วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2550

2550-12-01 สถานธรรมจือเจวี๋ย จ.สงขลา


西元二○○七年歲次丁亥十月二十    大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม  พุทธศักราช ๒๕๕๐    สถานธรรมจือเจวี๋ย น้ำกระจาย จ.สงขลา
    สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ

    คนพูดมากหายากคนพูดดี    พูดเต็มที่น้อยที่จะรักษาสัตย์
คนพูดได้ทำได้มีจำกัด    คำพูดขัดบ่อยครั้งกลับมีคุณ
        เราคือ
    องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่แดนโลกีย์  เคียมคัล
องค์มารดา        ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
            ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง ฮวา ฮวา

    ชีวิตคนทุกข์ขมตรมทุกข์ยาก    อย่าคิดมากต้องคิดดีจึงมีสุข
กรรมนำชักแต่เกิดมาใช่เพื่อทุกข์    แม้จะขลุกในโลกีย์ใจฟ้างาม
สิ่งที่อยู่ภายในต้องดีเที่ยง    จงหลีกเลี่ยงสร้างกิเลสอกุศล
โลกภายนอกใช้มาขัดเกลาตน    แม้จำทนไม่จำใจเป็นคนดี
ชีวิตนี้ดั่งความฝันเป็นความจริง    บำเพ็ญธรรมเพื่อละทิ้งกายเน่าเหม็น
พ้นเวียนว่ายได้เพราะการบำเพ็ญ    สิ่งจำเป็นแสวงแต่พอประมาณ
ใช้สัจธรรมนำชีวิตพาไปรอด    โดยตลอดสติต้องเท่าทันหนา
ตื่นเต็มใจอยู่ในแดนมายา    ใช้ปัญญาเท่าทันสถานการณ์
น้องคนบุญมาฟังเรื่องธรรมะ    อีกภาระต้องตระหนักถึงชีวิต
ไม่ใช่ปล่อยไปเรื่อยโดยไม่คิด    อย่าได้ปิดกั้นใจเข้าใจธรรม

เมื่อศึกษาต้องพิจารณาปฏิบัติ    ชีวิตไม่มีทางลัดให้เร่งได้
แต่ธรรมะเปิดทางลัดให้เดินไป    ภัยมากมายคนบุญก็มากมี
สองวันนี้จงตั้งใจอยู่ให้ครบ    และเคารพพุทธระเบียบเป็นข้อใหญ่
ความเข้าใจค่อยค่อยต่อยอดไป    ความตั้งใจอย่ามีวันเลิกโรยรา
ชีวิตคนไม่โลภไม่ติดกับดัก    ขอรู้จักเอาใจใส่ญาณสุกใส
คนเกิดมาใช่ว่าเพื่อจากไป    ความดีให้ชีวิตนิจนิรันดร์
ศิษย์พี่นั้นลงมาคุมชั้นเรียน    หวังน้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนใหม่
เป็นคนที่ฟ้าดินได้ไว้ใจ    ต่างทำได้ในสิ่งที่ตนพูดเป็น
จรดวางพู่กันลงคุมชั้นเรียน
    ฮวา ฮวา หยุด
วันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม  พุทธศักราช ๒๕๕๐    สถานธรรมจือเจวี๋ย น้ำกระจาย จ.สงขลา
    พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ

    คนจนผู้ยิ่งใหญ่ไม่เกียจคร้าน    คนมีงานงานมีคนจนมีเกียรติ
ลาภอันเกิดแต่ขยันแสนละเมียด    ความดีเป็นลาภเป็นเกียรติหาใดปาน
        เราคือ
    หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ     รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่พุทธสถาน แฝงกายอัญชุลีกราบ
องค์มารดาแล้ว            ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

    หลายภาวะเรื่องราวกดดันขวัญผวา    ครองสติใช้ความช้าหาทางออก
อยู่อย่างไรไม่ใช่อยู่ที่ใครบอก    ธรรมที่ออกมาจากใจใกล้ปัญญา
การฝึกฝนต้องสมัครใจทำเอง    ไม่ข่มเหงศักดิ์ศรีใครให้เกียรติหนา
คนเป็นทุกข์ทำร้ายตนเองนา    กาลเวลามีคำตอบไม่ต้องเดา
อย่ายอมแพ้เรื่องอะไรไวเหลือเชื่อ    หมายลูกเสือถ้ำเสือก็ต้องเข้า
น้อยคนนักไม่วุ่นวายได้บุญเก่า    โดยมากหนักเบาสู้ฟ้าฉุดดึง
เกิดเป็นคนไม่พ้นมีอุปสรรคมาก    ใครกันอยากมายเมาในชีพหนึ่ง
รู้ทันเท่าให้ตัวมีตัวพึ่ง    ใจคะนึงไม่กลัวพร้อมฮึดสู้ทาง
สูงไกลเกินกว่าปองเพียรอีกเท่า    เร้าปลากระโดดเหนือกำแพงน้ำตัวคว้าง
เบาจิตเหี่ยวจนเฉาเอาตัวอย่าง    พลังสร้างสรรค์ตนแฝงยิ่งฝ่าอึง
ยิ่งฟันฝ่ายิ่งแข็งแกร่งเปรียวบำเพ็ญ    ความทุกข์เป็นฝ่ายบุกรุกกว่าครึ่ง
คนตั้งใจรับรอผลไม่สะพรึง    ต้องพูดถึงคือคำว่าอดทน
พุทธะซ่อนอยู่ในกายตนดุจประธาน    เลือดสามัญหมุนเวียนกายในกายพ้น
เพราะบำเพ็ญอย่างไม่ยึดมั่นตัวตน    หล่อหลอมตนธรรมชีวิตจิตคุณงาม
                             ฮา ฮา  หยุด

พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ

วันนี้เรามาศึกษาธรรมเพื่อเรียนรู้และปฏิบัติให้เป็นคนดี
ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีศีลเรียกว่าเป็นคนดีไหม (เป็น)  แล้วมีธรรมเรียกว่าเป็นคนดีไหม (เป็น)  ใช่หรือ  จริงๆ แล้วคนที่รักษาศีลได้คือคนที่ไม่ประพฤติปฏิบัติชั่ว ไม่ประพฤติปฏิบัติสิ่งที่ผิดใช่หรือไม่ (ใช่)  คนที่มีธรรมจึงจะเรียกว่าคนที่มีดีถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วในชั้นนี้เป็นคนดีหรือเป็นคนแค่มีดี เป็นคนแค่มีศีลหรือเป็นคนที่มีทั้งศีลและมีธรรม มีทั้งศีลและมีทั้งธรรมใช่หรือไม่ (ใช่)  แปลว่ามุสาเราไม่เคย ถูกหรือไม่  มุสาเราไม่เคยผิดและไม่เคยมี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่มีศีลหนึ่งข้อเรียกว่ามีศีลไหม  สี่ข้อมีหรือไม่มี หนึ่งข้อก็เรียกว่ามีศีลใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  ถ้าเช่นนั้นถามท่านหน่อยนะ  จะเป็นคนดีแต่บอกว่ายังเป็นคนโกหกอยู่จะเรียกว่าคนดีได้ไหม ใครจะเชื่อใจใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นข้อที่ง่ายที่สุดยังทำไม่ได้ แล้วข้อยากๆ ใครจะเชื่อถือถูกไหม (ถูก)  มนุษย์โดยส่วนใหญ่บอกว่าตัวเองเป็นคนที่นับถือศาสนาพุทธ มีศีลห้าก็พอแล้ว แต่ศีลห้าบางทียังทำไม่ครบ ยังลดละไม่ได้ ไหนใครแอบไปสูบบุหรี่ยกมือขึ้น  เพราะว่าเราเห็นชั้นนี้มากจริงๆ  แถมหนึ่งมวนนี้ร่วมกันก่อความผิดด้วยนะ
มวนเดียวใช้ได้หลายคนถูกไหม ไฟแช็กหนึ่งอันเขาก่อไฟเพื่ออบอุ่นให้ตัวเองคลายหนาวแต่เรากลายเป็นเผาไหม้ให้ตัวเองร้อนรนใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าศีลเรายังรักษาไม่ได้ ความไม่ดีเราไม่ควรที่จะปฏิบัติ
แต่เรายังแอบประพฤติปฏิบัติ แล้วคุณธรรมความงามเราจะสามารถสร้างสรรค์ให้เกิดบ่อยๆ ได้ไหม  ก็ยังยากอยู่ใช่ไหม (ใช่)  
ฉะนั้นศีลต้องพยายามรักษาให้ครบ เพราะศีลเป็นตัวบ่งบอกว่าเราจะไม่ทำชั่ว เราจะไม่ทำผิด เราจะไม่ทำบาปถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วไม่ทำชั่ว ไม่ทำผิด ไม่ทำบาปใช่เพื่อคนอื่นอย่างเดียวหรือไม่ (ไม่ใช่)  เพื่อตัวเองด้วยถูกหรือไม่ ไม่เป็นคนโกหกหลอกลวง ไม่เป็นคนสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า  เมื่อศีลห้าทำได้ครบ การจะก่อคุณธรรมความดีงามก็เป็นเรื่องที่ไม่ยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วตอนนี้ใครคิดว่าตัวเองเป็นคนดียกมือขึ้น มีทั้งยกและไม่ยก แต่เคยได้ยินไหมว่า พระพุทธะกล่าวไว้ว่าคนที่คิดว่าดี คนนั้นแหละยังไม่ดี ใช่ไหม (ใช่)  แต่คนที่คิดว่าตัวเองไม่ดีคนนั้นแหละเริ่มดี ถูกหรือไม่ คนที่ชมว่าตัวเองเก่ง บางครั้งเรารู้สึกว่า
ไม่เก่งเลย คนที่บอกว่าตัวเองฉลาดๆ บางทีเราว่าไม่ฉลาด
ฉันใดก็ฉันนั้น คนที่หน้าตาดีแล้วคิดว่าตัวเองหน้าตาดีคนนั้นแหละน่าเกลียดจริงไหม คนที่คิดว่าตัวเองหน้าตาดีลักษณะดูภูมิฐานเวลาหลงตัวเองมากๆ  มองแล้วเป็นอย่างไร ไม่ค่อยน่ามองนะ
วันนี้เรามาฟังธรรมะเพื่อฟื้นฟูความดีงามในหัวใจ ที่เราเคยทอดทิ้งไปถูกไหม ถ้าเราบอกว่านักเรียนในชั้นนี้มีสองประเภท ประเภทแรกคือใจดีก็พอแล้ว แต่ไม่ค่อยยอมทำ  ส่วนอีกประเภทหนึ่งใจดีด้วยและปฏิบัติด้วยแต่ปฏิบัติเพียงนิดๆ  หน่อยๆ  รู้อะไรก็รู้อย่างนิดๆ  หน่อยๆ  เวลาทำก็ทำอย่างนิดๆ  หน่อยๆ  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็เลยเป็นสองดีที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ถูกไหม  มีอีกคนเขานอนป่วยแล้วอีกคนบอกว่า ฉันใจดีก็พอแล้วไม่ต้องไปช่วยอะไรเขาหรอก ปรากฏว่าคนที่นอนป่วยไออยู่  ฉันแค่อนุโมทนา เขาจะหายไหม ถ้าตอนนั้นเขาไอ เขาอยากได้ใจดีอย่างเดียวไหม เขาอยากได้อะไร (กำลังใจ)  กำลังใจเหรอ  
บอกเขาว่า “เดี๋ยวก็หาย” อย่างนั้นหรือ อยากได้น้ำสักแก้วหนึ่งและมือที่ยื่นไปกระทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นคนที่ใจดีแต่มือไม่ยื่นไปกระทำไม่มีประโยชน์ถูกหรือไม่  ฉะนั้นอย่าบอกว่าใจดีก็พอแล้วถึงเวลาคนไอแค่กๆ  จะตายอยู่แล้วช่วยอะไรไม่ได้อย่างนี้เรียกว่าดีไหม (ไม่ดี)
ส่วนอีกประเภทหนึ่ง มีดีก็มีนิดๆ หน่อยๆ คนที่มีดีนิดๆ หน่อยๆ เอาไปช่วยอะไรได้ไหม (ไม่ได้) อย่างเช่นทุกคนมีจิตใจที่เห็นใจผู้อื่น
เห็นใครเดือดร้อนอยากช่วย เอาง่ายๆ เห็นลูกในบ้านเดือดร้อนเราก็อยากช่วย แต่ช่วยมากๆ ก็ทำให้เสียนิสัย ดูแลตัวเองไม่เป็น พ่อแม่ต้องช่วยอยู่ตลอดเวลา ถูกไหม (ถูก)  เห็นใจจนกลายเป็นเข้าข้างคนผิดได้ไหม  เห็นใจแต่ลูก แต่ไม่เห็นใจผู้อื่น มีธรรมกับครอบครัว แต่ไม่มีธรรมกับคนอื่น อย่างนี้เป็นความรู้ที่มีน้อยๆ รู้แล้วแต่เอาตัวไม่รอด
ถูกหรือไม่ (ถูก)  ดังนั้นมาขยายความรู้ความเข้าใจในการเป็นคนดีที่ถูกต้อง เอาไหม (เอา)  เป็นคนดีอย่างไรล่ะ ที่เป็นคนดีที่ยิ่งใหญ่
ไม่จำเป็นต้องรวยก็เป็นคนดีที่ยิ่งใหญ่ได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)  เคยได้ยินคำพูดที่ว่าคนจนผู้ยิ่งใหญ่ไหม (เคย)  ทำไมจึงเรียกว่าคนจนผู้ยิ่งใหญ่ ก็เพราะเขาเป็นคนที่รักศักดิ์ศรี แม้จนก็ไม่ขอใครกิน ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นเราจะลืมไม่ได้ แม้เราจะจน แม้เราจะลำบาก แต่เราก็ต้องยืนด้วยสองขาและสองมือของเรา อย่าเอาแต่ขอคนอื่นเขา ดูไม่มีศักดิ์ศรีเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นต้องทำให้เต็มที่ก่อน ถ้าทำเต็มที่แล้วคนเขาก็จะเห็นใจเราเอง โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากขอเลย จริงไหม (จริง)
แล้วคนในชั้นนี้คิดว่าตัวเองดีพอหรือยัง (ยัง)  เมื่อยังไม่ดีพอคิดจะเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  คิดจะแก้ไขไหม (แก้ไข)  การจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งได้ สิ่งที่เราจะต้องรู้ก็คือนิสัยตัวตนของเราใช่ไหม (ใช่)  เรามีนิสัยเคยชินอะไรที่ผิดๆ หรือไม่ (มี)  แล้วความเคยชินผิดๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เรานั้นง่ายที่จะกลายเป็นคนเลวมากกว่าคนดีหรือเปล่า ความเคยชินของเราส่วนใหญ่ง่ายที่จะเป็นคนเลวมากกว่าคนดีใช่หรือไม่ ย่อมมีทั้งใช่และไม่ใช่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วความเคยชินอะไรที่เป็นตัวหลักใหญ่ที่ทำให้เราง่ายที่จะไปกับสิ่งที่ไม่ดีมากกว่าสิ่งที่ดี ใครตอบได้บ้าง
คนที่แอบสูบบุหรี่เรายังไม่เชื่อเลยว่าสูบได้อย่างไร คนที่แอบทำผิดเรายังไม่คาดคิดเลยว่าเขาเผลอทำผิดได้อย่างไร ทั้งที่จริงๆ แล้วดูเขาก็น่าจะเป็นคนดีได้ แต่อะไรหนอทำให้คนดีที่น่ารักกลายเป็นคนที่ชอบแอบทำผิดอยู่ร่ำไป เพราะหาคนจับตัวไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราเลยแอบทำบ่อยๆ ถูกหรือเปล่าใช่ไหม (ใช่)  เพราะครึ่งหนึ่งของโลกคือความมืดอีกครึ่งหนึ่งคือความสว่าง มนุษย์เลยแอบทำชั่วไปสักครึ่งชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)  ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานเลยนะ แล้วถ้ายุคนี้ทำชั่วขนาดนี้ แล้วยุคต่อไปความชั่วจะขนาดไหนถูกไหม (ถูก)  ยุคนี้ความดียังเหลือแค่นี้ ยุคต่อไปความดีจะเหลือแค่ไหน ถูกไหม (ถูก)  จากพ่อแม่สอนเราแค่นี้เรายังจำได้แค่นี้ แล้วเราจะสอนลูกที่มีแค่นี้ให้เหลือเท่าไหร่
ฉะนั้นตัวบุคคลคือรากเหง้าแห่งความเจริญและในทางตรงกันข้ามถ้าขาดคุณธรรมพลั้งเผลอความดีงาม รากเหง้าแห่งความเจริญก็พร้อมจะเป็นรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายได้ในทันที มนุษย์เราถ้าเผลอใจนิดเดียวก็พร้อมที่จะแอบทำผิดคิดร้ายได้ โดยไม่รู้จบ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเกิดตัวเราอบรมตัวเราไม่ได้ ตัวเราควบคุมตัวเราไม่ได้ ตัวเราสอนตัวเราให้เป็นคนซื่อตรงไม่ได้ แล้วเราจะไปสอนใครได้ แล้วเราจะไปอยู่กับใครได้อย่างมีสุข แล้วเราจะไปนำพาใครให้พ้นภัยได้ ใช่หรือไม่  ฉะนั้นการศึกษาธรรมต้องเริ่มต้นที่ตัวเราก่อน ถ้าตัวเราไม่ประพฤติปฏิบัติให้ได้จะไปเรียกใครก็เปล่าประโยชน์ เหมือนกระจกย่อมสะท้อนกลับมา เหมือนเสียงที่พูดออกไปย่อมสะท้อนออกมาแบบเดียวกับที่เราพูด  การประพฤติปฏิบัติก็เฉกเช่นเดียวกัน ใช่หรือไม่  ฉะนั้นวันนี้สิ่งที่เรามาฟังก็คืออะไร  เพื่อมาฟื้นฟูคุณธรรมความดีงามในหัวใจ ที่ถูกกลบไปด้วยตัณหาความอยาก และความคิดความเชื่อความยึดมั่นที่ผิดๆ  ให้จางหายไปแล้วกลับมาเป็นคนดีใหม่อีกครั้ง เอาไหม (เอา) บางคนบอกว่าเป็นคนดีแล้วได้อะไร ดีแล้วไม่เห็นได้ดี ถามว่าเป็นคนชั่วแล้วสบายใจไหม (ไม่) แต่เป็นคนดีแล้วทำดีแม้จะไม่ได้ผลดีเราก็สบายใจเป็นอันดับแรกไม่ใช่หรือ อยากทำดีหรือทำชั่ว จะถามเราอีกไหมว่าเป็นคนดีแล้วได้อะไร  
(อาจารย์บรรยายธรรมนำพานักเรียนในชั้นเรียนเชิญ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั่ง)
การที่เชิญเรานั่งก็หมายถึงนึกถึงอกเขาอกเรา เราสบายคนข้างๆ ก็ต้องสบายด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาเราอยู่ในบ้านเราสบาย แล้วเราเห็นคนรอบข้างสบายด้วยไหม เราสบายก็ต้องมีคนลำบากเสมอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยู่ในโลกในความเป็นจริง คนหนึ่งสบายต้องมีคนหนึ่งลำบาก มีคนหนึ่งลำบากต้องมีคนหนึ่งสบาย ใช่หรือไม่ (ใช่) หัวหน้าชั้นจะยอมโชคร้ายแล้วให้เพื่อนๆ ในชั้นยอมโชคดียอมสละไหม (ยอม)  แล้วเราในชั้นหลายๆ หัวใจจะยอมให้หัวหน้าลำบากคนเดียวยอมไหม (ไม่ยอม)  แปลว่าหัวหน้ายืนเราก็ (ยืน)  เชิญทุกท่านนั่งลง
การทำความดีจึงไม่ใช่เรื่องยาก ปัญหาอยู่ที่ ทำไมมนุษย์ถึงไปไม่ถึงซึ่งความดีอย่างถ่องแท้หรือดีได้ไม่ตลอดรอดฝั่งเพราะอย่างแรกคือ หนึ่งเราถนัดที่จะรับมากกว่าที่จะให้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
เราถนัดที่จะมีมาก มากกว่าที่จะมีน้อยเราถนัดที่จะยึดติดมากกว่าที่จะปล่อยวางใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราสามารถแก้นิสัยต่างๆ นี้ได้ เราจะสามารถที่จะเป็นคนที่ดีได้ไม่ยากใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นพอมีของอะไรมา ฉันได้หรือยัง  แต่เคยถามไหมว่าคนอื่นได้บ้างหรือยัง ถูกไหม (ถูก)  สมมติว่าใกล้ปีใหม่แล้ว สิ่งที่จะพูดกันบ่อยๆ ก็คือ ใครจะให้อะไรเราบ้างหนอใช่หรือเปล่า (ใช่)  ทำไมไม่คิดว่าเราจะให้อะไรใครบ้างหนอถูกไหม (ถูก)  ยิ่งใกล้ปีใหม่แล้วน่าจะคิดว่าส่งความสุข คำพูดก็บอกแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ทำไมส่งความสุขแค่ปีใหม่แค่ครั้งเดียวเอง ทั้งที่เรารู้ว่าการที่ได้รับความสุขนั้นเป็นสิ่งที่ดี รู้สึกดีแล้วเราก็มีความสุขใช่ไหม (ใช่)  คนที่ไม่เคยส่งให้เราเลย แล้วอยู่ๆ ส่งให้ อวยพรให้แล้วบอกว่าขอให้แข็งแรง เราดีใจไหม (ดีใจ)  แล้วทำไมเราไม่ทำปีใหม่ให้เกิดทุกๆ วันล่ะ ส่งความสุขให้แก่กันทุกๆ วัน การส่งความสุขให้แก่กันทุกวันเป็นสิ่งที่ดีไหม (ดี)  แล้วทำยากไหม (ไม่ยาก)  เริ่มต้นที่ตัวเอง ด้วยการทำดี อย่างเช่น พูดในสิ่งที่น่าฟัง คิดในด้านดีเข้าไว้ก่อน อย่าเอาแต่ระแวง อย่าเอาแต่คิดร้าย เพราะการระแวง การคิดร้ายทำให้เรามองโลกในแง่ร้าย พอมองโลกในแง่ร้ายเราจะไม่สามารถดีกับทุกคนได้เท่าเทียม ก็เกิดความลำเอียง พอลำเอียงก็เกิดการแตกแยก พอแตกแยกก็เกิดความขัดแย้ง แบ่งพรรคแบ่งพวก   ใช่หรือไม่ (ใช่)
เป็นหัวหน้าชั้นเหมือนทัพหน้าเลยนะ (เริ่มจากครอบครัวของเราก่อน โดยการรู้จักหน้าที่ หน้าที่เป็นลูกก็ต้องเป็นลูกที่ดี กตัญญูต่อพ่อแม่ หน้าที่เป็นสามีภรรยาต้องซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน หน้าที่พ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงดูลูกให้ดี)  หัวหน้าชั้นตอบได้ถูกไหม (ถูก)  แล้วตอบได้ดีไหม (ดี)  เพราะการเริ่มต้นสำคัญการที่เราจะปฏิบัติดีได้ ถ้าเราไม่เริ่มต้นรู้จักหน้าที่ของความเป็นตัวเองก่อนแล้ว เราจะไปทำหน้าที่อื่นได้สมบูรณ์ไหม (ไม่)  แล้วหน้าที่พื้นฐานของความเป็นคนคืออะไร คิดดีทำดีแล้วก็พูดดีใช่หรือไม่ (ใช่)
หน้าที่ของความเป็นคนอย่างแรกที่ไม่ควรขาดไปจากหัวใจคืออะไร คุณธรรมอันดับแรกของความเป็นคนคือ กตัญญูรู้คุณคน
ถูกหรือไม่ (ถูก)  เกิดเป็นคนถ้าไม่มีจิตสำนึกรู้คุณคนจะเป็นคนที่สมบูรณ์ได้งดงามได้ไหม (ไม่ได้)  แม้กระทั่งพ่อแม่เขายังทำร้ายได้ลงคอ แล้วนับประสาอะไรกับพวกเราที่อยู่ข้างนอกถูกหรือไม่ (ถูก)  เมื่อมีความกตัญญู อย่างที่สองก็คือ พี่น้องต้องปรองดองใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเกิดพี่กับน้องเขายังรักกันไม่ได้ ยังแก่งแย่งกัน ยังทำร้ายกัน แล้วเราที่ไม่ใช่เลือดไม่ใช่เนื้อเขา เขาจะทำร้ายได้ลงไหมใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ กตัญญูรู้คุณ กับ รู้รักสมัครสมานปรองดอง แล้วต่อไปเราเป็นอะไร เราเป็นภรรยา เราเป็นเพื่อนร่วมงาน เราเป็นมิตร เราก็ค่อยไปปฏิบัติคุณธรรมของความเป็นภรรยาคือ ซื่อสัตย์ อ่อนน้อม ใช่หรือไม่ (ใช่)  เป็นมิตรก็ต้องมีความจริงใจ ซื่อตรง ทำหน้าที่ก็ต้องรู้จักรับผิดชอบ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการศึกษาทำให้มนุษย์เรียนรู้ความเป็นคนและการปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องสมบูรณ์ แต่การอบรมบ่มเพาะคุณธรรมสอนให้มนุษย์รู้จักคุณสัมพันธ์ความดีงามของมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน ฉะนั้นเราจะศึกษาโดยไม่อบรมบ่มเพาะคุณธรรมได้ไหม (ไม่ได้)  ก็เหมือนกับคนที่มีความกล้า แต่ไร้คุณธรรมความกล้าก็จะกลายเป็นความกล้าที่ดื้อดึงดันทุรังและบ้าบิ่นได้ ส่วนคนที่เอาแต่ศึกษาไม่ได้ลงมือปฏิบัติก็ไม่ดี
ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็จะกลายเป็นคนที่มีแต่ความรู้แต่ไร้ซึ่งการเห็นแจ้งแท้จริง ใช่หรือไม่  หรือที่เรารู้ว่าถ้าเรียนรู้มากๆ แต่ไร้ซึ่งคุณธรรมความดี เราก็อดไม่ได้ที่จะกลายเป็นคนเย่อหยิ่งถือดีโดยไม่รู้ตัว ถูกไหม  
ดังนั้นเกิดเป็นคนขาดไม่ได้ซึ่งการศึกษาและอบรมบ่มเพาะคุณธรรม หากขาดไปสักช่วงหนึ่ง ว่างไปสักนิดหนึ่ง หัวใจเราก็ง่ายที่จะไหลลงต่ำ และง่ายที่จะปล่อยไปตามสภาวะแวดล้อมถูกไหม (ถูก)  แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้มนุษย์ง่ายที่จะทำชั่วมากกว่าทำดี สิ่งแวดล้อมใช่หรือไม่ สิ่งแวดล้อมมีทั้งดีและไม่ดี แต่อยู่ที่เราซึมซับเอาที่ดีหรือไม่ดี  อย่างคำกล่าวที่มนุษย์ชอบกล่าวไว้ว่า “อยู่ในสวนดอกไม้ เราก็ต้องหอมกลิ่นดอกไม้ อยู่ในเข่งปลาเน่า เราก็ต้องเป็นปลาเน่า” ฉะนั้นภาวะแวดล้อมอยู่ที่ตัวเราเดินไปหา หรือภาวะแวดล้อมเข้ามาหาตัวเรา
(อยู่ที่ตัวเรา) เราเดินเข้าวัดบ่อย เดินมาสถานธรรมบ่อย หรือไปเที่ยวบ่อย ถ้าเราเที่ยวบ่อย เราก็ง่ายที่จะติดนิสัยอยากเที่ยวเหมือนเพื่อนๆ ใช่ไหม  
สิ่งแรกที่ง่ายที่จะทำให้มนุษย์ปฏิบัติไม่ดีก็คือ ภาวะแวดล้อมที่ครอบงำจิตใจของตัวคน แปลกนะ เราอยู่ในโลกไม่อาบน้ำสามวันทนได้ไหม แค่วันเดียวทนได้ไหม (ได้, ไม่ได้)  มีทั้งทนได้และทนไม่ได้
ถ้าอากาศหนาวๆ ก็ย่อมยอมทนใช่หรือไม่ กายข้างนอกของเราสกปรกเรายังรู้จักทำความสะอาด ผิวเราดำมากๆ  เรายังทนไม่ได้ อยากขัดให้ขาว ใช่หรือไม่ ฉะนั้นหัวใจที่หมองมัวไปมืดมนไป ทำไมเราไม่พยายามที่จะดูแลบ้าง ถูกหรือเปล่า (ถูก)  อาจจะเป็นเพราะว่าใจมันอยู่ลึก
เราเลยมองไม่เห็นว่าใจมันดำแล้ว กายนี้เห็นทุกวันใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาใจดำรู้สึกได้ไหม ได้นะ เวลาเห็นคนดีๆ แล้วเขาทำดี เราจะถามตัวเองทันทีเลยว่าทำไมเราไม่ทำบ้างนะ เวลาเห็นคนสะอาดๆ แต่เราไม่สะอาด เราไม่ดีอย่างเขา ใครบ้างจะไม่รู้สึก ถูกหรือไม่ (ถูก)  เวลาเดินไปเห็นคนขอทาน เพื่อนเขาให้สตางค์แต่เราไม่ให้ ใจดำไหม (ใจดำ)  แถมยังอ้างเหตุผลอีกว่าไม่รู้ขอทานจริงหรือเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าปล่อยให้ภาวะภายนอกครอบงำจิตใจ จนทำให้จิตใจเรานั้นหลงลืมความเมตตาและคุณธรรมสามัญที่ควรมีในหัวใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เคยไหมที่บางครั้งความอยากมีมากกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดี (เคย)  เคยไหมที่ทิฐิความเห็นของตนมีมากกว่าความเห็นใจพ่อแม่ของเรา เคยไหมที่ความรักตัวเองมีมากกว่าที่จะรักพ่อแม่ เห็นใจพ่อแม่ (เคย)  เพราะเราปล่อยให้อารมณ์ทิฐิ ความถือดี ความเป็นตัวของตัวเองนั้น ครอบงำจนทำให้เราลืมกระทำในสิ่งที่ดีงาม ในสิ่งที่ควรมีไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อย่าปล่อยให้ความอยากมี อยากได้ ทำร้ายความดีงามในหัวใจ ถูกไหม (ถูก)  และอย่าปล่อยให้ความไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ความไม่ยินดีในสิ่งที่ตัวเองควรจะได้นั้น ทำร้ายความดีในหัวใจ  เช่น เห็นแบงก์ร้อยในกระเป๋าตัวเองมีค่าต่ำกว่าแบงก์ร้อยที่อยู่ในกระเป๋าผู้อื่น  เคยเห็นคนที่อยู่ข้างๆ ตัวน่ารักน้อยกว่าคนที่อยู่นอกตัวไหม เคยใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเคยเห็นเสื้อที่อยู่ในตู้ไม่งดงาม ไม่ทันสมัยเหมือนเสื้อที่แขวนอยู่ตามร้านค้าไหม (เคย)  ก็เพราะว่าเราไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ไม่ยินดีในสิ่งที่ตัวเองได้ ความอยากที่ถมไม่เต็ม จึงทำให้เราแสวงหาและแก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ถูกไหม (ถูก)  ยิ่งถ้าเสื้อมีชุดเดียวในโลก เรายิ่งอยากจะแย่งกันอย่างหูดับตับไหม้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเสื้อนั้นเป็นเสื้อที่เรียกว่าเสื้อแห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี ใช่ไหม
ทำให้เราหลงลืมความเป็นคนในตัวตน ยอมทิ้งความเป็นคนแล้วไปกระทำผิดเพื่อให้ได้เสื้อที่เรียกว่าทรัพย์สินและชื่อเสียง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วจะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ยินดีในสิ่งที่ตัวเองได้ ไหวไหม (ไหว)  ฉะนั้นแปลว่าต่อไปจะไม่ซื้อเสื้อแล้ว ไม่หาเงินแล้วใช่ไหม (ไม่ใช่)  
แล้วแปลว่าอะไร แปลว่าต่อไปถ้าจะซื้อเสื้อใหม่ก็ต้องคิดให้ดีๆ  ถ้ามีเสื้อใหม่แล้วทำให้ไม่มีคุณธรรมในหัวใจ ถ้ามีเสื้อใหม่ที่เป็นชื่อเสียงเกียรติยศแล้วทำให้ทำลายมิตร ทำลายเพื่อน ลืมความกตัญญูรู้คุณยอมไม่มีเสื้อใหม่ดีไหม (ดี)  แล้วยอมพอใจในสิ่งธรรมดาสามัญได้ไหม (ได้)  การรู้พอจะช่วยดับความชั่วร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางครั้งตาเรามันมองคนแล้วอดเปรียบเทียบไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)   พอเห็นเขามีทองเส้นใหญ่แต่ของเราเส้นเล็กนิดเดียวอายไหม (อาย)  เห็นเขาใส่เสื้อใหม่ๆ ขาวๆ สวยๆ แต่เสื้อเราหมองมัวดำขลับ กล้ายืนกับเขาไหม กล้านั่งร่วมข้างๆ ไหม เสื้อหมองกว่าเขาตั้งเยอะ อายไหม (อาย)  
อายหรือ  เสื้อหมองแต่หัวใจไม่หมอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้จะยืนกับคนแต่งตัวเต็มยศเราก็ไม่อายใคร เพราะเราไม่ป่วยใจ เคยเห็นไหมคนภายนอกร่างกายดูดี แต่หัวใจป่วย ป่วยเป็นโรค ถมเท่าไหร่ไม่เคยเต็ม แต่หัวใจเราเป็นคนที่รู้จักถมเต็มบ้างแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าพอได้เราก็พอมีสุขเป็น แต่ถ้ายังพอไม่ได้เราก็ยังมีสุขไม่เป็น ก็เลยต้องซูบไป
ทุกๆ วัน
ไม่อยากให้หลับนะ เพราะรู้ว่าการฟังธรรมะเป็นเรื่องที่ยากที่จะเอาชนะใจตัวเองให้ได้ แล้วต้องอบรมใจตัวเองให้ได้  ถ้าวันนี้ยังควบคุมใจตัวเองไม่ได้ ชี้มือชี้นิ้วใช้คนนั้น ใช้ได้เก่งแต่ควบคุมได้เก่งหรือไม่ ไม่ได้หรอกนะ ถ้ายังเอาชนะหัวใจตนเองไม่ได้
ฉะนั้นถ้าเกิดว่าอยากจะเป็นคนดี นอกจากจะมีคุณธรรมแห่งความเป็นมนุษย์พื้นฐานที่ต้องมีในหัวใจแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเป็นคนดีคือ อดทนอดกลั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอยากจะเป็นคนดีแต่ขาดซึ่งความอดทนอดกลั้น ก็ไปไม่ถึงความดีอย่างแท้จริงถูกไหม (ถูก)  ดังคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า มนุษย์ทุกคนมีโทสะ รู้ว่าถ้าระเบิดโทสะออกมาแล้ว ผลร้ายจะเป็นอย่างไร ตัวรู้นั้นคือใคร ก็เราเองใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วตัวที่ปล่อยบันดาลโทสะออกไปนั่นก็คือใคร นั่นก็คือตัวเราเอง แล้วรู้ไหมว่าตัวที่สามารถรู้แล้วหยุดไม่ทำ จะสามารถแปรเปลี่ยนจากคนธรรมดาให้กลายเป็นเทวดาได้ ด้วยความอดทนอดกลั้น
ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความอยาก ความโลภ และ ความหลงก็เหมือนกัน เรารู้ว่ารักมาก โลภมากแล้ว ผลร้ายจะเป็นอย่างไร ต้องรีบหยุดให้ทันแล้วหยุดให้ได้ หรือถ้าผิดครั้งหนึ่งแล้วอย่าได้ผิดครั้งที่สองที่สาม ถ้าหยุดได้แก้ได้จากคนธรรมดาก็สามารถกลายเป็นพุทธะบนแดนโลกได้
จริงหรือไม่ (จริง)  แต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์หยุดไม่ได้ คือ มนุษย์ชอบฝืนธรรมชาติใช่หรือไม่ ฟ้าบอกว่าไม่มี แต่เราก็อยากที่จะมี ฟ้าบอกว่าตอนนี้เราโชคร้ายแต่เราก็ยังอยากโชคดี แล้วสิ่งที่เก่งกาจเกินธรรมชาติ งดงามกว่าความสมดุลของธรรมชาติก็ดูไม่งดงามใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเราถามท่านว่า เป็ดขายาวหรือขาสั้น (ขาสั้น)  แล้วถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราไม่พอใจขาเป็ด เราเปลี่ยนขาเป็ดให้เป็นขายาว ท่านว่าดูแปลกไหม (แปลก)  มนุษย์ถึงคราวต้องแก่แต่ไม่ยอมแก่ มองแล้วสวยตามธรรมชาติไหม (ไม่สวย)  ถ้าเราฝืนธรรมชาติ เราก็ไม่ต่างจากเป็ดขาสั้น แต่อยากเติมขายาวใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นความเป็นจริงของโลกอีกอย่างหนึ่งที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ก็คือ อย่าเติมสิ่งสั้นให้กลายเป็นสิ่งที่ยาว อย่าเปลี่ยนสิ่งที่ยาวให้กลายเป็นสิ่งที่สั้น  นั่นก็คือจงยอมรับความเป็นจริง แม้ชีวิตตอนนี้จะให้เราได้แค่นี้ อย่าพยายามอยากมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นทุกข์ และเราจะคิดร้าย ทำได้ไหม (ได้)  มีทั้งที่ยิ้ม แล้วก็บอกว่าได้ แต่เอาเข้าจริง ก็อดยอมรับไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสัจธรรมความเป็นจริงก็คือ เรื่องจริงที่หนีไม่พ้น ความจริงที่คนต้องกล้ายอมรับ แม้สิ่งนั้นจะเป็นโชคร้าย เป็นความทุกข์ก็ตาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ดั่งที่เราพูดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถึงเราจะจนก็จนอย่างมีศักดิ์ศรี  ถึงจะทุกข์ก็ต้องทุกข์อย่างคนที่เข้าใจชีวิต ไม่ใช่หน้ามืดตามัวล้มลุกคลุกคลานยืนขึ้นไม่ได้ เบื่อเราหรือยัง เห็นท่าทางนั่งก็เมื่อยกันแล้ว งั้นเราถามคำถามที่ชวนให้ใช้สมองนะ  อะไรในโลกที่มีหนึ่งแล้วมีสองสามไม่หยุดนิ่ง (ความไม่พอเพียง)  ความไม่พอเพียงถูกไหม (ถูก) ตอบได้ดีนะ อะไรอีกที่มีหนึ่งแล้วต้องมีสอง สาม สี่ไม่หยุดนิ่ง (ความโลภ,
ความโกรธ, ความหลง, ความอยาก) อยากได้ผลไม้  ได้หนึ่งแล้วอยากได้ต่ออีกไหม (ไม่อยาก)  (ความเห็นแก่ตัว)  เห็นแก่ตัวเองไม่เห็นใคร ใช่หรือไม่ (ใช่)  อะไรอีกตอบได้ไหม (ความมักง่าย)  ความมักง่ายอย่ามี มีหนึ่งแล้วต้องพอใจในหนึ่ง ชั้นนี้แปลกทำผิดก็เยอะ แต่กล้าตอบก็เยอะ ทั้งที่เขาบอกว่าห้ามสูบบุหรี่ แต่เผลอเป็นต้องสูบ เมื่อไหร่จะลดละได้ บุหรี่ก็เป็นหนึ่ง เป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ใช่หรือไม่ มีใครบ้างที่สูบบุหรี่แล้ว หนึ่งก็พอแล้วไม่ต่อสองสามสี่มีไหม บุหรี่แล้วอะไรใกล้กัน (เหล้า) แล้วอะไรอีก ที่มีหนึ่งแล้วอยากมีสองสามสี่ไม่จบสิ้น  
(ความรัก) เขาให้เท่านี้แล้วอยากให้มากกว่านี้ ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเช่นนั้น
คราวหน้าได้เท่านี้ก็พอแล้วจะได้ไม่ต้องทุกข์ (เงิน)  แบงก์ร้อยก็เหมือนกันทั้งสิบแบงก์ แต่ก็ยังอยากได้อีกทั้งสิบแบงก์ใช่หรือไม่ (ใช่)  อะไรนะ ไม่ต้องมองไกล ตัวเรานี่แหละเป็นต้นเหตุใหญ่ พอมีหนึ่งคือตัวเราแล้ว เราก็อยากมีสอง มีสองแล้วเราอยากมีสาม  แล้วหนึ่งนี่ไม่ใช่เกิดแค่หนึ่งอย่างเดียว หนึ่งนี่ยังอยากโน่นอยากนี่ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางครั้งมีสองมีสามแล้วอยากได้อีกไหม (อยาก)  (อยากมีลาภมียศ, อยากรู้อยากเห็น)  รู้เรื่องหนึ่งแล้วก็ยังอยากรู้ความลับอีกเรื่องหนึ่ง เห็นเรื่องหนึ่งแล้วก็อยากเห็นอีกเรื่องหนึ่งใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นก็ไม่ควรอยากรู้อยากเห็นมากนะ  (อยากเป็นที่หนึ่งของคนทั่วไป)  พอเป็นที่หนึ่งหนึ่งครั้งก็อยากเป็นที่หนึ่งให้ทุกๆ ครั้ง  แต่เคยได้ยินไหมว่าพอยิ่งเด่นมากๆ ก็ยิ่งเป็นภัย ใช่หรือไม่ (ใช่)  สู้ทำตัวให้ธรรมดาสามัญดีกว่า เช่น มีกระเป๋าหนึ่งใบก็ยังอยากมีกระเป๋าอีกสองสามใบ
ใช่หรือไม่ (ใช่)  เป็นคำถามที่ง่ายเพราะเราอยากแจกผลไม้ แต่นักเรียนในชั้นนี้กลับไม่ยอมตอบเลย อายแล้วก็อายอีกใช่หรือไม่ (การศึกษาหาความรู้)  บางคนเรียนรู้มากๆ แต่เอาตัวไม่รอดก็มีใช่ไหม (ใช่)
มนุษย์ถ้าอยากแสวงหาอะไรแล้วก็ต้องหาให้ได้มากที่สุด
ถ้าอยากจะเห็นอะไรแล้ว ก็ต้องเห็นให้ได้มากที่สุด ถ้าอยากจะได้ยินอะไรแล้วก็ต้องได้ยินให้มากที่สุด  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอยากจะกินอะไรแล้ว ก็ต้องกินให้มากที่สุด  ให้รู้รสมากๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าอยากจับอะไรแล้ว ก็ต้องจับให้ทั่ว จับให้ถึง ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์อยากทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อย่าลืมว่าที่สุดของความอยากเห็น อยากฟัง อยากสัมผัส คือ เราลิ้มรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวานสุดๆ จนครบทั้งห้ารสแล้ว บางครั้งเราอยากกินน้ำธรรมดา น้ำเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าฟังเสียงอะไรไม่ได้ยิน เราอยากฟังได้ให้เต็มที่ พอฟังจนดังสุดๆ เรากลับอยากเงียบ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ตาเมื่อมอง เห็นมาหมดมีกี่สี แต่พอดูมากๆ ปวดตาจริงๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อเราแสวงหาจนถึงที่สุด อย่าลืมว่าเมื่อขึ้นจนถึงสูงสุด ผลมักจะตรงกันข้ามเสมอก็คือกลับมาสู่ความสามัญ เคยได้ยินไหมว่า สิ่งที่เคียงคู่กับชีวิตและความเจริญเติบโต คือ (ความเสื่อมสลายไป)  ถูกต้อง ทุกวันโต
ทุกวันเสื่อมสลาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  จุดเริ่มต้นคือจุดสิ้นสุด ไม่ต่างกันเลย ถูกไหม (ถูก)  มนุษย์ไปได้สูงที่สุดแต่สักวันก็ต้องกลับคืนสู่ความสามัญธรรมดา ฉะนั้นเราแสวงหาไปสู่ที่สุดเพื่อกลับคืนมาสู่ความธรรมดา
ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราต้องรอให้เรามีมากจนกลับมาสู่ความสูญเปล่า เราถึงจะทำใจได้หรือ ไม่มีใครทำได้หรอก ฉะนั้นก่อนจะจนถึงที่สุด ก่อนจะโลภจนถึงที่สุด จงรู้จักยับยั้งชั่งใจ ก่อนที่จะทำใจรับไม่ได้
คนรวยมากๆ วันนี้ไฟไหม้ทีเดียว นั่งหัวเราะเพราะทำอะไรไม่ได้ เราก็รับรู้และเคยได้ยิน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนแรกมีมาก พอน้ำมาทีเดียว
เป็นอย่างไร ทำใจได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วทำไมต้องรอให้ฟ้าดลบันดาลอย่างนั้นหรือ อย่าลืมว่าสัจธรรมความเป็นจริงของฟ้าและของชีวิตที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ก็คือ ตัดในสิ่งที่มากและเพิ่มในส่วนที่ขาด
อย่ารอให้ฟ้าตัด มิเช่นนั้นเราจะเจ็บปวด ถูกไหม (ถูก)  
อย่าปล่อยให้ตัวเองมั่งมี แล้วฟ้าตัดให้เรายากจน ถึงตอนนั้นไม่มีใครทำใจได้หรอกใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการรู้จักยับยั้งชั่งใจ ควบคุมหัวใจและรู้จักพอมีพอประมาณ จึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องเรียนรู้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ  เคยเป็นไหมมีความรู้และมั่นใจมากๆ คนบอกพอเถอะๆ เคยใช่หรือไม่ (ใช่) มีเงินร้อยบาทแล้วภูมิใจ แต่คนกลับหัวเราะเยาะใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ความอยากมี อยากได้ พาเราไปจนสูงสุด
แล้วต้องกลับมาสู่สามัญด้วยความเจ็บปวด ดูง่ายๆ นะดอกไม้ ที่สุดของดอกไม้คืออะไร ถ้าเรารู้ที่สุดของดอกไม้ เราจะรู้ที่สุดของชีวิต
ถ้าเราเข้าใจดอกไม้เราจะเข้าใจชีวิตถูกไหม (ถูก)  เพราะเรากับดอกไม้ก็ไม่ต่างกัน แต่บางครั้งคุณค่าของความเป็นคน บางคนยังสู้ดอกไม้ดอกหนึ่งไม่ได้จริงไหม (จริง)  “ที่สุดของดอกไม้คือ ความงาม ความหอม และคุณค่า”  เขาไปให้ถึงที่สุดได้ความงาม ได้ความหอม ได้คุณค่า แม้จะร่วงโรยไปเราก็ยังจำได้ตราตรึงถูกหรือไม่ (ถูก)
แต่ที่สุดของความเป็นคนของมนุษย์คืออะไร ความดีแต่เราไม่ทำ ที่สุดของความเป็นคนที่มนุษย์อยากหาได้คือ เสพให้ได้เต็มอิ่ม มองให้ได้เต็มตา ฟังให้ได้เต็มเสียงแค่นั้นเอง และเที่ยวให้ได้เต็มชีวิตใช่ไหม (ใช่)  เรายังสู้อะไรกับดอกไม้ดอกหนึ่งไม่ได้เลยถูกไหม (ถูก)  ทั้งที่ดอกไม้ให้ความงาม ให้ความหอม และให้คุณค่า แต่ชีวิตคนที่สุดของตัวเองทำอะไรได้สักอย่างหนึ่งของดอกไม้หรือยัง จริงไหม (จริง)  แม้ดอกไม้จะบานเล็กๆ ในที่จำกัดก็ยังดีกว่าไม่งามเลยใช่หรือไม่ (ใช่) อย่าดูถูกตนเองนะแม้จะมีดีเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นดีที่ตราบจนลมหายใจหมดสิ้น ฟ้าก็ให้เกียรติ เทวดาก็ยังเคารพนับถือ เพราะเป็นความดีที่รู้จักทำเพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตนเอง แล้วคนที่สามารถทำความดีเพื่อผู้อื่นได้คือคนที่รู้จักพอบ้างแล้วใช่ไหม (ใช่)  ถ้าไม่พอท่านจะไปหยิบยื่นให้ใครได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นเห็นดอกไม้แล้วอย่าลืมเห็นหัวใจเราด้วยนะ ว่าถึงที่สุดเหมือนดอกไม้หรือยัง อย่าปล่อยให้มันร่วงโรยไป แต่หาดีอะไรไม่เจอ อะไรที่ทำให้เราหอม ทำให้เรางาม และทำให้เรามีคุณค่า คือ คุณธรรมใช่หรือไม่ (ใช่)  คุณธรรมอะไรบ้างที่เราควรมีในหัวใจ  กตัญญูรู้คุณกับพ่อแม่ต้องมีให้มากๆ  อย่ากตัญญูรู้คุณอย่างห่างๆ
พี่น้องต้องรู้จักสมัครสมานอะลุ้มอล่วย เพื่อนต้องรู้จักซื่อตรงจริงใจ
ใช่หรือไม่ (ใช่)  เกิดเป็นมิตรมีเพื่อนอยู่รอบข้าง แม้ไม่มีญาติพี่น้อง
แต่รู้จักมีคุณธรรมความดีและความจริงใจ ไปที่ไหนเราก็มีมิตรและมีญาติ ถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าเป็นคนไม่เคยทำความดีเลย วันๆ เอาแต่เที่ยวเตร่ วันๆ เอาแต่นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยนึกถึงคนรอบข้าง
คนเช่นนี้แม้อายุหมื่นปี เขาก็อยากให้เหลือแค่วันเดียว จริงไหม (จริง)
วันนี้ไปให้ถึงที่สุดแห่งความอดทนไหวไหม (ไหว)  เราเชื่อว่านักเรียนในชั้นนี้ก็อดทนไม่แพ้ชั้นอื่น นักเรียนหนึ่งวันจะยอมเปลี่ยนเป็นนักเรียนสองวันไหม จะยอมแพ้นักเรียนสองวันหรือ แปลกนะความดีงามที่มนุษย์พึงกระทำได้ แต่มนุษย์ก็ยอมหลีกเลี่ยงไม่กระทำ เพราะว่าเราห้ามใจตัวเองไม่ค่อยอยู่ หากลำบากแค่นิดๆ หน่อยๆ เราอดทนอดกลั้นไม่ปริปากบ่นได้ คนนั้นย่อมแสดงออกให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่า เป็นคนที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว  แต่ถ้านิดๆ หน่อยๆ ก็บ่นแล้ว ท้อแล้ว ว่าแล้ว
ก็โกรธโทษฟ้าโทษดิน คนเช่นนี้หาความเด็ดเดี่ยวในหัวใจไม่ได้เลย
ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราจะเป็นคนที่อดทนในสิ่งที่ยากจะทนไหวไหม (ไหว) คนที่สูบบุหรี่เอาแต่ก้มหน้านะ  เราถามท่านหน่อย ถ้าท่านตาดี
แต่วันนี้เห็นคนตาบอดกำลังจะตกไปในเหวลึก ถามว่าคนตาดีจะเข้าไปจับคนตาบอดให้หยุดไหม  ท่านว่าจะห้ามไหม (ห้าม)  จะไปขวางไปจับเขาไหม (จับ)  แล้วถ้าเราเห็นเด็กที่ไหนก็ไม่รู้คลานสี่เท้าลงไปกลางถนน ท่านจะไปดึงไปรั้งให้เขากลับมาไหม ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อมนุษย์กำลังทำสิ่งที่ผิด ไม่จำเป็นต้องเป็นพุทธะ คนธรรมดาเดินดินก็ห้ามไม่อยากให้ทำ ไม่ให้ทำ เพราะไปแล้วตาย ไปแล้วไม่รอด หัวใจแห่งความเมตตาปรานีก็มีอยู่ทุกคน จะไม่ห้ามหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราไม่รักตัวเองหรือ รักไหม (รัก)  ถ้าเช่นนั้นก็อย่าเลือกที่รักมักที่ชัง อย่าเลือกกิน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วก็อย่าเอาแต่ใจตัวเองอย่างดื้อดึงถูกหรือเปล่า (ถูก)  ไม่เช่นนั้นก็จะป่วยเป็นโรคที่ไม่น่าจะป่วย ใช่ไหม (ใช่)  
คงจะเชื่อยากเพราะหลายท่านในที่นี้ยังไม่มั่นใจเลยว่า เรานั้นคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือเปล่าใช่ไหม (ใช่)    เราไม่ว่าหรอก ว่าหัวใจท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าที่มานั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เราอยากให้ท่านเอาไปพิจารณาคือคำพูดที่เราพูดกับท่าน  ถ้าท่านทำได้ คนธรรมดาก็กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงไหม คนที่ดีจนถึงที่สุดแล้วไม่เปลี่ยนแปลงตราบลมหายใจ แม้ชีวิตต้องสูญเสียก็ขอรักษาดี คนนั้นไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกิดได้จากไหนล่ะ จากตัวท่านเอง จากใจท่านเอง และจากวันนี้ที่จิตของท่านที่คิดได้เอง เราพาท่านขึ้นสวรรค์ไม่ได้ เราได้แต่ชี้ แต่ท่านจะเดินหรือไม่เดินขึ้นอยู่ที่ตัวท่าน เราพาท่านพ้นทุกข์ไม่ได้ ถ้าท่านไม่รู้จักคิดให้เป็น คิดให้ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์ทุกข์เพราะอะไรล่ะ ไม่ใช่เพราะความอยากจนไม่รู้จักพอหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จำได้ว่าทะเลแห่งความอยากถมไม่เต็ม  จะถมกันได้เมื่อพอได้ จริงหรือไม่ (จริง) ไม่อยากจะถมให้มันเต็ม
บ้างหรือ ไม่เหนื่อยกับการเรียกร้องหรือ ไม่เหนื่อยกับการแสวงหาหรือ พอหามาแล้วได้หรือไม่ได้ก็ทุกข์  พอได้แล้วก็ทุกข์ กลัวที่จะไม่ได้อีก
ในวันรุ่งขึ้นถูกหรือไม่ (ถูก)  
ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรม นอกจากจะทำให้เราเป็น
ผู้ประเสริฐแล้ว ยังทำให้เรารู้จักหาทางดับทุกข์ แล้วรู้ว่าชีวิตคืออะไร และจะพ้นทุกข์ได้อย่างไร ทำไมกลับไม่คิดศึกษานะใช่ไหม (ใช่)  
ต้องรอให้ชีวิตหมดสิ้นดับดิ้นหรือถึงจะเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยด้วย
ทันไหม (ไม่ทัน)  เหมือนมนุษย์ชอบพูดว่าอายุมากแล้วค่อยศึกษาธรรม ถามว่าพออายุมากแล้วเปลี่ยนแปลงอะไรไหวไหม (ไม่ไหว)  
จะเปลี่ยนแปลงจะรู้จักลดละก็ต้องเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้ อย่าปล่อยให้อายุมากแล้วค่อยแก้ แก้ไม่ทันหรอกใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นสิ่งที่ยากเปลี่ยนแปลงสำหรับมนุษย์ทุกคนนั่นก็คือ ความเคยชินใช่ไหม (ใช่)  
เราเคยชินอะไร สิ่งที่ไม่ควรดูเราก็ชอบดู สิ่งที่ไม่ควรทำเราก็ชอบแอบทำใช่หรือไม่ (ใช่)   ฉะนั้นอะไรที่ไม่ดี ลดละได้ก็ลดละตั้งแต่นี้ อย่าปล่อยให้หมดสิ้นชีวิตแล้วถึงอยากจะเพียรทำดีมันสายไปนะใช่หรือไม่ (ใช่)  วันนี้ศึกษาธรรมกับท่านก็คงเพียงแค่นี้ เวลาแห่งชีวิตก็คือเวลาแห่งความเสื่อมสลาย เวลาแห่งการเจริญเติบโตคือเวลาแห่งการดับสูญ จุดเริ่มต้นคือจุดสิ้นสุด วันนี้ถ้าไม่รู้จักเพียรทำให้ดีที่สุดของการเป็นคนก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำวันไหน ใช่หรือไม่ (ใช่)  หากเอาแต่ผัดวันประกันพรุ่งก็จะไม่มีคนดีที่แท้จริงได้ วันนี้เราก็คงมาผูกบุญสัมพันธ์แค่นี้ เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ลดละสิ่งที่ไม่ดีเพื่อรักษาสิ่งที่ดีงามให้บังเกิด ร่างกายตัวนี้ไม่ช้าก็ร่วงโรยนะ แต่สิ่งที่อยู่
นิจนิรันดร์ คือความดีงามในหัวใจ และคุณค่าอันประเสริฐ
หาให้พบ และรักษาให้อยู่กับตัวเรานะ เชื่อไม่เชื่อ เราไม่ว่า แต่ขอให้เชื่อสิ่งที่เราพูดวันนี้เถิด ถ้าท่านทำได้ ท่านก็คือพุทธะบนแดนโลก


วันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ สถานธรรมจือเจวี๋ย น้ำกระจาย จ.สงขลา
    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

    เปลี่ยนแปลงใจตนเองให้ใหญ่กว้าง    สร้างแนวทางให้ตัวเองได้เดินต่อ
อย่าเกียจคร้านพัฒนาตนอย่ารีรอ    อย่าย่อท้อต่อการบำเพ็ญธรรม
        เราคือ
    พระพุทธจี้กง            รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่แดนโลกแฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว        ถามศิษย์รักทุกคนอยากมีความสุขหรือเปล่า

    ในวันที่ทำดีมีความสุข    ศิษย์สนุกอาจารย์นี้ก็ไม่ห้าม
แต่จงทำจากใจอันงดงาม    จงเกรงขามกรรมบาปอย่าเผลอใจ
ธรรมะดูเหมือนกันแต่แท้จริงต่าง    เห็นความต่างใคร่ครวญต่างตรงไหน
มุ่งบรรลุพ้นเวียนว่ายต้องแปรใจ    ไม่มีอะไรที่ง่ายนะศิษย์เอย
อยากให้ศิษย์กลับไปเร่งบำเพ็ญธรรม    ปัญหางำมีหลายเงื่อนไม่มีเฉลย
อาจารย์นี้ห่วงใยศิษย์เฝ้าเปรยเปรย    เปลี่ยนแปลงตนนะศิษย์เอยอย่ารอ

                     ฮา ฮา หยุด




หายหน้าพักใหญ่ ไปแล้วจงอย่าไปลับ รอสักวันเจ้าคงกลับ กลับมาเป็นเจ้าคนเดิม อย่าโทษกันมา ว่ากันไป มักไม่จบ ที่ความเข้าใจ ชนะตนเอง สักวันทำได้ มิโทษคน หากคนเคยแก้ไข มิวายเหมือนเดิม ธรรมมิแตกฉานบำเพ็ญสับสน หัวร่อปัญหา กลับมาเพราะคน ศิษย์ยอมจำนนเรื่อยเพราะอะไร เพราะการฝึกไม่เคยผ่านไป เผลอเผลอก็มา
เห็นหน้าพักใหญ่ อย่าจับผิดอย่างคนเขลา จิตสบายและตัวเบา ศิษย์บำเพ็ญบำเพ็ญลูกเดียว พรุ่งนี้ของศิษย์
        ทำนองเพลง : คิดถึง
        ชื่อเพลง : พรุ่งนี้ของศิษย์





พระโอวาทพระพุทธจี้กง



ในขณะที่เรามีความสุขนั้น ความทุกข์อยู่กับเราหรือเปล่า
(ไม่อยู่)  สมมติว่าเป็นคนที่มีความทุกข์เพราะว่าชีวิตครอบครัวไม่ดี ขณะที่เรามาสถานธรรมนี้ร้องรำทำเพลงมีความสุขกับการฟังธรรมะ ความทุกข์ของการที่ครอบครัวไม่ดี ลูกไม่ดียังอยู่หรือเปล่า (อยู่)  ในสภาพความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เรามีอยู่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ สามีเรา ลูกเรา ฐานะ การงาน การเงิน ความทุกข์ของเราที่มีต่างๆ นานา เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งได้นั่นคืออะไร นั่นคือจิตใจของเราใช่หรือไม่ (ใช่)  สมมติว่าจิตใจของเราตอนนี้เล็กเท่าถ้วย รับอะไรมาก็ล้นหมด เวลาเรารับความทุกข์อะไรเข้ามา
มันก็ล้นเพราะถ้วยของเราเล็กไปหน่อยใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นเราเปลี่ยนถ้วยที่ใบใหญ่ขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง พอหรือเปล่า พอสำหรับความทุกข์ของเรา ถ้าเปลี่ยนเป็นจาน พอไม่พอ (ไม่พอ)  มีทุกข์ขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าเปลี่ยนเป็นกะละมังดีไหม เปลี่ยนเป็นเราใจใหญ่กว้างเท่า
กะละมังเลยดีหรือเปล่า (ดี)  พอหรือยัง (พอแล้ว)  เวลาที่มีความสุขเข้ามาในชีวิต ความทุกข์เข้าไปที่ไหนเหมือนกัน (ใจ)  ความสุขก็เข้าไปในใจเหมือนกันใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วใจของเรารับได้หรือเปล่า รับความสุขได้ไหม ถ้าความสุขเข้ามารับได้ ความทุกข์เข้ามารับไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นศิษย์ก็จะไม่ได้รับอะไรเลย เพราะว่าความสุขนั้นมาพร้อมกับอะไร (ความทุกข์)  มีสุขก่อนมีทุกข์ทีหลัง ถ้ามีทุกข์ก่อนก็มีสุข ดูแล้วความสุขกับความทุกข์เป็นสิ่งเดียวกันหรือเปล่า ถ้าหากว่าเรามีความทุกข์เท่ากะละมัง เราก็จะมีความสุขเท่ากะละมังเหมือนกันดีหรือเปล่า (ดี)  เพียงแต่ว่าเราต้องเปลี่ยนอะไร เราต้องเปลี่ยนใจตัวเอง ต้องรู้จักพอใจและมีความสุขกับความทุกข์ของตัวเอง เราจึงจะมีสุขเป็น และมีสุขได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  แฟนของเรา ลูกของเรา อาการเจ็บป่วยของเรา ฐานะการเงินของเราเปลี่ยนไม่ได้ เราจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร เปลี่ยนใจของตัวเราเอง ให้ใจของเรานั้นรับได้มากขึ้น กว้างใหญ่มากขึ้น และมีความสุขบนความทุกข์ได้มากขึ้นใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์มักมีความสุขด้วยการเจอสภาพแวดล้อมใหม่ เจอคนใหม่
เจอสิ่งใหม่ก็จะมีความสุขมากขึ้นใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนกับวันนี้มาฟังธรรมะสองวันรู้สึกตัวเองมีความสุขมากขึ้นใช่หรือเปล่า (ใช่)  
แต่ธรรมะอยู่ที่สถานธรรมหรือเปล่า ธรรมะเข้าทางหูหรือเปล่า ธรรมะเข้าทางตาหรือเปล่า ธรรมะออกจากปากหรือเปล่า ธรรมะอยู่ที่ไหน (อยู่ที่ใจ)  ธรรมะอยู่ที่ใจของเรา เพราะฉะนั้นธรรมะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ทรงกลม หรือสามเหลี่ยมหรือเปล่า ธรรมะมีรูปทรงเป็นอย่างไร ธรรมะไม่มีรูปใช่หรือไม่ (ใช่)  ธรรมะไม่มีรูป สามารถพกพาไปได้ทุกที่ พกแล้วหนักไหม พกแล้วก็ไม่หนัก เพราะว่าธรรมะอยู่ในใจ
ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนฟังธรรมะมีความสุขไหม (มี)  คนใช้ธรรมะยิ่งมีความสุขยิ่งกว่า ทำให้คนอื่นมีความสุขกับทำให้ตัวเองมีความสุขอะไรดีกว่ากัน (ให้คนอื่น)  การทำให้คนอื่นมีความสุข มีความสุขยิ่งกว่าใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาเราทำดีออกไปก็คือทำให้คนอื่นมีความสุข แล้วถ้าเขาไม่ทำดีตอบนี่มีความสุขหรือเปล่า (มี)  แสดงว่าความสุขของเราอยู่ที่คำชมของเขาหรือเปล่า ความสุขของเราอยู่ที่สีหน้าของเขาหรือเปล่า (ไม่ใช่)  ความสุขของเราอยู่ที่รอยยิ้มของเราหรือเปล่า (ใช่)  ใช่หรือ ความสุขมันอยู่ที่ใจของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใจของเราอยู่ที่เขาหรือเปล่า (ไม่ใช่)  ใจของเราอยู่ที่ไหน (ที่ตัวของเรา)  ใจของเราก็อยู่ที่ตัวของเรา เพราะฉะนั้นต่อให้คนอื่นไม่ทำดีตอบเรา เรามีความสุขไหม (มี)  ต่อไปนี้กลับไปทำดีกับคนอื่นแล้วถ้าคนอื่นไม่ทำดีด้วยจะทำอย่างไร ยิ้มและหัวเราะออกหรือเปล่า ร้องไห้ออกหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเรามีความสุขที่ไหน เรามีความสุขที่ใจของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนมักจะแสวงหาความสุขด้วยการเจอของใหม่ใช่ไหม เสื้อตัวใหม่ แฟนคนใหม่ ผมสีใหม่ แว่นตาอันใหม่ รองเท้าใหม่ กับข้าวมื้อใหม่ แต่ว่าพอใหม่แล้วเป็นอย่างไร  ใหม่แล้วก็เก่าอีก  เก่าแล้วทำอย่างไร เก่าแล้วก็หาใหม่ ของเก่าเอาไปไว้ไหน ของเก่าก็วางไว้เฉยๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ของเก่าก็ไม่สนใจใช่หรือเปล่า แล้วของเก่านั้นเคยใหม่ไหม (เคย)  เพราะฉะนั้นเราเคยเป็นของใหม่ของคนอื่นหรือเปล่า ตอนนี้เราเก่าหรือยัง (เก่าแล้ว)  เพราะฉะนั้นเราน่าเบื่อหรือเปล่า (น่าเบื่อ)  อย่างนั้นเขาหาใหม่ก็ถูกแล้ว เราน่าเบื่อหรือเปล่า (น่าเบื่อ) สามวันก็ยังแก้ไม่ได้ สามปีก็ยังแก้ไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนไม่ใช่สิ่งของ ไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้  พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติและคนรู้จักกันไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ใช่สิ่งของ จึงต้องทำตัวให้เป็นผู้ที่มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ถูกหรือเปล่า (ถูก)  ยิ่งมีการพัฒนาก็ยิ่งไม่น่าเบื่อใช่หรือไม่  แต่ว่าเราเคยพัฒนาตัวเองไหม (ไม่เคย)  ศิษย์อาจารย์หยุดพัฒนาตัวเองมากี่ปีแล้ว  มนุษย์นั้นเป็นผู้ที่มีความเกียจคร้านอยู่ในตัวทุกๆ คน เหมือนกับขี้เกียจแปรงฟัน ขี้เกียจอาบน้ำ ขี้เกียจเดิน ขี้เกียจทำ ขี้เกียจวิ่ง ขี้เกียจตื่น และขี้เกียจนอนด้วยใช่ไหม (ใช่)  ขี้เกียจกิน ขี้เกียจไปหมดเลยทุกเรื่อง เราก็เลยกลายเป็นคนที่ไม่ยอมพัฒนาตัวเองเพราะมีความเกียจคร้านแฝงอยู่ลึกๆ ในทุกๆ  คน  ถามว่าที่นั่งอยู่ตรงนี้ใครเป็นคนไม่ขี้เกียจบ้าง ทุกคนในที่นี้รู้ว่าธรรมะดี รู้ว่าสิ่งใดดี แต่ไม่ได้ทำ เพราะอะไร (ขี้เกียจ)  สุดท้ายไม่ใช่ขี้เกียจแค่นี้บอกว่าขี้เกียจบำเพ็ญด้วย ขี้เกียจหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดด้วยหรือเปล่า อาจารย์เห็นกระตือรือร้นที่สุดอยู่เรื่องหนึ่ง ต้นเดือนกับกลางเดือนจะรีบไปเลย ใช่หรือไม่ ต้องตรงเวลาด้วยถ้าพลาดเวลาหน่อยก็ไม่ทันด้วยใช่หรือไม่
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราบำเพ็ญธรรมะเหมือนกับการรีบไปซื้อหวยก็จะดีนะ  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนนี้หวยจะออกแล้ว ฉะนั้นตอนนี้ต้องรีบไปอะไร (ซื้อ)  ถ้าหากว่าขยันบำเพ็ญธรรมะสักครึ่งเดือนหน เหมือนกับการไปซื้อหวยนี้ก็ดีแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)   ฉะนั้นคนเราก็ควรจะพัฒนาตัวเองอย่าปล่อยให้ตัวเองเฉื่อยแฉะเรื่อยเปื่อย เพราะถ้าปล่อยให้ตัวเองเรื่อยเปื่อยดีหรือไม่ดี (ไม่ดี)  ยิ่งปล่อยให้ตัวเองเรื่อยเปื่อยก็ยิ่งเรื่อยเปื่อย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ขนาดเรารุ่นนี้ยังเรื่อยเปื่อยขนาดนี้ ลูกเราจะเรื่อยเปื่อยกว่าเราหรือไม่ เขาบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ถ้าวันนี้เราขี้เกียจเท่านี้ ลูกเราขี้เกียจกว่าเราไหม (ขี้เกียจกว่า)  
ถ้าเราดีลูกเราจะดีกว่าเราหรือไม่ (ดีกว่า)  ส่วนใหญ่แล้วเราดีเท่านี้ลูกเราก็ดีน้อยกว่าเราหน่อยนึง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราขี้เกียจเท่านี้ลูกเราก็
ขี้เกียจมากกว่าเราอีกหน่อยนึง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอยากจะให้ลูกขยันเราต้องขยัน ถ้าอยากให้ลูกเราไม่ขี้เกียจเราต้องไม่ขี้เกียจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  วันนี้มีทุกข์หรือเปล่าอยากพ้นทุกข์ไหม (อยาก)  อยากพ้นทุกข์ต้องทำอะไร ถ้าอยากจะพ้นทุกข์ก็ต้องทำใจให้ใหญ่ๆ กว้างๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เวลามีคนมายั่วโมโหเรา เราก็โมโห ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นหลังจากวันนี้ไป ถ้าหากมีคนมายั่วโมโหเรา เราโมโหดีไหม (ไม่ดี)  รู้ว่าไม่ดีแล้วยังทำหรือไม่ (ไม่ทำ)  แต่คนเรามีจุดอ่อนทุกคน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เขาชอบมาจี้จุดอ่อนเรา จริงหรือไม่ (จริง)  วันดีคืนดีเราก็ (โมโหอีก)  
ถ้าอยากมีความสุขก็ต้องมีอะไรก่อน (ความทุกข์)  ในที่นี้ ใครไม่มีความทุกข์บ้าง (ไม่มี)  เพราะฉะนั้นทุกคนก็มีความสุขหมด ใช่หรือไม่  ถ้าอย่างนั้นศิษย์ของอาจารย์ก็มีความสุขอยู่แล้วซินะ ทุกคนมีความทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความทุกข์ของเราทุกข์หนักเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  
มีคนทุกข์กว่าเราไหม (มี)  คนที่เขาทุกข์กว่าเราแล้วเขามีใจที่ห่อเหี่ยวมากกว่าเราหรือเปล่า (มี)  อย่าเพิ่งด่วนตอบไป โลกมนุษย์นั้นเป็นแดนมหัศจรรย์ คนบางคนมีทุกข์กว่า แต่ใจของเขาไม่ทุกข์เท่าเราเลย
ใช่หรือไม่ (ใช่)  เป็นเพราะอะไรเขาถึงไม่ได้มีใจที่ทุกข์เท่ากับเรา (ไม่ยึดติด ใจไม่ทุกข์ เปิดใจให้กว้าง, ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่) ทำไมคนอื่นถึงมีความทุกข์น้อยกว่าเรา เรามีความทุกข์เล็กๆ น้อยๆ กวนใจใช่หรือไม่ (ใช่)  เป็นเรื่องหยุมหยิมๆ เกิดขึ้นทุกวันๆ ไม่เยอะแต่มาถี่ นี่คือความทุกข์ที่กวนใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ว่าเรามีความทุกข์ประเภทนี้ดูเหมือนน้อยแต่จริงๆ แล้วเยอะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่ามาถี่  ถูกหรือไม่ (ถูก)  ส่วนคนอื่นมีความทุกข์ใหญ่
ความทุกข์ของเขา เขาทำใจได้มากกว่าเรา ถามว่าคนอื่นทำใจได้มากกว่าเรา (เพราะเขาไม่คิดมากจนเกินไป, รู้จักปล่อยวาง, พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น, ขึ้นอยู่กับสภาพของจิตใจแต่ละคนว่าจะจัดการกับความทุกข์นั้นได้อย่างไร, เขามีจิตใจที่ดี, รู้จักห้ามจิตห้ามใจเพราะว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอนไม่ย่อท้อ, ยอมรับความทุกข์นั้น, รู้จักปล่อยวาง, รู้จักพอเพียง, รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา)  จิตใจของคนนั้นจริงๆ แล้ว ถ้าพูดกันคร่าวๆ ทุกคนมีความสุขเหมือนกัน มีความทุกข์เหมือนกัน บางคนมีความทุกข์ใหญ่แต่ในใจของเขา ความทุกข์นั้นเพียงนิดเดียว บางคนมีความทุกข์เพียงนิดเดียวแต่ในใจของเขา ความทุกข์นั้นกลับขยายใหญ่โตเหมือนกับปราสาทราชวัง เพราะว่าใจของคนนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใจที่แตกต่างนี้ก็เหมือนที่อาจารย์บอกไปตอนแรก บางคนนั้นใจเหมือนถ้วย บางคนนั้นใจเหมือนจาน บางคนใจเหมือนชาม บางคนใจเท่ากะละมัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้น เมื่อเรารู้แล้วว่าใจของแต่ละคนนั้นแท้ที่จริงแล้วไม่เหมือนกัน คนย่อมมีการรับเรื่องทุกข์ได้ไม่เท่ากัน ความทุกข์นั้นเกิดจากใจของเราจะรับได้มากน้อยเพียงไร ฉะนั้นเราจะต้องรู้จักที่จะเพิ่มขนาดใจของเราให้ใหญ่ขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจึงจะสามารถรับความทุกข์ได้มากขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราจะเปลี่ยนแปลงใจตัวเองได้อย่างไร ศิษย์ทุกคนนั้นจริงๆ แล้วโดยพื้นฐานเป็นผู้มีธรรมะ จึงจะสามารถตอบอะไรที่เป็นการสร้างกำลังใจให้ตนเองได้ สามารถหาทางออกให้ตัวเองได้ เราจึงมักคิดว่าเราดีอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรที่อยากจะแก้ไขทำให้เป็นอุปสรรค ไม่สามารถที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อีก แต่หากว่าเราคิดว่าเรายังไม่ดี เราจะแก้ไขตัวเองไหม (แก้ไข)  แต่การที่ให้คิดว่าเรายังมีสิ่งที่ต้องแก้ไข คือเรายังไม่ดี ไม่ใช่หมายความว่าให้โจมตีตัวเองหรือตัดพ้อต่อว่าตัวเองไม่ดี คงไม่มีวันดีขึ้น แต่ต้องคิดว่าเรายังไม่ดี ต้องทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่านี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจึงสามารถก้าวต่อไปได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนบางคนคิดมาก กังวลใจ ใครเป็นบ้าง (เป็น)  สมัยก่อนเขาบอกว่าคิดมากกังวลใจเป็นเรื่องของคนแก่ เดี๋ยวนี้หนุ่มสาวคิดมากหรือเปล่า (คิด)  อยากกังวลใจน้อยกว่านี้หรือไม่ (อยาก)  อยากกังวลใจน้อยกว่านี้ก็จงอย่าตามสมัย อย่าทันสมัยดีหรือไม่ (ดี)  ทุกวันนี้เรากลุ้มทุกข์กังวลเพราะเราต้องหาอะไรให้มันทันสมัยใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเราตามสมัยได้หรือเปล่า (ได้)  ถ้าหากว่าอยากจะมีทุกข์น้อยๆ เลยต้องล้าสมัย คนล้าสมัยไม่ค่อยมีความทุกข์จริงหรือเปล่า (จริง)  เพราะอย่างน้อยโลกในปัจจุบันต้องการอะไร แต่เขาต้องการไหม (ไม่ต้องการ)  ความทุกข์ของคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่จะประกอบด้วยวัตถุนิยม คือสิ่งที่เป็นวัตถุต่างๆ มากมาย ทรงผมก็ดี หน้าตาก็ดี เสื้อผ้าก็ดี รองเท้าก็ดี อุปกรณ์มือถือต่างๆ ก็ดี เทคโนโลยีนำสมัยต่างๆ ก็ดี ทำให้คนมีความทุกข์ไหม (มี)  ถามว่าไม่ได้แล้วทุกข์หรือเปล่า (ทุกข์)  แล้วได้แล้วทุกข์ไหม (ทุกข์)  ทุกข์ตอนไม่ได้แค่นอนก่ายหน้าผากจริงหรือเปล่า (จริง) แต่เวลาได้มาแล้วมันหายไปหรือได้มาแล้วมันเสีย ทุกข์ตอนไหนทุกข์แทงเข้าไปถึงจิตใจเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าอยากมีทุกข์มากก็ต้องทันสมัย ถ้าอยากมีทุกข์น้อยๆ ทำอย่างไร (ล้าสมัย)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามว่าเราทันสมัยให้ใครดู คนที่มีของที่ทันสมัยมักจะน่าสนใจใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เขาสนใจที่ของๆ เราถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่ว่าเราน่าสนใจไหม เราก็ยังน่าเบื่ออยู่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่าเราเป็นของเก่าที่มีของใหม่ถูกหรือไม่ (ถูก)  เพราะฉะนั้นต้องใหม่ที่ไหน ใหม่ที่ใจ ใหม่ที่ตัวเรา สิ่งที่ทำให้เราใหม่ขึ้น สิ่งที่ทำให้เรานั้นเป็นคนที่มีทุกข์น้อยลงในขณะที่เรื่องราวใหญ่โตคืออะไร สิ่งที่แฝงอยู่ในความที่ศิษย์คิดว่าตัวเองนั้นเป็นคนดีอยู่แล้วคืออะไร สิ่งนั้นคือธรรมะ สิ่งที่ศิษย์ตอบอาจารย์ทั้งหมดมาสักครู่ก็คือธรรมะ ธรรมะที่ศิษย์ทุกๆ คน นั้นมีอยู่แล้ว แต่เป็นเพียงธรรมะที่สามารถทำให้ศิษย์นั้นมีความสุขไปวันๆ แต่วันนี้สิ่งที่อาจารย์จะพูดนี้ไม่ใช่ธรรมะที่ให้ศิษย์นั้นมีความสุขไปวันๆ แต่เป็นธรรมะที่ให้ศิษย์นั้นสามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ เหมือนกับธรรมะที่ศิษย์มีอยู่ในใจหรือไม่ ธรรมะที่ศิษย์มีในใจบอกว่า พอ รู้จักคิด รู้จักให้ เสียสละ อุทิศ  สิ่งเหล่านี้ทำให้หลุดพ้นได้หรือไม่ ธรรมะที่ศิษย์มีเป็นสิ่งที่ศิษย์รู้ว่าดีมาตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่ให้ศิษย์นั้นมีความสุขได้ทุกวัน ศิษย์ยังไม่ค่อยสนใจ  วันนี้อาจารย์ไม่ได้มาพูดธรรมะที่ให้ศิษย์นั้นมีความสุขทุกวัน แต่จะให้ศิษย์นั้นมีธรรมะที่หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้ ศิษย์เป็นผู้โชคดี ที่มีโอกาสในชีวิตนี้ ชีวิตอันสามัญธรรมดาหาเช้ากินค่ำและชีวิตที่มีความทุกข์บ้างสุขบ้างเหมือนคนขากะโผลกกะเผลกเดินไม่คล่องแต่วันนี้ศิษย์เป็นผู้ที่มีความโชคดีคือ มีโอกาสรับธรรมะก่อน แล้วบำเพ็ญทีหลัง ซึ่งการที่เรารับธรรมะก่อนแล้วบำเพ็ญทีหลังนี้ ถามว่าเริ่มต้นตรงไหน เริ่มต้นตรงที่ศิษย์นั้นมีธรรมะธรรมดาๆ ทุกๆ วันของศิษย์ เพียงแต่ถามว่าถ้าหากว่าเราเป็นผู้ที่เสียสละอุทิศไปตลอดชีวิตเราจะสามารถหลุดพ้นได้ไหม (ไม่ได้)  ต่อให้เราทำดีมากกว่านี้เราก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ แต่สิ่งที่ทำให้ศิษย์หลุดพ้นได้คือหนึ่งจุดชี้ที่อาจารย์ชี้ให้ศิษย์นั้นทำให้ศิษย์หลุดพ้นได้ แต่การที่จะหลุดพ้นได้จำเป็นต้องเริ่มต้นที่มนุษยธรรม จำเป็นต้องทำให้เข้มงวดมากว่านี้ จำเป็นต้องรู้จักตัวเองมากกว่านี้ วันนี้ตัวศิษย์เป็นอย่างไร  ศิษย์รู้ไหม  เวลาที่เราวิจารณ์คนอื่น เราวิจารณ์ได้เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด เฉียบขาด ลุ่มลึก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เวลาที่เราวิจารณ์ว่าตัวเองเป็นอย่างไร เราวิจารณ์ตัวเองได้เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด ลุ่มลึกไหม (ไม่)  คนที่วิจารณ์ตัวเองไม่ได้ก็แปลว่ายังไม่รู้จักตัวเอง เมื่อไม่รู้จักตัวเอง จะสามารถนำพาตัวเองหลุดพ้นจากความทุกข์ ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ถ้าทุกวันเรามัวแต่คิดว่า อยากสุขกว่านี้ คนประเภทนี้จะสำเร็จเป็นพุทธะได้หรือไม่  (ไม่ได้)  เราจำเป็นที่จะต้องทุกข์กว่านี้จะได้รู้รสชาติชีวิตมากกว่านี้ อยากจะกินอะไรที่ขมกว่านี้ เราจึงจะสามารถหวานมากกว่านี้ เราอยากที่จะ ทำอะไรที่ยากกว่านี้ เพื่อเรานั้นจะได้รู้สึกว่า ความง่ายตอนท้ายนี้เป็นอย่างไร ใช่หรือไม่ (ใช่) พูดไม่ยาก ฟังเข้าใจหรือไม่ แต่ทำได้หรือไม่ (ทำได้)  กลับไปให้จนกว่านี้อีกทำได้ไหม ซื้อหวยไม่ต้องถูกเลยดีหรือไม่(ไม่ดี)  กินข้าวไม่ต้องอิ่มดีหรือไม่ (ดี)  นอนไม่ต้องหลับดีหรือไม่ (ดี)  ในความเป็นจริงแล้วพอเวลาเจอความยากเข้าจริงๆ ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  เช่นเงินในกระเป๋าน้อยกว่านี้ยังไม่ได้เลยจริงหรือไม่ (จริง)   
หนทางยาวไกลเริ่มที่ไหน หนทางยาวไกลก็เริ่มที่ก้าวแรกใช่หรือไม่ (ใช่)  ก้าวแรกของศิษย์นั้นก้าวหรือยังก็ไม่รู้ บางคนนั้นบำเพ็ญมาตั้งนานก้าวแรกก็ยังไม่ได้ก้าวเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่า บางคนนั้นเป็นคนที่สร้างภาพ คือเวลามาสถานธรรมเป็นอีกอย่างหนึ่ง เวลากลับไปบ้านเป็นอีกอย่างหนึ่ง เรียกว่าเลือกที่บำเพ็ญ แล้วจะเลือกที่บรรลุด้วยหรือเปล่า หมายความว่าเลือกวันเกิดแล้วจะเลือกวันตายด้วยหรือไม่ เพราะฉะนั้นคนเราชีวิตนี้ไม่สามารถที่จะเลือกได้ จำเป็นที่จะต้องทำให้ตัวนั้นมีธรรมะในทุกๆ ที่ไป และไม่เลือกบุคคล เมื่อเราสามารถที่จะฝึกได้มากเท่าไหร่ ตัวเราก็จะเป็นผู้ที่บำเพ็ญมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเราเป็นผู้บำเพ็ญได้ดีเท่าไหร่ การที่เรานั้นใกล้กับการที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดก็มากขึ้นเท่านั้นใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นธรรมะที่อาจารย์ให้จึงไม่เหมือนธรรมะปฏิบัติ แต่ธรรมะที่อาจารย์ให้นั้นเป็นธรรมะเพื่อการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แล้วคนที่ทำไม่ได้นี่จะสามารถบรรลุได้หรือไม่ (ไม่ได้)  คนที่ทำไม่ได้นี่เป็นศิษย์อาจารย์แล้วก็บรรลุได้แต่เวลาบรรลุคืนกลับขึ้นไปแล้วอยู่ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  สมมติว่าศิษย์เป็นคนติดสีแดง เบื้องบนมีสีไหม สมมติว่าเบื้องบนไม่มีสีเลย แล้วขึ้นไปหาสีแดงไม่เจอ วันแรกไม่มีสีแดงอยู่ได้ไหม (ได้)  ยังพออยู่ได้  พอวันที่สองไม่มีสีแดงอยู่ได้ไหม วันที่สาม วันที่สี่ เดือนหนึ่งผ่านไปศิษย์ขอลงไปเอง คือใจตามกิเลสไป กิเลสแห่งใจนั้นอยู่ที่ไหน
เหตุแห่งใจอยู่ที่ไหน สีแดงอยู่ที่ไหน ก็ตามไปอยู่ที่นั่น ฉะนั้นจริงๆ แล้วสีแดงอยู่ข้างในหรืออยู่ข้างนอก สีแดงอยู่ในใจ พอใจของเรายึดติดกับสีแดง เราก็ไปหาสีแดง เพราะฉะนั้นจะช้าหรือเร็วศิษย์ก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมจึงต้องบำเพ็ญตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ ชาตินี้ ปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่าเราไม่บำเพ็ญธรรม
เราจะบรรลุธรรมได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ทุกคนที่นี่อยากบรรลุธรรมหรือไม่ (อยาก)  คิดว่าเราทำได้ไหม มีบางคนคิดว่าไกลเกินเอื้อม วันนี้ถ้าให้เดินกลับไปกรุงเทพ ไกลหรือไม่ (ไกล)  แต่ถ้าหากว่าเดินทีละก้าวจะถึงไหม (ถึง)  แต่เราไม่เดิน เพราะมันไกล ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็เหมือนกัน วันนี้อาจจะไม่ใช่แค่บอกว่าเดินกลับกรุงเทพ แต่บอกว่าเดินกลับดอย
สุเทพ เราจะเดินหรือเปล่า ก็อยู่ที่เรานั้นเชื่อมั่นในตัวเองหรือเปล่า
ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็ทำได้ ถ้าเราเชื่อว่าเราทำไม่ได้ เราก็จะทำไม่ได้
อาจารย์ถามใหม่ คนปากร้ายนั้น จริงๆ แล้วเวลาที่คนเขาบอกว่า คนนี้ปากร้ายถือว่าพฤติกรรมคนนี้ร้ายหรือดี (ดี)  ร้ายเวลาโดนคนอื่นว่ามานั้น เราพูดบอกว่าคนนั้นปากร้ายแปลว่าดีหรือ แปลว่าไม่ดี
ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนนั้นปากดีจังเลย แปลว่าปากร้ายหรือดี
ก็แปลว่าร้ายเช่นเดียวกันใช่หรือไม่ (ใช่)  แสดงว่าคนเราต่อให้พูดว่าปากร้ายหรือปากดี เดี๋ยวก็แปลว่าร้ายเหมือนกันทั้งคู่จริงหรือเปล่า (จริง)  พฤติกรรมปากยังมีอีกมากมาย มีปากร้าย มีปากดีและมีปากอะไรอีก (ปากเสีย, ปากไม่ดี, ปากบอน, ปากอัปมงคล, ปากมอม, ปากชั่ว)  
คำว่าพฤติกรรมปากที่อาจารย์พูดไป หมายความว่าคนมีพฤติกรรมเกี่ยวกับปากมากมายจนมีนิยามซึ่งหลายๆ อย่าง ถึงแม้ว่าจะพูดว่าปากดีแต่ก็หมายถึงปากร้าย พอพูดถึงปากร้ายก็หมายถึงปากร้าย และเกือบจะทั้งหมดที่ศิษย์ตอบมานั้นเป็นพฤติกรรมปากที่หมายถึงในแง่ลบทั้งสิ้นใช่หรือไม่ (ใช่)  แปลว่าคนนี่ใช้ปากไปในทางที่ส่วนใหญ่แล้วไม่ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  เราฟังแล้วเรารู้สึกว่าปากแต่ละอย่างนั้นมันไม่ดีเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นผู้บำเพ็ญประการแรกที่ควรจะเปลี่ยนนั้นคือเปลี่ยนอะไรของตัวเอง (เปลี่ยนคำพูด)  คนเราอย่างแรกที่ควรเปลี่ยนนั่นก็คือ เปลี่ยนคำพูดของตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่)  คำพูดที่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนง่ายหรือเปล่า มีใครพูดโดยไม่รู้ตัวมีหรือเปล่า (มี)  คนพูดไม่รู้ตัวแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้ตัวจริงหรือไม่ (จริง)  สิ่งที่เราพูดออกไป ห้ามคำที่หนึ่งไม่ทัน ห้ามคำที่เท่าไหร่ (สอง)  สมมติว่าจะพูดว่าทำไมปากร้ายจัง ก็ให้พูดคำว่า “ทำดีจัง” แทนเพราะฉะนั้นคำแรกห้ามไม่ทัน แต่ว่าคำที่สองห้ามทันไหม คนชมกันนี่ยังไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไหร่ แต่ถ้าคนด่ากันนี่คนสนใจไหม (สนใจ)  ธรรมะพูดไปมีใครฟังไหม เขาก็บอกว่างั้นๆ และเหมือนๆ กัน  แต่ถ้าด่าปุ๊บนี่
สนใจไหม เพราะฉะนั้นคนบำเพ็ญธรรม ยิ่งไม่สามารถที่จะด่าคนได้จริงหรือไม่ (จริง)  เพราะว่าคนอื่นเขาสนใจใช่หรือเปล่า (ใช่)  เราต้องหัดที่จะควบคุมการพูดของตัวเราเอง คนมีปัญหาก็เพราะว่าคนมีปากใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราก็จะต้องรู้จักที่จะควบคุมการพูดของตัวเราเอง ด้วยการควบคุมใจของเราเองใช่หรือไม่ (ใช่)  
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นออกมาวงคำในพระโอวาทครอบ)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร้องเพลง)  
ที่จำเป็นที่จะต้องรู้ เราเป็นผู้บรรยายธรรมก็จริง แต่ธรรมะไม่ใช่ของเรา เราจึงจำเป็นที่จะต้องให้ธรรมะมีบทบาทมากกว่าตัวเรามีบทบาท เราเป็นเพียงแค่สะพานเชื่อมต่อเท่านั้นใช่หรือเปล่า บางคนบำเพ็ญธรรมแล้วอยากจะมีความโดดเด่น ยิ่งโดดเด่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเรื่องมากขึ้นเท่านั้น  เรายิ่งเด่นน้อยเรื่องก็ยิ่งน้อย ถ้าหากว่าวันนี้เราเรื่องเยอะ เราถามตัวเองซิว่าเราเรื่องมีเด่นมากเกินไปหรือเปล่า
วันนี้มาพบกันถือว่าเป็นโชคดี อาจารย์ก็โชคดี ศิษย์ก็โชคดี แต่ความโชคดีของคนนั้นมีแล้วจะเหมือนไม่มีหรือเปล่า  มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเอาความโชคดีของเรานั้นไปทำอะไร เมื่อเราโชคดีได้ฟังธรรมะ เราก็ต้องทำตัวเป็นคนโชคดีด้วยการเอาธรรมะไปปฏิบัติ เวลาเราปฏิบัติธรรมะปฏิบัติที่ไหน (ที่ใจ)  ธรรมะสามารถปฏิบัติได้ทุกที่ ทุกวัน ทุกเวลา ทุกขณะ  เพราะฉะนั้นธรรมะอยู่ที่ไหน (ที่ใจ)  ธรรมะอยู่ที่ใจ ปฏิบัติด้วยการกระทำใช่หรือเปล่า (ใช่)
ตอนนี้ถ้าหากว่าเรานั้นเป็นคนที่ปฏิบัติธรรม  เราก็สังเกตทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของเรา ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามศูนย์กลาง ก็คือตัวเรา ตัวเราดีขึ้น สิ่งรอบข้างก็ย่อมดีขึ้นใช่หรือไม่ (ใช่)  หลายคนอยากจะดีขึ้นด้วยการที่ขอ ขอเทพ ขอพุทธะ ขอเซียน ขอศาลเจ้า ขอไปหมดเลย แต่ว่าลืมขอไปอย่างหนึ่งคือขอใคร (ตัวเอง)  เราลืมขอตัวเราเองใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อเราขอตัวเราเองเราศักดิ์สิทธิ์ที่สุดหรือเปล่า  อยากรวยต้องทำอย่างไร อยากรวยต้องขยัน  แล้วถ้าอยากที่จะให้คนที่บ้านดีขึ้นก็จำเป็นที่จะต้องทำดีกับเขาก่อนใช่หรือไม่ (ใช่)  บอกว่าเขาแย่ขนาดนั้นจะให้ไปดีกับเขาได้อย่างไร ถามว่าเราดีหรือเปล่า เราดีไหม ถ้าเราดีจริงเราจะเบื่อเขาหรือ
ธรรมะเริ่มแรกต้องเริ่มที่ครอบครัวของเรา ครอบครัวเป็นที่แรกที่ให้เรานั้นใช้ธรรมะได้  แต่อย่าใช้อยู่แค่ครอบครัวเรา พี่น้องเรา ญาติเรา ธรรมะนั้นต้องใช้ได้กับทุกคนจริงหรือเปล่า (จริง)  เหมือนกับเวลาที่เราพบใครสักคนหนึ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเขาดี แต่เมื่อเวลาอยู่นานๆ ไปเขาดีไหม (เขาไม่ดี)  แต่เวลาที่เราอยู่กับตัวเราเองเราดีไหม (ไม่ดี)  แล้วเราอยู่กับตัวเองไปนานๆ ดีไหม เรานี่เป็นอะไรที่กลับข้างกัน คือเรามักที่จะพูดว่าเรานะไม่ดีเท่าไหร่หรอก แต่ยิ่งอยู่ๆ ไปเราดีที่สุดเลยจริงหรือเปล่า (จริง)  เมื่อเห็นตัวเองดีซะแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะแก้ไข  เพราะฉะนั้นต้องเห็นตัวเรา ว่าเรานั้นมีข้อบกพร่องอย่างไรมารู้จักตัวเอง มาพัฒนาตัวเอง และมาเปลี่ยนแปลงตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่)
เดี๋ยวนี้ไม่ว่าโลกไปที่ไหนมันก็ดูเหมือนกับว่าจะอยู่ติดกัน จะพัฒนาคล้ายๆ กัน คนแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลความเจริญ ตัวเขาเจริญไหม  ตัวเขาก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตัวเองยิ่งเจริญหรือเปล่า ตัวเองนั่นแหละที่ไม่เจริญ ฉะนั้นเราเป็นคนในชาตินี้ยิ่งจำเป็นที่จะต้องทำอย่างไร
อาจารย์นั้นให้ศิษย์เป็นลูกปลาสองตัวที่ทวนกระแสคลื่นอยู่ ทำไมถึงให้ลูกปลาสองตัวที่ทวนกระแสคลื่นอยู่ คลื่นไปอีกทางหนึ่งแต่เราต้องวิ่งไปอีกทางหนึ่ง อาจารย์ให้รูปลูกปลาสองตัวที่พยายามที่จะโต้กระแสคลื่นไปสวนทางกับกระแสคลื่น เพราะว่า การที่เราจะสวนทางอะไรสักอย่างหนึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้พลังอย่างสูงใช่หรือไม่ (ใช่)
เราจะสวนกระแสของโลกีย์ สวนกระแสของกิเลส เราจะเป็นคนล้าสมัยในขณะที่ผู้อื่นเขาอยากจะนำสมัย เราก็ต้องจำเป็นที่จะต้องสวนกระแสหรือไม่ (สวน)  เราจำเป็นที่จะต้องสวนกระแสของกิเลสด้วยการที่เรานั้นจะต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการที่เราออกแรงอยู่เสมอ ไม่ใช่ออกแรงที่ตัวแต่เป็นการออกแรงที่ไหน (ใจ)  เป็นการออกแรงที่ใจของเราต้องเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง ไม่ต้องพูดถึงคำว่าอดทนเลย เพราะว่าคำว่าอดทนนั้นมันต้องมีอยู่เสมอใช่หรือไม่ (ใช่)  เลือดของเราทุกหยาดทุกหยดคือความอดทน เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีความอดทนในโลกีย์ได้ เราย่อมสามารถบำเพ็ญเป็นพุทธะได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นปลาสองตัวนี้ก็เหมือนกับศิษย์ของอาจารย์ที่ประสงค์ที่จะวิ่งทวนกระแสน้ำไปสู่การบรรลุ
ในวันนี้อาจารย์มาเวลาสั้นๆ ในวันที่ศิษย์ของอาจารย์นั้นมีความทุกข์ยากมากมายที่อยู่ทางใต้ ภัยนั้นใกล้ตัวขึ้นมาทุกทีใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหนตอนนี้เราก็มีความประหวั่นพรั่นพรึงไปทั่วใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์ขออย่างเดียว ขอให้ศิษย์นั้นเป็นคนดี ที่ไม่ใช่ดีอยู่แค่เฉพาะตัว ขอให้ศิษย์นั้นเป็นคนดีและยังเชื่อมั่นในความดี เมื่อเราทำดีฟ้าดินย่อมคุ้มครอง อย่าได้กลัวตาย เพราะว่าความตายนั้นเป็นเพียงแค่การจบชีวิตนี้ ขอให้เรานั้นมีความดีเป็นที่ตั้งเป็นทุนรอน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนศิษย์ก็จะไม่กลัว
ตอนนี้ศิษย์ที่อยู่ทางใต้ทุกคนมีกรรมอยู่สองอย่าง อันแรกคือกรรมเวรของตนที่ตนนั้นเป็นผู้สร้าง อันที่สองคือกรรมร่วมที่ศิษย์นั้นทำร่วมกันมาแล้วจำเป็นที่จะต้องชดใช้ หากศิษย์ไม่มีกรรมร่วมกับใครศิษย์ก็ไม่ต้องห่วงว่าศิษย์นั้นจะถูกภัยทางใต้นั้นมาทำให้ศิษย์นั้นต้องตายไป คนยืนอยู่ข้างระเบิดยังไม่ตาย คนที่มาจากไหนไม่รู้กลับตายไป ฉะนั้นอาจารย์อยากให้ศิษย์ทุกคนนั้นร่วมใจสร้างความดี ภาวนาให้ความดีนั้นอยู่คุ้มครองแดนใต้นี้ให้สงบสุข วิ่งทันกรรมของตน วิ่งทันกรรมร่วมนี้ อาจารย์ย่อมคุ้มครองศิษย์ไหว วันนี้หวังว่าพบกันไม่ใช่วันสุดท้าย วันหลังถ้าหากเขาเรียกศิษย์กลับมาศึกษาธรรม เรียกศิษย์กลับมาประชุมธรรม ศิษย์ก็ยังกลับมาใช่ไหม (ใช่)  เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่า อาจารย์จะไม่มีวันพบหน้าศิษย์ที่สถานธรรมอีก ขอให้ศิษย์ทุกๆ คนนั้นรักษาตัวเอง ระมัดระวังตัวเอง อะไรที่ไม่มีเรื่องได้ ก็อย่าไปมีเรื่องกับใคร รักษาตัว ถนอมตัวด้วยการถนอมใจของตัวเองนั้นให้ดี
จิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นสิ่งเดียวที่ศิษย์นั้นสามารถสื่อกับฟ้าได้ เพียงแต่มนุษย์นั้นขุ่นมัวไปด้วยกิเลส หมองหม่นไปด้วยอารมณ์ทั้งรัก โลภ โกรธ หลงที่มีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ศิษย์นั้นทุกข์ยากลำบากมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นอย่าซ้ำเติมตัวเอง อยากให้โชคลาภวาสนา ความสุข เข้ามาหาศิษย์ โดยเฉพาะศิษย์ที่อยู่ทางใต้นี้ใบหน้าก็ออกจะดุอยู่แล้ว ผิวก็ออกจะดำคล้ำอยู่แล้วอาจารย์อยากให้ศิษย์นั้นขยันยิ้มบ่อยๆ การยิ้มนั้นสามารถที่จะลบความดุร้ายของคนได้ การยิ้มนั้นทำให้มีมิตรมากขึ้น และการยิ้มนั้นนำพาโชคมาให้ศิษย์นั้นมากมาย
ดูแลตัวเองให้ดี คนใหม่ๆ อาจารย์ก็อยากให้ดูแลตัวเองให้ดีๆ ขยันกลับมาสถานธรรม คนเก่าๆ  อาจารย์ก็อยากให้ดูแลความคิดของตัวเองให้ดีๆ เพราะความคิดนั้นใกล้เคียงจิต คิดดีก็พูดดี คิดดีก็ทำดี คิดดีก็มีความสุขมากยิ่งขึ้น

ปลาที่ว่ายทวนน้ำนี้ข้างในก็ต้องแกร่งข้างนอกก็ต้องแกร่งอดทนสู้กับอุปสรรคนะศิษย์นะ ฟ้าไม่ได้หม่นทุกวันไม่ได้มืดทุกวัน ฟ้าสว่างที่สุดนั้นอยู่ในใจของศิษย์



พระโอวาทซ้อนพระโอวาท
    อุปสรรคมากมายหนึ่งเท่าตัว    ใจไม่กลัวพร้อมสู้สูงกว่าอีกเท่า
ปลากระโดดเหนือกำแพงน้ำตัวเบา    จิตเหี่ยวเฉาเอาตัวอย่างสร้างสรรค์ตน
ยิ่งฟันฝ่ายิ่งแข็งแกร่งเปรียวความทุกข์    เป็นฝ่ายบุกกว่าตั้งรับรอผล
ไม่ต้องพูดถึงคำว่าอดทน    อยู่ในตนดุจเลือดหมุนเวียนในกาย
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา