วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2539

2539-12-5 พุทธสถานไท่อิน กรุงเทพฯ

วันพฤหัสบดีที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙  พุทธสถานไท่อิน  กรุงเทพฯ
พระโอวาทท่านเสียวเสี่ยวฝอถง
  น้อมดวงใจใฝ่บำเพ็ญเป็นเมธี  น้อมยินดีสามัคคีร่วมศึกษา
น้อมเจริญพระธรรมมีคุณา  น้อมตนพาช่วยตนแลช่วยคน
    เราคือ
  เสียวเสี่ยวฝอถง      รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา  ลงสู่พุทธสถานไท่อิน  แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดา    ถามเมธีทุกท่านทานอิ่มไหม
  อริยาปุถุชนต่างกันที่ไหน  ล้วนแล้วได้มีกายเป็นมนุษย์
แต่ไฉนปุถุชนไม่พ้นหลุด  เพราะขาดจุดปรมัตถ์อันเป็นทาง
โบราณกาลการแสวงทางหลุดพ้น  ต้องสละที่นอกตนทุกทุกอย่าง
ต้องผนวชเข้าสู่แก่นความว่าง  ไร้ด่างพร้อยในยามใดจึงได้คืน
แต่ปัจจุบันวันเวลาสู่คับขัน  ทุกชีวันลอยคออยู่กลางกระแสคลื่น
ถ้าถลื่นแรงก็ไม่พ้นถูกคลื่นกลืน  จึงควรหยุดใส่ฟืนลงให้ไฟ
แต่จะพ้นทะเลทุกข์ต้องตัดราก  ดั่งตัดอยากต้องตัดที่ใจเป็นใหญ่
โลกคับขันธรรมจะมากู้โลกไว้  ในกาลนี้มารดาให้นาวาธรรม
ต้องก้มกราบวิสุทธิอาจารย์ผู้มีกุญแจ  โองการแท้จึงจะพาท่านพ้นข้าม
จำต้องฝ่าความลำบากดั่งคมหนาม  สัจธรรมงามจะเป็นพาหนะพา
ในยามนี้จึงนับเป็นผู้รวยโอกาส  อย่าให้พลาดต้องลงแรงทั้งแขนขา
ลงแรงใจท่านอย่ามัวประวิงเวลา  กาลข้างหน้าพระศรีอาริย์จะเก็บงาน
ในยุคสามยุคนี้ต้องบำเพ็ญ  ท่านจำเป็นต้องศึกษาให้แตกฉาน
อย่ามัวตรมความทุกข์ในอดีตกาล  หันหน้าท่านเข้าสู่ความเป็นจริง
ร้อยด้ายเข้าเข็มจำต้องใช้สมาธิ  การดำเนินวิถีชีวิตต้องสงบยิ่ง
พิจารณาอย่ามัวหลงหาแย่งชิง  สุดท้ายทิ้งทรัพย์ยศถาไปตามกรรม
        ฮิ ฮิ หยุด


พระโอวาทท่านเสียวเสี่ยวฝอถง

เรากับท่านก็เหมือนๆ กันใช่ไหม  มีร่างกายเหมือนๆ กันใช่ไหม มีแขนมีขาใช่หรือเปล่า  แต่เรากับท่านต่างกันตรงไหน  ทำไมคนข้างหน้าถึงเรียกเราว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์  แล้วทำไมเขาไม่เรียกท่านว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล่ะ ทั้งๆ ที่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกันใช่หรือเปล่า ไม่เหมือนเหรอ  ถามเมธีทุกท่านทานอิ่มไหม (อิ่ม) ใช่เราทำให้ท่านอิ่มหรือ (ขอบคุณแม่ครัว) ขอบคุณแม่ครัวคนเดียวหรือเปล่า (ไม่) ต้องขอกขอบคุณแม่ครัว ขอบคุณทุกๆ คน แล้วก็ขอบคุณตนเองที่เดินไปตัวข้าวมาทานใช่ไหม ทำไมการขอบคุณตนเองทำไม่ได้หรือ พูดยากหรือ  อริยะกับปุถุชนต่างกันที่ไหน (อริยะมีการพูดดี ทำดีและก็คิดดี) แล้วปุถุชนไม่พูดดี ทำดี คิดดีหรือ เรามีกายก็อยากได้ยินใช่ไหม มนุษย์เมื่อมีกายก็อยากได้ยินเสียง อยากมองเห็น อยากสัมผัสได้ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าเกิดไม่มีกายแล้วถึงมีเสียงให้ได้ยินก็ไม่ได้ยินแล้วใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นตอนนี้เรายืมกายเขามาให้ท่านเห็น ท่านก็ต้องตอบให้เขาได้ยินบ้างดีหรือเปล่า (ดี)
(อริยะมีคุณธรรมและรู้ทางหลุดพ้นแล้ว แต่ปุถุชนยังมีโลภ โกรธ หลงอยู่) ทำไมตอนแรกเราถึงบอกว่าท่านกับเราไม่ต่างกัน ปุถุชนกับพุทธะก็ไม่ต่างกัน ต่างเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ท่านต่างกันตรงไหน ต่างกันตรงที่ท่านมีจิตหลุดพ้นแล้ว แต่ท่านยังมีจิตที่ยังไม่รู้ทางใช่หรือไม่ เรามาตรงนี้ เดี๋ยวเพียงแป๊บเดียวเราก็สามารถกลับคืนสู่เบื้องบน  แต่ท่านมาบนโลกมาอยู่กี่ปีแล้ว (หกหมื่นกว่าปี) แล้วตอนนี้อายุกี่ขวบ ผ่านไปตั้งหลายขวบแล้วแต่เรายังไม่รู้ว่าความหมายของชีวิตคืออะไรแน่ คือการแสวงหาหรือว่าคือการดิ้นรน บางทีเรายังไม่รู้เลยว่าชีวิตที่เราดำรงอยู่นี้ เป็นชีวิตมีความหมายว่าอะไร เป็นชิวิตที่กำลังจะไปทางไหนใช่หรือเปล่า รู้แต่เพียงว่า ชีวิตนี้ต้องเจอแน่ๆ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และนอกจากเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีใครเคยอยากหาอย่างอื่นบ้างอีกไหม เรามองเห็นตั้งหลายคน ไม่ได้หาเกิด ไม่ได้หาแก่ ไม่ได้หาเจ็บ ไม่ได้หาตายหรอก หามากกว่าสี่อย่างนี้อีก หาทรัพย์ หาความรัก หาวิชาความรู้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นยกย่องมนุษย์ที่ตรงไหน ยกย่องเขาที่มีทรัพย์สินที่มีเกียรติยศมั่งคั่ง หรือยกย่องเขาที่มีคุณธรรม ความดีงาม (คุณธรรม ความดีงาม) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องยกย่องคนที่มีคุณงามความดี แล้วตัวท่านยกย่องตัวเขาที่มียศถา มีเงินทอง หรือว่าเรายกย่องเขาที่เขาเป็นคนดี รักเขาที่เป็นคนดี การจะเรียกหาความดีจากโลกนี้ได้ เราจะเรียกหาจากใครก่อนดี ต้องเรียกร้องจากตัวเราเอง โลกนี้มีแต่ชั่วร้ายมีแต่ฆ่ากัน ทำไมไม่มีคนทำความดี คำถามที่หลุดจากปากเราคำแรกคือ ทำไมไม่มีใครทำความดี แต่ไม่มีใครถามเลยว่า ทำไมเราไม่เริ่มทำความดี เพราะทุกคนมักหลุดออกไปง่ายๆ ว่าทำไมคนอื่นไม่ทำความดี ทำไมเขาถึงทำให้เราโกรธใช่หรือเปล่า ความดีเป็นสิ่งที่ง่าย จะทำก็ง่าย แต่บางทีเราก็ไม่เข้าใจว่าเราทำความดีไปเพื่ออะไร เรายังถามตัวเองอีกว่าเราทำความดีไปเพื่ออะไรกัน ทำแล้วยังโดนเขาว่า การทำดีนั้นบางครั้งเราลองนึก ลองมองให้เห็นว่า เมื่อเราทำดี ใจคนที่สงบสุขไร้ทุกข์ วิตกกังวลได้คือใคร (ตัวเราเอง) คือคนที่ทำดีใช่หรือเปล่า ต้องเป็นตัวท่านทำดีด้วยใช่หรือเปล่า (ใช่)
สุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า คนที่มีความมั่งคั่งประดับได้แค่ที่อยู่ แต่คนที่ทำความดีประดับได้ที่จิตใจใช่ไหม ฉะนั้นความดีเป็นสิ่งที่มีคนยกย่อง แต่อย่าทำความดีเพราะต้องการคนยกย่องนั้นเป็นการทำความดีที่ (เพื่อเอาหน้า) เป็นการทำดีที่ผิด คนเราทำดีได้ต้องมีความจริงใจต่อกัน คิดอยากทำเพราะว่าทำแล้วเป็นสุขใจ เมื่อนำไปปฏิบัติในบ้านเรา เราก็เหมือนกับร่มโพธิ์อันร่มเย็นของบ้านใช่ไหม แล้วเมื่อเราหมั่นทำดีไปเรื่อยๆ ความดีนั้นก็จะกระจายส่งต่อไปให้ผู้อื่นได้ใช่หรือเปล่า เพราะเมื่อคนอื่นเห็นว่าคนนี้เป็นคนดีนะ ดำเนินชีวิตอย่างนี้ เราเห็นเราก็อยากทำตามใช่ไหม เฉกเช่นใครดีที่มองเห็นได้ชัดเจน วันนี้วันที่เท่าไหร่ (ในหลวง) กษัตริย์ของทุกๆ ท่านใช่ไหม ท่านทำดีท่านเคยหวังไหมว่าทุกท่านต้องรักท่าน ท่านไม่เคยขอร้องใช่ไหม ท่านทำดีเพราะอยากให้ประเทศชาติสันติสงบสุข การปกครองที่ไร้การครอบครองถึงจะเป็นการปกครองที่ดีเยี่ยมใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นเราต้องเลียนแบบบุคคลที่เห็นได้ง่าย เห็นได้ชัด เราจะปกครองบ้านอย่างไรให้รู้สึกว่า เราสามารถทำเองได้ สอนโดยไม่ต้องพูด การสอนโดยไม่ต้องพูดนั้น ตัวเราต้องเป็นแกนนำให้เขาเห็นได้ชัดเจนใช่หรือไม่ (ใช่) วันนี้มาศึกษาธรรมะเปรียบเหมือนทัพพีตกอยู่ในหม้อแกงใช่หรือเปล่า วันนี้มาศึกษาธรรมะตัวท่านเหมือนกับทัพพีตกอยู่ในหม้อแกงแล้วท่านจะเป็นทัพพีดีหรือเปล่า แล้วท่านอยากเป็นทัพพีที่ตกอยู่ในหม้อแกงดีไหม (ไม่ดี) บางคนทัพพีลอยได้ด้วยโดนบังคับให้ตกลงมา ก็ตกตุ๊บ ตกลงมาเลย สุภาษิตโบราณกล่าวว่า การเป็นทัพพีที่ตกอยู่ในหม้อแกง ไม่มีคุณค่าเลยใช่ไหม (ไม่มี) มีแต่ให้คนอื่นได้ แต่ตัวเราไม่ได้อะไรเลย เพราะรสของแกงเป็นอย่างไรเรายังไม่รู้เลย  ฉะนั้นวันนี้มาศึกษาธรรมะอย่าปิดกั้นใจตนเอง เปิดให้กว้างๆ แล้วท่านก็จะไม่เป็นทัพพีที่ถูกผลักให้ตกลงมาในหม้อแกง
ในชีวิตของทุกๆ คน ใครๆ ก็อยากจะพบกับหนทางที่สว่างไสวใช่ไหม (ใช่) สิ่งใดที่เป็นความมืดมน ความหมองมัวก็ไม่มีใครอยากเข้าไปอยู่ใช่หรือเปล่า ตอนนี้ขอถามหน่อยว่า ชีวิตของท่านหมองหม่นหรือว่าสว่างไสว (สว่างไสว) ชิวิตท่านจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใด บางคนมีชีวิตอยู่ไปวันๆ ทำงาน เรียนหนังสือ แต่ถามว่าจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ไหน ไม่รู้เหมือนกันใช่ไหม แต่ถ้าเกิดคนที่รู้จักเห็นตนเอง รู้จักกระทำดี รู้จักสิ่งแวดล้อม รู้จักกระทำตนเองให้เหมาะควร รู้จักแก้ไขสิ่งผิด ในยามดำรงชีวิต ในยามดำรงชีวิตเขาก็จะพบหนทางที่สว่างไสวได้ในบั้นปลาย แต่ถ้าเกิดชีวิตของท่านอยู่มาวันๆ หนึ่งก็ดำรงชีวิตผ่านไปวันๆ หนึ่งเท่านั้น จุดหมายปลายทางของท่านก็เป็นเพียงวันๆ หนึ่งเท่านั้นใช่หรือเปล่า (ใช่) จุดหมายปลายทางจะสว่างไสวได้นั้นเราก็ต้องเริ่มต้นกระทำก่อน การจะเริ่มต้นกระทำนั้น เราก็ต้องมีจุดหมายปลายทางด้วยว่าดำรงชีวิต เราจะเพียงแค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ หนึ่ง หรือเราจะดำรงชีวิตเพื่อจะไปบำเพ็ญค้นหา ความหลุดพ้นกลับสู่นิพพาน ลองคิดดูเองนะว่า ระหว่างมีบ้านสองหลังให้ท่านเลือก บ้านหนึ่งแขวนป้ายไว้ว่า บ้านแห่งพุทธะ อีกบ้านแขวนป้ายไว้ว่า บ้านแห่งเศรษฐีที่มั่งคั่งด้วยลาภยศและทรัพย์สิน สองบ้านนี้ให้ท่านเลือกว่าจะเลือกบ้านไหน ตอนนี้บางคนก็ยังลังเลในใจ ถ้าคนคิดยาวๆ ก็จะเลือกอะไร ถ้าคิดยาวๆ เลือกยาวก็น่าเศร้าใจ ถ้าคนคิดยาวๆ แล้วเลือกสั้นแล้วสามารถกลับไปสู่เบื้องบน จะเลือกยาวหรือเลือกสั้น (เลือกสั้น) แล้วบ้านของเศรษฐีที่มีลาภยศ ชื่อเสียง ข้างบนมีหรือเปล่า (ไม่มี) มีแต่บ้านแห่งพุทธะอริยะอยู่ข้างบนใช่หรือเปล่า ฉะนั้นถ้ายอมเลือกบ้านแห่งพุทธะข้างล่างก็สามารถขึ้นไปบ้านแห่งพุทธะข้างบนได้ตอนนี้อยากจะเลือกบ้านไหน (บ้านพุทธะ) แล้วบ้านแห่งพุทธะจะเป็นบ้านแห่งพุทธะที่สมบูรณ์ไหม ใช่ที่มีป้ายชื่อหรือเปล่า ตอนนี้ทุกท่านเหมือนกับมีป้ายชื่อว่าเป็นพุทธะอยู่ทุกๆ คน ทุกๆ จิตใจ ทุกๆ ดวง แต่จะเป็นได้จริงๆ เป็นได้แท้ๆ นั้น ไม่ใช่อยู่ที่เพียงป้ายชื่อ แต่ต้องอยู่ที่การดำรงประพฤติปฏิบัติใช่หรือไม่ การบำเพ็ญธรรมะนั้นไม่ใช่ให้ท่านหลีกหนีจากสังคม ไม่ใช่ให้ท่านเลิกนับถือศาสนาใดๆ ไม่ใช่ให้ท่านกระทำแปลกๆ พิศดาร ไม่ใช่ทั้งนั้นเลย แต่การบำเพ็ญธรรมให้ดำรงอยู่ในชีวิตจะดำรงอยู่อย่างไรให้ค้นพบจิตอันเป็นพุทธะที่อยู่ในตัวทุกๆ ท่าน มีกายเนื้อเหมือนพุทธะ พุทธองค์ “องค์การแท้จึงจะพาท่านพ้นข้าม” พ้นข้ามอะไร เราก็บอกไปแล้วว่าถ้าท่านมีสัจธรรมก็จะพาข้ามพ้นได้ แต่ข้ามพ้นอะไรล่ะ ถ้าท่านยังไม่รู้ว่าอยู่บนโลกนี้เราจะหลุดพ้นอะไรแล้ว อยู่บนโลกนี้จะข้ามพ้นอะไรนั้น จะข้ามได้ไหม จะข้ามพ้นหรือเปล่า ถ้าท่านไม่รู้จะข้ามอะไรแล้วท่านจะทำความดีเพื่อหลุดพ้น เพื่อพ้นอะไร (ความทุกข์) จะพ้นข้ามได้ต้องข้ามพ้นความทุกข์ ข้ามพ้นกิเลส ข้ามพ้นตัณหาและก็ข้ามพ้นอะไรดี (ความชั่ว)
ทุกท่านต่างมีโซ่ตรวนพันธนาการแตกต่างกันออกไป ต่างมีอุปสรรคในการหลุดพ้นจากโลกนี้แตกต่างกันออกไปใช่ไหม จะข้ามพ้นอะไรดี (ความโลภ) (เจ้ากรรมนายเวร) เราจะข้ามพ้นอะไรดีที่เป็นอุปสรรค กิเลสมีทั้งหมดเท่าไหร่ (อาจารย์บรรยายธรรม : ถ้าอุปกิเลสทั้งหมดมีสิบหก ถ้ากิเลสโดยปกติก็มีสิบ)
ถ้าท่านข้ามพ้นความคิด ท่านก็หลุดพ้นได้ใช่หรือเปล่า คิดมาก คิดเป็นทุกข์ คิดฟุ้งซ่าน ถ้าท่านข้ามพ้นได้ ท่านก็หลุดพ้นได้แล้วจริงหรือเปล่า คนเราทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะฟุ้งซ่านฟุ้งเพราะคิดไม่ตก
เพื่อหลบหนีความทุกข์ดีไหม (ดี) อย่าปล่อยให้ตัวเองทุกข์แล้วถึงจะหันหน้าเข้ามาหาองค์พุทธะอย่างนี้ช้าไปไหม (ช้า) เวลาทุกคนรู้รู้เพียงแต่ขณะนี้ ตอนนี้ แต่ต่อไปเราสามารถรู้ไหม (ไม่ได้) อย่ามัวแต่สนุกสนานกับโลกใบนี้ อย่ามัวหลงแสงสีกับโลกใบนี้ อย่ามัวหลงกับความรัก โลภ โกรธ หลง กับตัวตนเรานี้ ถ้ายิ่งหลงมาก เราก็ไม่มีวันได้พบหนทางที่สว่างไสวอีกเลยรู้ไหม (รู้) เรามาบอกแล้ว แต่หากไปเจอเราที่ไหนแล้วจะมาบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นมาบอกเลยว่าต้องบำเพ็ญธรรมะ ตอนนั้นมาบอกจะทันหรือเปล่า (ทัน) ตอนนั้นท่านจะเจอเราข้างบนหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะเจอระหว่างทางสามแพร่งก็ได้ ท่านรู้จักไหม
เมื่อเรารู้จักกระทำความดี รู้จักดำรงชีวิตไปในทางที่สว่างแล้วเราต้องรู้จักอะไรเพิ่มเติมอีกไหม รู้จักพัดโบกชีวิต เมื่อสักครู่เราลืมบอกไปว่า การที่จะข้ามพ้นทะเลทุกข์ได้ การจะข้ามพ้นอุปสรรคต่างๆ นานาได้ สิ่งแรกต้องข้ามพ้นใจตนเองก่อน ถ้าตนเองยังข้ามไม่พ้นแล้วอย่างไรที่เป็นอยู่ภายนอก ท่านก็ไม่มีวันข้ามพ้นใช่หรือเปล่า (ใช่) พบตนเองที่แท้จริงแล้วเอาชนะตนเองให้ได้ดีไหม (ดี) เอาชนะตนนั้นยากกว่าเอาชนะผู้อื่นใช่ไหม (ใช่) แต่เอาชนะตนเองให้ไม่โกรธหนึ่งวันท่านจะมีความสุขถึงห้าสิบวันหรือร้อยวันเลยใช่ไหม (ใช่) นี่คือคำโบราณเขากล่าวไว้ ไม่ใช่เราเป็นคนกำหนด ถ้าเราไม่โกรธผู้อื่นได้วันหนึ่งเราก็ไม่ต้องถูกไฟเผาใจให้ระทมทุกข์ใช่ไหม (ใช่) ทำไมเราถึงบอกว่าต้องรู้จักพัดโบกชีวิต การพัดโบกชีวิตต้องพัดโบกอย่างไร เมื่อเราหลงสิ่งใดมากเกินไป ใจเราก็จะยิ่งพองขึ้นไปไกลขึ้น เพราะไปหลงกับสิ่งนั้น กับคนๆ นั้น ฉะนั้นเราจะพัดโบกอย่างไร ก็พัดโบกใจให้กลับเข้ามา เมื่อจิตใจทุกข์กลุ้มใจ วิตกกังวล หมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับชีวิต ก็กระพือๆ พัดชีวิตให้มีเรี่ยวแรง ต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ง่ายไหม ทำได้ไหม พอล้มทีกว่าจะลุกขึ้นได้อีกวันหนึ่งขอล้มต่ออีกรอบหนึ่ง ฉะนั้นต้องดับที่เหตุ อย่าไปดับที่ผล ไม่ใช่ว่าพอทุกข์แล้ว แล้วค่อยมาคิดดับ อย่างนี้ไม่ทัน ต้องดับที่เหตุสกัดกั้นอารมณ์ สกัดกั้นความอยากก่อน อยากมากเกินไป ตัดทิ้ง โกรธมากเกินไปก็ตัดทิ้ง รักมากไป (ตัดทิ้ง) มีหลายคนไม่ตอบ เพราะตัดไม่ลง ไม่ต้องตัดก็ได้ ให้ค่อยๆ ลดค่อยๆ ปล่อย ค่อยๆ วาง รักเขามากก็ต้องวางให้เขามากๆ ด้วย โกรธเขามากก็ต้องพยายามอย่างไร โกรธแล้วต้องทำอย่างไร (ปล่อยวาง) แล้วทำอย่างไรอีก เมตตาเขา ให้อภัยเขาใช่ไหม (ใช่) เราบอกว่าคนที่เรารักก็เปรียบเหมือนมิตรที่คอยให้กำลังใจ คนที่เราเกลียด คนที่เราไม่ชอบ เปรียบเหมือนอะไร ครู อาจารย์ของเราใช่ไหม ครู อาจารย์ที่สอนชีวิตที่แท้จริงว่าต้องมีทุกข์ ต้องมีสุข ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นเมื่อเขาไม่ชอบเรา เมื่อเขาเกลียดเรา เราก็สามารถทำตน ให้เขาเห็นสิ่งที่ดี แล้วก็สามารถทำตนเองให้เขาน้อมจิตน้อมใจ หันมามองว่า เราเป็นคนดีให้ได้ พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เคยรังเกียจไหมว่าคนนี้ไม่ดี ไม่สั่งสอน คนนี้ขี้โมโหไม่อยากสอน เป็นอย่างนี้ไหม (ไม่เป็น) ฉะนั้นกระทำดีแล้วอย่าเป็นคนเลือกที่รักมักที่ชัง กระทำดีแล้วอย่าเป็นคนที่ขี้โมโห เมื่อทำดีแล้วอย่าเป็นคนดีแต่เพียงให้บุญให้ทานแต่การกระทำดีนั้นต้องพร้อมสมบูรณ์ ทั้งกาย วาจา ใจ และการกระทำใช่ไหม
ดำรงชีวิตห้อยอะไรไว้มากก็ไม่ดี แบกหนักมากก็หนักมากใช่ไหม ชีวิตนี้มีกายกับจิตใจก็พอแล้ว อย่าแบกอะไรให้มันหนักจิตใจนัก เป็นเหมือนลมพัดที่พัดผ่านไปเย็นดีหรือเปล่า พัดไปหาใครคนนั้นก็มีแต่ความสงบสุข ไม่ใช่พัดแล้วเขากระเด็นไปเลย อย่าเป็นลมที่พัดแรงๆ
สุดท้ายหมดชีวิตแล้ว ถึงแม้จะมากทรัพย์สิน มากมีเงินทอง มากมีความอยาก สุดท้ายเราก็ต้องไปตามกรรมใช่ไหม (ใช่) อย่าให้กาลเวลาเปลี่ยนแปลงจิตใจของตัวเราดีหรือเปล่า (ดี) ความมั่นคงขอให้มีอยู่ ทำอะไรด้วยความมั่นคงในการที่จะคิด ปฏิบัติตน  ความเปลี่ยนแปลงของจิตใจตอนนี้ก็จะปรากฎขึ้น ตอนนี้คิดที่อยากจะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็ต้องเร่งมือ ลงแรงกระหน่ำให้เต็มที่ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะคนที่มีชีวิตกระทำดีแล้ว เมื่อเจอทุกข์หรืออุปสรรคก็ไม่มาเสียใจภายหลังใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอย่าให้ชีวิตของตนเองหมดไปกับคำว่าสายไปเสียแล้วดีไหม (ดี) ตอนนี้ยังมีชีวิตยังมีภาระยังมีกำลัง ยังมีวิชาความรู้ หันหน้าไปหาสิ่งที่ดี หันหน้าไปสู่ความสว่างดีหรือเปล่า (ดี)
เขาบอกว่าไม่ว่าทรัพย์สิน ยศถาหรือแม้นแต่ชีวิตเรา สักวันหนึ่งก็มีวันที่จะหมดสิ้นไป สักวันหนึ่งก็ต้องมีวันหมด ทรัพย์สินเมื่อมีมากเกินไปแล้วก็ต้องมีวันหมดสิ้น เมื่อได้เกียรติได้ยศถาสักวันหนึ่งก็ต้องมีวันทิ้งสิ่งนั้นไปใช่ไหม (ใช่) เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราก็ต้องรู้จักคำว่าพอ รู้จักละ รู้จักลด ชีวิตที่มันเกินเลย ชีวิตที่มันขาดหายไป หาสิ่งที่ดีเติมจิตใจของตนเองนี้ให้สมบูรณ์กับคำว่า “พุทธะ” ให้สมบูรณ์กับคำว่า “พุทธะคู่บำเพ็ญ” ดีไหม (ดี) แล้วบ้านพุทธะหลังนี้ก็จะเปิดอ้าน้อมรับทุกท่านดีไหม (ดี) อยู่บ้านพุทธะบนโลกนี้ได้ ท่านจึงสามารถกลับคืนสู่บ้านพุทธะบนแดนฟ้าได้ เข้าใจไหม (เข้าใจ) ถ้าใครยังฟังไม่เข้าใจวันนี้มาศึกษาพรุ่งนี้หรือมะรืนมีโอกาสก็หมั่นมาศึกษาเพิ่มเติม การบำเพ็ญถ้าท่านบำเพ็ญเอง ท่านก็ได้รับเอง การศึกษาท่านจะกระจ่างได้ก็อยู่ที่การค้นคว้าศึกษาลงมือปฏิบัติกระทำอย่างจริงจังดีหรือเปล่า (ดี)
วันนี้มาก็เพียงสั้นๆ เล็กๆ น้อยๆ มาคุยให้ท่านรู้ ให้กำลังใจตัวเอง อย่าลืมพัดกระพือจิตใจ บำเพ็ญไปเรื่อยๆ ดีไหม กลับไปเจอกันข้างบนดีหรือเปล่า (ดี) เรารอทุกท่านอยู่ข้างบนนะ กระทำให้ได้ความดี อย่าเห็นว่าเรามาหลอกลวงท่าน เราหวังดีกลับท่าน อยากไปพบท่านข้างบนจริงๆ ข้างบนมีความสุขมาก


อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539

2539-11-15 พุทธสถานอิ๋งเซิ่ง จ.อุตรดิตถ์


PDF 2539-11-15-อิ๋งเซิ่ง #19.pdf

#กตัญญู  #สามโลก  #สามภพ  #ไตรภูมิ  #มนุษยธรรม  #ไตรรัตน์  

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2539

2539-10-26 พุทธสถาน ไท่อิน ดาวคะนอง

วันเสาร์ที่  ๒๖  ตุลาคม  พุทธศักราช  ๒๕๓๙     พุทธสถาน ไท่อิน  ดาวคะนอง
                สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
พุทธะนำบรรยากาศธรรมลงสู่โลก     อริยะโบกธงนำขบวนฉลอง
ทั่วสถานล้วนญาณเดิมเราพี่น้อง        สากลโลกโปรดประคองถ้วนคืนแดน
                เราทั้งหลาย
                พุทธะอริยะทั่วสากลโลก   นำขบวนเสด็จแห่ง
พระมารดา           ลงสู่สถาน  กราบ
มารดา  โดยพร้อมเพรียงแล้ว            ยืนแยกเรียงรายมิต่อความ
                ฮา  ฮา  หยุด
หมื่นความคิดมากมายความเคยชิน   พระพุทธะในกายสิ้นดั่งตักษัย
โพธิจิตรุดรู้เร่งแก้ไว              สัตว์น้อยใหญ่ล้วนญาณเดียวกับมารดา
                เราทั้งหลาย
                หมื่นพระโพธิสัตว์            นำขบวนเสด็จ
องค์มารดา        ลงสู่โลก  พร้อมก้มกราบ
มารดาแล้ว         กำชับท่านอย่าเอ็ดอึง
                ฮา  ฮา  หยุด


ท้าวเทพพรหมองค์อินทร์ผู้ยิ่งใหญ่      จตุทิศบริบาลในคนดียิ่ง
โลกทุกวันเสื่อมทรามอย่างแท้จริง       บาลคนจริงกำราบคนผู้เลวทราม
                เราทั้งหลาย
            ท้าวจตุโลกบาล   นำดาวหมู่ทั้งยี่สิบแปด พร้อมเทพฝ่ายอสนี วายุ พยัคฆา
            นาคา  เป็นขบวนหน้า
องค์อนุตตรธรรมมารดา  ลงสู่แดนโลกีย์  กราบเบื้องพระแท่น
องค์มารดาแล้ว   ยืนแยกสองฝั่งมิต่อความ
                ฮวา  ฮวา  หยุด
แปดคุณธรรมเลือนหายไปกับตา       วัชรสถานกลับถูกคนเฝ้าเหยียดหยาม
ญาณในตนไม่ใส่ใจคอยมองข้าม         เทพหมู่เราคอยปรามอย่าหลงตน
                เราทั้งหลาย
                แปดวัชรญาณเทพ          นำขบวนเสด็จ
องค์อนุตตรธรรมมารดา  สู่แดนบูรพา  ก้มกราบ
องค์มารดา        ขอเมธีตั้งใจจริง
                ฮวา  ฮวา  หยุด


พระพฤฒาชราวัยหลังงอคด               ชันษาลดลงมิได้เตือนหลานหลาน
แห่งตัวข้าอย่าจมปลักอดีตกาล          ทักษิณาลัย         เร่งหลานหลานศรัทธาจริง
                เราทั้งหลาย
                พระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย พร้อมนำ แปดเซียนทั้งสามชั้นมารอกราบ
องค์มารดา        เราพาแปดเซียนกราบ
องค์มารดาแล้ว   ถามหลานหลานเหนื่อยหรือเปล่า
                ฮา  ฮา  หยุด
จอมเทพไทแม้เป็นใหญ่ในชั้นฟ้า         คนเทพผียุคสามมาภัยกวาดสิ้น
วินัยมีท่านศึกษาอย่าดูหมิ่น วินัยธรข้ากำราบผู้ไม่เกรง
                เราทั้งหลาย
                จอมเทพวินัยธร กวัน จัง หลวี่ เอวี้ย           ลงเตรียมรับ
องค์มารดา        ลงสู่โลก  กราบ
มารดาย้ำทุกท่านรักษากฎระเบียบจริง
ลงควบคุมอย่าวุ่นวายไร้สาระรับองค์พระด้วยศรัทธาอย่าลุ่มหลง
ทั้งจิตใจอย่าคลอนแคลนให้มั่นคงจะยืนยงอมตะได้เพียงบำเพ็ญ
มิต่อความ
                ฮวา  ฮวา  หยุด


องค์ประธานคุมสอบไปทั่วเหนือใต้   คุมผู้ได้ตั้งใจบำเพ็ญหนา
สอบถ้าผ่านเลื่อนขั้นสู่อริยา                สามภูมิมาช่วยกันโปรดขึ้นนาวา
                เราคือ
                องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ         นำเสด็จ
องค์มารดา        ลงสู่บูรพทิศ  เคียมคัล
องค์มารดา        ถามน้องพี่เกษมฤๅ
ในกาลนี้เภทภัยลงทำลายใครเป็นหยกมิมอดไปกับไฟผลาญ
ลงแรงจริงคือผู้มองเห็นไกลการณ์ปัจจุบันเริ่มวุ่นวายให้มั่นคง
                ฮวา  ฮวา  หยุด
ฝึกบำเพ็ญอย่าเกี่ยงงอนการทำงาน  ร่วมมือกันย่อมลุล่วงได้เป็นผล
จิตสวยงามแฝงอยู่ในกายคน               ดีมีจนอย่าแยกแบ่งให้ชุลมุน
                เราคือ
                อู้ฉันศิษย์พี่        รับเสด็จ
องค์มารดา        ลงสู่โลก  ก้มกราบ
องค์มารดา        แล้วศิษย์พี่มิต่อความ
                ฮา  ฮา  หยุด


ไม่ลงแรงมีหรือได้มรรคผล    ขาดอดทนแล้วจะทำไฉนหนา
คนมีแรงเร่งช่วยแรงอย่าบ่นว่า             มีกำลังมาช่วยฟ้าอย่าลังเล
                เราคือ
                เม่าเหมิ่งศิษย์พี่   นำเสด็จ
องค์มารดา        สู่โลกีย์  ก้มกราบ
องค์มารดา        แล้วศิษย์พี่มิต่อความ
                ฮวา  ฮวา  หยุด
พระพุทธคุณดั่งอมฤตชะโลมแดน       โพธิแม้นได้ตื่นแจ้งอย่านอนนิ่ง
สัตว์ทั่วฟ้าล้วนกรรมหนักจึงพลิกสิ่ง   อนุศาสน์อย่าได้ทิ้งเหล่าเวไนย
                เราคือ
                พระโพธิสัตว์อนุศาสน์      นำเสด็จ
องค์อนุตตรธรรมมารดา  ลงสู่โลก  น้อมกราบ
องค์มารดา        ถามน้องพี่เกษมฤๅ
                ฮา  ฮา  หยุด


มิเคยนึกเสียใจในภายหลัง   ย้อนความยังยากบรรยายเป็นคำหนา
น้องพี่เรายุคขาวนี้จริงจังนา พลาดเวลาต้องเสียใจจนวายปราณ
                เราทั้งหลาย
                เต๋อฮว่าเซียนหมู่  เต๋อฮว่าเจินจวิน  หลี่เอวี๋ยนเซียนจวิน       ลงพร้อมเสด็จแห่ง
มารดาขอน้องพี่ตั้งใจ           กราบ
องค์มารดา        อย่าวอกแวกไปห่างไกล
                ฮา  ฮา  หยุด
ด้วยมหากรุณาธิคุณแห่งเบื้องบน       ฟื้นญาณตนโดยเร็วไวอย่าเกียจคร้าน
ด้วยเวลาเร่งรัดดังเหตุการณ์               เร่งคืนบ้านสุขใจปารมิตา
                เราทั้งหลาย
                ไป๋สุ่ยเหล่าเหยริน            นำพานักธรรมผู้สำเร็จไปด้วยกัน        ตามเสด็จ
องค์มารดา        จากนิพพานสู่แดนโลก  กราบ
มารดาถามเมธีทุกท่านเป็นอย่างไร
                ฮา  ฮา  หยุด



มิรู้ถึงพิษสงแห่งความทุกข์ยาก            แม้ทุกข์มากในโลกมิอาจเปรียบได้
หวังวอนคนทุกคนได้กลับใจ รู้ว่าผิดเร่งแก้ไขอย่าทำเมิน
                เราคือ
                กษิติครรภ์โพธิสัตว์          รับเสด็จ
องค์มารดา        พร้อมด้วยพญายมทั้งสิบขุม              ร่วมกราบ
องค์มารดา        ขอเมธีสงบใจมิต่อความ
                ฮา  ฮา  หยุด
แม้ทุกข์ยากเท่าไรไม่บ่นว่า   ขอศิษยาคืนกลับสู่แดนฟ้า
เจ้าทำผิดอาจารย์ช่วยแบกจงตามมา อย่าอ่อนล้าจากสาเหตุภายนอกตน
                เราคือ
                จงฮว๋าเซิ่งหมู่      มารับเสด็จ
องค์มารดาผู้เมตตา             กราบ
มารดาถามศิษย์รักสุขหรือไร  อาจารย์นี้มิต่อความ
                ฮา  ฮา  หยุด


เมื่อตั้งใจบำเพ็ญแล้วเสมอต้นปลาย  อย่าให้ร้ายกันเองจะขื่นขม
ศิษย์เอ๋ยศิษย์อย่ามัวชอบคำชม          ทุกข์ระทมจะเกิดแก่ศิษย์รักเอง
                เราคือ
                อรหันต์จี้กง        นำเสด็จ
องค์มารดา        ลงสู่โลก  กราบ
มารดาถามศิษย์ข้าเหนื่อยหรือไม่กัน
                ฮา  ฮา  หยุด
ทะเลทุกข์คลื่นน้ำตาสะบัดซัด              เดินทางลัดไยชอบแวะให้คลาดหลง
หรือท่านไม่มั่นใจทางสายตรง              มัวพะวงดังคนจับปลาสองมือ
                เราทั้งหลาย
                เมี่ยวซั่นกวนอิน พร้อมด้วย ผู่เสียนผูซ่า เหวินซูผูซ่า   ลงรับเสด็จ
องค์มารดาผู้เมตตา             กราบพระแท่น
องค์มารดา        ถามเมธีสราญฤๅ
                ฮา  ฮา  หยุด



บัลลังก์บัวเก้าชั้น ณ แดนสรวง            ต้องไร้ห่วงพันธนาการดั่งคนเขลา
ขอเมธีอย่าเพิ่งเร่งดูเบา        ก้าวเท้ายาวตามรอยเราอริยา
                เราทั้งหลาย
                ศาสดาทั้งห้า      ลงรับเสด็จ
องค์มารดาแห่งดวงญาณ   กราบ
มารดาขอเมธีสงบใจ
เอกธรรมไร้รูปลักษณ์แต่ก่อนมา         คนค้นหาปรุงแต่งเสียยิ่งใหญ่
ประตูญาณทางตรงแฝงในกายหามิได้จากภายนอกความวุ่นวาย
                ฮา  ฮา  หยุด
กาลเคลื่อนคล้อยธรรมจักรได้พลิกหมุน             เจริญคุณพระถุงย่ามสู่โลกหนา
ยุคแดงผ่านยุคขาวใกล้เวลา                จงตั้งหน้าบำเพ็ญดังมังกรบิน
                เราคือ
                จินกงจู่ซือ          นำเสด็จ
องค์มารดา        ลงสู่โลก  กราบ
มารดาถามศิษย์หลานทุกท่านเกษมฤๅ
                เรามิขอกล่าวความให้ยาวเกิน
                ฮา  ฮา  หยุด


จากปัจฉิมสู่บูรพามารดาลง                สู่โลกผงธุลีกราดดาษดื่นหนา
ท่านเมธีนับเป็นผู้มากวาสนา               ภูมิธรรมปัญญาอย่าปล่อยเลย
                เราทั้งสอง
                อวิ๋นเป่า เอ้อร์ถง ติดตาม
องค์มารดาผู้เมตตา             ลงสู่โลก  กราบ
องค์มารดา        ขอทุกท่านตั้งใจยิ่งกว่าครั้งใด  ยืนเป็นแนวให้งดงามรอมารดา
                ลงกล่าวความ
                ฮิ  ฮิ  หยุด
เห็นลูกรักอยู่มากมายในสถาน            นาวาอันผ่องพรรณกระจ่างศรี
โอ้ลูกแม่ล้วนต่างเป็นคนดี    เรียกนทีให้รำลึกก่อนเป็นธาร
สงบใจอันใสเย็นฟังคำแม่     จิตแน่วแน่รวมกับแม่จะดีไหม
อย่าใช้หูแห่งกายปลอมฟังผ่านไป       ให้ใช้ใจดวงเดียวเท่านั้นพอ
                เรา
อนุตตรธรรมมารดา        นำเหล่าพุทธะลงสู่โลกบูรพา
                ถามลูกยาเป็นอย่างไรได้พบเจอ
ทุกทุกคนคงยืนกันจนเมื่อยแล้วให้ลูกแก้วพักสักครู่ค่อยต่อความ
ลูกสามคุณกราบแม่พักผ่อนเทอญ
                เฮ้อ  หยุด
                ถวิลหาลูกน้อยใจแทบขาด   ถูกอำนาจกิเลสพาจนญาณหมอง
แม้นแม่นี้อยากที่จะไปปกป้อง             แต่ลูกลองใจยินยอมยากช่วยทัน
ในความหลังครั้งยังอยู่สุทธาสถาน     เป็นดั่งบ้านไร้ทุกข์ไร้โศกศัลย์
เรียกลูกลงพัฒนาโลกกลับหลงควัน   ทุกทุกวันมีแต่ตกต่ำลง
ใจเป็นแม่กระไรหรือปล่อยลูกหลง      บัญชาส่งพุทธะช่วยเจ้านั้น
มีกี่คนที่จะไม่ดูหมิ่นกัน          ยังยืนยันจะยอมหลงอีกต่อไป
เมื่อใจลูกตกต่ำนรกขยาย    กว้างออกไปสุดประมาณกรรมเจ้านั้น
ขอลูกแม่เร่งตื่นฟื้นชีวัน         กรรมอนันต์แม่นิรโทษให้ผู้บำเพ็ญ
หากบำเพ็ญจริงจังในยุคนี้    มรรคผลมีสามพันหกสี่หมื่นแปด
ขอลูกรักตั้งใจเป็นประการแรก            แม่นี้ยอมประกันเจ้าคืนบ้านเรา
แค่เหยียบเท้าเจ็บถึงใจใครก็รู้              แม่เฝ้าดูก็เช่นกันนะลูกเอ๋ย
เจ้าลุ่มหลงเกียจคร้านจนชินเคย          เจ้าละเลยโดยไม่รู้ภัยใกล้ตา
แปดทดสอบเป็นไปตามชะตาตน        อย่าท้อบ่นให้ท้อแท้นะลูกรัก
ในยามคืนวันไหนได้ประจักษ์               เป็นเสาหลักแม่มอบบัวเป็นสีทอง
วงการธรรมยิ่งใหญ่ไร้อวี่หลิน             ลูกจะกินความขมที่ป่วนท้อง
จงอดทนมารผยองปัญญาทอง           จะคุ้มครองเจ้าลูกน้อยให้พ้นภัย
แม้คนไปโองการฟ้ายังคงอยู่                ให้เจ้ารู้คุณปัญญานำมาใช้
หูจงหนักอย่าได้คิดแปรใจ    ไม่เช่นนั้นต้องรอไปอีกแสนนาน
บ้างตั้งตนเป็นอาจารย์กลับชาติมา     บ้างตั้งตนพระศรีอาริย์เก็บกาลใหญ่
ใช้สัจธรรมพิจารณาค่อยค่อยไป         จะเชื่อใครพินิจตรองมองให้ดี
กาลสืบทอดรุ่นสิบแปดได้ยุติ               ใครอุตริแอบอ้างรับกรรมหนัก
แล้วสักวันลูกรักได้ประจักษ์ ให้ลูกรักศรัทธาตามอาวุโสไป
สายทองส่งสู่โลกเพียงหนึ่งเส้น            มาเลือกเฟ้นพุทธบุตรกลับแดนสรวง
ขอลูกรู้จักปลงอย่าติดห่วง   ก่อนกรรมทวงให้เร่งใช้อย่ารอรี
ใช้นามแห่งธรรมาสร้างชื่อเสียง           ใช้หน้าที่ลำเลียงความสุขสม
ใช้ลาภยศพยุงธรรมยากชื่นชม             จักระทมโดยยากแก้ถ่ายถอนทัน
เมื่อรู้ว่าตนผิดให้รีบแก้          อย่าแน่วแน่ต่อไปตาฟ้าเห็น
เมื่อทำผิดมิแก้ผิดจะยากเย็น               จะลำเค็ญเมื่อสิ้นกายตัวนี้ไป
วงการธรรมภาคเหนือลูกแห่งแม่       คุกเข่ามาเชิญมานะลูกเอ๋ย
ทุกทุกคนมิเว้นคนใดเลย       ลูกรักเอยเจรจาดีสามัคคีกัน
อภัยกันอย่าปล่อยเรื่องให้บานปลาย จนสุดท้ายอับจนใจจึงเฉลย
ลูกเอ๋ยลูกนิสัยใดเรียกความชินเคย    อย่าละเลยขจัดทิ้งในเร็ววัน
ผู้นำมีเมตตาปรานีจิต           ผู้น้อยติดตามไปก็ไม่หวั่น
มนุษยธรรมน้ำใจให้ครบครัน                อย่าแบ่งกันด้วยเหตุแห่งอวิชชา  ทราบไหม
วงการธรรมภาคใต้ให้เร่งรุด                ขอจงหยุดคำนินทาอีกว่าร้าย
คนหนึ่งคนย่อมทำร้ายไม่เลือกได้        ย่อมสามารถส่งเสริมไปถึงแดนเดิม
จิตเมตตาใช่แสดงเพียงฉาบฉวย         แม้สำรวยภูมิฐานเพียงเปลือกหนา
การขัดเกลาแท้จริงจึงมีค่า    อย่าปล่อยผ่านเลยตาเพียงง่ายดาย
วงการธรรมตะวันออกแม่เชิญลูก      จงไปปลูกรากฐานธรรมมั่นคงหนา
ให้ไปแก้สิ่งที่ผิดแต่ก่อนมา   ให้พยายามต่อหน้าลับหลังเทียม
เมื่อวงการเล็กเล็กเจ้าปรองดอง          เมื่อใหญ่โตต่างตำแหน่งครองมีขวากหนาม
ขอลูกแม่เจ้าจงเชื่อฟังคำ      ทุกทุกยามระวังให้จงดี
ฝึกอ่อนน้อมฝึกกล้าหาญอีกเมตตา    ฝึกจริยาเป็นหลักอย่าหน่ายหนี
สายธาราแท้จริงไม่คอยนาที                ลูกฤดีต้องเข้มแข็งแลอาจอง
วงการธรรมตะวันตกแม่เชิญลูก         ให้ไปผูกบุญสัมพันธ์ให้กว้างขวาง
ให้รู้ผ่อนรู้หนักบุกเบิกทาง    เวลาว่างให้ศึกษาซึ่งธรรมา
อย่าปล่อยให้ร่างกายต้องเสื่อมทรุด   เพราะลูกรุดไปช่วยคนพ้นเวียนว่าย
แม่ระทมหากลูกป่วยเจียนตาย            แต่ไม่ได้ฐานบัวเอาไว้ครอง
อุทิศกายใจพลีวีรชน             ไม่แบ่งยากดีมีจนนะลูกรัก
ไต่ภูผายิ่งสูงยิ่งยากหนัก      ให้ลูกรักรู้จักตนอย่างแท้จริง
ลูกกราบแม่แล้วเชิญยืนที่เดิม
ลูกเอ๋ยลูกต่างก็แม่เป็นญาณเดียว      ไยลูกเหลียวเลือกที่รักมักที่ชัง
ลูกเอ๋ยลูกสำนึกตนบนระวัง อย่าพลาดพลั้งดั่งที่แล้วเคยเป็นมา
เห็นลูกแม่น้ำตาร่วงเพราะเหตุใด         ใครหนอใครเวียนว่ายวนหนักหนา
ขอลูกอย่าทำให้แม่ต้องผวา ลูกรักมาสู่อ้อมอกดีไหมเอย
ลูกฝันร้ายแล้วตื่นขึ้นเมื่อยามดึก         ให้ลูกตรึกอย่าเสียเวลาไปเฉยเฉย
เมื่อลูกแม่ตื่นแล้วอย่าหลับอีกเลย      โอ้ลูกเอ๋ยแม่กำสรวลน้ำตาริน
แม่รู้สึกอย่างไรเมื่อลูกเวียนว่าย          แม่รู้สึกอย่างไรเมื่อลูกไม่เข้าใจแม่นี้
แม่รู้สึกอย่างไรเมื่อสั่งดรี      ให้ออกเรือครานี้คงจบกัน
ลองนำใจความเป็นแม่มาลองคิด        แม้ลูกผิดแม่มิเคยจะโมหันธ์
ขอเพียงลูกเร่งตื่นฟื้นให้ทัน   ฝ่าปวงควันงานหลงฮว๋ามีลูกรวม
ในเฉียบพลันเห็นกิเลสวิ่งสู่จิต              ขุ่นหมองติดลูกยังคงหนักแน่นไหม
หรือว่าปล่อยตามน้ำจมห่างไกล         ลูกมิไยดีแม่หรืออย่างไรกัน
เมื่อห่างไกลพุทธสถานดังห่างแม่        ลูกจะแปรจิตใจไปอีกไหม
ลูกจะเหมือนคนหลับใหลนานเท่าใด   ลูกจะใส่ใจคำแม่บ้างไหมเอย
ตอบแม่นี้เป็นประจักษ์สักหน่อยนิด    ว่าลูกคิดบำเพ็ญถึงเบื้องฟ้า
ว่าลูกแม่จะคงเพียรอุตส่าห์  ว่าลูกรักจักศรัทธาจิตหนึ่งเดียว
ลูกหน้าที่ผู้ถ่ายทอดแทนเบื้องฟ้า       ลูกตั้งใจฟังวาจาแห่งแม่นี้
พ่อเมตตาลูกกตัญญูคำนี้มี  ลูกหน้าที่ยิ่งใหญ่นำประชา
ต้องมีความเมตตานิจศีล      ดีมากน้อยล้วนไรริ้นคำอิจฉา
ความเจริญเกิดขึ้นใช้ปัญญา               อย่ามัวหาสิ่งมายาแห่งบุคลากร
คำนี้ให้พิจารณาให้ถ้วนถี่     อย่าได้พลีเพราะใครประจบคำสอพลอ
จงกระทำตามกำลังอย่ารีรอ                มิย่นย่อคืนฐานเดิมจะยังงาม
เป็นผู้บรรยายธรรมแทนฟ้าต้องฝึกฝน              ลำบากทนอย่ามัวหลงไม่ศึกษา
วิทยาล้วนจากการเรียนรู้นา                วันข้างหน้างานใหญ่ยิ่งยังมีมา
ต้องเรียนรู้เป็นผู้รู้สารพัด      ต้องรู้จัดงานธรรมโลกให้ชัดหนา
เป็นปากเสียงแทนแม่องค์มารดา        ให้ถ้วนหน้าเจ้าจงได้ความร่มเย็น
ผู้ดูแลนาวาเรือใหญ่น้อย     เจ้านี้ลอยเรืออยู่กลางทะเลน้ำ
แม้หนาวเย็นหรือว่าจะมืดค่ำ               จงครองตนนึกย้ำความอดทน
ตำแหน่งฟ้าจินเซียนผู้ตั้งใจ ส่งเสริมให้ถ้วนหน้าอย่าลำเอียง
เป็นหน้าตาเบื้องบนยากหลีกเลี่ยง     ใครมาพบขอเต็มใจส่งเสริมเทอญ
ใจจะขาดเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ลูกแม่มีฟังเข้าใจหรือไม่หนา
ขอลูกรักบำเพ็ญจริงจังนา    ขอลูกยาสำเร็จกันโดยเร็ววัน
ใครที่ยืนไม่ไหวให้ถอยออก  แม่ยังบอกอีกเล็กน้อยตั้งใจหนา
หกหมื่นปีเวียนว่ายไปใช่น้อยนา          กระดูกตั้งเท่าภูผาตระหง่านยืน
ขอลูกรักอย่าประมาทการเดินทาง      ทุกเยื้องย่างอย่ากลัวซึ่งขวากหนาม
ขอให้ลูกไปเฝ้าพยายาม       กรรมติดตามจักมีผู้คอยช่วยเอย
ต้องรู้จักลูกแม่มีฟังเข้าใจหรือไม่หนา
ต้องรู้จักแสดงศรัทธาจากใจจริง          หมั่นละทิ้งกิเลสนะลูกเอ๋ย
คำของแม่เจ้าอย่าปล่อยผ่านเลย        โอ้ลูกเอ๋ยดั่งกมลแก้วจิตใจ
ลูกบางคนยังใหม่ไม่เข้าใจ    โอ้ตรัยรัตน์จำได้ไหมลูกแม่เอ๋ย
จำไม่ได้ยากคืนฟ้านะลูกเอย               แม่เฉลยคือสัญญาแม่ลูกกัน
ปณิธานสิบเป็นพื้นฐานครั้งเจอกัน      ลูกปฏิบัติเป็นแม่นมั่นหรือไม่หนา
ตามรอยแห่งอาวุโสคนเบื้องหน้า        ใช่งมงายเลอะเลือนบ้าอย่างเข้าใจ
ชีวิตคนสั้นนักเกิดแก่เจ็บ      ตายแล้วจากร่างกายตนนี้หนา
แปดความทุกข์ต้องผ่านโชคชะตา       แม้ยศถาสูงศักดิ์ยากหยุดเอย
ในวันนี้ลูกของแม่สร้างกุศล  เหนื่อยยากจนกระเทือนถึงสังขาร
เวลานี้การทดสอบเข้าโรมรัน               ก่อนคืนบ้านละมลทินให้จงดี
บางคนนั้นติดเสพติดจนยากแก้           เหล้าบุหรี่มึนเมาญาณแน่ลุ่มหลง
จงลดละแล้วเลิกผงาดองค์  อริยาคงกลับมาใกล้เพียงนัยน์ตา
ลูกเอ๋ยลูกว่าก็แล้วปลอบก็แล้ว           โอ้ลูกแก้วชลเนตรกลายโลหิตหนา
ขอลูกรักกลับไปเคียงข้างมารดา         ขอลูกยาใส่ใจคำไม่ทำเมิน
เมื่อโลกวุ่นใช้ปัญญาเข้ากำราบ          ห่วงลูกอาจถูกอวิชชาพาให้หลง
ตั้งต้นใหม่หากพลาดพลั้งหรือล้มลง    แม่ยังคงคอยลูกตลอดกาล
ในวันนี้พบหน้าลูกยังหวาดหวั่น           ให้เท่าทันหมั่นรำลึกคืนกลับหนา
แล้วแม่นี้สุดที่จะเอ่ยคำลา    โอ้ลูกยารักษาตนรักษาญาณ
ยากตัดใจลาจากลูกรักแม่    ให้หมั่นแก้เจริญปณิธานสร้างกุศล
แล้วแม่นี้คอยลูกอยู่เบื้องบน                หวังสักคนคืนกลับพาพร้อมกัน
แล้วแม่นั้นพาพุทธะกลับแดนเดิม
เฮ้อ  ถอย


พระนามของสิ่งศักดิ์องค์ต่างๆ
ในบทพระโอวาทเทียบเป็นภาษาจีน
พระอนุตตรธรรมมารดาหมิง    หมิง      ซั่ง        ตี้
พุทธะอริยะทั่วสากลโลกจู         เทียน     เสิน       เซิ่ง
หมื่นพระโพธิสัตว์อวั้น   เซียน     ผู          ซ่า
ท้าวจตุโลกบาลซื่อ         ต้า        เทียน     อวั๋ง
ดาวหมู่ทั้งยี่สิบแปดเอ้อ สือ        ปา        ซิ่ว
เทพฝ่ายอัสนีเหลย         ปู้
วายุเฟิง ปู้
พยัคฆาหู่          ปู้
นาคาหลง          ปู้
แปดวัชรญาณเทพปา    ต้า        จิน        กัง
พระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย         หนัน     จี๋          เหล่า     เซียน     อง
แปดเซียนทั้งสามชั้นซั่ง จง        เซี่ย       ปา        เซียน
จอมเทพวินัยธร กวัน จัง หลวี่ เอวี้ย    ซื่อ        อุ้ย        ฝ่า        ลวี่        จู่
องค์ประธานคุมสอบสามภูมิซัน เทียน     จู๋          เข่า
อู้ฉันศิษย์พี่อู้     ฉัน        ซือ        ซยง
เม่าเหมิ่งศิษย์พี่เม่า        เหมิ่ง     ซือ        ซยง
พระโพธิสัตว์อนุศาสน์เจี้ยว        ฮว่า       ผู          ซ่า
เต๋อฮว่าเซียนหมู่เต๋อ      ฮว่า       เซียน     หมู่
เต๋อฮว่าเจินจวินเต๋อ      ฮว่า       เจิน       จวิน
หลี่เอวี๋ยนเซียนจวินหลี่  เอวี๋ยน   เซียน     จวิน
ไป๋สุ่ยเหล่าเหยริไป๋      สุ่ย        เหล่า     เหยริ
กษิติครรภ์โพธิสัตว์ตี้     จั้ง        ผู          ซ่า
จงฮว๋าเซิ่งหมู่จง            ฮว๋า       เซิ่ง       หมู่
อรหันต์จี้กงจี้    กง        หัว        ฝอ
เมี่ยวซั่นกวนอินกวน      อิน        ผู          ซ่า
ผู่เสียนผูซ่าผู่     เสียน     ผู          ซ่า
เหวินซูผูซ่าเหวิน            ซู          ผู          ซ่า
ศาสดาทั้งห้าอู่   เจี้ยว     เซิ่ง       เหยิน
จินกงจู่ซือจิน    กง        จู่          ซือ
อวิ๋นเป่าเอ้อร์ถงอวิ๋น      เป่า       เอ้อร์      ถง


คำศัพท์ในบทพระโอวาท
องค์อนุตตรธรรมมารดา           องค์มารดาผู้ให้กำเนิดฟ้าดิน สรรพสิ่งในจักรวาลและ           ธรรมญาณทั้งปวง
ตักษัย  การสิ้นชีวิต,ตาย
บูรพา  ทิศตะวันออก
เมธี      นักปราชญ์
อมตะ   ความไม่ตาย,พระนิพพาน
เคียมคัล           ไหว้,คำนับ
อมฤต   น้ำทิพย์
วายปราณ         สิ้นชีวิต,ตาย
ปารมิตา           ปรมิตตาหก  หกวิถีทางคืนสู่พระนิพพานคือ
            1.ทานบารมี       4.วิริยะบารมี
            2.ศีลบารมี         5.สมาธิบารมี
            3.ขันติบารมี       6.ปัญญาบารมี
นิพพาน            ความดับกิเลส และกองทุกข์
บัลลังก์บัวเก้าชั้น        มรรคผลฐานบัว 3 ระดับ ระดับหนึ่งมี 3 ชั้น
            รวมเป็นเก้าชั้น
พันธนาการ      การจองจำ
เอกธรรม        สัจธรรมที่เป็นหนึ่งเดียว
ปัจฉิม  ทิศตะวันตก
ถวิล      คิดถึง
สุทธาสถาน       พรหมโลก เป็นที่อยู่ของท่านผู้บริสุทธิ์ คือที่เกิดของ
            พระอนาคามี
นิรโทษ ไม่มีโทษ
สามพันหกสี่หมื่นแปด   สามพันหกตำแหน่งพระอริยะฐานะ  สี่หมื่นแปดพัน ตำแหน่งเมธีฐานะ ที่เบื้องบนกำลังเปิดการสอบ
            คัดเลือกผู้บำเพ็ญอยู่ในขณะนี้
แปดทดสอบ     การทดสอบ  8  รูปแบบ คือ
            1.การทดสอบภายใน
            2.การทดสอบภายนอก
            3.การทดสอบทางอารมณ์
            4.การทดสอบแบบแปลกๆเช่น ล้มละลาย หย่าร้าง ฯลฯ
            5.การทดสอบแบบราบรื่น
            6.การทดสอบแบบไม่ราบรื่น
            7.การทดสอบแบบตาลปัตร
            8.การทดสอบในวงการธรรม
อวี่หลิน พระนามของท่านธรรมอธิการ หันเหล่าเฉียนเหยริ
            แซ่สกุลหัน  พระนามบน อวี่  พระนามล่าง หลิน
พระศรีอาริย์     พระศรีอาริยเมตไตรย  พระนามของพระพุทธเจ้า
            พระองค์หนึ่ง  ซึ่งจะอุบัติขึ้นในภายหน้าหลังจาก
            สิ้นศาสนาพระโคดมแล้ว
สัจธรรม           ธรรมที่แท้จริง,หลักสัจจะ
รุ่นสิบแปด        พระอาจารย์ พระอาจาริณี ซึ่งเป็นพระบรรพจารย์
            สมัยที่ 18 ในทิศบูรพาแห่งสายธรรมนับตั้งแต่
            โบราณกาลมายุคหลัง
อุตริ     แปลกออกไป,นอกแบบ,นอกทาง
ประจักษ์           ชัดเจน,แจ่มแจ้ง,แน่นอน
กำศรวล            โศกเศร้า,คร่ำครวญ,ร้องไห้
ดรี        เรือ
โมหันธ์ ความมืดมนด้วยความหลง
งานหลงฮว๋า      งานชุมนุมอริยะปราชญ์เมธีแห่งธรรมกาลยุคขาว
            บนอนุตตรภูมิ
นิจศีล   ศีลที่รักษาเป็นนิจได้แก่ศีลห้า,เป็นปกติเสมอไป
จินเซียน           อริยะฐานะเบื้องบน
กมล     บัว,ใจ
ตรัยรัตน์          หลักวิถีจิตญาณอันแท้จริงกล่าวคือ เป็นสัจธรรมที่ได้รับ
            ถ่ายทอดจากพระวิสุทธิอาจารย์ :
            1.ญาณทวาร      ประตูเกิดตาย
            2.รหัสคาถา       สัจจคาถาศักดิ์สิทธิ์
            3.ลัญจกร          ตราประทับพุทธะ
ปณิธานสิบ       เป็นความตั้งใจจริงแท้ 10 ประการ ที่ทุกคนได้กล่าว ตั้งก่อนรับธรรม :
          1.ข้าพเจ้าจะประคองรักษาด้วยศรัทธา
            2.(ช) จะสำนึกขอขมาด้วยใจจริง
              (ญ) จะบำเพ็ญด้วยใจจริง
            3.หากเคลือบแฝงเสแสร้ง
            4.ถดถอยไม่ก้าวหน้า
            5.หลอกลวงลบล้างบรรพจารย์
            6.ลบลู่นักธรรมอาวุโส
            7.ไมรักษาพุทธระเบียบ
            8.แพร่งพรายความลับสวรรค์
            9.ปิดบังธรรมไว้มิให้ปรากฎ
            10.(ช) ไม่ปฏิบัติธรรมตามควรแก่กำลัง
               (ญ) ไม่บำเพ็ญธรรมด้วยศรัทธา


แปดความทุกข์ ทุกข์ที่มาจากเหตุ 8 ประการ คือ
            1.ทุกข์จากการเกิด
            2.ทุกข์จากการแก่
            3.ทุกข์จากการเจ็บ
            4.ทุกข์จากการตาย
            5.ทุกข์จากความไม่สมหวังในสิ่งที่อยากได้
            6.ทุกข์จากการพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก
            7.ทุกข์จากความเกลียดชัง ไม่อยาก
            8.ทุกข์จากขันธ์ห้า  รูป เวทนา สัญญา สังขาร
              วิญญาณ
มลทิน  ความมัวหมอง,ความไม่บริสุทธิ์
ชลเนตร           น้ำตา
กำราบ  ทำให้กลัว,ทำให้หลาบ
อวิชชา  ความไม่รู้จริง,ความหลงอันเป็นเหตุให้ไม่รู้จริง


อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2539

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา