วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

2558-12-05 สถานธรรมจื้อเจวี๋ย จังหวัดสงขลา

西元二年嵗次乙未十月廿五日  仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘    สถานธรรมจื้อเจวี๋ย  จังหวัดสงขลา
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนหันเซียงจื่อ

  ขี้โมโหเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ           รู้บ้างไหมว่าผิดไปใยไม่แก้
ทำนิ่งนิ่งเฉยเฉยไม่แยแส                กรรมแท้แท้ผลสนองค่อยสะพรึง
                   เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนหันเซียงจื่อ    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ผู้เมตตา  ลงสู่แดนโลก  แฝงกายกราบ
องค์มารดา                 ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ
  การฝึกฝนบ่มบุญบ่มบารมี                ปลูกปัญญาทีละต้นเพาะโพธิ
ตนเตือนตนใจข่มด้วยสติ                     แสงโพธิล้วนบังเกิดจากภายใน
มีสำนึกเป็นคนธรรมเป็นทาง                คนกระจ่างหลักประพฤติไว้ทำได้
บำเพ็ญดีชีวิตดีขึ้นมาใหม่                    เมธีใช้การจากมาฝึกอารมณ์
ไร้ความรู้ไขปัญหาขาดกุญแจ               ปรารถนาแต่ความงามแก้ด้วยเหมาะสม
ขาดสุจริตจากศรัทธาใจเกิดปม             ลบคมจริงจิตศรัทธาและเจตนา
ทุกความคิดกระจ่างคงในธรรม             วาสนานำเข้ามามั่นใจศึกษา
ไม่มุ่งโลกมุ่งศึกษาไกลอวิชชา               มีปฏิปทาในธรรมก้าวนำชีวัน
ทุกทุกสิ่งทุกหน้าแห่งปัญหา                เกิดปัญญาได้ทุกความมุ่งมั่น
ด้วยสัจจะปณิธานมั่นคำสั้นสั้น              เมื่อท่านนั้นจิตนิ่งย่อมปลอดภัย
เพื่อถูกต้องคนไม่ต้องทะเลาะ               จำเพาะคนทำจริงหลงไม่ง่าย
เหมือนในต่างเป็นทิศทางจุดหมาย         ชอบง่ายง่ายงมหลงไกลบำเพ็ญ
                                                ฮา ฮา หยุด



พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหันเซียงจื่อ

 ขี้โมโหเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ รู้บ้างไหมว่าผิดไปใยไม่แก้
ทำนิ่งนิ่งเฉยเฉยไม่แยแส      กรรมแท้แท้ผลสนองค่อยสะพรึง
นักเรียนในชั้นนี้ขี้โมโหไหม (ขี้โมโห)  บางทีท่านไม่ใช่ว่าเบื่อคนพูดมากหรือ ที่โมโหก็เพราะอะไร พูดมากไม่หยุดสักที ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราอยู่ในโลกที่วุ่นวายเพราะบางทีเราพูดมากไปไหม ฟังมากไปไหม มองมากไปไหม รู้มากไปไหม เราถึงได้ทุกข์อยู่วันนี้ ฉะนั้นถ้าเห็นแล้วเฉยๆ บ้าง ไม่พูดบ้างได้ไหม (ได้)  ถ้าฟังแล้วนิ่งๆ ไม่โกรธเคืองได้ไหม (ได้)  ถ้าทำได้อย่างนี้ไม่ต้องพูดต่อแล้ว ถูกไหม แต่บางทีเราอดใจไม่ได้
เราอยู่ในโลกอยากได้มิตรหรืออยากได้ศัตรู (อยากได้มิตร)  พูดไปแล้วทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ สร้างมิตรหรือสร้างศัตรู (สร้างศัตรู)  แล้วพูดไหม (พูด)  แล้วอยู่ในโลกอยากได้คนรักหรืออยากได้คนเกลียด (อยากได้คนรัก)  ถ้าฟังแล้วกลายเป็นคนลำเอียง แล้วเกลียดเขาฟังไหม (ไม่ฟัง)  เหมือนเขาพูดว่า เรามีเรื่องไม่ดีจะเล่าให้ฟัง อยากฟังไหม (อยากฟัง)  ไหนว่าอยู่ในโลกอยากได้คนรัก ไม่อยากได้คนเกลียด ถ้ารู้ว่าเรื่องที่จะฟังมันไม่ดี ฟังไหม (ไม่ฟัง)  อยากรู้ไหม (ไม่อยากรู้)  ถ้าอยากลบความวุ่นวายทางภายนอก บางครั้งต้องรู้จักปิดหู ปิดตาบ้าง ไม่ต้องไปอยากรู้ทุกอย่าง ไม่ต้องไปอยากพูดเก่งว่าตัวเองรู้ไปทุกอย่าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะปัญหาฟ้าเป็นคนกำหนด หรือเราเป็นคนทำตัวเราเอง (ตัวเราเอง)  เหมือนที่ท่านเคยได้ยิน ถ้าเรายิ้ม เขาก็ยิ้ม”  ถ้าเราบึ้งเขาจะยิ้มไหม (ไม่ยิ้ม)
ฉะนั้นก่อนจะว่าคนอื่นหันกลับมามองตัวเองสักนิดหนึ่ง ก่อนจะโทษคนอื่นอย่าลืมถามตัวเองสักหน่อยว่า เราสร้างเหตุปัจจัยดีหรือเปล่า เพราะในโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ อยู่ๆ เขาจะมาด่าเราไหม (ไม่)  ดังที่มนุษย์ชอบพูด ไม่มีมูล หมาไม่ขี้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอยากอยู่ในโลกมีคนรักหรือคนเกลียด (คนรัก)  อยากอยู่ในโลกมีมิตรหรือมีศัตรู (มีมิตร)  ฉะนั้นที่เราต้องระวังอีกขั้นหนึ่งก็คือ เวลาเราพูด เวลาเราทำอะไร อย่าเอาแต่ใจ ท่านเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมว่า โอกาสของคนชั่วมีอยู่เสมอ ถ้าคนนั้นขาดคุณธรรม เราถามท่านนะ มีหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ถ้ามีคนๆ หนึ่งเป็นคนชั่ว ท่านว่าน่ากลัวใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเรารู้ว่าคนชั่วเป็นคนไหน เราจะระวังได้ถูกไหม (ถูก)  แต่เราว่าน่ากลัวยิ่งกว่าคือ คนที่ดูเหมือนดีๆ แต่ถ้าเมื่อไรขาดคุณธรรม คนนั้นก็พร้อมจะเป็นคนชั่วได้ทันที ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นความคิด อารมณ์ ความรู้สึก อย่าปล่อยให้มันครอบงำจิตใจ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้ามันครอบงำแล้ว มนุษย์จะแยกไม่ออกระหว่างผิดชอบชั่วดี มนุษย์จะแยกไม่ออกระหว่างคุณธรรม อะไรถูกต้องอะไรผิด จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นชอบกับชังเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังและควบคุมให้ได้ เพราะถ้าควบคุมไม่ได้ความชอบ ความชัง อารมณ์ ความรู้สึก จะทำให้ชีวิตมนุษย์วุ่นวายไม่จบสิ้น
มนุษย์ทุกคนล้วนอยากได้มิตรมากกว่าศัตรู อยากได้คนรักมากกว่าคนเกลียด ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราอยากได้มิตรมากกว่าศัตรู อยากได้คนรักมากกว่าคนเกลียด การกระทำอะไรที่เราต้องระมัดระวังความประพฤติและควบคุมให้ดี เพราะไม่ฉะนั้นแล้วคนดีๆ อาจกลายเป็นศัตรู คนน่ารักอาจกลายเป็นคนน่ารังเกียจ ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเรารู้จักอดทนอดกลั้นหน่อยเราก็คงไม่โมโห และเราก็คงไม่ทำให้ใครเป็นศัตรูเรา ถ้าเรารู้จักยับยั้งชั่งใจหน่อย ไม่เอาแต่ใจไม่เอาแต่อารมณ์ เราก็คงไม่กลายเป็นคนน่ารังเกียจของใครๆ รู้จักยอมได้บ้างสักนิดหน่อย แพ้ก็ได้เสียก็ได้ บางครั้งศัตรูก็อาจเป็นมิตร ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นโอกาสของคนทำชั่วมีเสมอถ้าขาดคุณธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเมื่อไรเราอดทนไม่ได้ อดกลั้นไม่ได้ เรายอมไม่เป็น และเสียไม่ได้ คนดีๆ ก็พร้อมจะทำผิดคิดร้ายได้ ท่านบอกว่าเราอยู่ในโลกอยากได้มิตรไม่อยากได้ศัตรู อยากได้คนรักไม่อยากได้คนรังเกียจ ใช่หรือไม่ แต่หากแม้มีคนรักเราแม้จะมีมิตรที่ดีกับเรา แต่เราเป็นคนที่ไม่ค่อยอดทนอดกลั้น มิตรก็กลายเป็น (ศัตรู)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้เขาจะรักเรามากแค่ไหน แต่ถ้าเราเอาแต่ใจเอาแต่ได้ สิ่งที่เขารักเราเขาก็อาจกลายเป็นเกลียดเราไม่รักเราก็เป็นได้ ฉะนั้นคนทำชั่วมีเสมอถ้าขาดคุณธรรม และชีวิตอาจจะวุ่นวายได้ถ้าเกิดเราไม่รู้จักควบคุมอารมณ์และความประพฤติ ใช่ไหม (ใช่)  ท่านอาจจะพูดกับเราว่า เกิดเป็นคนยังต้องมีชอบมีไม่ชอบ  มีทนได้ทนไม่ได้  มนุษย์ ทุกคนล้วนปรารถนามิตรปรารถนาคนรัก ไม่ปรารถนาศัตรู ไม่ปรารถนาคนเกลียด ใช่ไหม (ใช่)  แต่บางครั้งความชอบความชังก็ทำให้เราสร้างศัตรูได้มากกว่ามิตร สร้างคนน่ารังเกียจได้มากกว่าคนน่ารัก จริงไหม (จริง) 
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตายกเชาฉือเป็นตัวอย่าง)
สมมติว่าเรารู้สึกไม่ค่อยชอบเชาฉือ เห็นอย่างไรก็ไม่ค่อยถูกชะตา แค่เห็นนิดก็รำคาญแค่ไม่ชอบนิดๆ เขายังไม่ทำอะไรเราเลยนะ แต่รู้สึกแค่เห็นหน้าก็ไม่ถูกชะตาแล้ว รำคาญเบื่อหน้า พอเวลาเขาทำอะไรนิดหนึ่ง ไม่ดีๆ แล้วเวลาความทุกข์มันอยู่ในใจมากๆ มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเก็บไว้อยากจะพูดให้คนอื่นรู้ ใช่ไหม (ใช่)  นี่ๆ คนนี้นิสัยไม่ดีเลย ยังไม่รู้เลยไม่ดีอะไรแต่ไม่ชอบ ฉะนั้นเวลาทำอะไรมันก็เลยไม่ถูกใจไม่ถูกตา ใช่ไหม (ใช่)
 แค่พูดนิดหน่อยเขาก็วางมาด ถือดี แล้วเราก็พูดไปทั่ว จากคนธรรมดาเริ่มกลายเป็นคนไม่ดีได้ไหม (ได้)  จากคนที่ดูน่ารักกลายเป็นคนน่าเกลียดได้ไหม (ได้)  เพราะปากเราพูด แค่เพียงไม่ชอบ แล้วเขาทำร้ายเราหรือยัง ยังไม่ทันทำอะไร แต่รู้สึกว่าไม่ถูกชะตาใช่ไหม (ใช่)  แล้วพอเราพูดมากเข้าๆ จากไม่จริงกลายเป็นจริง จากไม่มีกลายเป็นมี จากมิตรกลายเป็นศัตรู จากคนดีๆ ในสังคมกลายเป็นคนไม่ดี เพราะปากเราหรือว่าเพราะใจที่เรายึดติดชอบชังใช่ไหม (ใช่)  บางครั้งคนๆ หนึ่งแค่พูดอะไรผิดหูนิดเดียวรำคาญไหม (รำคาญ)  โกรธไหม (โกรธ)  เอาไปเก็บไว้ในใจทนไม่ได้ ต้องพูดต่อจากเรื่องไม่เป็นเรื่องกลายเป็นเรื่อง จากไม่มีก็กลายเป็นมี จากคนดีๆ กลายเป็นคนไม่ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นโอกาสของคนชั่วมีได้เสมอ ถ้าคนนั้นขาดคุณธรรมในการดำเนินชีวิต  และชอบดำเนินชีวิตเอาแต่อารมณ์ เป็นใหญ่ เราก็คือคนที่กำลังทำคนดีๆ ให้กลายเป็นคนไม่ดีได้เพียงเพราะเราไม่ชอบและรำคาญ ฉะนั้นอย่าพูดนะว่าคนที่นั่งอยู่ที่นี่เป็นคนดีหมดใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นทำไมเราเกิดเป็นคนจึงจะต้องมีคุณธรรมไว้ในจิตใจ เพราะคุณธรรมต้องการเป็นตัวย้ำเตือนให้รู้ว่าทำเขาแล้วสบายใจไหม (ไม่สบายใจ)  เกลียดเขาแล้วมีสุขไหม (ไม่มีสุข)  ดูถูกเขาแล้วอิ่มเอมใจไหม (ไม่อิ่ม)  ไม่มีใช่ไหม (ใช่)  เรามีชีวิตอยู่ควรดำเนินตามคุณธรรม จิตสำนึกแห่งผิดชอบชั่วดี หรือเรามีชีวิตควรดำเนินตามอารมณ์ชอบชังกัน (คุณธรรม)  แต่ถามว่าโดยส่วนใหญ่เราดำเนินชีวิต เรามีธรรมในการใช้ชีวิตบ้างไหม (ไม่มี)  มีบ้างไม่มีบ้างใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นท่านเป็นคนประเภทปฏิบัติธรรมต่อคนที่น่าสงสารเท่านั้น คนที่ท่านรังเกียจไม่จำเป็นต้องมีธรรมใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นจะได้บุญใหญ่ได้อย่างไร เพราะบุญที่แท้จริงต้องไม่จำกัด บุญที่แท้จริงอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องไม่ตีกรอบว่าจะต้องให้ใคร ฉะนั้นคนมีธรรมจริงๆ กับใครก็ต้องมีธรรม คนมีธรรมจริงๆ กับใครก็ต้องพึงรักษาธรรม แต่ทำไมเราดีกับคนเฉพาะที่เราอยากดี แต่เราไม่ดีกับคนที่เขาไม่น่าดีใช่ไหม (ใช่)  ท่านก็ไม่ใช่ทองแท้ถูกไหม (ถูก)  ท่านก็ไม่ใช่คนดีจริงใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะคนดีจริงไม่กลัวคนร้าย ทองแท้ไม่กลัวไฟหลอม คนดีจริงมีคุณธรรมอย่างไรก็ต้องประพฤติปฏิบัติธรรมใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจะทำให้ธรรมบังเกิดได้อย่างไร เพราะธรรมนี้จะเป็นตัวช่วยยับยั้งให้เราไม่ประพฤติผิด เราทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตที่ดี จำไว้นะเรื่องของชีวิต เอาแต่คิดไม่ได้ เพราะเรื่องชีวิตเป็นเรื่องของความจริง ถ้าใช้ความคิดจะมองไม่เห็นความจริงใช่หรือไม่ (ใช่)  คุณธรรมมาจากไหน (ไม่โกรธไม่เกลียดใครทั้งสิ้น ไม่ดีใจไม่เสียใจ)  ฉะนั้นถ้าอยากอยู่ในโลกไม่สร้างศัตรู มีแต่คนรัก อยู่ในโลกไม่เกลียดใคร ไม่รักใครดีหรือไม่ (ดี) 
น่าเสียดายนะฟังกันมามาก แต่ไม่รู้ว่ามนุษย์เราจะมีธรรมได้อย่างไร ไม่มีใครตอบได้จริงๆ หรือ (เราจะต้องฝึกและทำความเข้าใจกับสิ่งที่รับรู้ทุกอย่างและธรรมะจะเกิดกับตัวเราเอง)  เราต้องฝึกตามใจใช่ไหม (ฝึกทำใจกับสิ่งที่เข้ามา) ฝึกและทำความเข้าใจกับทุกสิ่งที่เข้ามากระทบใจเรา ดีเราก็ชอบ ไม่ดีเราก็เกลียดใช่ไหม (ไม่ใช่) 
 อย่าลืมนะว่าความเกลียดที่ก่อต้นเป็นต้นเล็กๆ ถ้ามันสั่งสมเพิ่มขึ้นมันก็จะสามารถสร้างศัตรูให้กับผู้อื่นได้ เพียงแค่เราไม่ชอบ ถูกหรือไม่ ฉะนั้นอะไรที่จะช่วยยับยั้งอารมณ์ความรู้สึกแล้วเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกให้ก่อเกิดเป็นคุณธรรม ไม่ก่อเกิดเป็นคิดร้าย สร้างศัตรู สร้างความทุกข์ให้เราต้องรับผลในภายหลังใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นเราลืมอะไรไปหรือ อะไรที่เป็นต้นเหตุเป็นรากเริ่มต้นคุณธรรม เอาง่ายๆ เราเปรียบเทียบกับตัวเราให้ท่านดู (เมตตากรุณา) เมตตากรุณานั่นคือคุณธรรมใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นถ้าเราทำเราคิดถึงเมตตาไหม (คิดถึง)  ถ้าเราคิดถึงเมตตาเป็นหลัก เราจะไม่ด่าใคร ถ้าเราคิดถึงเมตตาเป็นหลักเราจะไม่เบียดบังชีวิตใคร และถ้าเราคิดถึงเมตตาเป็นหลัก เราจะไม่คดโกงใครถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่บางทีเรายังไม่ทันถึงเมตตาเลย เราก็เอาไว้ก่อน เดี๋ยวเมตตาทีหลังถูกไหม (ถูก)  อย่างนั้นเราจะบอกให้ว่าวิธีที่จะทำให้เราไปถึงคุณธรรมได้ สิ่งเริ่มต้นที่เราควรจะต้องประพฤติปฏิบัติไว้ นั่นก็คือ รากฐานของคุณธรรม ถ้ามนุษย์ไม่มีรากฐานของคุณธรรม มนุษย์จะเข้าถึงความเป็นธรรม และจะเข้าถึงคุณธรรมแห่งความเป็นคนก็ไม่มีวันสำเร็จ เทียบง่ายๆ สมมติเราไปไหนเจอใครเราก็น้อมไหว้ เราไปไหนเจอใครเราก็น้อมไหว้ เราไปไหนเจอใครเราก็น้อมไหว้ จิตที่รู้จักเคารพให้เกียรติ ทำบ่อยๆ กลายเป็นมีคุณธรรมข้อหนึ่ง คือ เด็กคนนี้มารยาทดีใช่ไหม (ใช่)  เอาอีก ไปไหนเรามีแต่ให้ ไปไหนเห็นใครเดือดร้อน สงสาร เรารีบช่วยเหลือ เห็นใครกำลังลำบากเรารีบกระตือรือร้น ไม่ทอดทิ้งไม่ดูดาย ให้อยู่ทุกขณะ ให้ด้วยความสงสาร ให้ด้วยใจที่อยากช่วยเหลือ ทำไปบ่อยๆ จิตที่รู้จักให้ จิตที่ไม่นิ่งดูดายใครตกทุกข์ได้ยาก เขาเรียกว่า (เมตตาธรรม) ใช่ไหม (ใช่)  จิตที่เคารพไม่รังเกียจไม่ดูถูกคน เจอใครก็เคารพนบนอบอ่อนน้อม เจอใครก็สุภาพอ่อนน้อมจริงใจ ทำบ่อยๆ ความดีคือรากฐานของคุณธรรม ความดีเป็นชื่อของความสุข ความดีให้ผลคือความสุข ความดีคือรากฐานของบุญบารมีและกุศลที่จะนำพาให้มนุษย์พ้นทุกข์ และความดีนั่นแหละคือรากฐานของคุณธรรมความเป็นคน  มนุษย์ก็ถามว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำไมเกิดเป็นคนต้องทำดี แล้วก็บอกว่าทำดีไม่เห็นได้ดีเลยฟ้า ทำแทบตายซื้อลอตเตอรี่ไม่เห็นถูกเลย ทำแทบตายทำไมโชคไม่ดีเลย โดนเขาด่าอีกแล้วใช่ไหม ถ้าไม่เคารพนบนอบเขาเขาจะรักเราไหม (ไม่รัก)
รากฐานของคุณธรรมต้องเริ่มต้นจากทำดี เพราะทำดีเป็นชื่อของความสุข เป็นรากฐานของบุญวาสนาทุกประการทั้งปวง และความดีเป็นหนทางให้มนุษย์พ้นทุกข์ และยังทำให้เราบังเกิดคุณธรรมยิ่งกว่าความเป็นคน แต่มนุษย์กลับสงสัยทำไมต้องทำดี ใช่ไหม (ใช่)  เราถามท่านนะ     ชอบไหมคนดูถูก คนมารังแกข่มเหงเรา (ไม่ชอบ)  ชอบไหมคนมาเบียดบังทำร้ายแช่งชักหักกระดูกเรา แล้วชอบไหมคนโป้ปดมดเท็จไม่พูดจริงกับเรา (ไม่ชอบ)  แล้วเราทำกับเขาไหม (ทำ, ไม่ทำ)  ถ้าไม่ทำทำไมศีลห้าจึงรักษาไม่ครบ เพราะสิ่งที่เราพูดทั้งหมดล้วนคือคุณธรรมของความเป็นคน ที่พระพุทธองค์บอกหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าศีลธรรม จริงไหม (จริง)  ไม่ชอบใครดูถูก ไม่ชอบใครทำร้ายจิตใจ ไม่ชอบใครมาดูหมิ่นข่มเหงใจของเรา ทำเขาไหม พูดแต่ละทีหวานหยดย้อยหรือทิ่มแทงเจ็บปวด ใช่ไหม (ใช่)  ยังจะบอกว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ ฉะนั้นทุกข์เพราะใคร (เพราะตัวเอง)  อย่างนั้นจะกราบพระทันไหม (ไม่)  เราว่าอย่างมากสุดก็คือ ผิดแล้วก็แก้ไขสำนึกเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนใหม่อย่าผิดซ้ำ ใช่ไหม (ใช่)  เพราะคนทุกคนชอบเหมือนๆ กัน ไม่ชอบใครดูถูก ชอบคนจิตใจดี ชอบคนพูดดี แล้วทำไมเราจึงดูถูกคนข่มเหงใจคน ถูกไหม (ถูก) 
ฉะนั้นถ้ายังดีไม่ได้คุณธรรมก็หาได้มีไม่ พุทธะเคยกล่าวไว้ว่า คุณธรรมแห่งความเป็นคนเปรียบได้กับแขนขา ถ้าแขนขามีไม่ใช้ก็คงง่อยเปลี้ยเสียขา ใช่ไหม (ใช่)  เพราะคุณธรรมของความเป็นคน เมตตาธรรม มโนธรรม สุจริตธรรม ปัญญาธรรม จริยธรรม ยังมีไม่ได้คนๆ นั้น ก็ไม่สามารถดูแลได้แม้แต่กระทั่งพ่อและแม่ของตนเอง คนถ้าไม่มีเมตตาธรรม ไม่มีมโนธรรม ไม่มีสัจจธรรม ไม่มีปัญญาธรรม ไม่มีสุจริตธรรม ไม่มีจริยธรรม คนๆ นั้น ก็สามารถดูถูกได้แม้กระทั่งพ่อแม่ของตน ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อพ่อแม่เขาไม่รัก แล้วเขาจะรักเราหรือ  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งที่เราพูดเป็นสิ่งที่ยากไหม (ไม่ยาก)  แต่ทุกท่านขอให้มีจิตสำนึกแห่งความถูกต้อง ดีงามในจิตใจ อย่าทำอะไรเอาแต่อารมณ์ เอาแต่ความโมโหชั่ววูบ ไม่ฉะนั้นแล้วคนที่ต้องรับทุกข์ที่ตัวเองก่อก็คือท่านเอง คนที่พูดไม่คิด ทำอะไรไม่รู้จักสำรวมระมัดระวัง ทำอะไรไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แม้กราบพระขอขมาก็ยังหนีไม่พ้น ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็คือแก้ไข เปลี่ยนแปลง รู้จักควบคุมอารมณ์ และความคิดตน เพราะไม่มีอะไรยับยั้งใจเราได้เท่ากับคุณธรรม
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์สิ่งที่หนีไม่พ้นคือ ตัวตั้งตรง หัวชี้ฟ้า ฉะนั้นเกิดเป็นคนต้องซื่อตรง จริงใจต่อความจริงและตัวเอง ไม่เช่นนั้นแล้ว คนที่หลอกเราได้เจ็บปวดมากที่สุดนั้นก็คือ ใจตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วคนที่ทำร้ายเราได้เจ็บปวดที่สุดนั่นก็คือ ปากเราเองที่พูดอะไรไม่คิด
ฉะนั้นถ้าเรารู้ก็จงรู้จักระมัดระวัง ควบคุมตัวเอง อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบของเรานั้นก่อเกิดเป็นปัญหาที่ไม่จบสิ้น เพราะมนุษย์สิ่งที่กลัวที่สุดคือความทุกข์ มันทุกข์ สิ่งที่เราไม่อยากเจอมากที่สุดก็คือ ความทุกข์ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นพระพุทธะจึงกล่าวไว้ว่า เมื่อดำเนินชีวิต จงให้กายดั่งเช่นพุทธะ เมื่อดำเนินชีวิต จงกล่าววาจาอย่างคนมีธรรมะ เมื่อดำเนินชีวิต จิตใจจงรู้จักมีสติและปัญญา แต่เรามักจะหลงลืม ปล่อยตัวเองตามนิสัย อารมณ์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าลืมนะว่า มนุษย์เราหนีไม่พ้นความทุกข์ ทุกข์อันเป็นอนิจจังในโลกใบนี้ เราอย่าทำผิด เพราะทำผิดแล้วมันจะก่อเกิดวิบากกรรมและความทุกข์ที่ไม่จบสิ้น โดยเฉพาะทุกข์ที่ทำกับผู้อื่น ทุกข์ที่ทำกับชีวิตคนอื่น ใช่หรือเปล่า (ใช่)
มนุษย์เรามีทุกข์เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ทุกข์นั้นเรียกว่า ความแก่ ความเจ็บ ความพลัดพราก ทุกข์อีกอย่างหนึ่งเรียกว่า ความสูญสิ้น ความทุกข์ที่เราพูดมานี้ท่านกลัวไหม (กลัว, ไม่กลัว)  บางท่านกลัว บางท่านไม่กลัว เพราะยังไม่แก่ ยังไม่เจ็บ ใช่ไหม (ใช่)
ถามหน่อยนะ ถ้าเราประกอบชีวิต ทุกขณะเราพึงมีธรรม และทำสิ่งที่ถูกต้อง ดีงามมาตลอด วันหนึ่งเราต้องเจ็บ เราต้องแก่ เราต้องพลัดพรากหรือวันหนึ่งเราต้องสูญสิ้น ถามท่านว่าคนเช่นนั้นเขาจะเสียดายไหม (ไม่เสียดาย)  ถ้าตลอดชีวิตมาเราทำสิ่งที่ดีงาม เราทำสิ่งที่ถูกต้อง วันหนึ่งเราต้องเจ็บ เราต้องพลัดพราก เราต้องสูญเสีย เราต้องสูญสิ้น เราจะเสียดายไหม (ไม่เสียดาย)  ถ้าทำมาดีตลอดจะไม่มีวันเสียดาย แต่ที่ท่านกลัวการพลัดพราก กลัวสูญสิ้น กลัวเจ็บปวด ก็เพราะว่ายังดีบ้างไม่ดีบ้าง เลยไม่อยากพลัดพราก ไม่อยากสูญสิ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นผู้ที่เข้าถึงธรรมแล้ว ท่านจะรู้ว่าทุกขณะทำไมต้องทำดี เพราะถ้าวันหนึ่งต้องสูญสิ้น ต้องพลัดพราก  ต้องเจ็บปวด  ก็ไม่เสียดาย  เพราะทำดีที่สุดแล้ว แต่ที่เรายังกลัวพลัดพราก กลัวสูญสิ้นและเจ็บปวด เพราะว่าเรายังดีไม่พอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็กลายเป็นปัญหาที่จะต้องแก้ต่อว่า ความพลัดพราก ความเจ็บปวด ความสูญสิ้น เป็นที่สิ่งที่ต้องขจัดปัดเป่า
ในโลกนี้มีใครไม่พลัดพราก (ไม่มี)  แล้วทำไมลืมธรรมะข้อนี้ไปล่ะ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ในโลกนี้มีใครไม่สูญเสีย (ไม่มี)  แล้วทำไมทุกข์กับเรื่องสูญเสียล่ะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นมีชีวิตอย่าปล่อยชีวิตไปตามอารมณ์ จนลืมนึกถึงความจริง เรื่องของชีวิตไม่ใช่เรื่องที่เอาแต่คิดตามใจจนลืมมองความจริง เพราะเราเคยชินกับการตามใจตัวเองมาตลอด 20 ปี 30 ปี พอให้มองความจริงเลยมองไม่ออก ความแก่ ความเจ็บ ความสูญเสีย และความพลัดพรากเป็นทุกข์ไหม (ไม่)  แล้วทำไมเรายังทุกข์อยู่ ถูกไหม (ถูก)  แล้วเวลาเราเจอ ทำไมเราถึงทำใจไม่ได้  ถ้าเราทำดีที่สุดแล้วอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะเป็นความจริงของทุกชีวิต มีพบก็ต้องมี (จาก)  มีได้ก็ต้องมี (เสีย)  อย่างนั้น เรานอกจากลืมธรรมแห่งความเป็นตัวตน เรายังลืมธรรมแห่งความเป็นจริงอีกหรือเปล่า
ฉะนั้นวันนี้มาฟังธรรมเพื่อเอาธรรมกลับมาใช้ในชีวิตแล้วมองตามความเป็นจริงจะได้ไม่ทุกข์ซ้ำกรรมซัด ใช่หรือไม่ (ใช่)  เข้าใจไหม (เข้าใจ)  ยากไหม (ไม่ยาก)  อย่างนั้นอยู่ในโลกก็คงทุกข์น้อยลงจริงไหม (จริง)  เหมือนวันนี้ถ้าเราคิดดีไว้ มาฟังธรรมะเพื่อเกิดปัญญา มาฟังธรรมะเพื่อเอาบุญเอากุศล คิดแบบนี้ มองแบบนี้มีความสุขไหม (มี)  มาฟังธรรมะเพื่อความสงบแห่งใจมีความสุขไหม (มี)  ถ้าคิดได้แบบนี้ นั่งฟังก็ยิ่งอาบอิ่มใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ที่นั่งฟังตลอดมา เมื่อไหร่จะจบ เมื่อไหร่จะจบ ถูกไหม (ถูก)  อย่ารอนะไม่ใช่บอกว่า ทำไมอยากทำดี อ้อ ทำดีแล้วชาติหน้าจะได้ขึ้นสวรรค์ ไม่ต้องรอชาติหน้า ทำดีก็พบสวรรค์เมื่อคิดได้ดี ทำชั่วก็พบนรกเมื่อคิดชั่ว ฉะนั้นวันนี้อยู่ต่อหน้าพระ แต่ทำไมทำตัวเหมือนตกนรก
ความทุกข์ในโลกไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือการไม่รู้จักระมัดระวังตัวเอง และมองเห็นไม่ชัดในโลกแห่งความเป็นจริงใบนี้ เอาแต่ติดชอบติดชังจนมองไม่เห็นว่าอะไรถูกต้อง อะไรเป็นจริงใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งเริ่มต้นในการประพฤติปฏิบัติตนคือถ้าเราทำได้ดี ทำได้ถูกต้อง สร้างเหตุปัจจัยดี แม้ทุกข์ก็ยังกลายเป็นสุข แต่ถ้าเราไม่รู้จักสร้างเหตุปัจจัยที่ดี ไม่รู้จักดำเนินชีวิตอย่างคนมีศีลมีธรรม แม้สุขก็กลายเป็นทุกข์ได้จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นธรรมสอนให้มนุษย์รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำจนคิดผิดทำร้าย และธรรมนั้นไม่ได้อยู่นอกเหนือ ไม่ได้อยู่ในหนังสือ แต่ธรรมที่แท้จริงอยู่ที่จิตสำนึกแห่งความถูกต้องดีงาม โลกนี้ที่ยังน่าอยู่ก็เพราะมีคนดีๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  สังคมที่ยังสงบสุขก็เพราะมีคนที่รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาปถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นเราเกิดเป็นคนทำไมเราถึงต้องทำความดี เพราะความดีคือจิตสำนึกของความถูกต้อง เพราะความดีคือรากฐานของความเป็นคน และความดีคือรากฐานของบุญวาสนา และหนทางพ้นทุกข์
ทำดีไม่ใช่เพื่อถูกลอตเตอรี่ ไม่ใช่เพื่อสะเดาะเคราะห์  แต่ทำดีเพื่อเป็นหนทางนำพาให้เราพ้นทุกข์  เพราะทุกข์เกิดมาจากความไม่รู้  ความหลงผิด  เอาแต่ใจ ตกเป็นทาสกิเลสใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราอยากจะพ้นทุกข์และไม่อยากทุกข์ซ้ำกรรมซัด เราก็ต้องรู้จักดำเนินชีวิตให้อยู่บนกรอบแห่งความถูกต้องและดีงามอันเป็นรากฐานของความเป็นคนในใจเรา  เราชอบคนจิตใจดีไหม  ชอบคนมีสัมมาคารวะชอบไหม (ชอบ)  ชอบคนแช่งชักหักกระดูกไหม (ไม่ชอบ)  ไม่ชอบ  จงอย่าทำ  ถามตัวเราลึกๆ ในจิตใจ  ก่อนกระทำ  ก่อนอยาก  ก่อนทำอะไรตามอารมณ์อย่ารักสนุก  อย่าคิดง่าย  เพราะเมื่อสร้างเหตุปัจจัยแล้วท่านหนีไม่พ้นต้องรับผลอันนั้น  สู้ไม่สร้างเหตุเพื่อไม่ตกผลไม่ดีกว่าหรือใช่ไหม (ใช่)  แล้ววิธีแก้ที่ดีที่สุดเมื่อผิดไปแล้วก็คือสำนึกผิดเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนใหม่แล้วดีให้ได้  อะไรจะเกิดก็กล้ารับแม้ทุกข์กลัวที่สุดก็ยังไม่น่ากลัวถ้าเราเข้าใจและทำได้ดีที่สุดแล้วจริงหรือไม่ (จริง)
พูดง่ายๆ ก็คืออดีตเราแก้ไขไม่ได้แล้ว  ต่อไปคืออนาคตและอนาคตขึ้นอยู่กับ (ปาก)  ขึ้นอยู่กับปากใช่หรือ  คิด พูด  ทำ  อย่าคิดว่าฉันชอบ  อย่าคิดว่าแค่ฉันชอบ  อย่าคิดว่าแค่ฉันเกลียดแล้วจะไม่บังเกิดผล  บางทีชอบง่ายๆ ก็ทำคนเสียนิสัย  เกลียดง่ายๆ ก็สร้างศัตรู  ฉะนั้นจงระวังให้ดี สิ่งที่เรียกว่าชีวิตเอาแต่คิดตามใจโดยไม่มองความจริงจะวุ่นไม่จบสิ้น สิ่งที่เรียกว่าชีวิตชังจนไม่มองความจริง จะทำให้ชีวิตหาความสงบไม่ได้เลย  ฉะนั้นขอให้ทำอะไรพิจารณาไตร่ตรองอยู่บนรากฐานของความดีงามและความถูกต้องได้หรือไม่ (ได้)  เริ่มต้นง่ายๆ ก่อนดีไหม (ดี)  เพราะถ้าเกิดยังเป็นคนไม่มีศีลมีธรรมจะก้าวต่อไปก็คงเป็นเรื่องยาก  ฉะนั้นเริ่มต้นด้วยการทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ประพฤติผิดไม่คิดชั่ว  ไม่ทำร้ายใคร  ไม่ยากใช่หรือไม่ (ใช่) จะยากอย่างเดียวตรงที่ไม่เคยหักห้ามใจตัวเอง
มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก ศึกษาธรรมเรียนรู้ให้เข้าใจด้วยสติ อย่าหวังอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เพราะหลักธรรมเป็นหลักแห่งความจริง และชีวิตต้องดำเนินอยู่บนความจริง อย่าอาศัยอิทธิปาฏิหาริย์ในการช่วยชีวิตนั้นไม่เกิดประโยชน์ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฟังอะไรฟังให้จบ ใครตัดสินใจมาวันนี้แล้ว พรุ่งนี้ไม่มาอีกน่าเสียดาย ใครตัดสินใจแค่วันนี้วันเดียวแล้วไม่อยู่ให้ครบก็น่าเสียดายโอกาสใช่หรือไม่ (ใช่)  ใช่แล้วมาไหม (มา)  อดทนได้ เรื่องยากๆ ก็เป็นเรื่องง่าย ข่มใจได้เรื่องแย่ๆ ก็กลายเป็นเรื่องดี ระงับอารมณ์ได้แม้ทุกข์ก็อาจจะกลายเป็นสุขจริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นถ้ารู้จักข่มได้ คนก็มีศีลได้ แต่ถ้ารู้จักข่มแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้ คนดีๆ ก็พร้อมประพฤติผิดหลักธรรมได้เช่นกันใช่หรือไม่ (ใช่) 
มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก อย่าดูเบาคุณค่าและความสามารถของตัวเองนะ อย่าฟังแค่วันเดียวแล้วลาจาก น่าเสียดาย ลองอยู่ให้ครบอาจจะมีอะไรดีๆ กว่าวันนี้ก็ได้ ขอแค่ไม่ดูเบาความอดทน ความอดกลั้นของใจตัวเองก็พอจริงไหม มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีกนะ



วันอาทิตย์ที่ ๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ สถานธรรมจื้อเจวี๋ย  จังหวัดสงขลา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  ชอบฟุ้งซ่านคิดร้ายกว่าคิดดี          พอคิดทีก็หยุดตัวเองไม่ได้
คิดจนทุกข์หงอยเหงาซึมเศร้าไป        สู้กล้าทุกข์ยอมรับไม่ทำร้ายตน
                   เราคือ
  จี้กงสงฆ์วิปลาส                     รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา   ลงสุ่พุทธสถานจื้อเจวี๋ย  แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว                       ถามศิษย์รักของอาจารย์ทุกคนยิ้มออกหรือยัง

  ทุกข์เพราะหลงตัวตนเฝ้ายึดถือ          ทุกข์เพราะยื้อจนไม่มองความจริงแท้
ทุกสิ่งล้วนเกิดดับและผันแปร              ทุกข์แน่แน่ถ้าเอาแต่ใจของตน
ทุกข์เพราะใจร้อนวู่วามเอาแต่ใจ           ทุกข์เพราะเสียไม่ได้ไม่ยอมคน
ทุกข์เพราะหลงปล่อยปละนิสัยอารมณ์ ทุกข์เพราะตนไม่เคยยั้งหยุดใจเย็น
ทุกข์เพราะอยากเท่าไหร่ถึงจะพอ         ช่างทุกข์หนอหวังทุกสิ่งเป็นดั่งเห็น
หวังต้องมีต้องได้มาว่าจำเป็น               ต่างลืมเห็นสุขเรียบง่ายธรรมดา
อย่าทุกข์เพราะติดดีจนว่าไม่ได้             อย่าทุกข์เพราะใจร้ายชิงชังหนา
อย่าทุกข์เพราะโดนเอาเปรียบนองน้ำตา จงใช้ธรรมนำชีวาสงบเย็น
                                                ฮา ฮา หยุด



พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง


อย่าอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำไม่ได้ ต้องมีสติยั้งคิดไตร่ตรองก่อนที่จะพุ่งไปทำอะไร ถึงแม้มันจะดีแต่ก็ต้องยั้งคิด ใช่หรือไม่ ดีใจไหม (ดีใจ)  ดีใจอะไรหรือ ดีใจว่าเป็นวันที่สองแล้วใช่หรือเปล่า อีกวันเดียวก็ได้กลับแล้ว (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนที่เข้าชั้นหลังสุดออกมาเต้นเป็ด)
อาจารย์ตกลงกันว่าใครมาหลังคนนั้นต้องเต้นเป็ด แกล้งคนอื่นได้มีความสุข ไม่ปฏิเสธเลย กลัวเต้นเป็ดไหม ไม่เห็นต้องกลัวใช่ไหม ศิษย์เอ๋ยถ้าคิดแล้วทำมันถูกต้องมีความสุขก็ทำไป แต่ถ้าทำแล้วทำให้คนไม่ชอบใจ ทำไหม (ไม่ทำ)  ฉะนั้นก่อนทำอะไรคิดให้ดีๆ จริงหรือไม่ (จริง)   
อยากให้ใครเขารัก ไปอยู่ที่ไหนใครๆ ก็รัก ฉะนั้นมีทุกข์เราก็ต้องกล้าร่วมทุกข์กับเขาใช่ไหม (ใช่)  แต่คนสมัยนี้สุขไปเฮฮา แต่มีทุกข์ตัวใครตัวมัน ใช่ไหม (ใช่)  แล้วอย่างนี้ศิษย์จะหามิตรแท้ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองยังเป็นอย่างนี้ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นเวลาเขามีสุขกัน เราไม่ไปก็ไม่เป็นไร โทรไปยินดีก็ดีแล้ว ใช่หรือไม่ แต่ถ้าเขาทุกข์ไม่ไปไม่ได้ ฉันต้องไปก่อนฉันต้องช่วยก่อน คนอย่างนี้ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่มิตรแท้ มีแต่คนรักจริง เพราะยามทุกข์ เขาไม่เคยทิ้ง แล้วศิษย์อยากได้มิตรแท้แต่ศิษย์ทำไมไม่ทำ
ศิษย์เอย ช่วงนี้ ชีวิตนี้ ยิ้มยากใช่ไหม เจออะไร ก็อึมครึม งั้นถ้ากลับไปครั้งนี้นะ พ่อดูเร็ว แม่มาดูเร็ว ยามเมื่อเป็ดมันบอกรัก จุ๊บ จุ๊บ  เป็นอย่างไร มีความสุข  เราลืมความสุขเรื่องง่ายๆ ในชีวิตไปไหม เราหวังความสุขยากเกินไปไหม จนทำให้ชีวิตตอนนี้ เรายิ้มไม่ออกใช่หรือเปล่า (ใช่)   เรามัวแต่ทุกข์กังวลเกินไป จนลืมความสุขในการอยู่ร่วมกัน แค่ยิ้ม แค่ทำอะไรให้เขามีความสุขนิดๆ หน่อยๆ ไม่ต้องมีรถ มีบ้านหลังโต ไม่ต้องมีเพชร มีแหวน ขอเพียงแค่ พ่อรักแม่นะ  แม่ก็รักพ่อนะ ลูกจะไปเที่ยวหัวราน้ำ แม่ก็รักลูกนะ  ถูกไหมศิษย์ (ถูก)  ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร ยิ้มเข้าไว้เยอะๆ รอยยิ้มทำให้เราเข้มแข็ง
ใครไม่เคยเจอหน้าอาจารย์ ก็ยิ้มให้เต็มที่เลยแล้วเอาพลังยิ้มๆ ไปสู้กับชีวิต สู้กับคนบนโลกใบนี้ ด้วยหัวใจที่ดีงาม ด้วยหัวใจที่รู้จักมีเมตตา ด้วยหัวใจที่รู้จักสมานกลมเกลียว ใช่ไหม (ใช่)  จิตของศิษย์ทุกคน เป็นจิตที่กว้างใหญ่ ยิ่งใหญ่ แต่บางครั้งคับแคบไปก็เพราะ ความชอบ ความชัง ใช่ไหม (ใช่) ใจของเราเย็นไหม (เย็น)  แต่ทำไมมันร้อนไปล่ะ ก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบชั่วแล่นที่เรา ไม่ชอบ ไม่พอใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์ถามว่าจิตของเราดีไหม ก็ดี ที่มันเสียไปก็เพราะอะไร เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ที่ทำให้เราชอบหรือไม่ชอบแค่นั้นเองถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นดีจะกลับมาได้ก็ต่อเมื่อเรารู้จักควบคุมอารมณ์ ชอบ ชัง ของตัวเองให้มันอยู่ในกรอบ ในศีล ในธรรม ไม่อย่างนั้นคนที่น่ารักของอาจารย์ก็อาจจะกลายเป็นน่ารังเกียจได้จริงไหม (จริง)  คนที่ใจกว้างก็อาจจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะความชอบความชัง ฉันไม่ชอบฉันเลยใจแคบกับเธอ ฉันใจกว้างกับคนที่ชอบถูกไหม (ถูก)  คนเราอยู่ในโลกนี้นะ ศิษย์เคยได้ยินคำพูดหนึ่งไหม พระพุทธะกล่าวไว้ว่า พบทุกข์จึงพบธรรมเคยได้ยินไหม (เคยได้ยิน)  แต่อาจารย์เห็นศิษย์พบทุกข์มาหลายครั้งแล้ว เคยพบธรรมบ้างไหม เคยไหม  มีแต่พบทุกข์แล้วก็ทุกข์ๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดก็เป็นเรื่องหลอกลวงล่ะสิ แล้วอย่างไรล่ะที่เรียกว่า พบทุกข์แล้วพบธรรม”  ว่าอย่างไร ศิษย์เคยพบทุกข์และพบธรรมไหม (ไม่เคย)  ไม่เคยใช่ไหม อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยเวลาที่ชีวิตเราเจอปัญหา เจอมรสุม เจอความทุกข์ เราเคยไปได้มากกว่าทุกข์ไหม เราเคยเห็นทุกข์แล้วเห็นธรรมไหม เคยไหม (ไม่เคย)  ไม่เคยเลยหรือ  ส่วนใหญ่เราก็พบทุกข์พบปัญหา พอทุกข์แล้วก็ทุกข์มากขึ้นใช่ไหม กว่าจะรอดตายจากทุกข์มาได้  เหนื่อยเหมือนกัน ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นเวลาเราเกิดความอยากขึ้นมา เราเคยเกิดกิเลสแล้วเห็นธรรมไหม (ไม่เคย)  ไม่มีเลยหรือศิษย์ เคยไหม น่าเสียดายนะศิษย์ ศิษย์รู้ไหม สิ่งที่ศิษย์ทำอยู่ทุกวันนี้สามารถเป็นการปฏิบัติธรรมได้ ไม่จำเป็นจะต้องไปรอปฏิบัติธรรมที่วัด พบทุกข์ให้เห็นธรรม พบกิเลสให้เห็นพุทธธรรม พบทุกข์ให้เกิดปัญญา พบกิเลสให้เกิดธรรม ถ้าพบทุกข์แล้วเห็นธรรม ธรรมมันจะทำให้หมดกิเลส แล้วพ้นทุกข์ แล้วพ้นเวียนว่ายตายเกิดด้วย ฉะนั้นถ้าเกิดศิษย์มีอะไรมากระทบ ศิษย์เจอทุกข์แล้วศิษย์สามารถเห็นธรรมได้ ธรรมนั้นจะทำให้ศิษย์หมดกิเลส  และเข้าถึงความดับสิ้นแห่งการเวียนว่ายอีก อยากไปอย่างนั้นบ้างไหม (อยาก)  เพราะโดยปกติชีวิตศิษย์ก็เจอทุกข์ เวลาทุกข์มากๆ ก็เข้าวัดปฏิบัติธรรม พอกลับมาใหม่ชีวิตก็เจอทุกข์เหมือนเดิม ธรรมไม่เคยเอามาใช้ได้เลย กลับมาเหมือนเดิมไหม (เหมือนเดิม)  แล้วทุกข์หายไหม (ไม่หาย)  เวลาทุกข์มากๆ ฟุ้งซ่านมากๆ นั่งสมาธิหลับตา ลืมตากลับมา ไม่ไหวโกรธมันหนอ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์เอ๋ย การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือเมื่อเราดำเนินชีวิตแล้วสามารถรักษาความปกติจนบังเกิดธรรมได้ นั่นจึงเรียกว่าการปฏิบัติธรรมทุกขณะ ซึ่งเราสามารถทำได้ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าอาจารย์พูดง่ายๆ อย่างเช่น เขาด่ามา เราด่ากลับถูกไหม (ไม่ถูก)  ฉะนั้นถ้าเขาด่ามาเราเงียบ  นั่นซิเราอยากพบทุกข์แล้วได้ธรรม ในเมื่อเขาด่ามาเหมือนอาจารย์ว่าอย่างนี้ เอาแอปเปิลมาลูกหนึ่ง (พระอาจารย์เมตตาเปรียบเทียบคำด่ากับแอปเปิล)  เหมือนเขาด่ามารับไหม ถ้าคำด่าของเขาเหมือนแอปเปิลนี่รับไหม (รับ)  รับเลยหรือ ศิษย์เอ๋ยอาจารย์แค่สมมติ ว่าถ้าเขาด่ามามันไม่ใช่แอปเปิลอย่างที่เราคิดนะซิ บางทีมันเป็นมีด บางทีมันเป็นไฟเผาผลาญใจใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเขาด่ามาเราจำเป็นรับไหม (ไม่ต้อง)  เมื่อไม่รับผลสุดท้ายคำด่านั้นจะเป็นอย่างไร ศิษย์รู้ไหมถ้าเขาด่ามาแล้วเราไม่รับ คำด่านั้นก็จะกลับคืนคนด่าเองใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นรับไหม (ไม่รับ)  เมื่อไม่รับเวลาเราเจอทุกข์เราควรทำอย่างไร พระพุทธะจึงสอนว่า แค่รู้ แค่เห็น แค่นั้น จบไหม (จบ)  แล้วเราต้องทุกข์ไหม (ไม่ต้อง)  แบบนี้จึงเรียกว่าพบทุกข์พบธรรม จำไว้นะศิษย์ทุกข์เกิดเองได้ก็ดับเองได้ สิ่งต่างๆ ในโลกเหมือนที่พระพุทธะสอน ศิษย์เคยได้ยินคำหนึ่งไหม สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นก็มีความดับลงเป็นธรรมดา ฉะนั้นถ้าเราไม่ไปเล่นกับมันมันจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  เดี๋ยวมันก็จบของมันไปเอง จริงไหม (จริง)  แต่ศิษย์ไม่ใช่ มันทุกข์หนอ มันทุกข์หนอ ฉะนั้นเมื่อเวลาทุกข์มาแค่รู้ แค่เห็น แค่นั้น เพราะธรรมสอนว่าสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นก็มีความดับไปเป็นธรรมดา ศิษย์ไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวมันก็หายไปเอง ฉะนั้นทุกข์เป็นสิ่งที่เป็นจริงแต่ผู้รับทุกข์ไม่จำเป็นจะต้องมีใช่ไหม (ใช่) 
ถ้าเขาให้กิเลสมาให้ความทุกข์มา ศิษย์สามารถให้สติให้ธรรมเขาได้ การให้ธรรมะเป็นทานประเสริฐกว่าการให้ทั้งปวงไม่ใช่หรือ แล้วเราทำไมต้องโปรดหรือให้ธรรมะเฉพาะคนที่น่าสงสารล่ะ แล้วคนที่เขากำลังทุกข์กำลังด่าเราอยู่เขาไม่น่าสงสารหรือ น่าสงสารไหม (น่าสงสาร)  ทำไมไม่ให้สติเขา ไม่ให้ธรรมกับเขา ทำไมเราไม่ให้ความเมตตาเขา ทำไมเขาด่ามาแล้วด่าตอบเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  เขาประพฤติต่อเราผิดศีลผิดธรรมแล้วเราจะรักษาศีลรักษาธรรม ประพฤติกลับต่อเขาไม่ได้หรือ ฉะนั้นการประพฤติปฏิบัติสามารถประพฤติปฏิบัติธรรมได้ทุกๆ ที่ และสามารถประพฤติปฏิบัติได้ทุกๆ คน กับใครเราก็ประพฤติได้กับใครเราก็ปฏิบัติได้ เพราะว่าธรรมเป็นหนทางแห่งความสุข ธรรมเป็นหนทางแห่งการดับทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่มีอะไรประเสริฐเท่ากับให้ธรรมะเป็นทานแล้ว  พอถึงเวลาเรากลับให้ความโกรธ ความเกลียด ความเห็นแก่ตัว ความเอาแต่ได้ ความโลภความโกรธความหลง ถูกหรือไม่ (ถูก)   มันไม่ถูกใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าศิษย์อยู่ในโลกนี้ ศิษย์ต้องรู้จักปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง เพราะอะไรหรือ ที่ต้องปฏิบัติธรรมให้ถูกทางและควรปฏิบัติธรรมให้ทุกขณะที่เรามีชีวิตอยู่ อย่ารอแค่ถึงวัดแล้วค่อยปฏิบัติ อยู่กับใครก็ปฏิบัติได้ อย่ารอแค่เห็นพระแล้วค่อยให้ทาน กับคนเราก็ให้ทานได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเห็นคน คนนั้นไม่ใช่คน ใช่ไหม (ไม่ใช่)  แต่ถ้าเมื่อไรเราสามารถเห็นคนแล้วบังเกิดธรรมได้ การเห็นของเรานั้นก็จะนำพาเราพ้นทุกข์ได้  แต่เรามักจะเห็นคนเป็นแค่คน จริงหรือเปล่า ใช่ไหม (ใช่)
สิ่งที่ฟังอาจารย์ไปศิษย์สามารถปฏิบัติได้ไหม มีใครอยากเป็นผู้ทดสอบให้อาจารย์ฝึกปฏิบัติธรรมไหม
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนอาสาออกมาหน้าชั้น)  แล้วมีใครอยากร่วมปฏิบัติธรรมกับเขาไหม มีไหม มีใครบ้าง มีอีกไหม พระพุทธะเคยกล่าวว่า พบทุกข์จะพบธรรมถูกไหม (ถูก)  ไม่ว่าเราเจอเรื่องใดมากระทบอย่ามองเห็นเพียงทุกข์ แต่จงมองทุกข์ อย่ามองเห็นเพียงกิเลส แต่มองกิเลสให้เป็นธรรม ถ้าอย่างนั้น สมมติว่า ศิษย์คนนี้เดินอยู่ดีๆ  แล้วศิษย์อีกสองคนเอาขนมปุยฝ้ายมาปาศีรษะ ให้โดนศีรษะเขา หรือให้โดนตัวก็ได้  จะปาไหม (ไม่ปา)  ทำไมล่ะ (เพราะเราต้องใช้สติ)  ตอบได้ดี ฉะนั้นบางครั้งมนุษย์เราจะมีทุกข์กลัดกลุ้มอยู่ในใจ เราไม่จำเป็นต้องเอาทุกข์ไปโยนให้คนอื่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอย่างนั้นฝ่ายหญิงปาไม่ปา ไม่ปา ก็อดได้ขนมปุยฝ้ายนะ  แล้วศิษย์ฝ่ายชายล่ะปาไม่ปา (ไม่ปา)  แปลว่ายังไงก็จะไม่ทำร้ายเขาใช่ไหม ฉะนั้นถึงแม้เราจะมีกิเลสมีความโกรธ มีความไม่ชอบใจ เราก็จะไม่ทำร้ายใครให้บังเกิดทุกข์ในใจตัวเองและเอาทุกข์นั้นไปทำลายคนอื่น ถูกไหม (ไม่ถูก)  ฟังดีๆ นะศิษย์ เราจะไม่เอาทุกข์ที่เกิดจากกิเลสในใจของตัวเองไปทำร้ายใครให้เกิดทุกข์ถูกไหม (ถูก)  ความทุกข์เหมือนอารมณ์ เราเกิดอารมณ์ขึ้นมาอยากเอาขนมปุยฝ้ายอันนี้ไปปาศีรษะเขาจัง พอกิเลสเกิดขึ้นแล้วเราต้องทำตามกิเลสไหม (ไม่) แต่มันทุกข์เหลือเกิน เกลียดเขา หมั่นไส้เขา เราจำเป็นต้องทำไหม (ผมไม่เคยเกลียดใคร ผมทำแต่บุญ)  ไม่เคยเกลียดใคร  ด่าใคร โกหกใคร ไม่เคยฆ่าใคร ทั้งกาย วาจา ใจ (ไม่มี)  ยุงไม่เคยตบ (ตบ)  หมูไม่เคยกิน (กิน)  ตกลงเอา ไม่เอา (ไม่เอา) 
อาจารย์ถามนักเรียนในชั้น มีใครอยากได้ขนมปุยฝ้ายไปปาหัวเขาไหม มีไหม (ไม่มี)  ศิษย์เอ๋ยพบทุกข์ใช้ปัญญา ถ้าเป็นอาจารย์ อาจารย์บอกว่า อาจารย์จะเอา และอาจารย์จะเอาขนมปุยฝ้ายแบ่งกันกิน จริงๆ ก็ไม่ชอบแกนะ แต่ว่าไม่รู้จะเกลียดแกไปทำไม  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นบางครั้งนะศิษย์เอ๋ย มีเรื่องที่ทุกข์หนักอกหนักใจ ทนไม่ไหวกับใครคนหนึ่ง ถ้าทนไม่ไหวอย่าเอาอารมณ์ออกไป เอาความใจเย็นเอาธรรมะไปคุยกับเขา แกฉันทนแกไม่ไหวแล้ว แต่ฉันก็เกลียดแกไม่ลง ถึงแกจะมีอะไรไม่ดีสักอย่างหนึ่งแต่มันก็ไม่ใช่เลวร้ายทั้งหมด ศิษย์จำไว้นะ เวลาเขาด่าเรานะ เขาด่าเราได้แค่ครั้งเดียว เขาด่าเราทั้งชีวิตไหม เขาว่าเราเลวทั้งหมดไหม (ไม่)  เวลาเขาด่า แกนะมันโง่ ใช่ไหม มันโง่แค่ตอนนั้น เดี๋ยวต่อไปฉันฉลาดหมดเลย ฉะนั้นคิดเป็นพบทุกข์จะเกิดปัญญา ถูกไหม (ถูก)  แกมันใจร้าย แต่ว่าไอ้ที่เหลือวันนั้น เราใจดีหมดเลย ฉะนั้นพบทุกข์จงบังเกิดธรรม จิตที่มีปัญญาจะสามารถนำพาให้คนนั้นพบทุกข์แล้วไม่ทุกข์แต่บังเกิดธรรม และหนทางพ้นทุกข์ได้  ฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิด ไม่ว่าอะไรจะกระทบ ขอให้มีสติ ก่อนที่จะวิ่งไปตามกิเลส อารมณ์ นะศิษย์ ฉะนั้นเอาไหม (เอา)  เอาไปทำอะไร (เอาไปกิน)  อาจารย์บอกแล้วเจอบางอย่าง เจอความอยาก อย่าเป็นกิเลส แต่จงทำให้มันเกิดเป็นธรรม อาจารย์ผมจะกินหน่อยหนึ่ง แล้วที่เหลือเอาไปแจกเขา ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเกิดความอยาก อย่าทำให้มันเป็นแค่กิเลส แต่จงทำให้กิเลสนั้นมันก่อเกิดเป็นธรรม เป็นกุศล ถูกไหม แล้วทุกขณะชีวิตที่ศิษย์มีกิเลส มีความทุกข์ มันก็จะกลายแปรเป็นธรรมได้ในที่สุด แต่มันไม่ใช่กลายเป็นทุกข์ แล้วก็ทุกข์ แล้วก็ทุกข์ ถูกไหม
แล้วถ้าถึงเวลาจริงๆ เราโดนคนขว้าง (พระอาจารย์เมตตาเอาขนมปุยฝ้ายไปโดนที่หน้าของนักเรียนชายที่ยังคงยืนอยู่หน้าชั้น)  ศิษย์ทนได้ไหม (ทนได้)  จำไว้นะศิษย์เอ๋ย ไม่ว่าชีวิตเราจะเจออะไรมันมากระทบ จงแปรทุกข์ให้บังเกิดธรรม ด้วยสติปัญญาของเราเอง อย่าทำให้มันเป็นทุกข์ แล้วก่อเกิดกรรม ไม่เช่นนั้นกรรมนั้นมันจะทำให้เราเวียนว่ายไม่จบสิ้น ซึ่งกรรมมันเกิดจากอะไร คิดดีก็ได้บุญ คิดชั่วก็ได้บาป ใช่หรือไม่ แล้วบุญกับบาปก็หนีไม่พ้นการเวียนว่ายไม่จบสิ้น แต่ถ้าเราเจอปัญหามากระทบ เราคิดให้เกิดธรรม ศิษย์เอ๋ย อะไรมันจะกระทบเราถ้าเราไม่ผูกใจเจ็บ เราไม่ยึดมั่น ถือมั่น มันเกิดขึ้น มันก็แค่จบแล้วก็แค่นั้น ดั่งที่ธรรมะ สอนไว้ว่า จงอยู่กับปัจจุบัน จงอยู่กับขณะนี้ สิ่งที่เกิดมันจบไปแล้ว แล้วเราจะเกี่ยวกรรมให้มันเกิดทุกข์กันทำไม ฉะนั้นโกรธไหม ถ้าอาจารย์เอาขนมปาหัว (ไม่โกรธ)   ไม่โกรธแน่นะ ถ้าอาจารย์ขอสร้อยทองหนึ่งเส้นได้ไหม (ได้)  ศิษย์เอ๋ย อาจารย์จะบอกให้ ถ้าเราเข้าใจธรรม ความเป็นจริงใดๆ ในโลกล้วนไม่ใช่ของเรา ศิษย์ว่าวันนี้มันอยู่กับศิษย์ แต่ศิษย์หมดลมหายใจ สร้อยนี้ศิษย์ก็เอาไปไม่ได้ ฉะนั้นได้หรือเสียมีหรือไม่มี ก็ไม่มีประโยชน์ มองให้เห็นแท้จริง เราจะไม่ทุกข์เมื่อโดนคนเขาขอแล้วดึงไปจริงไหมศิษย์ อาจารย์พูดจริงนะ มองให้ดีๆ เราอยู่ในโลก เราว่าเรามีตำแหน่ง มีชื่อเสียง มีเกียรติยศ มีบ้าน มีสวน    เราว่าเรามีต้นยางมากมาย แต่เวลาเจอปัญหาศิษย์อย่ายึด ศิษย์จงมองว่าแต่ก่อนมาเรามีไหม (ไม่มี) แล้วตอนนี้มันจะไม่มีก็เป็นอย่างไร (ไม่เป็นไร)  ได้ไหม (ได้)  กลับมาอีกครั้งต้นยางหายหมดเลยอาจารย์ ทำใจได้ไหม (ได้)  ศิษย์จำไว้นะอะไรหายก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรหายไปจากใจก็คือปัญญา สติปัญญาจะทำให้สิ่งที่ไม่มีกลับมามีได้  จะทำให้สิ่งที่เสียกลับเป็นสิ่งที่ได้ และจะทำให้สิ่งที่ทุกข์กลับมาเป็นสุขได้ ขอเพียงศิษย์ทำอะไรด้วยสติปัญญา เราบอกว่าเรามีทองแต่เราเสียเงินไปเท่าไรกว่าจะได้ทองเส้นนี้ เราบอกว่าเรามีคนรักแต่เราต้องเสียความเป็นตัวเอง ชีวิตของตัวเองเพื่อเขาเท่าไรใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นคิดว่าเราได้หรือ อาจารย์ว่าไม่มีใครได้อะไรในโลกนี้ และคิดว่าของเราหรือ อาจารย์อยากจะบอกว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา ศิษย์มีอยู่อย่างเดียวคือความว่างเปล่า แต่มนุษย์กลับกลัวการอยู่กับความว่างเปล่า แล้วพยายามไขว่คว้า ฉันต้องมี ฉันต้องได้ ฉันต้องมีมันจริงไหม ผลสุดท้ายมีแล้วทุกข์ไหม (ทุกข์)  ทุกข์เพราะอะไร (ยึดมั่น, เสียใจ) ทุกข์เพราะเวลามีแล้วเราอดคาดหวัง ยึดติด ร้องขอ เรียกร้อง ไม่จบสิ้น    มีอะไรบ้างที่ศิษย์มีแล้วบอกว่าไม่เรียกร้อง ไม่ร้องขอ ไม่คาดหวัง ไม่ยึดติดมีไหม (ไม่มี)  ศิษย์รู้ไหมความอยากที่เกิดขึ้น เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ศิษย์ต้องสูญเสียอะไรบ้าง ความอยากเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ในการดำเนินชีวิต อาจารย์หนูอยากนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกอยากหน่อยๆ แต่รู้ไหมว่าความอยากแค่ชั่วขณะหนึ่งที่ศิษย์อยาก หนึ่งศิษย์สูญเสียความยุติธรรม สูญเสียความเป็นกลาง และศิษย์ก็จะสูญเสียปัญญาและเสียความกล้าหาญ พออยากแล้วมันจะได้ไหม วิตกกังวลจะสำเร็จไม่สำเร็จหนอ จะล้มเหลวไหมหนอ ทุกข์ไหม (ทุกข์)  ไม่อยากดีไหม อาจารย์มันยาก อยู่อย่างไม่อยาก ไม่ยาก เวลาทำอะไรได้ไม่ได้ช่างมัน สำเร็จไม่สำเร็จ ทำเต็มที่แล้วอาจารย์ ก็ช่างมัน มันก็จะได้ไม่บีบหัวใจเรา ใช่ไหม (ใช่) 
(พระอาจารย์เมตตาประทานขนมกับนักเรียนฝ่ายชายที่ออกมาหน้าชั้น) 
อย่างนั้นเอาไหมขนม (เอา)  เอาที่มันตกพื้นหรือที่มันไม่ตกพื้น (แล้วแต่อาจารย์จะให้)  อย่างนั้นเอาที่ตกพื้นไปนะ ได้ไหม (ได้)  ให้สองเลย อาจารย์เคยพูดคำหนึ่งว่าคำด่าของคนอื่นออกจากปากเรียกว่าอะไรนะ (ขี้ปาก)  ขี้ปากถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าเราเก็บขี้ปากของคนอื่นมาก็แปลว่าเราเก็บขี้เขาไว้ในใจเรา แล้วถึงเวลาเราก็เล่นขี้ใช่ไหม (ใช่)  ก็เขาด่าเรามันเป็นขี้ปาก เหมือนที่มนุษย์ชอบพูดกัน ขี้ปากชาวบ้านอย่าเอามาเป็นสาระ แล้วศิษย์เอาเป็นสาระไหม (ไม่)  เป็น แถมว่างๆ ยังช่วยเอาขี้ไปปาใส่คนอื่นอีก ถูกหรือไม่ (ไม่ถูก)  ไม่ถูก แล้วเราก็ไม่ควรจะไปเล่นด้วย ฉะนั้นฟังอาจารย์ขนาดนี้แล้ว ศิษย์จะทำอย่างไร ที่จะยังคงมีธรรมแล้วปฏิบัติธรรมได้ตลอดอย่างที่อาจารย์คิดได้ บางทีศิษย์คิดไม่ค่อยได้อย่างนั้นเลย
เวลาเจอเขาด่ามาทีก็ด่ากลับ เวลาเจอเขาชี้หน้าก็ชี้หน้าเขากลับ  แล้วมันจะจบไหม แล้วต้องทำอย่างไรที่จะทำให้พบทุกข์แล้วเห็นธรรม อาจารย์จะบอกวิธีปฏิบัติธรรมง่ายๆ แล้วพึงพิจารณาอยู่เนืองๆ เพื่อบังเกิดความสงบสุขแล้วพ้นทุกข์ในชีวิตเอาไหม (เอา)  เอาแล้วจำให้ได้นะ
อาจารย์อยากให้ศิษย์พิจารณาอยู่เสมอเพื่อบังเกิดความสุขและหนทางพ้นทุกข์ นั่นคือมนุษย์เรามีความแก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดา แล้วในความแก่ เจ็บ ตาย เรียกว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และว่างเปล่า ถ้าพิจารณาสิ่งนี้เสมอๆ จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้ อาจารย์ก็เห็นมันทุกวัน แต่ศิษย์ยังไม่เคยพ้นทุกข์สักที กลับกลายเป็นเอาคำนี้มาด่าคนอื่น ไอ้แก่ ได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นสิ่งที่ศิษย์ต้องรู้ต่ออีกอย่างหนึ่งก็คือว่ามีความแก่ เจ็บ ตาย ในความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตล้วนต้องเจอ  ทุกชีวิตล้วนหนีไม่พ้นความจริงอันนี้ที่เรียกว่าสภาวธรรมและสัจธรรม
ในชีวิตมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็คือไม่เที่ยงเป็นทุกข์ว่างเปล่า มีแล้วก็สูญสลายไปตามธรรมชาติถูกไหม (ถูก)  ตั้งใจฟังนะศิษย์ ถ้าอาจารย์ไม่ยึดตัวเองเลย ไม่มีตัวเองให้ยึดถือเลย สิ่งนี้มันก็แค่แก่ เจ็บ ตาย สิ่งนี้มันก็แค่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และว่างเปล่า เป็นไปตามสภาวธรรม ฉะนั้นถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่น เราก็คือหนึ่งในสภาวธรรม ฉะนั้นถ้าทั้งชีวิตอาจารย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ว่างเปล่า อาจารย์ก็มีแค่เท่านี้ แล้วก็จบสิ้นถูกไหม (ถูก)  แต่มนุษย์จบแค่นี้ไหม (ไม่)  อาจารย์มันอดไม่ได้นี่มันตัวหนู มันของหนู ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้ามีตัวหนู ของหนู มันอยากจะแก่ มันก็กลายเป็นแก่ทั้งกายแก่ทั้งใจ เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ ทุกข์ทั้งกายทุกข์ทั้งใจ วางตัวเองได้มันก็ แค่แก่ มันก็แค่เจ็บ มันก็แค่ตาย ตามสภาวะของสังขารแต่จิตหาเป็นไม่ เข้าใจไหม (เข้าใจ)  อาจารย์พูดแค่พัด  พัด เมื่อใช้ไปนานๆ ก็เปลี่ยน พัง และสลายไป ถ้าเกิดว่าอันนี้มันไม่มีของใครถึงเวลามันสลายเราก็ไม่รู้สึกอะไรถูกไหม (ถูก)  ถึงเวลามันหายไปเราก็ไม่รู้สึกอะไร ใช่ไหม แต่ถ้าเกิดว่าของหนู พอมันเปลี่ยน ของหนูเปลี่ยน พอมันหาย ของหนูหาย ทุกข์มันมีจริงแต่ผู้รับทุกข์หามีไม่ ถ้าเมื่อใดเราหลงยึดถือทุกสิ่งมันก็สามารถทำให้เราเกิดทุกข์ เข้าใจไหม (เข้าใจ)  ไม่เข้าใจถูกไหม อาจารย์ว่าอาจารย์พูดง่ายที่สุดแล้วนะ ในตัวมนุษย์เรามี แก่ เจ็บ ตาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และ (ว่างเปล่า)  ถูกไหม (ถูก)  ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของเรา  มันจะแก่ก็แก่แต่กาย ใจไม่แก่ถูกไหม (ถูก)  มันจะเจ็บก็เจ็บแค่กาย ใจไม่เจ็บ มันจะทุกข์ก็ทุกข์แต่กาย ใจไม่ทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อใดที่เราไม่ยึดมั่นถือมั่นตัวตนของเรา   ตัวตนของเรา  มันจึงกลายเป็นแค่รับกรรมอันเป็นไปตามสัจธรรม ถูกไหม (ถูก) 
ถ้าเมื่อใดศิษย์หลงยึดถือ แล้วหลงบอกว่าอันนี้มันเป็นของตัวเรานะอาจารย์ พอเราหลงยึดถือแล้วหลงว่าเป็นตัวเรามันก็เกิด (ทุกข์)  มันทุกข์อยู่แล้วศิษย์ มันก็ก่อเกิดกรรมเพิ่ม ถ้าทำดีก็เรียกว่า กรรมดี ถ้าทำชั่วก็เรียกว่า กรรมชั่ว หรือ บาป ใช่ไหม (ใช่)  แล้วชีวิตเราแทนที่จะจบแค่นี้ แต่มันก็ไม่จบเราก็กลายเป็นคนที่หลงยึดมั่นถือมั่นแล้วสร้างกรรมต่อไปไม่จบสิ้น จึงเรียกว่าเกิดมาแล้วจะรับกรรมอย่างเดียวไม่พอเรายังสร้างกรรมและวิบากกรรมต่อไปอีกถูกไหม (ถูก)  เพราะเรามองไม่เห็นธรรมอันนี้ แต่ถ้าเกิดว่าเราเห็นธรรมอันนี้แล้วเราไม่หลงยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตน มันก็แค่เป็นสิ่งที่ เกิด เจ็บ ตาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ว่างเปล่า ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเกิดมาแค่กำกับ แต่เราไม่ใช่เราหลงยึดถือ และก่อเกิดกรรมใหม่ขึ้นมาแล้วก็สร้างกรรมนี้เวียนว่ายไม่จบสิ้นถูกไหม (ถูก) 
ฉะนั้นเราอยากหยุดกรรมไหมล่ะ อยากไหมศิษย์ (อยาก)  ถ้าอย่างนั้นเราต้องหมั่นพิจารณาธรรมให้เกิดสุขใช่หรือไม่ (ใช่)  ตัวใดที่ทำให้เราไม่สงบสุข  ตัวไหนที่เกิดขึ้นมาแล้วทำให้เราไม่สงบสุข
จิตมนุษย์วุ่นแล้วไม่สามารถหาความสงบสุขได้เพราะอะไร กิเลสตัวไหนกิเลสตัวไหนที่ทำให้ชีวิตและจิตใจเราวุ่นวายไม่จบสิ้น (ความอยาก)  ไม่มีก็ไม่เป็นไรจริงไหม ไม่มีก็ไม่ตาย แต่มีมากๆ แล้วเหนื่อยตายเห็นเยอะ หวังจะมีมากแล้วก็เหนื่อยตาย ผลสุดท้ายใครทำร้ายเรา ก็ตัวเองใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นก่อนจะวิ่งตามความอยาก ลองถามตัวเองสิว่าสังขารมันไหวไหม ทำแล้วมันผิดคุณธรรมไหม ดีไหม แล้วความอยากจะไม่ทำให้ก่อเกิดกรรมและการเวียนว่ายไม่จบสิ้นนะ
(การยึดติดในตัวตน)  ฉะนั้นวางตัวตนบ้างก็ดีนะ แล้วรู้จักยอมคนอื่นบ้าง เพื่อคนอื่นบ้าง เพราะว่าการทำอะไรเพื่อตัวเองบางครั้งก็กลายเป็นความเห็นแก่ตน ซึ่งไม่น่ารักเลยใช่หรือเปล่า มีใครอยากได้อีก มีใครอยากได้ขนมจากอาจารย์ หอมๆ นุ่มๆ แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ชีวิตเราวุ่นวาย
(รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส)  ศิษย์เอ๋ยถ้าใจมันไม่อยากได้ เห็นมันก็ไม่เอา จริงไหม ฉะนั้นข้างนอกไม่น่ากลัวเท่ากับข้างในใจ ถึงข้างนอกจะสวยแต่ถ้าใจเราไม่อยาก สวยมันก็เท่านั้น สวยไปเพื่ออะไร
(ปวดท้องช่วยรักษา)  ศิษย์ปวดท้องให้ช่วยรักษาหรือ อาจารย์ไม่ใช่ให้ขนมรักษาโรคนะ ชีวิตเราถ้าเรามีโรคอะไรแล้วไม่หาย อย่างแรกต้องถามก่อนว่าเราเคยไปสร้างกรรมอะไรไว้ไหม เราเคยไปเข่นฆ่าชีวิตใครไว้ไหม ถ้าเราไปเข่นฆ่าเขา เราไปทำร้ายเขาอันนี้ก็เป็นแค่ถูกกรรมเก่าต้องชดใช้ ฉะนั้นกินอย่างไรก็ไม่หาย ถูกไหม (ถูก)  วิธีที่จะแก้ก็คือสำนึกขอขมาและไม่ทำผิดซ้ำ ประเสริฐกว่ากินขนมของอาจารย์อีกนะ แล้วโรคจะหายไปทันที แล้วบางทีก็ไม่ต้องเวียนว่ายในโลกอีกด้วย เอาไหม (เอา)  ฉะนั้นอย่าเข่นฆ่าชีวิตใคร อย่าเบียดเบียนชีวิตใคร อย่าเบียดเบียนชีวิตใครด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟัง และเราจะเป็นคนที่มีสุขภาพที่แข็งแรง ใครได้ดีอย่าอิจฉา ใครได้ดีจงอนุโมทนา แปรบาปให้เป็นบุญรักษาจิตให้งดงามได้ไหม (ได้)
เราเกิดเป็นคนเรามีคุณค่าที่ประเสริฐกว่าไอ้หนังผีถุงขี้นี้อีกนะ มันคืออะไรมันคือคุณธรรมของความเป็นคนมันคือจิตใจที่ดีงามและงดงาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์สวยก็ยังมีคนสวยกว่า ศิษย์งามก็ยังมีคนงามกว่า แต่ศิษย์ดีมันก็เป็นความดีของตัวศิษย์เอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นผู้หญิงงามที่ไหนงามที่รู้จักรักนวลสงวนตัว  ไม่ใช่ปล่อยปละเป็นของสาธารณะ คิดให้ดีนะ ใช่ไหม (ใช่)  ไม่ใช่อยากให้ใครมาเด็ดมาดมแล้วถึงเวลาคุณค่ามันก็ไม่เหลือ เอาไหม (ไม่เอา)  ยึดติดอะไรที่น่ากลัวที่สุด (ของที่ไม่ใช่ของของเรา แล้วเราไปยึดติดว่าเป็นของของเรา)  แม้แต่สังขารแม้แต่ร่างกายมันก็ไม่ใช่ของเรา ถึงเวลามันก็ต้องคืนสู่ดินน้ำลมไฟ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นอย่ามัวแต่หลงหาจนลืมหาคุณธรรมนะ อย่ามัวแสวงหาจนลืมหาทางพ้นทุกข์นะ
(ทุกข์เพราะใจ ถ้าเราไม่มีใจที่มั่นคง ถ้าใจเราไม่ยึดติด เราก็จะไม่เป็นทุกข์)  ถ้าศิษย์อยากมีสุขภาพแข็งแรงอยากมีจิตใจที่มั่นคงมันก็ต้องเริ่มที่ตัวเรา ใช่ไหม (ใช่)  ไม่ต้องรอคนอื่นสิ่งสำคัญคือตัวเราเอง ไม่อยากให้ใครดูถูกเรา ไม่อยากให้ใครว่าเรา เราต้องไม่ทำร้ายตัวเอง เราต้องไม่ว่าตัวเอง และเราต้องไม่ดูถูกตัวเอง 
(ความโลภ ความโกรธ ความหลง)  ตอบได้ดี เอาแอปเปิล หรือเอาปุยฝ้าย (แอปเปิล)  อย่างนั้นค่อยๆ ตัดทีละอย่าง เริ่มจากเป็นคนไม่มักโกรธ ใจเย็นได้ไหม ไม่มักโลภแต่รู้จักให้ ได้ไหม
(ความรัก เรายึดติดกับความรัก เรากลัวความพลัดพราก และกลัวคนที่เรารักจะต้องสูญเสียไป)  ฉะนั้นเราจงอยู่ร่วมอย่างไม่ผูกพัน ยึดติดได้ไหม ทำดีที่สุด เพราะเมื่ออะไรมันจะเกิดเราก็ห้ามไม่ได้ เพราะความเป็นจริงของโลกใบนี้ล้วนไม่เที่ยง ไม่แน่นอนและจะบังคับให้เป็นดั่งใจยิ่งไม่ได้ ฉะนั้นถ้าไม่อยากทุกข์ ก็จงอย่ารักมากเกินไป  อยู่ที่ตัวเราเองจะทุกข์หรือสุข ฉะนั้นถึงใครว่ามาเราก็สุขได้ ไม่จำเป็นต้องทุกข์  มีใครอยากตอบอาจารย์อีกไหม
(ตัวเราไม่รู้จักพอเพียงในสิ่งที่มี)  ตัวเราไม่รู้จักพอเพียงในสิ่งที่มีเลยเกิดกิเลส ฉะนั้นถ้าเรารู้จักใช้ รู้จักควบคุมความอยาก สิ่งที่มีมันก็เหลือเฟือ แต่ถ้าเราไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักควบคุมความอยาก สิ่งที่มีมันก็ดูเล็กน้อยจริงไหม อย่างนั้นถ้าอาจารย์บอกว่า ถ้าเราไม่ยึดมั่น แค่หาตัวรู้ให้เจอ แล้วตัวรู้มันอยู่ที่ไหนหรือ (สติและปัญญา)  ฉะนั้นเมื่อไรที่เราโดนกระทบ ถ้าเราแค่รู้แค่เห็นมันก็แค่นั้นถูกไหม แต่ถ้าโดนกระทบ (อารมณ์เกิด)  ศิษย์เอ๋ยถ้าอารมณ์มันเกิดขึ้น แล้วเราบอกว่า มันโกรธแต่ฉันไม่โกรธ มันเกลียดแต่ฉันไม่เกลียด เห็นอารมณ์แล้วบังเกิดธรรม
ศิษย์เอ๋ยการเรียนรู้ศึกษาธรรม สิ่งสำคัญที่อาจารย์อยากให้ศิษย์เรียนรู้ศึกษาธรรม เพราะการเรียนรู้ศึกษาธรรมทำให้เราก่อเกิดปัญญา ปัญญาที่จะสามารถนำพาให้เรารู้จักคิด รู้จักทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่กดเล่นเกมบอกรักใครใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์เอ๋ยนานๆ จะมีโอกาสศึกษาธรรมเพื่อเข้าถึงปัญญาเพื่อรู้แจ้งเห็นจริงในโลกใบนี้ แต่มนุษย์ก็กลับดูเบาคุณค่าตัวเองอย่างน่าเสียดาย เมื่อสักครู่อาจารย์พูดเรื่องธรรมะ  ธรรมะที่อาจารย์สอนเพื่อให้ศิษย์นำไปพิจารณาให้บังเกิดความสงบสุข ไม่เกิดทุกข์ ธรรมะที่อาจารย์พูดนั้นมีความนัยแฝงอยู่อย่างหนึ่งก็คือ โลกนี้ไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันว่างเปล่า ฉะนั้นเมื่อไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันว่างเปล่า เราคาดหวังอะไรได้ไหม (ไม่ได้)  เราบังคับอะไรได้ดั่งใจได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ว่างเปล่า ถ้าศิษย์เข้าใจสัจธรรมอันนี้  ศิษย์รู้ไหมว่าศิษย์จะสามารถทำให้ศิษย์ไม่เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลงได้  จริงไหม (จริง) 
อย่างนั้นอาจารย์ถามว่า กินแอปเปิลแล้วต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย กินไหม ชีวิตนี้เราหนีไม่พ้นแก่ เจ็บ ตาย  ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ว่างเปล่าถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าเราต้องเพิ่มความแก่ ความเจ็บ ความตายอีกรอบหนึ่งเอาไหม (เอา) เขาบอกว่ากินเพิ่มไปอีกรอบหนึ่งก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็อยู่ในความว่างเปล่าใช่ไหม (ใช่)  แล้วก่อนที่จะไปถึงความว่างเปล่าศิษย์ทนไหวไหม คนเรามีทุกข์แค่อย่างเดียว เมื่อเรายึดมั่นในตัวตน
โดยปกติมนุษย์หนีไม่พ้นความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความว่างเปล่าถูกไหม ฉะนั้นถ้าอาจารย์บอกว่าอาจารย์อยากให้แอปเปิลอีกลูกหนึ่ง แต่ถ้ารับไปแล้วศิษย์จะต้องรับเพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ เอาไหม (ไม่เอา)  แล้วถ้าเข้าใจอย่างนี้ทุกสิ่งที่เราอยากได้มาก็คือเรากำลังเพิ่มความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และถึงที่สุด อยากได้มันนักหนา ถึงที่สุดมันก็กลับไปสู่ความว่างเปล่าที่หาใช่ของเราไม่ แล้วเราจะเพิ่มความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ใส่หัวใส่ใจทำไมอีกเล่า ใช่ไหม (ใช่)  (พระอาจารย์เมตตาถามนักเรียนที่สูบบุหรี่)  อย่างนั้นส่งต่อให้ใครดี ฉะนั้นก่อนจะอยาก อาจารย์ถึงบอกว่าถ้าเราเข้าใจความเป็นจริง ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และว่างเปล่า เราจะไม่อยาก เราจะไม่โกรธ เพราะโกรธแล้วมันเพิ่มทุกข์ อยากแล้วเกลียดแล้วมันเพิ่มทุกข์ จนกว่ามันจะว่างเปล่าเราทนทุกข์ไหวไหม ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นอยากดีไหม อย่างนั้นควรสูบดีไหม (ไม่ดี)  ไม่ดีแล้วสูบ งั้นให้แอปเปิลคืน หรือให้บุหรี่คืนอาจารย์ดี (เอาแอปเปิล)  ศิษย์เอ๋ยขึ้นชื่อว่ามนุษย์หนีไม่พ้นทุกข์อันนี้แล้ว แต่ศิษย์ฉลาดหรือโง่ที่ติดกับดักให้กับตัวเอง แถมทุกข์อันนั้นยังเป็นทุกข์ที่ทำร้ายตัวเองด้วยใช่ไหม ฉะนั้นจะให้บุหรี่อาจารย์หรือให้แอปเปิลคืนอาจารย์ดี คิดให้ดีๆ นะ  อาจารย์ทำไม่ใช่เพื่ออาจารย์นะแต่เพื่อตัวศิษย์เอง ทุกข์ยังไม่พอหรือศิษย์ ทำไมจึงเพิ่มทุกข์เพียงเพราะอยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  คิดให้ดีๆ นะ จะบิณฑบาตอาจารย์ด้วยบุหรี่หรือบิณฑบาตอาจารย์ด้วยเลิกบุหรี่ดี ไหนใครแอบสูบยกมือขึ้น  เยอะเลย  ใครที่สูบบุหรี่ออกมาหน่อย
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นที่สูบบุหรี่ออกมาหน้าชั้น)
ไหนใครมาฟังธรรมะสองวันนี้ยังแอบสูบยกมือขึ้น เอามือลง แอบสูบหรือสูบให้คนอื่นเห็นไปเลย อาจารย์รู้ว่าสูบจริงแต่เวลาทำผิดหลบๆ นั่งสูบ หรือว่าสูบแบบโจ่งแจ้ง ไหนใครสูบแบบโจ่งแจ้งก้าวมาข้างหน้า ใครหลบๆ ถอยไปข้างหลัง คนที่สูบแบบโจ่งแจ้งไม่อายใครเลยใช่ไหม อย่างนั้นอาจารย์ลงโทษหน่อย เพราะจริงๆ เวลามาฟังธรรมะ เขาอยากให้ศิษย์ลดละเลิกสิ่งที่เป็นอบายมุข สิ่งที่เป็นเสพติดที่ทำร้ายชีวิตและจิตใจของศิษย์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าตัวศิษย์เองไม่รักตัวเอง อาจารย์รักศิษย์ก็เปลี่ยนไม่ได้ถูกไหม อาจารย์ถึงจะรักศิษย์ขนาดไหน แต่ถ้าศิษย์ไม่รักตัวเองรู้ว่ามันเป็นทางแห่งความบาป รู้ว่ามันเป็นทางแห่งความผิด ศิษย์ยังกล้าสูบต่อหน้าคนอื่น ถ้าหลบบ้างอาจารย์ยังพอให้อภัย แต่ศิษย์ยังกล้าสูบต่อหน้าคนอื่นแล้วไม่เกรงใจฟ้าไม่เกรงใจดินไม่เกรงใจคนเลย อาจารย์ขอลงโทษหน่อยได้ไหม
ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก ในเมื่อทำผิดศิษย์ไม่อาย ทำดีล้างหน่อยได้ไหม (ได้)  ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมเต้นเป็ดให้อาจารย์ ดีไหม (ดี)  อุตส่าห์มาฟังทั้งที ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แถมบางทีไม่อยากเชื่ออะไรเลยด้วยใช่ไหม  ถ้าอย่างนั้นไม่เชื่อ เมื่อเขาให้หยุดแล้วทำไมเราหยุดไม่ได้  อาจารย์ยกตัวอย่างถามศิษย์ว่า ถ้าสมมติว่าเดินไปข้างหน้าเรารู้ว่าจะตกเหว เรายังเดินลงไปข้างหน้าอีกไหม (ถ้ารู้ว่าตกเหวจะไม่เดินไป)  ถ้ารู้ว่าตกเหวไม่เดินไป ถ้าเดินไปข้างหน้าแล้วเป็นคู เป็นอุจจาระ เป็นขยะ เป็นสิ่งสกปรก เรายังเดินไปให้ตกไหม (ถ้าชีวิตมีความจำเป็นต้องเดินมันต้องเดิน เหตุการณ์จริงๆ เราต้องเดินลุยน้ำก็ต้องลุย)  แต่ถ้าเกิดว่าเรารู้อยู่เต็มอก ว่าอันนี้มันเดินลงไปแล้วตกเหว เดินไปแล้วมันทุกข์ เดินไปแล้วมันเจ็บปวด เดินไปแล้วมันทำร้ายตัวเอง แต่เราหยุดไม่ได้ละศิษย์ อาจารย์ไม่บังคับศิษย์นะ แต่อาจารย์อยากให้แง่คิด ไม่มีใครผลักเราได้เหมือนที่เรารู้ว่าในโลกนี้ไม่มีใครผลักเราได้ ไม่มีใครทำให้เราทุกข์ได้ ไม่มีใครทำให้เราเจ็บได้ ถ้าเราไม่เอาทุกข์นั้นมาทำร้ายตัวเอง ถูกหรือไม่ ไม่มีใครว่าเราเจ็บปวดได้ ถ้าเราไม่เอาคำด่านั้นมาทิ่มแทงใจเราเอง ไม่ใช่หรือ  อย่าบอกว่าชีวิตเราเลือกไม่ได้ เราเลือกได้ เราเคยเอาชนะใจตัวเองได้หรือไม่  ชนะคนอื่นได้ตั้งเยอะทำไมชนะใจตัวเองไม่ได้ เก่งกว่าคนอื่นตั้งเยอะ ทำไมเรื่องนี้ไม่เก่งละศิษย์ ถูกไหม (ตั้งใจว่าแต่งงานแล้วค่อยเลิก)  เออ เอ้าปรบมือให้หน่อยนะ เหมือนอาจารย์ถามนะ ถ้าวันนี้อาจารย์จับขโมยได้คนหนึ่ง  แล้วถ้าเขาบอกว่าอาจารย์เดี๋ยวขอพรุ่งนี้ค่อยเลิก อาจารย์บอกว่าเลิกวันนี้ไม่ดีกว่าหรือศิษย์ 
อย่างนั้นอาจารย์มีข้อต่อรอง ถ้าศิษย์สามารถเลิกได้ แอปเปิลนี้จะช่วยทำให้ศิษย์ดีขึ้น แต่ถ้าศิษย์อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ไม่ต้องรับแอปเปิลจากอาจารย์ แล้วก็ยอมรับผลกรรมในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้คิดเอา แอปเปิลจากอาจารย์จะช่วยได้ แปรเปลี่ยนร้ายให้เป็นดีได้ แต่ถ้าศิษย์ไม่เลิกก็กลับไปนั่งเหมือนเดิม เพราะคนที่จะรับผลของการกระทำของตัวเองมันคือตัวศิษย์ทั้งหมด เราคิดดีเราก็ได้บุญ เราคิดชั่วเราก็ได้บาป เราทำดีเราถูกต้อง เราก็มีบุญกับตัวเอง แต่ถ้าเราเลือกทำผิดทำบาปเราก็ต้องรับผลกรรมผลทุกข์อันนั้นด้วยตนเอง จริงไหมศิษย์ (จริง)  ตัดสินใจเร็ว มารับแอปเปิลจากอาจารย์แล้วไปเลิก แต่ถ้าตัดสินใจไม่ได้กลับไปนั่งที่ ไม่ต้องมองใคร ไม่ต้องอายในเมื่อศิษย์ตัดสินใจจะทำเอง ถูกไหม อาจารย์เป็นอาจารย์ของศิษย์ ใครไม่อยากเลิกกลับไปนั่งที่ ใครอยากเลิกมาเอาแอปเปิลกับอาจารย์ อาจารย์ไม่ได้บังคับ ทำได้ก็ทำแต่ถ้าเอาไปแล้วกินแล้วทำไม่ได้ อันตรายนะ ฉะนั้นเอาแอปเปิลไปนั่งมองแล้วคิดให้ตก ว่าจะกินแอปเปิลดีหรือจะสูบบุหรี่ต่อดี ทำได้แน่นะ (เอาไปพิจารณาก่อน, ต้องตัดสินใจ)  อาจารย์ให้เวลาศิษย์ อย่าคิดนานนะศิษย์ (เอาไปดูก่อน)  ศิษย์ของอาจารย์ชั้นนี้เจ้าเล่ห์นะ เอาไปดูก่อน อย่าดูนานจนแอปเปิลเหี่ยวนะ ทำให้ได้นะศิษย์เอ๋ยปูนนี้แล้ว ไม่ต้องดูแล้วนะศิษย์ แก่แล้วนะ ยังจะสูบอีกหรือ มันไม่ต้องดูแล้วนะ มันต้องกินเลยนะ ใช่ไหม เจอมาเยอะแล้ว เลิกเถอะนะศิษย์ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง กินหรือดู (เลิก)  ปรบมือหน่อย มีสักหนึ่งคนให้อาจารย์ชื่นใจก็ยังดี คนสำคัญ ว่ายังไงเพื่อตัวศิษย์เองนะ (ขอเวลาจนกว่าแอปเปิลจะเหี่ยว)  ตอนนั้นมันก็ไม่เหลืออะไรแล้วศิษย์เอ๋ย (ไม่เกินเจ็ดวัน)  ค่อยกระทำให้ได้นะ อาจารย์หวังวันนั้นนะศิษย์เอ๋ย เพื่อตัวศิษย์เอง ไตร่ตรองให้ดี อย่าปล่อยให้มันช้าเกินไป ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย มันไม่ได้ทีละช้าๆ ถ้ามันมามันก็มาทันที แล้วบุญศิษย์มีพอไหม ศิษย์เป็นคนมีบุญมีวาสนานะ ฉะนั้น อย่าผลาญบุญวาสนาในทางที่ผิด จงเลือกในทางที่ถูก เชื่ออาจารย์เถอะนะ
ฝ่ายชายชำระความเสร็จแล้ว ฝ่ายหญิงไหนใครชอบเล่นหวย เล่นไฮโล แล้วบ่นว่า โอ๊ย! อาจารย์ บุญกี่วัดศิษย์ก็ทำมาหมดแล้ว แต่หวยไม่เคยถูกเลยได้ไหม  บุญวาสนามันเกิดจากการประพฤติปฏิบัตินะ อย่างนั้นเรามาเริ่มต้นดูขั้นตอนการปฏิบัติธรรม เริ่มต้นง่ายๆ ก่อนนะศิษย์ เวลาปฏิบัติธรรมศิษย์ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่าการศึกษาเรียนรู้ธรรม เรามีธรรมอยู่ทุกขณะได้ แต่ว่าเราต้องรู้ก่อนว่าธรรมนั้นมันอยู่ตรงไหน โดยส่วนใหญ่แล้วหาธรรมไม่เจอ ใช่ไหม
อย่างแรกคือธรรมพื้นฐานของความเป็นคน อย่างที่สองธรรมพื้นฐานมีการอยู่ร่วมกับคนในสังคม อย่างที่สามธรรมที่เป็นความจริงที่เราหนีไม่พ้นซึ่งสามารถเข้าใจ และทำให้เราบังเกิดธรรมที่แท้จริงได้
ฉะนั้นถ้าศิษย์เรียนรู้ศึกษาธรรมแล้ว เข้าใจแล้ว อย่าลงมือปฏิบัติแค่เพียง ทำบุญ ให้ทาน มันไม่พอ จริงไหม ทำบุญให้ทาน แต่ปากเรายังว่า เราไปทำงานใจยังเบียดเบียนคนอื่น เรายังโกหกมดเท็จคนอื่นบุญทานมันก็ชดใช้กันไม่ได้ บุญมันก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาปถูกไหม (ถูก)  แล้วแต่ศิษย์ของอาจารย์ส่วนใหญ่ชอบคิดว่า ขอศิษย์รวยก่อนรวยแล้วค่อยไปทำบุญ ขอมีมาเยอะๆ ก่อนแล้วค่อยไปทำทานใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยนะว่าอาจารย์เป็นคนที่ด่าคนมาตั้งเยอะ ไปโกหกคนมาตั้งเยอะ อาจารย์ไปเบียดเบียนคนมาตั้งเยอะ อาจารย์ก็ได้เงินมาตั้งเยอะเแยะ แล้วอาจารย์ค่อยทำบุญให้ ทำทานให้ ดีไหมคนแบบนี้ (ไม่ดี)  วิธีปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุดก็คือ ไม่จำเป็นต้องโลภ ได้แค่ไหนได้แค่นั้น โดยที่ไม่ต้องโกหก เราก็สามารถทำบุญทำทานได้ทุกขณะถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นวิธีปฏิบัติก็คือ เมื่อไรที่เรามีความเป็นคน ธรรมแห่งความเป็นคนนั่นคือ มโนธรรมสำนึก นั่นคือ เมตตาจิต นี่คือธรรมพื้นฐานของความเป็นคน เกิดเป็นคนถ้าขาดเมตตาในหัวใจคนนั้นก็ใช่คนไม่ อยู่กับใครก็เบียดเบียน อยู่กับใครก็แช่งชักหักกระดูก อยู่กับใครก็เข่นฆ่า อยู่กับใครก็หักล้างเอาให้ได้ ขาดความเมตตาในจิตใจ ธรรมแห่งความเป็นคนไม่มี เช่นนี้แล้วเขาจะเข้าถึงธรรมที่ทำให้เราพ้นทุกข์ได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นธรรมที่ศิษย์จะต้องไม่ลืมในความเป็นคนก็คือไม่ว่าจะทำอะไรมีเมตตาจิตถูกต้องชอบธรรมไหม และไม่ว่าจะทำอะไรมีจริยธรรม มีความซื่อตรงและประกอบด้วยปัญญาไหม แต่ถ้าจำได้ไม่หมดเอาอย่างเดียว ทำอะไรเมตตาไหม ถ้าเราใช้อันนี้เวลาเราอยู่ร่วมกับคนในสังคม เราจะไม่เบียดเบียนใคร เราจะไม่ทำร้ายใครถูกไหม เมื่อเราประกอบด้วยสิ่งที่ดี ปฏิบัติที่ดี การเข้าถึงธรรมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเป็นมนุษย์ศีลก็ไม่มี ธรรมก็ไม่รักษาแล้วหวังจะให้ธรรมะช่วยแปรเปลี่ยนชะตาก็เป็นไปได้ยาก  ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนอยากชำระเคราะห์กรรม กลัวเคราะห์กรรม กลัวทุกข์มันต้องเริ่มต้นตั้งแต่ตรงนี้ ธรรมแห่งความเป็นคนด้วยกัน เมตตาจิตมีกับเขาไหม ถ้าไม่มี ศิษย์จะหวังธรรมนี้เพื่อทำให้ศิษย์พ้นทุกข์เป็นไปไม่ได้ ธรรมแห่งความมีมโนธรรมสำนึกที่ดี รู้จักผิดชอบชั่วดีมีไหม ถ้าไม่มี ศิษย์จะหวังพ้นทุกข์ยิ่งเป็นเรื่องยาก เราชอบทำผิด ก่อให้เกิดทุกข์ บาป กรรม และ วิบากกรรม ใช่ไหม 
โลภ โกรธ หลง เป็นทางมาแห่งบาปกรรมและวิบากกรรมทั้งหลายถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่ถ้าเรารู้จักมีเมตตาธรรม การอยู่ร่วมกับผู้อื่นก็ง่าย เจอผู้ใหญ่มีเคารพนบนอบ เจอผู้น้อยมีเมตตา เจอเพื่อนจริงใจ ทำงานรับผิดชอบต่อหน้าที่ด้วยความซื่อตรง นี่แหละเรียกว่ามีศีล มีธรรม การจะเข้าถึงธรรมเพื่อความหลุดพ้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเริ่มต้นด้วยการถามตัวเองก่อนว่า สิ่งที่ตัวเองทำนั้นมีศีล มีธรรมหรือไม่ สิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องหรือไม่
พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทว่า ไฟแห่งศรัทธา
อาจารย์บอกศิษย์ไว้เลยนะ ไม่ศรัทธาอาจารย์ อาจารย์ไม่ว่า แต่ขอให้ศิษย์ศรัทธาในความถูกต้องดีงามที่อยู่ในใจของศิษย์ทุกคน ถ้าศิษย์ศรัทธาเชื่อมั่นในความดีงาม อันนั้นก็คือธรรมอันเดียวที่จะทำให้ศิษย์พ้นทุกข์ ก็จงรักษาธรรมอันนั้นให้คงอยู่ต่อไป และฟื้นฟูให้เติบใหญ่เพื่อนำพาคนอื่นให้พ้นทุกข์ด้วยดีหรือไม่ (ดี)
ฟังอาจารย์มาตั้งเยอะดับทุกข์ได้บ้างหรือยัง หลายคนตอบว่ายังไม่ได้เลยอาจารย์ มันยังทำใจไม่ได้ อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยนะ ในโลกนี้หวังให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นดั่งใจ ได้ไหม (ไม่ได้)  หวังให้ภูเขาราบเรียบเหมือนถนน ได้ไหม (ไม่ได้)  หวังให้ทะเลไม่มีคลื่นได้ไหม (ไม่ได้)  หวังให้คนเป็นอย่างใจเราได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเราหวังทำไม เราคาดหวังไหม (ไม่คาด)  ไม่คาดหวังเลยใช่ไหม ทำอะไรแล้วล้มเหลวเสียใจไหม (เสียใจ)  ไหนบอกไม่คาดหวัง
ทำไมอาจารย์จึงบอกว่าศิษย์เอ๋ยศิษย์จะต้องมีหลักในการพิจารณาธรรมอยู่เสมอก็คือธรรมแห่งความเป็นจริง ที่เราหนีไม่พ้นแล้วเราต้องระลึกเตือนไว้เสมอนั้นคือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และว่างเปล่า ทุกชีวิตล้วนหนีไม่พ้นความไม่แน่นอน ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าเราเกิดเราก็ต้องมี (ตาย)  ศิษย์จำไว้นะ หลักธรรมอันหนึ่งที่เป็นความจริงหนีไม่พ้นคือ ในทุกขณะที่ศิษย์เกิดมันคือทุกขณะที่ศิษย์ตาย ในทุกขณะที่ศิษย์บอกว่าศิษย์ได้มันคือทุกขณะที่ศิษย์กำลังเสีย ในทุกขณะที่ศิษย์กำลังบอกว่าสุขมันคือทุกขณะที่กำลังทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจแบบนี้มันจะมีอะไรที่เราหลงยินดี แล้วถ้าเราเข้าใจขนาดนี้มันมีอะไรที่เราอยากจะยึดติดยึดมั่น แล้วถ้าเราเข้าใจขนาดนี้มันจะมีอะไรที่เราอยากจะโลภ อยากจะโกรธ อยากจะหลง เพราะมันไม่เคยเที่ยง ใช่ไหม (ใช่)  ชอบไหมคนชม (ชอบ)  แต่ถ้าเรามองตามความเป็นจริงในคำชมมีคำว่าอยู่ ในคำว่าก็มีคำชมอยู่ ในเรื่องจริงมีเรื่องเท็จอยู่ ในเรื่องเท็จมีเรื่องจริงอยู่ ใช่หรือไม่
ฉะนั้นเข้าใจธรรมแห่งความเป็นจริงในโลก ศิษย์จะสามารถดำรงอยู่ในความเป็นกลางได้ ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เราดำรงความเป็นกลางได้จริงไหม  ฉะนั้นเวลาใครด่ามาโกรธไหม (ไม่โกรธ)  ใครชมมาหลงไหม (ไม่หลง)  เวลาทำงานสำเร็จมาดีใจไหม (ไม่ดีใจ)  กรีดยางมาราคาตกไหวไหม (ไหว)  ศิษย์เอ๋ยอาจารย์ถามหน่อยมีอะไรบ้างมันขึ้นแล้วมันไม่ลง ถ้ามันขึ้นแล้วมันไม่ลงมันคือผิดปกติจริงไหม (จริง)  แล้วยางล่ะมันขึ้นได้มันลงไม่ได้หรือ (ได้)  ฉะนั้นก่อนที่ไปหวังเงินดาบหน้า ทำไมไม่หวัง ลำแข้งตัวเอง ปัญญาตัวเอง ยางไม่ได้ไม่เป็นไร ฉันมีผักกิน ฉันมีข้าวกิน ถูกไหม (ถูก)  เศรษฐกิจไม่ดีไม่เป็นไร ฉันพึ่งพาตนเองได้ฉันไม่เกียจคร้าน ฉันขยัน ฉันไม่อดตายถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าฉันท้อ ฉันทุกข์ ฉันตายใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นตอนนี้ทุกข์ไหม ฉะนั้นศิษย์จำไว้นะในทุกข์มันมีสุข ในสุขมันมีทุกข์ เพราะโลกนี้หนีไม่พ้นความเปลี่ยนแปลง ชีวิตคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ฉะนั้นอย่าไปหวังอะไรกับความไม่แน่นอน จงมองให้เห็นธรรม แล้วเราจะได้ไม่ยึดติดในโลกนี้ว่า โลกนี้มันน่ารัก แต่จริงๆ มันไม่น่ารักเลย ชีวิตนี้มันสวยงาม แต่จริงๆ มันไม่สวยเลยนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
อาจารย์ถามหน่อยมีธรรมอะไรบ้างที่เราพึงระลึกไว้เสมอ แล้วเราจะได้ไม่ปฏิบัติผิด ไม่ประพฤติผิด แต่เป็นประพฤติชอบ ใครตอบอาจารย์ได้อาจารย์ให้แอปเปิล มีธรรมอะไรบ้างที่ศิษย์พึงระลึกไว้เสมอเพื่อจะย้ำเตือนเราไม่ให้ทำผิดคิดร้าย
(ความมีเมตตา)  ตอบได้ดี ฉะนั้นทุกอย่างทำอะไรขอให้คิดว่าเมตตาไหม ถ้าพูดแล้วไม่เมตตาก็จงหยุดพูด ถ้าทำแล้วไร้ความเมตตากรุณาก็จงอย่าทำมีอะไรอีก
(วจีกรรม)  วจีกรรม กรรมที่เกิดจากพูด พูดแล้วศิษย์พิจารณาเสมอนะ ถึงแม้จะเป็นจริงแต่ถ้าทำให้คนไม่เป็นสุขก็อย่าพูด ถึงมันจะเป็นจริงแต่ทำให้เกิดการแตกแยกก็อย่าพูด พิจารณาเนื่องๆ นะ จำไว้เสมอถึงมันจะเป็นจริงแต่ทำให้คนไม่เป็นสุขอย่าพูด ถึงมันจะเป็นจริงแต่ทำให้เกิดการแตกแยกก็อย่าพูด และอีกอย่างถึงมันจะเป็นจริง แต่ถ้าพูดแล้วไม่น่าฟังก็ไม่ควรพูด ใช่หรือไม่ (ใช่) 
(ปัญญา)  แล้วปัญญาจะเกิดได้อย่างไรศิษย์ (ตั้งสติ)  ฉะนั้นแล้วสติจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ (มีสมาธิ)  โดนอะไรกระทบแล้วรู้จักนิ่ง ใช่ไหม โดนอะไรกระทบแล้วไม่หวั่นไหว นั่นแหละเรียกว่ามีสติ ปลงแล้วหรือ
(มีธรรมในใจ)  ธรรมข้อไหน เอาไว้ย้ำเตือนใจเสมอเพื่อเราจะไม่ได้ประพฤติผิดไม่ทำร้ายคน เอาธรรมข้อไหน (มโนธรรม)  มโนธรรมคือละอายเกรงกลัวต่อบาปรู้จักผิดชอบชั่วดี ฉะนั้นทำอะไรถ้ามันผิด ทำแล้วน่าละอายก็อย่าทำ ใช่ไหม จำไว้นะถ้าทำแล้วเงยหน้าอายฟ้า ก้มหน้าอายดิน ก็อย่าทำ
(คิดดี พูดดี ทำดี)  เห็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะทำเลยนะ มีใครจะตอบอาจารย์อีกไหม อาจารย์อยากแจกแอปเปิล เอาแอปเปิลไปเถอะ
(มีสัจธรรม)  ซื่อสัตย์ ฉะนั้นคนซื่อสัตย์ต้องไม่โกหก คนซื่อสัตย์ต้องรู้จักรับผิดชอบหน้าที่ คนซื่อสัตย์ต้องจริงใจ ต้องทำให้ได้นะ
(วางใจเป็นกลาง)  แต่เวลาเราโดนกระทบ เราสามารถวางใจเป็นกลางได้ไหม เมื่อโดนกระทบไม่ยินดียินร้ายได้ไหม ไม่ต้องพยายามศิษย์ ขอแค่เข้าใจธรรม โลกนี้มันไม่เที่ยง การที่เราเห็นคนไม่ดีคนๆ หนึ่ง มันก็เป็นแค่ชั่วขณะ แต่เขาไม่ดีตลอดไหม ไม่ใช่ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นอย่าเอาแค่เหตุการณ์เฉพาะ หรือเหตุการณ์แค่ชั่วขณะมาวัดคนทั้งชีวิต หรือมาวัดทั้งเรื่องราว เราก็จะสามารถวางไว้เป็นกลางไม่ยินดียินร้ายได้
เรารักษาศีลไม่ค่อยครบ ใช่ไหม จริงๆ แล้ว สิ่งที่อาจารย์พูดมาว่าธรรมที่เป็นพื้นฐานแห่งความเป็นคน ไม่ว่าจะเป็นเมตตาธรรม มโนธรรม  สัตยธรรม นั่นคือศีลห้านะศิษย์ ซึ่งมันอยู่ในจิตสำนึกเรา ใช่ไหม เมตตาธรรมคือไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มโนธรรมคือไม่ผิดลูกผิดภรรยา ฉะนั้นถ้าศิษย์ทำได้ไม่ต้องพยายามถือให้ครบห้า แค่ศิษย์บอกจิตสำนึกตัวเองว่าอย่าผิดต่อห้าข้อนี้ ศิษย์ก็เป็นคนที่มีศีลห้าครบแล้ว
(พระอาจารย์เมตตาให้เอากลอนซ้อนพระโอวาทว่า “ไฟแห่งศรัทธา” มาแบ่งอีกและเมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทว่า “พลัง” )
ไฟแห่งศรัทธาก่อเกิดเป็นพลังใช่ไหม พลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต พลังที่จะทำให้ชีวิตทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม ฉะนั้นวันนี้อาจารย์เหมือนหย่อนต้นธรรมต้นหนึ่งขึ้นมาในใจศิษย์ แต่ศิษย์จะปลูกมันต่อ หรือศิษย์จะปล่อยทิ้งให้มันเหี่ยวตาย ก็ขึ้นอยู่กับตัวศิษย์แล้วใช่หรือไม่ จำไว้นะศิษย์เอ๋ย ถ้าศิษย์ศรัทธาในความถูกต้องดีงาม จะก่อเกิดพลังแห่งความเปลี่ยนแปลง ชีวิตที่เคยตามใจตามนิสัย จะกลายเป็นชีวิตที่รู้จักยับยั้งชั่งใจ และถือธรรมในการนำพาชีวิต ชีวิตที่เคยตามใจ ตามนิสัย ตามอารมณ์ มันจะกลายเป็นรู้จักยับยั้งชั่งใจ และเอาธรรมมาควบคู่ในการดำเนินชีวิต มนุษย์เราเคยชินกับการตามอารมณ์ตามนิสัย ใช่หรือไม่ (ใช่)  นิสัยก่อเกิดเป็นตัวตนและห่างไกลธรรม เมื่อมีนิสัยแล้วเรารู้จักใช้ธรรมในการยับยั้ง นิสัยนั้นจะถูกหยุดและหายไปด้วยพลังแห่งธรรมนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนที่อาจารย์ให้บ่มเพาะต้นธรรมขึ้นมาจากใจศรัทธาคงมั่น มาจากความเข้าใจนั้นปณิธานมั่นก้าวไกล
เป็นลูกศิษย์อาจารย์แล้วนะ ชะตาชีวิตไม่ใช่อยู่ที่ฟ้ากำหนด แต่อยู่ที่เรากำหนดเอง ถูกไหม ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากเดินทางนี้ อยากมุ่งเดินทางนี้ หนทางแห่งธรรมเป็นหนทางแห่งความสว่าง หนทางแห่งธรรมเป็นหนทางที่นำพาให้เราพ้นทุกข์ ไม่ได้เวียนว่ายอยู่ในทุกข์ ถ้าศิษย์อยากพ้นทุกข์ อยากเป็นคนดี ก็จงกลับมาศึกษากับอาจารย์ต่อ แต่ถ้าไม่ศึกษาต่อ ก็ลองไปศึกษาเองและปฏิบัติเองด้วยตัวเอง แล้วลองคิดพิจารณาดูว่าสิ่งที่อาจารย์พูดอยู่นั้นมันหลอกลวงศิษย์ไหม ถ้าไม่หลอกลวงแล้วมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม จงเลือกแล้วเอาไปประพฤติปฏิบัติ ได้ไหม (ได้)  แต่ถ้าเห็นแล้วว่ามันไม่ดี ไม่มีประโยชน์ วันนี้ก็จบแล้วจบกันดีไหม  (ไม่ดี)  แต่ถ้าเห็นว่าวันนี้มีประโยชน์และสิ่งที่อาจารย์พูด อยากนำพาให้ศิษย์พ้นทุกข์จริงๆ  จงลงแรงประพฤติปฏิบัติด้วยตัวเอง พิสูจน์ความจริง ด้วยความจริงศิษย์ อย่าดูถูก ดูหมิ่น  ถ้าทำได้ก็เดินต่อ ถ้าทำไม่ได้ก็กลับไปเวียนว่ายให้จบ ใช่ไหม (ใช่)   เราทุกข์มาเยอะแล้วนะศิษย์ เราเวียนว่ายมาไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์   แล้วเราพ้นทุกข์ไม่ได้หรือ พ้นได้ ก็เพียงแต่รู้ตื่น รู้แล้วตั้งสติให้บังเกิดธรรม รู้แล้วแก้ปัญหาให้เห็นธรรม แต่ไม่ใช่รู้แล้วปล่อยให้เกิดกิเลสแล้วให้เวียนว่าย ไม่จบสิ้น อย่างนี้ช่างน่าเสียดาย เพราะปัญหาเกิดเมื่อไหร่ ความทุกข์ก็เกิดเมื่อนั้น แต่เราสามารถแก้ปัญหา ควบคุมความโลภ ควบคุมความอยากได้ ก็พ้นทุกข์ได้นะศิษย์ ไม่ต้องเอาชาติหน้า เอาตอนนี้ เอาเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องเร่งทำบุญเพื่อหวังอนาคตข้างหน้า ทำเดี๋ยวนี้ให้ได้ประจักษ์ตอนนี้สิ  ถูกไหม พลิกชีวิตได้ ชีวิตก็เปลี่ยน ทุกข์มันก็ทำให้เราพ้นทุกข์ได้ ศิษย์พิจารณาให้ดีนะศิษย์  อย่าผิดแล้วผิดเลย ผิดแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง สำนึกขอขมา อบายมุข สิ่งเสพติดอย่าไปหลงมันเลยไม่เคยทำให้ใครได้ดี ศิษย์ไม่กลัวนรก ไม่กลัวผลกรรม  อาจารย์เห็นมาแล้ว เจอมาแล้ว ที่สุดของความทุกข์ในโลก ศิษย์ยังรู้จักหยุดได้ แต่ในนรก ต่อให้ศิษย์กรีดร้องเป็นพันเท่ามันก็ไม่ถึงที่สุดของความทุกข์ ศิษย์อยากไปหรือ อย่าคิดว่าตายแล้วจบกัน ถ้ายังยึดมั่นถือมั่นไม่วาง มันก็ยังมีตัวตนให้เวียนว่าย เลยต้องไปชดใช้กรรม แต่ถ้าเข้าถึงความเป็นจริงแห่งชีวิต ไม่ยึดมั่นแล้วเข้าถึงสภาวธรรมมันก็จะไม่มีตัวตนให้เวียนว่ายอีกต่อไป มันไม่ยากนะศิษย์ อยู่ที่ศิษย์คิดไหม คิดให้ดีก่อนจะทำ พอมันตกผลแล้วใครก็ช่วยไม่ได้ มันมีแต่ใครทำก็ต้องรับ เพราะอาจารย์ก็ต้องยุติธรรม ฟ้าก็ต้องยุติธรรม ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ถูกก็ต้องว่าไปตามถูก ฉะนั้นตอนนี้ศิษย์เดินผิด อาจารย์ก็อยากให้ศิษย์เดินถูก  ศิษย์อย่ายึดอีกเลยนะ ศิษย์เอ๋ย อุตส่าห์ฟังมาถึงขนาดนี้แล้วลงแรงประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อตัวศิษย์เองนะ  มีโอกาสกลับมาผูกบุญกับอาจารย์อีกนะ
(พระอาจารย์เมตตาจับมือศิษย์)
มีโอกาสกลับมาอีกนะ เข้าใจแล้วก็ลงแรงปฏิบัติ เข้มแข็งๆ ไม่ร้องไห้ กลับมาอีกนะ มีโอกาสตั้งใจบำเพ็ญ มีโอกาสกลับมาหาอาจารย์อีกนะ มาศึกษามาร่วมบำเพ็ญกันอีก อย่าไปแล้วไปเลย อย่ามัวหลงหนุ่มๆ จนลืมคุณค่าของตัวเอง  อย่ามัวแต่เล่นโทรศัพท์จนลืมดูใจของตัวเอง  รู้จักดำรงชีวิตให้เป็นอย่าหลงผิด รู้เรื่องหรือเปล่า ดูแลตัวเองด้วยนะ
อยากให้อาจารย์อวยพรหรือ สู้รู้จักคิดรู้จักทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่เดินผิดไม่หลงผิดไม่ดื้อดึงใช่ไหม ทำให้ได้นะมุ่งบำเพ็ญแล้วก็ต้องเดินให้ถึงที่สุด อย่ามัวแต่คิดนานทำให้ได้ อย่าเก็บแอปเปิลอาจารย์นานนะเดี๋ยวจากที่จะช่วยกลายเป็นยึดนะ อย่าฟังไปเสียเปล่านะศิษย์เอ๋ย มีโอกาสตั้งใจบำเพ็ญธรรมให้ได้นะ ลดละเลิกอย่าทำผิด เดินในทางที่ถูก เป็นอะไรไม่สำคัญแต่สำคัญทำสิ่งที่ถูกต้องนะศิษย์เอ๋ย คิดดีพูดดีมีศีลมีธรรมนะ ทำให้ได้นะเพื่อตัวศิษย์เองนะ มีโอกาสเข้ามาศึกษาและร่วมกันทำงานช่วยเหลือคนนะศิษย์เอ๋ย
ขอพูดคำสุดท้ายนะ ต้นธรรมของอาจารย์แต่ละต้น สงสัยจะขึ้นยากเหลือเกิน จงปลูกต้นธรรมด้วยหัวใจแห่งเมตตา จงปลูกต้นธรรมด้วยหัวใจแห่งความตั้งใจและศรัทธา ศรัทธาในความถูกต้องและดีงาม เพื่อนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์นะศิษย์เอ๋ย อย่าทุกข์อีกเลยนะความทุกข์มันไม่ใช่สิ่งที่น่าเจอเลย แต่ถ้าเมื่อไรที่เราต้องเจอ ก็แค่รู้แค่เห็นแค่นั้น เดี๋ยวมันก็จบไปอย่าเอามาเกาะเกี่ยวให้เจ็บปวดใจเลย  อะไรจะเกิดเดี๋ยวมันก็ดับไปเอง ขอเพียงรักษาใจให้ปกติ เราห้ามให้ทุกสิ่งเป็นดั่งใจไม่ได้ เราห้ามให้ทุกคนพูดดั่งหวังไม่ได้ แต่เราห้ามใจเราไม่ไปเกาะเกี่ยวไม่ผูกพัน ไม่เจ็บปวดได้นะศิษย์ เขาเจ็บเราไม่จำเป็นต้องเจ็บ  เขาให้เราทุกข์เราก็แค่มีสติแล้วก็ทำให้เกิดธรรมสิ ใช่ไหม (ใช่)  ไปแล้วนะ
ตั้งใจทำอะไรทำให้ดีๆ ชีวิตจะได้ไม่ผิดพลาดนะ นำพาชีวิตให้ถูกต้องไม่ว่าเจออะไรยิ้มไว้ ยิ้มไว้นะศิษย์เป็นธรรมที่ง่ายที่สุด ยิ้มไว้อดทนไว้ยอมเข้าไว้ ใครจะทำเราเจ็บปวดอย่างไรฉันไม่เกี่ยวกรรมแล้ว ฉันขอจบกรรมแค่นี้ เขาอยากทำอะไรทำไปไม่เป็นไรฉันยังมีปัญญาอยู่ฉันหาใหม่ได้ ขอศิษย์ไม่ดูเบาตัวเองไม่จนใจตัวเอง ใครจะเป็นอย่างไรช่างมัน ตัวเราทำดีที่สุดทำให้ถูกทำให้เหมาะ แล้วเมื่อเราทำได้อย่างมีสติเราจะเรียกคนข้างๆ ให้มีสติได้ ถ้าเราทำได้อย่างคนมีธรรม เราจะเรียกคนข้างๆ ให้มีธรรมได้ ขอเพียงเข้มแข็งเท่านั้นเอง จริงไหมศิษย์ (จริง)



วันอาทิตย์ที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ สถานธรรมจื้อเจวี๋ย  จังหวัดสงขลา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  เขาผิดแล้วไม่แก้ไขทนไหวไหม          เขาร้ายแล้วหาดีไม่ทำไงหนอ
เหมือนทุกข์ซ้ำกรรมซัดจนตัวงอ           คงได้แต่หัวร่อสู้ความจริง
ถ้าผิดแล้วแก้ไม่ได้กล้ารับไหม              เจอแต่ร้ายหาดีไม่ทำไงหนอ
เหมือนทุกข์ซ้ำกรรมซัดจนตัวงอ           จงอย่าท้อสู้ความจริงก้าวต่อไป
                   เราคือ
  จี้กงสงฆ์วิปลาส                     รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา   ลงสู่แดนโลก  แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาอีกครั้งหนึ่ง     ถามศิษย์รักของอาจารย์ยังสบายดีอยู่ไหม

  มีเท่าไหร่ไม่พอหากโลภอยู่            ต้องเรียนรู้ให้เท่าทันในจิตหนา
เมื่อศึกษาต้องเรียนรู้ไฝ่ก้าวหน้า        ด้วยสติปัญญารู้แจ้งในตน
ฉลาดรู้แท้จริงวุ่นเรื่องใดกัน            ว่าทันทุกข์ความคิดกลับดูสับสน
สงบเพราะออกเข้าที่สติรู้ตน            บำเพ็ญจนความในแจ้งไม่วุ่นวาย
ฉลาดแต่พ่ายความคิดติดเคยชิน        ทาสความหลงพายินยลถวาย
อย่าตกเป็นทาสอารมณ์จนวางวาย     จงเป็นนายเหนือกายใจกิเลสอารมณ์
                                                                  ฮา ฮา หยุด

หมายเหตุ พระอาจารย์เมตตาแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมพระโอวาทที่ท่านเมตตาประทานให้ที่สถานธรรมอิ๋งเต๋อ จังหวัดชัยนาท



พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง


เราเคยทำผิดไหม (เคย)  เวลาทำผิดแล้วเรารู้สึกผิดไหม (รู้สึกผิด)  แล้วเราอยากแก้ไหม ทำผิดแล้วโดนจับได้ ตอนนั้นทำอย่างไร หน้าบานรับเลยใช่ไหม
ถ้าผิดแล้วแก้ไม่ได้กล้ารับไหม  เจอแต่ร้ายหาดีไม่ทำไงหนอ
เคยไหม คราวนี้เราผิดจริงๆ แล้วเราจะต้องรับผลผิดอันนั้น  แล้วผลผิดอันนั้นมันทำให้เราเจอแต่เรื่องที่ไม่ดี มีแต่คนถากถาง มีแต่คนที่พูดแล้วทำให้เราเจ็บปวด เรายังอยากจะกลับมาเป็นคนดีใหม่ หรือเลวร้ายไปเลย (กลับมาเป็นคนดีใหม่)  หรือปล่อยให้เลวไปเลยอย่างไรก็โดนว่าแล้วหาดีไม่เจอชั่งมัน เอาอย่างนั้นไหม (ไม่เอา) 
เหมือนทุกข์ซ้ำกรรมชัดจนตัวงอ  จงอย่าท้อสู้ความจริงก้าวต่อไป
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้หรอกว่าโชคดี นึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น ใช่ไหม (ใช่)  ในโลกนี้ศิษย์ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีอะไรดีที่สุด และไม่มีอะไรแย่ที่สุด ถ้าใจเราไม่อับจนปัญญาจริงๆ ถึงดูเหมือนสูญเสียแต่บางทีอาจจะไม่ได้สูญเสีย ถึงบางครั้งดูเจ็บปวด แต่มองลงไปในความเจ็บปวดลึกๆ เราอาจจะได้อะไรจากความเจ็บปวดนั้นก็ได้ ตรงที่หัวใจเราเข้มแข็งขึ้นหรือเปล่า ฉะนั้นในโลกมนุษย์กลัวความแก่ ความเจ็บ ความตาย แต่พุทธะกลับมองว่า ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าชีวิตหนึ่งไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ ไม่มีตาย เราก็คงไม่เข้าใจความหมายของชีวิตคืออะไรถูกไหม (ถูก)  มีใครอยากอยู่ยงคงกระพันบ้าง (ไม่มี) 
ชีวิตที่แท้จริงคืออะไรหรือ  ถ้าจริงๆ เราอยู่กับชีวิตมากี่ปี 20ปี 30ปี 40ปี 50ปีใช่ไหม แล้วเราเข้าใจชีวิตไหม (ไม่เข้าใจ)  ไม่เข้าใจหรือ ชีวิตคืออะไร (ชีวิตคือการต่อสู้)  ชีวิตคือการต่อสู้  ศัตรูคือยาชูกำลังอย่างนั้นใช่ไหม (ใช่)  ถ้าศิษย์บอกว่าชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง อาจารย์ถามนะ เวลาเราอยู่ในโลกเจอคนที่ร้ายๆ กับเรา เราอยากเจอเขาอีกไหม (ไม่อยากเจอ)  เจอคนที่ทำร้ายเราให้เจ็บปวด ทำร้ายเราให้ทุกข์ใจเราอยากเจอเขาอีกไหม (ไม่อยากเจอ)  ชาติหน้าฉันใดอย่าเจออีกเลยใช่ไหม (ใช่)  แต่รู้ไหมว่าวิธีที่ทำให้ต้องมาเจอกับเขาอีกคือ จองเวร จองกรรม จำไม่ลืม มีโอกาสแค้นนี้ต้องชำระ เวรระงับด้วยการ (ไม่จองเวร)  แต่เวลาใครทำเราเจ็บ จำแล้วเราไม่เคยลืม เวรไม่จองเวร แต่ใครทำเราเจ็บ เราจะไม่ลืม มีโอกาสเอามาเพิ่มใหม่ เจอหน้าทีไรหมั่นไส้ทุกที อย่างนี้จองเวรไหม (จองเวร)   
แล้วถ้ามันไม่ดีเก็บไว้ในใจทำไม ฉะนั้นทำอย่างไร (ปล่อยวาง)  ไปปล่อยเขาทำไม ไปจับเขามาหรือถึงต้องไปปล่อยใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเจอคนร้าย เจอคนไม่ดี ดีแล้วได้ชดใช้กรรม ดีแล้วได้หมดเวรหมดกรรม ขอบคุณที่ทำให้ฉันไม่ต้องเจอกับเขาอีกในชาติต่อไปดีไหม (ดี, ไม่ดี)  ไม่ดีหรือ ฉะนั้นเจอเรื่องไม่ดีอย่าจำ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแรงทำให้เราต้องกลับมาเวียนว่ายเจอกันอีก  เพราะชีวิตคือสิ่งที่หมุนเวียนเปลี่ยนผันไปตามเหตุปัจจัย เปลี่ยนผันไปตามสัจธรรม ฉะนั้นชีวิตๆ หนึ่งถ้าไม่มีกรรมไม่มีเหตุปัจจัย มันก็หมุนไปตามเกิด แก่ เจ็บ ตาย กลับคืนสู่สภาวธรรมถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าเกิดชีวิตๆ หนึ่งเรามีความยึดมั่นถือมั่น เรามีความชอบ ชัง เรามีรัก มีเกลียด มีดี มีร้าย ชีวิตนี้ทั้งที่มันจะหมุนไปตามสภาวธรรม มันก็ไม่หมุนไปตามสภาวธรรมแล้ว แต่มันยังมีเหตุปัจจัยหนุนเนื่องให้สิ่งที่ควรจะหมุนไปนี้ มันเริ่มมีมากขึ้น มีปัจจัยมากขึ้น มีเหตุมากขึ้นถูกไหม (ถูก)  ทำไมคนเราเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกัน แต่บางคนทำไมเจ็บช้า ทำไมบางคนป่วยนักป่วยหนา ทำมาค้าขึ้น บางคนทำอะไรมันก็จน ทำไมไปไหนมันก็มีแต่คนรักๆ แต่เราสิไปไหนก็มีแต่คนเกลียด ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าชีวิตหมุนไปตามสัจธรรม และเหตุปัจจัย ถ้าเรายังอดยึดติด ยังมีชอบ ชัง ไม่ได้ สิ่งที่ควรหมุนไปตามสัจธรรมมันก็เลยเพิ่มเหตุปัจจัยหนุนเนื่อง มีเรื่องนั้นมีเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมา
ฉะนั้นชีวิตคืออะไรหรือ (ชีวิตคือการต่อสู้ต่อไป, ชีวิตคือความอดทนชีวิตคือความอดทนใช่ไหม แสดงว่าชีวิตที่อยู่กับภรรยามาก็ใช้ความอดทนตลอด ทำงานมาก็ต้องอดทนตลอดใช่ไหม (ใช่)  ใช่หรือ ใครเป็นภรรยาเขานี่ สองคนตอบว่าชีวิตคือการต่อสู้ อีกคนตอบว่าชีวิตคือการอดทน ใช่ไม่ใช่ (ไม่ใช่)  ไม่ใช่ใช่ไหม
ชีวิตคือสิ่งที่ต้องหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปตามเหตุปัจจัย หรือหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปตามสภาวธรรม อาจารย์ถามศิษย์ ว่าใบหน้านี้เมื่อตอน 20 ปี 10 ขวบ 2 ขวบ ใบหน้านี้หรือเปล่า แล้วอีก 50 60 ใบหน้านี้จะเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  ร่างกายนี้ถึงเวลามันเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  เสื้อผ้าเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  อารมณ์เปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  ใจเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  ชีวิตเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  อย่างนั้นชีวิตใช่ไม่ใช่การเปลี่ยนผัน
ฉะนั้นใครที่หวังให้มันคงอยู่คนนั้นคือหลอกลวงตัวเอง ขอให้มันสวยคนนั้นคือโกหกตัวเอง ขออย่าให้แก่คนนั้นคือโง่หลอกตัวเอง คนนั้นบอกขอให้รวยๆ คนนั้นคือไอ้บ้า ใช่ไหม (ใช่)  เพราะมันเปลี่ยนไปตลอด รวยอย่างไรก็ยังมีคนรวยกว่า เก่งอย่างไรก็ยังมีคนเก่งกว่า ดีอย่างไรก็ต้องมีคนดีกว่า  ฉะนั้นชีวิตคือหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ฉะนั้นอาจารย์ถามว่า ถ้าชีวิตมันหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ต่อไปทำไมเราไม่สร้างเหตุปัจจัยที่ดี ที่ทำให้เราไม่ต้องหมุนเวียนอีกต่อไปล่ะ แล้วศิษย์รู้ไหมว่าสิ่งที่ศิษย์สร้างมาเมื่อก่อนมันทำให้ศิษย์หมุนเวียนแล้วไม่จบสิ้นหรือไม่เคยคิด ไม่เคยเลยใช่ไหม แล้วรู้ไหมว่าสิ่งที่ศิษย์สร้างมาก่อนมันเป็นเหตุปัจจัยให้ศิษย์ต้องรับผลในอนาคตหรือทำให้ศิษย์กลายเป็นคนในวันนี้ เพราะศิษย์สร้างมา
ดังที่มนุษย์กล่าวไว้ว่า  คนเราเกิดมาพร้อมกับกรรม”  กรรมดีก็ได้ดี  กรรมชั่วก็ได้ (ชั่ว)  แต่มันมีกรรมอีกอันหนึ่งที่ เรียกว่า เหนือดีเหนือชั่ว   นั่นคือ อกรรม ทำอย่างไรล่ะที่เราสามารถจะดำเนินชีวิตแล้วไม่สร้างกรรมที่ทำให้เรากลับมาเวียนว่ายรับผลไม่จบสิ้นเคยคิดไหม ไม่มีเลยหรือ อยากกลับมาเกิดอีกใช่ไหม อยากไหม (ไม่อยาก)  แต่ที่ทำมานี่อยากทั้งนั้นเลยนะ ฉะนั้นถ้าเราไม่สามารถกลับคืนสู่สภาวธรรมได้ เรายัง ยึดมั่นถือมั่นความเป็นตัวตน ยึดมั่นถือมั่นอารมณ์นิสัยความเป็นตัวตนก็จะสร้างให้เรามีตัวตน ต้องกลับมาชดใช้กรรมอีก อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยนะ ดูสิว่าศิษย์เคยทำแบบนี้ไหม เวลาทำบุญ เวลาใส่บาตร เวลาสวดมนต์ เวลาไหว้พระแล้วคิดว่า สาธุ ชาติหน้าฉันใด ขอให้สวย ขอให้รวย ขอไหม (ขอ)  ขอให้เก่ง ขอให้ดี ขอให้มีวาสนา ขอให้ถูกลอตเตอรี่ ขอไหม (ขอ)  อย่างนั้นที่เราขอแปลว่า เรากำลังหวังว่าชาติหน้าเราต้องเกิดมารับผลอีกใช่ไหม (ใช่)  ไหนบอกว่าไม่อยากกลับมาเกิดอีก  อาจารย์ถามศิษย์  ทำบุญหนึ่งบาท หวังให้สวย หวังให้รวย หวังให้มั่งมี หวังให้ร่มเย็น ได้ไหม (ไม่ได้)  ไม่ได้ใช่หรือไม่
ขอก็ได้นะศิษย์ถ้าศิษย์อยากเกิดก็ขอไปเลย แต่ถ้ามาเกิดชาติหน้าเป็นอะไรอาจารย์ไม่รับรู้ เพราะว่าคนจะกลับมาเกิดเป็นคนได้ต้องมีศีลห้าครบ นี่คือตามหลักพระพุทธศาสนา แต่ศีลห้าไม่เคยครบ ฉะนั้นศิษย์ว่าที่ทำบุญมา จะกลับมาเกิดแล้วเป็นคนไหม (ไม่เป็น)  อาจารย์เห็นคนที่ทำบุญเก่งเลยนะ แล้วก็ขอให้ชาติหน้าเกิดมาแล้วสบาย อาจารย์บอกเสมออาจจะเกิดเป็นหมา มีคนอาบน้ำให้มีคนปูที่นอนให้ สบายไหม (สบาย)  เอาไหม  (ไม่เอา)
คราวหน้าถ้าทำบุญก็ขอให้บุญนั้นกลายเป็นกุศลที่สามารถทำให้เราหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด เพราะขึ้นชื่อว่าบุญ ยอดของบุญคือกุศล ถูกไหม (ถูก)  ขึ้นชื่อว่าความผิด ยอดของความผิดก็คือ บาป ทุกข์และการเวียนว่ายตายเกิด อย่างนั้นโดยปกติ เราทำดีเราทำบุญหรือเราทำบาป ส่วนใหญ่ทำอะไร (ทำบาป)
บุญคือชื่อที่นึกถึงแล้วทำให้เกิดความสุข ความสบายใจ ความอิ่มใจ บาปคือชื่อที่ทำแล้วหม่นหมองเป็นทุกข์ ขุ่นมัว เวลาเราตื่นมา ตื่นมาพร้อมกับบุญหรือตื่นมาพร้อมกับบาป เวลาเราตื่นมาที เราก็จะคิดว่าวันนี้กินอะไรดีหนอ นั่นคือบุญหรือบาป (บาป)  แล้วคิดต่อว่าจะได้กินไหมหนอ แล้วจะมีเงินไหมหนอ ใช่หรือไม่ (ใช่) 
โดยส่วนใหญ่สร้างบุญหรือสร้างบาป (สร้างบาป)  บาปมากกว่าบุญ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วบุญเกิดมาได้จากอะไรบ้าง บุญคือจิตที่ตั้งใจทำในสิ่งที่ดีทำให้เกิดความสบายใจโล่งใจอิ่มใจปิติใจ ถูกไหม (ถูก)  มีใครบ้างตื่นมาขอบคุณฟ้าดิน ขอบคุณทุกๆ คน ที่ทำให้ฉันยังมีชีวิตอยู่ เราเคยตื่นมาแล้วรู้สึกขอบคุณบ้างไหม (ไม่เคย) 
ต่อไปเปลี่ยนเป็นบุญบ้างนะ ตื่นมาแล้วรู้สึกขอบคุณ เจอหน้าพ่อแม่ขอบคุณ เจอหน้าใครขอบคุณ ขอบคุณที่ทำให้ฉันยังมีชีวิตอยู่ เพราะหนึ่งชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียว ยังต้องอิงอาศัยผู้อื่น ไม่มีเขาหรือจะมีเรา ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าอยากตื่นมาพร้อมกับรับบุญตั้งแต่เริ่มต้น ขอบคุณฟ้าที่ยังให้เรามีลมหายใจที่จะสู้ และทำสิ่งที่ถูกต้องและดีงามต่อไป เริ่มต้นด้วยบุญดีหรือไม่ (ดี)  ไม่ใช่เริ่มต้นวันนี้ฉันจะไปเอาอะไร วันนี้ฉันจะค้าขายอะไร วันนี้ฉันอยากได้อะไร เกิดมาเริ่มต้นด้วยกิเลสทั้งนั้นเลย ใช่ไหม (ใช่)  แล้วกิเลสนั้นเป็นทางมาของบาปและอกุศลทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นโลภโกรธหลง และสิ้นสุดของบาปนั้นก็คือความทุกข์ และการเวียนว่ายไม่จบสิ้น ถูกหรือไม่ (ถูก)
แต่หลายคนคิดว่า อาจารย์มันเป็นไปไม่ได้หรอกอยู่ในโลกแล้วไม่อยากอะไรเลย ขนาดกินยังต้องคิดก่อนเลยว่าอยากกินอะไร ใช่ไหม (ใช่)  ทำไมอาจารย์ถึงบอกว่าไม่อยากให้ศิษย์อยู่ด้วยความอยาก อยู่ด้วยการสร้างบาป เพราะว่าความอยากหนึ่งครั้งที่เกิดขึ้น ศิษย์เคยรู้ไหมว่าความคิดความรู้สึกอารมณ์เมื่อเกิดขึ้น ทุกข์เกิดตัวตนเกิดทับซ้อนในตัวเรานี้ แล้วก่อเกิดเป็นทุกข์ที่ไม่จบสิ้น เมื่อความคิดอารมณ์เกิดขึ้นมาทำให้มนุษย์ไม่สามารถรักษาความเป็นกลางได้ ไม่สามารถใช้สติปัญญาได้อย่างสมบูรณ์
อาจารย์เทียบง่ายๆ นะ เราเคยตื่นขึ้นมาแล้วอยากกินข้าวมันไก่ไหม (เคย)  แล้วเราว่าข้าวมันไก่ต้องกินเจ้าไหน แม่บอกเดี๋ยวทำให้กิน เราบอกไปไม่เอาแม่ไม่เอา อยากหนึ่งเริ่มสร้างทุกข์ เริ่มสร้างวิบากกรรม ใช่ไหม (ใช่)  เริ่มสร้างการเวียนว่ายไม่จบสิ้น กินแล้วอยากกินอีก เอาแล้วอยากเอาอีก เกิดตัวตนที่ยึดติดรสชาติ เกิดตัวตนที่ยึดติดในการสร้างกรรมเวร แต่ถ้าเกิดเราตื่นมามีอะไรก็กิน กินอย่างไม่เบียดเบียน กินอย่างไม่ผูกกรรม มันดีกว่าไหม (ดีกว่า)  ถ้าไม่เบียดเบียนไม่ผูกกรรมอย่างนั้นกินผักเยอะกว่าเนื้อสัตว์ดีไหม (ดี)  เอาไหม (เอา)
ตื่นมาตลอดชีวิตไม่เบียดเบียนสัตว์สามอย่างเอาไหม ยกมือขึ้น (เอา)  สัตว์ประเภทแรก บนฟ้าไม่กิน บนบกไม่กิน ในน้ำบนน้ำไม่กิน ถ้าสัตว์สามอย่างนี้ไม่กินศิษย์ก็ไม่ต้องกินเนื้อสัตว์แล้วใชไหม (ใช่)  ศิษย์รู้ไหมว่าบาป มาจากกิเลสและอารมณ์ถูกไหม (ถูก)  อารมณ์ก็มีโลภ โกรธ หลง ฉะนั้นศิษย์เริ่มต้นด้วยการทำบุญแล้วไม่สร้างบาปดีอย่างไร อาจารย์เทียบง่ายๆ เราอยู่ในโลกอยากมีครอบครัวร่มเย็นไหม อยากเป็นที่รักของคน ทำมาค้าขายอะไรไม่อยากได้คนคด  และเราอยากอยู่ในโลกพูดอะไรก็มีคนเชื่อถือไหม (อยาก)  เราอยากอยู่ในโลกไม่ว่าจะคิดจะทำอะไรหัวใสตลอด คิดได้ตลอดอยากเป็นอย่างนั้นไหม (อยาก)
อาจารย์ให้วันนี้เอาไหม (เอา)  ให้แล้วเอาไปทำนะ อยากอยู่ที่ไหนใครๆ ก็รัก นั่นคือ เมตตาจิต เจอใครไม่เข่นฆ่าด้วยกาย วาจา หรือทางสายตา ใครได้ดีไม่อิจฉา แม้ในจิตใจ รังเกียจขนาดไหนก็คิดว่า ถ้าอยากอยู่ที่ไหนไปไหนก็มีแต่คนรัก จงฝึกเมตตาจิต ไม่เบียดเบียนเขา ไม่เข่นฆ่าเขา เมตตาจิตยังทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพกายก็ดี สุขภาพจิตก็ดี อยากได้ครอบครัวอบอุ่นไหม (อยาก)  อย่าเป็นชู้ทางตา อย่าเป็นชู้ทางไลน์ อย่ามีกิ๊กทางเฟสบุ๊ค รับรองมีสามีเดียว ภรรยาเดียวจริงไหม (จริง)  อยากพูดอะไรใครก็ฟัง อยากพูดอะไรใครก็เชื่อถือ ก็ให้พูดคำไหนคำนั้น พูดได้ทำได้ ไม่ใช่พูดได้แต่ทำไม่ได้ใช่ไหม (ใช่)  อยากปัญญาดีก็เลิกเหล้า เลิกเบียร์ แล้วหมั่นเข้าหาคนที่เก่งกว่า คนที่ดีกว่า แล้วเราจะได้ปัญญาดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  
สิ่งที่อาจารย์พูดมันอยู่ในศีล ซึ่งถ้าเราทำได้ครบ แม้จะต้องกลับมาเกิดกี่ภพกี่ชาติ บุญนั้นมันก็จะตามติดเราไปทุกภพทุกชาติ ใครก็แย่งไม่ได้ ใครก็เอาของเราไปไม่ได้ ทำไมพุทธะถึงอยากให้เราทำดีไว้ ทำดีไว้ เพราะดีนี่แหละ มันจะติดตัวเราไป ใครก็แย่งไม่ได้ ใครก็มาเอาของเราไม่ได้ มันจะฝังอยู่ในนั้น ฝังอยู่ในจิตนั้นไม่เสื่อมคลาย สังขารยังร่วงโรยยังตาย แต่จิตไม่มีวันตาย ไม่มีวันดับสูญ มันจะเวียนวนไปตามที่เราสั่งสม สั่งสมดีก็ได้ดี สั่งสมบาปก็ได้ชั่วตกนรก ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นศิษย์เอ๋ย ไม่ทำหรือความดี ถ้าศิษย์ไม่ทำ ไม่เป็นไร
อาจารย์ก็ศิษย์ยังอยากกิน ยังอยากมีเงิน ยังอยากโลภอยู่ ชีวิตมันต้องพัฒนา มันต้องก้าวหน้า มันต้องใฝ่รู้ใช่ไหม แต่อาจารย์ก็ไม่ได้บอกว่าให้ศิษย์บำเพ็ญแล้วตาย นิ่ง ไม่เอาอะไรเลย ไม่รับผิดชอบอะไรเลย ไม่ใช่ แต่หมายความว่าอยู่ในโลก รับผิดชอบอย่างคนที่ไม่ให้กิเลสมันครอบงำได้ไหม ค้าขาย ซื่อตรง เก่าก็เก่า ใหม่ก็ใหม่ ถูกก็ว่าไปตามถูก แพงก็ว่าไปตามแพง นี่แหละขายของอย่างคนไม่โลภได้ไหม (ได้)  ขายก็ขาย  ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเรากำลังเอาสิ่งดีๆ ให้เขา ฉะนั้นถ้าชีวิตเราขายของ เรามีแต่เอาของดีๆ ให้เขา สร้างแต่เหตุปัจจัยที่ดี ส่วนที่จะทำให้เราต้องได้เรื่องไม่ดีมันอาจจะกำลังใช้กรรมเก่าก็ได้ แต่อนาคต ปัจจุบัน ฉันทำแต่ดีไว้ อะไรดีฉันให้คนหมด อะไรดีฉันให้เขา ฉะนั้นผลที่ตอบรับกลับมามันต้องดี ใช่ไหมศิษย์ (ใช่) 
ฉะนั้นอนาคตมันจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องไปพึ่งหมอดูหรอก เหมือนที่เขาพูดว่าอะไรนะ ตอนเด็กๆ เชื่อพ่อแม่ ตอนโตเชื่อเพื่อน ตอนเรียนสูงหน่อยเชื่อตำรา แต่พอเรียนถึงปริญญาโท ด็อกเตอร์ เชื่อหมอดูเหมือนอาจารย์พูดง่ายๆ อยู่ในบ้าน ใครห้ามก็ไม่ฟัง ฟังอย่างเดียว หมอดูช่วยดูหน่อยฉันเป็นคนอย่างไรถูกไหมศิษย์ (ถูก)  ถูกหรือ คิดให้ดีๆ นะศิษย์ อย่างนั้นเราดูต่อ อาจารย์ทำไมอาจารย์พูดอย่างนี้ เหล้ามันก็อยากกิน บุหรี่มันก็อยากสูบ เนื้อสัตว์มันก็ยังอร่อยอยู่ใช่ไหม แปลว่าจะกินใช่ไหม นักเรียนในชั้นคนหนึ่งตอบว่า (ไม่อร่อย กินเจอร่อย)  กินเจอร่อย ไหนยืนขึ้นสิ กินไหม (กิน) จะกินต่อไหม (กินต่อ)  ต่อจนลมหายใจสุดท้ายไหม (ยังไม่ถึง หมูไม่กิน ไก่ไม่กิน)  แล้ววัวและปลากินไหม (ไม่กิน)  ปลาดุกมันกินขี้ไก่ “อร่อย เนื้อหวาน พูดแล้วเปรี้ยวปากอาจารย์ จิ้มกับสะเดาอร่อยแท้เลย”ใช่ไหม แต่ขี้ไก่ทั้งนั้นเลยเอาไหม (ไม่เอา)  ทำได้แน่นะ ไปฝึกมานะศิษย์ ถ้าทำได้ก็ดีกับศิษย์เอง ปรบมือให้หน่อยนะ
อาจารย์โลภนิด โกรธหน่อย หลงหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”  ศิษย์รู้ไหม ถ้าเกิดเป็นคนโลภมาก หลักคุณธรรมความเป็นคนไม่มี เมตตาจิตในหัวใจไม่เหลือ วันๆ เอาแต่โลภอย่างเดียว รู้ไหมสิ้นสุดของคนที่โลภมากๆ แล้วหาคุณธรรมไม่เจอ คืออะไรรู้ไหม ไปเกิดภพภูมิของเปรต กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม ไม่เคยหยุดอยาก ไม่เคยหยุดพอ จริงไหม (จริง)  รู้ไหมว่าภพภูมิของคนที่เอาแต่โกรธ ไม่เคยลบล้างความโกรธตัวเองได้ ไม่เคยใจเย็น โทษของความโกรธที่น่ากลัวที่สุดคือเดรัจฉาน ถ้าเป็นทั้งโกรธด้วย กินเก่งด้วย กลายเป็นหมู ใช่ไหม เกิดมาอะไรไม่เคยกินหนูต้องกินก่อนอาจารย์ อะไรแปลกๆ หนูกินก่อน ผิดถูกไม่สน ขอกินก่อน”  ชาติหน้าเป็นหมูแน่ๆ ถูกไหม แล้วหลงคืออะไรรู้ไหม จริงๆ ก็คือเดรัจฉานเหมือนกัน แต่โกรธนี่จะตกนรก ฉะนั้นถ้าหลงก็ไม่ต่างอะไรกับภพภูมิเดรัจฉานเหมือนกัน แต่ศิษย์รู้ไหมว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ โลภ โกรธ หลง พระพุทธะสอนวิธีแก้อยู่สองอย่าง เอาง่ายก่อน หรือเอาอันยากก่อน (ยาก)  เอายากก่อนใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ว่าที่ยากอาจารย์ว่าง่าย ที่ง่ายอาจารย์ว่ายาก โดยส่วนใหญ่พระพุทธะสอนบอกว่า ถ้าอยากตัดโลภ โกรธ หลง ท่านบอกให้มี ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ทานเพื่อกำจัดความโลภ ให้มีศีลเพื่อระงับความหลง ให้สมาธิ ให้ปัญญา เพื่อระงับความหลง ความโกรธ ความโลภ ทำได้ไหม (ทำได้)  ง่ายไหม (ง่าย)  แต่ตัดได้ไหม ไม่เคยได้เลยอาจารย์”  วิธีอีกวิธีหนึ่งที่อาจารย์จะช่วยแก้นั่นก็คือ พระพุทธะสอนไว้ว่า ถ้าเข้าถึงหลักธรรมจะทำให้เราค้นพบธรรมและพ้นทุกข์ได้นั่นก็คือ ความไม่เที่ยงช่วยขจัดความโลภ ความทุกข์ช่วยขจัดความโกรธ ความว่างเปล่าช่วยขจัดความหลง ฉะนั้นถ้าเข้าถึงสภาวธรรมที่แท้จริง จิตจะสามารถตัดกิเลสได้โดยไม่ต้องพยายามระงับ ไม่ต้องข่ม อาจารย์มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ” 
อาจารย์เทียบง่ายๆ เอาเงินมาเยอะๆ โลภเยอะๆ ลาภเยอะๆ ถึงเวลารับไหวไหม ถ้าเงินมันหายไปในทันที รับไหวไหม (ไม่ไหว)  อยากเป็นคนมีรักเยอะๆ นั่นก็รัก นี่ก็รัก คนนี้ฉันก็รัก ดีไหม (ไม่ดี)  ดี แต่ถึงเวลาคนนี้ก็ไม่ได้ดั่งใจ คนนั้นก็ไม่เอาไหน คนนี้ก็เจ้าเล่ห์ฉ้อฉน ทุกข์ไหม (ทุกข์)  ฉะนั้นถ้าโลภเยอะๆ แล้วจะรับความไม่เที่ยงไม่ได้ ท่านจึงบอกว่าก็อย่าโลภเลย เพราะสิ่งที่เราโลภมามันไม่เคยแน่นอน จริงไหม (จริง)  อาจารย์ให้คาถาเด็ดคาถาหนึ่ง เอาไหม (เอา)  เวลาไปเจออะไรคาถาเด็ดนี้ใช้ได้ดีเลย ดีไหม (ดี)  จำไว้นะเวลาเจออะไรท่องเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนไม่แน่ไม่เที่ยงไม่จริงดูเหมือนจริงแต่จริงๆ ไม่เคยจริง ใช่ไหม (ใช่)  ดูเหมือนแน่แต่จริงๆ ไม่เคยแน่ ดูเหมือนเที่ยงแต่ไม่เคยเที่ยง ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นจำคาถาของอาจารย์ไว้ ไม่แน่ไม่จริงไม่เที่ยง เวลาเจอสามีไปมีใหม่ อ๋อว่าแล้ว วันนี้อยู่ดีๆ ลูกเกิดอุบัติเหตุ อ๋อว่าแล้ว ฉะนั้นถ้าไม่อยากรับความไม่เที่ยงอย่าโลภมาก เพราะโลภมากครอบครองมากยึดมากก็ไม่เที่ยง แล้วก็ต้องทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนคำกล่าวคำหนึ่งว่า มนุษย์ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ โกรธกันทำไม เกลียดกันทำไม ด่ากันทำไม ด่าแล้วเราทุกข์ไหม (ทุกข์)  เกลียดแล้วทุกข์ไหม (ทุกข์)  แช่งชักหักกระดูกแล้วเจ็บปวดไหม แล้วเขาทุกข์ไหม (ทุกข์)  เขาก็ทุกข์เราก็ทุกข์แล้วเราควรจะมีไหม (ไม่มี)  ในเมื่อเราต่างเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ แล้วจะเกลียดกันทำไม ในเมื่อเรามีทุกข์คนเดียวก็พอแล้ว จะเพิ่มทุกข์อีกทำไม ในเมื่อถึงที่สุดหลงมากแค่ไหนรักมากแค่ไหน ถึงเวลาถ้าเขาจากไปเราจะได้ทำใจว่า อ๋อ! อาจารย์บอกแล้ว มันไม่แน่มันไม่เที่ยงมันไม่มีอะไรจริงสักอย่าง รักแค่ไหนสวยแค่ไหนสักวันก็ต้องเหี่ยว หล่อขนาดไหนสักวันก็ต้องโรย ใช่ไหม (ใช่)  แล้วมีอะไรที่มันจริงสักอย่างละศิษย์ ฉะนั้นอยากดับทุกข์จงรู้จักเข้าถึงธรรมบ้างนะ สาธุ ได้ไหม (ได้)  อย่างนั้นอาจารย์กลับแล้วนะ ได้ไหม (ไม่ได้)  ได้สิก็อาจารย์บอกแล้วมันไม่เที่ยงไม่จริงไม่แน่ ฉะนั้นอาจารย์มาเดี๋ยวมันก็ไม่แน่ จำไว้นะศิษย์เอ๋ย
(พระอาจารย์เมตตาผู้ร่วมฟัง)
ศิษย์เอ๋ยเข้มแข็ง เคาะหัวแล้วจะได้ปัญญาดีใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์จงเข้มแข็งมุ่งมั่น อย่าย่อท้อ ไม่ว่าเจออุปสรรคใด จงเข้มแข็งอดทนไม่ย่อท้อ รักษาปณิธานที่มีมา ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา สบายดีไหมศิษย์ ที่อยู่ก็แค่สังขาร ใจต้องเข้มแข็งรู้ไหม ป่วยแค่กายใจอย่าป่วยนะ ถึงร่างกายอ่อนแอ แต่ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเข้าใจไหม ตั้งใจบำเพ็ญ อาจารย์อำนวยพรให้ ขอให้ศิษย์ของอาจารย์เข้มแข็ง รู้จักคิดรู้จักทำ ไม่ทำอะไรใช้อารมณ์ ไม่มัวแต่เล่นสนุก
อาจารย์ไม่ทิ้งศิษย์ ขอเพียงศิษย์มีจิตใจมุ่งมั่น บำเพ็ญไม่ย่อท้อ มีเวรมีกรรมก็ชดใช้ไป แต่ต่อไปรู้จักสร้างสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม ไม่เอาแต่ใจไม่เอาแต่อารมณ์ รู้จักควบคุมความคิดการกระทำของเราให้ถูกต้องนะ อาจารย์เป็นขวัญและกำลังใจให้ศิษย์ ยามทุกข์เรียกอาจารย์ได้ ยามสุขลืมอาจารย์ไม่ได้ เพราะถ้าอาจารย์ไม่ช่วยศิษย์ยามทุกข์ แล้วใครจะช่วยศิษย์ถูกไหม (ถูก)  แต่ขอให้ศิษย์ตั้งตนอยู่ในความถูกต้อง ไม่ว่าจะเจอทุกข์ขนาดไหน อาจารย์ก็จะช่วยให้ถึงที่สุด ตั้งตนให้ถูกต้อง ดำรงสติ ปัญญา ความคิดให้ดีงาม รู้จักควบคุมอารมณ์ไม่ว่าอะไรจะเกิด ก็แค่ยอมรับมันใช่ไหม เพราะเราเกิดมาชาตินี้เพื่อชดใช้กรรมให้จบสิ้น เราจะไม่สร้างกรรมต่ออีกแล้ว สิ่งที่เหลือคือสร้างบุญบารมีให้กับตัวเอง ให้ยิ่งใหญ่ ให้เกรียงไกรด้วยคุณธรรมจากหัวใจที่มีเมตตา ไม่ถือโกรธ รู้จักให้อภัย ดีไหมศิษย์ ทำให้ได้นะ หัวใจของฟ้า หัวใจของพระพุทธาจงมีอยู่ในศิษย์ของอาจารย์ทุกคน หัวใจที่อุทิศเสียสละ ไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวลำบาก เพื่อเวไนย อุทิศสละได้ เพื่อสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง เหนื่อยขนาดไหนก็ยอมทิ้ง เข้มแข็งนะศิษย์นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิด เราจะร่วมกันก้าวต่อไป เพื่อปณิธานของศิษย์เอง ปณิธานที่จะกลับคืนเบื้องบน ปณิธานที่จะนำพาเวไนยและตัวเราให้พ้นทุกข์ ความทุกข์ไม่น่ากลัวเท่ากับหัวใจที่ไม่สู้จริงไหม ความยากจนไม่ใช่เรื่องลำบากถ้าหัวใจเราไม่ท้อแท้ ความเจ็บป่วยยิ่งไม่น่ากลัว ความตายยิ่งไม่ใช่เรื่องเศร้า ถ้าศิษย์ทำดีแล้ว เจ็บป่วยแล้วกลับไปหาอาจารย์ นั่นก็น่าภูมิใจไม่ใช่หรือ (ใช่)  แต่ถ้ามีกายแล้วยังทำดีไม่ได้ อาจารย์ว่าอยู่ต่อแล้วทำให้ดีที่สุดแล้วค่อยกลับมาหาอาจารย์ดีไหม
บำเพ็ญอย่าท้อแท้กับร่างกาย อย่าเหนื่อยหน่ายต่อการมาศึกษาฟังธรรม ดูเหมือนไม่ได้อะไร แต่ศิษย์ก็ได้บ่มเพาะแสงแห่งปัญญาของพุทธะไปทีละนิดๆ  ดูเหมือนฟังไม่รู้เรื่องแต่ในจิตใจศิษย์ก็ได้บ่มเพาะแสงแห่งพระธรรมเข้าไปในหัวใจ ฉะนั้นอย่าดูถูกการเรียนรู้ อย่าดูถูกการใฝ่ศึกษา เพิ่มพูนปัญญาธรรมด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ได้หรือไม่ (ได้)  เป็นศิษย์อาจารย์กันแล้ว อาจารย์ไม่เคยทิ้งศิษย์ มีแต่ศิษย์นั่นแหละชอบหาเรื่องถูกไหม เข้มแข็งหรือยัง  อยู่ได้นะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รักษาจิตที่ดีงามไว้ คิดถึงศิษย์นะ คิดถึงจริงๆ ตั้งใจบำเพ็ญและพร้อมกลับไปให้ได้เข้มแข็งแล้วใช่ไหม อะไรจะเกิดก็ชั่งมันนะศิษย์เอย เขาทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นอย่าไปคาดหวัง มันจะได้ไม่ทุกข์ ดีใจที่ศิษย์ทำได้ อาจารย์ภูมิใจในตัวศิษย์ ทำให้ได้ต่อไปอย่าปล่อยชีวิตเรื่อยเปื่อย มุ่งมั่นดีแล้ว ดีให้ถึงที่สุดนะศิษย์เอ๋ย จะคิดพูดทำอะไรให้รอบคอบ เรื่องราวของลูกมันเป็นไปตามกรรมอาจารย์ช่วยเต็มที่แล้ว
วันนี้อาจารย์มาง่ายๆ สั้นๆ แค่นี้นะศิษย์ คิดถึงศิษย์จึงกลับมาหา และหวังให้ศิษย์เข้มแข็ง และก้าวเดินในการบำเพ็ญธรรมให้ถูกต้อง อย่างหลงผิด อย่าปล่อยอารมณ์ชั่ววูบ  ยังไม่ได้ไม่เป็นไร แต่อาจารย์หวังว่าศิษย์ยังมีสิ่งที่ดีกว่านั้น ศิษย์มีคุณค่ามากกว่าเหล้าบุหรี่ มากกว่าอบายมุข มากกว่าโลภ โกรธ หลง นั่นคือหัวใจอันงดงามเฉกเช่นพระพุทธะ มนุษย์ทุกคนมีใจแห่งฟ้า มีใจของพุทธะ แต่เราหลงลืมไป เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพียงเพราะนิสัยอารมณ์  ลองมองมันให้ข้ามแล้วศิษย์ก็จะรู้ว่าศิษย์ก็คือคนดีคนหนึ่ง ศิษย์ก็คือคนที่สามารถตั้งใจแล้วบำเพ็ญพ้นทุกข์ได้ อาจารย์ไม่ได้โม้ แต่อาจารย์พูดความจริง มนุษย์ทุกคนมีจิตใจแห่งฟ้า มีจิตใจที่ดีงาม มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ แต่เรามักจะดูเบาหัวใจอันนี้ของเรา และมองว่ามันไม่มีค่า มันไม่มีอะไร น่าเสียดายนะเกิดมาเป็นมนุษย์ โอกาสที่ดีงามที่สุดแม้เทวดา แม้พระพรหมยังอิจฉาเลย เพราะมีแต่มนุษย์เท่านั้นแหละที่สร้างบุญได้มากที่สุด แต่มนุษย์กลับดูถูกตัวเองไม่ทำบุญแต่ทำบาป ศิษย์ก็เห็นนะแล้วศิษย์ล่ะมีครบทุกอย่างแต่ไม่เลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง น่าเสียดายนะ อาจารย์พูดได้ คำเดียวว่าน่าเสียดาย คิดให้ดีนะ


พระโอวาทซ้อนพระโอวาท " ไฟแห่งศรัทธา " 

ทีละต้นเพาะบ่มข่มใจตน เกิดเป็นคนธรรมเป็นหลักประพฤติไว้
ชีวิตดีขึ้นมาจากการแก้ไข รู้ด้วยใจศรัทธาจากความกระจ่างจริง
จิตศรัทธาคงมั่นมาเข้าใจในธรรม มุ่งศึกษาก้าวไกลนำหน้าทุกสิ่ง
ทุกคำมั่นปณิธานนั้นต้องทำจริง คนจิตนิ่งไม่หลงทิศหลงงมงาย

พระโอวาทซ้อนพระโอวาท " พลัง " 
บ่มเพาะต้นธรรมขึ้นมา จากใจศรัทธามั่นคง
มาจากความเข้าใจนั้น ปณิธานมั่นก้าวไกล



อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา