西元二○一五年 歲次乙未五月二十日 仙佛慈悲訓
วันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ศูนย์กลางงานธรรมไท่อิน
กรุงเทพมหานคร
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ถ้าไม่อยากก็ไม่มีใครลวงได้ ถ้าไม่หลงให้ใจใครยากเจ็บช้ำ
ถ้าไม่ยึดตัวตนยากระกำ เรียนรู้ธรรมมีสติเตือนรู้ตน
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานไท่อิน แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักของอาจารย์คิดถึงกันไหม
บำเพ็ญธรรมก็ได้ธรรม บำเพ็ญใจก็พบใจ บำเพ็ญฝึกหัดไว้ มิใช่เพียงหนึ่งคำก็พบใจ บำเพ็ญกายจงตั้งกาย บำเพ็ญใจจงตั้งใจ บำเพ็ญคอยแก้ไข ว่าทำอะไรแล้วดี
* ทองแท้อย่างหวั่นหลอมไฟ ดีกว่าเดิมไว้ อย่าหวั่นไหว
อย่าทำอะไรติดตัว ถึงวันนี้ทุกข์ใจ ไม่เป็นอะไร
ท้อใจก็ไม่เป็นไร ทุกสิ่งทุกอย่างรู้ดี
(จากหนึ่งชี้) ถึงตอนนี้ พากเพียรก็เป็นสิบปี เหมือนวันเดิมเดิมที่มี คำตอบใดไม่มี
ไปย้อนมองตนก่อนได้ไหม (ตั้งใจเท่านั้นจึงจะดี ชนะตนเองตลอดไป)
บำเพ็ญทำให้ฝันดี ทำให้กลายเป็นเรื่องดี บำเพ็ญคำคำนี้
ไม่มีเรื่องไหนพ้นไป จิตใจคนยามใดพบธรรม
ทำอะไรก็ล้วนธรรม อย่าติดกับคำถาม เพราะเมื่อลงมือทำก็พ้นไป (ซ้ำ *, *)
ทำนองเพลง : ความรักดีดีอยู่ที่ไหน
ชื่อเพลง : พบธรรมที่ใจ
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
"ถ้าไม่อยากก็ไม่มีใครลวงได้ ถ้าไม่หลงให้ใจใครยากเจ็บช้ำ
ถ้าไม่ยึดตัวตนก็ยากระกำ เรียนรู้ธรรมมีสติเตือนรู้ตน"
สิ่งต่างๆ ในโลกนี้บางทีเห็นก็เหมือนไม่เห็น แล้วสำคัญไหมที่จะต้องเห็น
(ไม่สำคัญ) ถ้าอยากเจอหน้ากันก็ต้องระวังนะ
อาจจะโดนหลอกลวงก็ได้นะ ฉะนั้นก็ไม่ต้องเห็นดีไหม ดีหรือเปล่า (ไม่ดี) อยากโดนหลอกไหม (ไม่อยาก) ถ้าไม่อยากโดนหลอกลวงก็อย่าอยากสิ
เพราะความอยากทำให้เราโดนหลอกลวง ที่จริงก็เห็นกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แต่ตาศิษย์มองไม่เห็นเอง
ใช่หรือเปล่า (ใช่)
อะไรที่เห็นหรือได้มาง่ายๆ มันไม่มีค่า บางอย่างต้องยากนิดนึง
ลำบากหน่อยจึงจะดูมีค่า แล้วคุณค่าของผู้หญิงอยู่ที่ไหน อยู่ที่ได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่
(ไม่ใช่) อยู่ที่ยากหน่อยใช่หรือไม่
เราลองมาคุยกันหน่อยนะศิษย์
ศิษย์ดีใจไหมที่จะได้กลับบ้าน ลำบากหรือเปล่าที่ต้องมานั่งฟังธรรมะแบบนี้
เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย) เรียนรู้ทางโลกได้วิชาความรู้ ได้การดูแลตัวเอง แต่เรียนรู้ทางธรรม ได้ความเข้าใจตัวตน
เห็นตัวตน และมีพลังใจให้กับตน ส่วนใหญ่ที่เราเรียนรู้ทางโลก
เราก็จะได้วิชาความรู้ที่จะทำให้เราเก่ง ที่จะทำให้เราสามารถดำรงเลี้ยงชีวิตตนเองได้
แต่การที่เราฟังธรรมะนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต ความเป็นจริง และการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ดูว่าเราจะผูกสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างไร ให้ดี ให้งาม ให้สำเร็จ ฉะนั้นถ้าฟังธรรมแล้ว
เข้าใจว่าจะปฏิบัติอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าฟังจบแล้วยังไม่เห็นว่าเราได้อะไรจากธรรม
ก็น่าเสียดายนะ
สิ่งที่เราพยายามไขว่คว้า อยากเรียนเก่ง อยากสวย อยากเด่น
อยากดัง อยากมีคนรู้จัก พอเราได้มาแล้วมันก็อยู่กับเราไม่ยาวนาน เพราะอีกสักพักมันก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าอาจารย์ถามว่า "ใดใดในโลก ที่ศิษย์พยายามไขว่คว้า
ยึดมั่น อยากมี อยากเป็น ถึงที่สุด เมื่อมีแล้ว เป็นแล้ว มันก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป"อย่างนั้นแปลว่าเรากำลังวิ่งหาอะไร หาความสะใจ ถูกใจ สบายใจ เหนือกว่าใครแค่นั้น
ศิษย์ไม่ได้ต้องการอยากจะมีจริงๆ หรอก บางทีแค่ได้ยืนเหนือกว่าคนอื่นหน่อยหนึ่ง ได้เก่งกว่าคนอื่นหน่อยหนึ่ง
แต่ถึงเวลาเรายืดไม่นาน กลับมาก็หดเหมือนเดิม เก่งแค่ไหน สำเร็จแค่ไหน ชนะมากแค่ไหน
ถึงเวลาก็ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างนั้นเราควรไขว่คว้าหาความสุขอะไรล่ะ ทั้งที่จริงๆ
แล้วคำว่า "ธรรมดาสามัญ" คือสิ่งที่ศิษย์ทุกคนต้องมีอยู่ แต่เรากลับไปไขว่คว้า
ถึงเวลาเราก็หนีความเป็นธรรมดาไม่พ้น แล้วทำไมเราถึงรังเกียจความเป็นตัวเองแบบนี้ล่ะ
ทำไมเราถึงมีความสุขกับความเป็นธรรมดาสามัญตัวเองไม่ได้ล่ะ
ตอนนี้หน้าตาอย่างนี้ เรียนได้แค่นี้ สวยได้แค่นี้ หรือหล่อได้แค่นี้
ถ้าเราพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ธรรมดาสามัญแล้วมีความสุขได้ ศิษย์จะดิ้นรนทำไมให้เหนื่อยยาก
ศิษย์จะพยายามแก่งแย่งทำไม ศิษย์จะพยายามไขว่คว้าทำไม ในเมื่อเราดิ้นไปจนถึงที่สุดก็กลับมาเหมือนเดิม
ทำไมเราไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี แล้วอยู่กับมันให้สุขให้ได้ ไม่ต้องมีโทรศัพท์ ไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์
ไม่ต้องเจอหน้าใคร ฉันก็มีความสุข ถ้าอยู่กับตัวเองแล้ว ยังมีความสุขไม่ได้ ชีวิตนี้ศิษย์ไปวิ่งหาทั่วโลกศิษย์ก็มีความสุขไม่ได้
ถ้าหน้าตัวเองยังรับไม่ได้ ศิษย์จะเปลี่ยนไปขนาดไหนก็รับหน้าตัวเองไม่ได้ ถ้าครอบครัวตัวเองยังมีความสุขไม่ได้
ศิษย์ไปหาครอบครัวที่สอง หาครอบครัวที่สาม มันก็สุขไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)
สิ่งที่สำคัญความสุขไม่ได้อยู่ที่ความสำเร็จ ไม่ได้อยู่ที่ความสวยที่สุด
ไม่ได้อยู่ที่ความเก่งที่สุด ไม่ได้อยู่ที่เป็นที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม แต่อยู่ที่ว่าเราเคยพอใจในความมี
ความเป็น อันธรรมดาของตัวเองบ้างหรือไม่ ถ้าเราพอใจได้ เราก็ไม่ต้องทำอะไรเลย เราก็มีแต่กำไรๆ แต่ถ้าตัวเองเป็นคนเบื่อ
รำคาญ แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ดูแล้วก็เหมือนเดิม คือคนนั้นก็พูดแต่เรื่องตัวเอง คนนี้ก็พูดแต่เรื่องคนอื่น
มีแต่ชมตัวเอง แล้วเราก็ปิดไม่อยากดู มีความสุขไหม (ไม่มี) ตัวเองยังมีความสุขไม่ได้ ก็แอบไปติคนนั้น ติคนนี้ แล้วก็ไปแสดงความคิดเห็นต่อคนอื่น มีความสุขได้ต่อว่าคนอื่นทางไลน์ แล้วก็ทำหน้าตัวเองเบลอๆ
ไว้ นี่คือบาปทางคอมพิวเตอร์ เดี๋ยวนี้เราสร้างบาปทันสมัยนะไม่เห็นหน้าเราก็สามารถต่อว่ากันได้ อย่าคิดนะว่าไม่บาป
แค่แอบคิดว่าเขาไม่ดี แค่แอบด่าเขาในใจ นั่นก็คือบาปแล้ว บาปคือสิ่งที่ทำแล้วเศร้าหมองขุ่นมัว บุญคือสิ่งที่ทำให้สบายใจ
ฟูใจ อิ่มเอิบใจ แล้วตอนนี้ในทุกวันเราทำบุญหรือทำบาป ทุกวันก็มีการแสดงความคิดเห็นว่าคนนั้น กดถูกใจคนนี้ เดี๋ยวก็บุญเดี๋ยวก็บาป
เคยชั่งไหม บุญมากกว่าบาป หรือบาปมากกว่าบุญ
บางคนยังไม่อยากคุยกับอาจารย์ หน้ายังงออยู่เลย อาจารย์ไม่อยากฝืนใจนะ
ฟังอาจารย์ด้วยความสุข ย่อมดีกว่ากันเยอะ อย่าฟังด้วยความหวานอมขมกลืน เพราะนอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว
ยังทำให้ชีวิตมีแต่ทุกข์ แล้วก็ทุกข์ มาฟังธรรมเพื่อความเบิกบานใจ เกิดความสดชื่นแจ่มใส
เกิดความสว่างไสวให้กับจิตใจ มาเกิดพลังให้ใจรู้จักสู้และเรียนรู้ชีวิตเป็น ใช่หรือไม่
(ใช่)
ธรรมะสอนให้เรารู้จักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่แปลกนะทำไมชอบเอาใจไปฝากไว้กับคนอื่น
เอาชีวิตและความสุขไปฝากไว้กับคนอื่น แล้วก็ปล่อยให้เขาบีบหัวใจเราเล่นๆ ใช่หรือไม่
(ใช่)
เรามาเล่นคำถามอะไรเอ่ยกันดีกว่า ใครตอบได้ ได้นั่ง ใครตอบไม่ได้
ยืนเป็นเพื่อนอาจารย์นะ ดีไหม ฟังมาเยอะแล้วลองตอบคำถามอาจารย์บ้างดีกว่านะ อะไรเอ่ย
เห็นเหมือนไม่เห็น รู้เหมือนไม่รู้ (ใจตัวเอง) แยกมาให้เห็นเป็นบางครั้ง ใช่หรือไม่
ใจเราจะเห็นชัดต่อเมื่อเราเจอกระทบ ยิ่งโดนกระทบยิ่งเห็นชัด โดนเขาด่าที เราเห็นชัดไหมว่าเราใจเย็นหรือใจร้อน
เห็นเขากำลังอยากได้ ก็เหมือนเราโดนกระทบ ยิ่งกระทบยิ่งเห็นตัวชัด แต่เวลาเราโดนกระทบเราจะเห็นเขาหรือเห็นเรา
โดยส่วนใหญ่ชอบจะเห็นแต่คนอื่นลืมดูตัวเอง เขาใจร้อนเราก็ใจร้อน ใช่ไหม มีใครตอบอาจารย์ได้อีก
(ความทุกข์)
ความทุกข์เห็นเหมือนไม่เห็นใช่ไหม เคยเห็นความทุกข์ไหม (ไม่เคยเห็นแต่รู้สึก) บางครั้งมันก็มาเพียงชั่วครู่ให้เราทุกข์ บางครั้งอยู่ๆ มันก็หายไปใช่หรือไม่
(ใช่) ตอบได้ดี ฉะนั้นเวลาทุกข์มาเราจำเป็นต้องตกเป็นทาสของทุกข์ไหม
(ไม่จำเป็น) เราเคยเห็นทุกข์แล้วเราก็เฉยๆ
กับมันไหม แปลกนะ อาจารย์ก็ยังสงสัยอยู่ ความทุกข์มันเคยกวักมือเรียกศิษย์ไหม (ไม่เคย) แล้วมีไหม “จงแย่นะ จงร้องไห้นะ” มันเคยสั่งศิษย์เป็นอย่างนั้นไหม
(ไม่เคย) ความทุกข์มันก็มาตามปกติ
แล้วทำไมศิษย์ไปปรุงแต่งว่าต้องร้องไห้ ต้องตีอกชกตัวเอง ต้องอยากตายล่ะ ใช่หรือไม่ทุกข์มันก็แค่ทุกข์ที่ทนได้ยาก
แต่คนที่ปรุงแต่งให้ทุกข์มันทรมานและมันเจ็บช้ำ มัน ไม่ใช่ทุกข์แต่คือตัวเรา ถูกหรือไม่
(ถูก)
(อารมณ์เห็นเหมือนไม่เห็น) ศิษย์รู้ไหมว่าเมื่อใดที่เรายังปล่อยชีวิตให้อยู่กับใจ
มันก็ง่ายที่จะถูกกระทบและหวั่นไหว แต่ถ้าเมื่อใดเรามีชีวิตอยู่ด้วยธรรม ธรรมจะทำให้เรามองความจริง
แต่ใจจะทำให้เราตกเป็นทาสของอารมณ์ที่ถูกกระทบได้ง่าย ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่ตามใจหรือตามธรรม
(ความผิด)
เห็นเหมือนไม่เห็นหรือ ตอนที่ทำไม่รู้ว่ามันผิด พอทำไปแล้วถึงได้รู้ว่ามันผิดหรือ
โดยลึกๆ นะศิษย์ เวลาเราทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำไมเราละล้าละลัง ทำไมเราไม่มั่นใจ แปลว่ามันไม่ถูกนะ
ถ้ามันถูกเราจะละล้าละลังไหม แล้วเวลาทำมันจะเหมือนไม่ค่อยกล้าทำ ถ้าไม่กล้าแปลว่ามันผิด
แต่ศิษย์ไม่กล้าเชื่อใจตัวเองว่าตรงนั้นมันผิด มันอยากอยู่ ถูกหรือไม่
(เรื่องนรกสวรรค์) เห็นเหมือนไม่เห็นหรือ แล้วอยากไปไหม
(อยาก) ไม่ยากเลย อยากไปนรก
ใช่ไหม (อยากไปสวรรค์) ศิษย์เดินมาแล้วตบหน้าเขา ทำได้ไหม (ไม่ได้) ถ้าศิษย์ตบหน้าเขาแล้วเขาไม่โกรธ
เขาได้ขึ้นสวรรค์ สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ฉะนั้นถึงจะโดนกระทบแค่ไหน คิดให้ดีคิดให้สูงก็ขึ้นสวรรค์
ถ้าคิดให้ร้ายคิดให้ชั่ว นั่นก็ตกนรก ใช่หรือไม่
(ความคิดของตัวเอง) ความคิดของตัวเองนั้นเห็นเหมือนไม่เห็น
แต่มันชอบมาเรื่อยๆ มาทีไรก็ฟุ้งจนหยุดไม่ได้ แต่วิชาแห่งธรรมะเป็นวิชาที่จะทำให้เรารู้เท่าทันและควบคุมจิตได้
รู้เท่าทันแม้กระทั่งความคิดเข้ามา เมื่อสั่งให้หยุดก็จะหยุดทันที แล้วเราเคยเรียนวิชาธรรมะกันบ้างไหม
หรือเราเคยหยุดความคิดกันได้หรือไม่ (ไม่ได้) ศิษย์อยากมาเรียนวิชาธรรมะกับอาจารย์หรือไม่
(อยาก)
ถ้าใครตอบคำถามอาจารย์ได้ก็จะได้นั่ง ใครตอบไม่ได้ก็ยืนต่อไป
ดีหรือไม่ (ไม่ดี)
ทำไมล่ะ เพราะพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมหนุนช่วยคนที่รู้จักช่วยตัวเอง
ไม่ใช่คอยแต่ช่วยคนที่ไม่รู้จักช่วยตัวเอง ฉะนั้นศิษย์ต้องรู้จักช่วยตัวเองโดยเริ่มจากเอาไมค์ในมือส่งต่อให้เพื่อนตอบ
เมื่อเราตอบเสร็จแล้วเราอยากจะช่วยใครก็ยื่นไมค์ให้กับเขานะ วันนี้จะได้ตอบ กันทั้งชั้นเลย
ดีหรือไม่ (ดี) ศิษย์จะรู้จักช่วยเหลือตัวเอง
คนที่อ่อนแอเอาแต่พึ่งคนอื่น คนนั้นก็จะอ่อนแอไปตลอดชีวิต
เมื่อเราล้มเองเราก็ต้องลุกได้เองสิศิษย์ ทำไมต้องหวังแต่จะพึ่งคนอื่นตลอดเวลา ถ้าศิษย์หวังแต่จะพึ่งคนอื่น
ศิษย์ก็คือคนที่เริ่มต้นด้วยการเห็นแก่ตัว อย่าบอกว่าต้องมีคนนี้แล้วฉันถึงจะยืนได้
มันไม่จริง ศิษย์จะยืนได้หรือไม่ได้นั้นขึ้นอยู่กับตัวของศิษย์เอง ไม่จำเป็นต้องมีใคร
ถ้าตัวเองยังไม่รักเลยแล้วจะไปรักใครได้ แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม (เป็น)
พูดคุยกันเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนธรรมะกัน ดีไหม (ดี) โดยส่วนใหญ่เวลาพูดคุยกันก็ชอบนินทาคนโน้นด่าคนนี้
มีแต่เรื่องบาปทั้งนั้นใช่หรือเปล่า ถ้าหากว่าคุยกับอาจารย์แล้วได้ธรรมะ ได้ปัญญา ไม่ดีหรือ
(ดี) นักเรียนชั้นนี้ชอบอมภูมิหรืออมข้าวเหนียวกันนะ ระวังนะอมมากๆ ข้าวเหนียวจะกลายเป็นข้าวแช่
มีใครอยากตอบอาจารย์อีก อะไรในโลกเห็นแล้วเหมือนไม่เห็น รู้แล้วเหมือนไม่เคยรู้
(ใจคน) ที่จริงแล้วใจคนหรือใจเรา อาจารย์ว่าใจเรานะ ศิษย์เคยรู้ไหมว่าใจของมนุษย์มีชอบมีชังเหมือนๆ
กัน “ถ้าเรารู้ใจตนเราก็รู้ใจคน แต่ถ้าใจตนเราไม่รู้ เราก็ไม่มีวันรู้ใจใคร”
อาจารย์ถามง่ายๆ ศิษย์ชอบโดนด่าไหม (ไม่ชอบ) แล้วคนทุกคนชอบไหม (ไม่ชอบ)
เช่นนั้นแล้วเราควรด่าใครไหม (ไม่ควร) แล้วเราด่าไหม (ด่า) เอาแค่เรื่องเดียวก็พอ ใครๆ
ในโลกก็ชอบคนชม ใครๆ ในโลกก็ชอบคนพูดดี แล้วเราพูดชมไหม (ไม่ชม) แล้วเราพูดดีไหม (ไม่ดี)
อย่างนี้เราควรจะรู้ใจตัวเองไหม ทั้งที่จริงๆ แล้วพื้นฐานใจคนเหมือนๆ กันล้วนเท่ากัน
(บาปกรรม) บาปกรรมรู้เหมือนไม่รู้ เห็นเหมือนไม่เห็นหรือศิษย์
ศิษย์หมายถึงบาปนั่นเอง บาปถ้าเราไม่สร้างมันก็ไม่มีวิบากมาตาม ศิษย์อย่าลืมนะขึ้นชื่อว่ามนุษย์ย่อมหนีไม่พ้นกรรม
เราสามารถหยุดกรรมได้นะศิษย์ แต่เราจะหยุดได้อย่างไรถ้าเรายังตกเป็นทาสของบาปที่คอยสร้างวิบากกรรม
ถ้าอยากหยุดกรรมก็จงหยุดสร้างบาป แล้วบาปคืออะไรบาปเกิดจากสิ่งที่ทำแล้วทำให้จิตใจขุ่นมัว
เศร้าหมอง หดหู่ ฉะนั้นอะไรที่ทำแล้วขุ่นมัว เศร้าหมอง หดหู่ หรืออะไรที่ทำแล้วทำให้จิตใจแฟบ
มันแย่ นั่นแหละบาป เข้าใจไหม
(ความชอบ ความหลง) อาจารย์ถามนะ เหมือนมีคนบางคนที่เราชอบ
แต่ลึกๆ ก็แอบเกลียดเขา ใช่ไหม (ใช่)
นี่แหละใจมนุษย์ ถามว่ารักพ่อแม่ไหม รัก แต่ลึกๆ ก็แอบกลัว บางทีก็แอบรำคาญท่าน
ใช่ไหม (ใช่) สิ่งที่ศิษย์ในโลกเป็นกันบ่อยก็คือ
บางครั้งเป็นอะไรแล้วไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้ว่าชอบแต่ถึงเวลาก็เหมือนจะไม่ชอบ
ศิษย์เหมือนคนที่กำลังเดินอยู่ในโลกเพื่อค้นหาตัวเอง เหมือนจะหาตัวเองเจอนะ แต่มันก็ลางๆ
ตกลงว่าเราเป็นอะไร เราอยากได้อะไร เราอยากทำอะไร ไม่รู้เหมือนกัน แล้วพอผลสุดท้ายเบื่อ
ชีวิตมีแค่นี้ จริงไหม (จริง) พอเล่นโทรศัพท์ไปสักพัก ท้องร้องหิวกินข้าวก่อน คุณค่าชีวิตมีแค่นี้จริงๆ ใช่ไหม
(ไม่ใช่)
(ภูตผี)
ผีตัวไหนน่ากลัวที่สุด รู้ไหม (น่าจะเป็นตัวเรามากกว่า) ถ้าจิตมันหวาดหวั่นอยู่ที่มืดแค่เห็นต้นไม้เคลื่อนไหวก็เหมือนเป็นผี
แล้วศิษย์อย่าลืมนะ ตาเรามักจะมีสีที่หลอก เหมือนเวลาเรามองในที่มืดมากๆ พอเราไปดูในที่สว่างสีมันจะซ้อนกัน
เคยเห็นไหม คงเคยได้เรียนวิทยาศาสตร์กันมานะ ศิษย์เป็นคนหัววิทยาศาสตร์สุดตัว ทันสมัย
แล้วเคยนำมาใช้ไหมว่าสีมันหลอกตาเรา เหมือนเวลาที่ศิษย์จ้องมองอะไรมากๆ พอจ้องมองนานๆ
เชื่อไหมว่าสามารถมองเห็นโทรศัพท์ไปอยู่ตรงท้องฟ้าได้ แต่มันจะสีตรงข้ามกับสิ่งที่ตาเราเห็น
เพราะตาเรามันหลอกเรา เหมือนตาเราตอนนี้มันมองสีดำอยู่ มองมากๆ มันจะกลายเป็นสีขาวขึ้นอยู่ที่หน้าจอ
ลอยอยู่กลางอากาศ ใช่ไหม (ใช่) แล้วอยากเห็นผีไหม (อีกใจก็อยากเห็นและอีกใจก็ไม่อยากเห็น) เห็นอยู่ทุกวันแล้วศิษย์ แต่ศิษย์ไม่รู้เองว่าคือผี
นั่นก็คือตัวเองนะศิษย์
(ความสุข)
ถ้าเรารู้จักพอใจในตัวเอง ความสุขไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรารู้จักตั้งค่ามาตรฐานความสุขให้ต่ำเข้าไว้
ความสุขก็ไม่ใช่สิ่งยากที่เราจะเจอ แต่เรามักชอบกำหนดความสุขให้สูง ยอมทุกข์ง่ายเหลือเกินเราก็เลยกลายเป็นคนที่ทุกข์ง่าย
สุขยาก จริงหรือไม่ จริงๆ
เห็นได้ รู้ชัดได้ แต่ต้องถามใจตัวเอง
ถ้ากำหนดจิตให้ง่ายเราก็มีสุขง่าย ถ้ากำหนดทุกข์ให้ง่ายเราก็กลายเป็นคนมีทุกข์ง่าย
(อนาคต)
อนาคตไม่ยากเลยศิษย์ ทำวันนี้ให้ดี อนาคตเราก็มองเห็น แต่ถ้าวันนี้ทำไม่ดี
อนาคตรุ่งริ่งแน่ๆ จริงไหม ฉะนั้นอย่าบอกว่ามองไม่เห็นอนาคตตัวเอง วันนี้คืออนาคต ถูกหรือไม่
แต่คนชอบคิดวนเวียนแต่เรื่องในอดีต อนาคตก็เลยไม่มี เพราะมัวแต่ห่วงกับอดีต ฉะนั้นทำวันนี้ให้ดี
คิดให้ดีๆ นะศิษย์ คนเรามีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แต่บางทีคนไม่ใช่
ชอบห่วงหน้าพะวงหลัง จะเดินตรงนี้ก็เดินไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)
(จิตวิญญาณ)
อาจารย์จะบอกให้ว่า จิตเดิมแท้หรือจิตจริงๆ ไม่ต้องการเจ้าของ
ไม่ต้องการมีตัวตน เป็นสิ่งที่ไร้รูปลักษณ์ แต่มนุษย์เคยชินกับการต้องมีตัวมีตน จึงไม่สามารถมองเห็นจิตได้
อาจารย์ ยังไม่ได้เข้าเรื่องธรรมะเลย มีแต่ตอบปัญหาให้ศิษย์
อย่างนั้นเรามาเข้าเรื่องธรรมะดีไหม (ดี)
เอาแบบตรงๆ แล้วจบเลยไหม (ดี) ลองดูว่าภูมิปัญญาศิษย์จะไปถึงไหม
สิ่งที่อาจารย์พูดง่ายๆ “สิ่งใดในโลกมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นก็มีความดับไปเป็นธรรมดา” อนิจจังทำให้ทุกข์เกิด อนิจจังก็ทำให้ทุกข์ดับ
ถ้าเราไม่มีความอยากอะไร อะไรจะมาเป็นนายบังคับใจเราได้ แล้วตอนนี้เรากำลังทุกข์กับอะไร
ก็ในเมื่อสิ่งใดมีความเกิดสิ่งนั้นมีความดับ เราจะต้องไปดับอะไร ในเมื่อมันเกิดแล้วมันก็ดับ ฟังให้ดีนะ “สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา” ถ้าเราไม่อยาก เราจะต้องพยายามไปยึดมันไหม
เดี๋ยวมันก็ดับ ถูกหรือไม่ (ถูก) อนิจจังทำให้ทุกข์เกิด อนิจจังก็ทำให้ทุกข์ดับ แต่ที่สิ่งนั้นมันทำให้เกิดทุกข์แล้วทำให้ใจเราวุ่นวายใจ
เพราะเราอยากไปยึดจนมันกลายเป็นนายบังคับใจ
ธรรมะไม่ใช่ยารักษาโรค ธรรมะไม่ใช่ร่มเงาอันร่มเย็นที่ทำให้คนหนีทุกข์แล้วมาพึ่งร่มเงาอันร่มเย็น
เพื่อหวังพบสุข แต่ธรรมะที่แท้จริงแล้วเป็นอะไรหรือบางทีเราพยายามฟังธรรมะกันแทบตาย
แต่ถึงที่สุดแล้วเราก็ยังไม่รู้ว่า ธรรมะคืออะไร ถ้าอยากรู้ว่าธรรมะคืออะไร อาจารย์ขอให้ศิษย์ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง
บีบจมูกและปิดปากตัวเองไว้ ถามว่าหายใจออกหรือไม่ (ไม่ออก) ฉะนั้นธรรมะก็คล้ายๆ กับลมหายใจ เมื่อไหร่ที่เราสามารถเอาใจใส่ลมหายใจของตัวเราเอง
จะทำให้เรามีสติระลึกรู้อยู่ตลอดเวลาเมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเราสามารถมีสติระลึกรู้อยู่ตลอดเวลาที่ลมหายใจเข้าออก
จะทำให้เราสามารถมีสติระลึกรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในใจ เมื่อเรารู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในใจ
เราจะอยู่กับขณะนี้ เดี๋ยวนี้ และตอนนี้ ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นว่าใดใดในโลกนั้นมันไม่เที่ยง
เหมือนลมหายใจออกแล้วถ้าไม่เข้า ตายไหม (ตาย) เข้าแล้วไม่ออกตายไหม (ตาย) อย่างนั้นชีวิตเราอยู่ที่ไหน (ลมหายใจ) แต่ทำไมศิษย์ถึงชอบบอกอาจารย์ว่า
“ไม่มีเขาหนูจะตาย” “ไม่สำเร็จหนูจะตาย”
มันจริงไหมศิษย์ (ไม่จริง)
จริงๆ แล้วธรรมะสอนให้เราเรียนรู้เข้าใจตัวเองก่อน รู้จักตัวเองก่อน
ถ้าศิษย์ยังไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้จักตัวเอง ศิษย์จะสามารถนำพาชีวิตตัวเองได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นการที่เรามีสติรู้ตัวเองอยู่ทุกขณะที่เกิดขึ้น
เราจะรู้เท่าทันความคิดของตัวเองได้ไหม (ได้) ดังนั้นเมื่อความคิดมาเราจะหยุดมันได้ไหม
(ได้) เราเคยหยุดความคิดตัวเองได้ไหม
(ไม่ได้) เพราะเราไม่เคยอยู่กับตัวเองซักหนึ่งนาที
เพราะเราไม่เคยรู้ทันตัวเองแม้ซักเสี้ยววินาที จริงไหม (จริง) ฉะนั้นถ้าอะไรมันมากระทบใจ กระทบตัวเรา
กระทบแล้วเรารู้ไหม (รู้) ทำไมรู้ละถ้ารู้ทันแล้วไม่เกิดตัณหา อุปาทาน ทิฐิ ความทุกข์ก็จบสิ้น แต่ถ้ารู้ไม่ทันมันก็เกิดตัณหา
อุปาทาน ทิฐิ และตัวตน ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นอาจารย์จึงบอกว่าธรรมะอยู่ที่ลมหายใจ
การเรียนรู้ธรรมสำคัญคือต้องเริ่มจากรู้เท่าตัวตนก่อน รู้เท่าตัวตนแล้วดีตรงไหน
อารมณ์ดีจิตใจดี มองอะไรก็ดี อารมณ์ร้ายจิตใจแย่ มองอะไรก็แย่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นนรกหรือสวรรค์ หรือพ้นทุกข์
อยู่ที่รู้เท่าทันใจตัวเองหรือไม่ รู้ทันเราก็สามารถแปรร้ายให้เป็นดี รู้ไม่ทันเราก็กลายเป็นทาสของความเลวร้ายที่เรียกว่า
กิเลส และบาปกรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)
ศิษย์มักจะบอกว่า
คนในโลกนี้ร้ายจริงๆ แย่จริงๆ ใช่ไหม (ใช่) ตัวเองร้ายไหม (ร้าย) ตัวเองแย่ไหม (แย่) แล้วไปว่าคนในโลก ตัวเองยังแย่ ตัวเองยังร้ายอยู่
บางทีบอกอาจารย์ว่าโลกนี้อยู่ยาก ไปไหนก็ต้องระมัดระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลา อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยนะ
ทุกคนทำให้เราร้าย ได้ไหม (ไม่ได้)
ทุกคนทำให้เราแย่ ได้ไหม (ไม่ได้) เราจะร้ายหรือดีอยู่ที่ (ตัวเรา) ก็รู้นะ แล้วทำไมเวลาเรารู้สึกแย่
ร้องบอกอาจารย์เป็นเพราะเขาเลย ตอนนี้ทำไมตอบได้แต่ถึงเวลาเจอกับตัวกลับทำไม่ได้นะ
ไม่มีใครทำให้เราร้าย ไม่มีใครทำให้เราแย่ ถ้าจิตใจของเราไม่อ่อนแอและเห็นแก่ตัวเกินไป เวลาเราเจอคนที่ร้าย เจอคนที่ไม่ดี เราทำอย่างไร (ยิ้มให้) มีศิษย์หลายคนบอกว่ายิ้มให้ เมตตาให้
แต่พอถึงเวลาจริงๆ ทำไม่ได้ เขาร้ายมาเมื่อไหร่ ก็เอาเขาไปประจาน เอาไปนินทา ถูกไหมใครไม่ดีเราต้องนินทา
ใครไม่ดีเราต้องป่าวประกาศ ใครไม่ดีถ่ายวีดีโอ ลง
ยูทูปเลยอาจารย์สะใจดี ศิษย์เอย เจออาจารย์แค่รูปปลอม ไม่สำคัญไม่มีค่าเท่ากับเจออาจารย์
ตัวจริงที่อยู่ในใจศิษย์ คนที่ให้โดยไม่เคยเหนื่อย คนที่มีแต่ให้โดยที่ไม่เคยท้อ นั่นแหละอาจารย์จี้กงน้อยๆ จะอยู่ในใจศิษย์ได้ และคนที่ยอมบ้าในโลกโดยที่โดนด่าขนาดไหนก็ไม่เคยโกรธ ให้โดยไม่แบ่งแยก เอาคำว่า “จี้กง” ไปอยู่ในใจศิษย์ไม่ดีกว่าหรือ เจอแค่รูปไม่มีประโยชน์เท่าทำได้ถึงใจจี้กง จริงไหม
อาจารย์ถามหน่อยนะศิษย์ เวลาตัวเราผิด โดนคนนินทา โดนคนประจาน
จะทำให้ศิษย์อยากดีขึ้นไหม อาจารย์บอกให้นะศิษย์ การประจาน การนินทานั้นไม่ทำให้ใครดีขึ้น
แต่กลับไม่ทำให้ใครอยากดีขึ้นเลย กลับมีแต่คนอยากร้ายต่อ แล้วเวลาเราเจอคนไม่ดี ฆ่าให้เรียบเลยดีไหม
(ไม่ดี) ทำไมล่ะ (บาป) บาปหรือ ศิษย์เอ๋ย แล้วเวลาที่ศิษย์เกลียดเขามากๆ
ศิษย์ไปนินทาให้คนอื่นฟัง จนเขาไม่มีที่จะยืน จนเขาไม่รู้จะดีไปเพื่ออะไร เพราะศิษย์ไปที่ไหนไปด่าเขา
ไปเผยแพร่เรื่องของเขาหมดว่าเขาไม่ดีอย่างไร แล้วศิษย์คิดว่าการประจานคนจะทำให้คนดีขึ้นไหม
(ไม่) แล้วเราทำไหม ฉะนั้นเรื่องร้าย
ยิ่งนินทา ยิ่งไม่ทำให้คนดีขึ้นนะศิษย์ จงอย่าทำนะ เพราะถ้าศิษย์ทำ ศิษย์กำลังทำให้คนไม่มีวันได้ดีเลย
ไม่มีที่ให้เขายืนเลย ไล่สุนัขจนตรอก ผลสุดท้ายจะกัดไม่เลือก แล้วเราก็คือคนที่พยายามทำให้คนในโลกหาคนดีไม่เจอเลยนะ
แล้วเราเป็นแบบนั้นไหมเป็นไหม (ไม่เป็น)
ต่อไปนี้หนูจะไม่เป็นแล้วอาจารย์ ใช่ไหม (ใช่)
แล้วเคยคิดไหมว่าทำไมโลกนี้ไม่มีคนดีเหมือนกันหมด ทำไมโลกต้องมีคนดีบ้าง
คนไม่ดีบ้าง อาจารย์ขอถามศิษย์หน่อยว่าคนอ้วนก็มีประโยชน์ของความอ้วน คนผอมก็มีประโยชน์ของความผอมถูกไหม
(ถูก) คนเตี้ยก็มีประโยชน์ของความเตี้ย
คนสูงก็มีประโยชน์ของความสูงใช่ไหม (ใช่)
คนฉลาดน้อยก็มีประโยชน์ของความฉลาดน้อย เพราะมีคนฉลาดมากจึงมีฉลาดน้อยใช่ไหม
(ใช่) ฉะนั้นคนฉลาดน้อยเป็นที่พึ่งของคนฉลาดมาก
คนฉลาดมากจะดูถูกคนฉลาดน้อยได้ไหม (ไม่ได้)
ศิษย์จำไว้นะโลกนี้ที่มีความแตกต่างกันก็เหมือนนิ้วมือของเรา
เพราะว่าความแตกต่างเพื่อมีไว้เกื้อหนุนกัน อยู่ร่วมกันอย่างสอดคล้องสมานกลมกลืน อย่าลืมว่าอ้วนก็มีดีที่อ้วน
ผอมก็มีดีที่ผอม ถ้ามีใครมาว่าเรา บอกไปเลยว่าเพราะมีอ้วนอย่างฉันถึงมีผอมอย่างเธอ
ถ้าฉันไม่อ้วนแล้วเธอจะผอมหรือ ต้องสำนึกในบุญคุญที่ฉันอ้วน ถูกไหม (ถูก) ใครด่าเราโง่ อย่าไปโกรธเขา บอกไปเลยว่าเพราะฉันโง่เธอถึงได้ฉลาด
บอกไปเลยว่า ดีนะที่ฉันโง่ ถ้าฉันไม่โง่ เธอไม่ฉลาดอย่างนี้หรอก เช่นนี้แล้วศิษย์จงมองให้ดีความต่างในโลกไม่ได้มีเอาไว้เพื่อกดขี่กัน ไม่ใช่มีไว้เพื่อดูถูกกัน ไม่ใช่มีไว้เพื่อบอกให้ตัวเองไร้คุณค่า
อ้วนก็มีคุณค่าของความอ้วน ผอมก็มีคุณค่าของความผอม ไม่สวยก็มีคุณค่าของความไม่สวย
ในความจริงเราไม่สวยที่สุดในโลกหรือ ฉะนั้นถ้ามีใครว่าเราไม่สวยให้บอกเขาไปว่า “ยังไงฉันก็ไม่ใช่คนที่ไม่สวยที่สุดในโลกก็แล้วกัน
เพราะยังมีคนที่ไม่สวยกว่าฉัน” จำไว้ธรรมะสอนให้เรามองเห็นความจริงแล้วจะได้ไม่ทุกข์
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีคุณค่าและความเป็นตรงกลางอยู่ แต่ศิษย์มักจะชอบลำเอียงจนเกินไป
หรือลืมคุณค่าของตนเอง ฉะนั้นศิษย์เอ๋ย อย่ารังเกียจตัวเอง
ใครเคยอกหักยกมือขึ้น ศิษย์ก็เคยปลอบใจตัวเองไม่ใช่หรือ
“ถึงอกหักเราก็เคยได้รักใครแล้วกัน”
ฉะนั้นสิ่งที่อาจารย์อยากบอกศิษย์ก็คือ ความทุกข์ ความพลัดพราก ความเจ็บปวด มองให้มันดีเพราะถ้าไม่มีศิษย์จะไม่รู้จักคุณค่าของความสุข
และการอยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่สมัครสมาน ถ้าศิษย์เข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิต จะไม่มีใครที่ศิษย์จะรังเกียจ
ถ้าศิษย์เข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิตและสัจธรรม ศิษย์จะไม่รังเกียจความทุกข์ แต่ศิษย์จะดีใจว่า
ถ้าไม่ทุกข์ฉันก็คงไม่รู้หรอกว่าหน้าตาสุขเป็นอย่างไร ถ้าฉันไม่เจ็บฉันก็คงได้พบกับความตายทันทีโดยที่ไม่รู้จักคำว่าเจ็บคืออะไร
ใช่ไหม (ใช่) จำไว้นะศิษย์
เจ็บกายรักษาได้ ป้องกันได้ เจ็บใจป้องกันได้ไหม รักษาได้ไหม (ได้) เวลาเจ็บใจ อกหัก วิธีรักษาของศิษย์เป็นอย่างไร
หนึ่งหนีหน้าเขาให้พ้น สองระบายลงในเฟสบุ๊คหรือยูทูป ถูกไหมด่าเขาไม่ได้ ด่าบนเฟสบุ๊คให้มันรู้ไป
ใช่ไหม (ใช่) ศิษย์จำไว้นะ
ด่าเขาก่อกรรมแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าด่าลงเฟสบุ๊คบาปไม่สิ้นสุดเลยนะ ใครดูเมื่อไรบาปเมื่อนั้น
ใช่ไหม (ใช่) ใครดูที่เราโพสแล้วเขาหดหู่เท่ากับศิษย์สร้างบาปไม่จำกัดเลยนะ
แล้วไม่จำกัดจำนวนครั้งที่คนคลิ๊กดู ใช่ไหม (ใช่) บาปไม่มีจำกัดด้วยนะ ถ้าเราลงรูปเซ็กซี่ลงไป
จะกลายเป็นศิษย์สร้างบาปไม่จำกัดและควบคุมบาปของตัวเองไม่ได้นะ
แล้วศิษย์ทำไหม (ทำ)
ฉะนั้นการเรียนรู้ธรรม ไม่ได้ต้องการให้ศิษย์ไม่มองความจริง
รังเกียจความทุกข์ รังเกียจความไม่ดี แต่การเรียนรู้ธรรมสอนให้เราเข้าใจชีวิต และมองชีวิตอย่างคนที่เห็นความจริง
อย่าเป็นคนที่เรียนรู้ธรรมแล้วรักดีเกลียดชั่ว แต่การเรียนรู้ธรรมสอนให้เราดีก็ไม่ยึดติด
ชั่วก็ไม่รังเกียจ แต่อยู่กันอย่างเป็นสุขและเข้าใจ
เวลาเราทุกข์ เวลาเราเจ็บ กดมันไว้ ข่มมันไว้ เหยียบมันไว้ กับพยายามเข้าใจ อะไรใช้พลังน้อยกว่ากัน
(พยายามเข้าใจ) แต่ปัจจุบันนี้เวลาศิษย์ทุกข์
เวลาศิษย์ท้อ เวลาศิษย์เจ็บปวด ทำไมไม่เหยียบทุกข์ไว้ กดไว้ ข่มทุกข์ไว้ทำไมไม่เปลี่ยนเป็นความเข้าใจล่ะ
ถ้าไม่มีเขาจะรู้จักใจตัวเองไหม ว่าเราดีขนาดไหน ถ้าเขาไม่ร้ายขนาดนี้ จะเห็นใจเราชัดไหมว่า
เราเมตตาใจเย็นแค่ไหน ถ้าเขาไม่แย่เช่นนี้ จะรู้จักไหมว่าอะไรคือความดี ฉะนั้นจะไปเกลียดเขาทำไม
ดีออกยิ่งเขาร้ายมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งดี ยิ่งเขาทุกข์กับเรามากแค่นั้นจะทำให้เรารู้ว่าฉันต้องสุขเข้าไว้
ยิ่งเขาโกรธเรามากแค่ไหน ไม่เป็นไรฉันจะยิ้มเข้าไว้ ถูกหรือไม่ (ถูก) แล้วเราจะรังเกียจเขาทำไมล่ะ ทำไมไม่เรียนรู้เข้าใจ พอเข้าใจแล้วจบทันที แต่ถ้าไม่เข้าใจจะกลายเป็นก่อเวรก่อกรรม
จองเวรจองกรรม กรรมแปลว่า จำไม่ลืม เวรแปลว่าอาฆาตแค้นผูกใจเจ็บ
แล้วหาทางแก้กลับคืน อย่างนั้นสิ่งที่อยู่ในใจเรา จะอภัยหรือจองเวรจองกรรม
จำไม่ลืม
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ หนีไม่พ้นวัฏฏะแห่งกรรม แล้วเราจะหยุดกรรมได้อย่างไร
ไม่ยากเลยศิษย์ เมื่อโดนกระทบเราจะจบด้วยเข้าใจ หรือเราจะจำแล้วไม่ลืม (จบด้วยเข้าใจ) ถ้าจบด้วยเข้าใจแปลว่าศิษย์ได้ตัดกรรม ไม่เพิ่มกรรมต่อ แล้ววิบากกรรมมันก็จะสิ้นสุดลง
แล้วทำอย่างไรถึงจะจบด้วยเข้าใจ อาจารย์ถามหน่อย หนึ่งบวกหนึ่งเป็น
(สอง) หนึ่งลบหนึ่งเป็น (ศูนย์) ถ้าถามแบบนี้เราสามารถตอบได้ทันทีเลยใช่ไหม (ใช่) อาจารย์มีอีกคำถามหนึ่งนะ ถ้ามีคนๆ
หนึ่งมาเดินชี้หน้าด่าศิษย์ว่า “ไอ้โง่” “ไอ้บ้า” “หน้าตาก็น่าเกลียดทุเรศจริงๆ เลย” โกรธไหม (โกรธ) ไหนบอกว่าจะจบด้วยเข้าใจ แต่ถ้าอาจารย์บอกว่าคนที่ด่าศิษย์เป็นคนบ้า หายโกรธไหม
(หาย) แล้วทำไมหายล่ะศิษย์
(เพราะเข้าใจ) นั่นไงศิษย์
เพราะศิษย์เข้าใจว่าเป็นคนบ้า จบเลยไหม เหมือนกันนะศิษย์ ถ้าศิษย์เข้าใจความเป็นคนชัดเจน
เข้าใจหลักสัจธรรมชัดเจน เข้าใจธรรมแห่งความเป็นคนชัดเจน จะมีอะไรต้องโกรธอีกล่ะ เพราะทุกชีวิตล้วนเกิดขึ้น
ตั้งอยู่ ดับไป ทุกสิ่งเกิดและจบอยู่ในตัวเอง แต่คนที่ไม่ยอมจบคือตัวของเรา เขาว่าเขาด่าเราจบไปแล้วนะ
แต่เราไม่ยอมจบ ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจบอยู่ในตัวทุกขณะ เราจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไมล่ะ
ถูกไหมศิษย์ (ถูก)
อนิจจังทำให้ทุกข์เกิด อนิจจังก็ทำให้ทุกข์ดับ แต่ที่เราต้องวุ่นวายพยายามดับทุกข์ก็เพราะว่าเราไม่จบ
ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจสัจจะความเป็นจริง ความทุกข์จึงไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องพยายามกดมันไว้
แต่อยู่เฉยๆ เดี๋ยวมันก็จบไปเอง ไม่ต้องไปปรุงแต่ง อาจารย์จึงบอกศิษย์ว่าเมื่อความทุกข์มากระทบ
ไม่หนี ไม่สู้ แค่รู้เท่าทัน เดี๋ยวมันก็จบเอง ไม่มีสิ่งใดคงอยู่นิรันดร์ ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา
แต่พอถึงเวลาก็ลืมเรื่องนี้ทุกทีใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าศิษย์เข้าใจความเป็นตัวตนที่แท้จริง
ศิษย์จะไม่ยึดมั่นถือมั่น และศิษย์จะไม่มีอัตตาตัวตน แต่ความเข้าใจธรรมจะทำให้เราสลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน
ถูกหรือไม่ (ถูก)
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ชื่อเพลง “พบธรรมที่ใจ” ทำนองเพลง “ความรักดีดีอยู่ที่ไหน”)
ไม่มีสิ่งใดคงอยู่นิรันดร์ ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา และไม่มีเราเป็นของใคร
จริงไหม (จริง) จริงหรือ แต่พอถึงเวลาก็ลืมทุกทีใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าศิษย์เข้าใจความเป็นตัวตนที่แท้จริง
ศิษย์จะไม่ยึดมั่นถือมั่น และศิษย์จะไม่มีอัตตาตัวตน แต่ความเข้าใจธรรมจะทำให้เราสลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน
ถูกหรือไม่ (ถูก)
ความรักดีๆ อยู่ที่ไหน ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอก เริ่มที่ใจของตัวเราเอง
ถ้าเรารู้จักมีความสุข ถ้าเรารู้จักมีความรักให้กับตัวเอง
เรารักผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเรารอแต่ให้คนอื่นมารัก
เราจะไม่มีวันรักใครได้จริง แต่ถ้าเรารู้จักรักทุกคนได้ รักตัวเองได้
เราก็มีความรักให้ทุกคนได้ แต่ศิษย์ของอาจารย์ไม่ใช่ ชอบเอาแต่รอว่า ใครจะมารัก
ใครจะมาชอบ ยิ่งรอก็หมายความว่าศิษย์ไม่เคยรักใครแล้วก็ไม่เคยรักตัวเอง ใช่หรือไม่
(ใช่) ทำไมเราไม่รู้จักมีรักให้ทุกคน
อย่ารอเป็นแก้วว่าง จงเป็นแก้วที่เต็มที่พร้อมจะเติมให้ทุกคนไม่ได้หรือ เราเป็นความสุขที่สามารถมอบให้ทุกคนไม่ได้หรือ
ชีวิตทุกคนเริ่มต้นขึ้นมาจากการพึ่งพาคนอื่น ก่อนจะโตมาเราก็ต้องพึ่งพ่อแม่ จนโตมาเราก็ยังต้องพึ่งพ่อแม่
แต่ถึงสุดท้ายของชีวิต ทำไมเราไม่เติบโตมาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นบ้างล่ะทำไมต้องรอให้คนอื่นมาช่วย
เราช่วยตัวเองไม่ได้หรือ แล้วเราเอาแรงที่เราช่วยตัวเองเป็น ไปช่วยคนอื่นบ้างไม่ได้หรือ
ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เราต้องเห็นคุณค่าตัวของเราเองก่อนนะ
จริงๆ แล้วอาจารย์อยากให้ศิษย์รู้จักตัวเอง
แต่บางทีพอรู้จักตัวเองมากๆ มันก็กลายเป็นกรงขังที่ยึดติด ถ้ารู้แล้วยิ่งยึดติดบางครั้งไม่รู้อาจจะดีกว่า
เพราะถ้ารู้แล้วยิ่งยึดมั่นว่าตัวเองเป็นได้แค่นี้ ดีได้แค่นี้ อย่างนั้นสิ่งที่เรารู้ก็จะกลายเป็นการจำกัดตัวเอง
ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วทำไมไม่ทำให้ความรู้เป็นสิ่งที่เรารู้เข้าใจ
และเปิดกว้างล่ะ ธรรมะสอนให้เราเปิดกว้าง และมองตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีคุณค่า
แม้แต่สิ่งที่ร้ายที่สุดก็ยังมีดี ถูกหรือไม่ (ถูก) ชีวิตไม่ได้ สำคัญที่ว่าเจ็บแค่ไหน
ทุกข์แค่ไหน ลำบากแค่ไหน แต่สำคัญอยู่ที่เมื่อเราทุกข์ เราเจ็บ เราลำบาก
เราโดนกระทบ เราคิดเช่นไร คิดดีก็ขึ้นสวรรค์ ถ้าคิดชั่วก็ตกนรก
แต่ถ้าพ้นจากความคิด เปลี่ยนเป็นความเข้าใจ นั่นคือ ภาวะนิพพาน
สิ่งสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ความเจ็บ
ไม่ได้อยู่ที่ความทุกข์ ไม่ได้อยู่ที่ความสุข
แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อเราโดนกระทบเราคิดอย่างไร คิดอย่างคนพ้นทุกข์พ้นโลก
หรือคิดอย่างคนติดในโลกติดในทุกข์ อาจารย์จะสอนไว้นะศิษย์ เมื่อเราโดนกระทบไม่ต้องสู้
ไม่ต้องหนี แค่เข้าใจ เข้าใจเท่านั้นนะศิษย์มันจะจบเลย ไม่ต้องไปพยายามกดมันเลย ไม่ต้องไปพยายามให้อภัยเลย
เพราะว่าเข้าใจแล้วมันก็จบเลย ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากอยู่ในโลกแล้วไม่ทุกข์
จงเข้าใจความจริง เข้าใจทุกข์ กิเลสไม่ทำให้คนสิ้นทุกข์
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คนพ้นทุกข์แล้ว คนนั้นจะสิ้นกิเลสได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลยนะศิษย์
ถึงศิษย์จะพยายามไม่ โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง
ขนาดไหนก็ยังไม่พ้นทุกข์ แต่ถ้าเมื่อใดศิษย์สิ้นทุกข์หมดทุกข์ได้ เมื่อนั้นกิเลสก็สิ้นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
ฉะนั้นเมื่อไรที่ศิษย์เข้าใจคำว่า “ทุกข์” คืออะไร ศิษย์จะไม่กลัวอีกต่อไป เราจะโกรธใคร เราจะเกลียดใคร เราจะอยากไหม
อยากมากไปเดี๋ยวเขาก็ว่าเรา ใช่ไหม (ใช่) ในรักก็มีชอบ
ในชอบก็มีชัง ในทุกข์ก็มีสุข อย่างนั้นจะอยากมากไปทำไม
ถ้าเข้าใจแล้วก็จะหยุดกิเลสได้ทันที ดังคำกล่าวว่า
การเพียรศึกษาธรรม ไม่ได้อยู่ที่ว่าให้ทานเป็นคนดี เป็นอานิสงส์ การศึกษาธรรมไม่ใช่อยู่ที่รักษาศีลจนสมบูรณ์เป็นอานิสงส์
การศึกษาธรรมไม่ใช่อยู่ที่มีสมาธิ มั่นคง ไม่หวั่นไหว เป็นอานิสงส์ ไม่ใช่แค่นั้น
การศึกษาธรรมไม่ได้อยู่แค่เข้าถึงปัญญา แล้วเป็นอานิสงส์ แต่แก่นแท้ของการศึกษาธรรมก็คือ
ใจหลุดพ้นความกระเพื่อมไหวนั่นคือแก่นสาร ถึงแม้ว่าศิษย์จะทำบุญมาก มีศีลดีมีสมาธิ
แต่ทันทีที่ถูกกระทบ ก็ว่าเขา เกลียดเขา ไม่มีประโยชน์
ฉะนั้นหลักของการศึกษาธรรมก็คือ
โดนกระทบและเข้าใจและจบลง โดยที่ไม่ต้องกด โดยที่ไม่ต้องพยายามให้อภัย
โดยที่ไม่ต้องพยายามเมตตา แต่เข้าใจว่าคนเราก็แค่นี้ ไปทุกข์อะไร ตัวเราก็ทุกข์พอแล้ว
จะไปนำทุกข์เข้ามาทำไมอีก โกรธแล้วเป็นอย่างไร โกรธแล้วบ้าหรือ ไม่ใช่ มีใครในโลกไม่เคยถูกว่า
ไม่เคยถูกเกลียด ไม่เคยถูกนินทา ไม่เคยถูกใส่ความ มีไหม (ไม่มี) ฉะนั้นเป็นความจริงเป็นธรรมดา เวลาถูกเพื่อนว่า ถูกเพื่อนนินทา
ถูกเพื่อนเกลียด ถูกเพื่อนยืมเงินไปไม่คืนไหม โกรธไหม (ไม่โกรธ)
ถ้าเราเข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิต กระทบกระทั่งเป็นเรื่องธรรมดา
มีได้มีเสียเป็นเรื่องธรรมดา มีทุกข์มีสุขเป็นเรื่องธรรมดา
มีนินทามีโดนชมเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าทุกครั้งเราคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา โดนด่าก็
(ธรรมดา) โดนชมก็ (ธรรมดา)
เราจะโกรธใครไหม (ไม่โกรธ) เราจะรักใครไหม (ไม่รัก) การรักอย่างไหนหรือศิษย์
ความรักเมื่อมีแล้วเดี๋ยวก็ต้องผิดหวัง ผิดหวังแล้วก็ต้องเสียใจ
เสียใจเสร็จก็ต้องพลัดพราก พลัดพรากเสร็จก็ต้องทุกข์ มันก็วนเวียนไม่จบสิ้น ฉะนั้นการศึกษาธรรมไม่ได้ไกลเกินเอื้อม
ไม่ใช่เรื่องไกลเกิน แต่เป็นการเรียนเรื่องชีวิตล้วนๆ เรียนเรื่องแก่นของชีวิตเพื่อทำให้ใจมีพลัง
ให้ใจเข้มแข็งมีภูมิต้านทานที่ถูกต้อง เมื่อเจอเรื่องราวอะไรในโลกจะได้ยืนได้อย่างไม่หวั่นไหว
ยืนได้อย่างมั่นคงด้วยขาของตน ไม่ต้องพึ่งพาใคร ดีไหม (ดี)
อาจารย์พูดไกลเกินเอื้อมไหม (ไม่) อาจารย์โม้เกินไปไหม (ไม่) อาจารย์ลวงเราไหม (ไม่) ฉะนั้นสิ่งสุดท้ายที่ศิษย์ต้องจำไว้ คือ ความมีเป็นแค่สิ่งสมมติ
ความจริงคือสิ่งที่เรียกกว่าวิมุตติและว่างเปล่า ถ้ายังยึดติดกับความมีก็หนีไม่พ้นเรื่องสมมติ
สมมติว่าฉันชอบ สมมติว่าฉันชัง สมมติว่าอันนี้ทุกข์ สมมติว่าอันนี้สุข แต่ถ้าเราเข้าถึงความจริง
มันไม่มีชอบ ไม่มีชัง ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความไม่เที่ยงอันเปลี่ยนแปลงไป
หรือเรียกว่าว่างเปล่า
(อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมขอให้พระอาจารย์เมตตาประทานชื่อสถานธรรม
ที่ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์)
ควรจะทำให้เต็มที่แล้วค่อยได้ชื่อ หรือควรจะมีชื่อเพื่อเอามาบังคับให้เราต้องทำ
อาจารย์มีชื่อให้อยู่แล้วนะ อาจารย์แค่อยากถามศิษย์ว่าจะเอาอย่างไรให้คิดเอา
คิดให้ดีๆ (ทำก่อน) ใจเย็นๆ
ชื่อไม่หายไปไหนหรอก แต่อาจารย์อยากให้ศิษย์ทำให้เต็มที่แล้วอาจารย์ก็พร้อมจะให้ เพราะศิษย์งามพร้อมสมบูรณ์
เกียรติและชื่อมันจึงตั้งอยู่ ดีกว่าให้ชื่อไปแล้ว แต่ว่าศิษย์ยังทำอะไรไม่ได้เลย ฉะนั้นบุกเบิกแพร่ธรรม
ทำงานให้เต็มที่ อุทิศเสียสละให้เต็มกำลังและเต็มใจ ชื่อนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญเลย
สำคัญอยู่ที่การกระทำต่างหาก ถูกหรือไม่ (ถูก) เอาอะไรไหม (เอาปัญญา) ให้ปัญญาไปเรียบร้อยแล้วนะ ก็เหลือแต่ว่าศิษย์จะทำตามที่อาจารย์บอกได้ไหม
ฉะนั้นไม่ใช่มีชีวิตเพียงเพื่อตัวเอง คนกลุ่มนี้คือคนที่เขาเข้าใจธรรมะ
และอยากอุทิศเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อคนอื่นบ้าง เราเกิดมาเพื่อพึ่งคนอื่นมากแล้วนะ
ทำไมตอนนี้เราไม่เอาแรงเราไปช่วยคนอื่นบ้างล่ะศิษย์ ทั้งชีวิตเราเกิดมาก็พึ่งคนนั้นพึ่งคนนี้
แต่ถึงที่สุดเราจะพึ่งคนอื่นตลอดชีวิตหรือเราจะรู้จักสละชีวิตเพื่อช่วยคน อื่น
ใช่ไหม (ใช่) อาจารย์ให้กล้วยดีกว่านะ
สร้างห้องพระจะได้กล้วยๆ
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนที่ตอบคำถามออกมารับผลไม้)
อาจารย์ถามหน่อยนะ ถ้ากินแอปเปิลนี้แล้วทุกข์ เอาไหม
(เอา) ทุกข์สุขมันอยู่ที่ตัวเราอย่าให้แอปเปิลกำหนด
ถ้าจิตใจเราไม่อ่อนแอ เราไม่เห็นแก่ตัว เราไม่รักสบาย
ใครก็ทำให้เราทุกข์ไม่ได้แม้กระทั่งแอปเปิล ใช่ไหม (ใช่) แต่เพราะจิตใจเราอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า โดนกระทบนิดหน่อยก็รับไม่ได้แล้ว
โกรธไม่ได้หมายความว่าโง่ แต่โกรธหมายความว่าโดนว่า โดนกระทบ โดนต่อว่าไม่ได้
ก็เลยโกรธ ฉะนั้นกินแอปเปิลแล้วทุกข์เอาไหม (เอา) ผู้มีปัญญาไม่กลัวทุกข์ ผู้เข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิต
ความทุกข์ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่สิ่งที่ควรกลัวคือใจที่อ่อนแอรับความจริงไม่ได้ต่างหาก
ก่อนจะจากกันอาจารย์อยากบอกว่า ศึกษาธรรม เรียนรู้ธรรม ไม่ใช่ค้นหาแค่ตามหนังสือ
แต่จงค้นหาที่ใจตัวเอง เพราะมันเริ่มที่นี่ เราก็ต้องรับที่นี่ จบที่นี่
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกรรม มันเป็นเหตุ มันเป็นปัจจัย ไม่มีเรื่องบังเอิญ
เหตุทำให้เราต้องเจอกัน และเหตุก็ทำให้เราต้องจากกัน มันเป็นเรื่องปกติ
ถ้าเราเข้าใจเราจะไม่ทุกข์ ถ้าเราเข้าใจเราจะไม่ท้อ
แต่เราจะมีความเบิกบานในการอยู่ร่วมกัน ไม่โกรธ ไม่เกลียด โดยที่ไม่ต้องพยายามกด
แต่เป็นความเข้าใจอันเบิกบาน จนอะไรมากระทบก็ไม่หวั่นไหว รู้และเข้าใจตัวเอง
ฉะนั้นการเรียนรู้ธรรม ไม่ใช่ให้ไปเข้าใจคนอื่น แต่หันมาเข้าใจตัวเอง เรียนรู้ธรรมไม่ใช่สอนให้แก้คนอื่น
แต่ต้องแก้ตัวเราเอง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเรา
บำเพ็ญธรรมไม่ได้สอนให้ไปแก้ใคร ไม่ได้สอนให้ศิษย์ไปเปลี่ยนแปลงใคร
แต่เปลี่ยนแปลงที่ตัวเรา ไม่ได้สอนให้ศิษย์ไปบังคับใคร แต่บังคับที่ตัวเอง รู้เท่าทันทุกขณะที่โดนกระทบ
โลกมันเกิดจาก ตา หู ใจ และโลกจะจบได้ก็ด้วยที่ตาเราเห็น หูเราฟัง ใจเราหยุดได้ไหม
มันเริ่มตรงนี้ ก็ละตรงนี้ ก็จบตรงนี้ คนอื่นไม่สำคัญเลยนะศิษย์ สำคัญที่ตัวเรา เข้าใจแล้วไม่มีอะไรต้องโกรธ
เข้าใจแล้วไม่มีใครที่ต้องโทษ เข้าใจแล้วไม่มีใครที่เราจะเกลียด เข้าใจแล้วไม่มีอะไรที่เราอยากได้
เพราะตัวเองก็ทุกข์พอแล้วจะมาหาห่วงเกี่ยวทุกข์ไปทำไม ฉะนั้นเข้าใจธรรมไม่ใช่เข้าใจในหนังสือแต่ต้องเข้าใจในตัวเอง
ตรงนี้ ความสุขไม่ได้อยู่ที่ไหน ความสุขมันอยู่ที่ว่าเราเห็นทุกข์จนแจ่มแจ้ง จนไม่มีอะไรที่เรียกว่าสุข
แต่เห็นทุกข์จะเห็นว่ามันก็แค่นั้น มันก็เท่านั้น จะไปแช่ไปจมกับมันทำไม
ลุกขึ้นมาสิ ธรรมะไม่ได้สอนให้หนี ไม่ได้สอนให้สู้ แต่สอนให้เข้าใจ
เข้าใจก็จบเลยนะศิษย์
(นักเรียนชายลุกขึ้นถามพระอาจารย์)
(แล้วพระอาจารย์จะมาอีกเมื่อไหร่) อยากเจออาจารย์อีกหรือ
ศิษย์เอ๋ยความเป็นพุทธะมีอยู่ในตัวศิษย์ทุกคน ความตื่นรู้พ้นทุกข์ก็มีอยู่ในตัวศิษย์ทุกคน
แต่อยู่ที่ว่าเมื่อศิษย์โดนกระทบ ศิษย์จะคิดดีคิดชั่วหรือเข้าใจ เมื่อโดนกระทบศิษย์จะโกรธหรือเข้าใจ
เมื่อโดนกระทบศิษย์จะด่าเขา หรือจองเวรจองกรรมแล้วไม่จบกรรม เหล้าบุหรี่ อบายมุข
มันไม่เคยกวักมือเรียก ถ้าใจศิษย์ไม่อ่อนแอ เหล้า บุหรี่ อบายมุข
ก็ไม่อยู่ในใจศิษย์หรอก แต่เพราะเราอ่อนแอหรือเปล่าเราจึงตกเป็นทาสของเหล้า บุหรี่
มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีกนะศิษย์ อาจารย์ก็ไม่อยากจาก
อาจารย์อยากให้กำลังใจศิษย์ หัวใจที่กว้างใหญ่จะไม่มีใครที่เรารู้สึกว่าน่าเกลียด หัวใจที่ยิ่งใหญ่หาขอบเขตไม่ได้
จะไม่มีใครที่ทำให้เรารู้สึกว่า คนนั้นทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาแย่อย่างนี้
แต่เพราะใจเรายังคับแคบไปไหม เลยมีคนที่ยังรู้สึกรับไม่ได้ ไม่ไหวจริงๆ
ใช่หรือเปล่า
ฉะนั้นบำเพ็ญธรรมฝึกให้หัวใจกว้างและยิ่งใหญ่จนหาที่สุดไม่ได้
เมื่อหาที่สุดไม่ได้อะไรมันจะกระทบและทำให้เราเจ็บ ไม่มีนะ ฉะนั้นมีรูปจึงมีเงา
มีตัวตนจึงมีที่ทุกข์ แต่ถ้าไม่มีรูป ไม่มีเงา ไม่มีตัวตน เรากำลังทุกข์กับอะไร
ไม่มีใช่ไหม (ใช่) แต่เพราะมนุษย์ยังยึดตัวกูของกู
ฉะนั้นถ้าเราเข้าถึงความเป็นจริง แม้แต่รูปก็ยึดไม่ได้ รูปคือความว่าง ความว่างคือรูป
มองอะไรมองให้ชัด จะได้ไม่ถูกตัวเองนั้นหลอกตัวเอง รู้อะไรรู้ให้แจ้ง รู้ให้กระจ่างแล้วความรู้สึกของใจจะได้ไม่ทำให้เราบดบังตาอันแท้จริง
จริงไหม (จริง) เคยมองอะไรจนถึงที่สุด
จนไม่มีอะไรมาหลอกเราได้ไหม ลองมองให้ถึงที่สุดแล้วศิษย์จะรู้ว่าตัวตนมันก็ไม่มี
คนต่อว่าเรา คนทำร้ายเราก็ไม่มี มันเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งที่มาเจอกับอีกปัจจัยหนึ่งแล้วเดี๋ยวก็จบไป
แต่ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นเราก็สร้างตัวตนให้ทุกข์ไม่จบสิ้น เวียนว่ายให้ทุกข์ทน
เราจะเกิดมาเพื่อทุกข์หรือเกิดมาเพื่อจบ คิดให้ดีๆ นะ ฉะนั้นโดนกระทบคิดให้ดีๆ
ว่าถ้าเป็นกระทบแล้วเกิดเป็นกรรมหยุดดีไหม แต่ถ้ากระทบแล้วได้ละลายหนี้กรรมให้ไปดีไหม
เหมือนที่อาจารย์ถามนะ ถ้ากระทบเขาตีเรา เขาต่อว่าเรา ก็วางเราลงบ้างไม่ได้หรือ ให้ทานที่ยิ่งใหญ่คือให้ตัวตน
สละตัวตนได้เป็นทานที่ยิ่งใหญ่ไหม (ยิ่งใหญ่) ถ้าโดนตบจะให้แค่ทานหรือให้บุญหรือให้กุศล
คิดให้ดีๆ นะ ไม่ถือโกรธ ไม่ถือโทษ ตัดวางตัวตนให้ได้ทั้งบุญ ทาน กุศลและคลายความเป็นตัวตน
จริงไหม (จริง) กุศลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือสามารถตัดตัวตนได้
จนไม่เหลือให้ยึดถือ แล้วทำไมโดนกระทบแล้วเราไม่สละจะยึดทำไม จะโกรธทำไม
ศิษย์เอ๋ยถึงจะเจ็บ ถึงจะทุกข์ ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว เพราะความทุกข์ทำให้เราเข้าใจสุข
เพราะความทุกข์ทำให้เราได้สลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน และได้สร้างกุศลอันยิ่งใหญ่
ยึดทำไม เพราะถ้ายึดก็คือมีตัวตนให้ทุกข์ไม่จบสิ้น แต่ถ้าเราวาง เราคลาย เราก็จบกรรมกันเลยสิ้นกรรมกันเลย
เราเกิดมาเพื่อจบเวรจบกรรม ถ้าอยากจะกรรมก็กรรมต่อไป คิดให้ดีๆ นะ อาจารย์พูดง่ายๆ
แต่ทำไม่ง่าย อยู่ที่ว่าจะรับไหวไหมเท่านั้นเอง ใช่ไหม (ใช่) โลกใบนี้เกิดจากตัวเรา และจะหยุดได้ด้วยตัวเรา กระทบแล้วนิ่งไหม
กระทบแล้วเข้าใจไหม กระทบแล้ววางได้ไหม ถ้ากระทบแล้ววางไม่ได้ก็ก่อเกิดเป็นเวรกรรม
จองเวรจองกรรม เวียนว่ายวัฏฏะไม่จบสิ้น คิดให้ดีๆ นะก่อนจะไปเกี่ยวกรรมกับใคร
แค่ตัวเองก็ยังไม่ไหวแล้ว ยังอยากจะมีบุญเวรกรรมกับใครอีกไหม (ไม่อยาก) บุญกรรมหนุนมาให้เจอกัน แล้วสักพักศิษย์จะได้รู้ว่าเวรกรรมเป็นอย่างไร
ตอนอยู่กันก็มีความสุขดี แต่พอนานไปก็ตัวใครตัวมัน ฉะนั้นคิดให้ดีๆ
นะก่อนจะเกี่ยวกรรม
ยิ้มยากหรือ ยิ้มให้อาจารย์หน่อยได้ไหม
อาจารย์อยากเห็นศิษย์ยิ้มนะ ศิษย์เป็นคนหล่อนะ ยิ้มยากไหม (ยาก) แล้วทำไมยิ้มยากล่ะศิษย์เอ๋ย ชีวิตมันยากนักหรือ
อยากมีความสุขเริ่มต้นที่รอยยิ้ม ศิษย์เอ๋ยถ้าเราเอาแต่นั่งหดหู่ห่อเหี่ยว
ชีวิตมันก็หดหู่ห่อเหี่ยว แต่ถ้าเรายิ้มทุกชีวิตก็ยิ้ม ใช่หรือไม่อาจารย์ถามว่าได้แอปเปิลแล้วไปทำอะไร
(เอาไปบูชา) บุญที่ดีคือ บุญที่ได้รับแล้วรู้จักส่งต่อ
บุญที่ยิ่งใหญ่คือการได้รับแล้วรู้จักส่งต่อ บุญที่ยิ่งใหญ่คือ
บุญที่ได้รับแล้วรู้จักให้คนต่อ ได้แล้วรู้จักให้ต่อ ดีแล้วรู้จักดีส่งต่อ
มีความสุขแล้วจงรู้จักส่งต่อ ทำให้ได้นะ อาจารย์อยากให้ศิษย์มีความสุข
ใครอยากได้แอปเปิลอีก
ได้แล้วก็นำไปให้คนที่ศิษย์รักที่สุด แล้วก็บอกพ่อ แม่ พี่น้องว่า หนูเอาบุญมาฝาก
พ่อแม่ได้รับก็สาธุ บุญจะได้ใหญ่
ศิษย์อายุเท่านี้ แต่ตั้งใจฟังจนจบสองวัน
แม้จะรู้สึกว่าลำบากแต่ก็นั่งจนจบได้ อาจารย์ก็ขอปรบมือให้ดังๆ ให้กำลังใจตัวเองหน่อยนะ“สุดยอด”
ดูแลจิตตัวเองให้ดี
อะไรไม่สำคัญเท่าเราต้องมีความสุขด้วยตัวเอง อย่าทำร้ายตัวเอง ตั้งใจเข้มแข็ง
บำเพ็ญธรรมสิ่งสำคัญคือ อย่าอ่อนแอ
จับมือไหม หากจับก็กลับมาเจอกันอีกนะ
กลับมาช่วยอาจารย์อีกนะ โอกาสมีอยู่แล้ว อยู่ที่ศิษย์จะทำไหม กลับมานะ
อย่าอ่อนแอนะ เป็นเด็กดีของอาจารย์ เป็นจี้กงน้อยๆ
ของอาจารย์ได้ไหม เป็นจี้กงที่รู้จักอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้คน ทำให้ได้นะ สิ่งสำคัญคือตัวเรา
รูปลักษณ์เป็นเพียงภายนอก ขอให้ใจน่ารักก็พอ ใช่ไหม มีโอกาสกลับมาอีกนะศิษย์
จับมืออาจารย์แล้วปฏิบัติให้ได้ด้วยนะ มีโอกาสมาฟังให้ครบ
มุ่งมั่นทำสิ่งที่ถูกต้องได้หรือยัง มีโอกาสเลือกทางที่ถูกต้องอย่าหลงทางทำผิด
น่าเสียดายนะถ้าขาดความมุ่งมั่น มุ่งมั่นทำสิ่งถูกต้อง มีโอกาสกลับมาอุทิศตัวเองเพื่อคนอื่นบ้าง
ทำให้ดีทำให้ถึงที่สุดนะ ตั้งใจแล้วไปให้ถึงที่สุด นำพาผู้คนด้วยความห่วงใยเอาใจใส่ผู้คน
อย่าคิดถึงอดีต ตอนนี้คิดอย่างเดียวทำให้ดีที่สุดเพื่อให้บุญกุศลนั้นหนุนนำให้พ่อแม่ไปสู่
ที่สูงที่สุด อย่ามัวแต่เสียใจกับอดีตจำไว้
เดินบนหนทางนี้แล้วต้อง ไม่หวั่นไหว
เดินบนหนทางนี้แล้วต้องไปให้ถึงที่สุด เดินบนหนทางนี้แล้วอย่ากลัวอุปสรรค
อย่ากลัวกรรมเวร แม้กรรมเวรจะน่ากลัว แต่ขอเพียงศิษย์หนักแน่นมั่นคงกรรมเวรก็สลายได้
เด็กดีของอาจารย์ต้องตีเยอะๆ จะได้เข้มแข็ง ยังมัวหลงไปไหนหรือ จิตใจต้องเข้มแข็งนะศิษย์เอย
อาจารย์ดีใจและภูมิใจที่มีศิษย์เป็นศิษย์ ฉะนั้นศิษย์จงทำสิ่งที่น่าภูมิใจให้สมกับเป็นศิษย์ของอาจารย์จี้กง
นั่นก็คือ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ฟันฝ่าสู้จนถึงที่สุด อย่าให้ความเป็นตัวตนมันกักขังเรา
แต่จงเอาคุณธรรมมาสลายความเป็นตัวตน อย่าไปยึดติดในรูปอันไม่เที่ยง
เข้มแข็งนะศิษย์
ความทุกข์ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว
ความเจ็บปวดไม่ใช่สิ่งโหดร้าย ทั้งความทุกข์และความเจ็บปวดคือสิ่งที่เราต้องเข้าใจเรียนรู้ ยอมรับเพื่อปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนนะ เพราะสิ่งที่แท้จริงที่สุดในตัวศิษย์และประเสริฐที่สุดในตัวศิษย์
นั่นคือ พุทธจิตอันว่างเปล่าจากการยึดถือ คือความรู้แจ้งเห็นจริงที่เข้าถึงแล้วมันถึงเลย อะไรก็ทำให้ทุกข์ไม่ได้อีกต่อไป
อะไรก็พลัดพรากให้ศิษย์ตกนรกไม่ได้อีกต่อไป อาจารย์อยากให้ศิษย์ไปให้ถึงความเข้าใจนั้นจริงๆ
เข้าใจที่มันหมดทุกข์ สิ้นทุกข์ สิ้นความโกรธ สิ้นความเกลียด เป็นการอยู่ในโลกด้วยความเข้าใจเบิกบาน และมีแต่ให้กับให้โดยที่ไม่หวังวอนอะไร
ไปให้ถึงให้ได้นะศิษย์ จิตที่ให้จนไม่มีคำว่าตัวตน
จิตที่ให้จนไม่มีการหวังผลอะไร ให้ไปเถอะถ้าให้แล้วมันสูญสิ้นความยึดมั่นถือมั่นตัวตน แม้กระทั่งตัวตนก็ให้ได้ แม้กระทั่งความเจ็บปวดก็ให้ได้
ให้แล้วเข้าใจ ให้แล้วไม่โกรธ ให้แล้ววาง ให้แล้วจบมีโลกที่สวยงามที่สุดที่อยู่ในใจของศิษย์เอง
รอเพียงศิษย์รู้ รู้แล้วเข้าใจแค่นั้นเอง