังรู้ว่าเรามีด้านหลัง ถูกไหม เห็นหน้ามือท่านก็รู้ว่าเรามีหลังมือ เห็นมีมือเดียวท่านเดาได้ไหมว่าเราจะมีมือเดียวไปตลอดชีวิต ท่านยังเห็นว่ามีอีกมือหนึ่งใช่ไหม (ใช่) แต่ความเป็นจริงของสรรพสิ่งในโลกนี้ เวลาเราเห็นสิ่งใดก็อย่ายึดมั่นตายตัวว่าต้องเป็น อย่างนั้นไปตลอด เหมือนท่านเห็นเราวันนี้อย่างนี้ต่อไปเราก็จะอย่างนี้ไหม (ไม่) เห็นเป็นอย่างนี้ต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไหม (ไม่) ท่านก็ยังรู้จักคาดเดาได้ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
ฉะนั้นเมื่อไรที่เรามองคน อย่าเห็นว่าคนนี้น่ารังเกียจก็น่ารังเกียจไปตลอดชีวิต คนนี้ดีก็จะดีไปตลอดชีวิต บางทีในดีอาจจะมีไม่ดี ในร้ายอาจจะมีดี ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นคนบำเพ็ญธรรมไม่ใช่พวกตายตัว หัวดื้อหัวแข็ง มองไปอย่างไรก็หัวแข็งอย่างเดียวได้ไหม (ไม่ได้) ต้องเป็นหัวพลิกแพลงได้ด้วย ฉะนั้นต้องกล้าที่จะเปิดใจให้กว้างและรับมุมมองใหม่ๆ ให้เป็นด้วย
เหมือนเรามีมือมีขา นั่นก็คือเรามีร่างกาย เรามีหัวใจ หัวใจและร่างกายนั้นต้องอยู่ในความคิดที่ถูกต้องและดีงาม อย่าเป็นคนที่จมปลักอยู่กับความคิดที่ตายตัว ยึดมั่น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่างนี้คนที่ยึดมั่นและเปลี่ยนแปลงไม่ได้คือคนที่หาทุกข์ให้ตัวเองนั่นเอง ถูกไหม (ถูก)
เมื่อครู่เราสรุปว่ารักษาใจให้สะอาด อย่าสะอาดแค่เพียงภายนอก อย่าปฏิบัติแค่เพียงภายนอก แต่ภายในไม่ได้ทำ ใช่ไหม (ใช่) ทุกวันเรายังรู้จักอาบน้ำ แล้วหัวใจเราล่ะ เคยเอาธรรมะมาชำระล้างใจให้สะอาดบ้างหรือไม่ เราจะชำระล้างใจให้สะอาดด้วยการย้อนมองส่องตน หมั่นพิจารณาตัวเองก่อนว่าคนอื่น เราดีหรือยัง ก่อนคิดว่าร้ายคนอื่นลองถามใจเราดู เราเที่ยงตรงไหมที่จะไปตรวจสอบคนนี้ดีหรือคนนี้ร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)
เหมือนเวลาท่านมองอะไรต้องมองให้ถึงที่สุด อย่ามองแป๊บเดียว ถ้ามองแป๊บเดียวก็อย่าด่วนสรุป ไม่อย่างนั้นคนที่ด่วนสรุปก็กลายเป็นคนที่ผิดใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเมื่อเราเห็นอะไรอยากรู้ให้ชัดเจนถ้าไม่กล้าถามก็ดูให้ถึงที่สุด ถูกหรือเปล่า (ถูก) หรือไม่ก็ลองไปช่วยเขา ถ้าเกิดอ้าปากแล้วกลายเป็นยุ่ง ก็ถามเขามีอะไรให้ช่วยไหม พอช่วยไปสักพักแล้ว การที่เราจะโน้มนำคนก็ง่ายขึ้นเพราะเราไปลงแรงช่วยกับเขาถูกหรือไม่ (ถูก) แต่ถ้าเราไม่ช่วยแถมยังบอกอย่าทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้ เขาจะฟังไหมล่ะ (ไม่ฟัง) เรากำลังทำงานอยู่ มีคนมาชี้นิ้วใช้ ท่านจะฟังไหม ไม่ฟังแถมรำคาญแถมไล่ตะเพิดอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเวลาเราจะเปลี่ยนแปลงคน ถ้าไม่กล้าถามลองลงแรงเข้าไปช่วย พอช่วยเสร็จแล้วค่อยๆ พูด เออ ปลานี่มันน่าสงสารจริงๆ นะ รู้จักพูดแบบอ้อมๆ มันจะตายอยู่แล้ว ถ้าเราเอาไปปล่อยน้ำก็คงดีนะ เดี๋ยวเขาก็พูดออกมาเองว่าเขาจะปล่อยหรือเขาจะกิน ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นผู้บำเพ็ญธรรมต้องรู้จักพลิกแพลงและใช้ปัญญาให้เป็น อย่าเป็นคนตายตัว
เรามีเรื่องอีกเรื่องที่ลืมไม่ได้ นั่นก็คือห้องพระนี้เมื่อวานนี้มีเรื่องน่ายินดีใช่ไหม (ใช่) เรามีสถานธรรมอันใหญ่โต แต่ถ้าสถานธรรมใหญ่โตแต่ปราศจากคนที่ร่วมกันดูแล สถานธรรมใหญ่นี้ก็เปล่าประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นขอให้ห้องพระนี้ถือเป็นที่ของทุกๆ คน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ห้องพระนี้จะก้าวหน้าและเดินต่อไปได้ก็ต้องเป็นของทุกๆ คนมาร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนา ใช่หรือไม่ (ใช่) ทุกคนล้วนมีส่วนร่วมไม่มากก็น้อย ไม่มีสิ่งใดในโลกหรอกสำเร็จได้ด้วยน้ำมือเราเพียงคนเดียว ใช่หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีคนที่เรียกว่า คนเบื้องหน้า คนเบื้องกลาง และคนเบื้องหลัง ถูกไหม (ถูก)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานสับปะรดให้กับผู้ที่ดูแลรับผิดชอบสถานธรรม)
เมื่อรับปณิธานแล้วก็ต้องกล้าที่จะฟันฝ่าเผชิญกันนะ สับปะรดยังเปรี้ยวอยู่ ต้องอาศัยการบ่มเพาะถึงจะหวาน เข้าใจนะ นี่เพิ่งแค่เริ่มต้น งานธรรมะยังอีกยาวไกล ขอให้สมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ อดทนแบกรับภาระอันใหญ่ให้ได้นะ ร่วมแรงร่วมใจกันนะ ไม่ว่าจะเป็นชนบทหรือขอนแก่น ที่ไหนก็คือห้องพระของบ้านเรา ปรบมือให้กับทุกคน ที่ช่วยทำงานวันนี้จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี ไม่ใช่แค่ฐันจู่แต่ยังมีคนอีกหลายๆ คน ที่ต่างมาร่วมแรงร่วมใจกัน มีเบื้องหน้าก็ต้องมีเบื้องหลัง ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นขอให้สมัครสมานสามัคคีอะลุ้มอล่วยกัน
บำเพ็ญธรรมยังกลัวความทุกข์อีกไหม (ไม่กลัว) ไม่กลัวจริงหรือ (จริง) เราจะเอาชนะความทุกข์ได้อย่างไร ถ้ามนุษย์ยังต้องมีชีวิตเกี่ยวพันอยู่กับสรรพสิ่งในโลก เมื่อไรที่เราเกี่ยวพันเมื่อนั้นเราต้องมีเยื่อใย เมื่อเรามีเยื่อใยเมื่อนั้นเราต้องมีห่วงหาอาทร เมื่อมีห่วงหาอาทรเมื่อนั้นเราย่อมมีทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าเราอยากทุกข์น้อย เยื่อใยน้อย ห่วงหาอาทรน้อย เราก็ต้องรู้จักบำเพ็ญอย่างคนที่พึงพอใจในความเรียบง่าย
เคยเห็นคนที่ทุกข์ทั้งกลางวัน กลางคืน แล้วตอนนอนหลับไหม หลับก็ทุกข์ ตื่นก็ทุกข์ เดินก็ทุกข์ ทำงานก็ทุกข์ เคยเห็นคนทุกข์แบบนี้ไหม คนที่ทุกข์แบบนี้คือคนที่ไม่รู้จักควบคุมอายตนะ และไม่รู้จักประมาณตนถูกไหม (ถูก) คนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความอยากของตัวเองได้ เรียกว่าตื่นก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ เดินก็ทุกข์ นั่งก็ทุกข์ กินก็ทุกข์ จริงไหม (จริง) พอกินอันนี้เข้าไปก็บอกว่าถ้ามันเปรี้ยวกว่านี้คงอร่อยกว่านี้ ถ้าหวานกว่านี้ก็คงอร่อยกว่านี้ ใช่ไหม (ใช่) ขนาดกินก็ยังทุกข์ได้ ถูกไหม แล้วเคยเห็นคนนอนก็ทุกข์ไหม ถ้าเป็นที่บ้านก็คงเปิดแอร์เย็นฉ่ำ นอนพลิกแล้วพลิกอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) นี่แหละนอนก็ทุกข์ ใช่ไหม
ฉะนั้นเกิดเป็นคนถ้าอยากไม่ให้ตัวเองทุกข์ก็ต้องรู้จักควบคุมความอยากของตัวเองให้เป็น อยู่กับสิ่งที่มีและรับได้กับสิ่งที่เป็น ถ้าอยู่กับสิ่งที่มีแล้วบอกเค็มอีกนิดก็ดี หวานอีกหน่อยก็คงกลมกล่อม อย่างนี้ไม่มีวันมีสุขได้หรอก ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอย่าเป็นคนที่กินก็ทุกข์ ยืนก็ทุกข์ เดินก็ทุกข์ นั่งก็ทุกข์ ไปอยู่ที่ไหนทุกข์ก็ตามไปทุกที่เพราะใจไม่รู้จักพอ ใจไม่รับความเรียบง่าย หรือใจไม่รับสิ่งที่เกิดสิ่งที่เป็น ใช่ไหม (ใช่) ความทุกข์อีกอย่างหนึ่งที่มนุษย์ชอบเป็นกัน อยากหนีอย่างไรก็ต้องเจอ นั่นก็คือเกิดมามีชีวิตเราอยากมีความสุขแต่ไม่อยากมี ความโศก อยากมีรอยยิ้มไม่อยากมีความเศร้า ใช่ไหม (ใช่) มีรักที่ใดก็ต้องมีเศร้าและโศกที่นั่น ถูกไหม ฉะนั้นไม่รักใครเลยจะได้ไม่เศร้า ไม่โศก ไม่ทุกข์ ดีไหม (ดี) ทำได้หรือเปล่าเถอะ
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญถ้าไม่อยากทุกข์และอยากเอาชนะความทุกข์ให้ได้ สิ่งที่เราต้องรู้อีกอย่างก็คือควบคุมตา หู จมูก ปาก และใจให้ดี เพราะถ้าควบคุมไม่ดีแล้ว ทั้งตา หู จมูก ปาก และใจจะนำพาชีวิตเราให้ถูลู่ถูกังไปกับความทุกข์ไม่จบสิ้น
“อยู่ร่วมกันอย่าว่ากันให้รักกัน อย่าหักหาญน้ำใจกันด้วยลมปากเหม็น”
มนุษย์มีอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดนั่นก็คือปาก ฆ่าคนได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จริงไหม (จริง) แม้ตัวจะไม่อยู่แต่ปากนั้นก็ไปได้ไกลมาก ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรมต้องระวังปากเหม็นๆ นี้หน่อยนะ ไม่อย่างนั้นปากเหม็นจะเป็นอาวุธที่คมกริบ ฟันทีไรคนก็เจ็บ แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม ทุกคนล้วนมีวาจาที่เชือดเฉือนทำร้ายคนได้ ถ้าพูดไม่รู้จักคิด ใช่หรือไม่ (ใช่) หรือคิดให้หนักๆ แล้วพูดก็ทำได้เหมือนกัน ใช่ไหม
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรมไม่เข้มงวดผู้อื่นแต่เข้มงวดตัวเอง เรายกตัวอย่างง่ายๆ นะ ถ้าสมมติว่าเราเป็นคนเล่นกายกรรม เรายืนอยู่ตรงนี้ และเอาเด็กอีกคนอยู่บนบ่าเรา สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคืออะไร หันไปบอกเขาว่ายืนดีๆ หรือหันมาบอกเราว่ายืนดีๆ เราควรบอกตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นเรื่องเกี่ยวพันกัน บางทีเราคิดว่าสิ่งที่เราทำหวังดีกับเขา แต่อย่าลืมนะว่าความหวังดีก็อาจจะทำให้เขานั้นล้มลงได้เพราะเรา ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นทำตัวเองให้ดีดีกว่า เป็นคนที่พูดแต่สิ่งที่ดีดีกว่า อย่าพูดสิ่งร้ายของใครเลย เพราะขนาดตัวเราเราก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดเรื่องร้ายของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นสิ่งที่ควรส่งเสริมกันคือเรื่องดีๆ สิ่งที่ควรลืมเลือนไปจากใจคือความไม่ดีของผู้อื่น เราอยากมีหัวใจอันบริสุทธิ์แล้วเก็บแต่สิ่งที่ดี หรือมีหัวใจอันบริสุทธิ์แต่เก็บสิ่งที่เน่าเหม็นของคนอื่นล่ะ
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรม ใจเย็นๆ ยิ้มเยอะๆ ได้ไหม (ได้) เป็นสิ่งที่ไม่ยากเลยใช่ไหม (ใช่) ใจร้อนวู่วามก็มีแต่เสียหายและเจ็บปวด ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา หรือพูดน้อยหน่อยทำเยอะหน่อย อันไหนดีกว่ากัน พูดน้อยหน่อยทำเยอะหน่อยดีกว่าใช่ไหม (ใช่) ใจร้อนวู่วามใครล่ะเจ็บปวด (ตัวเราเอง) ใจร้อนหน้าบึ้งใครล่ะทุกข์ (ตัวเราเอง) แล้ววันหนึ่งเรายิ้มกี่ครั้งเชียว ยิ่งกับคนในบ้านยิ้มไหม (ไม่ยิ้ม) บางคนแปลกขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมอยู่กับคนนอกบ้านดี แต่อยู่ในบ้านไม่รู้จะอมหมากอมพลูไว้ทำไม ทำไมใจร้ายกับคนในบ้านจังเลย อยู่กับคนอื่นยิ้มพอเข้าบ้านหน้าตาบึ้งตึง ใช่หรือเปล่า ฉะนั้นทำอะไรไม่ได้ยิ้มเข้าไว้ อะไรๆ ก็ยิ้ม ใช่ไหม (ใช่) อย่าทำปากตกนะ เดี๋ยวเขาบอกว่ายิ่งบำเพ็ญยิ่งหน้าเด็กทำไมเธอดูแก่ ว่าใครไม่ได้นะต้องโทษตัวเราเอง
วันนี้เราก็มาผูกบุญสัมพันธ์กับท่านแค่นี้ ขอให้สมปรารถนากับความตั้งใจกับการเป็นผู้บำเพ็ญธรรมนะ เรามาไม่ให้ลาภไม่ให้หวยไม่ให้เลขเด็ด ไม่มีรักษาโรค เพราะรอยยิ้มจะช่วยทำให้เรามีชีวิตที่ยืนนาน จิตใจที่สวยงามจะทำให้เราอายุมั่นขวัญยืน ใช่ไหม (ใช่) คนที่เอาแต่หน้าบึ้งคิดร้ายอยู่ไม่ยืดนะ แต่คนที่รู้จักยิ้มแย้มทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส มองโลกในแง่ดีจะอายุยืนและเป็นที่รักของทุกผู้คนใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นเกิดเป็นคนต้องรู้จักดูแลตัวเองให้เป็น ความสุขไม่ใช่สิ่งที่อยู่ไกล ความสุขไม่ใช่เกิดจากผู้อื่นมาเติมเต็ม แต่ความสุขเกิดจากเรารู้จักเติมเต็มตัวเองให้เป็น และส่งเสริมผู้อื่นให้เป็น อย่าหวังว่าจะได้ความรักจากคนอื่นถ้าตัวเองยังรักตัวเองไม่เป็น ท่านจะไม่มีวันพบความสุขได้จากความรักเด็ดขาด เชื่อเราเถอะ ถ้าท่านยังรักตัวเองไม่เป็น ยังดูแลตัวเองไม่ได้ การมีคนอื่นมาเติมความรักให้ ท่านก็จะรักษาความรักนี้ได้ไม่ยืนนานหรอก จริงหรือเปล่า (จริง)
รักตัวเองให้เป็น อภัยตัวเองให้ได้ และนำพาชีวิตตัวเองให้ถูก การที่จะมีคนมารักเพิ่มอีกคนหนึ่ง หรือนำพาคนที่น่ารักอีกคนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้ามีชีวิตแล้วยังรักตัวเองไม่เป็น อภัยตัวเองไม่ถูก นำพาชีวิตตัวเองให้ดีไม่ได้ ไปเกี่ยวมาอีกคนหนึ่งก็หาปัญหามาใส่หัวเปล่าๆ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นดูแลตัวเองให้ดีนะ ขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรมแล้ว ฟันฝ่าต่อไป อย่ากลัวความทุกข์ยากนะ ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญธรรมต้องเดินเข้าหานะ มนุษย์เป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญต้องรีบเดินเข้าไปช่วย ไม่ใช่เดินหนีตัวใครตัวมันนะ นี่แหละเรียกว่าจิตโพธิสัตว์ ขอให้ทุกท่านมีอยู่ในหัวใจนะ ใจเย็นๆ อย่าใจร้อน ไปแล้วนะ เหนื่อยหน่อยแต่ก็ขอให้กลับมามีพลังใหม่นะ