วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

2557-10-18 สถานธรรมฮุ่ยอวี้ จ.ขอนแก่น



西元二○一四年 歲次甲午 九月廿五日    仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗    สถานธรรมฮุ่ยอวี้  จ.ขอนแก่น
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ

    ต่างมุ่งหาความมั่นคงภายนอกกาย    หลงลืมหาความมั่นคงภายในจิต
ความเปลี่ยนแปลงโหมกระหน่ำเข้าประชิด    พาชีวิตเบือนบิดจนยืนไม่เป็น
        เราคือ
    หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่แดนโลก  แฝงกายประณตน้อมกราบ
องค์มารดา        ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

    ตั้งแต่คลานจนยืนจนคลาน    เชื่อวิทยาการก้าวหน้านำชีวิตครบ
แสวงหาจิตใจยิ่งไม่บรรจบ    เมื่อทางออกไม่พบมีอะไร
ทำไมยิ่งจับแม้อยากปล่อยวาง    ห่างไม่ไม่เดินห่างยากแก้ไข
กิเลสพอกยิ่งกลบแม้กระทั่งใจ    ไม่ยั้งตัวเองไว้ยากบรรเทา
คนไม่รู้จักมีมีไม่เป็น    ครองชีวิตยิ่งหงุดหงิดเป็นโรคเศร้า
รู้อยู่แล้วเพราะอะไรไม่บรรเทา    ใช้สติมองตัวเราจะเข้าใจ
มัวติดหายึดกระทั่งความดี    โลภแตก แต่ความเก่งโก้ดิ้นรนไล่
คนเกิดมาไม่นานอันตรธานไป    เหลือสิ่งใดไว้อยู่ชั่วนิรันดร์
            ฮา  ฮา  หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
“ต่างมุ่งหาความมั่นคงภายนอกกาย    หลงลืมหาความมั่นคงภายในจิต
ความเปลี่ยนแปลงโหมกระหน่ำเข้าประชิด    พาชีวิตเบือนบิดจนยืนไม่เป็น”

เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า คิดว่ามีเงินจะทำให้ชีวิตมั่นคง คิดว่ามีอาชีพเป็นหลักแหล่งจะทำให้ชีวิตมั่นคงดีงาม คิดว่ามีบ้านมีรถมีตำแหน่งมีครอบครัว จะทำให้ชีวิตมั่นคงสมบูรณ์แล้ว ใช่ไหม (ไม่ใช่)  เงินก็พร้อม บ้านก็มี รถก็มี ครอบครัวก็มี ดูเหมือนจะมั่นคงพร้อมสมบูรณ์แล้วใช่ไหม (ไม่ใช่)  หาเท่าไรก็ยังไม่พร้อมสมบูรณ์สักทีใช่ไหม (ใช่)  เราพยายามหาความมั่นคงให้กับชีวิต แต่ทำไมเรายิ่งหาเท่าไรก็ยิ่งดูเหมือนไม่พร้อมไม่สมบูรณ์สักที จริงไหม (จริง)  เหมือนจะดูพร้อม เหมือนจะสมบูรณ์ เหมือนจะมี แต่ถึงเวลา ทำไมขาดอยู่เรื่อย ใช่ไหม (ใช่)
เคยได้ยินสำนวนหนึ่งกล่าวไหมว่า “ถ้าใจมี แม้ภายนอกไม่มีก็เหมือนมี แต่ถ้าใจไม่มี ภายนอกมีก็เหมือนไม่มี” จริงไหม (จริง)  เอาใหม่ บางคนยังตามไม่ทัน ถ้าใจเรารู้สึกมี ข้างนอกแม้มันจะน้อยขนาดไหนเราก็ว่ามี ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าใจเราบอกไม่มี แม้ข้างนอกจะมีเยอะขนาดไหนมันก็เหมือนไม่มี จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นมัวแต่ไปหาความสมบูรณ์พร้อมภายนอก แต่เราลืมความสมบูรณ์ภายในจิตใจหรือเปล่า เรามัวแต่ไปวิ่งหาความสุขภายนอก แต่เราลืมว่าอะไรคือความสุขที่สุดในจิตใจหรือไม่ เราถามท่านนะ บางครั้งเราไปวัด เราไหว้พระเพื่ออะไร (เพื่อความสุขทางใจ) เพื่อความสงบ เพื่อปลดทุกข์ หรือไปไหว้พระเพื่ออยากหาสิ่งดีๆ มาให้กับชีวิต รู้สึกว่าข้างนอกวุ่นวายเหลือเกิน ใช่ไหม (ใช่)  ไปแล้วได้สิ่งดีๆ ไหม (ได้)  ไปแล้วได้ความสงบไหม (ได้)  บางทีเราคิดว่าเรามาวัดเรามาไหว้พระ เพราะเราอยากได้สิ่งดีๆ กลับไป อยากได้ความสงบกลับไป อยากได้บุญกลับไป แต่พอก้าวยังไม่ทันพ้นประตูวัด ดีหายเลย ความสงบหายเลย บุญไม่มีเลย ใช่ไหม (ใช่)  เพราะอะไรหรือ เราลืมดีไว้ที่วัดและเราลืมบุญไว้ที่วัด เราลืมความสงบไว้ที่วัดใช่ไหม (ใช่)  แล้วทำไมไม่เอากลับไปล่ะ เพราะอะไรหรือ เพราะไปถึงวัดแล้วดีอยู่ไหน ไหนดี ใช่ไหม (ใช่)  ไปวัดความสงบอยู่ไหน เดินกลับมาเดินกลับไป สงบอยู่ไหนล่ะ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้น ถ้าอยากจะมาไหว้พระให้ถึงพระ มาไหว้พระให้ถึงความสงบ มาไหว้พระเพื่อเอาบุญ ก็ต้องรู้จักคำว่าสงบ ดี และบุญก่อน ถ้าไม่รู้จักคำว่า สงบ ดี บุญ ก็เอากลับไปไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  มาอย่างไรก็กลับไปอย่างนั้น วันนี้มาที่นี่มาเพื่ออะไร มาสงบไหม หรือมาเพื่อมาฟังธรรมหรือมาเพื่อเอาดี หรือว่ามาเพื่อขอ ฉะนั้นเราขอคุยกับทุกท่านก่อนเพื่อจะได้มีความคิดเห็นร่วมกันและไปด้วยกัน
ตอนนี้ถามท่านก่อน มาฟังธรรมเพื่อเอาธรรมหรือมาฟังธรรมเพื่อดี หรือมาฟังธรรมเพื่อสงบ ว่าอย่างไร ส่วนใหญ่มาเพื่ออยากหาความสงบ และมาเพื่ออยากกำจัดทุกข์ในใจใช่ไหม (ใช่) เราถามท่านหน่อย ถ้ามาแล้ว “เฮ้อ เมื่อไรจะจบ เฮ้อ อีกนานไหม เฮ้อ ทำไมยืดยาวเหลือเกินวันนี้ เฮ้อ” อย่างนี้ได้สงบไหม (ไม่) อย่างนี้นั่งแล้วได้ดีไหม (ไม่) อย่างนี้นั่งแล้วได้บุญไหม (ไม่) แต่ถ้าในทางกลับกันนั่งฟังแล้ว “โอ้ พูดเก่งจัง โอ้ พูดดีจัง โอ้ จบแล้วเหรออีกหัวข้อหนึ่ง  ยังฟังไม่ทันรู้เรื่องเลย ไม่เป็นไรเดี๋ยวต่อใหม่” เป็นอย่างไหน เป็นอย่างแรกใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าอยากฟังแล้วได้บุญ จงจำไว้เลยนะ บุญคือเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส ทำให้จิตใจเบิกบานผ่องใส เป็นสุข พบความสว่าง แต่ถ้านั่งแล้วขุ่นมัวหมองนั่นคือได้บาป มิใช่ได้บุญ นั่นคือได้ความวุ่นวายไม่ใช่ความสงบ นั่นคือกำลังหาเรื่องไม่ดีมากกว่าได้เรื่องดีแล้ว ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งตอนนี้ได้บุญหรือได้บาป (ได้บุญ)  อย่างนั้นหรือ ไม่มีใครรู้จักใจและความคิดเราได้ดีนอกจากตัวเราเอง ฉะนั้นไม่อยากให้คนอื่นหลอกลวงเรา จงอย่าหลอกตัวเอง รู้คนอื่นไม่สู้รู้ใจตัวเอง เท่าทันคนอื่นไม่สู้เท่าทันความคิดตัวเอง
ไม่ต้องห่วงนะ เราไม่รบกวนเวลาท่านนาน อยู่เพียงชั่วครู่ให้หายคิดถึงแล้วก็ไป ดีกว่าไหม (ไม่ดี)  มนุษย์ไม่ใช่เป็นอย่างนี้หรือ เจอกันครู่เดียวอดคิดถึงไม่ได้ ใช่ไหม แต่อยู่กันนานๆ กลับขับไล่ไสส่ง ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  ไม่ใช่หรือ ฉะนั้นคนที่อยู่ในบ้านอยู่กันนานๆ อย่าเผลอไปขับไล่ไสส่งเขา และเห็นคนที่เจอครู่เดียวว่าดีกว่านะ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  ให้เป็นอย่างนั้นเถอะ ส่วนใหญ่มนุษย์ชอบเป็นอย่างนี้นะ อะไรที่อยู่กับเรานานๆ หรือที่มนุษย์ชอบพูดเป็นภาษาปากว่า “ของตาย” เป็นของตายของเราก็ถูกแล้ว ใช่หรือ มีใครเป็นของเราหรือ (มีครับ แฟนผม)  เขาบอกว่าแฟนเขาเป็นของเขานะ จริงไหม (ไม่จริง)  ทำไมไม่จริงล่ะก็แฟนเขา มีใครเป็นของเราจริงๆ หรือ ถึงเวลาเขาก็ต้องไปตามทางของเขา นอนด้วยกัน อยู่ด้วยกัน บ้านเดียวกัน แต่ถึงเวลาต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ จริงหรือไม่ (จริง)  แต่มนุษย์เราแปลกนะอยู่ด้วยกันนานๆ ก็กลับเบื่อ แต่พอเขาไปจริงๆ ก็ (คิดถึง)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แรกๆ ไม่คิดถึงแต่พอเอาเข้าจริงๆ ใจหายวาบเลย ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นรักษาเวลาและโอกาส มนุษย์เชื่องช้ากว่าหอยทากเพราะคิดว่าตัวเองมีวันพรุ่งนี้ เมื่อไรที่เราบอกว่า “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้มี”  เราทำไหม (ไม่ทำ)  พอถึงวันพรุ่งนี้เราก็พูดว่า (พรุ่งนี้มี)  ใช่ไหม (ใช่)  เราเลยไม่ค่อยทำดีๆ ต่อกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)
อยากนั่งหรือยัง (ยัง/อยาก)  ยังหรือว่าอยาก ส่วนใหญ่บอกว่ายังนะ เราไม่ได้รังแกท่านนะ เพราะเราถามท่านก่อน (ยัง/อยาก)  ยังหรืออยาก เราได้ยินยังมากกว่าอยากนะ ถูกหรือเปล่า (ถูก)  ถ้าเกิดว่าเราเผลอลืมท่านไป เพราะอยู่ด้วยกันนานๆ แล้วลืม แล้วปล่อยให้ท่านยืนไม่ได้นั่งก็อย่าโกรธเรานะ เพราะท่านเป็นคนบอกเองว่ายัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามอีกทีนะ อยากนั่งหรือยัง (ยัง)  เห็นไหม เราไม่ได้หูไม่ดีนะ
ฉะนั้นก่อนจะว่าใครเขาว่า ทำไมปฏิบัติกับเราไม่ดี ก่อนจะไปด่าเขาว่าทำไมเขาทำอย่างนี้กับเรา จงถามตัวของเราก่อนนะว่า เราพูดชัดหรือเปล่า เวลาอยู่ด้วยกันจะได้ไม่กระทบกระทั่งให้เจ็บปวด จะได้ไม่น้อยใจแล้วตัดพ้อให้ตนเองเป็นทุกข์ ถูกหรือเปล่า (ถูก)  ต่างฝ่ายต่างเห็นใจกัน เข้าใจ และยอมกันบ้าง ถ้าคุยเรื่องเดิมแล้วอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง ก็พยายามเปลี่ยนคำพูด แล้วทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจง่ายๆ เหมือนเมื่อสักครู่เราถามว่า ยังหรืออยาก ใช่ไหม (ใช่)  ทำอย่างไรเราก็ยังได้ยินไม่ชัด เราก็เลยต้องเปลี่ยนคำพูดเป็นนั่งดีไหม ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้น ถ้าเราคุยกับใครแล้วเหมือนจะมีเรื่อง เราอย่าเพิ่งไปว่าใครเขา อย่าเพิ่งไปโทษเขา เราต้องลองเปลี่ยนคำพูดใหม่ ลองสื่อกับเขาใหม่อีกครั้ง เผื่อจะได้ไม่มีเรื่องกับเขา ดีไหม (ดี)  แต่ถ้าเรายังยืนยันพูดเหมือนเดิม อยากนั่งหรือยัง ถ้าเรายิ่งดันทุรังพูดแบบนี้ก็จะมีแต่มีเรื่อง ใช่ไหม (ใช่)  ตอนแรกท่านก็อาจจะยอมเรา แต่ต่อไปอาจจะเป็น “จะเอาอย่างไร” ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีคนไม่ไหวแล้ว เบื่อหรือเปล่า ถ้าเบื่อไปพักก่อน เราไม่บังคับ ถ้าใครไม่ไหว เชิญออกไปพักข้างนอกก่อนได้ เพราะเป็นเรื่องยากที่อยู่ๆ จะให้ท่านมานั่งฟังอย่างนี้ทั้งสองวันเต็มๆ และยังต้องนั่งเงียบๆ ฟังคนอื่นพูด ก็ยิ่งเป็นการขัดใจท่านมากขึ้นอีก ใช่ไหม เพราะแต่ก่อนเคยเป็นแต่พูด ไม่เคยเป็นแต่ฟัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้น ถ้าวันนี้ได้ลองฟัง แล้วได้หยุดเพื่อมองตัวเอง ไม่ต้องพูดบ้าง ก็อาจจะมีอะไรดีบ้าง ไม่ใช่หรือ ใช่ไหม (ใช่)  มนุษย์เราโดยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ธรรมะคือสิ่งที่สอนให้เราเป็นคนดี แล้วเราดีหรือยัง (ยัง)  ดีไม่พอเลยไม่เคยพอดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนนี้อยากเอาดีไปกับตัวไหม (อยาก)  แล้วอยากไปไหนก็มีดีไหม (อยาก)  เราถามท่านว่าความดีคืออะไร (มีคุณธรรม)  ตอบได้ดีนะ แล้วที่ทุกท่านบอกเราว่า ท่านยังไม่ดีแปลว่าท่านยังไม่มีคุณธรรมหรือ สักข้อก็ไม่มีเลยหรือ มีไหม (มี)  ถ้าอย่างนั้นบอกให้เราชื่นใจว่า ตั้งแต่เด็กจนโตจนตลอดชีวิต ท่านมีคุณธรรมอะไร มีข้อเดียวหรือหลายข้อ (ความเมตตา)  คนมีเมตตาต้องเป็นคนที่ไม่เคยเกลียดใครใช่ไหม ไม่เคยด่าใครใช่ไหม ถูกหรือไม่ เราถามจริงๆ นะ หัวอกคนมีเมตตาแท้ๆ จะไม่ด่าใครจริงไหม (จริง)  คนมีเมตตาจะไม่เกลียดใคร จะรักทุกคนเท่ากัน และจะไม่ลำเอียงจริงไหม (จริง)  แล้วตกลงเรามีเมตตาไหม (มี)
ทำอย่างไรถึงจะดีพอ แล้วจะได้พอดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  โดยส่วนใหญ่มนุษย์ทุกคนอยากเป็นคนดี มีใครบ้างอยู่ในโลกนี้ไม่อยากดีเลย เบื่อเป็นคนดี เหนื่อยจากการเป็นคนดี หรือไม่ก็ถามว่าดีทำไม รู้ไหมว่าทำไมถึงต้องเป็นคนดี รู้ไหมทำไมพระพุทธะทุกพระองค์ถึงสอนให้คนทุกคนต้องเป็นคนดี เราถามท่านนะ เพราะอะไร
เวลาไปหาอะไรก็ต้องหาสิ่งที่ (ดี)  เวลาเจอใครก็อยากเจอคน (ดี)  เวลาเลือกอะไรก็ต้องเลือกสิ่งที่ (ดี)  เวลาได้ยินใครพูดอะไรก็อยากให้เขาพูด (ดี)  พอรู้หรือยังทำไมต้องดี เพราะความดีคือรากฐานที่ในใจทุกคนค้นหาและอยากพบเจอที่สุด จริงไหม (จริง)  อยากเจอคนดีๆ ดีจริงๆ ไม่หลอกเรา อยากเจอสิ่งที่ดี ดีจริงๆ ไม่ทำร้ายเรา แล้วบางทีเราก็อยากเป็นคนดีจริงๆ ที่ดีแล้วไม่เจ็บปวดใจ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นพอตอบได้หรือยังว่าทำไมเกิดเป็นคนคนหนึ่งจึงต้องมีดีให้ได้ และหาดีให้เจอ เพราะคือรากฐานของใจ เพราะคือสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์ทุกๆ คนปรารถนาจะพบเจอ มีใครบ้างอยากเจอคนร้าย มีใครบ้างคุยกัน อยากเจอคนด่า มีใครบ้างซื้อของ อยากเจอคนหลอกลวง มีแต่อยากได้ของดีๆ เงินเราก็ให้เขาดีๆ แล้วทำไมเขาไม่ให้ของเราดีๆ แต่ธรรมะสอนเราแค่ดีเท่านั้นหรือ (ไม่ใช่)  ฉะนั้นพอมนุษย์รู้ใจตัวเองแล้วว่า ฉันชอบสิ่งดี ฉันชอบคนพูดดี ฉันชอบเจอแต่เรื่องดีๆ ฉะนั้นชีวิตนี้ฉันต้องมีแต่ดี ไม่มีร้าย ใช่ไหม (ใช่)  ใช่หรือ แปลว่าท่านกำลังเข้าใจคำว่า “ธรรมะ” ผิดไป
จริงที่ว่าธรรมะสอนให้ทุกคนต้องดี ทำดี พูดดี คิดดี ปฏิบัติดี และประกอบศีลธรรม คุณธรรม หรือที่พระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า อยากเป็นคนดีต้องมีศีล ศีลทำให้คนเป็นปกติแล้วดี แต่ถ้าขาดศีลแปลว่าคนนั้นไม่ปกติ จึงไม่มีดี ใช่ไหม (ใช่)  แต่ในศีลยังสอนอีกว่า ไม่ใช่แค่ศีลอย่างเดียวที่เราต้องเรียนรู้ถึงจะเป็นคนดี แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ท่านลืมไม่ได้คือธรรมะ เรารู้จักศีลแต่เราลืมรู้จักธรรมะ คำว่าธรรมะไม่ใช่แปลว่าดีคือธรรมะ แต่ธรรมะคือทั้งดีและชั่ว ทั้งสุขและทุกข์ล้วนคือธรรม ผู้ที่เข้าถึงความดีแล้วยังต้องไปให้ถึงธรรมจึงจะพ้นทุกข์ได้ ฉะนั้นเป็นคนดีก็ยังหนีไม่พ้นทุกข์ถ้ายังก้าวไม่ถึงซึ่งคำว่าธรรมะ เป็นคนดียังพ้นทุกข์ไม่ได้ถ้าดีแล้วยังไม่เข้าใจธรรมะ อย่างนั้นธรรมะคืออะไรใช่ไหม (ใช่)  ใครสามารถตอบได้บ้างว่าธรรมะคืออะไร ตะกร้าดอกไม้หรือดอกไม้หรือตัวเราหรือท่านก็ล้วนคือธรรมะ แต่ถ้าพูดกว้างๆ อย่างนี้ก็ไม่เข้าใจใช่ไหม (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้น ๒ ท่านออกมาหน้าชั้น)
อยากเรียนรู้คำว่าธรรมะ เราจะอธิบายให้ท่านฟังอย่างง่ายๆ ธรรมะบางทีไม่สามารถจำกัดความได้ ถ้ายิ่งจำกัดความมากเท่าไร ก็จะยิ่งห่างไกลคำว่าธรรมะ แต่ธรรมะสามารถอธิบายได้ด้วยการยกตัวอย่าง เช่น ถ้าท่านนี้เรียกว่าธรรมะ แล้วท่านนี้ก็อาจจะเรียกว่าธรรมะ ใช่ไหม (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนแสดงเป็นตัวอย่าง ให้นักเรียนเข้ามาในห้อง เห็นใครก็ด่าทุกคนเลย นักเรียนแต่ละคนบอกว่าทำไม่ได้)
ทำไมถึงด่าไม่ได้ (เพราะว่าเขาเป็นคนดี ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องด่า)  ยังไม่มีกรณี ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นแปลว่า โดยปกติมนุษย์ทุกคนอยู่เฉยๆ ก็เป็นคนดีได้ แต่เพราะมีอารมณ์ มีเรื่อง มีกรณี หรือเพราะเขาไม่ดี เราจึงด่าได้ ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นแปลว่า จริงๆ แล้วมนุษย์ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย เราก็ไม่มีทางที่จะประพฤติผิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเราไม่เข้าใจเหตุปัจจัย แล้วปล่อยให้อารมณ์นำความดี เราก็สามารถที่จะประพฤติผิด เพราะเรามองเห็นเขาดีไปทุกอย่าง เราก็เลยไม่กล้าว่าเขา แต่ถ้าเมื่อไรเรามองเห็นเขาไม่ดี เราก็จะกล้าว่าเขา ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือถึงเขาจะไม่ดีก็ไม่กล้าว่าเขา
อย่างนี้เปลี่ยนใหม่ ให้ท่านเดินเข้ามาแล้วเมื่อพบใครก็ให้ท่านชมทุกคน ทำได้ไหม (ได้)  เห็นไหมว่าทำดีทำง่ายกว่า ฉะนั้นอย่าบอกนะว่า ทำดีทำยาก ทำชั่วทำง่าย ใช่หรือไม่ ถ้าเราเข้าใจถึงธรรม ไม่ว่าจะเจอร้ายขนาดไหน หรือถูกกดขี่ข่มเหงขนาดไหน เราก็จะไม่ประพฤติผิดธรรมและธำรงรักษาความดีได้
ไม่มีใครทำได้เลย อย่างนั้นเราทำให้ดูก็ได้นะ เรายอมเป็นคนชั่วร้ายเพื่อให้ท่านเข้าถึงธรรม ดีไหม ท่านเคยได้ยินคำว่า “เพราะพบทุกข์จึงเห็นธรรม” ไหม ถ้ามีคนบอกท่านว่า “โง่จริงๆ เลย มานั่งฟังใครก็ไม่รู้ พูดอยู่นั่นแหละ ท่านนี่ก็โง่และแย่ไม่ได้เรื่องเลย” รับไหวไหม (ไหว)  เจ็บปวดใจ  แล้วถ้าบอกว่า “แน่ใจหรือว่าไม่โดนหลอก ระวังเถอะโดนหลอกแน่ๆ” อย่างนั้นท่านรับไหวไหม (ไหว)  ท่านรับไหว และยังคงรู้สึกดีใช่ไหม นั่นแปลว่าทุกเรื่องทุกราวที่เกิดขึ้นในชีวิต ถ้าเรารับได้ เราเข้าใจ มันก็เป็นเรื่องที่ดีได้เหมือนกัน แต่ถ้ารับไม่ได้ ไม่เข้าใจ ก็หาดีไม่เจอ จริงหรือไม่ (จริง)
เราอาจเข้าใจการเป็นคนดี แต่ยังไม่เข้าใจธรรมใช่หรือไม่ (ใช่)  คำว่า “หลักธรรม” หรือ “ธรรม” อันเป็นกฎธรรมดาของโลก หรือกฎธรรมดาที่ทำให้ทุกสิ่งแม้จะสูงต่ำดำขาว เกิดมารวยหรือจน ก็ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน เพราะมี “ธรรม” อันเป็นกฎที่ทุกคนหนีไม่พ้น และธรรมนั้นจะทำให้เรามองว่า ไม่ว่าเขาจะร้ายหรือ นั่นก็คือ “ธรรมอันเป็นธรรมดา” แล้วกฎอะไรที่จะทำให้เราสามารถมองทุกสิ่งแล้วเข้าใจได้ บางทีมันยาก ถูกไหม เหมือนมีคนอื่นตั้งร้อยตั้งพันไม่ด่า ทำไมจู่ๆ ก็มาด่าเราอยู่คนเดียว ทำไมต้องมาโกงเรา ทำไมต้องมาทำเราเจ็บปวดใจ ในเมื่อผู้คนมากมายพูดอะไรเราก็ไม่เจ็บ แต่พอคนนี้พูดปุ๊บเราเจ็บปั๊บ จริงไหม (จริง)  เคยเจอไหม (เคย)  แล้วอะไรที่เรียกว่าพอดีเล่า ท่านคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญไหม เหมือนวันนี้ที่เรากับท่านมาเจอกันใช่เรื่องบังเอิญไหม ดูเหมือนบังเอิญแต่เราจะบอกให้รู้นะว่า ในโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย ถ้าเราลงมาประจวบเหมาะ เราก็จะเจอกันพอดีๆ แต่ถ้าไม่ประจวบเหมาะ เราก็อาจจะเลยไปแล้ว ไม่เจอท่านพอดีก็ได้ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นถ้าเรารู้จักคำว่า “พอดี”  เราก็จะไม่โกรธไม่โทษ แต่ถ้าเราบอกว่าทำไมเขาต้องด่าเรา ทำไมเขาต้องโกงเรา ทำไมเขาต้องแก่งแย่งเรา ทำไมเขาต้องหักอกเรา ทำไมต้องพอดีเจอกับเรา เพราะอะไรหรือ เขาไม่ดีหรือใจเราดีไม่พอ เราถามท่านนะ เรื่องมันตั้งเยอะแยะไม่ด่า เห็นเราด่าเลย เกลียดเขาไหม แล้วเขาไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่)  ถ้าเราเข้าใจคำว่า “พอดี” เราจะรู้จัก “ดีพอ”  แต่ถ้าเราไม่เข้าใจคำว่าพอดี เราจะดีไม่พอ เรากำลังเล่นสำนวนไปหรือเปล่านะ  ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นธรรมะคืออะไรหรือ ธรรมะคือสิ่งที่สอนให้มนุษย์รู้ว่า โลกนี้มีกฎอันเป็นธรรมชาติอยู่อย่างหนึ่งคือ ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง ไม่ทน และหาความเที่ยงแท้จริงได้ยาก จริงไหม มีใครบ้างโดนชมแล้วไม่โดน (ด่า)  แล้วมีไหมในชีวิตที่เรามีสุขแล้วไม่มี (ทุกข์)  ฉะนั้นเมื่อเรามองเห็นว่าเป็นธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้น เราจะโกรธไหม (ไม่โกรธ)  น่าจะไม่โกรธแล้วก็น่าจะไม่เกลียด ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่าเป็นเรื่อง (ธรรมดา)  อันเป็นกฎของธรรมชาติ หรือเรียกว่ากฎแห่งไตรลักษณ์ ไตรลักษณ์ก็คือกฎแห่งธรรม ถูกไหม (ถูก)  เมื่อไรที่เราเข้าใจกฎแห่งธรรม ฉะนั้นไม่ว่าใครจะว่า ใครจะดี ใครจะร้าย นั่นก็คือความจริงอันไม่เที่ยงแห่งสภาวธรรม หรือความจริงอันไม่เที่ยงที่สอนให้เราพบธรรมในชีวิต เข้าใจไหม ถ้าเข้าใจเราจะไม่อธิบายต่อนะ เข้าใจหรือไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจใช่หรือเปล่า (ใช่)
ที่ไม่เข้าใจเพราะเราหลงลืมกฎเหล็กอันเป็นกฎแห่งธรรมดาของชีวิต จำไว้นะ ทุกชีวิตมีกฎแห่งความจริงอันเรียกว่าหลักสัจธรรม ไม่เที่ยง ไม่ทน และไม่แท้ เมื่อไรเรายอมรับความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ เราจะรู้จักความพอดีอันดีงามของชีวิตและเข้าใจกฎแห่งหลักสัจธรรม จริงหรือไม่ (จริง)  เหมือนถามว่าเกิด แล้วจะตายไหม (ตาย)  ถ้าเรายอมรับกับการมีชีวิตเกิดเรากลัวตายไหม (ไม่กลัว)  แน่ใจนะเพราะหลายคนบอกว่าตายแล้วก็จบกันใช่หรือไม่ (ไม่ใช่) ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิตที่เรียกว่าหลักสัจธรรม เกิดจะไม่กลัวตาย เมื่อสุขจะได้ไม่รังเกียจทุกข์ เมื่อเจอคนชมจะไม่พาลโทษคนด่า เพราะอะไร เพราะโลกนี้มันไม่เที่ยง ไม่ทนและไม่แท้ แม้แต่ใจท่านเองเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง)  ทนไหม (ไม่ทน)  แท้ไหม (ไม่แท้)  เรามีร่างกายไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน เรามีใจไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แต่เรามีสิ่งที่เหนือใจและประเสริฐกว่ากายนั่นคือจิตที่ทั้งทน ทั้งเที่ยง ทั้งแท้ แต่ว่างเปล่าไร้ตัวตน
พอเราพูดไปอีกเรื่องท่านก็ไปอีกไม่ได้อีกนั่นแหละ เพราะแค่ธรรมะท่านยังไม่เข้าใจเลยใช่ไหม (ใช่)  เพราะถ้าเมื่อไรมนุษย์เข้าใจธรรมะ โกรธ เกลียด โลภจะไม่มี เพราะจะโลภไปทำไมในเมื่อเงินก็ไม่แท้ ไม่ทน ไม่เที่ยง รับทำไมคนในโลกนี้ รับไปแล้วคนในโลกก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน อยากทำไมบนโลกนี้  เพราะอยากไปก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ด่าทำไมให้เมื่อยเดี๋ยวเขาก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน น้อยใจไปทำไมเพราะทุกสิ่งมันก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทนใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นต่อไปก็จะไม่เกลียด ไม่อยาก ไม่โกรธ เพราะทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ใช่หรือไม่ (ใช่)  หลงตัวเองไปทำไมเพราะตัวเองก็ยังไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ชอบไปทำไมคนหล่อๆ เพราะเขาก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน โมโหสามีไปทำไมกลับบ้านดึกๆ เพราะเขาก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ทองมันหายก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทนใช่ไหม ทำนาแล้วน้ำท่วมก็ (ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน)  ยืมแล้วไม่คืน (ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน)  ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อถึงเวลาแล้วท่านจะหัวเราะได้จริงๆ แต่ถ้าเขาไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แล้วท่านมีอารมณ์โลภ โกรธ หลง สิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน สิ่งเหล่านี้จะวนกลับมาให้ท่านต้องไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน จนท่านเข้าถึงหลักหรือหัวใจแห่งธรรม แต่ถ้าไม่เข้าใจ คำว่าไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทนก็จะมาเคาะประตูให้ท่านต้องทุกข์แล้วทุกข์อีก แต่เมื่อไรที่เราคิดได้ แล้วคิดว่าช่างเถอะ ทุกสิ่งก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน จบเลยนะ ไม่เกี่ยวกรรมต่อ ไม่สร้างเหตุปัจจัยต่อ ไม่สร้างกิเลสต่อ พบความสว่าง เอาบุญไปใช้ได้ทุกที่ แล้วไม่ใช่เป็นคนที่ดีแล้วติดดี เกลียดคนไม่ดี แต่เป็นคนที่เข้าใจความดีแล้วมากกว่าดี ทำได้มากกว่าดีตรงที่แม้ใครไม่ดีก็เข้าใจ เพราะไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แล้วเราจะเอาอะไรดี เพราะตอนนี้เราไม่ชอบเขาที่เขาเป็นแบบนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน จะมีใครด่าเรายาวๆ นานๆ  ตลอดเวลาหรือไม่ (ไม่มี)  แต่เราหยุดไหม (ไม่หยุด)  เรายังไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แล้วเขาเที่ยง แท้ ทน จนทำให้เราต้องเอามาใส่ไว้ในใจ แล้วเก็บเป็นเหตุปัจจัยเกี่ยวเนื่อง สร้างกรรมสร้างเหตุให้หมุนเวียนไม่จบสิ้น ในเมื่อตัวเราก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แล้วเราจะลากเอากรรม เอาเวร เอาเหตุปัจจัยมาทำให้เราต้องทุกข์ทนทำไม ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ท่องไว้นะ เจอใครที่เกินไปบ้าง ขาดไปบ้าง หายไปบ้าง มากไปบ้าง จำไว้เลย ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แล้วเราจะว่ากระต่ายไม่ไวเกินไป และเต่าก็ไม่ได้ช้าเกินไป แต่คนที่เกินไปคือใจของเราเองที่ไม่มองความจริงแห่งสัจธรรม มัวยึดแต่ดี ต้องดี ต้องดีกว่านี้ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นจำไว้ว่า แค่ดีไม่พ้นทุกข์ แต่ต้องดีแล้วเข้าถึงซึ่งธรรม จะนำพาให้เราพ้นทุกข์ และอยู่ร่วมกับเขาก็ไม่สร้างเวรกรรม แต่มาเพื่อจบเวรกรรม จริงไหม (จริง)  ฉะนั้น เราก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แล้วท่านก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน และเขาก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ทุกๆ สิ่งก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน จำไว้นะ เผื่อจะได้ทำให้ท่านเข้าถึงหัวใจแห่งธรรม เมื่อเข้าถึงหัวใจแห่งธรรม ดีนั้นจะมีคุณค่า ไม่ใช่ดีเพื่อเอาไปตรวจสอบ แล้วด่าว่าใคร
วันนี้เรามาคุยกับท่านเพียงชั่วครู่ ถึงเวลาเราก็คงต้องไป ดูเหมือนไปแต่จริงๆ ไม่ได้ไป ดูเหมือนอยู่แต่จริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ นั่นจึงเรียกว่า สภาวธรรมอันแท้จริง ฉะนั้นสิ่งที่มีก็เหมือนไม่มี สิ่งที่ไม่เหมือนมีก็อาจจะมี ใช่ไหม (ใช่)
มนุษย์เก่งแต่หาทางออกให้ตัวเองพ้นเพียงชั่วครู่ชั่วขณะ แต่ลืมเก่งหาทางออกให้ตัวเองพ้นทุกข์นิรันดร์ ไม่ใช่หาภายนอก แต่แค่รู้เท่าทันจิตตัวเอง คุมตัวเองให้ได้ สิ่งที่เกิดไม่ได้เลวร้าย เรื่องที่เกิดไม่ได้เลวร้ายและน่ากลัวมากกว่าใจของตัวเองที่ไม่เคยพอ สิ่งที่เกิดในชีวิตเราไม่มีอะไรเกินไป ไม่มีอะไรร้ายเกินไป ถ้าเราไม่เรียกร้องมากเกิน จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นผู้ที่เข้าใจหลักธรรม มีก็สุข ไม่มีก็สุข อยู่ก็สุข ไม่อยู่ก็สุข ได้ก็สุข ไม่ได้ก็ไม่ทุกข์ เพราะอะไรล่ะ เพราะมีแล้วมันไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่พอ มีไปทำไมเยอะแยะใช่ไหม (ใช่)  มีแล้วเดาได้ไหมว่ามันจะอยู่กับเราไหม (ไม่ได้)  มีอะไรที่อยู่กับเราแล้วมั่นใจว่าเราจะไม่ไปบ้าง รู้แล้วไปยึดทำไม แล้วหลงทำไม แล้วอยากทำไม แล้วไปเกลียดเขาทำไม เพราะเดี๋ยวมันก็ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน อย่าเผลอหลงดีใจ และอย่าเผลอหลงทุกข์ใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ธรรมะไม่ใช่สอนให้แค่ดี แต่ธรรมสอนให้เข้าใจมากกว่าดี นั่นคือ “ทางพ้นทุกข์”
มีโอกาสเราคงได้มาผูกบุญกันอีก แม้วันนี้จะไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ก็ตาม แต่จำไว้ว่าในเรื่องไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน ท่านมีสิ่งหนึ่งที่อยู่เหนือความไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน นั่นคือ สภาวธรรมอันอยู่ในตัวเราที่เรียกว่า “พุทธจิต” ถ้าเข้าใจธรรมจะพบพุทธจิตที่นำพาให้เราพ้นทุกข์ แต่ถ้ายังยึดติดดีชั่วก็ยังห่างไกลพุทธจิตและยังไม่พ้นทุกข์
ไปแล้วนะ เราคงได้มาผูกบุญกันอีก บำเพ็ญธรรมไม่ใช่แค่ดี แต่บำเพ็ญธรรมดีแล้วต้องเข้าถึงธรรม ธรรมอันไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แล้วเราจะได้ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่อยาก ไม่โลภ นั่นแหละ ดีแท้ๆ ดีแท้ๆ นั่นอยู่ที่ไหนล่ะ ก็อยู่ในตัวเราที่พบธรรม แจ้งธรรม
จำไว้นะ เรามีดีอยู่แล้ว แต่เพราะความไม่เห็นธรรมอันเป็นกฎแห่งสัจจะภาวะของทุกชีวิต เราจึงหลงอยาก หลงยึด หลงเกลียด หลงโลภ แล้วค่อยสร้างคุณธรรมเพื่อแก้ไขความเลวร้าย แต่ถ้าเมื่อใดที่เราเข้าใจกฎแห่งธรรมชาติว่ามันไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน เราจะอยาก เราจะเกลียด เราจะโลภ เราจะหลงทำไม เมื่อไม่อยาก ไม่เกลียด ไม่โลภ ไม่หลง นั่นแหละ ดีแท้ๆ

วันอาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗    สถานธรรมฮุ่ยอวี้  จ.ขอนแก่น
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
    ไม่กลัวบาปกลัวกรรมช่างน่าเศร้า    ชอบกินเหล้าสูบบุหรี่เสพติดหลาย
ชอบเข่นฆ่าชอบเบียดเบียนไม่พ้นอบาย    น่าเสียดายชีพวอดวายเพราะกรรมของตน
        เราคือ
    จี้กงสงฆ์วิปลาส        รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยอวี้    แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว        ถามศิษย์รักทุกคนหายง่วงนอนหรือยัง
    เรื่องหนึ่งแต่หลายหลายที  ชอบทำผิดเดินหนีคว้าได้ก็คว้า  เป็นคนที่เก่งไปใช่ปัญญา  คุณธรรมไม่กล่าวถึงบ้างสักครา  ปัญหาของวันหน้ามาแบบรู้รู้กัน  เข็ดหลาบพักพักเดียวไม่จำ  เมื่อเหตุผลไม่อาจชักนำ  ให้ใครมาย้ำ  ความหลงก็ยังเต็มที
    วันนี้อีกไม่ใช่ทุกโอกาส  การบำเพ็ญผัด  มากมากไม่ดี  รู้จนหมดไม่เคยได้ที่  ถ้าแบบนี้  ลุ่มดอนลุ่มดอน
*    หลักตัวอาจจะตั้งหลายที  ถ้าเฝ้าจะทำแต่ดี จริตจะถอน คิดบำเพ็ญอีกนิด โลกดั่งละคร  ตั้งใจตั้งตนให้ทุกตอน  เรื่องเหมือนเดิมกินนอน  คือเรื่องคนคนคน  เกิดปัญหาเป็นเพราะว่าตัวเรา  ไม่ขลาดเขลาเบาเรื่องตัวตน  อย่าเดินวนวนพูดเรื่องเดิมทั้งวัน
**    มีทุกข์หรือสุขไม่ใช่ตัวกำหนด  ไม่มัวนั่งโทษเพราะอะไรแย่กว่ากัน  ทุกทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน  พอรู้ทุกตอน เห็นแจ้งในความแท้จริง (ซ้ำ *, **)

ชื่อเพลง : โลกของคนปัจจุบัน
ทำนองเพลง : เด็กปั๊ม
หมายเหตุ วรรคที่ขีดเส้นใต้ พระอาจารย์จี้กงเมตตาให้ผู้ปฏิบัติงานธรรมร่วมกันแต่ง
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ชีวิตมีโอกาสเลือกได้บ่อยๆ ไหม (ไม่บ่อย)  ถ้าเป็นคนใจหนึ่งใจเดียวก็คงไม่ค่อยมีโอกาสให้เลือกบ่อยๆ  เพราะเลือกแล้วก็ต้องไม่เลือกอีกแล้ว  แต่ถ้าเป็นคนหลายใจก็คงมีโอกาสให้เลือกแล้วเลือกอีก ถูกไหม (ถูก)  แต่คนโดยส่วนใหญ่ใจเดียวหรือหลายใจ (หลายใจ)  ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วศิษย์อยู่ที่นี่ศิษย์ใจเดียวหรือหลายใจ (ใจเดียว)  ขนาดมาถึงแล้วก็ยังคิด เอ๊ะ จะกลับดีไหมนะ จริงหรือเปล่า (จริง)  เดินให้ทั่วๆ จะได้เห็นกันได้ถนัดตาถนัดใจ แม้จะหายไปบ้างก็ตามนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  หายไปไหม ถามหัวหน้าว่านักเรียนหายไปไหม (ไม่ครับ)  ไม่หายหรือ ศิษย์ว่าหายไหม (ไม่ครับ)  ไหนลองหันไปมองเพื่อนข้างๆ สิว่ายังนั่งอยู่กับเราไหม (อยู่)  นี่ขนาดมองแล้วนะ ยังเห็นไม่ชัดเลย มนุษย์ก็อย่างนี้  ดูเหมือนเห็นแต่จริงๆ แล้วก็เห็นไม่หมด ดูเหมือนรู้ แต่จริงๆ ก็รู้ไม่จริง แน่ใจนะว่าไม่หาย (แน่ใจ)  ฝ่ายทะเบียนนักเรียนหายไหม (หาย)  เมื่อสักครู่หัวหน้ายืนยันใช่ไหมว่าไม่หาย  ตกลงตอนนี้หายไหม (หาย)  ยอมรับไหม (ยอม)  ยอมอะไร ยอมรับว่าไม่รู้ ใช่หรือเปล่า
ดูหัวหน้า แล้วดูรองหัวหน้าบ้าง ศิษย์คิดว่าฝ่ายหญิงมีหายไหม (มีค่ะ)  มั่นใจนะ (มั่นใจค่ะ) แน่นะ (แน่ค่ะ) อาจารย์แค่แหย่เล่น เพราะเพิ่งกินข้าวอิ่มๆ ท้องมันตึงใช่ไหม ต้องหัวเราะให้ท้องขยับเขยื้อน
อาจารย์ถามว่า ที่นักเรียนหายเป็นเพราะ หัวหน้ากับรองหัวหน้าไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่) นั่นแปลว่าไม่ใช่ความผิดของหัวหน้ากับรองหัวหน้าใช่ไหม (ใช่) แปลว่าเป็นความผิดของเราทุกคนใช่ไหม (ใช่)  แปลว่าพร้อมจะร่วมรับผิดด้วย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าทุกคนรู้จักร่วมกันรับผิดชอบ ไม่เอาแต่โทษใครหรือโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต่างคนต่างร่วมรับผิดชอบด้วยกัน สังคมก็เป็นปกติสุข ครอบครัวก็คงร่มเย็น แต่คนปัจจุบันนี้เวลามีปัญหาเกิดขึ้น ก็เอาแต่โทษกันไปว่ากันมา ก็เลยไม่มีความสุขกันสักที จริงหรือไม่ (จริง) เหมือนเวลาศิษย์เจอพระ เจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์จะ “สาธุ” ใช่ไหม (ใช่) ขออะไร ขอให้ครอบครัวร่มเย็น ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าเช่นนั้นอาจารย์ถามว่า คนที่สาธุขอให้ครอบครัวร่มเย็น เช้าตื่นมาก็บ่น ตกกลางวันก็ว่า ตกเย็นก็ด่า แล้วมา “สาธุ ขอให้ครอบครัวร่มเย็น” มันจะเย็นไหมศิษย์ (ไม่เย็น)  ใช่ไหม (ใช่)  เพราะคนขอยังไม่เย็นเลย บางคนก็บอก “สาธุ ขอให้ลูกเป็นคนดี ขอให้สามีอยู่ในโอวาท” ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราดีหรือยัง (ยัง)  ก็ในเมื่อพ่อแม่ยังไม่ดี แล้วลูกจะดีไหม ในเมื่อต้นแบบยังไม่ดี ใช่ไหม (ใช่)  อยากให้สามีอยู่ในโอวาทแล้วเราอยู่ในโอวาทไหม ให้เขาเอาแต่ฟังเราแล้วเราเคยฟังเขาไหม อีกอย่างคือขอให้รวย อาจารย์ถามศิษย์หน่อยว่าของบางอย่างมีมากๆ ดีไหม
ถ้ามีเงินมากๆ ดีไหม (ไม่ดี)  อาจารย์เห็นมามากแล้ว ที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งแล้วได้ลงหนังสือพิมพ์ เมื่อถึงบ้านก็รีบเก็บข้าวของ หนีไม่ให้ใครรู้จัก บางทีถูกสามตัวก็ดีใจ แต่คิดในใจว่าต้องเลี้ยงใครบ้าง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  จำไว้นะ อย่าเอาแต่เน้นปริมาณแล้วไม่ดูคุณภาพ อย่าเน้นเรื่องหนึ่งแล้วขาดอีกเรื่องหนึ่ง อย่าคิดว่าชีวิตมีสุขได้เพราะต้องมีเงิน จำไม่ได้เหรอของบางอย่างมีมากเกินไป จากมีคุณก็กลายเป็นโทษ จริงไหม (จริง)  
ทุกคนชอบหัวเราะ ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นก็ลองหัวเราะหลายๆ ครั้ง (นักเรียนหัวเราะ)  แต่ถ้าให้หัวเราะทั้งวันก็ไม่เอาอีก “ไม่ไหวแล้ว หยุดๆ แกหยุดพูด” เห็นไหมว่า ถึงสิ่งนั้นจะดีมากแค่ไหน แต่ถ้าบางอย่างมันมากจนเกินไปก็ไม่ใช่สิ่งดี ฉะนั้นศิษย์เอ๋ยอย่าเอาแต่ขอสิ่งภายนอกแล้วลืมขอตัวเอง คิดว่ามีปริมาณมากๆ นั้นดี อะไรมีมากๆ นั้นดี จริงหรือถ้ามีแต่คนชม ทำไมบอกเลี่ยนจัง ใช่ไหม (ใช่)  แต่เวลาถูกด่า ทำไมกลับหัวเราะรับได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอยู่บนโลกมองให้ดี อย่าอยากอะไรจนมากเกินไป หรือเกินความพอดี หรือเกินความสมดุลในชีวิต ไม่เช่นนั้นจากคุณจะกลายเป็นโทษ และบางอย่างก็แปลก ดูเหมือนมีโทษแต่บางทีเมื่อได้รับบ่อยๆ ก็กลับกลายเป็นภูมิต้านทานที่บังเกิดคุณ ใช่ไหม (ใช่)  

“ไม่กลัวบาปกลัวกรรมช่างน่าเศร้า    ชอบกินเหล้าสูบบุหรี่เสพติดหลาย
ชอบเข่นฆ่าชอบเบียดเบียนไม่พ้นอบาย    น่าเสียดายชีพวอดวายเพราะกรรมของตน”

จริงไหม (จริง) อาจารย์อยากให้รู้เป็นประจักษ์หลักฐานก็คือ ใครทำสิ่งใดไว้ ย่อมได้รับสิ่งนั้น อย่าคิดว่าทำดีแล้วหนีเวรกรรมได้ กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องรับผลของกรรมนั้น บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป ศิษย์ฆ่าเขาก็ต้องได้รับการเข่นฆ่าตอบ ศิษย์เบียดเบียนเขาก็ต้องได้รับการเบียดเบียนตอบ ศิษย์คดโกงเขาก็ต้องได้รับการทุจริตตอบ ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
แม้กระทั่งพระสงฆ์ที่เป็นเอกอัครสาวกของพระพุทธเจ้าที่มีนามว่า พระโมคคัลลานะ เคยได้ยินไหม (เคย)  มีอิทธิฤทธิ์เก่ง เหาะเหินดำดินได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้ท่านจะพยายามหนีการถูกทำร้ายมาถึงสองครั้ง แต่ครั้งที่สามท่านคิดว่าไม่หนีแล้ว เราจะใช้เหตุปัจจัยของกรรมนี่แหละชดใช้ให้หมดสิ้น ชำระล้างให้จบสิ้นในชีวิตนี้ แล้วก็ดับคืนสู่ภาวะพ้นเวียนว่ายตายเกิด ท่านก็ต้องยอมรับการทุบตีจนกระดูกแหลกเหลวจนตาย เห็นไหมว่าแม้กระทั่งพระพุทธะหรือแม้แต่พระพุทธะเจ้าไม่มีใครหนีกรรมได้ ไม่มีใครหนีความเจ็บความตายได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ท่านพ้นทุกข์ได้นั่นก็คือ แม้จะถูกกรรม แม้จะถูกความตาย แม้จะถูกความเจ็บ ก็ไม่สามารถพลัดพรากจิตใจอันบริสุทธิ์และพ้นทุกข์ให้ต้องกลับมาทุกข์อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นทุกข์ครั้งสุดท้าย สิ่งใดที่พระพุทธะทุกพระองค์อยากให้มนุษย์รู้แล้วพ้นทุกข์กัน ใช่การทำดีไหม (ใช่)  และละเว้นชั่ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราเว้นชั่วได้หรือยัง (ยัง)  อย่าได้มือหนึ่งทำดี อีกมือหนึ่งทำบาป อย่าได้ปากตัวรักษาศีล แต่ถึงเวลาก็ยังเข่นฆ่าเบียดเบียน โกหกมุสา ทำร้าย เอาเปรียบคน
ศิษย์กลัวการเวียนว่ายไหม (กลัว)  จริงหรือ (จริง) กลัวหรือ อาจารย์ว่าศิษย์ไม่กลัวเวียนว่าย กลัวนรกไหม (กลัว)  ไม่กลัวหรอก ศิษย์กลัวอย่างเดียวคือ ชะตาขาด กลัวเคราะห์ร้าย กลัวบุญหมด ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อไรหมอดูบอกชะตาขาด เมื่อนั้นแหละลนลานแล้ว บุญอยู่ไหน ไปทำบุญก่อน ไปสะเดาะเคราะห์ก่อน ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้ากลัวนรก กลัวเวรกรรม ต้องรอคนมาพูดว่าชะตาขาดไหม (ไม่รอ)  ทุกเวลามันขาดทุกวันอยู่แล้ว ทุกเวลาเราตายทุกวันอยู่แล้ว จริงไหมศิษย์ (จริง)  ถ้าเรารู้อย่างนั้นเราจะรอให้คนมาชี้หน้าบอกว่า “แกชะตาขาด แกมีเคราะห์แล้วนะ แกมีกรรมแล้วนะ” แล้วตอนนั้นศิษย์ค่อยทำไหม ฉะนั้นอย่าบอกอาจารย์ว่าศิษย์กลัวการเวียนว่าย กลัวนรก ไม่จริง ศิษย์กลัวตายมากกว่า ไม่ยืนอยู่ปากเหวก็ไม่กลัว ไม่ถามหรอกว่านรกมันน่ากลัวไหม จนกระทั่งยืนปากเหวถึงได้รู้ว่า ฉันทำดีมามากแค่ไหน จริงไหม (จริง)  อย่างนั้นอะไรเป็นต้นเหตุให้เราทำบาปแล้วต้องตกนรกล่ะ
เรารู้ทำดีคือ อะไร ใช่ไหม (ใช่) แต่ไม่ทำเรารู้ไหม ทำอย่างไรตกนรก (รู้) ทำไหม (ทำ) แล้วหยุดได้ไหม (ยัง) เดี๋ยวก่อนอาจารย์ จริงไหม (จริง) แล้วศิษย์รู้ไหมว่าเวลากรรมมันมาเอา มันไม่มาเอาตอนดีๆ มันมาซัดและกระหน่ำซ้ำทีเดียวเลย ให้ไม่มีโอกาสแก้ตัว และไม่มีโอกาสให้ปริปากบ่น แล้วทำไมต้องรอตอนนั้น แล้วถึงมาบอกว่า ฟ้าช่วยด้วย อาจารย์จี้กงช่วยด้วย แล้วตอนดีๆ ทำไมไม่รีบทำ จริงหรือเปล่า (จริง)
ไหนใครบอกอาจารย์จี้กงได้ว่า ไม่กลัวกรรม ยกมือ ไม่กลัวบาป ยกมือ กลัวไหม (กลัว) กลัวใช่ไหม (ใช่) แปลว่าถ้ากลัวแล้ว กินเหล้าไหม ไม่กินเหล้า แต่กิน (เบียร์) เหล้าไม่กิน กินเบียร์ เบียร์ไม่กิน กินสปาย สปายไม่กิน กินไวน์ ไวน์ไม่กิน กินสาเก ใช่ไหมศิษย์ (ใช่) ไหนใครบุหรี่ไม่สูบ (ไม่มีใครยกมือ)  ถ้าสัตว์ตัวเล็กๆ ก็ยังฆ่า ตัวใหญ่ๆ ศิษย์ก็ฆ่าได้ ถ้าตัวใหญ่ๆ ยังไม่ปรานี กับคนมันก็ใจดำได้ จริงไหม (จริง) ใช่ไหม (ใช่) เป็นไหม (เป็น)
อยาก นั่งไหม (อยาก)  อย่างนั้นถ้าอาจารย์นับสาม ให้นั่งทันที ลองฝึกสติกันหน่อย ให้ไวๆ ทำอะไรให้กระฉับกระเฉง ดีหรือเปล่า (ดี)  จะได้ไม่ง่วงไม่เบื่อ ถ้าอาจารย์นับสามก็นั่งเลยนะ  
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนเล่นลุกนั่ง)
เมื่อสักครู่อาจารย์ทิ้งท้ายไว้ว่า เราจะทำอย่างไรจึงจะพ้นจากบาปเวรกรรม แล้วบาปเวรกรรมเกิดจากอะไร (เกิดจากการกระทำ)  กระทำอะไรถึงกลายเป็นบาปเวร (ทำสิ่งไม่ดี)  ไม่ดีอย่างไร (เบียดเบียน ฆ่าสัตว์)  ไม่ดีแล้วทำไหม (ทำเพราะพ่อแม่ปลูกฝังมาตั้งแต่เกิด)  อย่าไปโทษพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ไม่ได้ยืมมือแล้วบังคับว่าต้องฆ่ามันๆ ถ้าไม่ทำเดี๋ยวพ่อแม่ฆ่าตาย ไม่ได้เป็นเช่นนั้นนี่ กรรมใครกรรมมันอย่าไปโทษใคร มือเราหยุดได้ ใจเราหยุดได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอบได้ดี อยากได้รางวัลไหม (อยาก) ตัว “อยาก” ก็เป็นเหตุที่ทำให้เราก่อกรรมได้ อย่างนั้นอาจารย์ไม่ให้ดีไหม (ดี)
ความอยากก็เป็นตัวหนึ่งที่ทำให้ก่อเกิดเวรกรรม แล้วอยากอย่างไรเล่าที่จะไม่ทำให้ก่อเกิดเวรกรรม นั่นคือต้องอยากอย่างพอดี อยากอย่างไม่เบียดเบียน อยากอย่างซื่อๆ ตรงๆ อยากอย่างสิ่งที่ชีวิตหนึ่งของเราจะทำได้ และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน อยากอย่างนั้นไม่เป็นบาป ไม่เป็นกรรม จริงไหม (จริง)  ถ้าอาจารย์บอกว่าอยากกินไก่ทอด อย่างนี้บาปไหม (บาป) หรือถ้าเมื่อกี้อาจารย์ได้ยินเรื่องของคนอื่นมาแล้วคันปากอยากนินทา บาปไหม (บาป)  แล้วเวลาเรานินทาแอบใส่สีใส่กลิ่นไหม (ใส่)  เราปรุงแต่งรสไหม (ปรุง)  เขาเล่ามาหนึ่งเราอดใส่ชูรสไปไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนี้เราเพิ่มบาปใช่หรือไม่ (ใช่) ตอนนี้เรารู้แล้วว่าบาปเพราะคำพูด บาปเพราะความอยาก บาปเพราะกิเลส ฉะนั้น ศิษย์จงจำไว้ว่า สิ่งที่เป็นต้นเหตุให้เราก่อบาป เป็นสิ่งง่ายๆ ที่มีอยู่ไม่กี่อย่าง คือ
(ความโลภ ความโกรธ ความหลง) ต้นเหตุใหญ่ๆ ที่ทำให้โลภ โกรธ หลง นั่นก็คือความไม่รู้ ไม่รู้อะไร ไม่รู้จักตนและไม่รู้จักโลภใช่ไหม (ใช่) โลภมากๆ เขาว่ากันว่าตายไปจะไปเป็นเปรต โกรธมากๆ ตายไปโดนไฟนรกแผดเผา หลงมากๆ ตายไปเป็นเดรัจฉาน อยู่ที่ว่าหลงอะไร หลงรูปกายหรือว่าหลงกินหรือว่าหลงเสพสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้ไหม (ไม่รู้) อย่างนั้นตอนนี้ก็รู้ไว้นะ แล้วถ้ารู้แล้วยังทำอีก บาปจะเป็นสองเท่าใช่ไหม (ใช่) แต่ถ้ารู้ยิ่งกว่ารู้ บาปเป็น (สามเท่า)
ฉะนั้นต้นเหตุของบาปคือความไม่รู้ ไม่รู้เท่าทันชีวิตตนเองและไม่รู้ความเป็นจริงของโลก เราจึงก่อเหตุบาป จริงหรือไม่ (จริง) ไม่รู้อะไรที่ทำให้เราโลภ โกรธ หลง ง่ายๆ อาจารย์ยกตัวอย่างเหมือนเวลาที่เรามาที่ที่หนึ่งแล้วบอกว่า เฮ้ยๆ อย่านินทาฉันนะ เฮ้ยๆ แกอย่าเกลียดฉันนะ เฮ้ยๆ แกอย่าด่าฉันนะ เฮ้ยๆ แกต้องชมฉันนะ ห้ามหมดทุกคน อยู่กับฉัน ต้องฟังฉันนะ ฉันว่าอะไรต้องว่าตามฉันนะ เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) “อย่าหนีจากฉันนะต้องรักฉันคนเดียว เฮ้ยๆ อย่าคิดร้ายนะ อย่าด่าฉันในใจ รู้นะว่าแอบว่าอาจารย์ รู้นะว่าไม่เชื่อ อย่านะๆ ห้ามๆ” ห้ามได้ไหม (ไม่ได้) แล้วเราเป็นไหม (ไม่เป็น) จริงหรือ ไม่เป็นเลยหรือ พอโดนด่าก็คิดว่ามันด่าฉันทำไม พอมันไปก็คิดว่ามันไปทำไม พอชีวิตเจอเรื่องร้ายทำไมมีแต่เรื่องร้ายๆ บอกฟ้าว่าอย่ามีเรื่องร้ายต้องมีแต่เรื่องดีๆ ใช่ไหม (ใช่) “อาจารย์อย่าด่าผม ต้องชมผมอย่างเดียว เพื่อนอย่าคดโกง แกต้องซื่อสัตย์ต่อฉัน” ห้ามได้ไหม (ไม่ได้) แล้วเราเผลอห้ามไหม (เผลอ) แล้วเราขอไหม (ขอ) อย่างนั้นแปลว่าอะไรศิษย์  ศิษย์ไม่รู้เลยหลงผิดใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเมื่อเริ่มต้นคิดผิด มันก็ทุกข์ตั้งแต่ต้นสายไปยันท้ายชีวิต จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นทุกข์มันไม่ได้อยู่ที่ภายนอก ต้นเหตุแห่งความไม่รู้มันไม่ได้อยู่ที่ภายนอก แต่มันอยู่ที่ใจของศิษย์หลงลืมอะไรไปหรือเปล่า
เมื่อมันมีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ต้องห้ามเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น ใช่ไหม (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นคนหนึ่งยืนขึ้น) คนเราถ้าลืมมองตัวเอง หันหน้ามาหน่อย กลัวอะไรล่ะ เป็นคนมันต้องกล้าหาญ ผู้ชายอกหนึ่งศอกหรือสองศอกก็ตาม ใช่ไหม สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราไม่หลงผิด และไปโลภ โกรธ หลงแล้วกลายเป็นสร้างบาป เวร กรรม สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ตัวเราเอง ยืดหน่อยสิ เป็นผู้ชายไม่ต้องกลัว ใช่ไหมศิษย์ (ครับ)
อาจารย์ถามหน่อยนะ เราอยู่ในโลกนี้ ในเมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว เราจะบอกว่า “แกอยู่กับฉัน แกอย่าเปลี่ยนแปลงนะ” เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้ครับ) เราบอกร่างกายเรา “แกอย่าแก่นะ ร่างกายอย่าเหี่ยวนะ” ได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นถ้าเกิดคนรักเขาเปลี่ยนใจไป เป็นไปได้ไหม (ได้) ฉะนั้นเวลาเรามีแฟน แฟนมันเปลี่ยนใจ เป็นไปได้ไหม (เป็นไปได้) แฟนไม่เอาเราแล้ว เป็นไปได้ไหม เพราะตัวเรายังเปลี่ยน เขาก็ต้อง (เปลี่ยน) ถ้าเราเข้ากฎธรรมชาติอันนี้ เราจะไม่รู้ แล้วก็โกรธ เกลียด ด่าแฟน ที่ไปมีใหม่ไหม ด่าไหม (ด่า/ไม่ด่า) จะเอาน้ำกรดไปสาดเขาไหม (ไม่ครับ) แม้เขาจะหักอกเราแล้วไปมีใหม่ ใช่ไหม (ครับ) เพราะอะไร (กลัวบาปกรรม) กลัวบาปกรรมหรือ อย่าเอาแต่กลัวเลยศิษย์ แต่มันต้องเข้าใจเหตุผลว่า ทุกสิ่งมันเปลี่ยนได้ จำไว้เสมอว่า ทุกสิ่งมันเปลี่ยนได้ แม้แต่หน้าตาเรามันยังเปลี่ยนเลย จริงไหม (จริงครับ) ไม่แน่วันหนึ่งอาจจะแก่เป็นแบบนี้นะ ศิษย์เอย ยืนให้มีบุคลิกดีๆ ยืนให้ดีๆ เราต้องหล่อทั้งหน้าตาและลักษณะท่าทาง ถึงหน้าตาไม่หล่อ แต่ฉันบุคลิกดี จริงไหม ถึงบุคลิกฉันไม่ดี แต่ฉันเป็นคนพูดอ่อนหวาน ใช่ไหม (ใช่) เราต้องมีดีที่ทำให้เขาไม่กล้าเปลี่ยนแปลงด้วย ใช่หรือไม่
ฉะนั้นเราอย่าเผลอหลงลืม เพราะทุกสิ่งทุกอย่างถ้าศิษย์อยากจะเอามาเป็นของตัวเอง จำไว้เลยว่า อะไรก็แล้วแต่มันเปลี่ยนแปลงได้ จริงไหม แม้แต่ใจเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงได้ก็อย่าไปโกรธ อย่าไปเกลียด อย่าไปทุกข์ นี่แหละเรียกว่า เอาธรรมมารู้ใจ แล้วปลุกให้ใจตื่น แล้วไม่ทำผิด ไม่ก่อเวรกรรม อาจารย์ถามหน่อยนะ สิ่งที่มันเปลี่ยนไปได้มันจะต้องหันหน้าแล้วมองฉัน มองไว้อย่าไปมองใคร ดีกับฉันอย่าไปดีกับใคร ชมฉันอย่าแอบด่าในใจนะ ได้ไหม (ไม่ได้)  เพราะอะไร เพราะโลกมันมีสองด้าน จำไว้นะ โลกมันมีสองด้านมันไม่เคยมาด้านเดียว มันมาด้านนี้มันก็ต้องมาอีกด้านได้ มันตบได้มันก็เตะได้ ใช่ไหม (ใช่)  มันตบเตะได้ มันก็ถีบได้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอะไรก็เกิดได้เสมอ ถ้าศิษย์อยากเป็นเจ้าของร่างกายนี้ อยากเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เมื่อมันพลิกซ้ายพลิกขวาเล่นตลก ศิษย์ก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจมัน ถ้าไม่เรียนรู้ไม่เข้าใจ สิ่งที่ศิษย์อยากครอบครองนั่นแหละมันจะตบหน้าตบหลังแล้วให้ศิษย์คว่ำตายทั้งเป็นได้ จริงไหม (จริง)  เหมือนสามีเราดีไหม รจนาเสี่ยงคู่ ได้มาแล้วพ่อสังข์รูปทอง ที่ไหนได้มันไม่ยอมถอดสักที ใช่หรือเปล่า (ใช่)  นึกว่าได้รูปทองที่ไหนได้มันใส่แต่รูป (เงาะ)  ฉะนั้นชีวิตคิดให้ดีๆ จะมีอะไร จะอยากอะไร ถ้ามันมีแล้ว มันอยากแล้ว มันเกิดแล้ว มันพลิกหงายพลิกคว่ำ ตีแล้วสลบ ทุบเราให้ซ้ำเติม ยำเราทุกข์ทน ทนได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วมีทำไม มีไหม มี เอาไหม เอา อยากไหม อยาก แล้วถึงเวลาเป็นอย่างไร ทุกข์ ใครช่วยล่ะ ไม่รู้ ตายไหม ตาย ใช่หรือเปล่าศิษย์ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่ออยากจะมีอะไรในนี้ อยากจะครอบครองอะไร คิดให้ดีๆ ถ้ามันเป็นตลก พลิกซ้ายพลิกขวา ตบหน้า เหยียบซ้ำ กระแทกต่อ รับไหวไหม (ไม่ไหว)  แน่ใจหรือ ตอนนี้ก็รับมันอยู่ทุกวันแล้วไม่ใช่หรือ ใช่ไหม แม้กระทั่งตัวเองที่ศิษย์คิดจะครอบครอง คำว่าร่างกายนี้ร่างกายที่ศิษย์รักนี้ แล้วศิษย์ครอบครองเป็นเจ้าของ แล้วบอกว่านี่แหละตัวกู นี่ของกู ไอ้ตัวกูนี่แหละ ไอ้ของกูนี่แหละ ทำกูเจ็บ จริงไหมล่ะ แล้วเจ็บเพราะใคร โทษมันจังเลย จริงๆ แล้วมันก็ตัวเองนี่แหละ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้น ศิษย์มองให้ดีๆ ถ้าเราไม่เข้าใจจะมีอะไร แม้กระทั่งร่างกาย จำไว้ว่า มันเปลี่ยนได้ มันพลิกได้ มันแปลได้ และมันพร้อมจะดีตลบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้เราทุกข์ได้เสมอ ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อรู้อย่างนี้ ท่านจึงสอนต่อไปว่า ใดใดในโลกอย่าได้เผลอยึดมั่นถือมั่นครอบครอง เรายึดไหม (ยึด)  เราหลงร่างกายไหม (หลง)  แถมหลงทางอีกด้วย จริงไหม (จริง)  สิ่งดีไม่เลือก แต่ชอบไปเป็กหนึ่ง สองเป็ก ยังไม่ทันมีเงินเลย ก็ขอเป็กหนึ่งก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไปจ่ายทีหลัง ชีวิตสบายๆ ไม่เอา ชอบมีหนี้ จริงหรือเปล่า (จริง)  
อาจารย์จะบอกให้ว่า คนที่ปลูกข้าวเป็นนั้นโชคดีที่สุดในโลก เพราะถ้าปลูกข้าวเป็นแล้ว ที่เหลือการปลูกผักปลูกหญ้าก็เป็นเรื่องที่ง่าย แต่คนเมืองกรุงนั้นโชคร้าย เพราะปลูกข้าวไม่เป็น ก็ต้องหาเงินซื้อข้าวกิน แต่เราสิทำไมต้องไปง้อคนกรุง เราข้าวก็ปลูกเป็น ผักก็ปลูกได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เงินไม่มีไม่เป็นไร ฉันมีข้าว แต่คนกรุงเทพมีความรู้แต่ไม่มีข้าวกิน ฉะนั้นอย่าดูถูกตัวเอง ต้องพึ่งตัวเอง อย่าคิดว่าปลูกข้าวแล้วจะได้มีเงิน อย่างนี้คิดผิดตั้งแต่ต้น ต้องคิดว่าฉันปลูกข้าวเพื่อเอาไว้ให้ตัวฉันกิน ที่เหลือก็เป็นกำไร ไม่ใช่ปลูกข้าวเพื่อให้มันกิน ตายก็เรื่องของมัน อย่างนี้คิดแล้วเป็นการฆ่าตัวเองตาย แล้วก็สร้างบาปให้กับตัวเอง ถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากอยู่ในโลกแล้วไม่เผลอสร้างบาปเวรกรรมให้ตัวเองต้องทุกข์และเวียนว่ายไม่จบสิ้น ก็จงจำหลักคำสอนของอาจารย์ไว้ว่า โลกใบนี้มันเปลี่ยนเสมอ ตัวเรานี้ก็เปลี่ยนเสมอ คนบนโลกนี้ก็เปลี่ยนเสมอ
อย่าคิดจะเจอเขาด้านเดียว เพราะคนทุกคนมีหลายด้าน และอย่าคิดอย่าหวังว่า โลกต้องมีด้านเดียว โลกมันมีหลายด้าน ใช่ไหม (ใช่) เมื่อเราพร้อมยอมรับ เรามีภูมิคุ้มกัน ความอยาก ความโกรธ และความหลง ก็จะไม่สามารถกล้ำกลาย และทำให้เราทำผิด คิดร้ายได้ เพราะเราเข้าใจเสมอว่า มันเปลี่ยนได้นะ มันมีดีและมันก็มีร้ายนะ และถึงที่สุด มันก็ไม่ใช่ของเรานะ ใช่ไหม (ใช่) เพราะถ้าเผลอยึดเมื่อไหร่ เราก็เจ็บปวด ใช่ไหม (ใช่) เหมือนยึดหนังกายนี้ หนังหน้านี้ ยึดมันเมื่อไหร่ เจ็บไหม (เจ็บ) ยึดชื่อนี้ แค่เขาพูดหน่อยเจ็บไหม (เจ็บ) ใช่หรือไม่ (ใช่) ถือตัวถือตนนี้หน่อย ใครว่าอะไร ทุกข์ไหม (ทุกข์) แล้วมันเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) นี่แหละถึงบอกว่า มันไม่เที่ยง มันไม่ (แท้ มันไม่ทน) เอามาใช้ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนเมื่อกี้ มันคนละเรื่องกันเลย ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้น เอามาเพื่อเตือนสติว่า พอสามีมีกิ๊ก มันไม่เที่ยง มันไม่แท้ มันไม่ทน ใช่ไหม (ใช่) พอลูกมันไปซิ่งมอเตอร์ไซด์ เจออุบัติเหตุ อ๋อ มันไม่เที่ยง มันไม่แท้ มันไม่ทน พอเจ็บเจียนตาย มันไม่เที่ยง มันไม่แท้ มันไม่ทน จริงๆ และเราจะได้ไม่เจ็บปวดทั้งกายและใจ มันเจ็บแค่กาย แต่ใจเราจะไม่เจ็บ เพราะเราเข้าถึงธรรมอันเป็นหัวใจของชีวิต ธรรมอันเป็นหัวใจของทุกๆ คน ซึ่งธรรมอันนี้ใครเดินได้ ใครเข้าถึง คนนั้นคือพุทธะ หรือมีคำกล่าวคำหนึ่ง ผู้ที่เข้าถึงความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง พ้นแล้วซึ่งดีร้าย ได้เสีย ทุกข์สุข คนนั้นจะไม่มีบาป คนนั้นจะเกิดมาเพื่อจบ อยู่เพื่อสงบอย่างแท้จริง แต่เราเกิดมาจบไหม ไม่ค่อยจบ ใช่หรือเปล่า (ใช่) เอาแล้วเอาอีก ด่าแล้วด่าอีก ว่าแล้วว่าอีก อย่างนี้เขาเรียกว่าอยากจะจองเวรจองกรรม ถ้าเขาด่าแล้วเราด่ากลับ นี่เรียกว่าจองเวร ถ้าเขาด่าแล้วด่ากลับ แล้วคิดจะทำร้ายอีก เขาเรียกว่าจองกรรม ใช่ไหม (ใช่)
อาจารย์ถามนะ คนเรา (พระอาจารย์เมตตาตีศีรษะนักเรียนหญิงท่านหนึ่ง) เจ็บไหม เจ็บหรือ งั้นขอโทษ เพี้ยง เพี้ยง เพี้ยง หายไหม (ไม่หาย/หาย) ต้องไปเล่นกับผู้ชายดีกว่า อาจารย์เล่นกับผู้หญิงสงสาร ใช่หรือเปล่า หายไหม (ไม่หาย) เอาใหม่นะ (พระอาจารย์เมตตาตีศีรษะนักเรียนชายท่านหนึ่ง) ขอโทษ มือมันไป ไม่ทันตั้งตัว เจ็บไหม ขอโทษนะ ไม่เป็นไรเนอะ อีกทีได้ไหม 
มันหายหรือศิษย์ ศิษย์ไปทำเขาแล้วบอกว่าขอโทษ บอกว่าจะแผ่บุญกุศลให้ หายไหม (ไม่หาย)  แล้วที่ไปกินเขา ไปเอาชีวิต ไปฆ่าเขา แผ่ส่วนกุศลหายไหม (ไม่หาย)  เพราะอะไร อย่าไปเล่นกับใครให้ใครเจ็บ เพราะเวลาเขาเจ็บแล้วความผูกใจเจ็บของคนมันน่ากลัวยิ่งนัก แล้วยิ่งกับสัตว์ที่ไม่รู้จักบุญคุณโทษเล่า ถ้าเกิดเขาเอาศิษย์ล่ะ จริงไหม เขาจะเอาเบาๆ ไหม เขาเอาทีเอาให้ยังไง (เอาให้สุดๆ)  แล้วกินไหม ถ้าไม่กลัวบาป ไม่กลัวกรรม ก็กินไปเลย แต่ถ้ากลัวบาป กลัวกรรม ก็เบาๆ หน่อย หรือเลิกๆ บ้างก็ดี
แล้วมนุษย์ยังมีทุกข์และมีเหตุให้สร้างทุกข์และสร้างบาปเวรกรรมอีกเยอะ ไหม (เยอะ) ฉะนั้น อาจารย์พูดแค่นี้พอไหม (ไม่พอ)  พอที่จะให้ศิษย์สามารถควบคุมตัวเอง ไม่สร้างบาปเวรกรรม และไม่ทำให้ตัวเองทุกข์ไหม  (พอ)  ความจริงคือถ้าศิษย์เข้าใจและเห็นแจ้งในเรื่องหนึ่งก็พอให้พ้นทุกข์และไม่สร้างบาปเวร ได้  แต่เพราะบางทีเราขาดสติ หลงตัวเอง ใช่ไหม (ใช่)  ชอบหลงรูปนึกว่าตัวเองสวย ชอบหลงตัวเองนึกว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ ใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์เอ๋ยเก่งแค่ไหน ใหญ่แค่ไหน ก็เล็กกว่าโลงผีหรือโลงศพ ใช่ไหม (ใช่)  จะสวยดีเด่นแค่ไหนถึงเวลามันก็แค่ถุงขี้ที่มีรูเก้ารูที่ขี้ไหลตลอด แล้วหลงไหม
ต้องหลงอีกหรือ ใช่ไหม (ใช่)  จำไว้นะเก่งแค่ไหนก็เล็กกว่าโลง พยายามอยากจะสวย อยากจะดี อยากจะเด่นแค่ไหน ถึงเวลามันก็แค่ถุงขี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าลืมนะศิษย์เอย
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นลุกนั่ง)
ยืนขึ้น นั่งลง จะได้หายง่วง ศิษย์เอยมีสติไว้กับตัวเองหน่อยนะ เพราะถ้าขาดสติพลาดพลั้งไปทีชีวิตก็แก้ตัวได้ยาก จริงไหม (จริง)
มีเรื่องเรื่องหนึ่ง อาจารย์เห็นแล้ว อาจารย์ก็ขำศิษย์นะ อาจารย์ถามหน่อยนะ เก้าอี้ที่อยู่หน้าห้อง ศิษย์ว่าศิษย์ยกไหมไหม (ไหว)  ดูเหมือนมันจะหนักไหม (หนัก)  ยกไหวใช่ไหม ระหว่างเก้าอี้กับแอปเปิลศิษย์ว่าอันไหนหนักกว่ากัน ผู้ปฏิบัติงานธรรมอันไหนหนักกว่ากัน อาจารย์อยากดูปัญญาศิษย์นะ แอปเปิลกับเก้าอี้อันไหนหนักกว่ากัน (แอปเปิล) นักเรียนตอบว่าแอปเปิลหรือเก้าอี้ ศิษย์ฝ่ายชายตอบว่า (แอปเปิล)  ศิษย์ฝ่ายหญิงตอบว่า (แอปเปิล)  ศิษย์ผู้ปฏิบัติงานธรรมฝ่ายหญิงว่า (แอปเปิล) (นักเรียนตอบว่าแอปเปิลเพราะว่าอาจารย์ไม่ได้ถือเก้าอี้)  แอปเปิลหนักกว่าเพราะอาจารย์ถือแอปเปิล อาจารย์ไม่ได้ถือเก้าอี้ เขาพูดถูกไหม (ถูก)  ศิษย์ได้อะไรไหม (ได้)  ดูเหมือนเก้าอี้มันหนัก แต่จริงๆ แล้วมองให้ดีๆ อะไรหนักกว่ากัน (แอปเปิล)  เพราะเราไม่ได้ถือเก้าอี้แต่เราถือ (แอปเปิล)  แต่จริงๆ มันสามารถหนักได้ทั้งคู่ ถ้าศิษย์เอาแต่ครุ่นคิด หรือแอปเปิล หรือเก้าอี้ดี อาจารย์ว่ามันน่าจะเป็นแอปเปิล หรือมันน่าจะเป็นเก้าอี้ อาจารย์บอกมันหนักทั้งคู่แหละ
เพราะอะไร นี่คือเหตุแห่งทุกข์ เพราะทุกข์ไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันอยู่ที่ใจของศิษย์ที่กำลังเอาแต่ครุ่นคิดไม่จบสิ้นหรือเปล่า จนกระทั่งอาจารย์พูดเรื่องนี้จบแล้ว ศิษย์บางคนยังคิดสงสัยว่า ตกลงเก้าอี้หรือแอปเปิลนะ ยังแบกต่ออีก ใช่ไหม (ใช่)  แล้ววันรุ่งขึ้นยังแบกต่ออีกเก้าอี้ก็หนัก แอปเปิลก็หนัก ก็หนักตั้งแต่เมื่อวาน ตั้งแต่วันนี้ยังไม่ลงเลย ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนกัน เมื่อเราประสบพบเจออะไร บางครั้งปัญหามันใหญ่ ใหญ่มาก ใหญ่จนรู้สึกว่ายังไม่ทันพบเจอเลย แค่คิดก็หนักแล้ว และเมื่อถึงเวลาต้องพบจริงๆ หนักจริง หนักไหม (หนัก)  แล้วเมื่อถึงเวลาที่ต้องแก้มันจริงๆ หนักไหม (หนัก)  ทำไมมันถึงหนัก (เพราะหนักที่ใจ)  เพราะเราคิดว่ามันหนักตั้งแต่ต้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเราคิดว่า มันจะหนักสักแค่ไหนยังไงก็ต้องฝ่าไปให้ได้ หรือมันจะหนักแค่ไหนวันนี้ทำให้ดีที่สุด มนุษย์ทุกข์เพราะความคิด หนักเพราะวางไม่ลงจริงไหม (จริง)  และลืมรู้ทันตัวเองว่า ฉันคิดจนไม่วาง เหมือนวันนี้ เขาให้เราไปช่วยย้ายบ้าน งานใหญ่ไหม (ใหญ่)  ไม่ใหญ่ ถ้าคิดว่าใหญ่ยังไม่ทันแบก ก็ใหญ่จังเลย เหนื่อยจังเลย ยังไม่ทำเลยก็เหนื่อยแล้ว จริงไหม (จริง)  เพราะยังไม่ทันไปถึงบ้านเลยมันก็หนัก ก็เหนื่อย ใช่ไหม (ใช่)  เพราะเราแบกตั้งแต่รับเรื่องแล้ว เราเอามาคิด จนกระทั่งทำเสร็จแล้วก็ไม่ได้ยกอะไรด้วย อู้งาน กลับมาก็บ่นว่า เมื่อยทั้งตัวเลย ไปช่วยเขาย้ายบ้านมาจริงไหม (จริง)  แล้วแถมเอากลับมาพูดอีกว่า เมื่อวานไปช่วยเขามาเหนื่อยมาก จริงไหม (จริง)  เหมือนกันเราทุกข์เพราะความคิด และไม่รู้ทันความคิดของตัวเอง และเอากลับมาพูดซ้ำซาก พูดแล้วพูดอีก ทั้งที่มันจบไปแล้ว ใช่ไหม (ใช่) มันหยุดไปแล้ว มันเสร็จไปแล้ว มันด่าเราไปแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราด่าอีกไหม แล้วยังเกลียดเขาอีกไหม ฉะนั้น ดูให้ดี ตามให้ทัน ไม่ต้องทันคนอื่น แต่ต้องทันความคิดของตัวเองถ้าอยากจะมีอะไร แล้วรับปัญหาไม่ได้ แล้วรู้ว่ามันเป็นปัญหาหนัก แล้วจะทำให้เราต้องคิดแล้วคิดอีก คิดแล้ววางไม่ลง เราต้องหยุดก่อนที่จะอยากมีหรือถ้ามีแล้ว และมันเป็นปัญหาหนัก เราต้องวางความคิดนั้น แล้วก็พุ่งชนมันเข้าไปเลย ตายก็ตาย ชีวิตนี้เจ็บก็เจ็บ ทุกข์ก็ทุกข์ ให้มันรู้กันไปเลยดีกว่าเอามันมาคิด แล้วก็ทุกข์แน่ ตายแน่ แล้วอย่างนี้หนีพ้นไหม (ไม่พ้น)  เจ็บตั้งแต่ก่อน ยังไม่ไปถึงอีก แล้วบางทีเสร็จแล้วก็บ่นว่าเจ็บจังเลย ใช่ไหม (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลง ทำนองเพลง “เด็กปั๊ม” ชื่อเพลง “โลกของคนปัจจุบัน”)
ให้เพลงดีไหม (ดี) ตามใจเด็กผู้ชายหน่อยนะ ทำนองเพลงเด็กปั๊ม ชื่อเพลงโลกของคนปัจจุบัน 
(อาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นออกมาร้องเพลง และเต้นหน้าชั้น)
ร้องรอดไหมศิษย์ เหมือนจะรอดนะ หางเครื่องเต้นสวยไหม (สวย)  พริ้วมากเลยนะศิษย์ อายุปูนนี้พริ้วจริงๆ เลย อาจารย์ให้รางวัลหน่อยนะ
ลองร้องพร้อมกันอีกทีหนึ่ง สองวรรคอาจารย์ให้ไปแต่งต่อดีไหม อาจารย์แต่งมาเยอะแล้วให้ศิษย์ช่วยแต่งต่อ
(พระอาจารย์เมตตาให้ผู้ปฏิบัติงานธรรมนำร้องเพลง)
ถ้าผิดอีก อาจารย์ก็ไม่เหลือหน้าแล้วนะ ที่เหลือแต่งต่อให้อาจารย์ฟังบ้าง ดีหรือเปล่า แค่สองวรรคเองนะ ช่วยกันแต่ง ดีไหม มีใครอยากแต่งเพลงต่อร่วมกับอาจารย์บ้างไหม มีไหม  เวลาร้องเน้นที่ความหมายให้มันลงถูก ไม่ใช่เน้นที่การร้อง บางทีศิษย์ร้องเพลงแต่ความหมายมันไม่ใช่เลย
จะให้รอจนศิษย์แต่งได้หรือว่าให้อาจารย์กลับเลย (รอ) กลับบ้านดึกได้ไหม (ได้) สงสารคนมาจากที่ไกลนะ จริงๆ อาจารย์ก็ยังมีเรื่องคุยกับศิษย์ได้ตั้งเยอะแยะใช่ไหม (ใช่) แต่อาจารย์รู้ว่าใจของมนุษย์มีความจำกัดไหม (มี) ถ้าเมื่อไรศิษย์เข้าใจใจฟ้า ใจฟ้าไม่มีความจำกัดใช่ไม่มีขอบเขตไม่มีแบ่งแยกไม่มียึดชอบยึดชัง ถ้าเข้าใจถึงใจฟ้าศิษย์จะไม่ทุกข์นะ ถามว่าใจอาจารย์เป็นยังไงหรือ ก็คงเหมือนอากาศแม้จะเอาน้ำอะไรมาสาด แม้จะเอาน้ำอะไรโยนใส่มันก็ว่างเปล่าและยังคงความว่างเปล่าอยู่อย่างนั้น แต่ใจของมนุษย์ไม่เคยว่างสักทีจริงไหม (จริง) ไม่เรื่องคนนั้นก็เรื่องคนนี้ก็เรื่องตนเองจริงหรือไม่ (จริง) และเราจะเกิดมาเพื่อทุกข์แบบทุกวันนี้หรือ จริงๆ อาจารย์ว่าถ้าไม่ดิ้นรนมากเกินไปเราก็ยังพอมีอยู่พอมีกินใช่ไหม (ใช่) ถ้าไม่อยากจนเกินไปเราก็ไม่เดือดร้อนจริงไหม (จริง) แต่ทุกวันนี้ที่เดือดร้อนและเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นก็เพราะว่ามันอยากไม่พอสักทีใช่หรือไม่  (ใช่) ฉะนั้นพอๆ บ้างดีไหม (ดี) พอๆ เรื่องความโลภ โกรธ หลง ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะไม่อยากถ้าไม่พอ ความโลภ โกรธ หลง มันจะครอบงำให้เราต้องตกเป็นทาสอยู่ร่ำไปและถึงที่สุดเราก็หนีไม่พ้นบาป เวรกรรม และการเวียนว่ายจริงหรือไม่ (จริง)  อาจารย์มีอีกสองเรื่องจะคุยกับศิษย์แต่ต้องถามก่อนว่ายังอยากฟังอาจารย์พูด ไหม (อยาก) เมื่อกี้อาจารย์ยังค้างไว้อยู่สองสามเรื่องที่อาจารย์อยากคุยกับศิษย์ แต่ก็กลัวอยู่ว่าคนบางคนจะเบื่อก่อนใช่ไหม ยืนเมื่อยไหม (ไม่เมื่อย) งั้นอาจารย์คุยต่อดีไหม (ดี) มีเรื่องๆ หนึ่งเป็นเรื่องที่มนุษย์มักหนีไม่พ้นนั่นก็คือ ความทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่) 
เหมือนตอนที่อาจารย์ถามว่าแอปเปิลกับเก้าอี้จำได้ไหม ถ้าอาจารย์ถามว่าตอนนี้ส้มหนักไหม คราวนี้ถามใหม่แล้วนะ คิดให้ดีๆ นะ ถ้าตอนนี้อาจารย์ต้องถือส้ม ศิษย์ว่ามันจะหนักไหม (หนัก)  หนักเพราะเราถือไม่ปล่อยหรือเปล่า ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้ามือถือแต่ใจไม่ถือ มันก็ไม่หนัก จริงไหม มือมีส้มแต่ใจมีเหมือนไม่มีส้ม มันก็ไม่ทุกข์จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นเวลาความทุกข์มันเข้ามาหาชีวิต เรามองเห็นความทุกข์หรือเรามองเห็นใจเราอยากอะไร ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนเวลาความทุกข์มันกระเด็นเข้ามาหาเรา ดูมันเหมือนหนักใช่ไหม ดูมันเหมือนไม่น่าเกิดใช่ไหม (ใช่)  แต่เรากำลังเห็นส้มหรือเราเห็นใจเรา ถ้าเราเห็นส้มเป็นส้ม มันก็ไม่ทุกข์ แต่บางทีเราเห็นส้มไม่ใช่ส้ม แต่เราเห็นส้มให้เป็นดั่งใจเรา จริงไหม (จริง)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นคนหนึ่งยืนขึ้น)
เหมือนอาจารย์คิดว่าการมีใครสักคนหนึ่งมันคงไม่หนักกับชีวิตใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ศิษย์ไม่ถือหรอก ศิษย์ไม่ยึดหรอก แต่มันรัก ใช่ไหม (ใช่)  มันรักมันหลงไปแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  พอรักพอหลงแล้ว เขินหรือ ใครบอกเขารักตัวเอง เขาไม่รัก แต่ตัวเองอย่าไปนะ ใช่ไหม (ใช่)  ตอนแรกเราก็คิดว่ามันเบาๆ อยู่ด้วยกันเบาๆ มันชิลๆ มีความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่จริงๆ ถ้าวันหนึ่งไอ้สิ่งชิลๆ เบาๆ มันไม่เป็นดั่งคิด มันหนักไหม (หนัก)  เพราะอะไรหรือศิษย์ เพราะเรามองแต่สิ่งที่อยากให้เป็น แต่เราไม่ได้มองสิ่งที่เขาเป็น ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นที่เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้ เพราะเราเห็นแต่ความอยากของเรา จนลืมมองเห็นความจริงที่เรารักเขาหรือเปล่า  ตอนนั้นเขารักเรา แต่ตอนนี้ใจเขาไปหากิ๊กใหม่แล้ว เราจะจมอยู่กับคำว่าเขาเคยรักหนู ได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นจำไว้นะ อยากจะมีอะไรแม้มันจะชิลๆ แม้มันจะเบาๆ แต่มันก็หนีไม่พ้น ไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน แล้วจะได้มีอย่างไม่ทุกข์ ใช่ไหม (ใช่) ต้องไปเอาใครมาเป็นแฟนไหม หาเพื่อนมาอีกคนหนึ่งดีไหม (ดี)  ดีหรือ
ศิษย์เอ๋ยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มีขึ้นกับตัวเรา สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือถ้าศิษย์ปรารถนาความสุข ความสุขนั้นต้องไม่เบียดเบียนทำร้ายชีวิต ความสุขนั้นต้องไม่เบียดเบียนทำร้ายกาย ศิษย์มีความสุขในการจะทำอะไร อาจารย์ดีใจที่ศิษย์หาความสุขของตัวเองเจอ แต่จงจำไว้ว่าถ้าความสุขนั้นมันต้องแลกมาด้วยการเปลี่ยนแปลงและทำร้ายตัว คิดให้ดีๆ ว่ามันคุ้มไหมกับความสุขที่ต้องแลกด้วยชีวิต มนุษย์ทุกคนปรารถนาความสุข แต่ถ้าเพื่อความสุขสมใจแต่ต้องทำร้ายชีวิต คิดให้ดีๆ คิดให้หนักๆ เพราะบางอย่างมันกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ และเราก็ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วมันจะดีได้อย่างที่ใจเราคิดไหม เพราะโลกนี้มันไม่เที่ยง ไม่แท้ ไม่ทน อย่ามัวหาความสุขของตนจนลืมกฎอันเป็นธรรมดาของโลก แล้วทำให้ตัวเองทุกข์
เขาดีกว่าเราอย่างหนึ่งนะ เขารู้ว่าความสุขในชีวิตเขาคืออะไร แต่เราสิที่หัวเราะเขา หาความสุขตัวเองเจอหรือยัง มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลย ใช่หรือเปล่า แต่คนนี้เขารักเดียวใจเดียว แบบไหนก็แบบนั้น แต่อาจารย์ขอให้สติ ถ้ารักตัวเองแล้วต้องทำให้ตัวเองเจ็บปวด เปลี่ยนตัวเองแล้วทำร้ายตัวเอง ควรหรือที่จะเอาความสุขนั้นมา สู้การที่เป็นแบบนี้แต่ฉันก็สุขได้ ไม่ดีกว่าหรือ
ศิษย์อยากมีชีวิตที่มีแต่กำไรไหม ถ้าคิดว่าไม่พอ มันก็ขาดทุนตั้งแต่คิด แต่ถ้าคิดว่าอะไรก็ดี มันก็กำไรตั้งแต่คิดได้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้น ไม่ว่าเป็นอะไรไม่สำคัญ สำคัญก็คือเป็นแล้วต้องไม่เบียดเบียนทำร้ายหัวใจตัวเอง และหัวใจคนรอบข้าง
มนุษย์มีอีกอย่างหนึ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ใครจะมี ใครจะด่า ใครจะรวย ใครจะจน ฉันไม่รู้สึก รู้สึกอย่างเดียวว่าถ้าทำแล้วโดนใจจะให้ได้ทุกอย่างเลย
อย่างนั้นวันนี้หน้าที่ของอาจารย์ครบแล้วนะ ส่วนจะสมบูรณ์ไม่สมบูรณ์ ต้องแล้วแต่ศิษย์แล้วนะ อาจารย์มาเพียงแค่ชั่วครู่ ถึงเวลาอาจารย์ก็คงต้องไป ดีไหม อาจารย์อาจจะไม่ได้ไปนะ อาจารย์อยู่เสมอแหละ แต่ศิษย์อาจจะมองไม่เห็นแค่นั้นเอง ใช่หรือเปล่า อาจารย์อยู่ทุกที่ อาจารย์อยู่ในใจศิษย์ทุกคน ถ้าเมื่อไหร่ศิษย์คิดได้ มีปัญญามองโลกชัดเจน เมื่อนั้นแหละศิษย์มีหัวใจอาจารย์
เมตตาเขาไว้เยอะๆ นะ เป็นตัวแทนของอาจารย์ อนุเคราะห์ชาวโลก ใช่ไหม เป็นลูกศิษย์อาจารย์จี้กงแล้ว ต้องเป็นเด็กดี ต้องเป็นคนดี ไม่ใช่เป็นศิษย์ดื้อ ชอบทำผิด ชอบทำบาป ยังเบียดเบียน ยังทำร้ายสัตว์อื่นอีกหรือ 
เป็นเด็กดี ตั้งใจบำเพ็ญนะ ไม่ต้องร้อง ใช่หรือเปล่า เลือกทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง อย่ามัวแต่สำมะเลเทเมา ได้ไหม รับปากอาจารย์ แปะมือ ได้ไหม รับผิดชอบต่อหน้าที่ รู้จักทำสิ่งที่ดีงาม ไม่ใช่มัวแต่ไปหลงสาว หลงมอเตอร์ไซด์ หลงเกม ไร้สาระ ใช่หรือเปล่า 
ตบให้หายโรค หายโศก หายภัยหรือ ให้เคาะด้วยไหม เคาะดีไม่ดีมันอยู่ที่การกระทำ โชคดีไม่ดี มันอยู่ที่ความประพฤติและความคิด ใช่ไหมศิษย์เอย นั่งฟังให้มันได้อะไรบ้าง ไม่ใช่มึนๆ มัวๆ เมาๆ
ได้แค่ลมหายใจ แล้วถ้ามันไม่มีล่ะ ก็เหลือแต่กรรมที่ศิษย์ก่อ ไปตามกรรมที่ตัวเองสร้าง แล้วตอนนั้นจะมาเรียกพระก็ช่วยไม่ได้ ห้อยประคำมันก็เปล่าประโยชน์
อาจารย์คงต้องกลับแล้วนะ ถึงเวลามุ่งมั่นบำเพ็ญไม่เสื่อมคลาย อย่าเกียจคร้านอย่าหน่ายในการช่วยเหลือคนอย่าหลงโลกจนเกินไป อาจารย์ไปแล้วนะ รู้จักคิดดีทำดีนะ เกิดมาเพื่อใช้กรรม ฉะนั้น เราต้องรู้จักสร้างแต่สิ่งที่ดีงามด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์นะ เข้มแข็งหรือยัง คิดเป็นอย่างคนพ้นทุกข์หรือยัง ไม่ต้องร้องไห้นะ เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แล้ว ต้องรู้จักคิด รู้จักทำด้วยสติ คนบางคนบางทีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ หวังดีแต่บางทีก็อาจจะไม่ได้ดีเป็นเรื่องธรรมดานะศิษย์เอ๋ย
ศิษย์เอย ตั้งใจทำสิ่งที่ถูกต้อง อย่าสร้างบาปเวรกรรมและความทุกข์ให้กับตัวเอง ฟ้าไม่ได้ลิขิตชีวิตคน แต่ตัวเราคือผู้ลิขิตชีวิตของตัวเราเอง อาจารย์มีแต่ทำหน้าที่ชี้นำทางสว่าง ส่วนศิษย์ ศิษย์ และศิษย์ จะเดินไหม อยู่ที่ตัวศิษย์นะ อย่าไปคิดให้ตัวเองมีแต่มืดมนอับจน คิดให้สว่างไว้ คิดให้ดีเข้าไว้ ไม่มีใครฉุดใจเราให้พ้นทุกข์จากโลกใบนี้ได้ นอกจากตัวเราเอง อย่าให้คำพูดหรือการกระทำของใคร หรืออย่าให้ใครมาทำให้ศิษย์ต้อง
แปดเปื้อนแล้วเวียนว่ายเวรกรรมในโลกนี้อีกเลยนะ เชื่ออาจารย์เถิดนะ ยอมได้ก็ยอม อภัยได้ก็อภัย เมตตาได้ก็เมตตา ให้ได้ก็ให้ ดีกว่าไม่ยอม ไม่อภัย โกรธเกลียดกันไป เหน็บแนมกันไป มันก็มีแต่เจ็บปวดทั้งเราและเขา มันไม่ดีเลย จริงไหม (จริง)  
อยากอยู่อย่างคนพ้นทุกข์ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจึงทำให้ตัวเองทุกข์ อยากอยู่กันอย่างมีสุขไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจึงคิดให้ตัวเองทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไปตามทางสว่าง ไม่ปล่อยให้อารมณ์ ความคิดครอบงำชีวิต เราเกิดมาเพื่อจบ และไม่สร้างบาปอีกต่อไปนะศิษย์นะ จงรู้จักใช้ธรรมนำชีวิต



อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา