วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

2554-05-14 สถานธรรมเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์



วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ สถานธรรมเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหันเซียงจื่อ


บทกวีซึ่งขาดแรงบันดาลใจ สัมผัสได้ไร้ชีวิตขาดสีสัน
การบำเพ็ญซึ่งขาดความมุ่งมั่น ในสักวันก็จะต้องรามือ
การเปลี่ยนแปลงต้องออกจากภายใน หมั่นขัดเกลาที่ใจให้คุ้นมือ
หมั่นลงแรงบำเพ็ญและฝึกปรือ โดยไม่ถือมั่นทิฐิจนจมโคลน
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหันเซียงจื่อ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานเซิ่งเต๋อ แฝงกายกราบอัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ


ร้อนรนกายใจส่งผลถึงพลัง ความทุกข์ตั้งอะไรก็ติดขัด
ทำใจได้คิดเป็นบำเพ็ญหัด คนเป็นปราชญ์จิตต้องนิ่งคำรบ
พัฒนาฝึกจากใจร้อนเป็นเย็น คนบำเพ็ญไม่พยายามถูกติดลบ
จิตหวั่นไหวเมื่อกระทบและกระทบ จิตสงบเห็นธรรมดาใจเย็นลง
หัดใช้จิตในการบำเพ็ญกว้าง หัดไม่สิ่งทุกอย่างระแคะระคายหลง
ใดเป็นกิเลสใช้เหมือนไม่ประสงค์ ธรรมตรงตัวดุจน้ำดับกระหาย
ถูกดันให้วิ่งกลิ้งบนทาง รอคนผลักระวังไม่ไปไหน
เพียงแต่เหนื่อยเดินเองรู้สึกได้ น้ำในบอนใบใหญ่ไร้มลทิน
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหันเซียงจื่อ
มีใครเปลี่ยนใจอยากอยู่ครบสองวันบ้างไหม หรือใครตัดสินใจอยู่วันเดียวก็จะอยู่แค่วันเดียว เคยได้ยินไหม ความรู้ก่อให้เกิดปัญญา ใช่หรือไม่ (ใช่)  หมายความว่าคนหน่ายการเรียนรู้หน่ายการศึกษา ก็คือคนที่พร้อมจะด้อยปัญญา อับจนปัญญา ถูกหรือไม่ (ถูก)  มีใครตั้งใจว่าจะอยู่ครบสองวันก็จะอยู่ครบสองวันบ้าง เมื่อสักครู่คุยกับเราไว้ว่าการเรียนรู้ทำให้เกิดปัญญา ถ้าหน่ายเรียนรู้ก็หน่ายการมีปัญญาถูกหรือเปล่า (ถูก)
ฉะนั้นถ้าเราอยากเป็นคนอยู่ในโลก การมีปัญญาดีก็คือการที่เราต้องรู้จักขยันเรียนรู้ขยันศึกษา เมื่อไรที่เราขี้เกียจศึกษา ขี้เกียจเรียนรู้ คนๆ นั้นก็พร้อมจะขี้เกียจมีปัญญา ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วเราขี้เกียจฟังไหม (ไม่)  อยากฟังหรือเปล่า (อยาก)  ถ้าเราไม่พูดอย่างนี้ท่านก็คงบอกว่าเมื่อไหร่จะจบเสียที ใช่ไหม (ใช่, ไม่ใช่)
เราอยู่ในโลกไม่มีใครหรอกที่อยากโดนว่าเป็นคนด้อยปัญญา เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา ไม่มีใครอยากโดนว่าแบบนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการที่เรารักเรียนรู้ทำให้เรามีปัญญาเพิ่มขึ้น ทำไมเราถึงไม่เอา จะรอให้คนว่าแล้วเราค่อยมาศึกษาเรียนรู้ ทันหรือเปล่า (ไม่ทัน)  เราถามคำถามง่ายๆ นะ ท่านก็ว่าท่านเป็นผู้มีความรู้กันไม่มากก็น้อยถูกหรือไม่ (ถูก)  ถ้าเราถามคำถามง่ายๆ ว่า “ต้นไม้คืออะไร” ตอบเราได้ไหม
(ธรรมชาติ)  อย่างนั้นแปลว่าทุกๆ อย่างที่เป็นธรรมชาติก็คือต้นไม้ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  เห็นไหมว่าสิ่งที่รู้แม้จะพูดออกมาว่าเรารู้ แต่พอพูดออกมาแล้วก็อาจจะกลายเป็น (ไม่รู้)  อย่างนั้นลองตอบเราได้ไหม
(ต้นไม้คือสิ่งที่มีชีวิตและมีการเจริญเติบโตขึ้นมา)  อย่างนั้นแปลว่า มนุษย์ก็คือต้นไม้ ใช่ไหม (ไม่ใช่)  เห็นไหมว่าแค่คำว่าต้นไม้ ทุกคนรู้จักไหม (รู้จัก)  ไหนลองอธิบายให้เราฟัง ถ้าเราเป็นคนที่ไม่รู้จักต้นไม้ ท่านจะบอกว่าต้นไม้คืออะไร
(ต้นไม้คือการเกิด)  อย่างนั้นสิ่งใดที่เกิดสิ่งนั้นก็จะมีต้นไม้อยู่ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  เห็นไหมว่าแค่คำว่าต้นไม้คำเดียว เราบอกว่าเรารู้แล้ว แต่ถามดูสิว่าผู้ที่พูดว่ารู้ สามารถนิยามคำว่า “ต้นไม้” ให้ชัดเจนสำหรับคนที่ไม่รู้ได้หรือไม่
(ต้นไม้คือพืชที่ดำรงอยู่บนโลก, ต้นไม้คือสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ)  ท่านก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติใช่ไหม ต้นไม้คือพืชใช่หรือไม่ (ใช่)  นิยามแคบลงมาแล้ว ทำให้เรามองเห็นว่าสิ่งใดที่เป็นพืชสิ่งนั้นเป็นต้นไม้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อย่าลืมว่าต้นไม้เกิดจากเมล็ดพันธุ์เมล็ดหนึ่ง ถ้าท่านบอกว่า “ต้นไม้คือพืช”  แล้วถ้าท่านชวนลูกไปปลูกต้นไม้ แล้วบอกว่าลูกเราไปปลูกต้นไม้กัน แต่ท่านหยิบเมล็ดไป เด็กจะสงสัยไหม (สงสัย)  เด็กก็จะสงสัยแล้วถามว่า พ่อนี่ไม่ใช่พืชนี่แต่เป็นเมล็ดพันธุ์  ฉะนั้นถึงแม้เราจะพูดว่าเรารู้ เราเข้าใจ เรามีปัญญา แต่ถึงเวลาแค่เรื่องต้นไม้ต้นเดียว เรายังไม่สามารถให้คำจำกัดความได้อย่างแจ่มชัดสำหรับคนที่ไม่รู้ ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วเราจะพูดว่าเรารู้จริงหรือไม่ เราบอกว่าเราเป็นผู้รู้ได้หรือไม่
ฉะนั้นสิ่งที่เรารู้ เรารู้เพียงแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต ส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง เพราะขึ้นชื่อว่าชีวิตและสรรพสิ่ง คือสิ่งที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ เมล็ดก็คือต้นไม้ ต้นไม้คือสิ่งที่ลำต้นใหญ่ มีพุ่มไม้ใหญ่ๆ แล้วบอกว่าอันนี้คือต้นไม้ แต่ถ้าเกิดเราไปเจอต้นหญ้าเล็กๆ เราบอกลูกว่านี่ก็ต้นไม้เขาจะเข้าใจไหม (ไม่เข้าใจ)  เพราะพ่อนิยามว่าต้นไม้คืออย่างนี้ ต้นใหญ่ๆ มีพุ่มใหญ่ๆ ฉะนั้นฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น
ถามว่ามนุษย์รู้และเข้าใจชีวิตกันหรือยัง เรารู้และเข้าใจธรรมะมากพอแล้วหรือ เราบอกว่า “ธรรมะอย่าพูดเลย ฉันรู้แล้ว ชีวิตหรือ ฉันก็เข้าใจแล้ว” แต่ถามจริงๆ ชีวิตคืออะไร ธรรมะเกี่ยวอะไรกับชีวิต แล้วทำไมวันนี้ท่านต้องมานั่งทนฟังธรรมะ แล้วช่วยอะไรชีวิตเรา ตอบได้ไหม ไม่รู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทั้งที่ตัวเองก็ว่ารู้จักชีวิตมาเยอะแล้ว แต่ชีวิตทำไมต้องมีธรรม แล้วธรรมเกี่ยวอะไรกับชีวิต ชีวิตไม่ต้องมีธรรมก็ได้ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)
อย่างนั้นเราถามคำถามง่ายๆ ก่อนจะถามคำถาม เราถามท่านว่าท่านเคยเห็นไหม ทำไมคนบางคนเกิดมาวาสนาดี เกิดมาพร้อม บนกองเงินกองทอง เกิดมาอยากจะได้อะไรก็ซื้อได้หาได้ง่าย แต่คนบางคนกว่าจะได้อะไรสักอย่างหนึ่ง ต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาด กว่าจะเรียกได้ว่าจับเงินได้จริงๆ เหมือนจะจับได้แต่ก็จับไม่ได้สักที ทำไมคนสองคนที่เกิดมาบางทีพร้อมๆ กัน เหมือนเราอยู่กับเพื่อน เรียนมาก็ไม่ต่างกันแต่ทำไมคนนี้ไปได้ไกล แต่ทำไมเราย่ำอยู่กับที่
(บุญและวาสนาไม่เหมือนกัน)  ทำไมถึงต่างกันอย่างนั้น เรียนเหมือนๆ กัน แถมบางทีฉลาดน้อยกว่าเราด้วย แต่ทำไมไปได้สูงกว่าเรา ทั้งที่เราว่าเราเก่งกว่า ขายของเหมือนๆ กันแต่ทำไมร้านนั้นขายดีกว่า ร้านเราขายไม่ดี มีเงินเหมือนๆ กัน ทำไมบางคนจับเงินได้อยู่ เก็บเงินได้เก่ง แต่ทำไมเราจับเท่าไรก็มีอันต้องหายไปทุกที อะไรทำให้คนเราแตกต่างกันอย่างนั้น คิดออกไหม
(บุญวาสนาที่สร้างสมมา)  ท่านตอบว่าบุญวาสนาใช่ไหม (ใช่)  ทุกคนจะตอบว่า “เพราะว่าทำบุญมาต่างกัน”  อย่างนั้นแปลว่าชีวิตนี้เราวาสนาไม่ค่อยดี เพราะว่าชาติที่แล้วเราทำบุญมาน้อย อย่างนั้นชีวิตนี้อยากจะมีบุญวาสนาเยอะๆ เราต้องทำชาตินี้ให้เยอะๆ เพื่อชาติหน้าเราจะได้มีบุญวาสนา ใช่หรือไม่ (ใช่)  แปลว่าชาตินี้อับวาสนาแน่ๆ ถูกหรือเปล่า (ไม่)  เมื่อสักครู่ท่านพูดเองว่า “เพราะชาติที่แล้วทำมาไม่ดี ชาตินี้เลยไม่ค่อยมีวาสนา”  ฉะนั้นอยากมีวาสนาดี อย่างนั้นต้องทำบุญใส่บาตรเยอะๆ เผื่อจะทันชาตินี้ ถ้าชาตินี้ไม่ทันก็ไปชาติหน้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเดี๋ยวนี้คนบางคนพยายามทำบุญเยอะๆ เพราะว่าชาติหน้าฉันจะได้รวยๆ ชาติหน้าฉันจะได้วาสนาดี แต่ชาตินี้ช่างมันเถอะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ชาตินี้ทำไม่ทันแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)
เราจะบอกให้ว่า คุณธรรมสำคัญกับชีวิตที่ตรงไหน ท่านเคยได้ยินไหมว่า คุณธรรมไม่มีบารมีไม่เกิด คุณธรรมเป็นบ่อเกิดของบุญทานวาสนา ผู้ใดมั่นคงในคุณธรรม ผู้นั้นย่อมบังเกิดบุญทานวาสนา ผู้ใดไร้ความมั่นคงในคุณธรรม ผู้นั้นบุญวาสนาย่อมไม่มีวันเกิด แล้วรู้อีกไหมว่า ผู้ใดรู้ในคุณธรรม ผู้นั้นเวรกรรมย่อมคลี่คลาย เข้าใจหรือยังว่าชีวิตไยต้องมีธรรม เข้าใจไหม (เข้าใจ)  พอจะเข้าใจหรือยัง ฉะนั้นทำไมเราถึงต้องมีธรรม ไม่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้ธรรมก็เกิดได้ บุญวาสนาก็เปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเรารู้จักเปลี่ยนแปลงควบคุมตัวเองให้มีธรรม ฉะนั้นพอเข้าใจหรือยังว่าชีวิตทำไมเราจึงต้องศึกษาเรียนรู้ธรรม
เริ่มต้นพอเข้าใจไหม เหมือนวันนี้ถ้าท่านมานั่งฟัง ขาดความมุ่งมั่นตั้งใจ ฟังก็ฟังไม่จบหรอกจริงไหม แค่ฟังตอนต้นก็รู้แค่เพียงว่า หัวข้ออะไร จากนั้นใจความจำไม่ได้เลย เรารู้ว่าการนั่งอย่างนี้เป็นเรื่องยาก และก็เหนื่อย ขัดใจท่าน ใช่ไหม (ใช่)  ไม่ชอบคนที่โกหกฉะนั้นอย่าโกหกตัวเอง ไม่อยากให้คนอื่นโกหกเรา เราก็อย่าโกหกตัวเองก่อน อยากได้คนจริงใจตัวเราเองต้องกล้าที่จะจริงใจก่อน ฉะนั้นเหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย)  ไม่เหนื่อยก็จัดชั้นเพิ่มจากสองวันเป็นสามวัน ดีไหม (ดี)  จากหนึ่งวันเพิ่มเป็นสองวัน ได้ไหม (ได้)  มีคนไม่ตอบ ถ้าไม่เหนื่อยก็แสดงว่าต้องสู้ไหว แต่สู้ไหวแค่วันนี้จบแล้วจบกันหรือเปล่า หรือว่าสู้ไหวแล้วสองวันนี้เป็นแค่เริ่มต้น ต่อไปก็ยังสู้ต่อไปอีก ชีวิตนี้อยู่ในกำมือของตัวเราเอง
