西元二0一0年嵗次己丑十一月廿五日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ สถานธรรมเจิ้งซิน จ.อุบลราชธานี
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี
ชอบทำบุญสุนทานมากแค่ไหน แต่หัวใจยังมากล้นโลภหลงอยู่
บุญส่วนบุญบาปส่วนบาปดำรงคู่ ต้องเวียนอยู่ในวัฏฏะอีกแสนนาน
เราคือ
ฮั่นจงหลีต้าเซียน รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถาน แฝงกายประณตน้อม
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านฟังธรรมะเพลียไหม
ทหารฟ้ายอมแม้ต้องเถือเนื้อ เหือดเลือดในกายเพื่อธรรมขยาย
เดือดพล่านพลุ่งไหลเพื่อช่วยเวไนย พลีชีวิตจุดต่อไฟแห่งปัญญา
บำเพ็ญใจจิตสู้ใช่ปะทะสู้ กังขาอยู่ความกังขาแขวนชื่อหนา
แสงมุ่งมั่นส่องวิ่งย้อนสุริยา ยามไหนธรรมถึงเวลาไม่เสียใจ
จิตแค่เร็วไปกายลำบากแทน มาเป็นแกนชีวิตแม้แสนอสงไขย
จะตัดรากไกลอกุศลพ้นงมงาย ศรัทธาแก้วยังคนทั้งหลายกระทั่งตน
สถานธรรมบ้านน้อยคนคงมั่น สะท้อนผ่านชีวิตยิ้มรอยเหี่ยวย่น
ดีร้ายขึ้นลงอย่าเป็นกังวล สำเร็จตรงความเป็นคนผู้บำเพ็ญ
ปัญหาทำให้ดูหมดเรี่ยวแรง พัฒนาบ้างไปแข็งอย่างที่เห็น
วัดที่กำลังดั่งที่โลกเป็น เลาะกระดูกมีเอ็นย่อมตื่นธรรม
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี
มีคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า พระอรหันต์ไม่ว่าอยู่ในป่าหรืออยู่ในบ้าน ไม่ว่าอยู่ในที่ลุ่มหรือที่ดอน ก็สามารถทำให้ทุกๆ สถานที่เป็นที่รื่นรมย์ได้ เพราะว่าท่านสามารถตัดกิเลสความยึดมั่นถือมั่น ฉะนั้นไม่ว่าท่านจะอยู่ในบ้านหรือในป่า อยู่ในที่สบายหรืออยู่ในที่ลำบาก ท่านก็สามารถทำให้กลายเป็นที่รื่นรมย์ได้ แต่ใจมนุษย์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อใจสงบที่ๆ ใดก็สงบ แต่เมื่อใจไม่สงบแม้อยู่ในที่ๆ ใดก็ (ไม่สงบ) เหมือนกลั่นแกล้งให้ชีวิตนั้นวุ่นวายไม่สงบอยู่ร่ำไป ทั้งที่จริงๆ แล้วชีวิตนี้สิ่งแวดล้อมแม้จะมีความดี ความร้าย ความสงบ ความไม่สงบในใจมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็หาได้มีอิทธิพลต่อจิตใจ ต่อความมุ่งมั่นที่แท้จริงไม่ จิตที่มุ่งมั่นแม้สภาวะแวดล้อมจะเลวร้ายอย่างไร ก็ไม่สามารถดึงใจที่มุ่งมั่นให้ตกต่ำลงไปได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ มนุษย์ชินกับการปล่อยตัวปล่อยใจมากกว่า การปล่อยตัวปล่อยใจไปตามสภาวะอารมณ์ กิเลส แม้จะให้สุขในเบื้องต้น แต่ให้ทุกข์ในเบื้อง (หน้า) การรู้จักทำสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้จะให้ทุกข์ในเบื้องต้น แต่แท้ที่สุดก็ให้ความสุขในบั้นปลาย ใช่ไหม (ใช่) สิ่งที่เราพูดมาตั้งแต่ต้นมาถึงตอนนี้หมายความว่า จิตที่มุ่งมั่นย่อมเอาชนะสิ่งแวดล้อมได้ และจิตที่มุ่งมั่นทำสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าสิ่งที่ตามใจตน แม้จะให้ทุกข์ในเบื้องต้นแต่ก็ให้สุขในบั้นปลาย และเมื่อไรที่ระลึกถึงก็มีแต่ความภาคภูมิใจ แต่การทำตามใจตามอารมณ์โดยไม่รู้จักควบคุมนั้น แม้จะให้สุขในเบื้องต้นแต่ท้ายที่สุดก็คือความทุกข์ในบั้นปลาย ยิ่งระลึกถึงก็มีแต่ความผิดหวังและเสียใจ
วันนี้เรามาฟังธรรมเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือมาฟังธรรมเพื่อตามใจตน (มาทำสิ่งที่ถูกต้อง) ฉะนั้นเราต้องเข้าใจจุดยืนของการมาฟังธรรมะให้ถูกต้องด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วท่านจะเดินไปไม่ถึงที่สุด จริงหรือไม่ (จริง) อย่าลืมว่าเรามาฟังธรรมเพื่อค้นหาสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่มาค้นหาสิ่งที่ตามใจตน
วันนี้มาฟังธรรมะไม่ใช่เพื่อแค่เป็นคนดี แต่มาฟังธรรมะเพื่อเรียนรู้วิธีการดับทุกข์และหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ใช่หรือไม่ (ใช่) สิ่งที่วันนี้ท่านเรียนรู้ศึกษาคือการโปรดยุคสามช่วยเวไนย ไม่ใช่ช่วยแค่ให้เป็นคนดี แต่ช่วยเวไนยให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด และเอาสิ่งที่รู้นั้นไปฉุดช่วยผู้อื่น มนุษย์ชอบทำบุญทำทานแต่ยังไม่สามารถตัดซึ่งโลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ ฉะนั้นบุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป มนุษย์แม้จะขยันทำบุญทำทาน แต่ถ้าจิตใจยังตัดไม่ได้ซึ่งโลภ โกรธ หลง ก็สามารถสร้างเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้เหมือนกัน แม้จะทำบุญขนาดไหน แต่ถ้าโลภ โกรธ หลง ยังตัดไม่ได้ บาปก็ยังต้องชดใช้ จริงหรือไม่ (จริง)
ชีวิตไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ชีวิตมีแค่ชีวิตเดียว ถ้าผิดพลาดไปแล้ว จะเรียกกลับมาเหมือนเก่าก็อาจจะเรียกไม่ได้ คนบางคนอาจจะดวงแข็งดวงดีรอดมาได้ แล้วแน่ใจหรือว่าครั้งต่อไปจะรอดได้อีก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นขึ้นชื่อว่า “มนุษย์” ขาดไม่ได้ซึ่งการสำรวมและระมัดระวัง หรือที่มนุษย์พูดอีกอย่างหนึ่งว่า เกิดเป็นคนต้องไม่ประมาท นอกจากไม่ประมาทแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคม นั่นก็คือต้องรู้จักให้อภัย เราไม่ก่อกรรมกับเขาและก็ไม่คิดจองเวรกับเขา ถูกหรือไม่ (ถูก) อย่ารู้แต่เพียงไม่ประมาทแต่ไม่รู้จักให้อภัย นั่นก็ก่อให้เกิดจิตใจที่อาจจะเกิดการจองเวรได้เฉกเช่นเดียวกัน
ฟังธรรมะเพลียไหม (ไม่) เหนื่อยกันหรือเปล่า (ไม่) ยังพอฟังไหว ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วกลัวเราหรือเปล่า (ไม่) ดุก็แค่เสียงแต่ใจไม่ดุหรอกนะ ถ้าทำผิดคิดร้ายนั่นเป็นเรื่องที่ต้องกลัว แต่ถ้าเราไม่เคยทำผิดคิดร้ายแล้วจะกลัวอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)
อยากนั่งกันหรือยัง ไม่คุ้นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อเป็นภาษาจีน ใช่ไหม (ใช่) แต่วันนี้สิ่งที่เรามาร่วมสนทนาธรรมกับท่านล้วนเป็นธรรมะ เมื่อขึ้นชื่อว่าธรรมไม่แบ่งแยก สูงต่ำ ดำขาว คนไทยคนจีน สภาวธรรมล้วนมีอยู่ทุกๆ ที่ อย่าได้มีจิตแบ่งแยกเลย เมื่อพุทธะพูดถึงธรรมแล้ว มนุษย์ก็สามารถรู้ตื่นได้ ไม่ว่าคนนั้นมาจะผิวขาวผิวดำ ความรู้มากหรือความรู้น้อย จิตแห่งการรู้ตื่นล้วนมีได้อยู่ทุกคน จะต่างกันก็แต่บุญวาระหรือกรรมที่บดบังใจ
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาถามนักเรียนในชั้นว่า พร้อมจะนั่งหรือยัง)
จิตของมนุษย์ล้วนเป็นเช่นนี้ ปากบอกว่าอยากที่จะนั่งแต่ใจจริงยังไม่อยากนั่ง พอยืนไปสักพักหนึ่งเมื่อไรจะให้นั่ง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นสุขหรือทุกข์ ความยุ่งยากหรือความง่ายสะดวกสบาย ไม่ได้อยู่ที่ผู้อื่นกำหนด แต่อยู่ที่จิตใจเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) ได้อย่างหนึ่งแต่มักจะหวังอีกอย่างหนึ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่) มนุษย์ทุกคนเมื่อมีชีวิต สิ่งที่ปรารถนาที่สุดในชีวิตนั่นก็คือความสุข ไม่อยากมีความทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเราเคยรู้ไหมว่า ต้นเหตุของความทุกข์มาจากที่ใด (ตัวเรา) แม้มนุษย์ปรารถนาความสุข แต่ตัวเราก็มักจะหาความทุกข์มากกว่าความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) ขึ้นชื่อว่าชีวิต เรามีหน้าที่และมีภาระคือต้องเลี้ยงดูชีวิตให้ได้ดี แต่การมีภาระเลี้ยงดูชีวิตก็ไม่ใช่หลงติดกับชีวิตจนทำร้ายผู้อื่น ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฉะนั้นมนุษย์จึงมีภาระอยู่สองอย่างที่มนุษย์ชอบเป็นและชอบกระทำ แล้วเป็นต้นเหตุให้เกิดทุกข์มากกว่าเกิดสุข นั่นก็คือ มีภาระเลี้ยงดูร่างกาย กับมีภาระเลี้ยงดูชีวิตเพื่อสนองกิเลสและอารมณ์ จริงหรือไม่ (จริง) ถามว่าลึกๆ ที่เราต้องวิ่งวนหาเงินหาทองก็เพราะว่า เรากังวลเราห่วงร่างกายนี้ บางครั้งที่เราวิ่งแทบเป็นแทบตายก็เพราะว่า อยากมี อยากสวย อยากเก่ง อยากรวย ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นต้นเหตุแห่งความทุกข์จึงเกิดจากภาระสองอย่างนี้ที่มนุษย์ตัดไม่เคยขาด นั่นก็คือ มีชีวิตเพื่อสนองกิเลสและอารมณ์ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่พุทธะเรียกสองสิ่งนี้ว่าอะไรรู้ไหม อย่างแรกคือ มนุษย์มีชีวิตเพื่อตามใจขันธ์ และเอาใจขันธ์ ร่างกายนี้เปรียบได้กับกองแห่งขันธ์ทั้งห้า ซึ่งประกอบไปด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เราตามใจขันธ์อันนี้ และสนองเอาใจขันธ์อันนี้ ขันธ์อันนี้บอกว่าร้อน ก็ต้องหาเสื้อที่ใส่แล้วเย็น แต่ตอนแรกเราก็หาเพื่อเย็น แต่ไปๆ มาๆ ก็หาเพื่อสวย พอร่างกายบอกว่าหนาว เราก็ต้องหา เรามีชีวิตวิ่งไปตามภาระทั้งสองอย่างนี้ แล้วรู้ไหมว่าภาระทั้งสองอย่างนี้เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์และเป็นต้นเหตุที่กางกั้นความดีให้มนุษย์ไม่สามารถบรรลุไปถึงได้ ทำไมเราจึงบอกเช่นนี้ เมื่อไรที่มนุษย์ยึดมั่นว่ารูปนี้ กายนี้ คือของเรา นั่นก็คือการที่กำลังสร้างให้ทุกข์มีที่อยู่ เมื่อไรที่มนุษย์วิ่งวนตามกิเลสตัณหา มนุษย์กำลังสร้างมูลเหตุแห่งความทุกข์โดยไม่รู้ตัว
เคยเห็นคนยากจนขอทานไหม บ่อยครั้งที่เราเคยทำบุญ แต่ทำไมเราไม่สามารถทำให้ไปถึงที่สุดของความดีได้ พอทำไปสักพักหนึ่ง ใจก็รู้สึกว่าจะทำดีไหม เขาเป็นขอทานจริงๆ หรือเปล่า กิเลสอะไรที่ขวางกั้นให้มนุษย์ไม่สามารถบรรลุถึงความดีได้ถึงที่สุด ความระแวง ความอิจฉา ความโลภ ความหลง ความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ผิดหรือแม้กระทั่งความกลัว ฉะนั้นถ้าเรามีชีวิตแล้วเราสนองตามกองของขันธ์และเดินไปตามอารมณ์กิเลส มนุษย์ก็ง่ายที่จะสร้างเหตุแห่งทุกข์ ทั้งที่ถึงที่สุดแล้วทุกข์อยู่ที่ใด แต่มนุษย์สร้างทุกข์ให้มีที่อยู่ก็คือตัวตน ตัวตนที่วิ่งไปตามกิเลสตัณหาและความอยาก จนทำให้บดบังธรรมที่ควรจะมองให้เห็น ธรรมที่ควรจะเล็งเห็นและความเป็นจริงตรงที่ว่า แท้จริงแล้วตัวตนที่มนุษย์บำรุงบำเรออยู่นั้นถึงที่สุดแล้วก็คือความไม่มี และเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล ถ้าพูดอย่างนี้ลอยๆ ท่านก็คงนึกไม่ออก แต่ถ้าเรายกตัวอย่างนิทานเรื่องหนึ่ง อาจจะทำให้ท่านนึกออกได้บ้าง
มีชายคนหนึ่งมีอาชีพฝึกโคเลี้ยงโค แต่มีโคตัวหนึ่งที่แปลกไม่เหมือนโคตัวอื่น เขาสอนให้มันเดินมันก็เดินได้แค่สองก้าวแล้วก็หยุด พอเขาสอนมันอีกมันก็เดินสองก้าวแล้วก็หยุด ไม่ว่าจะสอนให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวามันก็ไม่ทำตาม ในที่สุดคนฝึกโคก็เกิดความโมโห และลงโทษโคตัวนั้นด้วยการจุดไฟเผาทั้งเป็น ผลของการสนองกิเลสและอารมณ์เพียงชั่ววูบ ทำให้เขาต้องลงนรก แล้วกรรมของการตกนรกนั้น ทำให้เขาไปเกิดเป็นกาและถูกไฟคลอกตายถึงเจ็ดครั้ง ฉะนั้นเมื่อเรามีชีวิตอยู่แล้วปล่อยชีวิตไปตามอารมณ์ ไปตามความอยาก ความโลภ ความโกรธ โดยไม่ควบคุมย่อมสามารถยังทุกข์ให้มนุษย์ภพแล้วภพเล่าไม่จบสิ้นได้ จริงหรือไม่ (จริง)
ทุกท่านในที่นี้กลัวอะไรมากที่สุด ทุกคนบอกว่ากลัวตาย ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เราว่าความตายไม่น่ากลัว ถ้าตายแล้วได้จบซึ่งกรรม หมดซึ่งทุกข์ แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือ ความเกิดที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตน เป็นเหตุให้ต้องรับทุกข์และรับกรรมกี่ภพกี่ชาติกันเล่า ฉะนั้นเกิดเป็นคนอย่าคิดว่าแค่ทำดีก็พอแล้ว กิเลสอารมณ์ไม่ต้องควบคุม ไม่ต้องระงับยับยั้ง เพราะความโกรธแค่ชั่วแล่นของคนเลี้ยงวัวคนนี้จึงก่อให้เขาต้องกลายเป็นกาที่ถูกไฟคลอกตายถึงเจ็ดครั้ง แต่มนุษย์พูดว่าเป็นคนดีก็พอแล้ว ฉันไม่เคยทำชั่ว ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตก็ดีหนักหนาแล้ว
อย่างนั้นเรายกตัวอย่างของเด็กกลุ่มหนึ่งให้ฟังง่ายๆ ท่านเคยเห็นตัวเงินตัวทองไหม (เคย) คนบางคนบอกว่าใครเห็นตัวเงินตัวทองถือว่าโชคร้าย บางคนบอกว่าโชคดีได้อาหารหนึ่งมื้อ ถูกหรือไม่ (ถูก) เราจะยกตัวอย่างให้ท่านฟัง เด็กเจ็ดคนไปเที่ยวเล่นในป่า บังเอิญได้พบตัวเงินตัวทอง เขาก็คิดว่าจะจับมันเอามาเล่นไม่ได้คิดจะฆ่า แต่ปรากฏว่าตัวเงินตัวทองหนีไปอยู่ในจอมปลวก ด้วยอารมณ์สนุกอยากจับให้ได้ เด็กทั้งเจ็ดคนก็เลยช่วยกันอุดรูของจอมปลวกให้หมด เผื่อว่าพอเปิดรูทั้งหมดแล้วมันจะรีบวิ่งออกมา แต่วิสัยของเด็กความอดทนต่ำ ส่วนตัวเงินตัวทองเมื่อภัยอันตรายมาถึงตัวย่อมอดทนให้นานที่สุด ถามว่าตัวเงินตัวทองจะยอมออกมาไหม (ไม่ออก) เด็กก็เลยเกิดความเบื่อหน่ายที่ตัวเงินตัวทองไม่ยอมออกมา ก็เลยไปเล่นอย่างอื่น พอไปเล่นอย่างอื่นพลบค่ำก็กลับบ้านลืมตัวเงินตัวทองที่ขังไว้ในจอมปลวก ผ่านไปเจ็ดวันกลับมาเที่ยวเล่นที่เดิมอีกจึงนึกได้ว่าขังตัวเงินตัวทองไว้ในจอมปลวก พอปล่อยออกมาปรากฏว่าตัวเงินตัวทองยังรอดอยู่ เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเหมือนคนตายทั้งเป็น
เด็กเห็นว่าเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก จะเอาไปกินก็ไม่มีประโยชน์ ก็เลยปล่อยไป แต่ผลของกรรมนั้น แม้เด็กเจ็ดคนจะบวชเป็นพระ ผลของกรรมนั้นทำให้เขาต้องรับกรรม มีเหตุต้องถูกขังเจ็ดวันเจ็ดคืนอยู่หลายภพหลายชาติ เพียงแค่คิดจะเล่นกับตัวเงินตัวทอง ไม่ได้จะเอาชีวิต มนุษย์ฉันใดก็ฉันนั้น อย่าคิดว่าแค่เล่นๆ แล้วไม่เกิดกรรม อย่าคิดว่าฉันไม่เคยเบียดเบียนทำร้ายใครถึงชีวิต แล้วจะไม่เกิดการสนองกรรมไม่ต้องรับผลแห่งกรรม
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่า ชีวิต ก่อนจะวิ่งไปตามกิเลสอารมณ์ จงไตร่ตรองไว้ว่า กิเลสอารมณ์นั้นยิ่งใหญ่กว่าคุณธรรมในใจหรือไม่ กิเลสอารมณ์นั้นมีแล้วทำให้เราสูญเสียความเป็นคนในหัวใจหรือเปล่า กิเลสอารมณ์ที่เราอยากได้อยากมีนั้นทำให้เราเบียดบังความเป็นคนของผู้อื่นหรือไม่ ไม่เช่นนั้นแล้ว ถึงบุญจะทำมาเท่าไร กรรมก็ต้องรับเท่าตัว จริงหรือไม่ (จริง) เพราะว่าโลภ โกรธ หลง กิเลสในใจเราไม่เคยตัดได้สักที นี่แค่นับที่ตัวเราสร้างแค่นั้น มนุษย์กลัวกับอดีตที่ตัวเองสร้าง แต่อย่าลืมกลัวกับปัจจุบันที่ตัวเองจะสร้างเพื่ออนาคตและชาติต่อไปด้วย อย่ามองเห็นว่าการตามใจกิเลสเป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุข สุขในวันนี้แต่อาจจะต้องทุกข์หลายภพหลายชาติก็เป็นได้
ฉะนั้นสิ่งที่มนุษย์พึงสำรวมไว้เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมแล้ว ก็คือ สำรวมกาย วาจา ใจ ถ้าไม่สำรวมก็อาจจะเกิดอันตราย สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน สำรวมกายก็คือ เห็นคุณธรรมยิ่งกว่าชีวิต สำรวมวาจาก็คือ พูดน้อยอย่าพูดมาก เมื่อพูดผิดไปแล้วต่อให้ม้าดี ม้าเร็ว ก็นำกลับคืนมาไม่ได้ คำพูดที่ดี พระพุทธะจึงเปรียบไว้ว่า มีค่ายิ่งกว่าเงินทอง เงินทองยังมีวันใช้หมดได้ แต่คำพูดที่ดีนั้นยิ่งคิดยิ่งเพิ่มพูน กับทำให้ชีวิตมีสติปัญญาหนทางอันสว่างไสว เหมือนคำว่า “อภัย” พูดบ่อยๆ ใช้บ่อยๆ ใครทำได้คนนั้นยิ่งเป็นสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีชีวิตอย่าประมาทต่อการดำเนินชีวิต รู้จักสำรวมระมัดระวังอยู่เสมอ ยิ่งมียิ่งใช้บ่อยๆ คำพูดนั้นจะมีค่ายิ่งกว่าเงินทองที่ท่านได้มาอีก จริงหรือไม่ (จริง) ถามว่า โลภ โกรธ หลง เราตัดให้เบาบางได้ยากไหม (ไม่ยาก) ทำอย่างไร (แค่ทำใจไม่ให้ทะเยอทะยาน) แค่ไม่ทะเยอทะยานอยากแค่นั้นหรือ การจะตัด โลภ โกรธ หลง ให้เบาบางทำได้ด้วยการดำรงชีวิตด้วยความเป็นกลาง หรือที่มนุษย์เรียกว่าดำรงชีวิตด้วยความเป็นธรรม ถ้าสามารถดำรงชีวิตด้วยความเป็นธรรม เราก็จะไม่สามารถทำร้ายใครได้ เพราะจิตที่เป็นกลางย่อมไม่แบ่งแยก เพราะจิตที่เป็นกลางไม่เห็นใครดีใครร้าย เพราะจิตที่เป็นกลางจะไม่อวดตัว และสำคัญตนผิด
ฉะนั้นจิตที่รู้จักธำรงความเป็นกลาง หรือธำรงความเป็นธรรม ไม่ว่าจะอยู่สถานะแบบไหน เจอคนแบบไหนย่อมรักษาความคงมั่นและไม่เปลี่ยนแปลง เพราะมองทุกสิ่งทุกอย่างอย่างเท่าเทียม แต่ใจมนุษย์อดไม่ได้ที่จะแบ่งแยก เปรียบเทียบ ชิงดีชิงเด่น อวดเก่ง ผยอง และลำพองตน ถูกหรือไม่ (ถูก) เมื่อไรที่แบ่งแยก ชิงดีชิงเด่น อวดตน เมื่อนั้นความทุกข์ย่อมหนีไม่พ้น ทั้งที่จริงแล้ว โลกใบนี้เป็นโลกแห่งความว่างเปล่า แต่เพราะความยึดมั่นถือมั่นจึงบังเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพราะความยึดมั่นถือมั่นจึงเรียกว่าสิ่งมิชอบ สิ่งมิชัง ถ้าเราไม่ยึดมั่นในตัวตน ไม่ยึดติดในอารมณ์ จะมีอะไรที่เรียกว่ารัก และจะมีอะไรที่เรียกว่าของเรา วันนี้เรามาศึกษาธรรม อย่างนั้นลองมองดูว่า ในตัวเรานี้มีธรรมะไหม
ในร่างกายที่มนุษย์ยึดติดว่าเป็นของของตนนั้น แท้จริงแล้วนั้นธรรมะอะไรที่มีอยู่ในตัวเรา ขึ้นชื่อว่าชีวิต มีเกิด แก่ เจ็บ และตาย
ขึ้นชื่อว่าชีวิตเป็นทาสรวมของกองขันธ์ทั้งห้า ซึ่งมาจากดิน น้ำ ลม ไฟ ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาสรรพสิ่งก็ย่อมกลับไปสู่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อมองไปถึงที่สุด สิ่งที่เราบอกว่า อันนี้คือของเรา อันนี้คือของท่าน แต่แท้ที่จริงแล้วใช่ของท่านไหม (ไม่ใช่) เพราะถึงที่สุดก็หนีไม่พ้นความตาย และถึงที่สุดก็ไร้ตัวตน มีแต่กองแห่งความทุกข์ เมื่อไรที่เรายึดมั่นว่านี่คือตัวตน พออะไรมากระทบ เราก็กำลังสร้างที่ให้ทุกข์อยู่ แต่เมื่อไรเราพึงสำนึกไว้อยู่เสมอว่า ตัวตนนี้คือความว่างเปล่า พออะไรมากระทบเราจะโกรธไหม เราจะหลงรักไหม (ไม่) แล้วเราจะทุกข์กับอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะจริงๆ แล้วตัวเจ็บนี้ก็เจ็บเป็นธรรมดา มีเจ็บก็ต้องมีเปลี่ยนแปลง และก็ต้องมีตาย เรากำลังเจ็บกับความตาย ซึ่งถึงที่สุดแล้วเราก็ต้องเจ็บเพื่อตายอยู่แล้ว แล้วจะรู้สึกเจ็บก่อนตายทำไมให้เจ็บปวด ถูกหรือไม่ (ถูก)หงเต้า จ.เชียงราย เมื่อวันที่ ๒๖-๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
ฉะนั้นเมื่อมองไปที่ตัวตนแล้ว ท่านจะเห็นว่าในความเป็นธรรมดาของตัวตนที่แท้จริงนั้นคือ ความว่างเปล่า แต่เมื่อไรมนุษย์ยึดมั่นถือมั่นว่านี่ตัวฉันนี่ตัวเธอ เราก็อดไม่ได้ที่จะมีทุกข์และสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) พอมีคนชมเธอแต่ไม่ชมฉัน ทุกข์ไหม (ทุกข์) พอมีคนให้เงินเธอแต่ไม่ให้เงินฉัน ทุกข์ไหม (ทุกข์) ทุกข์เพราะเรามีที่ยึดมั่นถือมั่น แต่ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นเขากับเราก็ไม่ต่างกัน วันนี้เขาได้ก็ยินดีด้วย เราไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเราก็ไม่ทุกข์ ถ้าเกิดวันนี้เขาได้แล้วต่อไปเขาเสีย สู้เป็นเราไม่ดีกว่าหรือ ไม่ได้ก็ไม่เสีย จริงหรือเปล่า (จริง) แล้วนิสัยของมนุษย์คือ มีจิตที่ชอบไหวไปไหวมา สิ่งใดมากระทบก็หวั่นไหวไปตามสิ่งกระทบ พอไหวมากเดี๋ยวก็สุขเดี๋ยวก็ทุกข์ แต่มีจิตแห่งมนุษย์อีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “พุทธภาวะหรือธรรมญาณ” ที่ไม่ไหวแต่มีความสงบ ว่างและไร้การยึดมั่นถือมั่นอยู่ในตัวเราอีกจิตหนึ่ง แต่มนุษย์มักจะมองข้าม ทั้งที่จริงๆ แล้วธรรมญาณหรือพุทธจิตธรรมญาณแห่งตัวตนนั้นมีอยู่ในทุกคน เมื่อปราศจากความโลภ ความหลงและความยึดมั่นถือมั่น ความว่างล้วนมีอยู่ในหัวใจทุกคน ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เพราะมนุษย์อดไม่ได้ ไม่ชอบอยู่กับความสงบ ไม่ชอบอยู่กับความว่างจึงมีชีวิตวิ่งไปตามความมีและความอยาก ซึ่งเป็นเหตุให้ทุกข์นั่นเอง ถ้านั่งเฉยๆ แล้วมองดูด้วยความว่าง มองดูด้วยความปลดปลง มีหรือเราจะเข้าถึงความสงบไม่ได้ แต่เพราะความไม่รู้พอเสียทีมนุษย์จึงอยู่ไกลกับความสงบ ทั้งที่จริงๆ แล้วปล่อยได้เมื่อไรความสงบก็เข้ามาสู่ใจได้ทันที
มนุษย์มีสิ่งที่ชอบพอใช่ไหม เรายกตัวอย่างเรื่องความรักให้ท่านฟัง เราพยายามพูดธรรมะที่พื้นฐานที่สุดแล้ว มีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งได้เลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่ง นับถอยหลังไปสามภพสามชาติที่แล้วนั้น สุนัขตัวนี้เคยเป็นสามีของหญิงคนนี้มาก่อน ชาตินี้สุนัขตัวนี้ก็ยังมีความภักดีไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าหญิงคนนี้จะไปที่ใด สุนัขตัวนี้ก็จะตามไปทุกๆ ที่ไม่เคยห่างกายเลย แต่สมัยก่อนผู้หญิงที่เดินแล้วมีสุนัขตามเป็นเรื่องแปลกประหลาด หญิงคนนี้ทนการล้อเลียนไม่ไหว ความรู้สึกจากความรักกลายเป็นความรังเกียจ พอเวลาสุนัขตัวนี้เข้ามาใกล้ก็จะทุบตีต่างๆ นานา แต่สุนัขตัวนี้ไล่อย่างไรก็ไม่ไป ตีให้เจ็บเจียนตาย สุนัขตัวนี้ก็หนีไปสักพัก พอหายดีก็กลับมาหาเจ้าของใหม่ หญิงคนนี้ก็เลยคิดแผนได้อย่างหนึ่งว่า ทำอย่างไรถึงจะไล่สุนัขตัวนี้ไปจากชีวิตได้ วันหนึ่งจึงคิดได้ว่า จะเรียกสุนัขมาด้วยความรักและจะจับถ่วงน้ำ สุนัขตัวนี้เคยโดนไล่มาหลายครั้งแล้ว อยู่ๆ วันหนึ่งถูกเรียกด้วยความรัก จึงดีใจ รีบวิ่งมาหาหญิงคนนี้ แต่ถึงเวลาผลที่สุนัขได้รับก็คือ ถูกจับถ่วงน้ำให้ตายทั้งเป็น ผลของกรรมเป็นอย่างไร ความรักที่ถูกตอบแทนเช่นนี้ ทำให้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะเกิดมากี่ภพ กี่ชาติ ก็ต้องตายด้วยการถูกถ่วงน้ำทุกๆ ชาติไป
ฉะนั้นอย่าคิดว่าสัตว์หรือคนที่รักเราเป็นพิเศษ ทำไมอยู่ๆ เขาถึงถูกชะตาต้องใจเราเป็นพิเศษ ทั้งที่ไม่เคยเกี่ยวกรรมกันมาก่อน ทุกอย่างล้วนมีกรรมผูกพันกันมา ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ขอให้จบลงที่การสนองตอบอย่างดีงาม อย่าสนองตอบด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ ไม่เช่นนั้นแล้วกรรมก็จะผูกต่อไปให้เกิดภพชาติไม่สิ้นสุด เหมือนคนที่เรารัก พอเรารักไม่ได้เราก็เกลียด พอเกลียดไม่ได้เต็มที่เราก็แค้น นั่นก็คือเรากำลังสร้างเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรมอย่าคิดแค่เพียงทำบุญทำทานก็พอ แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดก็คือ อารมณ์ กิเลส ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความโลภ ความโกรธ ล้วนก่อเกิดภพชาติและกรรมเวรที่ไม่จบสิ้น ที่มนุษย์ไม่อยากได้ก็ต้องได้ เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “มนุษย์เกิดมาล้วนมีเหตุปัจจัย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัยและความเป็นมา” อย่าคิดว่าทำแล้วไม่ตกผล
อายุมากฟังก็ไม่ค่อยไหวแล้วใช่ไหม อายุมากฟังก็ไม่ค่อยได้ยิน แต่อายุน้อยฟังก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วอายุเท่าไรดี อายุกลางๆ ก็ยังห่วงหาเงินหาทอง ทรัพย์ใดที่ว่าประเสริฐ ไม่เท่ากับทรัพย์แห่งการบำเพ็ญธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) พึงมีชีวิตอยู่ด้วยธรรม อย่ามีชีวิตอยู่ด้วยอารมณ์และกิเลสเลย ฟังเพลงสนุกไหม (สนุก) แต่ฟังธรรมไม่สนุกเลย ใช่ไหม เราบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าสิ่งที่ถูกใจให้ความสุขแค่ตอนต้น แต่ให้ความทุกข์ในเบื้องปลาย แต่สิ่งที่ถูกต้องให้ความทุกข์ในเบื้องต้น แต่ให้ความสุขในเบื้องปลาย ระลึกได้ก็เป็นสุขได้ทุกครั้ง จริงหรือไม่ (จริง) ฉะนั้นถ้ามนุษย์ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง ชีวิตนี้ก็ไม่มีใครช่วยท่านได้แล้ว
ถามว่าให้เขานั่งตรงๆ ยังนั่งไม่ได้เลย แล้วชีวิตนี้จะรักษาความดีอันเที่ยงตรงได้ไหม แต่บำเพ็ญธรรมไม่ใช่ต้องการแค่ท่านเป็นคนดี บำเพ็ญธรรมคือ เป็นคนดีแล้วรู้จักควบคุมอารมณ์ไม่ก่อเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดด้วย แต่บางคนในที่นี้มักคิดว่า ชีวิตนี้จบแล้วก็จบกัน ไม่มีหรอกนรก สวรรค์ มีไหมที่คิดแบบนี้ (ไม่มี) ถามท่านหน่อย เวลาทำผิดละอายใจไหม (ละอาย) มองหน้าคนได้เต็มตาไหม (ไม่เต็ม) เวลาไปคิดผิด คิดร้าย รู้สึกใจสั่นไหม แล้วกลัวบทลงโทษไหม ฉะนั้นอย่าคิดว่า นรกไม่มี นรกมีได้เพราะการกระทำของมนุษย์ แล้วสวรรค์มีได้เพราะการกระทำของมนุษย์เช่นกัน ถ้ามนุษย์รู้จักควบคุมตนเอง จะหมดสิ้นทั้งนรก สวรรค์ แล้วกลับสู่นิพพานได้ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ปณิธานที่แข็งแกร่ง วันนี้เพิ่งฟังเป็นวันแรก จะให้ท่านเข้าถึงธรรมที่เราพูดถึงนั้นก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ ขอให้มีความมุ่งมั่น อดทนฟังให้ครบสองวันก็พอ ไหวไหม (ไหว)
มีคนเริ่มไม่ไหวแล้ว อย่างนั้นเราให้ธรรมะแค่นี้ก่อนดีกว่าไหม บทที่เหลือเรายังไม่ให้แล้วกัน อย่างนั้นวันนี้เรามาผูกบุญสัมพันธ์กับท่านเพียงแค่นี้ก่อน ความกลัวกลายเป็นความเบื่อและหน่ายท้อเสียแล้ว มีบางท่านไม่ไหวแล้ว ผู้ปฏิบัติงานธรรม เดี๋ยวเตรียมผ้าเย็นๆ ให้เขาชื่นใจหน่อย ดีไหม (ดี)
เป็นโอกาสยากยิ่งที่เราจะมีโอกาสได้มาผูกบุญสัมพันธ์กับมนุษย์ในโลกนี้ แต่เมื่อมีเกิดก็มีดับ เมื่อมีพบก็ต้องมีพราก เมื่อมีคนรู้สึกก็ต้องมีคนไม่รู้สึกเป็นธรรมดา ฉะนั้นขอให้มนุษย์รู้จักดำเนินชีวิตอย่างคนที่มีธรรม ไม่ประมาทและรู้จักให้อภัย อย่าปล่อยชีวิตไปตามอารมณ์กิเลส
ทุกสิ่งล้วนมีระยะเวลา ขึ้นอยู่กับชะตาชีวิตของตัวท่านเอง ถามเราไม่ได้หรอก คนบางคนอายุยืน บางคนอายุสั้น บางคนวาสนาดี บางคนวาสนาไม่ดี แต่ชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ บางคนมีพบ บางคนมีพราก นั่นเป็นเรื่องปกติ บางคนมีได้ บางคนมีเสีย นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ มีใครในโลกมีได้แล้วไม่มีเสีย มีพบแล้วไม่มีพราก แต่ถ้าเกิดคนบางคนอายุสั้นแต่รู้จักดำรงสิ่งที่ดีงาม ฟ้าก็เปลี่ยนสั้นให้เป็นยาวได้ แต่คนบางคนอายุยืน แต่ดำเนินชีวิตผิดพลาด ฟ้าก็เปลี่ยนยาวเป็นสั้นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอย่าถามฟ้า แต่จงถามตัวเอง อย่าถามผู้อื่นว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร แต่ควรจะหันมามองตัวเอง และลิขิตชีวิตด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้ผู้อื่นเป็นผู้กำหนดสุขและทุกข์ ฝากหัวใจไว้กับคนอื่น ก็ไม่สู้ฝากไว้กับตัวเองให้ตัวเองดูแลดีกว่า ใช่หรือเปล่า (ใช่)
วันนี้เราคงมาผูกบุญสัมพันธ์กับท่านเพียงเท่านี้ หากมีโอกาสคงกลับมาพบกันใหม่ เรื่องเล่นหรือเรื่องจริงอยู่ที่ท่านพิจารณาไตร่ตรองเอาเอง
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ สถานธรรมเจิ้งซิน จ.อุบลราชธานี
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ใช้แต่กำลังไม่มีใจสงบ ชั่วดินกลบโลกชังหัวใจต่ำ
จิตเป็นไม่สุขสิ่งที่กระทำ ไม่สู้ทำสิ่งที่โลกบูชา
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนสบายดีไหม
คนต้องติดดิน ลมกร้านถูกผิว ผ้าลู่ชายปลิว เดินลิ่วลิ่วคนตาม หากว่าขานั้นไม่เดิน ก็อย่าลืมลากไปและฉุดไป
ไม่อยากจะบำเพ็ญเพียงแค่เขิน ลูบหน้ากล้าเดินเท่ากำลังของตน ก้าวที่ช้าไม่เคยแอบหยุดฝึกฝน ก้าวแล้วก้าวอีกดีแล้ว
* โลกไม่หมุนเพื่อเรา แต่ว่าเรา จงทำเพื่อตน โลกไม่ล้นน้ำตา แค่สุขมาช้า
** ตั้งใจจริงจริงใจธรรมดา ที่มีปัญญาที่มีความเข้าใจ ที่กล้าสู้ทุกอย่างอย่างเต็มใจ มีศรัทธาทุกทุกวันเท่านี้ ก้าวไปอย่างมั่นใจ
คนไม่ตั้งหลักธรรมก่อเป็นฐาน มุ่งแต่ส่วนตัวกันจะยุ่งยากใจ มีชีวิตเพื่อผู้อื่นใช่เรื่องร้าย หนึ่งเมตตาหมื่นความหวัง (*, **) โล่งโล่งเรือนชีวิต
ทำนองเพลง : คนธรรมดา
ชื่อเพลง : ธรรมดา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
อิ่มหรือยัง หรือมาฟังธรรมะจนอิ่ม อิ่มส้มตำกับข้าวเหนียวกัน ใช่หรือเปล่า (ใช่) ยังกินไหวอีกไหม (ไหว) ตอนนี้ไม่ไหวแต่เย็นนี้ไม่แน่ ใช่ไหม (ใช่) กินมากๆ ก็เป็น (ทุกข์) กินน้อยๆ ก็เป็น (ทุกข์) กินอย่างไรถึงไม่เป็นทุกข์ (พอดี) แล้วตอนนี้กินพอดีหรือกินมากเกินไป (พอดี) ถ้าใครแอบหลับแสดงว่ากินมากเกินไปเลยง่วงนอน ถูกไหม (ถูก) ถ้ากินพอดีๆ จะไม่ง่วง แต่ถ้ากินมากเกินก็จะทำให้ง่วง อาจารย์จะคอยดูถ้าใครแอบหลับจะจับมาโชว์เลย
อยู่ในโลกนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร (ธรรมะ) แสดงว่ายอมเสียสละได้เพื่อธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นต่อไปถ้ามีคนชวนมาฟังธรรมะท่านก็จะ (มาฟัง) ระหว่างความอยากกับความเมตตาอะไรมีค่ามากกว่ากัน (ความเมตตา) ธรรมะมีค่ามากกว่า ฉะนั้นความอยากกับธรรมะอะไรมีค่ามากกว่ากัน ตอนนี้พูดได้ว่าธรรมะ แต่ถึงเวลาก็ยอมสูญเสียความเมตตาเพื่อกินเนื้อสัตว์
มนุษย์ทุกคนบอกว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดคือชีวิต ฉะนั้นมนุษย์พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิต สิ่งที่มีค่าที่สุดของมนุษย์คือความสุข เงินทอง เราจึงยอมเสียทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินทอง แม้จะสูญเสียชีวิตก็ตาม เช่นนี้คุ้มแล้วหรือที่เกิดมา แล้วท่านรู้ไหมว่าพระพุทธะที่มนุษย์กราบไหว้ ท่านเห็นอะไรสำคัญที่สุดและเห็นอะไรยิ่งใหญ่ที่สุดกว่าชีวิต ธรรมะถูกไหม (ถูก) เพราะท่านเห็นธรรมะสำคัญยิ่งกว่าชีวิต แม้ท่านจะบรรลุธรรมไปกี่ร้อยกี่พันปี คนก็ยังกราบไหว้ แต่มนุษย์ผู้กราบไหว้ท่านกลับไม่สามารถทำได้เหมือนท่านสักนิดเดียว เพราะมนุษย์เห็นเงินทองสำคัญกว่าธรรมะในใจ เห็นความอยากสำคัญกว่าความเมตตาในจิตใจ เห็นความสุขของตัวเองสำคัญกว่าความสุขของผู้อื่น แล้วอย่างนี้เกิดมาแล้วสมควรไหมกับคุณค่าของความเป็นคน จริงหรือเปล่า (จริง)
มนุษย์ที่เรียกว่ามนุษย์หรือสัตว์ประเสริฐนั้น เพราะว่ามีอะไร มีขาสองข้าง มีหัวตั้งตรงแค่นั้นหรือ มนุษย์นั้นที่เรียกว่าสัตว์ประเสริฐก็เพราะมีใจที่รู้จักความผิดชอบชั่วดี มีใจที่รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาป มีใจที่ประเสริฐ ฉะนั้นอย่าทำให้การมีชีวิตของเรานั้น ทำให้เราสูญเสียความเป็นคนไป เช่นนี้น่าเสียดาย ในโลกใบนี้ใครดีที่หนึ่ง (คุณพ่อ,คุณแม่) แสดงว่าเป็นลูกกตัญญู แล้วใครเลวเป็นที่หนึ่ง (ตัวเราเอง) ให้ชมตัวเองก็ยังรู้จักข่มตัวเอง ว่าตัวเองบ้างใช่ไหม (ใช่)
โดยส่วนใหญ่มนุษย์ทุกคนหรือศิษย์ของอาจารย์ทุกคนมักจะพูดว่า ในโลกนี้ใครหรือจะดีเท่าเรา แล้วใครหรือจะร้ายเท่ากับคนอื่นๆ ถูกไหม (ถูก) ถ้าอาจารย์ถามอย่างนี้ส่วนใหญ่ทุกคนก็ต้องตอบอาจารย์ว่า ไม่มีใครดีเท่าศิษย์แล้วอาจารย์ แล้วก็ไม่มีใครร้ายเท่ากับคนในโลกแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่) ศิษย์ลืมนับตนเองไปหรือเปล่าว่าตนเองก็เป็นคนในโลกเหมือนกัน
บุคคลใดก็ตามที่ชมตัวเองว่าดี ว่าเก่ง ว่าเลิศ อาจารย์ถามหน่อยว่า จะมีใครกล้าว่าและขอให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาจะฟังใครไหม ถ้ามีใครว่าเขาจะฟังไหม (ไม่ฟัง) เถียงไหม (เถียง) เพราะตัวเองดี ใครว่าตัวเองไม่ดี ยอมรับไหม (ไม่ยอม) แล้วเราไปชี้ว่าคนอื่นไม่ดี ตัวเองยังไม่ยอมเปลี่ยน แล้วศิษย์คิดว่าศิษย์จะสามารถทำให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงได้ไหม มีพลังพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้ไหม
ฉะนั้นคนจึงเปรียบเหมือนน้ำขัง น้ำที่ขังมากๆ แล้วไม่คิดจะรับฟัง ไม่คิดจะแก้ไข ไม่รู้จักรับการถ่ายเท น้ำนั้นย่อมเน่าได้สักวันหนึ่ง จริงไหม (จริง) ฉะนั้นในโลกนี้จึงเต็มไปด้วยคนที่คิดว่าตัวเองดีมองคนอื่นแย่ มองผู้อื่นด้วยความคับแคบและเข้าข้างตัวเอง เมื่อมองด้วยความคับแคบเข้าข้างตัวเองแล้ว ก็มักจะเรียกร้องให้ผู้อื่นดีก่อน แล้วฉันจึงจะดี ให้ผู้อื่นเห็นใจเราก่อน แล้วเราจึงจะเห็นใจผู้อื่น ทำให้ฉันก่อนแล้วฉันจึงจะทำให้ แล้วโลกนี้จะมีคนดีไหม (ไม่มี)
ฉะนั้นการศึกษาธรรมจึงสอนให้มนุษย์เรียกร้องตัวเอง แก้ไขตัวเองด้วยการฝึกเปิดจิตใจให้กว้างแล้วรู้จักควบคุมไม่ตามใจอารมณ์ตน รู้จักเรียกร้องตัวเอง เห็นใจผู้อื่นก่อนที่จะให้ผู้อื่นเห็นใจตัวเอง รู้จักเรียกร้องตัวเองให้ทำความดีก่อนที่จะไปเรียกร้องให้คนอื่นทำความดี พอเข้าใจบ้างหรือยังว่าบำเพ็ญนั้นต่างจากคนข้างนอกอย่างไร นั้นก็คือเรียกร้องตัวเอง แก้ไขตัวเองเมื่อตัวเองยังไม่ดีพอ แล้วค่อยคิดไปแก้ไขผู้อื่น เพราะคนในโลกนี้มีแต่คนที่ไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ใช่ไหม ถึงจะรู้ว่าตัวเองเลวอย่างไร ตัวเองว่าตัวเองได้คนเดียวคนอื่นห้ามว่า ใช่หรือไม่ (ใช่ ) ฉันรู้ว่าฉันไม่ดีเธอไม่ต้องว่า ประโยคนี้ชอบพูดกันนัก แต่รู้แล้วแก้ไขไหม (ไม่แก้ไข) ไม่มีประโยชน์
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์อีกอย่างหนึ่งก็คือเวลาดีก็ดีใจหาย เวลาร้ายก็ร้ายเหลือ จริงไหม (จริง) ดังที่มนุษย์ชอบพูดกันเป็นสำนวนว่า สิ่งที่มีพลังแห่งการสร้างสรรค์ก็มีพลังแห่งการทำลายล้างแอบแฝงอยู่ เมื่อศิษย์เกิดก็มีความตายติดตามมา ทุกขณะที่ศิษย์แข็งแรงก็มีความอ่อนแอซ่อนอยู่ในชีวิต ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่ศิษย์เกิด เมื่อนั้นก็คืออายุของศิษย์ที่ตาย จริงไหม ฉะนั้นคนที่ดีมากก็พร้อมจะกลายเป็นคนที่ร้ายมาก ถ้าไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง
เวลาใครพูดอะไรถูกใจศิษย์ สวยจังแก่แล้วยังดูไม่แก่เลย เป็นอย่างไรชอบไหม (ชอบ) ใครพูดถูกใจ ใครพูดถูกคอ ศิษย์ก็ให้ได้ทุกอย่าง แต่ถ้าผิดหูนิดหนึ่งเป็นอย่างไร โมโหหน้ายังไม่อยากจะมอง เพียงเพราะว่าถูกใจถูกอารมณ์ เราเลยยอมตาม เราเลยกลายเป็นคนที่ตามใจตัวเองไม่รู้ตัว ถ้าตามใจตัวเองมากๆ แล้วเป็นอย่างไร ก็กลายเป็นคนขาดศีล ขาดธรรม ลำเอียง เบี่ยงเบนมองอย่างปิดบังตัวเองใช่หรือไม่ ชอบคนนี้เพราะคนนี้เก่ง ตามใจเรา ไม่ชอบคนนี้เพราะคนนี้ชอบขัดใจเรา ใช่ไหม (ใช่)
ถ้าเราอยากเป็นคนที่ใจกว้างต้องรู้จักรับฟังทุกความเห็น และเราอยากเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ก็ต้องรู้จักยอมรับทุกๆ สิ่งที่เป็น แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่สมบูรณ์ก็ตามใช่ไหม ศิษย์เคยเห็นหนอนไหม ชอบกินกันใช่ไหม ฉะนั้นคนที่ศิษย์เจอว่าแย่แล้ว แน่ใจหรือว่าที่แย่นั้นไม่แน่ก็อาจจะดีกว่าที่แย่ต่อไปก็ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอย่ามั่นใจหรืออย่าเสียใจเกินไป เมื่อเวลาเจอสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่เป็นไปดังใจหวัง ได้ไหม (ได้) จงยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเราจะรู้ว่า เพราะหัวใจที่กว้างจึงไม่มีใครแล้งน้ำใจ เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงไม่มีอะไรในโลกที่เรียกว่า ไม่สมบูรณ์ ขึ้นชื่อว่า “ผู้บำเพ็ญ” ต้องมีใจกว้างยอมรับได้ทุกเรื่องราว
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นห้าคนเป็นตัวแทนวิ่งไปหาก้อนหินหนึ่งก้อนและใบไม้หนึ่งใบ โดยพระอาจารย์นับหนึ่งถึงห้า)
ศิษย์ลองกำใบไม้และก้อนหินพร้อมๆ กันดู มือหนึ่งกำใบไม้ อีกข้างหนึ่งกำหิน ศิษย์ว่ากำอะไรเจ็บกว่ากัน (มือที่กำหิน) ถ้าอาจารย์เอาใบไม้ขูดที่ผิว เจ็บไหม (ไม่เจ็บ) แล้วถ้าเอาหินขูดที่เนื้อ เจ็บไหม (เจ็บ) ถ้าอาจารย์เอาใบไม้ปาที่หัว เจ็บไหม (ไม่เจ็บ) แล้วถ้าอาจารย์เอาหินปาที่หัว เจ็บไหม (เจ็บ) ถ้าอาจารย์เอาหินปล่อยลงพื้นแล้วศิษย์ลองเหยียบโดยที่ไม่มีรองเท้า ศิษย์เจ็บไหม (เจ็บ) แล้วถ้าเหยียบใบไม้ (ไม่เจ็บ) อาจารย์อยากจะบอกศิษย์ว่า ความอ่อนคือสิ่งมีชีวิต ความแข็งคือสิ่งไม่มีชีวิต ของอ่อนไปอยู่ที่ศีรษะก็ไม่เจ็บ อยู่ข้างตัวก็ไม่เจ็บ แม้แต่อยู่ที่ต่ำก็ไม่เคยทำให้ใครเจ็บ แต่หัวใจที่แข็งกระด้างดื้อดึง แม้จะอยู่สูง อยู่ข้างๆ หรืออยู่ที่ต่ำ ก็ทำให้คนเจ็บได้ทั้งนั้น ถูกไหม (ถูก)
ตัวศิษย์เองเลือกที่จะมีสิ่งที่มีชีวิตที่เหมือนใบไม้ หรือมีชีวิตที่มีหัวใจแข็งกระด้างเหมือนหิน ฉะนั้นเลือกที่จะหยิบมา รู้ว่าสิ่งนี้คือใบไม้และสิ่งมีชีวิต หินคือสิ่งที่ไม่มีชีวิต แล้วตอนนี้ใจของศิษย์เลือกที่จะเป็นแบบหิน หรือเลือกที่จะเป็นแบบใบไม้ เลือกปฏิบัติต่อผู้คนด้วยหัวใจแบบใบไม้ หรือหัวใจแบบหิน (ใบไม้) อาจารย์เห็นศิษย์บางทีก็ยอมเป็นใบไม้ แต่บางทีก็ยอมเป็นหิน กับคนนอกบ้านที่ศิษย์รักศิษย์อ่อนเป็นใบไม้ แต่กับพ่อแม่ซึ่งเลี้ยงดูเรามาศิษย์กลับแข็งกระด้างยิ่งกว่าหิน ใช่หรือไม่ (ใช่)
ตัวศิษย์อยากได้คนที่มาร่วมชีวิตที่แข็งกระด้างไร้ชีวิตชีวา หรือมีชีวิตชีวา แอปเปิ้ลช้ำๆ ศิษย์เอาไหม (ไม่เอา) ฉะนั้นก็อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเรื่องที่ไม่ควรเสี่ยง เพราะไม่อย่างนั้นช้ำแล้วก็แก้ไม่ได้
อยากนั่งหรือยัง รีบนั่งเลยเพราะตอนนี้เก้าอี้กลายเป็นเก้าอี้แห่งความสุขแล้ว เพราะถึงเวลาอาจารย์ไม่ให้นั่ง มาให้นั่งเอาตอนที่เมื่อยขาจะแย่แล้ว เก้าอี้นี้จะเป็นเก้าอี้แห่งความสุข จริงไหม มีสุขก็ร่วมสุข มีทุกข์ก็ร่วมทุกข์ถึงจะเรียกว่าครอบครัวเดียวกัน ตัวเองสุขแล้วปล่อยให้คนอื่นทุกข์ได้ไหม (ไม่ได้)
อาจารย์ได้ยินคำพูดคนอีสานพูดคำหนึ่งว่า “อย่าเชื่อในสิ่งที่เฮ็ด และอย่าเฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ” ที่พูดเช่นนี้เพราะบางครั้งวาจากับการกระทำก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะตรงกัน แม้คำพูดหนึ่งจะพูดว่าการกระทำและวาจาล้วนสะท้อนให้เห็นหัวใจของคน แต่หัวใจของคน ใช่จะเป็นอย่างนั้นเสมอไปไม่ บางครั้งเราเห็นอย่างหนึ่งแต่จริงๆ อาจมีความหมายอีกอย่างหนึ่งก็เป็นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนสองคนไปหาน้ำใส่แก้วมาให้ได้มากที่สุด )
เมื่อสักครู่นี้ บางคนพยายามจะเป็นคนที่ดีที่สุด คนเก่งที่สุด คนแน่ที่สุด คนสามารถที่สุด แต่เมื่อเราหาได้มากที่สุดถึงเวลาแล้ว เราสามารถเอาชนะคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ได้ เราได้เป็นที่หนึ่ง เราได้เป็นคนเก่ง แต่คนเก่งของศิษย์วันนี้จะสามารถเป็นคนเก่งที่เก่งไปตลอดชีวิตได้ไหม (ไม่ได้) อย่าลืมว่าอยู่ในโลกเหนือฟ้ายังมีฟ้า สิ่งที่ศิษย์คิดว่าวันนี้ศิษย์ชนะ ศิษย์สำเร็จ แต่ไม่แน่ต่อไปอาจจะกลายเป็นพ่ายแพ้และไม่สำเร็จก็ได้
ฉะนั้นเรียนรู้ที่จะอยู่บนโลกใบนี้ก็ต้องพร้อมที่จะรับมือกับทุกเรื่องราว ไม่ว่าเรื่องราวนั้นจะดีหรือจะร้าย จะชนะหรือจะแพ้ เราก็ต้องกล้าที่จะยืดอกรับเพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากเราเป็นผู้กระทำทั้งสิ้น แล้วเราจะเอาแต่คาดหวังกับผู้อื่นให้เป็นดั่งหวังเป็นไปได้ไหม ตัวเราเองยังทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเย้ยได้และถูกว่าได้ บางครั้งสำเร็จได้และบางครั้งก็ล้มเหลวได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น สิ่งที่มนุษย์ชอบเป็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ชอบเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ชอบเอาคนอื่นมาวัดกับตัวเอง ซึ่งเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) กำลังและพลังของแต่ละคนมีต่างกัน ใบไม้สองใบ ศิษย์ว่าใบนี้ใหญ่กว่าใบนั้น แต่ถ้าเทียบกับใบเล็กๆ ประโยชน์อาจจะมากกว่าใบใหญ่ๆ ที่ไร้ประโยชน์ก็เป็นได้ ถามว่าชาวนากับคนจบปริญญาตรี ใครเก่งกว่ากัน (ชาวนา) ถ้าพูดเรื่องการทำนาชาวนาเก่งกว่า แต่ถ้าพูดถึงความรู้ คนจบปริญญาตรี (เก่งกว่า) ฉะนั้นเราอย่าน้อยเนื้อต่ำใจว่า ฉันเป็นแค่ชาวนาสู้คนจบปริญญาตรีไม่ได้ ทุกคนล้วนมีคุณค่าต่างกันออกไป เอาใครมาเทียบกับใครไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีคุณค่าในตัวของตัวเอง ถ้าเมื่อไรศิษย์คิดไปเปรียบเทียบเมื่อนั้นศิษย์ก็หาทุกข์ใส่ตัว ฉะนั้นจงภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น แต่ขออย่างเดียวอย่าขี้เกียจสันหลังยาว คนล่วงทุกข์เพราะความเพียร มนุษย์สามารถเอาชนะชะตาชีวิตได้ด้วยความขยันและซื่อตรง จริงไหม (จริง)
อาจารย์ถามว่าอิทธิพลภายนอกมีผลต่อจิตใจคนที่ดีงามให้กลายเป็นคนไม่ดีของเราไหม มีคนตอบว่ามี และมีคนไม่ยอมตอบ อย่างนั้นอาจารย์ถามว่ามือที่ไม่มีแผล เมื่อจับยาพิษจะมีโทษ จะเกิดภัยกับตัวไหม ถ้าเกิดก็เกิดน้อย ถูกหรือไม่ (ถูก) แต่ถ้ามือนั้นมีแผล แม้แค่ละอองพิษก็ยังเกิดความเจ็บแสบได้ ฉันใดก็ฉันนั้น อาจารย์เปรียบเทียบว่า ถ้าใจของมนุษย์มีความคงมั่นในความดี อิทธิพลภายนอกจะมีผลต่อใจคนไหม แต่เพราะใจของเรานั้นหวั่นไหวและลำเอียงอยู่ ดังนั้นเมื่อเจอใครว่าสักนิดก็กลายเป็นคนที่พร้อมจะเลวร้ายได้เลย ถูกไหม (ถูก) ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าศิษย์มือสะอาดแม้จับพิษ พิษก็ทำร้ายตัวเองไม่ได้ ฉะนั้นถ้าใจศิษย์มั่นคง แม้สิ่งแวดล้อมภายนอกจะเลวร้ายเพียงใด ก็เปลี่ยนแปลงศิษย์ให้กลายเป็นคนเลวไม่ได้ นอกจากใจของเรานั้นแอบฝักใฝ่สิ่งที่ไม่ดีโดยไม่รู้ตัว ถ้าใจปกติใครว่าอย่างไรศิษย์ก็ยิ้มได้ทั้งวัน ใช่ไหม (ใช่) ถ้าวันนี้ศิษย์ถูกเลขท้ายสองตัว ใครว่าอย่างไรก็ไม่โกรธ เพราะวันนี้ฉันโชคดี จะว่าอย่างไรเราก็ยังยิ้ม เพราะถูกลอตเตอรี่ แต่ถ้าไม่ถูกลอตเตอรี่ แค่เหล่ตาก็คิดว่าเขาว่าแล้ว เพราะใจมันไม่ปกติ
ฉะนั้นใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทุกสิ่งสำเร็จสำคัญที่ใจ ถ้าเราอยากทำให้ชีวิตนั้นสงบสุขก็อยู่ที่ใจเราสงบหรือยัง ถ้าอยากให้ชีวิตมีความร่มเย็น ใจร่มเย็นได้หรือยัง ถ้าอยากให้ชีวิตมีเรื่องดีๆ ใจเราคิดดีบ้างหรือยัง แม้เขาจะทำดีแต่ใจศิษย์คิดว่าเขาจะมาหลอก เพราะใจคิดร้ายจะมีความสุขไหม ไม่อยากให้เขาหลอกก็อย่าโลภ ก็เพราะโลภอย่างนี้ จึงถูกเขาหลอก ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าศิษย์อยากมีใจที่สงบ อยากเป็นคนที่มีชีวิตดี ก็ต้องเริ่มต้นที่ใจ โลภน้อยลงหรือยัง โกรธตัดทิ้งได้บ้างไหม ยังขี้โมโห ขี้บ่นอยู่ ถูกไหม (ถูก) อายุมากแล้วขี้บ่นจะมีใครรัก อายุมากแล้วยิ้มก็ยิ้มยาก ยิ่งไม่มีใครจะหันมามอง ฉะนั้นยิ่งอายุมากก็ต้องยิ้มเก่งๆ คนจะได้มองว่า คุณยายคนนี้ยิ้มเก่งจัง ใช่ไหม (ใช่)
อยากมีชีวิตที่สงบ อยากมีชีวิตที่ดีต้องเริ่มที่ใจ รู้จักควบคุมความโกรธ เลิกบ่น รู้จักยอมรับความจริง เพราะอย่างที่ศิษย์เห็นพ่อแม่ตีเรา เพราะไม่อยากให้เราชั่ว ที่ด่าที่ตีเพราะรักเพราะห่วง ถ้าไม่ตีไม่ด่าก็แปลว่าไม่จำเป็นต้องสนใจ ก็อย่างที่อาจารย์บอกไปเมื่อสักครู่ว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น เพราะสิ่งที่แท้จริงอาจจะมากกว่าสิ่งที่เห็นก็ได้ ฉะนั้นอย่าวัดอะไรเพียงภายนอกต้องรู้จักมองให้ถึงจิตใจ หรืออย่ามัวแต่เห็นจิตใจจนลืมมองภายนอก
เหมือนที่มนุษย์ชอบฝันลมๆ แล้งๆ ก่อนจะมีสามีฝันว่าสามีเป็นคนยังไง รูปหล่อ ใจเย็น ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ใช่ไหม แต่เหมือนรจนาเลือกเจ้าเงาะ คนอื่นเขาเห็นคนนี้อัปลักษณ์ แต่เราเห็นเขาหล่ออยู่คนเดียว แล้ววันหนึ่งเงาะก็กลับมาสวมชุดเงาะใหม่ ตอนนี้คนที่ต้องรับเรื่องเงาะก็คือตัวเอง ฉะนั้นเราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้คือตัวเอง บำเพ็ญธรรมไม่ได้สอนให้ศิษย์ไปเปลี่ยนคนอื่น แต่สอนให้ศิษย์เปลี่ยนใจตัวเอง รับให้ได้ทุกสภาวะแล้วจิตใจศิษย์จะกว้างใหญ่ ทนให้ได้กับคนทุกรูปแบบแล้วจิตใจศิษย์จะเข้มแข็ง เพราะมีแต่ใจที่กว้างเท่านั้นจึงจะสามารถรองรับทุกเรื่องราวด้วยใบหน้ายิ้ม ใครว่ามาเราก็ยิ้ม ใครตบเราเราก็ยิ้ม ต้องรับสภาพไป กรรมของเรา ในเมื่อศิษย์เป็นคนเลือกเขามาแล้ว หรือชะตากรรมทำให้ศิษย์เลือกเขาแล้ว สิ่งที่จะทำให้เรามีความสุขได้ก็คือ ปรับเปลี่ยนหัวใจเราให้สู้กับคนทุกๆ แบบ เหมือนใบไม้ในโลกนี้ศิษย์เลือกให้ใบไม้มีลักษณะเดียวได้ไหม (ไม่ได้) เลือกให้ต้นไม้มีแบบเดียวได้ไหม (ไม่ได้) บางต้นสูงแต่บางต้นเตี้ยต่ำติดดิน และบังเอิญว่าคนนั้นก็ดันมาอยู่กับศิษย์ด้วย แล้วศิษย์จะทำยังไง ก็ต้องทำใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
อาจารย์ถามหน่อยว่าในตัวเรานั้นมีสิ่งที่เรียกว่าดี และมีสิ่งที่เรียกว่าสิ่งที่ไม่ดี อะไรคือดีอะไรคือไม่ดีในตัวเรา จริงๆ ถ้าศิษย์พูดถึงจิต จิตคือสิ่งที่ไม่ดี ธรรมญาณคือสิ่งที่ดี จิตกับธรรมญาณต่างกันตรงไหน จิตคือสิ่งที่วอกแวกไปตามอารมณ์ แต่ธรรมญาณคือสิ่งที่สงบอยู่เหนืออารมณ์ปรุงแต่ง ทำไมศิษย์เรียกว่าคนนี้เลว คนนี้ทำไม่ดี เล่นการพนัน กินเหล้า ถึงเวลาไม่ทำบุญทำทาน ตระหนี่ถี่เหนียวนี่เรียกว่าไม่ดี ทำผิดไม่ละอายใจนั่นแหละเรียกว่าคนเลว ผิดชอบชั่วดีแยกไม่ออก นั่นเรียกว่าคนไม่ดี ใช่ไหม (ใช่)
แล้วอย่างไรเรียกว่าคนดี ตอบได้ไหม เพราะศิษย์ไม่เคยคิดที่จะทำความดีเลยนึกไม่ค่อยออก ถ้าทำบ่อยๆ มีหรือจะนึกไม่ออก ถูกไหม ความดีคือมีอะไรก็รู้จักแบ่งปัน ซื่อตรงไม่โป้ปดมดเท็จ รู้จักเห็นใจผู้อื่น แค่นี้ไม่ใช่เรื่องยาก ใช่ไหม หมั่นไปเยี่ยมเยียนดูแลเอาใจใส่พ่อแม่นี่แหละเรียกว่าคนดี ได้ทำบ้างไหม
(พระอาจารย์เมตตาส่งเสริมนักเรียนในชั้นคนหนึ่ง)
ไหนตอบให้อาจารย์ฟังหน่อยว่า อะไรที่เรียกว่าความดีในตัวเรา และอะไรที่เรียกความไม่ดีในตัวเรา หันหน้าออกไปให้คนอื่นดูดีไหม หน้าตาก็หล่อดีใช่ไหม คิดว่าเรามีอะไรดี (ไม่รู้) ไม่รู้จริงๆ หรือ เคยช่วยพ่อแม่ทำงานไหม (เคย) แล้วตั้งใจเรียนไหม (ตั้งใจแค่บางครั้ง) แล้วถ้าเรียนไม่จบจะทำอย่างไร แล้วใครจะไปดูแลถ้าศิษย์ยังดูแลตัวเองไม่เป็น แล้วยังคิดจะไปดูแลคนอื่นจะรอดหรือ คิดให้ดีๆ นะศิษย์
อยากได้ผลไม้จากอาจารย์ไหม อาจารย์ให้ขนมปังแล้วกัน ศิษย์อายุน้อยมักจะมีความดื้อเล็กๆ อยู่ ถ้ากัดไม่ดีขนมปังก็อาจจะทิ่มคอ ถ้ากินไม่ดีขนมปังก็ฝืดคอ ฉะนั้นทานขนมปังต้องดื่มน้ำตาม แข็งกระด้างเกินไปก็ไม่น่ารัก ดื้อดึงเกินไปก็ฝืดคอ ถูกไหม (ถูก) ศิษย์อยากได้แอปเปิ้ลไหม (อยาก) อาจารย์ถามคำถามง่ายๆ อะไรที่เรียกว่าสิ่งดีในตัวเรา
(ใจ) ใจที่รู้จักให้อภัย ใจที่ไม่ถือโทษโกรธเคืองคือสิ่งที่ดี (ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน) มีน้ำใจ (ความอยากเป็นสิ่งที่ไม่ดี, การวางเฉยเป็นสิ่งที่ดี) ถ้าอยากทำบุญทำทาน อยากอย่างนี้ดี แต่ถ้าอยากได้ของคนอื่น อย่างนี้เป็นอยากที่ไม่ดี ต้องแยกให้ออก
(ใจที่รู้จักให้อภัยไม่ถือโกรธ) อะไรเรียกว่าดี (ใจที่รู้จักเมตตา) อะไรที่เรียกว่าดีในตัวเรา (การกระทำ) หน้าที่ของการเป็นลูกที่ดีคือตั้งใจเรียน รู้จักเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่ดื้อรั้น ใช่ไหม (ใช่) (การกระทำ ถ้าเราคิดร้ายต่อผู้อื่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ถ้าเราคิดดีกับผู้อื่นก็เป็นเรื่องที่ดี) แต่ไม่เคยออกไปทำเลย อย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์ อย่าเอาแต่คิด แต่จงลงมือทำด้วย
(มีความกตัญญู) นี่คือเรื่องที่ดี แต่เรื่องที่ไม่ดีก็คือรู้ว่าความกตัญญูเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่รู้จักกระทำ ใช่หรือไม่ (ใช่) (สิ่งที่ดีและไม่ดีก็คือปาก) แต่ถ้ารู้จักสำรวมระมัดระวัง พูดน้อยๆ ดั่งที่เมื่อวานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาว่า คำพูดมีค่ายิ่งกว่าเงินทองได้ ถ้ารู้จักพูดให้กำลังใจ พูดแล้วทำให้คนรู้สึกมีกำลังใจที่ดี แม้ถ้าเขาผิดพลาดแต่เราบอกไม่เป็นไร ฉันให้โอกาส คำพูดแบบนี้มีค่ายิ่งกว่าเงินทอง ใช่ไหม (ใช่)
(ปล่อยสัตว์คือสิ่งดี ฆ่าสัตว์คือสิ่งไม่ดี) ยุงกัด มดไต่ ศิษย์จะทำอย่างไร ศิษย์ยอมได้ไหม เพียงแค่เขาทำศิษย์เล็กน้อย ศิษย์ฆ่าเขาถึงชีวิต แค่เจ็บนิดหน่อย ศิษย์ยังฆ่าเขาถึงชีวิต แล้วศิษย์คิดว่าเขาจะไม่กลับมาเอาชีวิตของศิษย์หรือ ถูกไหม (ถูก) กัดนิดหน่อย ศิษย์ยังตบให้ตาย เดินผ่านนิดหน่อยศิษย์ยังบี้จนแบน แล้วก็อยากกินหมูปิ้งหมูทอด ศิษย์สั่งเขาฆ่าแล้วเขาจะไม่มาเอาคืนบ้างหรือ ใช่ไหม คิดให้ดี (คิดดี ทำดี พูดดี)
(ความอยาก) ความอยากมีทั้งดีและไม่ดี (มีความกตัญญูรู้คุณบิดามารดา)
จิตใจดีงามคือ (รู้จักเผื่อแผ่, รู้จักเสียสละ, รู้จักแบ่งปัน, รู้จักคิดดีทำดี, มีหลักคุณธรรมประจำใจ) พูดได้ต้องทำให้ได้ ตั้งใจเรียน เมื่อเป็นพี่ต้องรู้จักรักและเมตตาน้อง เมื่อเป็นน้องต้องรู้จักเคารพพี่ เมื่ออยู่ร่วมกันทำงานต้องมีความสามัคคีและรับผิดชอบต่อหน้าที่
(ช่วยผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน) อย่าเห็นวัตถุมีค่ามากกว่าคุณธรรมในจิตใจ เกิดเป็นคนถ้าเห็นรูปลักษณ์ภายนอกมีค่ากว่าคุณธรรมในจิตใจก็น่าเสียดายที่เกิดมาเป็นคน แต่หาคุณธรรมความเป็นคนไม่เจอ อาจารย์แค่ถามว่าเรามีอะไรดีในใจ ศิษย์ยังนึกไม่ออกเลย คุณธรรมของความเป็นคนก็คือ มีความเมตตา มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป มีจิตใจที่รู้จักจริยะ เคารพและให้เกียรติผู้อื่น ความซื่อตรง นั่นก็คือศีลห้าที่ศิษย์พยายามมี แต่มีไม่เคยครบสักที
เกิดเป็นคนต้องมีสามสิ่งคือ เมตตา ปัญญา กล้าหาญ ถ้าเรารู้จัก “เมตตา” เราจะไม่กล้าทำร้ายใครได้ลงคอ เราจะไม่สูญเสียคุณธรรมได้ด้วยหัวใจที่เมตตาเลย กล้าในสิ่งที่กล้า กล้าที่จะรับผิด พูดคำไหนก็คำนั้น ผิดแล้วก็รู้จักแก้ไข ส่วน “ปัญญา” คือ มองเห็นชัดในความเป็นจริงของโลกใบนี้ว่า โลกใบนี้มีได้ มีเสีย มีสุข มีทุกข์
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “กำลังใจจากฟ้า”)
คำว่า “กำลังใจจากฟ้า” ศิษย์มักจะพูดว่า บำเพ็ญธรรมแล้วต้องไม่ป่วย บำเพ็ญธรรมแล้วศิษย์ต้องไม่จน ต้องแข็งแรง เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) บำเพ็ญธรรมแล้วจะมีชีวิตที่ไม่เป็นอันตรายอะไรเลย ได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นทำไมเวลาบำเพ็ญธรรม แล้วพอเจอชะตาชีวิตที่ทำให้ศิษย์ป่วย แล้วศิษย์เลิกบำเพ็ญ เกี่ยวกันไหมศิษย์ บำเพ็ญคือกล้ายอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นด้วยสติปัญญา และฟันฝ่าออกไปด้วยความเพียรพยายามของตัวเอง บำเพ็ญธรรมคือการอยู่กับความเป็นจริงของชีวิตด้วยปัญญา และเห็นแจ้งอย่างคนหาทางออกเป็น ไม่ใช่บำเพ็ญอย่างงมงาย บำเพ็ญแล้วไม่จน บำเพ็ญแล้วแข็งแรงไม่ป่วย เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)
อย่าบอกว่าบำเพ็ญธรรมแล้วอยู่กับอาจารย์จี้กงจะไม่ป่วย ไม่จน เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นอย่ามาตัดพ้อกับอาจารย์ว่าบำเพ็ญแล้วศิษย์ยังเจ็บป่วยอยู่ ออกกำลังกายไหม เลือกกินไหม ศิษย์รู้ว่าอะไรดีไม่ดี แล้วกินไหม ที่ดีไม่กิน ที่ไม่ดีกินเอากินเอา ถ้าอาจารย์บอกศิษย์เชื่อไหม (ไม่เชื่อ) แล้วใครเป็นคนกำหนดชีวิตตัวเอง ตัวศิษย์เอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นกำลังใจจากฟ้าก็คือฟ้าต้องการให้ศิษย์เรียนรู้ถึงหลักธรรมความเป็นจริงว่าโลกนี้มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่เราต้องเป็นคนที่สามารถมีจิตใจอยู่เหนือโลก แม้จะมีทุกข์แต่สามารถมีปัญญามองเห็นทางออก และสามารถเอาชนะความทุกข์ได้ แม้ชีวิตนี้ตัวเองต้องเจ็บป่วยแต่ก็สามารถมีใจที่เข้มแข็งได้ เอากำลังใจมาจากไหน ไม่ต้องไปขอใคร เงยหน้าแล้วขอฟ้าว่า ขอให้ศิษย์เข้มแข็งฝ่าอุปสรรคนี้ไปได้ มีใครในโลกไม่เจออุปสรรค แม้พระพุทธองค์ยังเจอ ใช่หรือไม่ (ใช่) ยิ่งลำบากมากที่สุด แม้เขาเอาน้ำร้อนสาดตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ในใจคิดอย่างเดียวให้อภัยแผ่เมตตา หมดกรรมและยังได้บังเกิดกุศลจิตด้วย ไม่ใช่พอโดนราดแล้วก็เอาแต่ด่าเขาโกรธแค้นเขา อย่างนี้ไม่หมดกรรม มีแต่จองเวรจองกรรมกันไม่จบสิ้น อย่างนี้เรียกว่าบำเพ็ญธรรมไหม บำเพ็ญธรรมคือจิตใจที่รู้จักให้อภัย ยอมรับทุกเรื่องราวด้วยใจที่ไม่ถือโกรธ เมตตา มีปัญญาเห็นแจ้ง ฉะนั้นอาจารย์อยากให้ศิษย์จงมีจิตใจที่กว้างเหมือนฟ้า หนักแน่นเหมือนพื้นพสุธา ทนได้ทุกเรื่องราวในโลกนี้
วันนี้ก็หมดเวลาของอาจารย์แล้ว อาจารย์ก็ถึงเวลาที่ต้องไปแล้วเหมือนกัน ชีวิตเป็นสัจธรรมและในสัจธรรมก็มีธรรมแฝงอยู่ในทุกชีวิต มนุษย์จะมองเห็นได้เมื่อไหร่กันเล่า ถ้ายังหลงใหลกับความสุขชั่ววูบ ชั่วครั้งชั่วคราว เงินทองให้ความสุขได้เพียงชั่วครู่ แต่ธรรมะให้ความสุขศิษย์ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหนๆ เงินทองซื้อความสุขได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวแต่การรู้แจ้งเห็นจริงในธรรมะจะติดตัวไปกับศิษย์ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหนๆ
ฉะนั้นจงเรียนรู้ที่จะศึกษาธรรม เลือกที่จะควบคุมตัวเองให้อยู่ในกรอบของคุณธรรมความดี การตามใจตัวเองมีแต่ภัยพิบัติ ไม่วิบัติวันนี้ก็วิบัติวันหน้า แต่การตามใจตัวเองให้อยู่ในกรอบแห่งคุณธรรม ลำบากวันนี้แต่มีความสุขที่แท้จริงในวันหน้า และในภพต่อๆ ไป ศิษย์อย่ามองว่าชีวิตมีแค่เท่านี้
อาจารย์อยากจะบอกว่าคนบางคนเกิดมาเพื่อใช้กรรม ไม่ใช่เกิดมาเพื่อสุขสบาย ทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ขึ้นเพราะอะไร เพราะกรรมเก่ามันบังอยู่แล้วเราจะลดกรรมได้อย่างไร ถ้าเราไม่รู้จักทำดี ศิษย์เคยไหมทำดีแต่ทำไมใครๆ ก็ไม่รัก ทำดีแค่ไหน ใครๆ ก็เกลียดเพราะอะไร เพราะกรรมของศิษย์ที่เคยผูกกับเขามาเคยทำเขามา ฉะนั้นตอนนี้จงอดทนและพยายามทำต่อไป เผื่อสักวันความดีจะดลใจให้เขาเปลี่ยนเป็นคนที่ดีกลับมาบ้างใช่ไหม
ทองแท้ต้องไม่กลัวการหลอม คนดีแท้จริงต้องไม่กลัวอุปสรรคทดสอบ มนุษย์เกิดมาชาติหนึ่งสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์พึงจะมีคือ การรักษาคุณธรรมของความเป็นคนตราบจนลมหายใจสุดท้าย พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า “ท่านยอมเสียทรัพย์เพื่อรักษาธรรม ยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาธรรม ถึงที่สุดท่านยอมเสียชีวิตเพื่อมีธรรม” คนจึงกราบไหว้ท่านจนถึงทุกวันนี้ เพราะท่านเห็นธรรมยิ่งกว่าชีวิต แล้วเราที่นั่งอยู่ตรงนี้อาจารย์ก็เชื่อว่าทำได้ แต่อยู่ที่ว่าจะเลือกเห็นธรรมหรือเลือกตามใจอารมณ์ จะเลือกเมตตา กรุณาเป็นหลัก หรือความอยากในปากเป็นหลัก จะเลือกให้อภัยหรือจะเลือกถือทิฐิอารมณ์ อยู่ที่ศิษย์เลือกเอง เป็นคนทั้งทีทำไมไม่เป็นให้ดี น่าเสียดายที่เกิดเป็นคนทั้งทียังดีไม่ได้เลย น่าอายนะ ศิษย์เคยเห็นต้นไม้บางต้นไหม มีประโยชน์ตั้งแต่หัวจรดราก แต่ศิษย์เคยทำประโยชน์อะไรเพื่อผู้อื่นบ้าง ตัวเองยังมีประโยชน์สู้ต้นไม้ไม่ได้เลย น่าอายไหม ตั้งแต่เกิดมาจนตายไปมีคุณค่าอะไรให้เขากล่าวถึงบ้าง น่าเสียดายที่เกิดมาดูแลตัวเองแล้วไม่เคยดูแลผู้อื่น
อาจารย์ไม่หวังอะไรมาก ขอให้ศิษย์ดูแลตัวเองเป็น และตอบแทนคุณคนเป็นก็พอ ตอบแทนคุณของพ่อแม่ศิษย์เอง อย่ารักคนอื่นมากกว่ารักพ่อแม่ตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วขึ้นชื่อว่าเป็นคน รักษาความกตัญญูไม่ได้ก็น่าเสียดาย ความเป็นคนยังไม่รู้จักรักษาแล้วศิษย์จะรักษาอะไรได้ในชีวิต
วันนี้งานประชุมผ่านไปได้และจบลงด้วยดี ก็เพราะการร่วมมือของศิษย์ทุกคน เหนื่อยกันไหม อดทนอย่าเพิ่งท้อแท้ หนทางการบำเพ็ญยังอีกยาว ตราบที่ศิษย์ยังมีลมหายใจ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่รู้จักสละชีวิตทำเพื่อคนอื่น นั่นแหละประเสริฐมากแล้ว เข้าใจไหมศิษย์
เด็กดื้อ เมื่อไรจะกลายเป็นเด็กดีได้สักที ศิษย์เป็นคนดีได้นะ แล้วเมื่อไรจะทำ ทำได้ไหม (ได้) เมื่อมีโอกาสก็กลับมาศึกษาอีกดีไหม มีโอกาสก็เอาเวลาไปช่วยคนอื่นบ้าง ช่วยให้เขารู้แจ้งเห็นจริงประเสริฐกว่าการให้เงินทองอีกนะศิษย์ กลับมาหาอาจารย์อีก อายุมากแล้ว ปลงได้ก็ต้องปลง วางได้ก็ต้องวาง ไม่อย่างนั้นร่างกายจะไม่ไหวแล้วนะ ทำให้ดีที่สุด มีชีวิตเพื่อผู้อื่นมีค่ามากกว่ามีชีวิตเพื่อตัวเองอีก อาจารย์ไปแล้วนะ ดูแลตัวเองให้ดีๆ ที่นี่ยังมีงานอีกมาก อดทนไว้นะศิษย์ เด็กดื้อเป็นคนดีหรือยัง อย่าห่วงข้างนอกจนลืมหาเวลาไปชวนคนด้วยนะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เปลี่ยนจากนั่งฟังมาช่วยอาจารย์ทำงานได้หรือยัง
การลาครั้งนี้ไม่ใช่ลาแล้วลาเลยนะ อาจารย์ยังคงมีโอกาสได้เจอศิษย์อีก ตั้งใจทำให้ดีนะ เหนื่อยไหม ศิษย์ของอาจารย์ทำได้อยู่แล้วใช่ไหม อดทนหน่อย ลำบากก็ต้องสู้นะ ถึงแม้จะลำบากศิษย์ก็จะไม่ยอมแพ้ใช่ไหม คนทุกคนมีความแข็ง คนทุกคนมีความอ่อน แต่เราจะประสานความอ่อนกับความแข็งได้อย่างไร เราต้องทำให้ได้ การช่วยคนเป็นสิ่งที่ดีแต่ก็ต้องระวังว่าอย่ามือหนึ่งถือดอกบัว แต่อีกมือหนึ่งถือมีดนะศิษย์ มันอันตราย ทำได้ดีแล้วก็จงทำต่อไป
ปณิธานที่ยิ่งใหญ่คือหัวใจที่มุ่งมั่นและหัวใจที่แข็งแกร่ง เข้าใจไหม ห่วงตัวเองบ้าง อย่ามัวห่วงแต่คนอื่นจนลืมห่วงตัวเอง ศิษย์เอยนำคนนั้นยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่สำคัญทำอย่างไรให้คนเห็นว่าศิษย์ไม่ลำเอียง แต่ตรงและตรงอย่างแท้จริง นั่นคือสิ่งที่ยากกว่า อาจารย์ไปแล้วนะ ตั้งใจดูแลตัวเองให้ดี นำพาตัวเองให้รอด ฝากที่นี่ด้วย อดทน อย่ายอมแพ้ ดูแลตัวเองให้ดี ลาแล้วไม่ใช่ลาเลย หากมีโอกาสอย่าลืมกลับมาหาอาจารย์นะ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “กำลังใจจากฟ้า”
เลือดในกายไหลพลุ่งพล่านเพื่อต่อสู้ จิตใจอยู่ความมุ่งมั่นสองขาแขน
วิ่งไปเร็วแค่ไหนธรรมเป็นแกน ชีวิตแม้แสนลำบากรากแก้วยัง
คนไกลบ้านผ่านชีวิตยิ้มน้อยลง เป็นความตรงทำให้ดูแข็งไปบ้าง
ดั่งกำลังที่มีแต่กำลัง ไม่มีใจย่อมชังโลกสุขไม่เป็น
พระอาจารย์จี้กงเมตตาแก้พระโอวาทงานประชุมธรรมที่สถานธรรม
หน้าที่ ๑๗ บรรทัดที่ ๑ เพลงพระโอวาทท่านเสี่ยวผีเซียนถง
เดิม การยอมช่างเต๊อะ
แก้ไขเป็น การยอมช่างเถอะ
วรรคที่สองบรรทัดที่ ๒
เดิม เรื่องยุ่งเพราะลมปาก ช่างเค้าช่างเค้าเถอะนะ
แก้ไขเป็น เรื่องยุ่งเพราะล้นปาก ช่างเขาช่างเขาเต๊อะนะ
วรรคที่สามบรรทัดที่ ๒-๓
เดิม คิดช่างเขายกยก เหอะน่าเหอะน่าต่างโศก อยู่ร่วมโลกยอมจะเหมือนบ้าน
แก้ไขเป็น คิดช่างเขาหยกหยก เหอะน่าเหอะน่าต่างศก อยู่ร่วมโลกยอมก็เหมือนบ้าน