วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มิถุนายน
พุทธศักราช ๒๕๓๗
จิตเดิมแท้ดั่งทารกรุจิเรขกลับวิเวกอ้างว้างไร้รักษา
แปรเปลี่ยนใจตัดกิเลสมุ่งเดินหน้า ร่วมนำพาผองชนกลับคืนแดน
เราคือ
(หยรูอี้ถงจื่อ) รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่สถานธรรมสกุลพัน แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้วถามทุกทุกคนสบายดีไหม
ตั้งใจนำศรัทธาสู่หนทางแห่งใจ ตั้งใจนำศรัทธามิผันตามอวิชชา ศึกษาล้ำค่าจิตใจ เหนื่อยก็คงน้อมตน
แล้วใจดั่งผู้น้อยมุ่งไป
หากวันใดขาดธรรม ที่เห็นคือกรรมสนอง ที่รังควานจิตใจ ยิ่งหมอง
สักวันสนอง
ทวีทุกข์ด่วนเข้าใจ ได้ทบทวนแล้วค่อยคิดเร่งหวนใจยืนขึ้นพร้อมจะเดิน
หากเมธีนั้นยังมุ่งหวังเพื่อตื่น
ผ่านเดือนวันและคืนส่องเห็นใจ
หากข้ามคงได้รู้หนทางแปรใจ
ทะเลลวงแห่งใจระทม
แพร่ธรรมจริง หนึ่งใจช่วยผองเวไนยกลับคืน ตัดมายากลับดูระทมทุกข์ใจ เห็นแจ้งแล้วภาพลวง
ฮิ ฮิ
หยุด
พระโอวาทท่านหยรูอี้ถงจื่อเมตตา
คนที่ได้รับธรรมะ ตอนนี้ก็ได้รู้จิตเดิมแท้ของตนเองแล้ว จิตเดิมแท้ของทุกคนใสบริสุทธิ์เหมือนเด็ก
ๆ แต่ทำไมจึงปล่อยให้มันอ้างว้าง
การปล่อยให้จิตอ้างว้างก็คือปล่อยทิ้งไว้เนิ่นนานไม่รู้ว่าจิตตัวเองนั้นอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าเอาอะไรไปปิดบังมันบ้าง ทั้ง ๆ ที่มีของดีอยู่กับตัวกลับมองไม่เห็น
กลับเห็นแต่สิ่งที่อยู่ภายนอกรอบข้าง เมื่อได้เห็นสิ่งที่สวยงามและไขว่คว้าไปตามหู
ตา จมูกเห็นว่าสิ่งโน้นสวย สิ่งนี้หอม สิ่งนี้น่าทาน เมื่อใจเราปล่อยไปตามสิ่งต่าง ๆ
ซึ่งเรียกว่าอายตนะ
เมื่อใจผูกพันไปตามอายตนะก็ถูกผูกพันกับขันธ์ทั้ง ๕
ที่ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งนี้หอม สิ่งนี้น่าทานใช่หรือเปล่า ขอให้ทุกคนตัดสิ่งที่เรามองเห็น เราได้ยิน
เราได้กลิ่น ตัดมันออกบ้างอย่าปล่อยไปตามมันมาก
หันมามองจิตเดิมแท้ที่เราได้รับรู้ แล้วก็ตัดกิเลสมุ่งเดินหน้า
"หากวันใดขาดธรรม"
ธรรมในที่นี้คืออะไร ธรรมชาติธรรมะใช่ไหม
ของบางอย่างจะรู้คุณค่าได้ต้องฟันฝ่าก่อนและเหนื่อยหน่อยใช่ไหม
ถ้าไม่เหนื่อยเราก็จะไม่รู้ถึงคุณค่าของสิ่งนั้นว่ามันล้ำค่าแค่ไหน
เมื่อสักครู่ได้ฟังธรรมะไปเรื่องอะไรบ้าง
(ทำไมต้องรับธรรมะ) แค่เมื่อสักครู่ทุกคนยังลืมเลยว่าได้ฟังอะไรไปบ้าง
แล้วตอนนี้จิตใจที่ทุกคนเคยรับรู้มาตั้งแต่เด็กหรือก่อนที่จะเข้าร่างนี้ทุกคนมิยิ่งลืมไปใหญ่หรือ
ในเมื่อเราระลึกชาติไม่ได้
แต่ตอนนี้ได้รู้จักวิถีทางแห่งจิตแล้ว
ทำไมไม่นำวิถีทางแห่งจิตนี้มาปฏิบัติ มาศึกษาดู ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าเป็นวิถีทางแห่งจิตจริง ๆ
หรือเปล่า
แต่ถ้าทุกคนไม่ลองศึกษาดูทุกคนจะรู้ไหมว่านั่นคือวิถีแห่งจิต
นั่นคือจิตเดิมแท้ของตน (ไม่ทราบ)
ดูซิทำไมผู้หญิงถึงกล้าออกไปข้างนอก
กล้าออกมาช่วย
เราลองดูคนข้างหน้าซิว่าทำไมเขาถึงเสียสละให้เรา ทั้งที่เขานั้นเป็นผู้หญิง ต้องออกมานอกจังหวัดมาช่วยผู้อื่น มาช่วยทำกับข้าวอร่อย ๆ
ให้ทุกคนได้ทานใช่ไหม
ก็เพราะใจของเขาบริสุทธิ์ เขาคิดว่าเขาต้องทำให้อร่อย ๆ ให้ทุกคนได้ทาน
ให้ทุกคนได้มาเจริญในงานธรรม ในเมื่อเขามีความเสียสละอย่างนี้ เราไม่ลองย้อนดูใจตัวเราเองบ้างหรือว่า
ทำไมเขาถึงเสียสละให้เรา โดยเฉพาะผู้ชาย ดูผู้หญิงเขายังเสียสละออกมาอย่างนี้
เสียสละด้วยความตั้งใจ
แม้ไม่รู้ว่าออกมาจะต้องเจอกับอะไรบ้างแต่เขาก็ยินดีที่จะออกมา ที่เราพูดอย่างนี้ไม่ใช่ให้ทุกคนออกจากบ้านมาแล้วเดินงานธรรมหมดนะ
เพราะว่าการเดินงานธรรมไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่แต่สถานธรรมจึงจะเรียกว่าเดินทางธรรม ขอให้มีธรรมะนั้นอยู่ใจ ให้รู้ว่าสิ่งที่ควรทำก็ทำ
สิ่งที่ไม่ควรทำก็ไม่ทำ
ในเมื่อรู้แล้วว่าไม่ควรแต่ก็ยังชอบทำก็แปลกเหมือนกันนะ ทุกคนมีมโนจิตสำนึกที่ดีงาม
อย่าปล่อยให้มโนจิตสำนึกอันดีงามที่ออกมาแล้วไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์
เมื่อมีจิตที่ดีงามออกมาแล้วต้องรู้จักนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ไม่ใช่รู้ว่ามันไม่ดีไม่ควรทำแต่ก็จะทำเพราะอยากทำ
ในเมื่อตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าควรจะต้องทำอย่างไร
ได้รับรู้ธรรมะไปแล้วจะต้องทำอย่างไรบ้างก็ขอให้เร่งรีบนะ
ที่นี่เพิ่งเริ่มเปิด
ทุกคนเหมือนผลไม้ลูกแรกที่เก็บจากจังหวัดบุรีรัมย์ ผลไม้ลูกแรกนี่ดีนะ
เป็นผลไม้ที่ถูกคัดเลือกแล้วว่าเป็นผลไม้ที่สวยน่าทาน หอมอร่อย
แต่ไม่ใช่สวยน่าทานแบบบนโลกมนุษย์นะ
ความหมายของเราก็คือเป็นจิตที่บริสุทธิ์สดใสสามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วไป เพราะเมื่อทุกคนมีจิตที่บริสุทธิ์สดใสแล้วคนที่อยู่รอบข้างก็จะสนใจว่าเขาไปทำอะไรมา จึงมีความตั้งใจอยากให้เรารับรู้ มีใจโอบอ้อมอารีมีเมตตา ถ้าเราปฏิบัติดี คนที่อยู่รอบข้างเขาก็อยากปฏิบัติตาม ถึงแม้เมื่อก่อนเราเคยไม่ดี
แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลับดีขึ้นมาได้
ตอนนี้เรือธรรมลำนี้ก็เพิ่งเริ่มที่จะสร้างขึ้นมาเป็นรูปร่าง
ถึงแม้ว่าจะเล็กแต่อยู่เบื้องบนแล้วเรือธรรมลำนี้ก็ใหญ่เหมือนกันนะ
ทุกคนมีไม้พายอยู่กับตัวแล้วอยู่ที่ว่าจะรู้จักนำไม้พายนี้ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์หรือเปล่า
ถ้าเกิดประโยชน์เรือลำนี้ก็สามารถที่จะเดินก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองได้ แต่ถ้าไม่รู้จักนำมาให้เกิดประโยชน์
ไม้พายนี้ก็จะต้องโดนปลวกกัดกิน (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้ร้องเพลงพายเรือธรรม)
ไม้พายของทุกคนคืออะไร ใครตอบได้บ้าง
อะไรที่เปรียบเสมือนไม้พาย กลอนนำเราก็บอกแล้ว (ใจ)
รู้แล้วใช่ไหมว่าไม้พายของทุกคนก็คือจิตใจเดิมแท้
จิตใจเดิมแท้นี้บริสุทธิ์สดใส
จิตใจนี้ก็มีธรรมะอยู่
ถ้าเรามีจิตใจที่มีธรรมะอยู่เราต้องนำจิตใจอันดีงามนี้ไปบอกคนอื่นนั่นก็คือไม้พาย
คำว่า
"ไม่ทำ" กับ "ทำไม่ได้" มันต่างกันไหม ที่จริงแล้วทุก ๆ
อย่างจะต้องเกิดจากความเข้าใจของตนเองก่อน
ถ้าตนเองไม่เข้าใจแล้วก็เดินสะเปะสะปะไป
แต่ยังไปบอกให้ผู้อื่นเดินตรง ๆ
ก็เหมือนกับแม่ปูบอกให้ลูกปูเดินตรง ๆ แต่แม่ปูเองยังเดินเอียงเลย
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานผลไม้ให้กับญาติธรรม)
ต้องให้ใครก่อน (ให้คุณแม่ก่อน)
ต้องรำลึกไว้เสมอว่าคนที่เราจะต้องนึกถึงก่อนคือคุณพ่อ คุณแม่ (ท่านได้เมตตาประทานผลไม้ให้)
จะได้ผลไม้นั้นมาก็ไม่ใช่ง่าย ตอนนี้ผลไม้อยู่ที่กิ่ง
กว่าเราจะได้ผลไม้นั้นมาก็จะต้องเอื้อมมือไปเด็ดมา และจะต้องฟันฝ่าจึงจะได้สิ่งของที่มีคุณค่า
(อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมอธิบายคำว่า "ไม่ทำ"
กับ "ทำไม่ได้" ดังนี้ :
คำว่า
"ไม่ทำ" คือสมมติว่าสิ่งเหล่านี้เราทำได้ เช่น เราจะไปช่วยคน
ชวนเขามารับธรรมะ
เราทำได้แต่เราไม่ทำเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องงมงาย
หรือไม่ก็ขี้เกียจเพราะคิดว่าชวนเขาก็ไม่มา
ยังไม่ได้เริ่มก็คิดแล้วว่าไม่ไปทำสิ่งนั้น เช่นนี้เรียกว่าไม่มีใจ
คำว่า
"ทำไม่ได้" ก็เช่น ที่จริงเรามีใจอยากทำ
แต่ว่าด้วยแรงกำลังเราน้อย ปัจจัยต่าง ๆ
ยังไม่อำนวย อยากจะทำแต่ก็ทำไม่ได้)
ทำไมเราถึงบอกว่าให้ตั้งใจนำศรัทธาออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นที่ไหน
(เริ่มต้นที่ตัวเรา) เมื่อทุกคนมีความสนใจ
ความสนใจนี้ก็เป็นพื้นฐานเป็นจุดเริ่มต้นของศรัทธา ถ้าทุกคนไม่มีความสนใจก่อน
ความศรัทธาก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นมาได้
ขอให้ศึกษาและสนใจที่จะเรียนรู้
เมื่อสนใจที่จะเรียนรู้แล้วขอให้เกิดความศรัทธา เชื่อในทางแห่งจิตเดิมของเรา อย่าไปตามอายตนะหรือขันธ์ทั้งหลาย เพราะเมื่อไหร่ที่เราตามไป เราก็จะรู้สึกเหนื่อยอ่อนล้า จริงไหม เพราะทุก ๆ วันทุก ๆ
คนจะต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจนกระทั่งถึงเย็นก็รู้สึกเหนื่อยใช่ไหม
ต้องหนักแน่นเข้มแข็ง ทำอะไรก็ต้องนึกถึงคนข้างหน้าว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร การกระทำทุกอย่างต้องคิดก่อนแล้วจึงค่อยทำ บางครั้งคิดแล้วทำไม่ทันใช้ได้ไหม ถ้าเช่นนั้นเรียกว่าคิดเปล่าใช่ไหม
ขอให้ทุกคนมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนที่มีความรู้มากมาย แต่เราต้องน้อมจิตน้อมใจเหมือนคนที่ไม่รู้ เราก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ จึงจะเป็นคนฉลาดได้ใช่ไหม
"หากวันใดขาดธรรม ที่เห็นคือกรรมสนอง" ถ้ามัวรอบุญกุศล
ขอให้บุญกุศลมา
แล้วบุญกุศลเมื่อไหร่จะมาหาเราในเมื่อเราไม่เคยคิดที่จะสร้าง จะรออย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าบุญกุศลชาติที่แล้วเราไม่รู้ว่าเราทำมามากเพียงใดหรือเราไม่ได้ทำมาเลย ขอให้ทุกคนเร่งไตร่ตรองให้ดี ๆ ทำไมเราไม่ไขว่คว้า ไม่ศึกษา ไม่สนใจ
อย่ามัวคิดรอให้สิ่งที่ดีเข้ามาหาเราก่อน
นั่นเป็นการปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีเข้ามาหา
วันนี้เราไม่ให้เพลงแล้วกัน เราให้เนื้อความบทนี้ (กลอนพระโอวาท)
ไปศึกษาดูดีไหม (ดี)
เงาะถึงแม้จะไม่สวยมีขนรุงรัง แต่ข้างในก็ใสบริสุทธิ์ และก็มีเนื้อในที่มีประโยชน์ สิ่งนี้ก็ให้แง่คิดอย่างหนึ่ง
ใครคิดตามเราทันบ้าง ใน
พระโอวาทอ่านดูก็รู้ถึงกรรมว่าต้องมีการสนอง ส่วนที่เหลือก็เอาไปทบทวนและศึกษาให้ดีนะ
พระโอวาทอ่านดูก็รู้ถึงกรรมว่าต้องมีการสนอง ส่วนที่เหลือก็เอาไปทบทวนและศึกษาให้ดีนะ
เรามีเวลาไม่มากแล้ว แต่เราก็อยากให้ทุกคนได้รับรู้ทางอันนี้ อยากให้ขึ้นเรือธรรมนี้ เร่งรีบปฏิบัติ
สนใจศึกษา แล้วนำความศรัทธานี้ออกมาให้เกิดประโยชน์ดีไหม
(ดี) เราไปแล้วนะทุกคน
วันจันทร์ที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช
๒๕๓๗
นั่งเก้าอี้ไร้พนักพิงศิษย์รักเมื่อย ทั้งวันเหนื่อยกับการงานมุ่งจัดหา
ห้องคับแคบใจกว้างค้ำชูสว่างโลกา ขยับตนมาจิตชิดใกล้สัจธรรมจะได้มั๊ย
เราคือ
พระอรหันต์จี้กงวิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา
ลงสู่สถานธรรมบ้านสกุลพัน
แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนมีความสุขหรือเปล่า
อาจารย์เห็นลังเลแน่นสุมดวงจิต ย้อนคิดกว่ากายเกิดยากไหม
เวลานี้ทุกข์เวียนเพราะเงื่อนไข กิเลสใจตายเกิดระทมยังเวียน
ทุ่มเทแรงใจธรรมกายทอง เร่งประคองสู่เวียนพลัดวัฏฏะหลง
ด้วยสติมิห่างไกลทางตรง พิชิตประสงค์ความขื่นขมนับเป็นครู
ประเสริฐรู้บำเพ็ญตนวันนี้เริ่ม กุศลเพิ่มไปต่อนี้กอบกู้
พลังฟื้นคล้ายจันทร์แสงเชิดชู ปัญญาสู้ว่าความส่องเงาสะท้อน
ฟ้ามืดครึ้มกลางอยู่ไร้จันทร์ เมฆบดบังพุทธญาณมัวอับแสง
เมตตาธรรมกระจ่างมนคนเคลือบแคลง ขอเปลี่ยนแปลงราตรีมืดกายสว่าง
ฮา ฮา
หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์เมตตา
เมื่อสักครู่นี้อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมพูดหัวข้ออะไร
(กฎแห่งกรรม) มีใครไม่เชื่อกฎแห่งกรรมบ้าง
อาจารย์อยากถามสักอย่างหนึ่งว่าบำเพ็ญธรรมต้องอาศัยอะไรเป็นพื้นฐาน (จิตใจ)
แล้วก่อนที่จิตใจจะศรัทธาเราต้องอาศัยอะไรก่อน (ความนึกคิด) แล้วก่อนความนึกคิดล่ะ
ก่อนที่เราจะบำเพ็ญธรรมเราจะต้องอาศัยความเข้าใจก่อนใช่ไหม วันนี้ทุกคนกำลังทำความเข้าใจ
แล้วเข้าใจหรือยัง (เข้าใจแล้ว) เข้าใจแล้วต้องขอบคุณใคร ต้องขอบคุณคนที่นำธรรมะมาสู่บุรีรัมย์ใช่ไหม ถ้าเขาไม่มาอาจารย์จะมาได้ไหม
ที่นี่เป็นที่ใหม่
ทุกคนในที่นี้ก็นับว่าเป็นคนที่มีบุญชุดแรกของบุรีรัมย์ เป็นคนชุดแรกควรทำอย่างไรบ้าง
(จะพยายามปฏิบัติตนให้ถูกต้องที่สุด และขัดเกลาจิตใจที่ไม่ดีเปลี่ยนเป็นจิตที่ดียิ่งขึ้น)
ทำอย่างไร (พยายามช่วยทุก ๆ คนให้มีโอกาสหลุดพ้นให้มากยิ่งขึ้น)
รู้สึกว่าศิษย์อาจารย์คนนี้จะตอบดีที่สุด
แต่ละคนชาติก่อนล้วนมีปณิธานมา
ถ้าศิษย์ไม่คิดที่จะช่วยคนอื่นแล้ว
ชาตินี้เกิดมาก็มีแค่ความสุขมีสิ่งที่ดีงามให้กับชีวิตให้กับลูกหลาน
ให้กับสังคม แต่เราช่วยเขาได้ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
แต่ว่าการช่วยที่สำคัญที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการช่วยคนให้ได้หลุดพ้นนั่นเอง
การชักจูงคนให้มารับธรรมะและบำเพ็ญทำได้อย่างไร
(เราต้องทำดีก่อน ด้วยจิตใจ ด้วยความรู้) ต้องชักจูงคนด้วยจิตใจ แต่ใจพูดไม่ได้ฉะนั้นเราต้องชักจูงเขาด้วยความเข้าใจ ถ้ามีคนว่าศิษย์งมงายเหลือเกิน ถ้าศิษย์รู้ว่าตนเองเข้าใจจริง ๆ
ก็จะไม่หวั่นไหวเมื่อคนว่าศิษย์งมงาย
ถ้าศิษย์มีความเชื่อมั่นในธรรมศิษย์ก็สามารถก้าวเดินต่อไปได้
เมื่อวานนี้อาจารย์ให้หยรูอี้ถงจื่อมาให้เพลง แต่เขาดูแล้วไม่มีใครร้องได้เพราะไม่ค่อยมีคนหนุ่มสาวมาฟังมีแต่ผู้สูงอายุให้เพลงไปก็คงไม่มีใครร้องได้ เขาเลยเปลี่ยนใจไม่ให้เพลงแล้ว ถ้าหากว่าวันแรกมีคนที่เป็น
หนุ่มสาวมาฟังมากหน่อย ก็คงได้เพลงแล้ว อันนี้ถือเป็นบทเรียนนะ
หนุ่มสาวมาฟังมากหน่อย ก็คงได้เพลงแล้ว อันนี้ถือเป็นบทเรียนนะ
"อาจารย์เห็นลังเลแน่นสุมดวงจิต"
ความลังเล ลังเลอะไร ลังเลว่าธรรมะนี้แท้หรือเปล่า
ศิษย์รักของอาจารย์มีความลังเลหรือไม่
รู้สึกไม่แน่ใจว่าธรรมะนี้มาหลอกเราหรือเปล่า ใช่หรือไม่
"ย้อนคิดกว่ากายเกิดยากไหม"
กว่าคนเราจะเกิดร่างกายนี้มาได้ก็ต้องผ่านความลำบากใช่ไหม
แต่เราก็ลืมไปแล้วว่าลำบากอย่างไร คนเรากว่าจะได้กายมนุษย์ในชาตินี้และมีโอกาสได้รับธรรมะต้องฝ่าฟันอุปสรรคถึง
๔ อย่าง (พระอาจารย์เมตตาให้อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมอธิบายถึง ๔
อย่างนี้ว่ามีอะไรบ้าง คือ
๑. ยากที่สุดที่เราจะมีกายเนื้อนี้ ชาตินี้เรามีชีวิตอยู่
ไม่แน่ว่าตายไปแล้วชาติหน้าจะมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่หรือไม่
เพราะถ้าเราทำชั่วทำบาปก็จะตกไปในภูมิที่ต่ำกว่า
ไม่มีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์
๒. ยากที่จะได้เกิดอยู่ในแดนใจกลางของโลก(ในแถบที่มีวิถีธรรมโปรดแผ่)
๓. ยากที่จะเกิดมาในกาลเวลายุคสุดท้ายวาระ ๓
๔. ยากที่จะได้พบวิถีธรรมหรือสัจธรรมอันแท้จริง สมัยก่อนต้องแสวงหาสัจธรรมด้วยตนเองจึงจะหลุดพ้นได้)
"เวลานี้ทุกข์เวียนเพราะเงื่อนไข"
เงื่อนไขอะไรใครทราบบ้าง
ศิษย์รักทุกคนเกิดมากี่ชาติแล้วศิษย์ก็ไม่รู้ เกิดมาชาติที่แล้วทำบาปทำบุญสลับกันไป
ชาตินี้ก็มีความทุกข์ความสุขเวียนกันไปเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็มีความทุกข์มากกว่าความสุข
ถ้าเช่นนั้นศิษย์รักก็ควรรู้ว่าทำอย่างไรศิษย์รักจึงมีความสุขใช่ไหม
"กิเลสใจตายเกิดระทมยังเวียน"
ศิษย์รักทุกคนก็มีกิเลส ปกติแล้วเราจะพูดว่าคนเรานั้นตายแล้วก็เกิด
เกิดแล้วก็ตาย
กิเลสของเราก็เช่นกันตายได้เกิดได้
เพราะว่าเราเองมักจะบอกว่าอยากไปโน่นมานี่ จะแต่งตัวอย่างนั้นอย่างนี้
สักพักก็บอกว่าเบื่อแล้ว
ถ้าเช่นนี้กิเลสของศิษย์รักตาย ๆ เกิด ๆ
เกิด ๆ ตาย ๆ ใช่ไหม (ใช่)
"ทุ่มเทแรงใจธรรมกายทอง"
ทุ่มเทแรงในที่นี้จะต้องศึกษาตามอย่างอาจารย์บรรยายธรรมท่านนี้ (อาจารย์ที่สละตัวเองออกมาบุกเบิกแพร่ธรรม)จะได้รู้ว่าทุ่มเทแรงใจที่เป็นธรรมกายก็ประดุจทองใช่ไหม ในที่นี้ก็ยังมีอีกหลายคนที่เป็นเช่นนี้ คงไม่เสียใจที่อาจารย์ไม่ยกเป็นตัวอย่างให้ฟังนะ อาจารย์อยากให้ศิษย์มาที่นี่บ่อย ๆ
ศึกษาแบบอย่าง แต่ศึกษาอย่างที่ดีเท่านั้นนะ อย่างใดที่ไม่ดีก็ปล่อยไว้
"เร่งประคองสู่เวียนพลัดวัฏฏะหลง"
ทำไมถึงบอกว่าเร่งประคองสู่เวียน เพราะว่าชีวิตเราทุกวันนี้ เราบำเพ็ญก็อยู่ในโลกมนุษย์ใช่ไหม (ใช่)
ศิษย์รักของอาจารย์ทุกคนเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะสงสาร ก็จะต้องบำเพ็ญกุศลให้ตัวเองพลัดออกจากวัฏฏะสงสารนี้ซึ่งเหมือนกับความฝันเหมือนกับมายาที่ทำให้ศิษย์หลง
"ด้วยสติมิห่างไกลทางตรง"
ทางตรงในที่นี้ก็คือทางนิพพาน
การบำเพ็ญธรรมก็เป็นเหมือนกับสิ่งที่จะเป็นทางตรงทางลัดให้เราสามารถ
หลุดพ้นได้ ถ้าใครอยากจะหลุดพ้นก็จะต้องรู้ว่าเราจะบำเพ็ญอย่างไร
หลุดพ้นได้ ถ้าใครอยากจะหลุดพ้นก็จะต้องรู้ว่าเราจะบำเพ็ญอย่างไร
"พิชิตประสงค์ความขื่นขมนับเป็นครู"
เราประสงค์อะไร ประสงค์ที่จะหลุดพ้นหรือเปล่า ถ้าเราต้องการที่จะหลุดพ้นในชาตินี้
ก็จะต้องรับความขื่นขมให้สิ่งเหล่านั้นเป็นบทเรียนจะได้ไม่ผิดต่อไป
"ประเสริฐรู้บำเพ็ญตนวันนี้เริ่ม"
ถ้าหากศิษย์รักทุกคนรู้คุณค่าธรรมะที่ประเสริฐแล้วก็ขอให้เริ่มบำเพ็ญแต่วันนี้
"กุศลเพิ่มไปต่อนี้กอบกู้"
ถ้าเราบำเพ็ญแล้ว
กุศลเราก็จะมีมากขึ้น
เท่ากับว่าเรากอบกู้จิตของตัวเอง
"พลังฟื้นคล้ายจันทร์แสงเชิดชู"
พลังก็คือพลังที่จะใช้ในการบำเพ็ญ
เหมือนกับเครื่องไฟฟ้าจำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ ศิษย์รักของอาจารย์จำเป็นต้องใช้พลังในการบำเพ็ญ
ใช่ไหม
"ปัญญาสู้ว่าความส่องเงาสะท้อน"
ศิษย์รักของอาจารย์ทุกคน การบำเพ็ญต้องอาศัยอะไร (ปัญญา)
เงาสะท้อนก็เหมือนกับศิษย์เห็นหนองน้ำแห่งหนึ่งมีพระจันทร์อยู่ตรงกลาง พระจันทร์นี้ส่องลงมาก็จะเป็นเงาใช่ไหม เงาในที่นี้ก็คือสิ่งดีชั่วที่ออกมาจากจิต
วันใดเห็นพระจันทร์ก็สามารถเห็นเงา แต่ถ้าเราเอามือลงไปไขว่คว้าเงาจันทร์ในน้ำนั้น
รับรองว่าเงานั้นก็คงจะเลือนหาย เหมือนกับจิตของเราที่หวั่นไหวอยู่ตลอดเวลา หวั่นไหวว่าเราจะทำอะไรต่อไป ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจะทำอย่างไรดี ถ้าหากเราใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาก็จะรู้ว่าเราจะนำปัญญานี้ไปว่าความ เปรียบว่า
หากศิษย์เป็นทนายก็คงรู้ว่าใช้ปัญญาในการลบสิ่งที่ไม่ดี เชิดชูสิ่งที่ดีงาม
"ฟ้ามืดครึ้มกลางอยู่ไร้จันทร์ เมฆบดบังพุทธญาณมัวอับแสง"
ถ้าหากว่ามองบนฟ้าไม่เห็นพระจันทร์แสดงว่าท้องฟ้ามีเมฆ เมฆนั้นก็คือกิเลสบดบังให้พุทธญาณของศิษย์ทุกคนอับแสง
"เมตตาธรรมกระจ่างมนคนเคลือบแคลง"
มนในที่นี้ก็คือใจ
เมตตาธรรมทำให้ศิษย์รักสามารถเอาชนะจิตใจของคนที่มีความเคลือบแคลงได้
ถ้าศิษย์เจอคนที่เขาไม่เข้าใจธรรมะเขาต่อว่าเพียงคำเดียว
แล้วศิษย์ก็ต่อว่ากลับไปแล้วเช่นนี้เขาจะเข้าใจธรรมะไหม ผู้บำเพ็ญจะต้องทำอย่างไร
(อดทน) อดทนแล้วก็จะต้องเมตตาเขาด้วย
ทำได้ไหม (ทำได้) แสดงว่าต่อไปจะเป็นผู้บำเพ็ญแล้วใช่ไหม (ใช่)
"ขอเปลี่ยนแปลงธาตรีมืดกลายสว่าง"
เมื่อพระจันทร์เคลื่อนหายไป
ศิษย์ก็จะเป็นเหมือนกับพระอาทิตย์ที่สาดแสงแรงกว่าพระจันทร์ สว่างทั่วพื้นพิภพ
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า
"START" ซึ่งถอดออกมาเป็นเพลงทำนอง "ผู่ถีหมิงจิ้น")
"START" ซึ่งถอดออกมาเป็นเพลงทำนอง "ผู่ถีหมิงจิ้น")
"START" คือการเริ่มต้น วันนี้ที่นี่ก็ได้มีการเริ่มต้นขึ้น ทุกคนในที่นี้คือความหวังของคนที่นี่ เพราะว่าถ้าเราอาศัยความเข้าใจก็คงจะทำให้งานธรรมะเจริญรุ่งเรืองได้ ทุกคนเป็นความหวังของคนที่นี่ได้ไหม (ได้)
"ระทมเพราะเกิดกาย เวียนเกิดตายทุกข์กว่า"
เกิดกายนี้ทุกข์เพราะรู้ว่าชาตินี้เกิดมาแล้วต้องตาย แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ เกิดมาไม่ได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ไม่ได้ฉุดช่วยคน
กาลวาระนี้ไม่เหมาะที่จะให้ศิษย์ออกจากบ้านไปบำเพ็ญหรือบวชแล้ว
(บำเพ็ญอนุตตรธรรมสามารถบำเพ็ญในครัวเรือนได้)
"ลังเลธรรมพลัดไกล เวียนสู่ความขื่นขม"
ถ้าศิษย์รักยังลังเลพลัดไกลออกไปจากฝั่งธรรม
อย่างนี้แล้วก็จะต้องเจอกับความขื่นขมแน่นอน
เพราะว่าจะต้องเข้าสู่ภูมิวิถีหก
"นับวันนี้ต่อไป ตนคล้ายจันทร์แสงส่อง" ทำได้ไหม (ทำได้)
"อยู่กลางความครึ้มมัว คนมืดมนกระจ่าง"
หากตนเป็นประหนึ่งจันทร์ท่ามกลางความครึ้มมัว
คนที่มืดมนก็จะต้องกระจ่างได้
วันนี้ศิษย์รักทุกคนเป็นเด็กดีมากนั่งเงียบ
ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูก อย่าเห็นว่าในห้องพระนี้ไม่มีอะไร
ที่จริงแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านสถิตอยู่ตลอดเวลา มองทุก ๆ คนที่ขึ้นมา ถ้ามีเวลาว่างศิษย์รักทุกคนควรจะทำอย่างไร
(เช้าเย็นมากราบไหว้พระ)
(พระอาจารย์เมตตาแจกผลไม้ให้ทุกคนในชั้น
และได้พูดกับนักเรียนท่านหนึ่งซึ่งเป็นช่างทำโต๊ะพระว่า) ลำบากใช่ไหม แกะโต๊ะพระก็จะต้องทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น งานต่อไปก็รออยู่ข้างหน้า ถ้าไม่มีโต๊ะพระนี้ห้องพระจะเป็นห้องพระได้ไหม
(ไม่ได้) ต้องรู้ว่าการทำห้องพระก็มีกุศลอันยิ่งใหญ่ ต้องทำด้วยความตั้งใจนะ
พระกวนอินท่านก็กล่าวว่าห้องพระนี้งดงามเหมือนกนกเลขา กนกเลขาแปลว่าอะไร พระกวนอินให้โอวาทมามากมายยังไม่มีใครกลับมาศึกษาเลย
นอกจากจะฉุดช่วยคนแล้วก็ต้องส่งเสริมคนด้วย
ถ้าเอาแต่ฉุดช่วยเขาขึ้นมาแล้วก็ปล่อยเขาให้หล่นลงน้ำไปอีกอย่างนั้นหรือ
เพราะฉะนั้นใครชวนคนไว้ก็ต้องรู้หน้าที่ของตนเองด้วย กนกเลขาแปลว่า ลายเขียนทอง ลายเขียนทองนั้นเกิดจากความตั้งใจ
(พระอาจารย์เมตตาประทานผลไม้)
แอปเปิ้ลที่อยู่บนแดนนิพพานนั้นหอมกว่านี้ หวานและอร่อยกว่านี้ อยากขึ้นไปไหม
(อยาก) ศิษย์ให้อาจารย์รอตั้งนาน ถ้าอาจารย์ไม่ลงมาในเมืองมนุษย์ก็คงไม่ได้พบศิษย์
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทำอะไรอาจารย์ก็เห็น เหนื่อยหรือไม่เหนื่อยอย่างไรอาจารย์ก็เห็น
ถ้าศิษย์สงสัยว่าเบื้องบนกับโลกมนุษย์ต่างกันอย่างไร
เบื้องบนก็เป็นที่ ๆ ว่างไม่มีอะไรเลย
ถ้าศิษย์ติดอยู่ในสีสัน ติดอยู่ในความโลภ ติดอยู่ในกิเลส
ก็คงเจอตามแบบของศิษย์ ถึงขึ้นไปเบื้องบนก็คงจะอยู่ไม่ได้นาน เพราะว่าจะทนอยู่ไม่ได้ คนที่อยู่ได้ก็คือคนที่บำเพ็ญดีปฏิบัติดี
บางคนอาจจะคิดว่าแล้วอาจารย์ลงมาทำไม
ก็เพราะว่าถ้าอาจารย์ไม่ลงมาก็คงไม่ได้พบศิษย์น่ะซิ
เรือลำนี้เพิ่งเริ่มออกหาคนที่เป็นเสาค้ำ ทำงานธรรมะคนเดียวนั้นถึงแม้เขาจะเต็มใจ แต่เขาก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก ศิษย์เต็มใจที่จะช่วยเขาไหม (เต็มใจ)
ศิษย์รู้ไหมว่าจริง ๆ แล้วเขาทำด้วยความจริงใจมากแค่ไหน
จริงใจมากพอที่จะให้ตนเองสละทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจ
แม้แต่เวลาทานก็ยังคิดว่านักเรียนในชั้นนี้จะมามากแค่ไหน
เวลานอนก็นอนไม่หลับเพราะกลัวว่าศิษย์รักของอาจารย์จะไม่มา มีใครเห็นความจริงใจของเขาบ้าง
ชีวิตนี้ศิษย์รักจะทำให้มีค่ามากกว่านี้ได้ไหม
(ได้) ถึงขณะนี้แล้วมีใครยังลังเลอยู่บ้าง
รู้จักศึกษาธรรมะตัดความลังเลทิ้ง ศิษย์ก็จะก้าวไปด้วยความสุขสบายใจ ไม่ต้องคิดว่าก้าวไปครึ่งหนึ่งแล้วคิดว่าธรรมะนี้แท้
หรือเปล่า ถอยกลับมาครึ่งก้าว ก้าวขึ้นไปใหม่ อย่างนี้แล้วจะก้าวถึงไหม (ไม่ถึง) ถ้าหากว่าศิษย์รักบำเพ็ญแก้ไขปรับปรุงตนทุก ๆ วัน ชีวิตนี้ก็จะมีความสุข ถ้าหากว่าไม่คิดที่จะแก้ไขแล้ว เจ้ากรรมนายเวรที่มีอยู่ ที่อาจารย์แบกไว้ ๗ ส่วน สักวันหนึ่งศิษย์ก็ต้องแบกรับเอา ถึงวันนั้นศิษย์จะเอาตัวรอดได้อย่างไร ถ้าศิษย์รักบำเพ็ญเขาก็คงจะเห็นใจบ้าง เพราะศิษย์ไม่โกหกหลอกลวงเขา ถ้าศิษย์ไม่บำเพ็ญเขาจะอภัยโดยง่ายไหม วันนี้อาจารย์ก็ให้โอวาทไปหมดแล้ว อาจารย์อยากจะถามศิษย์เป็นครั้งสุดท้ายว่า วันนี้ศิษย์พร้อมที่จะเริ่มต้นหรือยัง (พร้อมแล้ว) ถ้าพร้อมแล้วเรือลำนี้ก็คงจะเคลื่อนออกไปได้
หรือเปล่า ถอยกลับมาครึ่งก้าว ก้าวขึ้นไปใหม่ อย่างนี้แล้วจะก้าวถึงไหม (ไม่ถึง) ถ้าหากว่าศิษย์รักบำเพ็ญแก้ไขปรับปรุงตนทุก ๆ วัน ชีวิตนี้ก็จะมีความสุข ถ้าหากว่าไม่คิดที่จะแก้ไขแล้ว เจ้ากรรมนายเวรที่มีอยู่ ที่อาจารย์แบกไว้ ๗ ส่วน สักวันหนึ่งศิษย์ก็ต้องแบกรับเอา ถึงวันนั้นศิษย์จะเอาตัวรอดได้อย่างไร ถ้าศิษย์รักบำเพ็ญเขาก็คงจะเห็นใจบ้าง เพราะศิษย์ไม่โกหกหลอกลวงเขา ถ้าศิษย์ไม่บำเพ็ญเขาจะอภัยโดยง่ายไหม วันนี้อาจารย์ก็ให้โอวาทไปหมดแล้ว อาจารย์อยากจะถามศิษย์เป็นครั้งสุดท้ายว่า วันนี้ศิษย์พร้อมที่จะเริ่มต้นหรือยัง (พร้อมแล้ว) ถ้าพร้อมแล้วเรือลำนี้ก็คงจะเคลื่อนออกไปได้
อาจารย์ขอให้ศิษย์รักทุกคนตั้งใจบำเพ็ญ
ถ้าหากว่าอาจารย์มาคราวหน้าอาจารย์จะเจอศิษย์ทุกคนไหม (เจอ)
ให้ความมั่นใจกับอาจารย์แล้วนะ
ถ้าหากคราวหน้าอาจารย์มาไม่เจอ
อาจารย์ก็คงจะหมดแรงที่จะตามหาศิษย์แล้วนะ
อธิบายศัพท์
ศุภฤกษ์ : ฤกษ์ดี
พรรณราย : งามผุดผ่อง
, สีเลื่อมระยับ
สายทอง : วิถีอนุตตรธรรม
กนกเลขา : ลาย
, ลายเขียนทองคำ
เวไนย : ผู้ควรแนะนำสั่งสอน
อธิปัญญา : ปัญญายิ่ง
คือ ปัญญาในองค์มรรค
อาสวะ : กิเลสที่ดองสันดาน
กฤดาการ : บารมีอันยิ่งที่ได้ทำไว้
อภิลาศ : ตัณหา
คตชีพ : สิ้นชีพ
ศานต์ : สงบ ,
ถึงที่สุด
เอนกอนันต์ : มากมายก่ายกอง
, นับไม่ถ้วน
อนุตตรา/อนุตตร : ไม่มีสิ่งใดสูงกว่า
, ดีเลิศ , วิเศษ , ยิ่ง
วิมุต : หลุดพ้น
, มีอิสระ
รุจิเรข : มีลายงาม ,
มีลายสุกใส
กิเลส : อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ
ทำให้เศร้าหมอง
อวิชชา : ความไม่รู้
คือ ไม่รู้อริยสัจสี่ , ความโง่เขลา
วัฏฏะ : รอบแห่งการเวียนเกิดเวียนตาย
มน : ใจ