ฉะนั้นจะดีหรือร้าย จะได้หรือเสีย จะทุกข์หรือสุข ไม่ใช่ฟ้ากำหนด แต่อยู่ที่ตัวเรากำหนด ไม่ใช่อยู่ที่หมอดูทำนาย แต่อยู่ที่เรากำหนดชีวิตและทำนายชีวิตเราเอง เราบอกท่านแล้วว่า คุณธรรมสำคัญกับชีวิต เพราะมีคุณธรรมจึงเกิดมีบุญวาสนา เพราะมีคุณธรรมเวรกรรมจึงได้คลี่คลาย มนุษย์ทุกคนอยากมีวาสนาที่ดี มนุษย์ทุกคนอยากพ้นเวรพ้นกรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นคุณธรรมไม่ควรทอดทิ้ง คุณธรรมไม่ควรดูดาย แล้วคุณธรรมอยู่ที่ไหน (อยู่ที่ใจ, อยู่ที่การกระทำ)  อยู่ที่ใจ อยู่ที่การกระทำ ถูกไหม (ถูก)  คุณธรรมอยู่ที่ใจ หรืออยู่ที่การกระทำ (ทั้งสองอย่าง)  ถ้าใจไม่มีคุณธรรมก็แสดงออกมาเป็นการกระทำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คุณธรรมอยู่ทั้งที่ใจและการกระทำ แล้วคุณธรรมมีอะไรบ้าง คุณธรรมอะไรที่สามารถทำให้เรามีบุญวาสนา แล้วละลายคลี่คลายเวรกรรมได้
(ความกตัญญูรู้คุณ)  พุทธะศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์มีคุณธรรมสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ถึงจะเป็นพุทธะได้คือ ความกตัญญูรู้คุณ ไม่ใช่แค่บิดามารดา แต่ใครที่สอนแล้วนำพาชีวิต ใครที่สอนแล้วเป็นครูชีวิต เขาก็ตอบแทนบุญคุณ ใครที่ทำดีกับเขาแม้เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็รู้คุณคน คนเช่นนี้ย่อมสามารถเป็นที่รักของทุกๆ คน ไปอยู่ที่ใดใครๆ ก็รัก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะไม่ลืมบุญคุณคน ถูกหรือเปล่า (ถูก)
คุณธรรมสำคัญขนาดไหน ทำไมเราต้องมีคุณธรรม เรายกตัวอย่างง่ายๆ ท่านเคยเห็นน้ำที่สะอาดไหม (เคย)  น้ำสะอาดคนย่อมอยากดื่มกิน อยากนำมาชำระล้าง แม้กระทั่งหน้าของเราที่อยู่สูงที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าน้ำสกปรกหน้าเราก็ยังไม่อยากจะให้สัมผัสโดน ตัวเรา เท้าเรา ก็ไม่อยากให้โดน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นแปลว่าน้ำเป็นตัวบ่งบอกให้เรารู้ว่า คนถ้าประพฤติดี คนย่อมเคารพนับถือ คนถ้าประพฤติไม่ดี คนย่อมถูกดูถูกเหยียดหยาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  เฉกเช่นเดียวกับน้ำ ฉะนั้นมนุษย์เราก็เหมือนกัน ทำไมจึงกลายเป็นคนมีวาสนาดี ทำไมจึงกลายเป็นคนจากวาสนาไม่ดี กลายเป็นคนวาสนาดีได้ เป็นที่รักได้ ก็เพราะว่าอยู่ที่เขาประพฤติปฏิบัติเช่นไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ดังคำกล่าวต่อไปอีกว่า ครอบครัวถ้าไม่ทำลายกันเอง ผู้อื่นจะทำลายครอบครัวได้ไหม (ไม่ได้)  คนถ้าไม่ดูถูกเหยียดหยามตัวเอง ผู้อื่นจะดูถูกเหยียดหยามเราได้ไหม (ไม่ได้)
เฉกเช่นเดียวกัน ถ้ามนุษย์รู้จักส่งเสริมตัวเองให้ดีในด้านคุณธรรม ไม่บกพร่อง ฟ้าจะทำให้เขาอับจนได้ไหม (ไม่ได้)  ก็ไม่ได้เหมือนกันใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือมองใกล้ๆ เข้าไปอีก อย่างเช่น ถ้าผู้ปกครองถือการปกครองด้วยทศพิศราชธรรม ราษฎรทุกคนย่อมอวยชัยให้ท่านอายุยืน ถูกไหม (ถูก)  อยากให้ท่านแข็งแรง ป่วยขนาดไหนก็ยังอวยพรให้ท่านคงอยู่แข็งแรงต่อไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนที่เป็นเจ้าใหญ่นายโตมีตำแหน่งดี แต่ถ้าเกิดว่ามีคุณธรรมเสริมเข้าไปอีก ใครๆ ก็อยากให้เขาเป็นเจ้าใหญ่นายโตต่อไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใครๆ ก็อยากเผยแพร่ความดีให้เขา บอกว่าคนนี้ดีจังเลย ไม่ต้องยกยอตัวเอง คนก็ช่วยแพร่กระจาย ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฉะนั้นแปลว่ามนุษย์คนหนึ่ง อยากอายุยืน อยากเป็นที่รัก อยากครอบครัวร่มเย็น อยากให้ใครๆ ในโลกไม่โกงเรา เอาเปรียบเรา ซื่อตรงกับเรา และทำอะไรก็ขอให้มีปัญญาในการดำเนินชีวิต สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นที่ปรารถนาของทุกๆ คน และใครๆ ก็อยากมี แล้วจะมีได้ก็ต่อเมื่อเขาต้องดำรงไว้ซึ่งคุณธรรมคู่ชีวิต ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วคุณธรรมที่ควรคู่ชีวิตแล้วทำให้เราอายุยืน เป็นที่รัก ไม่มีใครอยากคดโกง มีปัญญาดี และครอบครัวร่มเย็นผาสุก เราจะทำได้อย่างไร แล้วคุณธรรมอะไร ที่เราควรจะมีคู่ในชีวิตของเรา กตัญญูอย่างเดียว ใช่ไหม (ไม่ใช่)  มีอะไรอีก
(ความจริงใจ ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น)  ความซื่อตรง จริงใจ ไม่อยากให้คนอื่นคดโกง หลอกลวง สิ่งที่เราไม่ควรขาดในชีวิตคือ ความจริงใจ แล้วจริงใจคำเดียวพอไหม (ไม่พอ)  ต้องเป็นคนที่พูดได้ทำได้ แล้วเราจะเจอคนจริงตลอดชีวิต เพราะเราทำจริง แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม เราพูดจริงทำจริงหรือเปล่า ฉะนั้นชีวิตบนหนทางนี้ ต่อไปนี้จะมีคนโกงเราหรือไม่โกง ถามเราก่อนว่าเราพูดคำไหนแล้วเป็นคำนั้นไหม เรารักษาคำพูดไหม พูดว่าจะทำแล้วเราทำได้ไหม ถ้าพูดว่าจะทำแต่ทำไม่ได้ เจอคนที่บิดพลิ้วอย่าไปว่าเขา เพราะเราเคยบิดพลิ้วก่อน ฉะนั้นการที่เขาบิดพลิ้วกลับไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเราทำเขาก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราชอบคนจริงใจแล้วเราจริงใจไหม เราหลอกลวงหรือเปล่า เห็นไหมว่าบุญวาสนา เวรกรรม ไม่ได้ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้ทำได้ก็เจอได้
แล้วคุณธรรมนั้นอยู่ที่ใด เรารู้ว่าอยู่ที่ใจ เรารู้ว่าอยู่ที่การกระทำ เรายกตัวอย่างง่ายๆ เวลาเห็นคนประสบอุทกภัย บ้านหายไปทั้งหลัง หรือเวลาเห็นคนร้องไห้ ลึกๆ เราสงสารไหม (สงสาร)  เจอเด็กหกล้มตรงหน้า ลึกๆ เราอยากดึงให้ลุกขึ้นและปลอบโยนไหม (อยาก)  ตอนนั้นเราปลอบโยนเขาเพราะต้องการให้คนชมว่าเราเป็นคนดี ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  เรานำเงินไปช่วยเขา เรานำเงินไปทำบุญ เพราะอยากให้คนชมว่าเราเป็นคนใจบุญ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  แต่พอเราเริ่มรู้จักทำครั้งหนึ่ง พอมีคนมาชม ทำไมเรากลายเป็นติดคำชม จริงๆ แล้วจิตแรกเดิมของมนุษย์มีจิตใจที่เมตตาสงสารทุกๆ คน แต่พอได้รับคำชมหน่อย เรากลายเป็นทำเพราะได้คำชม แต่ลึกๆ ครั้งแรกที่เราตัดสินใจทำ เพราะว่าต้องการคนชมไหม (ไม่ใช่)  นั่นแหละจิตใจเมตตาสงสาร ไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่อยากเห็นคนตกทุกข์ได้ยากต่อหน้า นี่แหละคือคุณธรรมที่มีอยู่ในใจของท่าน เห็นใครเดือดร้อนตรงหน้าใจลึกๆ ท่านสงสารไหม (สงสาร)  ใจลึกๆ ท่านอยากช่วยไหม (อยากช่วย)  แต่บางครั้งความสงสารหายไปทันทีเพราะอะไร เพียงเพราะว่าเงินทอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
คุณธรรมเป็นบ่อเกิดของบุญทานวาสนา คนใดลุคุณธรรมเวรกรรมย่อมได้คลี่คลาย แต่ถ้าไม่มั่นคงในคุณธรรม บุญวาสนาก็ไม่เกิด แล้วคุณธรรมมีอยู่ในตัวเราไหม เราอยากจะบอกว่ามี แล้วมีอะไรบ้าง ไม่ยากเลย มนุษย์เรามีจิตสงสารผู้อื่นไหม (มี)  จิตที่รู้จักสงสารผู้อื่นเรียกว่า “เมตตาธรรม” เรามีจิตละอายเกรงกลัวต่อบาปไหม (มี)  บางคนบอกว่า “ทำดีทำยาก ทำชั่วทำง่าย” เราถามท่านว่า วันนี้ออกไปจากห้องเจอใครเราก็เดินไปด่าเขา กับเจอใครแล้วเราเดินไปอวยพรเขา อะไรง่ายกว่ากัน (อวยพร)  ไหนบอกว่าทำดีทำยาก แล้วเป็นไหมไม่ว่าตั้งแต่เด็กทำผิดอะไร แก่จนหัวหงอกแล้วยังจำได้เลยว่า ตอนเด็กเคยขโมยเงินพ่อแม่ จำได้ไม่ลืม ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรกลัวอย่างไรตอนนี้ก็ยังสัมผัสได้ ให้ทำอีกเอาไหม (ไม่เอา)  นั่นแหละจิตใจที่รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาป เรียกว่า “มโนธรรมสำนึกอันดีงาม”
ถ้ามนุษย์มีเมตตา มีมโนธรรมสำนึก และพยายามขยายเมตตาและมโนธรรมสำนึกอยู่ตลอด เราหรือจะเป็นคนดีไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คุณธรรมมีแค่สองอย่างนี้ไหมในใจของเรา (ไม่ใช่)  ยังมีอะไรอีก ถามท่านนะ แม้ขนาดเป็นนักเลงหัวไม้ ถ้ามีใครเรียกว่า ลูกพี่ นักเลงหัวไม้คนนั้นดีใจไหม (ดีใจ)  เพราะได้รับคนชมยกย่องให้เป็นลูกพี่ ผมขอเป็นลูกน้องของลูกพี่หน่อยได้ไหม แปลว่าหัวอกของมนุษย์ทุกคน ลึกๆ ชอบคนให้เกียรติ เคารพรัก สุภาพอ่อนน้อม ฉะนั้นแปลว่าในใจลึกๆ ของเราทุกคน แม้ขนาดเป็นคนไม่ดี แต่ถ้ามีคนให้เกียรติก็ชอบ
ฉะนั้นถ้าเราแผ่ขยายจิตใจที่รู้จักให้เกียรติคน สุภาพกับคน อ่อนน้อมกับคน มีหรือจะไม่เป็นที่รัก ใช่ไหม (ใช่)  ถามตัวท่านอะไรผิดอะไรถูกเรารู้ไหม (รู้)  ด่าพ่อแม่ผิดหรือถูก (ผิด)  นินทาครูบาอาจารย์ผิดหรือถูก (ผิด)  แล้วเราทำไหม (ทำ)  ใครบ้างไม่เคยนินทาเพื่อนเลยยกมือขึ้น เพื่อนเรานินทาไหม (นินทา)  ลูกเรานินทาไหม (นินทา)  สามีเรานินทาไหม (นินทา)  แล้วผิดไหม (ผิด)  ท่านรู้ไหมคนที่รู้จักผิดชอบชั่วดี และรักษาผิดชอบชั่วดียิ่งชีวิต คนนั้นจะบังเกิดปัญญา แต่ถ้าเกิดคนรู้ว่าอะไรผิดแล้วยังทำ คนนั้นปัญญาจะไม่ค่อยมี สังเกตไหม เรามีปัญญาไหม คิดอะไรออกไหม (ไม่ออก)  เพราะชอบนินทาใช่หรือเปล่า (ใช่)  พอรู้ผิดแล้วไม่ยอมเลิก ถูกไม่รู้จักกระทำ
ฉะนั้นรู้จักผิดชอบชั่วดี จะเกิดปัญญาธรรม รู้จักสัมมาคารวะสุภาพอ่อนน้อม จะเกิดจริยธรรม รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาป จะเกิดมโนธรรม รู้จักสงสารเห็นผู้อื่นตกทุกข์ได้ยากไม่เบียดเบียนทำร้าย จะเกิดเมตตาธรรม รู้จักพูดคำไหนคำนั้นไม่หลอกลวงใคร จริงใจ ไม่โกหกหลอกลวง คนนั้นจะเกิดสัตยธรรม และถ้าเกิดคนทำได้ครบห้าข้อ คนนั้นก็คือคนรักษาศีลห้า ไม่ฆ่าสัตว์ก็คือทำให้อายุยืน ไม่เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น ไม่ทำให้คนอื่นได้ทุกข์แต่ตัวเองมีสุข คนนั้นย่อมเป็นที่สรรเสริญ ใครๆ ก็อยากให้อายุมั่นขวัญยืน อยู่กับใครทำงานให้กับใคร มีแต่เมตตารักมีแต่ให้ มีใครบ้างไม่อยากให้เราอยู่กับเขานานๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นแค่รู้จักเมตตาสงสาร อายุท่านก็จะยืนเป็นหมื่นปี เอาไหม (ไม่เอา)  หมื่นปีไม่เอา ใช่หรือไม่ แค่ขนาดห้าสิบปี หกสิบปี ก็ไม่ไหวแล้ว ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้ามนุษย์เรารู้จักมโนธรรมสำนึก ไม่ผิดลูกผิดเมียคนอื่น คนนั้นจะครอบครัวร่มเย็น อยากครอบครัวร่มเย็นไหม อยากให้บ้านมีความสันติสุขไหม (อยาก)  ฉะนั้นเราก็อย่าผิดต่อมโนธรรมสำนึกในใจของเรา อยากเป็นที่รักและเคารพของใครๆ ไหม (อยาก)  อย่างนั้นท่านต้องรู้จักให้เกียรติและเคารพคน นั่นก็คือไม่ผิดลูกผิดเมียเขา ให้เกียรติเคารพเขา ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ศีลธรรม ๕ คุณธรรม ๕ ผล
  1. ไม่ฆ่าสัตว์ เมตตาธรรม ย่อมอายุยืน
  2. ไม่ลักทรัพย์ มโนธรรมสำนึกอันดีงาม ย่อมไม่ถูกคนคดโกง
  3. ไม่ผิดลูกผิดเมีย จริยธรรม ครอบครัวร่มเย็น
  4. ไม่พูดปด สัตยธรรม (สัจจะ) เป็นที่เคารพรัก
  5. ไม่ดื่มสุราของเมา ปัญญาธรรม มีสติ มีปัญญาดี
ท่านนับถือศาสนาพุทธ ใช่หรือไม่ (ใช่)  พระพุทธองค์เคยกล่าวไว้ว่า “ผู้เกษมคือผู้ไม่มีเวรไม่มีภัย”  คนใดที่ไม่มีเวรไม่มีภัย คนนั้นถึงซึ่งความเกษม “เกษม” แปลว่า ความสุขสราญใจ แล้วไม่มีเวรคืออะไร คือ ไม่ผิดศีลห้า เมื่อไม่มีเวรย่อมไม่มีภัย เมื่อไม่มีเวรไม่มีภัย ผู้นั้นย่อมถึงซึ่งความเกษมสำราญใจ อย่ามองแค่ว่า คุณธรรม ศีลธรรม ไม่สำคัญกับชีวิต จริงๆ สำคัญยิ่งชีวิตเพราะช่วยกำหนดชีวิตได้ด้วย ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นอย่าได้มองข้าม
เวรเกิดจากการเบียดเบียนฆ่าสัตว์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ประพฤติผิด พูดปดโกหกเขา ดื่มสุราเมรัย ล้วนเป็นต้นเหตุของการก่อเวรก่อภัย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเรารักษาศีลห้าครบ รักษาคุณธรรมห้าได้บรรลุ เราก็จะไม่มีเวรไม่มีภัย แต่มีชีวิตที่ถึงซึ่งความสุข ไม่ฆ่าสัตว์ มีเมตตาย่อมอายุยืน ไม่ลักทรัพย์มีมโนธรรมสำนึกดีงาม ย่อมไม่ถูกคนคดโกง ไม่ผิดลูกผิดเมียมีจริยธรรมย่อมทำให้ครอบครัวร่มเย็น ไม่พูดปดรักษาสัตยธรรม ย่อมเป็นที่เคารพรัก เกิดเป็นคนเราอยากจะมีอยากอายุยืน ครอบครัวร่มเย็น เป็นที่เคารพรัก มีปัญญาดี แล้วถ้าไม่ลักทรัพย์มีมโนธรรมสำนึกย่อมเข้าถึงอะไร ไม่ถูกคนคดโกง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราทำงานอะไรก็อยากได้คนซื่อสัตย์ ซื่อตรง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะเราไม่เคยไปติดหนี้เวรกรรมกับใคร ไปเอาของใครมาแล้วไม่ยอมจ่าย เรากลัวอย่างนั้นไหม (กลัว)  แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม (ไม่เป็น)  ไม่เป็นชาตินี้แต่อาจจะเป็นในชาติที่แล้ว เลยเจอคนที่ทุจริตทำงานร่วมด้วยประจำ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นต่อไปเราอยากมีชีวิตที่เจอแต่คนจริงใจ เราต้องใช้ความจริงใจตอบ เผื่อจะแปรเปลี่ยนคนไม่ดีให้กลายเป็นคนดีได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นพระพุทธะจึงกล่าวไว้ว่า มนุษย์เราถ้าสามารถมีจิตใจทั้งห้าได้ครบ เปรียบเหมือนแขนขาและลำตัว มีหรือจะเป็นคนดีคนหนึ่งในโลกไม่ได้ แต่ถ้าในห้าข้อนี้ ยังรักษาไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว แม้พ่อแม่เขาก็ไม่มีวันดูแลได้ ฉะนั้นอย่ามองข้ามศีลและธรรมของความเป็นคน นี่คือศีลธรรมของความเป็นคนเชียวนะ และถ้าทำได้ถึงความเป็นคน ท่านก็จะไม่ต้องกลัวเลยว่าเภทภัยจะมา เพราะว่าท่านสามารถละลายเภทภัยได้ด้วยตัวเอง และสามารถชดใช้กรรมได้ด้วยตัวเอง ถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นการเป็นคนดีจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนมักจะเพียรถามเสมอๆ ว่าเป็นไปเพื่ออะไร เคยไหมที่คิดว่าจะทำดีไปทำไม ไม่ต้องเพื่ออะไรหรอก เพื่อตัวเอง ความดีย่อมคุ้มครองคนที่รักษาความดี เหมือนธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราไม่ได้ทำดีเพื่อต้องการสิ่งตอบแทน หรือทำดีเพราะต้องการคนชม แต่เราจงเข้าใจให้ดีว่า เราทำดีเพื่อชีวิตเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วนิสัยของคนทำดีที่เราต้องระมัดระวังที่สุดคืออะไร รู้ไหม แต่มนุษย์มักจะไปไม่ถึงความดี เพราะเป็นอะไรรู้ไหม คนดีมักชอบหัวแข็งไม่ฟังใคร บางคนบุญก็ทำ ทานก็ทำ ไม่เคยแห้งแล้งบุญทาน แต่ถามว่าเป็นคนที่รับฟังคำพูดคนไหม คนดีถ้าไม่รับฟังคำพูดคน เชื่อมั่นแต่ความคิดตน แล้วเอาความคิดตนเป็นบรรทัดฐานวัดผู้อื่น คนนั้นก็ดีไม่รอด จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นถ้าเป็นคนดีแล้วไม่ฟังใคร ขาดความสุภาพอ่อนน้อมก็เป็นคนดีได้ไม่รอด แล้วมนุษย์ถ้าเป็นคนดีอย่างหนึ่งคือ ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาร้ายตอบ นี่หรือคือนิยามของคนดี ถูกไหม (ไม่ถูก)  แล้วท่านเคยได้ยินไหมว่า อย่าทำสุนัขจนตรอกไม่อย่างนั้นจะถูกแว้งกัดเอา ถึงท่านจะเป็นคนดีขนาดไหน แต่พอเขาชั่วมาท่านชั่วกลับ เขาร้ายมาท่านร้ายกลับยิ่งกว่า คนดีก็วิบัติได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นร้ายมาต้องดีตอบด้วยความอดทน เพราะคนที่สามารถอดทนอดกลั้นกับคนที่ประพฤติไม่ดีได้ เขาย่อมช่วยละลายหนี้บาปเวรกรรมท่านได้ แต่ถ้าเกิดเขาร้ายมาท่านร้ายกลับ ท่านกำลังผูกเวรกรรมไม่จบสิ้น
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องรู้จักระมัดระวังและสุขุมรอบคอบ ไม่อย่างนั้นคนที่ขีดเส้นชีวิตให้เป็นอย่างไร ไม่ใช่ฟ้าแต่คือตัวท่านเป็นคนลิขิตเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นคนดีคือคนที่รู้จักสุภาพ อ่อนน้อม ยอมได้เป็นยอม ให้ได้เป็นให้ ถือความเมตตาเป็นหลัก จงเอาไปใช้เถอะนะ มีประโยชน์และทำให้ชีวิตผาสุก แต่จงทำด้วยความไม่ยึดมั่นถือมั่น ใช่ไหม (ใช่)
คุณธรรมเป็นบ่อเกิดของบุญทานวาสนา คนใดลุคุณธรรมเวรกรรมย่อมคลี่คลาย ไม่มั่นคงในคุณธรรมบุญวาสนาก็ไม่เกิด
เพราะมีจิตเมตตาเราจึงอยากทำบุญทำทาน แต่ถ้าไม่ลุถึงคุณธรรมความเมตตา เวรกรรมก็ย่อมไม่คลี่คลาย เหมือนถ้าเวลาท่านมีจิตเมตตาสงสาร เขาทำผิดไม่ดีกับเรา แต่ถ้าเราสงสารและมองว่าเพราะเขาหลงผิดไป เราก็ไม่ผูกกรรมกับเขาต่อ แล้วเราให้อภัยเขา เวรกรรมเราที่เคยผูกกับเขาก็ได้คลี่คลาย แล้วจบในฉับพลัน แต่ถ้าคุณธรรมของเราไม่ถึง ลุไม่ถึง พอเขาร้ายมา เราร้ายตอบ อย่างนี้เวรกรรมไม่ได้คลี่คลาย แต่เรากลับผูกเวรกรรมต่อ ฉะนั้นถ้าท่านเข้าใจคำว่า เข้าถึงคุณธรรม และท่านจะได้สามารถลุถึงคุณธรรม เวรกรรมย่อมคลี่คลายได้
วันนี้เรามาสั้นๆ แค่นี้ แค่นี้ยังจะจำไม่ค่อยได้เลยใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเราจึงบอกว่า อย่าหน่ายการศึกษาเรียนรู้ เพราะการศึกษาเรียนรู้เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา และปัญญาจะนำพาให้มนุษย์สามารถกำหนดและนำพาชีวิตให้พ้นทุกข์และไม่ก่อเวรก่อภัยได้  ฉะนั้นคุณธรรมสำคัญกับชีวิต อย่ามองข้าม อย่ามัวแต่สนใจว่าเรามาอย่างไร และกลับอย่างไรเลย สนใจตัวท่านเองดีกว่า จะกลับอย่างไร แล้วรู้ทางกลับของชีวิตและจิตใจหรือยัง อย่าคิดว่าชีวิตจบแล้วจบกัน ถ้ายามมีชีวิตอยู่ท่านก่อเวรก่อภัยไม่จบสิ้น ท่านยังโลภโกรธหลงไม่รู้จักพอ สิ่งนั้นจะเป็นต้นเหตุให้ท่านมีชีวิตแล้วชีวิตไม่จบสิ้น แต่จะมีภัยมีเวรไม่มีวันสิ้นสุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นชีวิตนี้ภัยไม่น่ากลัวเท่ากับตัวตนเองควบคุมตนเองไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ให้รักษาตนเองให้มีธรรม มีศีล ยังรักษาไม่ได้ ห้อยพระ ไหว้พระ จะมีประโยชน์อะไร ถ้าคุณธรรมยังไม่มีประจำใจ จริงหรือไม่ (จริง)
มีโอกาสคงได้กลับมาศึกษากันอีกนะ มีอะไรจะถามเราอีกไหม วันนี้เราคงมาผูกสัมพันธ์กันแค่นี้ มีโอกาสขอให้วันนี้เป็นแค่วันเริ่มต้น วันต่อไปขอให้กลับมาเพียรศึกษาธรรมไม่รู้หน่าย ปัญญาจะได้เกิด อย่าได้ดูเบาตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนโง่เขลา จริงๆ แล้วท่านสามารถเรียนรู้และเข้าถึงความพ้นทุกข์ได้ด้วยตัวตนเอง เรื่องการพ้นทุกข์ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม ขอเพียงควบคุมใจของตัวเองให้มีศีลธรรมก็พอ ความทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป จริงหรือไม่ (จริง)


วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ สถานธรรมเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง


จงยิ้มรับทุกเรื่องอย่างอารมณ์ดี แม้เรื่องที่ชวนหัวเสียก็ตามแต่
พูดโต้กลับก็มีแต่ยิ่งแย่ คนยิ่งแย่ยิ่งชอบคนนิสัยดี
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่พุทธสถานเซิ่งเต๋อ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์ไหม

ศิษย์รักบำเพ็ญเหมือนวันคืนเก่า พรักพร้อมกันอยู่ ต่างเป็นเช่นครูของ กันหมดหนา ไกลอาศัยตามใกล้ยิ้มทั้งตา ไม่ทำเฉยชา พัฒนาจิตเป็นจุดหมาย
ศิษย์รักนับวันแม้ตัวยังอยู่ คล้ายว่าใจสิ้น ดวงใจโบกบินลับตาหลุดผลุบหาย บำเพ็ญตั้งนานเหมือนลืมอะไร จะไกลหรือใกล้ ลัดนิ้วมือจะรู้ความจริง
อารมณ์และความดีประยุทธ์กัน มีศึกทุกวัน ใครบ้างทันชนะตนเอง ศิษย์คนบำเพ็ญ ร้องได้หลายเพลง เนื้อเรื่องจากเพลงแก้ไข
ศิษย์รักพักใจไม่ทำแรงหมด คดไปมานั่น ชีวีผกผันรู้ต้นด้นปลาย ความดีนิดเดียวใช้ความตั้งใจ อนาคตไกล ชนะใจสว่างทั้งโลก


ชื่อเพลง : ลัดนิ้วมือ
ทำนองเพลง : เช็ดน้ำตากับอกฉัน
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ดีใจที่จะจบสองวันหรือดีใจที่ได้เจออาจารย์ (ดีใจที่ได้เจออาจารย์)  จริงหรือ (จริง)  ตั้งแต่นั่งฟังมาก็คือรอแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาอย่างเดียว ที่เหลือไม่ได้ฟังอะไรเลย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  น่าเสียดายนะ ฟังไว้ก็ดีมีประโยชน์ไม่ใช่หรือ หรือฟังแล้วทำให้เรานั่งหลับดี เป็นเรื่องที่เชื่อยาก ใช่ไหม อยากจะเชื่อก็ไม่รู้จะเชื่อดีหรือเปล่า จะเชื่อก็กลัวโดนหลอก ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ขอถามหน่อยนะ ถ้าอาจารย์มาอย่างนี้ อาจารย์หลอกอะไรศิษย์ได้ หลอกเอาเงินศิษย์ได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วอาจารย์จะหลอกอะไร หลอกให้ศิษย์มาไหว้อาจารย์ ใช่ไหม ก็ไม่ใช่ ไม่อยากโดนคนหลอก
ฉะนั้นทำอะไรต้องรู้จักมีสติปัญญายั้งคิด ไม่ใช่คิดจะพูดก็พูด คิดจะเชื่อก็เชื่ออย่างนั้นก็ไม่ได้ ทำอะไรต้องรู้จักใช้ปัญญา มีสติ ถูกหรือไม่ (ถูก)  เมื่อวานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สอนเรื่องคุณธรรมแห่งความเป็นคน และในการอยู่ร่วมกับคน พอจำได้ไหม (จำได้)  ถ้าจำได้อาจารย์จะได้พูดต่อ แต่ถ้าจำไม่ได้อาจารย์จะได้ทวนให้อีกครั้งหนึ่ง จะให้พูดต่อหรือจะให้ทวน (ทวน)  ศิษย์ของอาจารย์รู้ดีทุกอย่างใช่ไหม อาจารย์ว่าบางทีก็เหมือนรู้ดีทุกอย่าง แต่ไม่รู้อย่างเดียวคือ ไม่รู้จักใจตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้ามนุษย์ทุกคนรู้จักใจตัวเองก็คงไม่ไปง้อหมอดูให้ดูตัวเองหรอก
“จงยิ้มรับทุกเรื่องอย่างอารมณ์ดี แม้เรื่องที่ชวนหัวเสียก็ตามแต่”
อาจารย์ถามหน่อยนะ “ถ้าอาจารย์มาแล้วหน้าไม่ยิ้มเลย เดินมาด้วยหน้าบึ้งๆ มองใครก็ตาขวางๆ” ศิษย์ชอบไหม (ไม่ชอบ)  เวลาเราเดินผ่านใครหรืออยู่ร่วมกับใครแล้วมีคนทำท่าอย่างนี้ใส่ศิษย์ ศิษย์ชอบไหม (ไม่ชอบ)  โดยส่วนใหญ่ตัวเรานั้นเวลาอยู่ร่วมกับคนในสังคม ยิ่งเจอคนแปลกหน้าศิษย์มักทำท่าอย่างไร (พยายามยิ้ม)  อาจารย์ว่าไม่ใช่พยายามยิ้มนะ ใช่ไหม (ใช่)  จงจำไว้ว่าไม่ว่าเราเจอเรื่องราวอะไรในโลกจงยิ้มเข้าไว้ เพราะรอยยิ้มนั่นจะชนะใจคนได้ และรอยยิ้มช่วยเบิกทางใจเราได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เบิกทางใจที่จะเข้าไปสู่ประตูใจเขาได้ใช่หรือเปล่า (ใช่)  หรือไม่ต้องเข้าไปแต่อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องโดยใช้สายตา ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเวลาอยู่ร่วมกับคนในโลก ยิ้มเป็นสิ่งที่ให้ง่ายที่สุดนะศิษย์นะ แม้ว่าไม่รู้จักก็ยิ้มไว้ อย่างน้อยเขาไม่รู้จัก กลับไปเขาก็ถามตัวเองว่า คนนั้นเขายิ้มให้ใคร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่รู้จักแต่จำได้แม่นเลย และสงสัยว่าเขายิ้มให้ใคร เขายิ้มให้เราหรือเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นจงใช้รอยยิ้มนั่นแหละเป็นสิ่งที่เอาไว้ผูกมิตร เป็นสิ่งที่ทำให้โลกนั้นสันติสุข ใช่หรือเปล่า (ใช่) แต่คนบนโลกสมัยนี้ยิ้มกันยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เจอหน้ากัน ก็คิดว่าเขาจะเอาอะไรจากฉัน ฉันจะเอาอะไรให้เขา อย่ามายุ่งกับฉัน ต่างคนต่างไป ใช่หรือเปล่า (ใช่)  พูดอย่างเดียวกลัวเขาจะมาเอาอะไรกับเรา ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ทั้งที่จริงๆ คนอื่นเขาก็คิด เขาจะมาทำฉันไหม ใช่หรือเปล่า ต่างคนต่างอยู่ด้วยความหวาดกลัว ต่างคนต่างอยู่ด้วยความระแวง ซึ่งจริงๆ แล้วมีชีวิตอยู่ระวังได้ แต่อย่าระแวง เพราะระแวงแล้วก็เหมือนคนที่เอาแต่คิดลบ ไปอยู่กับใครก็ไม่มีความสุข แต่ระวังก็คือไม่บวกไม่ลบ ปานกลาง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าระแวงแล้วลบอย่างเดียว ฉะนั้นแค่อ้าปากก็จะคิดว่าเขาจะขออะไรเราไหม ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอจะยิ้ม เขาอยากได้อะไรจากเราหรือเปล่า เราจะกลัวไปหมดเลย เพราะเราระแวง ถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นอยู่ร่วมกันยิ้มเข้าไว้ ดีหรือไม่ (ดี) (ยิ้มให้กับศัตรู)  ศิษย์ว่าศิษย์ยิ้มได้ไหมละ (ได้)  ศิษย์ต้องดูด้วยนะว่าศัตรูศิษย์นั้นบ้าขนาดไหน ถ้าเป็นศัตรูที่เห็นอย่างไรเขาก็เกลียด แค่ยิ้มเขาก็เกลียด จริงไหมละ (จริง)  เกลียดจนแบบหาดีไม่ขึ้น ถ้าศิษย์ยิ้มเขาต้องบอกว่ามาเยาะเย้ยอะไรฉัน ฉันมีอะไรผิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  คิดให้ดีๆ นะ ฉะนั้นเวลาเจอศัตรูคิดให้ดีๆ ก่อน ควรยิ้มหรือควรเฉย หรือควรต่างคนต่างไป เขาโกรธคน เขามองศิษย์ร้ายนะ ศิษย์จะยิ้มอย่างไรเขาก็มองศิษย์ (ร้าย)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วก็มองว่า เขาแอบเยาะเย้ยอะไรฉันหรือเปล่า ฉันมีอะไรให้เขาสงสัยหรือไม่ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นยิ้มก็ต้องรู้จักยิ้มให้ถูกที่ด้วย อาจารย์จึงอยากบอกว่า เราอยู่ในโลกนี้มนุษยธรรมเราต้องพึงรู้ ต้องพึงปฏิบัติ อยู่ร่วมกับคน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้ามนุษยธรรม หรือคุณธรรมความเป็นคนอย่างเดียว พอไหม (ไม่พอ)
แล้วยังมีอะไรอีกที่ศิษย์ต้องพึงสังวรและไม่ควรประมาทในช่วงที่มีชีวิต ยังมีธรรมอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรลืมในการดำเนินชีวิต ธรรมนั้นจะทำให้ศิษย์นั้นไม่ดำรงอยู่ในหนทางแห่งความตาย ธรรมนั้นจะสอนศิษย์ให้ไม่เป็นคนที่มีความยึดมั่นถือมั่นจนตกอยู่ในห้วงแห่งทุกข์ ถ้าศิษย์เห็นธรรมนั้นศิษย์จะพบพุทธะในตัวตน ธรรมนั้นเรียกว่าอะไร
เวลาพบคนด่า เราว่าเขาว่าเป็นคนนิสัยไม่ดี (ใช่หรือไม่)  แต่ถ้าเราด่ากลับ เราก็เป็นคนไม่ดีเหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าพบคนด่าแล้วเรานิ่งเฉย ให้อภัย เราก็เป็นคนดีที่ชนะใจตัวเราเอง และไม่แน่ถ้าเราอดทนได้ตลอดเราอาจจะชนะใจผู้อื่นได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)
อาจารย์รู้ว่าศิษย์ไม่เชื่อเรื่องเช่นนี้ แต่อาจารย์ก็ยังอยากมาผูกบุญสัมพันธ์กับศิษย์ เพราะในของปลอมย่อมมีของจริงสักอย่างหนึ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะในของเท็จก็ยังมีของดีอยู่ ใช่ไหม (ใช่)  ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักว่าของเท็จนั้นมีดี แล้วมนุษย์จะรู้หรือว่าของจริงนั้นดีขนาดไหน ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ยินดีต้อนรับไหม แต่มีบางคนหน้าตาไม่ค่อยจะยินดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ในโลกแห่งความทุกข์ก็มีความจริงแอบแฝงซ่อนอยู่ ในโลกแห่งความทุกข์ก็มีความสุขแอบแฝงซ่อนอยู่เช่นเดียวกัน แต่ใครที่จะมีปัญญาหาความสุขท่ามกลางความทุกข์ได้เจอ บางทีแก้ไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ก็ยิ้มให้กำลังใจกับตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะร้องไห้ไปก็มีแต่กลุ้ม วุ่นวายไปก็มีแต่เสียใจ ฉะนั้นหัวเราะกับเรื่องราวบางเรื่องที่บางทีมันแก้ไม่ได้ เหมือนคนเป็นหนี้ หนีอย่างไรก็ไม่พ้นการเป็นหนี้ มีแต่หัวเราะแล้วก็ใช้หนี้ไปเถอะ จริงไหม (จริง)  ฟังเหมือนน่าขำ น่าตลก แต่พอเจอจริงๆ ก็จุกอกเหมือนกัน
ธรรมในการครองครัวเรือนหรือ ต่างคนต่างช่วยตัวเองดีไหม พุทธะย่อมช่วยคนที่รู้จักช่วยตน เอาแต่วอนขอ แต่ไม่ลงมือกระทำ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหนช่วยหรอก ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นวันนี้จะได้นั่งหรือไม่ได้นั่งทุกคนต้องช่วยตัวเอง (สติสัมปชัญญะ)  แต่อะไรที่จะทำให้เรามีสติสัมปชัญญะได้อย่างแจ่มชัด คลี่คลายปัญหาทุกๆ อย่างได้ เราต้องตั้งตนไม่ประมาท ไม่ประมาทกับเรื่องอะไร เกิดเป็นคนต้องมีมนุษยธรรม ต้องดำรงธรรมในการอยู่ร่วมกับคนอื่น แล้วธรรมอะไรที่เป็นตัวทำให้เราไม่ประมาทเมื่ออยู่กับคน ไม่ประมาทเมื่อต้องอยู่กับตัวตน แล้วก็ไม่หลงยึดของที่ไม่น่ายึดเป็นของๆ ตน แล้วก็จะไม่ก่อให้เกิดความทุกข์ ธรรมเมื่อเรามองเห็น ธรรมนั้นจะทำให้เราเห็นความเป็นพุทธะในตัวตน นึกออกไหม
(รู้จักปล่อยวาง, ความละอายต่อบาป)  สิ่งที่ศิษย์ตอบคือ มนุษยธรรม แต่ยังมีคำที่มากกว่านั้น เป็นธรรมที่มีอยู่ในทุกๆ สิ่ง เป็นธรรมที่เมื่อไรมนุษย์เข้าถึงธรรมนี้ มนุษย์จะเข้าถึงภาวะความเป็นพุทธะ (คุณธรรม, สัจธรรม, ธรรมคุณ, ปัญญาธรรม, ความไม่แน่นอน)  เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอะไร (คุณธรรมทั้งห้า, พรหมวิหารสี่) อย่ามองไกลมองใกล้ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะพ้นทุกข์ล่วงทุกข์ได้ เพราะว่าเรามองเห็นสิ่งนั้นว่าเป็น “สัจธรรม”  เป็นความจริงที่หนีไม่พ้น หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เกิด แก่ เจ็บ ตาย”  ฉะนั้นเมื่อไรที่เราอยู่ในโลกนี้ก็ตาม แม้จะมีคุณธรรมกับคนมากมายขนาดไหน แต่เราต้องไม่ประมาทว่า คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้อง (ตาย)  ก่อนที่จะตายเราต้องยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนและมีความทุกข์
ฉะนั้นมนุษย์จึงพึงสังวรอยู่เสมอว่าเราอย่าประมาท คนเราทุกคนล้วนหนีไม่พ้นความตาย คนทุกคนล้วนมีเรื่องความตายซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนทุกคนล้วนต้องพลัดพราก เปลี่ยนแปลง เป็นทุกข์ เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อนั้นเราจะไม่ประมาท ไม่ยึดมั่นถือมั่น เมื่อนั้นเราจะมองเห็นความเป็นจริง และไม่โดนอารมณ์ความโลภ ความโกรธ ความหลง ชักนำให้ประพฤติผิด
ฉะนั้นศิษย์จำไว้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นคำที่มนุษย์ไม่ควรลืมไปจากหัวใจ เพราะจะทำให้เรานั้นไม่ประมาท ไม่เดินไปสู่หนทางแห่งความตาย แต่เราจะรู้จักคำว่า “ตาย” ก่อน “ตาย”  ดังคำกล่าวที่ว่า “เมื่อไรที่เราคิดว่า เรามีความตายเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่อาจล่วงพ้นความตาย ความแก่ ความเจ็บ เราไม่อาจหนีความเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อนั้นเราจะมีสติ”  สติเป็นสิ่งที่คอยเตือนให้เราไม่ยึดมั่น ถือมั่น รู้จักปล่อยก็ต้องปล่อย ถึงเวลาวางก็ต้องวาง รู้จักให้ในสิ่งที่ควรให้ ไม่หลงตัวตนและไม่กลัวความตาย แต่เราชอบลืมสิ่งนี้ไป เผลอเมื่อไรก็บอกของฉัน ทั้งที่จริงๆ แล้วเงินของฉัน สามีของฉัน ลูกของฉัน มีอะไรมั่นคงไหม ยึดมั่นได้ไหม เป็นเสาหลักเราได้ไหม พอถึงเวลาเขาก็มีวันตาย จำไว้อีกอย่างหนึ่งคำที่ศิษย์ไม่ควรลืมคือต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป มาคนเดียวก็ไปคนเดียว มาตัวเปล่าก็ (ไปตัวเปล่า)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  
จิตศิษย์ไม่ปล่อยวาง ไม่ว่างก็จะไม่ใช่มาตัวเปล่าแล้วไปตัวเปล่า แต่กลับเป็นว่ามาตัวเปล่าและไปตามจิตสั่งสม ใช่ไหม (ใช่)  กายถึงเวลาก็คืนไปตามดิน ฟ้า อากาศ แต่ถ้าจิตผูกใจเจ็บ โกรธแค้น อาฆาต พยาบาท ห่วง หวง ศิษย์ก็หนีไม่พ้นต้องกลับมาเจอกับคนที่อยากผูกใจเจ็บ เจอกับคนที่อยากห่วง เจอกับคนที่อยากหวง แต่จะเป็นมนุษย์เหมือนกันหรือเปล่า ไม่แน่ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นจงระวังให้ดีนะ ขึ้นชื่อว่าชีวิตพลาดแล้วแก้ไขไม่ได้ ทำเขาเจ็บแล้วเรียกคืนหรือแก้อย่างไรก็ไม่หาย ถูกไหม (ถูก)
ถามศิษย์ว่าตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่ศิษย์จำได้คือความดีของคน หรือความชั่วของคน (ความชั่วของคน)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเขาบอกว่าขอโทษ ศิษย์หายไหม (ไม่หาย)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  จำได้แม่นยำ ฉะนั้นยิ่งศิษย์จำมาก ศิษย์ก็ต้องกลับไปเจอเขาต่อนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่ามาแต่ตัวก็ต้องไปแต่ตัว แต่ถ้าตอนนี้ตัวไปตามฟ้า อากาศ แต่ใจดันผูกใจเจ็บ จำได้ไม่ลืม เคียดแค้น ก็ต้องเวียนไปไม่จบสิ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนนี้อยากนั่งหรืออยากยืน อาจารย์ให้นั่งดีกว่า เดี๋ยวศิษย์จะผูกใจเจ็บอาจารย์ ใช่ไหม แต่ผู้บรรลุแล้วแม้จะถูกผูกใจเจ็บก็ไม่ต้องมาเวียนเจอนะ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  นั่งไม่นั่ง (นั่ง)  อาจารย์นับหนึ่งถึงสามแล้วเตรียมนั่งนะ อย่าประมาทเพราะว่าถ้าพลาดแล้วอาจจะไม่ได้นั่งอีกเลย ใช่ไหม (ใช่)  โอกาสบางครั้งก็มีมาแค่ครั้งเดียว ถ้าผิดแล้วคนก็จำได้ไม่ลืมว่า คนนี้เคยว่าฉัน จะพูดดีขนาดไหน เขาก็ยังจำได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าชีวิตขอให้ศิษย์คิดรอบคอบ ระมัดระวังหน่อยนะ
เราอยู่ในโลกนี้สิ่งใดที่มีค่าที่สุด (วันเวลา)  วันเวลามีค่าใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอย่าปล่อยให้วันเวลาล่วงผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ว่าเวลาคนใช้ไม่เคยพอสักที หรือเวลาเหลือน้อยแล้ว คำตอบของแต่ละคนล้วนบ่งบอกถึงภาวะจิตใจของคนๆ นั้นเป็นเช่นไร บางคนตอบว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าอาจารย์ถามศิษย์รักที่นั่งอยู่ที่นี่ทุกคนหรือที่ยืนอยู่ทุกคน ตอบอาจารย์ได้ไหม ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ที่บำเพ็ญแล้วหรือยังไม่บำเพ็ญ หรือกำลังบำเพ็ญ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคืออะไร คำตอบของศิษย์เป็นตัวบ่งบอกคุณธรรมภายในใจของศิษย์ได้เลยนะ (ความดี)  ความดีมีค่าที่สุดหรือ ความดีถ้ายึดมั่นถือมั่นเกินไป ความดีก็ทำเราเจ็บปวดได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  (ธรรมะ, การสร้างคุณงามความดี, การรักษาลมหายใจและทำสิ่งที่ดีให้ดีที่สุด)
(การรู้คุณตอบแทนคุณ)  ตอบได้ดี แต่ก็รู้ว่าตัวเองยังทำไม่ได้ พอถึงเวลาเราก็ไม่เคยทำเลยสักอย่าง ใช่หรือเปล่า ให้ตัดความโลภ ให้ตัดความโกรธ ก็ยังตัดไม่ได้เลย ใช่ไหม อย่างนั้นพยายามไม่โกรธได้หรือไม่ พยายามใจเย็นๆ ได้หรือเปล่า คนชกหน้าแล้วจะทำอย่างไร ต้องอดทนนะ ไม่อยากก่อเวรก่อกรรม เราก็ต้องรู้จักให้อภัย ไม่เบียดเบียนติดกรรม ใช่หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นศิษย์เจ็บตัวจะไม่คุ้มค่า ใช่หรือเปล่า (ใช่)
(ปัญญาในการชีวิต) ตอบได้ดี (ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำสิ่งนั้นให้ลุล่วงสำเร็จ)  ความมุ่งมั่นไม่ท้อทอย (ความคิด)  ความคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือ ศิษย์เคยเห็นหรือไม่ว่า หากไม่รู้จักควบคุมควบคุมความคิด ไม่รู้จักระมัดระวัง ความคิดส่วนมากจะไหลลงต่ำมากกว่าขึ้นสูงนะ ใช่ไหม (ใช่)  เช่น อาจารย์จะให้ ศิษย์จะเอาไหม (เอาครับ)  แล้วถ้าอาจารย์ไม่ให้ ศิษย์จะโกรธหรือไม่
(การบำเพ็ญ) การบำเพ็ญคือสิ่งที่ดีที่สุดหรือ ถ้าทำได้ก็ประเสริฐ (การรักษาศีล)  มีศีลแล้วก็ต้องมีธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อวานพึ่งเรียนไปเอง
(การได้ค้นพบเป้าหมายของชีวิต)  การได้ค้นพบว่าตัวเองมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  (วิธีการทำดีทั้งกายและใจ)  และก็ต้องไม่ยอมแพ้เมื่อเจอสิ่งไม่ดีด้วยนะ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถึงจะคิดดี พูดดี ทำดี แต่ถ้าเจอคนว่าหน่อยก็จะยอมแพ้ อ่อนปวกเปียกก็เปล่าประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คำถามอาจารย์ยากไหม (ไม่ยาก)  อาจารย์อยากแจก ตอบอะไรอาจารย์ก็ให้นะ (มีหิริโอตตัปปะ)  มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเรา ใช่หรือไม่ ฉะนั้นจงขยายให้มากๆ จนทำให้เกิดปัญญารู้ผิดชอบชั่วดีนะ (มีสัจธรรม)  สัจธรรม แต่ถึงเวลาเราก็อย่าลืมนะ ใช่หรือไม่ เพราะถ้าเราลืมเมื่อไหร่ สัจธรรมจะย้อนกลับมาเคาะประตูบอกว่าจงจำไว้ ใช่หรือไม่ (ความศรัทธาตั้งใจจริง)  ดีเหมือนกันนะ สิ่งที่มีค่าที่สุดท่านช่วยตอบอาจารย์ได้ไหม ตอบว่า (มีสัจจะต่อตนเองและกับผู้อื่น)  ตอบอาจารย์แล้วขอให้รักษาให้อยู่กับเนื้อกับตัวนะ (รู้จักทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินและเพื่อนร่วมโลก, มีความจริงใจ)  แม้จะเจอคนหลอกลวงก็ต้องให้อภัยนะ
สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเรานำธรรมะมาสู่ใจเราบ้างไหม เรามีธรรมะประจำใจเราบ้างหรือเปล่า มีแล้วก็ต้องมีให้ตลอดนะ ไม่ใช่สามวันดีสี่วันไข้ (รู้คุณตอบแทนคุณ, การมีความอดทน อดกลั้น, โมโหต้องรู้จักอดทน, มีสัจจะ, มีเมตตาธรรม)  พออาจารย์บอกตอบอะไรก็ให้ ก็ตอบกันไปเรื่อยเลย (รู้จักสร้างบุญ สร้างกุศล)  แต่ช่วยคนประเสริฐยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นอีก ใช่ไหม (ใช่)
(มีเมตตา)  มีเมตตาแม้กับคนที่โกงเรา หรือแอบจะยิงเราก็ตาม พูดแล้วทำให้ได้ พอถึงเวลาทำยากนะ (ความมีสติรอบคอบ)  ตอบได้ดีถึงเวลาถ้าทำอะไรขอให้มีสติยั้งคิด ทำอะไรให้คิดให้รอบคอบก่อน เราก็คงไม่มีเรื่องมีราว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วยังซิ่งมอเตอร์ไซค์และยังมัวแต่เล่นเกมไม่เรียนหนังสืออยู่ไหม ถ้ามีสติจะเล่นเกมเกินไปไหม (ไม่เกิน)  ต้องรู้จักประมาณการเล่นเกมใช่ไหม (ความโลภ ความโกรธ ความหลง)  ทีละอย่างเพราะอาจารย์รู้ว่าถ้าพยายามทั้งหมดก็จะไม่ได้เลยสักอย่าง อย่างเช่น เดือนนี้ตั้งใจจะไม่โกรธ
(ความกตัญญู)  มีเวลาก็ต้องดูแล ไม่ใช่มีเวลาไม่เคยมาเลย มาไม่ได้อย่างน้อยก็โทรมาบ่อยๆ พ่อแม่ก็ดีใจแล้ว (ความรักและความห่วงใยเอื้ออาทร)  คือสิ่งที่ดีที่สุดที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเรา แล้วให้เท่าๆ กันได้ไหม อย่ารักแบบลำเอียงนะ รักอย่างนั้นไม่มีประโยชน์ (การไม่หลงไม่ยึดติดสิ่งต่างๆ ในโลก)  จริงหรือ เอาง่ายๆ ก่อน อย่าติดในรสอาหารมากไป จะทำร้ายตัวเอง (ความมานะพยายาม, การได้รับธรรม)  ได้รับธรรมแล้วต้องเอาธรรมไปปฏิบัติด้วย ไม่อย่างนั้นเหมือนได้เพชรแต่ไม่รู้จักเอามาเจียระไนให้มีค่า ทำอะไรขอให้คิดไตร่ตรองก่อนทำ อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบมาครอบงำ (ปัญญา, มีสติ)  ใช้สติในการคิดการทำ (คอยดูแลพ่อแม่สม่ำเสมอ)
(มีความมานะพยายาม) เมื่อตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จไม่ยอมแพ้กลางคัน ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตานักเรียนในชั้นคนหนึ่งให้วิ่งรอบห้องพระสองรอบแล้วก็มอบผลไม้ให้)
ถ้ามีคนทำดีมากๆ แล้วมีคนคอยให้กำลังใจมากๆ เช่นนี้ อาจารย์รับรองว่าคนในโลกก็อยากทำดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ศิษย์ของอาจารย์นั้นแปลก เวลามีคนทำดีแล้วศิษย์มักมองเขาเป็นตัวประหลาด ใช่ไหม (ใช่)  พบเพื่อนทำบุญมากๆ ก็บอกว่าเพื่อนนั้นบ้าบุญ เธอคนดีฉันน่ะคนเลว ฉะนั้นถ้ามีคนทำดีแล้วเราให้กำลังใจ อาจารย์เชื่อว่าในสังคมนี้ต้องมีคนอยากทำดียิ่งๆ ขึ้นไป
(ปล่อยวาง) ปล่อยวางคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต แต่ศิษย์ยังปล่อยไม่ได้สักที (ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่)  แล้วเราทำบ้างแล้วหรือยัง ทำแล้วหรือ ทำได้กี่ครั้ง (หลายครั้ง)  จำได้ไหม สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเราคือหมั่นสวดมนต์ภาวนา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์เคยได้ยินไหม พระพุทธองค์เคยกล่าวไว้ว่า สักการบูชาพระพุทธะด้วยดอกไม้ธูปเทียน ไม่สู้ปฏิบัติสมควรทำแก่กำลัง นั่นแหละเรียกว่าบูชาพระพุทธะที่เยี่ยมที่สุด เข้าใจไหม สวดมนต์แต่ถ้าไม่ปฏิบัติก็ไม่มีประโยชน์ จริงหรือเปล่า  (รู้ผิดรู้ถูก)  เกิดเป็นคนต้องรู้ผิดรู้ถูก มนุษย์เราเกิดมาเป็นคนรู้ผิดชอบชั่วดี ใช่หรือไม่ แต่อย่าเอาความรู้ผิดชอบชั่วดีไปตรวจสอบคน ตรวจสอบแต่ตัวเองก็พอ แล้วเราจะไม่ทุกข์ใจนะ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราชอบไหม (ชอบ)  ชอบตรวจสอบคนอื่น ใช่หรือไม่ (ความรัก)  สิ่งที่ดีที่สุดและมีค่าที่สุดสำหรับศิษย์คือความรัก น่าจะเป็นความลับมากกว่า ใช่ไหม (ใช่)  แน่ใจหรือ รู้จักใช้คุณธรรมนำชีวิตไม่เอาความคิดและอารมณ์ชั่ววูบนำตน ใช่หรือไม่
(การเสียสละ)  ตอบให้อาจารย์ฟังแล้วจงทำให้ได้ด้วยนะ (การให้อภัย)  ศิษย์ของอาจารย์ล้วนตอบได้ดีนะ ขอเพียงว่าสิ่งมีค่าที่สุด ศิษย์ตอบอาจารย์แล้วพยายามทำให้ได้ แล้วทำให้ถึงที่สุด ทำให้ลุล่วง สิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อาจารย์อยากบอกว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดที่อาจารย์อยากให้ทุกคนมีก็คือ (ความรักของพ่อแม่) ถ้ามนุษย์เรารู้จักรักผู้อื่น เหมือนพ่อแม่ทุกๆ คน เราก็คงไม่รังเกียจกัน เราก็คงรักทุกคน เราก็คงไม่ทะเลาะกัน ใช่หรือไม่  (ใช่)  เราเป็นพ่อแม่ทั้งในบ้านและนอกบ้านด้วยก็คงดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะจิตใจของพ่อแม่เป็นจิตใจที่ประเสริฐ มีหลักธรรมประจำใจ (มีคุณธรรม) อย่างแรก เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่น ทำให้ได้ก่อนได้ไหม (มั่นคงในศรัทธา)  แต่ก่อนที่จะมั่นคงในศรัทธา เราก็ต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถ้าไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ความศรัทธาก็คลอนแคลนได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)
(การทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส)  แล้วตอนนี้เราจิตใจผ่องใสหรือยัง จิตใจจะผ่องใสได้ต่อเมื่อปราศจากอกุศลทั้งสามสิ่ง คือ โลภ โกรธ หลง ถ้าไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เราถึงบริสุทธิ์ได้ (อยู่อย่างไม่ประมาท, มีเมตตาต่อผู้อื่น, การไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น)  อันนี้แค่พึงตั้งตนไว้ไม่ประมาท ว่าถึงที่สุดเราก็ไปสู่ความไม่มี แต่เราจะสร้างสรรค์ความมีให้เกิดประโยชน์โดยไม่ยึดว่าตายอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ยากกว่า เรารู้ว่าความไม่มีเป็นสิ่งที่ยาก แต่อาจารย์บอกว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น ทำมีให้เหมือนไม่มีนั้นยากกว่านะ แล้วมีโดยไม่ยึดติดเหมือนไม่มีก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ฉะนั้นทำตรงนี้ให้ได้ ฟังแล้วงงใช่ไหม (กตัญญูกับผู้มีบุญคุณ,เป็นผู้ให้ผู้อื่นก่อนที่จะเป็นผู้รับ, การกระทำคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต)  แล้วทำอะไรที่ดีที่สุด (ทำความดี)  แล้วทำได้หรือยัง ทำได้บ่อยไหมหรือนานๆ ทำทีหนึ่ง สิ่งที่ดีที่สุดที่อาจารย์อยากบอกศิษย์คืออะไรรู้ไหม (ที่พระอาจารย์บอกว่าแบกรับกรรมให้ศิษย์เจ็ดส่วน แล้วศิษย์รับเองสามส่วน ฟังแล้วรู้สึกตื้นตัน ขอให้พระอาจารย์อธิบายเพิ่มเติม)
ศิษย์เอ๋ย เมื่อไรที่ศิษย์ต้องเจอทุกข์ในสามส่วนก็จงพึงสังวรไว้ว่า ทุกข์ที่ศิษย์เจอนั้นยังน้อยกว่าเจ็ดส่วนที่อาจารย์ได้รับ ถ้าศิษย์สังวรอยู่อย่างนี้ ศิษย์จะไม่มีวันล้มเลิกการบำเพ็ญธรรม อาจารย์กลัวอย่างเดียว ขนาดศิษย์รู้ว่าศิษย์เอาไปแค่สามนะ แล้วอาจารย์แบกเจ็ด พอศิษย์เจอทุกข์นิดหน่อย ศิษย์ก็เลิกบำเพ็ญแล้ว ถึงเวลาที่ศิษย์ต้องเจอทุกข์เองบ้างแล้ว ศิษย์ก็อย่าได้น้อยใจ แต่จงปลื้มใจว่า นี่แค่สามส่วนเองนะ ใช่หรือไม่
สิ่งที่ดีที่สุดที่อาจารย์อยากจะบอกศิษย์คืออะไรรู้ไหม ในชีวิตนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือ ทุกๆ สิ่ง ใช่หรือไม่ เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเราคือ ทุกๆ สิ่ง ตัวเราก็คือสิ่งที่ดีที่สุด ผู้อื่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุด ของที่อยู่กับเราก็คือสิ่งที่ดีที่สุด ถ้ามนุษย์รู้จักคุณค่าว่าทุกๆ สิ่ง คือสิ่งที่ดีที่สุด เราจะทำร้ายเขาไหม เราจะถนอมรักเขาไหม ใช่หรือไม่ แต่มนุษย์มักจะคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือตัวเอง แต่คนอื่นไม่ใช่ แต่ถ้าเมื่อไรมนุษย์คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือ ทุกๆ สิ่ง เราจะไม่เบียดเบียนทำร้ายกัน เราจะไม่ดูถูกเหยียดหยามกัน เราจะไม่รังแกกัน แต่เราจะปฏิบัติกับทุกๆ คนเหมือนสิ่งที่ดีที่สุด แล้วเราก็จะไม่มีวันโลภ เพราะสิ่งที่เราได้ก็คือสิ่งที่ดีที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  จะได้หรือไม่ได้ก็คือสิ่งที่ดีที่สุด ใช่หรือไม่ศิษย์ (ใช่)
ฉะนั้นเข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูดหรือยัง ถ้าเมื่อไหร่ศิษย์บอกว่าศิษย์คือตัวสิ่งที่ดีที่สุด แปลว่าศิษย์ลืมให้ความสำคัญกับผู้อื่น ศิษย์ยกย่องตัวเอง ศิษย์หลงตัวเอง แต่ศิษย์ลืมผู้อื่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าศิษย์บอกว่า ผู้อื่นคือสิ่งที่ดีที่สุด นั่นคือศิษย์ก็ลืมคุณค่าของตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นก็ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือ ทุกๆ สิ่ง ถ้าเราคิดอยู่อย่างนี้เราจะไม่โลภ เราจะไม่โกรธ แม้เขาจะด่าเรา นั่นก็คือ ด่าเราดีที่สุดแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  เขาด่าเราดีที่สุดแล้ว เขาโกงเราไป เขาโกงเราไปดีที่สุดแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราไม่ผูกใจเจ็บ เราไม่แค้น เราไม่เคือง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ศิษย์ ทำได้ไหม (ได้)  ต้องพยายามทำให้ได้นะ เพราะขึ้นชื่อว่า “ชีวิต”  ทุกๆ สิ่งล้วนมีคุณค่า ไม่ว่าพ่อแม่เรา พี่น้องเรา คนที่เราไม่อยากจะเจอ เขาก็คือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ทำให้เราเข้าใจชีวิต ทำไมอาจารย์จึงบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง คือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะอะไรรู้ไหม
ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมว่า “ชีวิตเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือร้าย ได้หรือเสีย ทุกข์หรือสุข สวยหรือไม่สวย ดีงามหรือไม่ดีงาม ล้วนเกิดมาเพื่อให้เราเรียนรู้ เข้าใจชีวิต เข้าใจผู้คน และเห็นแจ้งถึงสัจธรรม และถึงเวลาปล่อยวางลง” แล้วเราจะเข้าใจว่า คนเราเกิดมาไม่ว่าจะเจอเรื่องดี ไม่ดี ได้ เสีย ทุกข์หรือสุข ล้วนคือสิ่งที่มีค่า เพราะมาทำให้เราเรียนรู้จักตน รู้จักโลก รู้จักคน และรู้จักที่จะเรียนแล้วปล่อยวาง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนอาจารย์ถามศิษย์ “ถูกลอตเตอรี่ 2 ตัว ดีใจไหม” (ดีใจ)  แต่เพื่อนบ้านถูก 3 ตัวดีใจไหม (ไม่ดีใจ)  ทำไมเราไม่ดีใจแล้ว ถ้าเราโดนโกง 100 บาทแต่เพื่อนโดนโกง 500 บาท เสียใจไหม (ไม่เสียใจ)  ไม่เสียใจ ดีใจที่เพื่อนโดนโกงมากกว่า ฉะนั้นอาจารย์จึงบอกว่า ได้หรือเสีย สุขหรือทุกข์ มาเพื่อให้เราเรียนรู้จักตน และรู้จักคน และรู้จักธรรมในโลกนี้
มาเพื่อให้เราเรียนรู้และรู้จักปล่อยวาง เห็นหรือไม่ว่าเราได้สองตัวเราก็ดีใจ แต่พอเห็นเพื่อนได้สามตัวทำไมเราจึงเสียใจ ถูกโกงเสียใจไหม (เสียใจ)  แต่เพื่อนบ้านถูกโกงมากกว่าเราดีใจจัง ใช่หรือเปล่า เพราะฉะนั้น เรื่องราวในโลกนี้ “อย่าดีใจเมื่อพบสิ่งที่พึงประสงค์ และอย่าเสียใจเมื่อต้องพบหรือได้รับกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์” เพราะถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ ก็เป็นสิ่งที่มาทำให้เราได้เรียนรู้จักตัวตนและเรียนรู้จักธรรมในความเป็นคนว่า ถ้าถึงเวลาเมื่อได้มาแล้วหรือเสียไปก็ต้องปล่อยวาง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นจงอย่าหมุนวนไปกับโลกใบนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วมนุษย์จะทุกข์โดยไม่รู้ตัว ใช่หรือเปล่า (ใช่)  
คนที่น่ารังเกียจมีค่าไหม (มี)  ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แม้จะโดนโกงก็มีค่าไหม (มี)  เป็นสิ่งที่ล้วนดีที่สุดแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะทำให้เราเรียนรู้และเข้าใจตัวตนเองมากยิ่งขึ้น มองเห็นตัวเองได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น และมองเห็นความเป็นจริงของโลกนี้ได้กระจ่างชัดยิ่งขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์จึงอยากกล่าวว่า เมื่อใดที่ศิษย์สามารถมองเห็นต้นเหตุแห่งทุกข์ ศิษย์จะสามารถลดความทุกข์ได้ และเมื่อไรที่ศิษย์มีทุกข์แต่ไม่ยึดมั่นในทุกข์ ศิษย์จะเห็นทางพ้นทุกข์ได้ ฟังอาจารย์ง่ายแต่ศิษย์ทำยาก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นทุกข์มาจากไหนหรือทุกข์เกิดอะไร
ฉะนั้นอาจารย์ให้ขยับเขยื้อนหน่อยดีไหม (ดี)  อาจารย์ขอตัวแทนหญิงห้าคน ชายห้าคน มายืนอยู่ข้างหน้า อาจารย์ให้เล่นง่ายๆ ถ้าอาจารย์พูดว่าศิษย์ทุกข์เพราะอะไร ศิษย์เดี๋ยวก็ลืม ฉะนั้นอาจารย์ให้เล่นเกมจะได้จำไม่ลืมนะ อาจารย์ให้พูดต่อกันคนละคำ แต่ละคำต้องต่อให้ได้ประโยคหนึ่งประโยค อย่างเช่น วัน นี้ ฉัน ดี ใจ  ต้องจบความนะ ต้องรวมกันแล้วให้จบความหนึ่งประโยค ห้ามคุยกัน ดูแลตัวเองแล้วคิดให้รอบคอบ แล้วจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ถึงแม้จะคุยกันแล้วแต่เมื่อถึงเวลาจะทำได้หรือเปล่าก็ไม่แน่ เพราะชีวิตนี้ศิษย์จะไม่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง เหมือนจะคุยกันได้แต่ถึงเวลาก็ฟังกันไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นจะอยู่ในโลกนี้ได้ ต่างคนต่างทำตัวเองให้ดี แล้วคนอื่นจะไม่เดือดร้อน แต่ถ้าเราทำแล้วคิดไม่รอบคอบคนอื่นจะเดือดร้อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมเล่นเกม)
คนละหนึ่งคำ แต่ต้องจบให้ได้ในประโยคด้วยนะ รวมห้าคนห้าคำแล้วได้หนึ่งประโยค ถ้าห้าคำแล้วไม่ได้หนึ่งประโยค ทำอะไรดี ตัวแทนมาจากแถวไหน ถือว่าแถวนั้นทำไม่ได้ต้องถูกเต้นทั้งแถว ดีไหม (ดี)  ฉะนั้นจำไว้นะว่าการกระทำของเรามีผลต่อคนในแถว เริ่มผู้หญิงก่อน ใจเย็นๆ ร่วมกันค่อยๆ ตัดสิน เมื่อท่านตัดสินแล้วผิดพลาดขึ้นมาท่านต้องรับผิดชอบ จำได้ไหม เช่น วันนี้ฉันดีใจ แต่ห้ามเอาตามอาจารย์ ให้พูดจบแล้วมีธรรมะด้วย (ฝ่ายหญิง “รักษาสิ่งมีค่า”)  มีความหมายไหม อะไรคือสิ่งมีค่า แปลว่าตอบไม่จบ (ฝ่ายชาย “ความรักความ”)  ศิษย์อย่าคิดว่าตัวเองหมดแล้วหมดกัน (“ความรักความคิดดี”)  จบในความไหม (ไม่จบ)
ห้ามโทษคนอื่น ต้องยอมรับความจริง ใช่หรือไม่ จะทำอะไรนั้น ศิษย์ต้องคิดให้ดีๆ ถ้าสังคมไม่ยอมรับ เราก็ต้องกล้ายอมรับ ถ้าเรายังฝืนดันทุรัง เท่ากับว่าเราหาทุกข์ใส่ตัว ใช่หรือเปล่า
มนุษย์ทุกข์เพราะความหวาดกลัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทุกข์เพราะความวิตกกังวล ทำแล้วจะดีไหม ทำแล้วจะถูกคนว่าไหม ทำแล้วจะสำเร็จไหม (ใช่)  ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าศิษย์อาจารย์จี้กง จงอย่ากลัว ไม่ว่าจะทำแล้วจะดีหรือจะร้าย จะได้หรือจะเสีย จะถูกคนชมหรือคนว่า เพราะนั่นเป็นเรื่องที่เป็นความจริง เราจะได้เลิกวิตกกังวลสักที เพราะการเอาแต่กังวลไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่กดดันตัวเอง ทำไปก็คิดหนัก ขนาดทำเสร็จแล้วก็ยังกลุ้มกังวลหนัก ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าศิษย์อาจารย์จี้กงจำไว้เลยนะ ไม่ว่าดีหรือไม่ดี สำเร็จหรือล้มเหลว เราต้องกล้าที่จะยอมรับความจริง เพราะทุกเรื่องทุกราวมาเพื่อให้เราเรียนรู้ เข้าใจตัวเอง เข้าใจโลก และถึงเวลาต้องปล่อยวาง
มนุษย์มีความทุกข์มากมาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทุกข์เพราะกลัว ไม่กล้า ยึดมั่นถือมั่นในความคิดตน ทุกข์เพราะคาดหวัง แต่ถ้ามนุษย์เรายอมรับความเป็นจริงว่าในโลกนี้มีได้ก็มีเสีย มีสมหวังก็มีผิดหวัง มีทุกข์ก็มีสุข เราคงไม่ต้องกลัวอะไรในโลกนี้ แต่เรามองเห็นในโลกนี้อย่างคนที่เห็นอย่างเป็นจริง ไม่ว่าได้หรือเสีย ทุกข์หรือสุข จะเกิดหรือจะตาย จะอยู่หรือจะไป ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่เป็นเรื่องที่ทำให้เรามองเห็นตัวเองได้ชัดเจน เป็นเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจชีวิต และมองเห็นสัจธรรมชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่)
เราเกิดมาเพื่อยืมชีวิตนี้ใช้ให้ดีที่สุด ถึงเวลาต้องปล่อยร่างกายนี้ไป เพราะสังขารไม่ใช่อยู่กับเราได้ตลอด แต่เราอดไม่ได้ที่ยังยึดติด อยากสวย อยากรวย อยากเก่ง แต่ศิษย์เคยเจอไหม พยายามสวยแทบแย่ แต่ถึงเวลาเขาไม่เลือกสวย เขาเลือกคนธรรมดา ใช่หรือไม่ (ใช่)  เลยกลายเป็นพยายามทำธรรมดาแทบแย่ แต่เขากลับเลือกสวย ใช่หรือไม่
ฉะนั้นจงจำว่าสัจธรรมความเป็นจริงของโลกใบนี้อีกอย่างหนึ่งที่ศิษย์ไม่ควรลืมก็คือ ถ้าของจะเป็นของเรายังไงก็เป็นของเรา แต่ถ้าของไม่ใช่ของเรา ศิษย์รักเขาเท่าไร ตามเขาเท่าไร ยังไงก็ไม่ใช่ของเรา อย่าฝืนให้ทุกข์ใจ อย่าฝืนจนลืมค่าความเป็นคนในตัวเอง อย่าเห็นเขาดีที่สุด จนลืมสิ่งที่ดีที่สุดในใจตน จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นจงยอมรับความเป็นจริงในโลก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย ถ้าเป็นของเรายังไงก็ของเรา แต่ถ้าไม่เป็นของเรา ศิษย์ทำยังไงก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ของเรา จำคำอาจารย์ไว้ดีๆ นะ ไม่ว่าจะได้ เสีย ทุกข์ สุข เกิดมาเพื่อเรียนรู้เข้าใจตน เข้าใจโลก และถึงที่สุดถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่ของเราจงปล่อยวาง และถึงจะเป็นของเราถึงที่สุดเราก็ต้องปล่อยวาง เพราะเอาไปไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
แม้กระทั่งเงินทอง ศิษย์หามาแทบตาย ศิษย์ได้มาเป็นของศิษย์แล้ว แต่ตายไปมันเอาไปได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเงินจะแปรเป็นหนทางที่ประเสริฐได้ด้วยการที่เรารู้จักแปรเงินให้เป็นอริยทรัพย์ เคยได้ยินไหม ทรัพย์ที่นำทางชีวิตได้ ทรัพย์ที่สามารถทำให้ชีวิตพ้นทุกข์ได้ จงใช้เงินให้เป็น แล้วเงินนั่นแหละจะเป็นอริยทรัพย์ที่ประเสริฐนำพาให้เราพ้นทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าใช้ไม่เป็นศิษย์ก็ตกเป็นทาสของเงิน ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วทรัพย์สามารถแปรเป็นอริยทรัพย์ได้อย่างไร ศิษย์เคยเห็นไหมว่าบางครั้งเงินร้อยเดียวซื้อความสุขของคนบางคนได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เสื้อผ้าที่ศิษย์ไม่ใช้บางครั้งแปรเปลี่ยนเป็นความสุขของใครบางคนได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์จงจำไว้นะทุกสิ่งทุกอย่างที่ศิษย์มี หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวล้วนคือสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อสอนให้เราเรียนรู้เข้าใจตน เข้าใจโลก และถึงเวลาปล่อยวาง ยากไหม (ไม่ยาก)  สิ่งที่อาจารย์พูดยากไหม (ไม่ยาก)
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “จิตนิ่ง”)
ได้คำว่า (จิตนิ่ง)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าคนเห็นโอวาทบ่อยๆ คงจะรู้ว่าไม่ใช่แค่นี้แน่ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
“จิตนิ่ง” คำว่าจิตนิ่งเป็นกลอนบทหนึ่งว่า
ไม่หวั่นไหวเมื่อยามถูกกระทบ จิตสงบเห็นธรรมดาในทุกสิ่ง
ไม่ใช้กิเลสเป็นตัวผลักดันให้วิ่ง เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอนในแต่เหนือ
เข้าใจความหมายไหม ไม่เข้าใจเลยหรือ ง่ายที่สุดแล้วนะ อาจารย์ให้ง่ายที่สุดแล้วนะ เข้าใจไหม (เข้าใจ)  จิตนิ่ง คือจิตที่ไม่ว่าจะเจอดี เจอร้าย เจอได้ เจอเสีย ก็ไม่หวั่นไหวสามารถรักษาความเป็นปกติได้ เมื่อเรานั้นสามารถรักษาความเป็นปกติได้ แปลว่าเราสามารถเห็นว่าไม่ว่าเขาด่าก็เห็นเป็นธรรมดา ชมก็เห็นเป็นธรรมดา ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราไม่ปล่อยให้กิเลสนำชีวิต เราไม่ปล่อยให้กิเลสเป็นตัวผลักดัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนทำไปตามความเป็นจริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ใช่ทำไปตามอารมณ์อยาก เมื่อเราทำได้อย่างนี้เราก็เหมือนน้ำที่กลิ้งบนใบบอน เห็นไหม ถึงจะกลิ้งขนาดไหน แต่น้ำก็ไม่เคยติดใบบอน น้ำอยู่ในใบบอน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ใบบอนก็สามารถไม่เปียกเลย ถึงน้ำจะกลิ้งไปมากขนาดไหน ถึงชีวิตเราจะต้องผันเปลี่ยนเจอเรื่องราวต่างๆ นานาขนาดไหน แต่เราสามารถรักษาใจให้ปกติและบริสุทธิ์ได้ นิ่งสงบได้ ยากไหม (ไม่ยาก)  ไม่ยากแต่รู้สึกจะทำกันไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นอาจารย์จึงอยากบอกศิษย์ว่าแต่ก่อนมีลมหายใจเพื่อตามใจอยาก ที่เรียกว่าโลภ โกรธ หลง และโลภ โกรธ หลง ล้วนเป็นหนทางที่ทำให้ศิษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิด มีครั้งไหนบ้างที่ศิษย์มีความอยากหนึ่งอย่าง และไม่มีความอยากครั้งที่สอง ครั้งที่สามไหม (มี)  ฉะนั้นจงดำเนินชีวิตอย่างคนที่โล่งๆ ไม่ใช่รกๆ รู้จักพอ ไม่ใช่มีแล้วเกิน เพราะโลภ โกรธ หลง ล้วนนำทางไปสู่อบายภูมิ แต่คนที่รู้จักลดละโลภ โกรธ หลง คือนำทางไปสู่สุคติภูมิ ถ้าหากเราทำได้ขนาดที่ว่าโลภ โกรธ หลง ไม่มีในชีวิต เราก็จะสามารถหลุดพ้นเวียนว่ายได้ แต่ก่อนมีลมหายใจเพื่อวิ่งไปตามความยาก แต่ต่อไปนี้จะมีลมหายใจที่มีสติยั้งคิดและดำเนินชีวิตอย่างคนไม่ประมาท ยอมรับความเป็นจริงว่าได้หรือเสีย เป็นหรือตาย ล้วนเท่าๆ กัน ไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปเพื่อเสพไปตามตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ชีวิตอยู่เพื่อดำรงชีวิตอยู่อย่างคนที่มีคุณค่า แต่ไม่ใช่คุณค่าอย่างตามกิเลส แต่มีคุณค่าในความเป็นคนที่รู้จักพอ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อาจารย์พูดไปมากไม่รู้ว่าศิษย์จะจำได้หรือเปล่า
ฉะนั้นบำเพ็ญธรรม บำเพ็ญตอนที่ ตาถูกกระทบ หูถูกกระทบ ใจถูกกระทบ กระทบอะไร ตาเห็น อยากได้ไหม (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนหญิงคนหนึ่งเป็นตัวอย่าง)  นักเรียนคนนี้สวยไหม (สวย) เวลาตาเราถูกกระทบแล้ว เราเห็นอะไร อาจารย์สอนศิษย์แล้วนะว่าอย่าประมาท ไม่เช่นนั้นความประมาทจะเป็นหนทางแห่งความตาย เมื่อเวลาตาเห็น สิ่งที่ศิษย์เห็นต้องเห็นมากกว่าเห็น คือเห็นความเป็นจริงในชีวิตว่า นี่คือความไม่เที่ยง นี่คือความว่างเปล่า เมื่อไรที่เห็นแล้วเกิดความอยาก อยากแล้วยินดี ยินดีแล้วเกิดกิเลส กิเลสแล้วเกิดการแสวงหา แสวงหาแล้วอยากครอบครอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์อย่าลืมว่า ใดๆ ในโลกล้วนเรียกว่ากองทุกข์ นี่ก็ทุกข์ นั่นก็ทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จำได้ไหมว่า อย่าลืมความเป็นจริงของโลกใบนี้ ทุกๆ สิ่งล้วนคือความทุกข์ ไม่เที่ยงและว่างเปล่า ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากมีใครสักคนหนึ่ง ก็จงคิดให้ดีว่า คนๆ นี้เป็นกองทุกข์ที่น่าเอาหรือไม่ คิดให้ดีๆ นะ ถ้ารู้จักรักก็โชคดี อาจารย์เคยได้ยินว่า ถ้ารักไม่ดีก็เหมือนกับลอตเตอรี่ แต่ใครล่ะจะถูกลอตเตอรี่ แล้วศิษย์แน่ใจหรือว่าหน้าตาสวยแล้วจะถูกลอตเตอรี่ อาจารย์หมายถึง ถ้าเจอคนโชคดีและรักเราจริงๆ ไม่บิดพลิ้วก็เหมือนได้ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง หรืออย่างน้อยที่หนึ่งไม่ได้ก็ขอสามตัวก็ยังดี ใช่หรือไม่ สามตัวไม่เป็นไร สองตัวก็ยังดี แต่พอได้มาแล้ว สามก็ไม่ใช่ สองก็ไม่ใช่ ถ้าไม่ถูกรางวัลเลยมีแต่เสียกับเสีย แล้วควรจะมีไหม ฉะนั้นมองให้ดีในโลกนี้ล้วนคือ กองทุกข์ อย่าเห็นเพียงแค่ว่าเราชอบ ไม่ชอบ เพราะความชอบ ไม่ชอบ ล้วนทำให้เกิดความทุกข์ที่เรียกว่า “วัฏฏะแห่งการเวียนว่ายไม่จบสิ้น” ฉะนั้นจงรู้จักพอบ้าง ถ้าไม่รู้จักพอศิษย์นั่นแหละ คือคนที่นอนอยู่บนกองทุกข์ กอดกองทุกข์ และวิ่งอยู่ในกองทุกข์ไม่จบสิ้น ใช่ไหม (ใช่)  อย่าเห็นเพียงตา อย่าได้ยินเพียงหู แต่จงมองให้เห็นด้วยความไม่ประมาทว่าโลกนี้มันมีอะไรมากกว่าที่ศิษย์เห็น และยังมีอะไรมากกว่าที่ศิษย์ได้ยิน นั่นคือความจริง ที่เรียกว่า ความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ และถึงที่สุดว่างเปล่า  เรากำลังยึดมั่นถือมั่นกับอะไร ยิ่งยึดมั่นยิ่งถือมั่นนั่นก็คือ คนโง่ที่กอดทุกข์ ดิ้นรนอยู่กับทุกข์ และก็แสวงหาทุกข์ใส่ตัว และก็ไม่มีวันพ้นทุกข์ ภัยใดๆ ไม่น่ากลัวเท่ากับภัยที่เกิดจากใจของตัวเองที่ไม่รู้จักพอ จึงมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “ปราบโจรภูเขาปราบง่าย แต่ปราบโจรในจิตใจปราบยาก”  อยากจะให้เรื่องภายนอกสงบอาจจะทำได้ง่าย แต่จะทำให้ใจเราสงบทำได้ยาก ฉะนั้นอยากจะทำให้เรื่องภายนอกสงบ อยากจะกำจัดภัยภายนอกต้องเริ่มจากภัยในตัวเอง ถ้าจิตเรานิ่งไม่หวั่นไหวกับสิ่งกระทบ ใครจะด่าใครจะชมใครจะว่าก็ทำอะไรศิษย์ไม่ได้
โลกจะวุ่นขนาดไหน แต่ถ้าจิตนิ่ง จิตสงบ โลกก็ทำให้ศิษย์วุ่นวายไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อเจออะไรจงนิ่งแล้วมองให้แจ่มชัด อย่าปล่อยให้ตานั้นลวงเราเอง อย่าปล่อยให้ความรู้สึกนั้นบังใจเราเอง
วันนี้อาจารย์ก็ต้องกลับแล้วนะ ได้หรือไม่ ไม่มีใครกล้าตอบเลยหรือ ได้หรือเปล่า (ไม่ได้)  กลัวอย่างเดียวนะ กลัวศิษย์ของอาจารย์ทิ้งอาจารย์ไม่ใช่อาจารย์ทิ้งศิษย์ เอาชนะความคิดของตัวเองให้ได้นะ ความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา แต่ปัญญาที่เอาชนะทุกข์เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ อย่าปล่อยให้ความโกรธ ความโลภ ความหลง มันทำร้ายตัวเอง จนต้องเป็นทุกข์ ใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นจะเจ็บตัวไม่คุ้มนะ เสียดายที่ไม่ตอบอาจารย์เลยนะ เป็นเด็กดีคือเป็นคนดีในสังคม ยากหรือเปล่านะ ไม่ยาก ใช่หรือเปล่า ศิษย์มีสิ่งที่ดีจงรู้จักทำให้เกิดประโยชน์นะ มีโอกาสกลับมาอีก เสียสละตัวเองช่วยเหลือผู้อื่นนะ ไม่ใช่เรื่องยาก ใช่หรือไม่ อาจารย์เชื่อว่าศิษย์ทำได้ แต่กลัวอย่างเดียว มัวแต่ห่วงเที่ยว ห่วงเล่น ใช่หรือเปล่า แล้วไม่กลัวหรือว่าชีวิตจะยืนยาวให้เราได้เที่ยวเล่น สิ่งที่ดีไม่รีบทำ ถึงเวลาสายเกินไปใครจะช่วย รู้เรื่องไหม ได้ยินหรือเปล่า อายุมากขนาดนี้แล้วปล่อยได้จงปล่อย
(พระอาจารย์เมตตาส่งเสริมผู้ปฏิบัติงานธรรมในชั้น)
ทำใจให้สว่าง ทำใจให้กว้างดีที่สุด สละได้ก็จงสละ ให้อะไรได้ก็จงให้ (เดี๋ยวนี้ปล่อยวางหมดแล้ว)  ปล่อยได้จริงๆ หรือ ฟังธรรมะต้องรู้จักนำธรรมะไปใช้ ไม่ใช่มัวแต่ห่วงตัวเองแต่ไม่เคยช่วยเหลือใครก็เปล่าประโยชน์ มีของใกล้ตัวแต่ไม่เห็นคุณค่าก็น่าเสียดาย ยินดีด้วยที่ตัดสินใจได้ ดีใจที่ศิษย์ไม่หน่ายการศึกษา อาจารย์พูดอะไรยังรู้จักฟัง อาจารย์สอนอะไรยังรู้จักมาปฏิบัติ แต่ปฏิบัติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงินทองซื้อชีวิตและซื้อความดีงามในใจเราไม่ได้หรอกนะ รูปนี้ก็ไม่เที่ยงนะ อายุมากแล้วถึงเวลาสังขารต้องปลงๆ บ้างแล้วนะ ห่วงไป กังวลไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต
จับมือกับอาจารย์แล้วอย่าทิ้งอาจารย์ อย่าทิ้งการบำเพ็ญธรรม อย่ามัวแต่หลงกับโลกใบนี้จนลืมคุณค่าของตัวเอง รู้จักเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ให้อะไรไม่ประเสริฐเท่ากับให้ความดี ให้คุณธรรมประจำใจสอนเขา ใช่หรือไม่ (ใช่)  สอนด้วยการกระทำของเราบางทียังประเสริฐกว่าสอนด้วยคำพูดอีก อายุยังน้อยทั้งนั้นเลย แล้วจะจำสิ่งที่อาจารย์พูดได้ไหม อาจารย์อยากจะอวยพรให้ศิษย์เข้มแข็งอยู่บนโลกใบนี้ ใช้ความเข้มแข็ง อดทนเอาชนะตัวเองให้ได้ พรใดไม่ประเสริฐเท่ากับรู้จักควบคุมตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ความโลภ โกรธ หลงมาทำร้ายเรา ใช่หรือไม่

ดีใจที่ศิษย์กลับมานะ ตั้งใจบำเพ็ญแล้วต้องรู้จักอดทน เอาชนะจิตใจของตัวเองให้ได้ มีโอกาสเสียสละตัวเองไปช่วยผู้คนนะ เป็นตัวแทนของอาจารย์ช่วยศิษย์ที่ยังหลงอยู่ให้เขาได้พ้นทุกข์ ช่วยทำแทนอาจารย์ได้ไหม (ได้)  ช่วยคนในโลกนี้ให้พ้นทุกข์และช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์นะศิษย์นะ ภัยด้านนอกไม่น่ากลัวเท่ากับภัยในจิตใจ รู้จักพอ รู้จักควบคุมตัวเองให้ได้ แต่อาจารย์ก็หวังว่าสักวันหนึ่งศิษย์ของอาจารย์จะทำได้ โลกใบนี้ไม่สวยงามหรอกนะ เมื่อไหร่ที่ศิษย์ใช้ชีวิต ศิษย์จะรู้ว่าโลกใบนี้คือโลกแห่งความทุกข์ ที่พร้อมจะทำร้ายให้ศิษย์ทุกข์และจะพบกับความทุกข์ไม่มีวันจบสิ้น และคนที่เอาชนะทุกข์อันนี้ได้ก็คือตัวศิษย์เอง จริงหรือไม่ (จริง)  คิดให้ดีๆ นะ ดูแลตัวเองนะศิษย์นะ


พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “จิตนิ่ง”
ไม่หวั่นไหวเมื่อยามถูกกระทบ
จิตสงบเห็นธรรมดาในทุกสิ่ง
ไม่ใช้กิเลสเป็นตัวผลักดันให้วิ่ง
เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอนในแต่เหนือ
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา