วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

2558-06-13 สถานธรรมเต๋อฮว่า จ.สงขลา


西元二一五年歲次乙未四月二十八日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ สถานธรรมเต๋อฮว่า จ.สงขลา
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา

ท้องฟ้ากว้างใจคนกว้างไหมหนอ โลกกว้างพอแต่คนยืนไม่ไหว
รักสบายหลงเคยชินติดตามใจ โลกกว้างใหญ่แต่ใจรับไม่ไหวเอง
เราคือ
ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลกแฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์น้องทุกคนยินดีต้อนรับศิษย์พี่ไหม

ต่างคนต่างนิสัยการบ่มเพาะ อารมณ์เย็นสุขุมเหมาะได้ฝึกฝน
ใช้คุณธรรมมานำชีวิตตน ธรรมสู่ธรรมนำชนพ้นอบาย
คนล้างคนกลียุคทุกชีวิน คุณธรรมคุณงามสิ้นอวิชชาใหญ่
ทว่ามีข่าวดีในข่าวร้าย ต่างปัญญาบ่มเพาะไปปฏิบัติธรรม
โลกไม่เที่ยงชีวิตเปลี่ยนไม่สิ้น นำหนุนช้าเร็วผินสติค้ำ
อยากล่วงพ้นทุกข์สุขไม่ระกำ แจ้งทุกข์กรรมภายในความระไว
จะเนื่องกรรมด้วยตราบไร้สัจจะ ธรรมใดบาปเพียรละประมาทไม่
บำเพ็ญจิตกุศลหนุนอยู่ภายใน ต่างมีบุญตามระไวกิเลสอารมณ์
ในความต่างแต่อาจสามัคคีได้ แท้เท็จใดไปเป็นส่วนผสม
ฟ้าดินถึงมีต่างก็เกลียวกลม หนึ่งเดียวกันเป็นสังคมสร้างไมตรี
ฮิฮิหยุด
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
เรามาขัดจังหวะทุกท่านหรือเปล่า (ไม่ขัด)  ฟังธรรมะเมื่อยไหม (ไม่เมื่อย)  เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย)  เบื่อไหม (ไม่เบื่อ)  ถ้าไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ ไม่เมื่อย อย่างนั้นเรากลับไปฟังต่อนะ เรากลับเลยดีไหม (ไม่ดี)  เราก็เลยมาเปลี่ยนบรรยากาศ ดีไหม (ดี)  พึ่งเคยเห็นหน้าคนไม่เบื่อ ไม่เมื่อย ไม่เหนื่อย เป็นแบบนี้เอง ได้แค่นี้ใช่ไหม (ใช่)   
ท้องฟ้ากว้างใจคนกว้างไหมหนอ โลกกว้างพอแต่ใจคนยืนไม่ไหว
รักสบายหลงเคยชินติดตามใจ            โลกกว้างใหญ่แต่ใจรับไม่ไหวเอง
เป็นไหม ที่ก็มีตั้งเยอะแยะแต่บางทีให้จำใจอยู่ในสิ่งที่มันฝืนใจ ขามันสั่น ใจมันไม่ไหวแล้ว มีที่ยืนก็เหมือนยืนไม่ได้ แต่ถ้าใจมันไม่เอา ยืนตรงไหนมันก็ยืนไม่ได้ ใช่ไหม แล้วตอนนี้ใจเรากว้างพอไหม ถ้ากว้างพออะไรก็ต้องรับได้สิ ใช่ไหม แต่ทำไมล่ะ เพราะว่ามนุษย์บางทีใจกว้างๆ มันกลายเป็นคนใจแคบก็เพราะว่าติดนิสัย ติดความเคยชิน ติดอะไรชอบทำตามใจ พอวันนี้โดนขัดนิสัย โดนขัดใจ ยืนก็เลยไม่อยากจะยืน นั่งก็ไม่อยากจะนั่ง จริงไหม
คนบางคนบอกไปไหนก็เจอแต่ทุกข์ ไม่อยากไปไหนแล้ว ตายดีกว่าใช่ไหม (ไม่ใช่)  คนโน้นก็อย่างนั้น คนนั้นก็อย่างนี้ไม่รู้จะไปยืนตรงไหนระหว่างสองคน มีแต่คนอย่างนั้นมีแต่คนอย่างนี้ เพราะอะไร เพราะเขาเป็นปัญหาหรือเราเป็นปัญหา (เราเป็นปัญหา)  เพราะเราใจไม่กว้างพอรับความเป็นจริงของคนในโลก เราจึงรับไม่ได้ในความเป็นจริงของชีวิต ใช่หรือไม่ วันนี้อยากใจกว้างเหมือนฟ้าไหม (อยาก)  อยากเป็นคนใจหนักแน่นเหมือนแผ่นดินไหม (อยาก)  ถ้าอยากใจกว้างเหมือนฟ้าได้ สำคัญต้องตัดนิสัย ตัดความเคยชิน ตัดการตามใจ แล้วเราจะเป็นคนใจกว้างที่สุด จริงไหม (จริง)  แต่เพราะมีนิสัย มีอารมณ์ มีความเคยชิน เราเลยกลายเป็นคนอันโน้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอา อันโน้นก็ไม่ชอบ ไม่เอาๆๆๆ เราเลยเหมือนคนที่ไปยืนตรงไหนมันก็ไม่มีความสุข เพราะใจของเราเป็นปัญหา แต่ถ้าอะไรเราก็สู้ อะไรเราก็ไหว อะไรเราก็ใจเย็น อยู่ที่ไหนลำบากไหม (ไม่ลำบาก)  อยู่ที่ไหนต้องอดทนไหม (ไม่ต้องอดทน) ต้องใช้อดทนไหม (ไม่ต้อง)  
ฉะนั้นอยากใจกว้างเหมือนฟ้า สิ่งสำคัญต้องยอมตัดนิสัยความเคยชิน และการตามใจตัวเองบ้าง ถ้าไม่ตัดเลย ไปอยู่ที่ไหนก็ลำบาก ไปอยู่ที่ไหนก็ไปว่าคนอื่นเขาใจแคบ คนอื่นใจแคบหรือเราใจไม่กว้างพอจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นอยากอยู่ตรงนี้แล้วมีความสุข ตัดการตามใจ ตัดอารมณ์นิสัย หรือวางมันลงบ้างดีไหม (ดี)  แล้วจะได้เป็นคนที่ใจกว้าง อะไรผ่านมาก็รับได้ อะไรเกิดขึ้นก็สู้ไหว ใช่ไหม (ใช่)
โลกกลมๆ ใบนี้มีเรื่องราวต่างๆ มากมาย แล้วเราจะทำอย่างไรที่เราจะเรียนรู้และรับไหวได้ วันนี้มาฟังธรรมเพื่อสบายใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ทำไมยิ่งฟังยิ่งทุกข์ใจ ทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  ไหนใครยกมือแล้วก็กล้าพูดตามความจริง ไม่โกหกว่ามานั่งแล้วไม่รู้สึกทุกข์ใจ ไม่ตัดพ้อ ไม่บ่นเลย ไม่แอบบ่นสักนิด สักหนึ่งคำก็ไม่หลุดออกมาจากปากเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  มาคุยกันแล้วมารู้จักกันหน่อยได้ไหม หรือจะคุยกันก่อนแล้วค่อยมารู้จักกัน (มารู้จักกันก่อน)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจ้งพระนาม นักเรียนในชั้นกล่าวต้อนรับและขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา)
ยินดีต้อนรับศิษย์พี่ไหม (ยินดี)  รู้จักกันแล้ว มาปรับความคิดให้ตรงกันก่อน โดยส่วนใหญ่ คนมาฟังธรรมเพื่อพ้นทุกข์ เพื่อหลุดพ้น ยากไหม (ยาก)  บางคนบอกว่ามันยาก แค่จะให้ฟังแล้วให้พ้นทุกข์เลย แล้วยังไม่ทันจะพ้นทุกข์ต้องไปช่วยคนต่ออีก  ยิ่งยากใหญ่ ใช่ไหม (ใช่)   โดยส่วนใหญ่ แต่ละคนจะมีนิสัย มีความเคยชินใช่ไหม แล้วอย่างนี้จะไปบำเพ็ญอะไรได้ นิสัยก็ยังไม่ค่อยดี ธรรมะก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง เป็นคนดีก็สามวันดีสี่วันไข้ ใช่ไหม ฟังธรรมไปก็แค่นั้นเดียวก็กลับมาเหมือนเดิม ถูกไหม (ถูก)
อย่างนั้นศิษย์พี่ปรับให้ง่ายหน่อย วันนี้มาฟังธรรมไม่ใช่ต้องให้พ้นทุกข์เข้านิพพานเลย แต่มาฟังธรรมเพื่อเรียนรู้เข้าใจความทุกข์ ที่เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตให้เป็น เข้าใจความทุกข์แล้วอยู่กับความทุกข์ให้ได้ ยากไหม (ยาก)  ยากหรือ (ไม่ยาก)  ยังไม่ต้องพ้นก็ได้เอาแค่ว่ารู้จักทุกข์ก่อน แล้วจึงเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ให้เป็นแล้วก็รับมือให้ไหว ยากไหม (ไม่ยาก)  อย่างน้อยวันนี้มาฟังธรรมให้รู้ว่าทุกข์คืออะไรก่อน เมื่อรู้ว่าทุกข์คืออะไรแล้วก็รับทุกข์ให้ได้ แล้วจึงอยู่กับทุกข์ให้ไหว ง่ายไหม (ง่าย)  แต่ศิษย์น้องหลายคนก็อาจจะบอกศิษย์พี่ว่าศิษย์น้องยังดีไม่พอหรอก จะพ้นทุกข์เป็นเรื่องยาก ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นศิษย์พี่ถามหน่อย ถ้าศิษย์น้องบอกว่าศิษย์น้องยังไม่ดีพอ ใครเลวร้ายเท่าองคุลิมาลบ้าง (ไม่มี)  มีไหมชั้นนี้ (ไม่มี)  ค่อยยังชั่ว แล้วองคุลิมาลฆ่าคนมาเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคน ท่านยังสำเร็จได้ใช่ไหม
แล้วศิษย์น้องเลว ศิษย์น้องร้ายเท่าท่านไหม อย่างนั้นกลัวอะไรกับการเข้าถึงธรรมะล่ะ ใช่ไหม แต่ศิษย์น้องก็ยังบอกว่า ศิษย์พี่มันยากนะ อยู่ในโลกนะ คนมันสุดๆ เลย คนมันชั่วจริงๆ คนมันเลวจริงๆ จะให้ไปเป็นคนดีช่วยคนน่ะ ก็คนมันเลวนะช่วยไม่ได้หรอก ศิษย์พี่ถามหน่อย พระพุทธองค์อยู่กับพระเทวทัต แล้วพระเทวทัตคือคนที่อยากฆ่าพระพุทธองค์ใช่ไหม (ใช่)  แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าเขาอยากจะฆ่าท่าน (รู้)  แล้วทำไมท่านถึงยอมให้เขาบวชเป็นพระ แล้วทำไมถึงยอมให้เขาอยู่ใน (พระพุทธศาสนา)  เพราะอะไร เพราะฉะนั้นศิษย์น้องอย่ามาอ้างกับศิษย์พี่ว่าดีไม่ได้หรอก ทำดียาก อย่างนั้นลองดูสิ พระพุทธองค์อยู่กับพระเทวทัตทั้งที่รู้ว่าเขาจะฆ่าพระพุทธองค์ ทำไมพระพุทธองค์ถึงให้อยู่ ให้บวชเป็นพระ แล้วทำไมพระพุทธองค์ถึงสามารถผ่านสิ่งนั้นไปได้ ศิษย์น้องก็จะบอกว่านั่นพระพุทธองค์ แต่นี่มันปุถุชน ใช่ไหม (ใช่)  ที่ศิษย์พี่ยกตัวอย่างให้ดูก็คือพระพุทธองค์เจอสิ่งที่ยากเกิน แต่พระองค์ยังผ่านได้ แต่ศิษย์น้องยังไม่เจอยากขนาดนั้น ศิษย์น้องยังไม่เอา พอบอกให้มาฟังธรรม ไม่เอา พอบอกให้มานั่งลำบากหน่อย ไม่เอา
ทำไมศิษย์พี่บอกอย่างนี้ เพราะศิษย์พี่อยากให้รู้ว่าแม้แต่องคุลิมาล หรือแม้แต่คนที่เลวร้ายอย่างพระเทวทัต พระพุทธะก็ยังพยายามที่จะปรกโปรด ฉะนั้นแม้แต่ศิษย์น้องตัวดำๆ จะดีขนาดไหน จะเลวถึงขนาดไหน พระพุทธะก็ต้องช่วย เพราะคิดว่าการเข้าถึงธรรม แม้สักนิดหนึ่ง หรือแม้เมล็ดพันธุ์สักนิดหนึ่ง เผื่อจะเป็นหน่อเนื้อที่ทำให้ศิษย์น้องวันใดวันหนึ่งรู้ตื่นและนำพาธรรมนั้นมาทำให้ตัวเองพ้นทุกข์ เพราะพระเทวทัต พระพุทธเจ้าหยั่งเห็นว่าแม้จะเป็นคนที่ร้ายที่สุด แต่เมื่อท่านรับกรรมจนถึงที่สุด บุญของการมาบวชจะทำให้ท่านได้มาเกิดเป็นคน แล้วสำเร็จเป็นปัจเจกพุทธเจ้า เหมือนกันฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น เมื่อไหร่ที่ศิษย์น้องรู้จักปลูกความดีงามในจิตใจให้มันฟื้นและตื่นขึ้นมาเป็นพุทธะแท้จริง นั่งไหม (นั่ง)
บางทีที่เราใจแคบเป็นเพราะอะไร เพราะยอมไม่ได้ วางไม่ลง หรือเห็นแก่ตัวจนเกินไป หรือเข้าข้างตัวเองจนหน้ามืดตาบอด ฉะนั้นถ้าอยากใจกว้างไม่ยากหรอก วางอารมณ์ วางความเคยชิน วางการตามใจได้หรือเปล่า ถูกหรือไม่ (ถูก)  เวลาเราเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก เราสร้างบุญกับเขา ช่วยเหลือเขา ทำดีกับเขา ถูกไหม (ถูก)  แล้วเวลาศิษย์น้องทุกข์ทำอย่างไร (ให้ศิษย์พี่ช่วย)  ให้ศิษย์พี่ช่วยหรือ ถ้าหากว่าช่วยศิษย์น้องได้เปราะหนึ่ง แล้วศิษย์น้องต้องกลับมาเกาะศิษย์พี่อีกครั้งหนึ่ง แล้วศิษย์พี่ก็ต้องไปช่วยศิษย์น้องใหม่อีกเปราะหนึ่ง ศิษย์น้องก็เกาะศิษย์พี่ใหม่อีกครั้งหนึ่ง เลี้ยงลูกแบบไม่ให้พึ่งลำแข้งตัวเอง เขาเรียกกันว่าพ่อแม่รังแกฉัน หรือเปล่า ถ้าเช่นนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ
ศิษย์พี่ถามคนที่ใจเป็นกลาง ถ้าหากเป็นเช่นเมื่อสักครู่นี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ควรให้เขายืนด้วยลำแข้งตนเอง หรือมายืนด้วยลำแข้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ยืนด้วยลำแข้งตัวเอง)  แล้วเวลาเจอหน้าสิ่งศักดิ์สิทธ์ขอๆๆ แม่นๆๆ อย่างนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถูกไหม ถ้าหากขอได้แล้ว ต่อไปหากต้องการความช่วยเหลือ ช่วยเหลือแล้วได้หนึ่งเปราะ แล้วอยากมาเอาอีกไหม (อยากมาเอาอีก)  ขอให้แข็งแรง พอแข็งแรงแล้ว ป่วยกลับมาอีก แล้วก็ขอใหม่ ขอให้แข็งแรง แล้วเมื่อไรจะยืนได้ด้วยตัวเอง ถูกไหม ขอให้ลูกสอบเข้าได้ แล้วพอลูกสอบเข้าได้ ทำอย่างไรต่อ ก็ขอให้ลูกได้มีงานทำ มีพ่อแม่ที่ไหนให้ลูกโตแล้วต้องมาเกาะพ่อแม่ต่อ  มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน  ให้คนแล้ววอนขอไม่จบ  ไม่สิ้น จริงไหม ไม่ใช่พุทธะสอนหรือ ที่ให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ท่องไปทำไม พอถึงเวลา ตนขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถูกไหม (ไม่ถูก)  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง ถ้าหากว่าท่านจะช่วย ท่านต้องช่วยให้เขายืนได้ด้วยตัวเอง และยอมรับความเป็นจริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าหากวันนี้ศิษย์น้องมาฟังธรรมะ ศิษย์น้องต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องอย่างหนึ่งคือ ธรรมไม่ได้สอนให้คนหลง แต่คนมักจะหลงกับการปฏิบัติธรรม ธรรมไม่ได้สอนให้คนยึด แต่คนนั้นมักจะยึดจนปล่อยไม่ลง วางไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ธรรมไม่ได้สอนให้คนรักสุข แต่เกลียดทุกข์ รักดีเกลียดคนไม่ดี แต่ธรรมสอนให้เรามองเห็นความเป็นจริง และยอมรับทุกสิ่งว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง แต่มนุษย์เป็นอย่างไร รักสุขเกลียดทุกข์ ชอบคนดีเกลียดคนไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามหน่อยนะตัวเองดีแล้วยัง เกลียดเขาแต่ทำไมไม่เกลียดตัวเองบ้าง ด่าเขาทำไมไม่ด่าตัวเองบ้าง แช่งชักหักกระดูกว่าเขา ทำไมไม่แช่งชักตัวเองบ้าง เวลาเขาทำไม่ดีหน่อยเป็นอย่างไร ตัวเองเวลาไม่ดีด่าไหม (ไม่ด่า)  อภัย ถูกไหม (ถูก)  ถูกหรือไม่ (ไม่ถูก)  ใช่หรือเปล่า (ไม่ใช่)  แต่เราเป็นไหม (เป็น)  ฉะนั้นต้องเข้าใจให้ถูก ธรรมไม่ได้ลวงให้คนหลง แต่คนมักจะหลงกับการปฏิบัติธรรม ธรรมไม่สอนให้คนมายึด แต่ธรรมสอนบอกว่าใดๆ ในโลกล้วนไม่เที่ยง อย่าไปยึดถือถูกไหม (ถูก)  และธรรมไม่ได้สอนว่าให้รักดีแต่เกลียดชั่ว รักสุขเกลียดทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  แต่เราปฏิบัติผิดทางทั้งหมดเลย เกลียดทุกข์ชอบสุข เกลียดคนเลวรักคนดี
เวลาคนอื่นเจอทุกข์ เรารู้วิธีช่วยใช่ไหม แต่เวลาตัวเองทุกข์ เรากลับช่วยตัวเองไม่รอด อย่างนั้นเราจะทำอย่างไร ท่านตอบว่าตัดความอยากของตัวเอง แต่ว่าความอยากของศิษย์น้องทำให้ศิษย์น้องทุกข์ใช่ไหม อย่างแรกคือตัดความอยากตัดกิเลส ต้นเหตุอะไรก็แก้ที่ต้นเหตุนั้นถูกไหม (ถูก)  ทำไมเวลาทุกข์ถึงไปทำบุญแต่ไม่เห็นตัดกิเลสเลย เวลาคนอื่นทุกข์เรารู้จักสร้างบุญ สงเคราะห์ ให้ทาน แต่เวลาถึงตัวเองทุกข์ขึ้นมาทำไมเราไม่สร้างบุญกับตัวเองล่ะ เคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่ สร้างบุญให้กับตัวเอง วิธีทำง่ายๆ ที่มนุษย์มักจะพูดกันก็คือ ละบาป บำเพ็ญบุญ แต่มนุษย์เอาแต่เลือกทำบุญแต่ไม่เคยละบาป ถูกหรือไม่
ฉะนั้นถ้าศิษย์น้องเจอความทุกข์กับตัวเอง จำไว้นะ วิธีแก้ก็คือละบาป เพราะบาปเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์และความเศร้าหมองในจิตใจ และบาปตัวนั้นก็คือกิเลส ความโลภ ความเห็นแก่ตน ความปล่อยไม่ได้ แพ้ไม่เป็น เสียไม่ได้ ใช่ไหม ก็เลยทำให้เราเป็นทุกข์ถูกไหม แต่ถ้าเรายอมรับความจริง แพ้เป็น เสียได้ วางลง จะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  แต่บางทีถึงเวลารู้ก็ยังทำไม่ทันสักที ใช่หรือไม่ (ทุกอย่างที่ศิษย์พี่เมตตามาจะต้องฝืนทำทุกอย่างเลยหรือ)  ไม่ใช่ฝืนศิษย์น้อง แค่เรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่เป็นโดยที่ไม่ตกเป็นทาสของมัน เข้าใจไหม ศิษย์พี่ถามง่ายๆ เวลาความอยากมา ศิษย์น้องเดินตามความอยากหรือมีสติแล้วคิดได้ เสื้อมันก็เต็มตู้แล้ว เงินมันก็พอมีแล้วนะ หยุดบ้างได้ไหม ไม่มีเลย พออยากมาก็วิ่ง พอโกรธมาก็ด่า พอเกลียดมาก็แช่ง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์พี่ไม่ได้ให้ฝืน แต่ให้เรียกว่ามีสติก่อนจะไปตามอารมณ์ มีสติยั้งคิดก่อนที่จะตามกิเลสความเคยชิน ไม่ใช่ว่าไม่ให้ฝืน แต่ให้เรียนรู้ไปทีละขั้น เรียนรู้ที่จะอยู่
เหมือนกับเมื่อสักครู่ที่ศิษย์พี่บอกศิษย์น้อง ถ้าหากว่าใจเรากว้าง ใจเราไม่มีขอบเขต แบบนี้ชอบแบบนี้ชัง แล้วจะมีใครที่แย่ไหม (ไม่มี)  แต่ใจของมนุษย์นั้นมีกรอบ มีความยึดมั่น เธอจะดีเธอต้องพูดแบบนี้ เธอจะไม่ดีเพราะเธอพูดแบบนี้ แต่ถ้าหากว่าใจของเราไม่มีกรอบ ใจของเราไม่มีความชอบธรรม เขาจะมาแบบไหน เราจะบอกได้ไหมว่า แบบนี้แย่ แบบนี้ดี ไม่มีหรอกนะ แต่ใจของมนุษย์มีกรอบ มีความเคยชิน มีความชอบ มีความชัง ก็เลยบอกออกมาว่า แบบนี้คือชอบ แบบนี้ไม่ชอบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าหากว่าเราปล่อยวางได้ ใครล่ะจะมีโลกแห่งความเกลียด คิดให้ดีๆ จริงไหม
ถ้าหากว่าใจของมนุษย์มักจะชอบมีแบบนี้ แบบนั้น พอใครไม่ตรงกับแบบที่ชอบก็ไม่ดี พอใครไม่ตรงกับแบบที่มีก็ไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แก้ไขได้ไหม อยู่ที่เรียกว่าถ้าเข้าใจแล้วมันไม่มีใครที่น่าโกรธ ต้องเปิดที่ใจตนเอง ต้องถามที่ใจตนเองว่าใจเราเปิดกว้างไหม เหมือนเวลาเราเห็นเด็กร้องไห้ โดยส่วนใหญ่เรารำคาญไหม (รำคาญ)  แต่ทำไมเวลาเป็นลูกเรา เรารำคาญไหม (ไม่รำคาญ)  ถ้าเป็นลูกเรา เราไม่รำคาญ แต่ถ้าเป็นเด็กข้างบ้าน เมื่อไหร่จะเงียบสักที ถ้าเป็นลูกเรา โอ๋ๆๆ (เลี้ยงเห็นแก่ตัว)  ไม่ใช่เลี้ยงเห็นแก่ตัวหรอก แต่เพราะความรักทำให้เราลำเอียง ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าตาเราเอียงทุกสิ่งทุกอย่างมองมันก็ (เอียง)  ถ้าหูเราหนวกเวลาใครพูดดังๆ ยังไงก็ (ไม่ได้ยิน)  ในทางเดียวกันถ้าใจเรามันมืดบอดเวลามองอะไรมันก็มองได้ (ด้านเดียว)  ถ้าใจเรามีข้อจำกัดเวลามองอะไรมันก็จำกัด ถูกไหม (ถูก)  ถ้าใจเรากว้างเวลามองอะไรมันก็มองได้ (กว้าง)  จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นตอนนี้ศิษย์น้องใจบอดหรือใจกว้าง (กว้าง)  ถ้าเราใจกว้างไม่มีใครหรอกที่ยากเกินแก่ความเข้าใจ แต่เพราะใจของมนุษย์นั้นยังไม่กว้างพอ จริงไหม (จริง)  สมมติว่าศิษย์พี่มีดอกไม้เหม็น เหี่ยวๆ เฉาๆ อยู่ดอกหนึ่ง ให้ศิษย์น้อง เอาไหม มันใกล้จะเน่าแล้วเอาไหม (ไม่เอา)  ถ้าศิษย์พี่มีแอปเปิลอยู่ลูกหนึ่งมีหนอนชอนไชแล้วเอาไหม (ไม่เอา)  อย่างนั้นถ้าศิษย์พี่มีผ้าอยู่ผืนหนึ่ง ไปเช็ดสิ่งสกปรกมาแล้ว เอาไหม (ไม่เอา)  ถ้าศิษย์พี่บอกว่าแอบไปเช็ดอุจจาระ ปัสสาวะมา เอาไหม (ไม่เอา)  ถ้าติดโรคด้วยเอาไหม (ไม่เอา)  โดยส่วนใหญ่ไม่เอา ศิษย์พี่มีเรื่องเลวร้ายจะมาให้ศิษย์น้องเอาไป เอาไหม (ไม่เอา)  ดอกไม้เน่าๆ ผลไม้เน่าๆ ผ้าเน่าๆ เอาไหม (ไม่เอา)  แล้วทำไมในใจของศิษย์น้องถึงเก็บแต่สิ่งเน่าๆ เหม็นๆ เรื่องเก่าชอบเอามาเล่าใหม่ เรื่องของไม่ดีของคนอื่นชอบเอามาพูดแล้วพูดอีก ถูกไหม (ถูก)  เมื่อสักครู่ศิษย์พี่ถามว่าดอกไม้เน่าๆ เอาไหม (ไม่เอา)  แอปเปิลเน่าๆ เอาไหม (ไม่เอา)  ผ้าเน่าๆ เอาไหม (ไม่เอา)  แล้วเรื่องไม่ดีของคนอื่นเน่าๆ เก็บไว้ทำไมในใจ พอเก็บเสร็จแล้วก็มองเขาอย่างลำเอียง ฉะนั้นควรจะเก็บไว้ไหม (ไม่ควร)  เพราะเวลาเรารู้เรื่องเน่าๆ ของคนอื่นแล้วเราจะมองเขาดีขึ้นไหม (ไม่ดี)  ก็ไม่ดีขึ้นแล้วทำไมจึงเก็บไว้ เน่าไหม (เน่า)  เหม็นไหม (เหม็น)  เก็บไหม (เก็บ)  ถูกหรือไม่ (ถูก)  ถ้าอย่างนั้นเราควรทำอย่างไร ก็บางทีคนเป็นแบบนี้ใช่ไหม (ใช่)  
ศิษย์น้องเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม คนที่รู้จักมีสุขอยู่ที่ไหนก็ทำให้คนอื่นมีสุข คนที่มีแต่ทุกข์อยู่ที่ไหนก็ทำให้คนยากจะมีสุข ถูกหรือเปล่า (ถูก)  ฉะนั้นถ้าในจิตใจของศิษย์น้องเก็บแต่สิ่งเน่าๆ แล้วจะอยู่ที่ไหนกับใคร จะไม่ปล่อยความเน่าออกมาไหม ปล่อยไหม (ปล่อย)  มันก็ต้องปล่อย ฉะนั้นทำไมไม่ทำแบบนี้ ศิษย์น้องเคยได้ยินไหม ถ้ามองเห็นใครมีดีมีค่า ทุกๆ คน ก็มีค่าควรแก่การมอง แต่ถ้ามองเห็นใครไร้ค่าไม่มีดี ทุกคนในโลกนี้ก็ไม่มีดีไม่มีค่าควรแก่การมองและอยู่ด้วย ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อสักครู่ศิษย์พี่ถามว่าแอปเปิลเน่าเอาไหม (ไม่เอา)  ดอกไม้เน่าเอาไหม (ไม่เอา)  คนเน่าๆ เอาไหม (ไม่เอา)  แต่ทำไมเราชอบเก็บไว้ในใจถูกไหม (ถูก)  คนที่มีสุขแม้สิ่งรอบข้างจะเป็นทุกข์ เขาก็แปรเปลี่ยนให้เป็นสุขได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)ฉะนั้นแปลว่าทุกข์ มาแล้วเรายังแปรให้เป็นศูนย์ แปรให้มันเป็นความดี ยังไม่เป็นใช่หรือไม่ มันก็เลยยังเน่าอยู่ในใจใช่ไหม แสดงว่าปัญหาทุกคนเกิดแล้วไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนเวลาเราอารมณ์ดี โดนด่าก็ยิ้มได้ แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีโดนด่ายิ้มออกไหม (ไม่ออก)  ขนาดชมก็ยังยิ้มไม่ออกเลยจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นถึงมันจะเป็นของเน่าแต่ถ้าหากอยู่กับคนที่รู้จักพลิกใจเป็น  ควบคุมใจได้  ของเน่าก็จะกลายเป็นของมีประโยชน์    ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วเราจะปล่อยให้มันเน่าหรือทำให้มันเกิดประโยชน์ (เกิดประโยชน์)  จริงหรือ ด้วยการเอามานินทาใหม่ ด้วยการเอามาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ถูกหรือไม่ (ไม่ถูก)
ถ้าศิษย์น้องเป็นใจที่ไม่ยึดติด มันก็ไม่มีเลวร้าย มันก็ไม่มีดีชัง
 แต่เป็นเพราะเรายังอดยึดติดแบ่งแยกไม่ได้ ยังมีที่ชอบที่ชัง พอมีที่ชอบมีที่ชังเราก็เลยต้องรับมือต่อ ถูกไหม (ถูก)  ในแอปเปิลเดียวกัน ศิษย์พี่ให้เน่าๆ เอาไหม ไม่เอา แต่ถ้าศิษย์พี่ ให้เน่าพร้อมกับเอาดีไปด้วยเอาไหม (เอา)  ถ้าเรื่องดีๆ มันมีเรื่องร้ายๆ ด้วย เอาไหม (เอา)  ศิษย์พี่ถามต่อนะ ในหนึ่งร้อยมันมีดีแค่หนึ่งเดียวนอกนั้นร้ายหมด เอาไหม (เอา)  
อย่างนั้นถามใหม่นะ ถามว่าในแอปเปิลเน่าให้เอาไหม ไม่เอา แต่ในเน่าให้ดีแถมไปด้วยเอาไหม (เอา)  ฝ่ายชายบอกไม่เอา ฝ่ายหญิงเอาไหม (เอา)  ถามใหม่ไหนใครเอายกมือขึ้น เอามือลง ไหนใครไม่เอายกมือขึ้น ที่บอกไม่เอาแปลว่าอะไรมันไม่ดี ไม่อยากได้เลยใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นที่นิสัยไม่ดีทำไมยังเลิกไม่ได้สักที รู้ว่ากินเหล้าไม่ดีทำไมยังไม่เลิกกิน รู้ว่าเล่นอบายมุขมันไม่ดีทำไมยังไม่เลิกเล่นสักที เพราะอะไรมนุษย์เรามีสิทธิ์เลือกได้แต่เราไม่เคยเลือก ปล่อยตัวเองตามใจตลอด ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าหากสามีในหนึ่งร้อยมีดีแค่หนึ่งก็ต้องรับให้ได้ ก็ในเมื่อบอกแล้วว่าแอปเปิลเน่า แอปเปิลดีรับได้ แล้วถ้าสามี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ทำงานเป็นคนขยันขันแข็ง แต่เสียอย่างเดียวมีกิ๊ก รับได้ไหม (ไม่ได้)  เหมือนกันภรรยาดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียว มีชู้ ในทางกลับกันถ้าหากเป็นลูกล่ะ เสียไปเก้าสิบเก้าอย่าง แต่มีดีอย่างเดียวคือเป็นลูกของเรา รับได้ไหม (รับได้)  แล้วทำไมกับคนอื่นเสียแค่หนึ่งมีดีตั้งเยอะ แต่เรามัวแต่มองหนึ่งจนรับไม่ได้ เพราะเราลำเอียง เพราะใจเราแบ่งแยกไม่กว้างพอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นถ้าหากมนุษย์เข้าถึงความเป็นจริง เราจะไม่เปรียบเทียบ เราจะไม่ยึดติดแล้วทำให้เราต้องทุกข์ใจ แต่จะมองตามความเป็นจริงว่าอะไรเกิด อันนั้นก็ดีแล้ว ถูกไหม จำไว้นะ มีดีตั้งเก้าสิบเก้าแต่เสียแค่หนึ่งรับไหวไหม ไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะเลือกมาแล้ว เพราะมันคือความจริง การทำงานก็เหมือนกัน ลูก ภรรยา เพื่อนร่วมงานก็เหมือนกัน อะไรก็ดีหมด แต่เสียอย่างเดียว ปากเสีย แล้วเราจะเกลียดเขาทำไม เกลียดแล้วได้อะไร แค่เราไม่ยึดติด แค่เราไม่เปรียบเทียบ ให้ยอมรับว่าในหนึ่งร้อยมีดีตั้งหนึ่งก็น่าดีใจแล้ว ดีกว่าในหนึ่งร้อยหาดีไม่ได้เลย ถูกหรือไม่
ฉะนั้นจำไว้นะ ถ้าใครคิดว่า แอปเปิลเน่า กับ แอปเปิลเสีย กล้ารับ ชีวิตถ้าเจอเข้มแข็งแล้วต้องเจ็บปวดก็ต้องรับได้ เจอทุกข์ก็ต้องเจอสุข เจอสุขก็ต้องมีทุกข์ เจอขมก็ต้องมีหวาน แล้วจะเกลียดเขาไปทำไม ได้แล้วมันก็ต้องเสีย สมหวังก็ต้องผิดหวัง ถูกไหม กล้ารับแอปเปิลลูกเน่า ลูกเสีย ก็ต้องกล้ารับความจริง เพราะธรรมะสอนให้เราไม่หลงกับการปฏิบัติ แต่ให้เรามองตามความเป็นจริง เมื่อเรามองตามเป็นจริง โลภ โกรธ หลง ดี ร้าย ได้ เสีย ทุกข์ สุข จะทำอะไรใจของท่านได้ แล้วศิษย์น้องจะอยู่กับโลกใบนี้ที่จะพลิกซ้ายพลิกขวาก็เข้าใจ ก็เพราะเป็นความจริง แล้วศิษย์น้องก็จะไม่อยาก ไม่เกลียด ไม่โกรธ เพราะในสิ่งที่ดีมันมีสิ่งที่ร้าย ในสิ่งที่ร้ายมีสิ่งที่ดี แล้วอะไรคือสิ่งที่เราต้องรักปักใจ ต้องเกลียดต้องแช่งชักหักกระดูก คนที่ฉลาดแม้เน่าก็ทำให้ก่อเกิดในทางที่ดี เหมือนพระพุทธะสิ่งที่เรียกว่าทุกข์ทำไมท่านจึงนำมาทำให้ท่านพ้นทุกข์แล้วเป็นพุทธะล่ะ สิ่งที่มนุษย์เฝ้ารังเกียจความทุกข์ ความล้มเหลว ความผิดหวัง มนุษย์เกลียดหมด แต่รู้ไหมว่าสิ่งเหล่านี้ที่มนุษย์เกลียด พระพุทธะกลับสามารถนำมาทำให้ท่านพ้นทุกข์ พ้นเวียนว่ายตายเกิด แล้วทำไมเราต้องไปกลัว กับสิ่งเน่าๆ ในโลก เหมือนดังคำว่าถ้าใจเราสำรวมดีแล้ว ใจเราปฏิบัติถูกต้องดีแล้ว ใจเราจริงแท้แน่แล้วอะไรจะทำให้เราเลวร้ายได้ ใช่ไหม กลัวแต่ใจเราไม่ดีจริงเท่านั้นเองใช่หรือเปล่า
อย่างนั้นแอปเปิลเน่าๆ  เอาไหม คนไม่ดีรับไหวไหม (รับไหว)  ใครด่าเรา โกรธไหม (ไม่โกรธ)  ใครเอาเงินเราไปไม่คืน เกลียดไหม ก็อยากไปใจดีกับเขาเองไม่ใช่หรือ จริงหรือไม่ ถ้าไม่อยากผิดหวังก็อย่าไปให้ใครยืมเงิน ใช่หรือไม่ ถ้าไม่อยากเจ็บปวดทุกข์ ก็อย่าไปคาดหวังใครว่ามันจะมีดี 100% หรือไม่มีดีสัก 1% ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้จริงไหม 
วันนี้เป็นวันแรกนั่งด้วยความฝืนใจ ใช่หรือไม่ (ไม่)  ฝืนใจไหม (ไม่ฝืนใจ)  เล่นเกมหน่อยนะ ใช้การส่งแอปเปิลจากข้างหน้าไปข้างหลัง
 (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นเรียน เล่นเกมส่งแอปเปิล)
 ถ้าเราจะอยู่ในโลกให้มีความสุข บางครั้งชนะได้ก็ต้องแพ้เป็น ถูกไหม แต่ในสังคมจริงๆ เรากล้าแพ้ไหม (เป็นบางเรื่อง)  ศิษย์น้องเอย คนในโลกเขาแพ้เขาจะต้องเอาชนะให้ได้ แต่ถ้าเรายอมได้ เราก็ไม่ต้องแข่งขันกับใคร เราก็ไม่ต้องชิงดีกับใคร เพราะความอยากของมนุษย์ถมไม่มีวันเต็ม ที่เราเหนื่อยอยู่ทุกวันนี้เพราะอยากได้ อยากชนะ อยากมี ใช่ไหม (ใช่)  
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นที่เล่นเกมชนะ เสียสละแอปเปิลให้กับนักเรียนที่แพ้ และต้องเต้นเป็ดแทนแถวที่แพ้)
อยากดูเป็ดไหม (อยากดู)  แถวที่แพ้กับแถวที่ชนะยืนขึ้น ทำให้คนอื่นมีความสุขกลัวไหม (ไม่กลัว)  ทำให้คนอื่นมีสุขอายไหม (ไม่อาย)  
เต้นพร้อมกันดีไหม (ดี)  เป็นครั้งแรกที่ประชุมธรรมมีเป็ดมากขนาดนี้ แถมเป็นเป็ดมาฟังธรรมะด้วยถูกไหม (ถูก)  ถ้าทำดีแล้วทำให้คนอื่นมีสุข ไม่เห็นต้องอาย แต่ถ้าทำชั่วแล้วทำให้คนอื่นมีทุกข์อย่างนั้นที่ต้องอายถูกไหม (ถูก)  ทำด้วยกันจะเป็นอะไรไปใช่หรือเปล่าศิษย์น้อง (ใช่)  
ถ้าเราอยู่ในโลกใบนี้ ศิษย์พี่บอกแล้วการเรียนรู้ ศึกษาธรรม สิ่งสำคัญต้องมองตามความเป็นจริง ไม่ใช่มองตามใจ และต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ด้วยใจที่เป็นสุข เหมือนที่ศิษย์พี่เปรียบเทียบเรื่องแอปเปิลเน่ากับแอปเปิลดี เป็นไปได้ไหมที่ในโลกนี้จะไม่มีแอปเปิลเน่า (ไม่ได้)  แต่เชื่อไหมถ้าหากว่าศิษย์น้องเข้าใจสภาวธรรม ศิษย์น้องจะมองเห็นว่า ไม่ว่าแอปเปิลจะเน่าหรือจะดี ทั้งที่จริงก็ไม่ต่างกันเลย แต่มันอยู่ที่ว่ามุมมองที่เรามองเห็นอะไร เหมือนเราจะมองเห็นคนนี้ดี คนนี้ไม่ดี แต่พอผ่านไปอีกเวลาหนึ่ง คนที่ไม่ดีกลับมาเป็น (ดี) และที่ดีกลับมาเป็นคน (ไม่ดี)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นทำอย่างไรที่จะเป็นคนที่รู้และเข้าใจธรรมะและเราสามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้สิ่งสำคัญก็คือ ต้องนิ่งและมีสติ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มนุษย์โดยส่วนใหญ่แล้วนั้น ไม่ค่อยนิ่งไม่ค่อยมีสติ เมื่อมีร้ายมาก็ (ร้ายตอบ)  หรือแรงมาก็ (แรงตอบ)  แล้วรู้ไหมถ้าหากร้ายมาก็ร้ายตอบ แรงมาก็แรงตอบ แบบนี้จะทำให้เวรกรรมยืดเยื้อ ด่าเขาบาปแล้วนะ แต่คนที่ด่ากลับบาปมากกว่าแล้วเราเป็นคนบาปมากกว่าใช่ไหม (ใช่)  ใช่หรือ น่ากลัวนะ
ฉะนั้นถ้าศิษย์น้องอยากทำดีง่ายนิดเดียว แค่ละชั่วก็เรียกว่าดีแล้ว แต่ศิษย์น้องพยายามดี แต่ความชั่วไม่ละ มันก็ยังดีไม่ขึ้น ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นทำบุญเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล พระพุทธะจึงกล่าวว่า คนที่ทำบุญด้วยเจตนาบริสุทธิ์ คนที่ทำบุญ ทำดีด้วยศีลด้วยธรรม บุญนั้นจะไม่ไร้ผล แต่คนที่ทำบุญด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ยังขาดศีลขาดธรรม ทำไปเท่าไหร่ก็ไม่บังเกิดผล แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม (ไม่เป็น)  ทำไปแล้วก็ไม่คิดย้อนกลับใช่ไหม ทำไปแล้วก็ไม่เคยระแวงใช่ไหม ทำไปแล้วใจก็ยังมีอกุศลใช่ไหม (ไม่ใช่)  ถ้าทำแล้วยังหวังวอนขอ ยึดมั่นถือมั่น มันก็ยังมีตัวตนไปรองรับ ให้ไม่พ้นทุกข์อยู่อีกใช่ไหม (ใช่)  สิ่งที่ศิษย์พี่อยากจะบอกกับศิษย์น้องอย่างหนึ่งก็คือ คนในโลกส่วนใหญ่เวลาสอนลูกสอนหลาน หรือสอนใครๆ เรามักจะบอกว่าลูกต้องเก่ง ลูกต้องดี ลูกทำอะไรต้องสำเร็จใช่ไหม แต่ศิษย์น้องรู้อะไรไหมว่า สอนเขาเก่ง สอนเขาดี สอนเขาสำเร็จ แต่พุทธะกลับสอนว่า ไม่ต้องเก่ง แต่ขอให้ (เป็นคนดี)  และพุทธะยังสอนอีกว่า ไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องดี แต่ขอให้เข้าใจชีวิตก็พอ เก่งแล้วมองคนอื่นไม่ขึ้น ดีแล้วดูถูกเหยียดหยามคน ควรไหม
แล้วมนุษย์เราเป็นแบบนี้ไหม (เป็น)  ทำไมไม่สอนลูกเราว่า ลูกดีไม่ดีไม่เป็นไร ขอให้เป็นคนที่กล้ายอมรับความจริงถูกไหม (ถูก)  เพราะคนในโลกนี้ยอมรับความจริงไหม (ไม่)  แค่เป็นคนดียังไม่ค่อยอยากดีเลยใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นพระพุทธะสอนว่า เกิดเป็นคนไม่ต้องชนะ แพ้ได้ เกิดเป็นคนไม่ต้องเข้มแข็ง อ่อนแอก็ได้ ทำไมสิ่งศักดิ์สิทธิ์สอนอย่างนี้ ก็คนในโลกแข็งเท่าไร แล้วเป็นอย่างไร ดื้อถูกไหม (ถูก)  พระพุทธะจึงสอนว่า เกิดเป็นคนเมื่อกล้าแข็งต้องกล้าอ่อน เมื่อกล้าดีก็ต้องกล้ารับไม่ดีถูกไหม (ถูก)  เมื่อกล้าชนะก็ต้องกล้าแพ้ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นถ้าเกิดศิษย์น้องอยากอยู่ในโลกให้ไม่เป็นทุกข์ แพ้ได้ ชนะได้ เข้มแข็งได้ อ่อนแอได้ ทำไมศิษย์พี่จึงพูดอย่างนี้ เพราะคนทุกคนหนีความเจ็บปวดได้ไหม (ไม่ได้)  หนีความพ่ายแพ้ได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วถ้าวันหนึ่งชีวิตต้องพ่ายแพ้ เรารับได้ไหม (ต้องรับให้ได้)  แต่วันนี้รับได้ไหม  พอเจ็บป่วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยทีๆ ไม่อยากเจ็บเป็นไปได้ไหม เป็นไปไม่ได้ ใครๆ ก็ต้องเจ็บ ใครๆ ก็ต้องแพ้
ฉะนั้นการเรียนรู้หลักธรรมจึงไม่ได้สอนให้แค่ติดดี แต่สอนให้เรามองตามความเป็นจริง แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ดีก็ตาม ได้ไหม (ได้)  เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ศิษย์น้องเข้าใจความเป็นจริง ศิษย์น้องจะไม่ยึด ไม่อยาก และไม่หลง แต่ถ้าเมื่อไหร่ศิษย์น้องยังมองไม่เห็นความเป็นจริง ยังมองเห็นแต่สิ่งที่ตามใจ ก็ยังหนีไม่พ้นความยึด ความอยาก ความหลง ที่เรียกว่า โลภ โกรธ หลง หรือต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งมวล  หนีไม่มีวันสิ้นสุดหรอก  วันนี้มาผูกบุญแค่นี้ ดีไหม  เรามาฟังธรรมะ เพื่อให้ได้ธรรมะ ไม่ใช่มาฟังธรรมะเพื่อยังเป็นตัวเป็นตน มาฟังธรรมะเพื่อให้ได้ธรรมะ และจะได้ธรรมะได้อย่างไร ถ้ายังไม่ละวางนิสัย ความเคยชิน การเอาแต่ใจ การเอาแต่ได้ แล้วจะได้ธรรมะไหม ไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้คืออารมณ์ นิสัย ตัวเองเหมือนเดิมจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นอยากมาฟังเพื่อได้ธรรมะ หรืออยากมาฟังเพื่อกลับไปเป็นตัวเองเหมือนเดิม (ได้ธรรมะ)  เพราะเป็นตัวเองก็ไม่เห็นเสียหายอะไรใช่ไหม (ไม่ใช่)  ใช่เป็นตัวเองไม่เสียหายอะไรแต่รู้ไหมว่า ชีวิตของมนุษย์สามารถพ้นทุกข์ได้ แต่ที่พ้นทุกข์ไม่ได้ก็เพราะยึดติดในความเป็นตัวเป็นตน ถูกไหม (ถูก)  ไม่มีใครขังเราไม่มีใครทำร้ายเราเท่ากับความเคยชินและนิสัย ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เรายังวางความเป็นตัวตนไม่ได้เราจะพ้นทุกข์ได้อย่างไร ถ้าเรายังมองไม่เห็นความเป็นตัวตนที่แท้จริง เราจะเข้าถึงธรรมะได้อย่างไร ใช่ไหม (ใช่) 
ฉะนั้นขอให้พิจารณาให้ดีนะศิษย์น้อง ศิษย์พี่ต้องการให้ศิษย์น้องรู้ว่ามนุษย์ทุกคนมีความเป็นพุทธะอยู่ภายในมีความดีงามอยู่ แต่บางทีเราไม่เลือกที่จะทำดี แต่เราเลือกชอบทำแต่สิ่งที่ตามใจ เราไม่เลือกที่จะปฏิบัติธรรม แต่เราชอบเลือกที่จะปฏิบัติโลภ โกรธ หลง ฉะนั้นพอปฏิบัติโลภ โกรธ หลง สิ่งที่ได้ก็คือ กรรม วิบากกรรม ความทุกข์และการเวียนว่ายไม่จบสิ้น แต่ถ้าปฏิบัติธรรมสิ่งที่ได้ก็คือ ธรรมะ เข้าถึงธรรม กลับสู่สภาวธรรม เป็นพุทธะบนแดนดิน เลือกเอานะว่าวันนี้อยากตามใจหรือมาตามธรรมะ ถ้าตามธรรมะพรุ่งนี้อยู่ต่อ แต่ถ้าตามใจก็คงกลับบ้านไม่มาแล้ว ถูกไหม (ถูก) 
การเรียนรู้หลักธรรมวันเดียวไม่มีวันพ้นทุกข์ได้ จนกว่าศิษย์น้องจะนิ่งและมีสติยั้งคิดพอว่าสิ่งที่ศิษย์พี่พูดมันจริงหรือลวง ถูกไหม (ถูก)  อยากเข้าถึงสภาวธรรมไม่ยากเลย วางนิสัยได้ วางอารมณ์ได้ วางความเคยชินได้ วางอัตตาตัวตนได้ ใจฟ้าก็อยู่ที่ตัวเราความเป็นพุทธะก็อยู่ในใจเรา แต่ถ้ายังวางอารมณ์ไม่ได้ วางความเคยชินไม่ได้ วางนิสัยไม่ได้ มนุษย์ก็เวียนว่ายในวัฏสงสารไม่จบสิ้น จริงไหม (จริง)  แล้วทำไมไม่ทำวันนี้ให้พ้นทุกข์ด้วยการรู้จักวางล่ะ วางความเคยชินแล้วลองนิ่งพิจารณาสิ่งที่ศิษย์พี่พูดดูว่าหลอกลวงไหม ใช่หรือไม่ กลับดีกว่า หมดแรงแล้ว ใช่ไหม ไม่มีวันหมดแรงนะ เพื่อช่วยคนดีกลับสู่ความดีงามที่แท้จริง พุทธะไม่มีวันหมดแรง แต่มนุษย์นั่นแหละ ชอบหมดแรงก่อน ก็ศิษย์พี่บอกแล้วถ้าอยากอยู่บนโลกนี้ให้ได้ แอปเปิลเน่าหรือแอปเปิลดี ก็ต้องรู้จักรับมือให้เป็น ใช่ไหม ในสิ่งที่เน่ามันก็ยังมีสิ่งที่ดี ในสิ่งที่ดีมันก็มีสิ่งที่เน่า ฉะนั้นศิษย์พี่ก็เชื่อว่าในแอปเปิลเน่ามันมีแอปเปิลดีอยู่ ใช่หรือไม่ ไปล่ะนะ ช่วยคนตั้งใจฟังธรรมะ เพื่อเอาบุญมานำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์นะ ไม่ใช่มาฟังธรรมะเพื่อให้ตัวเองจมอยู่กับทุกข์ ใช่หรือไม่ ไปล่ะ




วันอาทิตย์ที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ สถานธรรมเต๋อฮว่า จ.สงขลา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ผ่านมาเพื่อผ่านมาพบ ผ่านมาเพื่อจบแค่นั้น
ผ่านมาเพื่อขออะไรกัน ผ่านมาเพื่อฝันจนตาย
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานเต๋อฮว่า แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักของอาจารย์ทุกคนฟังธรรมะรู้เรื่องหรือเปล่า

ปลูกอารมณ์ปลูกความคิดปลูกนิสัย ปลูกลงไปในใจของตนนี้
ปลูกจนตัวขังตนอยู่ในที ปลูกจนมีตัวของตนอยู่ภายใน
ติดในกายในใจจนยากพ้น ติดในตัวในตนทับซ้อนใหญ่
ล้วนไม่เที่ยงเป็นทุกข์หลงกันไป จะหาใครตื่นรู้จริงสักที
ต่างสะสมบุญบาปกันมากหนอ กรรมต่อกรรมวิบากก่อยากหลีกหนี
บุญไม่อาจล้างบาปกันสักที ต้องตัดเหตุที่ตนมีกิเลสอารมณ์
หากไม่ยึดทุกข์ไม่มีที่อาศัย หากไม่หลงผิดบาปไปไม่ทุกข์ขม
หากไม่ตกเป็นทาสกิเลสอารมณ์ ก็ไม่จมในอัตตาจนฝังใจ
ฮาฮาหยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
อาจารย์อยากจะถามศิษย์นะ ว่าวันนี้ศิษย์ผ่านมาเพื่อผ่านมาพบกันรู้จักกันแล้วก็จบแค่นั้น ใช่ไหม (ไม่ใช่)  หรือผ่านมาเพื่อมาฟังให้จบๆ ไป เป็นอย่างไร ผ่านมาเพื่อให้จบๆ ไป หรือไม่ (ไม่ใช่)  อย่างนั้นอาจารย์ถามใหม่หรือผ่านมาเพื่อมาขออะไรกัน (ขอธรรมะ)  ขอธรรมะหรือ ศิษย์รู้ไหมตัวศิษย์เองก็เรียกว่าธรรมะ ตัวอาจารย์เองก็เรียกว่าธรรมะ ทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่กิเลสอารมณ์เขาก็เรียกว่าธรรมะ ใช่หรือไม่
รู้ไหม ทุกอย่างเรียกว่าธรรมะ แต่ทำไมเรามองไม่เห็นเป็นธรรมะ แต่เรามองเห็นเป็นแค่กิเลส เป็นแค่อารมณ์ เป็นแค่ตัวตน เพราะเราไม่เคยมองแล้วรู้ให้ชัดเห็นให้จริงเรามองเพียงแค่สักแต่มองหรือเรามองเพียงแค่อยากจะเห็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น แต่เราไม่เคยมองให้กว้างมองให้ลึกมองให้รอบคอบ มองจนไม่มีอะไรมาลวงหลอกได้ เราไม่เคยมองจนชัดขนาดนั้น จริงไหม (จริง)  ศิษย์เคยได้ยินไหมว่าถึงรู้แต่รู้แล้วยังพ้นทุกข์ไม่ได้ ความรู้นั้นก็ยังเป็นอวิชชา   ถึงรู้แล้วแต่ยังไม่ถึงที่สุด  ความรู้นั้นก็ยังเป็นม่านหมอกที่ทำให้เรามองอะไรได้อย่างลวงตา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใช่หรือ ถ้าใช่เวลานี้คงรู้ให้มากกว่านี้แล้วจริงไหม (จริง)  ลองพูดกันเรื่องง่ายๆ ผ่านมาเพื่อฝันจนตาย ฝันอยากเป็นอะไรกันหรือ ฝันอยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่  ใช่ไหม  (ใช่)   มนุษย์เราเหมือนคนที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันไม่รู้ตื่น    ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วเราจะตื่นได้อย่างไรล่ะถ้าเรายังมองไม่เห็นความจริงในโลกนี้ เรายังจมอยู่กับความคิดที่ตัวเองอยากนั่นอยากนี่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยากจนบางครั้งมองอะไรผิดเพี้ยนไหม (เพี้ยน)  อยากจนบางครั้งความรักมันบังตา ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนเคยได้ยินไหมรักมากๆ ทำให้ตา (บอด)  หลงมากๆ ทำให้หู (หนวก)  ฉะนั้นศิษย์ของอาจารย์ทั้งตาบอดทั้งหูหนวกเลย  ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะตัดไม่ได้ทั้งความรักและความหลง ถูกหรือเปล่า (ถูก)  ฉะนั้นก็เหมือนคนทั้งตาบอดและหูหนวก เดี๋ยวนี้ก็แก่แล้ว ใช่ไหม (ใช่)  แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ดังนั้นเวลามาศึกษาเรียนรู้หลักธรรม จึงต้องเปิดใจให้กว้างเพื่อจะได้มองอะไรได้แจ่มชัดขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
 อาจารย์ถามหน่อยนะ ไหนใครมาสองวันนี้แล้วรู้สึกว่าทุกครั้งที่ได้ฟัง ทุกครั้งที่ได้กินอาหาร ทุกครั้งที่ได้มาร่วมงาน รู้สึกมีความสุขบ้าง ถ้าเป็นคนที่สุขง่ายทุกข์ยากก็ดีไม่ใช่น้อย แต่ในความเป็นจริงอาจารย์เห็นศิษย์ ทุกข์ง่ายสุขยากมากกว่านะ ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นเกิดเป็นคนเราควรที่จะทุกข์ง่ายหรือสุขง่ายดี (สุขง่าย)  แต่อาจารย์เห็นศิษย์เป็นคนสุขง่ายหรือไม่ (ไม่)  สุขยากทุกข์ง่ายใช่หรือไม่ อย่างนั้นทำไมเราไม่กำหนดมาตรฐานความสุขเราให้ต่ำๆ ล่ะ แล้วกำหนดความทุกข์เราให้มันยากๆ ล่ะ จริงไหม ชีวิตก็จะได้มีสุขง่ายหน่อยเจออะไรก็ยิ้มได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์ถามหน่อย ถามว่าศิษย์มีสุขไหม (มี)  มีสุขง่ายไหม ดูเหมือนจะมีนะ แต่จริงๆ แล้วมีไหม (ไม่มี)  ศิษย์เคยเห็นคนประเภทนี้ไหม อาจารย์ถามหน่อยนะ คนที่กินข้าววันนี้แล้วบอกว่าอีกสองสามวันค่อยอิ่ม ศิษย์ว่าคนคิดแบบนี้โง่หรือฉลาด (โง่)  อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อย ศิษย์เป็นคนที่หาเงินวันนี้แล้วบอกว่าเอาไว้รวยก่อนเดี๋ยวค่อยสุข ใช่ไหม (ไม่ใช่)  จริงหรือ อาจารย์ถามใหม่นะ ใครบ้างที่กินวันนี้แล้วบอกว่าอีกสองสามวันค่อยอิ่ม (ไม่มี)  ใช่ไหม อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยแล้วศิษย์เป็นคนที่มีสุขง่ายๆ ไหม (ไม่ง่าย)  ไม่ง่ายต้องมีบ้าน มีรถ มีครอบครัว มีตำแหน่ง มีชื่อเสียง มีเงินทองครบค่อยสุข ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นตอนนี้ที่ศิษย์กำลังเสวยอยู่คือทุกข์ทั้งนั้นเลยใช่ไหม  (ใช่)  ที่มีอยู่นี่มันมีแต่ทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นศิษย์ต่างอะไรกับคนที่อาจารย์บอกเมื่อสักครู่ กินข้าววันนี้แล้วอีกสองสามวันค่อยอิ่ม ทำไมไม่กินทุกคำก็มีสุข กินทุกคำก็อิ่ม กินทุกคำก็ยินดี แต่มนุษย์ไม่ใช่ คนที่ทำงานวันรับเงินเดือนคือวันที่มีความสุข คนขายของช่วงที่ได้รับเงินคือช่วงที่มีความสุขใช่ไหม (ใช่)  คนปลูกยางช่วงที่มีความสุขคือช่วงไหน (ขายยางได้)  ยางขึ้นราคา มีสุขไหม (มี)  แต่ถ้ากรีดยางไม่ทัน ความสุขตกทันทีใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำไมไม่ทำทุกวันให้มีความสุข ได้งานทำ ได้มีกิน ได้มีบ้าน ได้มีลูก ได้มีภรรยา ได้มีสามี สุขแล้ว ทำไมต้องรอให้อีกสิบก้าว เดี๋ยวค่อยสุข ทำไมไม่ทุกก้าวก็มีสุข ทุกก้าวก็ยินดี  ทุกก้าวก็เปรมปรีดิ์ใช่ไหม (ใช่)  ถามว่าวันไหนเป็นวันสุข (ทุกวัน)  นึกว่าวันศุกร์อย่างเดียว ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราเริ่มมีความสุขแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำไมไม่ทำชีวิตให้มีความสุข ทำไมต้องรอให้ครบสมบูรณ์ ทำไมต้องรอให้พรั่งพร้อม แล้วชีวิตเมื่อไหร่จะครบ ถ้าไม่ครบชีวิตศิษย์ก็ไม่ต้องสุขเลยจริงไหม (จริง)  ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แค่นี้ก็ดีแล้ว แค่นี้ก็สุขแล้ว เท่านี้ก็อิ่มแล้ว ถ้าไม่มีหนึ่งคำจะมีอีกสิบคำที่อิ่มไหม (ไม่มี)  ถ้าไม่มีหนึ่งก้าวจะมีสิบก้าวที่สำเร็จไหม (ไม่มี)  แล้วทำไมต้องรอให้สำเร็จจึงสุข ทำไมไม่รอก้าวแรกก็มีสุข  ก้าวแรกก็ยินดีใช่ไหม  (ใช่)   ฉะนั้นศิษย์เคยได้ยินคำพูด  คำหนึ่งไหม เริ่มต้นถูก มันก็ถูกตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เริ่มต้นผิด ทำไมให้ผิดจนตัวตายใช่หรือเปล่า ทำไมไม่ทำสุขให้มีทุกวันใช่ไหม (ใช่)  โดยส่วนใหญ่เวลาเจอหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชอบขอ ใช่ไหม (ใช่)  เขียนให้อาจารย์หน่อย
(พระอาจารย์เมตตาให้เขียนอธิบายบนกระดานโดยมีด้วยกัน 4 ขอ)
1. ขอให้ร่ำรวย
2. ขอให้เข้มแข็ง แข็งแรง
3. ขอให้ครอบครัว ร่มเย็นเป็นสุข
4. ขอให้การงาน ก้าวหน้า
หนึ่งคือขอให้อะไร รวย ใช่ไหม (ใช่)  สองคือขอให้อะไร เข้มแข็งแข็งแรง ใช่ไหม (ใช่)  สามส่วนใหญ่ขอให้ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นอาจารย์ถามว่า ถ้าสามข้อนี้ได้ครบ ดีไหม (ดี)  เอาอะไรอีกไหม (เอา)  น่ากลัวจริงๆ เลย หนึ่งคือ (รวย)  สองคือ (แข็งแรง)  สามคือ (ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข)  ใช่ไหม (ใช่)  แค่นี้พอไหม (ไม่พอ)  อยากได้อะไรอีก (ขอให้การงานเจริญก้าวหน้า)  อาจารย์ถามหน่อย ขอแค่นี้พอไหม (ไม่พอ)  ไม่พออีกหรือ ถ้าอาจารย์บอกว่าให้ข้อเดียว แล้วสามารถใช้ได้หมดทุกข้อ เอาไหม (เอา)  รู้ไหมข้ออะไร (ข้อสาม)  ไม่มีในนี้ ศิษย์เอ๋ยมนุษย์ขอตั้งเยอะแยะแต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ลืมขอ แล้วถ้าขออันนี้ได้นะอะไรๆ ก็ทำได้ นั่นคือ ปัญญาดี ปัญญาดีรวยไหม (รวย)  ปัญญาดีรู้จักทำตัวเองให้แข็งแรงได้ไหม (ได้)  ปัญญาดีทำให้ครอบครัวร่มเย็นได้ไหม (ได้)  แต่ศิษย์ไม่เคยคิดมีเลย และศิษย์ไม่เคยคิดขอเลย ใช่หรือไม่ แล้วปัญญาดีได้มาจากไหน (ได้มาจากตัวเอง)  คิดได้แค่นี้เองนะศิษย์เอ๋ย ปัญญาดีได้จากการศึกษาเรียนรู้กับผู้ที่มีความรู้มากกว่าเรา แต่ศิษย์ไม่ ถ้าใครที่รู้มากกว่าแล้วตัวเองโง่ ศิษย์ไม่เรียน แต่ถ้าใครโง่กว่าแล้วตัวเองฉลาดกว่า ศิษย์จะไปสอนเขา เราก็เลยเป็นคนที่ ร้อยทั้งร้อยไม่เคยได้ปัญญาดี ฉะนั้นปราชญ์จึงสอนไว้ว่าคนที่ฉลาดที่สุดคือคนที่ยอมโง่ที่สุด แล้วจะสามารถเป็นที่ที่มีแต่คนอยากมาสอน อยากมาให้ความรู้ แต่คนที่พยายามอวดตัวเองว่าตัวเองเก่ง คนนั้นคือคนที่โง่ที่สุดใช่ไหม แต่ศิษย์รู้ไหม มาเป็นศิษย์ของอาจารย์ อาจารย์นี่ทั้งโง่ทั้งบ้าเลยนะ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  ใช่ศิษย์ ไม่มีพุทธะองค์ไหนโง่และบ้าเท่าอาจารย์ รู้ว่าสอนยากก็อยากสอน รู้ว่าเปลี่ยนยากก็อยากให้เปลี่ยน รู้ว่าศิษย์จะดียาก ก็ยังอยากให้ศิษย์ได้ดี มีพระพุทธะองค์ไหนมาจ้ำจี้จ้ำไชแบบนี้ล่ะ ไม่มี มีแต่อาจารย์จี้กงคนเดียว ใช่หรือไม่
อย่างนั้นอาจารย์จะสอนให้วิธีที่จะทำให้รวย คนที่อยากจะรวยได้ คนที่อยากจะมีได้ ศิษย์รู้ไหมต้องทำอย่างไร ต้องขยัน แต่ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งของปราชญ์โบราณไหม ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ ใช่หรือไม่ ศิษย์บอกอาจารย์ศิษย์ยังไม่มีเลย จะไปให้เขาได้ยังไง ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยคนที่กล้าให้ แปลว่าคนคนนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองมีพร้อมสมบูรณ์แล้วถึงให้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ศิษย์ยังบอกว่าให้ไม่ได้ แปลว่าศิษย์เป็นคนที่มีเท่าไหร่ก็เหมือนไม่มี จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นศิษย์จำไว้นะ มีแล้วกล้าให้ ยิ่งให้ยิ่งได้รับ แต่ถ้ามีแล้วไม่ให้ เชื่อไหม ยิ่งมีก็ยิ่งจน ถูกไหมล่ะ มีเท่าไหร่ก็ให้ไม่ได้ เพราะอะไร ไม่พออาจารย์ไม่พอ    คนที่บอกว่าไม่พอ   คือคนที่จนไปตลอดชีวิต     (บางครั้ง)  บางครั้งหรือ อาจารย์เห็นว่าเป็นทุกวันเลย ใครสร้างกุศลแอบหลบ ไม่เกี่ยวกัน ฉะนั้นจำไว้นะศิษย์ เหมือนรอยยิ้มนะ ยิ่งยิ้มคนก็ยิ่งยิ้ม แม้วันนี้เขายังไม่ยิ้มตอบแต่ยิ้มให้เถอะทุกวัน ยิ่งให้ๆๆ ถึงที่สุด ปิดทองหลังพระจนทองมันกระเด็นมาข้างหน้าเลย ถูกไหม (ถูก)  จะกลัวอะไรกับการที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม สิ่งที่ผิดนั้นคือสิ่งที่ต้องกลัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าอยากรวย ให้เป็นไหม (เป็น)  ดังคำพูดที่ว่า “ช่วยเขาก็คือช่วยเรา ให้เขานั่นเหละก็คือการให้กับเรา” ทำไมเราไม่สร้างเหตุปัจจัยที่ดีล่ะ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ศิษย์จำไม่ได้หรือวันนี้คือเหตุของผลในวันหน้า เราแก้อดีตไม่ได้แต่เราทำอนาคตให้ดีได้ แล้วทำไมตอนนี้ไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้องล่ะ อยากร่ำรวยทำไมวันนี้ไม่รู้จักให้ ถ้าวันนี้ให้ไม่ได้พรุ่งนี้มันก็ไม่มีวันให้ใครได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นพระพุทธะจึงบอกไว้ว่า ไม่มีใครคนใดที่ไม่มีเมตตาธรรม แล้วจะไม่ทำบาป ถ้าเรามีเมตตาธรรมบาปจะกล้าทำไหม (ไม่กล้า)  ถ้าคนเรามีน้ำใจช่วยเหลือคน ความผิดจะก่อไหม (ไม่ก่อ)  เห็นไหมศิษย์แค่ “ให้” คำเดียวนะ นอกจากจะช่วยเราแล้ว เราก็จักต้องไม่ก่อบาปก่อกรรมด้วย แต่ยังได้สร้างบุญ ได้มาแล้วให้บุญต่อ ได้มาแล้วก็ผูกบุญต่อ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอยากรวยจงรู้จักที่จะ (ให้)  ใช่หรือไม่ (ใช่) 
อาจารย์ถามหน่อยพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์เวลาท่านมาศึกษาหรือมาฝึกฝนการบำเพ็ญตน ท่านทิ้งความมั่งมีเพื่อไปหาความรู้พอ หรือท่านทิ้งความรู้พอแล้วไปหาความมั่งมี (ทิ้งความมั่งมีแล้วไปหาความรู้พอ)  ใช่ ทิ้งความมั่งมีแล้วไปหาความรู้พอ แล้วถ้าพุทธะเดินทางนี้แล้วจะชี้นำให้คนเดินทางนี้ไหม (ทางนี้)  ก็ต้องทางนี้ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นพระพุทธะที่ไหนที่จะให้ศิษย์รวย มีไหม (ไม่มี)  ใช่แล้ว ก็ท่านทิ้งความรวยไปหาความจน แล้วจะมีพระพุทธะที่ไหนที่ตัวเองทำอย่างหนึ่งแล้วสอนให้คนอื่นทำอีกอย่างหนึ่ง มีไหม (ไม่มี)  ถ้ามีพระพุทธะนั้นก็โกหกแล้วนะ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นยังอยากรวยไหม (อยาก, ไม่อยาก)  อยากแต่จงเป็นอยากที่รวยน้ำใจ รวยความถูกต้อง รวยความดีงาม ไม่ใช่รวยความโลภ ความโกรธ ความหลง ถูกหรือไม่ (ถูก)  อยากแข็งแรงอีกไหม (อยาก)  อยากไปเรื่อยเลยนะ  อาจารย์ให้รวยแล้วนะ  อาจารย์ให้ความแข็งแรงเอาไหม (เอา) อาจารย์ถามหน่อย พระพุทธะองค์ไหนไม่เจ็บป่วยมีไหม (ไม่มี)  แล้วแข็งแรงไหม (แข็งแรง)  แปลว่าอะไร  ศิษย์เอ๋ยขึ้นชื่อว่าสังขาร หนีไม่พ้น ความ  (ตาย)  ตายเลยหรือ ศิษย์จำไว้นะความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าไม่มีความเจ็บป่วย แล้วตายเลย เอาไหม (ไม่เอา)  ฉะนั้นจะไปเกลียดอะไรกับความเจ็บป่วย ฉะนั้นความเจ็บป่วยมาเป็นสัญญาณเตือนทำให้รู้ว่ากำลังอยู่ในภาวะอันตราย ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ เตือนติ๊ดติ๊ดติ๊ด จะได้เข้าใจว่าเสียงแบบนี้กำลังจะตายแน่ ความเจ็บป่วยทำให้เรารู้ว่าเรากำลังเดินทางผิด เรากำลังทำร้ายร่างกายอยู่  กินมากเกินไปเลยอ้วน เบาหวาน ความดัน ไขมันอุดตัน ถูกไหม (ถูก) ทำงานมากเกินไปก็เลยเป็นยังไง เครียด  ยิ้มไม่ออกหน้าบึ้ง  มองใครก็มองพาลไปหมด ฉะนั้นศิษย์ต้องมองให้ดี โรคภัยไข้เจ็บต้องมองให้ดี  โอยเจ้ากรรมนายเวรมาทวงฉัน  แล้วใครล่ะเจ้ากรรมนายเวร ตัวเองทั้งนั้น ถ้าป่วยไม่หายนั่นแหละเจ้ากรรมนายเวร แต่ถ้าป่วยแล้วเริ่มรักษาหายได้นั่นแหละตัวเองทำเอง  ฉะนั้นอาจารย์ให้อะไร อาจารย์ไม่ได้ให้ศิษย์หายจากโรค แต่อาจารย์ให้ศิษย์อยู่กับโรค อย่างมีสุขดีกว่าเอาไหม (เอา)  ฉะนั้นศิษย์จะเป็นโรคอะไรก็มีสุข ความดันสูง   ฮ่าฮ่าๆ  ดูซิ มันจะสูงไปแค่ไหน  เบาหวานกินทุเรียนไป หวานแน่ๆ เลย ศิษย์เอ๋ยต้องรู้ตัว โรคภัยไข้เจ็บมาเตือน เมื่อมันมาเตือนก็ต้องอยู่กับมันให้มีความสุข เมื่ออยู่กับมันให้สุขใจมันก็สุข กายมันเจ็บก็รักษาได้ แต่ถ้าใจมันเจ็บ กายมันทุกข์จะรักษาอย่างไรก็ไม่หายจริงไหม (จริง)   ฉะนั้นศิษย์อย่ากลัวโรคภัยไข้เจ็บ โรคภัยไข้เจ็บมันเป็นสิ่งที่ดี เตือนให้เรารู้ว่า (เรากำลังใกล้ตาย)
นักเรียนชั้นนี้น่ารักมาก ที่ตอบว่าเรากำลังใกล้ตาย ซึ่งจริงๆ แล้ว เตือนให้รู้ว่าเรากำลังดูแลสุขภาพร่างกายผิดๆ ต้องแก้ไขดูแลให้ถูกต้อง และอยู่กับโรคให้มีความสุข เพราะถึงที่สุดใครๆ ก็ต้อง (ตาย)  แต่ตายอย่างคนมีลายหน่อยสิ ตายอย่างคนมีดีหน่อยสิ ไม่ใช่ตายแบบ มีคนสาธุมันตายได้ ดีใจๆ เอาไหมแบบนั้น (ไม่เอา)  ฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไรถ้าเริ่มต้นเรามีแต่ให้ รู้จักได้มา รู้จักให้ เจ็บป่วยก็มีแต่คนรักดูแล ถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าชีวิตเราไม่เคยให้ใครเลย พอเจ็บป่วยทุกคนก็หัวเราะสมน้ำหน้า จริงไหม (จริง)  แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น)  ถ้าเกิดเริ่มต้นมีชีวิตอยู่ ได้มาก็รู้จักให้  ทุกครั้งที่ได้มาก็มีความสุขแล้วยังให้คนอื่นเป็นอีก
ฉะนั้นไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือเป็นอะไรหรือแม้แต่จะตายไป เราก็ทำได้ดีมาตลอดแล้ว ถูกหรือไม่ (ถูก)  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอาจารย์ถามหน่อยศิษย์อยากได้ครอบครัวร่มเย็นไหม (อยากได้)  อาจารย์ถามง่ายๆ เคยกอดลูกไหม (เคยกอด)  ชีวิตหนึ่งกอดกี่ครั้ง บอกรักลูกกี่ครั้ง ถ้าอยากมีความสุขอยากมีครอบครัวร่มเย็นกอดลูกบ่อยๆ บอกรักลูกบ่อยๆ มนุษย์ก็ชอบพูดกันแบบนี้ไม่ใช่หรือดูแลเอาใจใส่เขาบ้าง ไม่ใช่โยนเงินให้ ไม่ใช่ให้ลูกเห็นแม่เป็นเอทีเอ็มเคลื่อนที่ใช่ไหม (ใช่)  เราต้องมีความรักให้เขาด้วย ถามหน่อยอยากได้สามีที่น่ารักไหม (อยาก)  เคยพูดหวานๆกับเขาไหม (ไม่เคย)  เคยเคารพและให้เกียรติเขาไหม (ไม่เคย)  มีแต่ด่าๆๆ บ่นๆๆๆ แล้วจะร่มเย็นไหม (ไม่ร่มเย็น)  ฉะนั้นอยากได้ครอบครัวร่มเย็นนะศิษย์ สามีต้องเคารพ ให้เกียรติ รัก ซื่อตรง ซื่อสัตย์ ดูแลหน้าที่ของตัวเองให้ดี เหมือนกันฝ่ายชาย อยากได้ครอบครัวร่มเย็นไหม (อยาก)  เคยบอกรักลูกตัวเองบ้างไหม (เคยบอก)  กี่ครั้ง (หลายครั้ง)  ชีวิตหนึ่งกี่ครั้ง (หลายครั้ง)  อยากให้ภรรยามีความสุขไหม (อยาก)  อยากให้ครอบครัวมีสุขไหม (อยาก)  
ทำไมเสียงเบาลงๆ วันนี้นะศิษย์กลับไปอยากให้ครอบครัวมีความสุข เจอสามีกอดสามี รักนะจุ๊บจุ๊บ ดูสิจะรักไหม อย่างไรฉันก็รักเธอใช่ไหม (ใช่)  สามีเจอภรรยาทำอย่างไร (กอด)  กอดเลย รักนะ เธอน่ารักที่สุด สวยที่สุด เหี่ยวอย่างไรก็น่ารัก ดีไหม (ดี)  ทำนะศิษย์ ถ้าทำแล้วทำให้ครอบครัวมีสุข ทำแล้วทำให้คนในบ้านมีรอยยิ้ม ทำแล้วทำให้คนในบ้านอิ่มสุขอิ่มใจอายทำไม ไปดื่มเหล้า แล้วไปมีกิ๊กสิต้องอาย ไปชนวัว ไปแข่งนก แล้วไม่ยอมกลับบ้านต้องอาย ความสุขของชีวิตอยู่ที่ง่ายๆ ยอมทำในสิ่งที่เราลืมเลือนไปหรือเปล่าใช่ไหม (ใช่)  อยากให้พ่อแม่รักไหม (อยาก)  ลูกเคยกอดแม่ไหม (ไม่เคย)  ลูกเคยบอกรักพ่อไหม (ไม่เคย)  ชีวิตนี้ทั้งปีรักแม่วันเดียว รักพ่อวันเดียว วันพ่อกับวันแม่ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์ไม่อยากได้ครอบครัวร่มเย็นหรือ ศิษย์ไม่อยากได้คนที่รักหรือ ทุกๆ ชีวิตอาจารย์เห็นใครๆ ก็อยากได้คนรัก แล้วทำไมตัวเองไม่รักคนอื่นบ้าง ใครๆ ก็อยากได้คำหวาน แล้วทำไมตัวเองไม่พูดหวานๆ บ้างใช่ไหม (ใช่)  ใครๆ ก็อยากได้คนเอาใจ แล้วทำไมไม่คิดเอาใจเขาบ้าง ทำก่อนจะเสียศักดิ์ศรีไหม (ไม่)  ผู้ชายทำน่ารักจะตาย ถามผู้หญิงดูสิใช่ไหม (ใช่)  “แม่มึงกินข้าวหรือยัง แม่มึงอาบน้ำหรือยัง เอาผ้าเช็ดตัวไหมแม่มึง มองอย่างไร ฟังอย่างไรก็น่ารักนะแม่มึง” ใช่ไหม (ใช่)  แล้วทำไมศิษย์ไม่ทำใช่ไหม (ใช่)  แต่ศิษย์ไม่มีเลย และศิษย์ก็ไม่เคยขอเลย แล้วปัญญาดีได้มาจากไหน ปัญญาดีได้จากการศึกษาเรียนรู้จากผู้ที่มีความรู้มากกว่าเรา  แต่ศิษย์ไม่ใช่ คนที่รู้กว่าไม่เรียน แต่ใครที่โง่กว่าเราไปสอนเขา เราก็เลยเป็นคนร้อยทั้งร้อยไม่เคยได้ปัญญาดี ฉะนั้นคนที่ฉลาดที่สุดคือคนที่ยอมโง่ที่สุดแล้วจะสามารถเป็นที่คนทุกคนอยากมาสอน อยากมาให้ความรู้ แต่คนที่พยายามบอกตัวเองเก่งคนนั้นคือคนโง่ที่สุดใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ลืมไปคนใต้ไม่ชอบว่าโง่ แต่ถ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ อาจารย์นั้นทั้งโง่ทั้งบ้าเลยนะ ใช่ไหม (ไม่ใช่)  ใช่ศิษย์ ไม่มีพุทธะองค์ไหนที่โง่และบ้าเหมือนอาจารย์ มีลูกศิษย์สอนยากยังอยากสอน รู้ว่าเปลี่ยนยากก็อยากให้เปลี่ยน รู้ว่าศิษย์ดียาก ก็ยังอยากให้ศิษย์ได้ดี มีพระพุทธรูปไหนที่อยากให้ศิษย์ได้ดี มาจ้ำจี้จ้ำไชแบบนี้ ไม่มี  มีแต่อาจารย์จี้กงคนเดียว ใช่ไหม (ใช่)

วิธีที่จะทำให้รวย คนที่อยากจะรวย มีได้ ศิษย์รู้ไหมต้องทำอย่างไร (ขยัน)  แต่ศิษย์ได้ยินคำของปราชญ์โบราณไหม “ยิ่งให้ก็ยิ่งได้”  อาจารย์ยังไม่มีหรอกจะให้อย่างไร ใช่ไหม (ใช่)  คนที่กล้าให้นั้นแปลว่าเขามีพร้อมสมบูรณ์แล้วจึงกล้าให้ แต่ถ้าศิษย์ยังไม่กล้าให้ ก็แปลว่าศิษย์มีเท่าไหร่ก็เหมือนยังไม่มี  ฉะนั้นศิษย์จำไว้นะ มีแล้วกล้าให้ยิ่งให้ก็ยิ่งได้รับ แต่ถ้ามีแล้วไม่ให้ ยิ่งมีก็ยิ่งจน มีเท่าไหร่ก็ให้ไม่ได้ เพราะไม่พอ คนที่คิดไม่พอตลอดนั้นแหละ ก็จนไปตลอดชีวิต หาเท่าไหร่ก็ไม่พอตลอด แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม บางครั้งหรือ อาจารย์เห็นเป็นทุกวันเลย  ใครสร้างกุศล แอบหลบไม่เกี่ยวกัน เหมือนรอยยิ้ม ยิ่งยิ้มคนก็ยิ่งยิ้ม แม้วันนี้เขายังไม่ยิ้มตอบ แต่ยิ่งยิ้มให้ทุกวัน ยิ่งให้ ให้จนถึงที่สุด ให้เหมือนปิดทองหลังพระ จนมาถึงข้างหน้าเลยจะมาทางไหนมันก็ง่ายใช่ไหม แต่ถ้าส่วนนี้ยังไม่สำเร็จ มาทางธรรมไม่รอด ถูกไหม ฉะนั้นอาจารย์ปูทางให้แล้วนะ ก้าวต่อไปจะก้าวต่อไหม (ก้าว)  แล้วเราจะเกิดมาเป็นแค่คนแล้วเป็นคนให้จบ หรือว่าจะเกิดมาเป็นคนเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นคนที่เหนือกว่าคน ฉะนั้นการจะก้าวต่อเป็นคนที่เหนือคนได้ ต้องทำความเป็นคนให้สมบูรณ์ก่อน ถ้าความเป็นคนศิษย์ยังไม่สมบูรณ์ ศิษย์จะก้าวสู่ความเป็นพุทธะเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นถือตามที่พระพุทธะสอนไว้ว่า อยากจะเป็นคนที่พ้นโลกใบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่ดีงามก่อน อย่างนั้นถ้าพูดตามหลักธรรม ศีลมีครบไหม (ครบ)  ถ้าไม่ครบไม่สามารถเป็นคนที่สมบูรณ์ได้นะ คุณธรรมดีงามพร้อมไหม (พร้อม)  อาจารย์ไม่เคยได้ยินศีลไม่ครบแล้วมีคุณงามพร้อมนะศิษย์เอ๋ย มีด้วยหรือ ศีลครบไหม (ครบ)  คุณธรรมครบไหม (ครบ)  ศีลมีอะไรบ้าง คุณธรรมมีอะไรบ้าง (ไม่ฆ่าสัตว์, ไม่ลักทรัพย์, ไม่ผิดลูกผิดเมีย) อาจารย์นับกี่ครั้งมันก็ไม่ครบห้าสักครั้ง ได้แค่สาม แล้วมันหายไปไหนข้อหนึ่งล่ะ ใช่ไหม (ใช่)  ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อยากอายุยืนไม่เจ็บออดๆแอดๆ ถ้าไม่สร้างเหตุปัจจัยในการเบียดเบียนฆ่าสัตว์ ศิษย์ก็จะเป็นคนแข็งแรง อายุยืน แต่ถ้าชอบเบียดเบียนฆ่าสัตว์จะเป็นคนอายุสั้น เจ็บออดๆแอดๆ ได้ง่าย ฉะนั้นคุณธรรมของการไม่ฆ่าสัตว์ก็คือเมตตาธรรม ฉะนั้นมีศีลก็ต้องมีธรรม เมื่อมีศีลมีธรรมศิษย์ก็จะได้ความแข็งแรง ศิษย์ลองดูสิ คนบางคนดำเนินชีวิตเหมือนๆ กัน ทำไมอีกคนเจ็บออดๆ แอดๆ ทำไมอีกคนหนึ่งไม่เห็นเป็นอะไร ใช่ไหม ทำงานเหมือนๆ กัน ทำไมคนนี้เป็นโรคปวดเข่า คนนี้เป็นโรคโน้นโรคนี้ เพราะอะไร ใช่ส่วนหนึ่งมาจากตัวเรา แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากกรรมเวรที่เราเคยไปทำ คนที่ป่วยง่ายๆ คือคนที่ชอบทำร้ายคนด้วยกาย วาจา ใจ คนที่อายุสั้นคือ คนที่ชอบเบียดเบียนฆ่าสัตว์ ใช่ไหมเคยฆ่าคนด้วยสายตาไหม (เคย)  เคยฆ่าคนด้วยวาจาไหม (เคย)  เคยฆ่าคนด้วยการกระทำไหม (ไม่เคย)  ค่อยยังชั่วนะ แต่ฆ่าคนด้วยสายตาก็น่ากลัวนะ ใช่ไหม (ใช่)  ทำบ่อยไหมศิษย์ (ไม่บ่อย)  อาจารย์เห็นแล้วก็น่ากลัวนะ เวลาศิษย์ของอาจารย์โกรธ ตายิ่งกว่ามีดอีก ใช่ไหม (ใช่)  พร้อมจะฆ่าได้ทันที ใช่หรือไม่ (ใช่)  
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนพูดตอบประโยคของพระอาจารย์คำว่า “ดี”)
ถ้าสมมติว่าอาจารย์พูดอะไร ให้ศิษย์พูดว่า “ดี” ได้ไหม (ได้)  ไม่ว่าจะพูดอะไรศิษย์ก็ต้องพูดว่า (ดี)  ฉะนั้นอาจารย์บอกว่าให้ศิษย์กินเจ ศิษย์ก็ต้องบอกว่า (ดี)  ถ้าอาจารย์บอกว่าให้กินเจตลอดชีวิต ศิษย์ก็ต้องบอกว่า (ดี)  แล้วถ้าเกิดว่าอาจารย์พูดว่าดีอย่างเดียวไม่พอ ดีแล้วบอกว่าทำ ได้ไหม (ได้)  อย่างนั้นอาจารย์บอกว่าให้กินเจก็บอกว่า (ทำ)  กินเจตลอดชีวิตก็บอกว่า (ทำ)  ดีไหม (ดี)  ศิษย์ของอาจารย์ทุกคนจะกินเจ ทำไหม (ทำ)  ศิษย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหม คิดดีขึ้น (สวรรค์)  คิดชั่วลง (นรก)  คงเคยได้ยินบ้างนะ แปลว่าเวลามีความคิดอะไรมาเราต้องตามความคิดเราตลอดไหม (ตาม)  เวลาเราคิดดีก็เหมือนขึ้นสวรรค์ เวลาคิดชั่วก็เหมือนตกนรก แต่ส่วนใหญ่เราคิดสูงหรือคิดต่ำ (คิดต่ำ, คิดสูง)  สมมติว่ามีคำพูดคำหนึ่งของมนุษย์มักจะพูดบอกว่า คนเรานะเวลามีเรื่องอะไรมากระทบมีอยู่สองอย่างคือคิดดีกับคิดไม่ดี ใช่ไหม (ใช่)  หรือพูดง่ายๆ คือคิดสูงหรือคิดลงต่ำ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าคิดดีก็เหมือนขึ้นสวรรค์ คิดชั่วก็เหมือนลงนรก เราส่วนใหญ่คิดดีหรือคิดชั่ว (คิดดี)  ใครทำอะไรให้ดีหน่อยคิดดีหรือคิดชั่วเขาชวนมาฟังธรรมะคิดดีหรือคิดชั่ว (ดี)  หรือ ส่วนใหญ่มักจะคิดลงต่ำมากกว่าคิดขึ้นสูงใช่ไหม (ใช่)  ฟังต่อนะ ศิษย์เคยได้ยินไหม ศิษย์มักจะพูดว่า “อาจารย์คนเราเกิดมาตายก็จบ นรกสวรรค์ไม่มีจริงหรอก”
ฉะนั้นวันนี้อาจารย์จะชวนศิษย์ไปเที่ยวนรก ไปไหม ก็ศิษย์บอกว่าไม่เคยไป จะพาไปเที่ยวนรก แล้วจะพาไปสวรรค์ แล้วก็จะพาไปแดนนิพพาน  แต่อาจารย์กลัวว่าพอลงนรกไปแล้วจะไม่ขึ้นนิพพาน เพราะว่าช่วยทีไรลงนรกตลอดเลย  พอนิพพาน ยังเลย อาจารย์ถามก่อนศิษย์เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ไหม (เชื่อ)  ศิษย์เชื่อว่าใครทำอะไรได้อย่างนั้นไหม  ต้องถามฝ่ายชาย เชื่อไหม มีหลายคนก็บอกว่า ถ้าตายแล้วมันก็จบ นรกไม่มีจริงสวรรค์ก็ไม่รู้มีจริงหรือเปล่า ใช่ไหม (ไม่ใช่)  อาจารย์ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าใครไม่เชื่อนรก (พระอาจารย์เชิญนักเรียนชายคนหนึ่งออกมา แล้วถามว่าอยากไปนรกไหม)  (อยาก)  แน่นะ ไม่ยากเลย ถ้าอย่างนั้น เดินไปก็ไปต่อยหน้าคนนั้น (ไม่อยาก)  ไม่ต้องไปแดนนรกก็จะพบนรกบนดินเลย แล้วก็กระทืบให้เต็มที่เลย คราวนั้นศิษย์ไม่ใช่กระทืบเขาคนเดียว แต่ศิษย์จะได้โดนเขารุมกระทืบเลย  ฉะนั้นศิษย์เอ๋ยอย่าพูดว่านรกไม่มี ถ้าพรุ่งนี้มี นรกก็มี  จำไว้นะอย่าพูดว่าบุญบาปไม่มี เมื่อสักครู่ยังบอกว่าไม่เคยเห็นนรกเลย ยังอยากไปนรกอยู่เลย อาจารย์จะชวนไป  อาจารย์ถามง่ายๆ นรกมีไม่มี มันอยู่ที่ใจ   ถ้าคนเราโดนทำเจ็บแล้วจำ   จำแล้วมันอยากอาฆาต   อยากล้างแค้น นั่นแปลว่านรกมี บาปกรรมมี  แต่ถ้าทำแล้วมันจบกันจริงๆ  ทำแล้วจบ นรกสวรรค์ไม่มี  แต่อาจารย์ถามนะในโลกที่ศิษย์ทำแล้วเขาจบ เขาไม่เอาคืนมีไหม (ไม่มี)  
เรายอมเอาตัวเองตกนรก ถูกไหม ถ้าไม่มีก็แปลว่านรกสวรรค์มีนะศิษย์ เหมือนง่ายๆ ทำไมคนบางคนที่เราเห็น คนบางคนมองแล้วถูกชะตา คนบางคนมองเกลียดขี้หน้า หาสาเหตุเจอไหม (ไม่เจอ)  มันเพราะอะไรหรือ เพราะว่ามันมีบุญบาปจริงๆ แล้วมันไม่ใช่จบแล้วจบกัน แต่มันยังมีเหตุปัจจัยให้ต้องมารับผลนั้น ฉะนั้นถ้าไม่อยากลงนรกจงอย่าทำให้ใครเจ็บปวด จงอย่าทำให้ใครรู้สึก ทำแล้วไม่จบ เพราะคนในโลกอาจารย์ถามนะ สิ่งที่อยู่ในใจศิษย์ดีหรือเลว (ดี)  เอาที่จำได้แม่นๆ  นะ  มันเรื่องดีของคนอื่นหรือเรื่องเลวของคนอื่น เรื่องเลวมากกว่าเรื่องดี แล้วผ่านไปกี่ปีมันก็จำเรื่องเลวได้มากกว่าเรื่องดี ใช่ไหม (ใช่)  อย่าคิดว่าทำแล้วจบกัน ทำแล้วมันไม่จบ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นอาจารย์ถามศิษย์นะ เมื่อเวลาเราอยู่ในโลก ทำไมเราไม่สร้างทางสวรรค์หรือทางนิพพาน ทำไมถูก แล้วศิษย์รู้ไหม นรกเปลี่ยนเป็นสวรรค์ได้เพียงแค่สำนึกแก้ไขไม่ทำอีก นรกพลิกเป็นสวรรค์ทันที แล้วรู้ไหมว่า ถ้าสำนึกแก้ไขไม่ทำอีกแล้ว มุ่งมั่นสร้างสิ่งที่ดีงาม โดยไม่ยึดมั่นถือมั่น จากนรกเป็นสวรรค์ จากสวรรค์จะเข้าสู่หนทางพระนิพพาน แค่พลิกใจเป็นนะศิษย์ ถูกไหม แต่มันอยู่ที่ว่าเวลาเราโดนกระทบ เราจะขึ้นสวรรค์ เราจะตกนรกหรือจะพ้นเวียนว่ายกรรม ถูกไหม กระทบแล้วช่างมัน ด่ามันๆๆ จะไม่จบกรรมแล้วลงนรกแน่ก่อเวรก่อกรรมเบียดเบียนไม่จบสิ้น แต่ถ้าโดนกระทบเป็นบุญแล้ว ประเสริฐแล้ว ดีแล้ว ชดใช้กรรมแล้ว นรกพลิกเป็นสวรรค์ ใช่ไหม แต่ถ้ากลับกัน นรกพลิกเป็นสวรรค์แล้ว ถ้าโดนกระทบปุ๊บ  พิจารณาด้วยสติ  นิ่ง  ไม่เกิดดี  ไม่เกิดร้าย  พบความสงบและเบิกบาน สวรรค์จะกลายเป็นนิพพานทันที แค่นิดเดียวเองนะศิษย์ ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่ เมื่อโดนกระทบ ศิษย์จะขึ้นสวรรค์ ตกนรก หรือพ้นเวียนว่ายกรรม ไปทางไหน (ไปทางไหนดี)  ไม่ต้องไปถามเขาชีวิตเราเอง (ไปทางสวรรค์)  ส่วนใหญ่อยากไปสวรรค์ นิพพานไกลไปใช่ไหม อย่างนั้นศิษย์รู้ไหม สวรรค์มันมีเวลา ทำได้น้อย ก็อยู่ได้น้อย ถึงเวลาก็กลับมาเกิดใหม่ แต่นิพพานถ้าเข้าถึงแล้วไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป แล้วถ้าบุญศิษย์ไม่พอกลับมาเกิด แล้วไม่ได้เกิดเป็นคน เพราะศีลห้ายังไม่ครบ คุณธรรมความเป็นคนยังไม่มี แน่ใจหรือว่าเสวยบุญเสร็จแล้วจะกลับมาเกิดเป็นคน ถูกไหม
อย่างนั้นอาจารย์ถามศิษย์นะ เมื่อโดนกระทบ ขึ้นสวรรค์ ลงนรก หรือพ้นเวียนว่ายกรรม (พ้นเวียนว่ายกรรม)  ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่โดนกระทบไม่ว่าจะเป็นทางหู ทางตา ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ก่อนที่จะกระแทกกระทั้นกระเทือนออกไป คิดให้ดีๆ เพราะอันนั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมในอนาคต และการเวียนว่ายไม่จบสิ้นหรือไม่ ถูกไหม (ถูก)  วิธีที่ง่ายที่สุดกระทบแล้วจงนิ่ง นิ่งแล้วพิจารณาให้บังเกิดธรรม ธรรมที่นำพาให้เราพ้นทุกข์ ไม่ยึดมั่นถือมั่น คลายความหลงผิด ธรรมนั้นแหละที่จะนำพาให้ศิษย์ไปพบทางพระนิพพาน ไปไหม (ไป)  ถ้าไป เดี๋ยวจะได้ชวนลงนรกก่อน ไปไหม (ไม่ไป)  ทำไมกลัวล่ะ ลงไปดูให้รู้ชัดๆ แล้วจะได้รู้ว่าตอนนี้ชีวิตตัวเองนะ อยู่ในนรกหรือในสวรรค์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ส่วนใหญ่เวลาโดนกระทบ โดนว่า โดนด่า โกรธไหม (โกรธ)  ด่าไหม (ด่า)  เรียกว่าจองเวรจองกรรม  แล้วเก็บไว้ในใจไหม (เก็บ)   นั่นแหละเรียกว่าผูกเวร  ผูกกรรม แต่ถ้าโดนด่าแล้วเราจบได้ ไม่เก็บ แปลว่าเราจบแล้วจบกัน ทำได้ไหม (ยาก) ยากหรือส่วนใหญ่มนุษย์บอกว่า คิดดีขึ้นสวรรค์ คิดชั่วลง (นรก)  แล้วนรกเป็นอย่างไรนรกคือที่ๆ คนเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ รักสบายล้างผลาญความดีงามของตัวเองและล้างผลาญความดีงามของผู้อื่น เราอยู่ในข้อนี้สักข้อไหมศิษย์ อยู่ไหม (อยู่, ไม่อยู่)  อยู่หรือ แปลว่าหนึ่งขาของศิษย์ก้าวเข้านรกแล้วนะ นรกคือที่ๆ คนเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้รักสบาย อยู่กับใครไม่ทำให้คนอื่นเขามีสุข อยู่กับใครไม่ทำให้คนอื่นเขาสบายใจรู้สึกดี แต่ชอบล้างผลาญความดีของคนอื่นแล้วก็ล้างผลาญความดีของตัวเอง เป็นไหม ศิษย์รู้ไหม คนที่มีชีวิตอยู่แล้วคอยล้างผลาญความดีของคนอื่น ท่านเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พญามาร ศิษย์เป็นพญามารไหม (ไม่)  เมื่อไหร่ที่โกรธคนอื่นแล้วด่าๆ นั้นคือ (พญามาร)  ถูกไหม (ถูก)  เมื่อไหร่ที่โลภจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีนั้นคือ (พญามาร)  เมื่อไหร่ที่หลงลำพองตัวเองจนไม่รู้จักฟังใครนั้นคือเรียกว่า (พญามาร)  แล้วก็มีลูกสมุนเป็น โลภ โกรธ หลง อยู่ในใจ มีไหม (มี)  ครบไหม (ครบ)  อย่างนั้นแปลว่าชีวิตนี้ตกนรกแน่ๆ เลย ใช่ไหม (ใช่)  เห็นแก่ตัวไหม (ไม่เห็น)  เอาแต่ได้ไหม (ไม่)  รักสบายไหม (ไม่)  ว่างๆ ก็ไปเล่นกับโลภโกรธหลง ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนี้ตกนรกไหม (ตก)  นรกของอาจารย์คนที่ทำอะไรเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ รักสบาย ชอบล้างผลาญความดีงาม มีลูกสมุนเป็น โลภ โกรธ หลง อยู่ในใจเสมอ ถ้าทำชีวิตเช่นนี้ทุกๆ วัน ก็หนีไม่พ้นตกนรก  ฉะนั้นศิษย์เลยบอกอาจารย์ว่า  อาจารย์ถ้าศิษย์ทำดี   ดีไหม (ดี)  จะทำดีล้างชั่ว ได้ไหม (ได้)  
อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยนะ ตบมันแล้ว แล้วไปทำบุญ ได้ไหม (ไม่ได้)  ไปโกงกินเขาเต็มที่แล้วค่อยไปอุทิศส่วนบุญ หายไหม (ไม่หาย)  ด่ามันเรียบร้อยแล้วค่อยไปทำบุญใส่บาตรอุทิศบุญ ล้างกันได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเมื่อสักครู่ใครบอกว่าล้างได้ ถูกไหม (ถูก)  ศิษย์บอกอาจารย์ว่า อาจารย์ไม่เป็นไร เกิดเป็นคนมันต้องมีโลภ มีโกรธ มีหลงเป็นธรรมดา จะให้มันไม่มีโลภโกรธหลงเลย เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  พอเป็นไปไม่ได้ศิษย์ก็เลยไปทำเขาซะเต็มที่ ถึงเวลาค่อยอุทิศบุญส่วนกุศลที่วัด ไปโกงเขามาเต็มที่ไปรวยมาให้เต็มที่แล้วค่อยไปทำบุญชดเชย แก้ได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วทำไมจึงทำ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป  แก้กันไม่ได้นะศิษย์ แล้วเอาบุญมาล้างบาปไม่ได้ บาปจะล้างได้ก็ต่อเมื่อหยุดทำมัน  ตัดมันทิ้ง  อาจารย์ถามหน่อยตั้งแต่เกิดมา ใครโลภเป็นนิสัยโกรธตั้งแต่เกิด (ไม่มี)  ใครหลงตั้งแต่ยังไม่รู้สึกตัว (ไม่มี)  ก็ไม่มี แปลว่ามาทีหลังใช่ไหม (ใช่)  เกิดทีหลังใช่ไหม (ใช่)  แปลว่าไม่ใช่ของเรา  ใช่ไหม (ใช่)  ถามจริงๆ ถ้าไม่มีความอยาก เราจะผิดศีลไหม (ไม่ผิด)  ถ้าเราไม่โมโห เราจะด่าคนไหม (ไม่ด่า)  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเรามีสติรู้ก่อนที่จะโมโห  รู้ก่อนที่จะด่า โลภ โกรธ หลง จะทำอะไรเราได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นสิ่งนี้ไม่ใช่ของเดิมของเรา แล้วทำไมเราต้องตกเป็นทาสอยู่ร่ำไปใช่ไหม (ใช่)  มันมาแล้วเราต้องเชื่อมันไหม (ไม่เชื่อ)  ไม่จำเป็นต้องเชื่อ คนอื่นเรายังดื้อได้ ทำไมโลภโกรธหลง เราดื้อไม่ได้หรือศิษย์ ถูกไหม (ถูก)  แค่มีสติรู้ให้ทันความคิด โกรธมาจำเป็นต้องโกรธไหม (ไม่จำเป็น)  โลภมาจำเป็นต้องโลภไหม (ไม่จำเป็น)  หลงมาจำเป็นต้องหลงไหม (ไม่จำเป็น)  ฉะนั้นโกรธมาก็แค่ (ยิ้ม)  ไม่ยากๆ เวลาความโกรธพุ่งมานะศิษย์ วิธีอาจารย์ง่ายๆ โกรธมาใช่ไหม ฉันไม่โกรธ ฉันไม่ตกเป็นทาสแก ถ้าตกเป็นทาสแก ฉันต้องตกนรก ฉันไม่ไป พระพุทธะท่านจึงกล่าวว่า ถ้าเรารู้เท่าทันใจตน กิเลสก็ควบคุมใจเราไม่ได้ แต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าตน กิเลสก็ครอบงำชีวิตเรา และตกเป็นทาสของมันอยู่ร่ำไป
ฉะนั้นเหมือนที่อาจารย์บอกตั้งแต่ต้น เมื่อคิดแล้วต้องทำตามสิ่งที่คิดไหม (ไม่)  เมื่อความคิดมาเราต้องเป็นทาสของความคิดตลอดไหม (ไม่ตลอด)  ถ้าความคิดนั้นไม่มีสติ ขาดปัญญา ขาดศีลธรรม เราควรทำตามไหม (ไม่ควร)  เมื่อไม่ควร เราจะปล่อยไหม (ปล่อย)  ความคิดก็จะปล่อยของมันไปเอง  เพราะโลภโกรธหลง  ศิษย์ไม่ให้ฆ่า   ไม่ปรุงแต่ง  ไม่หลงร่วมลงโรงกับมันนะ   เดี๋ยวมันก็หายไปจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นความโกรธมาไม่ต้องไปลงโรงกับมัน ไม่ต้องไปแยกกับมัน มีสติรู้ให้ทัน เห็นให้ทันทางความคิดอารมณ์ได้หรือไม่ (ได้)  เหมือนความโกรธมา ฉันไม่โกรธกับแก ความโลภมาฉันไม่โลภกับแก ได้ไหม (ได้) เปลี่ยนบาปให้เป็นบุญด้วยการถ้าจะโกรธ เปลี่ยนเป็นอภัย อภัยเปลี่ยนเป็นเข้าใจ เข้าใจเปลี่ยนเป็นปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่นดีไหม (ดี)  ศิษย์ก็บอกอาจารย์  แต่มันเป็นเรื่องที่แบบว่ายากนะ เพราะคนเรายังอยากอยู่ใช่ไหม (ใช่) 
(พระอาจารย์เมตตานักเรียนในชั้นที่กำลังจะออกไปล้างหน้าให้ออกมาหน้าห้อง)  
สุขภาพที่ดีต้องรู้จักออกกำลังกาย การออกกำลังกายคือยาวิเศษ ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากอยู่ในโลกไม่ทุกข์ ก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองถูกไหม แอปเปิลได้ไปฟรีๆ มันก็กระไรอยู่นะ ใช้ให้คุ้มก่อนแล้วค่อยได้แอปเปิลไปดีไหม (ดี)  อย่างนั้นยืนเป็นเพื่อนอาจารย์ อยากล้างหน้าอีกไหม (ล้าง เพราะว่าปวดหัว)  อย่างนั้นไปล้าง แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาเอาแอปเปิล แล้วค่อยมายืนเป็นเพื่อนอาจารย์นะ
เมื่อสักครู่อาจารย์บอกว่า ถ้าศิษย์ไม่อยากตกนรก ก็จงอย่ามีโลภ โกรธ หลงในตัวเอง ถูกไหม (ถูก)  แต่ศิษย์ก็บอกว่าอาจารย์อยู่ในโลก มีร่างกาย มีสังขาร มันอดไม่ได้ ต้องทำมาหากิน ต้องเลี้ยงดู ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นมันก็หนีไม่พ้น ที่ต้องมีความอยาก มีโกรธบ้าง มีหลงบ้าง เป็นธรรมดา ถูกไหม (ถูก)  เวลาอยากมากๆ โลภมากๆ หลงมากๆ ศิษย์ก็ไปทำให้เต็มที่ แล้วศิษย์ก็ไปทำบุญชดเชย ใช่ไหม (ไม่ใช่)  แล้วที่แล้วมานั้นเป็นแบบนี้ใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์ไปชั่วมาเต็มที่แล้วค่อยมาทำดีมันล้างไม่ได้นะ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ฉะนั้นถ้าไม่อยากมีบาปก็จงอย่าตกเป็นทาสกิเลส แล้วศิษย์จะอยู่บนโลกนี้อย่างไร ที่จะทำให้ศิษย์ไม่โลภเกินไป ไม่โกรธเกินไป ไม่หลงเกินไป ใช่ไหม อย่างนั้นอาจารย์ถามนะ ถ้ากินแอปเปิลนี้แล้วต้องตายกินไหม (ไม่กิน) เอาไหม (ไม่เอา)  กินแอปเปิลแล้วเจ็บเอาไหม (ไม่เอา)  ไม่เอาหรือ (ไม่เอา)  กินแอปเปิลแล้วได้ทุกข์เพิ่มเอาไหม (ไม่เอา)
เวลาใกล้หมดแล้วนะ อาจารย์ยังไม่เข้าถึงแก่นของเรื่องเลย ศิษย์เอ๋ยเมื่อสักครู่อาจารย์บอกว่าแอปเปิลลูกนี้กินแล้วตาย ทุกคนในชั้นไม่เอาหมดเลย แต่อาจารย์จะให้ศิษย์นะ เอาไหม (เอา)  เพราะอะไร (อยากกลับไปสักการะเทพเจ้ากวนอู)  จะเอาไปไหว้พระกวนอูต่อหรือ (ไม่ ถ้าตายแล้ว ถ้าได้ขึ้นนิพพานจะนำไปกราบเทพเจ้ากวนอู)  ถ้ากินแล้วตายจะได้ขึ้นนิพพานไปหาท่านกวนอู คุณธรรมของท่านกวนอูที่ยิ่งใหญ่คืออะไร คือความซื่อสัตย์ ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากไปไหว้พระกวนอู สิ่งสำคัญศิษย์ต้องมีคุณธรรมซื่อสัตย์จนตัวตาย อาจารย์รับรองได้เลยว่าได้ไปไหว้พระกวนอูแน่ แต่แค่ไหว้แล้วกลับมานะ มันไม่พอศิษย์เอ๋ยความดีงามนะ ต้องทำให้อย่างจริงจังทำให้สุดชีวิต อย่าแค่ไปไหว้ แต่จงเป็นพระกวนอูบนโลกนี้ รักษาความถูกต้องแต่ไม่ใช่เอาความถูกต้องไปเข้มงวดใคร แต่เอาความถูกต้องมาเข้มงวดที่ตัวเอง อย่าปล่อยให้สภาวะแวดล้อมมันทำให้เราเหลวแหลกใจแตกนะศิษย์เอ๋ย
ศิษย์ฟังนะใดๆ ในโลกที่ศิษย์แสวงหามีไหมที่มันเกิดแล้วมันไม่ดับ (ไม่มี) ใดๆ ในโลกที่ศิษย์แสวงหาที่มันเกิดแล้วมันไม่เจ็บ (ไม่มี)  ใดๆ ในโลกที่ศิษย์ไขว่คว้ามีไหมที่มันเกิดแล้วมันไม่จบ (ไม่มี)  ใดๆ ในโลกที่ศิษย์พยายามยึดครองมันมีไหมที่ศิษย์ยึดครองได้อย่างแท้จริง (ไม่มี)  ฉะนั้นเมื่อเข้าใจ เอาไหม (เอา)  เมื่อสักครู่บอกไม่เอา เอาไหม (ไม่เอา)  อาจารย์ช่วยรักษาให้เปราะหนึ่งแต่ที่เหลือต้องดูแลตัวเองนะ
ฉะนั้นศิษย์เอยถ้าศิษย์หวังอะไรในโลกนี้ ศิษย์หนีพ้นความจริงแห่งสัจธรรมพ้นไหม ขึ้นชื่อว่าความจริงที่เป็นสัจธรรมของทุกชีวิตล้วนไม่เที่ยง ล้วนเป็นทุกข์ ล้วนว่างเปล่า อย่างนั้นสิ่งที่ศิษย์แสวงหามามันมีความไม่เที่ยง มีความทุกข์ มีความว่างเปล่าอยู่ จะเอาไหม (เอา)  ศิษย์เอยเมื่อสักครู่บอกไม่เอาตอนนี้จะเอาหรือ คนเรานะตายหนเดียวก็เจ็บปวดแล้ว แต่นี่ไปเอาอีกอันหนึ่งมาทำให้เราต้องตายแล้วตายอีก เจ็บแล้วเจ็บอีก ยังอยากหรือ อาจารย์จะเทียบให้ดูง่ายๆ นะ
(พระอาจารย์เมตตาให้รองหัวหน้าชั้นออกมาหน้าชั้น)
ขึ้นชื่อว่าร่างกาย ดูสิเห็นไหมขึ้นชื่อว่าความจริงในโลก ศิษย์บอกว่าอาจารย์มันต้องหา มันต้องมี มันต้องได้ อาจารย์ถามนะ ถ้าแค่หนึ่งชีวิตสิ่งที่เราต้องรับคือความแก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทนอยู่กับสิ่งที่ไม่รัก นี่คือทุกข์หนึ่งกองแล้วนะ แล้วศิษย์ยังไปหามาอีกหนึ่งกอง เท่ากับศิษย์ต้องแบกทุกข์กี่กอง (สองกอง)  พอไหม (พอ)  ไม่พอเห็นยังมีลูกอีกหนึ่งกอง
ฉะนั้นพระพุทธะจึงบอกว่า ถ้าเมื่อไหร่เรามีปัญญารู้แจ้งเห็นจริงว่าใดๆ ในโลกมันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันว่างเปล่าจะไปยึดมั่นถือมั่นทำไมให้มันทุกข์เพิ่ม ถูกไหม (ถูก)  ทำไมเราไม่แค่ยืมใช้ล่ะ ทำไมเราไม่รู้จักแค่อาศัยยืมชั่วคราวถึงเวลาก็ปล่อยมันไป แต่มนุษย์ไม่ใช่ มีแล้วยึด ยึดแล้วหลงถูกไหม กำหนดค่าว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ได้อย่างนั้น อย่างนี้  ถ้าตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอด ยังอยากจะกำหนดชีวิตคนอื่นไหม ใช่ไหม (ใช่)  อย่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วพอไหม (ไม่พอ) แล้วควรหรือที่จะยึดทุกข์  พระพุทธะสอนว่าเรามาเพียงผู้อาศัย เราเกิดมาเพื่อยืมใช้ อย่าหลงยึดติดว่ามันเป็นของเรา เพราะถ้าหลงเมื่อไร ก็หนีไม่พ้นนรก แต่ถ้าเรามองเห็นชัดว่ามันทุกข์ ไม่เที่ยง ว่างเปล่า หาแก่นสารไม่ได้ เราแค่ยืมใช้เท่านั้น เราจะยึดไหม โลภไหม เราจะเกลียดไหม เพราะอะไรไม่เกลียด จำไว้นะศิษย์ มีสูงก็มีเตี้ย บางทีอาจารย์บอกว่าอย่าเกลียด เพราะความเป็นจริงของในโลก ศิษย์เอ๋ยดีใจจังมีคนเตี้ยกว่าเกลียดจังเลยสูงกว่า แต่ถ้าเรามองให้ชัด ให้กว้างมนุษย์มีความเป็นกลางอยู่ แล้วทุกสิ่งก็มีความเป็นกลางอยู่แต่ใจของเรามันมืดบอด มองไม่เห็นความเป็นกลาง มีคนเตี้ยกว่าเขาไหม มีคนสูงกว่าเขาไหม (มี)
ฉะนั้นเวลาเรามองอะไรต้องมองให้ชัด เมื่อมองให้ชัด ความโลภ ความโกรธ ความหลง จะไม่ได้มาแผ้วพานศิษย์ เมื่อเขาด่าศิษย์โกรธไหม จงจำไว้มีคนด่าก็มีคนชม มีคนรักก็มีคนเกลียด ฉะนั้นเราจะโกรธอะไร เมื่อศิษย์มองหลักสัจธรรมอย่างแจ่มแจ้ง ความโลภก็ทำให้ศิษย์ไม่อยากโลภ ความโกรธก็จะทำให้ศิษย์ไม่โกรธ แต่เป็นความเข้าใจ เข้าใจจนคลายความยึดมั่น และเกิดมาเพียงเพื่อยืมใช้ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้วปล่อยวางให้มันเป็นไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดดับ เกิดดับ ทุกขณะที่เกิด มันดับตลอดนะ  แต่ศิษย์นั่นแหละไม่ยอมให้มันดับ  ไม่ยอมให้มันจบ ใช่ไหม (ใช่)  เขาว่าเราจบหรือยัง (จบแล้ว)  แต่ใจเราจบไหม (ไม่จบ)  อย่างนั้นแหละ เรียกว่าทำเวรให้ยืดเยื้อ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าศิษย์ไม่อยากทุกข์ นอกจากสร้างบุญ ให้ทาน มีศีล มีธรรม ถ้าศิษย์ทำได้เช่นนี้ศิษย์ก็กำลังเข้าสู่หนทางสวรรค์ แต่สวรรค์นั้น ยังเป็นการสร้างเพื่อก่อเกิดการรองรับกลับมายึดมั่นถือมั่น มีตัวมีตนอีก บุญนั้น ก็เป็นบุญที่มีจำกัด บุญนั้นก็เป็นบุญที่ต้องกลับมาเกิดเพื่อรับผล ถูกหรือไม่ ฉะนั้นแดนนิพพานคือหนทางที่เรียกว่ากุศล กุศลคือหนทางที่สามารถตัด ทำลายความยึดมั่นถือมั่น ยกจิตให้สูงขึ้น
อาจารย์จะบอกให้ นรก สวรรค์ นิพพาน มันแค่นิดเดียวเอง ช่วงขณะที่จิตโดนกระทบแล้วใจรู้สึกชอบ มันก็จะเอียงไปสวรรค์ แต่ถ้าเกิดช่วงที่ขณะจิตโดนกระทบ แล้วศิษย์บอกว่าเกลียด ไม่ชอบ มันก็เอียงไปนรก แต่ถ้าช่วงขณะที่ศิษย์โดนกระทบไม่ว่าจะทางตา ทางหู ทางจมูก อะไรก็ตาม ศิษย์ไม่มีความชอบ ความชัง แต่เป็นความนิ่ง สงบ นั้นแหล่ะคือ เรียกว่าหนทางแท้ที่เรียกว่าธรรมแท้มีหนึ่งเดียวคือทางสายกลาง พอเข้าใจไหม (เข้าใจ)  ฉะนั้นถ้าเกิดว่าเราโดนกระทบเราไม่หวั่นไหว เราไม่เกิดความรู้สึก เราสามารถตัดเหตุปัจจัยแห่งความเกิดชอบ เกิดชังได้ เราสามารถนิ่ง นิ่งแล้วพิจารณามองให้เห็นความเป็นจริงแห่งโลกว่า มันไม่เที่ยง ว่างเปล่า เป็นทุกข์ หามีตัวตนไม่ แล้วเรากำลังโกรธอะไร กำลังอยากอะไร นั่นแหละจิตได้เข้าสู่หนทางแห่งทางสายกลาง ทางที่คงอยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง ฟังแล้วเข้าใจไหม (เข้าใจ)  แต่คงจะยากนิดหนึ่งใช่ไหม (ใช่) วิธีง่ายๆ ของอาจารย์ คนเรามีตา มีหู มีจมูก มีปาก ฉะนั้นเวลาหูได้ยินเสียงอะไร ก็แค่ได้ยิน หูเมื่อถูกกระทบ แต่พอมีใจใส่ลงไป ได้ยินเสียงก็เริ่มแบ่งแยก อันนี้เสียงไพเราะ อันนี้เสียงไม่ไพเราะใช่ไหม (ใช่) จึงแตกเป็นสอง แต่พระพุทธะสอนว่าถ้าเมื่อไหร่ได้ยิน สักแต่ได้ยิน ตัวตนตัวนี้ สามารถวางทิ้งได้ เมื่อนั้นศิษย์จะไม่เกิดอีกต่อไป แต่การเกิดของครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หรือเรียกว่าการได้ยินที่ทำให้ศิษย์สิ้นทุกข์ได้ในชาตินี้ เดี๋ยวนี้ แต่ศิษย์ไม่ใช่ เวลาได้ยินแบ่งเป็นดี ร้าย ชอบ ชังใช่ไหม (ใช่)  เวลามองเราไม่ใช่แค่เห็น เราเอาตัวตนใส่เข้าไป การมองก็เกิดการแบ่งแยกว่า สวย ไม่สวย นรก สวรรค์ทำงานตลอดเวลา แต่ถ้าทุกขณะศิษย์เห็นแค่เห็น แล้วมองว่าที่สวยมันไม่สวย ที่มีแท้จริงไม่มี จะกลับเข้าสู่ความว่าง
ฉะนั้นนิพพานนั้นไซร้ อยู่ที่ใจคลายจางออก แค่นั้นเอง แต่ถ้าเรายึดมั่นถือมั่น ก็คือนรก แล้วก็ต้องมาแก้ด้วยการทำสวรรค์มันก็เวียนไม่จบสิ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเห็นก็กลายเป็นสวย ไม่สวย เวลากินก็กลายเป็น (อร่อย, ไม่อร่อย)  แล้วทำไมอาจารย์ถึงบอกว่า กินไม่ใช่แค่อิ่ม แต่กลายเป็นต้องอร่อย และไม่อร่อยใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์เทียบง่ายๆ แค่กินนะก็ก่อเกิดกรรม และเรียกว่าวิบากกรรมไม่สิ้นสุดได้ พออร่อยไปกินอีกไหม (กินอีก)  พออร่อยไปเอาอีกไหม (เอาอีก)  พอไม่อร่อยด่าไหม (ด่า)  นั่นแหละวิบากกรรมเกิดเลย เพียงแค่กินแล้วมีตัวเองใส่เข้าไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยากไหม (ไม่ยาก)  ขอแค่มีสติรู้เท่าทัน ท่านจึงบอกว่ารู้เมื่อไหร่ก็พ้นทุกข์เมื่อนั้น แต่ไม่ใช่รู้ข้างนอก รู้ในตัวเอง เพราะอะไรเพราะสังขารที่เรียกว่ากามคุณทั้งห้า จริงๆ แล้วมันเป็นอะไร มันไม่เที่ยง มันยึดมั่นไม่ได้ มันมีทุกข์มาก มันมีโทษ มันเป็นเหมือนก้อนไฟร้อนที่จับเมื่อไหร่ก็ต้องวิ่งไปตามมัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าหลงพอใจก็คือหลงพอใจในทุกข์ หลงยินดีก็คือหลงยินดีในทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้ามนุษย์เมื่อไหร่พอใจในกามคุณ พอใจในตัณหา ยินดีในโลภ ยินดีในรัก นั่นก็คือหนีไม่พ้นทุกข์ โศกและวิตกกังวล แต่ถ้าเมื่อไหร่มนุษย์คลายความทุกข์นั้นได้ มนุษย์ก็หมดทุกข์ได้
ฉะนั้นศิษย์อย่าเป็นคนแค่ทำบุญ แต่ต้องเอาให้ถึงกุศล กุศลคือหนทางที่จะนำพาให้เราพ้นทุกข์ที่แท้จริง ใช่ไหม (ใช่)  ทำโดยไม่ยึดติด ทำโดยมองเห็นแจ้งความเป็นจริงในโลกนี้ว่ามันไม่เที่ยง ว่างเปล่า เป็นทุกข์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าเมื่อไหร่ศิษย์เข้าใจหลักสัจธรรม ศิษย์จะพบคำว่าโลกนี้มันเป็นความว่างเปล่า และคงอยู่แค่เพียงชั่วคราว และทุกสิ่งล้วนเป็นกลางอยู่แล้ว แต่มนุษย์หลงผิดคิดว่ามันมีดี มีร้าย มีได้มีเสีย จริงๆ แล้วไม่ใช่ มันกลางอยู่แล้ว แต่เรามองแค่เห็น เราไม่มองให้กว้าง ถูกไหม (ถูก)  เหมือนบอกว่า “ศิษย์แก่” โกรธไหม โดนด่า “ไอ้แก่”  โกรธไหม (โกรธ)  โกรธทำไมล่ะก็แก่จริงๆ แล้วน่าจะดีใจด้วยว่าแก่แล้วยังมีคนแก่กว่าแล้วกันนะ ฉะนั้นใครล่ะแก่จริง ถ้าศิษย์เข้าใจธรรมะ นิพพานเป็นสิ่งที่ไปไม่ยากหรอก แต่ศิษย์มักไม่เข้าใจและรู้ไม่เท่าทันตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) 
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทเป็นรูปดอกบัวสามเหล่า)
อาจารย์ให้ศิษย์แบบนี้นะ เพราะวันนี้มีคนฟังอาจารย์ บางคนเหมือนดอกบัวดอกนี้ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ บางคนเหมือนจะรู้เรื่อง บางคนฟังแล้วเข้าใจเลย ใช่ไหม (ใช่)  พระพุทธะเปรียบคนเหมือนบัวสามเหล่าแค่นั้นนะ แต่คนมีสี่ประเภท คนที่รู้ช้า ต้องเพิ่มอีกนิดถึงจะรู้ แต่อันนี้แค่ฟังก็รู้ทันที ปัญญาคนเปลี่ยนได้ ปัญญาคนเพิ่มได้ อย่าปล่อยให้ชะตากรรมเป็นไปตามอย่างนั้น พลิกใจได้ก็พลิกชีวิตเป็น พลิกใจไม่ได้ก็ทุกข์ไม่จบสิ้น ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ก็หวังว่าศิษย์จะเป็นบัวพ้นน้ำที่ไม่กลัวแม้กระแสน้ำมันจะเชี่ยวกราดขนาดไหนก็ตาม ถึงพ้นแล้วแต่บางทีก็ยังหนีไม่พ้นคำพูดคนเรื่องของคนในโลก ฉะนั้นโดนกระทบโดนกระทั่งบ้างก็จงดึงตัวเองให้พ้นตลอดแล้วพ้นถึงที่สุด อย่าเป็นคนที่พ้นน้ำแล้วกลับลงไปจมกับน้ำใหม่ ได้ไหม (ได้)  รู้ตื่นแล้วนำพาตัวเองให้พ้น เราเกิดมาบนโลกนี้มีหนทางอีกทางหนึ่งคือทางพระนิพพาน ไม่ต้องดับพระนิพพานก็ได้ แต่หนทางเขาเรียกว่าสงบเย็นพ้นทุกข์ไม่แค่บุญกับบาป นรกกับสวรรค์ เขาเรียกว่าทางแห่งพุทธะ จะค้นพบได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถเข้าถึงความจริง หนทางการบำเพ็ญเมื่อเลือกแล้วต้องทำให้ถึงที่สุด เมื่อตั้งใจแล้วต้องไปให้ดีที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อเลือกปฏิบัติแล้วทำไมไม่ทำให้งดงาม อาจารย์แปลกใจนะมนุษย์เพื่อความสวย เพื่อความหล่อเจ็บอย่างไรก็ยอม เหนื่อยขนาดไหนก็ทนเพื่อความสวยทำได้ แต่ทำไมเพื่อความงามในจิตใจทำไมยอมทำกันไม่ได้ ถ้าศิษย์รักสวยงามเหมือนรักหน้าตา รักความดีงามเหมือนรักหน้าตา อาจารย์คงดีใจไม่น้อยนะ ใช่ไหม (ใช่)  เพื่อความสวยเจ็บอย่างไรก็ทนได้ แต่แปลกมาก เพื่อความดีในจิตใจ ทำไมแค่นิดหน่อยศิษย์ทนไม่ได้อาจารย์ไปแล้วนะดูแลตัวเองกันดีๆ อย่าหลงผิดทางอีกนะศิษย์ ตั้งใจบำเพ็ญอย่าหลงกับความสวยงามอันรูปไม่เที่ยงเลย คำว่าวิปลาสของอาจารย์ แปลว่าเห็นผิดเป็นชอบเห็นไม่ดีว่าดี ถูกไหม
ฉะนั้นศิษย์อย่ามีความคิดวิปลาส ศิษย์อย่ามีความคิดที่ผิด เหมือนเรายึดติดในตัวเองว่ามันสวย แต่จริงๆ พระพุทธะบอกว่ามันไม่เคยสวยเลย เพราะในความมีมันมีพร้อมความแก่ ความเจ็บ ความตาย ไปยึดมันทำไม เราแค่เกิดมายืมใช้และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถึงเวลาก็ปล่อยมันไป มันอยากตายก็ตาย แต่จิตของศิษย์ต้องไม่ตาย จิตที่ได้รับหนึ่งจุดชี้ มันเป็นสิ่งที่สงบ สว่าง และพ้นการเวียนว่ายตายเกิดมานานแล้ว แต่เรามักจะยึดติดแค่เพียงสังขาร ทั้งที่จริงๆ กายสังขารและใจมันไม่เคยเที่ยง และผลที่สุดมันก็ดับสลายไปตามกาลเวลา มีแต่จิตอันนี้ที่ศิษย์ได้รับหนึ่งจุดชี้ เมื่อไหร่ศิษย์จะเจอสักครั้ง เมื่อไหร่ศิษย์จะค้นพบสักครั้ง จงเอาจิตที่พ้นเวียนว่ายตายเกิด จิตที่นิ่ง สงบ สว่างแล้วกลับไปหาอาจารย์ อย่าเอาใจมาหาอาจารย์ เพราะใจมันไม่เที่ยงมันพลิกตลอด มันวุ่นไปตามอารมณ์ตลอด ใช่ไหม (ใช่)  แล้วอย่าเอาตัวตนมาให้อาจารย์เห็น เพราะตัวตนนั่นแหละคือตัวที่ทุกข์ที่สุด และเป็นกรงขังศิษย์ไม่มีวันจบสิ้น รักศิษย์ทุกคน มีโอกาสมาผูกบุญกันอีกนะศิษย์
วันนี้มาฟังธรรม ไม่ใช่เป็นแค่คนดี มาฟังธรรมเพื่อหาหนทางพระนิพพาน มาฟังเพื่อหาทางพ้นทุกข์ มีโอกาสกลับมาอีก ไม่ว่าศิษย์จะเป็นคนยังไง อาจารย์ให้อภัยเสมอ ไม่ว่าศิษย์จะดื้อขนาดไหน อาจารย์ก็รอศิษย์กลับมา อวยพรให้ศิษย์เข้มแข็ง รู้จักดำเนินชีวิตให้เป็น อย่าเอาแต่อารมณ์ กลับมาอีก ตั้งใจบำเพ็ญนะเด็กดีของอาจารย์ อย่าเอาแต่ใจ อย่าเอาแต่อารมณ์ รู้จักคิด รู้จักทำด้วยสติ ทำอะไรค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำ อย่าเอาแต่ใจ มีโอกาสมาร่วมบุญกับอาจารย์อีกนะ มาร่วมบุญนำพาให้ก่อเกิดกุศลที่จะนำพาให้ศิษย์พ้นทุกข์ไม่เวียนว่ายอยู่ในโลกใบนี้ ศิษย์เป็นศิษย์รักของอาจารย์ ฉะนั้นจงดูแลตัวเองให้ดีอย่าปล่อยให้อารมณ์ ความหลงผิดมาทำให้เราทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องใช่ไหม  ตั้งใจศึกษาบำเพ็ญ มุ่งมั่นให้ถึงที่สุดนะ อย่าพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ตัวเอง อย่าพ่ายแพ้ต่อความหลง มีโอกาสมาร่วมบุญกับอาจารย์อีก ตั้งใจบำเพ็ญให้ดี ให้งามทั้งข้างนอก งามทั้งข้างในใช่ไหม (ใช่)  ศีลต้องสมบูรณ์ สมบูรณ์หรือยัง กลับมาอีกนะใช่ไหมเด็กดื้อ กลับมาหาอาจารย์อีกนะ  อย่าไปแล้วไปเลยนะศิษย์เอ๋ย  อย่าปล่อยให้อาจารย์   รอเก้อนะ จับมืออาจารย์แล้วทำสิ่งที่ถูกต้องนะศิษย์เอ๋ย อย่าก่อกรรมทำเข็ญนะ ตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม
ตั้งใจบำเพ็ญ อย่าเอาแต่อารมณ์  มีโอกาสกลับมาอีกได้ไหม กลับมาร่วมงานฟ้า นำพาผู้คน ช่วยเหลือตัวเอง และนำพาผู้คน นำพาชนรุ่นหลังได้ไหมศิษย์ เลือกนำพาสิ่งที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นความเป็นตัวเองมันจะทำร้ายเรา หวังอาจารย์ให้พรหรือ พรอันใดก็ไม่สู้ปฏิบัติดีงาม มีศีล มีธรรม มีโอกาสมาศึกษาอีก ศิษย์เป็นคนมีความรู้ มาช่วยอาจารย์ได้ไหม อย่าดูเบาคุณค่าของตัวเอง อย่าดูเบาความดีงามในใจของตัวเองนะศิษย์ มีโอกาสมาร่วมบุญกันอีก แม้ศิษย์ไม่เชื่อ แต่จงเชื่อในความดีของตัวเอง  แม้ศิษย์ไม่ศรัทธาอาจารย์ แต่จงศรัทธาในความดีของอาจารย์ไม่ได้หรือ  น่าเสียดายนะถ้าฟังแล้วไม่รู้เรื่อง รู้หรือ รู้อะไร รู้ว่ามนุษย์เรามีธรรมที่ประเสริฐอยู่ในตัว นั่นเรียกว่าจิตเดิมแท้ จิตเดิมแท้อันสว่างแต่มันมืดมนไป เป็นเพราะกิเลส เป็นเพราะอารมณ์ความเป็นตัวตนใช่หรือไม่ (ใช่)  ไปแล้วนะ มีโอกาสมาฟังให้ครบนะ ตั้งใจปฏิบัติให้ดี อย่าไหว้แต่อาจารย์ภายนอก แต่ข้างในไม่ปฏิบัติอย่างนั้นเปล่าประโยชน์ใช่ไหม จับมือกับอาจารย์แล้วตั้งใจบำเพ็ญให้ถึงที่สุด อย่ายอมแพ้ อย่าหน่ายท้อ ตั้งใจให้ดี อย่ากลัวความยากลำบาก อย่าหลงทาง ศิษย์กลับมาอาจารย์ดีใจ เอาบุญมาช่วยคน ไม่ใช่เอาบุญนั้นมาทำให้คนหลง ตั้งใจบำเพ็ญ เพื่อตัวเองนะศิษย์ และนำพาคนให้ถูกทาง ทำได้ดีแล้ว อาจารย์ก็ปลื้มใจ เดินให้ถูกทางอาจารย์ก็ดีใจแล้ว ศิษย์นำพาคนด้วยความเมตตา อย่าเข้มงวดจนเกินไป ระมัดระวังอารมณ์ อย่าปล่อยให้อารมณ์มาทำร้ายตัวเอง ตั้งใจบำเพ็ญ อย่าเอาแต่อารมณ์ ทำอะไรรู้จักคิดรู้จักทำนะอาจารย์ให้บุญ ให้บารมี ให้ความดีงามศิษย์ แต่ศิษย์ก็ต้องรู้จักรักษาความดีงามในตัวเองด้วย อย่าปล่อยให้ความดีงามของตัวเองถูกทำลาย เพียงเพราะ ความคิดผิด คิดไม่ดี เอาแต่ใจ ชอบเที่ยวดีไหม คนในโลกเขารักคนดี แม้แต่ตัวศิษย์เองก็รักคนดีใช่ไหม (ใช่)  แล้วทำไมเราไม่ทำดี ทำไมต้องรอให้คนอื่นมายุยง คิดเองไม่ได้หรือ แล้วต้องรอให้เกิดอุบัติเหตุ รอให้ตัวเองแย่ แล้วถึงจะกลับใจ มันสายไปไหม อาจารย์เชื่อนะศิษย์ทุกคนมีความดีงามอยู่ แต่อยู่ที่ว่าแน่แค่ไหน ถ้าแน่ก็ทำให้ถึงที่สุด อย่าแน่ในทางชั่ว ต้องแน่ในทางดีใช่ไหม (ใช่)  ไม่ใช่แน่เอาแต่เที่ยว แต่ไม่รับผิดชอบอะไร อย่างนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวถูกไหม (ถูก)  เรียนยากก็ขยันใช่หรือเปล่า แค่ไม่กลัวลำบาก สู้ไม่ท้อมีอะไรยากบ้างใช่ไหม (ใช่)  มัวแต่รักสบายมันจะมีแต่แย่กับแย่ คิดให้ดีๆ สิ่งที่อาจารย์พูด โกหกหรือ ตั้งใจบำเพ็ญให้ถึงที่สุด
มีโอกาสกลับมาร่วมงานกับอาจารย์ได้ไหม   มนุษย์ทุกคนต่างมีกรรม ฉะนั้นรู้จักสร้างสิ่งที่ดี   เพื่อชดใช้กรรมตัวเองนะศิษย์   อย่าคะนอง     อย่าประมาทในการดำเนินชีวิต รักษาความดีงามไว้นะ เชื่ออาจารย์ ทำให้ได้นะ อย่าไปชนวัว อย่าไปกินเหล้า  อาจารย์ขอได้ไหม ขอแล้วจะซื้ออีกไหม หนทางดีงามมีอยู่แล้ว ศิษย์ไม่เลือกเดิน ทำไมเลือกเดินทางนรก ความดีงามมีอยู่ในตัว ทำไมไม่ทำ เพียงเพราะความเกียจคร้าน เพียงเพราะความเห็นแก่ตัว เพียงเพราะเอาแต่อารมณ์จึงทำผิดหรือ  อาจารย์ไปแล้วนะ อาจารย์อยากเห็นศิษย์เป็นคนดีจริงๆ นะ อาจารย์ไม่คิดหลอกศิษย์หรอก อยากให้ศิษย์กลับคืนฟ้าด้วยหัวใจที่ดีงาม กลับคืนฟ้าด้วยจิตเดิมแท้ ตั้งใจบำเพ็ญนะศิษย์เอ๋ยแล้วกลับฟ้าไปด้วยกัน เชื่ออาจารย์เถอะ



พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ ”
ถึงต่างแต่มีหนึ่งแท้ในสัจธรรม 
ต่างเป็นไปตามบุญบาปกรรมนำหนุน ช้าเร็วต่างปัญญาบ่มเพาะธรรมคุณ
จะล่วงพ้นทุกข์ด้วยหนุนกุศลกรรม (ตราบไม่สิ้นทุกข์จงเพียรในความไม่ประมาท)


อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

2558-06-06 สถานธรรมหมิงฮุย จ.ลพบุรี

西元二一五年歲次乙未月二十日                                         仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘                            สถานธรรมหมิงฮุย  จ.ลพบุรี
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านฮั่นจงหลี

  มโนธรรมสำนึกบอกผิดชอบชั่วดี            เมตตาธรรมย่อมบ่งชี้ใจการุณย์
จริยธรรมรู้อ่อนน้อมสุภาพคุณ                ปัญญาหนุนพูดคำกล่าวมีสัจจา
                              เราคือ
  ฮั่นจงหลีต้าเซียน         รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา        ลงสู่แดนโลก แฝงกายประณตน้อมกราบ
องค์มารดา          ถามเมธีทุกท่านสราญฤ

  โกรธเกลียดแล้วไกล่เกลี่ยยังต้องให้เวลา    อภัยกันแล้วอาจค้างคาเจ็บช้ำอยู่
รู้ตื่นก่อนก่อนมิตรจะกลายเป็นศัตรู           ใจหลงผิดเพียงชั่วครู่พิษยืนยาว
ยอมอ่อนถอยแพ้ไปบ้างกล้าสู้ทุกข์            ถึงล้มก็จะรีบลุกเพื่อจะก้าว
เป็นนักสู้ฟ้ามืดยิ่งเปล่งแสงดาว                ใจพร่างพราวทุกข์หามีผลใดใด
รูปนามมีตัวตนไม่ใคร่ครวญดู                 ใจของคนประมาทยิ่งอยู่ยิ่งไปใหญ่
สร้างความโลภโกรธหลงมากดจิตใจ          เมื่อยึดติดจิตพ่ายความอยากทันที
เมื่อมีอัตตาครองใจตนได้แต่ลวง               ทั่วใจล้วนแต่ติดบ่วงอยากหลีกหนี
แจ้งธรรมไม่วางรูปยากแจ้งยากมี             เพียงจิตเที่ยงรูปนามลี้จริงหรือลวง
                                                                                     ฮา ฮา หยุด



พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านฮั่นจงหลี

ฟังธรรมแล้วจิตต้องเบิกบาน จิตต้องโล่งโปร่งสบาย ฟังธรรมแล้วจิตต้องแช่มชื่นสดใส แต่ทำไมยิ่งนั่งยิ่งอมทุกข์ ยิ่งฟังหน้ายิ่งหดหู่หม่นหมอง  เคยชินแต่การทำบุญเสร็จก็กลับบ้าน แต่พอมาฟังให้ก่อเกิดปัญญา ก่อเกิดความเข้าใจกลับหน่ายท้อ ช่างน่าเสียดาย จริงหรือไม่ (จริง)
ลองแปรบาปเป็นบุญ แปรจิตอกุศลเป็นกุศล แปรจิตที่คิดร้ายเป็นคิดดี แปรจิตที่หม่นหมองเป็นสว่างสดใส ไม่ดีกว่าหรือ
เพื่อให้เกียรติและเป็นมารยาทที่ดีต่อกัน เราก็ควรจะแนะนำตัวเองให้ท่านรู้จักก่อน จะคุยกันยังไม่รู้จักกันก็ดูไม่มีจริยะ ไม่มีมารยาทที่ดี ใช่หรือเปล่า (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจ้งพระนาม นักเรียนในชั้นกล่าวต้อนรับและขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา)
เป็นโอกาสดีที่ได้มีโอกาสมาร่วมผูกบุญสัมพันธ์กัน แม้ในจิตใจของหลายท่านอาจจะยังคลางแคลงใจสงสัยอยู่ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกจะให้เชื่อ จะให้มั่นใจเลยก็เป็นไปไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
วันนี้เรามาฟังธรรมะเพื่อฟื้นฟูจิตญาณเดิม แล้วท่านคิดว่าตัวท่านมีจิตญาณเดิมที่มีความเป็นพุทธภาวะอยู่ในใจหรือไม่ (มี)  อย่างนั้นท่านคิดว่าอะไรที่เรียกว่า จิตแห่งพุทธภาวะ หรือจิตแห่งพุทธธรรม
พุทธภาวะหรือจิตแห่งพุทธะมีอยู่ในตัวเรา แต่บางครั้งอาจจะหลงผิดพลาดไปและกลายเป็นปิศาจพญามาร ใช่หรือไม่ (ใช่)  อะไรที่ตรงข้ามกับปิศาจพญามาร นั่นก็คือ ภาวะแห่งพุทธะ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ปิศาจคือความโกรธเกรี้ยว เห็นแก่ได้ เอาแต่ใจตน ถืออารมณ์ตนเป็นใหญ่ สิ่งที่ตรงข้ามกับปิศาจก็คือ ภาวะพุทธะ ใจเย็น สุขุม รู้ละอายผิดชอบชั่วดี มีเมตตามีมโนธรรม กล่าวคำล้วนเป็นสัจจะวาจา ท่านว่าเช่นนี้ล้วนมีอยู่ในตัวเราไหม (มี)  นานๆ ทีหรือมีตลอด (นานๆ ที)
ฉะนั้นถ้าเราพึงสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าในเมื่อเรามีพุทธจิตหรือจิตแห่งความเป็นพุทธะอยู่ จิตแห่งความเป็นพุทธะ คือจิตที่เข้าถึงสู่สภาวธรรมหรือจิตที่เข้าถึงคำว่าธรรมอยู่ในตัวตน คนที่เข้าถึงธรรมะได้คนนั้นต้องมีเมตตาจิต คนที่มีเมตตาจิตได้คนนั้นต้องใจเย็นสุขุม กล่าวคำใดต้องทำได้อย่างนั้น
คนมีเมตตาธรรมเป็นคนที่ต้องเป็นอย่างไร รู้จักสุภาพอ่อนน้อม ไม่ดื้อดึงไม่ดันทุรัง ไม่หยิ่งผยองไม่อวดดี นี่จึงจะเรียกว่า จิตแห่งพุทธะ  อย่างนั้นขอถามว่า ปัจจุบันจิตแห่งความเป็นพุทธะยังคงอยู่อย่างหนักแน่นมั่นคง หรือเลือนหายไปตามกาลเวลา (ไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา)  แต่ไม่ค่อยได้นำออกมาใช้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเราถามว่า ลึกๆ มีเมตตาธรรมไหม (มี)  ลึกๆ รู้จักสุภาพอ่อนน้อมไหม (มี)  ลึกๆ เป็นคนใจเย็นไหม (มี)  มีหมดแต่ถึงเวลาได้ใช้บ้างไหม (ไม่ค่อยได้ใช้)  มีแล้วไม่ได้ใช้เขาเรียกว่า มีหรือไม่มี (ไม่มี) ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นยิ่งไม่ได้ใช้ก็ยิ่งเลือนหาย แต่สิ่งที่มนุษย์นำใช้คืออะไร
สิ่งที่มนุษย์นำใช้คืออารมณ์ นิสัย ความเคยชิน ที่ชอบทำอะไรตามใจ  จึงมีคำกล่าวคำหนึ่งว่า มหาโจรกลับใจเป็นพุทธะ วางดาบพลันพบพุทธะ หันหลังกลับคืนฝั่งธรรม  พุทธะกับมหาโจรอยู่ในฝ่ามือเดียวกัน แต่อยู่ที่ว่าจะรู้จักพลิกใจทันไหม
เมตตาธรรมมีอยู่ในใจไหม (มี)  มโนธรรมสำนึกผิดชอบชั่วดีมีอยู่ในใจไหม (มี)  แต่เราเลือกใช้ไหม (ไม่)  เราใช้อารมณ์ ฉะนั้นเปลี่ยนจากอารมณ์เป็นมโนธรรมสำนึก เปลี่ยนจากความใจร้อนวู่วามเป็นใจเย็นมีเมตตา  คำกล่าวว่า มหาโจรพลิกกลับก็เป็นพุทธะ คนวางดาบประหัต­ประหารผู้คนก็กลายเป็นพุทธะ หันหลังกลับ ฝั่งพุทธะก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ใช่หรือไม่ (ใช่)
มนุษย์ชอบพูดว่า เกิดเป็นคนเลือกได้ว่าจะเป็นคนแบบใด คนใจร้อน อำมหิต เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัว หรือคนมีเมตตา อดทน อดกลั้น เสียสละเพื่อผู้อื่น พลิกใจได้ก็เป็นพุทธะ พลิกใจไม่ได้กลับตัวเองไม่ได้ก็จมอยู่กับกิเลสความหลงผิดและพญามาร ถูกไหม (ถูก)  ชีวิตเลือกได้ โจรกับพุทธะอยู่ที่เราใช้มือเราเช่นไร จะตีคน จะชี้หน้าด่าคน หยุดแล้วตั้งตรง สงบนิ่ง ดีกว่าไหม จะมีชีวิตอยู่เพื่อดำรงความเป็นคนและเดินไปสู่หนทางแห่งความมืดมน หรือมีชีวิตอยู่แล้วรู้จักพลิกใจกลับคืนสู่สภาวธรรมอันเดิมแท้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีใครบ้างแต่เดิมมาจิตชั่วร้ายสามานย์ ทุกวาระจิตของมนุษย์แต่เดิมล้วนสดใสงดงามและบริสุทธิ์ แต่เพราะอะไรเราจึงก้าวพลาดไป เพราะพลิกใจไม่เป็นหรือใช้มือเราไม่ถูกต้อง หรือที่เรียกว่า รู้อะไรในโลกได้หมด แต่มีอยู่อย่างเดียวที่ไม่รู้คือใจของตน คุมใครๆ ก็ได้ แต่มีอยู่อย่างเดียวที่คุมไม่เคยได้สักวันหนึ่งคือ (ใจตนเอง)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราอยากจะไปผิดทางหรือกลับสู่ทางเก่ากันเล่า
ฉะนั้นคิดให้ดีๆ อย่าบอกว่าชีวิตนี้เลือกไม่ได้ อย่าบอกว่าชีวิตนี้ดีกว่านี้ไม่ได้ อยู่ที่พลิกใจเป็น จากคนเอาแต่ใจเอาแต่อารมณ์ก็กลายเป็นคนใจเย็นมีเหตุมีผล  คนที่ใจร้ายคิดแต่เข้าข้างตนก็กลายเป็นคนใจเย็นสุขุมเสียสละเป็นได้  อย่าลืมนะโกรธกันแล้ว ด่ากันแล้ว ชี้หน้าชิงชังกันแล้ว ให้กลับมาเหมือนเดิมยาก ขอโทษคำเดียวไม่มีวันหายหรอกนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
โกรธเกลียดแล้วไกล่เกลี่ยยังต้องให้เวลา     อภัยกันแล้วอาจค้างคาเจ็บช้ำอยู่
รู้ตื่นก่อนก่อนมิตรจะกลายเป็นศัตรู            ใจหลงผิดเพียงชั่วครู่พิษยืนยาว
มนุษย์มักจะพูดว่าภาวะแวดล้อมบีบบังคับ สิ่งแวดล้อมมันเย้ายวนใจใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นท่านเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม ถ้าคนใจซื่อตรงอยู่ที่ไหนก็ซื่อตรง ถ้าคนใจสงบอยู่ในสภาวะแวดล้อมใดก็ยังสงบ  ฉะนั้นถึงภาวะแวดล้อมจะมีอิทธิพลต่อจิตใจคนให้ดีร้ายก็ตาม แต่ถ้าคนๆ นั้นมีความมั่นคงในความดีงาม มีความซื่อตรงในการปฏิบัติตน กลัวอะไรกับสิ่งแวดล้อม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยิ่งมีสิ่งแวดล้อมเย้ายวนใจยิ่งทำให้ท่านมั่นคงและดีงามยิ่งๆ ขึ้นไปใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นแปลว่าที่เราไม่ดีเพราะแวดล้อมหรือเพราะใจเรา
ทุกครั้งที่มีปัญหาเอาแต่โทษคนอื่นอยู่ร่ำไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อสักครู่เราพูดแล้ว คนกลัวฟ้า แต่ฟ้ากลัวใจคน เราต้องการให้ท่านได้รับรู้ไว้ว่าทำไมฟ้าจึงกลัวคน
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าตอนนี้ฟ้าจะให้คนนี้เขาจน แต่ถ้าคนนี้เขาบอกว่ายังไงเขาก็จะขยัน ซื่อตรงและอุตสาหะให้รวยให้ได้ ฟ้าจะทำให้เขาจนได้ไหม (ไม่ได้)  ฟ้าทำให้เขาทุกข์ แต่ถ้าเขาบอกว่าในความทุกข์เขาจะแหวกหาความสุขให้เจอ เขาจะอยู่กับทุกข์อย่างมีความชื่นบานใจให้ได้ ฟ้าจะทำอะไรคนเช่นนี้ได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นฟ้าจึงกลัวคนเช่นนี้ แต่คนที่พลิกใจไม่เป็นจึงเอาแต่กลัวฟ้าและก่นว่าผู้คน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราเป็นแบบใด ก็ไหนบอกว่าชะตาฟ้าลิขิตหรือว่าคนกำหนด
หลักสัจธรรมแห่งธรรมะสอนไว้ว่า ใครทำสิ่งใดได้สิ่งนั้น ไม่มีใครหนีกรรมเวรตัวเองพ้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย ถ้าเราไม่สร้างเหตุ เราจะกลัวอะไรกับผล ถ้าเราสามารถควบคุมชะตาได้ ผลก็ไม่ใช่สิ่งน่ากลัวถ้าเราเพียรพยายามต่อสู้ ใช่ไหม (ใช่)  แต่มนุษย์ยังไม่ทันสู้ก็ยกธงขาว
ทำไมต้องรอคนอื่นเร่งเร้า ทำไมเราไม่รู้จักพลิกใจเราให้เป็นเอง ถูกหรือไม่ เพราะทุกชีวิตคนที่จะต้องรับสภาพกับสิ่งที่ตัวเองกระทำก็คือตัวเราเอง ฉะนั้นทำไมไม่พึ่งตัวเอง ทำไมต้องรอคำปลอบใจ รอกำลังใจจากคนอื่นอยู่ร่ำไป ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นจงรู้จักพลิกใจให้เป็น พลิกใจเป็นกลับหลังได้ มนุษย์ก็กลายเป็นพุทธะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
เหมือนถ้าถามว่า ทุกคนในชั้นนี้อยากเป็นคนดีไหม (อยากเป็น) ท่านเชื่อหรือไม่แม้ไม่อยากเป็นคนดีแต่ลองไปทำความชั่วดูสิ ใจมันจะสั่นๆ และหวาดกลัว คอยกังวลว่าเดี๋ยวใครจะเห็นไหม เดี๋ยวใครจะรู้ไหม อย่าทำเลยดีกว่า ถ้าในใจท่านไม่อยากทำความดี พอมีเหตุการณ์ให้เลือกท่านก็จะไม่รักษาความดี แต่ถ้าท่านอยากเป็นคนดี เมื่อมีเหตุการณ์ให้เลือกหรือมีภาวะบีบคั้นอย่างไร ท่านก็จะพยายามรักษาความดีให้จงได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราอยากบอกให้ท่านรู้ไว้ก็คือ แม้มนุษย์ไม่อยากดี แต่มโนธรรมสำนึกที่อยู่ในใจ ที่ฝังเป็นรากแห่งจิตใจ ที่เป็นรากอันเดิมแท้ของมนุษย์ทุกคน จะเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนเราว่าจะทำความชั่วจริงๆ หรือจะคอยบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่าทำเลย ทำไปแล้วเดี๋ยวมีคนเห็นจะมีผลอย่างไรตามมา นั่นแหละเรียกว่า มโนธรรมสำนึก
มโนธรรมสำนึกเป็นสิ่งที่คอยเตือนว่าถ้าทำไปแล้วท่านจะไม่สงสารเขาหรือ ความสงสารนั่นแหละคือตัวบ่งบอกถึงความดีงามในใจ
ท่านชอบหรือไม่เวลามีคนไม่เคารพเรา (ไม่ชอบ)  ท่านชอบหรือไม่คนที่ชอบดูถูกดูหมิ่นคน (ไม่ชอบ)  ชอบหรือไม่คนที่ดูหมิ่นเหยียดหยามเรา (ไม่ชอบ)  ชอบหรือไม่ที่คนกดขี่ข่มเหงเรา (ไม่ชอบ)  แล้วทำไมท่านถึงทำสิ่งที่ท่านไม่ชอบกับผู้อื่นล่ะ เวลาที่มีใครพูดอะไรที่ไม่รู้เรื่อง เราด่าเขาหรือไม่ (ด่า)  ฉะนั้นไม่ชอบเช่นใดจงอย่าทำเช่นนั้น เพราะสิ่งที่ท่านไม่ชอบนั่นแหละคือ รากเหง้าแห่งคุณธรรมความเป็นคนอันสมบูรณ์ที่เรียกว่า มนุษย์ประเสริฐ มีใครบ้างไม่อยากแต่งตัวแล้วดูดี (ไม่มี)  การแต่งตัวแล้วดูดีเปรียบได้กับความดีที่ในใจทุกคนก็อยากมี แต่มีใครบ้างล่ะที่แต่งตัวดูดีภายนอกแล้วอยากดีได้ทั้งนอกและใน ถ้าคนที่อยากแต่งตัวดี แล้วดีให้ได้ทั้งนอกและใน นั่นแปลว่านอกจากอยากเป็นคนดีแล้วก็ยังอยากมีคุณธรรมแห่งความเป็นคนดีที่สมบูรณ์ด้วย แต่มนุษย์ปัจจุบันนี้ชอบแค่แต่งตัวดี แต่หาความมีคุณธรรมในจิตใจไม่เจอ ช่างน่าเสียดายเสียยิ่งกระไร
คุณธรรมคือสิ่งที่เป็นตัวบ่งบอกจิตเดิมแท้ของทุกๆ คน แต่เราไม่เคยสนใจไยดีจิตเดิมแท้ เรากลับเอาตามแต่อารมณ์ ตามใจ อะไรที่ทำให้คนเป็นคนดีได้ยาก ไม่ดีได้ง่ายเหลือเกิน คือจิตใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ หาใช่ฟ้ากำหนด ถูกหรือไม่ (ถูก)  อะไรที่ทำให้มนุษย์ยอมเป็นคนไม่ดีคืออะไร นั่นคือความรักสบาย เห็นแก่ตนเอาแต่ได้ จริงไหม (จริง)  เพียงแค่บอกว่าขอพักก่อน ขออู้หน่อย เชื่อไหมว่าคนดีก็เอาเปรียบคนได้ เหมือนที่กล่าวว่า คนใจกว้างแค่เห็นแก่ตัวก็ใจแคบ คนใจเย็นแค่เอาแต่ได้ก็กลายเป็นใจร้อน คนมีสัมมาคารวะแค่เอาแต่รักสบายก็ขี้เกียจยกมือกราบไหว้ ต้นเหตุแห่งความไม่ดีของมนุษย์ง่ายๆ คือ รักสบาย เห็นแก่ตน เอาแต่ได้ จริงหรือไม่ (จริง)
เราไม่ได้ว่าท่านนะ แต่เราแค่เอาใจท่านมาตีแผ่และทำให้ท่านมองให้เห็นใจตัวเองบ้าง ที่พูดว่าตัวเองดีนักดีหนา ดีหรือยังล่ะ (ยัง)  แล้วคนที่บอกว่าตัวเองยังไม่ดี ท่านเคยคิดจะดีบ้างไหม (คิด)  แค่คิดแต่ไม่เคยทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทั้งที่จริงๆ แล้วสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ยากหรือไม่ (ไม่ยาก)  ขอแค่เพียงถามตัวเองว่า มีเมตตาไหม ถ้ามีเมตตาแล้วอย่าเห็นแก่ตน เพราะถ้ามีเมตตาแต่เห็นแก่ตน ใจกว้างก็กลายเป็นใจแคบได้ ถ้าใจเย็นแต่รักสบาย ใจเย็นก็กลายเป็นใจร้อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นจงมองให้ออกเพราะชีวิตนั้นตัวเราเป็นผู้กำหนด อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องทุกข์และเจ็บปวด แล้วมาแก้ที่ปลายเหตุช่างน่าเสียดายจริงไหม (จริง)
ท่านเคยเห็นคนที่ถูกทรมานไหม เพราะอะไรเขาถึงต้องมาอยู่กับคนที่กดขี่ข่มเหง เพราะอะไรชีวิตเขาถึงต้องตกระกำลำบาก นั่นเพราะเขาสร้างเหตุปัจจัยมา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นทำไมเราไม่รู้จักระมัดระวังควบคุมใจตัวเอง คนดีอยู่ที่ไหนก็ (ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้) เพราะคนดีแม้ถูกไฟเผาก็ไม่กลัวตาย เพราะคนดีแม้จะต้องจมลงไปในน้ำเพื่อฉุดช่วยคนก็ไม่กลัวน้ำ นี่แหละที่เรียกว่าคนดีที่แท้จริง แต่มนุษย์แค่ให้รักษาความใจเย็น ให้รักษาความมีเมตตา ยังทำได้ยากเลยนะ จึงช่างน่าเสียดายยิ่งนัก เพราะภพภูมิของมนุษย์เป็นภพภูมิที่ประเสริฐ สามารถสร้างบุญที่ยิ่งใหญ่ และสามารถสร้างกุศลอันใหญ่หลวง แต่มนุษย์กลับดูเบาดูถูกคุณค่าของตัวเองและหลงผิดคิดชั่วร้าย จึงช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
รู้ไหมมนุษย์อยากเป็นเทวดา แต่ถ้าเราบอกว่าเทวดาอยากเกิดเป็นมนุษย์ เพราะเทวดามีแต่รอรับผลบุญ เมื่อบุญหมดก็ต้องกลับไปเวียนว่ายตายเกิดอีก แต่การเป็นมนุษย์สามารถได้สร้างบุญที่ยิ่งใหญ่ได้ สร้างกุศลอันนับไม่ถ้วนได้ แต่มนุษย์กลับมัวแต่หลงผิด อย่างนั้นจะบำเพ็ญอย่างไร แค่เป็นคนดียังทำไม่ได้ จะพูดอะไรเรื่องบำเพ็ญ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นสิ่งที่เริ่มต้นก็คือ มีคุณธรรมในใจ เมตตาธรรม มโนธรรม จริยธรรม สัตยธรรม ปัญญาธรรม มีอยู่ในใจไหม ถ้ามีก็งามภายใน แล้วถ้ามีแล้วยังปฏิบัติได้อย่างมีศีลด้วยก็เรียกว่างามนอกงามใน  การที่เราเรียนรู้หลักธรรมก็จึงไม่ใช่เรื่องเสียหลาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่น่าเสียดายที่มนุษย์พอได้ดีไปหนึ่งขั้นก็หลงลืมตัวจนทำให้ลืมไปว่า เป็นคนดีอย่างเดียวไม่พอ แต่เป็นคนดีแล้วต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิตด้วย
เคยได้ยินคำพูดนี้ไหม ยอมเก่าจึงได้ใหม่ ยอมโง่จึงฉลาดแต่มนุษย์ไม่ใช่ เมื่อเป็นคนดีแล้วชอบอวดดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนรวยโดยทั่วไปเขาอวดรวยไหม (ไม่)  เมื่อไรที่คนใดพยายามจะอวดรวยแปลว่ายังไม่เคยรวยแล้วเพิ่งจะมี พอมีจึงอวดรวย ถูกไหม (ถูก)  เราเคยดีมาก่อนไหม (ไม่)  พอมีคนชมว่าดีเราก็เลย (อวดดี) เพราะไม่เคยมีดีมาก่อนเราจึง (อวดดี)
มหาสมุทรกว้างใหญ่เพราะยอมอยู่ต่ำ อยากจะเป็นคนดีต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช่ดีแล้วยึดติดว่าตัวเองดี ใครว่าไม่ได้ แต่มนุษย์มักจะเป็นอย่างนี้ ทำดีหน่อยโดนใครว่าก็โกรธ ทำบุญแค่ ๑๐ ๒๐ บาทหรือ ๕๐๐ คนทักว่าทำนิดเดียวก็เคือง ใช่ไหม (ใช่)  กฐิน ผ้าป่า มาวางบนโต๊ะ ทำหน้าบูดหน้าบึ้งก็ไม่ได้ ฉะนั้นเป็นคนดีแล้วต้องไม่อวดตัว เพราะความเป็นจริงของโลกใบนี้คือทุกสิ่งล้วนคือธรรมชาติ ท่านก็คือหนึ่งในธรรมชาติ เขาก็คือหนึ่งในธรรมชาติ เราก็คือหนึ่งในธรรมชาติ ใช่หรือไม่
ขึ้นชื่อว่าธรรมชาติ มีใครสามารถเอาธรรมชาติเป็นของตัวเองได้ไหม ใครสามารถเอาธรรมชาติมาครอบครองแล้วยึดมั่นถือมั่นว่านี่ของเราได้ไหม (ไม่ได้)  เราก็เป็นแค่เพียงผู้อาศัยธรรมชาติอยู่ แล้วทำไมเราเผลอครอบครองและยึดมั่นถือมั่นอย่างคนหลงงมงาย ใช่ไหม
ฉะนั้นถ้าเราอยากจะอยู่บนโลกใบนี้ นอกจากจะเป็นคนดีแล้วยังต้องเข้าใจความเป็นจริงแห่งธรรมชาติว่าเราเป็นเพียงผู้อาศัย ยืมธรรมชาติใช้ ไม่สามารถครอบครองสิ่งใดได้อย่างแท้จริง เพราะถ้าเมื่อใดคิดครอบครอง เมื่อนั้นจะได้รับการลงโทษจากธรรมชาติ
จำไว้ว่า ยอมอ่อนจึงได้ความเข้มแข็ง ถ้าคิดจะแข็งจึงได้รับรู้ความอ่อนแอ ยอมโง่จึงได้ฉลาด แต่ถ้าคิดแต่ฉลาดก็โง่นักแล
ในธรรมชาติยังสอนอีกว่า ชีวิตเราก็เหมือนกับการมีธรรมชาติอยู่ในตัวเรา เราจะใช้ธรรมชาติอย่างไรให้ไปได้สูงไปได้ไกล แต่ไปได้สูงไปได้ไกลก็อย่าลืมความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อสูงที่สุดก็ยังตกลงมาข้างล่าง และทุกสิ่งทุกอย่างแม้เราจะก้าวไปไกลขนาดไหนแต่สักวันก็ต้องกลับคืนสู่ที่มา ที่เรียกว่าสามัญ มาอย่างไรก็ต้องกลับอย่างนั้น มาคนเดียวก็ต้องกลับคนเดียว มามือเปล่าก็ต้องกลับมือเปล่า ฉะนั้นเมื่อไรที่ชีวิตเจอความเปลี่ยนแปลงจงอย่าโกรธ จงอย่าโทษ จงอย่าบ่นว่าฟ้าดินเพราะท่านกำลังใช้ (ธรรมชาติ)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาโยนส้มให้หัวหน้ารับ)
อยู่กับธรรมชาติท่านเผลอไม่ได้แม้สักหนึ่งนาที เพราะทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง และเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต แต่ถ้าชีวิตเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง ไยต้องกลัวอะไรกับความเปลี่ยนแปลงและความเจ็บปวด
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตากับหัวหน้าชั้น)
ส้มแตกแล้วหรือ (แตกแล้ว)  เป็นธรรมดาใช่ไหม ไม่ว่าจะสวยงามขนาดไหน ก้าวไกลได้ขนาดไหนสูงส่งเพียงใด ถึงที่สุดก็ต้องคืนสู่สามัญ ฉะนั้นเรามาเพื่อรักษาความถูกต้องดีงามและเข้าถึงจิตเดิมแท้ หรือเรามาเพื่อยึดมั่นถือมั่นเป็นตัวตนที่หลงผิดคิดชั่ว  อย่าปล่อยให้ความเปลี่ยนแปลงพรากจิตดีงามของท่านไปจนลืมความเป็นจริงแห่งชีวิต ว่าเรามาจากธรรมดาเราก็ต้องกลับสู่ธรรมดา เราเป็นผู้ยืมธรรมชาติใช้ สักวันธรรมชาติก็ต้องคืนไป แต่ทำไมล่ะ เสือตายยังไว้ลาย คนตายทำไมไม่ทิ้งความดีงามให้คงอยู่ จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นอะไรจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญความดีงามในจิตใจที่เรียกว่า พุทธจิต จิตแห่งพุทธะ อย่าได้หลงลืมไป แล้วท่านจะได้กลับบ้านได้ถูกแท้จริง ไม่อย่างนั้นท่านก็หลงเวียนว่ายในวัฏสงสารไม่จบสิ้น ดังที่ว่าเมื่อใดมนุษย์เข้าถึงความจริง อะไรคือสิ่งที่เที่ยงแท้ อะไรคือสิ่งที่น่าโกรธเกรี้ยว และอะไรคือสิ่งที่น่าพึงพอใจ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง
แต่จำไว้นะ ชีวิตคนช้ำขนาดไหน เปลี่ยนแปลงขนาดไหน เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะมันคือความจริง ชีวิตไม่เคยคงอยู่ตลอด ถ้าช้ำแล้วถ้าแหว่งแล้วรับไม่ได้ก็ต้องรับให้ได้ เพราะมันคือกรรมที่ท่านทำมา จริงไหม (จริง)  จงมีสติและตื่นรู้ในความจริง อย่าเป็นเพียงแค่คนดีแต่ไม่มองความจริง อย่าเป็นแค่เพียงคนที่พยายามดี แต่ไม่ยืนอยู่บนความเป็นจริงที่เรียกว่าสัจธรรม เพราะเมื่อไรเราเข้าใจสัจธรรมเราจะไม่โกรธ และจะไม่มีใครที่ทำให้เราลุ่มหลงหรือรักเกินไป เพราะมันเปลี่ยนแปลงได้ และมีวันแตกสลายได้ แต่เมื่ออะไรมันแตก ใจเราจำเป็นต้องแตกไหม (ไม่)  เมื่ออะไรมันสูญเสีย ใจเราต้องสูญเสียด้วยไหม (ไม่)  จึงมีคำพูดว่า ถึงสูญเสียแต่อย่าให้ใจเสียศูนย์ ใช่ไหม (ใช่)
วันนี้เรามาผูกบุญกับท่านสั้นๆ ง่ายๆ แค่นี้นะ อย่าลืมว่าขึ้นชื่อว่าชีวิต เรามาเพื่อจากไป ไม่มีใครคงอยู่ตลอดนิจนิรันดร์ ฉะนั้นก่อนจะจากไป ทำไมท่านไม่เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องและดีงามล่ะ คนที่เขาชวนท่านมาฟังธรรม เขาไม่ได้เห็นแค่ธรรมะดี แต่เขายังเชื่อว่าคนที่เขาชวนมาทุกคนล้วนมีธรรมอยู่ในใจ และคิดว่าคนๆ นั้นจะค้นพบธรรมในใจของตนเมื่อได้มาครบสองวันนี้ และก็คิดว่าสองวันนี้จะสามารถทำให้ท่านมองเห็นธรรมที่ดีๆ และนำธรรมดีๆ นั้นไปโปรดและอยู่ร่วมกับผู้คน
อย่าลืมนะหนึ่งคนที่คิดชั่วร้ายก็สามารถทำคนรอบข้างให้กลายเป็นคนร้ายได้เหมือนกัน แต่หนึ่งคนที่คิดดีปฏิบัติดีก็สามารถทำให้คนรอบข้างคิดดีและปฏิบัติดีได้เฉกเช่นเดียวกัน นับจากนี้จะเลือกทำดีหรือเลือกทำร้าย จะศรัทธาในความถูกต้องของตัวเองหรือว่าจะหลงผิดคิดชั่วร้ายตามอารมณ์ใจอย่างคึกคะนอง ก็สุดแล้วแต่ท่านนะ
(นักเรียนในชั้นกล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา)
ขอบคุณคงไม่มีประโยชน์ถ้ารู้แล้วไม่ปฏิบัติ หรือที่มนุษย์ชอบพูดว่าฟังหูซ้ายทะลุหูขวา แต่เราบังคับใจใครไม่ได้ สุดแล้วแต่ตัวท่านเอง แต่ทำไมต้องรอให้ตัวเองทุกข์แล้วค่อยแก้ ทำไมเราไม่แจ่มแจ้งในทุกข์ แจ่มแจ้งในความเป็นจริงแห่งตัวคนแล้วไม่กลัวทุกข์กันเล่า ใช่ไหม (ใช่)  คิดให้ดีๆ
วันนี้เราคงมาผูกบุญสัมพันธ์กับท่านง่ายๆ เพียงแค่นี้ แม้ง่ายแต่ทำไม่ง่ายนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คิดให้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนคือธรรมชาติ อย่าเผลอหลงยึดธรรมชาติและคิดไปเองว่าธรรมชาติคือของเรา เพราะไม่เช่นนั้นท่านจะโดนธรรมชาติลงโทษ





วันอาทิตย์ที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘                        สถานธรรมหมิงฮุย  จ.ลพบุรี
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  คนขาดธรรมเห็นแก่ตนเอาแต่ได้      หลงสบายยอมผิดบาปธรรมเลือนสิ้น
ผิดเล็กน้อยหยวนหยวนไปจนเคยชิน    ขาดเมตตาสำนึกสิ้นติดบาปเวร
                              เราคือ
  จี้กงสงฆ์วิปลาส               รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา        ลงสู่พุทธสถานหมิงฮุย แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว                    ถามศิษย์รักของอาจารย์ทุกคนเป็นคนดีบ้างไหม
  การหาเงินหาทองใช่เรื่องยาก          หานิพพานลำบากกว่าเป็นไหนไหน
ติดเคยชินเห็นโลกเป็นบ้านใหญ่         เห็นอะไรไม่แยกแยะจิตติดพัน
มุ่งบำเพ็ญมีอัตตามาเวียนวน            จึงขุ่นข้นหมองใจเจ็บเก็บไปฝัน
ละอัตตาต้องเข้มงวดและกวดขัน        ไม่เช่นนั้นบำเพ็ญไปไม่ได้อะไร
การบำเพ็ญใช้ปัญญาในทุกก้าว          วางให้เบาไม่เช่นนั้นล้มได้ง่าย
อุปสรรคไม่ได้อยู่ที่เล็กใหญ่              อยู่ที่ใจเห็นตามจริงแล้วหรือยัง
                                                                                                 ฮา ฮา หยุด

ขอบำเพ็ญ ตั้งแต่ความคิด หลายอย่างเป็นอารมณ์ ขอบำเพ็ญ ให้บ่อยอีกนิด ใช้หลักธรรมคำคม เรื่องที่ผสมไว้ทุกเรื่องราว คนที่คิดร้ายไปไกลไม่ได้ปัญญา บำเพ็ญไปก็ทิ้ง ความจริงจิตนี้ตีห่าง ถ้าโชคไม่ดี ทำใจให้สบาย คิดดีอะไรก็ดี
ทำนองเพลง: หลงตัวเอง
ชื่อเพลง: ศรัทธา ปัญญา ต้องบำเพ็ญมาพร้อมกัน
*ในความศรัทธา ศรัทธามากมากจำเป็นหนักหนา ศิษย์อย่าลืมเรียนธรรมคืออะไร เพราะเข้าใจเท่าไหร่ไม่พอ ไม่ว่าศรัทธา ที่มีล้นใจเนื่องด้วยเหตุใด แต่จงบำเพ็ญปัญญาศรัทธาอย่างไร รู้แล้วทำได้หมดยิ่งดี
อย่าโทษฟ้าว่าดินโทษโชคชะตา ที่ได้เกิดมา อย่าโทษคนโทษใครใครเป็นอย่างไร ก็ไม่ต่างกัน เห็นคำตอบที่จริงรู้จักตัวเอง ปัญหาเดิมหายไป
**แล้วสักวันหนึ่ง ศิษย์จะทำดีโดยไม่รอใครชม แล้วสักวันหนึ่ง ศิษย์จะบำเพ็ญโดยไม่เจืออารมณ์ เมื่อได้สั่งสม สำนึกด้วยใจ คนที่ชนะตัวเอง
ถ้าเจ้าไม่เพียรทำไปทำมาเปลี่ยนใจ อาจารย์ก็น้ำท่วมปาก
(ซ้ำ *, ** ,ซ้ำที่ขีดเส้นใต้, ***)
***ขอบำเพ็ญ ตั้งแต่ความคิด หลายอย่างเป็นอารมณ์ ขอบำเพ็ญ ให้บ่อยอีกนิด ใช้หลักธรรมคำคม เรื่องที่ผสมไว้ทุกเรื่องราว คนที่คิดร้ายไปไกลไม่ได้ปัญญา บำเพ็ญไปก็ทิ้ง ความจริงจิตนี้ตีห่าง ถ้าโชคไม่ดี ทำใจให้สบาย คิดดีอะไรก็ดี
ทำนองเพลง: หลงตัวเอง
ชื่อเพลง: ศรัทธา ปัญญา ต้องบำเพ็ญมาพร้อมกัน

หมายเหตุ: พระโอวาทสามย่อหน้าแรกพระอาจารย์เมตตาประทานไว้ที่สถานธรรมเซิ่งเต๋อ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ เมื่อวันที่ ๒๓-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
(พระอาจารย์เมตตาส่งเสริมผู้ปฏิบัติงานธรรม)
ถ้าเรามีความสุขเราก็ทำให้คนรอบข้างมีความสุข แต่ถ้าเรามีความทุกข์คนรอบข้างก็มีความทุกข์ ฉะนั้นอยู่ที่ใจนะศิษย์ จงแปรทุกข์ให้เป็นสุขคนรอบข้างก็มีสุขได้ด้วยเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตานักเรียนในชั้น)
วันนี้ยังพอยิ้มได้บ้างนะ เห็นวันแรกเป็นเสือยิ้มยากกันเป็นแถวเลยใช่ไหม ใครพูดถูกใจก็ยิ้ม แต่พอใครพูดไม่ถูกใจก็กัดคอทันทีเลยใช่หรือเปล่า ช่างน่ากลัวนะมนุษย์ เดินให้ทั่วๆ เห็นกันให้ชัดๆ เห็นหน้าศิษย์ยิ้มแย้มอาจารย์ก็มีความสุขด้วยนะ แต่ถ้าเห็นหน้าศิษย์ทุกข์อาจารย์ก็ (ทุกข์)  ไม่ทุกข์ด้วยหรอก ตัวใครตัวมัน ดีไหม แปลว่าเห็นหน้าศิษย์มีสุข อาจารย์ก็มี (สุข)  เห็นหน้าศิษย์มีทุกข์ อาจารย์ก็มี (ทุกข์)  อาจารย์ควรทุกข์ด้วยดีไหม อาจารย์ถามศิษย์นะ ถ้าสมมติว่าอาจารย์เห็นหน้าศิษย์มีสุขอาจารย์ก็มีสุข ถ้าเห็นหน้าศิษย์มีทุกข์ อาจารย์ควรจะมีทุกข์ด้วยดีไหม (ไม่ดี)  อาจารย์เห็นศิษย์หลายคน เห็นคนอื่นมีทุกข์ อยากช่วยเขาไหม (อยาก)  แล้วจะทำอย่างไรถึงจะช่วยเขาได้ (ชวนมาปฏิบัติธรรม)  ก็เขาทุกข์ตอนนี้ กว่าจะได้มาปฏิบัติธรรมก็ยังไม่หายทุกข์ ไม่ทันเวลา ศิษย์เอยทำอะไรไม่ได้ก็บอกว่า ฉันก็ทุกข์ไม่ต่างกับเธอเลยนะ จริงๆ นะศิษย์เอย บางทีพูดก็แล้ว
โน้มน้าวก็แล้ว ก็ต้องบอกว่าฉันก็ไม่ต่างกับเธอหรอก ไม่ได้น้อยกว่ากันหรอก แต่วันนี้ทำใจได้มันเลยเบาไปหน่อย ตอนนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่)
มองธรรมะมองคน หรือมองสิ่งใดในโลกอย่ามองอย่างตายตัว อย่ามองอย่างยึดติดและอย่ามองอย่างคนมีวิธีแก้วิธีเดียวในโลก ถามศิษย์นะ เป็นทุกข์แล้วทำอย่างไร ทำใจ แล้วมันใช้หมดทุกวิธีไหม (ไม่)  ฉะนั้นวิธีแก้ทุกข์ศิษย์ต้องรู้จักใช้ปัญญา อย่าเอาอย่างคนหัวชนฝามองได้ด้านเดียว บางทีมองให้ดี เราเป็นพวกชอบสรุปรวบยอด มันแย่ มันไม่ดี แต่เคยมองให้มันกว้างไหม เคยมองหลายๆ วิธีแก้ไหม ไม่ใช่มองอยู่ด้านเดียว แก้อยู่แบบเดียวตลอดเวลา อย่างนี้ต้องตายแน่เหมือนที่เขาทุกข์ ถ้าร่วมทุกข์กับเขาไปแล้วไม่หายเราก็ต้องเปลี่ยนวิธี ใช่หรือไม่ จะดึงให้คนพ้นทุกข์ คนๆ นั้นจะต้องมีพละกำลังอย่างแรงและต้องมีสติอย่างดี เพราะไม่อย่างนั้นช่วยไปช่วยมาก็พลอยทุกข์ไปด้วยเลย แทนที่จะช่วยได้ กลายเป็นนำทุกข์เขามาใส่ไว้ในหัว แล้วทำอย่างไรดี กลายเป็นช่วยเขาก็ไม่ได้ ตัวเองก็เอาตัวไม่รอด ฉะนั้นวันนี้เรามาเรียนรู้กันว่าทำอย่างไรเราจะพ้นทุกข์ ดีไหม (ดี)ถ้าตัวตนของเราคือที่ตั้งแห่งทุกข์ แล้วใจที่เต้น ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ แล้วชอบรู้สึกนั่นแหละคือตัวผลิตทุกข์ หรืออาจารย์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมื่อไรที่ยึดมั่นถือมั่น ตัวตนนี้ก็คือโรงงานสร้างทุกข์ จริงไหม (จริง)  ลองดูสิ แค่คิดอยากปุ๊บ ผลิตทุกข์มาแล้วต้องวิ่งไปตามความอยาก สมอยากแล้วพอไหม อยากได้อีก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งนี้เป็นโรงงานทุกข์ ใช่ไหม ขนาดไม่ทำอะไรก็ทุกข์
วิธีแก้ทุกข์ของอาจารย์มีวิธีง่ายๆ คืออะไรรู้ไหม ก็อาจารย์บอกว่าตัวตนของเราคือที่ตั้งของทุกข์ และมีใจที่รู้สึกอยากนั่นอยากนี่เป็นตัวผลิตทุกข์ อยากแก้ได้วิธีง่ายๆ ของอาจารย์ แล้วจะปราศจากทุกข์บนโลกนี้เลย ทำยังไง (ใช้ปัญญาดับความทุกข์)  ไม่คิดก็ไม่ทุกข์ จริงหรือ ดังที่พระพุทธะกล่าวไว้ว่า ไม่อยากอะไรเลยจะได้ไม่ทุกข์ ได้หรือ จะแก้ต้องแก้ให้ถูก ไม่คิดอะไรเลยได้ไหม (ไม่ได้)  ก็ไม่ได้ อยู่ในโลกจะไม่ให้คิดเลยก็ไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นวิธีแก้ของอาจารย์ อยากรู้ไหมทำอย่างไร
อาจารย์ทวนใหม่ ตัวตนนี้เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์ แล้วก็มีใจที่คอยผลิตความทุกข์ เมื่อไรที่อยากปุ๊บ ความทุกข์ก็ออก แต่ถ้าไม่อยาก สิ่งนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งแห่งทุกข์อยู่ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถึงแม้ไม่อยากมันก็ยังมีทุกข์อยู่ เพราะอะไรเพราะต้องปล่อยวางทุกข์หรือ (เพราะว่าคนขาดธรรม)  อาจารย์ทวนใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่เราต้องพยายามแก้ให้ได้ และหาเหตุดับทุกข์ให้เจอ ตัวเรานี้อยู่เฉยๆ ก็เป็นโรงงานผลิตทุกข์ไหม หิวก็ต้องไปหาอะไรกิน ง่วงก็ต้องรีบนอน เจ็บก็ต้องรักษา อยากก็ต้องไป (กิน)  ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ ถึงแม้เราไม่อยาก แต่ร่างกายเกิดปฏิกิริยา เราก็ต้องไปสนองตามที่ร่างกายต้องการ ที่เรียกว่าบำรุงร่างกาย เลี้ยงดูร่างกาย ถูกไหม (ถูก)  แต่พอมีความอยากแล้ว ถ้ายังไม่มีใจ เรายังต้องบริหารร่างกายนี้ด้วยความทุกข์อยู่ ถูกไหม (ถูก)  นี่คือทุกข์หนึ่งกอง แต่พอเรามีใจขึ้นมาอีกหนึ่งอัน ใจเราไม่อยากกินแบบธรรมดา พอร่างกายบอกว่าอยาก ถ้าเป็นอันนั้นดีกว่าอันนี้ ความอยากเริ่มมากขึ้น จากอยากธรรมดาก็กลายเป็นยุ่งยากขึ้น พอเรามีใจใส่เข้าไปในตัวนี้ ถ้านอนเตียงแบบนี้จะดีกว่าเตียงแบบนั้น สมมติถ้าร่างกายเราต้องเดินจากโน่นไปนี่ มีตัวเราอยู่เราก็แค่เดินไปก็จบ แต่พอมีตัวเราใส่เข้าไปในร่างกายนี้ ถ้ามีรถคันงามๆ ก็คงจะดีนะ ถูกไหม (ถูก)  ได้สักพักหนึ่งพอเอาตัวเราใส่เข้าไปอีก ถ้ามีคนเดินข้างกายไปด้วยก็คงจะดีไม่น้อยนะ โรงงานนี้ผลิตทุกข์ธรรมดาอย่างเดียวไม่พอ พอเอาตัวเราใส่เข้าไปทุกข์เริ่มเยอะขึ้น มากขึ้น ยากขึ้น และลำบากขึ้นไหม (ลำบาก)  ถ้าอยากจะกำจัดทุกข์ทำอย่างไร
แก้ปัญหาทุกข์ เวลาที่ศิษย์เจอทุกข์ ศิษย์ก็แก้ปัญหาไปทีละเรื่อง ใช่หรือไม่ ถ้าศิษย์คิดออก ก็คงไม่ทุกข์อย่างทุกวันนี้ ที่อาจารย์ให้ศิษย์คิด เพราะทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ศิษย์ต้องเจอเอง เวลาที่ศิษย์เจอทุกข์จริงจะได้แก้ไขเป็น ต้องหัดปล่อยวางใช่ไหม แล้วทำอย่างไร (แก้ที่ใจ)  แล้วแก้ได้หมดไหม ไม่หมดนะ แก้ด้วยการไม่ยึดมั่นถือมั่นได้ไหม เราจะทำอย่างไรดีถึงจะไม่ทุกข์ (มีความพอดี)  แก้ได้ไหมความพอดีใช้สำหรับอะไร ถ้าอยากมากเกินไปแล้วบังเกิดทุกข์ ก็พอดีกว่า ถ้ามีมากเกินไปแล้วทุกข์ ก็สู้มีน้อยดีกว่า ก็แก้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะแก้ทั้งมวลนั้นแก้ไม่ได้ ฉะนั้นวิธีที่จะแก้ทั้งมวลก็คืออะไรรู้ไหม
เริ่มจากวิธีง่ายๆ ก่อน ถ้าอยากแก้ทุกข์ วิธีง่ายๆ คือจงอยู่กับปัจจุบัน ที่มนุษย์เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะว่าชอบเปรียบเทียบกับอดีต เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนั้นเลย เมื่อก่อนฉันไม่ใช่อย่างนี้นะ ทำไมตอนนี้ต้องเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เหมือนอดีตเลย เราจึงทุกข์ ถูกหรือไม่ เหมือนแต่ก่อนเราอยู่กับสามี อยู่กับภรรยามีความสุขไหม (มี)  ถ้าไม่มีความสุขก็เป็นเพราะยึดติดว่าเมื่อก่อนสามีไม่ใช่แบบนี้ ภรรยาไม่ใช่แบบนี้ ทำไมวันนี้เป็นแบบนี้ ทุกข์ไหม (ทุกข์)  ถ้าไม่อยากทุกข์ จงอยู่กับสิ่งที่เป็นจริง อย่าเอาแต่หวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ หรือที่ศิษย์ชอบพูดก็คือศิษย์หวังดี อยากให้เขาได้ดี แต่อาจารย์ถามศิษย์นะ มีใครเป็นได้ดั่งใจเราหวังบ้างไหม แล้วมีเรื่องใดเป็นได้ดั่งใจเราคิดบ้างไหม แล้วจะหวังให้ผิดหวังทำไม แล้วจะคิดให้ตัวเองทุกข์ทำไม
ถ้าศิษย์อยากจะแก้ทุกข์ วิธีแก้ทุกข์ของอาจารย์ง่ายๆ คืออยู่กับปัจจุบัน นิ่งอยู่กับขณะนี้แม้ว่าขณะนี้สิ่งที่มันเกิดมันจะแย่กว่าอดีตก็ตาม ก็จงยอมรับมันเพราะเราเป็นคนเลือกเขามาแล้ว และอีกอย่างหนึ่งคือใดๆ ในโลกนี้เป็นตามเหตุปัจจัย คนตั้งเยอะแยะเขาไม่ด่า แต่เขาด่าเรา คนตั้งเยอะแยะเขาไม่ทำ แต่เขาทำเรา ฉะนั้นจะไปโทษฟ้าไปโทษดินเพื่อประโยชน์อะไร ก็สู้แค่ยอมรับความจริง แล้วทุกข์น่ากลัวไหม ก็ลองสู้กับมันสักตั้งดูมันจะตายไหม แต่ความคิดมันฆ่าศิษย์ตาย และความหวังที่คิดยึดติดในความหวังต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ให้ได้อย่างนั้น ให้ได้อย่างนี้ มันทำศิษย์ตาย ไม่ใช่ทุกข์ทำให้ศิษย์ตายแต่ความยึดติดในใจ มันทำให้เราตายและความคิดที่ไม่ยอมรับความจริงมันฆ่าเราตาย
เหมือนศิษย์บอกว่าทำอย่างไรก็ไม่เห็นรวย จะรวยได้อย่างไร หามาแค่นี้แต่อยากมากกว่าที่หามาอีก จริงไหม (จริง)  หามาเท่าไหร่ก็ไม่พอ จริงๆ แล้วมี แต่ในใจพร่องตลอด มีก็เลยเหมือนไม่มี ฉะนั้นถ้าอยากหาแล้วมีก็คือ หยุดความอยากบ้าง เท่านี้ก็พอแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  หาไปแทบตาย แต่เดี๋ยวก็อยากๆ แล้วอยากแบบเกินตัว อยากแบบชอบเป็นหนี้ด้วย แล้วจะมีความสุขไหม (ไม่มี)  ศิษย์อยากได้ครอบครัวร่มเย็น ศิษย์อยากได้ลูกเชื่อฟัง แต่เช้ามาก็บ่นก็ด่า กลางคืนก็แอบนินทา แล้วอย่างนี้จะมีความสุขไหม (ไม่มี)  สามีกลับมาบ้าน บ้านน่าจะร่มเย็น แต่กลับบ้านมาห้าทุ่ม อย่างนี้ร่มเย็นไหม (ไม่ร่มเย็น)  อยากให้ครอบครัวร่มเย็น ปากต้องหนัก หูหนัก ใจอย่าชอบถือสา อันนั้นก็ถือสา อันนี้ก็คิด เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถือสาไปหมด อย่างนี้มีความสุขไหม (ไม่มี)  แล้วก็เป็นพวกตามีเรดาห์จับผิด คนอื่นผิด คนอื่นแย่ แล้วจะมีความสุขไหมศิษย์ อยู่ด้วยกันต้องอะลุ่มอล่วยกัน อภัยกัน ให้เกียรติกัน รักกัน ใจสุขอยู่ที่ไหนก็เป็นสุข ใจคอยจับผิด ใจมีทุกข์ อยู่ที่ไหนก็เป็นทุกข์ ร้อนเป็นไฟ จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นแก้ทุกข์แบบนี้ง่ายที่สุดแล้วนะ อยู่ด้วยกันอย่าจับผิด แล้วศิษย์จะได้รู้จักความมีกินมีใช้ ครอบครัวร่มเย็น ทำตัวเองเป็นแบบอย่างให้ลูกหลานเขาเห็น ไม่ใช่เอาแต่บ่น เอาแต่ว่า อดทนให้อภัยมีเมตตา ไม่ใช่โดนใครกลั่นแกล้งหน่อยก็ด่าเขา แช่งเขา นินทาเขา เขาร้ายมา เราร้ายกลับ จบไหม (ไม่จบ)  ในเมื่อทุกข์มาทำไมเราไม่เรียนรู้ทุกข์และเข้าใจทุกข์ จนบังเกิดความสุข ถ้าเราสู้กับความทุกข์ได้หนึ่งครั้ง ทุกข์ครั้งที่สอง ครั้งที่สามจะน่ากลัวไหม (ไม่น่ากลัว)  ถ้าเราเข้าใจทุกข์ครั้งที่หนึ่ง เราก็จะเข้าใจทุกข์ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ตอนนี้ศิษย์ยังไม่ทันเข้าใจ ศิษย์ก็ปิดประตูลั่นกลอนไม่เอามันแล้ว ถูกหรือไม่ (ไม่ถูก)  แล้วเป็นอย่างนั้นไหม เป็นใช่ไหม (ใช่)  วิธีแก้ทุกข์อาจารย์ อย่างแรกคือ อยู่กับปัจจุบันและยอมรับความจริงให้ได้ อย่าเอาแต่คาดหวังจนไม่มองความจริง ง่ายไหม ฉะนั้นถ้าวันหนึ่งจะเหี่ยวจะแก่จะย่นพุงจะยื่น ยอมรับไหม (ยอมรับ)  ยากไหม (ไม่ยาก)
แต่ส่วนใหญ่มักจะขาดสติรู้ทัน มัวแต่มองอารมณ์มองความคิด ฉะนั้นสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ อารมณ์ สิ่งที่ต้องป้องกันคือ ความเคยชิน ความทุกข์ก็จะไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะจัดการและรับมือกับความทุกข์ แต่โดยส่วนใหญ่วิธีแก้ทุกข์ของศิษย์คืออะไร มันทุกข์แก้ก็ไม่ได้ ไปทำบุญละกันจะได้หมดทุกข์หมดโศก ใช่ไหม (ใช่)  มักจะมองวิธีแก้แต่ไม่ได้แก้ที่ตัวตน ปัญหาศิษย์อยู่ตรงนี้ ตัวตนคือโรงงานที่ตั้งแห่งทุกข์ และใจนั้นเป็นตัวผลิตทุกข์ แต่เราไม่เคยแก้ที่โรงงานนี้ วิธีแก้ของเราที่เราทำกันโดยส่วนใหญ่ คือ ทำบุญตักบาตร เพื่อศิษย์จะได้พ้นทุกข์พ้นเวรพ้นกรรมเสียที สาธุ ใช่ไหม
แล้วศิษย์รู้ไหมคำว่า บุญพระพุทธะให้ความหมายว่าอะไร เพราะเมื่อเรากลับมาจากทำบุญ มีสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกคือใจฟู ใจปิติ ใจพองตัว เมื่อใจปิติ ใจพองตัวก็สามารถทำให้ทุกข์หายไหม (ไม่หาย)  อาจจะหายไปบางส่วน หายไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ถ้าไปเจอเจ้ากรรมนายเวรคนเดิม เห็นหน้าแล้วใจก็ยุบลงทันทีเลย จริงไหมศิษย์ บางทียังก้าวไม่ทันพ้นธรณีสงฆ์ หันไปเจอคู่อริ ร้อนขึ้นมาเลย สวดท่องสัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ใช่ไหม (ใช่) 
อาจารย์จะบอกให้นะศิษย์ บุญไม่สามารถชำระล้างบาปได้ บุญไม่สามารถทำให้เราหมดทุกข์ได้ ถ้าบุญนั้นยังไม่สามารถล้างต้นตอแห่งความบาปความชั่วในใจศิษย์ให้หมด บุญแค่ทำให้ใจเราฟู ปิติ อิ่มใจ สุขใจ บาปคือสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ใจ หม่นหมอง ห่อเหี่ยว ฉะนั้นถึงศิษย์จะทำบุญขนาดไหน แต่ถ้าศิษย์ยังไม่สามารถล้างบาปในใจศิษย์ได้ บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป กลายเป็นว่ายิ่งทำบุญก็เพื่อไปสนองรับผลบุญ แต่บาปยังแก้ไม่ได้ จริงไหม (จริง) 
ทำบุญไม่สามารถทำให้คนพ้นทุกข์พ้นบาปได้ ถ้าทำบุญแล้วอยากจะพ้นทุกข์พ้นบาป ต้องทำบุญที่เรียกว่ากุศล กุศลคือสิ่งที่สามารถชำระล้างบาปได้ ทำให้ทุกข์หมดสิ้นได้ แล้วเราเป็นประเภททำบุญแล้วหวังล้างทุกข์ ไม่ได้คิดว่าบุญนี้จะช่วยทำให้เราหมดทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  มันหลงผิดทั้งนั้นเลย เพราะต้นตอแห่งความบาปหรือความผิด ความชั่วร้ายมันเกิดจากกิเลส ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน แล้วก็อารมณ์ความเคยชิน ต้นตอของบาปคือตัวตน อารมณ์ กิเลสและนิสัยความเคยชิน หรือที่ศาสนาพุทธเรียกว่าโลภ โกรธ หลง เกิดมาจากตัวตนที่ยึดมั่นถือมั่น ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถึงแม้ศิษย์จะทำบุญ แต่ถ้าบุญนั้นยังเป็นบุญที่ยึดติดในความเป็นตัวตน เป็นบุญที่ทำแล้วหลงลำพองตน บุญนั้นก็ยังเจือไปด้วยบาปและความหลงผิด ซึ่งไม่สามารถชำระล้างความทุกข์ในใจได้ กุศลคือสิ่งที่ทำแล้วสามารถแผ้ว
ถากถางความยึดติดในตัวตนจนไม่ก่อเกิดกิเลสขึ้นอีกต่อไป ถ้าสมมติทำ ๑๐๐ บาทแล้วไม่ขอ ทำ ๑๐๐ บาทแล้วไม่หวัง บุญนั้นจะกลายเป็นกุศล แล้วรู้ไหมว่าที่ทำผ่านมา เป็นบุญที่ทำให้กลับมาเวียนเกิดเวียนว่ายนะ รู้ไหม ทุกครั้งที่ทำแล้ว ขอให้ร่มเย็น ขอให้เป็นสุข ขอให้ร่ำรวย นั่นคือบุญที่หวังจะกลับมาเสวยทุกข์อีกนะ
อาจารย์บอกแล้ว ขึ้นชื่อว่าตัวตนคือที่ทุกข์ แล้วมีใจเป็นตัวครองก็คือสร้างทุกข์เพิ่ม ฉะนั้นบุญอะไรก็ตามที่ทำแล้วไม่ยึดติดตัวตน ไม่ก่อกิเลส ก่อเกิดความโลภ ก่อเกิดความหลง ก่อเกิดความเป็นตัวตนคิดว่าเราเป็นคนดี บุญนั้นเรียกว่ากุศล แต่ถ้าทำบุญแล้วยังมีตัวมีตน บุญนั้นเรียกว่า เครื่องฟูใจ เครื่องปิติใจ แค่นั้น ไม่สามารถเอามาชำระล้างทุกข์ได้ ฉะนั้นถ้าให้ไปแล้ว มันลดความตระหนี่ ลดความอยาก ให้ไปเถอะ ถ้าหากมีแล้ว มันทำให้อยากจะไปเที่ยวโน่น อยากจะไปเที่ยวนี่ อยากจะได้กระเป๋า เดี๋ยวจะซื้อรถ เดี๋ยวจะได้ไปเที่ยวกับแฟน เอาเงินนั้นไปทำบุญดีกว่าไหม ถ้าแบ่งได้แล้วลดความอยากลงไป แล้วตอนนี้ทำแบบไหนมา สิ่งที่ทำมาผิดทั้งนั้นเลย ใช่ไหม (ใช่)  แล้วศิษย์ก็มาบอกว่า ทำบุญทำดีไม่เห็นได้ดีเลย ก็มันได้อย่างไรละ ทำบุญที่วัดแต่ไปด่าคนรอบตัว แล้วก็อุทิศแผ่เมตตาสัพเพสัตตาอย่าโกรธกันเลย ใช่ไหม
อาจารย์ก็ทำให้ศิษย์เห็นประจำ แต่ถึงเวลาศิษย์ก็เป็นอย่างนี้ประจำ บุญทำได้ทุกที่ ทำให้ใครสบายใจ ทำให้ใครอิ่มเอิบใจ นั่นคือบุญ ทำให้ใครหม่นหมอง ทำให้ใครทุกข์ตรม ทำให้ใครเจ็บช้ำระกำทรวง นั่นคือบาป
ทำบาปทุกที่ไหม ทำบุญที่เดียวคือที่วัด บางทียังไม่พ้นวัดเลย แอบนินทาพระอีก บาปเข้าไปอีก ใช่ไหม หรือบางทีบอกจะไปทำบุญก็อยากไปอยู่หรอก แต่ไม่รู้ว่าพระจะดีหรือเปล่า วัดจะเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ บาปไปตลอดทาง มาถึงวัดจ่ายเงินไป คิดว่าเดี๋ยวพระจะเอาเงินไปทำอะไร จะได้บุญไหมศิษย์ (ไม่ได้)  ไม่ได้เลย ถ้าทำแล้วมันลดความอยาก ลดความยึดติด คลายความหลง คลายความโง่ ทำไปเถอะ ทำแล้วไม่ต้องคิด มันจะได้งามตั้งแต่ต้นจนกลางแล้วถึงที่สุด ทำไปแล้วมาเสียดายทีหลังนี่เป็นประเภทอะไร หาเงินแทบตายก็ไม่ได้ใช้ เราเป็นอย่างนั้นไหม ทำไปเรียบร้อยแล้ว สาธุ สักพักหนึ่งมาคิดว่า ไม่น่าไปทำเลย ทำเยอะไปนิดหนึ่ง จริงๆ สักห้าสิบบาทก็โอเคนะ ฉะนั้นบุญจะงามต้องงามตั้งแต่ต้น กลาง ท้ายแล้วก็ลืมไปเลย ไม่ต้องมาจดจำว่าวันนี้ทำหนึ่งร้อย พรุ่งนี้ทำสองร้อย บุญเยอะดี นั่นแหละเอาตัวตนไปรับทุกข์รับบุญ มันก็เวียนไม่จบสิ้น ถูกไหม (ถูก)
เราจะเข้าถึงหลักธรรมที่แท้จริงได้ เราต้องทำให้ถูกต้อง เพราะชีวิตนี้เราเกิดมาก็ทุกข์มากพอแล้ว ทำไมเราไม่เดินให้ถูกทาง ไม่ใช่ทางที่ทุกข์
ไม่เป็น ทุกข์ไม่ได้ จะต้องสุขอย่างเดียว ไม่ใช่ ไม่มีธรรมะที่ไหน ไม่มีศาสนาไหนสอนว่า อยู่บนโลกเอาแต่สุข ทุกข์ไม่ต้องมี แม้แต่พระพุทธองค์ อยู่บนโลก สุขท่านไม่เอา ท่านสู้ทุกข์ ถูกไหม (ถูก)  พระพุทธองค์ท่านหนีสุขหรือหนีทุกข์ ยิ่งเป็นทุกข์ พระพุทธองค์ยิ่งกระโดดเข้าหา เพราะเมื่อใดที่ท่านพ้นทุกข์ ท่านก็นำพาคนรอบข้างให้พ้นทุกข์ แต่ตัวศิษย์เป็นอย่างไร หนีทุกข์กระโดดหาสุข
อาจารย์ถามนะ สิ่งใดในโลกนี้ที่มนุษย์พากันหลงเวียนว่าย แต่พุทธะเอาสิ่งนั้นมาทำให้รู้ตื่น เบิกบาน พ้นทุกข์ และนำพาเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์เฉกเช่นเดียวกัน
(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)  สิ่งที่เป็นตัวตัดสินให้พระพุทธองค์ทิ้งจากความสุข กระโดดเข้าหาความทุกข์ นั่นคือความแก่ เจ็บ ตายเป็นสิ่งที่เราเห็นทุกวัน แต่พระพุทธองค์เอามาหยั่งรู้จนพิจารณา รู้แจ้งเห็นจริง จนสามารถทำให้ตัวเองพ้นทุกข์และนำพาเวไนยให้พ้นทุกข์ ซึ่งเราเห็นทุกๆ วันแต่เรากลับไม่เคยพ้นทุกข์เลย ฉะนั้นอยู่ในโลกจริงกับลวงมองให้ดี ในจริงมีลวง ในลวงมีจริง สิ่งที่พระพุทธองค์ได้นำมาทำให้ตัวเองหยั่งรู้และนำพาเวไนยให้พ้นทุกข์ เพราะท่านเห็นความแก่ เจ็บ ตายจนหยั่งรู้พ้นทุกข์ จนไม่กลับมาเกิดอีก ท่านเห็นความแก่ เจ็บ ตายว่าทุกชีวิตล้วนต้องเจอเท่าเทียมกัน ท่านเห็นธรรมอันเป็นหนึ่งเดียว ธรรมที่มีหนึ่งเดียวที่ทำให้ทุกชีวิตเป็นเอกภาพ ทำให้ทุกชีวิตไม่ว่าจะสูงต่ำ ดำขาว ดีรวยจนก็หนีไม่พ้นคือความแก่ เจ็บ ตาย และเมื่อท่านเห็นธรรมนี้ ท่านสามารถรู้ว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือที่สุดแห่งทุกข์และจะดับทุกข์ได้เช่นใด
แต่เราเห็นทุกวัน มองอยู่ทุกวัน แต่เราพ้นทุกข์หรือยัง (ยัง)  เมื่อศิษย์เห็น แก่ เจ็บ ตาย ศิษย์เคยลองมองไหม ศิษย์ลองหลับตา ถ้าศิษย์พิจารณาอยู่เสมอทุกวันที่ตื่นขึ้นมา เรามีความแก่เป็นธรรมดา เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา เรามีความตายเป็นธรรมดา ทุกขณะไม่ว่ายามตื่นหรือยามหลับพิจารณาอยู่เสมอ ถ้าเราพิจารณาอยู่เสมอเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องแก่ เราต้องเจ็บ เราต้องตาย เราจะหวาดหวั่นไหม (ไม่หวาดหวั่น)  ฉะนั้นถ้าเรามองเห็นว่ามีความแก่ มีความเจ็บ มีความตายอยู่ทุกชีวิต พอเจอชีวิตใครต้องพลัดพราก เราจะเศร้าเสียใจไหม (เสียใจ, ไม่เสียใจ)  เมื่อเรารู้ว่าทุกชีวิตมีความแก่ มีความเจ็บ มีความตายเป็นเรื่องธรรมดา เราจะโกรธเคืองใครไหม (ไม่โกรธ)  เราจะอยากอะไรไหม (ไม่อยาก)  เราจะเกลียดอะไรไหม (ไม่เกลียด)  เราจะหลงอะไรไหม (ไม่หลง)  ศิษย์ลืมตาได้ อาจารย์ถามว่าถ้าส้มผลนี้กินแล้วไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายเอาไหม (เอา)  แสดงว่าที่ให้หลับตาพิจารณาไม่ได้ใช้เลย ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นถ้าส้มผลนี้กินแล้วแก่ เจ็บ ตาย อีก เอาไหม (เอา, ไม่เอา)  (เอา เพราะทานก็ตาย ไม่ทานก็ตาย)  ปรบมือให้หน่อยนะ มีคนตื่นสักหนึ่งคนอาจารย์ก็ดีใจแล้ว
เมื่อสักครู่อาจารย์ก็บอกแล้วไง ตัวเรานี้มีความแก่ เจ็บ ตาย อยู่แล้วหนึ่งอัน เพิ่มใจอีกหนึ่งอัน เพิ่มส้มอีกหนึ่งอัน เอาไหม (เอา)  ศิษย์เอ๋ย ทุกข์อันเดียวก็หนักแล้ว ยังมีทุกข์ซ้อนเข้ามาอีกอันหนึ่ง คือใจที่ชอบรู้สึกรู้สา แล้วยังจะหาเพิ่มให้ทุกข์เพิ่มอีกทำไม ถ้ารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีความแก่ มีความเจ็บ มีความตาย จะอยากเพิ่มทำไม อยากเพิ่มแล้วยึดให้ทุกข์เจ็บเพิ่มทำไม ฉะนั้นถ้าเข้าใจ แก่ เจ็บ ตาย ความอยากจะลดลง ความโกรธจะ
เบาบาง ความหลงมันจะไม่มี ถ้าเข้าใจอันนี้นะ จะตัดคำว่า อกุศล ที่ศิษย์กลัวนักกลัวหนาที่เป็นต้นตอของบาปและความทุกข์ความชั่วทั้งมวลได้หมดสิ้น ถ้าศิษย์เห็นแจ้งแจ่มชัด มันมีความแก่ มันมีความเจ็บ มันมีความตาย เอามาเพิ่มก็เพิ่มทุกข์ให้ยิ่งแก่อีกขึ้น เจ็บอีกชั้นหนึ่ง ตายอีกชั้นหนึ่ง เมื่อไรที่เราเห็นความจริงชัด โลภไม่มี หลงไม่เกิด โกรธเกลียดจางหายสิ้น เพราะอะไร เพราะทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ ฉันก็ทุกข์ เขาก็ทุกข์ แล้วจะทุกข์เพิ่มทำไม จะเกลียดกันทำไม เกลียดไปเดี๋ยวเขาก็ตาย เกลียดไปทำไม เกลียดไปก็มีแต่ทุกข์ นี่ก็ทุกข์แล้ว แล้วจะทุกข์กับมันทำไม ฉะนั้นยิ่งเห็นความแก่ เจ็บ ตายชัด เมื่อนั้นศิษย์ก็สามารถละอกุศลได้ เข้าถึงกุศลที่สามารถจะนำพาให้เราพ้นเวียนว่ายตายเกิดได้ ถ้าเข้าถึงความแก่ เจ็บ ตาย มันจะไม่อยาก มันจะไม่โกรธ มันจะไม่โลภ ถูกไหม (ถูก)
ศาสนาพุทธสอนว่า โลภมากๆ ก็จงให้ทาน โกรธมากๆ ก็จงมีศีล หลงมากๆ ก็จงมีปัญญา ถ้าศิษย์เห็นชัดตั้งแต่อย่างนี้แล้ว จะอยากไหม
(ไม่อยาก) ฉะนั้นการดำเนินชีวิตของศิษย์คือ การเลี้ยงดูเพื่อเลี้ยงดู ไม่ใช่เลี้ยงดูเพื่อสะสมความอยากความยึด หรือที่เรียกว่า มีชีวิตอยู่เพียงแค่สักแต่อาศัยเขาอยู่
จะเจ็บขนาดไหน ก็ยืมเขามา อาศัยเขาอยู่แค่นั้น เราอาศัยธรรมชาติถูกไหม การยืมใช้ของเราจึงไม่ยึดมั่นถือมั่น เมื่อเราไม่มีที่ให้ทุกข์อยู่ เมื่อทุกข์มาเจ็บไหม ความเข้าใจแบบนี้ พระพุทธะท่านมองเห็นแล้วจึงไม่ยึดมั่นถือมั่น หนทางแท้มีหนึ่งเดียว เรียกว่าทางสายกลาง หนทางแห่งความพ้นทุกข์
(ไม่ตึงเกินไปและไม่หย่อนเกินไป)  ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป และก็ไม่ตามใจ คือพอดี ใช่ไหม (ใช่)
ใครยังไม่ตอบอาจารย์รีบตอบ ทางสายกลางแปลว่าอะไร
(ความพอดี พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี)  พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ยินดีในสิ่งที่ตัวเองได้ นั่นคือความพอดี แล้วพอหรือยัง ถ้ายังไม่พอ ก็ยังไม่มีดี ใช่ไหม (ใช่)
(ไม่สุขเกินไป และไม่ทุกข์เกินไป)  เดี๋ยวอาจารย์จะให้ดูว่าทางสายกลางแท้จริงแล้วพระพุทธองค์ต้องการบอกว่าหมายความว่าอย่างไร
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนฝ่ายชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าชั้น)
ที่ทุกข์ก็ไม่ทุกข์ ที่สุขก็ไม่สุข นั่นเรียกว่า สายกลาง สมมติว่าฝั่งนี้คือฝั่งที่ด่าศิษย์ และฝั่งนี้คือฝั่งที่ชมศิษย์ อะไรคือทางสายกลาง (ก็เฉย)  ถ้าเราดำรงอยู่ในโลกเดินสายกลางจะไม่มีอะไรเรียกว่าสุข ไม่มีอะไรเรียกว่าทุกข์ ไม่มีอะไรเรียกว่าแย่ ไม่มีอะไรเรียกว่าดี ถ้าดำรงจิตตรงนั้นได้ นั่นเรียกว่า สายกลางโดยแท้จริง ธรรมแท้มีหนึ่งเดียว ไม่เคยมีสองสามสี่ เมื่อใดที่จิตเราเจอเรื่องอะไรแล้วจิตเราไม่เอียงไปบอกว่า อย่างนี้ดี แล้วจิตเราไม่เอียงไปบอกว่า อย่างนี้ชั่ว เมื่อนั้นสวรรค์ไม่เกิดนรกไม่มี นิพพานอยู่ตรงนี้
แต่ถ้าเมื่อใดเราดำรงอยู่ในโลก แล้วบอกว่า อันนี้ดี อันนี้แย่ แบบนี้เรียกว่า สวรรค์ นรก เกิดในช่วงขณะจิต แต่ถ้าเราดำรงชีวิต สวรรค์ก็ไม่เอา นรกก็ไม่เอา รักษาจิตหนึ่งเดียวไซร้ นั่นแหล่ะความพ้นทุกข์ ฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะมากระทบ เมื่อศิษย์ทำได้ จะเข้าถึงความบริสุทธิ์อันแท้จริง แต่จิตของมนุษย์ไม่ใช่ ยังแปดเปื้อนฝุ่นธุลีและแบ่งแยกว่าอะไรดี อะไรชั่ว เมื่อมีดีมีชั่ว ก็ยังมีนรก สวรรค์ มีบุญ มีบาป ถ้าเมื่อไหร่เข้าถึงสภาวธรรมแจ่มแจ้งชัดแล้ว  เราจะหลง เราจะอยากไปทำไม มันไม่มีอะไรดีที่สุด มีดีก็ดีกว่า
มีชั่วก็ชั่วกว่า แล้วอะไรดีสุด อะไรร้ายสุด สภาวธรรมอันแท้มีหนึ่งเดียว คือความเป็นกลาง เมื่อใดที่จิตสามารถคงสภาวะนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ไหลไปเลวและชั่ว เมื่อนั้นเรียกทางสายกลาง เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเกิด เกิดเมื่อใดก็ทุกข์เมื่อนั้น พระพุทธะจึงบอกว่า มีแค่ แก่ เจ็บ ตาย เราหยุดเกิดได้ เมื่อโดนกระทบ ไม่เอียงไปนรก ไม่เอียงไปสวรรค์ จบไหม แต่มนุษย์ไม่เคยจบ โกรธคือจองเวรจองกรรม เคืองแค้นคือผูกใจเจ็บอาฆาต ก็เลยกลายเป็นเกิดที่ไม่จบ ฉะนั้น อยากจบไหม
ทางสายกลางที่จะต้องเข้าให้ถึง ไม่ใช่แค่เห็นความแก่ เจ็บ ตาย แต่ต้องพิจารณาจนหยั่งถึงจนเกิดความรู้ตื่น สงบและนำพาตนพ้นทุกข์ ไม่ต้องรอชาติไหนเอาชาตินี้ ไม่ต้องรอตอนไหนเอาตอนนี้ ทำไมศิษย์ต้องไปรอ วันนี้ต้องทำให้ได้ วันนี้ต้องเป็นให้ได้ ถ้าศิษย์บอกว่าพรุ่งนี้ ศิษย์ก็พรุ่งนี้ไปวันยังค่ำ ถ้าศิษย์บอกว่าเดี๋ยวก่อน ศิษย์ก็เดี๋ยวไปตลอดชีวิต ฉะนั้นมันไม่ยากเลยแค่โดนกระทบ ไม่ไปนรก ไม่ไปสวรรค์ ฉันจะไปทางสายกลาง หนทางแท้มีหนึ่งเดียว ฉันจะไม่ตกนรก ฉันจะไม่ขึ้นสวรรค์ ฉันจะไปหนทางแท้มีหนึ่งเดียว ไม่โกรธ ไม่เกลียด เราจะต้องวนไปอีกเท่าไร ขอแค่นิ่งทุกขณะที่โดนกระทบ มีสติทุกขณะที่โดนกระแทกและพิจารณาให้ออก ไม่ว่าจะเจออะไรมาทำให้ใจหวั่นไหวก็ตาม จำไว้เสมอว่าฉันจะไม่เพิ่มความแก่ เจ็บ ตายให้กับตัวเองอีกแล้ว ศิษย์เอยแค่ตัวเรายังเดาไม่ออกเลยว่าชะตาชีวิตจะเป็นอย่างไร แล้วสิ่งที่ศิษย์ครอบครองศิษย์มั่นใจหรือว่าช่วงที่ศิษย์ไปครอบครองศิษย์จะไม่ไปเกี่ยวกรรมกับเขา ศิษย์จะไม่ทำร้ายเขา หรือเขาจะไม่กลับมาทำร้ายเรา เราเดาออกไหม ทำไมไม่เห็นให้ชัดก่อนจะอยาก ทำไมไม่รู้ให้ชัดก่อนจะเจ็บ ทำไมไม่ระวังให้ดีก่อนจะต้องมานั่งทุกข์แล้วแก้ผลที่ปลายเหตุ ทุกข์ไม่พอหรือ เจ็บไม่พอหรือ เอาไหม
อาจารย์ขอถามหน่อยนะ อะไรที่อยู่ในใจแล้วทำให้เราเป็นคนชั่วคนไม่ดี
(อารมณ์โมโหโกรธ)  ฉะนั้นต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ เพราะถ้าควบคุมไม่ได้เราก็กลายเป็นคนชั่วที่น่ากลัวได้ ถูกไหม (ถูก)
(ความโลภ)  เรามีความโลภเยอะ ใช่ไหม อะไรก็อยากไปหมด ไม่เคยพอใจในตัวเอง เช่นนี้อันตราย ถ้าโลภแล้วไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีก็ยิ่งอันตรายใหญ่ ถ้าโลภแล้วไม่มีใจเมตตาการุณก็ยิ่งอันตรายใหญ่ ใช่ไหม ฉะนั้นเกิดเป็นคนอย่ามัวแต่วิ่งไปตามอารมณ์ กิเลส จนลืมคุณธรรมความดีในใจ แล้วเอาผลไม้นี้ไปฝากคนอื่นดีไหม (ดี)  เป็นคนดีให้ได้นะ
(ความหลง)  หลงอะไร หลงตัวเองหรือเปล่า บางทีคนเรามักจะหลงยึดติดความคิดของตัวเองว่าความคิดของตัวเองถูกต้อง ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ไม่ฟังใคร ก็น่ากลัวถูกไหม
สิ่งที่น่าเสียดายนั่นก็คือ ถึงอาจารย์จะพูดดีขนาดไหน ถึงอาจารย์จะพูดแจ่มชัดขนาดไหน แต่มนุษย์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะปล่อยไปตามอารมณ์และความเคยชินของใจตัวเอง ถึงอาจารย์จะพูดขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าศิษย์ไม่เอาไปปฏิบัติมันก็แค่นั้นก็เท่านั้น ก็ต้องทำใจว่าได้แค่นี้ เท่านี้ อย่างนั้นการฝึกฝนบำเพ็ญวิธีง่ายๆ ก็คือ เมื่อมีโอกาสอยู่ร่วมกับผู้คน ประพฤติปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความสุขุม สำรวม อ่อนน้อมถ่อมตน และในใจประกอบไปด้วยเมตตา ยากไหม (ไม่ยาก)  ถ้าบำเพ็ญได้ขนาดนี้ไปอยู่ที่ใดเขาก็เรียกว่าคนดีแล้วใช่ไหม (ใช่)  แต่เราอยู่กับคนในโลกเราดื้อ เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล ไปอยู่ที่ไหนคนอื่นเขาก็รำคาญ
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท เป็นรูป
พระอาทิตย์และดอกบัว)
ส่วนใหญ่อาจารย์จะให้พระโอวาทซ้อนพระโอวาทเป็นเนื้อหาทางธรรม แต่ครั้งนี้อาจารย์ให้เป็นรูปภาพเพราะอาจารย์มีโอกาสได้ผูกบุญสัมพันธ์กับศิษย์หลายที่ เวลาอาจารย์ไปผูกบุญสัมพันธ์ทำให้อาจารย์ได้มองเห็นศิษย์อย่างหนึ่ง นั่นคือความเป็นจริงของชีวิตคน คนคล้ายๆ
กับดอกบัว และพระพุทธองค์ก็เปรียบไว้เหมือนกันว่าสิ่งที่ท่านรู้ตื่นแล้วนี้ การที่ท่านจะมาปรกโปรดคนนี้เป็นหลักธรรมที่ยากที่คนจะเข้าถึง บัวมีสามเหล่าแต่คนมีสี่ประเภท ฉะนั้นเรียนรู้ศึกษาธรรม ธรรมสอนให้เราเข้าใจชีวิต ธรรมไม่ได้สอนให้เราหลงและไม่ยอมมองความจริง ศิษย์เอยโลกปัจจุบันนี้มีเรื่องราวมากมาย อะไรที่ทำให้เรามองเห็นความจริงจงรู้ไว้ว่านั่นคือธรรมะ แต่อะไรที่ทำให้เราไม่ยอมมองความจริงอันนั้นคือความหลอกลวง ฉะนั้นสิ่งใดที่ทำให้เราเห็นชัดในตัวเองนั่นเรียกว่าธรรมะ แต่ถ้าสิ่งใดหลอกให้เรามองไม่เห็นตัวเองชัดนั่นไม่อาจเรียกว่าธรรมะ
ฉะนั้นใครพูดจริง พูดถูกใจ พูดโดนใจ พูดแล้วทำให้เจ็บใจ จงอย่าไปโกรธ เพราะเขาทำให้เรามองเห็นใจเรา แต่อะไรที่พูดแล้วทำให้เราหลงลำพองมองไม่เห็นตัวเอง ยืนชูคออย่างนี้ไม่ควรหลงติด ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นเล่นเกมส่งผลส้มจากหัวแถวไปถึงท้ายแถวแล้วส่งกลับมาที่คนนั่งหัวแถว)
แถวไหนเสร็จแถวแรกจะได้ส้มทั้งแถว แถวไหนช้าที่สุดจะต้องออกมาเต้นเป็ดทั้งแถว
(แถวที่เร็วที่สุดคือแถวนักเรียนฝ่ายชายหนึ่งแถว แถวที่ช้าที่สุดคือนักเรียนฝ่ายหญิงหนึ่งแถว พระอาจารย์เมตตาถามฝ่ายชายที่ชนะว่าจะยอมเสียสละเต้นเป็ดแทนฝ่ายหญิงไหม)
คนที่ยินดีสละ ตอนแรกตัวเองเป็นผู้ชนะก็กลายเป็นผู้ที่ยอมแพ้ ปรบมือให้หน่อยนะ ศิษย์เอ๋ยถ้าอยู่ในโลกเราทำอย่างนี้ได้ นี่แหละสุดยอด ผู้ชายเข้มแข็งตรงนี้ กล้าหาญก็อยู่ตรงนี้ ชนะได้ก็แพ้ได้ บางทีเราชนะใครแล้วเราบอกว่าฉันก็แพ้ไม่ต่างจากเธอหรอก ให้กำลังใจคนแพ้โดยไม่รู้ตัว หรือเอารางวัลไปแบ่งคนแพ้ โลกจะได้ไม่แก่งแย่งแข่งขันกัน ถูกไหม (ถูก)  เอาส้มไปมอบให้ฝ่ายหญิงนะ ได้ไหม (ได้)  ถือว่าผูกบุญสัมพันธ์กัน
ศิษย์เอ๋ยอาจารย์ถือว่าเป็นการร่วมบุญกันนะ ในเมื่อสองวันนี้มีโอกาสมาร่วมบุญกัน วันนี้ก็ส่งบุญต่อดีไหม (ดี)  ไม่เชื่ออาจารย์ไม่เป็นไร ศรัทธาในความถูกต้องดีงามของตัวเองที่รู้จักมีแล้วให้ต่อ ได้ไหม (ได้)
มองให้ดี ในโชคดีมีโชคร้าย ในโชคร้ายมีโชคดี อย่าบำเพ็ญเสียเปล่า ต้องก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ รู้จักนำพาช่วยคนอีกเรื่อยๆ การบำเพ็ญธรรมไม่ใช่สอนแค่เพียงนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์อย่างเดียว แต่การบำเพ็ญธรรมยังสอนให้รู้ว่า ถ้าเราเข้าใจว่าทุกข์คืออะไร เราก็จะสามารถช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์ได้เช่นกัน
มนุษย์เราอย่าเป็นเพียงจิตแห่งมนุษย์แต่จงมีจิตแห่งพุทธะอยู่ด้วย
ในเมื่อเราได้รับหนึ่งจุดชี้ความเป็นพุทธะ แล้วทำไมเราไม่เอาพุทธะสถิตอยู่ในใจตลอดเวลา แล้วคนที่มีจิตพุทธะสถิตอยู่ในใจต้องเป็นคนที่มีเมตตา เป็นคนที่รู้จักสุภาพอ่อนน้อม เป็นคนที่รู้จักขยันขันแข็ง ไม่รู้จักเหนื่อยท้อในการช่วยเหลือคน จำไว้นะอยู่ในโลก สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ความทุกข์ แต่เป็นความคิดที่ไม่กล้าสู้ทุกข์  ความคิดที่ไม่ยอมรับความจริงที่เรียกว่าทุกข์ สิ่งที่น่ากลัวคืออารมณ์นิสัย เอาแต่ใจของตัวเองต่างหากที่ทำให้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่รู้จักเกรงกลัวบาปกรรม ศิษย์ไม่เห็นหรือ คนในโลกเดี๋ยวนี้ร้ายสุดๆ ที่ร้ายเพราะอะไร เพราะ ลืมคุณธรรมในใจ เพราะปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ จนลืมความถูกผิดไป แต่จริงๆ แล้วเขาไม่มีดีหรือ (มี) แต่อยู่ที่ว่าใครจะชี้นำให้เขาพ้น
(พระอาจารย์เมตตาอธิบายพระโอวาทซ้อนพระโอวาท รูปดอกบัว)
เป็นบัวที่บ่งบอกถึงว่าในความมีอยู่พร้อม มีการเปลี่ยนแปลงและ
สูญสิ้น ในทุกขณะจิตของชีวิต นั่นก็คือ ที่อาจารย์บอกไว้ มีความแก่ มีความเจ็บ มีความตาย อยู่ทุกขณะ เมื่อเรามองเห็นดอกบัว เหมือนเรามองคน ในหนึ่งชั่วขณะที่เราประชุมธรรมกันอยู่ มีทั้งหนุ่มสาว มีวัยกลางคน และมีทั้งสิ่งที่ร่วงโรย แล้วชีวิตเรา หนุ่มสาวหรือร่วงโรย และในความร่วงโรยมีความเป็นหนุ่มสาวไหม (มี)  มองให้เข้าใจ มองให้เห็นแจ้ง จนสามารถปลดปลงปล่อยวางได้ ใดๆ ในโลกล้วนไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เพราะทุกสิ่งล้วนมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขั้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ และทุกข์เท่านั้นที่ดับไปแล้วเรากำลังหลงยึดติดกับอะไร จะให้ทุกข์มันขังตัวเองไปอีกกี่ปีกี่ชาติกันเล่าศิษย์เอย
อาจารย์ไปแล้วนะ มีโอกาสกลับมาผูกบุญกับอาจารย์อีกได้ไหม (ได้)  อาจารย์ไม่เคยหลอกศิษย์นะ มีแต่ศิษย์ที่หลอกอาจารย์ พูดว่าจะกลับมา แต่พอถึงเวลาก็หายไป ชีวิตนี้เราปฏิบัติได้ไม่จำเป็นว่าอยู่แค่ที่วัด ทุกที่ก็ปฏิบัติได้ แต่ถ้ายังไม่เข้าใจยังต้องมาศึกษาเพิ่มเติม มาเรียนรู้ให้เข้าใจ ต้องหยั่งให้ลึก มองให้ชัด ธรรมไม่มีเรื่องอะไรไกลเกินเอื้อม อยู่ที่ว่าศิษย์ได้หมั่นมาพิจารณาไตร่ตรองไหม คนเรามีความแก่เป็นธรรมดา มีความเจ็บเป็นธรรมดา มีความทุกข์ก็เป็นธรรมดา แต่ในความธรรมดาเราก้าวพ้นได้ด้วยปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ด้วยสติรู้ตัวรู้ตนว่าทำอะไร ถ้าอาจารย์มีพลังดึงศิษย์กลับได้ทั้งหมด อาจารย์ก็อยากพากลับนะ ทำให้ได้นะศิษย์เอย มีโอกาสกลับมาอีกนะ
เป็นเด็กดีอย่าเอาแต่ใจอย่าเอาแต่อารมณ์เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก ใจเย็น ไม่ขี้บ่น เป็นคนที่รู้จักมีเหตุผล ทำอะไรไตร่ตรองให้ดี อย่าใช้อารมณ์ อย่ามัวแต่หลงเพียงแค่รูปภายนอก
อาจารย์ห่วงศิษย์ทุกคนนะ แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วก็ต้องปล่อยวาง ตั้งใจบำเพ็ญอย่าดื้อ อย่ากลัวความทุกข์ อย่ากลัวความยากลำบาก ขอให้ขยันและอดทน มีโอกาสมาฟังให้ครบนะ ชีวิตที่แท้จริงคืออะไร คือการหลงในสุขหรือค้นหาความทุกข์หรือ
อาจารย์ช่วยศิษย์อยู่แล้วนะ แต่ศิษย์ต้องรู้ว่าสังขารมันเป็นของไม่เที่ยง สักวันหนึ่งเราต้องคืนธรรมชาติไป ฉะนั้นจงค้นหาจิตเดิมแท้ที่ได้รับหนึ่งชี้จากอาจารย์นี้ หาให้เจอและนำความสว่างมาสู่จิต จิตที่สว่างคือจิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตน แต่เป็นจิตที่เข้าถึงสภาวธรรม พ้นการเกิด พ้นการดับแล้ว
ดูแลกายดูแลใจตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ชีวิตและจิตใจหลงผิด ติดยึดในสิ่งที่ไม่ควรยึดอันตรายยิ่งนัก ความคิดผิดเพียงชั่ววูบ ฆ่าคนมานักต่อนักแล้ว แล้วอาจารย์หวังว่าศิษย์ของอาจารย์จะไม่มีความคิดผิดอันนี้ มองให้ชัด เห็นให้จริง รู้ตื่นให้จงได้ จะได้ไม่ต้องทุกข์กับโลกใบนี้อีกต่อไป คิดให้ดีๆ ถ้าไม่มั่นใจก็แปลว่ายังไม่ถูกต้อง มุ่งมั่นบำเพ็ญทำให้สำเร็จนะ ไม่ต้องรอตอนไหน รอแล้วเมื่อไหร่จะทำอดทนช่วยผู้คนต่อไปอย่ายอมแพ้กับสังขารอันไม่เที่ยง
อาจารย์ไปแล้วนะ รู้จักคิดรู้จักทำ มีโอกาสเข้ามาช่วยอาจารย์นะ เข้าใจบ้างแล้วใช่ไหม เดินหน้าลุยแล้วนะ เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องนะศิษย์เอ๋ย บุญรักษาได้ก็ต่อเมื่อเรารักษาบุญเป็น จับมืออาจารย์แล้วแปลว่าจะกลับมาอีกนะ มีโอกาสมาร่วมบุญกันอีกนะ อย่าดูเบาคุณค่าตัวเอง อย่าดูเบาความหมายของการมีชีวิต ทำให้ได้นะ
อาจารย์เป็นห่วงศิษย์ทุกคนนะ ศิษย์ก็ต้องเข้มแข็ง เมื่อมุ่งบำเพ็ญอุทิศเสียสละ รู้จักนำพาตน นำพาผู้คนด้วยความคิดที่ถูกต้อง อย่าเอาแต่อารมณ์
ตั้งใจบำเพ็ญนะ รักอาจารย์ขนาดนี้ทำไมไม่ปฏิบัติให้ได้ดั่งที่อาจารย์บอก คิดถึงอาจารย์ขนาดนี้ทำไมไม่ทำให้ดีอย่างที่พูด ทำไมพูดจะทำแต่ถึงเวลาก็เอาแต่ใจ ทำไมถึงปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบชักพาให้ศิษย์อาจารย์จากกันไปตลอด รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้ดี ไม่ว่าจะทางโลกทางธรรม อย่าให้เสียนะศิษย์เอย ทางธรรมทำได้ดีแล้วเหลือทางโลกต้องให้ดีด้วย อารมณ์ลดหรือยัง ใจเย็นหรือยัง ยังไม่เย็นยังใช้ไม่ได้นะ ยังเอาแต่ใจไหม ยังดื้อใช่ไหม ยังขี้บ่นหรือเปล่า เมื่อไรจะรู้ตัวเอง ต้องให้อาจารย์ตีอีกเท่าไร อารมณ์คุมได้ถึงไหน เอาชนะความเป็นตัวตนให้ได้ด้วยการขยัน ทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ทิฐิอารมณ์เป็นใหญ่ อย่าปล่อยให้ความเป็นตัวตนครอบงำจนหลงผิด จิตเราพ้นทุกข์ได้ จิตเราบริสุทธิ์ จิตเรางดงามได้ อย่าปล่อยให้ความเป็นตัวตนหลอกให้เราทุกข์อยู่กับกายสังขารนี้ มันไม่เที่ยงศิษย์เอย
ศิษย์เอยอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้าเราทำถึงที่สุดเราก็ต้องยอมรับความเป็นไป ควบคุมอารมณ์เราให้ได้ ไม่ว่าเจอสภาวะใด ใจเย็น อดทน ทำได้ดีแล้ว หรือยังดื้อกับอาจารย์อยู่อีก ควบคุมอารมณ์ให้ได้นะศิษย์เอย
อย่าปล่อยให้ความเป็นตัวตนทำร้ายตัวเอง อย่าปล่อยให้กิเลสความคิดชั่ววูบมันทำให้เราหลงผิดติดยึดในโลก ติดยึดในสังขารอันไม่เที่ยงเลยนะ บำเพ็ญคืออะไร บำเพ็ญคืออุทิศเสียสละ ไม่ใช่บำเพ็ญแล้วหลงติดยึดในอัตตา ตั้งใจเดินทางธรรมให้ถึงที่สุด ด้วยความเพียรพยายาม มุ่งมั่นแล้วไม่ท้อถอยสักก้าวเดียว เพื่อช่วยคนแล้วเสียสละอุทิศด้วยความเต็มใจ ช่วยคนแล้วต้องระมัดระวังซึ่งความคิด อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้เป็นไป ดูแลรักษากายใจตัวเองให้ดี เราไม่ได้เกิดมาเพื่อทุกข์ เราเกิดมาเพื่อเข้าใจทุกข์และพ้นทุกข์ให้ได้ คือหน้าที่ของความเป็นคนที่แท้จริง และตามหาจิตพุทธะที่อยู่ในตัวตนให้เจอ อยากกลับสว่างทำไมไม่ทำอะไรที่มันสว่าง อยากพบความสว่างทำไมทำอะไรที่มืดมน กลับมาอีกนะศิษย์เอย



พระโอวาทซ้อนพระโอวาท  F:\lotus-sun.jpg                      (รูป)
     ตื่นก่อนหลงผิดติดอัตตา
ล้วนไม่เที่ยงทุกข์หามีตัวตนไม่
คนประมาทยิ่งอยู่หลงพ่ายใจ
ติดรูปนามความอยากได้ยากแจ้งจริง


อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา