วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

2552-06-13 สถานธรรมหงหยัง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่


西元二〇〇九年歲次己丑五月二十一日        大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๒  สถานธรรมหงหยัง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
พระโอวาทท่านเสี่ยวเซี่ยวฝอถง
บนหนทางการดำเนินแห่งชีวิต อย่าพลาดผิดบ่อยบ่อยจนใจหาย
อย่าได้เป็นคนดีที่กลับกลาย ร้ายจนลืมหัวใจดีไม่เป็น

เราคือ
เสี่ยวเซี่ยวฝอถง รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก   แฝงกายประณตน้อม
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

อเนกอนันต์สายน้ำคือแหล่งชีวิต มอบธรรมดุจทานอุทิศกว่าทั้งหลาย
น้ำโอนอ่อนเคี่ยวเข้มจางละลาย ผ่านกรำหินผาได้ด้วยยินดี
ชีวิตประดุจดังเข้าแล้วยากออก อยู่กับสรรพด้วยหมอกอวิชชานี้
ไร้ทุกสิ่งปัญญากลับมากมี สร้างชีวีนอกคุมในไม่ขาดแคลน
ฝึกปรัชญากลมถืออย่าตายตัว มากในเหลี่ยมมุมสลัวอันตรายแสน
ประมาทเป็นเหตุอย่าเผลออารมณ์แทน ประโยชน์ตัวทำคนแค้นอาฆาตคืน
อย่าดูแข็งทื่อบำเพ็ญงามวิเศษ สกัดคือใจกิเลสเป็นทิวคลื่น
ทว่าการล้างสุมจิตไม่ตื่น นำธรรมะมาใช้คืนสงบดู
ทำชีวิตทุกแง่งามในธรรม เท่าทันกับมุมต่ำนิทราอยู่
สุมรุมโดนเมื่อเผลอเต็มประตู โพธิรู้แผ่ความดีสุดกำลัง
หากความเมตตารักมีเท่าเทียม สำนึกดีอย่าต่างเสี้ยมให้บาดหมาง
ขณะเผลอไปทำหากละอายบ้าง ความเกลียดชังข้อต่างยุติลง
แบ่งข้างเข้าอ้างอวดขมวดถูก บาปหนักกลัวตัวผูกละลานหลง
คนหนาคนจำทำไม่จำนง หลากสังคมหลายพวกเลือกพวกใด
คนหลายหน้ามีปัญหากับชีวิต พรหมลิขิตมีเองหรือตัวใฝ่
ท้อไปร่ำอยู่พ้อเป็นอย่างไร คิดมากไปชีวิตมีแค่วันเดียว

ฮิ  ฮิ  หยุด























พระโอวาทท่านเสี่ยวเซี่ยวฝอถง
ร้อนไหม (ไม่ร้อน)  เสียงพัดลมดังไหม (ดัง)  ลองอยู่กับสภาพเสียงดัง ความวุ่นวาย แต่เรามีจิตที่สงบให้ได้บ้าง ดีไหม (ดี)  เราอยู่ในโลกนี้ เราเพียรพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ให้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วอยู่ให้ได้แค่นั้นหรือเปล่า “ไม่”  มนุษย์คิดว่าถ้าจะอยู่ในโลกนี้แล้ว ต้องอยู่ให้ได้และต้องอยู่ให้ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ทำไมสุดท้ายแล้วการเพียรพยายามที่จะอยู่ในโลกใบนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่ความดีรักษายากเหลือเกิน ถูกหรือไม่ (ถูก)  มนุษย์บอกว่าถ้าจะอยู่ต้องอยู่ให้ได้ และเมื่ออยู่ได้แล้วต้องอยู่ให้ดี ถูกหรือเปล่า (ถูก)  แต่สุดท้ายความดีกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำยากที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  กลับกลายเป็นสิ่งที่รักษายากที่สุด ทั้งที่จริงๆ แล้วเดิมนั้นมนุษย์เราถ้าไม่ทำอะไรก็เป็นคนดี แต่เมื่อไรที่ทำสิ่งใดแล้วไม่รู้จักควบคุมตนเอง ความดีนั้นอาจจะค่อยๆ หายไปทีละนิดๆ ก็ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นขึ้นชื่อว่ามนุษย์เพียรพยายามที่จะอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้และให้ดีแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ดีกลับรักษาได้ยากที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะอะไร เพราะว่าชีวิตนี้เกิดมาก็ทุกข์แล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  เกิดมาก็ลำบากแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นจึงต้องพยายามหาความสุขความสบายให้ได้มากที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  และเมื่อไรที่เราหาความสุขความสบายนั้นเราไม่ต้องสนใจความทุกข์ได้ไหม “ไม่ได้”  ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าลืมนะว่าเมื่อไรที่มนุษย์สามารถเอาชนะความทุกข์ได้ ฝ่าฟันความทุกข์ได้ เราก็จะพบความสุขอันนิรันดร์ แต่หากว่าทุกวันเราหาแต่ความสุขแล้วหนีทุกข์ สักวันหนึ่งเราต้องพบความทุกข์อันแน่แท้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นมีชีวิตอย่ากลัวความทุกข์ ถ้าเราสามารถเอาชนะความทุกข์ได้ เราจะสามารถพบความสุขอันนิรันดร์ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
การศึกษาธรรมะบอกให้ท่านรู้จักพอบ้าง อย่าได้เอาแต่แสวงหา เพราะการแสวงหามากๆ จะทำให้เราสูญเสียความดีในตัวเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมก็คือการสอนให้มนุษย์รู้จักพอ  ถ้าโลกกำลังแสวงหา แต่เราต้องรู้จักพอ เราทำได้ไหม  วันนี้บอกให้ท่านพอ ท่านยังบอกว่ายากเหลือเกิน ใช่หรือไม่  บอกว่าขอไปหาเงินก่อน ขอไปมีความสุขก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นเราถามท่านว่า ระหว่างคนมีเงินมากๆ แล้วอยู่ๆ ต้องรู้จักพอ ทรมานหัวใจไหม (ทรมาน)  แต่ถ้าทุกวันรู้จักพอ อยู่ๆ ให้ต้องพอจริงๆ จะทรมานไหม (ไม่ทรมาน)  ฉะนั้นการบำเพ็ญให้รู้จักพอก็คือเตรียมตัวไว้เพื่อไม่ประมาท ในเวลาที่เราต้องพอขึ้นมาจริงๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่ากลัวกับการรู้จักพอ เพราะการรู้จักพอจะทำให้เมื่อแย่ลงไปเราก็ยังมีใจรับทัน  ดีกว่าพยายามฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม มีไปเรื่อยๆ ถึงเวลาแย่ก็เตรียมใจรับไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรมก็คือสอนให้มนุษย์รู้จักความพอดี เพราะเมื่อเราอยู่ตรงกลาง จะขึ้น จะลงก็ไม่เจ็บปวด แต่ถ้ามนุษย์พยายามไต่ แต่ต้องสูงไว้ๆ พอถึงเวลาต้องตกต่ำกลับทนไม่ได้ จริงหรือเปล่า (จริง)  
อีกประการหนึ่งโลกเต็มไปด้วยความมืดมน คนเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ แต่ธรรมะกลับสอนให้ท่านต้องรู้จักพอ แล้วยังต้องรู้จักเสียสละ ใช่หรือไม่ (ใช่)  รู้จักพอก็ทำยากแล้วใช่ไหม ยังต้องรู้จักเสียสละอีก ยากไหม   บางคนบอกไม่ยาก บางคนบอกยาก ใช่หรือไม่  คนที่บอกว่ายากเพราะไม่ค่อยได้ทำดี ใช่หรือเปล่า พอจะทำดีก็เลยบอกยาก ใช่ไหม ถ้าคนที่ทำดีบ่อยๆ พอเวลาจะทำก็เลยบอกว่าไม่ยาก ถูกไหม (ถูก)
ฉะนั้นแม้คนจะมืดมน คนจะเห็นแก่ตัวแต่เมื่อเราศึกษาธรรมะแล้ว เราต้องรู้จักยอมจุดเทียนเพื่อความสว่างให้กับจิตใจ และรู้จักนำเทียนแห่งความสว่างนี้ เสียสละเพื่อช่วยผู้อื่น ทำยากไหม  ไม่ยากเลย แค่เรารู้จักเสียสละโดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน แล้วการเสียสละบางครั้งจะสะท้อนสะเทือนให้คนรู้จักเสียสละตามโดยไม่ต้องเรียกร้อง แต่ต้องเริ่มต้นทำที่ตัวเรา
ฉะนั้นการศึกษาธรรมจึงไม่ใช่เรื่องยาก ถูกไหม (ถูก)  ง่ายๆ คือรู้จักพอบ้าง รู้จักเสียสละบ้างและรู้จักรักษาความดีให้เป็นบ้าง สามอย่างแค่นี้เอง ยากเกินไปไหม (ไม่ยาก)  พอไหวไหม (ไหว) พอทำได้ไหม  (ได้)  แต่ถึงเวลาไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่ง่ายอย่างที่พูดจริงหรือไม่
“ร้ายจนลืมหัวใจดีไม่เป็น”
พอผิดบ่อยๆ ถูกว่าบ่อยๆ เข้าก็ไม่อยากเป็นคนดีเลยใช่ไหม ดีก็เลยเหมือนดีไม่เป็น ถูกหรือเปล่า (ถูก)  
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์แจ้งพระนาม)
เราคือ เสี่ยวเซี่ยวฝอถง (เซียนเด็กผู้ชายที่มีรอยยิ้มเล็กๆ) เล็กๆ ไม่เป็นแล้วจะใหญ่ได้อย่างไร ใช่ไหม (ใช่)  เล็กไม่ได้แล้วจะใหญ่ได้อย่างไร ใช่หรือเปล่า (ใช่)  
ดีเล็กๆ ไม่ได้ ดีเล็กๆ ไม่ทำแล้วจะมีดีใหญ่ๆ ให้เห็นไหม (ไม่)  ผิดน้อยๆ ไม่แก้ไข เมื่อผิดใหญ่ขึ้นจะแก้ไขทันไหม (ไม่ทัน)  ฉะนั้นความดีเล็กๆ น้อยๆ ต้องหมั่นเพียรสะสม ความชั่วเล็กๆ น้อยๆ ต้องหมั่นแก้ไข ชะล้าง ถูกหรือไม่ (ถูก)  
ธรรมะเป็นเรื่องยากเกินกว่าจะเข้าใจไหม (ไม่ยาก)  แต่ที่ยากตรงที่มีสติอยู่กับตัวไหม ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฟังไม่ยากแต่ฟังจนเข้าใจแล้วรู้เรื่องยากกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะอะไรนะ ในโลกนี้ย่อมจะมีคนที่รู้เร็ว รู้ช้า และรู้ทัน เป็นธรรมดา ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เมื่อเราพูดครั้งหนึ่งบางคนเข้าใจได้ทันที แต่มีบางคนยังไม่เข้าใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และเมื่อพูดอีกครั้งหนึ่ง จึงจะมีคนเข้าใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และพอเมื่อพูดครบสามครั้งก็ยังมีคนไม่เข้าใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราจึงลืมไม่ได้ ในโลกใบนี้ แม้เราจะฉลาดขนาดไหน เราจะดูถูกคนโง่ไม่ได้ เพราะบางครั้ง เรารู้เก่งด้านหนึ่ง แต่อีกด้านเราอาจจะไม่รู้ไม่เก่งก็ได้ ฉะนั้นวันนี้เราลองดูนะว่า การทำอะไรเหมือนๆ กัน บางครั้งจะมีคนทำได้ และทำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้ปรบมือพร้อมกัน ตามคำสั่ง)
ในโลกนี้ย่อมจะมีคนที่ทำได้ และทำไม่ได้ รู้ทันและรู้ไม่ทัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราต้องรู้จักให้โอกาส คนฉลาด คนรู้ทันแล้วจึงต้องให้โอกาส และอดทนรอกับคนที่มาช้าหน่อย ไหวไหม (ไหว)  จนกว่าจะปรบมือพร้อมกัน ท่านจะได้นั่งทันที ดีไหม (ดี)  ในโลกก็เป็นอย่างนี้แหละ มีคนทำได้ และมีคนทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนทำได้ก็ต้องรอ และในใจก็ต้องฝึกอภัย อย่าโกรธ เปิดใจกว้างๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
คนที่บอกว่าทำได้ พอถึงเวลาก็พลาดได้เหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่)  เพราะนึกว่าตนเองได้แล้วเลยใจร้อน ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าได้แล้ว ไม่ว่าก้าวต่อไปก็ต้องได้เสมอๆ ไม่ใช่บทเรียนนี้ได้ บทเรียนต่อไปไม่ผ่าน ถูกไหม (ถูก)  แล้วถ้าถึงเวลาคนที่ท่านพยายาม ผลักดันให้เขารู้ ให้เขาดู พยายามพูดให้เข้าใจ แต่พูดเท่าไร เขาก็ไม่เข้าใจเรา เราพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ผิดนะ แต่อย่างไรเขาก็มองว่าเราผิดแล้ว จะแก้ตัวอย่างไรก็เหนื่อยเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือคนบางคนเป็นคนที่รู้ช้า พูดไปเป็นสิบรอบ ฝึกไปเป็นสิบครั้งก็ยังรู้ช้า ท่านสมควรจะโกรธเขาไหม (ไม่)  ท่านสมควรจะว่าเขาไหม (ไม่)  สิ่งที่สมควรที่สุดคือ เราต้องยอมรับตัวเราที่ทนเขาไม่ได้ต่างหาก ถูกไหม (ถูก)  เหมือนเราพยายามฝึกท่าน ปรบมือหนึ่งที เห็นไหมว่ายังปรบผิดได้เลย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  
ฉะนั้นสิ่งที่เรายากทนก็คือการอยู่ร่วมกันกับคนมีนิสัยที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ฉะนั้นอย่าไปบังคับคนให้เขาเป็นอย่างที่เราเป็นเลย สู้เราบังคับใจของเรา คุมใจของเราให้ทนรับได้กับสิ่งที่ยากเกินทนดีกว่า ใช่ไหม (ใช่)
“ผ่านกรำหินผาได้ด้วยยินดี”
การจะฝึกฝนตนเองให้รู้จักพอ การจะฝึกฝนตัวเองให้รักษาความดี ท่ามกลางสังคมแวดล้อมที่เลวร้ายเป็นเรื่องยากใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้ามนุษย์รู้จักควบคุมใจ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ไม่ยากเกินที่เราจะทำได้ จริงหรือเปล่า (จริง)  เรายกตัวอย่างง่ายๆ นะ เวลาเราอิ่มมากๆ เดินไปในดงอาหาร ถามว่าใจเราหวั่นไหวหรือไม่  (ไม่) เพราะเรากำลังอิ่ม ใช่หรือไม่ (ใช่) แม้จะเดินผ่านอาหารจานโปรดก็รู้สึกผะอืดผะอมใช่หรือเปล่า (ใช่) แต่หากท้องเราหิว แม้จะไม่เดินผ่านอาหาร หัวใจก็เรียกร้องไม่ว่าจะ ผัด แกง ต้ม คงจะดีไม่น้อย ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นหากหัวใจเราหิวอยู่ ท้องเราหิวอยู่ พอเดินผ่านเห็นอะไรเราก็อยากกินไปหมด  ใช่หรือเปล่า (ใช่) ต่างจากตอนที่ท้องเราอิ่ม แม้ว่าจะผ่านภัตตาคารเลิศหรูอย่างไรเราก็กินไม่ลง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ในอีกทางหนึ่ง ท่านเคยเห็นคนติดเหล้าหรือไม่ (เคย) แม้ไม่ต้องออกไปข้างนอก ใจก็อยากจะดื่ม ปากก็จะรู้สึกเปรี้ยวๆ อยากกินใช่หรือไม่ (ใช่) แม้ไม่ได้เห็น แต่ใจก็เรียกร้อง ฉะนั้นภาวะภายนอกไม่ว่าจะดีหรือร้าย ร้อนหรือหนาว หากใจเราไม่ส่งไปรับรู้ ภาวะภายนอกก็เปลี่ยนแปลงหรือทำอะไรกับใจไม่ได้ จริงหรือไม่ (จริง) แต่เมื่อมนุษย์ใจไม่บริสุทธิ์ จึงง่ายที่จะหวั่นไหว ลำเอียง และยึดติด ใช่หรือไม่ (ใช่)  โลภ โกรธ หลง ไม่น่ากลัวหรอก  แต่ใจที่ไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้น่ากลัวกว่า ลาภยศ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน ไม่น่ากลัวหรอก แต่ใจที่ไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ยุติธรรม เมื่อไปจับเงิน ทอง น่ากลัวยิ่งนัก จริงหรือไม่ (จริง)  ยกตัวอย่างเช่น ท่านเอาแบงก์ ๕๐๐ บาทวาง กับเอาตุ๊กตาวางที่เด็กตัวน้อยๆ  ท่านว่าเด็กจะหยิบเงิน หรือตุ๊กตา (ตุ๊กตา)  แต่หากเป็นท่านจะหยิบเงินใช่หรือไม่ (ใช่) และจริงๆ แล้วเมื่อเด็กเล่นตุ๊กตาเสร็จแล้ว เด็กก็ปล่อย ใช่หรือไม่ แต่มนุษย์เมื่อจับเงินแล้วปล่อยหรือไม่ (ไม่ปล่อย) เพราะอะไรจึงต่างกัน เพราะอะไรใจเดิมๆ ที่บริสุทธิ์ของเราหายไปไหน จนทำให้มนุษย์นั้นง่ายที่ถูกภาวะแวดล้อมทำให้หัวใจหวั่นไหวตาม  เพราะอะไรใจเราจึงหวั่นไหวและกระเพื่อมไปตามสิ่งแวดล้อม  พูดง่ายๆ ก็คือเพราะมนุษย์มีคำว่าชอบ มีคำว่าชัง  เมื่อไรมีสิ่งที่ชอบก็จะยึดมั่น  เมื่อไรมีสิ่งที่ชังเราก็จะผลักไสไล่ส่ง  ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ภาวะของเด็กมีอะไรที่ชอบมีอะไรที่ชังหรือยัง (ยัง)  เมื่อไม่มีอะไรที่ชอบ ไม่มีอะไรที่ชัง เขาจึงไม่กระเพื่อมไหว และไม่รู้สึกว่าอะไรสุข อะไรทุกข์ แต่เพราะมนุษย์แบ่งว่าอะไรที่ชอบนั่นก็คือสุข มีอะไรที่ชังนั่นก็คือทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นอย่างที่เราบอกตั้งแต่ต้น หากมนุษย์สามารถรักษาหัวใจให้บริสุทธิ์ ไม่เลือกที่รัก มักที่ชัง ไม่แบ่งแยกว่าอันนี้ขาว อันนี้ดำ  ภาวะภายนอกอาจจะไม่มีผลต่อภาวะภายในก็ได้ จริงหรือไม่ (จริง) แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม ระหว่างเงิน ๑๐๐ บาท กับเงิน ๕๐๐ บาท เราเลือกหยิบอันไหน (๕๐๐บาท) ทำไมเลือกหยิบเงิน ๕๐๐ ล่ะ หากเรามองเห็นแบงก์ ๑๐๐ และ ๕๐๐ เป็นเงินเหมือนกันก็ไม่ต่างกัน  เสื้อเก่ากับเสื้อใหม่หยิบตัวไหน (หยิบตัวใหม่)  แล้วถ้าเป็นเสื้อใหม่ทั้งคู่จะหยิบตัวไหนเพราะอะไร ของเหมือนกันทั้งคู่ ทำไมจึงละล้าละลังจะหยิบตัวไหนดีๆ เพราะว่าหัวใจของมนุษย์ชอบแบ่งแยก แล้วเมื่อไรที่ยึดติดกับแบ่งแยก ความวุ่นวายจึงเกิด ความทุกข์จึงตามมา ใช่หรือไม่ (ใช่)
ชีวิตประดุจดังเข้าแล้วยากออก อยู่กับสรรพด้วยหมอกอวิชชานี้
ไร้ทุกสิ่งปัญญากลับมากมี สร้างชีวีนอกคุมในไม่ขาดแคลน
ฉะนั้นถ้ามนุษย์สามารถมีสติระลึกรู้อะไรถูก อะไรผิด ความอยาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรืออัตตาตัวตนก็คงไม่ทำให้เราหลงใหลฟุ้งเฟ้อจนหยุดไม่ได้ ยั้งไม่อยู่ แล้วก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานจนสั่งสม เหมือนที่เป็นอยู่เช่นทุกวันนี้หรอกนะ จริงไหม ฉะนั้นหากทำอะไรขอให้มีสติระลึกอยู่เสมอว่า “ได้เท่านี้ก็พอแล้ว” ถูกต้องชอบธรรมไหมถ้าจะเอา ถ้าไม่ถูกต้องชอบธรรมแล้วอย่าเอาดีกว่า เพราะถ้าเอาแล้วกำลังจะหาให้ตัวเองทุกข์โดยไม่รู้ตัว จริงหรือไม่ (จริง)  แต่เดี๋ยวนี้มนุษย์อยู่กันด้วยผลประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อหมดผลประโยชน์ก็ทำลายกันได้ลงคอ ถูกหรือเปล่า (ถูก)  ดังที่มนุษย์พูดว่า  “วางแหวางอวนจับปลา  เมื่อได้ปลาแล้วก็ทิ้งแห ทิ้งอวนเสีย”  เหมือนกันเราเกี่ยวกันด้วยผลประโยชน์ เราอยู่กันด้วยผลประโยชน์ เธอหาเงินให้ฉันมาก ฉันก็รักเธอมาก แต่เมื่อไรเธอหาเงินให้ฉันน้อย ฉันก็ไล่เธอส่ง อย่างนี้ดีหรือ (ไม่ดี)  ฉะนั้นสิ่งที่ควรจะเอามาอยู่ร่วมกัน สิ่งที่ควรจะเอามาสัมพันธ์กัน ควรเป็นคุณธรรมความรัก ความจริงใจและเอื้ออาทร มากกว่าผลประโยชน์ มากกว่าอารมณ์รัก อารมณ์โลภ อารมณ์โกรธ อารมณ์หลง ถูกหรือเปล่า (ถูก)  แต่มนุษย์ถนัดที่จะอยู่กับอารมณ์มากกว่าที่จะอยู่กับความถูกต้อง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วอะไรที่ทำให้มนุษย์ที่เคยใจบริสุทธิ์งดงาม กลายเป็นใจที่ไม่สามารถบริสุทธิ์ ยุติธรรมและงดงาม จึงเป็นคนที่ไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ รักษาความยุติธรรมได้ (ความโลภ)  บางทีเพียงเพราะโลภ จึงทำให้เราไม่สามารถที่จะบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ จริงหรือไม่ (จริง)  
ถ้าจิตใจของเราบริสุทธิ์ยุติธรรม แม้ภาวะภายนอกจะเลวร้ายขนาดไหน ความบริสุทธิ์ยุติธรรมก็ยากจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างเช่นถ้ามนุษย์รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนเองมี ยินดีในสิ่งที่ตนเองได้ แม้คนอื่นจะมีเงินมากมายเต็มไปหมด เราจะอยากมีเงินมากตามเขาไหม (ไม่อยาก)  แต่เพราะอะไรเราจึงอยากตามเขา ก็เพราะว่าหัวใจเราเห็นเขามีเราก็อยากมี เห็นเขาได้เราก็อยากได้ ที่อยากมี อยากได้เป็นเพราะว่าเราไม่ยอมพอ ฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกันถ้ามนุษย์อิ่มแล้ว ต่อให้ภาวะภายนอก จะน่ากิน น่าดื่มขนาดไหน ก็ทำให้เราอยากไม่ลง ถูกไหม (ถูก)  เพราะเราอิ่มแล้ว แต่ถ้าหัวใจเราหิวตลอดเวลา แม้ไม่ต้องออกไปภาวะภายนอก ใจก็คอยจะหิว ใช่หรือไม่ ฉะนั้นเห็นท้องตัวเอง อย่าลืมเห็นใจตัวเอง รู้จักท้องตัวเองว่าอะไรคือพอดี ก็อย่าลืมรู้จักความพอดีของใจด้วย ได้หรือไม่ (ได้)  แล้วความโลภ ความโกรธ ความหลงก็จะไม่ทำให้ชีวิตยุ่งยากจนเกินไป เพราะรู้จักพอเป็น จริงหรือไม่ (จริง)
ขอเพียงมีสติรู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และรู้จักระลึกชอบว่าอะไรถูก อะไรเหมาะสมจงทำ อะไรไม่ถูก ไม่เหมาะสมอย่าได้ทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)
มนุษย์เป็นผู้กล้า คนบางคนกล้า คนบางคนขี้กลัว มนุษย์ในโลกมีสองแบบ กล้า กับ ขี้กลัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  กล้าเกินไปก็ไม่ดี กลัวเกินไปก็ไม่ได้ ถึงมนุษย์จะมีความกล้าขนาดไหน หรือถึงจะมีความกลัวขนาดไหน แต่สิ่งที่มนุษย์ทุกคนเหมือนกันก็คือ มีจุดอ่อน ใช่ไหม (ใช่) เรายกนิทานง่ายๆ เรื่องหนึ่งมีชายคนหนึ่งเป็นนักรบ ไปรบที่ไหนเขาก็สามารถรบชนะ ทหารกี่คน ดาบอาวุธน่ากลัวขนาดไหน เขาไม่เคยกลัว แต่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเขาอย่างหนึ่งคือ แจกันแสนรักแสนหวง ทำด้วยแก้วชั้นดี เผอิญว่าเขาเดินผ่านชนเก้าอี้ที่วางแจกัน คนเก่งกล้าสามารถ รบคนได้เป็นร้อยเป็นพัน  แต่พอแจกันแสนรักแสนห่วงตกมา หัวใจแทบแตกสลาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้ารับแจกันทันเป็นอย่างไร ก็ค่อยโล่งใจ แต่ใจหายทันที ใช่หรือไม่  ถ้ารับไม่ทัน ความเข้มแข็งที่มีอยู่ ที่เอาชนะคนอื่นได้มากเป็นร้อยเป็นพัน กลับแพ้อยู่ใบเดียวคือ (แจกัน)  มนุษย์ทุกคนก็มีจุดอ่อนของแต่ละคน จุดอ่อนที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถรักษาสมดุล ไม่สามารถรักษาความเป็นผู้เป็นคน ไม่สามารถรักษาความดีให้ปรากฏ นั้นคืออะไร ต้องพูดถูกใจ ถ้าพูดไม่ถูกใจ โมโห ใช่หรือไม่ (ใช่)  พูดให้ไม่ถูกใจ ทำอย่างไร ก็ไม่ทำให้ แต่ถ้าพูดถูกใจ ทำเช้ายันเย็นก็ไหว เป็นอย่างนั้นไหม (เป็น)  
ถ้าชมหน่อย ที่บอกว่าทำไม่ได้ กลับทำจนได้ แต่ถ้าว่าหน่อย ที่ทำได้ กลับทำไม่ได้  ใช่หรือไม่ (ใช่)   ทั้งที่ยังไม่ได้ลองเลย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นจิตใจของมนุษย์ล้วนมีจุดอ่อน ถ้าเราไม่เข้าใจจุดอ่อนก็จะง่ายที่คนอื่นเอาจุดอ่อนมายืมใช้ เหมือนมนุษย์ทุกคนต้องการเงิน ใช่หรือไม่ (ใช่)  และชอบลงทุนอะไรน้อยๆ สบายๆ แต่ได้เงินมากๆ  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราจึงถูกจุดอ่อนนี้ถูกหลอกลวง และเราก็ต้องสูญเสียเงินไปมากๆ  เพราะอยากลงทุนน้อยๆ  แล้วได้เงินมากๆ  จริงไหม (จริง)  
มนุษย์ชอบคำชม ใช่ไหม (ใช่)  ขอให้ชมเถอะ ชมแล้วจะอะไรเราก็ทำหมด ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้จะเป็นหน้าที่ของเขา เราก็ยอมเสียสละช่วย เพราะอะไร “เขาทำเก่งจังเลย” ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราไม่รู้จักควบคุมจุดอ่อนเราให้ดี เราอาจถูกกุมจุดอ่อนโดยผู้อื่นแล้วทำให้เราทุกข์เกินจนยากจะรับก็เป็นได้ จริงไหม (จริง)  
ถามว่ามนุษย์ทุกคนขยันไหม “ขยัน”  ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหนื่อยอย่างไรก็ทำไหว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ว่าแล้ว ขอให้ชมเถอะ แต่ถ้าขยันจนทำให้เราต้องสูญเสียมือ เรายังอยากขยันไหม ถ้าขยันแล้วเราโกงคนอื่นกิน ถ้าขยันแล้วเพื่อจะได้เงินมากๆ  แต่ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน เราควรขยันไหม (ไม่ควร)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเขาชมว่าเราขยัน เราต้องขยันอย่างมีจุดยืน อย่าขยันอย่างร้ายก็ไม่เอา ดีก็ไม่เอา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ล้วนอันตราย ร้ายก็ไม่เอาแต่ดีต้องเอาให้ได้ ฉะนั้นถ้าขยันแล้วต้องไม่ดูถูกคน ถ้าขยันจนเป็นคนเก่งแล้วต้องรู้จักแบ่งปันช่วยเหลือผู้คน ความขยันของเราจึงจะสามารถมีประโยชน์ มนุษย์ทุกคนรักสบายไหม (รัก)  ชอบอยู่กับคนที่พูดดีๆ พูดเพราะๆ ชอบอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ ชอบทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่การอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำแต่สิ่งที่ตัวเองรัก ทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองรักทุกวันๆ  กลับกลายเป็นฆ่าตัวเองโดยไม่รู้ตัว จริงหรือไม่ (จริง)  สิ่งที่รักถ้ามีอยู่มากๆ กลายเป็นเลี่ยน จริงไหม (จริง)  กลายเป็นเบื่อหน่าย จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นมนุษย์เราตามใจตัวเองบ่อยๆ ไม่เคยขัดไม่เคยแย้งตัวเอง สิ่งที่ตามใจตัวเองก็อาจจะทำให้เกิดพิษ ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือเรียกว่าพิษแห่งความหวาน ใช่หรือเปล่า และกลายเป็นคนมองโลกไม่อยู่บนความเป็นจริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นเราอย่ารักสบายจนไม่รู้จักความเป็นจริง ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นคนโกหกตัวเองและดำเนินชีวิตด้วยความมืดบอด ใช่หรือไม่ (ใช่)  รักสบายต้องรู้จักรักลำบากด้วย รักความสุขก็ต้องรู้จักรักทุกข์เป็นด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วความรักของเราจะไม่ทำให้เกิดพิษเป็นความรักที่รับได้ทั้งมืดและสว่าง ใช่หรือไม่ (ใช่)   เป็นความรักที่รับได้ทั้งดีและไม่ดี จริงหรือไม่ (จริง)  อย่าเป็นคนที่รักสบายแล้วเป็นคนที่สูญเสียศักดิ์ศรีของความเป็นคน มนุษย์นั้นบางคนรักสบายแล้วสูญเสียความเป็นคน สูญเสียศักดิ์ศรีของความเป็นคน ด้วยการเกาะคนอื่นกิน ยืมคนอื่นใช้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง จริงหรือไม่ (จริง)  มนุษย์เราเป็นอย่างนั้นไหม บางทีก็ขยัน บางทีก็ขี้เกียจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ขยันมากๆ ก็ดูถูกคน พอขี้เกียจมากๆ ก็สูญเสียความเป็นคน ใช่หรือเปล่า แล้วสองสิ่งนี้มีอยู่ในตัวเราไหม (มี)  แล้วอะไรคือจุดอ่อนของเรา (ความประมาท, ความโลภ, ความหลง)  หลงอะไร หลงตัวเอง หรือหลงผู้หญิง  หลงตัวเองก็ไม่ดี หลงสตรีก็ไม่งาม ใช่ไหม อะไรอีกคือจุดอ่อนในตัวหากเกิดขึ้นมาแล้ว โมโหทุกที ใช่หรือไม่ (ใช่)  สิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่ชอบก็คือการยัดเยียดให้เราเป็นผู้ผิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์ทุกคนอยากเป็นคนดี พอถูกว่า เป็นคนผิด พอถูกว่า เป็นคนไม่ดี หรือดีน้อยกว่าคนอื่น เรากลับรับไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้ามีคนพูด ขอให้มีสติยั้งคิดหน่อยว่า เขาพูดถูกต้องไหม เขาพูดเป็นจริงไหม ถ้ามีสติยั้งคิดอยู่เสมอเมื่อทำอะไรก็ตาม อารมณ์ก็คงไม่ไหลจนยากเกินยั้ง  ชีวิตก็คงไม่ทุกข์เกินความจำเป็น เพราะมีสติควบคุม รู้จักนำธรรมะมายับยั้งชั่งใจ ใช่ไหม (ใช่)
ทำชีวิตทุกแง่งามในธรรม เท่าทันกับมุมต่ำนิทราอยู่
สุมรุมโดนเมื่อเผลอเต็มประตู โพธิรู้แผ่ความดีสุดกำลัง
ฉะนั้นเกิดเป็นคนจึงควรมีสติอยู่กับตนเสมอและมีจิตสำนึกแห่งความดีงามที่ไม่ควรหายไปจากใจ สติทำให้เรารู้จักควบคุมการดำเนินชีวิต ความละอายรู้จักสำนึกผิดชอบชั่วดี ทำให้เราไม่พลาดพลั้งเผลอไปทำผิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเรามีสติไหม (มี)
ถ้าเราสามารถรู้ทุกขณะที่เวลาเราเคลื่อนไหว ไม่ว่าซ้ายไม่ว่าขวา การดำเนินชีวิตก็คงไม่ยาก แต่สิ่งที่น่ากลัวคือมนุษย์มีนิสัยความเคยชินที่ผิดๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  
วันนี้มาฟังเราพูด ไม่มีหวย ไม่มีเลขเด็ด ไม่มีการให้ร่ำรวยนะ แต่มีการให้รู้จักพอดี เพราะคนที่รู้จักพอดี เมื่อเจอภาวะที่ต้องสูญเสีย ก็จะไม่เสียศูนย์จนเกินไป แต่คนที่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเมื่อเจอภาวะสูญเสียกลับรับไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างที่เราบอกไว้ตั้งแต่ต้นการดำเนินชีวิตไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากคือการควบคุมหัวใจของเราให้เป็น ยากกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าใจของเราควบคุมไม่เป็นแล้วก็ย่อมง่ายที่จะ (ถูกชักจูง)  มนุษย์รู้จักเต็มอิ่มในใจบ้างหรือยัง ถ้าเราไม่รู้จักเต็มอิ่ม เราเป็นผู้พร่อง เราจะรอให้ใครมาเติมต่อก็สายไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นเกิดเป็นคนบางครั้งต้องรู้จักอิ่มบ้าง และบางครั้งต้องรู้จักพร่องบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แปลว่าคนที่อิ่มบ้าง คือคนที่เชื่อมั่น แต่ถ้าเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป ไม่มีให้ใครมาเติมบ้างก็จะกลายเป็นคนที่ไม่น่ารัก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ส่วนคนที่พร่องจนเกินไป ก็คือคนที่ไร้ความเชื่อมั่น ถ้าไร้ความเชื่อมั่นในตัวเองจนเกินไปก็กลายเป็นคนที่หาความเป็นตัวตนของตนไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนเชื่อมั่นตัวเองมากเกินก็ไม่ดี แต่ไร้ความเชื่อมั่นหรือพร่องมากเกินไปก็ไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งที่เราอยากบอกในวันนี้ก็คือ ความพอดีในหัวใจ ซึ่งมนุษย์ควรจะเรียกร้องให้ชีวิตนี้มี จริงหรือไม่ (จริง)
การศึกษาบำเพ็ญธรรมก็เพื่อฟื้นฟูจิตดีงามให้ปรากฏ มนุษย์ปัจจุบันนี้ล้วนละเลยสิ่งที่ดีงามในตัวตนเอง แล้วทำในสิ่งที่เรียกว่าตามใจตามอารมณ์ตามความอยาก แล้วคนที่ตามใจตามอารมณ์ตามความอยากบ่อยๆ นั้น มักจะเป็นคนที่ง่ายที่จะกระทำผิดคิดร้าย จริงหรือเปล่า (จริง)  แต่คนที่ระมัดระวังรักษาความดีย่อมยากที่จะทำผิดคิดร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก่อนที่เราจะไปเรียกร้องผู้อื่น เราควรมีหัวใจที่เป็นคนดีให้เป็น ถ้าเรายังเป็นคนดีให้เป็นไม่ได้ ไปสอนเขา ไปเรียกร้องเขา เขาก็ไม่เชื่อเท่ากับทำที่ตัวเราให้ปรากฏ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นอยากให้คนทำดี อยากให้คนปฏิบัติต่อเราดี ตัวเราดีอย่างแท้จริงหรือยัง อยากให้คนไม่คดโกง ตัวเราแอบคดโกงให้เขาเห็นหรือไม่ อยากให้เขาซื่อตรง แต่ตัวเราแอบไม่ซื่อตรงหรือเปล่า  
ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรมก็คือ การจุดประทีปส่องตัวเอง ไม่ใช่จุดประทีปเพื่อไปส่องผู้อื่น เข้าใจหรือไม่ ทำความดีเพื่อสำนึกตรวจสอบตนเอง แต่ไม่ใช่ทำความดีเพื่อไปบอกว่า “เธอดี เธอร้าย” ฉะนั้นการฝึกฝนศึกษาความดีก็เพื่อย้อนสำนึกตรวจสอบตน ไม่ใช่ย้อนสำนึกความไม่ดีของผู้อื่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฟังธรรมะ พอเขาบอกว่าต้องควบคุมอารมณ์ อย่าใจร้อน อย่าเอาแต่ได้  อย่าเห็นแก่ตน เราไม่ได้นึกถึงตัวเองเลย  กลับนึกถึงคนอื่นว่าคนนั้นเป็นแบบนี้  คนนี้ทำอย่างนั้น จำไว้ว่า ไม่มีใครในโลกนี้อยากให้ท่านเอาเทียนมาส่องหน้า หรืออยากให้ท่านเอาความดีมาล้างเขา ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีแต่เอาความดีมาจุดเทียนเพื่อตนเอง สะท้อนตัวเอง ล้างตัวเองได้ ความดีที่เราทำจนปรากฏนั่นจะสะท้อนใจเขาเอง เพราะเราเป็นตัวอย่าง เราเป็นแบบอย่าง จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นอย่าเอาแต่เรียกร้องคนอื่น แต่เรียกร้องตัวเองไม่เป็น  รู้จุดอ่อนคนอื่น ไม่รู้จุดอ่อนตนเอง เมื่อไรที่ว่าเขาแสดงว่าท่านก็มีจุดอ่อนที่เหมือนกับเขา เคยได้ไหมว่า เกลียดอย่างไรเป็นอย่างนั้น  ว่าเขาแบบไหนตัวเองก็เป็นแบบนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรมจึงไม่ใช่เป็นเรื่องยาก แต่เป็นเรื่องที่ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเอง แล้วค่อยๆ ลดความเห็นแก่ตัวลง เราก็ได้เสียสละเพื่อผู้อื่น โดยไม่ต้องออกแรงอะไรมาก จริงหรือไม่ (ใช่)  หากมาฟังธรรมะแล้วไม่มีความมุ่งมั่นในหัวใจ ฟังไม่ถึงชั่วโมงท่านก็ทนไม่ไหว หากเกิดมาเป็นคนดี สิ่งที่ดีที่ควรรักษา สิ่งที่ดีที่ควรจะรับฟัง ท่านยังไม่ฟัง แล้วท่านจะเอาอะไรในชีวิตที่ดีได้เล่า ถูกหรือไม่ (ถูก)
บางทีเราโลภเพื่ออนาคต อยากมีมากๆ เพื่ออนาคต แต่ถึงเวลามีอนาคตหรือ  ชีวิตของเรามีแต่ปัจจุบันนะ  มีแต่ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ที่โลภมากไปแน่ใจหรือว่าอนาคตจะมี  ที่แก่งแย่งเขามาเพื่อกินคำโตๆ  อยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ได้ขับรถคันสวยๆ ว่าน่าภูมิใจ ใช่ไหม (ใช่)
เช่นว่าขับรถคันกระป๋อง กับขับรถคันใหม่เอี่ยม เอาคันไหน (ใหม่เอี่ยม) เอาคันไหนคิดให้ดีๆ จะเอาคันใหม่เอี่ยมอ่องนั้นต้องได้มาอย่างถูกต้อง ชอบธรรม ไม่สูญเสียความดี และไม่แอบปิดหูปิดตาคนอื่น  ถ้าได้มาใหม่เอี่ยมอ่องแต่ปิดหูปิดตา ทำผิดคิดร้าย เอามาทำไม จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นวันนี้เราก็มาแค่นี้ล่ะนะ  พูดเยอะไปท่านก็คงเหนื่อยแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ได้ฟังนานขนาดนี้ ใช่ไหม (ใช่)  เป็นธรรมดาที่ความอดทนจะมีจำกัด จริงไหม (จริง) อย่างนั้นขอให้วันที่สองวันที่สามกระตือรือร้นมากขึ้น  เข้าใจมากขึ้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่นิยมเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ และอิทธิปาฏิหาริย์ ช่วยคนให้พ้นทุกข์ ช่วยคนให้รู้แจ้งเห็นจริงไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) หากท่านศึกษาท่านจะรู้ว่าพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงต้องการให้มนุษย์รู้แจ้งเห็นจริงถึงชีวิต ชีวิตเช่นใด ไม่ใช่ชีวิตที่เรียกว่าสุข แต่เป็นชีวิตที่เอาชนะทุกข์ และค้นหาความทุกข์เจอ ใช่หรือไม่ (ใช่) ทุกข์มาจากไหน แล้วเราจะดับทุกข์นั้นได้อย่างไร  นี่คือสิ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากให้มนุษย์ทุกคนศึกษา และเอาชนะให้ได้ เพราะเมื่อไรที่เราเอาชนะทุกข์ เมื่อนั้นเราจะพบสุขนิรันดร์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มัวแต่หวังสุข แต่มีทุกข์จะได้ประโยชน์อะไรเท่ากับการกล้าเผชิญความทุกข์และเอาชนะทุกข์ให้ได้ จริงหรือไม่ (จริง)
วันนี้เราต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ เข้มแข็งหน่อย รักษาใจให้รู้จักอิ่ม ภาวะภายนอกจะได้ไม่ทำให้เรานั้นทำผิดคิดร้าย ใช่ไหม (ใช่) ใจที่ไม่รู้จักอิ่มภาวะภายนอกย่อมมีผล แต่ใจที่รู้จักอิ่มแล้วภาวะภายนอกย่อมไม่มีผลต่อใจ  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไปล่ะนะ

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๒  สถานธรรมหงหยัง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
เลิกอบายมุขละเบียดเบียนสรรพชีวิต หมั่นปลูกฝังเมตตาจิตให้คงไว้
เกรงกลัวบาปรู้ผิดชอบละอายใจ        ซื่อตรงคงอ่อนน้อมได้ประเสริฐดี

เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถาน หงหยัง แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนเหนื่อยหรือเปล่า

เจ้าอาจใจเข้มแข็งมากมาย   คอยช่วยเหลือใครต่อใครทุกอย่าง        แต่ยังวางบางความทุกข์ใจ     ความเศร้าหมองใจเหมือนจะไม่ลง  หยุดลงตรงที่ความทุกข์ใจ      ใครแอบทึกทักดั่งของเสียแตกฟอง โอ๊ย
ศิษย์บำเพ็ญปัญญาของตน     มิให้สนใจจะเปลี่ยนทุกสิ่ง  หากความจริงใดเกินรับมือ     มองต่างให้เป็นเย็นใจได้บ้าง ศิษย์ต่างคนกำลังใช้กรรม กำลังขัดสน   ขออย่าพลั้งเห็นแก่ตัว โอ๊ย โอ๊ย     ล้วนเด็กต่อความคิดดี  
บำเพ็ญไม่หนีทุกข์จึงสุข    ไม่สุขเพราะหนีใจตนเอง  ไม่ปัดความผิดลึกลึก   บำเพ็ญไม่หวงแหนธรรมหน่ออ่อน   ปลูกฝังวินัย
       *  บำเพ็ญไม่ค้างคับข้องใจ   แต่รู้ซึ้ง โอ๊ย โอ๊ย  
กว่าศิษย์ยอมบำเพ็ญสักคน  ข้าต้องลุ้นไม่กล้ามองรวดหมด    กว่าเจ้ามองปัญหาเหมือนเดิม   ด้วยจิตชนะเหนือโลกหน้ากลอง  กว่าลงแรงไปบนนิสัย บนคุณธรรม   ข้านี้ยังห่วงใย โอ๊ย โอ๊ย  โอ่ยโอ๊ย   ลุ้นเสียลืมตัว  (ซ้ำ *)

ชื่อเพลง :  อนิจจังรำพัน
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
เมื่อวานเซียนน้อยถามว่า ถ้าให้เลือกระหว่างรถคันใหม่กับรถคันเก่า ศิษย์เลือกรถคัน (ใหม่)  อย่างนั้นอาจารย์ถามว่า ถ้าเลือกรถคันใหม่ รถใหม่เอี่ยมแต่เจ้าของโทรมเสียนี่กระไร เราจะเปลี่ยนตัวเองไหม (เปลี่ยน)  รถคันใหม่แต่เจ้าของรถแต่งตัวมอซอ พอเปิดประตูรถ คนเห็นก็คิดว่าคนนี้ขโมยรถเขามาหรือเปล่า ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นรถใหม่ ตัวเองก็ต้องดูใหม่ ดูดีด้วย ถูกหรือไม่ (ถูก)  คราวนี้ตัวเองดูใหม่แล้ว รถก็ดูใหม่แล้ว เวลาเราขับรถไป เราจะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางไหม (ไม่กิน)  เราจะจอดรถไว้ข้างทางไหม (ไม่)  เราก็ต้องหาร้านที่ดูดีพอๆ กับรถที่ไปจอด พอๆ กับคนที่จะลงไปกิน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นจะกินร้านธรรมดาก็คิดว่าเดี๋ยวรถไปจอดข้างทางแล้ว จะเสียราคาหมด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็ต้องเลือกร้านดีๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คราวนี้รถก็ดูดีแล้ว คนก็แต่งตัวดูดีแล้ว จะไปจอดบ้านที่ดูเหมือนกระต๊อบได้หรือเปล่า (ไม่ได้)  เราจะยอมไหม (ไม่ยอม)  ไม่ยอม บ้านก็ต้องดูดีด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นกลายเป็นว่าแค่อยากได้รถคันใหม่ เราต้องเปลี่ยนทั้ง (บ้าน)  ฉะนั้นพอเปลี่ยนบ้านใหม่แล้ว แต่ของในบ้านเป็นอย่างไร ตู้เย็นก็ไม่มี ทีวีก็ไม่มี อย่างนี้ยอมได้ไหม (ไม่ได้)  บ้านออกจะใหญ่โตมโหฬาร แต่ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น ยอมไหม (ไม่ยอม)  ฉะนั้นก็ต้องหา (ทีวี ตู้เย็น)  แล้วจะยอมเปิดพัดลมไหม (ไม่ยอม)  ก็ต้องเปลี่ยนพัดลมเป็น (แอร์)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วจะยอมมีเงินแค่ร้อยเดียวไหม (ไม่ยอม)  ก็ต้องมีเงิน (เป็นหมื่น)  ดูสิว่าแค่อยากได้รถใหม่คันเดียวของตัวเรา ยังต้องมีปัญหาตามออกมาเป็น (ร้อย)  หรือเทียบง่ายๆ เวลาศิษย์เดินมากๆ รองเท้าเก่าแล้ว เราก็อยากเปลี่ยนรองเท้าใหม่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  รองเท้าใหม่เรียงกันเป็นแถว อันนี้หนึ่งร้อยอันนี้ห้าสิบ อันนี้ห้าร้อย เวลาศิษย์เลือก หนึ่งร้อย ห้าสิบหรือห้าร้อย ตอนแรกก็เตรียมเงินไว้หนึ่งร้อยบาท ใช่ไหม (ใช่)  แต่มองไป มองมา “เอาน่า กัดฟันกินก้อนเกลือหน่อย ซื้อห้าร้อยดีกว่า” ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าใส่รองเท้าห้าร้อย ศิษย์จะใส่กางเกงหนึ่งร้อยไหมล่ะ (ไม่ใส่)  ศิษย์จะใส่กางเกงร้อยหนึ่ง รองเท้าห้าร้อยก็ไม่เหมาะสม แล้วยอมใส่เสื้อเก้าสิบบาท ไหม  (ไม่ยอม)  รองเท้าห้าร้อย  กางเกงก็น่าจะ (หนึ่งพัน)  เสื้อก็น่าจะ (ห้าร้อย)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทั้งตัวห้าร้อย แต่ไม่มีเครื่องประดับ ยอมไหมล่ะ (ไม่ยอม)  เห็นไหมว่า แค่ไม่รู้จักประมาณตัวเอง แค่ความอยากได้ของเราเพียงเล็กๆ น้อยๆ กลับสร้างเหตุบานปลายที่ไม่จบไม่สิ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วถามจริงๆ นะ พอแต่งตัวดูดี ขับรถดูภูมิฐาน มีบ้านโอ่โถง จะยอมคุยกับชาวบ้านไหมล่ะ (ไม่ยอม)  จะเผลอไม่ดูถูกคนแต่งตัวปอนๆ หรือไม่ (เผลอ)  ฉะนั้นอย่าให้ความอยากเพียงเล็กๆ น้อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเรา อย่าให้ความอยากภายนอกเพียงเล็กๆ น้อยๆ เปลี่ยนแปลงความเป็นคนของเรา ใช่ไหม (ใช่)  เคยไหมที่มีร้อยบาทก็ดูเสมอกับคนอื่น แต่วันไหนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง เรารู้สึกว่าคอเราจะสูงกว่าคนอื่น เป็นไหม (เป็น)  อย่างคนอื่นมีสร้อยหนักหนึ่งสลึง แต่วันนี้เราได้แขวนสร้อยหนักห้าบาท คอเรามันแข็งขึ้นทันที เป็นไหม (เป็น)  อย่างตอนแรกเราเรียนจบ ป.๕ ป.๖ เหมือนกัน แต่วันไหนเราจบปริญญาตรี ปริญญาโท    เป็นด๊อกเตอร์ คอเราเป็นอย่างไร (แข็ง)  ตัวเราจากที่อ่อนน้อม กลายเป็น (แข็งกระด้าง)  ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ภาวะภายนอกทำให้เราเปลี่ยนแปลงจนลืมภาวะภายใน  มนุษย์เราขึ้นชื่อว่า “เท้าเหยียบดิน”
ฉะนั้นถึงจะใฝ่หาสิ่งที่สูงส่งขนาดไหน ก็อย่าลืมว่าเท้าก็ยังต้องเหยียบดิน ฉะนั้นคนเราจะสูงส่งขนาดไหนสักวันหนึ่งก็ต้องต่ำเตี้ยได้เหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีใครบ้างขึ้นที่สูงแล้วไม่ลงสู่ที่ต่ำ แล้วมีใครบ้างล่ะ ต่ำแล้วจะไม่ใฝ่สูงตามเราบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่ามองเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นความอยากนิดๆ หน่อยๆ แต่ความอยากนิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถลืมตัวหรือสร้างปัญหา อันบานปลายและยิ่งใหญ่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ดังคำกล่าวว่า “มนุษย์ไม่สะดุดหินก้อนใหญ่  แต่มักจะล้มพลาดเพราะหินก้อนเล็ก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เติมน้ำจนเต็มล้นก็ไม่สู้เติมน้ำให้พอเหมาะพอดี  ลับมีดจนคมกริบแต่ก็ง่ายที่จะบิ่น และหักง่าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  แสวงหาทรัพย์สมบัติมากมาย สุดท้ายก็รักษาไม่ได้สักชิ้นเดียว เราเป็นอย่างนั้นไหม (เป็น)  เสื้อตัวเดียวเรารักษาได้ แต่เสื้อเป็นสิบๆ ตัวรักษาให้สะอาดเท่ากันได้ไหม (ไม่ได้)  ลูกคนเดียวดูแลก็แทบแย่แล้ว ตัวเราคนเดียวกว่าจะเอาตัวรอดก็สุดกำลังแล้ว แต่นี่ยังหาคนมา (เพิ่มภาระให้)  มากคนก็มากความ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราชอบไหมล่ะ ก็ชอบ ถูกหรือเปล่า (ถูก)  ฉะนั้นถ้าเราสามารถมองเห็นเหตุเล็กๆ น้อยๆ ได้ เราจะหยุดยั้งปัญหาอันยิ่งใหญ่ได้ ถ้ามนุษย์รู้จักพอ ก็ไม่มีใครดูถูกเหยียดหยาม ถ้ามนุษย์รู้จักหยุด ก็ไม่พบหายนะ  แต่ตราบใดที่มนุษย์ยังพอไม่ได้ หยุดไม่เป็น การดูถูกเหยียดหยามย่อมมี ภัยพิบัติและหายนะย่อมเกิดขึ้นได้กับทุกชีวิต จริงไหม (จริง)  รู้เรื่องไหม (รู้)  
เลิกอบายมุขละเบียดเบียนสรรพชีวิต
หมั่นปลูกฝังเมตตาจิตให้คงไว้  
อบายมุขมีอะไรบ้าง ใครพอตอบได้บ้าง (สุรา, การพนัน, คบคนชั่วเป็นมิตร, ยาเสพติด, เที่ยวกลางคืน)  ใครชอบเที่ยวกลางคืนบ้าง ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ชอบเที่ยว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แปลกจริงๆ นะ  การศึกษาธรรมะต้องเริ่มต้นจากการละสิ่งที่ไม่ดี และหมั่นสร้างสิ่งที่ดี และฝึกฝนทำใจให้บริสุทธิ์ นี่คือพื้นฐานของ “ศาสนาพุทธ” นับถือพุทธหรือเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  หลีกไกลความชั่วร้าย หมั่นสร้างความดี และรักษาใจให้บริสุทธิ์  แล้วธรรมะมีอยู่แค่ที่หนังสือ  มีอยู่แค่ที่วัด มีอยู่แค่ที่พระ หรือไม่ (ไม่)  ธรรมะมีอยู่ (ธรรมะมีอยู่ทุกๆ ที่)  จริงหรือ (จริง)  แม้แต่ตัวเราก็มีธรรมะ จริงหรือ (จริง)  แล้วตัวเรามีธรรมะอะไรบ้าง (ไม่คดโกงคน, มีความเมตตา, พูดดีทำดี, มีความซื่อสัตย์สุจริต, ความกตัญญู, การรู้จักเสียสละอุทิศให้, เกรงกลัวบาป, รู้จักให้อภัย)
ธรรมะมีอยู่ทั่วไปแม้แต่ตัวศิษย์เองก็ล้วนมีธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ธรรมะที่เรามีอยู่ในตัวเราและไม่จากตัวเราไปไหน ขอเพียงแค่ระลึกถึงและหมั่นดึงออกมาใช้บ่อยๆ ใช้ให้เป็นประจำ สิ่งนั้นก็สามารถกลับคืนมาสู่ตัวเราได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างเช่นถามว่า คนทุกคนมีจิตเมตตาสงสารไหม (มี)  เห็นใครเดือดร้อนเราทนนิ่งดูดายได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นเมตตาจิตล้วนมีอยู่ในหัวใจของทุกๆ คน แต่บางครั้งความเห็นแก่ตัวมีมากกว่าจึงทำให้เมตตาจิตจางหายไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความโลภมีเหนือกว่าจึงทำให้เมตตาจิตหดหายไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  จิตที่ละอายเกรงกลัวต่อบาปมีไหม (มี)
ถามว่าเวลาตอนเด็กๆ มีใครบ้างไม่เคยขโมยเงินพ่อแม่บ้าง ยกมือขึ้น ไม่เคยเลยหรือ จริงหรือ แล้วเคยคิดอยากขโมยของคนอื่นไหม แล้วเคยหยิบของคนอื่นโดยไม่ขอไหม (ไม่เคย) แน่ใจนะ  เห็นดอกไม้สวยๆ ไม่รู้ของใคร เด็ดมาดมเฉย อย่างนี้ก็เรียกว่าขโมยแล้วนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาเราจะทำผิดอะไรก็ตาม มือเราสั่นไหม ใจเรากลัวไหม แล้วตาเราลอกแลกไหม (ลอกแลก)  อย่างนั้นแปลว่าโดยพื้นฐานของมนุษย์นั้นไม่มีใจอยากจะทำผิดคิดร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอทำผิดคิดร้ายตัวก็เลยไม่ปกติ ฉะนั้นจิตเมตตาสงสาร จิตละอายเกรงกลัวต่อบาปล้วนมีอยู่ทุกผู้คน ใช่หรือเปล่า (ใช่)  และถ้าเราสามารถแผ่จิตเมตตาสงสารออกไปให้กว้าง ออกไปให้ไกล เราจะเบียดเบียนทำร้ายกันไหม (ไม่ทำ)  เราจะโมโหตบตีใครไหม เราจะชี้หน้าด่าใครไหม (ไม่)  เพราะในความเป็นคนของเขาก็มีความเป็นคนของเรา เพราะความเป็นคนของเขา เราก็มีความเป็นคนแบบเดียวกับเขาไม่ต่างกัน ถูกหรือไม่ (ถูก) ถ้าเราเห็นความเป็นคนของเขา แล้วทำไมเราไม่เห็นความเป็นคนในตัวเราล่ะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเรารู้จักสงสารเขา เราจะตบเขาได้ลงไหม (ไม่)  และถ้าเรารู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาป ความโมโหนั้นก็คงไม่ทำร้ายเขาได้ลงคอ จริงหรือเปล่า (จริง)  ฉะนั้นถ้ามนุษย์มีเมตตาจริงๆ มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปจริงๆ เราคงตีใครไม่ได้ เราคงฆ่าใครไม่ลง และเราคงด่าใครไม่เป็น ใช่หรือไม่ (ใช่)  จริงหรือ (จริง)  ด่าใครไม่เป็นใช่ไหม  
เวลาเห็นคนแข็งทื่อ มือแข็ง หัวแข็ง เราชอบไหม (ไม่ชอบ)  เราชอบคนสุภาพ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ลึกๆ มนุษย์ทุกคนชอบคนอ่อนน้อมถ่อมตนมีสัมมาคารวะ  พูดจาไพเราะสุภาพ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราระลึกอย่างนี้เสมอๆ ศิษย์จะพูดคำด่าคำไหม ศิษย์จะพูดมึงมาพาโวยไหม ฉะนั้นอาจารย์ถามนะว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ศิษย์มีอยู่แต่ทำไมศิษย์ลืมนึก ถ้าศิษย์นึกบ่อยๆ ศิษย์จะเป็นคนน่ารักโดยที่ไม่ต้องแต่งเติมเสริมหน้าเลยนะ  ใช่ไหม (ใช่)  พูดก็เพราะ จิตใจก็กว้างใหญ่ รู้จักสงสารใช่หรือไม่ (ใช่)  ละอายเกรงกลัวต่อบาปก็มี แล้วอย่างนี้จะกลายเป็นคนน่ารักโดยไม่ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องได้เลย จริงไหม (จริง)  แต่เราเป็นอย่างไร ใจคิดอย่างแต่ทำอีกอย่าง ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ตอนนี้ขอให้ศิษย์ใจเย็นๆ นะ ถ้าใจเย็นอากาศจะร้อนก็ไม่รู้สึก ถ้าใจร้อนอากาศเย็นก็ร้อน จริงหรือไม่ (จริง)  ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ใจเย็นหรือร้อน (เย็น)  ถ้ายืนสักชั่วโมงหนึ่งคงเริ่มร้อนแล้วนะถูกหรือเปล่า (ถูก)  
มีคำกล่าวว่าขึ้นชื่อว่ามนุษย์ไม่ยืนแล้วก็ไม่นั่งตลอดใช่หรือไม่ (ใช่)  บางครั้งยืนบางครั้งนั่งถึงจะเรียกว่ามนุษย์ ถึงจะเรียกว่าชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้านั่งแล้วยืนไม่ได้ก็ไม่ได้เรียกว่าชีวิต เรียกว่าพิการ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้ายืนแล้วนั่งไม่ได้ก็เรียกว่าตาย ศิษย์ของอาจารย์ยังไม่พิการจึงต้องรู้จักยืนแล้วก็ (นั่ง)  นั่งแล้วก็ (ยืน)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นตอนนี้อยากยืนหรืออยากนั่ง (นั่ง, ยืน)  เสียงยังไม่ประสานกันเป็นหนึ่งเลยนะ
แล้วคุณธรรมของความเป็นคน คุณธรรมในหัวใจของมนุษย์ที่อาจารย์บอกมีเมตตา มีละอายเกรงกลัวต่อบาป มีสัมมาคารวะ มีซื่อตรง และยังมีรู้ผิดชอบชั่วดี สิ่งนี้คือ คุณธรรม และถ้าหากศิษย์สามารถรักษาคุณธรรมทั้งห้านี้ได้ ศิษย์ก็สามารถมีศีลธรรมทั้งห้าได้ ดังที่เรียกว่า ผู้ใดรักษาศีลผู้นั้นจะมีธรรม ผู้ใดมีธรรมผู้นั้นจะมีศีล
คนที่มีจิตเมตตาย่อมไม่เบียดเบียนฆ่าสัตว์
คนรู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาปย่อมไม่ลักทรัพย์
คนที่รู้จักสัมมาคารวะย่อมไม่ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น รู้จักเคารพผู้อื่นรู้จักให้เกียรติผู้อื่นแล้วเขาจะเบียดเบียนทำร้ายคนด้วยกันเองไหม (ไม่) ใช่หรือไม่ (ใช่)  
คนที่รู้จักผิดชอบชั่วดีก็คือ (ละอายต่อบาป)  มีธรรมข้อนี้จะมีศีลข้อใด ศีลห้ายังไล่ได้ไม่ครบอีกหรือ นับถือพุทธไหม (นับถือ)  ไหว้พระไหม (ไหว้)  ไหว้พระอย่ารู้แต่ไหว้แต่ไม่รู้จักโน้มนำมาปฏิบัติ อย่างนี้เรียกว่าไหว้แต่ภายนอกแต่ไม่ได้ไหว้ด้วยใจที่แท้จริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ผู้ที่ไหว้อย่างแท้จริงคือน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไปทำบุญบ่อยไหม (บ่อย)  รับศีลบ่อยไหม (บ่อย)  แล้วรับศีลมาถึงบ้านไหม (ไม่ถึง)  ไม่ค่อยถึงใช่ไหม พระให้ศีลจบแล้วจบกัน ใช่หรือเปล่า (ใช่)  น่าเสียดายถ้าศีลห้ายังรักษาไม่ครบ ฉะนั้นอาจารย์ไม่เอาศีลห้าก็ได้ ขอเพียงคุณธรรมห้าประการ
  1. รู้จักเมตตา
  2. รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาป
  3. รู้จักมีสัมมาคารวะให้เกียรติผู้คน
  4. รู้จักซื่อตรง
  5. รู้จักผิดชอบชั่วดี
ถ้าศิษย์สามารถมีคุณธรรมห้าข้อ ศิษย์ก็สามารถรักษาศีลห้าข้อได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
เมื่อพูดถึงธรรมะแล้วจะขาดเสียไม่ได้ต้องพูดถึงบุญกุศล ใครชอบทำบุญทำทานบ้าง มนุษย์ส่วนใหญ่ชอบทำบุญสุนทาน เห็นใครเดือนร้อนชอบช่วยเหลือแต่เราทำทานเพื่อความมีตัวตนหรือทำทานเพื่อลดตัวตน (ลดตัวตน)  เราทำทานช่วยเขาหรือช่วยเรา (ช่วยเรา)  เริ่มต้นที่เราทำทานเพราะเราอยากช่วยเขา ใช่หรือไม่ (ใช่)  รู้จักทำทานเพื่อช่วยเขา นานๆ การช่วยเขาจะกลายเป็นช่วยเรา ฉะนั้นการให้ทานคือการที่เรารู้จักรับมาได้และเสียสละเป็น และการให้ทานยังสอนให้มนุษย์รู้จักปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น  เมื่อไรที่การทำบุญทำทานยังเขียนชื่อ  ยังเจาะจง  ยังสะสม  นี่ไม่ได้เรียกว่าการทำทานที่ถูกต้อง การทำทานที่ถูกต้องคือการทำทานที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น  ปล่อยวางตัวตน จริงหรือไม่ (จริง) ศิษย์อย่าลืมนะว่าเวลาที่เราไป เราไปแค่บุญกับกุศล และบุญที่จะทำให้เราไปได้เบาก็ต้องเป็นบุญที่ไร้รูปลักษณ์  ไม่ใช่บุญที่มีรูปลักษณ์  
ศิษย์ทุกคนเคยสร้างพระ เคยสร้างวัด เคยช่วยกันอุปสมบทพระหรือบวชพระหรือไม่  ศิษย์ว่าได้บุญใหญ่หรือไม่  (ได้) ศิษย์บอกว่าได้บุญ แต่อาจารย์บอกว่าได้บุญแต่เป็นสวรรค์สมบัติ  ได้แล้วไปเสวยสุข ก็ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ฉะนั้นบุญที่ยึดติดในชื่อ บุญที่คิดจะสะสม เป็นบุญที่เพียงต้องขึ้นไปเสวยสุขบนสวรรค์สุดท้ายก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดใหม่  บุญที่แท้จริงคือบุญที่ไม่หวังผล ใช่หรือไม่ (ใช่)
การทำโดยปล่อยวางความยึดมั่น เพราะถึงที่สุดของชีวิตทุกคน คือความว่างเปล่า ฉะนั้นบุญกุศลที่แท้จริงคือการทำโดยไม่ยึดติดรูปลักษณ์ ปล่อยวางความเป็นตัวตน นี่คือการเข้าถึงบุญที่แท้จริง  
เมื่อเข้าถึงบุญแล้วก็ต้องเข้าถึงกุศลด้วย กุศลที่แท้จริงคือการกระทำเพื่อเข้าถึงความรู้แจ้ง เห็นจริงในจิตใจ  รู้แจ้งเห็นจริงในชีวิตความเป็นคน  ว่าถึงที่สุดแล้วเมื่อเรามาตัวเปล่าก็ต้องไปตัวเปล่า สิ่งที่จะไปได้คือความดีที่จะผลักให้เราเบาใส ไม่ใช่หนักอึ้ง  หากทำบุญแล้วหนักอึ้งก็คือ (ตัวตน)  จริงหรือไม่ (จริง)  ไม่ใช่ว่าศิษย์หยุดโลภจากทรัพย์สิน แต่มาโลภในบุญกุศล เช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง  ทำบุญเพื่อปล่อยวางไม่ใช่ทำบุญเพื่อเอาหน้า  เพราะตายไปหน้าก็ไม่มีให้เอา จำไว้ ที่เอาไปได้คือความเปล่า ว่าง ปล่อย ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเข้าถึงธรรม เข้าถึงบุญกุศลแล้ว ต่อไปก็มาเข้าถึงแก่น  ศึกษาธรรมก็ต้องเข้าถึงแก่น อย่ามองแค่เปลือกกระพี้แล้วก็ตัดสิน แล้วก็ถูลู่ถูกังทำไป เช่นนี้ทำไปผิดๆ ก็น่าเสียดายที่ชาติหนึ่งได้เกิดมา ชาติหนึ่งได้อุตส่าห์ทำบุญสักทีหนึ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่) คราวนี้พอเข้าใจถูกต้องหรือยัง  บุญกุศลคืออะไร ธรรมะมีอยู่ที่ไหน  
บางคนทำบุญสิบบาทแต่ขอร้อยบาท ก็เลยไม่รู้ทำบุญหรือขอบุญกันแน่  เป็นอย่างนั้นหรือไม่  ไหนใครทำบุญแล้วไม่ขอบ้าง  ยกมือขึ้น  ตกลงจะทำบุญหรือขอบุญกันแน่ ใช่หรือเปล่า (ใช่) อย่างนี้จะบอกว่าทำดีไม่ได้ดีไม่ได้นะ เพราะทำดียังไม่ทันทำก็ขอจนหมดแล้ว  แล้วผลจะตกถึงศิษย์ได้อย่างไร เมื่อขอไปหมดแล้ว ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฉะนั้นมนุษย์ผู้ประเสริฐจึงดำเนินชีวิตเฉกเช่นน้ำ เคยได้ยินไหม  น้ำเป็นอย่างไร  เมื่อพูดถึงน้ำให้ความรู้สึกเย็น ใส สะอาด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นผู้ประเสริฐจึงดำเนินชีวิตเฉกเช่นน้ำ  อยากเป็นคนที่เข้าใกล้ความเป็นผู้ประเสริฐ ก็จงดำเนินชีวิตไม่แตกต่างจากน้ำ  น้ำเย็นไหม (เย็น)  แล้วเราเย็นไหม (ไม่เย็น)  ใครจำได้ว่าชีวิตตัวเองนี้ตลอดมาตั้งแต่เด็กจนโตจนแก่ ไม่เคยโกรธเลย เป็นคนใจเย็นจริงๆ  ใครๆ ก็บอกอาจารย์ว่าคนเหนือเป็นคนใจเย็นไม่ใช่หรือ พูดอะไรก็เย็นๆ จริงไหม (จริง)  แล้วเราเย็นไหม (ไม่เย็น)  เดี๋ยวเย็นเดี๋ยว (ร้อน)  ไม่มีอะไรกระทบก็เย็นดีหรอก แต่พอมีอะไรกระทบก็ (ร้อน)  อย่างนี้ไม่เรียกว่าเย็น อย่างนี้เรียกว่าโลเล ใช่หรือไม่ (ใช่)  
คุณสมบัติของน้ำมีความเย็น มีความอ่อน และมีความใส ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์จึงบอกว่า อยากเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐก็จงเลียนแบบน้ำ  
น้ำใสสะท้อนเงาก็แปลว่า คนมีธรรมย่อมกล่าววาจาสัตย์ซื่อ ไม่ฉ้อฉล ส่องอะไรเห็นอย่างนั้น  แต่ศิษย์ของอาจารย์ปากอย่างใจอย่าง จริงไหม (จริง)  หรือปากไม่เคยตรงกับใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนี้ถูกไหม (ไม่ถูก)  
น้ำมีความอ่อน ความอ่อนของน้ำนั้น แข็งก็ได้ เหลี่ยมก็ได้ กลมก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราเทน้ำใส่ภาชนะใด ที่ที่แคบที่สุด น้ำก็ยังไหลลงไปได้ ที่ที่ลึกน่ากลัวที่สุด ก็ยังสามารถขุดพบน้ำได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นแปลว่าน้ำมีอยู่ทุกๆ ที่ น้ำเข้ากับทุกสภาวะได้  แต่ตัวมนุษย์กลับเลือกที่รักมักที่ชัง คนที่ใจแคบไม่เข้าใกล้ คนใจกว้างประจบเอาใจ เป็นอย่างนั้นไหม (เป็น)  ฉะนั้นผู้ดำเนินชีวิตเฉกเช่นน้ำย่อมสามารถรู้จักปรับตัวปรับสภาพชีวิต แต่ไม่สูญเสียอุดมการณ์ของความเป็นคน
รู้จักผ่อนปรนเวลาอยู่กับผู้อื่น เข้มงวดตัวเอง ผ่อนปรนผู้อื่น นี่แหละคุณสมบัติอย่างที่สองของน้ำ  
คุณสมบัติอย่างที่สาม น้ำหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วศิษย์ล่ะ รู้จักอุทิศเพื่อประชาบ้างไหม เคยหล่อเลี้ยงผู้คนบ้างหรือเปล่า  น้ำหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งโดยไม่ (หวังผล)  มีไหมที่น้ำบอกว่า เธอตักฉันไปกระบวยหนึ่ง เธอต้องแปะคำชมหนึ่งคำ มีไหม (ไม่มี)  เอาน้ำไปสิบกระบวย สักพักหนึ่งน้ำก็ไหลกลับมาเท่าเดิม ใช่หรือไม่ (ใช่)  นั่นก็คือใครอยากตักตวงผลประโยชน์อะไรจากเรา เราก็ไม่โกรธ เคืองแค้น  เพราะสักวันหนึ่ง เมื่อให้มากๆ การให้ก็จะทำให้เราเต็มอิ่มได้โดยไม่รู้ตัว จริงหรือไม่ (จริง)  ให้โดยไม่หวังผล ทำโดยไม่เรียกร้องคุณ
น้ำมีคุณประโยชน์อะไร (ให้คนดื่มกิน, หล่อเลี้ยงชีวิต, ช่วยชะล้างสิ่งสกปรก, ชะล้างร่างกาย, น้ำหล่อเลี้ยงชีวิต, กัดเซาะได้ทุกอย่าง, ไหลจากที่สูงมาสู่ที่ต่ำเสมอ, น้ำเป็นส่วนประกอบของชีวิต)  ทุกชีวิตขาดไม่ได้ซึ่งน้ำ
น้ำสะอาดได้ น้ำก็สกปรกได้ ศิษย์เคยได้ยินไหม น้ำสะอาดล้างหน้า น้ำสกปรกล้างเท้า ความอ่อนชนะความแข็ง จิตที่สุภาพอ่อนน้อม ย่อมสามารถโน้มนำผู้คนให้คล้อยตามได้ ย่อมนำพามวลชนได้ ย่อมแปรคนที่แข็งกระด้างให้นุ่มนวลลงได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อสักครู่อาจารย์บอกว่าน้ำใสใช้ล้างหน้า น้ำสกปรกใช้ล้างเท้า แปลว่าเขาทำอะไรกับศิษย์อย่าบอกว่าเขาไม่ดี แต่ต้องถามว่าเราทำเช่นใดทำให้เขาถึงปฏิบัติตอบเราเช่นนั้น โทษคนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องหันมากลับมามองว่าเราทำเช่นไร  เขาเคารพศิษย์เพราะศิษย์เคารพเขา  เขาดูถูกศิษย์เพราะศิษย์ดูถูกเขาใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นน้ำก็เป็นตัวบอกศิษย์ได้ว่า อยากให้คนปฏิบัติกับเราอย่างไรก็จงปฏิบัติกับเขาเช่นนั้น มนุษย์ทุกคนรักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน  ฉะนั้นอะไรที่ทำให้เกิดทุกข์จงอย่าทำกับผู้อื่น แล้วเขาก็จะไม่ทำกับศิษย์เช่นนั้น จริงหรือไม่ (จริง)  แต่เป็นการยาก อยู่ในโลกนี้มีใครไม่เคยโดนนินทา ไม่เคยถูกต่อว่า ไม่เคยถูกด่าทอ ไม่มีในโลก
ฉะนั้นคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของน้ำ ที่อาจารย์อยากให้ศิษย์พึงจำไว้คือ น้ำอยู่ต่ำจึงรองรับสรรพสิ่งได้ทั้งมวล  น้ำยอมอยู่ในที่ที่ผู้คนรังเกียจ จึงสามารถเปิดกว้างและรับผู้คนได้อย่างแท้จริง สมัยที่อาจารย์เป็นอาจารย์จี้กง ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ถูกดูถูก ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่ถูกมองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
อาจารย์แต่งตัวดีได้ แต่อาจารย์ไม่แต่งกลับแต่งตัวขาดๆ ลุ่ยๆ ทำตัวมอซอ เพราะชีวิตที่ธรรมดาสามัญจึงสามารถเข้าถึงรากหญ้าของจิตใจผู้คน เพราะจิตใจที่สามารถทนรับการดูถูกเหยียดหยามได้  จึงสามารถมองเห็นธาตุแท้ของผู้คนและโน้มนำจิตใจเขาได้ถูกทาง ศิษย์เคยเห็นจันทร์สะท้อนเงาในน้ำไหม น้ำที่สะท้อนเงาจันทร์ถูกคนทำลายได้ แต่พระจันทร์ถูกทำลายไม่ได้
ฉะนั้นฉันใดก็ฉันนั้นคนทุกคนถูกนินทาได้ แต่ความเป็นจริงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ศิษย์ถูกคนว่าได้ ศิษย์ถูกคนด่าได้ แต่ตัวจริงศิษย์เป็นอย่างเขาว่าไหม ถ้าไม่ได้เป็น ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องเกลียด เพราะพระจันทร์สะท้อนเงา เงาถูกทำลายได้ แต่พระจันทร์ถูกทำลายไม่ได้ จำคำอาจารย์ให้ดีๆ นะ ขึ้นชื่อว่าศิษย์ของอาจารย์   จี้กง ไม่ได้ต้องการลูกศิษย์ทำตัวสูงศักดิ์ แต่อาจารย์ต้องการลูกศิษย์ที่ทำตัวธรรมดาสามัญ ต่ำได้ก็ต่ำ เตี้ยได้ก็เตี้ย เพราะยิ่งต่ำยิ่งเตี้ยจิตของศิษย์นั่นคือจิตของอาจารย์ รับได้ทุกสภาวะ ไม่ยึดมั่นถือมั่น มีจิตใจสามัญ ที่จะสามารถเข้าถึงรากหญ้าของจิตใจผู้คนได้อย่างแท้จริง อาจารย์ถูกด่ากี่ครั้ง ถูกดูถูกกี่ครั้ง แต่เพื่ออะไร เพื่อต้องการช่วยคน ฉะนั้นถูกด่าบ้าง ถูกดูถูกบ้าง แต่ช่วยคนได้ก็เอา
มีใครอยากตอบอาจารย์อีกไหม คุณสมบัติของน้ำมีอะไรอีก (เกิดทะเล แม่น้ำ) ทำให้เกิดธรรมชาติที่สวยงาม (น้ำมีอยู่ในตัวเรา)  น้ำเป็นส่วนประกอบหนึ่งของชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทุกชีวิตล้วนมีน้ำ แต่ถามว่าน้ำสำคัญไหม (สำคัญ)  แต่ถ้าวันหนึ่งเราหิวน้ำแต่เราไม่ดื่มน้ำได้ไหม (ไม่ได้) “ได้” วันหนึ่งศิษย์ไม่ดื่มได้ สองวันศิษย์ทนไม่ดื่มได้ แต่ตลอดชีวิตศิษย์ไม่ดื่มน้ำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นน้ำก็เปรียบเทียบได้กับธรรมะ ธรรมะสำคัญไหม มองดูอาจไม่สำคัญแต่ชีวิตนี้วันหนึ่งไม่มีธรรมะได้ แต่ตลอดชีวิตไม่มีธรรมะไม่ได้ จริงหรือไม่ (จริง)  
วันนี้ศิษย์อยากได้เพลงอะไรจากอาจารย์
เวลาถูกตีศิษย์ร้อง (โอ๊ย โอ๊ย) อย่างนั้นรู้หรือยังว่าอาจารย์ให้เพลงอะไร (โอ๊ย โอ๊ย) กว่าจะรู้นะ ต้องบอกว่าเพลงแจ๋วนะ ถึงจะนึกออกนะ
เวลาเราบำเพ็ญธรรมฝ่ายหญิงก็เหมือนแจ๋ว ฝ่ายชายก็เหมือนคุณชาย จริงไหม (จริง) งานหนักไม่เอางานเบาไม่สู้ยกให้ฝ่ายชาย  งานหนักก็เอางานเบาก็สู้ยกให้ศิษย์ฝ่ายหญิง
(พระอาจารย์เมตตาประทานชื่อเพลง อนิจจังรำพัน) เข้าใจความหมายของชื่อเพลงไหม ชีวิตนี้ไม่เที่ยงแท้ แล้วเราจะเพ้อรำพันพิลาปไปถึงไหน ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอทุกข์ก็บอกว่าชีวิตทุกข์ๆ เมื่อไรจะข้ามทุกข์ได้สักที จริงไหม (จริง)  
วันนี้อาจารย์ก็มาได้เวลาพอสมควรแล้วนะ ทุกชีวิตเหมือนกันหมด คือเมื่อถึงเวลามาก็ต้องถึงเวลากลับ ศิษย์ทุกคนก็เหมือนกัน ทุกชีวิตเกิดมา ทุกคนก็ต้องเดินกลับไปสู่จุดสิ้นสุด แต่ก่อนจะไปถึงจุดสิ้นสุด เราเข้าใจเรื่องเราตายก่อนตายหรือยัง เราเอาชนะทุกข์ได้หรือยัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทุกข์เกิดขึ้นมาพร้อมกับชีวิต และทุกข์ก็ดับไปพร้อมกับชีวิต ผู้ที่เอาชนะทุกข์ได้ ผู้ที่เข้าใจทุกข์ได้ คือผู้ที่เข้าใจชีวิตและสามารถอยู่เหนือชีวิตได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท  “ธรรมะประดุจสายน้ำ”
ได้คำว่าอะไร “ธรรมะประดุจสายน้ำ” ธรรมะก็คือชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าทุกคนรู้จักมีชีวิตแล้วมีธรรมะด้วย นำธรรมะมาใช้ในชีวิต ทำชีวิตให้เหมือนกับสายน้ำดังที่อาจารย์บอก มีความใจเย็น มีความใส มีความสงบ น้ำยิ่งดิ่งดำลึกมากเท่าไร จิตของศิษย์ต้องเมตตาและมีสัจวาจามากเท่านั้น มีสาระเมื่อเอื้อนเอ่ย ประกอบกิจอย่างคนที่รู้ความเหมาะสมและรู้ถูกต้องอันควร ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ผู้ประเสริฐคือผู้มีชีวิตไม่ต่างจากน้ำ ที่พร้อมจะเต็มล้นแล้วหลั่งรินเพื่อมวลชนโดยไม่หวังผลตอบแทน

ฉะนั้นเกิดมาเป็นคน อย่าได้มัวแต่เห็นแก่ตัวจนเสียสละอุทิศเพื่อผู้อื่นไม่เป็น คนที่เห็นแก่ตัว คนที่มีชีวิตแต่เพื่อตัวเองจะไม่สามารถฟื้นฟูคุณธรรมให้ปรากฏขึ้นมาจากจิตใจได้ จริงหรือไม่ (จริง)  แล้วคุณสมบัติที่อาจารย์เน้นย้ำที่สุดของน้ำก็คือ ยอมอยู่ในที่ต่ำ อดทนต่อการดูถูกเหยียดหยามให้ได้ เพราะยิ่งต่ำ ยิ่งเป็นที่ๆ รองรับสรรพสิ่ง ยิ่งรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน คนทุกคนย่อมอยากจะมามอบความรู้ มอบความรักให้  แต่จิตที่แข็งกระด้างไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ยึดมั่นถือมั่นล้วนห่างไกลจากการบำเพ็ญธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  
บำเพ็ญธรรมคืออย่างไร ก็เปรียบได้กับสายน้ำ ถึงที่สุดแล้วก็พร้อมละลายกลับคืนไปสู่เบื้องฟ้า จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นขอให้ศิษย์ของอาจารย์ทำตัวเหมือนคนสามัญอดทนได้ต่อการดูถูกเหยียดหยาม รับได้ต่อคำตัดพ้อต่อว่า หากรู้ว่าตัวเองเป็นคนเช่นไร ก็ไยต้องกลัวการดูถูกเหยียดหยามและคนนินทาว่าร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นเมื่อตั้งใจจะบำเพ็ญธรรม เมื่อมุ่งมั่นจะเป็นคนดี การก้าวให้พ้นความทุกข์ ก็คือการลงแรงบำเพ็ญตน  การกลับคืนไปสู่เบื้องบนก็คือการรู้จักช่วยเหลือผู้คน ถ้ายังยอมไม่ได้ รับไม่ได้ในเรื่องบางเรื่อง ศิษย์ก็ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น จริงหรือเปล่า (จริง)  ฉะนั้นวันนี้อาจารย์ก็คงมาผูกบุญสัมพันธ์กับศิษย์เพียงเท่านี้ ถึงเวลาอาจารย์ก็คงต้องไปแล้ว จะจากก็ยังไม่หมดอาลัยอาวรณ์  เพราะมีศิษย์บางคนยังไม่รู้ไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์พูด ฟังมาถึงวันครึ่งแล้วแต่ก็ยังเข้าใจได้ไม่หมด ใช่หรือไม่ (ใช่) มีโอกาสเอาความรู้ความสามารถมาช่วยอาจารย์ดีไหม อาจารย์เชื่อว่าศิษย์ทำได้นะ ขอเพียงสละเวลามา ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ อาจารย์คงต้องไปแล้ว ศิษย์ยังเดียงสานักนะ ยังเห็นอาจารย์เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หรือ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไม่สู้การรู้แจ้งเห็นจริงในชีวิตนะ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ช่วยศิษย์ให้พ้นทุกข์ไม่ได้เท่ากับการเข้าใจชีวิตและเอาชนะทุกข์ให้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
มีเงินทองมีความรัก มีเกียรติยศก็ยังทำให้ศิษย์ทุกข์ แต่การมีธรรมะศิษย์ทุกข์แล้วเอาชนะทุกข์ได้ และเข้าใจทุกข์ได้ ทำไมไม่รู้จักมีธรรมะไว้ในชีวิตบ้างนะ จริงไหม (จริง) อาจารย์รู้มีอะไรก็ทุกข์ แต่มีธรรมะ ทุกข์แล้วเอาชนะทุกข์ ทุกข์แล้วหาทางพ้นทุกข์ได้ ทำไมถึงไม่มีธรรม มีความรักก็มีทุกข์ มีเงินก็มีทุกข์ ใครก็มีทุกข์ทั้งนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มีธรรม มีทุกข์แล้วยังมีทางพ้นทุกข์ ทำไมถึงไม่พยายามมีธรรมกัน ใช่หรือเปล่า (ใช่)  วันนี้อาจารย์คงต้องไปแล้ว
ชีวิตไม่ใช่ของเล่นจงมีสติ รู้จักดำเนินชีวิตอย่างผู้มีคุณธรรม รู้จักระลึกชอบ คิดก่อนทำ จะได้ไม่ผิดพลาด ดีไหม เมื่อจะทำอะไรก็ขอให้คิดให้ดีๆ  ชีวิตพลาดไปแล้วยากจะแก้ไข เหมือนสายน้ำไหลไปแล้วไม่มีวันกลับ ชีวิตผิดไปแล้วพลาดไปแล้วกว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้ยากนะ ฉะนั้นมีสติในการดำเนินชีวิต อาจารย์คงต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ นะ


โอวาทซ้อนพระโอวาท ธรรมประดุจสายน้ำ
อันธรรมโอนอ่อนดุจสายน้ำ ทนเคี่ยวกรำประดุจดังหินผา
เข้ากับทุกสิ่งสรรพด้วยปัญญา ถือปรัชญานอกกลมในเหลี่ยมมุม
อย่าเป็นคนทำตัวดูแข็งทื่อ บำเพ็ญคือการล้างใจกิเลสสุม
ใช้ธรรมะกับชีวิตทุกแง่มุม เมื่อโดนรุมสุมแผ่ความเมตตา
รักความดีอย่าเผลอไปทำต่าง หาข้ออ้างเข้าข้างตัวกลัวหนักหนา

คนจำพวกหลายสังคมมีหลายหน้า มีปัญหากับตัวเองอยู่ร่ำไป

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา