วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

2561-10-20 สถานธรรมฮุ่ยอวี้ จ.ขอนแก่น


西元二○一八年歲次戊戌九月十二日                                          仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑                           สถานธรรมฮุ่ยอวี้ จ.ขอนแก่น
พระโอวาทศิษย์พี่นาจา
  อารมณ์เสียน้อยใจขี้ใจน้อย             ท่านไม่ค่อยอุเบกขาคนทั้งหลาย
เอาแต่ใส่รักโลภโกรธในจิตใจ            แล้วเมื่อไรจะรอดพ้นกิเลสกลลวง
                                เราคือ
  ศิษย์พี่นาจา                                  รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา          ลงสู่แดนโลก แฝงกายน้อมกราบอัญชุลี
องค์มารดาแล้ว              ถามศิษย์น้องทุกคนเป็นคนดีจริงจริงไหม
  การไม่ยอมเข้าใจอะไรถูกกีดกัน        ดื้อดึงดันกดถูกผิดให้จม
ชอบเอาแต่เข้มแข็งไม่ยอมล้ม             ใช้อารมณ์สู้ยืนหยัดเพื่อสิ่งใด
ทำเรื่องถูกได้ยืนเหมือนเหนือเรื่องผิด          บำเพ็ญจิตร้ายยังมั่นปัญหาแก้ได้
เสียงตำหนิว่ากล่าวคงดุจเพื่อนตาย      ร้ายแสร้งดีความในไฟสุมทรวง
จงอดทนผู้ใดไม่ถูกถนอม                 ฟ้าดินหลอมใฝ่หล่อหลอมน้ำตาร่วง
อยากได้ดียิ่งทุกข์ผู้มีห่วง                  ท้าทายดวงกล้ามีเส้นทางแห่งตน
ฝึกจิตดีมีชัยล้างกิเลสออก                ภัยภายนอกภยันตรายภัยล้วนผ่านพ้น
แต่ภัยใจเท่าไม่พอทวีต้น                  สำหรับคนที่คิดคดยิ่งห่างไกล
มีนิสัยพูดปดเพราะใจคดโกง              ปิดปากโป้งใจคนคุมปากไว้
ความคิดที่ร้ายคิดแล้วได้อะไร            จำทุกคำได้ไม่หมดระวังคำ
ใครเขาเยินยอเราใจอย่าลำพอง          เกียรติยกย่องขังคนหลงสูงต่ำ
ความอ่อนน้อมไม่ลำพองเป็นคุณธรรม   เสียใจหรือดีใจทำจิตปกติ
ความคิดร้ายตัวแปรเรื่องไม่ดี             คนคิดดีเรื่องใหญ่ได้ด้วยสติ
เรื่องของคนใจคือแสงแห่งปีติ            ละทิฐิเรื่องใหญ่กลายเป็นเล็กลง
                                    ฮิ ฮิ หยุด

พระโอวาทศิษย์พี่นาจา

ถือโอกาสมาแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมและคุยกันดีไหม (ดี)  นั่งฟังเฉยๆ ไม่ได้พูดอึดอัดไหม ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนโอกาสในการฟังธรรมอย่างเดียว เป็นการฟังแล้วคุยและก็ถามตอบด้วยดีไหม (ดี)  สมมติว่าวันนี้มาฟังธรรม ถ้าเปรียบธรรมะเป็นขนม กินเป็นก็อร่อย ชอบกินก็อร่อย แต่ถ้าไม่ชอบกินก็ (ไม่อร่อย)  แล้ววันนี้อร่อยหรือไม่อร่อย (อร่อย)  หน้าตาเหมือนไม่อร่อยมากกว่า เราถามนะ ถ้าไม่อร่อยจะเอาไปขว้างทิ้ง หรือเอามาเก็บเน่าไว้ในใจ (ขว้างทิ้ง)  เอาไปขว้างคนที่พามา แล้วทำให้เราต้องถือขนมที่ไม่อร่อยนี้ จะทำแบบไหน (เก็บไว้ในใจ)  เก็บไว้ในใจแล้วก็ทำหน้าบึ้ง
ถูกหรือไม่ (ไม่ถูก)  แล้วทำไมถึงยิ้มไม่ค่อยออกล่ะ ขนมถึงจะอร่อยหรือ
ไม่อร่อย ถึงจะอยู่กับเราแล้วไม่อร่อย แต่ถ้าเกิดว่าลองกินไปกินมา ก็เพลินดี ดีกว่าอยู่เฉยๆ ใช่หรือเปล่า เหมือนฟังไปฟังมา ก็เพลินดีนะ ใช่ไหม (ใช่)
เราแค่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้ฟังว่า วันนี้ท่านมาฟังธรรมะ ธรรมะเหมือนขนมถุงหนึ่ง รู้จักกินก็เกิดประโยชน์ เอาแต่นั่งมองแล้วก็คิดว่า
ไม่อร่อย ก็ทั้งหนักและเป็นทุกข์ใจ ฉะนั้นตอนนี้อยู่ที่ท่านแล้ว ขนมอยู่ในมือ จะทำขนมนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือปล่อยให้ขนมนี้เน่าแล้วก็ช้ำใจ เหมือนเวลาเราโดนคนว่า เหมือนเขาเอาของมาปาใส่หัวเรา ฉันใดก็ฉันนั้น เราจะเอาของนั้นมาเขกหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือเอาของนั้นมาแล้วมองให้เกิดความสุข ความเข้าใจ อภัย เมตตา และเป็นสุข เลือกแบบไหน (เมตตาและเป็นสุข)  ก็พูดได้ แต่ถึงเวลาไม่เห็นทำได้เลย
ฉะนั้นชีวิตอย่าเอาแต่โทษผู้อื่นอยู่ร่ำไป อย่าเอาแต่ก่นด่าผู้อื่นว่าเป็นต้นเหตุทำให้เราทุกข์ ชีวิตเรา เราจัดการเอง ชีวิตเรา เรามีสุขได้ด้วยตัวเอง จริงไหม (จริง)  ทำไมต้องเอาใจไปยกให้คนอื่นเตะซ้าย เตะขวา บีบขย้ำให้เจ็บปวด ในเมื่อใจเราเราก็รัก ชีวิตเราเราก็รัก แล้วถึงเวลาถ้ารักจริง ไยจึง
ทำร้ายใจตนให้ทุกข์ ทำไมไม่แปรทุกข์ให้เป็นสุข ดังที่พุทธพจน์กล่าวไว้ว่า ในกิเลสก็มีพุทธะ ในน้ำร้าย น้ำสกปรก ก็มีน้ำดี อยู่ที่ท่านมีปัญญาหยั่งถึง และรู้จักแปรเปลี่ยนด้วยใจตัวเองหรือไม่ ใช่ไหม (ใช่)
มูลวัวมูลควายสกปรก เรายังเอามาปลูกผักให้อร่อยได้เลย อุจจาระสกปรกเรายังมาทำให้เกิดดอกไม้อันสวยงามได้ ฉะนั้นคำพูดของใครที่ไม่ดี น่าเกลียด ทำไมเราไม่ทำให้เกิดความเมตตาเบ่งบานในใจ ความให้อภัย ความสันติสุขเกิดขึ้นในใจเรา หรือเรารู้จักใช้มูลวัวมูลควายเป็น แต่เรา
ไม่รู้จักใช้ใจของเราให้เป็น จะนั่งอย่างคนที่กินขนมอร่อย ฟังธรรมแล้วยิ่งปลื้มปีติใจ เป็นสุขใจ หรือยิ่งฟังยิ่งห่อเหี่ยว อารมณ์เสีย น้อยใจ ขี้ใจน้อย
อยู่ในโลกบางทีก็อารมณ์เสีย ขี้น้อยใจ ขี้ใจน้อย เป็นไหม (เป็น)  เป็นเพราะใจมีอารมณ์ใช่ไหม (ใช่)  เราไม่เคยเจอเรื่องอะไรแล้ววางใจเป็นกลางได้เลย เวลาเจออะไรมากระทบใจก็ใส่อารมณ์เข้าไปในใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใส่ความโกรธ ใส่ความเกลียด ใส่ความไม่พอใจ ใส่แต่อารมณ์เสียใช่ไหม (ใช่)  แล้วผลสุดท้ายคนที่ทำให้ตัวเองเจ็บก็คือใคร (ตัวเราเอง)  แล้วจำไหม
แล้วยังใส่เข้าไปอีกไหม (ไม่ใส่)  จริงหรือ ถ้าไม่ใส่ก็แปลว่าอยู่ในโลกนี้โกรธแล้วไม่โกรธอีก เพราะถ้าโกรธแล้วทำให้เราอึดอัด น้อยใจเป็นอย่างไร น่าหดหู่ อารมณ์เสียเป็นอย่างไร เอะอะพาโล ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อใส่ไปแล้วเป็นอย่างไร ก็ไม่มีความสุข อยู่กับใครก็ไม่มีความสุขถูกไหม (ถูก)
ท่านว่าตัวท่านเป็นคนดีไหม (ดี)  โลกใบนี้เป็นโลกที่ดีไหม (ดี)  สมมติว่าท่านกำลังนอนหลับอยู่แล้วมีรถขับผ่านเสียงดัง ในใจท่านคิดแช่งให้เขาตายใช่ไหม (ใช่)  ท่านเป็นคนดี เป็นคนน่ารักใช่ไหม (ใช่)  แต่พอถึงเวลาพูด ท่านพูดน่ารักหรือพูดมึงมาพาโวย ถึงเวลาเอะอะมะเทิ่งหรือใส่อารมณ์
ไหนบอกว่าตัวเองเป็นคนดี
อยากอยู่โลกนี้ให้มีความสุข ต้องรู้จักนึกถึงใจเขาใจเรา ถ้าเราทุกข์เป็นเขาก็ทุกข์เป็น และถ้าเรารู้จักนึกถึงใจเขามากกว่าใจเรา ไปอยู่ที่ไหนเขาก็จะนึกถึงเราไม่ลืมเรา จริงไหม (จริง)  แต่มนุษย์ในโลกนี้มักจะนึกถึงใจตัวเองก่อนแล้วค่อยนึกถึงใจ (คนอื่น)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นทุกครั้งที่เรา
มีชีวิตอยู่ เรารู้จักนึกถึงคนอื่นก่อน ลองทำเพื่อคนอื่นก่อน ท่านอาจจะได้พบความสุขที่หาซื้อไม่ได้ แล้วก็อิ่มอกอิ่มใจ ใช่ไหม (ใช่)  อิ่มกายยังมีวันหิว
แต่ถ้าทำสิ่งที่ถูกต้องดีงาม จะอิ่มใจและอิ่มได้นานด้วย จริงไหม (จริง)
และทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีค่า มีความหมาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
แล้วท่านดีจริงไหม (ดี)  ถ้าเป็นคนดีจริง กับใครเขาก็ต้องดี ถูกไหม กับเรื่องอะไรเขาก็ต้องรักษาความดี ใช่ไหม (ใช่)  แม้จะโดนอะไรเขาก็ยังต้องดีอย่างถ่องแท้ ฉะนั้นคนดีจริงเวลาโดนด่า ด่ากลับไหม (ไม่ด่า)  ฉะนั้นท่านดีจริงไหม (ดีจริง, ไม่ดีจริง)  ถ้าไม่ยอมรับก็แก้อะไรไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเราเป็นคนดีอยู่ที่ไหนเราก็ต้องดี ถูกไหม (ถูก)  แล้วความดีก็จะส่งผล แต่คนปัจจุบันนี้มักจะพูดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ความดีที่ท่านเป็นนั้น มักจะดีเป็นหย่อมๆ ดีเป็นจุดๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วก็มักจะบอกว่า ทำดี
ไม่เห็นได้ดี ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าคนดีจริง ใครไม่ดีเขาก็ยังต้องดีตอบ แล้วคนดีจริง เวลาเขาอยู่ในโลกนี้ เขาจะใช้ความดีต่อผู้คนหรือใช้อารมณ์ต่อผู้คน
(ใช้ความดี)  ใครร้ายมาเขาก็จะเมตตา ใครทำให้เจ็บปวดเขาก็จะไม่ถือสา
หาความ ใครคดโกงเขาก็ทำใจ ให้ไปแล้วไม่คืนก็ทำใจ เขาคงไม่ผูกใจเจ็บ
แช่งชักหักกระดูก แต่ส่วนใหญ่ตรงกันข้ามหมดเลย ใช่ไหม (ใช่)  จะบอกว่าท่านทำดีไม่ได้ ถูกไหม (ไม่ถูก)  ในเมื่อกับคนนี้ดี แต่กับอีกคนหนึ่งด่า
แล้วจะบอกให้คนนี้ไปอธิบายให้อีกคนฟังว่าเราดี เขาจะเชื่อไหม (ไม่เชื่อ)  แล้วท่านเป็นแบบนั้นไหม ดีในวัด ดีกับพระ ดีกับเจ้า แต่กับคนด่าหมดเลย ฉะนั้นทำไมเราไม่ทำทุกที่ให้เป็นวัด ทำทุกคนให้เป็นพระเป็นเจ้า เพราะว่าเรายังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่ ยังแก้ไม่ได้ ใช่ไหม ก็อยากแก้ ก็เข้าใจอยู่ แต่บางทีอดใจไม่ได้ ใช่หรือไม่
อย่างนั้นท่านต้องไม่ลืมกฎของโลกใบนี้ ทำอะไรได้อย่างนั้น ผูกเวรก็ได้เวรตอบ ก่อเวรก็ได้เวรกลับ สร้างกรรมก็ต้องรับกรรมกลับ แต่ธรรมะสอนให้ธรรมก็ได้ธรรมกลับ ให้ดีก็มีดีกลับ อย่างนั้นชีวิตท่านอยากมีกรรมหรือมีธรรม (อยากมีธรรม)  อยากมีดีหรือมีร้าย (อยากมีดี)  แล้วถึงเวลา
ทำดีหรือทำร้าย เราพูดเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ความคิดเห็น ไม่ได้จะ
บีบบังคับ แต่เราลองเปิดใจกว้างๆ แล้วลองยอมรับ ก่อนที่เราจะพูดว่าฟ้า
ไม่ยุติธรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีจริง จริงๆ มี แต่เราไม่ทำ มีแต่เราลำเอียง
คิดว่าตัวเองถูก ตัวเองมีเหตุผล ตัวเองดีแล้ว แต่ดีที่สุดหรือยัง (ยัง)  เพราะคำว่าพุทธะไม่มีใครร้าย เพราะคำว่าผู้เข้าถึงธรรม ไม่มีอะไรแย่ เพราะกิเลสก็คือพุทธะ
จำไว้นะโลกแห่งสัจธรรมความจริงเป็นโลกของเหตุและผล ไม่สร้างเหตุก็ไม่ต้องรับผล ไม่มีเหตุก็ไม่ต้องอดทนรับผลกรรม ไม่ก่อก็ไม่ต้องมารับบาปกรรม แล้วธรรมมีไว้ทำไม ธรรมไม่ได้มีไว้ให้แค่กราบไหว้ ไม่ได้มีไว้ให้แค่อยู่ข้างนอก แต่ธรรมมีไว้ให้ท่านกลับคืนสู่ธรรมที่สงบ อิสระ และเป็นสุขได้ และทำให้คนรอบข้างก็เป็นสุขได้ อยากไหมอยู่ที่ไหนใครก็รัก อยู่ที่ไหนก็มีสุข อยู่ที่ไหนก็มีโชค มีบุญวาสนา แต่ถึงเวลาด่าเขาหรือให้กำลังใจเขา
ถึงเวลาเอาเปรียบกินแรงเขาหรือรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถึงเวลาเข้าใจให้อภัย ยอมอดทนอดกลั้นกับคนที่คิดร้าย หรือแช่งชักหักกระดูก ถามใจท่านลึกๆ ธรรมะไม่ได้มีไว้เพื่อเอาไปส่องแล้วว่าคนอื่น แต่ธรรมะมีไว้เพื่อส่องแล้วตรวจสอบตน ว่าตนเองอยากเป็นพระหรืออยากเป็นมาร อยากเป็นคนหรือเป็นสัตว์นรก แล้วที่ทำอยู่เป็นพระหรือมาร แล้วแต่ว่าวันนี้องค์ไหนลงท่าน
ใช่ไหม (ใช่)  วันนี้องค์ดีก็พระกวนอิน วันนี้องค์ร้ายก็ท่านกวนอู วันนี้ยิ่ง
องค์ร้ายใหญ่ก็เจ้าแม่กาลี เหมือนในโทรทัศน์ที่ท่านดู ถูกหรือเปล่า
ฉะนั้นชีวิตอยู่ที่ท่านเลือกทั้งสิ้น อย่าไปโทษคนอื่น แต่ถ้าเลือกไม่ได้ มนุษย์ก็เลยหนีไม่พ้น ก็เลยต้องขอพร ใช่หรือไม่ (ใช่)  พรมีไว้สำหรับคนที่เป็นอย่างไร
(คนที่จิตใจเป็นทุกข์ แล้วแก้ปัญหาไม่ได้)  ก็เลยอยากขอพร
ใช่หรือไม่ (ใช่)
(คนที่จิตใจบริสุทธิ์ คิดดี พูดดี ทำดี)  อย่างนั้นคนที่จิตใจไม่ดี ขอพรไม่ได้ใช่ไหม (ไม่ใช่)
(พรคือสิ่งที่ประเสริฐ อย่างเช่น พรนี้บางคนก็ขอได้สำเร็จตามที่ประสงค์ แต่บางคนก็ขอ แต่ไม่ได้ตามที่ตัวเองประสงค์ คิดว่าถ้าจะขอพรให้สำเร็จ เราจะต้องทำดีก่อน พอเราทำดีแล้ว สิ่งที่ดีก็จะตอบกลับมา คิดว่าเราทำดีแล้ว เราก็จะได้ในสิ่งนั้น แต่ถ้าเรายังดีไม่พอ เราจะได้สิ่งที่ประเสริฐ
สิ่งที่ดี ก็คงเป็นไปไม่ได้)  เขาตอบถูกไหม (ถูก)  จริงๆ นะ พรมีไว้สำหรับคนที่ต้องการไม่เคยพอ ก็เลยยังต้องขอพร ถูกหรือเปล่า (ถูก)  แต่คนที่เขาพอแล้ว พรเขาก็ไม่ต้องการแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นพรมีไว้สำหรับคนที่ไม่เคยพอ ก็เลยยังต้องขอพร ศิษย์พี่พูดจากใจจริงเลยนะ พรที่ประเสริฐที่สุดคืออะไรรู้ไหม คือจิตที่เข้าใจและยอมรับความเป็นจริงของโลกใบนี้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เข้าใจ ยอมรับ สบาย เป็นสุข แต่ถ้าไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ รับไม่ได้ ก็ได้แต่ขอพรใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าจะประเสริฐที่สุดและพรที่ดีที่สุดคือ เข้าใจยอมรับในความเป็นจริง ทุกวันก็คือพร ไม่ต้องขอก็ได้พร พรที่มองเห็นโลกแจ่มชัด พรที่มองเห็นคนชัดเจนจนไม่ต้องทุกข์ จนไม่ต้องเกลียดกับใครในโลก อยู่อย่างอิสระและเสรี แม้จะมีหน้าที่หรือพันธะก็ตาม แล้วจะทำอย่างไร สนใจอยากรู้ไหม (อยากรู้)  ไม่ยากเลย เมื่อไรจะหันมามองตัวเอง
ท่านเคยได้ยินพระพุทธองค์พูดไว้ไหม “ท่านรู้แจ้งเพราะท่านหยั่งจึงรู้” ลองหยั่งตัวเราลงไปด้วยธรรม แล้วท่านก็จะรู้ธรรม จะมีใครเข้าใจคำนี้บ้างนะ แต่ทุกวันเราไม่เคยหยั่งด้วยธรรม ทุกวันเราเอาแต่พุ่งออก อารมณ์ กิเลส นิสัย ตัวตน ชีวิตก็เลยวนๆ มองอะไรไม่เห็นแจ้งเลย แต่ถ้าอยากรู้แจ้งในธรรม ลองหยั่งเข้าไปในใจ หยั่งอย่างคนมีธรรมและคิดได้ เราไม่มีเมตตาหรือ เราเป็นคนดีไม่ได้หรือ เราเป็นพุทธะบนแดนดินไม่ได้หรือ เราทำโลกใบนี้ให้สวยงามด้วยมือเราไม่ได้หรือ ได้ แต่อยู่ที่ว่าเมื่อไรจะทำ จริงไหม (จริง)
แล้วธรรมนี้ ท่านจะอะไรออกมาจากใจ เอาความเมตตา ความเสียสละ ความเห็นใจ ความให้อภัย ความไม่ถือสา หรือความโกรธเกลียด เอาแต่ใจ เอาแต่อารมณ์ ด้านหนึ่งคือธรรมอีกด้านหนึ่งคือโลก เราเป็นอะไร โกรธ เกลียด ผลที่ได้คือความไม่สุขเป็นทุกข์เวียนว่ายวน แต่ถ้าให้ธรรมสิ่งที่ได้คือสันติ สงบ ถึงที่สุดทุกชีวิตไม่ใช่ต้องการความสงบเย็นหรอกหรือ
สุขอย่างไรก็ไม่สู้สงบเย็น มีสุขแต่ไม่สงบ ไม่เย็นเลย จะสุขไหม (ไม่สุข)
มนุษย์ทุกข์และมีปัญหาเพราะอะไร เคยคิดไหมว่าท่านทุกข์เพราะอะไร ง่ายๆ เลย ทุกข์เพราะยิ้มให้แล้วไม่ยิ้มตอบ แล้วถ้าเวลายิ้มให้แล้วยิ้มตอบ ทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  เห็นเขายิ้มตอบแล้วบางทีก็ยังคิดร้าย นึกว่าเขาจำใจปั้นยิ้ม ใช่หรือไม่ เขายิ้มตอบก็ทุกข์ เขาไม่ยิ้มตอบก็ทุกข์
ฉะนั้นมนุษย์อยู่ในโลกนี้ ยังต้องขอพรที่ยังต้องการอยู่ เพราะว่า มนุษย์มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือ อยากให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจคิด ใช่ไหม (ใช่)  เพราะสิ่งที่คิดคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหม (ใช่)  แล้วทุกอย่างต้องเป็นอย่างไร ต้องดีหมด ห้ามไม่ดี ใช่ไหม (ใช่)  ลูกต้องดี สามีต้องดี การงานต้องดี เงินต้องดี แล้วก็บอกว่าตัวเองคิดถูก เพราะอยากให้เขาได้ดี ลืมไปว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นไม่ปกติ เพราะมีอะไรบ้างที่เป็นได้ดั่งใจ มีไหม (ไม่มี)  แล้วยังคิดไหม (คิด)  ทำไมพูดเพราะๆ ไม่ได้หรือ ทำไมจริงใจไม่ได้หรือ ทำไมต้องหลอกลวง ทำไมต้องโกหก เราหวังให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจ นิ้วเท่ากันไหม
(ไม่เท่า)  คนเท่ากันไหม (ไม่เท่า)  แล้วทุกอย่างเป็นดั่งใจได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วยังคิดไหม (คิด)
ฉะนั้นเราจะบอกให้ ถ้ายังคิดก็จึงมี ๒ ทางออก ทางแรกคือคิดยึดถือเข้าไป ทำไมถึงไม่ดี คิดเข้าไปถือเข้าไป ถือจนทุกข์ๆ จนไม่ไหวแล้ว แค่นี้ก็แค่นี้ ใช่ไหม (ใช่)  ก็เมื่อแก้ไม่ได้แล้ว เราก็แก้ใจตัวเองไม่ได้ เราก็ยึดต่อไป อยากให้เขาได้ดีแต่ไม่ดี ก็ยึดต่อไปถูกไหม (ไม่ถูก)  แล้วยึดไหม (ไม่ยึด)  แน่ใจหรือ เมื่อสักครู่ยังบอกเลยว่านิสัยคนอดไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
เมื่ออดไม่ได้ก็ให้ดีกว่านี้อีกนิดสิ ทำไมดีไม่ได้ล่ะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
อีกทางหนึ่งก็คือ ถ้ารู้เห็นชัดแล้วว่า ทุกข์ เจ็บ ไม่เอาเลยดีไหม ไม่ยึดเลยดีไหม (ดี)  รู้ว่าห่วงแล้วจะยิ่งหวงแล้วจะยิ่งทุกข์ ก็อดห่วงอดหวงไม่ได้
รู้ว่ามีสุขแล้วก็ทุกข์ แต่ก็ยังอยาก (มี)  รู้ว่าโมโหแล้วก็เจ็บใจ แต่ก็ยังอดไม่ได้
ฉะนั้นมนุษย์มี ๒ ทาง คือ ถือไปจนถึงที่สุด แล้วเมื่อทุกข์จนไม่เหลือจะทุกข์แล้ว ตอนนั้นแหละท่านถึงจะวางลง กับอีกแบบคือเห็นจนชัดแล้วไม่คิดถืออีกต่อไป ด้วยการเอาธรรมะมาสอนใจ นี่แหละทำไมถึงต้องฟังธรรมะ เพราะแก่นของธรรมะไม่ใช่อยู่ที่ดีร้าย ได้เสีย บุญบาป แต่แก่นของธรรมะสอนให้เรารู้ว่า แท้จริงในโลกไม่มีอะไรที่เรายึดได้ และไม่มีอะไรที่
ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ หาดีที่สุดก็ยังมีไม่ดี ว่าไม่ดีที่สุดก็ยังมีดี ใช่ไหม (ใช่)  พอเข้าใจธรรมเราจะอยู่บนโลกอย่างเป็นสุข อิสระ และสงบเย็น ด้วยปัญญาที่ตื่นรู้ในธรรมนั่นเอง เพราะธรรมเป็นแก่นของทุกสิ่ง เข้าใจในหนึ่งก็เข้าใจในผู้คน เห็นชัดในหนึ่งก็เห็นชัดในผู้คน ว่าดีไม่ดีก็ได้
ไม่เป็นไร เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรดีที่สุด ไม่มีอะไรยั่งยืน
ถึงที่สุดอะไรคือของเรา (ไม่มี)  ทุกชีวิตคือความตาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นปราชญ์โบราณจึงสอนไว้ว่า เมื่อใดที่มีอดีต อนาคต และปัจจุบัน หล่อหลอมรวมตัวกัน มนุษย์จึงถูกขังอยู่ในกรงแห่งวิบากกรรมที่ตัวเองสร้าง แต่ถ้าเมื่อไรที่มนุษย์สามารถเข้าใจชีวิต จบในทุกวัน ตัวตนจะว่างเปล่า ไร้ และเหลือแต่สภาวธรรมที่คงอยู่ แต่มนุษย์ชอบจำแต่ว่าตัวเองเคยเป็นอย่างนั้น แล้วต้องเป็นแบบโน้นแบบนี้ แต่ธรรมะสอนว่า อย่างนั้นก็ไม่มี อย่างนี้ก็กำลังไม่มี และอย่างโน้นก็กำลังหมดไป ฉะนั้นเรากำลังทุกข์กับสิ่งใด ศิษย์น้องมักจะพูดว่า ปวดหลัง ปวดขา ปวดหัว
ปวดเพราะเมื่อวานปวด แต่ถ้าวันนี้เราก็ยังเอาความปวดนั้นลากมาจนถึงวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ต่อไปอีก เพราะตัวเราติดในความรู้สึก ความจำได้หมายรู้ แต่ถ้าเรามองเห็นชัดว่า แม้แต่ความรู้สึก แม้แต่ความจำได้หมายรู้ แม้แต่ตัวตนก็ยึดไม่ได้ เมื่อยึดไม่ได้เรากำลังปวด ทุกข์กับอะไรหรือ เรากำลังป่วยกับอะไร ในเมื่อถึงที่สุดแล้วสังขารก็ไม่ใช่ของเรา แต่เรากำลังทุกข์เพราะเรายึดในความคิด ในสัญญาที่เราจำว่าเราทุกข์ ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกข์ก็ไม่เที่ยง
ฉะนั้นทุกวันคือวันใหม่ ชีวิตมีแต่วันนี้ ทำไมธรรมะจึงสอนว่าจงอยู่กับปัจจุบัน แล้วทำไมต้องลากใจของเราไปขังอดีต อนาคต แล้วจมอยู่กับความเจ็บปวดที่ไม่เที่ยง เจ็บก็ช่าง เพราะอย่างน้อยมีให้เจ็บดีกว่าไม่รู้สึกเจ็บ มีขาแล้วไม่เจ็บนี่เรียกว่าอะไร บางทีเจ็บขาก็อาจจะดีก็ได้ ถูกหรือไม่
ฉะนั้นเราผู้มีปัญญาอันประเสริฐ ไยจึงไม่รู้จักเอาธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อเข้าถึงความจริงแห่งธรรมในตัวตน ยากไปไหม อย่าดูเบาตัวเองเป็นพอ เพราะทุกท่านเป็นคนมีบุญ แต่รู้จักสร้างบุญหรือสร้างบาป ทุกท่านเป็นคนมีชะตาดี แต่ทำชะตาให้ดีหรือทำชะตาให้แย่ แต่ถ้าเข้าใจธรรม ไม่จำเป็นจะต้องห่วงแล้วว่าจะดีหรือจะแย่ เพราะถึงสุดก็คือความ ไม่มีอะไร ยึดไม่ได้ มีจริงไหม (ไม่จริง)  ใครล่ะแท้จริง ก็ไม่มี เหมือนวันนี้ท่านเจอเรา เหมือนจะเจอ แต่จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้เจอ เหมือนวันนี้ท่านมีแต่จริงๆ แล้วเราเคยมีอะไร ถึงที่สุดเราก็ต้องไม่มี ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราจะทุกข์เพื่อมีทำไม เราจะเจ็บปวดกับความมีทำไม ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลย แต่อย่าลืมที่ศิษย์พี่บอก มนุษย์มี ๒ ทางเลือก ยึด คิด กลุ้ม ให้ถึงที่สุด ทุกข์ถึงที่สุด เจ็บที่สุด แล้วผลสุดท้ายถึงจะยอมปลงและปล่อยวาง แต่พุทธะบอกว่าไม่ต้องยึด ไม่ต้องทุกข์ ทำให้ดีที่สุด ถึงที่สุดแล้วก็ว่างเปล่า ถ้ายังยึดทำดีเพื่อหวังผล ท่านก็ยังต้องกลับไปรับผลแล้วก็เวียนว่ายจริงไหม (จริง)  ถ้าอยากทำดีแล้วยังขอ ท่านก็ยังต้องกลับไปรับผลที่ตัวเองสร้าง ผู้ที่ทำแท้จริง ทำแล้วไม่ขอ ทำแล้วไม่ยึด เพราะธรรมคือความไม่มี ยากไปไหม (ไม่ยาก)
เห็นอยู่ในโลกทุกข์กันจังเลย ใช่ไหม (ใช่)  ถามจริงๆ ในโลกนี้ที่ท่านบอกว่าสุข เคยสุขจนอิ่มใจเหมือนเวลาที่เราทำดีไหม ทำไมเป็นสุขที่หนักๆ หน่วงๆ เหมือนมีทุกข์อยู่ข้างในใช่ไหม (ใช่)  ดีใจที่มีลูก แต่ทำไมรู้สึกว่ามีลูกนี่หนักจังเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ดีใจที่ตำแหน่งขึ้น เงินเดือนขึ้น แล้วทำไมถึงเต็มไปด้วยภาระใช่หรือไม่ (ใช่)  ดีใจมีหนุ่มๆ ยิ้มให้ แอบปลื้มใจอยู่สองสามวัน ทำไมเขาไปยิ้มให้คนอื่นแล้วถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นชีวิตนี้อะไรหรือที่สุขแท้จริง อะไรหรือที่ทุกข์แน่นอน ก็ไม่มี เมื่อใดที่มนุษย์ลองหันเข้ามาหาธรรม แล้วมนุษย์จะพบความจริงอันบริสุทธิ์ใจอันดีงาม ใจอันงดงามที่ไม่ต้องการอะไร ให้เพื่อให้ ให้เพื่อธรรม ไม่มีแม้ตัวตนแม้แต่กระพี้เดียว
เราถามท่าน เงิน ๑๐ บาท ทำอะไรได้มากไหม (ไม่มาก)  เงิน ๑๐ บาท สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามได้ไหม (ได้, ไม่ได้)  เรายกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าตอนเด็กๆ เราไปซื้อขนม อย่างมากเราก็แค่อิ่มพุงกาง แต่ถ้าเรารู้จักซื้อขนม กินไปด้วยแล้วก็แจกคนอื่นไปด้วย เราอิ่มพุงกางแล้วยังอิ่มใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเรามี ๑๐ บาท เราซื้อขนมแล้วไม่กิน แต่เราให้คนอื่นหมดเลย เราก็อิ่มใจ ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเรามี ๑๐ บาท ไปลงแรงซื้อเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ หรือผัก แล้วเอามาปลูกด้วยความตั้งใจ ด้วยความเต็มใจ ด้วยความสุข ๑๐ บาทนั้น เรายังสามารถแผ่ไปและยังแบ่งได้มาก แล้วยังสามารถเอาไปต่อยอดซื้อเมล็ดพันธุ์อย่างอื่นปลูกต่อได้อีก ฉะนั้นความสุขของเรามี ๑๐ บาท มีมากขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราเคยทำให้ชีวิตของเรามีความสุขมากขึ้นด้วย “การให้” แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่เอา แต่เราให้ ทุกขณะแห่งชีวิตคือความสุข ไม่ต้องรอจนกระทั่งผลพวงมาแล้วเราถึงได้ความสุข เพราะเราให้มากกว่า ใช่ไหม (ใช่)  กินน้อยหน่อย พุงน้อยหน่อย โลภน้อยหน่อย ใช่ไหม (ใช่)  กินเยอะพุงใหญ่ โรคเยอะขึ้น เราไม่เคยเห็นใครอ้วนแล้วไม่มีโรค เราเห็นแต่คนผอมโรคน้อย ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นใครอ้วน โรคเยอะนะ


เมื่อสักครู่เราบอกแล้วว่าท้องอิ่มยังมีวันหิว แต่เวลาใจอิ่มไม่มีวันหิวเลยใช่ไหม แล้วชีวิตนี้เคยทำใจอิ่มไปด้วยคุณงามความดีและความถูกต้องบ้างไหม อย่างนั้นเราถามท่าน ถ้าไปเอาจากเขามามาก แล้วค่อยมาทำดีให้เขาสามารถชดเชยได้ไหม ไปโกงเขา ไปเอาเปรียบเขามา แล้วค่อยมาทำดีชดเชยล้างกันได้ไหม (ไม่ได้)  อย่างนั้นสู้เอาน้อยหน่อยดีไหม เราไม่ได้บอกให้ท่านไม่เอาเลย เราไม่ได้บอกว่าท่านไม่ต้องเอา แต่เอาให้น้อยที่สุดดีไหม (ดี)  สมมติออกไปเจอเห็ดขึ้นเต็มเลย เก็บเห็ดหมดเลยไหม มีไหมที่บอกว่า เดี๋ยวกลับไปเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยกันเก็บเห็ดดีกว่า (ไม่มี)  เก็บทันทีเลย ใช่ไหม (เก็บทันทีแล้วค่อยเอาไปแกงและแบ่งให้เพื่อนบ้านกิน)  เห็นกินจนอิ่มแล้วค่อยไปแจก แล้วเราอยากได้แบบนั้นหรือ
โลกนี้ขาดคนมุ่งมั่นตั้งใจทำดีโดยไม่หวังผล ขาดคนใจกว้างเสียสละเพื่อผู้คน ทำไมเราไม่ลองเป็นคนนี้ดูบ้าง ตัวท่านเองก็อยากได้สังคมคนดีที่กล้าเสียสละ แล้วทำไมเราไม่เคยเสียสละบ้าง ตัวเราอยากได้คนกล้าที่ทำดีทำจริง แล้วทำไมเราไม่กล้าทำดีทำจริง
เพราะถ้าท่านไม่ทำ ถึงเวลาวันหนึ่งชีวิตเราจะต้องเจอความลำบาก ทำไมไม่มีใครช่วยเรา เพราะเราไม่เคยช่วยใครเลย ชีวิตเป็นอย่างไรล้วนอยู่ที่ท่านสร้างเหตุและปัจจัยใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถึงที่สุดแล้วก็ต้องกลับคืนสู่ความเป็นจริงว่า “ทำสิ่งใดได้สิ่งนั้น” หนีไม่พ้น ฉะนั้นไม่อยากเจอสิ่งนั้นก็จงอย่าทำใดๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีโอกาสคงได้กลับมาผูกบุญกันอีก ถึงเวลาเราก็คงต้องไปแล้ว อย่าลืมนะ ชีวิตมีความสุขได้ ยิ้มได้ เข้มแข็งได้ ก้าวผ่านความทุกข์ได้ด้วยใจที่เข้าใจและยอมรับความจริง ยิ้มหน่อยนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นยิ้มเข้าไว้ เรียนรู้และยอมรับความจริง นี่คือหลักแห่งการเข้าใจธรรม ถ้าดื้อดึงเอาแต่มองความคิดตัวเองศิษย์น้องก็จะมีแต่ทุกข์ ลองเปิดใจให้กว้างๆ เขาทุกข์เราก็ทุกข์ เราทุกข์เขาก็ทุกข์ แต่ถ้าเรายิ้มได้เขาก็ (ยิ้มได้)  แม้ยิ้มไม่ออกเราก็ไม่ทุกข์ ลองกลับบ้านไปพูดหวานๆ กับสามีหรือภรรยาดีไหม (ดี)  ชีวิตเราความสุขอยู่แค่ตรงนี้ จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วเราจะได้ไม่ต้องกังวลอะไร ไม่ต้องเขินไม่ต้องอาย ทำได้ทำดี ยิ่งทำได้ยิ่งได้ดี แต่กลัวไม่ยอมทำ เลยไม่มีดี ฉะนั้นทำได้ทำดี ยิ่งทำได้ยิ่งมีดี ยิ่งทำไม่ได้ยิ่งไม่เหลือดี ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเอาความเมตตาออกมาให้มาก อดทนให้มาก อภัยให้มาก เข้าใจผู้อื่นให้มาก แล้วความสุขก็ไม่ไกลเกินเอื้อม แล้วกิเลสอารมณ์
ไม่อยากจะมาชิดใกล้แน่นอน ธรรมะก่อให้เกิดปัญญาตื่นรู้ ในนี้ที่มีขุมทรัพย์อันประเสริฐที่ทำให้เราไม่ต้องทุกข์ และพ้นทุกข์ได้ด้วยตัวเราเอง เข้มแข็ง อดทน ยิ้มเข้าไว้นะ


วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑                       สถานธรรมฮุ่ยอวี้ จ.ขอนแก่น
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  รู้มากแต่ทำไม่ดี                         รู้ดีแต่ทำไม่ได้
รู้ก่อนแต่ทำเฉยไป                        รู้ไปไม่มีประโยชน์
                                เราคือ
  จี้กงอาจารย์เจ้า                  รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา          ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยอวี้ แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว                     ถามศิษย์รักอาจารย์ทุกคนสบายดีไหม

 *  การได้คิดหลับอยู่ข้างใน ทำจังได๋จึงสื่อสารกัน การจะปลุกใจนั้นกวดขันความมีปัญญา ที่ผ่านผ่านมานั้นเป็นอย่างไร คำถามใดล้วนธรรมดา มีแต่คำถามเรียกปัญญาที่พาให้เกิดธรรม
เรื่องแข่งขันไม่เคยเป็นสอง เก่งช่ำชองเกินใครกว่าใคร สูงสุดคืนสามัญบ้างไหมผู้บำเพ็ญอยู่ รู้ไม่ยากตระหนักเป็นไหม เมตตามัดใจชนะทั้งหมู่
มีดีมากมักไม่รู้หนทางบำเพ็ญธรรม
ศิษย์เอ๋ยชีวิตมีอันตราย พึงลดละและปลงได้ ทบทวนจุดหมาย
ความตั้งใจทุกวันยังเพิ่ม ทุกข์แรกแรกเหมือนติดชนัก[1] แม้ตัวพักใจวุ่นวายกว่าเดิม ความหลุดพ้นต้องตั้งใจเสริมด้วยใจนักสู้ (ซ้ำ *)

ทำนองเพลง : คู่คอง
ชื่อเพลง : พลันคิดได้



[1] ชนัก      ความชั่วหรือความผิดที่ยังติดตัวอยู่

พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง



ดีใจไหม ดีใจได้เจออาจารย์หรือดีใจจะได้กลับบ้าน (ดีใจได้เจอ
พระอาจารย์)  บางคนในใจเขาไม่ได้คิดแบบนี้นะ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  พอหมดวันที่สองก็หมดความทุกข์ความทรมานแล้วเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เป็นไหม (ไม่เป็น)  นั่งแล้วเหมือนขึ้นสวรรค์หรือนั่งแล้วเหมือนตกนรก (ขึ้นสวรรค์)  ถ้าอยู่บนสวรรค์ยิ่งฟังยิ่งเบิกบานใจ ยิ่งเบาใจ ยิ่งสบายใจ ยิ่งเอิบอิ่มใจ แต่ถ้าฟังแล้วมันหนักหน่วงใจ อย่างนี้ไม่ได้ขึ้นสวรรค์นะ เรียกว่า (ตกนรก)  แล้วยังทำคนข้างหลังเป็น (พญามาร)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นโลกจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ใจเราเป็นเช่นไร ใช่หรือเปล่า ถ้าเรามีสุขมองใครก็เป็นเทพเป็นนางฟ้า ถ้าเราเป็นทุกข์มองใครก็เป็นปีศาจร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นบ้านไม่ร่มเย็น เพื่อนไม่น่ารัก เพื่อนไม่น่าเชื่อถือ เป็นเพราะเขาหรือตัวเรา
“รู้มากแต่ทำไม่ดี         รู้ดีแต่ทำไม่ได้
รู้ก่อนแต่ทำเฉยไป       รู้ไปไม่มีประโยชน์”
จริงไหม (จริง)  รู้มากแต่พอถึงเวลาทำได้ดีไหม (ไม่ดี)  รู้ดีแต่พอถึงเวลาทำได้ดีไหม (ไม่ดี)  ไม่ต้องพูดหรอกที่พูดมารู้หมด ฟังมาแล้ว แต่ถึงเวลาทำได้ดีไหม (ไม่ดี)  อย่างนั้นเรามาตกลงกันก่อน วันนี้ศิษย์อยู่กับอาจารย์ ศิษย์ไม่ต้องเป็นคนดี เอาไหม (ไม่เอา)  ก็ไม่เคยดีแท้สักที บางทีเราก็ชอบประชดว่าทำดีไม่ได้ดีเลยร้ายมันเสียเลย ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  อย่างนั้นวันนี้เราจะมาฟังธรรมเพื่อเป็นคนชั่ว เป็นคนไม่ดี เอาไหม (ไม่เอา)  ฝ่ายชายบุหรี่ก็สูบ เหล้าก็กินมันดีไหม (ไม่ดี)  การพนันก็เล่นดีไหม (ไม่ดี)  อย่างนั้นเป็นคนชั่วเลยดีไหม (ไม่ดี)  อย่างนั้นเลิกได้ไหม ฝ่ายหญิงเป็นคนชั่วเอาไหม (ไม่เอา)  เราจะไม่ขี้โกหก เราจะไม่นินทา เราจะไม่ว่าร้าย เราจะไม่อิจฉาตาร้อน เราจะเป็นคนดี เอาไหม (เอา)  แต่ทุกวันเราอิจฉาตาร้อน นินทาว่าเขา ดีไม่ดี (ไม่ดี)  แล้วตกลงท่านเอาดีหรือเอาไม่ดี (เอาดี)  ตกลงท่านทำดีหรือทำไม่ดี (ทำดี)  ในเมื่อถ้าเกิดศิษย์อยากทำดีแต่ทำดีไม่รอด อาจารย์จะบอกวิธีง่ายๆ ไม่ต้องเป็นคนดีก็ได้ ไม่ต้องพยายามเป็นคนดี เพราะคนดียิ่งพยายามมากเท่าไร จะยิ่งไม่ค่อยได้ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  วิธีของอาจารย์ง่ายๆ คือ ไม่ต้องพยายามดีแต่ไม่พยายามชั่ว ดีกว่าไหม (ดี)  ไม่ต้องพยายามเป็นคนดีแต่พยายามเป็นคนไม่ผิดศีล ไม่ขาดธรรม เอาไหม (เอา)  ง่ายกว่าไหม (ง่าย)  ทำได้ไหม (ได้)
ศิษย์จำไว้นะ ถึงศิษย์จะดีแค่ไหน แต่ถ้าความชั่วศิษย์ยังละไม่ได้ ศิษย์ก็ยังเป็นคนชั่ว ถูกไหม (ถูก)  มือหนึ่งดี มือหนึ่งชั่ว บอกว่าครึ่งดีครึ่งชั่ว ทำไมมีแต่คนบอกว่าที่ทำมาก็ชั่วหมดเลย เหมือนที่ศิษย์พยายามทำดีแทบตายแต่พอโมโหร้ายก็จะคิดว่าเธอไม่เห็นความดีของฉันบ้างเลยหรือ ฉันดีแทบตายแต่พอโมโหทีเดียวเธอก็เห็นฉันไม่ดีหมดเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใจเย็นมาทุกวัน มีวันหนึ่งพ่อไม่ไหวแล้วนะแม่ขอระเบิด แม่นี่ขี้โมโห ใจร้อน ทั้งที่เมื่อก่อนตลอดชีวิตอดทนมาตลอดถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากเป็นคนดีแท้จริง ไม่ใช่พยายามดี แค่อย่าทำชั่ว อาจารย์มันยากนะ ใช่ไหม (ใช่)  เพราะสิ่งที่มนุษย์เป็นชอบปากว่าตา (ขยิบ)  ถูกไหม (ถูก)  อยากดีแต่ทำอย่างไรก็ไม่รอด ศิษย์ก็เลยบอก อาจารย์นิดๆ หน่อยๆ ไม่มีใครเห็นหรอก โกงหน่อยเดี๋ยวค่อยเอามาทำบุญ ใช่ไหม (ใช่)  พูดผิดนิดหน่อยไม่เห็นมีใครรู้ เดี๋ยวไปทำบุญชดเชยเอา ใช่ไหม (ใช่)  เดี๋ยวได้ก่อนแล้วค่อยไปตบท้ายทีหลังใช่หรือไม่ (ใช่)
ศิษย์เคยได้ยินคำพูดของคนโบราณเขาพูดไว้ไหม น้ำผึ้งหยดเดียวก่อศึกกลางเมือง ก้นยาสูบเพียงนิดถ้าหล่นไม่ถูกที่ก็เผาป่าทั้งป่าให้วอดวาย ฉะนั้นศิษย์อย่ามองว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ชอบคนโน้น แอบมองคนนี้ไม่เป็นอะไรหรอก มีแฟนแล้วแต่ขอมองหน่อย ไม่มีใครรู้หรอกเป็นชู้ทางใจ เป็นกิ๊กทางไลน์ใช่เปล่า (ใช่)  ไม่ได้นะ อย่าทำ เพราะว่าความผิดเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเมื่อไรที่มันย้อนกลับมาส่งผล ศิษย์จะร้องบอกว่า อาจารย์ช่วยหนูที ใช่ไหม (ใช่)  แล้วศิษย์จะร้องให้ใครช่วยได้ ฉะนั้นเราควรทำไหม (ไม่ควรทำ)  เป็นศิษย์อาจารย์ไม่ต้องดี ไม่ต้องพยายามดีแต่ขอเพียงไม่ทำ (ชั่ว)  ไม่ผิด (ศีล)  ไม่ขาด (ธรรม)  ทำได้ไหม (ได้)  ยากไหม (ไม่ยาก)  แปลว่ายุงกัดเราจะ (ไม่ตบ)  แมลงสาบมาเราจะ (ไม่ฆ่า, ไม่ตี)  งูมาเราจะ (ไม่ตี, วิ่งหนี)  งูมาวิ่งหนี อาจารย์กลัวเวลางูมาเราจะกระทืบๆ แล้วค่อยไล่ไปก่อนน่ะสิ ศิษย์เอย ถ้าไม่อยากให้ใครทำร้ายชีวิตเรา เราก็อย่าทำร้ายชีวิตใคร ศิษย์จะได้ไม่บ่นว่า ทำไมหาเงินมาเท่าไรเงินก็สูญหาย มีเงินเท่าไรก็โดนคนคดโกง รักลูกแค่ไหน แต่ทำไมลูกไม่ได้ดี รักสามีแค่ไหนทำไมสามีไม่ซื่อตรง รักภรรยามากแค่ไหนทำไมภรรยาชอบเล่นการพนัน อย่างนั้นต้องถามใจเราเองว่าซื่อตรงหรือยัง เบียดเบียนทำร้ายใครไหม เคยอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตัวเองหรือเปล่า ถ้าไม่เคยใครจะอยากเอาของเราไปเป็นของเขา ถ้าไม่เคยเบียดเบียนชีวิตใคร ใครจะมาเบียดเบียนชีวิตศิษย์ ถ้าไม่เคยคิดอยากประหัตประหารด่าทอใคร ใครจะมาประหัตประหารด่าทอเรา ฉะนั้นกรรมใดใครก่อ กรรมนั้น (ย่อมสนอง)  ก็รู้อยู่แก่ใจใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเราพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำสิ่งที่ผิด เราก็ไม่ต้องไปรับผลกรรมของการกระทำนั้น ถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่มนุษย์แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ กรรมไม่ตกผลไม่กลัวการทำผิด ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นก็นิ่งนอนใจทำไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อย ทำแล้วสบายใจไหม (ไม่สบายใจ)  รอดมาได้เปลาะหนึ่งแต่ใจลึกๆ เราก็หวั่นกลัวหวั่นเกรงใช่หรือไม่ รอดไปได้ครั้งหนึ่งแต่ลึกๆ เราก็ไม่รู้ว่าผลต่อไปจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นถ้าอาจารย์บอกศิษย์ว่า ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหม มนุษย์เกิดมาพร้อมกับมีกรรมเป็นของตัวเอง เราเกิดมาเพราะเรามีกรรม ถูกไหม หรือถ้าเรียกให้ยาวๆ ยากๆ หน่อย มนุษย์มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มนุษย์มีกรรมเป็นทายาท และมนุษย์เป็นผู้รับผลกรรมของการกระทำนั้น ฉะนั้นวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับวันนี้เราทำเช่นไร และอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ดูได้ในปัจจุบันว่าเราเลือกทำสิ่งไหน ถูกไหม (ถูก)  แล้วเราจะหยุดกรรมได้ไหม หรือเราจะเกิดมาเพื่อเกี่ยวกรรมกันไปเรื่อยๆ อยากมีกรรมแล้วก็เวียนว่ายตายเกิด ชดใช้กรรมแล้วก็สร้างกรรมไปเรื่อยๆ ศิษย์อยากเป็นแบบนั้นไหม (ไม่อยาก)  แล้วศิษย์คิดว่าศิษย์จะได้กลับมาเกิดเป็นคนไหม พุทธพจน์กล่าวไว้ว่า ถ้ายังไม่สามารถรักษาศีลห้าได้ครบ ก็ไม่สามารถกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ ถ้ายังไม่มีคุณธรรมความเป็นคนได้ดีงาม ก็ไม่สามารถกลับมาเกิดกายเป็นมนุษย์ได้อีก อย่างนั้นศิษย์ลองไตร่ตรองดูว่า ศีลห้าครบไหม แล้วจะได้กลับมาเกิดเป็นคนไหม
แล้วกรรมมาจากไหน กรรมมาจาก (การกระทำ)  แล้วกรรมใดที่เรียกว่าส่งผลกรรมและวิบากกรรม แล้วทำให้กรรมนั้นต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก (การทำกรรมชั่ว)  การทำกรรมชั่วทุกชนิดใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างเช่น (ทำบาปไม่หยุดยั้ง)  ทำบาปไม่หยุดยั้งก็เลยทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด อย่างเช่น ตบหัวปลาดุก ตีปลาหมอ จับปลาไหล บี้กบเขียด บีบพุงลูกอ๊อด บีบมันสักนิดหนึ่ง บีบให้มันพุงแตกเลย ใช่ไหม (หยุดทำแล้วค่ะ)  หยุดทำแล้ว แล้วที่แล้วมาล่ะ (จะไม่ทำบาปอีก, กระทำดีต่อไป)  แต่บาปก็ยังทำ ดีก็ยังทำใช่ไหม บาปมันก็ไม่ละ ดีมันก็ยังทำใช่หรือไม่ ศิษย์เคยได้ยินไหมว่ากรรมให้ผลเป็นความทุกข์ ให้ผลเป็นบาป แล้วกรรมมาจากไหน กรรมมาจากการที่เราตกเป็นทาสของกิเลส อารมณ์ เพราะว่ากิเลสอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นรักโลภโกรธหลง อยากได้อยากดี อิจฉาริษยา คดโกงชิงชัง มีเจ้าเล่ห์หลอกลวง ล้วนเป็นรากเหง้าของอกุศล ซึ่งอกุศลให้ผลเป็นบาปและหนีไม่พ้นความทุกข์ และหนีไม่พ้นวิบากกรรม ฉะนั้นถ้าศิษย์ไม่อยากทำกรรมชั่วแล้วต้องรับกรรมนั้น ก็จงละกิเลส อาจารย์ให้อยู่กับคนไม่มีอารมณ์ มันอยู่ยากนะ ไปทำอะไรแบบไม่มีอารมณ์เลยมันกลายเป็นคนตายด้านเลยนะอาจารย์ อยู่กับใครก็เฉย เพราะอาจารย์บอกว่าอย่ามีอารมณ์ อร่อยไหม เฉย เพราะอาจารย์บอกอย่ามีอารมณ์ โกรธไหม เฉย เพราะอาจารย์บอกว่าไม่ให้มีอารมณ์ ทำได้อย่างนี้มันก็ดีนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะอารมณ์เป็นรากเหง้าของอกุศล และหนีไม่พ้นวิบากกรรมและหนีไม่พ้นทุกข์
ฉะนั้นวิธีที่จะทำให้เราอยู่บนโลกแล้วไม่สร้างกรรมชั่วนั่นก็คือ ปฏิบัติต่อเขาด้วยคุณธรรม กินเพื่ออยู่ไม่ได้กินเพื่ออยาก อยู่กับเขาด้วยความซื่อตรง ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเอาใจใส่และมีความเมตตา ปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ด้วยความเคารพให้เกียรติ ปฏิบัติต่อผู้น้อยด้วยความเมตตารักใคร่ ปฏิบัติต่อเขาด้วยธรรม ธรรมก็สื่อธรรม ธรรมก็ให้ธรรม แต่ถ้าปฏิบัติต่อเขาด้วยความโลภ ความโกรธ ความชิงชัง ผลนั้นจะเกิดเป็นกรรมและวิบากกรรม เลือกเอานะศิษย์ว่าอยากมีชีวิตใช้กรรมแล้วหากรรมเพิ่ม แล้วก็สร้างกรรมต่อไปไม่จบสิ้น หรือศิษย์จะรู้จักเปลี่ยน “กรรม” เป็น “ธรรม” เพราะเมื่อไรที่ศิษย์ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไม่ผิดศีลแล้วปฏิบัติต่อเขาด้วยคุณธรรม ความเป็นคนจึงสมบูรณ์ เกิดเป็นคนปฏิบัติต่อพ่อแม่ต้องมีความกตัญญู ปฏิบัติต่อหน้าที่ตัวเองด้วยความซื่อสัตย์ ปฏิบัติต่อผู้น้อยด้วยความเมตตา ปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ด้วยความเคารพ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เวลาเราปฏิบัติต่อพ่อแม่ เอาแต่ใจตัวเอง ปฏิบัติต่อเพื่อนเอาแต่อารมณ์ ปฏิบัติต่อเจ้านายดูว่าเขาดีหรือไม่ดี ปฏิบัติต่อลูกน้อง กดขี่ได้เป็นว่าเล่น ล้วนเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดกรรมทั้งมวล ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แม้ศิษย์จะพยายามทำดีแล้วแต่ศิษย์ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่า ศิษย์ยังไม่สามารถเอาดีล้างกรรมเก่าได้ ศิษย์แค่หยุดสร้างกรรมใหม่ ฉะนั้นถ้าทำดีแล้วเจอเรื่องไม่ดีอย่าถือโกรธ อย่าบอกว่าทำดีไม่ได้ดี ไม่ใช่ เพราะเรายังมีกรรมเก่าที่ยังไม่ได้ชดใช้ ใช่ไหม (ใช่)  ง่ายๆ นะเมื่อก่อนศิษย์เคยพูดไม่เพราะ แต่ตอนนี้เริ่มจะพูดเพราะ คนก็จะบอกว่า “แกอย่ากระแดะนักเลย” พอพูดเพราะไปอีกสองสามวัน คนก็บอกว่า แกเลิกกระแดะได้แล้ว ใช่ไหม (ใช่)  เราเริ่มเป็นอย่างไร ไม่ไหวแล้วนะ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเวลาเรามุ่งมั่นทำสิ่งใด อาจารย์ไม่ได้ขอให้ศิษย์ต้องเป็นคนดี แต่อาจารย์แค่ขอให้ศิษย์ไม่ประพฤติชั่ว เพราะการประพฤติชั่วทำให้ศิษย์
หนีไม่พ้นวิบากกรรม ไม่ยากเลย
ฉะนั้นขอแค่เพียงทำอะไรด้วยคุณธรรม อาจารย์ อย่างนั้นศิษย์จะขายของอย่างไรให้ศิษย์ไม่โลภ ศิษย์จะทำงานอย่างไรล่ะให้ศิษย์ไม่งกเงินเดือน ไม่ยากศิษย์ สิ่งที่ศิษย์เอามาขายเป็นสิ่งที่ศิษย์กินได้ เขาก็กินได้ สิ่งที่ศิษย์เอามาเสนอขาย เป็นสิ่งที่ศิษย์มีกินแล้วศิษย์อยากแบ่งต่อ อยากให้ต่อ เอาไม่เอาไม่รู้ แต่เราทำสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณ เราจะทำด้วยความโลภไหม (ไม่)  เราปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเต็มใจและมีสุข เราไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่แบบตกนรก ๒๙ วัน วันเงินเดือนออกคือวันขึ้นสวรรค์ เราไม่ใช่แบบนั้น แต่เราทำด้วยความภาคภูมิใจ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีหน้าที่ของความเป็นคน
ถ้าทุกวันเราทำด้วยความสุข เราจะทำร้ายใครไหม (ไม่)  ฉะนั้นถ้าปฏิบัติได้ดี การส่งต่อเราก็เป็นการส่งต่อด้วยคุณธรรม แต่คนสมัยนี้ของกเงินเยอะๆ ปลูกให้ได้เยอะๆ แต่ไม่ได้สนใจ ตัวเองไม่กิน แต่ให้คนอื่นกิน
เรารู้ว่าชีวิตนี้เราเกิดมามีกรรม เราก็ไม่อยากมีกรรมเพิ่ม ถูกหรือไม่ (ถูก)  และก็ไม่อยากเกิดมารับกรรมที่ตัวเองสร้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการกระทำใดก็ตามที่ทำให้เราตกเป็นทาสกิเลสอารมณ์ ให้รู้จักยั้งคิด รู้จักคิดไตร่ตรองด้วยสติหน่อย ดีหรือไม่ (ดี)  ศิษย์เคยได้ยินไหม วจีกรรม มโนกรรม กายกรรม สิ่งใดน่ากลัวที่สุด ปากพูดใจไม่เคยคิดเลยใช่ไหม เห็นปุ๊บด่าปั๊บ เป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น)  มีคำพูดกล่าวไว้อย่างหนึ่งว่า จริงๆ แล้วในบรรดากรรมทั้งมวล วจีกรรม มโนกรรม และกายกรรม สิ่งที่ครอบงำและมีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิตมนุษย์คือ มโนกรรม เพราะมโนกรรมเป็นต้นเหตุใหญ่ให้ก่อเกิดวจีกรรมและกายกรรม
นิสัยของมนุษย์คิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น คิดไม่ชอบก็พูดออกมา (ไม่ชอบ)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดเราได้ เราก็สามารถควบคุมวจีกรรมกับกายกรรมได้ แล้วคนส่วนใหญ่คิดร้ายหรือคิดดี (คิดร้าย,คิดดี)  เห็นผู้หญิงยืนคุยกับผู้ชายคิดร้ายหรือคิดดี (คิดร้าย)  เห็นเงินตกคิดร้ายหรือคิดดี  (คิดร้าย)  ฉะนั้นนอกจากเราจะต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้แล้วสิ่งที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง คือความคิดที่อยู่ในใจของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าขาดธรรมยั้งคิด ขาดสติยั้งก่อนคิดก่อนทำ เราก็อาจจะคิดร้ายมากกว่าคิดดี เพราะใจนั้นไหลลื่นลงต่ำมากกว่าขึ้นสู่ที่ (สูง)  เหมือนเขาให้หนึ่งศิษย์พอใจไหม (ไม่พอ)  ให้สองพอใจไหม (ไม่พอ)  ให้สามพอใจไหม (ไม่พอ)  เท่าไรจึงพอ ฉะนั้นถึงจะปฏิบัติต่อกันด้วยคุณธรรม แต่สิ่งที่เราต้องระวังก็คือการรักษาใจของตัวเอง การควบคุมความคิดของตัวเองให้ถูกต้องและเที่ยงตรง เพราะใจของเรามักจะโลภเข้าหาตัวมากกว่าให้ผู้อื่น แล้วเมื่อคนอื่นไม่ให้ดั่งใจคิด อุตส่าห์ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ให้เกียรติ มีเมตตา ทำมาให้กลับได้แค่นิดเดียว ใช่ไหม (ใช่)  ความคิดที่นิดๆ หน่อยๆ อะไรก็ติ นิดๆ หน่อยๆ อะไรก็ถือสา นิดๆ หน่อยๆ อะไรก็ช่างจดช่างจำ จะก่อให้เกิดใจที่มืดมัว เมื่อใจมืดมัวจะยกขึ้นสูงได้ไหม (ไม่ได้)  เมื่อใจมืดมัวจะทำให้เราปลอดโปร่งและบริสุทธิ์ใจได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นถ้านิดๆ หน่อยๆ จะโกรธไหม (ไม่โกรธ)  ติไหม (ไม่ติ)  ว่าไหม (ไม่ว่า)  น้อยใจไหม (ไม่น้อยใจ)
(พระอาจารย์เมตตาให้หัวหน้าห้องและรองหัวหน้าห้องออกมาหน้าชั้น)
สมมติอาจารย์มีลูกศิษย์สองคน ศิษย์สองคนปฏิบัติต่ออาจารย์ด้วยดี ให้เกียรติเคารพเสมอมา แต่บางครั้งอาจารย์ก็อาจปฏิบัติต่อศิษย์ด้วยความลำเอียงนิดๆ หน่อยๆ คนนี้อาจารย์ไม่ค่อยใช้ แต่คนนี้ “ศิษย์ไปยกเก้าอี้มาหน่อยสิ ไม่ใช่ๆ เบาไป ตัวนั้นดีกว่านะ อาจารย์จะนั่งกับลูกศิษย์ของอาจารย์ ไม่เอาดีกว่า เปลี่ยนใจ เอาตัวนี้แล้วกันศิษย์ ตัวนี้ได้แล้ว เอาตัวนั้นอีกนะ เอาสองตัวเลยศิษย์ ทำไมไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทำ ใช้ไม่ได้เลย มีสองคนจะนั่งตัวเดียวได้อย่างไรล่ะ มันก็ต้องสองตัวสิ” ถามหัวหน้าชั้นอยากเอาเก้าอี้ทุ่มอาจารย์ไหม นี่แหละ อาจารย์แค่ยกตัวอย่างเหตุการณ์ง่ายๆ ถ้าเราปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ แต่ถ้าความคิดเรารับมันไม่ได้ ไม่ยอมรับ โกรธ “ทำไมอาจารย์ดูถูกผม ทำไมอาจารย์ใช้ผมจังเลย” เราอยากจะเคารพเขาต่อไหม
ฉะนั้นถึงแม้ว่าถ้าเรามุ่งมั่นปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ศิษย์เจอเรื่องที่ทำให้ศิษย์คิดดีไม่ได้ ทำดีไม่ขึ้นก็จงจำไว้อยู่อย่างหนึ่งว่า อย่าพยายามไปเป็นคนชั่ว ถ้าเรามุ่งมั่นปฏิบัติต่อเขาด้วยคุณธรรม ปฏิบัติต่อเขาด้วยการให้เกียรติเคารพ ปฏิบัติต่อเขามีเมตตาแล้ว สำคัญอย่างเดียวขอเพียงศิษย์ถ้ารักษาดีไม่ได้ ก็อย่าไปประพฤติชั่ว ยากไหม (ไม่ยาก)  แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องเอาชนะความคิดให้ได้ เพราะใจของมนุษย์มักใฝ่ร้ายมากกว่าใฝ่ดี มักจมอยู่กับสิ่งที่ทุกข์สิ่งที่เจ็บปวดอยู่วันยังค่ำ ว่าจะลืมพอถึงเวลาคิดอีกแล้ว มันเคยว่าฉัน มันเคยกดขี่ฉัน มันเคยทำร้ายฉัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยู่ๆ มันก็คิดขึ้นมา ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นศิษย์เอย ใจที่จมอยู่กับความไม่ดี ใจที่จมอยู่กับกิเลสมักจะพาให้ใจนั้นมืด และตกเป็นทาสของวิบากกรรม ฉะนั้นเราต้องดึงใจให้สูง ได้หรือไม่ (ได้)
ปฏิบัติธรรมแล้วแต่ทำไมยังดับทุกข์ในใจไม่ได้ พยายามปฏิบัติธรรมแล้วทำไมยังล้างความทุกข์ ล้างความไม่พอใจของผู้อื่นออกจากใจไม่ได้
นั่นเพราะว่าศิษย์ได้แค่ปฏิบัติคุณธรรม แต่กับใจศิษย์ยังไม่เคยเอาธรรมมาชำระล้างใจ แล้วธรรมใดล่ะที่จะช่วยชำระล้างใจได้ ศิษย์มองฟ้าสิ ฟ้ามีวันมืดก็มีวันสว่าง ฉะนั้นศิษย์ก็คิดแค่ว่าวันนี้เป็นวันมืดได้ก็สว่างได้ ร้อนได้ก็เย็นได้ ผ่านมาก็ผ่านไป จริงไหม (จริง)  เจออะไรผ่านมาเดี๋ยวก็ผ่านไป ต้องเก็บเอามาคิดไหม (ไม่ต้องคิด)  อาจารย์ถามหน่อย ทางโลกสอนให้เรามีแล้วก็มี แต่ทางธรรมสอนให้มีแล้วก็จบ เกิดแล้วดับ ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากปฏิบัติแล้วเอาธรรมมาล้างใจ ศิษย์อยากจบกับเขา  หรือศิษย์อยากเจอแล้วเจออีก เกิดแล้วเกิดอีก ถ้าศิษย์อยากจบ ศิษย์ควรคิดต่อหรือศิษย์ควรหยุดคิด (หยุดคิด)  แล้วศิษย์อยากอยู่กับเขาอย่างสงบเย็นหรืออยากวุ่นวาย (สงบเย็น)  ใครๆ ก็อยากสงบเย็น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าสงบเย็นเราควรปล่อยวางแล้วให้อภัยแล้วทำใจหรือว่าคิดต่อคิดร้าย คิดต่อไปอีก (ให้อภัย)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  สงบ แปลว่า จบ ถ้าไม่อยากจบก็แปลว่า ไม่อยากสงบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ง่ายกว่าไหม
ชีวิตสอนให้เราเกิดมาเพื่อดับ หรือเกิดมาเพื่อจบ แต่โลกปัจจุบันนี้เกิดแล้ว เกิดอีก ทุกข์แล้วทุกข์อีก แล้วศิษย์ล่ะ อยากเกิดเพื่อจบหรือเกิดเพื่อเกิด (เกิดเพื่อจบ)  ปล่อยให้เรื่องผ่านมาแล้วผ่านไปหรือผ่านมาแล้ววนอยู่ในใจ (ผ่านมาแล้วผ่านไป)  ถึงเวลาแล้วเป็นแบบนั้นไหม ฉะนั้นรู้จักปฏิบัติธรรมแล้วศิษย์ยังต้องเอาธรรมมาใช้ในชีวิตนะ เราจะได้ไม่ต้องทุกข์อยู่ในโลกใบนี้
เหมือนที่ศิษย์ชอบตัดพ้อกับอาจารย์ว่า ปฏิบัติธรรมมาตั้งเยอะแต่ทำไมถึงดับทุกข์ในใจไม่ได้ เพราะว่าศิษย์ได้แต่ปฏิบัติต่อผู้คนด้วยคุณธรรม ใช้ความเมตตา ใช้ความขันติ ใช้ความอดทน ใช้ความให้อภัย แต่ศิษย์ไม่เคยเอาธรรมนั้นมาช่วยชำระล้างใจตัวเอง เหมือนที่เรามองเห็นในโลก มีเกิดขึ้นก็มีดับไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยแล้วเราจะเอาธรรมในโลกมาใช้ในการดับทุกข์ในใจได้อย่างไรบ้าง มีธรรมอะไรช่วยดับทุกข์ได้ วันนี้เขาชมพรุ่งนี้เขาด่า มะรืนก็ด่าอีก ทำอย่างไรดี (พยายามใช้ขันติ)  ขันติเป็นการแสดงออกต่อการปฏิบัติร่วมกัน แต่ใจเราทำอย่างไร จะล้างความคิดที่เราไม่ชอบเขาให้ได้ นั่นก็คือ (ปล่อยวาง)  ปล่อยวางใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าทุกวันยังเจอหน้าเขาอยู่ (ยิ้มใส่เขา, แผ่เมตตา)  ปล่อยวางได้จริงๆ หรือถึงเวลาเห็นแล้วก็ยังอารมณ์ขึ้นทุกที
(ปล่อยวางทำใจให้ดี, ทำใจให้สงบแล้ววาง)  แม่จะบ่นก็บ่นไปพ่อก็เงียบๆ ใช่ไหม เพราะเป็นกรรมร่วมกันแล้วใช่หรือเปล่า
(แผ่เมตตา)  นั้นคงเอาไว้ข่มใจเวลาที่เจอเรื่องที่ไม่ถูกใจ แต่สิ่งที่จะสามารถข่มใจแล้วชะล้างใจให้กลับมาบริสุทธิ์เหมือนเดิมคือ การคิดออกคิดได้ด้วยธรรม โลกนั้นไม่เที่ยง คนชมก็มีคน (ด่า)  มีดีก็มี (ไม่ดี)  มันเป็นธรรมดาใช่หรือไม่ ถ้าเรามองแล้วคิดอย่างนี้ก็จะรู้ว่า การเรียนรู้หลักธรรมช่วยฝึกจิตให้รับความเป็นจริงอันเป็นธรรมดาของโลกได้ด้วยใจเข้มแข็ง การเรียนรู้หลักธรรมจะฝึกจิตเราให้ยอมรับความจริงอันเป็นธรรมดาของโลกด้วย หัวใจที่เข้มแข็ง แล้วก็ไม่โกรธเกลียด ไม่ต้องใช้คำว่าอภัยหรืออดทน แต่เป็นความเข้าใจความเป็นคนที่มีรักก็มี (เกลียด)  มีเกลียดก็มี (รัก)  มีชมก็มี (ด่า)  มีด่าก็มี (ชม)  ฉะนั้นเราจะห้ามให้ทุกคนเป็นดั่งใจได้ไหม (ไม่ได้)  เราจะหวังให้ทุกคนได้ดั่งใจได้หรือเปล่า (ไม่ได้)
(อดทนแล้วปล่อยวาง)  ถ้าอาจารย์ยื่นแล้วอาจารย์ไม่ให้ก็อดทนแล้วปล่อยวางไปนะ (ทำเฉยๆ)  แต่บางครั้งใจมนุษย์มันยังมีความรู้สึก เฉยได้ไหม อย่างนั้นศิษย์จำคำอาจารย์ไว้ โลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ดีแค่ไหนก็ยังมีไม่ดี ไม่ดีแค่ไหนมันก็ยังมีดี ฉะนั้นใครร้าย ไม่มีใครร้าย แต่ใจเราต่างหากที่ไม่ยอมรับความจริง (การปล่อยวาง การให้อภัย)  จะปล่อยได้อย่างไรในเมื่อยังยึดไม่จบสิ้นใช่หรือไม่ เจอใครว่ามาเราไม่โต้ตอบ ดีนะ ถ้าเจอแล้วโต้ตอบกลับ เจอแล้วด่ากลับ เจอแล้วร้ายกลับ อย่างนี้มันจะจบไหม ถ้าร้ายมาก็ (ไม่ร้ายตอบ)  อาจารย์เห็นนัดพวกมาทำร้ายเขา แล้วผลเป็นอย่างไร ก็เสียทั้งใจ และเสียทั้งกายใช่หรือไม่ (เมตตา กรุณา อุเบกขา)  เอาให้หมดเลย (ยอมรับว่าเขาเป็นแบบนั้น แล้วก็ยอมรับว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นเพราะเราไปรับหัวใจเขา)  อาจารย์จะบอกว่า ศิษย์เอย ในโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ มีคนตั้งเยอะไม่ด่า แต่ด่าเรา มีคนตั้งเยอะไม่ยืมเงิน แต่ยืมเงินเรา คนตั้งเยอะไม่เป็นแฟนเรา แต่คนนี้ดันมาเป็นแฟนเรา เหมือนมีบุญแต่กรรมบัง ฉะนั้นสิ่งที่จะปลอบใจเราได้ และช่วยย้ำเตือนให้เรากลับมาสู่ความดีได้ก็คือ ไม่มีเรื่อง


บังเอิญ ทุกสิ่งล้วนเป็นเหตุและผล ในเมื่อเราล้างเหตุผลกรรมเก่าไม่ได้ แต่เราจะไม่สร้างกรรมใหม่ วันนี้เธอทำอะไรฉัน ฉันขอยินดีชดใช้ จบกันเท่านี้ ฉันไม่ผูกใจเจ็บ ฉันไม่เคืองแค้น ฉันขอบคุณ ดีไหม (ดี)  อยากด่าก็ด่าเลย ขอบคุณ ใช่ไหม บางทีทำอะไรไม่ได้นะศิษย์  ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนจะด่า คนจะว่า คนจะโกงเรา คนจะเกลียดเรา คนเขารักเราได้แค่นี้ ศิษย์จะไปบังคับเขาให้รักมากกว่านี้ไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์เอย อย่ารู้แค่เพียงปฏิบัติต่อคนได้แต่ลืมปฏิบัติต่อใจตัวเอง รักกายตัวเองก็รักใจตัวเองด้วย อย่าให้ใจต้องชอกช้ำเพราะความคิดผิด ใช่หรือไม่ (ใช่)
(อดทนได้ นิ่งได้)  แต่อดทนได้ นิ่งได้ ไม่สู้มีสติแล้ววางเฉย เพราะเมื่อไรที่ยังอดทนแปลว่าในหัวใจยังต้องอดให้นิ่งๆ ฉะนั้นวิชาธรรมะถ้าอาจารย์จะให้ศิษย์ต้องให้แล้วล้างจนหมดจด แล้วจะล้างได้ก็ต่อเมื่อศิษย์ยั้งคิดได้ว่า มันก็เช่นนั้นเอง มันก็แค่นั้น พ้นสายตาไปแล้วจะเก็บมาไว้ในใจให้เน่าเหม็นทำไม
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท “พลันคิดได้”  ทำนองเพลง “คู่คอง”)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนออกมานำร้องเพลงพระโอวาท)
มาเอาเสียงของตัวเองเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้ร่วมบุญ ได้ฟังธรรมกันด้วยเสียงของตัวเอง มีชีวิตลองเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นบ้างก็ดีเหมือนกันนะศิษย์
อาจารย์แค่ยกตัวอย่างง่ายๆ นะศิษย์ เอาไว้ใช้สำหรับเวลาศิษย์เจอคนที่ไม่ถูกใจเรา หรือเราไม่ชอบ ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานเรา เวลาเจอ อาจารย์ถามใจลึกๆ ง่ายๆ ศิษย์เจอแล้วศิษย์อยากมีกรรมกับเขา หรือศิษย์เจอแล้วศิษย์อยากมีบุญร่วมกับเขา (อยากมีบุญร่วมกับเขา)  แล้วถ้าเกิดเขาให้กรรมกับศิษย์ ศิษย์จะให้บุญหรือให้กรรมเขากลับ (ให้บุญ)  จำคำอาจารย์ไว้นะศิษย์ ใครทำกรรมกับเรามา เราจงสร้างบุญตอบ ใครทำร้ายเรามา เราจงสร้างบุญตอบ ใครประพฤติไม่ดีกับเรามา เราจะสร้างธรรมตอบ แล้วชีวิตเราจะกอปรไปด้วยบุญบารมีและคุณธรรม แต่ถ้าใครทำกรรมกับเรามา เรามีกรรมตอบ ใครทำร้ายเรามา เราผูกกรรมตอบ ชีวิตที่เราได้กลับคืนมาคือเวรกรรมวิบากกรรม และทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นก่อนทำอะไรยั้งคิดว่า อยากมีกรรมหรืออยากบำเพ็ญธรรม
บำเพ็ญธรรมไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่ต้องอยู่ในวัดถึงบำเพ็ญได้ กับคนที่ศิษย์ไม่คิดนั่นแหละศิษย์บำเพ็ญได้ ศิษย์พบธรรมได้ ใช่ไหม (ใช่)  คนที่ยิ่งยากที่สุดแต่ศิษย์ทำให้เกิดธรรมได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนที่ร้ายที่สุด แต่ศิษย์ทำให้จบกรรมแล้วมีธรรมได้ มนุษย์ประเสริฐที่ไหนล่ะศิษย์ ประเสริฐที่ปัญญาหยั่งคิดในธรรมได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาให้ร้องเพลงที่ประทานให้)
ร้องเพลงไปเรื่อยๆ เผื่อจะได้ปลุกใจให้ศิษย์คิดได้ คิดในทางที่ถูก คิดอย่างผู้มีธรรม  เขาร้ายใช่เราต้องร้าย เขาร้ายแต่เราก็ (ดี)  นุ่งชุดขาวใจต้องขาว ใช่ไหม (ใช่)  อยากเจอคนดีเราทำดีหรือยัง ถูกหรือไม่ (ถูก)
ใส่ชุดขาวอาจารย์ถามหน่อย อะไรบริสุทธิ์ที่สุดในชีวิต ทำไมเขาถึงให้ใส่ชุดขาว ศิษย์เอย การใส่ชุดขาวก็เพื่อให้เราปฏิบัติเข้าถึงความบริสุทธิ์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าจิตก่อไปด้วยกิเลส อารมณ์บริสุทธิ์ไหม (ไม่บริสุทธิ์)  ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นอยากพบความบริสุทธิ์ในใจ ก็แค่รักษาใจให้บริสุทธิ์ไม่มีกิเลส อารมณ์ เราก็ไม่มีกรรมแต่ถ้าอยากมีกิเลส อารมณ์ ศิษย์ก็หนีไม่พ้นวิบากกรรมที่ศิษย์สร้าง ทำอะไรใช้อารมณ์ไม่ดีนะ ใจเย็นๆ ไว้ ชะตาเปลี่ยนแปลงได้ถ้าศิษย์รู้จักควบคุมอารมณ์
อาจารย์ถามคำถามง่ายๆ ในชีวิตเราอะไรที่ดีที่สุด ในชีวิตเราอะไรที่แย่ที่สุด และเราจะพยายามไม่มีมัน อะไรทีดีที่สุดและจะรักษาไว้ อะไรที่ไม่ดีทีสุดเราจะพยายามไม่มีมันอีกต่อไป (รักษาธรรมในใจ)  ธรรมอะไรที่จะรักษาไว้ดี (ธรรมแห่งความดีไม่มีกิเลส)  ธรรมแห่งความมีเมตตา เป็นคนจิตใจดีได้ไหม (ได้)  แต่ใจดีอย่างคนมีสติปัญญา ถ้าเขามาขอยืมเงิน ๕,๐๐๐ให้ไหม (ให้)  ให้เลยหรือ แล้วถ้าให้แล้วไม่คืน จะด่าเขาไหม (ไม่ด่า)  แน่ใจไหม (แน่ใจ)  ถ้าเขายืม ๕,๐๐๐ ให้แค่ ๒,๐๐๐ คืนไม่คืนจะได้ไม่โกรธ แต่ถ้าเกิดว่ามายืมแล้ว แล้วยังมายืมอีกจะให้อีกไหม (ไม่ให้)  แต่ต้องสอนเขาใช่หรือไม่ (ใช่)  ครั้งแรกให้เพราะเห็นใจแต่ครั้งที่สองเธอยังไม่คืนฉันจะไม่ทำให้เธอเสียนิสัย ฉะนั้นเอาอะไรไปใช้ รักษาไว้ให้ดีคือมีเมตตา ไม่เป็นคนใจจืดใจดำ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วอะไรที่ไม่ดี (ความเห็นแก่ตัว)  (ทำแต่ความดี ใช้คุณธรรมทำดี สิ่งที่ไม่ดีไม่ต้องทำ)  อะไรในตัวเราที่ไม่ดี ศิษย์ของอาจารย์นี่ อะไรไม่ดี แล้วอะไรดี ก็พยายามทำดี แต่ดีคืออะไร ไม่รู้ ไม่ดีคืออะไร ไม่รู้ (ใครร้ายมาก็ยิ้มตอบ)  แล้วถ้าเกิดมีคนมาแอบตบหู จะทำอย่างไร (ขอบคุณค่ะ)  ตอบได้ดี สิ่งที่ดีคือความ (ความอภัย, คุณธรรมและความดี สิ่งที่ดีๆ ก็เผยแผ่ไป)  แล้วอะไรที่ดี (สิ่งที่มีเมตตา กรุณา)  ถ้าศิษย์ยังตอบอาจารย์ไม่ได้และตอบโดยรวมๆ แสดงว่าไม่ค่อยได้ทำดี ดีบ่อยๆ ที่เราสามารถทำได้คือความซื่อตรง (มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ ศีลธรรมประจำใจ ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง)  ให้จริงนะ
(กตัญญูต่อบิดามารดา)  อาจารย์ถามอะไรนะ สิ่งที่ดีที่สุดในตัวเรา (สิ่งที่ไม่ดีก็คือความไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ)  ดื้อ เกียจคร้านใช่หรือไม่ เอาแต่ใจ เอาแต่อารมณ์ ใช่ไหม แล้วสิ่งที่ดีล่ะ เวลารักใครรักจริง (รักพ่อแม่รักจริง)  รักห่างๆ ดูห่วงๆ ใช่ไหม ถ้ายังคิดไม่ออกแปลว่าเราไม่ค่อยได้ทำ แต่ถ้าอาจารย์พูดได้ถูกแสดงว่าเรามีบ่อย ฉะนั้นพยายามรักษาสิ่งที่ดีและพยายามปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีหายไปจากใจแล้ว ศิษย์จะเป็นคนที่การงานก็ประสบผลสำเร็จ ทำอะไรก็ราบรื่นและดีงาม
(มีความเมตตากรุณา มานะอดทน)  อันนี้อาจารย์ว่าใช่ เป็นคนมีมานะอดทน แต่เมตตากรุณาอาจารย์ยังไม่ค่อยเห็นเพราะยังจับปลาไหล ทุบหัวปลาหมออยู่เลย พยายามไม่เบียดเบียนนะ
(สิ่งที่ดีที่พ่อแม่สอนให้ฟัง ที่ผ่านมาทำไม่ดีก็เอาไปคิดแล้วก็จำ วันข้างหน้าก็ปฏิบัติตนให้ดี)  เมื่อก่อนไม่ดีใช่ไหม (ใช่)  ตอนนี้จะแก้ไขให้ดีขึ้นใช่ไหม (ใช่)  แล้วก็ทำหน้าที่ของการเป็นลูกให้ดีที่สุด ทำให้ได้นะ ชีวิตโชคดีมีครั้งที่สอง ไม่มีใครมีอย่างศิษย์ ฉะนั้นครั้งที่สอง แล้วอย่าให้มันพลาด เพราะถ้าพลาดศิษย์จะไม่มีครั้งที่สาม จำคำอาจารย์ไว้นะ
(สิ่งดีๆ ที่มีแล้วอยากให้มีต่อไปคือความรักที่มีให้กับคนอื่น สิ่งที่ไม่อยากให้มีในตัวเอง แต่ว่ามีอยู่แล้วอยากเอาออกไป เป็นพวกความโลเล ความไม่แน่ใจ ความคิดเยอะไป)  ถ้าจะมีความรักต้องรักให้ถูก รักให้บริสุทธิ์ยุติธรรม อย่ารักแบบเจ้าของ แล้วยึดเป็นตัวตน ไม่อย่างนั้นความรักนั้นจะกลายเป็นเห็นแก่ตัว
(ความเมตตาต่อสัตว์)  แต่กับคนไม่ต้องมีเมตตาใช่ไหม (มี)  มีเหมือนกัน อาจารย์เห็นส่วนใหญ่กับคนก็มีน้อย กับสัตว์ยิ่งแทบจะไม่มีเลยใช่ไหม เจอสุนัขเตะสุนัข เจอไก่กินไก่ใช่ไหม ไม่เบียดเบียนเขาเราก็ไม่ถูกเบียดเบียนตอบ แต่เมื่อไรศิษย์จะคิดได้ ยังอร่อยลิ้นอยู่ใช่หรือเปล่า
(การให้ทานแก่คนยากไร้คนพิการ ที่ไม่ดีก็คือการตระหนี่ถี่เหนียว ไม่แบ่งปันผู้อื่น)  ถึงเวลาเจอคนขอทาน ให้ดีไหมหนอ มาอีกแล้ว ให้ดีไหมหนอ อาจารย์อยากจะบอกศิษย์ว่า คำว่าทานมีตั้งหลายอย่าง เอื้อเฟื้อผู้ตกทุกข์ได้ยาก มีน้ำใจช่วยเหลือครูบาอาจารย์นั่นก็เป็นการสร้างบุญสร้างทานได้เหมือนกัน อย่ามองทานแค่เพียงคนที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างเดียว แต่กับเพื่อนเรา เราก็ปฏิบัติเป็นทานได้ ด้วยการให้ธรรมะเป็นทาน ประเสริฐกว่าทานใดๆ ทั้งปวง
(มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น)  ตอบได้ดี ทำให้ได้นะ รู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ด้วย
(สิ่งที่ไม่ดีในตัวคือ ใจร้อน ชอบวู่วาม)  แล้วสิ่งที่ดีในตัวคือ (จะตั้งปณิธานกินเจตลอดชีวิต)  ตั้งปณิธานกับตัวเองโดยที่ยังไม่ต้องสาบานก่อน เริ่มฝึกไปเรื่อยๆ ทำให้ได้นะ อาจารย์อนุโมทนาบุญด้วย รักษาบุญความดีงามด้วยหัวใจอันอดทนเข้มแข็ง
(อดทนอดออม)  อดทนอดออมรู้จักอดกลั้น ศิษย์เอย ถ้าศิษย์สักคนหนึ่งมีใครเข้าใจธรรมที่อาจารย์พูด ศิษย์จะไม่ต้องใช้คำว่าอดทนกับใครเลย แต่ศิษย์จะมีแต่ความเข้าใจแล้วก็จบแค่นั้น แต่ถ้ายังต้องอดทนให้อภัย ทำใจ แปลว่าศิษย์ยังไม่เคยเอาธรรมมาล้างใจได้ ไม่มีใครได้ดั่งใจเราหรอก หวังจะให้ได้ดีแต่ก็ได้แค่นี้ หวังจะให้ดีกว่านี้แต่ก็ดีได้แค่นี้
ศิษย์เอยถ้าไม่รู้จักรักตัวเอง ทำร้ายตัวเอง ผลสุดท้ายก็หนีไม่พ้นนรกภูมิ เรื่องดีๆ ไม่ทำ ต้องรอให้มันทุกข์เจ็บปวดกัดกินถึงใจ แล้วค่อยคิดลดละเลิกไม่ช้าไปหรือ
ฉะนั้นศิษย์คิดให้ดี ใช้สติลองไตร่ตรองสิ่งที่อาจารย์พูด หนทางแห่งการปฏิบัติธรรมไม่ยาก แค่ปฏิบัติต่อผู้คนด้วยคุณธรรมความเป็นคน มีเมตตา ซื่อตรง จริงใจ เคารพให้เกียรติ ยากไหม (ไม่ยาก)  แล้วเอาธรรมนั้นมาสอนใจเพื่อจะดับทุกข์ในจิตใจ คนเป็นอย่างไรมองเสียว่าเป็นธรรมชาติ วันหนึ่งมีมืดวันหนึ่งก็มีสว่าง วันหนึ่งมีคนร้าย วันหนึ่งก็มีคนดี เราเรียนรู้ธรรมเพื่อมาฝึกจิต วันนี้ศิษย์รู้จักรักษาใจ ต่อไปในวันหน้าใจจะดูแลรักษาศิษย์ได้ แต่ถ้าวันนี้ศิษย์ยังไม่รู้จักดูแลรักษาใจตัวเอง ต่อไปใจศิษย์นั่นแหละจะทำให้ศิษย์เจ็บปวดที่สุด เพราะปล่อยให้ไปตามอารมณ์ ทำไมไม่รู้จักเอาธรรมมายั้งคิด นำธรรมมาสอนใจ ชีวิตมีทางเลือก อาจารย์ไม่เชื่อว่ามนุษย์ไม่มีทางเลือก มีทางทำให้ดีและดีที่สุด แต่มนุษย์ก็ไม่เลือกที่จะทำ เลือกที่จะปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์ ตามกิเลส และผลสุดท้ายก็หนีไม่พ้นทุกข์ ทุกข์ดับได้อย่างไร ทุกข์ดับได้ด้วยใจตื่นรู้แจ้งในความเป็นจริง ว่าไม่มีใครดีพร้อม
(ต้องกตัญญูรู้คุณ ตอบแทนบุญคุณคนที่เคยช่วยเหลือเรา เราก็ต้องตอบแทนคุณเขา)  จิตสำนึกคุณเป็นสิ่งที่ดีนะ ขอให้มีไว้ เพราะทุกคนล้วนมีคุณกับเรา ไม่มีเขาก็ไม่มีเราในวันนี้ โดยเฉพาะคำดูถูกเหยียดหยาม บางครั้งก็ช่วยผลักดันให้เรายิ่งแข็งแกร่งและได้ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  ตรงข้ามกับคำเยินยอสรรเสริญบางครั้งกลับทำให้เราเหลวไหลและไร้คุณค่าก็เป็นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอะไรดีแท้จริง อะไรไม่ดีแท้จริง ธรรมะล้วนบอกไว้ว่าไม่มีอะไรดีแท้และไม่มีอะไรแย่จริงๆ หรอก ถ้าเรามีปัญญาหยั่งคิดได้
(สิ่งที่ดีคือกตัญญูต่อพ่อแม่ สิ่งที่แย่คือเขาทำร้ายมาก็ไม่ต้องไปตอบโต้เขา)  ตอบได้ดีเหมือนกันนะ แต่ถึงเวลาอาจารย์ก็ไม่ค่อยเห็นกตัญญูกันสักเท่าไรเลยนะ ถึงเวลาก็คิดแต่ว่าจะไปเที่ยวไหนดีใช่ไหม ฟังจนเยอะแต่ถึงเวลาปฏิบัติไม่ได้ อาจารย์ต้องตีแล้ว ใช่หรือไม่ แล้วยังคิดไม่ได้นี่ต้องตีซ้ำเลย ใช่หรือเปล่า ถูกไหมศิษย์ ฉะนั้นปฏิบัติธรรมอย่าแค่ปฏิบัติ แต่จงเอาธรรมสอนใจ ยั้งใจ ให้ได้ด้วยนะศิษย์ ได้ไหม (ได้)  แล้วธรรมอะไรสอนใจ
มีมาก็มี (ไป)  มีเกิดก็มี (ตาย)  ไม่เป็นไรอาจารย์เดี๋ยวเขาก็ตาย ไม่เขาตายหนูก็ตาย คิดแบบนี้ก็ดีนะ ปล่อยเขาบ่นไปเถอะบ่นไม่เท่าไรเดี๋ยวก็ตาย ไม่หนูตายเขาก็ตาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  โกรธไปทำไมใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นเวลาเจอเรื่องราวอะไรก็ตามที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ จำไว้นะศิษย์ มีมาก็มี (ไป)  มีเกิดก็มี (ตาย)  ฉะนั้นศิษย์จะอยู่เพื่อดับหรือจะอยู่เพื่อเกิด ธรรมะล้วนสอนไว้อยู่แล้วจริงหรือไม่ (จริง)  หรือไม่ก็คิดในใจว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ในร้ายก็มี (ดี)  ในดีก็มี (ร้าย)  ล้วนเป็นธรรมดาใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าคิดอย่างนี้อยู่เสมอ ใครว่าเรา เราก็คงไม่ (โกรธ)  มีใครทำได้จริงๆ ไหม อาจารย์พูดมากี่ปีๆ ก็ไม่เห็นทำได้สักคนเลยนะ ถึงเวลามันด่าฉันอีกแล้ว มันเมตตาฉันอีกแล้ว
การศึกษาปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องยากใช่หรือไม่ เพื่อมุ่งสอนให้ศิษย์เข้าใจในชีวิตและไม่ต้องทุกข์กับชีวิตอีกต่อไป ศิษย์แค่คิดไม่ถึง ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์มักประเมินตัวเองว่าได้แค่นี้ ดีแค่นี้พอแล้ว ถูกไหม (ถูก)  แค่นี้ก็ดีหนักหนาแล้วอาจารย์จะเอาอะไรอีก แต่ถ้าอาจารย์บอกว่า ศิษย์ดีกว่านี้ก็ได้นะ ศิษย์ยิ่งใหญ่กว่านี้ก็ได้นะ ศิษย์ดีที่สุดกว่านี้ก็ได้นะ แต่ศิษย์เคยลองทำดูหรือยัง ทำไมชอบประเมินตัวเองต่ำ ยกตัวเองให้สูงหน่อยไม่ดีกว่าหรือ ทำแบบไม่หวังผลไม่ได้หรือ ใช่ไหม (ใช่)  ทำดีสุดกำลังแล้วที่สุดในชีวิตหนึ่งที่จะทำได้ไม่ดี แล้วเมื่อวันหนึ่งศิษย์จะต้องละสังขารนี้ไปอย่างน้อยศิษย์ก็พูดได้เต็มปากว่าทำเต็มที่แล้ว สุดกำลังแล้ว ไม่เสียชาติเกิดแล้ว ถ้าเกิดว่าหมดจากชีวิตนี้มันย่อมมีไปต่อ แล้วเราเอาอะไรตามไปต่อ บุญมีไหม หรือเต็มไปด้วยบาป หรือเต็มไปด้วยกรรม ทุกชีวิตล้วนกลับคืนสู่ธรรม ธรรมที่ทำให้เราไม่ต้องเวียนว่าย แต่ถ้าเรายังยึดความมีตัวตน ศิษย์ก็หนีไม่พ้นกรรมที่เรียกว่ากรรมดีและกรรมชั่ว เสวยบุญเสร็จก็ต้องกลับไปรับกรรมชั่ว และเมื่อหมดกรรมชั่วก็ยังต้องหนีไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด ศิษย์ว่าอยู่บนโลกทุกข์แล้วแต่อาจารย์จะบอกศิษย์ว่าทุกข์ที่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดนั้น ทุกข์ยิ่งนัก ฉะนั้นไตร่ตรองให้ดี มีสติยั้งคิดปฏิบัติด้วยคุณธรรม ได้หรือไม่ (ได้)  แล้วชีวิตก็จะไม่เจอเรื่องยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ยาดี
มักขมปาก”
)

จริงๆ อาจารย์ให้คำว่า “ยาดีมักขมปาก ความจริงมักขัดหู” แต่ยังไม่ได้ต่อ แค่พูดไว้เป็นสำนวนเท่านั้นเอง บางครั้งความเป็นจริง แม้มันจะไม่ได้ทำให้ศิษย์มีสุข แต่บางครั้งมันก็ทำให้เราพ้นทุกข์ ถ้ามัวแต่หาสุขแล้วทำร้ายตัวเองก็ไตร่ตรองให้ดี ถ้ามัวแต่ติดในสุขแล้วทำร้ายชีวิตตัวเอง ก็ยั้งคิดบ้าง ถ้าใช้แต่อารมณ์แล้วกลายเป็นคนนิสัยเสีย บางครั้งก็ต้องรู้จักระงับยับยั้งอารมณ์ตัวเอง ใช่ไหม (ใช่)  ยิ้ม แต่พอถึงเวลาไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างที่อาจารย์ว่าหรือเปล่า ภัยภายนอกเอย คำโป้ปดเอย มันจะดีหรือร้าย ตัวแปรใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ภัย ไม่ได้อยู่ที่คนโป้ปด ไม่ได้อยู่ที่คนเยินยอ แต่มันอยู่ที่ตัวเราเองต่างหาก จะเอาสิ่งนั้นมาพ้นทุกข์ หรือมีทุกข์ หรือมีธรรม
วันนี้อาจารย์ก็คงต้องจากลาแล้ว ร้องเพลงนี้ส่งอาจารย์หน่อยนะ ฉะนั้นมีชีวิตนะศิษย์ อย่าประมาทในการดำเนินชีวิต เพราะถ้าพลาดผิดไปแล้ว ศิษย์จะต้องรับผลกรรมที่ศิษย์ก่อ ฉะนั้นจงกระทำด้วยธรรมะ อย่าทำผิด อย่าใช้อารมณ์ เพราะคนที่จะต้องรับผลของอารมณ์ที่ตัวเองก่อ ก็คือตัวศิษย์เอง แล้วมันแค่กรรมหรือ มันอาจจะกลายเป็นวิบากกรรม และหนีไม่พ้นวัฏฏะการเวียนว่าย
อุทิศเสียสละด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง อุทิศเสียสละด้วยหัวใจที่กล้าหาญ อุทิศเสียสละด้วยหัวใจที่งดงาม
(พระอาจารย์เมตตาส่งเสริมผู้ร่วมฟังชั้นล่าง)
เลิกหรือยังนิสัยที่ควรไม่มี ละได้หรือยังนิสัยที่ควรละ รักษาความถูกต้องดีงามไว้ได้ไหม ถ้าจะบำเพ็ญธรรมถือคุณธรรมเป็นหลัก ลดละอารมณ์ให้จงได้ ดีแค่ไหนแต่อารมณ์ยังร้ายก็ยังดีไม่แท้จริง ปฏิบัติถือศีลทานบริสุทธิ์แต่ถ้าหัวใจยังคิดคดคิดไม่ดี อารมณ์ยังพลุ่งพล่าน ก็ยังเรียกว่าใช้ไม่ได้ อาจารย์บอกศิษย์ไปตั้งแต่ต้นอาจารย์ไม่ต้องการคนดีที่สุด แต่อาจารย์ต้องการคนที่ไม่คิดทำชั่วเลยต่างหาก ไม่คิดทำผิดเลยต่างหาก นั่นแหละดีที่สุดสำหรับอาจารย์ ดีกว่าทำดีก็ทำ ชั่วก็ละไม่ได้ เช่นนั้นยังไม่ได้ดีหรอก สู้ไม่ต้องพยายามดี แต่พยายามไม่ชั่ว ไม่ผิดศีล ไม่ขาดคุณธรรมความเป็นคน นั่นจะประเสริฐที่สุด ถามใจเราปฏิบัติถึงที่สุดหรือยัง ถ้าเราถึงที่สุดแล้วไม่ต้องไปถามเขา ทำได้ดีที่สุด เขาเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขา เราสิต้องรักษาใจเราให้ดี เราก็มั่นคงในความดีเราได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นขอเพียงศิษย์มุ่งมั่นให้ถูกต้องในหลักธรรม ไม่ต้องกลัวว่าตายไปแล้วเราจะต้องมา
เวียนว่ายตายเกิด ถ้าเรากลับคืนสู่ธรรม ธรรมก็ทำให้เราพ้นจากสภาวะความมี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ใครหนอจะเข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูดได้บ้างนะ ถ้ายังยึดมั่นก็มีตัวตนให้ทุกข์ แต่ถ้าเราปฏิบัติธรรมเพื่อธรรม มันก็ไม่มีทุกข์ให้เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ใช่ไหม (ใช่)  ละให้ได้นะอารมณ์ มีให้ได้นะคุณธรรมความเป็นคน ถูกหรือไม่ เมตตาเข้าไว้ ซื่อตรงเข้าไว้ มีน้ำใจที่ถูกต้องและดีงาม ไม่ยากนะ อาจารย์คงต้องจากลาแล้วนะ ขอให้ทำให้ได้ ทำให้ได้นะ
(พระอาจารย์เมตตาขึ้นไปบนห้องพระ)
มันยากนะ อาจารย์รู้อยู่เต็มอกว่าศิษย์ทำได้แค่นั้นแต่ก็ต้องยอมรับ เข้มแข็งนะศิษย์ อยู่ได้ ไม่มีใครเราก็อยู่ได้ ไม่มีใครเราก็เข้มแข็งได้ ไม่มีใครเราก็มีความสุขได้ แม้เราต้องทำคนเดียว เราก็มีใจที่เสียสละได้ อย่าทำผิดนะ รักษาความถูกต้องดีงามไว้ เป็นเด็กดีให้ได้นะ ไม่ใช่เรื่องยากใช่ไหม เป็นเด็กดีที่สุดของอาจารย์ เป็นเด็กดีทำให้มากที่สุดเท่าที่ชีวิตหนึ่งจะทำได้ ทำให้ได้นะ อาจารย์รู้ว่าศิษย์มีจิตใจที่เสียสละ มีจิตใจที่อยากช่วยผู้คน จงเอาสิ่งนั้นออกมาให้ได้นะ อย่าท้ออย่าล้านะ กลัวใจอย่างเดียวใจที่มันไม่ค่อยมั่นคงใช่ไหม เข้มแข็งแล้วนี่ ฝากถึงคนหลังด้วยนะ ลืมอาจารย์แล้วหรือ รักษาความดีนะ อย่าทำผิด
ศิษย์เอย ไตร่ตรองให้ดี จำคำอาจารย์ไว้ ผิดแล้วมันแก้ไม่ได้ ฉะนั้นมีสติยั้งคิดไม่ต้องเป็นคนดีที่สุด แต่ขอเป็นคนไม่ทำผิด เพราะเมื่อมันผิดแล้ว แม้อาจารย์ก็ช่วยศิษย์ไม่ได้ เพราะกรรมใครก่อคนนั้นก็ต้องรับ ฟ้ายุติธรรมเสมอ อาจารย์มีหน้าที่ได้แค่เตือน ย้ำ อย่าทำผิด อย่าทำบาป อย่าสร้างกรรม ขอแค่เพียงศิษย์มีธรรม กรรมมันก็หมดได้ ขอแค่เพียงศิษย์มีธรรม กรรมมันก็ยุติได้ อย่าไปตกเป็นทาสกิเลสเลยนะศิษย์เอย อาจารย์พูดจากใจจริงๆ

พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ยาดีมักขมปาก”
    ถูกกดดันแต่เข้มแข็งหยัดยืนได้         ถูกกล่าวร้ายยังมั่นคงในความดี
ปัญหาดุจไฟหล่อหลอมผู้ใฝ่ดี               ยิ่งทุกข์หลอมผู้กล้ามีเส้นชัย
    ภัยภายนอกไม่เท่าใจที่คิดคด           คนโป้ปดใจที่ร้ายคิดไม่ได้
คำเยินยอขังคนหลงลำพองใจ              ดีหรือร้ายตัวแปรใหญ่คือใจคน


อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2561

2561-06-30 สถานธรรมฉือเหริน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

西元二○一八年歲次戊戌五月十七日                                                                                      仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑               สถานธรรมฉือเหริน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา

  เรื่องในหัวธรรมในใจสารพัน           เท็จจริงเป็นตามอำนาจแห่งคติ
คนในโลกล้วนมากมีคติ                          รู้เช่นนี้ต้องรีบกำราบใจ
                                เราคือ                                                                             
  ศิษย์พี่นาจา                          รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา          ลงสู่แดนโลก แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดา                      ถามศิษย์น้องทุกคนหายง่วงหรือยัง

  ทบทวนตนมากกว่าโทษใครผิด         คนรู้ผิดปัญหาจึงแก้ได้
คนแกล้วกล้าหน้าที่คือวินัย              ยอมแก้ไขจึงก้าวหน้าชี้ที่พลาด
ข้อบกพร่องให้เตือนตนพัฒนาดู          ไขทุกข้อรู้รู้ไม่ประมาท
ยอมให้สอนทุกข์เตือนมิตรปรามาส[1]     คนฉลาดดูแต่สิ่งมีคุณ
การมองที่ย้อนไปได้อะไร                 เพื่อเข้าใจว่าชีวิตต้องยืดหยุ่น
เมื่อสนิทไม่รู้เกรงใจกลายวุ่น             มีความห่างอาจสมดุลสัมพันธ์ดี
คนรู้คนจริงอะไรอะไรจริง                รู้จักจริงรู้จักตนเรียนเรื่องนี้
บำเพ็ญไม่หยุดนิ่งการทำดี                หมู่คนดีอยู่รู้เคารพกัน
ธรรมพร้อมไหนเที่ยวทุกข์และสับสน        งดฝึกฝนยิ่งทุกข์หลายสถาน
บัณฑิตงามหลงตนยิ่งน่าสงสาร          อย่ายิ่งทุกข์พลาดสวรรค์ชีวิตจริง
                                                                                                 ฮิ ฮิ หยุด



[1] ปรามาส : ดูถูก, ดูหมิ่น

พระโอวาทศิษย์พี่นาจา
ท่านมาฟังธรรมหรือมาปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมคือต้องมีสติ รู้เท่าทันความคิด และสามารถนำพาชีวิตให้ก่อเกิดปัญญาและเข้าถึงความบริสุทธิ์ นั่นแหละเรียกว่าฟังธรรมด้วยปฏิบัติธรรมด้วย แต่เราฟังอย่างเดียวใช่ไหม (ใช่)  ปฏิบัติธรรมคือมีสติ รู้เท่าทันความคิดและสามารถยับยั้งอารมณ์นิสัยตน จนก่อเกิดปัญญาเห็นแจ้ง เข้าถึงความบริสุทธิ์สงบเย็นใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอย่ามองว่าการปฏิบัติธรรมคือต้องนั่งสมาธิอย่างเดียว หรือต้องเดินจงกลม หรือแค่ใส่บาตรทำบุญถวายสังฆทาน แต่เราสามารถปฏิบัติธรรมได้ทุกที่ ถ้าทุกขณะที่เราทำงาน เรามีสติ เรามีความบริสุทธิ์ใจ เรามีความแจ่มชัด เราไม่มีอารมณ์หรือนิสัยความเคยชินเป็นใหญ่ อยู่ที่ไหนเราก็ปฏิบัติธรรมได้ จริงไหม (จริง)
เราอยู่ร่วมกับคนเราปฏิบัติธรรม หรือปฏิบัติต่อกันด้วยนิสัยและอารมณ์ ถ้าอยู่กับเขาด้วยคุณธรรม ปฏิบัติต่อเขาด้วยการมีธรรม ปฏิบัติต่อเขาด้วยการให้ธรรม นั่นคือ อยู่ที่ไหนเราก็ปฏิบัติธรรมได้ อยู่กับใครเราก็สร้างบุญให้ธรรมได้ แล้วเราเป็นประเภทไหน เราเป็นประเภทปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติตามอารมณ์ตามใจ ถ้าเราปฏิบัติตามอารมณ์ตามใจ สิ่งที่เราได้คือนิสัยความเป็นตัวตน แต่ถ้าเราปฏิบัติธรรม สิ่งที่เราได้ก็คือธรรมและธรรม นั่นก็คือความสงบและร่มเย็นใจ แต่ทำไมปฏิบัติกับใครแล้วมีแต่ความร้อน ไม่เย็นเลย เหมือนเราถามผู้ปฏิบัติงานธรรม มาทำงานธรรมหรือมาปฏิบัติธรรม (ปฏิบัติธรรม)  มาทำอะไรตามใจตัวเองหรือมาขัดเกลาใจตัวเอง (ขัดเกลาใจตัวเอง)  ปฏิบัติธรรมคือการลดละนิสัย กิเลส อัตตา ความเคยชินให้เบาบาง ถูกไหม แต่ถ้ายังนั่งแล้วนิสัยยังพอกพูน เหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้ว อยากกลับ อย่างนี้แปลว่าไม่ได้ปฏิบัติเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าฟังแล้วเข้าใจ ใจเย็น สงบ ขอบคุณ อนุโมทนาบุญ นั่นคือการปฏิบัติธรรม
ท่านชอบทำบุญไม่ใช่หรือ ใครพูดดีแล้วเราอนุโมทนาบุญด้วยก็เป็นบุญถูกไหม (ถูก)  ถ้าช่วงที่อนุโมทนาบุญยังรู้จักอุทิศบุญ ขอให้บุญแห่งการเข้าใจธรรมนี้แผ่ไปยังทุกคน แผ่ไปยังวิญญาณทั้งหลาย แผ่ไปยังสรรพสิ่งทั้งหลาย ขอให้เขามีใจที่สงบเย็นเหมือนข้าพเจ้าตอนนี้ ฉะนั้นทุกที่ทุกขณะเราสร้างบุญได้ ทุกที่ทุกคนเราปฏิบัติธรรมได้ แล้วท่านชอบคนลำเอียงไหม (ไม่ชอบ)  ชอบคนปากว่าตาขยิบไหม (ไม่)  ชอบคนปากหวานก้นเปรี้ยวไหม (ไม่)  ชอบคนที่ดีจริงๆ ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าอย่างนั้นเราเป็นคนที่ทำดีกับพระ แต่กับคนเราไม่ทำใช่ไหม (ไม่ใช่)  เราทำบุญแต่กับพระแต่กับคนเราไม่ให้บุญเลยใช่ไหม (ไม่ใช่)
ฉะนั้นต้องเข้าใจการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เป็นการแสดงออกเพียงภายนอก แต่การปฏิบัติธรรมต้องมีทั้งภายนอกและภายใน ภายนอกปฏิบัติ ภายในก็มีสติรู้เท่าทัน และเห็นแจ้งในความเป็นจริงจนเกิดปัญญา นำพาชีวิตพบความสงบ ถูกไหม (ถูก)  เคยได้ยินบ้างไหม เพราะจุดใหญ่ของการปฏิบัติคือพบความสงบเย็น ใช่หรือไม่ (ใช่)  สุดท้ายคือทุกขณะที่ทำมีความสงบเย็นและถึงที่สุดก็พบความสงบเย็น หลักในการปฏิบัติธรรมก็มีแค่นี้ คือทำอะไรก็ตามทำแล้วให้เรามีความสงบเย็น ฉะนั้นถ้าเราสามารถปฏิบัติธรรมด้วยการฟังไปอย่างมีสติรู้เท่าทัน เกิดปัญญามองเห็นความจริง และนำพาชีวิตกลับคืนความบริสุทธิ์สงบเย็น นั่นก็คือฟังธรรมด้วยปฏิบัติธรรมลงแรงที่ใจด้วย  ยากไหม (ไม่ยาก)  ทำได้ไหม (ทำได้)
ใจเป็นต้นธารของความรู้ เมื่อเรามีใจบริสุทธิ์ ความรู้ก็แจ่มชัด  และความรู้ก็เป็นหลักสำคัญหนึ่งของหัวใจ  ถ้ารู้อย่างแจ่มชัดแล้วไร้อคติ หัวใจก็จะสงบ หรือพูดง่ายๆ ตามที่มนุษย์พูดกันคือเราเป็นตามสิ่งที่เราคิด เราเป็นตามสิ่งที่เราเชื่อ และเราก็ต้องได้รับผลของสิ่งที่เรากระทำ ฉะนั้นตัวคนจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราคิดเราเชื่อและเรารู้สึกอย่างไร เหมือนตอนนี้ เราบอกว่าเราไม่ชอบท่าน เมื่อคิดไม่ชอบ มองยังไงก็ไม่ชอบ ปัญหาอยู่ที่ท่านหรืออยู่ที่เรา ฉะนั้นไม่ว่าท่านจะยิ้มสวยงามขนาดไหน ยิ้มน่ารักขนาดไหน ถ้าใจเราไม่ชอบ ยังไงก็ไม่ชอบใช่ไหม (ใช่)  ยังไงก็ (ไม่ดี)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนกัน ถ้าตอนนี้ใจเรากำลังสบายใจเรากำลังรู้สึกดี มองอะไรมันก็ (ดี)  ใช่หรือไม่ ฉะนั้นที่เขาไม่ดีเพราะใจเราไม่ดีหรือเขาไม่ดี (ใจเราไม่ดี)  จริงหรือ เห็นถึงเวลาโทษเขาไม่โทษใจเรา ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าใจเราบริสุทธิ์ เหมือนเราตอนนี้ ถ้าใจท่านสบายใจ มองอะไรมันก็ดูสบายไปหมด ถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าตอนนี้ท่านอารมณ์ไม่ดี  ใครพูดอะไรก็ไม่ดีหมด แต่ถ้าตอนนี้ท่านสบายใจ เขาพูดไม่ดีท่านก็ยังรู้สึก (ดี) ไม่เป็นไร ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเกิดว่าท่านรู้สึกไม่ดี แล้วใครพูดดี ท่านก็บอกมีอะไรหรือเปล่า จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นโลกจะเป็นอย่างไร ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรอย่าได้โทษฟ้า อย่าได้โทษดิน อย่าได้ก่นว่าผู้คน จงหันกลับมาถามใจตนว่าคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร จึงว่าเขาเป็นเช่นนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  วันนี้นั่งสบายหรือไม่สบาย (สบาย)  รีบพูดทันทีเลย กลัวบอกว่าไม่สบายเพราะใจท่านมีปัญหา ใช่หรือไม่ (ใช่)
การแต่งตัวก็มีอิทธิพลต่อจิตใจนะ จริงไหม (จริง)  ลองแต่งตัวแบบใส่ชุดทหารสิ ใจมันรู้สึกฮึกเหิม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ผู้ชายลองแอบใส่กระโปรงสิ ใจมันรู้สึกตุ้งติ้งทันทีเลย ฉะนั้นอย่าพูดว่าการแต่งตัวไม่มีผลต่อจิตใจ ก็มีผลเหมือนกัน ถูกหรือไม่ (ถูก)  เราแต่งตัวสุภาพก็มองดูสุภาพน่าเคารพ เราแต่งตัวล่อแหลมก็มองดูไม่น่าดู ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าจิตบริสุทธิ์ความรู้ก็แจ่มชัดใช่หรือไม่ (ใช่)  ความรู้ก็เป็นหลักสำคัญของหัวใจ ถ้ารู้อย่างชัดเจนไร้อคติ ใจนั้นก็จะสงบสุขถูกหรือไม่ (ถูก)  หรือที่พูดง่ายๆ ว่าเราเป็นไปตามสิ่งที่เราคิด และเราต้องรับสิ่งที่เราทำ เพราะเราเป็นคนสร้างใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือเราเป็นไปตามสิ่งที่เราเชื่อ เราคิดเราเชื่ออย่างไร เราก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นชีวิตของเรา หนึ่งมาจากพ่อแม่ แต่อีกหนึ่งที่จะเป็นไป และเป็นอย่างไร ล้วนเกิดมาจากความรู้ ความคิด ความเข้าใจแห่งตัวตนถูกหรือไม่ (ถูก)  ตัวตนเป็นอย่างไร ก็ดูที่ความคิด ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่วันนี้เราทำอะไรใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นพระพุทธะจึงกล่าวไว้ว่า “อยากรู้ว่าเมื่อก่อนทำอะไร ให้ดูปัจจุบัน อยากรู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร ให้ดูการกระทำปัจจุบัน”  ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยากรู้อดีตเราทำอะไรมา ให้ดูผลของปัจจุบันที่เราได้รับใช่หรือไม่ (ใช่)  และอยากรู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ดูวันนี้เราทำเช่นไรใช่หรือเปล่า (ใช่)
มนุษย์ทุกคนอยากทุกข์หรือเปล่า (ไม่อยาก)  ฉะนั้นพระพุทธะจึงสอนไว้ว่า ถ้าไม่อยากทุกข์ก็จงอย่าทำบาปทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง เพราะบาปมีผลคือความทุกข์ และน่ากลัวที่สุดยิ่งกว่าทุกข์ก็คือ การเวียนว่ายรับผลแห่งการกระทำของตน ที่เรียกว่า วัฏสงสาร ถ้าเราไม่อยากรับทุกข์ เราก็อย่าทำบาปและรากเหง้าของบาปคือ โลภ โกรธ หลง การยึดติดตัวตน ตัณหา อบายมุข ราคะ กิเลสทั้งหลาย
ฉะนั้นถ้าไม่อยากทุกข์จงอย่าสร้าง (บาป) ถ้าไม่อยากทุกข์ก็อย่าตกเป็นทาสของกิเลส อารมณ์ ความยึดติดตัวตนใช่หรือไม่ (ใช่)  ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่านเอง อย่างที่เราบอกตั้งแต่ต้น ใครทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น เพราะโลกนี้เป็นโลกของเหตุและผล ถ้าเราไม่สร้างเหตุ เราจะได้รับผลไหม (ไม่)  ถ้าเราไม่ทำผิด เราจะได้รับทุกข์ไหม (ไม่)
ในโลกนี้สิ่งที่เราเชื่อมักเป็นอย่างที่เราคิดเสมอไหม (ไม่)  คนไม่ดี ไม่ดีตลอดใช่ไหม (ไม่ใช่)  คนดี ดีตลอดใช่ไหม (ไม่ใช่)  ฉะนั้นเวลาเจอคนไม่ดีเราควรโกรธไหม (ไม่ควร)  ควรด่าไหม (ไม่ควร)  แล้วเวลาเจอคนดี เราควรหลงไหม (ไม่หลง)  ถ้าเราคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างที่เราคิด การดำเนินชีวิตก็อาจจะผิดพลาดได้เพราะหลายครั้งสิ่งที่เห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราเข้าใจ ถูกไหม เหมือนวันนี้เราชนะ พรุ่งนี้เราชนะไหม หรือต่อไปเราจะชนะไหม (ไม่)  มีชนะก็มีแพ้ มีดีก็มีไม่ดี ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจว่าในโลกของความเป็นจริงนั้นเปลี่ยนแปลงได้ เรารู้ว่าในคนไม่ดี อาจจะดีได้ เราจะเกลียดไหม (ไม่เกลียด)  เมื่อไม่เกลียดเราจะบาปไหม (ไม่บาป)  เมื่อไม่บาปเราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  แล้วตอนนี้เราเกลียด เราบาป เราทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ท่านต้องระวังก็คือ เมื่อศึกษาธรรมอย่าให้ความคิดความเข้าใจมาบดบังความจริงเพราะความจริงทำให้เราเห็นธรรมและพ้นทุกข์ แต่ถ้าเราเอาแต่ความคิดจนไม่มองความจริง จะทำให้เราไม่มีวันพบธรรมและพ้นทุกข์ได้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นทำอย่างไรที่เราจะสามารถมองเห็นความจริงมากกว่าสิ่งที่เราคิดและเข้าใจ ถูกไหม (ถูก)  ก่อนจะโทษคนอื่นต้องหัดมามองดูตัวเรา ทำอย่างไรที่จะไม่ปล่อยให้ความคิดมาครอบงำเราจนลืมมองความเป็นจริง เพราะส่วนใหญ่มนุษย์มักจะยึดติดความคิดความเข้าใจ จนทำให้เรามองไม่เห็นความเป็นจริงที่เรียกว่าธรรมะ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันว่าอะไรมาบดบังจนทำให้เรามองไม่เห็น
ถามลึกๆ  ในตัวตนคนมีความเป็นจริงที่เหมือนๆ กันอยู่ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นในโลกก็เหมือนกัน ดูอาจจะร้าย แต่ดี ดูเหมือนดีจริงๆ แอบร้าย ใช่ไหม (ใช่)  เรานี่แหละเป็นเลยจริงไหม
ถ้าอย่างนั้นเรามาดูว่าอะไรบดบังจนทำให้เราไม่สามารถมองเห็นความจริงและตื่นรู้ในความจริงจนเกิดปัญญาแจ่มแจ้งได้ วิสัยของมนุษย์ที่เหมือนๆ กัน

ข้อแรก ว่าไม่ได้ ผิดไม่ได้ จริงไหม ลองโดนว่าซิ เธอนะไม่ดี รับไหม ไม่รับเสียงสูงเลยใช่ไหม ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ขวางกั้นทำให้เรามองไม่เห็นความจริงคือผิดไม่เป็น ว่าไม่ได้ ร้ายไม่ได้ ใช่ไหม
อย่างที่สอง ยอมไม่เป็น ถ้าคนที่เราบอกว่าเขาไม่ดี มันไม่ดี แต่จริงๆ แล้วเขามีดีอยู่ แต่ถึงเวลาพอเขาไม่ดีกับเรา เรายอมไหม (ไม่ยอม)  เมื่อไม่ยอมเราก็เลยไม่สามารถปฏิบัติกับเขาด้วยธรรมได้ นี่แหละยอมไม่เป็น  เมื่อยอมไม่เป็น ให้ก่อนเป็นไหม (ไม่เป็น )
ข้อสาม ให้ก่อนไม่ได้ เธอไม่ดีกับฉันก่อนแล้วทำไมฉันต้องดีกับเธอก่อน เธอไม่เคยให้อะไรฉันเลยทำไมฉันต้องให้เธอก่อน ถูกไหม (ถูก)  แล้วเราเป็นอย่างนั้นใช่ไหม แล้วเมื่อเป็นอย่างนั้นเราจะสามารถทำดีกับใครได้ไหม แล้วเราจะปฏิบัติธรรมได้ไหม แล้วเราจะมองเห็นความจริงไหม
ฉะนั้นสิ่งเลวร้ายที่ขวางกั้นทำให้มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงความจริงและมองเห็นธรรมะได้ คือ นิสัยความเป็นคนของเราที่ง่ายที่จะไหลลงต่ำ คือ ว่าไม่ได้ ผิดไม่ได้ ยอมไม่ได้ ให้ไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อเราทำตรงนี้ไม่ได้ จะปฏิบัติธรรมกับใครไม่ได้ เมื่อเราปฏิบัติธรรมกับใครไม่ได้ แล้วจะมองเห็นความเป็นจริงในโลกได้หรือ ถ้าว่าได้ ผิดได้ ก็ดีขึ้นได้ แต่ถ้าว่าไม่ได้ ผิดไม่ได้ ก็ไม่มีวันเป็นคนดีได้ ใช่หรือไม่ ทะเลยิ่งใหญ่เพราะกล้ารองรับทุกสรรพสิ่ง น้ำเล็กกระจ้อยร่อยเพราะไม่เคยคิดรองรับสิ่งใด ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนที่ปิดกั้นตนไม่เคยรับฟังคำพูดใครและไม่เคยเปลี่ยนแปลงนิสัยใจตน สักวันหนึ่งจะต้องกลายเป็นน้ำเน่าที่ไร้ใครอยากใกล้ชิด และรากฐานของการเป็นคนที่ดีและสามารถปฏิบัติธรรมได้ก็คือต้องยอมให้เป็น และต้องให้ก่อนให้ได้ เขาด่าเราแต่เราอดทน เรายอม เราให้ความเมตตากลับ อยู่ในโลกนี้เราไปเอาก่อนแล้วค่อยให้หรือให้ก่อนแล้วค่อยเอา ไปทำร้ายเขาแล้วค่อยมาทำดีตอบ แก้กันได้ไหม (ไม่ได้)  ถ้าเป็นอย่างนั้นสู้ไปเอามาน้อยๆ แล้วให้เยอะๆ อย่างไหนดีกว่ากัน หรือไม่เอาเลย คนดีจริงต้องให้ก่อน และเมื่อให้จนถึงที่สุดมีหรือจะไม่ได้ มีแต่ไปเอาจนถึงที่สุด แล้ววันไหนจะได้ ฉะนั้นถ้าเกิดท่านไม่สามารถเอาชนะใจที่ไหลลงต่ำอย่างนี้ได้ ท่านก็ไม่มีวันเป็นคนดี และเข้าถึงธรรมได้ จริงไหม (จริง)  ทำได้ไหม (ได้)  เมื่อท่านยังปล่อยตัวเองเป็นแบบนี้ท่านก็เลยอดตัดพ้อต่อว่าไม่ได้ว่า ทำไมเขาไม่เมตตาฉัน
พื้นฐานของความเป็นจริงของคน
อันดับที่ ๑ มีเมตตา ทำไมเขาไม่เมตตา แต่เราลืมเมตตากับเขา และลืมเมตตากับตัวเอง 
อันดับที่ ๒ มีมโนธรรม ทำไมเขาไม่มีมโนธรรมสำนึกเลย ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย แล้วตัวเราเองล่ะ
อันดับที่ ๓ มีจริยธรรม ทำไมทำตัวไม่น่ารักเลย แล้วตัวเองน่ารักไหม เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า พูดได้แต่ทำ (ไม่ได้)
อันดับที่ ๔ มีสัตยธรรม  พูดแล้วได้อย่างที่พูดไหม พูดแล้วไม่เห็นทำได้เลย ขี้โม้เสียเปล่า และเมื่อถึงที่สุด
อันดับที่ ๕ มีปัญญา แต่ถ้าเมื่อไรท่านว่าได้ ท่านผิดได้ ท่านยอมได้ ท่านให้ได้ทั้งเมตตาธรรม มโนธรรม จริยธรรม สัตยธรรม และปัญญาธรรม สิ่งเหล่านี้ก็จะมาโดยไม่ต้องมีการบังคับเลยจริงไหม (จริง)  ให้ได้ก็เมตตาได้ ยอมได้ก็มีมโนธรรมได้ ผิดได้ก็มีสัตยธรรมได้ ยอมได้ ผิดได้ ให้ได้ก็มีปัญญาได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้ายอมไม่ได้ ผิดไม่ได้ ให้ไม่ได้ ว่าไม่ได้ แบบนี้เรียกว่าไม่มีสิ่งเหล่านั้นเลย เข้าใจไหม ฉะนั้นอยากละบาป โลภ โกรธ หลง ยังเป็นกิเลสอย่างหยาบ แต่บาปที่เกิดจากการยอมไม่ได้ ผิดไม่ได้ ให้ไม่ได้ ว่าไม่ได้ แล้วหวังว่าทุกสิ่งต้องเป็นอย่างใจ นั่นแหละที่เป็นกิเลสที่เป็นแก่นแท้ในใจของเรา แก่นแท้ของเรามันมีอยู่ ๒ แก่น หนึ่ง คือแก่นที่ไม่ดี กับ สอง คือแก่นที่ดี ลึกๆ ชอบคนเมตตาไหม (ชอบ)  ชอบคนที่เคารพให้เกียรติไหม (ชอบ)  ชอบคนพูดได้ทำได้ไหม (ชอบ)  ชอบคนมีปัญญาดีไหม (ชอบ)  แล้วเรามีชีวิตอยู่ อยู่กับคนโง่หรือคนฉลาด (ฉลาด)  อย่างนั้นหรือ เห็นเลือกคนโง่ เพื่อที่จะกดขี่ และว่าได้ ใช่ไหม คนที่เลือกเพื่อนโง่กว่า นั่นแหละเรียกว่าคนโง่ที่สุดแล้ว จริงไหม (จริง)  ถ้าอย่างนั้นลองหันกลับไปดูนะ ว่าเราโง่หรือเราฉลาด ดูที่เพื่อนเรา
(ศิษย์พี่พระนาจาเมตตาให้เขียนบนกระดานว่า)
สิ่งที่ควรละ  { ละบาป }   ได้แก่
1. ผิดไม่ได้ ว่าไม่ได้
2. ยอมไม่เป็น
3. ให้ก่อนไม่ได้                   
4. ตามใจ ตามอารมณ์
สิ่งที่ควรมี  { บำเพ็ญบุญ  }   ได้แก่
1. ต้องมีเมตตาธรรม
2. ต้องมีมโนธรรม
3. ต้องมีจริยธรรม
4. ต้องมีสัตยธรรม
5. ต้องมีปัญญาธรรม

ถ้าสิ่งนี้ท่านละได้ สิ่งนี้ท่านก็มีได้ ถ้าสิ่งนี้ท่านทำได้สิ่งนี้ท่านก็ไม่ต้องพยายาม มันก็มีขึ้นเอง จริงไหม (จริง) แล้วเราเป็นแบบนี้ไหม ดังที่พระพุทธะสอนไว้ ท่านเป็นคนนับถือศาสนาพุทธถูกไหม “ละบาปก็บำเพ็ญบุญ”  เมื่อละบาปบำเพ็ญบุญ ก็สามารถเข้าถึงความบริสุทธิ์ มันยังมีแก่นธรรมของความเป็นจริงอีกแก่นหนึ่งคือ นอกจากเห็นสิ่งที่ต้องละและสิ่งที่ต้องปรากฏให้มี ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าทำสองสิ่งนี้ได้ และเข้าใจความจริงแห่งโลกอีกสิ่งหนึ่ง จะสามารถเกิดปัญญา และเข้าถึงความบริสุทธิ์ที่เรียกว่า “สภาวธรรม” ยากไหม (ไม่ยาก)  ถ้าอย่างนั้นตั้งใจฟังก่อนนะ หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมเราถึงต้องศึกษา ปฏิบัติบำเพ็ญธรรมใช่ไหม (ใช่)  แค่นี้ก็เอาตัวไม่รอดแล้วใช่ไหม แค่นี้ก็ทุกข์แล้วใช่หรือไม่ แต่การเลือกทำในสิ่งที่ถูก ผลจะนำพามาให้ทุกขณะที่ทำมีความสุข แต่ถ้าเราเลือกทำสิ่งที่เรียกว่า กิเลส อารมณ์ ผลที่ตามมาคือจุดไฟเผาตน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ขึ้นชื่อว่าธรรมคือชื่อแห่งความสงบสุข ขึ้นชื่อว่ากิเลส คือชื่อของความทุกข์และความเผาร้อนจิตใจตนใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามว่าทำไมต้องเป็นคนดี เป็นคนดีเหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย)  ทำดีโดยไม่หวังผล เข้าใจจุดประสงค์ของการทำดีไม่มีวันเหนื่อย แต่ถ้าทำดีแบบยึดติดว่า ไม่ยอม ไม่ได้ ฉันต้องได้ ฉันต้องอย่างนี้ ทำไปแล้วจะเหนื่อยใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนนั่งฟังไปแล้วเหนื่อยใช่ไหม (ไม่ใช่)
เมื่อสามารถทำได้แบบนี้ รู้ไหมว่าการทำได้แบบนี้ ยังเป็นสาเหตุของการสร้างเหตุที่ดี เมื่อเรามีเมตตา ไม่เคยเบียดเบียนใคร จะถูกใครเบียดเบียนไหม (ไม่)  เมื่อเรารู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่เคยอยากได้ของใครมาเป็นของเรา ใครจะมาเอาอะไรจากเราไหม (ไม่)  เพราะเราไม่เคยอยากได้ของใครมาก่อนถูกไหม (ถูก)  ถ้าเกิดว่าท่านอยากได้เมตตา ถามซิว่าท่านเคยเมตตาใครไหม ถ้าท่านเมตตามากๆ ก็จะอายุยืน คนมีมโนธรรมสำนึกดีก็จะเป็นที่รัก ที่น่าเคารพนับถือ  คนที่พูดจริงทำจริง ก็จะศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นอยากสร้างเหตุที่ดี ถามซิว่าเรามีเหตุอันนี้ที่ครบหรือไม่ อยากได้ครอบครัวร่มเย็นก็ถามว่าเรามีมโนธรรมสำนึกไหม เราเคยให้เกียรติคนในครอบครัวไหม ใช่หรือไม่ (ใช่)  นี่คือรากฐานของความเป็นคนที่ทุกคนควรมี
แต่จิตใจมักง่ายที่จะไหลลงต่ำ มากกว่าขึ้นสูง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราฝืนได้เราก็จะพบธรรมได้ และเมื่อเราพบธรรมได้ เราก็จะเกิดปัญญาเห็นแจ่มแจ้งได้ ที่เรียกว่าความเป็นจริงอันเป็นหนึ่งเดียวกันเรียกว่า (นิพพาน)  นิพพานคือความสงบเย็น สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่พ้นทุกข์แม้เราจะดีขนาดไหน แม้จะละบาป บำเพ็ญบุญ  ละบาปเพื่อสร้างคุณธรรม ซึ่งทำได้แค่นี้ก็คือคนที่ประเสริฐในโลก ดังพระพุทธะบนแดนดิน แต่ยังไม่พ้นทุกข์นะ จริงไหม (จริง)
เมื่อไรที่ใจเราเที่ยงตรงจะได้รับความเคารพจากผู้อื่น
เมื่อไรที่เรามีใจเมตตา เราจะได้ใจที่สงบร่มเย็นกับทุกคน และกับตัวเรา
เมื่อไรที่เราสามารถใจกว้างเราจึงสามารถรักษาความสมดุลระหว่างดี ร้าย ได้ เสียได้
แต่ถ้าเมื่อไรที่ใจเรากระจ่างแจ่มชัดความเป็นจริง เมื่อนั้นแหละใจเราจะเป็นอิสระ และกลับคืนสู่สภาวธรรม แต่ไปไม่ถึงเลยใช่ไหม ฉะนั้นถ้าท่านทำได้อย่างที่เราพูด  เราก็จะบอกต่ออีกอย่างหนึ่งว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกสิ่งเหมือนกันนั่นก็คือ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” นั่นคือความเป็นจริงอีกอันหนึ่งที่ท่านพิจารณาอยู่เนืองๆ จะบังเกิดธรรมและปลดปล่อยความผิดทั้งหลายให้เบาบางลงได้ ความจริงแห่งธรรมอีกอันหนึ่งที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียวกันและกลับคืนสู่ความเป็นจริงก็คือ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”
ศิษย์พี่ถามหน่อยนะ ในความเป็นจริงแห่งคน ถ้าเราหมั่นเตือนตนอยู่เสมอว่าโลกนี้มันไม่เที่ยง คนมีวันเปลี่ยนแปลง เราจะโกรธจะเกลียดใครไหม (ไม่)  เราจะหลงใครไหม (ไม่)  ถ้าลึกๆ เรารู้เสมอว่ามันไม่เคยมีอะไรจริง แล้วเราหลงไหมตอนนี้ หลงไม่หลง (ไม่หลง)  ไม่เข้าใจใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นค่อยๆ พูดทีละเรื่องนะ ถามหน่อยเรามีวันแก่ไหม (แก่)  เรามีวันเหี่ยวไหม (เหี่ยว)  เรามีวันตายไหม (ตาย)  ถ้าอย่างนั้นเราน่ารักหรือน่าเกลียด (น่ารัก)  ไม่แน่ ก็เมื่อสักครู่ท่านยังบอกเลยว่าเรามีวันเหี่ยว เรามีวันตาย ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเราน่ารักหรือน่าเกลียด (ไม่แน่)  ถูกไหม เราถามหน่อย เราดีไหม เราร้ายไหม ใช่หรือไม่
(ศิษย์พี่เมตตา ให้นักเรียนชายท่านหนึ่งยืนให้นักเรียนในชั้นดูหน้าตา) ท่านนี้ยืนดูหน้าตาหน่อยนะ หันมาโชว์ให้เขาดูหน่อย หน้าตาร้ายไหม ร้ายไหม ไม่แน่นะ ถ้าไม่แน่เราสามารถมั่นใจได้ไหมว่าเขาไม่ดี เราสามารถหลงได้ไหมว่าเขาดี (ไม่ได้)  ใช่หรือไม่ เมื่อไม่ได้แล้วเราจะเกลียดเขาไหม (ไม่)  เมื่อไม่แน่ใจว่าเขาจะดีหรือเปล่าเราจะรักเขาไหม (ไม่)  ถ้าอย่างนั้นเราถามจริงๆ คนที่ท่านบอกว่ารัก คนที่ท่านบอกว่าเกลียด เขาดีจริงๆ ไหม เขาน่ารักจริงๆ ไหม (ไม่แน่)  เมื่อไม่แน่แล้วเราควรรักไหม (ไม่ควร)  ใช่หรือไม่ ถ้าท่านเข้าใจความเป็นจริงแห่งสัจธรรม ท่านจะไม่ทุกข์กับคนในโลก และไม่ก่อเกิดโลภ โกรธ หลงและไม่มีอะไรในโลกที่ทำให้ใจทุกข์เลย จริงหรือไม่ (จริง)
เมื่อเราเข้าใจความเป็นจริงอันเป็นแก่นแท้ที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียว โลภ โกรธ หลงจะไม่บังเกิด เพราะมันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ และมันก็ว่างเปล่า ฉะนั้นถ้าตามใจตามอารมณ์ ธรรมจึงไม่เกิด ปัญญาจึงไม่มี ความเห็นแจ้งในโลกความเป็นจริงจึงไม่เคยชัด ทุกวันนี้สิ่งที่เราทำคือ ตามใจตามอารมณ์ ใช่ไหม จึงหนีไม่พ้นวัฏฏะแห่งความทุกข์ ทำไมเขาต้องทำให้ฉันเจ็บ ทำไมเขาต้องพูดแบบนี้ ทำไมเขาต้องลวงฉันอย่างนี้ แต่ถ้าท่านเข้าใจความเป็นจริงและทำสิ่งที่ถูกต้อง เราจะไม่ถามว่าทำไม แต่เราจะเข้าใจเพราะเราก็เคยเป็น ใช่หรือไม่ (ใช่)  เคยด่าเขาไหม เคยโกงเขาไหม เคยหลอกเขาไหม เคยผิดคำพูดกับเขาไหม ใช่หรือไม่ แล้วตัวเองให้อภัยตัวเองไหม แล้วเคยว่าตัวเองแล้วแก้ไขไหม ฉะนั้นถ้าแก้ไขไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์

สิ่งที่เราพูดคือแก่นความเป็นจริงของคนใช่หรือไม่ (ใช่)  มีคำกล่าวสอนไว้ว่า เมื่อไรที่เราเข้าใจความเป็นคนในตัวเรา เราจะเข้าใจความเป็นคนในผู้คน เมื่อไรเข้าใจนิสัยของความเป็นคนอันแท้จริง เราจะเข้าใจนิสัยของความเป็นคนในโลกได้ เมื่อไรที่เราเห็นชัดในตัวตน เราจะสามารถเห็นชัดในผู้คน ดังคำกล่าวว่า ไม่ต้องออกนอกบ้าน ถ้าเข้าใจตนก็เข้าใจในมวลสรรพสิ่งในชีวิต แต่ถ้ายังไม่เข้าใจตนก็ยากที่จะเข้าใจผู้คนได้ เหมือนที่มนุษย์ชอบเป็นกันคือ เอาแต่รอว่าใครจะมารักฉัน เอาแต่รอว่าใครหนอจะเคารพฉัน แล้วก็รอว่าใครหนอจะทำให้ฉันมีความสุข ถูกไหม แต่ผู้ที่เข้าใจธรรม ทำตัวเองให้น่าเคารพ ทำตัวเองให้น่ารัก และรู้จักรักคนอื่นให้เป็น ใช่หรือไม่ (ใช่)  เอาแต่รอคนมารักสู้รู้จักรักตัวเองให้เป็นและรักคนอื่นให้เป็นดีกว่าแล้วจะเหงาไหม (ไม่เหงา)  รู้จักเคารพให้เกียรติตัวเองและเคารพให้เกียรติผู้อื่น ใครจะมาดูถูกเราไหม (ไม่)  รู้จักมีสุขไม่ต้องรอสุขในอนาคต เราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)
ฉะนั้นอย่ามัวรอจงเริ่มทำที่ตัวเราเองก่อน วันนี้เราก็มาแค่นี้ ขอทวนหน่อยนะ ทำอะไรต้องรู้จักมีสติ มีธรรมยั้งคิดนะดีหรือไม่ (ดี)  ฉะนั้นอย่าดูเบาตัวเองว่าสิ่งที่เราพูดไกลเกินเอื้อม อย่าดูเบาตัวเองว่าสิ่งที่เราพูดท่านทำไม่ได้ ไม่ลองจะรู้หรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  สุขทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ใครเป็นคนกำหนด แต่อยู่ที่เราสร้าง ขอเพียงเราเข้าใจและเห็นแจ้งความเป็นจริงในตัวเอง ธรรมะไม่ได้อยู่ข้างนอก ธรรมะไม่ได้อยู่ในหนังสือ แต่ธรรมะต้องค้นหาที่ใจเรา และเริ่มทำออกจากใจเรา เพราะถ้าเราสงบคนอื่นก็เป็นสุข ถ้าเราทุกข์คนอื่นก็เป็นทุกข์จริงหรือไม่ (จริง)  ยากไหม (ไม่ยาก)  ฉะนั้นลองไปดูนะสิ่งที่เราพูดไม่ใช่เรื่องยากไกลเกินเอื้อมใช่ไหม (ใช่)
เวลาทำอะไรถามตัวเองก่อนนะ อยากปฏิบัติธรรมและพ้นทุกข์จริงไหม ถ้าไม่อยากปฏิบัติก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้าอยากปฏิบัติแล้วพ้นทุกข์ พบธรรม ลองไตร่ตรองสิ่งที่เราพูดวันนี้ว่า สิ่งที่ท่านทำ สิ่งที่ท่านคิด สิ่งที่ท่านพูดยอมให้ใครไหม ให้ไหม สิ่งที่ยอมให้มีธรรมบ้างไหม ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยากพบธรรมในผู้คน ต้องเริ่มจากพบธรรมในใจตน อยากมีธรรมในผู้คน ก็ต้องเริ่มมีธรรมในใจตน ใครไม่มีเรื่องของเขา เราจะมี ใครไม่เป็นเรื่องของเขา เราจะเป็นธรรมที่ถูกต้องและดีงามให้ได้ คนปัจจุบันนี้ขาดคนดีจริงนะ โลกปัจจุบันขาดคนมุ่งมั่นปฏิบัติจริง เก่งแต่พูดแต่ไม่เก่งกระทำใช่ไหม (ใช่)  ดีแต่ปากไม่เอา อยากให้ดีที่การกระทำ และขอเป็นคนดีจริง ดีที่สุด ดีจนลมหายใจสุดท้าย แล้วท่านจะรู้ว่าชีวิตมันมีค่า ทุกเวลาประมาทไม่ได้ เพราะผิดกับเขาไปแล้ว ทำดีอย่างไรก็แก้ไม่ทันจริงไหม (จริง)  ถามใจท่านดู ใครว่าเราผิดใจนิดหนึ่ง ขอโทษหายไหม (ไม่หาย)  ฉะนั้นยอมก่อนไม่ดีกว่าหรือ สร้างธรรมให้บังเกิด อย่าเป็นทุกข์แล้วค่อยมีธรรม จงมีธรรมเพื่อไม่ต้องมีทุกข์ อย่ามีทุกข์แล้วค่อยมีธรรม จงมีธรรมเพื่อจะได้ไม่สร้างทุกข์ ขอให้มีสติ ทำอะไรยั้งคิด ไปแล้วนะ

วันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ สถานธรรมฉือเหริน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  อิงมองตามจริงโลกอยู่ลำบาก              เจออุปสรรคต้องเข้าใจชีวิตยิ่ง
หอบสติไปข้างนอกได้พึ่งพิง                   คาถาเรียกใจนิ่งไม่จ่ายแพง
สติตรองครองใจใช้เป็นประจำ                 คิดพูดทำเป็นธรรมบารมีแกร่ง
ฟังได้กลางกลางกำราบมารจำแลง           ตื่นใจแจ้งในโลกสร้างบารมี
                        เราคือ
  จี้กงสงฆ์วิปลาส              รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา         ลงสู่แดนโลก แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว                 ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์ไหม

อยู่ไปอยู่มาชีวิตไม่เป็นของเรา  เกิดแต่เรื่องเหนือคาดเดา กำกับเราคือนิสัยตน  ปัญหาซ้ำซ้ำเป็นตัวเองง่ายง่ายกลับสับสน  ขาดธรรมในเรื่องตน (อึดอัดในเรื่องของใคร)
บำเพ็ญหมดแล้วเรื่องทุกข์ก็ยังไม่เบา ไม่มีวันเว้นศุกร์เสาร์ดูฌานเราบำเพ็ญถึงไหน ได้เห็นว่าทุกข์ก็พบว่าธรรมมีที่หัวใจ ธรรมะสมบูรณ์จิตใจ สุขทุกข์กลายช่วยให้กระจ่าง
* คนบำเพ็ญหัวร้อนรับกันไม่ไหว รู้มากไปถึงรับแบกให้เป็นปัญหาตัว ติดใจสงสัยกันแล้ววุ่นวายหนักหัว ตระหนักรักตัวต่างคนบำเพ็ญจิตให้มากพอ
** ผู้บำเพ็ญนั้นสติอยู่พร้อมเหมือนเพื่อน เสียงที่ไม่ตักเตือนแม้แค่ฟังก็เจอทางพ้น โลกไม่พ้นทางคิดถึงปัญหาตกตกหล่นหล่น เสียงคือเสียงบ่นชีวิตไม่เพียรไม่ใช่ของเรา      ซ้ำ (*, **,      )

ทำนองเพลง : เธอเป็นแฟนฉันแล้ว
ชื่อเพลง : ชีวิตไม่เพียรไม่เป็นของเรา


พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่า (ไม่มา)  ตกลงมาช้าดี หรือมาช้าไม่ดี  ดีกว่าไม่มาเลยใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ไม่มาดีไหม (ไม่ดี)  ถ้าอย่างนั้นก็ต้องอยู่ที่ตัวศิษย์แล้วนะ ถ้าตั้งใจคุยกันเราก็อยู่กันนานๆ แต่ถ้าไม่ตั้งใจคุยกัน  มาสักครู่ก็หายไปดีไหม (ไม่ดี)  อะไรก็ดีอยู่ในโลกนี้จะได้ไม่ทุกข์จริงไหม ถ้าเลือกที่รักมักที่ชังเราก็จะมีความทุกข์ แต่ถ้าคิดว่าอะไรมันก็ดี เขาด่าก็ดี เขาชมก็ (ดี)  เขาเอาเงินไปไม่คืนก็ (ดี)  ให้พูดได้อย่างนี้ตลอดๆ นะ สามีไปไม่กลับบ้านก็ (ดี)  จริงหรือ  แต่ผลสุดท้ายก็มานั่งเสียใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่เก่งจริงนี่นา
อยู่ในโลกนี้อยู่ยากไหม (อยู่ยาก)  บางคนบอกยาก บางคนบอกไม่ยาก ถ้าอยู่แล้วใส่ใจ กังวลทุกคนมันก็ยากนะ แต่ถ้าอยู่แล้วเป็นตัวของตัวเอง ไม่สนใจใครมันก็ง่ายใช่ไหม (ใช่)  ใช่หรือ แล้วศิษย์เป็นประเภทไหน

อาจารย์ว่าบางทีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนี้บางทีก็อยู่ยาก เพราะในโลกคนส่วนใหญ่มักจะสอนว่า ต้องเป็นคนเก่ง ต้องเป็นคนดี และต้องมีแต่ได้ ใช่ไหม (ใช่)
เรามักจะถูกสอนว่าอยู่ในโลกนี้ต้องเป็นคนเก่ง ต้องให้ดี ต้องให้ได้ ต้องให้เด่นให้ดัง ใช่ไหม (ใช่)  สอนลูกว่าต้องเก่ง ลูกต้องดี ทำอะไรก็ต้องได้ และต้องดังใช่ไหม ถ้าลูกไม่ดีไม่เด่นไม่ดัง ไม่เอาใช่ไหม (เอา)  เราถูกสอนมาเป็นแบบนี้ แต่ธรรมะกลับสอนในด้านตรงกันข้าม ไม่จำเป็นต้องเก่ง ไม่ดีก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ธรรมดาก็ดี เราเคยสอนลูกแบบนี้ไหม เราเคยบอกตัวเองให้เป็นแบบนี้บ้างไหม เราบอกแค่เพียงว่าลูกต้องเก่ง ถ้าลูกไม่เก่งจะยืนบนโลกนี้ไม่ได้ จริงไหม (ไม่จริง)  แล้วเราสอนอย่างไร เราสอนเราบอกตัวเราเองเสมอ ฉันต้องเก่ง ต้องได้ ต้องดี แต่เมื่อเราอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเราเริ่มรู้แล้วว่า บางครั้งไม่จำเป็นต้องเก่ง บางครั้งยอมไม่ดีบ้าง เพื่อให้คนอื่นได้ดีไม่เป็นไร บางครั้งยอมเสียสละ ยอมที่จะไม่ได้บ้าง เพื่อให้ผู้อื่นได้ เพื่อให้มีสุข บางครั้งไม่ต้องเด่นไม่ต้องดัง อยู่ธรรมดาเรียบๆ ง่ายๆ ก็อยู่กับใครได้ เป็นสุขมากกว่าถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วทำไมเวลาใช้ชีวิตเวลาเจอความจริง เราถึงไม่บอกกับลูก บอกกับหลาน บอกกับคนที่เรารัก บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่กลับยัดเยียดให้กับลูกว่า ลูกต้องเป็น ลูกต้องได้ ต้องดี จริงไหม (จริง)  แล้วเราเคยสอนเขาแบบนั้นไหม ไม่เก่ง แม่ก็รัก พ่อก็รัก ไม่ดีไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับมาดีได้ แม่ก็ให้อภัย พ่อก็รัก เคยบอกกันอย่างนี้ไหม (ไม่เคย)
ขอบใจนะที่กล้ายอมรับ เพราะอาจารย์ว่าอาจารย์ก็ไม่เคยเห็นใครพูดแบบนี้เลย น้อยมาก ส่วนใหญ่รอให้เขาไปผิดพลาดมาแล้วถึงค่อยบอก ถ้าเกิดลูกเขาพูดได้เขาคงบอกว่าทำไมแม่ไม่บอกผมตั้งแต่แรก ทำไมพี่ไม่บอกหนูตั้งแต่แรก ทำไมเพื่อนไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่าฉันเป็นแบบนี้ก็ได้ เคยบอกไหมว่าแกไม่ต้องดีที่สุดแต่ขอแกจริงใจกับฉันก็พอ ใช่ไหม (ใช่)  แกไม่ต้องเก่งที่สุดแต่ขอแกเข้าใจฉันเวลาฉันแย่ก็พอ จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องการเวลาเราอยู่ร่วมกันคืออะไร ความจริงใจ ความเข้าใจ กำลังใจ และการเห็นใจ เวลาเราอยู่ในโลกเราเคยเข้าใจใครไหม เราเคยเห็นใจใครจริงๆ ไหม และเราเคยทำได้บ้างไหม เรามักจะตรงกันข้ามใช่ไหม (ใช่)  แกต้องเก่งแกไม่เก่งไม่ใช่เพื่อนฉัน แกไม่ใช่ลูกฉัน เธอไม่ใช่สามีฉัน ไม่ได้เรื่อง ใช่ไหม แต่จริงๆ แล้วชีวิตเรา เราต้องการคนที่เข้าใจเวลาเราแย่ที่สุด คนที่รับเราได้เวลาที่เราไม่เหลืออะไรและไม่มีอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอยู่ในโลกนี้ความสุขหาง่ายขอเพียงเห็นใจบ้างหรือยัง เข้าใจบ้างหรือยัง จริงใจหรือยัง และรับเขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ไหม ถ้ารับได้ เข้าใจได้ เห็นใจได้ และทนได้ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ความสุขก็จะเกิดขึ้นในชีวิต ฉะนั้นถ้าเราอยากได้สังคมที่ร่มเย็น ครอบครัวที่อบอุ่น เพื่อนที่น่ารัก ลูกที่น่ารัก สามีที่ดี ถามตัวเราเองก่อน เห็นใจเขาบ้างไหม จริงใจกับเขาแค่ไหน แล้วชีวิตที่ร่มเย็น ชีวิตที่เป็นสุขก็ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่อยู่ที่ตัวเราพร้อมจะเรียนรู้และเข้าใจคนรอบข้างอย่างจริงใจหรือไม่
อาจารย์ให้กลอนนำ มีคาถาเรียกใจที่ทำให้ใจนิ่งและไม่ต้องจ่ายแพง นั่นคืออะไร (ต้องมีสติ,มีสติสัมปชัญญะในการดำเนินชีวิต)  มีสติสัมปชัญญะในการดำเนินชีวิตใช่ไหม (ใช่)  เป็นคาถาเรียกใจที่เราไม่ต้องจ่ายเลยใช่ไหม (ใช่)  เวลาอารมณ์ร้อนใช้สติ สติจะช่วยยับยั้งให้เราใจเย็นคิดได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเวลารู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดี จงมีสติ สติจะดึงใจให้เรากลับมาให้เราเป็นปกติ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสติเป็นสิ่งที่ดี แต่เรามีสติไหม (ไม่มี)  ถ้าทำอะไรขาดสติบ่อยๆ ก็ง่ายจะตกเป็นทาสอารมณ์ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นคนที่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์คือคนที่ไม่เคยมีสติอยู่กับตัวถูกไหม (ถูก)  แต่คนที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ และยั้งตัวเองได้แปลว่ารู้จักมีสติใช้กับตัวใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นสติจึงเป็นสิ่งที่มีค่าไม่ต้องเสียเงินเลยด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เอาไปใช้บ่อยๆ เวลาไปอยู่กับใคร หรือต้องเผชิญกับสิ่งใด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอบถูกไหม (ถูก)  แปลว่าอาจารย์ต้องอยู่ต่อหรือกลับ (อยู่ต่อ)  นึกว่ากลับ ถ้าตอบถูก แล้วตอบได้ แล้วตอบเป็น อาจารย์ก็ไม่ต้องสอนอะไรแล้วจริงไหม (ไม่จริง)  ก็รู้แล้วไม่ต้องบอกอะไรแล้ว จริงไหม (ไม่จริง)  ในโลกใบนี้สิ่งที่จริงก็ไม่จริงได้ใช่หรือไม่ (ใช่)   แล้วสิ่งที่ไม่จริงก็จริงได้ใช่หรือไม่ (ใช่)
พูดเอง ก็ต้องรับผิดชอบกับผลที่ตัวเองพูด นั่งก็ (ดี)  ไม่นั่งก็ (ดี)  ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่ายืนเป็นเพื่อนอาจารย์ก็ (ดี)  ถ้าอย่างนั้นก็ยืนเป็นเพื่อนอาจารย์ต่อไป ได้ไหม (ได้)  ศิษย์เอยถ้าเราอยู่ในโลกอย่าผลักดันให้ใครทุกข์ อย่าผลักดันให้ใครเจ็บปวด แม้ศิษย์บอกว่ามันเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา แต่ศิษย์จงจำไว้อย่างหนึ่ง ถ้าศิษย์ทำเขาเจ็บ เขาจะทำเราเจ็บยิ่งกว่า ถ้าศิษย์ทำเขาทุกข์ เขาจะกลับทำเราทุกข์ยิ่งกว่า อาจารย์ถามก่อนถ้าเรามีชีวิตแล้วขอได้หนึ่งอย่าง เราอยากขออะไรให้กับชีวิตก่อนจะนั่งดีไหม (ดี)  ขออะไรให้กับชีวิต ขอได้อย่างเดียวและขออีกไม่ได้แล้ว และถ้าตอบแล้วถอนคำพูดไม่ได้แล้วนะ ระหว่างขอให้รวย ขอให้แข็งแรง และขอให้มีปัญญา ตอบแล้วถอนคำพูดไม่ได้แล้วนะ ไหนใครอยากขอให้รวยยกมือขึ้น ในใจก็อยากยกแต่ไม่มีใครยกมือเลย พูดมาตามตรงเถอะอาจารย์ไม่ว่า ยกมือไหม ไม่ยกหรือ ขอแล้วขออีกไม่ได้แล้วนะ ใครขอให้แข็งแรงยกมือขึ้น ยกได้ครั้งเดียว แล้วยกไม่ได้แล้วนะ อยากได้แข็งแรงเอามือลง ใครอยากขอให้มีปัญญา ยกมือขึ้น อย่ายกซ้ำนะศิษย์เอย เอามือลง ถ้าใครขอให้มีปัญญาอาจารย์อยู่คุยต่อ แต่ถ้าใครขอแข็งแรงและรวย อาจารย์จะกลับศิษย์ไปหาเอาเองดีไหม (ไม่ดี)  อาจารย์พูดตรงๆ  ทำไมอาจารย์อยากให้ศิษย์เลือกปัญญารู้ไหม มีเงินแต่ไร้ปัญญา มันก็จนได้ ใช่ไหม (ใช่)  ไม่มีเงินแต่มีปัญญาก็รวยได้จริงไหม (จริง)  แล้วทำไมถึงเลือกอยากรวยก่อนแล้วถึงเลือกมีปัญญา ปัญญาเกิดได้จากการศึกษาเรียนรู้ แล้วยิ่งเรียนวิชาธรรมะด้วย กลับไม่เคยคิดอยากเอา แล้วจะได้ปัญญาไหม ถูกไหม (ถูก)  แล้วศิษย์เอารวยหรือเอาปัญญา (ปัญญา)
ไหนใครบอกเอาแข็งแรง อาจารย์จะบอกเอาแข็งแรงแต่ถ้าไม่มีปัญญาสู้กับความอ่อนแอ แข็งแรงมันก็กลับไปอ่อนแอได้ จริงไหม (จริง)  แต่คนมีปัญญาเมื่ออ่อนแอเขาจะทำตัวเองให้เข้มแข็งจงได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคน ควรเลือกเมื่อจะดำเนินชีวิต เราจะก้าวไปตรงไหนเราต้องถามจุดเริ่มต้นเรา ถ้าเราเริ่มต้นผิดชีวิตมันก็เดินผิดทาง แต่ถ้าเราเริ่มต้นถูก ชีวิตมันก็เดินไปได้ มันก็สู้ได้ตลอดทาง แล้วมันมีทางออกตลอดทาง จริงไหม (จริง)  ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามจริงๆ ชีวิตศิษย์เอาเงินก่อนเอาปัญญา ใช่ไหม เงินก่อนปัญญาไว้ที่หลัง ใช่ไหม  เหมือนวันนี้เขาบอกให้มาฟังธรรม 3 วัน เดี๋ยวนะค้าขายดีขายก่อน ใช่หรือไม่ จริงๆ นะศิษย์เอยถ้าเราอยู่ในโลกนี้ไม่อยากเจอคนคับแคบ อย่าตีใจคับแคบ ถ้าอยากอยู่บนโลกกว้างจงเปิดใจกว้าง อะไรก็ได้ อะไรก็ดี เราก็จะมองเห็นโลกกว้าง แต่ถ้าเราตีตนคับแคบ มันต้องอย่างนั้นมันต้องอย่างนี้ เราก็จะเจอแต่คนคับแคบโลกคับแคบ จริงไหม
ถ้าศิษย์เกิดอยากมีปัญญา ศิษย์ก็ต้องรู้จักหมั่นเรียนรู้ แต่บางครั้งการยึดติดยึดมั่นทำให้เราขาดปัญญา และทำให้ไม่สามารถทำอะไรด้วยปัญญาที่แจ่มชัดได้ เหมือนเวลาเรายึดความคิดของเรา เราว่าความคิดของเราถูกต้อง เราก็จะไม่สามารถมีปัญญามองเห็นอะไรแจ่มชัด เหมือนเราคิดว่าคนนี้เป็นคนผิด เราจะมองให้เขาถูกมันก็ยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะความคิดของเรามันบดบังปัญญา ฉะนั้นสิ่งที่น่ากลัวก็คือ อยากมีปัญญาจงอย่ายึดถือความคิดตนเป็นเด็ดขาด เพราะถ้ายึดถือความคิดตน ปัญญาจะบกพร่องทันที เข้าใจนะ (เข้าใจ)
ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันต่อ หลายคนอาจสงสัยว่า ธรรมะที่ฟังไปในวันนี้ มันแตกต่างกับสิ่งที่ผมหรือหนูเคยเรียนรู้เคยเรียนรู้กันมา ต่างไหม (ไม่ต่าง)  เรามาตกลงกันก่อนนะ อาจารย์ไม่ได้ให้ศิษย์เปลี่ยนศาสนา อาจารย์แค่พูดเรื่องธรรมะ ที่เราจะเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิต และที่สุดของการปฏิบัติธรรม ก็คืออยู่กับทุกข์ เข้าใจทุกข์ และสามารถไม่เป็นทุกข์ได้ นั่นคือจุดประสงค์หลักของการศึกษาและเรียนรู้ธรรม แต่โดยส่วนใหญ่เราศึกษาและเรียนรู้ธรรม เรามักจะเข้าใจว่าจุดประสงค์หลักของการปฏิบัติธรรมคือการทำบุญ ทำทาน และเป็นคนดี
(พระอาจารย์เมตตาถามนักเรียนในชั้นเรียนว่าใครชอบทำบุญบ้าง)
ที่บอกว่าชอบนี่ทำบ่อยๆ หรือนานๆ ที (บ่อย)  คนทำบุญติดบุญไหม ขอบุญไหม หลงบุญไหม จุดประสงค์หลักของการศึกษาธรรมหรือการปฏิบัติธรรมอย่างแรก ศิษย์คิดว่าถ้าจะปฏิบัติธรรมต้องทำบุญเยอะๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จุดประสงค์ส่วนใหญ่ในการทำบุญของเราคือ เราทำบุญเพื่อให้ใจสบาย เพื่อสละ เพื่อความโล่งเบา โปร่งเบาในจิตใจ ใช่หรือไม่ ทำบุญเพื่อให้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วทำไมเวลาทำบุญเสร็จ ขอๆๆ อย่างนี้เรียกว่าให้หรือขอ ตกลงว่าทำบุญหรือขอบุญ (ขอบุญ)  จุดประสงค์หลักของการทำบุญคือ ทำบุญเพื่อสละความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน สละความโลภหลงในทรัพย์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าไปทำแล้วยังขอ เรียกว่าสละหรือกลับไปยึดเหมือนเดิม ฉะนั้นไม่ได้อยู่ที่เงินเป็นสำคัญแต่อยู่ที่ใจใช่หรือไม่ เราทำเพื่อความสละไม่ยึดมั่นถือมั่น ที่แล้วมาทำเพื่อให้หรือทำเพื่อเอา ฉะนั้นถ้าศิษย์จะเริ่มต้นศิษย์ก็ต้องเริ่มต้นให้ถูก หลักของการปฏิบัติธรรมคือ ทำบุญเพื่อให้ ทำบุญเพื่อสละ ทำบุญเพื่อไม่ยึดถือ ทำสิบบาทขอร้อยบาทถูกไหม (ไม่ถูก)  ถ้าทำเพื่อยึดจะกลายเป็นทำแล้วยังมีกิเลสแอบแฝง ยังมีเจตนามุ่งหวังไม่บริสุทธิ์ ทำบุญแบบนี้ไม่ได้ไปสวรรค์ ใช่ไหม (ใช่)  จะขอต้องขอที่ตัวเอง ขอพระคุณเจ้าให้ร่มเย็นเป็นสุข แต่ทุกวันด่าๆ จะร่มเย็นเป็นสุขไหม (ไม่)  ทุกวันเอาแต่จับเข่านินทา เล่นหวย เล่นพนัน จะมีความสุขไหม (ไม่)  ฉะนั้นอยากขอให้ตัวเองมีความสุข ทำไมไม่ถามที่ตัวเราเอง เพราะจุดประสงค์หลักของการศึกษาธรรมคือทำเพื่อให้ ทำเพื่อละ ใช่หรือไม่
เป็นคนดีที่ชอบเอาความดีว่าตัวเองดี แล้วไปข่มคนอื่นถูกไหม (ไม่ถูก)  เราเป็นคนดีที่ชอบวิพากวิจารณ์ คนนั้นไม่ดีใช่ไหม (ไม่ใช่)  เราเป็นคนดีที่ชอบเอาความดีของเราไปตัดสินว่า คนนั้นแย่ใช่ไหม (ไม่ใช่)  เราเป็นคนดีที่ไม่เคยวิพากวิจารณ์ใคร ไม่เคยไปตัดสินใคร ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยบีบบังคับใครใช่ไหม (ใช่)  เราทำดีจุดประสงค์หลักของการทำดีคือ ไม่ประพฤติชั่ว เราทำดีเพื่อกางกั้นใจของตัวเองไม่ให้ทำผิด เราทำบุญทำทานเพื่อป้องกันให้ใจไม่หลงยึดติด ฉะนั้นศิษย์ต้องเข้าใจให้ได้ก่อน เพราะถ้าศิษย์ไม่เข้าใจกลายเป็นว่าทำบุญแล้วก็ยังไปหลงยึดเหมือนเดิม อย่างนี้ก็ไม่ได้ละอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำดีแล้วยังไปทำบาปอีกอย่างนี้ก็ไม่ได้เรียกว่าดี ทำดีเท่าไรก็ไม่เคยได้ดีใช่ไหม (ใช่)  เหมือนเวลาเราดีแล้วใครไม่ดีว่าไหม (ว่า)  อาจารย์ ศิษย์ไม่ว่าเลย แต่แช่งมันให้ตายจมดินเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหยียบให้ตายเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์ถามหน่อย คนดีแล้วมีสิทธิ์ไหมที่บังคับให้ทุกคนต้องดีกับตัวเอง (ไม่มี)  เรียกร้องให้ทุกคนต้องดี คนนั้นไม่ดี ไม่ได้เรื่อง ฉันดีอยู่คนเดียวเอง เหนื่อย เป็นแบบนี้ไหม (ไม่, เมื่อก่อนเป็นแต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็น)  หลังจากอาจารย์พูดอยากไม่เป็นทันทีเลยใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์ต้องเข้าใจ ถ้าศิษย์ศึกษาปฏิบัติธรรม บุญยังไม่เข้าใจ การเป็นคนดียังไม่เข้าใจ ศิษย์ก็ยังก้าวต่อไปไม่ได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)
หลักสำคัญอันที่สองของการเป็นคนดีก็คือ ทำดีเพื่อให้ตัวเองไม่ประพฤติชั่ว แต่ไม่ใช่ทำดีแล้วเอาชั่วไปให้คนอื่น ไม่ใช่ทำดีแล้วเพื่อบอกว่าคนนั้นชั่ว แล้วตัวเองดี๊ดีถูกไหม (ไม่ถูก)  ฉะนั้นคนดีจริงยังไงก็ไม่ต้องไปว่าคนไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์เชื่อไหม ถ้าศิษย์เป็นคนดี ศิษย์ยืนเฉยๆ ให้เขาชั่วไปเถอะ ยิ่งเขาชั่วเท่าไร เรายิ่งสุกใสสว่างปิ๊งปั๊งจริงไหม (จริง)  ไม่ต้องไปด่าเขาเลย ยิ่งเขาชั่วเท่าไร ฉันสะอาดโดยไม่ต้องทำอะไรเลยจริงไหม (จริง)  แล้วจะไปด่าทำไมให้ตัวเองสกปรกตามใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถามตัวเอง     ถ้าศิษย์อยากเป็นคนหนึ่งที่ปฏิบัติแล้วไม่อยากชั่ว ไม่อยากเลว ไม่อยากร้าย ถ้าจะเป็นคนดีก็อย่าเอาความดีของตัวเองไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แล้วอย่าไปคิดว่าตัวเองดีนักหนาถึงได้สามารถตัดสินคนอื่นได้ว่า คนนั้นไม่ดี คนนั้นแย่ แน่ใจหรือว่าตัวเองดีจริงๆ (ไม่แน่ใจ)  ไม่แน่ใจแล้วเรามีสิทธิ์ว่าใครไหม (ไม่มี)  จำไว้นะ อย่าว่านะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะถ้าว่าเมื่อไร ศิษย์ก็เกี่ยวกรรมกับคนเมื่อนั้น ไม่ว่าศิษย์จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เมื่อว่าแล้วอย่าบอกว่าไม่ตั้งใจ ตั้งใจทั้งนั้นแหละใช่ไหม (ใช่)  อย่าบอกว่าไม่เจตนา เจตนาทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่เจตนาจะว่าไม่ออกหรอกจริงไหม (จริง)  แล้วคนส่วนใหญ่ชอบมาคิดว่าที่ว่าคนอื่นได้ มักคิดว่าตัวเองดีเลิศ ประเสริฐศรีใช่ไหม (ใช่)  ถึงคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์จะว่าคนนั้นมันไม่ดี คนนี้มันไม่ดี แต่อาจารย์ถามจริงๆ คนที่เขารู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ยังดีไม่พอ เขาจะว่าใครไหม     (ไม่ว่า)  เขาจะวิพากษ์วิจารณ์ใครไหม (ไม่)  ถ้าเขารู้ตัวเองว่า จริงๆ แล้วตัวเองก็ยังไม่ได้ดีจริง เขาจะว่าใครไหม (ไม่ว่า)  เขารู้ว่าตัวเองดีหรือยัง (ยัง)  ที่เขานินทา เราเคยนินทาไหม (เคย)  ที่เขาทำผิด เราเคยทำผิดไหม (เคย)  ที่เขายักยอกของๆ คนอื่น ฉ้อฉล โกง ทุจริต เราไม่เคยโกงเลยหรือ (ไม่เคย)  ถามจริงๆ ตอนเด็กๆ ใครบ้างพูดได้เลยไม่เคยขโมยเงินพ่อแม่ (หยิบไม่บอก) หยิบไม่บอกเรียกว่าขโมย อย่าพูดว่าไม่ขโมย บางทีเห็นดอกไม้ข้างๆ ทาง เห็นไม่มีเจ้าของเด็ดมาดมเฉยเลย แล้วก็ถือกลับบ้าน อย่างนี้เขาเรียกว่าขโมย สิ่งที่ไม่ควรมองเราก็ไปแอบมอง ไปแอบรู้ นั่นแหละเขาเรียกว่าขโมย อย่าบอกว่าตัวเองไม่ขโมย ฉะนั้นถ้าเราตรวจสอบจริงๆ เราจะไม่เห็นใจ คนไม่ดีหรือ เราจะว่าคนไม่ดีได้หรือ เพราะตัวเองดีหรือยัง (ยัง)  ฉะนั้นเมื่อตัวเองดีไม่พอ จึงพยามยามทำดีเพื่อไม่ทำชั่ว ใช่หรือไม่ ฉะนั้นคนที่พยายามยกว่าตัวเองว่าดี จริงๆ นั้นดีไหม (ไม่ดี)  แล้วคนที่ว่าคนอื่นไม่ดี ตัวเองดีไหม (ไม่ดี)  แล้วตอนนี้ตัวเองดีหรือไม่ดี (ไม่ดี)  ดีไหม ดีหรือยัง ตัวเองดีไหม ไหนใครกล้าบอกว่าตัวเองไม่ดียกมือขึ้น (นักเรียนทั้งห้องยกมือ)
อาจารย์ทั้งดีใจและเสียใจ เพราะไม่ดีเต็มห้องเลย แต่อีกอันหนึ่งก็ดีใจว่า คนที่กล้ายอมรับว่าตัวเองไม่ดี  คนนั้นแหละพร้อมจะเป็นคนดี ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าอย่างนั้นมาคุยต่อ สิ่งที่อยากคุยคือ จุดประสงค์ใหญ่ในการศึกษาธรรมนอกจากเรารู้จักทำบุญเป็นคนดีแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือ ศึกษาธรรมเพื่อจะได้ทำให้เรารู้ทุกข์ เข้าใจทุกข์ และไม่ต้องทำให้เราทุกข์กับโลกใบนี้ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามให้ศิษย์ตอบแล้วมีรางวัลให้ แต่รางวัลนั้นอาจารย์อยากจะบอกว่า กินแล้วทุกข์เหลือเกิน กินแล้วเจ็บจี๊ด เข้าไปถึงใจ เอาไหม (เอา)  นี่แหละสาเหตุหนึ่งของความทุกข์  รู้แล้วว่ามีแล้วทุกข์ ก็อยากมี รู้ว่ามีแล้วว่าเจ็บจิ๊ด ไปถึงใจก็อยากเอา จริงไหม (จริง)  สามีแต่ก่อนมีไหม    (ไม่มี)  ก่อนเคยมีไหม (ไม่มี)  แล้วมีไหม เป็นอย่างไรล่ะ เจ็บจิ๊ดไหม ทุกข์ไหม เอาไหม เอาไปแล้วถอนตัวไม่ได้ รอแต่เพียงเขาไม่เอาเรา ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นต้นเหตุอย่างแรกที่มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนหนีไม่พ้นทุกข์ก็คือ หนูอยู่ในโลกคนเดียวไม่เป็น อยู่ว่างๆ ไม่ได้ แล้วจะได้รู้ว่าขึ้นสวรรค์แล้วลงนรกอย่างไร ถูกไหม (ถูก)  ไม่ต้องถามผู้หญิงถามผู้ชายก็ได้ ถ้าอยากรู้ว่าสวรรค์นั้นอยู่ตรงไหน ก็ลองมีสักคนหนึ่ง บุญพาวาสนาส่งใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าอยู่นานไปนานมา กรรมอะไรของฉัน
สิ่งแรกที่ทำให้มนุษย์ทุกข์ก็คือ ความไม่พอใจกับความไม่มี ไม่พอใจกับความว่างเปล่า ไม่พอใจกับความโดดเดี่ยว ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกชีวิตล้วนต้องกลับคืนสู่ความว่างเปล่า โดดเดี่ยว และไม่มี ฉะนั้นถึงศิษย์จะพยายามหาแค่ไหน ศิษย์ก็ต้องวางมันลง มีมันแค่ไหน ศิษย์ก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจ แล้วก็ต้องวางลงให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นคนที่จะต้องเจ็บก็คือ (เรา)  คนที่ต้องเจ็บและต้องทุกข์ก็คือคนที่พยายามอยากจะเอา อยากจะมี และอยากจะยึดให้มากที่สุด แล้วผลสุดท้ายถึงเวลา ศิษย์ก็แบกมันไปไม่เคยได้ เราต้องอยู่กับคำว่า (ว่างเปล่า)  ใช่ไหม
ฉะนั้นอาจารย์ถามนะศิษย์ ถ้าไม่มีแล้วอยากมีจนมันเจ็บ แล้วค่อยเรียนรู้การวางให้ได้ หรือไม่ต้องมีก็อยู่ได้ หรือมีแต่อยู่ให้ได้วางให้เป็น (อยู่ให้ได้วางให้เป็น)  แต่ละคนเจอไม่เหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์จึงได้ถามศิษย์ว่า เมื่อศิษย์จะเลือกดำเนินชีวิต มีอะไรบ้างในโลก มีแล้วไม่ทุกข์ (ไม่มี)  มีแล้วไม่เคยเจ็บ (ไม่มี)  มีแล้วไม่เคยผิดพลาด (ไม่มี)  มีแล้วไม่ต้องพลัดพรากสูญเสีย (ไม่มี)  ฉะนั้นถ้ามันไม่มีศิษย์อยากจะเจอมันอีกไหม    ในตัวของเราก็หนีไม่พ้นแล้วใช่ไหม (ใช่)  เอาอีกตัวหนึ่งดีไหม (ดี)  แน่ใจหรือ ถ้าอยากจะมีอีกตัว ศิษย์ก็ต้องเรียนรู้ทุกข์อีกรอบหนึ่ง เจ็บอีกรอบหนึ่ง เหนื่อยอีกรอบหนึ่ง ช้ำอีกรอบหนึ่ง เสียใจอีกรอบหนึ่ง แล้วมันใช่รอบเดียวไหม (ไม่ใช่)  มันอาจจะมารอบแล้วรอบเล่า เมื่อไรจะหมดกรรมต่อกันสักที มันอาจจะมาแล้วมาอีก อาจารย์จึงบอกว่าหลักสำคัญในการบำเพ็ญธรรมคือ อยู่กับทุกข์ เข้าใจทุกข์ เห็นทุกข์ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์ ยากไหม (ไม่ยาก)  เหมือนเวลาลูกบอลมันมา  ถ้ามันมาแล้วมันเจ็บ  เอาไม่เอา  (ไม่เอา)  แล้วเวลาเมื่อมันมาแล้วมันทุกข์ รับไม่รับ (ไม่รับ)  แต่ชีวิตจริงรับแล้วเอาใช่ไหม (ใช่)
ศิษย์เคยได้ยินคำหนึ่งไหม ที่มนุษย์บอกว่าเขาจะทำอะไร แย่ขนาดไหน มันไม่เคยอยู่ในสายตาฉันเลย มันจะเจ็บไหม (ไม่เจ็บ)  เขาจะทำอะไร เขาจะแย่ขนาดไหน ฉันไม่เคยเอาเขามาใส่ใจฉันเลย ฉันจะทุกข์ไหม      (ไม่ทุกข์)  นั่นแหละทำได้ไหมถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้วมันทุกข์ รับมันมาแล้วมันเจ็บ มีแล้ว คิดแล้ว มันก็ช้ำ แล้วทำไมโง่เอามันมา สู้เอาไป (ทิ้ง)  ไม่ต้องทิ้งหรอก เดี๋ยวเขาก็ไปตามทางของเขา โลกใบนี้ไม่เขาจากเราไป เราก็จากเขาไป ฉะนั้นเหตุการณ์จบแล้วเราควรวางมันจากใจดีไหม เหมือนที่อาจารย์บอก สิ่งที่เขาทำออกจากปากเราเรียกว่าขี้ปาก ออกจากตาของเราก็เรียกว่าขี้ตา สิ่งที่เขาทำแล้วมันก็เหมือนขี้ แล้วเราจะเก็บขี้มาไว้ในใจไหม (ไม่เก็บ)  แล้วเราเผลอเอาขี้มาเล่นไหม (ไม่)  ทำไมเขาด่าหนู ทำไมเขาว่าหนู ทำไมเขาทำแบบนี้กับหนู แล้วเราก็เอาขี้ไปแบ่งให้คนอื่น ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจเราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  ถ้ามันทุกข์ อย่าใส่ใจ ถ้ามันเจ็บ อย่าเก็บไว้ในใจ เราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์ เราเกิดมาเพื่อเห็นทุกข์ แต่ไม่ต้องเอาทุกข์มาทำร้ายใจ จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นธรรมะสอนให้เราแค่รู้แต่ไม่ต้องไปเป็น แค่เห็นแต่ไม่คิดอยากจะเอา ยากไหม (ไม่ยาก)
(พระอาจารย์เมตตาให้เพลงพระโอวาท ทำนองเพลงเธอเป็นแฟนฉันแล้ว)
ดูสิมีใครจะร้องเพลงได้บ้าง เพลงนี้อาจารย์ให้ประจำชั้นนักเรียนชั้นนี้นะ นิสัยขี้ตู่เราชอบเป็นไหม เราเป็นคนขี้ตู่ไหม เห็นเขายิ้ม คิดไปเองว่าเขาต้องชอบฉันแน่เลย เคยเป็นไหม เห็นเขาส่งตาหวาน   คิดไปเองว่าเขามีใจให้ฉัน เราเป็นแบบนั้นไหม มันขี้ตู่ชัดๆ เลย ถูกไหม คิดไปเองว่าเขาเป็นแฟนเรา แล้วค่อยมาถามว่า แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เป็นแฟนของเธอ ใช่ไหม ศิษย์ก็เป็นไหม (เป็น)  เราทุกข์ในโลกก็เพราะเราขี้ตู่ชอบไปเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของเรามาเป็นของเรา ถูกหรือไม่ อาจารย์ถามจริงๆ สังขารนี้ของเราใช่ไหม (ไม่ใช่)  แล้วทำไมหลงได้หลงดี ถึงเวลามันก็กลับคืนสู่ ดิน น้ำ ลม ไฟ      ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อรู้ว่ามันเป็นธรรมชาติแล้วเราหลงมันไหม (ไม่หลง)
อาจารย์ถามจริงๆ  ศิษย์รักเป็นศิษย์ขี้ตู่ไหม เงินมาจากธรรมชาติไหม เสื้อผ้ามาจากธรรมชาติไหม (ใช่)  เราทุกข์เพราะเรารักธรรมชาติใช่ไหม แต่ถึงที่สุดเราเอาอะไรไปได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเราต้องงกไหม (ไม่)  แล้วผลสุดท้ายเราต้องทุกข์เพราะความงก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเรายังงกอีกไหม ยอมรับมาตรงๆ  ฉะนั้นเราเข้าใจแล้วว่าทุกสิ่งต้องคืนธรรมชาติ เราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  อาจารย์เป็นห่วงนะ อยากหลังตรงอยากแข็งแรง ก็ต้องนั่งหลังตรง พออาจารย์พูดก็นั่งตรง แล้วศิษย์ในนี้ทุกข์เพราะอะไรอยากให้อาจารย์ช่วยแก้ บอกมา ศิษย์รู้ไหม ถ้าเรารู้เราเห็นทุกข์ ถ้าเราไม่ยึดมั่นกับทุกข์เราก็จะพบทางออกของทุกข์ ถ้าเราสามารถอยู่ในโลกเราเห็นทุกข์ชัดแล้วไม่ยึดมั่นกับความทุกข์ เราจะเห็นทางของความพ้นทุกข์ เมื่อเราทุกข์ เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน จากที่คิดว่าทำไมต้องทำกับฉัน เปลี่ยนเป็นไม่เป็นไร อยากเอาไปก็เอาไปเลย จะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)
ฉะนั้นถ้าอยากไม่ทุกข์จะต้องรู้จักเปลี่ยนความคิด ถ้าคิดแบบนี้แล้วมันเจ็บ ทำไมไม่เปลี่ยนความคิดไปอีกด้านหนึ่ง ถ้ามองเห็นชัดแล้วพบทางออก ทำไมไม่ปล่อยวางแล้วมองให้ชัด ทุกข์อะไร ถ้าอยากพ้นทุกข์จะยังยืนยันเอาความคิดของตัวเอง หรือจะยอมรับความจริง ห้ามแก่ เจ็บ ตาย ห้ามได้ไหม (ไม่ได้)  ทุกข์ไหม แก่ เจ็บ ใจก็สู้ไม่ถอยนะ แปลว่าอย่างน้อยชีวิตนี้ตายแล้วไม่อายฟ้า ไม่อายดิน ไม่ผิดต่อผู้คน ไม่เห็นต้องกลัวตายเลยใช่ไหม แต่ถ้าทำแล้วยังอายฟ้า อายดิน ไม่ถูกกับผู้คน อย่าเพิ่งตายเดี๋ยวจะตกนรก ใช่ไหม (ใช่)  คนที่ตอบอาจารย์อยากได้แอปเปิลเพิ่มความทุกข์เอาไหม ในเมื่อตัวเองมีปัญญาแล้ว แม้เจอทุกข์ก็จงแปลทุกข์ ให้ใช้เป็นทางพ้นทุกข์ ใช่หรือไม่  ศิษย์มีปัญญาอย่าดูเบาปัญญาคนอื่น ชีวิตไม่ใช่อาจารย์กำหนด ไม่ใช่ใครกำหนด แต่เรากำหนดตัวเองได้ ฉะนั้นถ้าอาจารย์บอกแอปเปิลกินแล้วทุกข์ แต่ถ้าศิษย์จะมีสุขก็เป็นเรื่องของศิษย์ ใช่ไหม (ใช่)  กลัวไหมกับแอปเปิลทุกข์ (ไม่กลัว, ทุกข์เพราะไม่ยอมปล่อยวาง)  แล้วคราวนี้จะปล่อยไหม ทำให้เต็มที่ก่อน ถ้าทำเต็มที่แล้วเราก็ต้องยอมรับ อะไรจะเกิดก็ต้องกล้ารับ ถ้ายังไม่เต็มที่อย่าเพิ่งปล่อย ไม่อย่างนั้นเขาจะว่าเราไม่รับผิดชอบ (ทุกข์เพราะยึดติด)  แล้วคราวนี้จะยังยึดติดอีกไหม ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เรายึดติดได้ ยิ่งยึดติดปัญญาก็ไม่เกิด ทุกข์ก็จะเจ็บ เวลายึดติดมากๆ หันกลับมามองที่มือ เมื่อไรที่มือมันยึดนั่นคือมือเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต แต่ชีวิตคือสิ่งที่ยืดหยุ่นพลิกแพลงได้ ถ้ายึดมันก็คือป่วย มันก็คือทุกข์ มันก็คือเจ็บจริงไหม (จริง, ทุกข์เพราะคิดมาก)  คิดแล้วได้อะไร คิดแล้วดีขึ้นไหม   สู้แปลความคิดเป็นกล้ารับความจริงดีกว่าไหม แล้วบางทีคิดไปก็กลายเป็นแช่งคนรอบข้าง ถ้าเกิดจะคิด สมมติลูกไปรบ ลูกไปทำงาน ลูกขับรถออกไป ก็ขอให้เขาปลอดภัย คิดแบบนี้ดีกว่า แล้วอะไรจะเกิดก็ต้องกล้ารับให้ไหว
(ทุกข์เพราะความเป็นห่วง)  ห่วงไปมันไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นสู้อวยพรให้เขาปลอดภัยดีกว่า มองในแง่ดีมันก็ทำให้เขาไปดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นพ่อแม่คนแล้ว รู้ใช่ไหม พ่อแม่คือสิ่งที่เป็นพุทธะบนบ้าน ถ้าพุทธะคิดว่าลูกจะรอดไหมๆ ลูกไม่รอดแน่ มีใครจะตอบอีก ตอบว่า (เมื่อเวลาเป็นทุกข์ทำไมถึงวางยากจัง)  ตกลงถามหรือตอบอาจารย์ (ถามอาจารย์)  ถามว่าทำไมวางยาก วางยากเพราะว่าใจเราไม่ยอมปล่อย ใจเราไม่กล้ารับความจริง  ถ้าใจเรากล้ารับความจริง มันจะไม่ต้องวาง ทุกสิ่งมันเกิดมาจากจิตทุกขณะ จริงไหม เหมือนเขาว่าเราจบหรือยัง ถ้าจบแล้ว เรื่องที่เราทำจบหรือยัง จบแล้ว เราแก้ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  สิ่งที่ทำได้คือ สู้กับความเป็นจริง ยังไม่ต้องปล่อย แค่สู้กับความจริงให้ได้ เปลี่ยนจากความหวาดกลัวเป็นหัวใจที่สู้ แล้วจะไม่ทุกข์ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดแล้ว ล้มได้ก็ลุกขึ้นมาได้ ผิดได้ก็ต้องแก้ใหม่ได้
ฉะนั้นเมื่อไรจะเลิกบุหรี่ (ทุกข์เพราะระแวง)  ระแวงไม่ดีนะ สู้ระวังตัวเองดีกว่า เพราะระแวงมันอยู่กับใครก็ไม่มีความสุข อยู่กับแฟนก็ไม่มีความสุข ขอเพียงแค่เราทำดีพร้อม เขาจะเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ ศิษย์จำไว้นะ ทุกสิ่งในโลกนี้ ถ้ามันเป็นของเราอย่างไรมันก็เป็นของเรา แต่ถ้าไม่ได้เป็นของเรา อย่างไรมันก็ต้องไป จริงไหม (จริง)  แล้วจะไปรั้งทำไมให้เจ็บ แล้วจะไประแวงทำไมให้ทุกข์ อยากไปไปเลย ถูกไหม (ถูก)  เพราะถึงที่สุดเขาตายกับเราไหม (ไม่)  เขาเจ็บกับเราไหม (ไม่)  เขาไปกับเราไหม (ไม่ไป)  อย่ารักคนอื่นจนลืมรักตัวเอง
(ยังไม่มีเรื่องก็ทุกข์แล้ว)  ยังไม่มีเรื่องก็คิดไปแล้ว  เอ๊ะ! มันจะมีเรื่องไหม ศิษย์เป็นไหม (เป็น)  ฉะนั้นต่อไป (ทำให้ดีที่สุด)  ทำให้ดีที่สุด รับผิดชอบให้ดีที่สุด และกล้าที่จะสู้กับความจริง ธรรมะสอนให้เรามีภูมิคุ้มกัน ยอมรับความจริงให้ได้นะ
(ทุกข์เพราะอยากครอบครอง)  ฉะนั้นลองหันไปดูมือ เราครอบครองอะไรได้ เรายึดอะไรได้ ถึงที่สุดเราก็มาตัวเปล่า แล้วก็ไปตัวเปล่า ฉะนั้นไม่เคยมีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริงนะ
(ห่วงลูกห่วงหลาน)  แก้ไม่ได้นะสิ่งนี้ อย่างที่อาจารย์บอกว่า ห่วงได้ แต่ห่วงอย่างให้กำลังใจ ห่วงอย่างเข้าใจ และห่วงอย่างรัก ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้ารักเขาเต็มที่ดูแลเขาเต็มที่ ถึงเวลาศิษย์ต้องยอมรับ คนทุกคนมีหนทาง ศิษย์ไปห่วงเขาตลอดไม่ได้ ถึงเวลาเราก็ต้องปล่อยให้เขาเป็นไป จริงไหม (จริง)  เข้มแข็งนะ 
(ทุกข์เพราะมีความห่วง)  อายุปูนนี้แล้วก็ไม่ต้องห่วงเขาแล้ว ห่วงตัวเองดีกว่า เพราะเขาไปถึงไหนแล้วไม่เคยกลับมาดูแลเราเลยใช่ไหม (อยากได้)  ศิษย์เอยไม่มีใครในโลกที่มีความอยากแล้วไม่อยากทำผิดมีน้อยมาก แล้วพยายามอยากน้อยที่สุดเพื่อให้ไม่ผิดเลยก็ไม่มี ใช่หรือไม่ ฉะนั้นควรพอใจในสิ่งที่มีบ้าง ไม่อย่างนั้นความอยากจะทำให้เราเจ็บ แล้วก็เจ็บ ฉะนั้นรู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
(ไม่ยอมปล่อยวาง)  แล้วตอนนี้รู้จักปล่อยได้หรือยัง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เกิด ดับอยู่ตลอดเวลาไม่ต้องพยายามไปปล่อยมันหรอก พอถึงเวลามันก็ต้องไปตามทางของมัน ขอเพียงเราเข้าใจหลักของความเป็นจริง เราไม่ต้องพยายามบังคับใจให้ปล่อย แต่มันจะตื่นรู้ด้วยตัวเองว่าสิ่งที่เกิดมันก็จบอยู่ทุกขณะ จงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
(คำพูดคน)  คำพูดคนก็เหมือนขี้ปาก ใช่ไหม เก็บมาก็เหมือนเก็บขี้มาไว้ในตัว แล้วเอามาคิดก็เหมือนเล่นขี้ แล้วเอาไปเล่าคนอื่นก็เอาขี้ไปป้ายคนอื่นอีกใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นยังสนขี้ปากคนอีกไหม (ไม่สน)  แต่บางทีก็เอามาพิจารณาเขาพูดจริงไหม พูดจริงเราก็เอามาแก้ไข พูดไม่จริงก็ปล่อยมันไป อย่าเก็บขี้เอาไว้ในใจ (กลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง)
(กลัวในสิ่งที่มาไม่ถึง)  อายุเท่าไหร่แล้วศิษย์ ตัวใหญ่ๆ  กลัวอะไร กลัวแพ้ พ่าย ผิด แต่อาจารย์ถามหน่อยคนในโลกใครไม่แพ้ ไม่พ่าย ไม่ผิด (ไม่มี)  เมื่อรู้ว่าไม่มี จงเข้มแข็งเมื่อยามแพ้ จงมุ่งมั่นเมื่อยามเจ็บ และจงอดทนเมื่อยามทุกข์ท้อ ดีหรือไม่ (ดี)  อายุเท่าไหร่แล้วเรา
มีใครตอบอีก (คิดมาก)  แล้วคิดดีไหม ความคิดมันง่ายที่จะไหลลงต่ำ ง่ายที่จะฟุ้งซ่าน คิดร้ายมากกว่าคิดดี ฉะนั้นเวลาความคิดมา จงใช้สติ สติจะดึงความคิดมาสู่ความเป็นกลาง และมองเห็นความจริง ฉะนั้นเราคิดมีสติ เวลาคิดได้มีสติ เวลาแย่มีสติ ทำให้ได้นะ
(จะถามอาจารย์หนูมีความทุกข์มากเลยแต่ว่าไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะว่าหนูอยากมาอบรมมาเรียนให้ครบทั้ง 3 วันแต่พรุ่งนี้หนูมาไม่ได้เพราะมีความจำเป็น หนูจะถามอาจารย์ว่าถ้าหนูสะสมไว้ 2 วันแล้วค่อยไปอบรมใหม่อีกวันเป็น 3 วันได้ไหม ทุกข์มากเลยอาจารย์)  เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ต้องทุกข์ๆ เดี๋ยวคราวหน้ามีอบรมอีก มาซ้ำอีกรอบ รับรองยิ่งจำแม่นแน่นอนเลย ไม่ทุกข์ด้วย ดีไหม (ดี)  ยิ่งฟังยิ่งได้ปัญญาแม้จะเข้าใจไม่เข้าใจแต่ปัญญาธรรมสั่งสมไว้ สักวันหนึ่งมันจะปิ๊งออกมาทันทีเลย ฉะนั้นอย่ากลัวการฟังธรรมะนะ ไม่ต้องทุกข์ ดีใจออกได้ฟังอีกรอบหนึ่ง ไม่เป็นไร คราวหน้ามีโอกาสก็มาให้ครบนะ ได้ไหม (ได้)  ได้ตอบไหม (แต่ว่าต้องเป็นวันหยุดอีก)  อ่อ ตกลงว่ามันเป็นปัญหาของอาจารย์ใช่ไหมนี่ ว่าอาจารย์จะยอมให้เขาจบหรือไม่ยอมให้เขาจบใช่ไหม มันต้องมีสักครั้งหนึ่งนะที่มันจะครบทั้ง 3 วันและเป็นวันหยุด เอานะไม่ลองดูจะรู้หรือ ใช่ไหม แล้วถ้าสู้ไม่ถอยมีหรือเขาจะไม่ยอมให้จบ ใช่ไหม ไม่ต้องทุกข์ศิษย์เอ๋ย เรื่องเล็กๆ
(ยอมให้คนอื่นเก่งบ้าง)  แต่มันทำได้ไหม บางครั้งสิ่งที่ดีก็คือเราต้องให้โอกาสคนได้เก่งบ้างอย่าเก่งคนเดียว เก่งคนเดียวมันเหนื่อยให้คนอื่นเก่งแล้วเรายอมไม่เก่งบ้างนั่นแหละเราจึงอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ ใช่ไหม  ตั้งใจดีก็ดีแล้ว
(อยากปลดห่วงแต่ปลดไม่ได้)  เมื่อปลดไม่ได้ก็ต้องอยู่กับสิ่งที่มีให้เข้าใจ คนบางคนมีร้ายมากกว่าดีหรือคนบางคนมีร้ายแค่หนึ่งแต่มีดีเป็นร้อยมันอยู่ที่ศิษย์จะเห็นร้ายแล้วจ้องจับผิดหรือจะเอาความดีมากลบความร้าย ใช่ไหม แล้วศิษย์ก็จะได้ไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลอีก ถ้าเรายอมรับนะ
เราทุกข์เพราะว่าอะไรหรือ มีความสุขดีอยู่กันสองคนไม่ค่อยทุกข์อะไร ใช่ไหม (ลูกอยู่กรุงเทพฯหมด)  ไม่ค่อยทุกข์อะไรใช่ไหม ฉะนั้นโชคดีฉะนั้นเลยไม่อยาก
ศิษย์ไม่มีทุกข์อะไรใช่ไหม ดีแล้วนะ ยินดีด้วย เขาบอกเขามีความสุขดีไม่ทุกข์อะไร โชคดีนะ ใช่ไหม หันมายิ้มหน่อยนะศิษย์ ฉะนั้นศิษย์พูดว่ามีความสุขดีไม่ทุกข์อะไร ไม่เคยทุกข์อะไร ใช่ไหม (อยู่กันสองคน คนหนึ่ง 81 อีกคน 80)  นี่ 80 นะนี่ แข็งแรงดี สบายดี ใช่ไหม (ลูกสามคน)  ถ้าวันหนึ่งต้องสูญเสียก็จงยังสุขอยู่นะ เข้าใจที่อาจารย์พูดนะ
(เราพูดแล้วลูกไม่เชื่อฟัง)  เราพูดรู้เรื่องไหม เราพูดแต่สิ่งที่เราคิด แล้วเราเคยฟังที่ลูกเป็นบ้างไหม ฉะนั้นถ้าอยากไม่มีปัญหากับลูก ลูกจะเป็นอย่างไรไม่ต้องเรียกร้อง บอกกับลูกว่าลูกจะเป็นอย่างไรแม่ก็รัก แต่ขออย่างเดียวลูกโตแล้วนะถึงเวลาแม่ก็เลี้ยงดูลูกไม่ไหวแล้ว
(ทุกข์เพราะความคิด)  ทุกข์เพราะความคิดความรู้ เพราะคิดว่าตัวเองรู้และเข้าใจ แต่จริงๆ บางทีอาจจะไม่รู้และไม่เข้าใจ ฉะนั้นต้องรู้จักเปิดใจกว้างบ้าง และรับฟังเรื่องราวของคนให้มากๆ
(ทุกข์กับคนรอบข้าง)  ถ้ามีเพียงคนเดียวที่ศิษย์พูดกับเขาแล้วไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ความผิดเรา แต่ถ้าทุกคน ศิษย์พูดกับเขาไม่รู้เรื่อง แบบนี้ความผิดศิษย์แล้วนะ เราต้องถามตัวเราเองว่าเราเคยฟังใครบ้างไหม ทุกคนมีแนวความคิดของตัวเอง ทุกคนมีทางเดินของตัวเอง ขอแค่เพียงเราทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปเรียกร้องอะไร
(ทุกข์เพราะยึดติดความผิดของตนเอง)  ถ้าศิษย์ไม่อยากทุกข์อย่ามัวจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เราต้องกล้าที่จะมองความจริงที่เกิดขึ้นกับเราตอนนี้ ถ้ากล้ายอมรับเราก็ไม่ทุกข์ใช่หรือเปล่า
(ทุกข์เพราะไม่เป็นตัวของตัวเอง)  เลียนแบบคนอื่นไม่ได้ทำให้เราดีขึ้น ค้นหาตัวเองให้เจอและรักษาความดีของตัวเองให้ได้ เป็นหญิงจำคำพูดของอาจารย์ไว้ อย่าทำตัวเป็นของสาธารณะ
(ทุกข์เพราะว่าเป็นห่วงแม่)  เราทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ดูแลตัวเองให้เข้มแข็งสมบูรณ์ที่สุด แบบนี้แม่ก็หายห่วง ว่างๆ โทรไปบอกว่าผมสบายดี ว่างๆ โทรไปบอกว่าผมรักแม่ ผมคิดถึงแม่ แค่นี้ก็ดีแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีให้เข้มแข็งให้รอดปลอดภัย
(ทุกข์เพราะเป็นห่วงลูก)  ถึงเวลาต้องปล่อยเขาและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
(ทุกข์เพราะการกระทำ)  ทำอะไรไปไม่คิด ใจร้อน เอาแต่ใจ วิ่งไปหาความรัก จนลืมรักตัวเองใช่ไหม (ใช่)  เข้มแข็งนะ รักตัวเองให้มาก อย่ารักคนอื่นจนทำร้ายตัวเองเข้าใจไหมสาวๆ
(ทุกข์เพราะครอบครัว)  ทุกข์เพราะครอบครัวใช่ไหม แล้วทำอย่างไร แก้อะไรไม่ได้ เปลี่ยนอะไรไม่ได้ เข้มแข็งอดทนรักษาความดีไว้เข้าใจไหม (เข้าใจ)
(อยากให้ลูกมาบำเพ็ญด้วย)  อยากให้ลูกมาบำเพ็ญ สิ่งสำคัญคือ เราต้องทำตัวเองให้ถูกต้องดีงาม แล้วเขาจะเดินตามมาโดยที่เราไม่ต้องเรียกหรือบังคับเลยจริงไหม (จริง)  ทำตัวเราให้กว้างที่สุด ให้เย็นที่สุด ให้นิ่งที่สุด ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง รับเขาให้ได้มากที่สุด
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนร้องเพลงพระโอวาท)
อยากได้รางวัลไหม (ไม่อยากได้)  ศิษย์ยังไม่ได้อะไร เขาได้แล้วอาจารย์ไม่ให้นะ เอาไหม (ไม่เอา)  เอานะ ชีวิตจะได้รู้จักทุกข์เป็นอย่างไร
ในเนื้อเพลงอาจารย์ถามคำถามนะ เสียงที่ไม่ตักเตือน แม้แค่ฟังก็เจอทางพ้น ศิษย์ว่า เสียงที่ไม่ตักเตือน แม้แค่ฟังก็เจอทางพ้น คือเสียงของอะไร ใครตอบอาจารย์ได้บ้าง (สติ)  เพราะสติเป็นเสียงที่ไม่มีเสียงถูกไหม (ถูก)  ถ้าเรานิ่งฟังจะเตือนเราให้พบทางออกว่า อย่าใจร้อน ใจเย็นๆ เป็นเสียงที่รอเราฟังอยู่ เมื่อไรที่เราเจอปัญหาจงนิ่ง แล้วสติจะมา เมื่อสติมาปัญญาจะเกิด อย่าเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน เพราะเสียงที่บ่นอยู่คือเสียงของความคิดที่ไม่รับความจริง แต่สติเป็นเสียงที่ไม่มีเสียง จะบอกเราว่าหยุดเถอะ พอแล้วมองความจริงใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถึงเวลาต้องรู้จักมีสตินะใช่หรือเปล่า (ใช่)  ทำอะไรอย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่
ตอนนี้มีใครอยากตอบคำถามอาจารย์อีกไหม สักครู่อาจารย์เล่นเกมส่งแอปเปิลดีกว่า แอปเปิลไปตกที่ใครต้องตอบคำถามอาจารย์ดีไหม (ดี)  เพราะอย่างไรเราอยู่บนโลกใบนี้ เราก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ให้ทุกข์ดีกว่าทำให้ตัวเองทุกข์นะดีไหม
(นักเรียนในชั้นขอกอดพระอาจารย์)  ทำไมหรือ (คิดถึงพ่อ)  เข้มแข็งๆ ตอนมีชีวิตอยู่ไม่ทำให้ดี ตอนไปแล้วมาเสียใจ มันน่าตีไหม ตั้งใจทำสิ่งที่ดีงามถูกต้องเพื่อเป็นบุญกุศลให้กับพ่อแม่ที่ล่วงลับ
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนเล่นเกม โดยเปลี่ยนจากแอปเปิลเป็นสับปะรด)
อาจารย์ถามคำถามเดียวอะไรที่ทำให้ทุกข์บ่อยที่สุด ไม่ต้องส่งสับปะรดก็ตอบเลยนะ (ใจ)  แน่ใจนะ เพราะทำอะไรก็เอาแต่อารมณ์  จริงๆ แล้วในทุกข์มีทางพ้นทุกข์ผู้มีปัญญาย่อมพบทางออกในความทุกข์ ดั่งที่เขาเรียกว่ากิเลสมาปัญญาเกิด วางดาบพลันก็พลันเห็นพุทธะ ฉะนั้นอย่ากลัวการตอบอาจารย์ เพราะอาจารย์อยากร่วมบุญกับศิษย์
(พระอาจารย์เมตตาผู้ร่วมฟัง)  อาจารย์ดีใจและปลื้มใจที่คนทางใต้น่ารัก และมีใจใฝ่ธรรมะ และมีใจอุทิศเสียสละ และมีใจที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะหวั่นไหวอะไรไปบ้างก็ตาม หลักสำคัญในการศึกษาธรรม คือเรียนรู้เข้าใจความทุกข์ และอยู่กับทุกข์อย่างคนไม่ทุกข์ เพราะชีวิตเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นทุกข์  และสาเหตุเกิดแก่เจ็บตายก็เป็นทุกข์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ทั้งที่จริงๆ แล้วถึงที่สุด แม้ตัวเราก็ยึดไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งที่ต้องเข้าใจก็คือ
เรารู้ว่าเนื้อตัวเรายึดไม่ได้ แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าบำเพ็ญแล้วไม่ยึด ไม่เผลอหลงยึดตัวเองไปสร้างวิบากกรรม สิ่งแรกก็คือหมั่นทำอะไรโดยใช้คุณธรรมเป็นหลัก อย่าทำอะไรเอาแต่ใจเอาแต่อารมณ์ เพราะถ้าทำอะไรเอาแต่ใจเอาแต่อารมณ์ หนีไม่พ้นกรรมชั่ว แต่ถ้าทำอะไรปฏิบัติกับใครด้วยคุณธรรม ด้วยความเมตตา ด้วยความซื่อตรง ด้วยความเห็นใจ ด้วยธรรม สิ่งที่ได้ก็คือธรรม ถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าศิษย์ทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะตัวเองชอบ เพราะตัวเองคิดแบบนี้ เพราะตัวเองอยากได้แบบนี้ ผลสุดท้ายสิ่งที่ได้ก็คือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน และหนีไม่พ้นกรรมดีกรรมชั่ว แต่บำเพ็ญธรรมสอนให้เราถือคุณธรรมเป็นหลัก เพื่อยับยั้งการหลงยึดมั่นถือมั่นและเผลอตามใจตัวเอง   ฉะนั้นปฏิบัติกับเขาเคารพไหม     ปฏิบัติกับเขาเมตตาไหม ปฏิบัติกับเขาจริงใจไหม ปฏิบัติกับเขาไม่ยึดมั่นถือมั่นหรือไม่ ถ้าปฏิบัติกับเขาทุกวันมีแต่ให้ธรรม สิ่งที่ได้ก็คือธรรม    แต่ถ้าทุกวันศิษย์อยากกินอะไร ชอบอะไร อยากได้อะไร จะทำอะไร ทุกวันที่ได้ก็คืออัตตาตัวตน ซึ่งทำให้เราไม่สามารถกลับคืนสู่สภาวะธรรมได้ แต่กลายเป็นว่าเรายึดติดตัวตนใช่ไหม อาจารย์ถามว่า เรากินเพื่ออยู่ หรืออยู่เพื่อกิน ใส่เพื่ออุ่นหรือใส่เพื่อสวยงาม ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่เพื่อกลับคืนสู่ธรรม หรือเพื่อเป็นตัวของตน ถ้ากลับคืนสู่ธรรมทุกขณะเราต้องมีธรรม แบบนี้เรียกว่าปฏิบัติธรรมเป็นทาน แต่ถ้าทุกขณะ ฉันอยากได้แบบนี้ ฉันเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ ทำไมเขาพูดแบบนั้น ทำไมเขาพูดแบบนี้ นั่นคือการยึดมั่นถือมั่นในตัวตน และหนีไม่พ้นกรรมดีกรรมชั่ว ถึงที่สุดก็ต้องเวียนว่ายตายเกิด ฉะนั้นยิ่งศิษย์ยังไม่ได้กินเจด้วย บางคนกรรมก็ไม่ถูกตัด กรรมเก่าก็ยังไม่หมด กรรมใหม่ก็สร้างอีก แล้วแบบนี้จะพ้นทุกข์ไหม (ไม่พ้น)  แล้วเรียกอาจารย์ช่วยได้ไหม เพราะตัวศิษย์เองยังไม่คิดช่วยตัวเอง ยังตามใจลิ้น กินแล้วสร้างบาป กินแล้วเกี่ยวกรรม อยากกินอีกเหรอ ละได้ก็ต้องละ บาปที่ตัดได้ง่ายที่สุดคือบาปที่ละออกจากปาก ไม่เอาภัยเข้าสู่ตัว และไม่เอาภัยออกจากปาก ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากบำเพ็ญไปให้ถึง เราต้องละวางตัวตนและถือธรรมเป็นหลักในการปฏิบัติ ฉะนั้นถ้าใจเราเย็นอยู่ที่ไหนก็เย็น ถ้าใจเราร้อนแม้อยู่ที่เย็นก็ร้อน ใช่ไหม ฉะนั้นขอให้ทำอะไรไตร่ตรองในธรรมให้หนัก ถือธรรมเป็นที่พึ่ง อย่าถือนิสัยตนเป็นอารมณ์เพราะไม่อย่างนั้นศิษย์จะไม่มีวันพบคำว่า ธรรมของตน ฉะนั้นปฏิบัติกับใครถือธรรมเป็นหลัก เมตตาไว้ จริงใจไว้ ให้เกียรติเคารพไว้ มีธรรมไว้ ซื่อตรงไว้ ไม่ใช่เรื่องยากถูกไหม (ถูก)  แต่ตามใจตัวเอง เอาแต่ใจตัวเองมีแต่ทุกข์และมีแต่กรรมใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นจงถือธรรมเป็นที่พึ่ง รักษาความดีงามในใจของตนให้ได้นะ
(พระอาจารย์เมตตาผู้ร่วมฟัง)
อาจารย์อยากเห็นศิษย์อยู่ในโลก แต่ไม่ทุกข์กับโลก อยู่ในโลกไม่ทุกข์เพราะคำพูดคน อยู่ในโลกไม่เจ็บเพราะการกระทำของคน แต่เข้าใจความเป็นจริง ใครจะเป็นอย่างไรไม่ใช่หน้าที่เราจะไปแก้ไข สิ่งที่เราทำได้คือรักษาจิตให้ปกติและดีงามมีธรรมอยู่เสมอเท่านั้นเป็นพอใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์อยากโอบกอดศิษย์ทุกคน อยากให้กำลังใจศิษย์ทุกคน มุ่งมั่นบำเพ็ญไปให้ถึงที่สุด อย่าล้า อย่าท้อ อย่ายอมแพ้ใจตัวเองนะได้ไหม (ได้)  ให้ได้จริงๆ นะ มีโอกาสกลับมาศึกษา เรียนรู้ เข้าใจตัวเองให้มากๆ นะศิษย์ได้ไหม เข้มแข็ง อดทน กล้าหาญ ก้าวหน้า เดินทางธรรมให้ถึงที่สุดนะได้ไหม (ได้)  ไม่รู้จะพูดอะไร มันตื้นตันใจไปหมด แค่เห็นศิษย์กลับมาก็ดีใจแล้ว แต่จะดีใจมากกว่านี้ ถ้ามุ่งมั่นทำสิ่งที่ดีอย่างคนดีแท้จริง มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมอย่างคนมีธรรมแท้จริงใช่ไหม (ใช่)
ไม่ต้องขอบคุณอาจารย์หรอกนะ อาจารย์รอวันศิษย์เดินได้และปฏิบัติได้จริง และกลับไปหาอาจารย์อย่างคนที่ทำถึงธรรม ทำเข้าถึงธรรมนะ เข้าใจไหม (เข้าใจ)  พระอาจารย์ไปแล้วนะ รู้จักคิด รู้จักพูด รู้จักทำ อย่าเป็นเด็กดื้อของอาจารย์ เข้มแข็ง นำพาคนให้ได้ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยว สู้ไม่ถอยนะ
ใครที่ตอบแล้ว นั่งลงก็ได้นะ ใครที่ยังไม่ตอบ ยืนตอบอาจารย์ใช่ไหม อะไรที่ทำให้เราทุกข์  ความดื้อหรือเปล่านะ (ความคิด)  ตอบได้ดีนะ ฉะนั้นถ้าคิดแล้วคิดไม่ถูก จงใช้สติยั้งคิด (ความไม่มีสติ ใช้แต่อารมณ์)  อายุเท่านี้แล้วนะ ต้องอารมณ์เย็นขึ้น ใจเย็นขึ้น ใช้ธรรมกำกับความคิดนะ                  (ไม่รักดี)  ชอบดื้อใช่ไหม (จิตใจ)  จิตใจเป็นอย่างไร ใจร้ายมากกว่าใจดี (ใจร้าย)  จริงหรือ คนแบบนี้ใจร้ายไหมศิษย์ ดูไม่ร้ายนะ ใจดีออกใช่หรือไม่ ฉะนั้นพยายามใจดี อย่าใจนักเลง แล้วรู้จักมีศีลมีธรรมได้ไหม (ได้)  อายุเท่านี้แล้วโรคภัยก็เยอะแล้วนะ ไม่รักตัวเองหรือ อยากตกนรกไหม (ไม่)  กลัวตายไหม (กลัว)  แล้วทำดีหรือยัง (ทำ)  ทำอะไร ศีลห้าครบไหม (ไม่ครบ)  ศีลห้ายังไม่ครบเลย
(มีสติทุกขณะที่คิด พูด ทำ)  รู้จักเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องก็พอแล้วนะศิษย์ อะไรที่มันผิดรีบแก้ไขก่อนที่มันจะก่อภัยก่อทุกข์ อาจารย์เตือนได้แค่นี้นะ
(ใครร้ายร้ายตอบ ใครแรงมาแรงตอบ)  เจ๊งแน่ๆ นะศิษย์ ต่อไปยอมได้ยอมนะศิษย์ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวชีวิตมันจะสั้นจริงไหม (จริง)
(สติความคิด)  ทุกข์เพราะการกระทำของตนที่ไม่มีสติยั้งคิดใช่ไหม (ใช่)  ชอบกินเหล้า ชอบดูดบุหรี่ ชอบไปดูแข่งนก ชอบดูชนวัว ใช่ไหม (ใช่)  ควรทำอีกไหม (ไม่)  ควรเข้าวัดเข้าวาบ้างนะ อายุปูนนี้แล้ว อบายมุขนำไปสู่นรก เปรตและเดรัจฉานนะศิษย์  มีลมหายใจจงเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องก่อนที่หมดลมหายใจแล้วแก้อะไรไม่ได้นะศิษย์
(ดื้อ)  ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ขี้เกียจ ต่อไปต้องขยัน กล้ารับผิดชอบ อย่าอู้ มีน้ำใจช่วยเหลือพ่อแม่ พูดดังๆ ว่าผมจะ (ขยัน)  และจะรัก (พ่อ แม่)  ดังๆ  เรื่องดีเราต้องกล้า เรื่องไม่ดี เราต้องหด ต้องทำให้ได้นะ วาจาบางทีก็ไม่สำคัญเท่าการกระทำนะศิษย์
(การมีทิฐิมานะของตน, ไม่รู้)  รู้ก็ทุกข์ ไม่รู้ก็ทุกข์ แต่สิ่งที่สำคัญคือไม่รู้คนอื่นไม่เป็นไร ขอให้ศิษย์รู้และเท่าทันใจตนเอง อย่าตกเป็นทาสอารมณ์ แล้วต่อไปนี้ อย่ามองแต่ตัวเอง ถ้าสงสารตัวเองมาก เราจะไม่สงสารใคร ถ้าคิดถึงตัวเองมากเราจะลืมคิดถึงคนอื่น มีเราได้ทุกวันนี้ ก็จะต้องมีอีกคนที่เหนื่อยเพราะเรา ฉะนั้นอย่าลืมคนที่เขาห่วงเรา รักคนที่เขารักเราด้วย อย่ามัวแต่รักตัวเอง
(อารมณ์ร้อน)  ถ้าอย่างนั้นใจเย็นนะ (พูดไม่ค่อยคิด)  ตอบได้ดี
รู้จักมีความสุขตลอดยิ้มได้ในทุกเรื่อง ทุกข์มันก็ไม่มี จริงไหม
(ทุกข์เพราะว่าโลภ โกรธ หลง)  โลภ โกรธ หลงยังตัดไม่ได้สักทีนะ อายุเท่านี้แล้วนะ โลภยังตัดไม่ได้ ยังโลภอยู่อีกหรือ ยังโกรธอยู่อีกหรือ หลงหลาน โมโหหลาน แล้วก็โกรธหลาน ช่างเขาเราดูแลก็พอ อย่าไปทุกข์ใจเลย ทุกข์ใจก็เปล่าประโยชน์ ไม่อย่างนั้นก็เลี้ยงเองเลย เขาจะได้ไม่ด่า ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปทุกข์ ทำให้ดีที่สุดเพราะว่าสุดมือแล้วเราก็ควบคุมอะไรไม่ได้ จริงไหม เราเปลี่ยนโลกให้เป็นดั่งใจไม่ได้ เปลี่ยนคนให้เป็นดั่งคิดไม่ได้ ขอแค่เพียงตัวเราทำตัวเองให้ดี ใครจะเป็นอย่างไรเราห้ามไม่ได้ จริงไหม
(อยู่คนเดียว)  อดไม่ได้ที่ฟุ้งซ่าน เหงาไหม ไม่เหงาใช่ไหม อาจารย์อุตส่าห์ดีใจนึกว่าอยู่คนเดียวนี่คือไม่เหงาแล้วอยู่คนเดียวได้ ศิษย์เอ๋ย ถึงที่สุดศิษย์ไม่เคยพลัดพราก ศิษย์ไม่เคยมีคู่ เวลาคนที่เขามีคู่แล้วเขาพลัดพรากมันเจ็บ แล้วการที่เคยอยู่กับคู่มาตลอดแล้ววันหนึ่งต้องอยู่คนเดียวไม่มีคู่ อาจารย์ไม่เคยเห็นใครเข้มแข็งสักที แต่ศิษย์เข้มแข็งได้ ขอแค่เพียงยอมรับ อย่าฟุ้งซ่าน เมื่อไรที่ฟุ้งซ่านจงมองด้วยสติ อยู่มาตั้งยี่สิบกว่าปี อยู่มาตั้งสี่สิบปี ทำไมอยู่ไม่ได้ พรุ่งนี้ฉันจำเป็นจะต้องมีหรือ ไม่มีฉันจะอยู่ให้ได้ ฟุ้งซ่านเมื่อไร สวดมนต์ ฟุ้งซ่านเมื่อไรไปทำบุญใส่บาตร ฟุ้งซ่านเมื่อไรนั่งสมาธิ มันอยากฟุ้งๆ ไปแต่ฉันจะสงบ ฉันจะเด็ดเดี่ยว ทำให้ได้นะ
(เป็นห่วงลูก)  ศิษย์เอ๋ย คนเป็นลูกนี่ทำไมไม่ทำตัวให้น่ารักนะ แต่อาจารย์ถามจริงๆ อยากให้ลูกเป็นดังใจ หรือยอมรับให้ลูกเป็นอย่างที่เขาเป็นอย่างไหนสุขกว่ากัน เห็นเขาดีกว่าไม่เห็นเขา ถ้าแม่เอาแต่บ่น แม่เอาแต่ว่า ไม่มีประโยชน์ ถ้าเขาหนีไปเราก็ช้ำใจ ฉะนั้นรับให้ได้ลูกจะเป็นอย่างไรบอกคำเดียวว่าแม่ก็รักหนูตลอด ไม่ว่าหนูจะถูกจะผิดแม่ก็รัก ไม่ต้องบ่นไม่มีประโยชน์ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะเด็กดื้อเหลือเกิน ถ้าพูดถึงคนโบราณจะกล่าวไว้ว่า ตำแหน่งจะมีได้ก็ต่อเมื่อมีคุณธรรมบารมีถึงพร้อม แต่ถ้าคุณธรรมบารมีไม่ถึงพร้อมก็ไม่สามารถเป็นจ้าคนนายคนได้ ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญอยู่ที่ตัวเรา แล้วถ้าเขาเป็นเจ้าคนนายคนแล้วเขาโดนกดดัน โดนด่า โดนยัดเยียด ถึงตอนนั้นศิษย์จะบอกว่าให้เขาเป็นคนธรรมดาพอแล้ว
(ชอบคิดกังวล)  ถ้าทำให้ดีที่สุดทำไมต้องคิดกังวล ทำเต็มที่ที่สุดทำไมต้องหวาดกลัว เต็มที่หรือยัง ใช่หรือไม่ (ทุกข์เพราะเป็นห่วงแม่)  ตัวเองดูแลตัวเองให้ดี ถ้าเราเข้มแข็งเราก็มีแรงดูแลแม่ได้ แต่ถ้าเราไม่เข้มแข็งเรายอมแพ้เราบ่น แม่ก็เฉาใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นขอแค่เพียงมุ่งมั่นเข้มเเข็งสิ่งที่ดีเราก็ช่วยแม่แล้ว (ไม่ทุกข์เพราะพยายามมีศีลประจำใจ)  ยุงมา เราไม่ตบ เราแค่ขยี้เฉยๆ คนมีศีลประจำใจ ความเมตตาจะทำให้เรามีอายุยืน (ทุกข์เพราะคิดมากสับสน)  เมื่อวานศิษย์พี่นาจาเมตตาว่าความคิดง่ายที่จะไหลลงที่ต่ำมากกว่าขึ้นสูง คิดร้ายง่ายกว่าคิดดี ใช่หรือไม่
(อยากให้แม่แข็งแรง)  ชีวิตนี้หนีไม่พ้นความแก่ ความเจ็บ และความตายใช่ไหม ฉะนั้นเราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ หน้าที่ของเราคือทำให้ดีที่สุด เราห้ามความแก่ ความเจ็บ ความตายไม่ได้ แต่ขอให้มีปัญญาสู้กับความแก่ ความเจ็บ ความตาย ด้วยการดำรงชีวิตอย่างถูกต้องมีธรรม แม้ตายก็ไม่น่ากลัว แม้เจ็บก็ไม่ใช่เรื่องที่โหดร้าย แต่ทำให้เรารู้จักปลดปลงสังขารลงได้ด้วยการไม่ยึดติด และกลับคืนสู่สภาวธรรมที่เราจากมา แต่การยึดมั่นถือมั่นและการห่วงอันนั้นห่วงอันนี้ คิดอย่างนั้นคิดอย่างนี้วางไม่ลง นั่นคือการนำพาให้ตัวเองทุกข์ และเวียนว่ายในกรรมที่เราสร้างร่วมกับผู้คน
(สติมาปัญญาเกิด)  สติเตลิด (จะเกิดปัญหา)  ฉะนั้นขอให้ทำอะไรมีสติ ศิษย์เอ๋ย ปัญหา ความทุกข์ ความผิดพลาด ทำให้เรารู้จักตน สิ่งที่เราคิดว่าเราเข้มแข็ง สิ่งที่เราคิดว่าเรารู้ แต่เมื่อเจอปัญหา เราจึงได้เห็นชัดว่า เราไม่เคยเข้มแข็ง เราไม่เคยรู้ และเราไม่เคยเข้าใจอะไรจริงๆ
ฉะนั้นมนุษย์กลัวปัญหา กลัวความผิด กลัวความทุกข์ แต่พุทธะไม่เคยกลัวปัญหา ไม่เคยกลัวความผิด ไม่เคยกลัวความทุกข์ เพราะปัญหา ความผิด และความทุกข์ ทำให้เรามองเห็นใจเราชัดเจนขึ้น ว่าจริงๆ เราเข้มแข็ง หรือจริงๆ เราไม่ได้เข้มแข็ง จริงๆ เรารู้หรือจริงๆ เราไม่รู้ เหมือนเราฟังธรรมเข้าใจว่า อดทน ให้อภัย มีเมตตา แต่ถึงเวลาอดทนไหม เมตตาไหม เข้าใจคนอื่นหรือไม่ ทำไม่ได้เลยต่างหาก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ลองเอาไปศึกษาดูนะศิษย์ สิ่งที่อาจารย์ให้คือกลอนสามบทนี้ ถ้าเรามีบุญกันอยู่ เราคงได้เจอกันอีกดีไหม (ดี)  จำไว้นะศิษย์ อยู่ในโลกสร้างบุญ อย่าสร้างบาป อยู่กับใคร จงอยู่อย่างคนมีบุญร่วมกัน อย่าอยู่อย่างมีบาปกรรมร่วมกันเลย  บุญ คือสิ่งที่ให้ไปแล้วทำให้จิตเบา จิตว่าง จิตโปร่ง จิตใส แต่ บาป คืออยู่ด้วยกันแล้วมีแต่หนัก มีแต่ทุกข์ มีแต่เจ็บ แล้วศิษย์อยากอยู่กับคนบนโลกด้วยบุญหรือด้วยบาป (ด้วยบุญ)  แล้วเราให้บุญหรือเราให้บาป (ให้บุญ)  ถ้าให้ความทุกข์ ให้ความเจ็บปวด ก็ให้บาป แต่ถ้าให้ความเมตตา ให้ความจริงใจ ให้ความซื่อตรง ให้ความเข้าใจ นั่นก็คือการให้บุญ ปฏิบัติธรรมเริ่มที่ตัวเรา เอาธรรมออกจากใจ เอาธรรมยื่นให้ผู้คน อยู่อย่างคนมีธรรมและให้ธรรม เราก็จะกลับคืนสู่ธรรมได้ แต่ถ้าอยู่อย่างคนมีอัตตาตัวตน ศิษย์ก็หนีไม่พ้นกรรมดี กรรมชั่ว และหนีไม่พ้นวิบากกรรมที่เรียกว่า นรก สวรรค์ และอบายภูมิ ถามตัวเองนะ วันนี้ที่เราทำพ้นเวียนว่ายตายเกิดไหม วันนี้ที่เราทำพ้นทุกข์มีธรรมหรือไม่ อย่าประมาทการดำเนินชีวิต ตายเกิดแล้วไม่จบ ถ้ายังยึดมั่นไม่ปล่อยวาง ตายแล้วไม่มีวันหมด ถ้ายังมีกรรมและไม่ชำระสะสางให้สิ้นกรรม ฉะนั้นจงอยู่อย่างคนไม่สร้างกรรมใหม่ ใช้กรรมเก่าโดยการมีธรรม ไม่มีกรรม ปฏิบัติธรรมไม่สร้างกรรม แล้วทำอย่างไรล่ะ ก็แค่ทำด้วยธรรม อย่าทำด้วยอารมณ์ความเป็นตัวตน เพราะจะกลายเป็นกรรม ยากไหม (ไม่ยาก)  พอเข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูดนะ
อาจารย์คงต้องกลับแล้วนะ ถึงเวลาเป็นเรื่องปกตินะ มีพบก็มีพราก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าทุกวันศิษย์ทำดีที่สุดแล้ว เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ปฏิบัติต่อผู้คนไม่ขาดซึ่งคุณธรรมความเป็นคน เจ็บก็ไม่ต้องกลัว ตายก็ไม่เสียดาย เพราะเต็มที่ที่สุดแล้ว แล้วศิษย์ล่ะเต็มที่หรือยัง ดีแบบคนพ้นกรรมไหม หรือยังอยากเวียนว่ายตายเกิดในทุกข์ไม่จบสิ้น ถ้าไม่อยากลองเอาธรรมที่อาจารย์พูดไปปฏิบัติ ยากไหม (ไม่ยาก)  ถือคุณธรรมเป็นหลัก ไม่ถือตัวเองเป็นหลัก ถือความเมตตาเป็นหลัก ไม่ถืออารมณ์นิสัยเป็นหลัก ทำอะไรด้วยสติยั้งคิด ได้ไหม (ได้)  ลองตรองดูสิ่งที่ทำ มีเมตตาไหม จริงใจไหม เห็นใจไหม รู้จักเข้าใจคนอื่นไหม ไม่ยากเลยนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ตั้งใจนะ ตั้งใจทำในสิ่งที่ดีงาม รู้คุณค่าของตัวเอง อย่าดูถูกคุณค่าของตัวเอง รู้จักรักชีวิตตัวเองนะ ทำให้ได้นะ บุญรักษา ความดีนำพา เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง อาจารย์คงต้องไปแล้วนะ รักษาบุญรักษาโอกาส ดูแลตัวเองให้ได้ เข้มแข็งให้เป็น อย่าดื้อดึง ทำให้ได้ อย่าดื้อมาก รู้จักรักตัวเอง อย่าหลงคำพูดคน จนลืมความมุ่งมั่นของตัวเอง ในสิ่งที่ถูกต้องและดีงามนะ บุญรักษา นำพาให้ชีวิตร่มเย็น ลำบากไหม เมื่อยไหม เหนื่อยไหม รู้เรื่องหรือเปล่า กินผักนะ ชีวิตจะเป็นอะไรไม่สำคัญ สำคัญที่ชีวิตต้องมุ่งมั่นสู้ มีโอกาสมาฟังอีกนะ ได้ไหม อาจารย์ต้องให้กำลังใจอะไรอีกไหม ไม่ต้องแล้วใช่ไหม เจอเรื่องราวอะไร ขอให้ผ่านไปได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งนะ รักษาความถูกต้องดีงามด้วยหัวใจที่ตื่นรู้ด้วยความเป็นจริง ชีวิตจะเป็นอย่างไร ผ่านให้ได้นะ
ต่อไปเดินหน้าสู้ ระวังคำพูด ศิษย์ก็คือคนสำคัญ แต่คำพูดเราก็สำคัญ อย่าให้คำพูดเราทำร้ายใคร ศิษย์ต้องเข้มแข็ง มุ่งมั่น เชื่อมั่น อย่ายอมแพ้ อย่าให้อาจารย์ต้องห่วงอีก หนทางธรรมไม่ยาก สิ่งที่ยากคือหัวใจที่ชอบไม่ยอม หนทางธรรมไม่เคยยาก แต่ที่ยากคือหัวใจที่ดื้อรั้นและไม่ยอมฟังอะไรง่ายๆ อะไรจะเกิดก็เกิด ขอแค่เพียงเราเข้าใจและมองเห็นความเป็นจริง มุ่งมั่นแล้ว ไปให้ถึง ดีแล้วดีให้สุด อย่ายอมแพ้ ร่วมมือกันนำพากันให้ถูกทาง ไม่แข่งกัน ก้าวไปพร้อมกันได้ไหม แม้จะลำบากก็ฟันฝ่าให้ได้ แม้จะทุกข์ก็อย่าท้อ แม้จะล้าก็ไม่มีวันถอย เข้มแข็งได้จริงๆ ไหม มีโอกาสมาฟังธรรมให้เข้าใจ ศิษย์ล้วนมีบุญนะ อย่าดูเบาบุญของตัวเอง เดินหน้าแล้วไปให้ถึงที่สุด อย่าปล่อยให้ความร้ายมาทำร้ายความดีในใจตนเอง ศิษย์ตั้งใจบำเพ็ญด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น ไม่ใช่หวั่นไหวอะไรนิดหน่อยก็ยอมแพ้แบบนี้ไม่ไหวนะ ไปให้ถึงที่สุดได้ด้วยหัวใจเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง เลือกทำแต่สิ่งที่ถูกต้องก่อนที่จะสายเกินแก้ ความดีของตัวเองคืออะไร คือความมั่นใจและรู้คุณค่าของตัวเอง ศิษย์มีคุณค่าแต่ศิษย์ชอบดูเบาคุณค่าตัวเอง รู้จักรักตัวเองนะศิษย์ อย่าทำร้ายตัวเองในสิ่งที่ผิดเลย
เมื่อไรจะทำให้อาจารย์หายห่วง เมื่อไรจะเข้มแข็งมุ่งมั่นแล้วทำให้อาจารย์มั่นใจว่าข้างหน้าอาจารย์ไม่ต้องห่วงศิษย์แล้ว ถามใจตัวเอง ถึงที่สุดหรือยัง ถ้ายังไม่ที่สุด ลงมือให้ที่สุด ถ้ายังไม่ที่สุด ทำให้ที่สุด
กลับแล้วนะ มุ่งมั่นทำสิ่งที่ถูกต้องดีงามไปให้ถึงที่สุด เต็มกำลังที่สุดในชีวิตหนึ่งที่ศิษย์จะทำได้ แล้วศิษย์จะไม่มีวันเสียดายเลยที่เกิดมา แม้จะต้องตายไปในวันนี้ เชื่ออาจารย์เถิดนะ แล้วเราจะรู้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาเพื่อกลับสู่ความเป็นจริงและยอมรับความเป็นจริงที่เรียกว่า “ธรรมะ” ธรรมะที่นำพาไปสู่ความว่าง สงบ เย็น ไม่ยึดมั่นถือมั่น   


          พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “สติมาปัญญาเกิด”
    รู้ผิดกล้าแก้ไขจึงก้าวหน้า              ปัญหาชี้ข้อบกพร่องให้ตนรู้
ทุกข์สอนให้ตนรู้ตนย้อนมองดู             ที่เข้าใจว่ารู้อาจห่างความจริง
คนรู้จริงไม่หยุดนิ่งการเรียนรู้              คนดีอยู่ที่ไหนพร้อมฝึกฝนยิ่ง
ธรรมงดงามหลงตนพลาดทุกข์ยิ่ง          มองตามจริงอย่าอิงเข้าข้างไป

    สติเรียกใจนิ่งตรอง                      ครองใจเป็นกลางลงได้
ใช้ธรรมกำราบหัวใจ         แจ้งในธรรมตามเป็นจริง


 แก้ไขเพลงพระโอวาทที่ท่านเสี่ยวผีเซียนถง เมตตาให้ไว้ ณ สถานธรรมจินจง เมื่อวันที่ 16-18 มิถุนายน 2561    

จากเดิม  เมื่อยังไม่ถาม เจ้าลืมหรือเปล่า
แก้เป็น  เมื่อยังไม่ถาม ท่านลืมหรือเปล่า

เดือนดาวจ้องมองดูเรา ไกลเท่าเข้าใจแนบชิด ใต้แสงแห่งธรรมฉายส่อง ท่านต้องบำเพ็ญให้มั่นใจ
ไม่มีสุขทุกข์ใด...ยั่งยืน ตื่นเถิดใจนี้ รักษาทุกวันให้ดี จงอย่าได้ไร้ปัญญา
* ที่มองที่เห็น ที่เป็นทุกอย่าง อะไรที่ทำทุกข์ใจ ไม่ปลงไม่พ้น รีบปลงไม่สาย ปัญหาหามาถือไว้เอง
เมื่อยังไม่ถาม ท่านลืมหรือเปล่า ความคิดอย่าได้แค่คิด ทบทวนด้วยใจ กันด้วยธรรม เห็นด้วยธรรม สุขที่ใจ คล้ายวิมาน
ทำนองเพลง หนึ่งคำที่ล้นใจ
ชื่อเพลง ไกลเท่าเข้าใจแนบชิด


อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา