西元二○○八年 歲次戊子 三月十四日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สถานธรรมฉือฮุ่ย ต.จันดี จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทพระนาจา
ปล่อยชีวิตล่วงเลยจนถึงบัดนี้ มากความดีหรือความหลงจมยึดมั่น
ห่วงอัตตาติดตัณหาเต็มชีวัน ทำใจปล่อยปลงไม่ทันทุกข์วางวาย
เราคือ
ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ยินดีต้อนรับเราไหม
ยิ่งให้ยิ่งได้รับกันทุกหมู่ ทบทวนดูความสุขมาจากรับหรือ
สละให้จากใจนี้มิยึดถือ เมตตาคือยินรู้เพียงช่วยคนเป็น
เป็นคนดีที่เป็นถึงข้างใน มีรอยยิ้มจากใจให้คนเห็น
ก้าวไม่ยั้งก็แพ้กันไม่เป็น อยู่ยากลำเค็ญลำบากเป็นสุขได้จริง
สบายกายก็มีสุขใจมีติด ใช้ชีวิตง่ายเรียบความในใจนิ่ง
คนไม่มีพอได้ในใจวิ่ง หวังมากมีพอนิ่งหวังต่อไป
ต่างมีใจเอื้อเฟื้อรักการช่วย เต็มใจด้วยพอมากทนไม่ไหว
กว้างแคบใจน้ำมีขึ้นลงไป ช่วยคนไกลใกล้ไม่ช่วยใช่เมตตา
เพื่อนบ้านใกล้เปี่ยมมิตรไม่รู้หน่าย ถ้อยทีถ้อยอาศัยเตรียมไม่ถือสา
อ่อนน้อมจริงความให้เกียรติสุภาพนา สุขุมเย็นต่อกันพานอกในสัมพันธ์
พูดต่อต่อแบ่งใจฟังประมาณหนึ่ง คำแต่งปั้นใจที่ตึงหลายสถาน
ตอบไม่ดีนี้กันคนเข้าใจกัน โดยที่หมั่นให้เกียรติทุกผู้คน
ร้อยเรียงทีถ้อยต่างน้ำเสียงไป แตกร้าวจึงกลมเกลียวได้ มธุรส ผล
คนสนิทพูดง่ายง่ายต้องเสียคน คิดพูดทำระมัดระวังตนจึงดี
ฮิ ฮิ หยุด
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
วันนี้เรามาฟังธรรมะเพื่อหาในสิ่งที่พอใจ หรือว่ามาฟังธรรมะเพื่อหาความสงบในจิตใจ (หาความสงบในจิตใจ) แล้วความสงบเป็นสิ่งที่เราพอใจหรือไม่พอใจ (พอใจ) จริงหรือ เมื่อสักครู่นี้บอกว่าความครึกครื้นกับความสงบอะไรหาง่ายกว่า แล้วชอบอะไรมากกว่ากัน ความต้องการที่แท้จริงมักจะสวนทางกับชีวิตเสมอใช่หรือไม่ (ใช่) จริงๆ เราชอบอย่างหนึ่งแต่โลกมักให้เราอีกอย่างหนึ่งเสมอถูกหรือเปล่า (ถูก) เรารู้ว่าจริงๆ อย่างนี้ดีแต่เราก็มักอดไม่ได้ไปชอบในสิ่งที่ไม่น่าจะเอาเสมอใช่หรือไม่ (ใช่) ให้มาฟังธรรมะดีไหม (ดี) แต่ฟังไหม (ไม่ฟัง) ทำดีเป็นสิ่งดีไหม (ดี) แต่ทำไหม (ไม่ทำ) เหมือนที่มนุษย์พูดกันว่า “ในเมื่อโลกเต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้าย ทำไมเราจะต้องเป็นคนดีใช่ไหม ในเมื่อมีแต่คนไม่ดีแล้วทำไมฉันจะต้องรักษาความดีอยู่คนเดียว” มนุษย์ชอบพูดอย่างนี้ “เธอดีเธอกินเจเธอไปคนเดียวเถอะฉันยังกิเลสหนาอยู่ ฉันยังบาปอยู่” ใช่หรือไม่ ถามว่า ถ้าตอนนี้ในโลกฝนตกไปทั่วทุกที่ เราจำเป็นต้องเปียกไหม (ไม่จำเป็น) ฉันใดก็ฉันนั้น ในเมื่อโลกโสมมแล้ว ทำไมเราจะต้องโสมมไปด้วยถูกไหม (ถูก) ในเมื่อคนอื่นเขาไม่ดี แล้วเราต้องไม่ดีเหมือนเขาหรือ ในโลกฝนตกแล้วเราจะต้องเปียกฝนไหม (ไม่) เราก็ยังมีที่หลบฝนได้ใช่หรือเปล่า เรายังรู้วิธีที่จะหลบไม่ให้เปียกฝนได้
ฉะนั้นเหมือนกันถ้าโลกไม่ดีแล้วเราจำเป็นต้องไม่ดีเพราะโลกไหม ที่ไม่ดีใช่เพราะโลกหรือเปล่า แต่เป็นเพราะตัวเราไม่ใฝ่ดีเองต่างหากใช่หรือเปล่า (ใช่) เหมือนกันเมื่อโลกสกปรกแล้วเราจำเป็นจะต้องสกปรกด้วยไหม (ไม่) แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งเราสกปรกเราทนได้ไหมว่าเราจะสกปรกไปตลอดชีวิต เมื่อเรารู้สึกคันเนื้อคันตัว เราก็ต้องไปล้างใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเหมือนกันไม่ว่าโลกภายนอกจะเลวร้ายขนาดไหน แต่ใช่ว่าจะทำให้หัวใจเราหรือตัวเราต้องเลวร้ายตามไปด้วย เพราะโดยพื้นฐานของตัวท่านในที่นี้รักความสะอาดเกลียดความสกปรก ถามจริงๆ วันนี้ถ้าไม่อาบน้ำทนไหวไหม ถ้าไม่อาบวันหนึ่งพออดทนได้ วันที่สองทนได้ไหม วันที่สามก็ไม่ต้องพูดถึง แค่ฟันไม่ได้แปรงสักวันหนึ่งยังรู้สึกว่าสกปรก แท้ที่จริงแล้วมนุษย์ทุกผู้ทุกคนรักความสะอาด เกลียดความสกปรก รักสิ่งที่ดี เกลียดสิ่งที่ไม่ดีใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เพราะอะไรจึงปล่อยให้ตัวเองสะอาดแต่ภายนอก ส่วนภายในกลับดูไม่ออกว่าสกปรก ขยันทำบุญแต่ภายนอก แต่หัวใจกลับไม่ทำบุญด้วยจริงไหม (จริง) เคยไหมมือนะทำบุญแต่ในใจคิดว่าไม่อยากจะให้เลย “ทำไมฉันต้องให้” ได้ซองกฐินซองแรกก็ชอบหรอก พอซองที่สองมาอีกก็คิดว่ามาอีกแล้ว ได้ซองที่สามก็คิดว่า “จะทำดีไม่ทำดี” พอถึงซองที่สี่ก็ทำไปอย่างจำใจ ฉะนั้นเราจึงเป็นคนเพียงแค่ภายนอก แต่หัวใจเรายังเป็นคนไม่ถึงที่สุดนะใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นเรามาทำให้ถึงที่สุดดีไหม อย่าเป็นคนที่จอมปลอม ดีแต่เพียงภายนอกแต่ต้องดีทั้งภายนอกและภายในดีไหม (ดี) ดีอย่างไรล่ะ ลองมาฟังกันดีไหม บางคนอายุมากแล้ว เคยถามตัวเองไหมว่า เรามีความดีเต็มไปหมดหรือว่าเรามีแต่ความยึดมั่นถือมั่นเต็มไปหมด เรารู้ว่าเรามีอะไรในชีวิต แต่ถามว่าเรามีอะไรดีๆ ในชีวิตไหม เรารู้ว่าเรามีสิ่งของ มีเกียรติ มีชื่อเสียง มีทรัพย์สิน แต่เคยถามไหมว่าหัวใจเรามีอะไรดีๆ ในชีวิตบ้าง ไม่เคยถามตัวเองเลยใช่หรือไม่ (ใช่) และสิ่งที่เราคิดว่ามีเยอะเต็มไปหมด พอถึงเวลาแล้วสิ่งที่เรามีนั้นกลับทำให้เราทุกข์ พอทุกข์แล้วเราปล่อยวางทำใจได้ทันไหม เพราะทั้งชีวิตมีแล้วเก็บๆ เก็บเยอะๆ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่วันนี้เรามาฟังธรรมะเพื่อปล่อย ปล่อยถึงขนาดไม่มีก็ได้ เอาไหม
วันนี้เรามาไม่ได้ให้ท่านเพิ่มความยึดมั่นถือมั่น เพิ่มความมั่งมีอยากได้นะ แต่วันนี้เรามาเพื่อบอกให้ท่านรู้จัก ปล่อย คลาย แล้วก็วางเอาไหม (เอา) เรารู้ว่าไม่มีใครอยากได้วิชานี้ แต่ถึงเวลาวิชานี้ทุกคนก็ต้องเรียน ถ้าไม่เรียนต้องเจ็บก่อนได้บทเรียน จริงไหม (จริง) เมื่อถึงที่สุดเราเอาอะไรไปได้ (ไม่ได้) มาตัวเปล่า ก็ต้องไปตัวเปล่า แล้ววันนี้มาเรียนวิชาการเป็นคนตัวเปล่าๆ ไม่ดีหรือ (ดี) เอาไหม (เอา) ต้องมีเหตุผลโน้มน้าวถึงจะเอา
ยินดีต้อนรับเราไหม อยู่กับศิษย์พี่นะได้เล่นสนุกได้ฟังธรรมะแบบไม่เบื่อด้วยไม่เอาหรือ เป็นธรรมดา มีคนเชื่อและไม่เชื่อ มีคนเห็นทั้งจริงและเห็นว่าปลอมใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่ผิดหรอกในโลกนี้มีทั้งสิ่งที่จริงและสิ่งที่เท็จ สิ่งที่คนเชื่อและสิ่งที่คนไม่เชื่อ เป็นธรรมดา แม้แต่พระพุทธองค์ยังมีคนชมมีคนติ ยังมีคนศรัทธาและคนไม่ศรัทธา อยู่ในโลกนี้เป็นเรื่องธรรมดา ทุกเรื่องเราต้องพบประสบเจอ เราอย่าหวังว่าจะต้องเจอสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเดียวไปตลอดชีวิตเป็นไปได้ไหม เราหวังว่าชีวิตนี้เราต้องเจอแต่สิ่งที่เราพอใจตลอดชีวิตเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) บางครั้งต้องมีสิ่งที่ไม่พอใจ มีเสียงที่ขัดหู และบางครั้งมีเรื่องที่ขัดใจ ถูกหรือไม่ (ถูก) คนที่เรียนรู้ชีวิตอย่างแท้จริง จะเป็นผู้ที่สามารถยืนอยู่ระหว่างสิ่งที่พอใจและไม่พอใจได้อย่าง (สุข) ถ้าเราจะเลือกเอาสิ่งที่เราพอใจ ชอบสิ่งที่เป็นจริง ไม่มีสิ่งหลอกลวงเลย ไม่มีสิ่งที่เราไม่ชอบเลยเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) คนที่พยายามใฝ่หาสิ่งที่เราพอใจอยู่ตลอดเวลา คือคนที่พยายามเดินไปสู่หนทางแห่งความหลอกลวง ท่านว่าจริงไหม (จริง) ถ้าชีวิตนี้ เจอแต่สิ่งที่เราชอบ เราพอใจ เราถูกใจ เราดีใจ คนนี้เท่ากับเดินไปสู่ความหายนะไหม (ใช่) ยกตัวอย่างง่ายๆ เราอยู่ในกลุ่มใหญ่ๆ ต้องมีคนที่ชมเรากับคนที่ติเรา ถูกหรือไม่ ระหว่างชมกับติ ชอบอันไหนมากกว่ากัน (ชม) ทุกวันเดินไปหาแต่คนที่ชม เดินไปหาแต่คนที่ชอบ เราจะรู้จักตัวเองที่แท้จริงไหม (ไม่รู้จัก) แล้วเราจะสามารถมองเห็นโลกใบนี้ที่จริงแท้ไหม (ไม่) เพราะมัวแต่บ้ายอ เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองดีหรือไม่ดี แล้วคนที่เอาแต่ชมเป็นคนดีหรือไม่ดีกันแน่ จนกระทั่งวันหนึ่งต้องประสบพบเจอนิสัยตัวเองแท้จริง จึงได้รู้ว่าน่าจะเชื่อคนที่ติบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) น่าจะเดินไปหาคนที่ติบ้าง แล้วน่าจะมองเห็นคุณค่าของคนที่เรารังเกียจบ้าง ถูกหรือเปล่า (ถูก)
เราอยู่บนโลกนี้ มองสิ่งใดอย่ามองอย่างด้านเดียว หรือมองอย่างยึดมั่นตายตัว เช่นมองคนนี้ สูงอย่างไร ก็ต้องสูงอย่างนั้น เขาไม่มีวันเตี้ยไปกว่านี้ หรือสูงไปกว่านี้ เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ฉันใดก็ฉันนั้น คนนี้ดีได้มากเท่าไหร่ เขาก็สามารถเปลี่ยนเป็นชั่วได้เท่านั้น ถูกหรือไม่ ฉะนั้นเรามองสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ต้องมองให้เห็นถึงความเป็นจริงทั้งดีและร้าย ทั้งเริ่มต้น ทั้งท่ามกลาง และถึงที่สุด ถูกหรือไม่ (ถูก) หากเรามองแค่ข้างนอก ไม่มองข้างในได้ไหม มองแล้วเราสนใจแต่คำพูด ไม่ได้สนใจเนื้อแท้ข้างในได้ไหม (ไม่ได้) ทำไมล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นรูปลักษณ์ภายนอกอันจอมปลอมจะลวงหลอกตา และ หู เราได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนกับคำที่พูดว่า “มองอะไรก็ต้องมองให้เห็นถึงแก่นแท้” และ “มองอะไรก็ต้องมองให้เห็นถึงที่สุด” แก่นแท้คือเห็นถึงเนื้อใน ที่สุดคือมองให้เห็นความเป็นจริงใช่หรือไม่ (ใช่)
แก่นแท้ก็คือเนื้อใน ถึงที่สุดแล้วก็คือความว่างเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่) ทุกชีวิตเดินไปสู่ความว่างเปล่า แต่ในช่วงความมั่งมีอยากได้นั้น เรารู้จักปล่อยวางบ้างหรือไม่ ถ้าไม่รู้จักปล่อยวางสักวันหนึ่งความว่างเปล่าจะสอนให้เรารู้จักเอง ถูกไหม (ถูก) ดังที่มนุษย์พูดว่าเกิดมาต้องมีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทุกชีวิตก็เหมือนกัน มีเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ไม่มีใครคนใดหนีพ้น ในของจริงก็มี (ของปลอม) ในของปลอมก็มี (ของจริง) ในสิ่งที่ชอบก็มีสิ่งที่ (ไม่ชอบ) ในสิ่งที่ไม่ชอบก็มีสิ่งที่ (ชอบ)
ถ้าคนลืมแก่นแท้ความเป็นจริงของตัวเองหรือแก่นแท้ความไม่เป็นจริงของชีวิต บางทีก็วิ่งหาเสียเหนื่อย ถูกหรือไม่ (ถูก) เหมือนกับความอยากของเรา ทำอย่างไรถึงจะทำให้เรามีความสุขเสียที เราวิ่งไปหาแทบตาย ถึงเวลาแล้วก็อยู่ที่ใจเรา เมื่อไหร่จะพอเสียที ถ้าพอเมื่อไหร่ก็มีความสุขเมื่อนั้น แต่ถ้าไม่พอ ไม่มีวันมีความสุขหรอก ยิ่งวิ่งหาก็ยิ่งเหนื่อยเปล่าๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)
อย่าเป็นคนที่ตั้งคำถามแล้วตอบคำถามให้ชีวิตตัวเองไม่ได้ เป็นผู้หาเหตุแห่งทุกข์แล้วดับทุกข์ตัวเองไม่ได้ เราเป็นอย่างนั้นไหม อยากให้คนมารัก แต่ตัวเองยังรักตัวเองไม่เป็น เมื่อรักตัวเองไม่เป็นแล้วใครจะรักเราลง ใช่หรือไม่ (ใช่) ทุกคนอยากให้คนอื่นเคารพนับถือตัวเอง แต่ตัวเองทำอะไรให้คนอื่นเคารพนับถือบ้างหรือยัง อยากให้คนอื่นไหว้ตัวเองทำไม ในเมื่อตัวเองยังทำตัวไม่น่าไหว้เลย แต่ถ้าเราอยากจะสอนเขา แม้เขาจะทำตัวไม่น่าไหว้ ให้เราพยายามไหว้เขาบ่อยๆ สักวันหนึ่งเมื่อเขาโดนไหว้บ่อยๆ เขาก็จะรู้สึกว่า “เขาไหว้ฉัน” คนที่ไม่ดีต้องพยายามรักษาตัวเองให้ดี เพราะเขาอุตส่าห์ไหว้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่การทำแบบนี้ก็จะทำให้คนนั้นมีจิตสำนึกที่จะระมัดระวังตัวเองยิ่งขึ้น เหมือนเรารู้ว่าเขาไม่ดี แต่เราก็บอกว่า “ฉันเชื่อใจเธอ สักวันเธอต้องมีดี ความดีของเธอต้องปรากฏ” เขามีกำลังใจไหม (มี) แต่ไม่ใช่ว่าพอเขาไม่ดี เราก็บอกว่า “เธอมันไม่ดี” เขาก็จะไม่ดีไปตลอด ใช่หรือไม่ (ใช่) จะดีทำไมในเมื่อโดนว่าไม่ดีอยู่แล้ว ถูกหรือเปล่า (ถูก) ถ้าอย่างนั้น ว่าเขาดีหรือว่า ชมเขาดี (ชม)
คนที่รู้จักให้ย่อมยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยากจะรับใช่หรือไม่ (ใช่) จิตใจที่รู้จักให้ย่อมเป็นจิตใจที่ยิ่งใหญ่กว่าจิตใจที่เอาแต่รับฝ่ายเดียวถูกหรือเปล่า (ถูก) แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกนี้ชอบเป็นผู้เสียเปรียบหรือเป็นผู้ได้เปรียบ (ได้เปรียบ) ถ้าสมมติว่าท่านเป็นวิญญาณที่จะลงมาเกิดให้เลือกสองประตู ประตูหนึ่งคือ “มาเกิดแล้ว เป็นแต่ผู้รับ” อีกประตูหนึ่งคือ “มาเกิดแล้วเป็นแต่ผู้ให้” ถามวิญญาณทุกท่านในที่นี้เลือกประตูหนึ่งหรือประตูสอง (ประตูสอง) ประตูที่รอรับหรือประตูที่มีแต่ให้ (มีแต่ให้) ระหว่างเสียเปรียบกับได้เปรียบเอาอย่างไหน (ได้เปรียบ) เมื่อครู่ตอบไม่เหมือนกันนี่นา ทำไมหลายใจจังเลยวิญญาณกลุ่มนี้ ตกลงว่าเอาประตูไหน (ประตูสอง) เพราะอะไรถึงเลือกเสียเปรียบ (ให้แล้วมีความสุข) ให้แล้วมีความสุขเหรอ
นิทานนี้คนที่หวังแต่จะรับจะเกิดเป็นขอทาน ส่วนคนที่มีแต่ให้ๆ จะได้เป็นเศรษฐี จิตใจที่รู้จักแต่จะเอาของผู้อื่นไม่เคยเสียสละให้ผู้อื่น นั่นคือคนที่ยากจนที่สุดในหัวใจ มีเท่าไรหัวใจก็จนอยู่ทุกๆ วันใช่หรือไม่ (ใช่) แต่จิตใจที่รู้จักให้ๆ ถึงแม้เขาจะไม่มีแต่คือคนที่ร่ำรวยที่สุดถูกหรือเปล่า (ถูก) เพราะอะไร เพราะจิตใจที่รู้จักเสียสละโดยที่ไม่คิดหวังผลตอบแทนนั้น สักวันหนึ่งเขาย่อมได้รับผลตอบแทนที่หาค่าประมาณไม่ได้ แต่มนุษย์โดยส่วนใหญ่ในโลกชอบจะเป็นผู้ที่ได้เปรียบมากกว่าจะเสียเปรียบ โลกนี้จึงเต็มไปด้วยผู้ที่คิดแต่จะกอบโกยเข้ากระเป๋ามากกว่าที่จะเสียสละออกจากกระเป๋าตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ทั้งที่เราก็รู้อยู่แล้วว่าคนที่เอาแต่ขอแล้วหวังจะได้จากผู้อื่นนั้น สักวันจะได้ไม่คุ้มเสียใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วท่านเคยได้ยินไหมว่า ของๆ เรายังไงถ้าเป็นของเรา ทำอย่างไรก็ต้องตกมาอยู่ในมือเราจริงไหม (จริง) แต่ถ้าไม่ใช่ของเรา ท่านพยายามดิ้นรนขนาดไหนเงินนั้นมันก็ไม่เข้ากระเป๋าเราใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นคนเราอย่าคิดว่ามีเงินได้ง่ายๆ นะ ถ้าไม่มีบุญถึงแม้จะได้เงินมาสักวันก็ต้องสูญเสียไปใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นสู้สร้างบุญทานการรู้จักให้ไม่ดีกว่าหรือ ดีไหม (ดี) แล้วการให้คนอื่น ช่วยคนอื่นก็คือการให้ตัวเอง ช่วยตัวเอง จริงไหม (จริง) เหมือนง่ายๆ เรายิ้มคนอื่นก็ยิ้ม เราหน้าบึ้งคนอื่นก็หน้าบึ้งใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอยากให้โลกนี้มีแต่รอยยิ้มก็ควรที่จะเริ่มจากให้รอยยิ้มตัวเราเองก่อน แล้วท่านเคยได้ยินไหมว่า สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเราไม่มองข้ามและรู้จักหมั่นทำทุกวัน สักวันย่อมตกผลอันยิ่งใหญ่ได้จริงไหม (จริง)
ยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่งสมมติว่าวันนี้เราจะต้องออกไปทำธุระข้างนอกและเราก็ไปรอเพื่อขึ้นรถ พอรถมากำลังจะขึ้นสักพักมีคนวิ่งมาจากไหนไม่รู้ แซงเรา แล้วบอกว่า “ขอโทษนะรีบจริงๆ ขอไปก่อนนะ” ให้ไหม (ให้) เราบอกว่าเขาขึ้นไปแล้วทำอะไรไม่ได้แล้วก็ได้แต่บ่นกับตัวเอง ถ้าเราคิดอย่างนี้ไม่เรียกว่าให้หรอกนะ เรียกว่าจำใจให้ ใช่หรือไม่ (ใช่) บางทีพึมพำอยู่ในใจแล้วหลุดปากว่าเขาออกมา พอไปถึงที่จะทำธุระปรากฏว่าจุดไต้ตำตอ ไปเจอคนนั้นเข้า เขานั่งทำงานอยู่ในที่ๆ เราจะต้องไปติดต่อ ถ้าเราแบกอารมณ์มาด้วยก็จะรู้สึกว่า “เกลียดมัน” แต่ถ้าเกิดคนนั้นเขารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ยอมให้เขา เขาก็พูดดีกับเราใช่หรือไม่ (ใช่) ส่วนเราถ้ายังผูกใจเจ็บอยู่ ก็จะพูดไม่ดีกับเขา แล้วเขาเห็นเราทำไม่ดีตอบ เขาก็จะไม่ยอมเราเช่นกัน แล้วก็แกล้งปล่อยงานของเราให้เดินช้าๆ ทำให้วันนี้เราก็จมอยู่ตรงนั้นทั้งวันไม่ได้ไปไหนสักที เพราะต่างคนต่างแกล้งกันไปแกล้งกันมาไม่จบ ผูกกันไปผูกกันมาไม่จบ เพราะต่างคนต่างไม่มีใครยอมเสียเปรียบใครใช่หรือไม่ (ใช่)
ในทางกลับกันถ้าเราคิดว่าไม่เป็นไรช่างเขา เขาอาจจะรีบจริงๆ พอเจอเขา เราก็ทักทาย “เป็นไงคุณมาทันไหม” เขาบอก “ทัน” แต่ถ้าเขาไม่ขอบคุณเราก็ไม่ต้องโกรธเขานะ สบายใจทั้งคู่ถูกหรือไม่ (ถูก) ถ้าเราคิดไม่ได้ เราต้องได้เปรียบเขา ทำไมต้องมาทำให้เราเสียเปรียบ เราไม่ยอม เล็กๆ น้อยๆ เราไม่ยอม ผลมันจึงเกิดบานปลายในที่สุดถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉันใดก็ฉันนั้น เราอยู่ในโลกอย่ามองเห็นแค่เพียงคำพูดเล็กๆ การกระทำนิดๆ หน่อยๆ บางครั้งอาจจะก่อให้เกิดเหตุอันบานปลายที่ยิ่งใหญ่ได้ ถ้าเรายอมเสียสละเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่แน่อาจจะให้ผลที่น่ารับในบั้นปลายก็ได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าวันนี้เรายอมเขา คิดดีกับเขา เจอหน้าเขา เราหน้าไม่บึ้ง เรายังยิ้มให้เขาอยู่ตลอดเวลา วันนั้นทั้งวันผ่านไปเราก็มีความสุขถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นอย่าคิดว่าเป็นเรื่องเสียเปรียบ อยู่บนโลกมนุษย์ วันนี้ฉันได้ไปเท่าไหร่ วันนี้ฉันเสียไปอีกเท่าไหร่ ชอบคำนวณอยู่เรื่อยเลย “วันนี้มีแต่เสียเซ็งจังเลย” ใช่หรือเปล่า (ใช่) เสียทั้งเงิน เสียทั้งกาย ยังเสียใจด้วย และเสียความรู้สึกด้วยดีไหม (ไม่ดี) ฉะนั้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสียได้ก็เสียไป ทำใจได้ก็ทำใจให้สบาย เหมือนดั่งคำหนึ่ง เราอยู่ในโลกนี้เคยถามไหมว่า เราขึ้นสวรรค์กี่ครั้ง เราตกนรกกี่ครั้ง เราอยู่ในโลกนี้เราเคยสร้างเทวดากี่องค์ สร้างปีศาจร้ายกี่ตัว เคยคิดไหม (ไม่เคย)
อยู่ในโลกนี้เราสามารถสร้างสวรรค์บนดินได้ เราสามารถทำคนให้เป็นเทวดาได้ แล้วเราสามารถทำคนธรรมดาให้กลายเป็นปีศาจได้ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างเช่นคำว่า “ทุเรศจัง” แค่คำพูดนิดเดียวบางครั้งเราอาจจะหักปีกเทวดา เพิ่มเขาปีศาจให้คนก็ได้ถูกหรือไม่ (ถูก) เหมือนเช่นพ่อแม่ทำดีกับเรา เราบอก “รำคาญ” ตอนนี้เราไม่เท่ากับกำลังฆ่าเทวดาประจำบ้านหรือใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นเราอยากให้บ้านเป็นสวรรค์ อยากทำให้โลกเป็นสวรรค์ แล้วเราจะทำอย่างไรให้เป็นสวรรค์ แล้วทำอย่างไรให้สวรรค์กลายเป็นนรกได้ ใครตอบได้บ้าง (อยู่ที่ใจเราพูดดีก็เป็นเทวดา) ถ้าใจพูดดีคิดดีเราก็สามารถเป็นเทวดาได้และก็สามารถสร้างคนรอบข้างให้เป็นเทวดาด้วย เคยคิดอย่างนี้ไหม เขานั่งทานข้าวอยู่กับเรา ทำไมเขากินดีกว่าเรา ตักมากกว่าเรา เราตักนิดเดียวคนนี้ตักเอาๆ เราตักไม่ทันเลย เคยคิดไหม แล้วเรารู้สึกว่าตอนนี้โต๊ะของเรานั้นเป็นสวรรค์หรือเป็นนรก (เป็นนรก) ที่เป็นเช่นนี้เพราะในใจเราเป็นอย่างไร คิดอิจฉา คิดไม่พอใจ คิดตำหนิ คิดต่อว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
(ให้ความรักกับทุกคนในครอบครัว) แล้วเคยไหมที่รักคนในครอบครัวมากเกินไปจนมองเห็นคนอื่นไม่น่ารักก็ ช่วยแบ่งความรักให้เท่าๆ กันไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือนอกครอบครัวไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นสวรรค์ในบ้านนรกข้างนอกบ้านถูกหรือเปล่า (ถูก) เป็นไหมที่รักลูก รักแฟนตัวเองมาก รักภรรยาตัวเองมาก จนมองเห็นคนอื่นผิดไปหมด เลวร้ายไปหมดได้ไหม (ไม่ได้)
ทำอย่างไรตัวเองถึงจะเป็นเทวดา ปฏิบัติหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด เมื่อเรียนอยู่ก็ตั้งใจเรียน เมื่อเป็นลูกก็กตัญญูรู้คุณ รู้จักรับฟัง ช่วยพ่อแม่ใช่ไหม (ใช่) ทำอย่างไรทำให้โลกนี้กลายเป็นสวรรค์ ทำอย่างไรให้ตัวเราเป็นเทวดาและคนรอบข้างก็เป็นเทวดาไม่กลายเป็นปีศาจ หรือสร้างนรกบนดิน อย่าลืมนะคำพูดผิดเพียงคำเดียวก็สามารถ เปลี่ยนแปลงดีให้เป็นเลวได้ เปลี่ยนหน้ามือให้เป็นหลังมือได้ในทันทีนะ การไม่เบียดเบียนผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดีเป็นจิตเมตตา และเป็นคุณธรรมพื้นฐานของการเป็นพุทธะ โพธิสัตว์ เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้จักเสียเปรียบ เสียสละอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ดีแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ถ้ายอมให้ก็ควรจะให้ แต่บางครั้งการให้ที่เราคิดว่าดี แต่คนอื่นคิดว่าไม่ดี ก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไปถูกไม่ (ถูก)
เวลาที่เราอยากจะช่วยเหลือคนอย่าคิดว่าเราให้สิ่งที่ดีที่สุด แต่ต้องให้ในสิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุด เวลาเราจะช่วยใครอย่าคิดว่าเราพอใจที่สุดแต่ต้องคิดว่าเขาพอใจที่สุด ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราพอใจที่สุดให้เขาไป เขาอาจจะบอกว่า ฉันไม่ชอบ และสิ่งที่ให้ไปก็เปล่าประโยชน์ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นแม้จะเป็นเทวดาพูดก็พูดอย่างเทวดา แต่ถ้าเทวดานั้นพูดไม่ถูกหูก็กลายเป็น (ปีศาจ) ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นเทวดาต้องอดทนหน่อยนะ ถูกหรือเปล่า (ถูก) เพราะว่าอย่างหนึ่งก็คือใจเรายังไม่รู้เลยว่าเขาชอบอะไร แล้วจะให้เราทำถูกใจเขาเสมอก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราจึงต้องรู้จักคิดพิจารณาว่า อยู่กับคนแบบนี้ต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้เขาเป็นเทวดาให้มากขึ้น ไม่เป็นปีศาจ และการที่เราเป็นอย่างไรถึงจะทำให้เราเป็นเทวดามากยิ่งขึ้น ไม่คิดในทางร้ายและทางลบจนกลายเป็นพญามาร ฉะนั้นเราต้องหาจุดยืนและทางออกให้เจอนะถูกหรือไม่ (ถูก)
ทำอย่างไรที่ทำให้เราสามารถแปรโลกนี้ให้เป็นสวรรค์บนดินและสร้างเทวดาน้อย ๆ พุทธะน้อย ๆ บนโลกได้ ก็คือมีจิตใจที่หวังช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ไม่คิดอย่างเห็นแก่ตัว คือเอาแต่ได้ จิตใจที่คิดที่จะช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นทุกข์ ทำอย่างไรให้เขามีความสุข นั่นแหละเป็นจิตใจของเทวดา แต่จิตใจของปีศาจหรือจิตใจของมนุษย์ที่เกือบจะเป็นปีศาจก็คือ จิตใจที่ตัวเองต้องได้ก่อน ฉันต้องดีก่อน คนอื่นเป็นอย่างไรฉันไม่สน คือจิตใจที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ มีความสุขโดยที่ไม่สนใจว่าเหยียบอยู่บนความทุกข์ของใครหรือไม่ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
แต่มนุษย์โดยส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ฉันไม่สุขแล้วทำไมต้องให้คนอื่นสุขก่อนล่ะ ใช่หรือเปล่า (ใช่) อย่าลืมนะว่าบางครั้งคนอื่นยิ้มก็ทำให้เรายิ้มได้จริงหรือไม่ (จริง) เรามัวแต่สนใจตัวเองแต่ลืมทำให้คนตรงข้ามยิ้ม เรายิ้มคนเดียวก็ไม่มีความสุขหรอก จริงไหม (จริง) แม้ว่าเรายิ้มไม่ออกแต่ไปทำให้คนอื่นยิ้มออกสิ เราจะยิ้มกลับมาทันทีโดยไม่รู้ตัว หากวันนี้กลับไปบ้านคนที่บ้านเขาถามว่า “เหนื่อยไหม” เราตอบว่า “ถึงเหนื่อยก็จริงแต่ก็สบายใจ” แล้วคนที่ฟังก็รู้สึกดีไปด้วยใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าเราบอกว่า “เหนื่อยก็เหนื่อย เมื่อยก็เมื่อย เบื่อก็เบื่อ” คนพูดก็เหมือนตกนรก คนฟังก็ยิ่งตกนรกใหญ่ ฉะนั้นแค่ชั่วขณะเดียวเราอย่ามองข้าม ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือสีหน้า ถ้าเรารู้จักคิดให้ดีเราก็จะนำพาตัวเองไปสู่สวรรค์ แล้วทำให้คนรอบข้างได้เดินอยู่บนสรวงสวรรค์
การบำเพ็ญธรรมไม่ใช่เป็นเรื่องยากถ้ามนุษย์รู้จักปลงตกแล้วคิดได้ หรือคิดได้คิดเป็นใช่หรือไม่ (ใช่) คิดได้คิดเป็นแบบไหนล่ะเรียกว่าผู้บำเพ็ญธรรม คือคิดยอมเสียสละ คิดมีแต่ให้ คิดในด้านดีไว้ แม้โลกจะเลวร้ายก็ตาม แต่ต้องระวังอยู่อย่างหนึ่งนะ มนุษย์มักติดอยู่ในโลภ โกรธ หลง ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเขาทำให้เราเสีย แต่เรายอมเพราะรู้ว่าถ้าเสียแล้วได้เงินก้อนโตกลับมา ยอมอย่างนี้ถูกไหม (ไม่ถูก) อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าเสียเปรียบ แต่เรียกว่าเสียเพื่อหวังได้ ผลสุดท้ายก็ได้ไม่คุ้มเสียใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นต้องคิดให้ถูกนะ
รู้สึกว่านักเรียนในห้องนี้เป็นเสือที่ยิ้มยากเหมือนกันนะใช่หรือเปล่า เป็นเทวดายิ้มยากใช่หรือเปล่า คนที่เป็นเทวดาเป็นคนที่พยายามยิ้มบ่อยๆ ถูกไหม (ถูก) คนที่ไม่ค่อยยิ้มนี้แปลว่าเป็นเสือแล้ว เคยไหมว่าทนคนนี้ไม่ได้ ทำไมถึงทำแบบนี้อดรนทนไม่ได้ก็ด่าเขาไปเลย เมื่อไหร่ที่ทนคนอื่นไม่ได้ แล้วระบายอารมณ์ใส่คนอื่น ท่านกำลังฝึกวิชาปลุกเสือตายให้ตื่นขึ้นมา วิชาโกรธนี่แหละเป็นวิชาที่ท่านฝึกมารอยู่นะ เสือที่ตายแล้วเราปลุกมันตื่นขึ้นมา สักวันหนึ่งมันก็ต้องมากัดคอคน วันไหนที่เราโกรธแล้วเราอดทนไม่ได้ ยอมรับไม่ได้ ให้อภัยไม่ได้ เสียเปรียบที่โดนว่าอย่างเดียวทนไม่ได้ ฉันต้องว่ากลับ เมื่อนั้นท่านกำลังเรียกเสือให้มากัดท่านตายนะใช่ไหม (ใช่)
ถ้าวันนี้เราทำงานคนอื่นไม่ทำ “ยอมไม่ได้ ทำไมฉันต้องทำอยู่คนเดียว” คนอื่นไม่ยอมทำก็เลยบ่น ถึงเวลาเรากำลังปลุกปีศาจให้ตื่นขึ้นมาเพื่อแอบมากัดเราอีกทีหนึ่งจริงไหม (จริง)
ฉะนั้นวันนี้ศิษย์น้องฟังเราพูดสรุปง่ายๆ ก็คือ การอยู่บนโลกนี้เราจะเป็นเทวดาหรือปีศาจอยู่ที่ชั่วขณะจิตของเราคิดด้านบวก หรือคิดด้านลบ คิดด้านบวกก็ทำให้ตัวเองและคนรอบข้างขึ้นสวรรค์ คิดด้านลบก็ทำให้เขาเป็นปีศาจและตัวเราก็กำลังสร้างนรกบนดิน แค่นี้เองยากไหม (ไม่ยาก) แต่ทำอย่างไรให้อารมณ์วิชามารไม่ขึ้นมาก่อน เมื่อไหร่ที่ปล่อยชีวิตตามอารมณ์ ก็เท่ากับเราปล่อยชีวิตตามปีศาจ เมื่อไหร่ปล่อยชีวิตให้คิดอย่างมีธรรม เมื่อนั้นก็คือเรากำลังเดินบนทางแห่งเทวดาหรือพุทธะ
หนทางของเทวดาหรือพุทธะ ง่ายๆ มีอยู่สองทางเองคือ พยายามไม่เบียดเบียนคน อะไรที่ทำให้คนมีความสุขจงทำ ยากไหม (ไม่ยาก) แต่ทำได้ไหม (ทำได้) ไม่ค่อยได้ทำใช่หรือไม่ (ใช่) มีผลไม้ลูกหนึ่งบอกแบ่งให้เท่าๆ กันมือเริ่มสั่น แบ่งได้เที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) บางครั้งเราต้องรู้จักปล่อยวางตัวตน เพราะการมีตัวตนนั่นแหละที่ทำให้เราทุกข์ และเป็นเหตุแห่งทุกข์นั่นเองจริงหรือไม่
บางคนมักจะบอกว่าการมีทำให้เรามีความสุข การไม่มีทำให้เราทุกข์ แต่จริงๆ เราอยากจะบอกว่าทั้งมีและไม่มีก็ทำให้มนุษย์ทั้งสุขและทุกข์ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราปล่อยวางความรู้สึกที่มีและไม่มีได้แล้วเราจะทุกข์ได้อย่างไร ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เพราะมนุษย์ยังอดที่จะหวังไม่ได้ยังมีหวังอยู่ก็เลยต้องทุกข์ฉะนี้แล จริงหรือเปล่า (จริง)
คนในห้องเรียนนี้บางคนเป็นเทวดานอกบ้าน อยู่ในบ้านเป็นปีศาจ คนบางคนอยู่ในบ้านเป็นเทวดา แต่ไปอยู่ข้างนอกเป็นปีศาจใช่หรือไม่ (ใช่) รักคนในบ้าน ยอมทุกอย่าง ยอมได้ยอมหมด แต่ไปอยู่ข้างนอก “ไม่ยอม เรื่องอะไรจะยอม” ใช่ไหม (ใช่)
ในทางกลับกัน คนบางคนในบ้าน ไม่ยอมเสียเปรียบไม่ยอมพูดดี แต่พอไปอยู่กับคนข้างนอก ยอมเขา พูดดีได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นทำอะไรต้องทำให้เหมือนกันทั้งหน้าทั้งหลังนะ ทั้งที่ลับที่แจ้ง เป็นคนดีทั้งนอกทั้งใน
วันนี้เรามาคุยกับท่านแค่นี้ เชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไร คิดว่าเราเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปลอมก็ไม่เป็นไร ถ้าท่านอยากมองอย่างนั้น แต่ในของปลอมก็มีคุณค่าที่น่าสนใจเหมือนกันไม่ใช่หรือ (ใช่) และบางครั้งในระหว่างของจริงกับปลอม ท่านยังชอบเลือกปลอมมากกว่า เพราะของปลอมทนกว่าของจริง ใช่ไหม ฉะนั้นมองสิ่งใดอย่ามองอย่างหยุดนิ่งอย่างตายตัว เห็นอะไรต้องพยายามเห็นให้ถึงแก่นแท้และที่สุด เหมือนที่ท่านพูดกันเองใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเราก็จะสามารถแปรเปลี่ยนโลกนี้ แปรเปลี่ยนผู้คนในโลกนี้ให้เป็นสวรรค์บนดินได้ แต่บางครั้งต้องเสียจนถึงที่สุดใช่หรือไม่ (ใช่) หรือบางทีเสียจนไม่มีอะไรจะเสีย ก็ต้องยอมนะ เพราะคนที่กล้ายอมเสียจนไม่มีอะไรจะเสีย คนนั้นจึงจะได้ในสิ่งที่ฟ้าให้มากที่สุด แต่ขอให้มีจิตใจอดทนและเข้มแข็ง โลกนี้ขาดคนยอมเสียเปรียบ โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่เอาเปรียบ ฉะนั้นเรามาฟังธรรมะต้องเป็นคนยอมเสียเปรียบบ้างนะ ได้ไหม (ได้)
วันนี้ไม่ได้พูด ยอมเสียเปรียบเป็นผู้ฟังตลอด ทนไหวไหม (ไหว) แล้วพรุ่งนี้จะยอมมานั่งทนอีกไหม (มา) นึกว่าบอกไม่มาแล้ว ขอให้ฟังแล้วได้อะไรกลับไป ไม่มากก็น้อย แม้สิ่งที่ได้นั้นจะคือความว่างเปล่าก็ตาม
วันนี้ไม่เหมือนกับไปฟังที่ข้างนอก ฟังแล้วได้เงินได้ทองได้เกียรติ แต่วันนี้มาฟังเพื่อเดินไปสู่ความว่างเปล่าอันสงบสุขที่มนุษย์ทุกคนไม่ว่าผมหงอกผมขาวผมดำต้องเดินไปเจอ แต่วันนี้มาเพื่อเตรียมใจเจอ ก่อนที่จะต้องเจอจริงๆ เดินไปสู่ความไม่มี ดีไหม (ดี)
วันนี้เหนื่อยทั้งคนทำงาน และคนนั่งฟัง ก็ทนหน่อยนะ เข้มแข็งหน่อยนะ ทำงานธรรมะเสียสละ เสียเพื่อไม่มีอะไรจะได้ ไปแล้วนะ
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สถานธรรมฉือฮุ่ย ต.จันดี จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียน ท่านหลี่เถียไกว่
ถึงอัปลักษณ์เพียงรูปร่างใช่หัวใจ ความมุ่งมั่นภายในไม่แปรผัน
แม้ชะตาบีบเค้นให้ทุกข์สารพัน ขอเป็นหนึ่งในร้อยนั้นที่แกร่งจริง
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหลี่เถียไกว่ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา แฝงกาย กตัญชุลี
องค์มารดา ถามทุกท่าน สราญฤๅ
รับภาระเต็มบ่าดวงตาอิดโรยเหงา คนที่แบ่งเบานั้นอยู่ไหน ถือตนนี้ว่าถูกทำตัวอย่าบอกใคร จึงไร้มิตรเยื่อใยกับตน
รับปัญหาเสียเหนื่อยจำความสุขได้ไหม รออยู่ข้างในแต่ไม่เจอ คอนภาระก้มหน้ายอมทนจนพร่ำเพ้อ ใจไม่เจอหลักธรรมไม่ทนทาน
* จงรู้ปัญหาจริงของตัว ปัญหาจริงอันน่ากลัวคือหลงไป ใช่เป็นทุกข์เพราะขัดสนใด แต่เพราะครองใจแทบไม่เป็น ชีวิตมองหาธรรมะเสริม ชีวิตเดิมแข็งแรงจนรู้ได้ คนนั้นมักเข้าข้างตนจนไปใหญ่ มองออกได้สุขในความทุกข์เคยมี
แม้ชีวิตที่จริงนั้นแสนจะสับสน ปัญญาของตนซ่อนข้างใน ทุกข์ช่างเถอะระมัดระวังตนเข้าไว้ สงสารตนมากไปไม่ดีหรอก ( ซ้ำ * จนจบ)
ชื่อเพลง : เข้มแข็งเข้าไว้
ทำนองเพลง : ทะเลใจ
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลี่เถียไกว่
ชีวิตนั้นผันแปรไปอยู่ทุกขณะ บางครั้งเราพยายามหาความเข้าใจ หาเหตุผล แต่ถึงที่สุดแล้วความผันแปรที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราก็หนีไม่พ้นเหตุปัจจัยหรือบุญกรรม บุญหนุนนำให้เราต้องเจอชีวิตอย่างนี้ หรือกรรมขัดขวางให้ชีวิตเป็นไปเช่นนี้ บางครั้งเราก็ยากที่จะหยั่งรู้ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถึงแม้ว่าเราจะมีความรู้ในด้านทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เรานั้นเอาชนะชะตาชีวิตต่างๆ ได้ หรือเข้าใจ หรือทำใจกับชะตาชีวิตที่ต้องพบเจอได้เสมอถูกหรือไม่ (ถูก) มีแต่ก้มหน้ารับความเป็นจริง หรือยืดอกรับด้วยความกล้าหาญ เมื่อชะตาชีวิตเกิดพลิกผันอย่างไม่คาดฝันใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นมีคำกล่าวคำหนึ่งว่า “ถึงสูญเสียก็อย่าให้ใจเสียศูนย์” สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นต้องมีดี ถึงแม้ว่าจะเลวร้าย ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดเราก็ต้องพยายามหาดีให้เจอแม้ว่าเรายากจะเข้าใจว่าทำไมเราต้องเจอแบบนี้ ทำไมเราต้องมีชะตาชีวิตเช่นนี้ อย่ามัวแต่ถามว่าทำไม แต่จงยิ้มสู้ดีกว่าใช่หรือไม่ (ใช่) สู้ยืดอกรับความจริงด้วยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ดีกว่านะ
มนุษย์ทุกคนเลือกเกิดได้ไหม (ไม่ได้) แต่เราเลือกที่จะเป็นไปได้ เราไม่สามารถแก้ไขปัจจุบันได้ แต่เราสามารถสร้างสมคุณงามความดีเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตให้ดีกว่าเดิมได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นขอให้เจออะไรก็อย่าได้ท้อถอยยอมแพ้นะ
“ถึงอัปลักษณ์เพียงรูปร่างใช่หัวใจ ความมุ่งมั่นภายในไม่แปรผัน
แม้ชะตาบีบเค้นให้ทุกข์สารพัน ขอเป็นหนึ่งในร้อยนั้นที่แกร่งจริง”
แม้ชะตาบีบเค้นให้ทุกข์สารพัน ขอเป็นหนึ่งในร้อยนั้นที่แกร่งจริง”
ถ้าเกิดวันหนึ่งชะตาชีวิตเล่นตลกอะไรกับท่าน ก็ขออย่าได้ยอมแพ้ จิตมุ่งมั่นที่จะทำดีก็ขอให้มุ่งมั่นต่อไปอย่างไม่ถดถอย ชีวิตท่านจะลำบากแค่ไหนทุกข์ยากอย่างไรก็อย่าได้ยอมแพ้
ร่างกายเราเป็นแบบนี้จะยืนจะนั่งก็ลำบากสายตาท่านใช่ไหม (ไม่ใช่) อย่าถือสาคนอัปลักษณ์เลยนะ ถึงตัวอัปลักษณ์แต่ใจไม่อัปลักษณ์ก็พอ ใช่หรือไม่ (ใช่) ใจอัปลักษณ์หมายถึงใจอย่างไร (ใจโหดร้าย) เอาง่ายๆ คนที่พิการคือ คนอัปลักษณ์ ใช่ไหม (ไม่ใช่) เห็นเราก็ต้องสะท้อนหัวใจด้วยว่าใจเราต้องไม่อัปลักษณ์ ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกเราจะไม่สวย แต่หัวใจเราต้องสวยและงดงามให้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ถึงภายนอกเราจะไม่เข้มแข็ง ไม่แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่ภายในใจเราต้องเข้มแข็งและห้าวหาญให้ได้ยิ่งกว่าคนปกติ อย่าเป็นคนที่ตัวไม่ป่วยแต่ชอบป่วยใจ ตัวไม่มีเรื่องแต่ชอบหาเรื่องให้หัวใจ
ฟังนิทานก่อนดีไหม ในอดีตนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่ง มีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธองค์ ถึงแม้จะเป็นคนยากจน แต่เมื่อมีโอกาสก็อยากจะหาอะไรไปถวายพระพุทธองค์ ก็ไปเจอดอกไม้ที่ไม่มีใครเก็บมาไหว้กัน แต่เขาคิดว่าก็เรายากจนมีอะไรติดมือไปบ้างก็ยังดี ถึงแม้คนอื่นมองไม่สวยแต่ฉันเห็นว่าสวยก็พอแล้ว จึงเอาดอกบวบขมสีเหลืองไปถวาย จิตหนึ่งใจเดียวมุ่งจะต้องเดินไปให้ถึงเพื่อไปถวายพระพุทธองค์ให้ได้ แต่ด้วยความที่ใจจดจ่อมัวแต่มองดอกไม้และมุ่งอย่างเดียวว่าต้องไปถึงพระพุทธองค์ ไม่ทันระวัง เดินผ่านแม่วัวที่เพิ่งจะคลอดลูก วัวที่เพิ่งคลอดลูก ใครเดินผ่านมาก็จะขวิดใส่ ด้วยความที่เขาไม่ได้มองซ้ายมองขวา ปรากฏว่าเขาไปไม่ถึงถูกขวิดตายเสียก่อน นึกเสียดายอย่างเดียวที่ไม่ได้เอาดอกไม้ไปถวายให้ถึง แต่จิตมุ่งมั่นและความตั้งใจอันนี้ แม้โดนชะตากรรมแบบนี้ก็ไม่ท้อถอย ไม่ตัดพ้อต่อว่า หัวใจยังมุ่งมั่นอยากจะไปให้ถึง เมื่อเขาตายไปแล้วได้ไปไหนรู้ไหม ตายไปแล้วได้ไปสวรรค์ เทวดาที่อยู่บนสวรรค์ยังสงสัยเลยว่า ท่านทำบุญด้วยอะไร ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวท่านจึงเป็นสีทองไปหมด แม้กายท่านก็ยังเป็นสีทอง
ฉะนั้นมนุษย์เราก็เฉกเช่นเดียวกัน ถ้ามุ่งมั่นจะทำอะไร ขอเพียงเป็นสิ่งดีด้วยจิตหนึ่งใจเดียว พบอุปสรรคไม่ท้อถอย พบความยากลำบากไม่ยอมแพ้ ไม่ตัดพ้อต่อว่าโทษฟ้าโทษดิน ใจยังมุ่งมั่นทำความดีต่อไปจวบจนหมดลมหายใจมีหรือเขาจะไม่ได้ผลแห่งความดี แม้ชะตาชีวิตอาจจะจบไม่สวยก็ตามใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นทุกท่านที่มุ่งมั่นอยากทำความดี จุดมุ่งหมายการทำความดีของเราคืออะไร ความพ้นทุกข์ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เพื่อคนชม ไม่ใช่หวังผลในรูปลักษณ์เงินทอง ชื่อเสียง แต่เราหวังเพื่อพ้นทุกข์ พ้นจากกายเนื้อนี้ไปเพื่อกลับไปสู่ความสว่าง ความงดงามที่แท้จริง เราทำดีเพื่อขจัดขัดเกลาอัตตาตัวตนความยึดมั่นถือมั่น กิเลสที่ไม่ดี ฉะนั้นตั้งใจทำดีแล้วอย่าลืมจุดมุ่งหมายปลายทางที่สำคัญด้วย แต่ก็เป็นธรรมดาที่มนุษย์อยู่ในโลกนี้ยังมีสิ่งปรารถนาและไม่ปรารถนาเต็มไปหมด และสิ่งที่มนุษย์ทุกท่านในชั้นเรียนนี้ไม่ปรารถนาเจอในชีวิตคือ ความทุกข์ ความเจ็บป่วย ความตายล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อยากพบใช่ไหม (ใช่)
มนุษย์กลัวความเจ็บ ความพลัดพราก ความทุกข์ และก็ความตาย ใช่หรือไม่ (ใช่) มีชีวิตไม่อยากผิดพลาด ไม่อยากเจอปัญหา ไม่อยากเจออุปสรรค แต่ที่พูดว่าไม่อยากเจอนั้น หนีพ้นไหม (ไม่พ้น) ไม่วันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ต้องเจอ คนที่บอกว่าไม่อยากแก่ ทุกวันก็แก่อยู่แล้วนะ ผ่านไปหนึ่งวันก็แก่หนึ่งวัน ถูกหรือไม่
แล้วระหว่างคนแก่ที่ผ่านชีวิตมาแล้วยังอยู่รอด กับคนหนุ่มที่ยังดูสับสนในชีวิตไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่รอด อันไหนน่าเลือกกว่ากัน (คนแก่) เห็นไหมยังเลือกคนแก่เลย เด็กที่ดูแล้วว่ารอดหรือไม่รอด ชีวิตเป็นยังไงนะ ดูไม่ออกดูแล้วสับสน แต่ไม่เหมือนผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว มองแล้วถึงจะมีริ้วรอยเยอะไปหน่อย แต่ริ้วรอยนั้นก็เต็มไปด้วยประสบการณ์ รอยยิ้ม ความสุข ความทุกข์ ที่น่าศึกษา ค้นคว้า
เคยเห็นไหมหน้ายังเต่งตึงแต่ไม่เคยยิ้มเลย สู้หน้าเหี่ยวย่น แต่ยิ้มบ่อยๆ ไม่ได้นะ ถูกหรือเปล่า ลองไปมองคนที่หน้าตึงแล้วไม่ยิ้มเลยท่านอยากมองไหม แต่พอมองคนอายุมากๆ หน่อย ฟันก็ไม่มี เวลายิ้มเป็นอย่างไร น่ารัก
การไม่มองสิ่งที่ท่านไม่ชอบหรือสิ่งที่ท่านบอกว่าดูไม่ดี แท้จริงแล้วถ้าเรามองให้กว้างๆ อาจจะมีดีที่เรามองไม่เห็นหรือมองข้ามไปก็ได้ เฉกเช่นเดียวกับความทุกข์ ถ้าโลกนี้ไม่มีความทุกข์ โลกนี้จะมีพระอริยะไหม มีพระพุทธองค์ให้เราเคารพนับถือไหม และจะไม่มีบทเรียนที่ทำให้มนุษย์รู้ว่าถ้ารู้จักหาทางดำเนินชีวิตให้ดีเราก็สามารถเป็นพุทธะบนแดนโลกได้เหมือนกันถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นจะกลัวอะไรกับความทุกข์ อุปสรรคความผิดพลาดเป็นบทเรียนที่ดีที่ทำให้เรารู้ว่าความเจริญก้าวหน้าเป็นแบบไหน ถูกไหม ถ้าไม่ใช่เพราะความผิดพลาดของคนรุ่นก่อน เราจะเจริญก้าวหน้าจนถึงบัดนี้ไหม แล้วถ้าไม่มีความผิดพลาดของเรา คนรุ่นต่อไปจะได้เจริญก้าวหน้าไหม
มนุษย์ไม่อยากเจ็บป่วย กลัวความเจ็บป่วยใช่หรือเปล่า แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่อ่อนแอ เราจะได้ยารักษาโรคนี้ไหม ตอนนี้โรคคงเต็มโลกแล้ว แต่เพราะมีคนอ่อนแอ จึงทำให้เรารู้จักเข้มแข็งและมียารักษาโรคใช่หรือเปล่า
อย่ารังเกียจความพลัดพราก อย่ารังเกียจการสูญเสีย ถ้าเกิดว่าตอนนี้บรรพชนของทุกคนยังอยู่ อาจจะไม่มีเรานั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้นะ มองให้ดี เราบอกว่า “สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นต้องมีดี”
เรารู้ว่าหลายๆ ท่านในที่นี้มีภาระทั้งกายและใจ บางทีหนักไม่รู้จะบอกให้ใครช่วยแบ่งเบาได้ใช่ไหม (ใช่) ชีวิตนี้บางทีเหนื่อยตั้งแต่เด็กจนโต โตจนเป็นสาวจนอายุมากก็ยังเหนื่อยไม่จบไม่สิ้น แบกมาตลอดชีวิต หาใครแบ่งเบาภาระแบ่งปันทุกข์เหลียวซ้ายแลขวาไม่มีใครที่จะช่วยได้เลย
ชะตาชีวิตบางคนเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่บางคนก็เกิดมาสบายๆ ไม่ได้รู้ความทุกข์ยากเลยใช่หรือไม่ (ใช่) จริงๆ แล้วโลกไม่ยุติธรรมหรือ เชื่อเถอะทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีบุญกรรมหนุนนำหรือขัดขวาง ใครทำอะไรย่อมได้รับอย่างนั้น แต่ต้องเกิดจากเหตุปัจจัยทีละเล็กทีละน้อยสะสมจนกลายเป็นยิ่งใหญ่จึงตกผลได้ เราอยากบอกท่านว่าใครทำอะไรได้อย่างนั้น อย่าคิดว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี ฟ้ามีตา แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญกรรมและเหตุปัจจัย
อย่าคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลตัว ชีวิตเราถ้าความทุกข์ไม่จุกอกก็ไม่รู้ว่าธรรมะนั้นสำคัญแค่ไหน บางครั้งเงินซื้อความสุขไม่ได้ และบางครั้งเงินก็ซื้อความรักที่แท้จริงไม่ได้จริงหรือเปล่า (จริง) ฉะนั้นอย่าเรียกร้องอะไรจากผู้อื่น ถามตัวเราเองก่อนที่จะไปเรียกร้องจากใคร เราเคยรักใครจริงหรือยัง เราเคยดีกับใครจริงแท้ อย่างถึงที่สุดหรือไม่
มนุษย์ส่วนใหญ่กลัวตายแต่ไม่เคยรักชีวิตถูกไหม (ถูก) ถามว่าให้เอามีดมาจ่อที่คอกับปล่อยชีวิตจมอยู่กับบุหรี่ เหล้า ความประมาท และความพลั้งเผลอที่ทำอะไรไม่มีสติ อันไหนน่ากลัวกว่ากัน มีดจ่อยังหาทางสู้แล้วแก้ได้ แต่ใจที่ประมาทพลั้งเผลอนี่สิแก้ไม่ทันทุกทีจริงหรือไม่ (จริง) เหมือนติดเหล้า ติดไปแล้วแก้ได้ไหม (ไม่ได้) รักชีวิตไหม (รัก) กลัวตายไหม (กลัว) แต่ยังกินไหม (กิน) อย่างนี้จะเรียกว่ารักจริงๆ ไหม
ฉะนั้นรักชีวิตถ้าดำเนินชีวิตได้ถูกจะกลัวตายทำไม การตายคือการพักผ่อนต่างหาก เพราะทำมาเต็มที่แล้ว ฉะนั้นวันนี้หรือพรุ่งนี้จะตายก็ไม่คิดเสียดายเลยถูกหรือไม่ (ถูก) แต่ยังคิดเสียดายก็เพราะว่ายังทำดีไม่ถึงสิ่งที่ควรจะทำใช่หรือไม่ (ใช่)
อีกเรื่องหนึ่งมนุษย์ส่วนใหญ่กลัวความเจ็บปวด เจ็บปวดมีสองแบบ เจ็บปวดกายกับเจ็บปวดใจ รักษาอะไรก่อนดี (ใจ) รักษาใจก่อน เพราะถ้ามีความเจ็บปวดอยู่ที่ใจ แม้ปัญหาภายนอกจะหนักแค่ไหนหรือง่ายเพียงนิดเดียว แต่ถ้าใจมีปัญหาแล้วก็เดินไปไม่ถึงใช่หรือไม่ (ใช่) จะแก้ยังไม่มีแรงแก้เลยเพราะใจมีปัญหาถูกหรือไม่ (ถูก) ถ้าให้ท่านหยิบไม้อันนี้ยกขึ้นมา ท่านหยิบได้ไหม (ได้) ยกไหวไหม (ไหว) แต่ถ้าเกิดเราบอกว่าไม้นี้มีเลือดของคนที่เป็นโรค ยกไหวไหม (ไม่ไหว) ทำไม (กลัวติดโรค) ปัญหาอยู่ที่ไหน (ใจ) ปัญหาใช่อยู่ที่ไม้ไหม (ไม่) ในทางกลับกันถ้าเราบอกว่าไม้นี้เป็นไม้ของพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยากจับทันทีเลยใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ได้ ขึ้นอยู่กับหัวใจเรากับสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ถูกหรือไม่ (ถูก) แต่ถ้าเกิดว่าใจเราเข้มแข็ง แม้ปัญหาจะหนักขนาดไหนเราก็ฟันฝ่าไปจนได้ ฉะนั้นปัญหาใจเราไม่ควรจะหนี เราไม่ควรที่พยายามปัดออก เวลามีปัญหาใจเราต้องพยายามก้มลงไปมอง แล้วทำความเข้าใจให้ดีว่า ปัญหาใจที่เราเป็นนั้นเกิดจากอะไร ถ้าพยายามไปบีบเค้นเอาออกนั้นเหนื่อยเปล่าๆ สู้พยายามดูแลและทำความเข้าใจ พอดูแลทำความเข้าใจได้ดี เราจะนำพาหัวใจก็ง่ายใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าเกิดพยายามบอกว่าใจตอนนี้กำลังอิจฉาอยู่ กำลังเกลียดอยู่ กำลังโกรธอยู่ แล้วเราไปบีบเค้นให้ออกเหนื่อยไหม (เหนื่อย) สู้พยายามทำความเข้าใจดีกว่า ว่าเพราะอะไรเราจึงโกรธเขา เพราะอะไรเราจึงไม่พอใจ เพราะอะไรเราจึงสู้ไม่ได้ พอเราเข้าใจหัวใจเราแล้ว เราจะนำพาใจก็พาไปได้ง่ายถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นเวลาเจอปัญหาที่เกิดจากหัวใจ ต้องรู้จักทำความเข้าใจให้ดีนะ
ปัญหาที่เกิดทางกายดีไหม ความเจ็บที่เกิดทางกายดีไหม (ไม่ดี) ไม่ดีหรือ ถ้าเกิดความตายมาสู่โดยที่เราไม่เคยมีอาการเลยท่านว่าดีไหม (ไม่ดี) จำไว้นะความเจ็บปวดเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ถึงอันตรายที่เรากำลังจะเดินไปสู่ความตาย ฉะนั้นอย่ารังเกียจความเจ็บปวด เพราะความเจ็บปวดเป็นสัญญาณเตือนภัย ให้เรารู้ว่าเรากำลังทำชีวิตให้ผิดปกติหรือทำอะไรที่มากเกินไปใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นต้องรู้จักจัดวางชีวิตให้ดี
ฉะนั้นความเจ็บปวดเป็นอันตรายแห่งความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ฉันใดก็ฉันนั้น หัวใจของเราทำไมเจ็บได้ง่าย ก็เพราะเป็นตัวคอยบอกว่าใจเรานั้นตั้งไม่ถูกที่ใช่หรือเปล่า (ใช่)
เราอยากบอกว่าอะไรที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ แม้จะดีจะร้ายขนาดไหนล้วนมีประโยชน์ล้วนมีความจริงที่ซ่อนอยู่ทุกที่ทุกเวลา เราเลือกอย่างหนึ่ง ทิ้งอย่างหนึ่งได้ไหม (ไม่ได้) แต่มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะบอกว่าต้องมีแต่ดี ไม่ดีไม่เอา ต้องมีแต่สุข ทุกข์ไม่อยากเจอ เป็นได้ไหม (ไม่ได้) มีคนดีมากที่ไหนก็ต้องมีคนดีน้อยที่นั่น มีคนขยันที่ไหนก็ต้องมีคนไม่ขยันที่นั่น เราจะตัดใครคนใดคนหนึ่งออกได้ไหม
เราบอกแล้วว่าสิ่งใดเกิด สิ่งนั้นต้องมีดี ใช่หรือไม่ (ใช่) เราต้องหาสิ่งดีๆ ของเขาให้เจอ เห็นคุณค่าของเขาให้ได้ แม้กระทั่งความตายความเจ็บปวดหรือความไม่มี
มนุษย์ทุกคนอยากมั่งมี แต่พอมีแล้วก็เคยได้ยินบ่อยๆ ว่ารู้อย่างนี้ไม่มีดีกว่า แต่ก่อนไม่มีความรัก พอมีความรักแล้วเป็นทุกข์เลยพูดว่า (ไม่มีดีกว่า) ถอนตัวทันไหม (ไม่ทัน) ฉะนั้นอย่าคิดว่าความไม่มีเป็นสิ่งไม่ดี เหมือนกับความสุข ถ้ามีแล้วมีเพียงครู่เดียว สู้ไม่มีดีกว่า หัวใจจะได้ไม่หลงระเริง ถูกหรือเปล่า (ถูก)
ฉะนั้นก็เหมือนกัน อุปสรรคความยากลำบากเป็นรากฐานของความสำเร็จ มีอุปสรรคที่ไหนก็มีตัวทดสอบความสามารถและความเป็นคนจริงของเราที่นั่น ฉะนั้นมีชีวิต อย่ากลัวอุปสรรค เพราะอุปสรรคเป็นตัวทดสอบคนว่าคนๆ นั้นมีความสามารถจริงหรือไม่ จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จต้องเดินผ่านอุปสรรคไปให้ได้ ใช่ไหม (ใช่)
อีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์กลัวก็คือ ความผิดพลาด มีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาดเลยในชีวิต มีไหม (ไม่มี) เมื่อเวลาทำผิดพลาดจะทำอย่างไร (แก้ไข) แต่ก่อนจะแก้ไข เรามักจะ (แก้ตัว) แล้วท่านเคยได้ยินไหมว่า “คนที่ดีจริงๆ จะไม่วิตกกังวลกับคำติฉินนินทา” และไม่พะวงกับการหาคำแก้ตัว แต่จะพยายามยิ้มสู้ และทำตัวให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นหลักฐานให้เขาเห็นว่าเราไม่ใช่คนที่อยากจะผิดพลาดนะ แต่บางครั้งก็สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ใช่หรือไม่ (ใช่) คนเราผิดพลาดขนาดไหนก็อย่าซ้ำเติมให้ตัวเองแย่ไปกว่าเดิม ให้เริ่มต้นใหม่และทำให้ดียิ่งขึ้นด้วยความระมัดระวังไม่ดีกว่าหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(ท่านหลี่เถียไกว่ต้าเซียนเมตตากับนักเรียนชายท่านหนึ่งที่นั่งกอดอกอยู่)
กอดตัวเองมาทั้งวัน ไม่เบื่อบ้างหรือ เปลี่ยนจากกอดตัวเองไปกอดคนอื่นบ้างดีไหม มอบความรักให้คนอื่นบ้าง บางทีเราเห็นเขามีความทุกข์ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แค่กอดและตบบ่าเขาเบาๆ ก็ซาบซึ้งยิ่งกว่าคำพูดแล้วใช่ไหม (ใช่) ยิ่งกอดตัวเองก็ยิ่งมีแต่ทุกข์นะ
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาเพลงพระโอวาท ชื่อเพลง “เข้มแข็งเข้าไว้” ทำนองเพลง “ทะเลใจ”)
เบื่อกันหรือยัง (ยัง) เมื่อครู่เราบอกวิธีแก้สิ่งที่ท่านไม่อยากเจอไปกี่เรื่องแล้ว มีอะไรบ้างใครจำได้ ความตาย ความเจ็บ ความผิดพลาดและอุปสรรค ฟังไปแล้วยังจำไม่ได้ก็ลำบากนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่มนุษย์กลัวที่สุด คือ ความทุกข์ แต่เราหนีทุกข์พ้นไหม (ไม่พ้น) เกิดขึ้นมาต้องเจอทุกข์ ตายไปก็ต้องเป็นทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) เรามีทุกข์ตั้งแต่ต้นถึงบั้นปลาย ฉะนั้นจงอย่าไปรังเกียจทุกข์เลย แต่จงถือทุกข์เป็นเพื่อน และพยายามหาทางพ้นทุกข์ให้เจอ ถ้าเอาแต่รังเกียจทุกข์ ทั้งที่เราน่าจะหาประโยชน์หรือคุณค่าของความทุกข์ได้ ก็จะหาไม่เจออะไรเลยได้แต่ทุรนทุราย แก้ก็แก้ไม่ได้ กลับจะยิ่งจมลงไปอีก ถูกหรือไม่ (ถูก)
แล้วทุกข์อะไรที่ทำให้เราทุกข์ใจ ไม่มีกินทำอย่างไรแก้ทุกข์ ต้องรู้จักหาไม่เลือกงานหนักหรืองานเบา ขยันเสียอย่างจะลำบากไหม (ไม่ลำบาก) แล้วทุกข์อะไรละที่ท่านแก้ไม่ได้แล้วอยากให้เราช่วยปลดทุกข์ ทุกข์ใจอะไร (ติดตะราง) ทุกข์ที่ติดตะรางก็คือคนที่เคยทำผิดพลาด แล้วเราหาทางออกจากทุกข์ได้อย่างไร คนที่ติดตะรางยังดีนะ ยังรู้ว่าเราจะต้องทำอย่างไรจึงจะออกจากตะรางนี้ได้ แต่คนที่ขังตัวเองด้วยอารมณ์ความรู้สึกนี้สิหนักยิ่งกว่าตะรางอีก เช่น ขังอารมณ์อยู่ในความเกลียด เห็นหน้าคนนี้ทีไรเกลียดทุกที ทรมานนะ เพราะเจอทีไรก็ขังอยู่ในความรู้สึกนั้น ออกก็ออกไม่ได้ แก้ก็แก้ไม่ได้ เพราะไม่ยอมรับตัวเองว่าคนนี้ก็อาจจะมีดีก็ได้นะ ตั้งป้อมเป็นศัตรูตลอด นี่ไม่เท่ากับสร้างกรงขังตัวเองหรือใช่ไหม (ใช่)
คุกภายนอกที่ท่านเห็นท่านยังมีวันกำหนดที่จะออกได้ ยิ่งทำตัวดีวันกำหนดออกก็ไวขึ้นใช่หรือไม่ (ใช่) แต่คุกที่ขังด้วยอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองนี่สิไม่มีเวลาออกนะ คนที่จะทำลายคุกนี้ได้ก็คือหัวใจของเราเอง ให้อภัยคนเป็นไหม แปรศัตรูเป็นมิตรได้หรือเปล่า เปิดใจกว้างรับคำคนที่ชอบว่า คนที่ชอบติให้เป็นเหมือนเพื่อนสนิท ทำใจได้ไหม แล้วตอนนี้เรากำลังถูกขังคุกไว้หรือเปล่า เอาใจเราขังคุกอยู่กับความรู้สึกหรือไม่ อย่างเช่น เห็นเราแล้วรู้สึกไม่ชอบ ท่านนั่งไปก็อึดอัดใช่ไหม จริงๆ ท่านไม่ชอบ เพราะความรู้สึกมันขังใจอยู่ แต่ถ้าเราคิดว่าอาจจะมีอะไรดีๆ ก็ได้นะ เราก็กำลังเปิดกรงเพื่อเดินออกจากกรงที่เราขังใช่หรือไม่ (ใช่)
เหมือนกันเรามองโลก มองคน มองชีวิตเรามองอย่างไร มองดีก็มีทางออก มองไม่ดีก็สร้างกำแพงขังอยู่ในความรู้สึกนั้น คนบางคนได้หนึ่งร้อยก็รู้สึกทุกข์ใจว่าทำไมเขาได้ตั้งสองร้อย อย่างนี้หาเรื่องขังตัวเองในความรู้สึกไหม
มนุษย์ทุกข์เพราะเปรียบเทียบ ไม่เทียบกับเขาก็เทียบกับอดีต แต่ก่อนได้เยอะกว่านี้แต่ตอนนี้ได้น้อยทุกข์ไหม เพราะว่าใจเปรียบเทียบไม่ยอมอยู่กับปัจจุบัน อย่างเช่นเขารักเราเท่านี้ แต่วันนี้รักน้อยกว่านี้ทุกข์ไหม (ทุกข์) ทุกข์เพราะเปรียบเทียบ ทำไมเขารักเราน้อยกว่าเดิม
เราทุกข์เพราะลูกไหม (ทุกข์) เพราะเห็นลูกบ้านเขาน่ารักกว่าลูกบ้านเรา หรือเปรียบเทียบในใจว่าลูกน่าจะดีกว่านี้ใช่หรือเปล่า (ใช่) ทำไมไม่ยอมรับอย่างที่เขาเป็นล่ะ
เราทุกข์กับสามีไหม ทุกข์กับภรรยาไหม ทุกข์กับเพื่อนไหม ทุกข์เพราะเราเปรียบเทียบใช่หรือไม่ เราอยากให้เขาเป็นอย่างหนึ่ง แต่เขาเป็นอีกอย่างหนึ่งใช่หรือไม่ (ใช่) หรืออยากให้เขาเป็นอีกอย่างแต่เขายังเป็นเหมือนเดิมๆ ถูกหรือไม่ (ถูก) เราทุกข์อยู่กับอะไร เราไปอนาคตแล้วแต่เขายังจมอยู่กับปัจจุบันใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราทุกข์กับการที่เราไม่ยอมรับกับความเป็นจริง วันนี้ได้เงินเยอะ พรุ่งนี้ได้เงินน้อยก็ทุกข์ บางทีวันนี้ได้เงินเท่านี้แล้วไม่คิดว่าดีกว่าไม่ได้ กลับคิดว่าได้น้อยกว่าเมื่อวานใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นถามตัวเองนะว่าเรากำลังสร้างกรงแห่งความทุกข์ขังความรู้สึกของตัวเองอยู่หรือไม่ ถ้าชีวิตเราอยู่กับปัจจุบันได้อะไรก็พอมีพอใจและก็มีสุข เราก็คงไม่ทุกข์บ่อยๆ ถูกหรือเปล่า (ถูก) และความทุกข์ของเราก็คงน้อยลง และแปรเปลี่ยนเป็นความสุขใจได้ ถ้าเรารู้จักพอ พอได้แล้วจึงดี ไม่ใช่ดีแล้วจึงพอ ถูกไหม อะไรก็ถูกหมด ถึงเวลาเหมือนเดิม เอาอารมณ์เป็นใหญ่ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นถึงชะตาชีวิตจะเล่นตลกกับเราอย่างไร ขอให้เรามุ่งมั่นเป็นคนดีที่ดีขึ้นเรื่อยไปดีไหม (ดี) มีโอกาสก็เอาความดีไปแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ สิ่งใดที่ทำให้คนเราพ้นทุกข์ได้ ถ้าไม่ใช่หัวใจที่มีคุณธรรมความดี มีเมตตา เสียสละ และรู้จักให้อภัย ไม่ยากใช่ไหม (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาอธิบายเพลงพระโอวาท)
“สงสารตนมากไปไม่ดีหรอก” หมายถึง พอเราเห็นตัวเองทุกข์เยอะๆ ภาระก็เยอะ ไม่เห็นมีใครช่วยเราได้เลย เราต้องแบกอยู่คนเดียว คิดแบบนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารตัวเองใช่ไหม แต่พอสงสารตัวเองมาก ก็มองคนอื่นดีไม่ขึ้นใช่หรือไม่
เคยเป็นไหม เวลาทำงานหนักมาก แล้วมองเห็นใครดีไม่ค่อยขึ้นในสายตาเลย ฉะนั้นอย่าสงสารตัวเองมากไปนะ แบกภาระเต็มบ่าก็ขอให้อดทน บางทีหาคนช่วยก็หาไม่เจอใช่ไหม อย่าเลือกมาก ทนหน่อย ลำบากหน่อย
วันนี้เรามาผูกบุญสัมพันธ์กับท่านเพียงเท่านี้ ใช้เวลามามากเดี๋ยวท่านจะกลับบ้านเย็นกันเสียก่อน ผู้ปฏิบัติงานธรรมที่ขับรถ ขับรถระมัดระวังนะ เตือนอย่างนี้ไม่ต้องตกใจ เห็นเตือนทีไรตกใจทุกทีเลย แต่อยากบอกว่าทำตัวดี ก็ต้องอย่าลืมความประมาท ถ้าไม่ไหวก็ต้องรู้จักพักอย่าฝืน เข้าใจหรือเปล่า (เข้าใจ) รู้ว่ามุ่งมั่นอยากจะไปทำดี แต่ถ้าเหนื่อยต้องรู้จักพักบ้างใช่หรือไม่ (ใช่) คนให้ช่วยมีอีกเยอะ แต่ก็อย่าลืมช่วยตัวเราเองด้วย คนส่งเสริมมีอีกเยอะ แต่อย่าลืมส่งเสริมใจตัวเองให้ขึ้นมาด้วย ถ้าเห็นเขาท้อเรายิ่งเหี่ยวได้ไหม (ไม่ได้) เห็นเขาท้อเราก็ต้องกระปรี้กระเปร่านะ รู้ว่าเหนื่อยทั้งคนข้างล่าง เหนื่อยทั้งคนข้างบน เหนื่อยทั้งคนที่อยู่ด้านหน้าแล้วก็เหนื่อยทั้งคนที่อยู่ข้างหลังและข้างๆ ขอให้มีใจที่เข้มแข็งนะ ผิดพลาดไปแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยว่าไม่เคยโกรธ แต่ขอทำปัจจุบันให้ดียิ่งๆ ขึ้น อย่าซ้ำรอยเดิมก็พอใช่หรือไม่ (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “แบ่งปันความสุข”)
ได้คำว่าอะไร (แบ่งปันความสุข) ฉะนั้นอย่าบอกว่าตัวเองไม่มีความสุขนะ คนทุกคนมีความสุขไม่มากก็น้อย ถึงจะน้อยแต่ยิ่งให้ก็จะกลายเป็นยิ่งมาก ถึงไม่มีแต่รู้จักให้จะกลายเป็นมากมี จำไว้นะความสุขเป็นเรื่องแปลกถึงจะน้อยแต่ยิ่งให้จะยิ่งมาก ถึงไม่มีแต่รู้จักให้ความสุขจะมากมี
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “แบ่งปันความสุข”
ความสุขมาจากใจนี้ เพียงรู้ยินดีที่เป็น
ถึงแพ้ก็ยังยิ้มเป็น ลำเค็ญก็มีสุขใจ
มีสุขในความเรียบง่าย พอมีพอได้พอใจ
เอื้อเฟื้อมากมีน้ำใจ ไกลใกล้เปี่ยมมิตรไมตรี
ให้ความจริงใจต่อกัน แบ่งปันใจที่ดีนี้
หมั่นให้เกียรติกันทุกที ต่างถ้อยทีจึงกลมเกลียว