วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2543

2543-10-29 พุทธสถานเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์


PDF 2543-10-29-เซิ่งเต๋อ #18.pdf

วันอาทิตย์ที่ ๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ พุทธสถานเซิ่งเต๋อ อ.ปราณบุรี
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง และ พระนาจา

ทำผิดแต่ไม่ยอมรับน่าอดสู นับวันดูน่าวิกฤตยากแก้ไข
ความคะนองหดหายไปตามวัย ทำอะไรคิดก่อนทำไม่พลั้งมือ
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่สถานธรรมเซิ่งเต๋อ    แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนมีใครบ่นถึงอาจารย์หรือเปล่า
ชีวิตไม่เคยมืดจนมืดสนิท ศิษย์อย่าคิดสั้นสั้นดั่งคนหมดหวัง
เพียงแต่ให้ทุกก้าวระมัดระวัง เปี่ยมพลังในรอยเท้าอันอ่อนล้า
เหตุการณ์เปลี่ยนใจของศิษย์อย่าเปลี่ยนตาม พยายามครองใจนิ่งเป็นเบื้องหน้า
ชีวิตศิษย์ก็มากค่าเทียมดารา ใช้ปัญญาฝ่าฟันข้าโล่งใจ
อย่าได้ทิ้งศรัทธาแกร่งอยู่เบื้องหลัง เปรียบคนนั่งอยู่เฉยเฉยก็จะสาย
ชีวิตผ่านสร้างสิ่งใดให้คงไว้ อริยะสร้างคุณธรรมไว้คู่โลกนาน
รักษาธรรมแทนอาจารย์นะศิษย์เอ๋ย ช่วยเวไนยพ้นเอยวัฏฏสงสาร
จงพูดทำคิดดั่งคนที่รู้กาล อย่าทรมานลำพังนะศิษย์ช่วยกัน
ไม่มีเวลามีใจไหมศิษย์รักข้า อันใจมาเวลามีไม่เปลี่ยนผัน
เมื่อใจหมดเวลาลดไปตามกัน กรรมบันดาลให้เป็นไปจงรู้ทัน
ทำใจดีสู้เสือฝ่าฟันไป เข้าถ้ำเสือได้ลูกเสือไม่ใช่ฝัน
คนละไม้คนละมือมาช่วยกัน เฉลี่ยงานเฉลี่ยโอกาสคืนเบื้องบน
ฮา  ฮา  หยุด

ไม่เกินกำลังเข้าใจ  ยากหรือง่ายลองศึกษา  หนทางบำเพ็ญไม่เหมือนเคยพบมา  ต้านความล้าโดยธรรม  แต่คนยังคงหลงไป  ยอมทุกข์มิยอมเปลี่ยนผัน  ถือความฉลาด  ต่างไม่ฟังเสียงกัน  ยิ่งเดินยิ่งไกล
คนต้องเรียนรู้  ช่วยกันทุกฝ่าย  ไม่มีคนไหนไม่เคยผิด  ความทุกข์ทนมีคุณอนันต์  ต่อคนได้คิด  ซื่อตรงจริงใจทุกวัน  ความถือตนพลันสลาย  เข้าหากัน หมั่นแก้ไข  ไม่เคืองใจ  เริ่มแล้วจากตน  วันที่มีหวัง (อีกในไม่ช้า)

เพลง : ทุกวันคือวันที่มีหวัง
ทำนองเพลง : เธอได้ยินไหม


ความไม่ดีแอบซ่อนตัดให้ขาดสิ้น เรื่องได้ยินคุไฟโหมกระพือใหญ่
รู้ไม่จริงสิ่งไม่ดีอย่ากล่าวออกไป ซื่อตรงใจรู้พูดทำนำสิ่งดี
เราคือ
ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานเซิ่งเต๋อ   แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์น้องทุกคนสบายดีไหม

งามกิริยาเคล็ดคนตรงสัตย์สงวน รู้ที่ควรบำเพ็ญอ่อนน้อมใส
ดุลยภาพจะซื่อซื่อตรงจากใจ รักษาให้สว่างยิ่งคือความดี
จุมพล ดูงามสง่าเพราะฝึกหนัก บานแค่ไหนได้ประจักษ์เป็นศักดิ์ศรี
ยากสำเร็จทำแค่หยิบโหย่งนานที ละเรื่องเคืองนั้นมีประโยชน์รอ
ศรัทธาจริงชิงได้ไหมเจียดเวลา สดับสิ่งใดมาไม่กล่าวต่อ
พยายามทนใช่ทุกครั้งน้ำตาคลอ ชีพไม่อยู่จะรอเพื่ออะไร
ทำดีไม่หวังผลตอบแทน ยามขาดแคลนเพ้ออดีตฤๅแก้ไข
ไม่ชะงักธารไหลแล้วไหลไป รินน้ำใจรินให้ถูกทาง
ปัญญาใสสะดุดเพราะมากหม่นหมอง จิตบริสุทธิ์ต้องอัตตาปรี่ความหมาง
จิตเมตตาหายเหมือนคนจนทาง เป็นธาราขังล้นหลังฝนมา
ไม่ไปไกลตนพลีฝึกบำเพ็ญ ชีวิตเห็นความงามมากนักหนา
ความจริงใจเจริญงามมีค่า อย่ากังขาใจใครเมื่อเขาดี
ฮิ  ฮิ  หยุด


พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง และ พระนาจา

พระนาจา : ไหนใครว่าตัวเองมีสิ่งไม่ดียกมือขึ้น แล้วใครตัดได้แล้วเอามือลง ไม่ดีมากอย่างนี้แล้ว จะฝึกฝนตัวเองเป็นพุทธะได้หรือไม่
หลายต่อหลายคนในชีวิตนั้นมีทั้งเรื่องดีและเรื่องที่ไม่ดี มีทั้งสิ่งที่เคยทำดีและสิ่งที่เคยทำไม่ดี ใช่หรือไม่ แต่คนในโลกหลาย ๆ คนนี้ อยู่ที่ว่าตัดได้หรือไม่ได้ด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)  เราเกิดมาเป็นคนเหมือนกันมีทั้งความดีและไม่ดีเหมือนกันหมด แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คนหนึ่งสูงหรือคนหนึ่งต่ำ ขึ้นอยู่ที่ว่าเขาตัดได้หรือไม่ได้เชื่อไหม (เชื่อ)  "ตัดให้ขาดสิ้น"  นั้นแปลว่าถ้าเรารู้ตัวว่าเรามีสิ่งไม่ดีอยู่ คนบางคนเมื่อรู้ก็ตัดทันที คนบางคนเมื่อรู้ก็ผัดวันประกันพรุ่งใช่หรือไม่ (ใช่)  บอกว่าวันนี้โกหกห้าครั้ง รู้ว่าโกหกไม่ดีตัดเหลือสามครั้งเป็นไหม (เป็น)  หรือว่าโกหกไม่ดีนะมีอยู่ห้าครั้ง ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยแก้ก็ปล่อยไว้ให้เป็นห้าครั้งหรือหกเจ็ดครั้ง ใช่หรือไม่ (ใช่) ใช่หรือ ยอมรับก็ดีเหมือนกันนะ เพราะคนที่รู้จักยอมรับคือคนที่พร้อมจะแก้ไข แต่คนที่ไม่รู้จักยอมรับเลยแปลว่ามองไม่เห็นแม้สิ่งผิดในใจตนจริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นหากเรารู้ว่ามี จงพยายามตัดให้เหลือน้อยที่สุด  เกิดเป็นคนนั้นจะดีได้บางครั้งยังไม่ต้องทำดีแต่ให้ชั่วน้อยที่สุดก็เรียกว่าดีแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)
พระพุทธองค์บอกศีลห้าไม่ได้บอกว่า "ห้าม"  แต่บอกว่า "ละ"  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ละจากการฆ่าสัตว์ ละจากการโกหก ละจากการดื่มสุราเมรัยใช่หรือไม่  แล้วก็ละจากการผิดลูกผิดเมีย ซึ่งทุกๆ คนนั้นทำได้ จริงๆ แล้วทุกๆ คนเกิดมาในที่นี้ล้วนบริสุทธิ์มาตั้งแต่เกิด แต่เพราะอะไรจึงคิดร้ายทำผิด อาจจะเป็นเพราะว่าอะไร (เพราะกิเลส , สิ่งแวดล้อม)  สิ่งแวดล้อมไม่ดีก็พาให้เราทำไม่ดีไปด้วยหรือไม่ บางครั้งก็ชวนให้เป็นใช่หรือไม่ (ใช่)  เพื่อนเขาเป็นอย่างไรคนอื่นแต่งตัวสวยเราแต่งตัวไม่สวยเราเป็นอย่างไร ทนไม่ได้ใช่หรือเปล่า เพื่อนเขานั่งนินทาว่าร้ายอาจารย์ เราจะนั่งเงียบๆ บอกว่าอาจารย์ดีนะได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ เพื่อนเขานั่งนินทาเจ้านายคนโน้นเจ้านายคนนี้เราจะนั่งเงียบๆ เราก็รู้สึกไม่ดีจริงๆ ทั้งที่ใจเราไม่อยากทำใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่จริงๆ แล้วถ้าเราฝืนได้บ้างก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ (ใช่)  ทำไมจะต้องไปตามเขาหมด ถ้าเช่นนั้นเขาบอกให้ท่านไป ท่านก็ไป ให้กระโดด ท่านก็กระโดด สภาพแวดล้อมเขากระโดดลงเหวหมด ท่านก็กระโดดด้วย อย่างนี้โทษใครไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าปล่อยให้สภาพแวดล้อมฆ่าตัวเองไปด้วย ต้องรู้จักมีสติและมีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น
คนในโลกนั้นขาดก็ตรงที่คนดีมีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง คนดีที่แท้จริงมักจะเป็นอย่างไร ต้องไม่พ่ายแพ้สิ่งแวดล้อมและไม่พ่ายแพ้ใจตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่)  เราคุยกันง่ายๆ ก่อนดีไหม ก่อนที่จะข้ามไปถึงการบำเพ็ญคืออะไร ก่อนจะบำเพ็ญได้เราต้องเป็นคนดีให้ได้ก่อน ถ้ายังดีไม่ได้ไปบำเพ็ญใครจะเชื่อจริงไหม (จริง)  มนุษย์ในที่นี้หรือในโลกสังคมใบนี้หลายต่อหลายคนรู้ไม่ชัดแล้วชอบพูดใช่ไหม (ใช่)  พอรู้ไม่ชัดแล้วชอบพูด สิ่งที่เราพูดออกไปนั้นเราได้โกหกตัวเราเองไหม (โกหก)  เช่น เหมือนในสังคมมีเรื่องๆ หนึ่งกำลังดังมากๆ บอกว่าคนๆ นี้เป็นคนไม่ดี ท่านรู้แค่เพียงเขาเป็นคนไม่ดี ท่านก็เอาไปเล่าต่อ คนๆ นี้ชื่อนาย ก เป็นคนไม่ดี ท่านก็เอาไปบอก นาย ก เป็นคนไม่ดีนะ สงสัยต้องเป็นอย่างนั้น สงสัยต้องเป็นอย่างนี้ เรามีไหมที่รับจากหนึ่งแล้วมาหนึ่ง บางครั้งเราจะเติมหน่อยให้ดูน่าสนใจใช่หรือไม่ (ใช่)  ยิ่งถ้าเกิดว่าเรื่องที่เรากำลังเล่านั้นคนเขาไม่อยากฟัง เราก็จะพยายามเพิ่มชูรสให้เยอะๆ ให้เรื่องน่าฟังยิ่งขึ้นใช่หรือไม่ (ใช่)  จากเรื่องที่มาเพียงหนึ่งก็กลายเป็นสองใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วถ้าเกิดว่าคนที่ท่านพูดให้ฟังอีกเอาไปเล่าเพี้ยนกว่าตอนต้นไหม (เพี้ยน)  แต่ทำไมล่ะ เราทุกท่านในที่นี้จึงชอบพูดกันนักแลใช่หรือเปล่า (ใช่)  โดยเฉพาะเรื่องไม่ดี หูกาง เรื่องดีๆ หูตก จริงหรือเปล่า (จริง)  เรื่องไม่ดีเป็นเรื่องของใคร หูเราจะกางมากๆ เลย ถ้าเป็นลำโพงจะเป็นลำโพงที่ใหญ่เป็นพิเศษ แต่ถ้าเป็นเรื่องดีโอยเขาดีก็ให้เขาดีไปใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วทำอย่างนี้เป็นคนที่ดีหรือ (ไม่ดี)  ปากชอบพูดแต่สิ่งที่ไม่ดีของคนอื่นท่านว่าดีไหม (ไม่ดี)  แถมพูดไปแล้วก็พูดผิดๆ เพี้ยนๆ เอามาไม่ค่อยเหมือนต้นฉบับ แล้วยังถ่ายทอดให้ไกลจากต้นฉบับเดิมอีกใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราอยากจะเป็นคนที่ดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ เวลาพูดก็ต้องพูดแต่สิ่งที่ดีด้วย เรื่องไม่ดีอย่าได้เอาออกจากปากเราใช่หรือเปล่า (ใช่)  ไม่อย่างนั้นจะเป็นกรรมปาก ไม่อย่างนั้นจะเป็นกรรมเวรของเราใช่หรือเปล่า (ใช่)
เราคือใครรู้ไหม เดาไม่ออกแน่ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์น้อยๆ มายืมร่างคนนี้บ่อยมากทำให้ท่านแยกไม่ออกแล้ว ศิษย์พี่นาจา เมื่อวานฟังธรรมะไปหนึ่งวันเต็มๆ เป็นอย่างไรได้ความรู้อะไรเพิ่มเติมขึ้นมาบ้างไหม (ได้)  คงได้อะไรมาบ้างนะไม่ใช่ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ นอนเต็มอิ่มเลย อยากให้ใครมาอีกหรือเปล่า คนเดียวก็พอแล้วจะเอาอะไรมากมาย ใช่หรือเปล่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาองค์เดียวพอแล้ว พอไหม (ไม่พอ)  โลภ เจอหลายๆ องค์ท่านฟังรู้เรื่องหรือ (รู้)  ไม่ใช่เจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ยกมือขอ ไม่ต้องขอเดี๋ยวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ให้ ให้แก้วสารพัดนึก นึกอะไรท่านก็ทำได้ดีไหม (ดี)  ดีกว่าได้เงินทองอีกใช่หรือเปล่า (ใช่)  เงินทองถ้ารักษาไม่ดีก็หายใช่ไหม ถ้าเกิดเอาไปใช้ไม่เป็นก็เปลี่ยนแปลงใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าเก็บไม่ดีก็เป็นอย่างไร (หาย)  
เราเป็นศิษย์พี่ของท่านนะ ท่านเป็นศิษย์น้องของเรา  (ศิษย์พี่เมตตาถามทุกคนสบายดีไหม)  (สบายดี ขอบคุณศิษย์พี่เมตตา)  แค่นี้เรียกว่าเมตตาไหม (เมตตา)  ทำไมเรียกว่าเมตตาล่ะ นั่นก็คือคนเราอยู่ด้วยกันต้องมีความเอื้ออาทรและห่วงใยซึ่งกันและกันใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ว่าจะอยู่ใกล้อยู่ไกล สิ่งหนึ่งที่ทำให้สามารถผูกสัมพันธ์และสนิทแนบแน่นกัน แม้จะไม่ใช่ญาติพี่น้องกันก็คือความจริงใจและห่วงหาอาทร ใช่ไหม (ใช่)  ขอเพียงมีความจริงใจห่วงหาอาทรคนๆ นั้นแม้จะไม่ใช่ญาติกัน เราก็รู้สึกซาบซึ้งใจในสิ่งที่เขาทำให้เรา จริงหรือเปล่า (จริง)  ฉะนั้นอยู่ร่วมกันในโลก สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ และสิ่งหนึ่งที่จะเป็นเกราะป้องกันภัยให้เรามีมิตรมากกว่าที่จะมีศัตรู นั่นก็คือต้องจริงใจและมีความเป็นห่วงเขาเหมือนที่เป็นห่วงตัวเรา ทำได้ไหม (ได้)  ทำได้นะ แต่อย่ามัวแต่ห่วงตัวเองจนลืมห่วงคนอื่น ไม่อย่างนั้นแล้ว ความจริงใจนั้นก็จะเป็นความจริงใจเก๊ๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
บ่อยครั้งที่เราอยู่ร่วมกับคนในสังคมหมู่มาก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเราเองหรือว่าคนอื่น ทำไมเราเคยถามตัวเองไหมว่า คนอยู่ใกล้บางครั้งแต่ไม่ใกล้ชิดกัน คนอยู่ไกลแต่บางครั้งกลับสนิทชิดเชื้อกันมากกว่า เคยเป็นไหม (เคย)  บางครั้งเราอยู่กับพ่อแม่ แต่เราเป็นคนที่อยู่ใกล้แต่เหมือนอยู่ไกล คุยกันไม่ได้ พูดกันไม่รู้เรื่อง เคยเป็นไหม (เคย)  แต่คนที่อยู่ไกลกับเหมือนใกล้เคยเป็นไหม (เคย)  พูดง่ายๆ บางครั้งเราอยู่กับคนในบ้าน เราพูดกับคนในบ้านไม่รู้เรื่อง แต่พูดกับคนข้างนอกได้รู้เรื่องและชัดเจนกว่าเคยไหม (เคย)  เพราะหลายต่อหลายคนมักจะเป็นอะไรยิ่งสนิทมากมาก กลับยิ่งเหมือนคนมองไม่เห็น กลับยิ่งรักเขาไม่ลง เพราะอะไร  เพราะเรายิ่งสนิทมากเรายิ่งเห็นธาตุแท้ ความเป็นตัวเป็นตนของเขามากขึ้น  รู้ว่าเขาดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร เราเห็นชัด  แต่คนที่อยู่ไกลจากเรา เราเห็นเขาชัดไหม บางทีท่านก็บอกว่าชัดนะ แต่เหมือนมีอะไรมาบัง ทำให้เราไม่สามารถเห็นธาตุแท้ความเป็นจริงของเขาได้  เราจึงรู้สึกว่าทำไมคนที่อยู่ไกลจึงดีกว่าคนที่อยู่ใกล้ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  จึงทำให้เราบางครั้งยิ่งสนิทกันมากเท่าไร เรายิ่งรักเขาไม่ลง  แต่บางทีเพิ่งสนิทเรากลับรู้สึกว่าเรารักเขาได้มากกว่าคนที่สนิทกันมานานแล้ว จริงไหม (จริง)  เพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับความจริงอยู่อย่างหนึ่งว่า คนทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบดั่งใจเราหวัง จริงไหม (จริง)  ตัวเราหวังจะให้เราดีๆๆๆๆ  บางครั้งสิ่งที่เราหวังก็ไม่สมอย่างที่เราตั้งใจไว้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ตัวคนที่เรามองอีกหรือคนรอบข้างก็เฉกเช่นเดียวกัน บางครั้งเขาก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง  ฉะนั้นเราจึงต้องรู้จักที่จะทำใจไว้บ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เผื่อใจไว้บ้าง ให้อภัยเขาได้บ้าง เหมือนตัวเราเองบางครั้งยังผิดพลาดได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นคนอยู่ในบ้านแต่พูดกันไม่รู้เรื่อง สนิทกันได้ไม่ลง กลับกลายไปสนิทกับคนข้างนอกมากกว่า  หากในบ้านในครอบครัวไม่รักกัน ไม่สมัครสมานสามัคคีกัน เราเอาเรื่องในบ้านออกไปนอกบ้าน ย่อมง่ายที่บ้านนี้จะแตกร้าวและร้าวฉานจริงหรือไม่ (จริง)  แต่ถ้าเกิดว่าในบ้านเรา ทั้งตัวเราพ่อแม่พี่น้องมีความสมัครสมานสามัคคี คุยกันได้ พูดกันรู้เรื่อง กล้าที่จะพูดกล้าที่จะยอมรับ  ภายนอก คนข้างนอกจะมาทำร้ายบ้านนี้ได้ไหม (ไม่ได้)  แต่ถ้าเกิดเราไม่รักพ่อแม่เรา ไม่รักพี่น้องเรา ไม่รักคนในครอบครัว เราเอาเรื่องในครอบครัวออกไปพูดนอกบ้าน คนนอกบ้านย่อมสามารถที่จะเอาเรื่องในครอบครัวเรานี้ ทำให้เราแตกร้าวได้ไหม (ได้)  ฉะนั้นหากเราย้อนมองกลับมาที่จิตใจของตัวเรา
เมื่อสักครู่เราดูเรื่องการอยู่ร่วมกันในสังคม คราวนี้เรามามองที่ใจเรา หากว่าใจเรามีปัญหา ปัญหาโน่น ปัญหานี่ เราเอาใจไปฝากไว้กับคนโน้น เราเอาใจไปฝากไว้กับคนนี้ ง่ายไหมที่จะเกิดเรื่องราวทำให้เจ็บปวดใจ (ง่าย)  แต่ถ้าเกิดว่าใจของเราเมื่อมีเรื่องราว เรารู้จักแก้ด้วยตัวเอง วางด้วยตัวเอง ปลงด้วยตัวเอง เวลามีเรื่องอะไรค่อยๆ แก้ ค่อยๆ แก้ เวลาใครจะทำร้าย ทำร้ายยากไหม ยากใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่คนในโลกก็แปลกอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเก็บไว้จนหมดก็เก็บกดอัดอั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  เปิดจนเกินไป เขาก็เอาเราไปประจานเสียหมด ใช่หรือเปล่า (ใช่)  จึงมีคำพูดกล่าวไว้ว่า "หากชีวิตเรามีเรื่องตัวเราสิบส่วน เจ็ดส่วนเก็บไว้ที่ตัว อีกสามส่วนพอพูดได้"  แต่ต้องแบ่งให้เป็นว่าเจ็ดส่วนนี่ควรเป็นเรื่องอะไร แล้วสามส่วนควรเป็นเรื่องอะไร หากทำได้เราจะอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไม่อึดอัด แล้วก็พูดกับใครได้อย่างสบายใจ เขาไม่เอาเราไปขายทิ้งใช่ไหม (ใช่)  แต่เพราะอะไรเราอยู่ในโลกนี้เรากลับออกไปก็กลัว เจอคนก็กลัว ตัวเราเองก็กลัวตัวเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ดำรงชีวิตอยู่บนความกลัว กลัวอะไรบ้าง กลัวคนอื่นจะว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  กลัวตัวเองจะเสียใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นจึงต้องรู้ไว้ว่าเกิดเป็นคนหากเริ่มต้นไม่ดี ต่อไปจะดีได้ไหม  ไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อเราเกิดมาแล้ว ก่อนที่จะก้าวออกไปจากบ้าน ก่อนที่ใจจะคิดทำสิ่งใด ขอให้คิดไตร่ตรองให้ดี แล้วเราออกไปจะไม่ต้องหวาดกลัวอะไรเลย ดีไหม (ดี)  ทำได้หรือเปล่า (ได้)  ศิษย์พี่รู้ว่าศิษย์น้องเก่ง แต่เก่งน้อยกว่าศิษย์พี่หน่อยหนึ่ง ใช่ไหม (ใช่)
พระอาจารย์ : มาฟังธรรมะเอาใจมาด้วยหรือเปล่า (เอามา)  มาทั้งตัวทั้งใจหรือเปล่า (มา)  มาทั้งตัวทั้งใจแล้วจิตใจที่ฟังธรรมะแล้วเข้าใจหรือไม่ (เข้าใจ)  เข้าไปถึงในใจเลยหรือเปล่า หรือตอนนี้ธรรมะมาเกาะๆ ผิว เดี๋ยวกลับไปบ้านล้าง อาบน้ำแล้วก็หมดกันเลย เกิดความเข้าใจในธรรมะบ้างหรือไม่ อันว่าคนแม้จะบำเพ็ญมาหลายปี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีความเข้าใจในธรรมะได้ อันว่าคนเพิ่งมาฟังธรรมะได้สองวัน อาจจะเข้าใจธรรมะมากกว่าคนที่ยังไม่เคยปฏิบัติเลยก็ได้  ฉะนั้นเราต้องรู้จักวิ่งให้เร็ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  เคยได้ยินคำว่าคลื่นลูกหลังแซงคลื่นลูกหน้าไหม (เคย)  คำนี้แสดงว่ามีคนที่เก่งกว่าคนที่มาก่อนก็มีใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ว่าคนเก่งในการบำเพ็ญธรรมต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าหากว่าไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนแล้ว คนๆ นี้น่าคบไหม (ไม่น่าคบ)  คนๆ นี้น่าคุยด้วยไหม (ไม่น่าคุย)  อย่างนี้ถ้าเราจะไปพูดธรรมะกับเขา เขาจะฟังเราหรือเปล่า (ไม่ฟัง)  เพราะฉะนั้นเกิดเป็นคนต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ยิ่งถ้าหากเราอ่อนน้อมถ่อมตนในเรื่องบำเพ็ญธรรมด้วยแล้ว เราจะได้ผลประโยชน์ขึ้นมาให้กับตัวเราเองด้วย เป็นผลประโยชน์ที่ศิษย์ไม่เคยเห็น  ผลประโยชน์อันนี้ไม่ใช่เงินทอง ปกติเคยได้แต่ผลประโยชน์เงินทอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เคยได้แต่ผลประโยชน์ที่ได้เปรียบคนอื่น ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่ผลประโยชน์อันนี้ได้ออกมามิใช่เงินทอง แต่เป็นอะไร เป็นความดีใช่หรือเปล่า  พูดง่ายๆ ตามประสาศิษย์เข้าใจก็คือ เป็นบุญเป็นกุศล  การที่เราทำดีนั้น ทำให้คนอื่นสุขใจ เมื่อคนอื่นสุขใจเราไม่ได้ทำร้ายเขา ไม่ได้เบียดเบียนเขา แถมทำให้เขาจิตใจเบิกบาน  คำว่าจิตใจเบิกบานนี่พระพุทธะก็มีคำนิยามว่า เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น และผู้เบิกบาน  แม้เราทำให้เขารู้ไม่ได้ ทำให้เขาตื่นไม่ได้ แต่เราทำให้คนอื่นเบิกบานได้หรือไม่ (ได้)  แล้ววันหนึ่งๆ ศิษย์ของอาจารย์ส่วนใหญ่จะทำให้คนอื่นหน้านิ่วคิ้วขมวดลำบากใจ หรือทำให้คนอื่นนั้นสบายใจ โดยปกติเราทำให้คนอื่นสบายใจหรือทำให้คนอื่นลำบากใจ (ลำบากใจ) ตอบให้ดีๆ นะ คิดๆ อยู่ข้างใน ลำบากใจ สบายใจ แล้วออกมาเป็นอะไร ลำบากกายใจ
บาปคู่กับคำว่าอะไร (กรรม)  กรรมเกิดจากอะไร (การกระทำ)  เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักระวังการกระทำ  หยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งเป็นการกระทำไหม (เป็น)  สมมติหนังสือเล่มนี้เป็นของคนนี้ แต่อีกคนไปหยิบมาเป็นกรรมหรือเปล่า (เป็น)  หากเราหยิบของเขามาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมหรือเปล่า (เป็น)  เราต้องเกี่ยวกรรมกับเขาใช่หรือไม่ (ใช่)  ชาติหน้าเขาเกิดมาเป็นกบเราเกิดเป็นอะไร (งู)  งูกินกบใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่เดี๋ยวนี้คนก็อยากเป็นงู เพราะไม่ทันเป็นงูแต่คนก็กินกบ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แสดงว่าร่างกายเป็นคน แต่ใจเป็นอะไร งู น่ากลัวไหม 
(น่ากลัว)  น่ากลัวแล้วทำอย่างไรกับตัวเอง กลัวตัวเองแล้วเฉยๆ เหมือนเดิม  เรากลัวตัวเองต้องทำอย่างไร  คนที่มีใจเอาใจมาด้วยต้องตอบใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอบไม่เป็นแสดงว่าไม่เอาใจมาด้วย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ใจของเราคิดเป็นไหม (เป็น)  แสดงว่าใจของศิษย์คิดเป็นแต่คิดมาก ใช่หรือเปล่า  เคยคิดอะไรเป็นธรรมะ ไม่เคยคิดอะไรเป็นสาระ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นเราต้องแก้ไขตนเอง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อย่าไปคิดมาก อย่าไปกลุ้มมาก ต่อให้เรากลุ้มตัวเรานั้นจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องเป็นอย่างนี้  ถ้าหากจะคิด ก็ให้คิดแก้ไขหาทางออกจากปัญหา แต่ไม่ใช่กลัดกลุ้มตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นผมของเราที่ยังพอมีเส้นดำๆ อยู่บ้าง ก็จะกลายเป็นสีขาวหมดไหม หมดหรือเปล่า (หมด)  คนกลุ้มใจผมหงอกง่ายไหม (ง่าย)  เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้คนที่ยังมีอายุน้อยอยู่ก็เป็นอย่างไร (ผมหงอก)  มีหรือเปล่าลองพลิกไปพลิกมาว่ามีหรือเปล่า เห็นดำๆ อย่างนี้ก็มีผมหงอกอยู่เหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แสดงว่าเราแก่ตั้งแต่ยังเด็ก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ยอมรับตัวเองหรือฉะนั้นเมื่อเรากลัวตัวเองต้องทำอย่างไร กลัวตัวเองต้องแก้ไขตัวเอง ถ้าหากว่าเราเป็นคนดื่มเหล้า เราน่ากลัวไหม (น่ากลัว)  เราดื่มเหล้าเราก็น่ากลัว ตอนเรามาเราก็น่ากลัวตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากน่ากลัว เราต้องทำไม ถ้าเหล้าอยู่ข้างหน้าหนึ่งขวด จะทำอย่างไร ไม่ใช่ไปบิดๆ เทยกขึ้นดื่มนี่เป็นการกระทำไหม (เป็น)  ถ้าหากว่าเราไม่เท ใครเทให้หรือเปล่า  สมมติว่าสามีที่บ้านเรากินเหล้า ภรรยาอยากจะเทให้ไหม (ไม่)  บางคนมีคนในบ้านกินเหล้า สูบบุหรี่ มีคนในบ้านเล่นการพนัน เล่นหวย เหล้าตั้งอยู่ตรงหน้าถ้าหากว่าคนที่เป็นคนดื่มไม่ยกขึ้นดื่มเอง คนอื่นเทให้ไหม (ไม่มี)  เราอยากเทเหล้าให้ไปทำร้ายเขาหรือเปล่า นอกจากว่าจะโดนคนใช้ใช่หรือไม่ (ใช่)  โดยทั่วไปไม่ยอมเทให้เขา ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เพราะฉะนั้นคนที่เทเป็นใคร (ตัวเราเอง)  ถ้าเขาห้ามเราแล้วเราไม่ฟัง คนที่เทเป็นใครอีก (ตัวเราเอง)  ถ้าเราไม่เทเราจะมีกินไหม (ไม่มี)  จะกินเข้าไปทั้งขวดได้หรือเปล่า (ไม่ได้)  เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าตัวเองน่ากลัว อยากที่จะดีขึ้น ก็ต้องรู้จักแก้ไขตนเองใช่หรือไม่ (ใช่)  บุหรี่ถ้าไม่แกะซองไม่ดึงขึ้นมา จุดบุหรี่ยังพอหาจุดกันได้อาจารย์รู้ โดยทั่วไปก็ต้องหยิบเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าคนส่งให้ไม่ส่งเข้าปากเขาจะส่งเข้าปากเราไหม (ไม่ส่ง)  เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ไขที่ตัวเราเองใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าหากคนทุกคนในโลก ในสังคม ในบ้าน ทำความผิดขึ้นมาแล้วต่างคนต่างไม่ยอมรับ ดูแล้วน่าอดสูไหม ฉันทำด้วยแต่ฉันก็ว่าเธอผิด เธอเป็นต้นเหตุเธอก็ว่าฉันเป็นต้นเหตุ ถ้าบ้านหลังนี้มีแต่คนโยนกันไปโยนกันมา ทะเลาะกันไหม กลับกันถ้าทำเรื่องผิดขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง ท่านก็บอกสามีว่าไม่เป็นไร สามีบอกภรรยาว่าไม่เป็นไร พ่อก็บอกลูกว่าไม่เป็นไร แม่ก็บอกลูกว่าไม่เป็นไร แต่คราวหลังอย่าทำ ระวังหน่อยครอบครัวนี้จะทะเลาะกันไหม (ไม่ทะเลาะ)  เรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตคือเรื่องอะไร (เกิด แก่ เจ็บ ตาย)  ผิดไปนิดเดียว คือ แก่กับเจ็บไม่ใช่เรื่องใหญ่

พระนาจา : เรื่องเกิดเป็นเรื่องที่น่ากลัวรู้หรือเปล่า
พระอาจารย์ : เรื่องเกิดกับเรื่องตาย คนในครอบครัวหากทะเลาะกันแต่ถ้าเกิดคนที่ทะเลาะกับเรายังมีชีวิตอยู่ ถือเป็นเรื่องที่ดีไหม ถ้าหากว่าคนที่ทะเลาะกับเราอยู่เขาตายแล้ว อย่างนี้ไม่มีคนที่จะทะเลาะด้วย เรื่องใหญ่ไหม ต่อให้เราเพิ่งทะเลาะกันเมื่อสักครู่ แต่ถ้าเกิดเขาเดินไปทางโน้นเกิดถูกรถชนตาย ต่อให้ทะเลาะกันเมื่อสักครู่ยังอภัยหรือเปล่า (อภัย)  เพราะฉะนั้นเรื่องเกิดเรื่องตายสำคัญที่สุดแล้ว ขอให้ยังอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างก็มีทางแก้ไข ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นในวันนี้ที่อาจารย์มา เพื่อจะชี้ประตูที่พ้นจากการเกิด ตายให้ เพราะว่าการเกิด การตายเป็นความทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนนี้มีทุกข์ไหม (มี)  อยากพ้นทุกข์ไหม ถ้าเรามีสังขารที่เป็นคนที่เวียนว่ายตายเกิดทุกข์ไม่ทุกข์ ทำอย่างไรจะหายทุกข์ ไม่เกิด ไม่ตาย แต่อย่างน้อยต้องตายจากชาตินี้ก่อน ไม่ตายจากชาตินี้ไม่ได้ ความทุกข์ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ เรื่องตาย แต่ว่าก่อนตายทำอะไร อยากเป็นเทวดาตอนอยู่ในโลกไม่สร้างกุศลเป็นได้ไหม (ไม่ได้)  ไม่ทำบุญก็ไม่ได้เป็นเทวดา ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยากไปนิพพาน อยากพ้นเกิดพ้นตาย ตอนนี้ก็ต้องเริ่มลงมือทำถูกหรือเปล่า ถ้าเราไม่ทำเราจะพ้นได้ไม่ได้ (ไม่ได้)  รอคนอื่นกรวดน้ำให้เอาไหม (ไม่เอา)  เกิดเขาลืมกรวดน้ำ เราอดไหมอด (อด)  เพราะฉะนั้นการทำดีไม่ใช่หวังที่ลูกหลานใช่หรือไม่ (ใช่)  หวังที่ใคร (ตัวเอง)  เราแก่ลงทุกวันไหม แก่ทุกวันแล้วจะทำอย่างไร อยู่เฉยๆ เหมือนเดิมดีหรือเปล่า ไม่ดี ฉะนั้นอยากจะได้ผลวันหน้าเป็นอย่างไรวันนี้ก็ต้องทำเอง วันนี้ไม่ทำ วันหน้าก็ไม่มี ใช่หรือไม่ (ใช่)  วันนี้ไม่ปลูกต้นไม้ วันหน้าได้กินผลไหม อย่าบอกว่าเอาเงินไปซื้อ สวรรค์ใช้เงินซื้อไม่ได้ นิพพานยิ่งไม่ได้ มีใครบ่นถึงอาจารย์หรือเปล่า (มี)  เห็นไหมว่าต่อให้เป็นพุทธสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ยังหลีกไม่พ้น มนุษย์บ่นไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วทำไมศิษย์อาจารย์ไม่อยากฟังคนอื่นบ่น ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เราทำตัวน่าบ่นหรือเปล่า ใครคิดว่าตนเองทำตัวน่าบ่นยกมือขึ้น เป็นพุทธสิ่งศักดิ์สิทธิ์บางทีก็ยังหลีกไม่พ้นการที่ถูกมนุษย์ต่อว่าต่อขานได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนที่ศิษย์พูดประจำ เมื่อฝนตกก็บ่น พอฝนไม่ตกก็บ่นเหมือนกัน การทำตัวเป็นคนๆ หนึ่งนั้นยากไหมยาก (ยาก)  ถ้าหากว่าทำตัวเป็นคนที่ดีไม่ได้ เราจะเกิดมาเสียเที่ยวหรือเปล่า ฉะนั้นถ้าหากว่าทำได้ก็ควรที่จะทำไหม ถ้าหากว่าทำได้ก็ควรที่จะอดทน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าหากว่าเราอดทนไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้น
พระนาจา : ถ้าใครยังสงสัยพยายามทำใจให้นิ่งๆ  ถ้าใจคิดโน่นคิดนี่ฟังก็จะไม่รู้เรื่องใช่หรือเปล่า (ใช่)  อย่างนั้นลองเปิดใจให้กว้างๆ มองดูว่ายังมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้ไม่เห็นใช่ไหม (ใช่) แล้วสิ่งที่ท่านไม่รู้ไม่เห็นท่านจะบอกว่าไม่ใช่ได้ไหม (ไม่ได้)  ห้ามพูดเชียวนะว่าได้ใช่หรือเปล่า เพราะในโลกนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรามองไม่เห็น แล้วเราจะบอกว่าไม่มีได้ไหม (ไม่ได้)  ถ้าบอกว่าได้ก็เท่ากับน้องนั่นแหละกำลังจะปิดกั้นตัวเองให้ไม่รู้จักโลกที่แท้จริง จริงหรือไม่ (จริง)  คนที่รู้จักเปิดกว้างและมีใจพร้อมจะยอมรับทุกเรื่องราว คนๆ นั้นจะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุขและองอาจจริงไหม (จริง)  แต่ถ้าเกิดว่าคนเราอยู่ในโลกนี้ ความรู้ สติปัญญา และความมั่นใจในตัวเองเป็นเหมือนกรอบ  ถ้าเกิดว่าสติปัญญาความรู้เป็นกรอบสี่เหลี่ยม ตัวน้องก็จะมองทุกๆ อย่างเป็นแค่สี่เหลี่ยม แต่ถ้าเกิดความรู้สติปัญญาและตัวตนเป็นเหมือนฟ้ากว้างแผ่นดินไกล เราก็จะมองเห็นสรรพสิ่ง ต้นไม้เป็นต้นไม้ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเกิดว่าเรามีความรู้ มีสติปัญญา มีตัวตน ต้นไม้เราก็จะมองบิดเบี้ยวไป ต้นไม้อาจจะเป็นผีกำลังโบกมือก็ได้ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นไม่ว่าจะทำสิ่งใดตาเปิด หูเปิด ใจก็เปิดและมองสรรพสิ่งให้ดีๆ อย่ามองเพียงแต่ผิวเผินจงเจาะลึกเข้าไปให้ถึงแก่นแท้ และเราจะมองเห็นชีวิตได้อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นแล้วตัวศิษย์น้องเองจะเห็นคนคนนี้เป็นเพียงแค่รูปร่าง แต่จะมองไม่เห็นธาตุแท้ที่แท้จริงตลอดไปใช่หรือไม่
พระอาจารย์ : เมื่อสักครู่อาจารย์บอกว่าถ้าหากว่าโดนบ่นมากต้องรู้จักที่จะอดทน เพราะฉะนั้นอาจารย์จะให้ศิษย์อดทน อาจารย์ให้ศิษย์นั่งลงทีละคน ใครที่อยู่ข้างหลังต้องทนหน่อยนะ ถ้าคนข้างๆ เรายังไม่นั่งเราห้ามนั่ง
พระนาจา : เกิดเป็นคนต้องเป็นคนดีใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเป็นคนไม่ดีก็เหมือนกับสิ่งสกปรก ไม่เป็นที่ปรารถนาของใครหรือแม้แต่ของตัวเราเองใช่หรือไม่ (ใช่)  หากมือๆ หนึ่งสะอาด อีกมือหนึ่งสกปรก ศิษย์น้องเอาไปจับคนอื่น มือไหนจะน่าจับมากกว่ากัน มือที่สะอาดใช่หรือไม่  อยากให้เขาเอามือสะอาดจับเราใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเกิดความสกปรกเราไม่สามารถมองเห็นได้ ศิษย์น้องจะรู้ไหมว่าศิษย์น้องอาจจะโดนความสกปรกไปโดยไม่รู้ตัว ไหนบอกว่าถ้ามาสององค์แล้วจะฟังรู้เรื่อง มาสององค์ก็ฟังไม่รู้เรื่อง
ตัวเรามักจะมองแค่เพียงภายนอกใช่หรือไม่ (ใช่) มองกันแค่เพียงผิวเผินเราก็เลยไม่รู้ว่าตัวเรานั้นตอนยื่นไปกับตอนที่เราจับเขาได้สิ่งดีหรือสิ่งไม่ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อเวลาเราอยู่บนโลกนี้เราจึงต้องมีสติยั้งคิดตลอดเวลาด้วย ก่อนที่จะทำสิ่งใดหรือก่อนที่จะไปหาใครหรือเอาสิ่งใดจากใครมาใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่าคนในโลกนี้อยู่กันอย่างน่ากลัวมาก ศิษย์พี่เห็นทุกวันๆ น่ากลัวเหลือเกินเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบความจริงใจ แบบความเอื้ออาทร แบบความดีแต่อยู่กันด้วยผลประโยชน์ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือพูดง่ายๆ คือท่านทำอะไรให้ฉันใช่หรือเปล่า (ใช่)  พอหมดผลประโยชน์ฉันกับท่านไม่เกี่ยวกันใช่หรือไม่ (ใช่)  นี่คือความน่ากลัวของสังคม แล้วเราจะเอาอะไรไปช่วยดู แล้วเราจะเอาอะไรไปต่อกรกับคนในสังคมเช่นนี้  หรือใจของเราที่กำลังต้องเผชิญอยู่ทุกวันเช่นนี้จริงไหม กฎหมายคุมได้ไหม  กฎหมายดูเหมือนคุมได้แต่ทำไม่ได้ทั้งหมด กฎหมายห้ามแค่การกระทำ ห้ามแค่ตัวบุคคล แต่คุณธรรมความดีงามสามารถห้ามทั้งการกระทำและจิตใจไม่ให้ขุ่นด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)  นี่คือสิ่งหนึ่งที่วันนี้ศิษย์น้องต้องพยายามศึกษาให้ได้ นั่นคือเอา
คุณธรรมกลับไปใช้ในสังคม  เพราะตอนนี้ ปัจจุบันนี้คนมักละเลยเรื่องคุณธรรมจริงไหม พอบอกว่าให้ศิษย์น้องเอาคุณธรรมไปใช้ ตอนนี้เราก็แทบจะคิดไม่ออกแล้วว่าในโลกหรือในตัวเรามีอะไรที่เรียกว่าคุณธรรม  อะไรคือคุณธรรม บางครั้งเราแทบจะไม่รู้เลย รู้แค่ว่าคุณธรรมคือคุณธรรม  แต่ไม่รู้ว่าคุณธรรมคืออะไรอื่นๆ ได้อีกใช่ไหม (ใช่)  คุณธรรมยังคือสิ่งที่คอยควบคุมความประพฤติ คอยชะล้างความเคืองแค้นโกรธให้กลายเป็นอภัย คุณธรรมยังทำให้จิตใจคนที่แข็งกระด้างกลายเป็นความอ่อนโยนและมีความกตัญญูรู้คุณใช่หรือไม่ (ใช่)  เราได้รู้เพิ่มเติมแล้วใช่หรือเปล่า (ใช่)  คุณธรรมไม่ใช่แค่คุณธรรม แต่คุณธรรมหากใครประพฤติได้ยังสามารถชะล้างสิ่งไม่ดี และเปลี่ยนแปลงคนได้ด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาให้ศิษย์พี่นาจาแจกผลไม้แก่นักเรียนในชั้นที่ตอบคำถาม)
เมื่อสักครู่ฟังศิษย์พี่รู้เรื่องไหมว่าพูดอะไร พูดเรื่องคุณธรรมใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามเรื่องคุณธรรม  คุณธรรมมีประโยชน์และคุณธรรมมีอะไรบ้าง (สุจริต , ให้อภัย)  ที่นี้ใครว่าท่านอย่าโกรธนะ
พระอาจารย์ : วันนี้มาฟังธรรมะอย่ามาฟังแบบผู้ร่วมสังเกตการณ์ แต่มาฟังแบบผู้ร่วมสถานการณ์ดีหรือไม่ (ดี)  หากเป็นคนสังเกตการณ์ เราจะยิ่งมองเห็นว่า สิ่งนี้ผิด สิ่งนี้ดี ถ้าดีกว่านี้ก็ดีนะ เสร็จแล้วฟังธรรมะรู้เรื่องไหม (ไม่รู้)  ฉะนั้นมาฟังอย่างผู้ร่วมเหตุการณ์นะ
พระนาจา : ค่อยๆ นึกนะ  ธรรมะเป็นสิ่งที่แปลก ถ้านึกปุ๊บ ธรรมะก็จะไหลมาที่ตัวเรา ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นก็ยิ่งต้องนึกๆ นะ (ความกตัญญู)  การอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มากนั้น เราอย่าได้เป็นคนที่อยู่ใกล้แล้วก็เหมือนพูดไม่ได้ หูไม่ได้ยิน  เพราะหากว่าในสังคมในครอบครัวอยู่ด้วยกันแล้ว แต่พูดไม่ได้ หูเหมือนไม่ได้ยิน อย่างนี้จะอยู่ด้วยกันลำบากใจไหม (ลำบากใจ)  และถ้าไปทำงานร่วมกับใครก็ตาม กับเพื่อนอยากพูดกับเรา แต่พูดไม่ได้ อยากจะฟังก็ฟังไม่ได้ ก็ลำบากใจใช่หรือไม่ (ใช่)  และทำไมเมื่ออยู่ร่วมกัน จากที่แต่ก่อนเขาเคยเตือน แต่กลายเป็นไม่ได้ยินแล้ว เมื่อก่อนพูดกับเขาได้ แต่ทำไมตอนนี้ไม่กล้าพูดกับเขาแล้ว เพราะบางครั้งการอยู่ร่วมกัน ท่าทีใบหน้าที่แสดงต่อกัน เป็นเหตุที่ทำให้เราอาจจะพูดไม่ออก หรือไม่ได้ยิน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเวลาเราอยู่ในสังคม ท่าทีกับใบหน้า  ถ้าเราเป็นคนที่มีหู เราได้ยิน มีปากและพูดได้ เราจึงต้องรู้จักวางตัวเป็นกันเอง ถ้าท่านวางตัวเคร่งขรึม มั่นใจในตัวเอง ถือทิฐิไม่สนใจใคร แม้ท่านมีปากแม้พูดไป เขาก็จะทำเหมือนไม่ได้ยิน ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือแม้ท่านมีหูเปิดกว้าง เขาก็จะไม่พูดอะไรให้ท่านฟัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  หากอยู่ในโลกแล้วกลายเป็นคนมีปาก พูดไม่ได้ หูไม่ได้ยิน น่าสงสารไหม (น่าสงสาร)  ฉะนั้นเราอยู่ในสังคมโลกนี้ ตัวเราจะมีความมั่นใจ แต่ท่านเชื่อหรือว่าคนหนึ่งคนเตือนตนเองคนเดียว จะอยู่ในโลกกว้างนี้ได้อย่างเอาตัวรอด รอดไหม (ไม่รอด)  จึงต้องฟังเสียงหมู่มาก ตัวเราคนเดียวอาจจะผิดพลาดได้  ฉะนั้นเมื่อร่วมกัน ท่าทีก็สำคัญ ใบหน้าที่แสดงออกก็สำคัญ  วันนี้อย่างเป็นคนที่มีหูก็ใช้ไม่ได้ มีปากก็พูดไม่ออก ไม่เช่นนั้นหากเราอยู่กับท่านเราก็ไม่สบายใจเหมือนกัน  ขอให้อยู่กันอย่างเป็นกันเอง เราจะได้เป็นแบบเขาเตือนเรา เราเตือนเขา เราให้เขา เขาให้เรา  ฉะนั้นท่าทีที่เป็นกันเองนี้จะสามารถทำให้เราได้ยินเรื่องทุกเรื่อง และได้มองเห็นโลกกว้างอีกมุมหนึ่ง ที่ใครไม่สามารถมองเห็น  ฉะนั้นอย่าเป็นผู้ทำลายหูตัวเองและตัดปากตัวเอง ช่างน่าเสียดายเสียนี่กระไรจริงไหม (จริง)  แล้วใครมาที่นี่ยังงงอยู่อีกว่าบำเพ็ญจะบำเพ็ญอย่างไรบ้างล่ะ  ยังงงอยู่ไหม ตั้งแต่ฟังมาวันครึ่ง รู้หรือยังว่าการบำเพ็ญคือทำอย่างไร ไหนใครที่ยังไม่รู้ยกมือขึ้น ใครที่รู้แล้วลุกขึ้นบอกเราหน่อย ท่านช่วยดูหน่อยหน้าเราเคร่งขรึมไปไหม เราทำท่าทีกันเองกับเขาไหม (กันเอง)  เราทำหน้ากันเองแล้วนะ  ทำไมอยู่ด้วยกันแล้วเหมือนท่านพูดไม่ได้ หูเราเหมือนไม่ได้ยิน  เมื่อสักครู่อุตส่าห์บอกไปแล้วนะ
พระอาจารย์ : นาจาเรียกเขาขึ้นมาสิ
พระนาจา : หมายเลข… (ศึกษาแล้วก็ปฏิบัติ)  ศึกษาแล้วก็ปฏิบัติ ก่อนที่เราจะบำเพ็ญก็คือเราจะต้องศึกษาให้เข้าใจ รู้ถึงเหตุผลว่าบำเพ็ญ บำเพ็ญเพื่ออะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างที่เราบอกตอนต้นบอกกับศิษย์น้องตอนต้น นั่นก็คือ ปัจจุบันนี้กฎหมายไม่สามารถควบคุมทั้งกายและใจได้ มีแต่คุณธรรมเท่านั้น ใช่ไหม (ใช่)  แล้วถึงแม้ตอนนี้คุณธรรมในสังคมคงจะมี แต่จิตใจของทุกๆ คนนั้นเหลือน้อยเต็มที ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วมีก็มีแต่ไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่คนจะอยากทำได้ ใช่ไหม (ใช่)  มีแบบไม่มีใครอยากทำตาม ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์น้องจะต้องคิดพื้นคุณธรรมให้กลับคืนสู่สังคม และทำให้เขาเห็นว่าทำดีนั้นได้ดี ทำดีแล้วมีประโยชน์ ช่วยเหลือสังคมได้ และพร้อมจะช่วยคนได้ด้วย นี่คือสิ่งหนึ่ง เหตุผลหนึ่งที่อยากให้ศิษย์น้องศึกษาบำเพ็ญธรรม เมื่อทำได้เมื่อดีแล้ว การที่เราจะไปช่วยใคร การที่เราจะเรียกร้องใครหรือการที่เรายืนอยู่ในสังคมแบบไหน เขาก็จะเป็นอย่างไรน่าเอาอย่าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางครั้งโดยที่เราไม่ต้องสอนเลยใช่หรือเปล่า (ใช่)  หรือไม่ถ้าเกิดว่าตัวเราสามารถทำได้ดี อยู่ในสังคมต้องเริ่มต้นที่ครอบครัวใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าครอบครัวท่านสามารถปรองดองอยู่เย็นเป็นสุข ท่านสามารถบริหาร ควบคุมลูก ควบคุมตัวเองได้ดี ลูกเมื่อออกไปสู่สังคม เขาย่อมมีจิตใจที่เข้มแข็งและพร้อมจะไปเป็นรากฐานอันดีงามให้กับสังคมต่อไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมจึงไม่ใช่เป็นเรื่องยาก เริ่มต้นที่จิตใจเราก่อน คิดแต่สิ่งที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดี อะไรที่ไม่รู้ชัดอย่าทำ จงมั่นใจแล้วจึงทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จงมั่นใจว่าดีแล้วจึงพูด ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้ามีโอกาสก็จงช่วยคน นี่คือการเริ่มต้นบำเพ็ญธรรมอย่างง่ายๆ ได้ไหม (ได้)  แล้วสิ่งใดที่ไม่ดีในใจตนก็รีบตัดทิ้ง อย่าให้เยื่อใย ได้หรือเปล่า (ได้)
(พระอาจารย์เมตตาให้เชิญแม่ครัวออกมาหน้าชั้น)
พระนาจา : อยากจะดูขบวนแม่ครัว ศิษย์น้องเป็นดนตรีให้หน่อยได้ไหม (ได้)  โป๊ง โป๊ง ชึ่ง นะ ยืนเป็นแถวยาว ซ้ายขวาซ้ายสลับกัน อย่าไปทางเดียวกันนะ
นี่ก็คือรู้ว่าทำดีคืออะไร และเมื่อทำดีก็มีโอกาสช่วยคน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ต่อไปดูผู้ปฏิบัติงานธรรมฝ่ายชายนะ
พระอาจารย์ : แม่ครัวยืนข้างเตาแล้วร้อนไหม (ไม่ร้อน)  คนบำเพ็ญธรรมในช่วงนี้ คนที่ยากจนมาก่อนไม่ทุกข์ใจ คนที่มีเงินจะทุกข์ใจ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  บางคนอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่จะรวยมาก  ฉะนั้นเมื่อดีอยู่แล้วก็บำเพ็ญให้ดีๆ ตอนนี้คนที่เขาทำการค้าก็ไม่มีเวลามาสถานธรรม ส่วนคนที่ไม่ได้ทำการค้ามากก็มีเวลามา ตอนนี้บางคนไม่มีเวลา แต่อาจารย์คิดว่าบางส่วนยังมีเวลา สับเวรกันทำงานเป็นโอกาสที่ดี อะไรที่เราไม่เคยทำก็ได้ทำ เพียงแต่ต้องคว้าโอกาสไว้ดีๆ  ถ้าหากว่าเขาฟื้นตัวเมื่อไร เขาก็มาแย่งงานเราทำนะ
เป็นคนบำเพ็ญธรรมจะนำกันก็นำไปในทางที่ดี เพราะหากบ้านเรายิ่งอยู่ใกล้กันเท่าไร พอเสียก็จะเสียกันหมด ฉะนั้นจะนำก็นำให้ดี บำเพ็ญธรรมต้องละความขี้อายทิ้ง  คนที่มา โป๊ง โป๊ง ชึ่ง ตรงนี้หากว่าขี้อายก็ไม่กล้าทำ จึงออกมาไม่เป็นขบวน ใช่ไหม (ใช่)  หากว่าเป็นคนขี้อายไม่กล้าพูดธรรมะให้คนอื่นฟัง จะพูดธรรมะทีก็คิดแล้วคิดอีก  คิดๆๆ ว่าหากพูดไปแล้วเขาจะว่าเราบ้าไหม คิดมากๆ เราก็บ้าไปเลย หาคนนำร้องเพลงนี้ดีไหม (ดี)
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงพระโอวาททำนองเพลง : เธอได้ยินไหม  ชื่อเพลง : ทุกทุกวันที่มีหวัง)
พระนาจา : โดยเฉพาะแม่ครัวทุกคน แม้ว่าครัวจะร้อนแต่ใจต้องพยายามเย็น ศิษย์พี่รู้ว่าต้องผัดใจให้สุก ทำอะไรให้อร่อย แต่ว่ายิ่งร้อนเท่าไรใจเรายิ่งต้องเย็น มือก็ต้องไว  ถ้าหากเราควบคุมตัวเองได้ เวลาเราอยู่ในบ้านเราก็จะควบคุมบ้านให้เหมือนกับควบคุมกับข้าว เสร็จทันเวลาและอร่อยถูกปากทุกคน จริงไหม (จริง)  บางครั้งเราต้องรู้จักประยุกต์นะศิษย์น้อง เรื่องราวในโลกนี้ไม่ยากหรอก ก็เหมือนการปรุงแม้เราจะหยิบนั่นบ้าง นี่บ้าง ก็เป็นกับข้าวได้ แต่ทำไมบางคนหยิบแล้วเป็นกับข้าวไม่ได้ นี่คือความสามารถของแม่ครัว
ชีวิตเราก็เหมือนกัน ทำไมเราหยิบจับแล้วนำมาผสมกันได้อย่างกลมกลืนสอดคล้อง นั่นก็คือเรารู้จักยอมและก็ถอย  กับข้าวก็เหมือนกัน หากเปรี้ยวนำ หรือเค็มกร่อยจะอร่อยไหม (ไม่อร่อย)  ก็ต้องมีครบทุกรส ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนที่อยู่ร่วมกับเราในครอบครัวก็เฉกเช่นเดียวกัน ก็มีหลายแบบ แต่เราต้องรู้จักสมานกลมกลืน ทำให้เป็นจังหวะสอดคล้องก็จะเป็นครอบครัวที่อร่อยๆ ทุกมื้อ ถูกหรือเปล่า
พระอาจารย์ : หากตั้งใจฟังดีๆ สิ่งนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อแม่ครัวอย่างเดียว เพราะว่าคนที่เข้าครัวแม้ว่าจะทำอาหารอร่อย แต่บางทีก็ไม่ใช่ว่าจะปรุงชีวิตของเราได้อร่อย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เรากลับปรับปรุงชีวิตของเราเละเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  หนักนั่น หนักนี่ที หนักมือที บางคนเลยถึงขั้นตีเลยใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นการที่เราจะมีชีวิตอยู่บนโลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่คนส่วนใหญ่ก็บอกว่าการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ยาก  แต่จริงๆ แล้วหากศิษย์ไปเกิดเป็นมด เป็นแมลง เกิดเป็นยุงบินผ่านและโดนคนตบก็ตายแล้ว ยากกว่าไหม (ยาก)  เป็นยุงเกิดขึ้นมา หากไม่กินเลือดก็ต้องตายเหมือนกัน พอจะกินเลือดก็ตายเหมือนกัน ฉะนั้นตอนนี้เกิดเป็นคนดีไม่ดี (ดี)  ถ้าหากไปเกิดเป็นยุงก็ไม่พ้นมือคน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าหากไปเกิดเป็นมดก็ไม่พ้นดีดีที ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนดีอยู่แล้ว แม้ว่าต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆ มากมาย แต่ก็มีปัญหาอีกมากที่ศิษย์ไม่ได้ไปสู้  ตอนนี้เป็นคนก็ดีอยู่แล้ว
พระนาจา : ดูเหมือนสกปรกแต่มีสะอาดอยู่ข้างใน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์น้องอยู่ในโลกนี้ สิ่งที่ไม่ดี ศิษย์น้องอย่ามองว่าไม่ดีเสมอไป ที่มองว่าไม่ดีอาจจะดีก็ได้  ฉะนั้นถ้าเกิดว่าจะไปบำเพ็ญ เมื่อตั้งใจจะกระทำสิ่งใดในโลกที่เป็นความดี หรือมุ่งมั่นจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้สำเร็จ ถ้าเจออุปสรรคความยากลำบาก อย่าได้รู้สึกหน่ายท้อ เพราะอุปสรรคความยากลำบากเป็นสิ่งที่ตรวจสอบจิตใจของเขาว่ามุ่งมั่นแค่ไหน อดทนได้เพียงใด และมีใครที่ตั้งใจทำจริงๆ หรือเปล่า  ฉะนั้นบางครั้งเจอคนไม่ดี อย่าได้ฉุนเฉียว เจอคนที่เลวร้ายอย่าได้ตกใจ เพราะบางทีในแง่มุมที่แท้จริงของชีวิต ยังมีอะไรที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่ตาและปัญญาเราจะหยั่งได้ 
สัจธรรมชีวิตศิษย์น้องก็ได้ฟังไปแล้ว มองอะไรต้องมองให้ทะลุ มองอะไรต้องมองให้แก่นแท้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ชีวิตนี้มีเกิดแก่เจ็บตาย ทรัพย์สินก็เฉกเช่นเดียวกัน วันนี้อยู่สักวันหนึ่งก็ต้องมลายได้ เราจะสะสมไปทำไมมากมาย มีเงินรักษาโรคได้ไหม (ได้)  บางคนบอกว่าบำเพ็ญธรรมทำไมยังป่วยอีก บำเพ็ญธรรมทำไมถึงตาย ใช่ไหม (ใช่)  ทำไมบำเพ็ญธรรมแล้วยังทุกข์อีก  ฉะนั้นศิษย์พี่ถามกลับ คนเราเกิดมามีเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย จริงไหม (จริง)  บำเพ็ญธรรมเกิด แก่ เจ็บ ตาย จะหดหายไหม (ไม่หาย)  ยังไงก็ต้องมี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บำเพ็ญแล้วมองเห็นแล้วเข้าใจ ปลงตกว่าคนที่ไม่ได้บำเพ็ญ ไม่ใช่ว่าบำเพ็ญแล้วจะไม่ตาย บำเพ็ญแล้วจะไม่เจ็บ เป็นไปได้ไหมศิษย์น้อง (ไม่ได้)  เพราะเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นอนิจจัง ฉะนั้นถ้าเกิดว่ามีทุกข์ เจ็บป่วย ศิษย์น้องจะโทษธรรมะไม่ได้ ทำไมไม่เอาธรรมะไปดับความทุกข์ หลายต่อหลายคนอยากมีเงินมากๆ  แต่ศิษย์พี่ถามว่าเงินทองสามารถรักษาเราหายป่วยได้จริงไหม โดยเฉพาะถ้าใจป่วยหายไหม (ไม่หาย)  มีเงินเป็นล้านก็ไม่หาย แต่ธรรมะช่วยให้เรารู้จักปลง รู้ว่าเกิดมาแล้วมีความไม่แน่นอนเป็นของธรรมดา ต้องเจ็บต้องทุกข์เป็นธรรมดา ฉะนั้นแม้ว่าจะมีหรือไม่มี แต่เราเป็นผู้บำเพ็ญแล้ว เราต้องรู้จักปลงได้ วางได้ และก็เข้าใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และศิษย์น้องจะเป็นคนที่แม้กายเจ็บ แต่ก็รู้สึกสบาย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อย่างนี้อย่างไหนดีกว่า กายเจ็บใจก็เจ็บด้วย รักษากายได้แต่รักษาใจไม่ได้  อย่างไหนทุกข์กว่า ใจทุกข์ ใช่หรือไม่ เพราะใจต่อให้ใช้หมอจิตวิทยา เอาประกันมาชุบ ประกันชีวิตแล้วหายไหม (ไม่หาย)  ฉะนั้นมีแต่ธรรมะเท่านั้นที่จะช่วยผ่อน ที่จะทำให้เรามองเห็นคนได้แท้จริง มองเห็นใจเราได้แท้จริง และก็รักษาใจเราได้หายเป็นปลิดทิ้งเลยดีไหม (ดี)
มีใครมีวันที่มีหวังบ้าง  ตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก  ตกเหมือนฟ้ารั่ว  เกือบจะพยุงตัวเองไม่อยู่แล้ว  อาจารย์อยากให้ทุกคนนั้นมีวันที่มีหวัง  หวังที่จะมีฟ้าเปิดขึ้นมา  เพราะอาจารย์บอกแล้วว่า การมีร่างกายเป็นโอกาส  คนที่ตอนนี้รวยอยู่  ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำ  ใจเราไม่ต่ำด้วย  ไม่มีเวลาไม่เป็นไร  ธรรมะต้องอยู่ในหัวใจ  เข้าใจหรือไม่ (เข้าใจ)  มีเวลาว่างก็ยังต้องแสดงความดีความงามออกมาให้คนได้เห็น  แล้วทุกๆ วันของเราก็คือ วันที่มีหวัง  เป็นวันที่พร้อมที่จะมีวันใหม่ทุกเมื่อ  ถ้าหากว่าเรามัวแต่กลัดกลุ้มคิดมาก  วันหนึ่งโอกาสมาถึง  แต่เรามัวคิดมาก มัวแต่กุมขมับ  มัวแต่นั่งก้มหน้า  ไม่เห็นโอกาสมาข้างหน้าเป็นอย่างไร  เราก็ปล่อยโอกาสนั้นผ่านไป  โดยที่เราไม่รู้เลย  เพราะฉะนั้นทุกๆ วัน ตัวเองเหมือนมีพลังในตัวเอง  พลังที่พร้อมจะต่อสู้อยู่ทุกเมื่อ  แม้ว่าอาจารย์พูดศิษย์บอกว่าทำยาก  แต่ให้ลองทำ  ถ้าหากว่าลองทำเมื่อไหร่  ก็อาจจะได้รับความสำเร็จมาในไม่ช้าก็ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ใช่ว่าคนที่อยู่ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำอย่างนี้ไม่มีใครรวยก็ไม่ใช่  คนที่รวยตอนนี้ก็ยังมีอยู่  แต่เราอาจจะรู้สึกว่า  สงสัยว่าเราจะไม่มีสิทธิ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่ไม่แน่หรอก  วันไหนสิทธิมาถึงแล้ว  ถ้าหากว่าเราไม่นั่งก้มหน้าเราคงมองเห็น
พระนาจา  :  ชีวิตคนเราก็เปรียบเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่ยังค่อยๆ เติบโต ยังโตไม่เต็มที่ พอโตมาได้ช่วงหนึ่งยังไม่ทันผลิดอกออกผล เราก็ใจร้อนแอบตัดกิ่งเอาไปขาย ตัดไปตัดมาพอถึงคราวที่จะผลิดอกออกผล ผลก็ออกได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะว่ากิ่งนั้นถูกริดออกไปทีละกิ่งๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอถึงคราวที่จะต้องออกผลออกดอกก็เลยออกได้น้อยใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็เลยตัดใจว่าไม่เป็นไรปีหน้าจะเริ่มใหม่ จะพยายามไม่ตัดกิ่งแล้วจะได้ๆ ผลเยอะๆ พอถึงปีหน้าต้นไม้นั้นก็ค่อยโตเราก็อดไม่ได้แอบตัดกิ่งอีก เพราะรอไม่ไหวเอากิ่งที่มันพอใช้ได้ไปขายดีกว่าใช่ไหม (ใช่)  พอรอไม่ไหวแล้วพอถึงฤดูที่ออกดอกออกผลก็เลยออกได้น้อยกว่าปีที่แล้วใช่หรือไม่ (ใช่)  ชีวิตของมนุษย์ทุกๆ คนหรือศิษย์น้องทุกๆ คนก็เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่ง เราทำสิ่งใดต้นไม้ต้นนั้นก็จะเจริญเติบโตอย่างนั้น บางครั้งยังไม่ทันทำดีก็ริดความดีของตัวเองออกไปซะแล้ว พอถึงช่วงที่จะรับผลดี ผลดีก็เลยได้ไม่เต็มที่ เฉกเช่นเดียวกันเหมือนคนที่อยู่ในโลกนี้มีทั้งบุญและกรรมใช่หรือไม่ บุญยังไม่ทันตกผล เราก็เผลอทำผิดทำพลาด บุญที่จะได้ดีก็เลยค่อยๆ หดน้อยไปตามกรรมที่เราสร้าง เพราะฉะนั้นชีวิตของศิษย์น้องจะเจริญก้าวหน้าได้สวยงามมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราจะทำกรรมหรือจะสร้างบุญใช่หรือไม่ (ใช่)  จะอดทนรอพยายามทำไปเรื่อยๆ รอรับผลทีหลังหรือว่าแอบตัดช่องน้อยแต่พอตัวก่อนพอเข้าใจไหม
ศิษย์น้องทุกคนมีบุญ อยู่ที่ว่าจะรักษาบุญตัวเองนี้ไว้หรือเปล่า ไม่ใช่มีบุญแล้วเอาแต่ริดบุญตัวเองทิ้ง บางทีชะตาที่ตอนแรกจะดีก็อาจจะเปลี่ยนเป็นไม่ดีก็ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตัวเราเองนั้นมีชะตาชีวิตที่ถูกกำหนดมาใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ตัวท่านเองสามารถเปลี่ยนสิ่งที่กำหนดให้กลายเป็นสิ่งที่ดีขึ้นได้ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ขึ้นอยู่กับว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงความเคยชินหรือไม่ ตัวเองจะสร้างสิ่งที่ดีให้กับตัวเองเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ถ้าทำความดีแล้วหมอบอกว่าท่านจะดวงร้ายท่านจะกลัวไปทำไมในเมื่อทำดี ถ้าเกิดเราไปทำดีแล้วจะต้องตายวันนี้ก็ยอม เพราะได้ดีแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเกิดว่ามีคนมาทายอีกว่าท่านจะดวงดี แต่ท่านปล่อยตัวปล่อยใจจะดีได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นชะตาชีวิตไม่ต้องให้หมอดู ตัวเรานั่นแหละดูแล้วขีดเส้นให้สูงได้ด้วยใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่อยู่ที่ว่าท่านจะขีดไปด้วยความมั่นคงและพื้นฐานที่ดีหรือเปล่า ถ้าขีดไปด้วยเส้นที่หยักๆ แม้จะขึ้นสูงก็ไม่ดีแท้จริงใช่หรือไม่ (ใช่)  จงมีพื้นฐานในการดำรงชีวิตด้วยความดี แล้วจงมุ่งหน้าไปสู่ความเจริญ ในความเจริญนั้นหากทุกย่างก้าวขอให้เป็นย่างก้าวที่ไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร แต่สามารถสร้างแต่สิ่งที่ดีไม่เบียดเบียนทำร้ายผู้ใดได้หรือเปล่า (ได้) ไม่ยากเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  ขอเพียงศิษย์น้องรู้จักบำเพ็ญตนให้เป็นคนดี มีโอกาสช่วยเหลือคน รู้ว่ามีคนมาเตือนว่าเราผิดจงรีบแก้ไขอย่าปล่อยตัวเอง เมื่อเราปล่อยตัวเองก็จะมีคนเอาแบบอย่างที่ไม่ดีไปใช้ จากที่เราทำไม่ดีทั้งที่จะลงโทษแต่ตัวเรา กลับกลายเป็นแบบอย่างให้คนอื่นโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นก่อนที่จะโดนคนอื่นเขาว่าเราจงรีบพยายามทำให้ดีก่อนดีหรือไม่ (ดี)  เหมือนคนๆ หนึ่งระหว่างแข็งแรงและเจ็บป่วยท่านเลือกอะไร (แข็งแรง)  แล้วทำไมต้องให้ตัวเองเจ็บป่วยก่อนจึงรู้จักที่จะทำตัวเองให้แข็งแรง ทำไมเราไม่ทำให้ตัวเองแข็งแรงทั้งที่ไม่ต้องรู้จักคำว่าเจ็บป่วยเลย คงยากใช่หรือไม่ (ใช่)  วันนี้เรารู้จักทำดีก็เพราะว่าเห็นในโลก ในสังคมเต็มไปด้วยคนชั่วร้าย แต่ต่อไปเราจะไม่เป็นอย่างนั้นแม้ว่าจะไม่เห็น เห็นคนทำดีเราก็ยังคงทำดี เห็นโลกชั่วร้ายเราก็ยังคงทำดีได้หรือเปล่า (ได้)  เรื่องบำเพ็ญจึงไม่ใช่เรื่องยาก
พระนาจา : ทำแต่สิ่งที่ดี  จิตใจคิดแต่สิ่งที่ดี  บุญทานก็ยังทำอยู่เสมอ  บำเพ็ญธรรมแล้ว  ทำบุญตักบาตรยังทำได้  ไหว้พระก็ยังทำได้  ไม่ใช่บำเพ็ญแล้ว  บุญก็ไม่ทำ  ตักบาตรก็ไม่ทำ เข้าใจหรือเปล่า (เข้าใจ)  เมื่อคิดจะไปบำเพ็ญ  เมื่อคิดจะไปทำสิ่งที่ดี  จงมีความกล้า  แต่ความกล้านั้นต้องเป็นกล้าที่ยุติธรรม  ถ้ามีความกล้าแล้วไร้ยุติธรรม  ความกล้านั้นจะเป็นความกล้าที่ไม่มีประโยชน์ ใช่ไหม (ใช่)   เมื่อเราจะทำดี  เราจงมองให้เที่ยงธรรม  ทำดีลักษณะไหน  ทำดีแบบใดกับคนชนิดไหนด้วย ใช่ไหม (ใช่)  เราอยู่ในโลกเป็นสิ่งยาก  ไม่ใช่แค่มองตัวเอง  แต่เวลาเราจะทำสิ่งใด  เราต้องมองตัวเรา ตัวเขา สภาพแวดล้อม ใช่หรือไม่ (ใช่)  กาลเวลาเหมาะสมไหม ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ศิษย์น้องทำไป  แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี  ก็จะไม่มีประโยชน์  ไม่มีค่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเมื่อรู้สิ่งใดก็จงรู้ให้รอบคอบ รู้ให้ชัดเจน  อย่ารู้อย่างผิวเผิน อย่ารู้อย่างงูๆ ปลาๆ  แล้วไปทำ  ไม่เช่นนั้นก็จะทำได้ไม่สำเร็จ  แล้วจะมาโทษว่าทำดีไม่ได้ดีไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เมื่อมีความซื่อตรงในจิตใจที่จะทำสิ่งใดก็ตาม  ต้องรักษาสัจจะวาจาให้ได้ดีด้วย  หลายต่อหลายคนมีความจริงใจ มีความเปิดเผย  กล้าที่จะพูดกับเขา  กล้าที่จะบอกเขา  แต่ความกล้านั้นต้องดูใจเขาด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความตรงนั้นต้องดูลักษณะคนด้วย  ถ้าพูดขวานผ่าซากก็เจ็บทั้งเขาและเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเตือนไม่ถูกทาง  ก็กลายเป็นเขาไม่ไว้ใจเรา  แถมเราทำให้เขาสงสัยด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเรื่องง่ายๆ เราเห็นเขาปิดประตูไม่สนิท  เราบอกเขาอย่าลืมปิดประตู  เดี๋ยวขโมยมา  พอวันรุ่งขึ้นเขาโดนขโมยจริงๆ  เขาสงสัยเราไหม สงสัย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนกัน  ฉะนั้นไม่ว่าเราจะเตือนใคร  ความน่ากลัวไม่ใช่น่ากลัวที่คนฟัง  แต่น่ากลัวตรงคนที่จะเตือน  ต้องรู้จักพูดและรู้จักดูเขาด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เป็นคนนั้นบางครั้งเป็นให้ดีนั้นเป็นยาก  แต่เป็นแล้วดีบ้างไม่ดีบ้างเป็นง่าย  แต่ท่านจะเลิกคิดอย่างนี้แล้วจะไม่เป็นคนดีหรือ  คิดอย่างนั้นหรือเปล่าศิษย์น้อง คงไม่คิด  ถ้าคิดแบบนั้นก็ไปคลอง  ถอยหลังลงคลอง  ไม่อย่างนั้นก็เสียเวลาที่ได้เกิดมาเป็นคน จริงหรือไม่  ก้าวหน้าไม่ยอมก้าวหน้า จะลงคลองลูกเดียวได้หรือเปล่า  ศิษย์พี่ยกตัวอย่างง่ายๆ  เป็นคนดีบ้างไม่ดีบ้าง  ดีไปเลย  ไม่ดีไปเลย  ศิษย์น้องเอาแบบไหน (ดีไปเลย)  ถ้าดีไปเลยก็ขึ้นฟ้า  ถ้าไม่ดีก็ลงนรก  แต่ถ้าดีบ้างไม่ดีบ้าง  รู้ไหมว่าอยู่ไหน  อยู่โลกมนุษย์ใช่หรือไม่  แถมในโลกมนุษย์สบายหรือเปล่า ศิษย์น้องทุกข์ไหม (ทุกข์)  แล้วจะทำอย่างไรให้เราทุกข์น้อยที่สุด  อย่าได้สร้างเหตุ อย่าได้เพิ่มทุกข์  ชีวิตเรามีทุกข์อยู่แล้วคือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และความไม่แน่นอน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าเกี่ยวอะไรให้ตัวเองทุกข์มากขึ้น จริงหรือเปล่า (จริง)  อะไรปล่อยได้จงปล่อย  อะไรวางได้จงวาง  อะไรดีจงรีบรักษาและขวนขวายทำ ทำได้ไหม (ทำได้)  อยู่ที่ศิษย์น้องทำหรือไม่ (ทำ)  อยากกวักมือเรียกศิษย์น้องมาเป็นพุทธะไวๆ  แต่เห็นศิษย์น้องเดินกันอย่างเต่าคลานเหลือเกิน ใช่ไหม (ใช่)  เดินไปไม่มั่นคงยังแถมล้ม  ดีไปได้แค่หนึ่งชั่วโมง  ก็อยากจะเลิกดีแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตั้งใจจะเป็นคนดี  ตั้งใจจะเป็นลูกที่ดี  ตั้งใจจะเป็นพ่อแม่ที่ดี  แต่พอทำไปได้สักพักหนึ่งทนไม่ไหว ใช่ไหม (ใช่)  ไม่ได้แพ้ภัย  แต่แพ้ใจตนเองต่างหาก  ฉะนั้นใบไม้ที่ไม่มีขั้ว  ไม่มีแรงยึดกับใบไม้ที่มีแรงยึดเหนี่ยว  ศิษย์น้องอยากเป็นแบบใด  ขอให้เอาคุณธรรมความดีงามนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ  ใครจะร้ายใครจะเลว  โลกจะปั่นป่วน  แต่เราจงทำดีให้ถึงที่สุด  ไม่แน่โลกที่ปั่นป่วน  โลกที่ร้าย  คนที่ร้ายคนที่เลว  อาจจะกลับมาพร้อมไปกับเราด้วย  ก็เป็นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นตัวเราต้องเป็นที่หวังของตัวเองก่อน  ตัวเราจงยืนด้วยตัวเองให้หนักแน่นมั่นคงก่อน  แล้วจงรีบยื่นมือไปช่วยเขา  ยังมีหลายต่อหลายคน  ยังรอให้ศิษย์น้องไปช่วย  รอให้ศิษย์น้องยื่นมือไปแบกรับผิดชอบเขา อยู่ร่วมกันจงสร้างแต่สิ่งที่ดี  แม้ในสังคมที่เลวร้ายก็ตาม  แม้ในจิตใจที่คดๆ งอๆ ก็ตาม  เราจงนำความซื่อตรงของเราไปชนะจิตใจเขาให้ได้  ทำได้ไหม (ได้)  ซื่อตรงที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แค่คำพูด  แต่รวมถึงการปฏิบัติและคำพูดก็ไม่ใช่เฉพาะเรื่องตัวเอง  แต่เมื่อจะพูดเรื่องของใคร  ถ้ารู้ไม่ชัดอย่าพูด  เพราะถ้าเรารู้ไม่ชัดแล้วนำไปพูด  นั่นแหละเราไม่ซื่อตรงใจเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่าเรารู้อย่างไม่แท้จริง  แล้วเอาไปพูดผิดๆ ถูกๆ  คนเรานั้นเมื่อจะเลือกทำสิ่งใด  ยังต้องเลือกไม้ที่ตรง  ม้าที่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วจิตใจคนเรายังรู้จักเลือกสรรแต่สิ่งที่ดี  แล้วใจเราก่อนไปเลือกไม้  ก่อนไปเลือกไพร  ใจเราดีหรือยัง ตรงไหม  
พระอาจารย์  :  คนที่มีใจก็มักจะมีเวลา  ต่อให้มีเวลาน้อย  ต่อให้มีเวลาน้อยก็ยังเรียกว่ามีเวลา  แต่ถ้าใจหมดเวลาก็ลดไปตามกัน ใช่หรือเปล่า  อันนั้นกรรมบันดาล  เคยได้ยินคำว่า "กรรมบันดาล"ให้เป็นไปไหม
พระนาจา : ทุกคนสามารถมีความจริงใจได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ความจริงใจจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อศิษย์น้องไม่มัวแต่เห็นแก่ตน  ถ้าเมื่อไหร่เรามีความเห็นแก่ตน  ความจริงใจที่เราจะยื่นหรือส่งมอบให้กับผู้อื่นก็เป็นเรื่องยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าศิษย์น้องยังมัวแต่ห่วงตัวเองว่า ต้องหาเงินเยอะๆ ต้องทำตัวเองให้มีมากๆ แล้วค่อยไปช่วยคน  โอกาสมีไหม ไม่มี ใช่หรือไม่ (ใช่)  จะบำเพ็ญได้สิ่งแรกต้องรู้จักพอและเสียสละ  เมื่อพอได้จึงเสียสละเป็น  เมื่อพอได้จึงรู้จักให้คนอื่นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าได้เป็นน้ำที่ขังตัวเองไว้  ไม่เคยรินหลั่งให้ใคร  น้ำที่ไม่เคยถ่ายเท  จิตใจที่ไม่เคยแบ่งให้คนอื่น  ไม่เคยฟังใคร  จะเป็นน้ำที่เหม็นเน่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  เป็นน้ำที่ไม่มีการถ่ายเทอากาศ ย่อมเหม็นและไม่มีสัตว์อาศัยอยู่ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่ในทางกลับกัน  น้ำที่สะอาดบริสุทธิ์จนเกินไป  ก็ไม่มีสิ่งใดอาศัยอยู่เช่นกัน จริงไหม  ทำไมศิษย์พี่จึงพูดเช่นนี้  คนเราบางครั้งผ่อนปรนเกินไปก็ไม่ดี  เข้มงวดเกินไปก็ไม่ดี ใช่หรือเปล่า (ใช่)   ฉะนั้นจึงต้องวางตัวให้เป็นกันเองหรือเป็นกลาง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจึงสามารถรินหลั่งให้น้ำใจ สามารถสร้างมิตรไมตรีอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างสมัครสมานกลมกลืน
พระอาจารย์ : เฉลี่ยโอกาสคืนเบื้องบน คนที่อายุมากแล้ว แล้วสายตายาว คนที่อายุน้อยๆ แต่สายตาสั้น เราต้องรู้ว่าตอนนี้สังขารของเรานั้นมันไม่แน่ ไม่เที่ยง ต้องรีบๆ บำเพ็ญแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนอยู่ข้างหน้า แต่ว่าอายุมากแล้วสายตาก็มองสั้นๆ ก็ไม่เห็น ใช่หรือเปล่า คนที่อยู่ข้างหลังแต่อายุน้อยหน่อยก็บอกว่ามองไม่เห็นเหมือนกัน เพราะอะไร สายตาสั้นนี่เป็นคำเตือนของอะไร ของสังขารตัวเอง แสดงว่าคนเรามีเวลาไม่แน่นอน  ไม่ใช่ว่าศิษย์ของอาจารย์ต้องอายุมากหรือว่าแก่หรือว่าตายไปใช่หรือไม่ (ใช่)  บางทีคนเขาตายทั้งๆ ที่ยังอายุน้อยอยู่ แสดงว่าชีวิตของเราบอกได้ไหมว่ามีกี่ปี (ไม่ได้)  เมื่อไม่รู้วันตายแล้วจะประมาทไปทำไม  วันเกิดเรารู้แน่ วันตายเรารู้ไหม (ไม่รู้)  ไปหาหมอดูดวงไว้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้ หรือว่าจะเกิดเคราะห์ภัยอย่างนี้เสร็จแล้ว เราก็สะเดาะเคราะห์ผ่านไปได้เคราะห์หนึ่ง ผ่านไปได้เคราะห์หนึ่ง  แต่ในที่สุดแล้ว ถามว่าเราจะผ่านได้ทุกเคราะห์ไหม (ไม่ทุกเคราะห์)  แล้วหมอดูทุกคนจะแม่นหมดหรือเปล่า (ไม่หมด)  ไม่แม่น ฉะนั้นแม่นที่สุดนี้คืออะไร (ตัวเราเอง)  ไม่ใช่แม่นที่สุดก็คือบำเพ็ญธรรม บำเพ็ญธรรมเปลี่ยนจากเคราะห์ร้ายเป็นเคราะห์ (ดี)  ไม่ใช่ เปลี่ยนจากเคราะห์ร้ายเป็นเคราะห์เบา ถึงขนาดไม่มีเคราะห์เลยหรือเปล่า (ไม่ใช่)  อย่างนั้นศิษย์ต้องบำเพ็ญเฉียดๆ คนบำเพ็ญดีแล้ว ถึงจะบอกว่าเคราะห์เราที่หนักๆ จะสามารถไม่มีเลย เราต้องรู้ว่าแค่ไหนที่เราควรจะขอให้เบื้องบนคุ้มครอง คนที่น่าคุ้มครองคือคนที่ลงมือทำ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เราลองถามตัวเองสิว่า แบบเรานี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหนอยากคุ้มครอง มีไหม (มี)  เพราะอย่างน้อยอาจารย์ก็กำลังดูอยู่ คุ้มครองได้หรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  ถ้าหากว่าศิษย์นั้นสามารถที่จะบำเพ็ญดี บำเพ็ญตลอดรอดฝั่ง จิตใจก็ดี การกระทำก็ดี คำพูดก็ดี ดีหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะมองนอกหรือในก็ดีไปหมด อย่างนี้อาจารย์ก็สมัครเป็นเทพคุ้มครองศิษย์  แต่หากว่าศิษย์ของอาจารย์มีแต่กรรม อาจารย์จะคุ้มครองไหวหรือเปล่า ให้คิดดูดีๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เรานั้นมีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี ดำเนินธรรมไปเรื่อยๆ อันว่าคนเรานั้นทำดีก็คือมีธรรมอยู่แล้ว แต่ว่าในปัจจุบันนี้ต้องการให้ศิษย์นั้นทำดียิ่งกว่าความดีที่คิดว่าดีอยู่แล้ว เพื่อที่จะยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นเรื่อยๆ
คนไม่ใช่เหมือนกับภาชนะอันหนึ่งที่มีไว้ใช้ประโยชน์เท่านั้น การบำเพ็ญธรรมเข้ามาในสถานธรรม ก็ไม่ใช่ให้ศิษย์เป็นเหมือนภาชนะอันหนึ่งที่มาเพื่อทำงานอย่างหนึ่ง และก็กลับไปโดยที่ใจเราไม่ได้ศึกษาธรรมะ อย่างนั้นจิตใจก็จะไม่ก้าวหน้า  แม้ว่าจะกุศลมากมาย แต่กุศลก็ไปค้างอยู่ที่ฟ้า แต่ตัวไปไม่ถึง  ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ ก็เพราะบางคนตั้งใจทำงาน สร้างบุญสร้างกุศลมากมาย แต่ว่าบำเพ็ญจิตใจไม่ดี ยังชอบคิดร้ายคิดนั่น คิดนี่อยู่เรื่อย ยังชอบแอบปองร้ายผู้อื่น ได้เปรียบหน่อยก็ยังดี แม้กุศลมากมายอยู่ข้างบนตัวก็ไปไม่ถึง  ฉะนั้นนอกจากจะต้องบำเพ็ญตัวเองให้ดีแล้วยังต้องบำเพ็ญกุศลให้มาก กุศลไม่ได้หมายความว่าต้องใช้เงินสร้าง ถ้าใครกลัวโดนหลอกก็ไม่ต้องสร้างเงิน มาสร้างแต่แรงได้หรือไม่ (ได้)  อย่าบอกว่าเราไม่มีเวลา เราไม่มีโอกาสเราคงสำเร็จไม่ได้ อย่าตัดสินใจตัวเองอย่างนั้น ให้เราได้ลองทำดูก่อนดีหรือไม่  ถ้าหากว่าศิษย์มาศึกษาแล้วศิษย์บอกว่านี่ไม่ใช่ธรรมะที่ศิษย์ต้องการ ถึงคราวนั้นค่อยหันหลังเดินจากไปอาจารย์ไม่ว่า แต่น่าเสียดายคือศิษย์หลายๆ คนยังไม่ทันศึกษาก็ไม่ปฏิบัติ ยังไม่ทันบำเพ็ญก็บอกว่าตัวทำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ให้เลือกโอกาสด้วยตัวเอง
พระนาจา : ไม่รู้จะพูดอะไรกับศิษย์น้องแล้ว พูดไปเยอะๆ ศิษย์น้องก็เบื่อจำไม่ได้เลย เอาไปใช้ไม่ได้เลยสักอย่าง เอาไปเยอะๆ ก็ไม่อ่าน พอเห็นหนังสือธรรมะหนาๆ ก็ไม่อ่านแล้ว ศึกษาก็ขี้เกียจ ปฏิบัติก็ไม่เอา อย่างนั้นได้รับไป ศิษย์น้องก็เหมือนเดิม ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นและก็ไม่มีทางเรียกว่าหลุดพ้นได้ และไม่มีทางที่จะเบาบางทุกข์ได้เลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือแม้จะเจอสิ่งใดก็เท่านั้น บำเพ็ญไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ที่จะฟัง รู้จักที่จะศึกษา พยายามควบคุมใจและเอาธรรมะไปใช้ให้ทัน หลายต่อหลายครั้งที่เรื่องเกิดขึ้น ใจของศิษย์น้องคิดถึงธรรมะไม่ทัน คิดถึงแต่เอาตัวรอด เราก่อนคนอื่นทีหลัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  คราวหน้าเวลาศิษย์น้องออกไปเจอสิ่งใดคิดก่อนมีธรรมไหม ก่อนจะทำ ถูกต้องชอบธรรมหรือเปล่า ทำแล้วน่าละอายใจไหม หากทุกขณะคิดได้เช่นนี้ ไปที่ไหนก็จะไม่มีคำว่าผิด จริงหรือเปล่า (จริง)  แค่นี้เองยากไหม ไม่ต้องพกตำราคัมภีร์ธรรมะเป็นเล่มๆ แค่มีสติตามให้ทันไปย้อนนึกให้ออกว่าทำแล้วดีไหม ทำแล้วผิดหรือเปล่า ทำแล้วน่าละอายในการเกิดมาเป็นคนๆ หนึ่งไหม หากคิดได้ขนาดนี้ทุกขณะก็เรียกว่าบำเพ็ญแล้ว
สังคมเศรษฐกิจแม้จะไม่เป็นอย่างเดิม คนเคยมีเงินมากๆ แต่ก่อนทำงานนิดหน่อยก็ได้เงินมากๆ แต่ตอนนี้ต้องทำเป็นสิบๆ เท่าจะได้เท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม ก็อย่าได้ท้อแท้ อย่าได้หดหู่ เราต้องรู้จักที่จะเดินหน้าและก็ถอยหลังบ้าง ยอมรับความจริง คำนี้หากว่าศิษย์น้องเอาไปใช้ตลอดก็จะสบายใจ ใช่ไหม (ใช่)  เหตุการณ์เกิดขึ้นทุกวันจงยอมรับความจริง รับแม้ใจจะรู้สึกว่ารับไม่ได้ แต่ก็ต้องฝึกทำให้ได้ และไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้น ศิษย์น้องก็จะรู้สึกผ่านไปได้อย่างสบาย ถ้าหากศิษย์น้องบอกว่ารับไม่ได้ผ่านไปได้ไหม (ไม่ได้)  ทุกข์ไหม (ทุกข์)  แค่นี้เอง
พระอาจารย์ : อาจารย์มองศิษย์ไปทีละคนๆ อย่างนี้ ไม่มีคนไหนที่อาจารย์ไม่ต้องห่วงได้ ศิษย์รู้ไหมนอกจากตัวเองเกิดมาพร้อมกันแล้ว แม้ว่าตอนนี้ได้รับสายทองอันสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นประทานให้ แต่ความยึดมั่นในตัวเรา ความถือมั่นในตัวเราก็มากมาย เวลาคุยกันก็เอาทิฐิมาคุย เรื่องที่เคยพูดก็ไม่พูด เรื่องที่ไม่ควรพูดก็พูดกันไป ๓ บ้าน ๘ บ้าน เห็นคนอื่นแปลก็อยากจะแปลตาม ถามศิษย์หน่อยว่า หากมีศิษย์แบบนี้น่าห่วงไหม (น่าห่วง)  อาจารย์มาทุกครั้งอยากให้ศิษย์ดีขึ้นๆ แต่ศิษย์ก็เหมือนเส้นชีพจรที่ขึ้นแล้วก็ลงๆ ขึ้นทีอาจารย์ก็ดีใจหาย ลงทีอาจารย์ก็ใจหาย ศิษย์บอกว่าเป็นคนนั้นยาก แต่อาจารย์อยากบอกว่าเป็นอาจารย์ของศิษย์นั้นก็ยาก ไม่เรียกร้องให้ศิษย์ต้องฝืนใจตัวเองทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี ศิษย์ของอาจารย์คิดสิว่าควรจะทำไหม วันนี้มีทุกข์ วันหน้าก็มีทุกข์ วันไหนๆ ก็ยังมีทุกข์ และหลุดพ้นจากความทุกข์ทำอย่างไร ทำเหมือนที่ศิษย์ทำอยู่ทุกวันนี้หรือเปล่า ถ้าทำเหมือนทุกวันนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อาจารย์อยากให้ศิษย์เหมือนปลาในน้ำที่ว่ายทวนกระแส แต่ไม่อยากให้ศิษย์นั้นเป็นเหมือนน้ำที่ไหลไปในทางที่ต่ำ
เดิมทีวันนี้อาจารย์จะไม่มาแล้ว แต่ศิษย์คิดถึงอาจารย์ อาจารย์ก็คิดถึงศิษย์ อาจารย์อยากทดสอบว่าถ้ามีสักครั้งหนึ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มา อาจารย์ไม่พบศิษย์ ศิษย์จะเป็นอย่างไร แต่ในใจก็คิดหวั่นกลัว ครั้งหนึ่งที่อาจารย์ไม่ได้พบศิษย์ จะเป็นเหตุชนวนให้ศิษย์เลิกบำเพ็ญ เหมือนคนขาดกำลังใจไม่มีคนให้กำลังใจ ฉะนั้นนอกจากอาจารย์จะมาให้กำลังใจศิษย์แล้ว ยังต้องเป็นกำลังใจให้อาจารย์ไม่ต้องสงสัยระแวง
พระนาจา : ศิษย์น้องอยากช่วยอาจารย์ เจอกันคราวหน้าต้องมีแต่สิ่งที่ดีขึ้น ไม่ใช่เจอกันคราวหน้ามีแต่ใจที่หดหู่ท้อแท้ เหมือนคนจะล้มไม่ล้มแหล่ สร้างกำลังใจให้กับตัวเองให้มากๆ นะ
พระอาจารย์ : ทุกคนคืออาจารย์ และอาจารย์คือทุกคน อย่าคิดว่าต้องรอถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยถึงจะตื่น คนข้างๆ เราก็คืออาจารย์เราเหมือนกัน
พระนาจา : จับมือกันไว้ต่างคนต่างช่วยกัน ต่างคนต่างดึงกันอย่าผลักกัน อย่าทำร้ายกัน อยู่ในครอบครัวเดียวกันแล้วรักกันเข้าไว้ เขาไม่ดีเราต้องให้กำลัง
ใจอย่าได้ตอกย้ำซ้ำเติม ใครอ่อนล้าท้อแท้เราจงช่วยเพิ่มกำลังใจให้ เป็นเหมือนเหล่าซือ เป็นเหมือนตัวแทนของอาจารย์จี้กงน้อยๆ  นั่นแหละคือหน้าที่ของศิษย์น้องทุกๆ คน ทำได้เช่นนี้แม้อาจารย์มาครั้งหน้าก็ดีใจใช่ไหม (ใช่)  ยืนให้มั่นคง บำเพ็ญธรรมจงมุ่งมั่นต่อไปนะศิษย์น้อง ศิษย์น้องทุกคนที่อยู่ข้างหน้า ศิษย์น้องทุกคนที่จะต้องนำเขาถ้ายังเบื่อบ้าง หยุดบ้าง ทำบ้างแล้วจะนำใครได้ ถ้ายังทะเลาะกันเองทำร้ายกันเองแล้วใครอยากจะมาอยู่บ้านนี้ใช่หรือเปล่า จะเป็นบ้านพุทธะน่าอยู่ได้อย่างไร
พระอาจารย์ : วันหน้าเรากลับมาเจอกันใหม่ วันนี้เป็นการเริ่มต้นครั้งแรกที่เราได้พบหน้ากันอย่างจริงจัง หลังจากวันนี้ยังมีวันต่อๆ ไป ฉะนั้นศิษย์ไม่ต้องร้องไห้ รักษาตัวดีๆ ทำตนเป็นคนดี เป็นลูกที่ดีของเหลาหมู่ เป็นศิษย์ที่ดีของอาจารย์ ศิษย์บำเพ็ญดีอาจารย์ประกันศิษย์ขึ้นฟ้า ศิษย์บำเพ็ญไม่ดีอาจารย์คงต้องไปช่วยเหลือในดินแดนที่ศิษย์นั้นไม่อยากไป อย่าเปลี่ยนใจไปจากอาจารย์นะศิษย์


พระโอวาทซ้อนพระโอวาท   “ซื่อตรง จริงใจ”

คนบำเพ็ญควรที่จะซื่อซื่อตรงตรง อ่อนน้อมยิ่งส่งให้ดูงามสง่ายิ่ง
ทำแค่ไหนได้แค่นั้นคือเรื่องจริง สิ่งใดชิงได้มาจะอยู่ไม่ทน
ธารน้ำใจรินไหลใสบริสุทธิ์ ต้องสะดุดเพราะอัตตามากปรี่ล้น
ขังธาราเมตตาหายไปไกลตน พลีฝึกฝนความจริงใจเจริญงาม

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา