西元二○一○年 嵗次庚寅 九月 廿日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ สถานธรรมฉือฮุ่ย จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทศิษย์พี่นาจา
ปรารถนาทุกสิ่งอย่างตามใจตน กลายเป็นคนเห็นแก่ตนเอาแต่ได้
ไม่สู้เป็นคนรู้พอรักเรียบง่าย ยากสูญเสียน้ำใจความเป็นคน
เราคือ
ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฉือฮุ่ย แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามทุกท่านง่วงนอนไหม
ใช้พลังที่ยังไม่มีดู ขุมพลังนั้นอยู่ภายในตน
ศักยภาพก็ใครใจพัฒนาเกิดผล แรงยังมีในตนรอสำแดง
ระรวยแรงอ่อนใจใครช่วยได้ ท้อก็หมดแรงคล้ายธาราแห้ง
เพียงศรัทธาขุมแห่งพลังลงแรง ได้ชื่นชมพลังแห้งไม่เป็น
ธรรมะชื่นแต่คนชมไม่ปฏิบัติ คนทำพลาดใช่อาญาอาจมเหม็น
น้อมจิตก้มจงทวนกระแสเป็น ปฏิบัติอย่างเรียนธรรมเพ็ญกลางฤทัย
ความสุขทุกข์ให้ประโยชน์หมั่นสำนึก ทะเลกว้างและลึกคนเวียนว่าย
ตรรกะตั้งมีใจมุ่งแค่ได้ คนอยู่ด้วยความมั่นใจเป็นสำคัญ
สำรวจตนในอยู่ด้วยความสงบ น้ำตากลบเอ่อเปียกเสื้อนักฝัน
อารมณ์ดันผลักท้นนิ่งไม่นาน สุกแก้ยาวไกลผลาญแม้วิญญาณ
ชีวิตไขหวั่นหวั่นหวาดหวาดอยู่ แต่ชีวิตไม่ใจสู้น่าสงสาร
ชีวิตใช้วันวันให้เต็มวัน บำเพ็ญเป็นที่นี้ญาณสะอาดเบา
ฮิ ฮิ หยุด
พระโอวาทศิษย์พี่นาจา
วันนี้มาฟังธรรมะ สนใจเปลือกนอกหรือสนใจแก่นแท้ (แก่นแท้) เปลือกนอกไม่สนใจใช่ไหม (ใช่) จริงหรือ ฉะนั้นไม่ต้องหันมาดูนะ เราจะยืนอยู่ข้างหลังคุยกับท่านได้ไหม (ได้) ก็ท่านสนใจแต่แก่นแท้ไม่สนใจเปลือกนอกไม่ใช่หรือ เวลาเราจะทำสิ่งใดก็ตาม หรือเราจะคิดพิจารณาพิเคราะห์สิ่งใดก็ตาม เราไม่ชอบให้ใครมาหลอกไม่ใช่หรือ (ใช่) ฉะนั้นก็ต้องรู้จักมองทั้งเปลือกนอกและแก่นแท้ภายใน อย่าสนใจแต่รูปแบบแต่ไม่สนใจแก่นแท้ หรืออย่าสนใจแก่นแท้จนมองข้ามรูปแบบไปก็ไม่ได้ ฉะนั้นเรามองธรรมะที่ตัวผู้ปฏิบัติงานธรรม หรือเรามองธรรมะที่แค่โต๊ะพระ หรือเรามองธรรมะแค่ตัวอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม หรือเรามองธรรมะทุกๆ อย่างรวมกัน (ทุกอย่างรวมกัน) แค่เห็นข้างนอกเหมือนวัดจีนก็บอกไม่เอา แค่เห็นคนชวนมาหน้าบึ้ง ไม่เอาคนหน้าบึ้งใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นถ้าเราจะศึกษาเรียนรู้อะไรถ้าไม่อยากให้คนอื่นเขาหลอกเรา เราก็ต้องไม่หลอกตัวเราเองใช่หรือไม่ (ใช่) จะดูแค่รูปแบบไม่สนใจแก่นแท้ก็ไม่ได้ จะมองแต่แก่นแท้แล้วไม่สนใจรูปแบบก็ไม่ได้ เหมือนทุกคนจะพูดว่า ใจดีก็พอแล้วไม่ต้องแสดงออกหรอก เราชอบเป็นอย่างนั้นไหม ถามว่าฉันใจดีไหม ก็ใจดีนะ แต่ฉันไม่ค่อยแสดงออก แต่ถึงเวลาให้แสดงออกถามว่าแสดงออกไหม ไม่เอาเขิน แล้วอย่างนั้นถูกหรือเปล่า (ไม่ถูก) รูปแบบและแก่นแท้ควรจะมีความสำคัญเท่าๆ กัน ไม่ใช่ว่าปากพูดได้แต่ถึงเวลาทำไม่เป็น ใจพูดได้ฉันเป็นคนดีไหม (ดี) ใจบุญไหม (ใจบุญ) แต่ถึงเวลาทำไหมยังคิดแล้วคิดอีกใช่หรือไม่ (ใช่) ดั่งคำกล่าวของคนโบราณกล่าวไว้ว่า เอาหนังเสือ เอาหนังสุนัขจิ้งจอก เอาหนังสิงโต ถ้าถูกขูดขนออกไปแล้ว หนังทั้งสามชนิดก็มองดูไม่แตกต่างกัน ใช่หรือไม่ (ใช่) สนใจแต่รูปแบบภายในไม่มีการแสดงออก ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับคนไม่ดีก็ได้ ฉะนั้นต้องรู้จักที่จะให้ความสำคัญภายนอกและภายในเท่าๆ กัน จริงไหม (จริง)
ธรรมะมีความสำคัญกับชีวิตไหม และมีความสำคัญอย่างไร ตอบได้ไหม ไหนใครตอบได้ (ชีวิตสบาย ธรรมะคุ้มครองไม่เดือดร้อน) ถ้าหากถูกคนตีหัว (ไม่สบายที่หัวแต่จิตใจสบาย) เรายกตัวอย่างง่ายๆ ว่าใครร้ายมาเราก็ (ร้ายตอบ) ใครโกงมาเราก็ (โกงตอบ) แล้วรู้ไหมว่าคนโบราณเขาเรียกคนประเภทนี้ ว่าคน “คนพาล” เราเรียกคนอีกประเภทหนึ่งว่าบัณฑิต เพราะว่า คนร้ายมาก็อดทนตอบ ใครโกงมาก็ไม่โกงตอบ แต่ใจเราเป็นสุข นี่แหละคือความต่างระหว่างฟ้ากับพื้นดิน ความต่างระหว่างคนมีธรรมกับคนไร้ธรรม พอเข้าใจหรือยัง (เข้าใจ)
คนมีธรรมสำคัญอย่างไร คนมีธรรมนั้นทำให้เรารู้จักไม่จองเวรไม่จองกรรม รู้จักปล่อยวาง รู้จักเมตตาจิต รู้จักฝึกการให้อภัยไม่เบียดเบียนตอบ รู้จักการดำรงชีวิตการเป็นคนให้ประเสริฐ ไม่ใช่ดำรงชีวิตอย่างคนที่เป็นคนพาล ฉะนั้นธรรมะจึงเป็นตัวยับยั้งให้คนยังเป็นคน และคนเป็นคนเหนือคน ถ้าเขาขาดธรรมะคุ้มครองใจ ถ้าเขาขาดธรรมะยั้งเตือนใจ ความเป็นคนของเขาก็อาจจะง่ายที่จะต่ำลงมากกว่าที่จะสูงขึ้น ฉะนั้นธรรมะสำคัญกับตัวเราไหม (สำคัญ) ทำให้คนเป็นคน และทำให้คนเหนือกว่าคน แล้วตอนนี้เราอยากเป็นคนเหนือคน หรือคนต่ำกว่าคน (คนเหนือคน) ฉะนั้น ท่านต้องรู้จักควบคุมตนเองให้ได้ ด้วยการรู้จักเอาธรรมะมาใช้
วันนี้สิ่งที่เราพูดเรียกว่าธรรมะ ไม่ใช่เรียกว่าศาสนา ไม่ใช่เรียกว่าลัทธิใหม่ เรียกว่าธรรมะในการกล่อมเกลาจิตใจ ในการฟื้นฟูจิตใจให้คนเป็นคนและเป็นคนเหนือคน
“ปรารถนาทุกสิ่งอย่างตามใจตน กลายเป็นคนเห็นแก่ตนเอาแต่ได้
ไม่สู้เป็นคนรู้พอรักเรียบง่าย ยากสูญเสียน้ำใจความเป็นคน”
มนุษย์มีแต่ความปรารถนา มีแต่ความต้องการเต็มไปหมดเลย พอเห็นความปรารถนาของตัวเองยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่เป็นสุขก็เลยอดที่จะเบียดเบียนผู้อื่นไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(ศิษย์พี่เมตตาให้ร้องเพลงต้อนรับ) ยินดีต้อนรับเราไหม (ยินดี) เป็นเจ้าบ้านแล้ว แม้แขกที่มาจะยินดีหรือไม่ยินดี เมื่อมาถึงเรือนชานแล้วก็ต้องให้การ (ต้อนรับ) หน้าอย่าบ่งบอกนัก หน้าอย่าไล่แขกมากนัก ชอบไม่ชอบบางครั้งก็ต้องลองดู ลองอยู่ด้วยกันดูใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะสิ่งที่ชอบอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบอาจจะกลายเป็นชอบก็ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการอยู่ร่วมกันอย่าพึ่งตีกรอบวัดค่าคนอย่างด่วนสรุปเกินไป หรืออย่าเอาสิ่งที่เข้าใจหรือสิ่งที่รู้มาวัดคนทุกคนเป็นไปไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ตัวท่านชอบไหมที่มีคนมาตีกรอบวัดค่าเราตามความคิดเดิมๆ โดยที่ไม่มองปัจจุบันของเราว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้เราเป็นอย่างนี้ก็ต้องพูดถึงตอนนี้ แต่คนบางคนชอบเอานิสัยในอดีตของเรามาพูดแล้วตีกรอบเราตอนนี้ หรือเขาบอกว่าหน้าตาแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ โบราณกล่าวไว้ว่าเชื่อถือไม่ได้ ท่านชอบไหมโดนตีค่าแบบนี้ ฉะนั้นไม่ชอบสิ่งใดก็อย่าทำสิ่งนั้นกับผู้อื่น ไม่อย่างนั้นแล้วผลกรรมมันจะสนองกลับมาไม่รู้ตัวจริงไหม (จริง)
เราถามแบบมีแง่คิดนะว่า ระหว่างหน้าตาดี อายุยืน ตระกูลสูงศักดิ์ มีศีลธรรม สี่อย่างนี้ถ้าให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านอยากเลือกอะไร (มีศีลธรรม) ขอให้เลือกจริงๆ เถอะ ถึงเวลาสวยไว้ก่อน ถึงเวลารวยไว้ก่อน ถ้ามนุษย์ถือศีลธรรมไว้ก่อนถึงเวลาจะทำอะไร จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไหมจะโกหกไหม จะเบียดเบียนผู้อื่นไหม ศีลห้าข้อยังจำได้ไม่หมดยังรักษาได้ไม่ครบเลย ใช่หรือไม่ (ใช่) โดยส่วนใหญ่ก็ขอให้ร่ำรวย ร่ำรวยเสร็จก็ต้องหน้าตาดี พอหน้าตาดีเสร็จก็ขออายุยืน ศีลธรรมมาทีหลังถูกไหม (ถูก) โบราณสอนไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องมีบ้านหรูหรา ไม่จำเป็นต้องมีที่นาดี ขอเพียงสำคัญอย่างเดียวคือขยันและซื่อตรง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็จะสามารถชดเชยให้ชีวิตมีสุขได้
เริ่มต้นต้อง รวย ดี หล่อ สวย ใช่หรือเปล่า (ใช่) ทั้งที่จริงๆ แล้ว บ้านใหญ่โตแต่ภายในไร้ความร่มเย็น มีที่นาเต็มไปหมดแถมที่นาดีๆ ทั้งนั้นเลย แต่ลูกขี้เกียจสันหลังยาว คดโกงเอาเปรียบคนอื่น ที่นาดีจะมีประโยชน์ไหม (ไม่) บ้านหลังใหญ่จะมีความสุขไหม (ไม่มี) ฉะนั้นคนโบราณจึงสอนว่าซื่อตรงขยันหมั่นเพียรก็สามารถชดเชยความไม่รวยได้ ชดเชยไม่มีที่นาได้ เพราะความขยันหมั่นเพียรจะทำให้เรานั้นมั่งมีใช่หรือไม่ (ใช่) นี่คือสัจจะความเป็นจริง
มนุษย์ขยันเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในโลกเต็มไปหมด วิชาอะไรก็อยากเรียนอยากรู้หมดใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เคยได้ยินไหมว่า “สอนให้เขาเรียนรู้มากมายขนาดไหน แต่ถ้าไม่สอนให้เขามีศีลธรรม ความรู้นั้นก็อาจกลายเป็นดาบสองคมได้” ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นคนโบราณจึงกล่าวต่อไว้ว่า “จะเรียนรู้มากมายขนาดไหน สิ่งที่ไม่ควรขาดไปจากชีวิตก็คือ ศีลธรรมความดีงาม ควรเรียนรู้ศึกษาควบคู่กันไป” เพราะคุณธรรมความดีงาม ควบคุมไม่ให้จิตใจฮึกเหิมหลงตน ช่วยให้รู้จักกระทำในสิ่งที่ควรกระทำและเว้นในสิ่งที่ควรเว้น เมื่อไหร่ที่โจรมีอาวุธล้วนน่ากลัว เมื่อไหร่ที่เสือแยกเขี้ยวออกมามีเล็บยาวก็ล้วนน่ากลัว
ฉะนั้นเราจะเดาได้อย่างไรว่าการที่เราให้ความรู้เขามากๆ แต่เขาไม่มีศีลธรรมประจำใจ เขาจะไม่กลายเป็นอันธพาลครองเมือง ฉะนั้นถึงแม้มนุษย์เราข้างนอกจะปฏิบัติผิดปกติก็ยังแก้ไขได้ แต่ถ้าหัวใจดื้อรั้นผิดปกติแล้วก็แก้ไขยากใช่หรือไม่ (ใช่) หรือที่มนุษย์พูดว่าปัญหาภายนอกแก้ได้ แต่ปัญหาความดื้อรั้นในหัวใจนั้นแก้ยาก แล้วอะไรล่ะจะควบคุมได้ ถ้าตัวเองก็ยังบกพร่อง แล้วจะไปปกครองผู้อื่นและนำพาผู้อื่นก็คงเป็นเรื่องยาก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นนี่คือประโยชน์ของศีลธรรม นี่คือประโยชน์ของคุณธรรมที่มนุษย์ต้องรู้จักบ่มเพาะไว้ในหัวใจ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว มนุษย์ก็จะเป็นเหมือนเสือมีเขี้ยว เหมือนคนพาลติดอาวุธ เสือมีเขี้ยวมีเล็บยังไม่น่ากลัวเท่ากับเสือติดปีก เข้าใจไหม เรารู้ว่าเขาเป็นคนพาล เขามีความรู้ความสามารถ เรายังจะไปให้อำนาจเขาอีก คราวนี้เสือไม่ได้กินคนในป่าแล้ว แต่เสือจะมาอยู่ในเมืองเพื่อกินคนถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นเรามีศีลมีธรรม ไม่ใช่เพื่อควบคุมตัวเอง แต่ทำให้เรามีปัญญามองเห็นคนชัดด้วยว่าคนไหนดี คนไหนไม่ดี เพราะไม่อย่างนั้นถ้าเราสนับสนุนผิด เราก็จะทำให้เสือนั้นมีปีกออกมากินคน และก็กินตัวท่านเอง ฉะนั้นธรรมะจึงมีเอาไว้สำหรับควบคุมใจ ถ้าคนใดไร้ธรรมะ คนนั้นใจก็ง่ายที่จะตกลงต่ำจริงไหม (จริง)
อย่างนั้นชีวิตเราถ้ามีสัตว์สองตัวให้เลี้ยง ระหว่างเสือกับช้างเราเลี้ยงอะไร (เลี้ยงช้าง) ถึงว่าชีวิตชอบขี่ช้างแล้วจับตั๊กแตน แปลว่าอะไรรู้ไหม บำรุงบำเรอตัวเองอย่างดี แต่ชีวิตมีค่าแค่จับตั๊กแตน ต้องรวย ต้องสวย ต้องเก่ง ต้องดี ต้องเลิศ แต่ถึงเวลาเคยทำเพื่อผู้อื่นไหม (ไม่) ชีวิตแค่นิดเดียวเองทำอะไรดูยิ่งใหญ่ แต่พอถึงเวลาแล้วทำเพื่อตัวเองทั้งนั้นเลย ทำอะไรดูดี แต่พอถึงเวลา ตัวเองดีแต่คนอื่นช่างหัว จริงไหม (จริง) ยอมรับแล้วหรือ แต่บางคนไม่ชอบขี่ช้าง จะเล่นอะไรทีจะจับอะไรทีต้องจับเสือ ผลสุดท้ายขึ้นหลังเสือแล้วลงจากหลังเสือไม่ได้ เพราะเอาตัวไม่รอด คิดจะทำโน่นทำนี่ ถึงเวลารอดไหม (ไม่รอด) แล้วก็ถูกเสือกัดตาย ทุกอย่างก็จะกลายมาควบคุมเรา ฉะนั้นชีวิตเราเกิดมาเพื่อหาเงิน หรือเงินเกิดมาเพื่อคุมตัวเรา จริงๆ เราเกิดมาเพื่อมีเงินเพื่อบำรุงเลี้ยงชีวิต แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นเงินนั้นฆ่าชีวิตได้ กลายเป็นเราหยุดหาเงินไม่ได้จริงหรือ (จริง) ไม่จริง เราหยุดได้ แต่ต้องรอให้แบบ ไม่ไหวแล้ว มันฆ่าเราไปเกือบครึ่งชีวิตจึงได้รู้ว่ามันเจ็บแสบเหลือเกิน ความรักมันทำให้เราทุกข์เหลือเกิน ใช่หรือไม่ (ใช่) ความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่รู้จักปล่อยวางนั้นทำให้เราทุกข์เหลือเกิน มนุษย์ไม่เคยใช้ศักยภาพในตนเองทั้งหมด ใช้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นเอง ไหนลองดูซิว่าเรารู้จักตัวเองดีหรือยัง
เราถึงจะไม่เป็นคนผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกในเรื่องเดิมๆ เราเป็นอย่างนั้นไหม (เป็น) ใครผิดยกมือขึ้น นี่แหละความน่ารักของคนมีธรรม ผิดก็กล้ายอมรับผิดคนยังให้อภัย แต่ถ้าผิดแล้วไม่กล้ายอมรับนี่แหละน่ารังเกียจยิ่งนัก ฉะนั้นเราเรียนรู้หลักธรรมก็เรียนรู้จากผู้คนมาตั้งเยอะ เวลาผิดแล้วไม่ยอมรับผิดยังดื้อดึงบอกว่าตัวเองถูกนี่น่ารำคาญไหม แล้วแถม ผิดซ้ำอีกใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นเมื่อผิดก็ต้องกล้ายอมรับผิด
เสือกับช้างเปรียบเหมือนกับอะไรในชีวิต คนที่มีปัญญาก็อาจจะควบคุมชีวิตให้ทุกอย่างเหมือนช้างได้ แต่ถ้าคนไร้ปัญญาทำไปทำมาทุกสิ่ง
(ศิษย์พี่เมตตาให้นักเรียนในชั้นเล่นเกมจับ หัว ไหล่ เข่า โดยให้จับคนที่อยู่ขวามือของตัวเอง) การคิดที่จะไปยุ่งยากกับเรื่องชีวิตของคนอื่นมันวุ่นวายแค่ไหน แต่ถามว่ามนุษย์หยุดวุ่นวายในเรื่องของชีวิตผู้อื่นไหม ไม่หยุด ยุ่งได้เป็นยุ่ง ป่วนได้เป็นป่วน
จับยากไหม (ไม่ยาก) ไม่ยาก ใช่หรือไม่ อยากไปจับไปยุ่งของผู้อื่นแน่ใจหรือว่าไม่ยาก แน่ใจหรือว่าจับหัวเขาแล้วเขาไม่หันมามอง จับของผู้อื่นก็ยุ่งแล้วสู้หันกลับมาควบคุมใจตัวเองดีกว่า ปัญหาและเรื่องภายนอกก็เกิดจากการที่เรามักจะชอบไปสนใจผู้อื่นมากกว่าจะสนใจตัวเอง คิดแต่จะไปควบคุมผู้อื่น แต่ลืมควบคุมตัวเอง เป็นอย่างนั้นไหม (เป็น) ถ้าอย่างนั้นหันกลับมาดูตัวเองดีกว่านะ ถ้าตัวเองทำได้ดีแล้ว จะทำให้ผู้อื่นโกรธเคืองก็เป็นเรื่องยาก
ฉะนั้นการส่งเสริมคุณธรรมของตัวเอง ก็ควรเริ่มต้นที่ตัวเราเอง อย่าสับสน อย่าปนเป แต่มนุษย์เราทำอะไรมักใช้ความรู้สึกเป็นใหญ่มากกว่าคุณธรรม เวลารู้สึกดี รู้สึกชอบก็รักจนตาย อยากอยู่ใกล้ๆ แต่เวลาเกลียด ก็อยากให้ไปไกลๆ ขอให้ตายไวๆ ต่างกันราวฟ้ากับดิน ใช่หรือเปล่า (ใช่) เพราะการตามใจอารมณ์หรือเปล่า ที่ทำให้มนุษย์แม้อยากจะเป็นคนมีเมตตาก็เมตตาไม่เต็มที่ แม้จะอยากเป็นคนซื่อตรงบริสุทธิ์ ก็ยากจะซื่อตรงและบริสุทธิ์ได้ เพราะเคยชินกับการตามใจอารมณ์ จึงทำให้การดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นนั้นผิดเพี้ยนและสับสน เพราะถืออารมณ์เป็นใหญ่ ฉะนั้นเราจึงไม่ควรประมาทและดูเบาการมีสติในการดำเนินชีวิต เพราะการมีสติในการดำเนินชีวิต จะให้เรารู้จักยับยั้งชั่งใจในเวลาที่อารมณ์เข้ามาในตัวเรา เราจึงไม่ควรที่จะดูเบาและไม่ควรประมาทในการครองสติเมื่อยามดำเนินชีวิต
มนุษย์เวลาปรารถนาแล้วมักจะปล่อยให้สิ่งที่ปรารถนาครอบงำ พอครอบงำความคิดแล้ว เราเที่ยงตรงไหม (ไม่ตรง) เรามักจะเอียง หรือไม่ก็บิดเบี้ยว หรือไม่ก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) โกรธไหม ถ้ายึดมั่นในตัวตน อย่างนี้รับรองบิดเบี้ยวแน่ บางทีเรามีอารมณ์แล้วไม่สามารถคุยกับคนอื่นได้รู้เรื่อง เพราะว่าเราถือตัวตนมากเกินไป ถือนั่นถือนี่มากเกินไปหรือเปล่า เลยฟังคนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง ฉะนั้นเราก็ไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต และไม่ควรดูเบาในการมีสติคุ้มครองกายใจ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว สิ่งที่รักที่สุด สิ่งที่ชอบที่สุดก็อาจจะทำให้เราเสียใจได้ จริงไหม (จริง) เหมือนเราชอบกินอะไรมากๆ แต่ถ้ากินมากเกินมันก็อาจกลายเป็นโทษมากกว่าคุณถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นการตามใจตัวเองตลอด โดยไม่รู้จักฟังในสิ่งที่ไม่อยากฟังบ้าง อาจทำให้สมรรถภาพร่างกายเสื่อมถอย และมีอันตรายต่อชีวิตก็ได้ ถ้าไม่รู้จักขัดใจบ้าง ทวนใจบ้างจริงไหม (จริง) เหมือนคนกินหวานมากๆ กลายเป็นโรคเบาหวาน กินรสจัดมากๆ กลายเป็นโรคความดัน โรคกระเพาะใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราต้องรู้จักระมัดระวังสิ่งที่รักและสิ่งที่เกลียด บางครั้งก็อาจจะให้คุณและให้โทษพอๆ กันก็ได้ ถ้าเราไม่รู้จักมีสติยั้งคิด เมื่อเจอสิ่งที่รักจงรู้จักยั้งคิด เมื่อเจอสิ่งที่เกลียดจงรู้จักไตร่ตรอง แล้วเรื่องที่รักเรื่องที่ชอบก็จะได้ไม่ทำให้ก่อเกิดมลภาวะเป็นพิษต่อตัวเราจริงไหม (จริง)
คุมตัวเองแล้วไม่ต้องไปสนใจคนอื่น ถึงแม้จะชำนาญแค่ไหนก็ยังพลาดได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าไม่อยากแก่ตัวแล้วต้องเจ็บออดๆ แอดๆ ถ้าไม่อยากเคราะห์ซ้ำกรรมซัดในเรื่องเดิมๆ ก็จงรู้จักระมัดระวังเมื่อดำเนินชีวิต เมื่อยามวัยหนุ่มสาวก็อย่าได้คึกคะนอง ใช้ชีวิตอย่างไม่บันยะบันยัง แล้วทำอย่างไร
ฉะนั้นถ้ามีสติอะไรจะผิดแปลกไปจากชีวิตเดิมๆ เราก็สามารถรับมือได้ทัน เพราะว่าเราไม่ขาดสติในการครองชีวิต ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นมีธรรมแล้วก็ต้องมีสติยั้งคิดด้วย เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคนมีธรรมก็อาจจะหลงตนก็ได้จริงหรือไม่ (จริง) อย่างนั้นเวลาบำเพ็ญธรรม เราทำอย่างไร ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ที่ศึกษาและบำเพ็ญธรรม
อย่างแรกเวลาเราอยู่ร่วมกับผู้คน มักจะมีเรื่องที่เรียกว่า ผลประโยชน์ และก็มีเรื่องที่เรียกว่าลงแรงเหนื่อยก่อน ถึงจะมีผลประโยชน์ตามมาใช่หรือไม่ ฉะนั้นเรื่องผลประโยชน์ใครก็อยากได้เป็นหนึ่ง ส่วนเรื่องลงแรงใครก็อยากได้เป็นคนสุดท้ายใช่หรือไม่ ฉะนั้นถ้าอยากอยู่ในโลกไม่เป็นที่รังเกียจของคนอื่น ไม่เป็นที่ติฉินนินทาของผู้อื่น เรื่องลำบากเราต้องกล้าเป็นคนที่หนึ่ง เรื่องผลประโยชน์เราต้องกล้ารับเป็นคนสุดท้าย รับรองถ้าทำได้อย่างนี้ ก็เรียกว่าผู้บำเพ็ญธรรมในสังคมแล้ว ไม่มีใครรังเกียจคนแบบนี้หรอก
อย่างที่สอง เวลามีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนใหญ่มนุษย์ชอบหนี ไม่หนีก็ คนนั้นผิด คนนี้ผิด ฉันไม่ผิด ถ้าบำเพ็ญธรรมแล้วทำตัวเช่นนี้เรียกว่า คนน่ารังเกียจหาใช่คนบำเพ็ญไม่ คนบำเพ็ญธรรมเวลามีปัญหาเกิดขึ้นต้องกล้าวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิตัวเอง มิกล้าวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิใคร ถ้าไปอยู่ที่ไหนใครๆ ก็รักใช่ไหม (ใช่) เพราะเห็นความผิดของตัวเองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นฉันก็คงมีส่วนผิด ฉันก็คงเป็นคนที่แย่ ฉันคงเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่อง ฉันขอโทษ แต่ปัจจุบันนี้เป็นอย่างนี้ไหม ไม่ใช่ฉัน เธอ หรือหนีไปเลยใช่หรือเปล่า (ใช่) ยิ่งหนีเขาก็ยิ่งว่าท่านผิดเต็มประตู ขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรม สิ่งที่เราบอกไม่ใช่เรื่องยากเลย เวลามีปัญหาต้องร่วมกันแก้ไข กล้าวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองแต่ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นได้ไหม (ได้)
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นก็คือชอบถืออารมณ์เป็นใหญ่ทำอะไรใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง และไม่ค่อยคิดถึงผลเสียที่จะตามมา แล้วก็มานั่งนึกว่าผิดไปแล้วไม่น่าทำเลย แล้วทำอีกไหม (ทำ) แล้วก็เสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเรื่องเดิมๆ ถูกหรือไม่ ฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไรขอให้คิดไตร่ตรองอย่าปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่ มิฉะนั้นแล้วอารมณ์จะทำให้ชีวิตผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรารู้ว่าลึกๆ หลายท่านอาจจะไม่เชื่อเรื่องการยืมร่าง เราไม่โกรธท่าน แต่เราอยากให้ท่านเอาสิ่งที่เราพูดวันนี้คิดพิจารณาว่าปฏิบัติแล้วได้ดีไหม การยืมร่างไม่สำคัญหรอก สำคัญที่สัจจะความเป็นจริงที่เราพูดเป็นสัจจะไหม เป็นจริงไหม และท่านทำได้แล้วท่านทำได้ดีไหม ท่านเอาไปทำแล้วได้ดีไหม เพราะสิ่งที่เห็นสักวันหนึ่งก็ต้องหายไป แต่สิ่งที่เป็นจริงคือ คำพูดอันเป็นสัจจะมักจะยังอยู่ชั่วกาลนาน เหมือนพระพุทธองค์ท่านทิ้งอะไรไว้ให้เรา หลักธรรมที่เป็นสัจจะท่านไม่ได้บอกให้ยึดตัวท่าน แต่ท่านบอกให้ยึดหลักธรรมอันเป็นสัจจะ แล้วเราก็เชื่อว่าทุกท่านในที่นี้นับถือศาสนาพุทธ ก็ต้องปฏิบัติตามแนวพุทธ คือยึดถือสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าสิ่งที่เป็นของปลอม แต่มนุษย์ปัจจุบันนี้ยึดถือแต่รูปลักษณ์แต่ไม่ยึดถือสิ่งที่เป็นแก่นแท้ ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้จักเคารพกราบไหว้ แต่ไม่รู้จักน้อมนำมาปฏิบัติ รู้มากมายแต่ทำไม่ได้ ก็สู้รู้นิดหน่อยแต่ทำได้ประเสริฐกว่าใช่ไหม (ใช่)
(ศิษย์พี่เมตตาให้นักเรียนทำตามคำบอก ถ้าบอกเลขคู่ให้ยืนขึ้น ถ้าเลขคี่ให้นั่งลง) มีสติแล้วต้องมีปัญญาตามให้ทันด้วยนะ ไม่ใช่มีสติแต่ไร้ปัญญา เลขหนึ่งคือนั่ง เลขสองคือยืน มนุษย์เราสมมตินั่น สมมตินี่ เต็มไปหมด พอถึงเวลาก็งงในสิ่งสมมติ แล้วก็ติดในสิ่งสมมติเองทั้งนั้น สมมติว่าอันนี้สวย สมมติว่าอันนี้เก่ง พอถึงเวลาเขาไม่สมมติให้เราสวยให้เราเก่ง เราก็ร้อนใจ ใช่หรือไม่ (ใช่) ทั้งที่แท้จริงแล้วทุกสิ่งคือสิ่งสมมติ วันนี้เราน้อยกว่าเขา แต่ไม่แน่ วันหน้าเราอาจจะมากกว่าเขา วันนี้เราเป็นผู้เสีย แต่ไม่แน่ วันหน้าเราอาจจะเป็นผู้ได้ ฉะนั้นบางทีมนุษย์เราเป็นทุกข์กับเรื่องสมมติ แล้วก็กลุ้มใจกับเรื่องสมมติที่ตนเองเปรียบเทียบเอง
ฉะนั้นวันนี้ถ้าเราสมมติ หนึ่งคือ (นั่ง) สองคือ (ยืน) สามคือ (นั่ง) สี่คือ (ยืน) คิดต่อไม่ได้หรือ ต้องคิดต่อให้ได้เพราะชีวิตนี้เราไม่สามารถมีบทเรียนทุกๆ บทเรียนใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เราเองต้องมีปัญญาพลิกแพลงเอาสติปัญญามาควบคู่ในการดำเนินชีวิต การเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองบางครั้งก็ดี แต่ถ้าสังคมเขาบอกว่าให้ไป เราก็ต้องไป อย่าดื้อมาก ไม่อย่างนั้นอาจจะโดดเด่นเหมือนตอนนี้ก็ได้ เกิดเป็นคนผู้ชายอกไม่ถึงสามศอก กล้าทำก็ต้องกล้ารับนะ ไม่ต้องคิดหนักเลย ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลกรรมอันนั้น ตาข่ายฟ้ามักชัดเจนถูกหรือไม่ (ถูก)
ศิษย์น้องศิษย์พี่บอกอย่างหนึ่งนะ ถึงแม้ศิษย์น้องจะพูดดีขนาดไหน ซ้ำเป็นสี่รอบห้ารอบ ถ้าคนไม่รู้เรื่องยังไงก็ไม่รู้เรื่อง ศิษย์น้องอย่าโกรธอดทนไว้ เพราะคนมีสองประเภท คือประเภทไว กับช้าและประเภทไม่รู้เรื่อง ศิษย์พี่พูดเป็นสิบรอบแล้วใช่ไหม เพราะคนเป็นอย่างนี้ไหม (เป็น) ฉะนั้นเราต้องยอมรับให้ได้ อย่าเอาอารมณ์เป็นใหญ่ เพราะใครๆ ในโลกไม่อยากมีใครเป็นคนผิด เป็นคนโง่ เป็นคนช้า แต่เผอิญว่าช่วงนั้นมึนไปหน่อยใช่ไหม (ใช่) เรื่องราวในโลกขึ้นชื่อว่าคนที่มีธรรม ใครร้ายมาจงอดทน ใครโกงมาจงไม่โกง นี่แหละเรียกว่าผู้บำเพ็ญธรรม ยอมรับและเป็นสุขได้กับคนนานาชนิด
เคยได้ยินนิทานเรื่องหนึ่งไหม มีกวาง มีเต่า แล้วก็มีนก สัตว์สามชนิดนี้ท่านว่าเป็นเพื่อนกันได้ไหม (ได้) เป็นเพื่อนกันได้ทั้งที่จริงๆ ไม่น่าเป็นได้เลยใช่หรือไม่ (ใช่) คนในโลกก็เหมือนกัน บางคนหุ่นดีๆ สวยแต่มีเพื่อนเตี้ยต่ำ น่าเกลียดใช่หรือไม่ (ใช่) คนในโลกก็เป็นแบบนี้แหละมีหลากหลายแบบ แต่ถ้าเราสามารถยอมรับกันได้ ให้อภัยกันได้ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันได้ แต่ละชนิดก็มีคุณค่าของความเป็นคนแตกต่างกันออกไป เหมือนกวางขายาวเพรียวดูสวย เต่าช้าเนิบแต่มีฟันที่แข็งแรง และมีเกราะป้องกันภัยที่แข็งแกร่ง ใช่หรือไม่ (ใช่) นกตัวเล็กแต่ปราดเปรียวว่องไว ฉะนั้นมนุษย์ทุกคนคุณค่าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การที่เราสามารถยอมรับคนแต่ละคนที่ตรงข้ามกับเรา และมาเหนือความคาดหมายของเรา แล้วเราสามารถอยู่กับเขาได้ และสมัครสมานได้ก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ดีหรือ
แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ คนที่หุ่นดีที่สุด สวยที่สุด กลับติดกับดักแล้วต้องพึ่งพาใคร (เต่า) ก็ต้องให้เต่ากัดเชือกให้ขาด กัดจนปากพองเลือดกลบ ก็ยังกัดเพื่อที่จะช่วยเพื่อน แล้วนกทำอย่างไร นกก็ใช้การคาบหินปล่อยใส่นายพรานก่อนที่นายพรานจะมาถึงบ่วง มนุษย์เป็นคนถือโชคถือลาง ใช่ไหม พอจะออกจากประตูบ้านอะไรตกใส่หัว ออกไหม (ไม่) ลางไม่ดีใช่ไหม (ใช่) ออกหลังบ้านก็ได้ วันนี้จะไปธุระ แต่พอมีอะไรตกใส่หัวอีกออกไหม ไม่ออก ลางไม่ดี เจออย่างนี้สองหนแล้ว พอจะออกอีกทีหนึ่ง ตกใส่หัวอีก ไม่ออกแล้วตกสามหน ชัวร์แน่ๆ ว่าออกไปต้องโชคไม่ดี ก็เลยไม่ออกใช่ไหม เป็นเพราะนกช่วยเอาไว้
เราจึงอยากจะบอกท่านว่า การอยู่ร่วมกับคนในสังคม คนมีหลายแบบ แต่ถ้าเรารู้จักและควบคุมได้กับคนทุกๆ แบบก็สามารถมีคุณประโยชน์ และเอื้ออำนวยในการดำเนินชีวิตของสังคมให้ร่มเย็นเป็นสุขได้ใช่ไหม (ใช่) ถึงเวลาอีกข้อเดียวก็จะกัดขาดแล้ว แต่ปรากฏว่าเต่าฟันก็เล็ก เชือกก็ใหญ่ใช่ไหม (ใช่) ห้ามนายพรานวันนี้ได้ แต่อีกวันหนึ่งคงห้ามไม่ได้แล้วใช่ไหม (ใช่) ผลสุดท้ายนายพรานก็เกือบจะมาทัน แต่พอมาถึงเชือกขาดพอดี กวางหนีไปได้ แต่เต่าหนีทันไหม (ไม่ทัน)
ถ้าเป็นท่านล่ะ ช่วยคนๆ หนึ่งให้รอดพ้นแต่ตัวเองต้องโชคร้าย เลือดก็กลบปาก โกรธไหม เต่าไม่โกรธนะ เพราะถ้าโกรธไปแล้วเขาอาจจะเสียใจภายหลังก็ได้ว่า ถึงสุดท้ายกวางก็กลับมาช่วยเขา นกก็กลับมาช่วยเขา แต่ถ้าเราเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ฉันช่วยจนเลือดกลบปากแล้วฉันถูกจับ ไม่เห็นมาช่วยเลย คิดไปก็แค้น แต่พอถึงเวลากวางมาช่วย เราจะเสียใจไหม มองหน้ากวางติดไหม เพราะอะไรล่ะ เพราะแอบว่าเขาไปตั้งเยอะ แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม
ฉะนั้นทำดีกับคนให้มากหน่อย และเราจะได้ไม่เสียใจภายหลัง เมื่อยามมีชีวิตอยู่คุณค่าของความเป็นคนคือ รักษาความดียิ่งชีวิต หรือรักษาความดีมีค่ามากกว่าชีวิต นี่แหละเรียกว่า “คนเหนือคน” เพราะรักษาความดีมากกว่าชีวิต หรือที่เราเรียกคนเหนือคนนั้นว่า “พุทธะ” หรือ “ผู้ประเสริฐ” ใช่ไหม (ใช่) ถ้าหากว่าวันหนึ่งกวางมาช่วยไม่ทัน เต่าต้องตายท่านคิดว่าเต่าน่าสงสารไหม แต่ถ้าเต่าต้องตายแล้วไม่รู้สึกโกรธเลยที่เพื่อนมาช่วยไม่ทัน คุณค่าของเต่าก็ยิ่งกว่าใครในโลกใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะทำดีไม่หวังผล แม้ผลสุดท้ายจะไม่ดีก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นการเสียสละที่ประเสริฐยิ่งนัก แล้วมนุษย์ทำได้อย่างเต่าหรือไม่
ฟังมาเท่านี้ถึงเวลาเราคงต้องกลับแล้ว มีโอกาสศึกษาต่อ ศึกษาให้มาก ไม่ใช่ศึกษาภายนอก แต่ต้องศึกษาและเรียนรู้เท่าทันตัวเอง น่าเสียดายที่บางคน ฟังไม่รู้เรื่อง ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะมัวแต่ยึดมั่นถือมั่นแต่ความคิดของตัวเองจนฟังใครก็ฟังไม่เข้าหู วันนี้เราก็คงมาผูกบุญสัมพันธ์เพียงเท่านี้ บำเพ็ญคือบำเพ็ญคุณงามความดี ให้ชีวิตมีศีลมีธรรม และก็รู้จักน้อมนำศีลธรรม คุณงามความดีนั้นไปฉุดช่วยผู้คน
การบำเพ็ญไม่ใช่เรื่องยาก อย่าถือประโยชน์เป็นใหญ่แต่ให้ถือคุณธรรมเป็นใหญ่ อยู่ร่วมกับผู้คนยอมเสียสละตัวเองเหนื่อยก่อน ยอมรับผลประโยชน์ทีหลัง เวลามีปัญหาเกิดขึ้น กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ใครทำได้ไหม (ได้) และรู้จักควบคุมระมัดระวังอารมณ์ตัวเอง อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบทำให้เราต้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีก บำเพ็ญแค่นี้ยากไหม (ไม่ยาก) ถ้าทำได้ดีแล้ว การจะโน้มนำผู้คน การจะช่วยเหลือผู้คนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าตนตั้งตรง มีหรือคนอื่นจะไม่ตั้งตรงตาม แต่กลัวตรงภายนอกแต่แอบคดภายใน น่ากลัวยิ่งนัก ใช่หรือไม่ (ใช่)
โลกปัจจุบันนี้คนน่ากลัวตรงที่หัวใจ หัวใจที่คิดผลประโยชน์เป็นใหญ่ ตัวเองเป็นใหญ่ แต่ไม่สนใจคุณธรรมความถูกต้อง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการที่ท่านมาฟังธรรมะนี้ ก็เพื่อเอาธรรมะไปควบคุมตัวเอง ถ้าตัวเองทำได้ดีเราไม่ต้องเรียกร้องใครหรอก คนอื่นก็จะทำตามเราเอง ไม่ต้องพูดให้เหนื่อยด้วยจริงไหม (จริง) เพราะเอาตัวท่านนี้เป็นตัวประจักษ์หลักฐานให้เห็นว่า ทำดีและรักษาความดี ก็มีความสุขได้ ขอให้ทำอะไรอย่าประมาทมีสติในการดำเนินชีวิต
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
อย่าให้ชีวิตที่มีไร้ค่า อวดเก่งพูดกล้าเงียบฟังมิได้
อย่าให้ชีวิตคิดครุ่นท้อใจ อย่าให้งมงายเกิดตายวกวน
อย่าให้ชีวิตมักคุ้นเจนตา เป็นปัญหาทุกข์ขึ้นมาอย่าสับสน
ตั้งหลักแล้วว่างจากอินทรีย์และตน ห่วงแค่ใจคนมิวายจะหลง
ตื่นจิตนี้ธรรมชี้แล้วอย่าช้า ผู้กล้าตามธรรมไม่ตามส่ง
จิตที่วุ่นแล้วคลายเพราะปลง ว่างชีวิตแสนโล่งเพราะใจบำเพ็ญ
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฉือฮุ่ย แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนอยากยืนหรืออยากนั่ง
อารมณ์ดีคนนี้มีเสน่ห์ คนมักเทใจรักคนยิ้มง่าย
เครียดแค่ไหนก็แค่ยิ้มเข้าไว้ หัวเราะง่ายคนนี้จะโชคดี
เพราะว่าทุกข์ก็เลยทำหน้าบึ้ง คนหน้าตึงใครใครก็วิ่งหนี
เลยรู้สึกว่าตนเองโชคไม่ดี กระจกมีหันส่องมองหน้าตน
ใครใครก็ชอบอยู่กับเสียงหัวเราะ อย่างเบาะเบาะก็ไม่ใช่เสียงบ่น
สุขเยอะแยะไม่สู้ออกจากตน หานอกตนไม่สู้หาจากตนเอง
สุขบางครั้งเกิดขึ้นจากรู้อดทน การยอมคนดูถูกได้นับว่าเก่ง
ไม่โกรธแต่จำขึ้นใจดูนักเลง ถูกข่มเหงย่อมสุขกว่าโต้ตอบกัน
ฮา ฮา หยุด
อย่าให้ชีวิตที่มีไร้ค่า อวดเก่งพูดกล้าเงียบฟังมิได้
อย่าให้ชีวิตคิดครุ่นท้อใจ อย่าให้งมงายเกิดตายวกวน
อย่าให้ชีวิตมักคุ้นเจนตา เป็นปัญหาทุกข์ขึ้นมาอย่าสับสน
ตั้งหลักแล้วว่างจากอินทรีย์และตน ห่วงแค่ใจคนมิวายจะหลง
ตื่นจิตนี้ธรรมชี้แล้วอย่าช้า ผู้กล้าตามธรรมไม่ตามส่ง
จิตที่วุ่นแล้วคลายเพราะปลง ว่างชีวิตแสนโล่งเพราะใจบำเพ็ญ
ชื่อเพลง : อย่าให้ชีวิตไร้ค่า
ทำนองเพลง : อยากให้ความรักแก่คนทั้งโลก
(หมายเหตุ พระอาจารย์เมตตาให้นำกลอนนำของพระอาจารย์มาเป็นบทเพลง)
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ทานข้าวอิ่มไหม (อิ่ม) ทานอิ่มก็บอกว่าอิ่ม แต่ถ้าถามว่าอยากทานอีกไหมก็บอกว่า (อยาก) ทะเลแห่งความอยากของมนุษย์ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม อิ่มแล้วถ้ามีที่ใส่ได้ก็อยากจะใส่เข้าไปอีกใช่หรือไม่ (ใช่) อาหารอะไรอร่อยที่สุดในวันนี้ อร่อยทุกอย่างเลยหรือ อย่างนั้นกินข้าวเปล่า กินน้ำเปล่า ในเมื่อตอบเองว่าอะไรก็อร่อย แปลว่าไม่มีกับข้าวก็ (อร่อย) ฉะนั้นวันนี้ข้าวกล่องเป็นข้าวเปล่าล้วนๆ ดีไหม (ดี) พูดได้ต้องทำได้นะ เดี๋ยวบอกแม่ครัวไม่ต้องเหนื่อยแล้ว ถึงเวลาก็ต้องหากับข้าวเพิ่มอยู่ดีใช่หรือไม่ (ใช่)
มนุษย์ทุกข์เพราะว่าอะไร พูดไม่รู้จักคิด อยากไม่รู้จักพอล้วนทำให้มนุษย์ทุกข์ได้ทั้งนั้นใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นทำอะไรก็ให้ระมัดระวังหน่อยดีหรือเปล่า (ดี) แต่ระวังไหม (ไม่) เราเป็นคนประเภทนี้ไหม ใครคิดว่าในชั้นนี้ตัวเองเป็นคนเก่งยกมือขึ้น ใครคิดว่าตัวเองเป็นคนมีความสามารถยกมือขึ้น ใครคิดว่าในชั้นนี้ตัวเองเป็นคนโง่ยกมือขึ้น คนที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนโง่นั้น หน้าตาต้องพร้อมที่จะรับฟัง ไม่ใช่หน้าตาเหมือนน้ำเต็มแก้วนะ คนที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนโง่ คือคนที่ฉลาดที่สุด เพราะเรื่องราวในโลกนี้เรียนทันกันหมด เราเรียนอย่างหนึ่ง แต่อีกอย่างหนึ่งสักพักก็เปลี่ยนแปลงไปใช่หรือไม่ (ใช่) เราไม่สามารถรอบรู้ทุกอย่างบนโลกนี้ได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ถึงจะรอบรู้แต่สักพักหนึ่งพอเราเรียนรู้จนจบไปแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนไปเรื่องราวก็เปลี่ยนไปอีกใช่หรือไม่ (ใช่)
คนที่ฉลาดอย่างแท้จริงคือคนที่ยอม (ยอมโง่) เพราะยิ่งโง่มากเท่าไหร่ ก็มีแต่คนที่อยากจะเอาความรู้มาให้ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าคิดว่าตัวเองฉลาดมีใครที่อยากจะเอาความรู้ดีๆ มาให้ มีใครอยากจะบอกอะไรดีๆ ให้เราฟัง และในชั้นนี้โง่หรือฉลาด (โง่) เห็นอยู่ในโลกต่างคนต่างอวดว่าตัวเองฉลาด ตัวเองเก่ง อาจารย์อยากบอกว่าถ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ ไม่อยากให้ศิษย์เก่งหรอก เป็นคนโง่ดีกว่าแต่ฉลาดอะไรรู้ไหม ฉลาดรู้เท่าทันตัวเองก็พอแล้ว อย่าไปฉลาดรู้เท่าทันผู้อื่น ไม่มีประโยชน์ รู้มากก็ทุกข์มาก ได้ยินมาก ได้ฟังมากก็เจ็บปวดมาก สู้โง่กับคนอื่น แต่ฉลาดรู้เท่าทันตัวเอง ประเสริฐกว่านะใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่อย่างนั้นมนุษย์ในโลกส่วนใหญ่เป็นอย่างไร รู้จักคนอื่นถ่องแท้แต่รู้จักตัวเองนิดเดียว นั้นน่าเสียดายเปล่าๆ เราอยากโง่หรือฉลาด (โง่,ฉลาด) น่าจะตอบว่าอยากเป็นคนโง่ที่พร้อมจะฉลาดขึ้น ทุกวันๆ เราเปลี่ยนคำพูด เราเปลี่ยนความคิดคนไม่ได้ แต่เราให้แง่คิดเขาได้ เพราะสรรพสิ่งในโลกนั้น ขึ้นสูงสุดก็ต้องมีวันลงต่ำ มีสิ่งใดอยู่ค้ำฟ้า มีคนฉลาดก็ต้องมีคนฉลาดกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่) มีคนเก่ง ก็ต้องมีคนเก่งกว่า มีใครสามารถรักษาสิ่งใดได้ยั่งยืน วันนี้ได้มาก็ไม่แน่ว่าต้องเสียไป วันนี้เอาชนะได้แต่ไม่แน่ก็อาจจะกลายเป็นแพ้ ฉะนั้นเราต้องอย่าลืมสัจจะความเป็นจริงของธรรมชาติโลกใบนี้
อาจารย์ไปหลายๆ ที่ อาจารย์ก็ถามว่าศิษย์ทั้งหลายว่า โลกนี้ศิษย์กลัวอะไรมากที่สุด ตอบเหมือนๆ กัน ไม่ตอบอาจารย์ก็เดาได้ (จิตตัวเอง) ถ้าควบคุมไม่ได้ก็ต้องกลัวอยู่วันยังค่ำใช่ไหม (ใช่) แต่คนส่วนใหญ่ตอบว่ากลัวอะไรรู้ไหม (ตาย) เหมือนกันทุกที่กลัวตาย
ความตายน่ากลัวไหม (ไม่น่ากลัว) อาจารย์เล่าให้ฟังคนที่จะตายนั้น เวลาจวนใกล้ตายไม่กล้าหลับตา เพราะตาตื่นเห็นโลกนี้ ถ้าเมื่อไหร่หลับตาต้องเห็นโลกอะไรก็ไม่รู้ ฉะนั้นคนจวนตายจึงพยายามลืมตาให้มากที่สุด เพราะลืมตาเห็นโลกนี้ดีกว่า แต่ถ้าเมื่อไหร่หลับตาตัวเองอาจจะต้องเห็นโลกหน้าที่ตัวเองไม่อยากเจอใช่หรือไม่ (ใช่) ถึงแม้จะคิดว่าตัวเองมีทรัพย์ มีลูก มีบุตร มีสามี มีภรรยา ยืนอยู่ข้างๆ มีเงินมากมาย ถ้าถึงเวลาชีวิตมาถึงแล้ว ใครๆ ก็ช่วยศิษย์ไม่ได้ ที่เขาพูดว่า “มีก็เหมือนไม่มี” เพราะมีก็เหมือนช่วยอะไรให้เราไม่ตายได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นเมื่อความตายมาถึงสิ่งที่เอาไปได้คืออะไร (บุญกุศล) จิตที่ระลึกได้ว่าเราทำดีทำชั่วมากแค่ไหน แล้วช่วงที่ขณะตาย ทำชั่วบ่อยทำดีน้อย ภาวะนั้นเราจะนึกถึงอะไรมากกว่า หรือทำดีทำชั่วพอๆ กันแต่เวลาหลับตาเพราะจวนใกล้จะตาย สิ่งที่ศิษย์คิดได้ก็คือกรรมชั่วที่ศิษย์ก่อใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นแม้จะมีเงินมากแค่ไหน แม้จะมีบ้านใหญ่โตขนาดไหน แม้จะเก่งกล้าขนาดไหน แต่ถ้าชะตากรรมมาถึงแล้วใครๆ ก็ช่วยศิษย์ไม่ได้ แม้ตัวศิษย์เองก็ช่วยศิษย์ไม่ได้ เพราะเวลาหมดแล้วใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อหมดแล้วมีก็เหมือนไม่มี สิ่งที่เรียกว่าตัวตนก็หาเป็นตัวตนไม่ ฉะนั้นบุตร ทรัพย์ เงินทอง ก็พึ่งพาไม่ได้ สิ่งที่พึ่งพาได้คือบาปกับบุญ ฉะนั้นอาจารย์จึงอยากบอกศิษย์ว่า ความตายเดี๋ยวเดียว แต่ความชั่วที่ศิษย์ทำนั้นทำให้ศิษย์ต้องเกิดแล้วตายหลายๆ ครั้งรู้ไหม คิดไหม ศิษย์ทุกคนบอกศิษย์กลัวตายใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้ากลัวตายจงหมั่นสร้างสิ่งที่ดีงาม เพราะตายไปก็ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกถูกหรือไม่ (ถูก) หยุดยั้งการสร้างบาปถูกหรือไม่ (ถูก) เพราะบาปนั้นทำให้เรานั้นต้องกลับมาชดใช้กรรม ฉะนั้นตายอย่ากลัว แต่จงกลัวตัวเองที่ชอบทำบาปแล้วทำให้กลับมาเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดไม่จบสิ้น น่ากลัวกว่า เหมือนที่ศิษย์ท่านเมื่อครู่นั้นบอกว่า ตายไม่กลัวแต่กลัวใจตัวเองที่ไม่รู้จักรักดีใช่ไหม (ใช่) (นักเรียนถามพระอาจารย์ว่า ตายแล้วเกิดเรารู้ได้อย่างไร) จะลองดูไหม อาจารย์จะได้ให้ลอง (นักเรียนถามพระอาจารย์ว่าเกิดแล้วตายเรารู้ แต่ตายแล้วเราจะเกิดอีกไหมเราไม่รู้) รู้ได้ศิษย์ (นักเรียนขอความเมตตาจากพระอาจารย์) ไม่ยากเลย อาจารย์บอกศิษย์ง่ายๆ ถ้าวันนี้โรคภัยไข้เจ็บมาถึงตัว ถ้าตลอดชีวิตศิษย์สร้างสิ่งที่ดี ศิษย์หลับตาศิษย์ก็อิ่มใจ สุขใจ จะตายกี่ภพกี่ชาติก็ไม่กลัว เพราะรู้สึกแค่เพียงว่าความดีคงโน้มนำให้เราพาไปสู่ที่ดี แต่เมื่อไหร่ที่ศิษย์ทำชั่ว ทำบาป ทำเสร็จแล้ว แม้ไม่มีใครเห็นลึกๆ กลัวไหม (กลัว)
กลัวว่ามันจะกลับมาหา กลัวว่าเวรกรรมมันมีจริงใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วอย่างนี้ไม่เรียกว่านรกเกิดในใจ เกิดภพเกิดชาติซ้อนกันหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากให้มีชาติหน้ามีชาติไหน เราก็อย่าทำบาปเพราะว่าทำบาปทีไรเรารู้ว่าเราต้องรับผลแน่ แล้วผลจะมาหาเราไหม ห่วงไหมศิษย์ (ห่วง) ขนาดตายศิษย์ยังระลึกในใจเลยว่าฉันจะตายดีไหม ฉันจะปลอดภัยไหม ฉันจะขึ้นสวรรค์ไหม ใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่ต้องถามว่าภพหน้ามีไหม ถามว่าถ้าศิษย์ทำชั่วแล้วศิษย์แน่ใจ หรือว่าจะไม่มีภพหน้า ฉะนั้นอย่ากลัวคนอื่นกลัวใจตัวเองดีกว่า สิ่งที่ควรทำไม่ทำ สิ่งที่ไม่ควรทำกลับขยันทำ ใช่หรือไม่ (ใช่) ศิษย์เคยได้ยินไหมว่าเคราะห์ภัยมักออกมาจากปาก อยากหยุดเคราะห์ภัยก็พูดให้น้อย แต่เราหยุดได้ไหม
อาจารย์รู้ว่าลงมาแล้วก็จะมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ มีทั้งคนเห็นด้วยและคนสบประมาท แต่ก็ยังลงมา เพราะหวังว่าคำพูดสักคำ อาจจะมีคำสักคำหนึ่งโดนใจให้ศิษย์เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ เรียนรู้ชีวิตและเข้าใจชีวิตให้ถูกต้องก็เป็นได้
ถ้าอาจารย์นั่งศิษย์จะ (นั่ง) ถ้าอาจารย์ยืนศิษย์จะ (ยืน) แล้วถ้าอาจารย์ไม่นั่งศิษย์จะยืนหรือนั่ง อยู่ร่วมกันต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ห่วงใยซึ่งกัน อย่าใจดำมากเกินไป ไม่อย่างนั้นแล้วเรากลายเป็นคนที่น่ารังเกียจถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นตอนนี้อยากยืนหรืออยากนั่ง (นั่ง) นั่งกับพื้นหรือนั่งกับเก้าอี้ พออาจารย์บอกสามก็นั่งได้เลยนะ ให้โอกาสแล้วนะ แต่บางครั้งโอกาสก็ไม่ได้มาบ่อยๆ ใช่หรือไม่ (ใช่) ตัวเองสบายแล้ว อย่าลืมนึกถึงคนอื่นด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่เรียกว่าสบายก็อาจจะกลายเป็นความสบายที่เห็นแก่ตัว
อาจารย์ถามคำถามง่ายๆ เกิดมามีชีวิต เราอยากเป็นผู้ให้หรือผู้รับ แต่ละคนคงตอบไม่เหมือนกันหรอก ใช่หรือไม่ (ใช่) ใครอยากเป็นผู้ให้ยกมือขึ้น ใครอยากเป็นผู้รับยกมือขึ้น ที่ยกมือนี้รู้ตัวไหมว่าแปลว่าอะไร (ไม่รู้) ฉะนั้นอาจารย์ยกนิทานง่ายๆ เรื่องหนึ่ง มีชายสองคนอยากลงมาเกิด ยมบาลถามว่าอยากเกิดเป็นอะไร คนหนึ่งตอบว่าอยากเกิดมาแล้วมีแต่ให้กับให้ ส่วนอีกคนหนึ่งก็คิดว่าคนนี้ให้ ฉันก็จะเป็นคนที่มีแต่รับดีกว่า พอลงมาเกิดคนที่มีแต่ให้ได้เป็นเศรษฐี คนที่มีแต่รับได้เป็นอะไรรู้ไหม (ขอทาน) ขอทานทุกวันนี้มีแต่รับ ถ้าอย่างนั้นเรามีชีวิตหนึ่งเกิดมาเพื่อให้หรือเกิดมาเพื่อรับ (เพื่อให้) เราให้แล้วเราก็แอบขอรับไปในตัว ใช่ไหม ขอทานน่าสงสารเราให้แล้วก็แอบขอรับให้ตัวเองใช่หรือไหม เขายอมรับว่าเป็นขอทาน แต่คนบางคนยังไปขอขอทานอีก ทำไมไม่ขอบคุณสักคำเลยล่ะ ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นถ้าจะให้ก็ให้ทั้งจิตและใจ ให้ด้วยบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่ให้แล้วไปขอเขาต่อ อย่างนี้ไม่ได้เรียกผู้ให้ที่ประเสริฐ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถามว่ามนุษย์ทุกคนที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ เราเคยคิดจะเป็นผู้ให้บ้างไหม (คิด) เราแสวงหาเพื่อเป็นผู้ครอบครองมากกว่าผู้ให้ ใช่หรือไม่ (ใช่) และเราก็รู้อยู่เต็มอกว่าถ้าเรารักใคร อยู่กับใคร ก็อยากให้เขานั้นรักที่ตัวตนของเรา ไม่ใช่รักอย่างครอบครองหรือเป็นเจ้าของ หรือขีดเส้นตายจนเราขยับตัวไม่ได้ ฉะนั้นการรับที่ประเสริฐหรือการให้ที่ประเสริฐก็คือการให้ที่ไม่หวังผล ให้เพราะเรามีความสุขที่ได้ให้ และการให้แม้จะเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่หรือมากมาย การให้ก็ไม่ได้สูญเสียหรือขาดเกินเลย ยินดีที่จะให้และทุกครั้งที่ให้ก็จะอิ่มใจและมีความสุข ถ้ามีชีวิตที่รู้จักให้อยู่เสมอ คนนั้นเกิดมาก็ไม่เสียชาติเกิด ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่มนุษย์หาเป็นเช่นนั้นไม่ มนุษย์มีชีวิตเพื่อครอบครอง มีชีวิตเพื่อช่วงใช้และเป็นเจ้าของ เมื่อคิดจะครอบครองพออะไรสูญเสีย ขาดหายก็เป็นทุกข์จริงไหม
จะครอบครองคนนี้ แต่คนๆ หนึ่ง ไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้งที่ปั้นอยู่ตรงนี้แล้วไม่เสื่อมสลาย ขนาด หิน ดิน ทราย ยังมีวันเสื่อมได้ คนก็มีวันเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้เราจดชื่อเป็นแฟน เป็นสามีภรรยากัน แต่ศิษย์แน่ใจหรือว่า ศิษย์ครอบครองเขาได้ แล้วให้เขาเป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิตได้ แต่คิดว่าจะสูญเสีย ใจก็เป็นทุกข์มหันต์แล้ว แล้วเรามีชีวิตอยู่เพื่อครอบครองหรือเพื่อให้ล่ะ (ให้) ไม่หรอก เราไม่ค่อยให้ ครอบครองไม่ได้ เราก็ต้องเป็นเจ้าของ หนักเข้าไปอีก แล้วเจ้าของล่ะ ถ้าหากเป็นเจ้าของแล้ว ถ้าเกิดระแวงสักนิดหนึ่ง ออกไปแล้ว จะไปยุ่งกับคนอื่นไหม ออกไปแล้วจะเป็นลูกที่ดีไหม ออกไปแล้วจะเชื่อฟังไหม ออกไปแล้วจะไปถึงโรงเรียนไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนตกนรก สร้างทุกข์ในใจ ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่เพื่อให้อิสระเขา ให้สิ่งที่ดีกับเขา หรือมีชีวิตเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของ ถ้าเริ่มต้นถูก ชีวิตก็ไม่ทุกข์ แต่ถ้าเริ่มต้นผิด ชีวิตก็หาทุกข์ใส่ตัว แล้วตอนนี้เรามีชีวิตเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของ หรือมีชีวิตช่วงใช้แล้วรู้จักให้กันล่ะ
ทุกข์อีกสาเหตุหนึ่ง เพราะความผูกพัน เพราะรัก ใช่หรือไม่ (ใช่) เหตุการณ์ในโลกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะเป็นจะตาย เราไม่รู้สึกอะไร เมื่อไหร่คนที่เรารู้จักจะเป็นจะตาย เรารู้สึกทันที ฉะนั้นความทุกข์ ไม่ได้อยู่ที่ดี ร้าย ได้ เสีย แต่ทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ใจผูกพันมากแค่ไหน (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนฝ่ายชายท่านหนึ่งยืนขึ้น) ตีเขาเจ็บไหม (ไม่เจ็บ) แต่ถ้าตีเราเจ็บไหม (เจ็บ) ฉะนั้นทุกข์มาก หรือน้อยไม่ได้อยู่ที่เหตุการณ์ แต่อยู่ที่หัวใจเราผูกพันกับสิ่งนั้นลึกซึ้งเพียงใด เกี่ยวกันกับสิ่งนั้นมากแค่ไหน ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าผูกพันมาก ก็ทุกข์มาก เจ็บมาก ถ้าไม่ผูกพันก็ทุกข์น้อย
ในโลกนี้เราผูกพันกี่อย่าง ไม่ว่าเจอปัญหาสาหัสสากรรจ์แค่ไหน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป หมดตัวแล้วมีได้ก็มีเสีย หมดตัวแล้วแต่ใจยังไม่หมด แรงใจมี หาได้ก็หาใหม่ จะกลัวอะไรถูกหรือเปล่า (ถูก) มีคำกล่าวคำหนึ่งว่า พ่อแม่หาทรัพย์มาให้ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่จิตที่ตั้งไว้ถูกต้องสามารถหาทรัพย์ได้ทั้ง โลกีย์ โลกุตระ สักการะ เคารพนับถือ และเกียรติยศ มากกว่าวิสัยที่พ่อแม่จะให้ได้ ขอเพียงจิตตั้งไว้ถูกต้อง พ่อแม่ให้เงินก็แค่ชั่วครู่ แต่ถ้าจิตกลายเป็นตั้งอยู่ในความ ขี้เกียจสันหลังยาว พ่อแม่หาให้เงินกองเป็นภูเขาเลากา สักวันก็หมดได้ใช่หรือไม่ (ใช่) จิตที่ตั้งไว้ถูกต้องนอกจากหาทรัพย์ในชาตินี้แล้วยังสามารถทำให้เกิดทรัพย์ในชาติหน้า ด้วยการตั้งจิตให้อยู่ในสัมมาอาชีพ สัมมาวาจา ขอเพียงจิตตั้งไว้ถูกต้อง แล้วจะอยู่ดำรงในโลกนี้อย่างผู้ที่รู้จักให้ และรู้จักอยู่บนโลกนี้ด้วยการที่เรียนรู้ความทุกข์อย่างเข้าใจและนำพาชีวิตให้หลุดพ้น สองสิ่งนี้จะทำให้เราสามารถตั้งจิตให้เราอยู่บนโลกนี้ แล้วสามารถสร้างโลกหน้าให้เกิดได้ ด้วยตัวตนเองจริงหรือไม่ (จริง) รู้แต่หาทรัพย์ปัจจุบันแต่ไม่เคยหาทรัพย์ในอนาคตเลยใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วทรัพย์ในอนาคตเหลืองๆ นี้ (สร้อยคอทองของญาติธรรมที่สวมใส่) เอาไปได้หรือไม่ แถมเป็นของปลอมอีกใช่หรือเปล่า (ใช่)
“เพราะว่าทุกข์ก็เลยทำหน้าบึ้ง คนหน้าตึงใครใครก็วิ่งหนี”
ใช่ไหม (ใช่) ลองดูสิถ้าหน้าไม่ยิ้มหน้าบึ้งๆ ใครละจะมอง
แค่มองก็ยังไม่อยากจะเหล่ตามองเลยใช่หรือไม่ (ใช่)
“เลยรู้สึกว่าตนเองโชคไม่ดี กระจกมีหันส่องมองหน้าตน”
ไม่ต้องดูหมอเลย โชคดีโชคร้ายอยู่ที่ตัวเรากำหนด แม้วันนี้จะเสียตังค์ แต่ถ้าเรารู้จักคิดว่าเสียไปก็ไม่เป็นไร เสียแล้วได้รู้จักคน เสียแล้วทำให้เราฉลาดขึ้นนั้นก็ประเสริฐแล้วใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนถ้าอาจารย์บอกว่าหยิบแอบเปิ้ลมาลูกหนึ่ง แล้วอาจารย์ปาใส่หัวศิษย์ หลบไม่หลบ (หลบ) หลบแล้วเก็บไหม (เก็บ) กินไหม (กิน) คิดได้อย่างนี้ประเสริฐนักแล แต่เวลาโดนคนด่าศิษย์หลบไหม (ไม่หลบ) เก็บไหม (เก็บ) กินไหม (กิน) เอามากินให้ทุกข์ใจ ฉะนั้นเรารู้จักหลบ ก็ต้องรู้จักเก็บ แล้วก็รู้จักกินด้วย เวลาโดนคนด่า บางทีหลบไม่ได้ แล้วศิษย์ก็ไปเก็บกินอีกนั่นก็หาทุกข์ใส่ตัวแล้วใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นรู้จักหลบแล้ว ก็ต้องอย่าไปเก็บมากิน แอบเปิ้ลเก็บแล้วมีประโยชน์ ถ้าอาจารย์เปลี่ยนใหม่ล่ะ เปลี่ยนเป็นเอาก้อนหินปาหลบไหม (หลบ) เก็บไหม (ไม่เก็บ) ไม่จริงหรอก เวลาใครเขาทำให้เจ็บใจ บางทีเจ็บกายยังไม่พอ กลับมาเจ็บใจ เจ็บจนลืมว่าบีบหินอยู่ จริงไหม (จริง) หินตกไปแล้วก็ช่างมัน ไม่เก็บมาบีบ บางทีผ่านไปสิบปีกลัวลืมจึงเขียนเอาไว้ ถูกไหม (ถูก) แล้วจำไหมละ (จำ) จำจนวันตายแล้วมันถูกไหมล่ะ (ไม่ถูก) ฉะนั้นอะไรที่มีประโยชน์เขาปามาก็เก็บมากิน แต่ถ้าอะไรที่ไม่มีประโยชน์มันเป็นก้อนหินอย่าเก็บ คิดให้ได้เหมือนก้อนหินกับแอบเปิ้ล คิดได้ไหม (คิดได้) ศิษย์เอ๋ย คนเก็บขยะยังรู้จักเลือกเก็บเลือกทิ้ง ศิษย์น่ะยิ่งกว่าคนเลือกเก็บขยะ มีอะไรเก็บหมดเลยได้ไหม (ไม่ได้) ต้องรู้จักใจนี้ ต้องรู้จักเก็บในสิ่งที่ควรเก็บ ที่ไม่ควรเก็บ เก็บแล้วเจ็บใจอย่าไปเก็บ เพราะยิ่งคิดมันก็ยิ่งแค้นใช่หรือไม่ (ใช่)
มนุษย์นั้นทุกข์เพราะอะไรหนอ ทุกข์เพราะเก็บในสิ่งที่ไม่ควรเก็บ หรือทุกข์เพราะเอาชนะทุกข์ของตัวเองไม่ได้ หรือทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ ตอบอาจารย์ดีไหม
วันนี้ต้องช่วยตัวเองแล้วนะ (ไม่ปล่อยวาง) วันนี้จะจับหรือปล่อย อย่างนั้นต้องรีบจับ อาจารย์จะปล่อย ต้องรีบจับนะ สิ่งที่ดีอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็ได้ เราทุกข์เพราะอะไรบ้าง มีใครตอบได้อีก มนุษย์เราทุกข์เพราะอะไรบ้าง คำถามไม่ยากนะ (ไม่รู้จักคิด, ไม่รู้จักตน, เกลียด) ความเกลียดก็เหมือนความผูกพันชนิดหนึ่ง เกลียดมากก็เจ็บมาก ถ้าไม่เกลียดเลยก็ไม่ทุกข์เลยใช่ไหม (ไม่รู้จักพอ, ผูกพัน, กาย) ถ้าตอนอายุน้อยรู้จักถนอมร่างกายก็คงไม่ต้องเจ็บตรงนั้นตรงนี้ (ใจที่คิดไม่ดี, สิ่งที่เราตั้งใจไม่ได้ดังหวัง, ความเปลี่ยนแปลง) แล้วในโลกนี้มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง ต้องยอมรับให้ได้ (โลภ, ยึดติด, รัก, ห่วง, ไม่รู้จักพอประมาณ) แล้วพอประมาณไหม เขารักเท่านี้อยากได้มากกว่านี้ แต่ถ้าเกิดเขาไม่ให้ก็ทุกข์ใช่หรือเปล่า (ใช่) ทุกข์เพราะคิดในสิ่งที่อยากได้ แล้วได้ไหม (ไม่ได้) เพราะเอาแต่คิดแต่ไม่เคยลงมือทำต่างหาก ทุกข์เพราะ (ในครอบครัว) เพราะครอบครัวไม่เป็นดั่งหวังใช่หรือไม่ (ใช่) ทุกข์เพราะ (ต้องการมากไป) ฉะนั้นก็ต้องรู้จักประมาณตนดีไหม (ดี) ทุกข์เพราะ (เป็นห่วงเป็นใย, อยากครอบครองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ, กิเลสและตัณหามาก) กิเลสไม่อยากได้แอปเปิ้ลหรือเปล่า ทุกข์เพราะ (ดูแต่คนอื่นไม่มองตัวเอง) แล้วตัวเองทำได้ไหม
ทุกข์เพราะ (กังวลใจ, คนที่เรารักไม่สบาย) ถ้าเราดูแลให้ดีเดี๋ยวเขาก็หายใช่ไหม (ใช่) ทุกข์เพราะ (ถูกคนหลอกลวง) โดนหลอกแล้วหรือถ้าไม่ใจง่ายก็ไม่โดนหลอกใช่ไหม ถ้าไม่เชื่อคำคนง่ายก็ไม่โดนหลอกง่ายๆ หรอกนะ ทุกข์เพราะ (พลัดพราก) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอนิจจังความไม่เที่ยง ใครๆ ก็เจอใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นต้องทำใจให้เข้มแข็ง ทุกข์เพราะ (ไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่, โรคภัยไข้เจ็บ) ต้องรู้จักระมัดระวังการกินการอยู่ ทุกข์เพราะ (ครอบครัว, พลัดพราก) พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคนที่ช่วยตัวเองนะ ถ้าศิษย์ไม่ช่วยตัวเองแม้วันนี้พุทธะอยู่ตรงหน้าก็เปล่าประโยชน์ เพราะศิษย์ไม่ช่วยตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่) ทุกข์เพราะ (ไม่สมปรารถนา, รัก, ความไม่ปล่อยวาง, วิตกกังวล) ทุกข์เพราะ (ไม่สบาย) สิ่งที่เกลียดอาจกลายเป็นยาได้นะ (ไม่เป็นดั่งที่หวัง, โดนใส่ความ)
มีใครจะตอบอาจารย์อีกไหม (ไม่เข้าใจกัน) ฉะนั้นก็ต้องใจเย็นๆ ต้องยอมรับ และค่อยๆ ใช้ อย่าหนีหนี้และเพิ่มหนี้เด็ดขาด ใจเย็นๆ มีเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้น (ไม่ได้ให้เลย) ถ้าไม่ให้เลยต้องกลับมาใช้ (ไม่มีแล้ว) ก็ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ หา มันมีได้ เชื่ออาจารย์มีได้ถ้าศิษย์ขยัน งานอะไรก็ไปช่วย ช่วยน้องก็ได้ ช่วยญาติก็ได้ แล้วขอเงินเขา แล้วก็ต้องแบ่ง ชีวิตแต่ก่อนศิษย์ไม่มีหนี้ แต่เพราะอะไรศิษย์จึงมีหนี้ (เพราะอยากมี อยากได้ อยากรวย) ก็รู้อยู่ ฉะนั้นมีอะไรหนักก็เอาเบาก็สู้ ไม่สู้ก็ไม่รอด สู้ก็รอด เชื่ออาจารย์ ถ้าไม่เชื่ออาจารย์ เชื่อตัวเองก็ได้ (ไม่มีแรงแล้ว) ที่ยืนเรียกว่าอะไร (ขา) ถ้าไม่มีแรงมันคงยืนไม่อยู่หรอก ฉะนั้นศิษย์ก็ต้องสู้ หางานที่ไม่ใช้แรงสิ
บางครั้งถ้ารู้ไม่ไหว แม้ตำแหน่งจะดีเงินจะดี เราก็ต้องรีบถอนตัว ไม่อย่างนั้นโดนเขาปรามาสทีหลังมันไม่คุ้มเลยใช่หรือไม่ (ใช่) ทุกข์เพราะมีอะไรอยู่ในใจที่ทำให้ไม่สบาย กินเหล้าไหม สูบบุหรี่ไหม (ไม่) ถ้ากายไม่สบาย ใจจะสบายไหม (ไม่) ฉะนั้นเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน ถ้าใจไม่สบายใจจะสบายได้อย่างไร ทุกข์เพราะถ้าเรามีที่พึ่งก็ไม่ต้องทุกข์ ก็ไม่ต้องทุกข์กับคนอื่นเลย ทุกข์เพราะ (เบื่อการทำงาน) เพราะเลือกจะทำงานสบาย งานลำบากไม่ยอมทำ ทุกข์เพราะ (ไม่ทำใจให้สงบ) คิดมาก ทุกข์เพราะ (เป็นห่วงพ่อแม่) ฉะนั้นอย่าห่วงไกลๆ เดินไปใกล้ๆ แล้วหมั่นไปหาท่านบ่อยๆ (การกระทำ) คราวหน้าคิดให้ดีก่อนใช่ไหมจะได้ไม่เสียใจเพราะตัวเอง (คำพูดที่พูดออกมาไม่คิด) พูดน้อยหน่อยจะได้ไม่ทุกข์เพราะปากตัวเอง (กลัวไม่มีที่พึ่ง ไม่มีลูก) ถ้าเราพึ่งตัวเองได้ไม่ยอมแพ้จะกลัวอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่) ทุกข์เพราะคนอื่นใช่หรือไม่ เป็นห่วงคนอื่นเป็นห่วงสังคมใช่ไหม (ใช่) ทุกข์เพราะ (ทำอะไรไม่เกิดประโยชน์) แล้วเพราะอะไรถึงทำอะไรไม่เกิดประโยชน์ล่ะ (เพราะไม่ได้ทำอะไร) รู้นี่แล้วยังเป็นอยู่ไหม (เป็นบ้าง) แล้วเมื่อไหร่ถึงจะรู้จักขยันทำมาหากิน (เร็วๆนี้) ฉะนั้นคงต้องให้มอเตอร์ไซด์เสียก่อนใช่หรือไม่ ถึงจะรู้จักทำมาหากินช่วยเหลือพ่อแม่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ระวังนะเวลาตัวเองทำแบบไหนถึงเวลามีลูก จะเป็นหนักยิ่งกว่านั้นนะ
ใครจะตอบอีก อาจารย์ดีใจนะที่ศิษย์อยากได้แอปเปิ้ล แต่ถ้าอยากได้แล้วไม่ได้ อาจารย์ก็หาเรื่องให้ศิษย์ทุกข์ใจใช่หรือไม่ (ต้องรับผิดชอบทางบ้านแต่เพียงผู้เดียว, เพราะอุปสรรคเยอะ, ทำให้คนอื่นเสียใจ, สอบไม่ได้) ขยันกว่านี้หน่อยนะ ดูหนังสือน้อยไปหรือเปล่า (ผิดหวัง, ลูกทำตัวไม่ดี) ต้องอดทน ลูกบางคนเกิดมาเพื่อชดใช้ แต่คนบางคนเกิดมาเราต้องชดใช้เขา (ทุกข์เพราะครอบครัว, ไม่มีงานทำ) หนักก็เอา เบาก็สู้ งานก็มี แต่เลือกงานใช่ไหม (ความลำบาก) ถ้าขยันทำไมต้องกลัวลำบาก ถ้าไม่ขยันก็ลำบากแน่ใช่ไหม (ทุกข์เพราะย่า, เจ็บไข้ได้ป่วย, ไม่มีใครสนใจ) มีแต่ศิษย์ไม่สนใจคนที่ควรสนใจ ศิษย์ไปสนใจที่ไม่ควรสนใจต่างหากใช่ไหม
(ทุกข์เพราะไข้, ไม่สบาย) หัวหน้าเพิ่งจะตอบหรือ (เสียสละให้คนอื่น) หัวหน้าตอบแล้วเหลือรองหัวหน้า (ความเกเร, ห่วงครอบครัว, ครอบครัวทะเลาะกัน) บางครั้งเราทุกข์เพราะไม่รู้จักยอมคนใช่หรือไม่ (ใช่) เรื่องบางเรื่องนั้นอาจจะเกิดจากกรรมเวร เรื่องบางเรื่องอาจจะเกิดจากความไม่เที่ยงของโลกใบนี้ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราต้องแยกให้ออก
ทุกข์เพราะอะไร (ทุกข์ในสิ่งที่คิดว่าจะทำได้กลัวไม่ได้) ทุกข์ว่าน่าจะทำได้แต่กลัวว่าจะทำไม่ได้ใช่หรือไม่ ทุกข์เพราะ (โดนด่า) คนในโลกทำดีก็ยังโดนด่า ทำไม่ดีก็โดนด่าใช่หรือไม่ (ใช่) แต่อาจารย์อยากบอกว่าเหมือนเวลาโดนหินปาหัวกับแอปเปิ้ลปาหัว ต้องรู้จักว่าคำด่านั้น ถ้าเกิดเอามาคิดใคร่ครวญไตร่ตรองมีประโยชน์ไหม (มี) มีประโยชน์ก็อย่าโกรธ เพราะเขารักและหวังดีจึงด่า ถ้าไม่รักไม่หวังดีไม่ด่าหรอก ตัวใครตัวมันใช่ไหม (ใช่)
ศิษย์เอ๋ย อาจารย์มาหลายครั้งอาจารย์เคยรักษาโรคให้ใครไหม (ไม่เคย) ผู้ปฏิบัติงานธรรมบอกหน่อยสิเคยไหม (ไม่เคย) อาจารย์เคยให้เลขเด็ดศิษย์ไหม (ไม่เคย) นักเรียนที่นี่อย่าหวังเพราะสิ่งเหล่านี้เรียกว่าสิ่งงมงาย ถึงแม้ว่าวันนี้อาจารย์จะรักษาศิษย์ให้หาย แต่ถ้าวันต่อไปศิษย์ไม่ดูแลร่างกาย กินไม่ระวัง ไม่ออกกำลังกาย ถึงเวลาก็กลับมาเป็นอย่างเดิมแล้วจะบอกว่าอาจารย์ไม่ศักดิ์สิทธิ์ได้ไหม (ไม่ได้) ถ้าวันนี้อาจารย์ให้เลขสามตัวไป ถึงเวลาศิษย์ซื้อแล้วไม่ถูกอาจารย์ก็โดนว่าอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วถ้าหากคนอื่นซื้อแล้วถูก อาจารย์ก็โดนว่าอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอาจารย์ถึงอยากจะบอกศิษย์ว่าทุกข์นั้นอยู่ที่ไหน ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ใจ แต่เราจะสรุปทุกอย่างว่าอยู่ที่ใจหมดไม่ได้ แต่สาเหตุจากทุกข์เกิดขึ้นเพราะว่า เราไม่อยู่กับปัจจุบัน เราไม่ยอมรับความจริง ใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่ก่อนเคยดีมาก่อน ตอนนี้ไม่ดี ตอนนี้รับไม่ได้ เคยไม่ดีมาก่อน ตอนนี้ไม่ดียิ่งขึ้น ศิษย์ก็รับไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) เราทุกข์เพราะเราไม่อยู่กับความเป็นจริง ปัจจุบันนี้เราต้องเสีย ปัจจุบันลูกไม่น่ารัก แต่ก่อนแข็งแรง ปัจจุบันนี้เจ็บป่วย แล้วใครในโลกที่เกิดมาแล้วไม่เจ็บ ไม่พลัดพราก ไม่สูญเสีย ไม่ต้องตาย มีไหม (ไม่มี) เราทุกข์เพราะไม่อยู่กับปัจจุบัน ชอบยึดมั่นถือมั่น สิ่งที่ดีผ่านไปแล้ว อยากให้มันกลับมา สิ่งที่ไม่ดีอยู่กับปัจจุบันเราก็รับไม่ได้ เกลียดๆ เกลียดแล้วเราปล่อยไหม (ไม่ปล่อย) ยังคิดอยู่นั่นแหละ ถ้าปล่อยแล้วมันจะทุกข์ไหม แล้วเราคิดไหม (คิด) ทุกข์เพราะความยึดมั่นถือมั่น
อาจารย์ยกตัวอย่างง่ายๆ ศิษย์เคยได้ยินนิทานเรื่องหนึ่งไหม อาจารย์ว่าเคยได้ยิน ถ้าอาจารย์เปรียบเทียบ แต่อย่าโกรธอาจารย์นะ เพราะเป็นนิทานที่ใครๆ ก็รู้ มีสุนัขตัวหนึ่งคาบเนื้อได้ชิ้นหนึ่ง แล้วเดินผ่านสะพาน เผอิญเห็นเงาในน้ำ แล้วปล่อยเนื้อในปากแต่ไปคาบเนื้อในน้ำ แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม (ไม่เป็น) ได้เท่านี้เคยพอใจไหม (ไม่พอใจ) ต้องมีกว่านี้ แล้วเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้ดีสักอย่าง มัวแต่ยึดมั่น กับสิ่งที่เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ทั้งที่ชีวิตถึงเวลาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ถ้าวันนี้ศิษย์ดีถึงที่สุดแต่ลูก สามี ไม่ดี ครอบครัวไม่ร่มเย็น เราทำอะไรได้ บางครั้งทำได้อย่างเดียว คือ ทำใจแล้วก็ปล่อยวาง เรามานั่งฟังธรรมะเพื่ออะไร เพื่อให้อาจารย์ตีกระหม่อม หรือ เพื่อรักษาโรค แต่อาจารย์ต้องการให้ศิษย์รู้แจ้งถึงความเป็นจริงของชีวิตที่ศิษย์กำลังถูกครอบงำอยู่ คนบางคนปล่อยให้ความทุกข์ครอบงำจนตาบอด หูหนวก แยกไม่ออกแล้ว อะไรดี อะไรชอบ ทุกข์จนทำให้เจ็บตัว เจ็บใจ ก็ยังไม่เลิกทุกข์สักที น่าอันตรายนัก ฉะนั้นเราเรียนรู้ธรรมะ เพื่อรู้เท่าทันไม่ปล่อยอะไรให้มาครอบงำใจ จนทำให้แยกแยะไม่ออกว่าอะไรผิดชอบชั่วดี จนทำให้เราไม่รู้จัก เจ็บแล้วต้องปล่อย เจ็บแล้วยังคิดไหม ปล่อยไหม ครอบงำเราจนลืมตัวลืมตน ลืมถูก ผิด อย่างนั้นอันตรายนะศิษย์ เราศึกษาบำเพ็ญธรรมเพื่อมีสติเรียนรู้จักตน รู้เท่าทันตน ได้ไหม อย่างที่อาจารย์สรุปง่ายๆ ก็ได้ “อยู่ในโลกนี้ช่วงใช้ แต่ไม่ครอบครอง” อยู่ในโลกแต่อยู่เหนือโลก สิ่งใดมากระทบแต่ไม่กระเทือนใจ ทำได้ไหม (ได้)
อาจารย์ชมว่าหล่อ (ขอบคุณครับ) ยังอดภูมิใจไม่ได้ ใช่หรือไม่ นี่แหละศิษย์ยังไม่ผ่าน ถ้าเกิดศิษย์ดำรงชีวิตได้ไม่ว่าอะไรมากระทบกระเทือนใจ ศิษย์ก็ต้องไม่หวั่นไหว เพราะเมื่อไหร่ที่ได้รับคำชม ก็ต้องยอมรับคำเกลียด ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าตอนนี้ในโลกนี้แม้คำชมศิษย์ก็ไม่รับ แม้คำเกลียดศิษย์ก็ไม่ผลักไส ใจเราจะหวั่นไหวอะไร แต่เพราะมีสิ่งที่รักและสิ่งที่ชอบ ฉะนั้นอะไรที่ทำให้รัก ก็เรียกว่าสุข อะไรที่ทำให้ไม่ชอบก็เรียกว่าทุกข์ ถ้าอยากพ้นทุกข์ก็อย่ามีสิ่งที่รักและชอบเลย แต่ทำยาก ใช่ไหม (ใช่) ถ้าอย่างนั้นก็จงทุกข์ต่อไปเลยนะ ถ้ายังเลิกรักไม่ได้ เพราะอย่าลืมนะว่าคนที่รักที่สุดก็คือคนที่ทำให้ศิษย์ทุกข์ที่สุด และใครที่ทำให้เราทุกข์ที่สุด ก็ตัวเรานี่แหละ รักคนที่ไม่ควรรัก
เรียนรู้ธรรมะอย่างคนที่เข้าใจชีวิตและเอาสิ่งที่เข้าใจไปนำพาชีวิตให้ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องศรัทธาอาจารย์ แต่จงศรัทธาในความดีงามของศิษย์ที่สามารถทำให้ศิษย์ก้าวพ้นทะเลทุกข์แห่งการเวียนว่ายไม่จบสิ้น ตามใจตัวเองมาบ่อยแล้ว รู้จักทำอะไรขัดตัวเองบ้าง อาจจะมีประโยชน์กว่าก็ได้นะ ใช่ไหม (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “ไฟแห่งศรัทธา”)
พลังอยู่ภายใน มีใจใครก็มีแรง แต่ถ้าอ่อนใจใครๆ ก็ (อ่อนแรง) ฉะนั้นจงศรัทธาขุมแห่งพลังในตน อย่าชื่นชมธรรมะ แต่ถึงเวลากลับไม่ยอมเอาธรรมะมาใช้นั่นก็เปล่าประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่าไปหวั่นวันข้างหน้า แต่อาจารย์หวั่นวันนี้ ศิษย์จะเอาธรรมะไปใช้จริงๆ หรือเปล่า ถึงที่สุดแล้วอาจารย์ชี้ทางอันประเสริฐ ศิษย์จะเดินหรือไม่เดินขึ้นอยู่กับตัวศิษย์ เหมือนที่มีคำกล่าวไว้ว่าสวรรค์มีทางให้เดิน มนุษย์กลับไม่เลือกเดิน แต่นรกไม่มีทางให้เดิน มนุษย์ไขว่คว้าอยากจะไปเดิน จริงไหม (จริง) ทำอย่างไรเมื่อเราหลับตาหรือลืมตาแล้วเราก็ไม่ต้องวิตกกังวลทุกข์ร้อน นั่นก็คือ คิด พูด ทำแต่สิ่งที่ดี แม้หลับตาตายก็ภูมิใจแล้ว
ถามศิษย์วันนี้กล้าหลับตาตายหรือยัง ยังหลับไม่ลงเลยใช่ไหม เพราะบุหรี่ก็เอา เหล้าก็ดื่ม ความโลภ โกรธ หลงก็ไม่เคยลดเบาเลย ใช่หรือเปล่า ทั้งที่จริงๆ แล้วมนุษย์สามารถเป็นสุขได้ถ้ารู้จักพอ ถามว่าตอนนี้ให้ศิษย์หยุดทำงาน ศิษย์ก็ยังมีกินมีใช้ไปตลอด แต่กินใช้อย่างพอเพียงนะ แต่ทำไมต้องปล่อยเวลาให้สร้างกรรมไปเปล่าๆ เพราะว่ากรรมนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเราได้ มีแต่เราที่เป็นผู้ไถ่ถอนและหยุดด้วยตัวเราเองนะ ฉะนั้นเวลาเจอคนไม่ดีมา ศิษย์จงจำไว้นะว่าศิษย์กำลังได้ชดใช้ แต่ชดใช้แล้วศิษย์จะสร้างเพิ่ม ศิษย์ชดใช้เพื่อจบกัน ถ้าเวลาเขาด่า ศิษย์อดทน ศิษย์ยินดีชดใช้ ศิษย์ไม่โกรธ นี่คือการชดใช้ที่จบเวรจบกรรม แต่ถ้าเขาด่า ศิษย์โกรธ ศิษย์แค้น ศิษย์จำฝังใจ นั่นก็คือศิษย์กำลังก่อเวรก่อกรรมไม่จบสิ้น ฉะนั้นเวลาใครร้ายมา จงอดทน ให้อภัยและเป็นสุข ศิษย์จะสามารถตัดเวรตัดกรรม ไม่ต้องไปเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป ทำดีได้ไหม อดทนหน่อยนะ
อาจารย์อยากให้ศิษย์เร่งรีบกระทำในสิ่งที่ควรกระทำได้แล้ว นั่นคือเรียนรู้ชีวิตและเข้าใจตัวเองให้ถูกต้อง ความทุกข์ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ถ้าศิษย์เข้าใจและรู้แจ้ง ความทุกข์จะนำพาชีวิตไปสู่ทางอันประเสริฐ ชีวิตไม่ได้เกิดมาครอบครองและสะสม แต่ชีวิตเกิดมาเพื่อรู้จักที่จะให้ เพราะการให้เป็นสิ่งที่ประเสริฐ แต่การครอบครองเป็นเจ้าของและสะสมคือความทุกข์อันมหันต์ แค่คิดว่าจะครอบครองแล้วเขาไม่อยู่ในครอบครองเราก็เหมือนคนที่ตกนรกทั้งเป็นแล้ว แล้วในโลกนี้เราครอบครองสิ่งใดได้ ตัวศิษย์เอง ศิษย์ยังไม่รู้เลยว่า พรุ่งนี้จะอยู่หรือจะไป ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วมัวไปห่วงคนอื่นทำไม เพราะทุกคนย่อมมีชะตาชีวิตเป็นของตนเอง ควรห่วงว่าวันนี้ทำดีหรือยัง ใช่ไหม (ใช่)
แม่ครัวเหนื่อยไหม ผู้ปฏิบัติงานธรรมเหนื่อยไหม ศิษย์รู้ไหมคนที่ทำครัวให้ศิษย์นี่ผมหงอกแล้วนะ อายุมากพอๆ กับศิษย์ที่บอกว่าเป็นหนี้ด้วย แต่เขายังมาทำไหวเลยศิษย์รู้ไหม อายุพอๆ กับศิษย์เลยแต่เขายังมาทำครัวได้ แถมบางคนมากกว่าศิษย์อีก เพราะเขาใจสู้นะศิษย์
อาจารย์ก็คงต้องไปแล้วนะ หาห่วงให้กับตัวเองก็คิดให้ดีๆ นะ ไม่อย่างนั้นห่วงอาจจะรัดคอตายก็ตายจริงไหม (จริง) ชีวิตนี้คิดให้ดีๆ อยากหาอะไรให้กับตัวเอง สะสมอะไรให้กับชีวิต ไม่ใช่สะสมไปสะสมมากลายเป็นฆ่าชีวิต แล้วทำให้ชีวิตต้องเกิดแล้วเกิดเล่าเพื่อใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยจริงหรือเปล่า (จริง) ศิษย์รักทำอะไรที่ดีแล้ว ก็จงรักษาความดีไว้ อาจารย์เคยบอกให้ศิษย์ของอาจารย์เป็นเหมือนเกลือใช่หรือไม่ (ใช่) เกลือรักษาความเค็มได้ดีฉันใด ก็ขอให้ความดีของศิษย์ยังอยู่ในใจของศิษย์อย่างนั้น ทำโดยไม่หวังผล แล้วบุญนั้นจะเป็นบุญอันประเสริฐใช่หรือเปล่า (ใช่)
หลังจากชีวิตนี้ที่อาจารย์ให้ไปแล้วจงทำให้ดีที่สุด คิดในสิ่งที่ควรคิด ไม่อย่างนั้นความคิดจะฆ่าตัวเอง อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้นะศิษย์ อย่าดื้อดึงมาก ทำให้เต็มที่อาจารย์ก็ดูแลเต็มที่ใช่หรือไม่ (ใช่) วันนี้อาจารย์ก็คงต้องจากศิษย์ไปแล้ว ดีใจที่ได้เจอหน้า แต่ลึกๆ ก็หวั่นใจว่าศิษย์จะเป็นเช่นไร ชีวิตขึ้นอยู่กับเราเองนะ ไม่มีใครกำหนดได้ จงศรัทธาเชื่อมั่นในความดีของตัวเอง ไม่เชื่ออาจารย์ไม่เป็นไร แต่ขอให้เชื่อในความดีของตัวเอง
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ไฟแห่งศรัทธา”
พลังนั้นอยู่ภายใน มีใจใครก็มีแรง
อ่อนใจใครก็หมดแรง ศรัทธาขุมแห่งพลัง
ชมชื่นใช่แต่ชื่นชม จงก้มจิตทำทุกอย่าง
เรียนธรรมให้ลึกและกว้าง คนตั้งอยู่ด้วยมีใจ
ความมุ่งมั่นอยู่ในตน เอ่อท้นผลักดันแก้ไข
ชีวิตไม่หวั่นยาวไกล หวั่นใจวันนี้ที่เป็น