วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

2552-05-02 สถานธรรมผู่ถี จ.พิษณุโลก


西元二〇〇歲次己丑四月初八日         大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒    สถานธรรมผู่ถี จ.พิษณุโลก

ฟ้าก่อกรรมมนุษย์ยังหลีกหนีได้ มนุษย์ก่อกรรมทำอย่างไรยากหลีกหนี
ฟ้าปั่นป่วนใจคนกลัวเหลือที่ คนปั่นป่วนโลกดีคงย่อมสลายไป

เราคือ
ต้าเซี่ยวฝอถง รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานผู่ถี  แฝงกายกตัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่าน ง่วงนอนไหม

ทำใจจิตทำอารมณ์เป็นกลางกลาง สุขจากภายในว่างอย่างเต็มอิ่ม
ธรรมบริสุทธิ์ให้ในพึ่งพิงอมยิ้ม ปราชญ์เป็นพิมพ์ต้องค้นหาในตน
ตั้งใจจิตหยุดสร้างกรรมเป็นชนวน เกลียดคนในเอาเปรียบควรพิสูจน์ตน
มองทางร้ายใครเราล้วนหมองหม่น ก็ช่างเขาปะไรคนก็แบบนี้
คนตระหนี่ก็ถือไว้ไม่ยอมให้ เหนียวหนี้ใช้ว่าแล้วคิดจะหนี
ทบกรรมเก่าทำเขามาบรรดามี จึงมายมากคนที่จมน้ำตา
สับสนเป็นลักษณะแห่งจิตใจผู้อยู่ สุขทุกข์รู้มากปลุกจิตด้วยปัญหา
กังวลหนักซ่านฟุ้งไปโชคไม่มา วาสนาต่างคนต่างบำเพ็ญอย่าเทียบกัน
ชนะใจตนหนาจะได้ยืดหยุ่น จิตหมกมุ่นกว่าดีได้หมุนรอบด้าน
ระแวงหาเหตุผลให้ตนอยู่นั้น กอปรไม่กินอยู่ง่ายนั้นยังปุถุชน

ต่างเคยเจอนอนใจง่ายกลายยาก อากาศจะบริสุทธิ์ให้ดักฝุ่นด้วยฝน
ถึงสิ่งสมมุติมีน้อยแต่ต้องกมล ย่อมมีเผลอไม่พ้นแต่อย่าเผอเรอ
ถนนคนหลายหลากอยู่ไม่รู้ละ ง่ายไม่คุ้นอย่างสมถะอย่าฟุ้งเฟ้อ
บำเพ็ญอาจสติเผลอยากไม่เผอเรอ ไม่เลี่ยงเจอจิตบริสุทธิ์งามแห่งตน

ฮิ  ฮิ  หยุด
พระโอวาทท่านต้าเซี่ยวฝอถง
มนุษย์ทุกคนเวลาพบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มักจะยกมือขอพรใช่ไหม (ใช่)  ขอพรให้โชคดี ให้มีสุข ให้แข็งแรง  แล้วถ้าวันหนึ่งปรากฏว่าสิ่งที่ท่านขอสัมฤทธิ์ผล ถ้าวันหนึ่งมีโชคดีมาเคาะประตู ขอเข้าไปอยู่ในชีวิตหน่อย ท่านจะยินดีรับไหม ท่านส่วนใหญ่ก็ต้องตอบว่ายินดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้ามีโชคดีมาเคาะหน้าบ้านท่านจะเอาไหม (เอา)  แต่พอท่านเปิดรับโชคดีเข้ามาแล้ว โชคดีกลับบอกว่า “ฉันไม่เคยมาเดี่ยวๆ เมื่อไรที่มีฉันที่เรียกว่าโชคดี เมื่อนั้นก็จะต้องมีโชคร้าย”  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไรที่ท่านรับคำว่าโชคดี ท่านก็ต้องรับคำว่าโชคร้าย แล้วยังจะเปิดรับไหม ให้คิดนะ
มนุษย์ชอบความสุข  รักความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความสุขก็เหมือนโชคดี มีความสุขเมื่อไรก็ต้องมีความทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ท่านจะรับไหม  ให้ท่านคิดต่ออีก มนุษย์ปรารถนาแค่นี้หรือเปล่า (ไม่ใช่)  มนุษย์ยังปรารถนาความแข็งแรงด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มีใครที่ความแข็งแรงมา แล้วเราจะไม่เจ็บป่วย  เมื่อไรที่รู้ว่าแข็งแรงเมื่อนั้นก็คือเราเคยเจ็บป่วยมาก่อน ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นวันนี้ท่านเปิดประตูรับความแข็งแรง รับความสุข รับโชค แต่ก็อย่าลืมด้วยว่า ในแข็งแรงก็มีเจ็บป่วย ในสุขก็มีทุกข์ ในโชคดีก็มีโชค (ร้าย)  วันนี้ได้นั่งสบายๆ แต่ก็ต้องอึดอัดใจ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ใครสบายแล้วไม่อึดอัดยกมือขึ้น ใครบอกว่าไม่สบายเลยยกมือขึ้น  
มนุษย์ปรารถนาอีกอย่างหนึ่งคือความรัก ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อเราเปิดประตูให้ความรักเคาะใจเคาะชีวิตเราแล้ว ความรักมาเดี่ยวๆ ไหม (ไม่) ความรักมาพร้อมกับ (ความหลง)  เราจะบอกให้นะ มีสุขก็มีทุกข์ มีโชคดีก็มีโชคร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีแข็งแรงก็มีเจ็บป่วย แต่ถ้ามีความรัก ความรักกลับตามมาเป็นอะไร (ความเกลียด)  ไม่ใช่แค่ความเกลียดนะเราจะบอกให้ เมื่อเราเปิดประตูให้กับความรัก ความรักนั้นมีลูกหลานมาก ไม่เคยมีลูกหลานคนเดียว  ความรักตามมาด้วยความห่วง ความหวง รักแล้วบางทีก็กลายเป็นความเกลียด  กลายเป็นความแค้น กลายเป็นความริษยา กลายเป็นความอาฆาต ใช่หรือไม่ (ใช่)  นอกจากเราเปิดประตูรับความรักแล้ว เรายังเปิดประตูให้ครอบครัวความรักเข้ามาอีก ถูกไหม (ถูก)  แล้วจบแค่นั้นไหมล่ะ (ไม่จบ)  นี่แค่อารมณ์นะ แต่คราวนี้มนุษย์ไม่ได้เปิดแค่อารมณ์ แต่มนุษย์เปิดรับคนๆ หนึ่งเต็มๆ เคยไหมชีวิตอยู่คนเดียวเหงา ใช่หรือเปล่า (ใช่)  พอมีคนๆ หนึ่งมาเคาะหัวใจ รับไหมล่ะ (รับ)  แล้วคนที่เราเปิดรับมีอะไรเต็มไปหมด เรารู้ไหม (ไม่รู้)  แล้วเราจะเสี่ยงไหม (เสี่ยง)  เสี่ยงแล้วเป็นอย่างไร (ทุกข์)  
ฉะนั้นเมื่อเปิดประตูยอมรับสิ่งใดเข้ามา อย่าลืมด้วยว่า เรากำลังทำอะไร  มนุษย์ส่วนใหญ่อยู่ในโลก ทำอะไรมักจะใช้อารมณ์และหัวใจ ถูกหรือเปล่า (ถูก)   ถ้ามีอารมณ์ชอบแล้วอะไรมาก็เปิดรับหมด  ถูกไหม (ถูก)  แต่ทำอะไรด้วยอารมณ์อย่างเดียวอยู่รอดไหม (ไม่รอด)  เกิดเป็นคนอย่าใช้แต่หัวใจ เมื่อเราทำอะไร เมื่อรู้จักใช้หัวใจ ก็ต้องรู้จักใช้สติปัญญาควบคู่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  สติปัญญาจะทำให้เรารู้จักคำนวณ รู้จักคาดคิด และรู้จักมองเหตุการณ์ด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีหัวใจ มีสติปัญญา อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ ความรู้  ถูกไหม (ถูก)  ถ้าเราทำอะไรมีแค่หัวใจ มีแค่สติปัญญาแต่ขาดการรับรู้ รับฟังจากผู้อื่นบ้าง เราก็อาจจะ (ลำบาก)    คนที่ทำอะไรใช้แต่อารมณ์มักจะกลายเป็นคนที่ตาบอด หูหนวกได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)  คนที่คำนวณเก่ง กะถูก วางแผนได้ตรงพอดี แต่ถ้าไร้หัวใจในการร่วมทำงานกับผู้อื่น ก็ดูจะแห้งแล้งและไม่น่ารื่นรมย์เท่าไร ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นไม่ว่าจะเรียนรู้ในการดำเนินชีวิต จะอยู่ร่วมกับใคร สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือความรู้ ต้องรู้จักรับฟังด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะการรับฟังจะทำให้สติปัญญาของเรานั้นไม่คับแคบและจำกัด ถูกหรือเปล่า (ถูก)  เพราะหลายๆ ครั้งไป ที่เราเปิดประตูรับคนๆ หนึ่งมา เพราะคิดว่าเราฉลาด เรารู้ทันเขาแล้ว แต่ถึงเวลาเราก็กลายเป็นคนหูหนวก ตาบอดโดยไม่รู้ตัว ก็มากมายไป ใช่ไหม (ใช่)     
“มนุษย์ก่อกรรมทำอย่างไรยากหลีกหนี”
มนุษย์ก่อกรรมทำอย่างไรยากหลีกหนี ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าอยู่ๆ ฟ้าจะพิโรธ อยู่ๆ ทะเลจะปั่นป่วน แผ่นดินจะเคลื่อนไหว แต่ถ้าไม่ได้เกิดจากกรรมของเราเป็นผู้ทำให้เกิด เราก็อาจจะยังพอหลีกหนีฟ้าพิโรธ แผ่นดินปั่นป่วน น้ำทะเลเคลื่อนไหวได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้ามนุษย์ทำกรรมแล้ว แม้ฟ้าจะนิ่งๆ ทะเลจะไม่ปั่นป่วน ดินจะไม่เคลื่อนไหว เมื่อกรรมเป็นของตัวเราแล้ว อย่างไรก็หนีไม่พ้น ถูกหรือไม่ (ถูก)  
ฟ้าปั่นป่วนใจคนกลัวเหลือที่
เมื่อครู่ใครอยู่ข้างนอกเห็นฟ้าไหม  ลมแรงๆ ฝนหนักๆ รู้สึกเป็นอย่างไร หวั่นวิตกใจ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เราลองดูว่าฟ้าสงบๆ ชีวิตเราก็สามารถราบรื่น แต่เมื่อไรที่ฟ้ามีฝนตกหนักๆ รู้สึกเป็นอย่างไร หวั่นวิตกใจใช่หรือเปล่า (ใช่)  เราลองดูว่าฟ้าสงบๆ ชีวิตเราก็สามารถราบรื่น แต่เมื่อไรที่ฟ้าแปรปรวน ใจเราก็ยังรู้สึกวุ่นวายไปด้วย ถูกไหม (ถูก)  แต่เราบอกตั้งแต่ต้นแล้ว ถ้าเราไม่เป็นผู้ก่อกรรม ฟ้าจะแปรปรวน ดินจะถล่มถลาย หรือแม่น้ำจะพลิกผันอย่างไรมนุษย์ก็หนีได้ แต่ถ้าเมื่อไรมนุษย์เป็นคนก่อกรรมเอง ทำอย่างไรก็หนีไม่พ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  
คนปั่นป่วนโลกดีคงย่อมสลายไป
ฟ้าปั่นป่วนท่านยังกลัว แล้วคนที่จิตใจปั่นป่วน อยู่ไม่สงบ ใครอยู่รอบข้างก็รู้สึก (กลัว)  ฟ้าปั่นป่วนคนยังกลัวแล้วคนที่จิตใจไม่สงบหาความสุขในใจไม่ได้ ไปอยู่ที่ไหนใครๆ ก็ต้อง (กลัว)  จริงหรือไม่ (จริง)  แล้วใจของเราสงบสุขบ้างหรือยัง ทำไมเราอยู่ที่ไหน ใครๆ ก็เดินหนี มีหรือไม่ที่ไปที่ไหนก็มีแต่คนกวักมือเรียกให้เข้ามา แต่บางทีใครเห็นเรามีแต่คนบอกว่า มาอีกแล้ว เป็นอย่างนั้นไหม (ไม่) แล้วคนเช่นไรที่จิตใจไม่สงบสุข เคยเห็นคนที่หาความสุขให้กับตัวเองไม่ได้ไหม เคยไหม (เคย)  อย่างเช่นมีความคิดไม่ตก ปลงไม่ได้ วางไม่ลง ใช่ไหม (ใช่)  หรือมีความโกรธแค้นเจ็บปวดอยู่ในใจ ใช่ไหม (ใช่)  จะต้องระบาย ถูกหรือเปล่า (ถูก) พอระบายแล้วคนที่เดือนร้อนคือใคร (ตัวเราเอง)  ตัวเราเองและคนรอบข้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นปรารถนาให้โลกมีสันติสุข สิ่งแรกๆ ที่เราควรกระทำก็คือทำจิตใจให้สงบสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วความสงบสุขในจิตใจเราหาได้ไหม (หายาก)  ถ้าเราบอกว่าหาง่ายแต่มนุษย์มักจะบอกว่าหายาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทั้งที่จริงๆ หาได้ง่ายมาก แต่มนุษย์จะยอมทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง ถูกไหม (ถูก)  ความสงบสุขหาได้จากไหน เมื่อพอ  เมื่อไรพอเมื่อนั้นก็สงบสุข แต่ถ้าเมื่อไรไม่พอเมื่อนั้นก็ไม่มีวันสงบสุข จริงไหม (จริง)  
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจ้งพระนาม  “ต้าเซี่ยวฝอถง”)
รับรอยยิ้มอันใหญ่ๆ แล้วจะรับน้ำตาอันใหญ่ๆ ด้วยไหม เอาไหม (ไม่เอา)  เราชื่อต้าเซี่ยวก็หมายถึงรอยยิ้มอันใหญ่นะ ที่ไหนมีรอยยิ้มอันใหญ่ที่นั่นต้องมีน้ำตาอัน (ใหญ่)  เราเคยเห็นคนตาก็ร้องไห้ แต่ปากก็ยิ้ม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่ากลัวน้ำตา บางครั้งน้ำตาก็ทำให้ตาสะอาดขึ้นไม่ใช่หรือ (ใช่)  แต่เวลาหัวเราะมากๆ กลายเป็นเหงือกแห้งไม่ใช่หรือ (ใช่)  
อย่าลืมนะมีรอยยิ้มก็ต้องมีน้ำตานะ เอาไหม (เอา)  เราเห็นทุกคนก็รับหมด ขอให้ได้ดีก่อนตอนท้ายเป็นอย่างไรก็ช่างปะไร ใช่ไหม (ใช่)  คิดอย่างนั้นถูกหรือ ถ้ามนุษย์ทำอะไรอย่างมีสติ ความผิดพลาดความทุกข์ยากก็คงไม่เกิดขึ้นในชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางครั้งมนุษย์ทำอะไรโดยใช้อารมณ์จนขาดสติ จึงต้องเสียใจกับการดำเนินชีวิตที่ตามใจตามอารมณ์บ่อยครั้ง ถูกหรือเปล่า (ถูก)  
(นักเรียนในชั้นเรียนเชิญท่านต้าเซี่ยวฝอถงนั่ง)
นั่งไหม (นั่ง)  เมื่อไรที่ได้นั่ง เมื่อนั้นก็ต้องได้ (ยืน)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยู่กับเราฟังธรรมะกับเรา เมื่อเรียนรู้สิ่งหนึ่งก็ต้องพร้อมเรียนรู้อีกสิ่งหนึ่ง เมื่อได้รับสิ่งหนึ่งก็ต้องพร้อมยอมรับอีกสิ่งหนึ่ง เพราะโลกนี้เป็นโลกของภาวะคู่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนคนเรียนรู้มีผมดำ ก็ต้องเรียนรู้มีผม (ขาว)  เรียนรู้มีอากาศมีความสว่าง ก็ต้องเรียนรู้ความ (มืด)  
เรียนรู้การมีพัดลมเย็นๆ สบาย ก็ต้องเรียนรู้การไม่มี (พัดลม) ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นเปิดแล้วเตรียมปิดได้ไหม (ได้)  เป็นผู้เปิดแล้วพร้อมจะปิดได้ไหม (ได้)  นั่นคือสิ่งที่ยาก เปิดรับนั้นง่ายแต่การรู้จักปิดรับนั้นยาก ถูกไหม (ถูก)
เรียนรู้การนั่งก็ต้องเรียนรู้การ (ยืน)  เรียนรู้การยืนก็ต้องเรียนรู้การ (นั่ง)  เรียนรู้ความสบายก็ต้องเรียนรู้ความ (ลำบาก)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อสักครู่นั่งมานานไหม (นาน)  ตอนนี้ลองยืนนานๆ ไหวไหม (ไหว)  จริงหรือ (จริง)  วันนี้นั่งไปกี่ชั่วโมง (ไม่รู้)  เช่นนั้นยืนทั้งชั่วโมงไหวไหม (ไหว)  อย่าลืมนะว่าสุขบางทีมานิดเดียว แต่ทุกข์มา (เยอะ)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไม่มีอะไรที่เรียกว่าสุข แล้วจะมีอะไรที่เรียกว่าทุกข์ไหม (ไม่มี)  ใช่ไหม (ใช่)  ถ้ามนุษย์ไม่คิดว่าการนั่งคือความสุข การยืนจะคือความทุกข์ไหม  (ไม่)  กลับกันถ้าการยืนคือความสุข การนั่งก็อาจเป็นความ (ทุกข์)  ฉะนั้นเรื่องราวในโลกเลวร้ายแค่ไหน เรื่องต่างๆ นั้นไม่เคยทำให้คนเจ็บปวดเท่ากับ (ความคิด)  เราอยากจะบอกว่าเรื่องในโลกจริงๆ ไม่มีอะไรเลวร้าย แต่สิ่งที่เลวร้ายก็คือความคิดเมื่อเผชิญต่อเรื่องราวในโลก เหมือนเมื่อสักครู่เราบอกท่านว่า ถ้านั่งคือความสุข อย่างนั้นยืนคือความทุกข์  แล้วถ้าเราปรับเปลี่ยนบอกว่ายืนคือความสุข  นั่งคือความทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เช่นนั้นที่จริงแล้วอะไรคือสุข อะไรคือทุกข์ ใช่เก้าอี้ที่นั่งไหม หรือว่าความคิดเราที่กำหนดตายตัว ถูกไหม (ถูก)  ใครเข้าใจบ้างไหม เราว่าเรายกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดแล้วใช่ไหม  (ใช่)
แต่ก่อนเราคิดว่าการนั่งคือความสุข แต่พอนั่งไปนานๆ บางทีก็กลายเป็น (ความทุกข์)  แล้วถ้ากลับกันล่ะ ถ้าแต่ก่อนเราคิดว่าการยืนคือความทุกข์ แต่พอนั่งนานๆ แล้วการยืนก็อาจจะกลายเป็นความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสุขหรือทุกข์อยู่ที่ยืนหรือนั่งหรือไม่ (ไม่ใช่) อยู่ที่ไหน (ความคิดของเรา)  อยู่ที่ความคิดและเหตุการณ์รอบด้าน ถ้าวันนี้นั่งมาตลอดแล้ว การนั่งของท่านก็คือความทุกข์ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นการยืนก็คือ (ความสุข)  แต่ถ้าวันนี้ยืนมาตลอดแล้ว การนั่งก็คือ (ความสุข)  การยืนก็คือ (ความทุกข์) ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเรื่องราวในโลกสุขหรือทุกข์ไม่ใช่ผู้อื่นยัดเยียด ไม่ใช่คนอื่นกำหนด แต่อยู่ที่เราต่างหาก กำลังอยู่ในภาวะแวดล้อมอะไร  ภาวะแวดล้อมนี้อาจจะทำให้เราทุกข์ แต่ไม่แน่ ถ้าเรารู้จักปรับเปลี่ยนความคิด ปรับเปลี่ยนภาวะแวดล้อม ที่ทุกข์ก็กลายเป็น (สุข) ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วที่สุขจะกลายเป็นทุกข์ไหม  ก็ไม่แน่ ใช่หรือเปล่า อย่างนั้นจะยืนหรือนั่งดี  ยืนหรือนั่ง  ถ้ายังคิดไม่ได้ก็ทุกข์  บางทีเราคิดว่าอันนี้มีดีแต่ก็มีร้าย  อันนี้มีร้ายแต่ก็มีดี  
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาหยิบกระเป๋านักเรียน แล้วถามว่า)
ขอได้ไหม (ได้) ได้จริงๆ นะ สีสวยไหม  เอาคืนไปเถอะไม่อยากได้หรอก ถือก็หนัก  ไม่ถือก็ไม่หนัก ยิ่งถือก็ยิ่งหนัก  แล้วชีวิตเราถือกี่อย่าง  ถือทุกอย่างเลยใช่ไหม  พูดดีก็ถือ พูดไม่ดีก็ถือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  พูดเพราะก็ว่าประจบ  พูดห้าวก็ว่าขวานผ่าซาก  ถือหมดเลยใช่หรือไม่  (ใช่) คนถือหนักไหม (หนัก) แล้วยังถือหรือไม่ (ถือ)  แล้วปล่อยได้ไหม ก็ไม่ปล่อย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นบางครั้งยิ่งเรียนรู้ ก็ยิ่งเข้าใจชีวิต บางครั้งปล่อยวางบ้าง จะได้ไม่ต้องถือให้หนักจิตหนักใจ  มนุษย์เมื่อมีให้เลือกก็ชอบเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ใช่ไหม (ใช่)  วันนี้ฟังมาค่อนวันแล้วเราลองถามท่านดูนะ ถ้าท่านหิวน้ำท่านจะไปหยิบน้ำเองหรือให้คนหยิบมาให้ ถามต่ออีกข้อหนึ่งภาชนะที่ใส่น้ำเป็นภาชนะอะไรก็ได้หรือว่าเป็นภาชนะที่ทำจากทองคำแล้วฝังเพชรแล้วถึงจะกินได้
ถ้าหิวน้ำ เราจะเดินไปกินน้ำเอง หรือเรียกคนอื่นยกน้ำให้เรากิน  โดยทั่วไปของมนุษย์ใครๆ ก็รักความสบาย  เวลาเราหิวน้ำ ถ้ามองซ้ายมองขวามีใครที่เด็กกว่าเราอยู่ เราก็ใช้เขา ใช่ไหม (ใช่)  จุดสำคัญที่เราต้องการจะบอกท่านคือความสุขเป็นสิ่งที่หาง่าย แต่มนุษย์มักจะกำหนดให้ยุ่งยาก การดำเนินชีวิตนั้นบางทีสามารถเดินได้อย่างสบาย แต่มนุษย์มักจะทำให้กลายเป็นเรื่องวุ่นวาย จริงไหม (จริง)  เราจะกินน้ำในแก้วธรรมดา  หรือเป็นแก้วที่มีทอง มีมุก มีเพชร (ธรรมดา) จริงหรือ (จริง)
เกิดมาเราต้องแสวงหา แต่แสวงหาอย่างรู้พอ เราทำได้ไหม บางคนฟ้าไม่มืด ก็ไม่นอน ไม่หยุดทำงาน ถ้ารู้สึกว่าร่างกายยังไหว ก็ยังทำต่อไปเรื่อยๆ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าคนเราตามใจตนเองจนลืมหยุด ลืมพอ การแสวงหาจะกลายเป็นสร้างความทุกข์ ไม่ใช่สร้างความสุขมาให้ เหมือนมนุษย์ทุกคน ใครบ้างที่ไม่ดื่มน้ำ  แต่เวลาดื่มน้ำเราดื่มง่ายไหม (ง่าย)  ง่ายจริงๆ หรือ มนุษย์ปรารถนาความสุข ความสบายและสิ่งที่ดีที่สุดใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าสิ่งที่เราปรารถนากลายเป็นความสุขที่ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายๆ ธรรมดา แต่เป็นสิ่งที่ยากขึ้นไปอีก เป็นสิ่งที่ต้องมากขึ้นไปอีก เราจึงไม่ควรลืมพื้นฐานของชีวิตเรา
โดยปกติมนุษย์ดื่มน้ำธรรมดาได้ แต่พอดื่มน้ำธรรมดาบ่อยๆ ก็เบื่อ ใช่ไหม (ใช่)  ดื่มจากขันธรรมดาบ่อยๆ ก็ (เบื่อ)  อยากได้ขันที่เป็นเงินก่อน จากเงินเสร็จก็เป็นทอง จากทองเสร็จก็เป็นเพชร ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นความปรารถนาของมนุษย์เมื่อปรารถนาอย่างหนึ่งไม่เคยหยุดอยู่ที่คำว่าหนึ่ง แต่มักจะต้องเพิ่มเป็นมากขึ้นและต้องดีขึ้น แต่เมื่อไรที่เราแสวงหามากขึ้นและดีขึ้นเราอย่าลืมพื้นฐานของตัวเรา พื้นฐานของชีวิตเรา คนบางคนใฝ่สูง ไปได้สูงแต่ลืมเท้า เท้าไม่ติดดิน มนุษย์เราปรารถนาสิ่งที่ดีสิ่งที่งาม สิ่งที่สูงส่ง แต่เท้าไม่ติดดิน ความใฝ่ฝันของมนุษย์นั้น ถึงแม้จะปรารถนาได้ แต่ก็ถมไม่เต็ม เหนื่อยไม่หยุด จริงไหม (จริง)  มนุษย์เราปรารถนาทรัพย์สิน ปรารถนาความสวยงาม ปรารถนาเกียรติยศ การยกย่องและชื่อเสียง สิ่งที่สวยที่สุดในตัวกวางคือ (เขา)  และเพราะเขานี้เองจึงทำให้กวาง (ตาย)  ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่สวยที่สุดของเสือคือ (หนังเสือ, เขี้ยว)  มนุษย์ปรารถนาเขี้ยวเสือจริงๆ หรือ มีแต่คนที่อยากจะแทงไม่เข้าฟันไม่เข้า ถึงจะเอาเขี้ยวไป ใช่ไหม (ใช่)  เราอยากจะลบล้างความคิดของมนุษย์จริงๆ  ทำไมคนสมัยก่อนถึงห้อยเขี้ยว เพราะสมัยก่อนคนที่จะปราบเสือไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้นคนที่ปราบเสือได้ต้องเก่ง ขนาดเสือยังเอาชนะได้ ฉะนั้นเวลาเขาห้อยเขี้ยวของเสือคนก็เลยจะกลัว เพราะเสือเขายังเอาชนะได้แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างท่านๆ เขาจะเอาชนะไม่ได้
ฉะนั้นมนุษย์ปรารถนาเกียรติยศ ความมีชื่อเสียง ความเด่นดัง ก็ไม่ต่างอะไรกับ เขากวาง กับ หนังเสือ ยิ่งสวยมากเท่าไร ยิ่งใหญ่มากเท่าไร ยิ่งกลับทำให้ชีวิตสั้นลงเท่านั้น ฉะนั้นคุณค่าที่แท้จริงที่มนุษย์ควรปรารถนาคือ หัวใจอันเรียบง่ายและเข้มแข็ง เกิดเป็นคนสิ่งที่ไม่ควรลืมไปจากใจเราก็คือหัวใจเรา ถ้าไม่พอใจในความเรียบง่าย คิดแต่ใฝ่สูง ท่านจะมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเดินอยู่ไหม (ไม่)  และถ้าใฝ่สูงใฝ่สิ่งที่ดี แต่เกลียดในสิ่งที่ตัวเองมี คนที่ทุกข์ก็คือคนที่รับความจริงที่ตัวเองมีไม่ได้ เอาแต่ใฝ่สูง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามท่านลึกๆ ท่านรักตัวเองไหม (รัก)  เกลียดไหม (เกลียด, ไม่เกลียด)  บางครั้งก็รักตัวเอง บางครั้งก็เกลียดขี้หน้าตัวเองเหลือเกิน ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นมนุษย์ต้องพึ่งพิงตั้งแต่เกิด ถูกไหม (ถูก)  แต่ไม่ใช่จนโตมาแล้วก็พึ่งพิงคนอื่นไปตลอดชีวิต ได้ไหม (ไม่ได้)  เวลาเราทำงานต้องทำร่วมกับคนอื่น ทำคนเดียวไม่สำเร็จ ต้องมีคนอื่นประสานด้วยถึงจะสำเร็จแต่เราจะให้ความสำคัญคนอื่นจนลืมคุณค่าตัวเองได้ไหม (ไม่ได้)  มนุษย์มักชอบเป็นอย่างนี้  คนนั้นก็เก่ง คนนี้ก็เก่ง คนนี้ก็ดี คนนั้นก็ดี ฉันแย่ชะมัดเลย คิดอย่างนี้ได้ไหม เห็นของคนอื่นดีไปหมดแต่ของในบ้านเรา ไม่ได้เรื่องเลย อย่างนั้นได้ไหม (ไม่ได้)  เราจะต้องเป็นคนที่เห็นค่าของผู้อื่นและเห็นค่าของตัวเอง เห็นคุณค่าของสิ่งอื่นก็ต้องเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตนเองมี จริงไหม (จริง)  มนุษย์รักที่จะมีสิ่งที่ดีตลอดชีวิต ใช่ไหม (ใช่)  มีดีสิ่งหนึ่งก็ต้องมีดีอีกสิ่งหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าหาดีไปเรื่อยๆ เท้าต้องติดดิน หัวใจต้องเรียบง่าย ถึงจะใฝ่สูงแค่ไหนแต่ว่ายืนบนดินแล้วรังเกียจ แล้วท่านจะขึ้นที่สูงได้ไหม (ไม่ได้)  มีใครสร้างบ้านชั้นสอง ชั้นสาม แต่ไม่สร้างชั้นหนึ่ง ได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วมนุษย์เราพอใจและมีสุขกับตัวเองไหม ไม่มีสักคน ถามว่านั่งตรงนี้มีสุขไหม ถ้านั่งตรงนี้มีสุขได้เรื่องอื่นๆ  ถ้าพบความเป็นพื้นฐานแล้วรับไม่ได้ เรื่องอื่นๆ ก็กลายเป็นเรื่องยาก  
ฉะนั้นเราควรภูมิใจในสุขแบบหน้าเหี่ยวๆ แบบนี้ ใช่ไหม (ใช่)  แก่ๆ ย่นๆ แบบนี้ให้ได้ ถ้าเราสุขแบบนี้ได้ ข้างหน้าได้ไม่ได้ก็ไม่สำคัญและไม่ทุกข์อีกแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  แต่มนุษย์ที่กำลังดิ้นรนอยู่ทุกวันนี้เพราะไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี ใช่ไหม (ใช่)  หน้าแบบนี้ก็อยากขาวกว่านี้ ย่นแบบนี้ ก็อยากตึงกว่านี้ ใช่ไหม (ใช่) ผมดำๆ ขาวๆ แบบนี้ก็อยากได้สีทองสีแดงแล้วก็ต้องทุกข์เพราะรับตัวเองไม่ลง รับตัวเองไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วถามท่าน ตัวเราก็ยังไม่ค่อยสมบูรณ์พร้อม แล้วหวังให้คนอื่นมาเติมความสมบูรณ์พร้อม เติมได้ไหม ตัวเองยังหาความสมบูรณ์ไม่พบเลย แต่บางทีก็อยากหาคนอื่นมาเติมให้สมบูรณ์  แล้วสิ่งที่มาเติมกลับแหว่งยิ่งกว่าเราก็มี ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเราคิดหวังพึ่งเขา เขาก็คิดหวังพึ่งเรา เขาคิดอยากให้เราทำให้เขามีสุข ส่วนเราก็อยากให้เขาทำให้เรามีสุข ต่างคนต่างคิดเข้าข้างตัวเอง แล้ววันนี้จะพบไหม
ฉะนั้นการศึกษาหลักธรรมสิ่งแรกเริ่มก็คือรู้จักพึงพอใจ  ความสุขจึงไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อมนุษย์มีความสุขบนพื้นฐานที่ธรรมดาสุดๆ แล้ว ความทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว ถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าธรรมดาสุดๆ แล้ว ยังสุขไม่ได้ ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องไปหาสุขที่ไหนหรอก ถูกไหม (ถูก)  กินข้าวหนึ่งคำ บางทียังบอกขออีกสองคำก็ดี ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นได้หนึ่งคำก็ดีแล้ว
ฉะนั้นถ้าเรารู้จักพึงพอใจ กางเกงตัวเก่าๆ เสื้อตัวเก่าๆ เราก็คงไม่ต้องดิ้นรนหาเสื้อตัวใหม่ๆ กางเกงตัวใหม่ๆ ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเราพอใจกับภรรยาเก่าๆ เราก็คงไม่เห็นใครสวยกว่าภรรยาเก่าๆ ของเรา ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเรารู้จักหาความสุขให้กับตัวเราเองได้  บางทีไม่ต้องกวักมือเรียก ใครๆ ก็อยากชิดใกล้เรา  ถ้าเรารู้จักรักตัวเองเป็น บางทีไม่ต้องรอให้ใครมารักหรอก เดี๋ยวเขาก็มารักเราเอง  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มนุษย์เรามักจะเป็นประเภทรักตัวเองก็ไม่เป็น แต่ยังคิดไปหาเรื่องรักผู้อื่นอีก ถูกหรือไม่ (ถูก)  
การฟังนั้นมีทั้งดี และไม่ดี  ถ้าฟังไม่ดีท่านก็โมโห ถ้าฟังดีท่านก็สบายใจ ใช่ไหม (ใช่)  มนุษย์ชอบบอกให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดูอนาคตให้หน่อยว่าจะเป็นอย่างไร  จะบอกให้อนาคตทุกคนเหมือนกันหมดคือ ตาย เอาไหมล่ะ (ไม่เอา)  ไม่มีใครเอาสักคน แต่เราทายถูกนะ ไม่ว่าหัวดำ หัวขาว อย่างไรก็ต้องตาย ถูกไหม (ถูก)  ท่านเชื่อเราเถอะอย่างไรมนุษย์เราก็ต้องตาย เราอาจจะบอกท่านว่า พรุ่งนี้ท่านอาจจะตาย โกรธไหม (ไม่โกรธ)  มีหลายคนโกรธ มาพูดเรื่องตายได้อย่างไร  ท่านกล้ารับประกันชีวิตตัวเองไหมว่าพรุ่งนี้ท่านจะไม่ตาย (ไม่กล้า)  ฉะนั้นคนเราตายอยู่ทุกๆ วันอยู่แล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ก่อนจะตาย ควรจะทำอะไรที่ดีๆ ทิ้งไว้บ้าง ถูกไหม (ถูก)  
ฉะนั้นหากวันใดมีใครมาแช่งให้เราตายก็อย่าไปโกรธ  จงยิ้มไว้  คิดว่าฉันก็ตายอยู่ทุกวันแล้ว มีวันไหนฉันไม่ตายบ้าง จริงไหม (จริง)  ทุกวันฉันก็ต้องเจ็บ มีใครบ้างไม่เจ็บ  (ไม่มี)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนอย่ากังวลจนเกินไป จนกลายเป็นคนที่ ไม่กล้าทำอะไรเลย  เวลาจะทำอะไรก็กลัวไปหมด  กลัวเจ็บ กลัวตาย กลัวถูกหลอก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เช่นนั้นก็จะกลายเป็นคนที่ไม่สามารถสร้างคุณค่าอะไรดีๆ ให้เกิดขึ้น เพราะความกลัว  ฉะนั้นอย่ากลัว หากก่อนตายเราได้ทำสิ่งดีๆ ก็น่าจะคุ้มค่าที่เกิดมาเป็นคน  ดีกว่าเกิดมาเป็นคนแล้วไม่กล้าทำอะไรเลย เอาแต่เก็บตัวเอง เก็บมือ  ใช่หรือไม่ (ใช่)
มนุษย์ทุกคนอยากเป็นคนดี แต่บางครั้งก็อดเผลอเลวไม่ได้ มนุษย์ทุกคนอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่บางครั้งก็อดคดโกงไม่ได้ ในเมื่อเรารู้อย่างนี้ ฉะนั้นหากอยู่ร่วมกัน การอยู่ร่วมกันของเราเป็นการคอยแต่จะจับผิด ไม่มองสิ่งที่ดี เป็นการเอาแต่ตำหนิไม่เคยชมเชย ท่านอยากอยู่ร่วมกับคนประเภทนี้ไหม (ไม่) คนที่มองข้ามสิ่งที่ดีของผู้อื่นแล้วจดจำแต่สิ่งที่ร้าย คนนั้นจะไม่มีวันมีสุข  คนที่เอาแต่ตำหนิผู้อื่น ไม่เคยชมผู้อื่น คนนั้นจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น) จริงหรือ (จริง)  ในหัวใจจำสิ่งที่ดีของคนอื่นมากกว่าสิ่งที่ไม่ดีของคนอื่น หรือเปล่า  ถามว่าคนนี้สนิทกับเราที่สุด เรื่องดีๆ ของเขามีอะไร มักจะจำไม่ได้ แต่หากถามว่าสิ่งที่ร้ายที่สุดของเขาคืออะไร จำได้มากมายเลย  ถูกหรือไม่ (ถูก)  เมื่อเราอยู่ร่วมกันสิ่งที่เราปรารถนาต่อกันคืออะไร  ฉะนั้นจึงอยากบอกท่านว่าสุขกับทุกข์ต่างกันแค่หนึ่งกั้นกลางความคิด  นรกกับสวรรค์ต่างกันแค่หนึ่งกั้นกลางความคิดเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ยอมรับได้ไหม อดทนได้ไหม อภัยได้ไหม กับคนๆหนึ่งที่เลวร้าย ยอมรับได้ อดทนได้ อภัยได้ สวรรค์ก็คงอยู่ไม่ไกล  แต่หากยอมไม่ได้ เสียเปรียบไม่ได้ ให้ไม่ได้ อภัยไม่ลง นรกก็คงกวักมือเรียกหา จริงไหม (จริง) ฉะนั้นในโลกนี้เราจะสร้างให้เป็นสุขหรือทุกข์ นรกหรือสวรรค์ไม่ใช่อยู่ที่เรื่องราว แต่อยู่ที่การเผชิญกับเรื่องราวแล้วคิดอย่างไร จัดการอย่างไร เหมือนกับที่เขาบอกว่า “ปลงตกคิดได้ก็เหมือนขึ้นสวรรค์ ปลงไม่ตกคิดไม่ได้ก็ตกนรก”  ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นตอนนี้อยู่สวรรค์หรืออยู่นรก (อยู่สวรรค์)  เพราะในตัวเรายังมีดีมีร้าย คนในโลกก็เฉกเช่นเดียวกัน มีดี มีร้าย แต่ถ้าเรารู้จักรับมือกับคนร้ายๆ ได้เป็น เราก็คงไม่ทำให้เขาเป็นพญามาร และเราก็เป็นซาตาน   แต่เราจะสามารถแปรพญามารเป็นอะไร เป็นทูตแห่งสวรรค์ จิตที่รู้จักรับมือกับสภาวะทุกสิ่ง ยอมรับและให้อภัย ฝึกเปิดใจให้กว้างๆ รับทุกๆ คนได้ ความสุขไม่ใช่ไกลเกินเอื้อม อุปสรรคกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เราสามารถยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น คนที่น่ารังเกียจกลับช่วยทำให้เราจิตใจยิ่งแข็งแกร่งและงดงามขึ้นต่างหาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นใครด่ามาเราจะ (ยิ้ม)  ใครเตะมาเราจะ (ยิ้ม,เจ็บ) รู้ว่าเจ็บ เจ็บแล้วอภัยได้ไหม จึงมีคำพูดคำหนึ่ง การที่คนอื่นทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นเหตุไม่สมควร แต่การที่คนอื่นถูกกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วเราโกรธตอบก็ไม่สมควรเช่นกัน ถูกไหม (ถูก)  การที่เขาทำเลวทำร้ายกับเรา  เป็นสิ่งไม่สมควร แต่เราทำเลวทำร้ายกลับ เราก็คือคนที่ไม่ต่างกับเขา ฉะนั้นเขาทำไม่สมควร เราให้อภัยกลับนั่นคือเขาสามารถยกระดับเราให้สูงขึ้นหรือจะกดให้เราไม่ต่างกับเขา ขึ้นอยู่ที่ตัวเรา  ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนวันนี้ถ้าฟังเราดีๆ ก็อาจจะยกให้สูง แต่ถ้าฟังเราแล้วไม่ชอบท่านก็คงนั่งฟังไปแล้วก็ยังกลับไปเหมือนเดิม ใช่ไหม (ใช่)  
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนเล่นเกมยืนขึ้น นั่งลง)
ยืนขึ้นนั่งลงยังพลาดได้  ฉะนั้นเกิดเป็นคนอย่าประมาท อย่าคิดว่าสิ่งที่เรารู้แล้วเราจะจัดการได้สำเร็จ บางทีก็ไม่แน่เสมอไป ฉะนั้นอย่าประมาทจงมีสติในการเรียนรู้อยู่เสมอ
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนร้องเพลง)  
ชีวิตของมนุษย์ทุกคนอย่าเก่งแต่พูด  แต่ต้องรู้จักเก่งก้าวเดินและเก่งการกระทำ คนบางคนเก่งพูดแต่ไม่เก่งทำ ฉะนั้นวันนี้ร้องเพลง พูดก็ได้ มือก็ทำ  เท้าก็เดิน  ถึงจะเรียกเก่งจริง แต่คนในโลกพูดเก่ง แต่มือง่อย เท้าเปลี้ย ใช่หรือไม่ (ใช่)
เป็นธรรมดานะ คุยด้วยกันบางคนเราบอกหนึ่ง อาจจะไม่สอง และบางคนอาจจะไป สาม สี่ ห้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าถือโกรธเลย คุยกันบางทีบอกว่าดี เขากลับไปบอกว่าร้ายก็ได้
ฉะนั้นเราอยู่ในโลกเราจึงต้องทำความเข้าใจ คนก็แบบนั้นล่ะ สั่งหนึ่งไปสอง สั่งสองไปสาม  ฉะนั้นเราอยู่ในโลกเราจึงต้องเปิดใจกว้าง แล้วเราก็จะสามารถรับรู้และเรียนรู้สภาวะของผู้คนที่มีความแตกต่างได้อย่างเป็นสุข และสามารถสร้างสวรรค์บนดินได้ด้วยความคิดของเราเอง จำไว้ว่าไม่มีเรื่องราวใดในโลก ที่ทำร้ายมนุษย์ได้เท่ากับความคิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  และไม่มีใครทำให้ท่านทุกข์นอกเสียจากตัวเอง ที่คิดไม่ตกเสียที ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนมีแขน มีขา มีสมองก็ดีแล้ว มีเงินมาถึงสักวันก็ต้องไป เราเกิดมาพร้อมกับเงินไหม มีใครเกิดมาแล้วเงินติดตัวมีไหม (ไม่มี)
ฉะนั้นวันนี้เราหาเงินได้สักวันหนึ่งเงินก็ต้องหายไป วันนี้เราเคยมีเกียรติยศ วันหน้าเกียรติยศก็ต้องหายไป วันนี้เราเคยมาตัวเดี่ยวๆ ต่อไปวันหน้าเราก็ต้องไปเดี่ยวๆ แน่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นรักตัวเองให้เป็น มองชีวิตให้ถูก แล้วความสุขทุกข์จะไม่สามารถทำอะไรเราได้ ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นเกินไป  ยอมรับในทุกๆ สิ่งที่เป็น แม้บางครั้งคนที่อยู่ร่วมกับเราจะตาเข ขาด้วนก็ตาม หมายความว่าอย่างไร เข้าใจเราไหม หมายความว่าเราอยู่ร่วมกับบางคนที่มีตาดีแต่ชอบทำตาบอด มีขาดีแต่ชอบทำขาด้วน เอาแต่ใช้งานผู้อื่น  อะไรเราก็รู้ดีหมด ตาดีไหม แต่ชอบทำตาบอด  ฉะนั้นผู้รู้ก่อนอย่าโกรธผู้รู้ที่หลัง ผู้ที่ฉลาดกว่าอย่าโกรธผู้โง่เขลา เพราะบางทีคนโง่ ใช้คนฉลาดมานักต่อนักแล้ว จริงไหม (จริง)  “โอย เราไม่รู้ๆ เธอทำไปเถอะ” แล้วเราก็ทำจนกระอักเลือดเพราะความเก่ง ใช่ไหม (ใช่)  
วันนี้เราก็คงต้องกลับแล้ว ฉะนั้นมนุษย์ทุกคนล้วนมีพุทธจิตอันงดงามอยู่ในตัวเอง แต่บางครั้งที่หลงผิดไปบ้าง เผลอพลาดไปบ้าง นั่นก็เพราะอารมณ์เป็นใหญ่ ต่อไปนี้ฟังธรรมะแล้ว รู้จักใช้สติปัญญาความรู้ทางธรรมะ มายับยั้งชั่งใจบ้างนะ อย่าฟังแล้วเข้าหูนี้แล้วออกหูนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)   ส่วนจะจริงหรือจะเท็จขอให้ท่านพินิจพิจารณา  เราไม่สามารถสรุปได้ เพราะในโลกนี้อย่าคิดว่าของเท็จจะไม่มีดี และอย่าคิดว่าของดีจะกลายเป็นของจริงเสมอไป ใช่ไหม (ใช่)  
วันนี้เราคงต้องกลับแล้ว ดูแลหัวใจอันดีงามให้คงอยู่ตลอดไป  ด้วยความรู้จักเรียบง่าย และเข้มแข็ง








“ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”)



วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒  สถานธรรมผู่ถี  จ.พิษณุโลก
ฝึกบำเพ็ญต้องช่วยคนให้รู้ตื่น มั่นคงยืนอยู่ในธรรมไม่เลือนหาย
ปฏิปทาช่วยผู้คนด้วยหัวใจ ยากลำบากนานัปเท่าใดไม่หวั่นกลัว
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานผู่ถี   แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคน สบายดีไหม
ทุกอย่างเป็นตามเหตุอันสั่งสม  ดั่งกลุ่มเมฆฝนลมรวมตัวปูพรมข้างบนฟ้านั่น  ถ้าศิษย์ใดไม่ใฝ่สิ่งที่ดี  ขาดศักดิ์ศรีของคนมีธรรม  คงเป็นเวรกรรมทิ่มตำของข้า
เมื่อลมฝนปัญหามาถึงก็ดี   ต้องจิตดีไม่ทำเรื่องที่เลวร้าย   ไม่ไปคุ้ยแคะใคร  ย้อนมองตนให้ที่หัวใจโล่ง
ถ้าก่อกรรมไว้แล้วสนองแน่นอน    ต้องเปียกปอนค่อยกลัว
เจ้าว่าควรไหม    หากศิษย์รักเสียใจ  รุดบำเพ็ญให้เปลี่ยนชีวิตเจ้า
เจ้าศิษย์เอยหลายอย่างที่ทำดี  แล้วไม่ดีเหมือนเคยตั้งใจ  ขอปลงตกไม่ติดหรือยึดมั่น
ทุกอย่างเป็นตามเหตุอันสั่งสม  ดั่งกลุ่มเมฆฝนลมรวมตัวปูพรม ข้างบนฟ้านั่น  แม้คนใดต้องการจะหลบเลี่ยงกรรม  ใช้ความดีล้างกรรมที่ก่อขึ้นแล้ว  ดั่งเรือรั่วมาแจว สูญในธารแก้วสุดตามยื้อได้
ทุกอย่างเป็นตามเหตุอันสั่งสม  แม้สำนึกได้กลม  ใช้ปัญญาคมตัดถึงโลกหน้า
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
(สิ่งศักดิ์สิทธ์เมตตาให้นักเรียนปรบมือตามคำสั่ง แต่นักเรียนปรบมือไม่เป็นจังวะ)
อาจารย์ให้โอกาสศิษย์แก้ตัวบ่อยๆ ศิษย์ก็ให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวบ่อยๆ เหมือนกันได้ไหม (ได้)  บางครั้งศิษย์เห็นคนที่ผิด เห็นคนที่นิสัยไม่ดี เห็นคนที่แย่ ถ้าศิษย์เป็นคนที่ร่วมบำเพ็ญกัน แล้วทุกคนต่างประณาม ต่างชี้ให้เห็นข้อผิด เราจะทนอยู่ไหวไหม เราจะรับความผิดไหวไหม (ไม่ไหว)
ศิษย์เอ๋ยถูกคนว่าคนเดียว ศิษย์ยังเจ็บปวดใจ แต่นี่ทุกๆ คนใช้สายตาประณามว่า ศิษย์ย่อมทนไม่ไหว  ฉะนั้นการที่บางครั้งศิษย์พยายามผลักดันให้คนๆ หนึ่งรู้ว่าตัวเองผิด รู้ว่าตัวเองแย่จนถึงที่สุด และต้องยอมรับให้ได้เป็นเรื่องที่สมควรไหม (ไม่สมควร)  เราควรพูดหรือผลักดันให้เขาเห็นขนาดนั้นไหม (ไม่สมควร)  แล้วเราควรจะทำอย่างไรดี ถ้าในหมู่ของการอยู่ร่วมกัน ในหมู่ของการบำเพ็ญกันมีคนที่แย่อย่างนั้นจริงๆ เราควรจะกดเขาให้จมดินหรือเราควรจะผลักดันอย่างไรให้เขารู้แล้วแก้ไขดียิ่งขึ้น
การบำเพ็ญธรรมคือปลุกจิตเมตตา เปลี่ยนแปลงสิ่งร้ายให้กลายเป็นสิ่งที่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราพบคนในสังคม พบคนในกลุ่มของเราที่ร้ายขนาดนี้ ศิษย์จะประณามหยามเหยียบ ขับไล่เขา นั่นเป็นวิธีการของผู้ที่มีเมตตาจิต เป็นวิธีการของผู้มีธรรมในหัวใจหรือ บางครั้งอาจารย์ก็อยากให้ศิษย์ตามืดบอด เพราะเวลาที่เรามืดบอดแล้วศิษย์เห็นใครๆ ก็ดำเหมือนกันหมด จริงไหม (จริง)  ไม่มีใครดีที่สุด ไม่มีใครร้ายที่สุด ถึงจะสูงต่ำอย่างไรศิษย์ก็เห็นดำไปหมดแล้ว แต่เป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นบางครั้งฟ้าจึงให้ศิษย์รู้จักความกระจ่าง ความกระจ่างสอนให้เรารู้ความแตกต่าง สอนให้เราเห็นชัด เมื่อเราเห็นชัดแล้วเราต้องไม่ประมาท เราต้องรู้จักสำรวมระวัง ไม่ใช่ระวังแค่ตอนมืด ยิ่งสว่างยิ่งต้องสำรวมระวัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ความทุกข์บางทีน่ากลัวไหม (น่ากลัว)  อาจารย์อยากบอกว่าความทุกข์ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ความทุกข์ทำให้คนที่สูงที่สุดและคนที่ต่ำที่สุดเหมือนๆ กัน ทำให้คนที่หน้าตาสวยที่สุดและคนที่ขี้เหร่ที่สุดกลายเป็นคนเหมือนๆ กัน จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นอาจารย์จึงอยากบอกว่าความทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ความทุกข์ทำให้เรารู้จักเจียมตัวเอง ไม่ว่าจะสูงต่ำดำขาวมาจากไหน เราก็ต้องทุกข์เหมือนกับคนทั่วๆ ไป เราต้องรู้จักมองคนให้เท่าเทียมกัน อย่าให้เห็นแตกต่างจนเกินไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะความเห็นแตกต่างอาจทำร้ายเราและฆ่าคนรอบข้างก็ได้ ฉะนั้นศิษย์    จำไว้นะ ทำไมมีฟ้ามืด ทำไมมีฟ้ากระจ่าง นั่นคือต้องการบอกให้เรารู้ว่าบางครั้งต้องรู้จักมองคนให้เท่าเทียมบ้าง และในความต่างต้องรู้จักสำรวมระวังการกระทำบ้าง พูดผิดคำเดียวแม้ศิษย์จะเอาความดีล้างเท่าไร ล้างออกจากใจเขาหมดไหม (ไม่หมด)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนยิ่งสว่างยิ่งต้องสำรวมระวัง ทำดีร้อยครั้งไม่สู้ทำผิดหนึ่งครั้ง พอผิดแล้วเขาก็จำไปจนตาย ฉะนั้นศิษย์ที่นั่งอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะบำเพ็ญหรือยังไม่บำเพ็ญ เมื่อฟ้ากระจ่าง ตื่นแล้วต้องจำไว้เสมอว่า ต้องสำรวมระวัง
ความมืดศิษย์กลัวอยู่แล้ว เมื่อพบความมืดศิษย์ต้องรู้จักระมัดระวังเป็นธรรมดา ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ยิ่งกระจ่างศิษย์ยิ่งต้องไม่ประมาท ยิ่งต้องรู้จักระมัดระวังยิ่งขึ้น อย่าให้ความผิดพลาดของเราเพียงครั้งเดียวทำร้ายชีวิตคนทั้งชีวิตเลย เหมือนที่หลายๆ ครั้งที่ผู้บำเพ็ญหน้าเก่าๆ หายไปไหน ศิษย์ให้เหตุผลและตอบอาจารย์ว่าเพราะเขาไม่ดี แล้วบำเพ็ญธรรมเพื่ออะไร  ไม่ใช่เพื่อจะเปลี่ยนคนไม่ดีให้ดียิ่งขึ้นหรือ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นศิษย์อย่าขับไล่เขาไปเพียงเพราะเขาไม่ดีนะ
ทำไมเมื่อสักครู่ร้องเพลงอาจารย์ไม่เหมือนกันกับตอนนี้ เมื่อสักครู่เสียงไม่มีพลังแต่ตอนนี้กลับมามีพลังขึ้นมา หรือว่าทานไม่อิ่ม(อิ่ม)  เวลาทานของอร่อยตัวเองกินคนเดียวหรือ เคยตักให้คนอื่นกินบ้างไหม เห็นของอร่อยๆ เอามาวางไว้ตรงหน้าเรา แต่ที่ไม่อร่อยเอาไปไกลๆ อย่างนั้นหรือเปล่า (ไม่ใช่)
อาจารย์เดินให้รอบห้องดีกว่านะ จะได้เห็นหน้าศิษย์ทุกๆ คน ไม่เห็นกันนาน อายุมากขึ้นเลย ใช่หรือเปล่า บำเพ็ญธรรมดำเนินชีวิตอยู่บนโลกเหนื่อยไหม (เหนื่อย)  เหนื่อยจนอายุร่วงโรยเลยใช่ไหม (ใช่)
เห็นหน้าศิษย์แล้วก็มีคำมากมายอยากจะเอื้อนเอ่ย แต่ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรแล้วจะทำให้ศิษย์ได้รู้ตื่นแท้จริง กลัวพูดไปหนึ่งคำก็ลืมไปอีก ยังไม่ทันลากันไปเลย บางทีก็ลืมไปแล้วว่าพูดอะไรกันไปบ้าง จริงไหม (จริง)  ทำไมมนุษย์ช่างลืมเลือนง่ายเป็นเพราะไม่มีหัวใจใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้ารักแล้วจำไม่ลืม ถ้าไร้รักแล้วอย่างไรก็ไม่คิดจะจำ ถูกไหม (ถูก)  ถ้าอย่างนั้นอาจารย์คงไม่น่ารักพอให้ศิษย์รัก จึงจำไม่ได้แม้สักคำที่อาจารย์พูดหรือเอื้อนเอ่ยเลย ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)
มีใครยังร้อนอีกไหม ตัวไม่ร้อนแต่ใจร้อนใช่ไหม (ใช่)  น้อยนักนะที่จะมีใครในชั้นนี้ใจเย็นๆ  ส่วนใหญ่จะใจร้อน ไม่ค่อยมีใจเย็น ถ้าเย็นก็กลายเป็นเย็นชาไปเลย ถูกไหม (ถูก)  
(นักเรียนเรียนเชิญพระอาจารย์นั่ง)
เมื่อสักครู่ร้องเพลงเรียกอาจารย์ แต่พอไม่มีดนตรี ร้องก็ไม่รอด ใช่หรือเปล่า (ใช่) พึ่งพาเครื่องไม้เครื่องมือ ถึงเวลาพึ่งพาตนเองกลับไม่รอด ถูกหรือเปล่า (ถูก)  พอมีเพลงนำร้องก็รอด พอไม่มีเพลงนำร้องไม่รอด รอดไหม (ไม่รอด, รอด)  ไหนลองร้องเพลงนั้นใหม่อีกครั้งสิ อาจารย์อยากเห็นคนที่บอกว่ารอด ว่าจะร้องได้หรือเปล่า
ระหว่างการฟังธรรมะกับร้องเพลง ชอบแบบไหนมากกว่า (ร้องเพลง, ฟังธรรมะ)  ปากไม่เคยตรงกับใจ พูดอย่างหนึ่งแต่ใจอยากได้อีกอย่างหนึ่ง พอเขาทำให้ได้ตามที่เราต้องการก็บอกว่าเขาประชด ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อสักครู่ร้องเพลงอะไร (จี้กง) จี้กง หรือขี้โกง  แค่พูดชื่ออาจารย์ยังออกเสียงไม่ถูกจะว่าอาจารย์ขี้โกง ขี้โกง ตลอดเลย  
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนปรบมือตามคำสั่ง แต่นักเรียนปรบมือผิดจังหวะ)
แล้วอย่างนี้ร้องเพลงจะรอดไหม  อาจารย์ให้ศิษย์ปรบมือหนึ่งที  สองที สามที แล้วก็ หนึ่ง สอง สาม สังเกตว่าอาจารย์ใช้คำสั่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ศิษย์เข้าใจมากขึ้นว่า หนึ่ง  แล้วก็สอง  แล้วก็สาม  ใช่ไหม (ใช่)  ไหนลองใหม่สิว่าอธิบายขนาดนี้แล้วจะปรบมือถูกหรือไม่  (นักเรียนก็ยังคงปรบมือผิด)  อย่างไรก็ไม่รอด  เรื่องง่ายๆ ใช่ไหม (ใช่)  ง่ายไหม (ง่าย) ให้โอกาสตัวเองแก้ตัวบ่อยๆ ก็ต้องให้โอกาสผู้อื่นแก้ตัวบ่อยๆ เหมือนกันได้หรือไม่ (ได้)  
อาจารย์ยืนศิษย์จะ (ยืน)  อาจารย์นั่งศิษย์จะ (นั่ง)  ไม่มีใครเสียเปรียบใคร ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ทำได้จริงหรือ (ได้)  อาจารย์มามากสุดสามชั่วโมง นานๆ ถึงจะมาหนึ่งชั่วโมงสักที อย่างนั้นก็หมายความว่า ถ้าอาจารย์ยืนสามชั่วโมง ศิษย์ก็จะ (ยืนสามชั่วโมง)  เกิดเป็นคน ถ้าพูดได้ก็ต้องทำได้ ถ้าทำไม่ได้ไม่พูดจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเสียผู้เสียคน
เมื่อวานเห็นว่าศิษย์ชอบที่เซียนน้อยดูหมอให้ใช่ไหม (ใช่)  เซียนน้อยดูว่าอย่างไร (อนาคตทุกคนเหมือนกันหมดคือ ตาย)  อาจารย์จะบอกว่าทำไมปราชญ์โบราณจึงกล่าวไว้ว่า  “ศึกษาเบื้องล่าง เข้าใจเบื้องบนหมายความว่าอย่างไร  ดั่งคำกล่าวคำหนึ่งที่กล่าวว่า ถ้าเรารู้จักรดน้ำที่โคนต้นไม้ จะให้ผลที่บั้นปลาย  นั่นคือถ้าเราอยากรู้ว่าชะตาชีวิตเราเป็นอย่างไร ก็ให้ดูปัจจุบัน  ปัจจุบันได้รับผลอย่างไร ก็เพราะว่าอดีตเคยทำมา ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับปัจจุบันนี้จะทำเช่นไร  นั่นก็หมายถึงว่า “ศึกษาเบื้องล่าง เข้าใจฟ้าเบื้องบน”  มนุษย์มักจะพูดว่า ฟ้าลิขิตให้เราไม่สมหวัง เราควรไหมที่เราจะโกรธ โทษฟ้าโทษดิน ถูกหรือไม่ (ถูก)  เพื่อนคบกันแล้ว กลับทรยศหักหลัง เราควรจะด่าทอเพื่อนไหม (ไม่ควร)  ถ้ามนุษย์เข้าใจคำนี้ “ศึกษาเบื้องล่าง เข้าใจเบื้องบน”  ชะตาชีวิตล้วนอยู่ที่ตัวเราเป็นผู้กำหนดเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ต้องรอให้ใครลิขิต  แม้วันนี้ฟ้าจะลิขิตว่านับจากนี้ไป ศิษย์จะร่ำรวย มีโชควาสนา  แต่ทำไมบางคนจึงไม่สามารถร่ำรวย ไม่สามารถมีโชควาสนาได้ เพราะเกียจคร้าน ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางคนสามารถร่ำรวย มีโชควาสนา แต่ทำไมกลับไม่มีโอกาสได้ใช้บุญ  พอหาเงินมาได้เต็มที่ คิดว่าจะเสวยสุข กลับกลายเป็นเสียชีวิตไปเสียนี่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีบุญกรรม มีเหตุมีผลสั่งสมกันมา ไม่ใช่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งหนึ่งที่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ ไม่ควรจะขาดไปจากการดำเนินชีวิต นั่นก็คือจิตสำนึกขอขมา เราไม่รู้ว่าในอดีตศิษย์ได้ทำอะไรไว้  ฉะนั้นทุกวันศิษย์ไม่ควรลืมเมื่อมีชีวิตอยู่ นั่นก็คือจิตสำนึกขอขมากรรม และแผ่อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น  นั่นจะสามารถช่วยให้ศิษย์ไกล่เกลี่ยเจ้ากรรมนายเวรของศิษย์ได้ ยิ่งกว่าการทำบุญแล้วหวังผลอีก ใช่ไหม (ใช่)  ถามศิษย์ว่า หากวันหนึ่งศิษย์ไปตบหน้าเขาฉาดหนึ่ง เขาโมโหไหม (โมโห)  แต่ทุกวันเมื่อศิษย์พบหน้าเขา ศิษย์ขอโทษ  ทุกวันตื่นมาศิษย์ก็ขอโทษ  ศิษย์ว่าเขาจะหายโกรธไหม (หาย, ไม่หาย)  วันนี้อาจจะไม่หาย แต่หากทุกๆ วันศิษย์หมั่นขอโทษ  เชื่ออาจารย์เถอะว่า เขาก็หายโกรธ  แต่คนที่ตอบว่าไม่หาย ศิษย์ต้องยอมรับกรรมไปนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราจะทำอย่างไร ให้กรรมของเราไม่ต้องเวียนกลับมาพบกันอีก  นั่นก็คือ ถ้าหากว่าเขามาตามล้างตามผลาญเรา แม้ศิษย์จะขอโทษทุกวัน ถึงเวลาเขาก็มาทวงหนี้กับศิษย์อีก ในใจศิษย์ก็ต้องไม่ผูกใจเจ็บแค้นต่อ ถ้าศิษย์ผูกใจเจ็บแค้นต่อ ศิษย์ก็จะต้องกลับมาพบเขาอีก เอาไหม (ไม่เอา)  
ฉะนั้น ใครตบหน้าศิษย์ ศิษย์ก็ (ยิ้ม)  ไม่ถึงกับยิ้มก็ได้ อาจารย์ไม่ได้บอกให้ต้องฝืนยิ้ม แต่ให้รู้จักอภัย  ถ้าศิษย์โกรธ ศิษย์ก็สร้างวัฏฏะแห่งการเวียนว่ายเพื่อกลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  หากพบสิ่งที่ไม่ดี พบกรรมที่ไม่ดี ศิษย์อยากตัดกรรมหรืออยากต่อกรรม (ตัดกรรม)  ตอนนี้พูดได้ว่าอยากตัด แต่ถึงเวลาก็เห็นต่อทุกคน ใช่ไหม (ใช่)  
ชีวิตเกิดขึ้นด้วยความยากลำบาก คงอยู่ด้วยความสับสน และจบลงที่ความโศกเศร้า ความเกิดและความตายเต็มไปด้วยการร่ำไห้ เด็กเมื่อแรกเกิดมาพร้อมกับมือที่กำแน่น เหมือนพยายามจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้สักอย่างหนึ่ง แต่พอตายมือนั้นก็กลับแบออก เหมือนพยายามจะบอกให้เรารับรู้อะไรบางอย่าง มนุษย์ทุกคนปรารถนาความสุข ความสมหวัง ไม่ว่าเด็กเล็กแดง สิ่งที่ทุกคนปรารถนาคือความรัก ใช่ไหม (ใช่)  แต่ความรักไม่เคยให้ใครสมหวังสักครึ่งหนึ่งของผู้ที่ปรารถนาเลย จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นถึงแม้มนุษย์จะอยู่ร่วมกันกับเพื่อนฝูง หัวเราะร่าเริงกับคนมากมาย แต่ในหัวใจลึกๆ ของศิษย์ทุกคนกลับมีความทุกข์และเวิ้งว้างอยู่ เหมือนคนโดดเดี่ยวอ้างว้างลึกๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
เราจึงพยายามไขว่คว้าหาที่พึ่ง แต่อาจารย์อยากถามศิษย์นะ อะไรในโลกนี้พึ่งได้ เงินพึ่งได้ไหม คนรักพึ่งได้ไหม เกียรติยศพึ่งได้ไหม (ไม่ได้) แล้วอะไรล่ะที่พึ่งได้ อาจารย์จะบอกศิษย์บางคนว่าเงินก็พึ่งไม่ได้ เกียรติก็พึ่งไม่ได้ คนรักก็พึ่งไม่ได้ อาจารย์จะบอกว่าแม้แต่อาจารย์จี้กงก็พึ่งไม่ได้ สิ่งที่ศิษย์พึ่งได้คือ “ธรรมะ” ฟังให้ดีนะศิษย์ เพราะธรรมะ ทำให้เรามีสติ เพราะธรรม สอนให้เราไม่ประมาท เพราะธรรมะ ทำให้เรารู้จักชีวิตอันกระจ่างแจ้ง และเพราะธรรมะ ทำให้เรารู้ว่า เกิดเป็นคนแล้วมีทุกข์และมีสุข  วันนี้มีสุขก็ต้องมีทุกข์  จี้กง พระศรีอาริย์ พระกวนอิม ก็พึ่งไม่ได้นะ  สิ่งที่ศิษย์พึ่งได้ก็คือธรรมะที่อยู่ในตัวศิษย์ พระอาจารย์ พระศรีอาริย์ พระกวนอิมก็พึ่งไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์พึ่งอะไรได้ บางครั้งตัวเองพึ่งได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นการมีธรรมะจะทำให้เรามีพลังแห่งสติ เมื่อเรามีพลังแห่งสติ เราจะเป็นคนไม่เสียศูนย์ง่ายๆ จริงหรือไม่ (จริง)  แต่ว่าถ้าสติของเราไม่มีที่ยึด ศิษย์จะขาดพลัง เมื่อไม่มีพลัง เวลาศิษย์พบอะไรกระทบจิตศิษย์มากๆ ศิษย์ก็เสียศูนย์ พอเสียศูนย์แล้วก็สูญเสีย ธรรมดาแค่นี้เอง ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นถ้าศิษย์รู้จักพึ่งให้ถูก ยึดให้ถูกว่าอะไรเป็นที่พึ่ง ธรรมะสอนให้เราเมื่อตื่นขึ้นมาก็อย่าประมาท เดินไปก็อย่าประมาท จงมีสติ ฉะนั้นมีแต่ธรรมะเท่านั้นที่พึ่งได้ คนรัก เงินทอง ชื่อเสียง ถึงเวลาเราทุกข์ เขาช่วยเราได้ไหม (ไม่ได้)  ไม่สามารถพึ่งได้และหาจีรังไม่ได้ด้วย ใช่ไหม (ใช่)  วันนี้เขาให้ศิษย์รัก วันนี้เขาให้ศิษย์สมหวัง วันนี้เขาให้เกียรติยศชื่อเสียง แต่พรุ่งนี้ศิษย์รับประกันได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นมีแต่ธรรมะเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของชีวิต ชีวิตเหมือนกระแสธาร ไหลแล้วเรียกกลับได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นเราไหลแล้ว จะรู้ไหลเพื่อมวลชน หรือไหลแล้วเก็บไว้แค่ตัวเองล่ะ
ศิษย์มีชีวิตไหลเพื่อมวลชน หรือไหลแล้วเก็บไว้กับตน (มวลชน)  ศิษย์ขี้โม้ทั้งเพ อย่างนั้นอาจารย์ถามศิษย์บ้างได้ไหม ขึ้นชื่อว่ามนุษย์เราควรมีธรรมะอะไรไว้ประจำใจ แล้วธรรมะประจำใจของคน ที่ทำให้คนเป็นคนประเสริฐคืออะไร
(กตัญญู)  พูดได้ต้องทำได้ ถึงเวลาแม่มา ไม่ใช่เถียงคอเป็นเอ็น
(ความไม่ประมาท, ความรัก)  ความรักขอให้เป็นรักที่ไม่หวังผลนะ เป็นรักที่บริสุทธิ์ยุติธรรมนะ ไม่ใช่รักแล้วหวังผลใช่ไหม
ว่าอย่างไร (ซื่อสัตย์)  เกิดเป็นคนต้องซื่อสัตย์ แต่บางครั้งการรักษาความซื่อสัตย์กลับกลายเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต เพราะเราพูดขึ้นมาก็โกหกง่ายกว่ารักษาสัตย์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
(ความดี ความจริงและความงาม, มีศีลธรรมในใจ)  มีศีลธรรมในใจมีอะไร (เมตตากรุณา, ไม่คดโกงประเทศชาติ)  ไม่คดโกงเพื่อน ไม่คดโกงพ่อแม่ก็พอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าได้แอปเปิลจะแบ่งแอปเปิลให้ตัวเองมากหน่อย ให้เขาน้อยหน่อยใช่ไหม (ไม่ใช่)  คุณธรรมของความเป็นคนที่มีอยู่ในหัวใจศิษย์มีอะไรอีก  ไม่ต้องไปมองข้างนอกเลย
สิ่งหนึ่งที่มีอยู่ในหัวใจของศิษย์ทุกๆ คน นั่นก็คือ ทนดูไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นทุกข์ ทนดูไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นเจ็บปวด ถูกไหม (ถูก)  ทนดูไม่ได้ที่จะเห็นผู้อื่นทรมาน แล้วหัวใจศิษย์ทุกคนมีไหม (มี)  มีคนร้องโอ้ยๆ มีใครบ้างจะไม่รู้สึกสงสาร มีใครบ้างที่รู้สึกสมน้ำหน้า มีไหม (ไม่มี)  เห็นคนที่ไม่รู้จัก ร้องโอดโอย ลึกๆ เราก็สงสารแต่ในใจเราก็ระแวงนิดๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คือความสงสารมีอยู่ในจิตใจของทุกคน  ถ้ามนุษย์รู้จักแผ่เมตตาจิตแห่งความสงสารให้กว้างไกล ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ มนุษย์คนนั้นจะสามารถยังสันติสู่คนรอบข้างได้ และยังสันติสู่ชีวิตตนได้ จริงหรือไม่ (จริง)  ทุกคนมีความเมตตาไหม (มี)  ทุกคนทนนิ่งดูดายได้ไหมที่จะเห็นคนอื่นทุกข์หรือเจ็บไปต่อหน้าต่อตา (ไม่ได้)  ฉะนั้นปลุกจิตนี้ให้ตื่นขึ้นและให้มีมากยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ว่าสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ เมื่อนั้นแล้วศีลข้อที่หนึ่ง ศิษย์ไม่ต้องพยายามรักษา ศิษย์ก็รักษาได้เอง ถูกหรือไม่ (ถูก) เวลาศิษย์ทำผิดมือสั่นไหม(สั่น) ใจกลัวไหม (กลัว)  ทำไหม (ทำ)  หลังจากทำไปแล้ว สั่น กลัวคนจับได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ช่วงที่ทำไม่กลัวไม่สั่นเลยหรือ กลัวไหม (ลืมกลัว)  มนุษย์ทุกคนเวลาทำผิดก็กลัว (ผิด)  กลัวผลกรรมมาตามสนอง เวลาทำผิดก็รู้สึกละอายใจ จะมองหน้าใครก็มองแบบหลบๆ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ถ้าศิษย์รู้จักขยายความละอายและเกรงกลัวต่อบาปให้มากๆ ศิษย์จะเป็นคนคิดชั่วทำผิดบ่อยไหม (ไม่บ่อย)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วศิษย์จะลักเล็กขโมยน้อยได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นรู้จักแผ่ความสำนึกละอายเกรงกลัวต่อบาปให้มากๆ หยั่งลงให้ลึกขยายให้ยิ่งใหญ่ เมื่อนั้นแล้วศีลข้อสองไม่ต้องพยายามรักษาก็รักษาได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)  บอกอาจารย์อีกหน่อยว่าลึกๆ ในหัวใจของเราเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย นอกจากละอายและเกรงกลัวต่อบาปแล้ว มีอะไรอีก (จิตสำนึกคุณ)  จิตสำนึกคุณเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าพูดได้แล้วทำไม่ได้
(เราต้องทำด้วยความกล้า ไม่ให้ร้ายผู้อื่น) ทำได้ไหม แค่เรื่องไม่ดีของผู้อื่นเราไม่พูดออกจากปากได้ไหม (ได้)
คุณธรรมของความเป็นคน อาจารย์เพิ่งพูดไปแค่สองข้อเองนะ (รู้รักและเมตตา)  จิตเมตตามีอยู่ในหัวใจของทุกๆ คนอยู่แล้ว (ความขยันหมั่นเพียร)  เกิดเป็นคนไม่ควรเกียจคร้านไม่เช่นนั้นแล้วแม้บุญวาสนาจะอยู่ตรงหน้าก็จะสูญเสียไปเพราะความเกียจคร้านได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(ทดแทนแผ่นดินเกิด)  ก็เข้าใจตอบนะ (ช่วยเหลือผู้ด้อยกว่า)  ช่วยเหลือผู้ด้อยกว่า ให้สิ่งใดก็ไม่สู้ให้ธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)   (คิดดีเป็นกุศลในจิต) คิดดีเป็นกุศลในจิตตลอดเวลา (มีสัจจะ)  มีสัจจะ (ใช้ความเพียรและช่วยเหลือผู้อื่น) มีความเพียรไม่กลัวความยากลำบาก ใช่หรือไม่ ทำดีถูกว่าแล้วยังทำอีกไหม (ไม่ทำครับ) ไม่ทำหรือ แล้วไหนศิษย์ว่าใช้ความเพียรช่วยเหลือผู้อื่น พอถูกว่าไม่ทำเลยหรือ (ทำครับ) ตกลงว่าทำหรือไม่ทำ แม้จะถูกว่าทำดีไม่เห็นจะได้เรื่องจะยังทำไหม (ทำครับ)  ทองแท้ไม่กลัวการหลอม คนดีจริงไม่กลัวการตำหนิต่อว่า เห็นการตำหนิต่อว่าเป็นข้อเตือนใจและทำให้ดียิ่งขึ้น ถูกหรือไม่ (ถูก)  
อาจารย์อยากแจกแอปเปิลเพราะแอปเปิลมีความหมายว่าความสงบ ฉะนั้นอาจารย์อยากแจกความสงบให้กับศิษย์นะ (รู้จักเอาอดีตมาแก้ไขเพื่ออนาคตและปัจจุบันที่ดี)  รู้จักเอาอดีตมาแก้ไขเพื่ออนาคตและปัจจุบันที่ดี
“แม้สำนึกได้กลมใช้ปัญญาคมตัดถึงโลกหน้า”
จิตสำนึกถ้าไม่เต็มพร้อมสมบูรณ์ก็ไม่สามารถละลายหนี้เวรกรรมได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ถ้าแค่คิดแต่ไม่ได้กลมสมบูรณ์ก็จะละลายหนี้เวรกรรมไม่ได้นะ
น่าเสียดายนะถ้าฟังแล้วไม่ได้เข้าหูไปเลย (ปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่น)  แม้นิสัยจะไม่ดีอย่างไรก็รู้จัก (ปล่อยวาง) ปล่อยวางเขาหรือปล่อยวางเรา (ปล่อยเรา)  น่าจะปล่อยวางทั้งเขาปล่อยวางทั้งเรานะ
(พระอาจารย์เมตตาประทานชื่อเพลง “อยู่ใต้ฟ้าไม่กลัวฝน”)
คนทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อย่างนั้นทำดีบ่อยหรือทำชั่วบ่อย (ทำดีบ่อย)  เช่นนั้นรู้จักทำดีไม่หวังผลหน่อยนะ ทำดีไม่ร้องขอได้ไหม (ได้)  ก็ลองทำดู ทำโดยไม่หวังผล ความดีนั้นบริสุทธิ์กว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ความขี้เกียจก็ทำให้ศิษย์สูญเสียคุณธรรมแห่งความเป็นคนได้เหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่)  ความกลัวก็ทำให้มนุษย์สูญเสียคุณธรรมแห่งความเป็นคนด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)
อาจารย์เฉลยคำถามดีกว่านะ อาจารย์บอกไปว่าคุณธรรมสองข้อทำให้ศิษย์มีศีลสองข้อ ฉะนั้นศิษย์รู้จักศีลห้า ศิษย์จะตอบคุณธรรมของความเป็นครบถ้วน ศีลห้ามีอะไรบ้าง หนึ่งไม่ฆ่าสัตว์ สอง (ไม่ลักทรัพย์)  สาม (ไม่ประพฤติผิดในกาม)  สี่ (ไม่พูดปด)  ห้า (ไม่ดื่มน้ำเมา)  อย่างนั้นอาจารย์บอกไปสองข้อคืออะไรบ้าง
เมตตา คือ ไม่ฆ่าสัตว์
มโนธรรม คือ ไม่ลักทรัพย์
จริยธรรมคือ ไม่ผิดลูก ไม่ผิดเมีย
คนทุกคนรักการเคารพนบนอบ ถูกไหม (ถูก)  ในหัวใจของศิษย์ชอบไหมมีคนเคารพนบนอบ (ชอบ)  ชอบไหมที่มีคนให้เกียรติ ไม่ดูถูกดูหมิ่นเรา (ชอบ)  ฉะนั้นการประพฤติผิดในกามนั้นคือ การดูถูกเกียรติยศของคน ใช่หรือไม่ (ใช่)  การไม่เคารพศักดิ์ศรีของคน ถ้าเรามีจริยธรรม เราจะดูถูกคนด้วยการละเมิดผิดศีล ให้เขากลายเป็นคนบาปไหม (ไม่)  ถ้าเรารู้จักให้เกียรติกัน เราจะดูถูกทำร้ายคนได้ไหม (ไม่)
ฉะนั้นถ้ามนุษย์รู้จักมีจริยธรรม รู้จักเคารพนบนอบผู้อื่น ความผิดข้อนี้จะไม่เกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ทุกผู้คน ถูกหรือไม่ (ถูก)  เราอยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างให้เกียรติกัน เราอยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างเคารพกัน  เราอยู่กับใคร ใครๆ ก็อยากให้เคารพนบนอบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่รักกัน ไม่เคารพกัน ท่านอยู่กันได้ไหม (ไม่ได้)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ดื่มน้ำเมา นั่นคือปัญญาธรรม  คนมีปัญญา คิดหรือว่าจะทำสิ่งที่ผิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่โกหกก็คือมีสัตยธรรม  
ศิษย์รู้ไหมว่าการถือศีลห้าและมีธรรมห้าข้อนี้ นอกจากมีปัญญาแล้วยังทำให้เกิดมาชาติหน้าเป็นคนที่เฉลียวฉลาด ถูกไหม (ถูก)  ไม่ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนคน เกิดมาชาติหน้าจะอายุยืน ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นนอกจากรู้จักรักษาศีล รู้จักรักษาธรรมแล้ว เรายังสามารถทำให้ชาติหน้า ถ้าเราต้องเกิดมานั้น เป็นการเกิดที่สั่งสมบุญด้วย ถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่ถ้าเราไม่อยากเวียนว่ายตายเกิด นอกจากการรักษาศีล รักษาธรรมแล้ว ยังต้องรู้จักขัดเกลาจิตใจเพิ่มไปอีกอย่างหนึ่ง ศิษย์ก็จะสามารถตัดภพตัดชาติได้ รู้บ้างไหม  
อาจารย์ถามศิษย์กลับนะว่า อะไรที่ทำให้คนสูญเสียคุณธรรมในหัวใจ  อะไรที่ทำให้ศิษย์ไม่มีเมตตา อะไรที่ทำให้ศิษย์โกหกได้หน้าตาเฉย อะไรที่ทำให้ศิษย์เอาแต่ดื่มน้ำเมา และไม่คิดเลิกจากมันสักที ตอบอาจารย์หน่อย คนที่ยังไม่ตอบ (เห็นแก่ตัว, ตัดกิเลสไม่ได้, ความโลภ, คนไม่ดี)  คนบางคนไม่ดีอาจทำให้เราสูญเสียสิ่งที่ดีไปจากใจ แต่ไม่ใช่ว่าคนไม่ดีแล้วเราจะต้องสูญเสีย ไม่ดีตามนี่  ทองคำแท้ไม่กลัวการหล่อหลอม คนดีจริงไม่กลัวข้อทดสอบนะ
ทำไม่ได้แต่ก็ยังพยายามทำแล้วกันนะ แต่บางครั้งต้องรีบรู้ตัวไว้นะ จะได้ไม่ขายหน้ามาก
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนวงพระโอวาท)
วงคำว่า “งาม” นี้ความหมายดีนะ เอางามภายใน ไม่อยากได้งามภายนอก อาจารย์อยากได้แบบนั้นมากกว่า ศิษย์บางคนพยายามรักษาความงามภายนอก แต่สูญเสียความงามภายใน เปล่าประโยชน์ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  คนบางคนพยายามรักษาความดีภายนอก แต่ลืมรักษาความดีภายใน ศิษย์พยายามรักษาความเจริญภายนอก แต่ศิษย์หามีความเจริญภายในจิตใจไม่ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฟังธรรมะมากี่รอบแล้ว เคยเอาไปทำจริงๆ สักกี่ครั้ง ทำไมบำเพ็ญธรรมจึงบอกว่าช่วยตนและช่วยผู้คน ความหมายคืออะไร คือเอาสิ่งที่ฟังนั้นมาใคร่ครวญพิจารณา แล้วลงมือปฏิบัติให้เห็นแจ้ง เมื่อเห็นแจ้งเข้าใจแล้ว เอาสิ่งที่เห็นแจ้งเข้าใจไปบอกต่อ นี่คือสิ่งที่ช่วยตนแล้วช่วยผู้คน แต่ศิษย์หลายคนฟังมาเป็นสิบรอบ ช่วยได้แค่ตน แต่ไม่เคยช่วยใครได้
เพราะมัวแต่ห่วงทุกข์ของตัวเองจึงไม่สามารถช่วยทุกข์ผู้ใดได้ แต่อาจารย์อยากจะบอกว่าจิตแห่งพุทธะ ไม่เคยห่วงแม้ทุกข์ของตัวเอง ทำไมศิษย์จึงเรียกท่านว่าพุทธะ เพราะท่านห่วงทุกข์ของตัวเองไหม (ไม่ห่วง)  ท่านกลัวตัวเองจะทุกข์ไหม (ไม่กลัว) ไม่เคยกลัว อะไรที่เป็นทุกข์ท่านกระโดดเข้าไปช่วย อะไรที่เป็นนรกท่านกระโดดเข้าไปช่วยเหลือ ฉะนั้นถ้าศิษย์อยากจะเรียนจิตใจแห่งพุทธะ ศิษย์ต้องไม่กลัวทุกข์ ศิษย์ต้องไม่กลัวลำบาก ถ้ายังกลัวทุกข์ กลัวลำบาก ศิษย์ก็ไม่มีวันพ้นทุกข์พ้นลำบากหรอก ถูกหรือไม่ (ถูก)  
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญต้องไม่กลัวทุกข์ ต้องไม่กลัวลำบาก เพราะความทุกข์ความลำบากคือสิ่งที่ต้องผจญและต้องเอาชนะให้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์หลายต่อหลายคนในที่นี้ฟังมาเป็นสิบๆ รอบ ได้ยินมาเป็นพันๆ หน แต่ถึงเวลาแพ้อยู่คำเดียวคือคำว่าขี้เกียจ หรือไม่ก็คืออาย จริงไหม (จริง)  แต่อาจารย์ว่าการเป็นคนดีการพยายามทำตัวเพื่อช่วยคนให้เป็นคนดีไม่ได้น่าอาย ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นเอาตัวเองรอด ห่วงแต่ตัวเอง ศิษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำที่ขังตัวเองอยู่ น้ำไม่มีวันสะอาดหรอก สะอาดได้ไม่กี่วัน สักวันก็ต้องเน่า เพราะไม่เคยถ่ายเทและรินไหลเพื่อผู้อื่น จริงหรือไม่ (จริง)  
ฉะนั้นฟังธรรมะช่วยตนแล้วกลับไปช่วยผู้คน ค่าของมนุษย์ที่ประเสริฐได้ไม่ใช่เพราะว่าห่วงแต่ตนแต่รู้จักห่วงผู้อื่น ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองแต่ไม่เคยคิดถึงผู้อื่น อย่างนั้นก็คือศิษย์เกิดมาแล้วก็ตายไป หาคุณค่าอะไรไม่พบ เพราะตัวเองก็ยังช่วยตัวเองไม่รอด แต่ขณะที่จิตตัวเองช่วยตัวเองไม่รอด ยังรู้จักไปช่วยคนอื่นให้รอด อาจารย์ว่าประเสริฐกว่าอีกนะ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วศิษย์เคยได้ยินไหมว่า บางทีพูดให้ตัวเองรอดพูดยาก แต่พูดให้ผู้อื่นรอด ทำไมเขาถึงบอกว่าพูดได้ถูกใจจัง ใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์ที่กำลังทุกข์ๆ อยู่พอไปคลายทุกข์คนอื่นมา ทำไมศิษย์สุขใจและอิ่มใจล่ะ ฉะนั้นศิษย์บำเพ็ญธรรมะ อย่าลืมว่าบำเพ็ญเพื่ออะไร
(พระอาจารย์เมตตาประทานชื่อสถานธรรมที่อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ว่า ผู่หลิน ( 菩林 ) )
แถวนั้นมีต้นไม้เยอะใช่ไหม หลิน ( 林 )  ที่แปลว่ารวมต้นไม้  มีห้องพระเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ในความยินดีนั้นก็มีภาระอันหนักอึ้งที่ต้องฝากให้ศิษย์ช่วยดูแล มนุษย์ก็เปรียบได้กับต้นไม้หลายๆ ต้น ในหน้าเราก็เหมือนมีต้นไม้อยู่หนึ่งต้นคือต้นไม้แห่งพุทธจิตธรรมญาณเดิม มีอยู่ในตัวเราทุกๆ คน ใช่หรือไม่ (ใช่) อาจารย์ฝากดูแลห้องพระนี้ด้วยนะ
การช่วยคนด้วยเงิน ไม่ประเสริฐเท่ากับการช่วยคนให้รู้แจ้งเห็นจริงในชีวิต ได้รู้แจ้งเห็นจริงแห่งหลักธรรมในตัวตนประเสริฐยิ่งกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ขึ้นชื่อมนุษย์ว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมต้องไม่ทำชั่ว ต้องพยายามทำดี และสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรขาดก็คือรักษาใจให้บริสุทธิ์  
จริงไหม (จริง)  สิ่งนี้ยากที่สุด ทำใจให้บริสุทธิ์ทำได้ไหม ถ้าทำได้ ศิษย์ก็ฝึกพุทธะให้บังเกิดในตัวศิษย์ได้ แต่ถ้าศิษย์ทำไม่ได้ อาจารย์ก็จนใจจะพูดอะไรแล้ว เหมือนวันนี้ ศิษย์จะเห็นพุทธะหรือพญามารยืนอยู่ตรงนี้ล่ะ ถ้าเป็นพญามารก็ขอให้เป็นพญามารที่ทดสอบคนให้กลายเป็นพุทธะ ได้ไหมล่ะ
เรื่องสุดท้ายที่อาจารย์อยากจะบอก มนุษย์ทุกข์เพราะอะไร (โลภ) ทุกข์เพราะอยากได้ใคร่ดี อาจารย์อยากจะบอกว่าสาเหตุหนึ่งที่มนุษย์ทุกข์คืออะไรรู้ไหม เพราะไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ซึ่งเป็นทุกข์เบื้องต้น ฉะนั้นถ้ามนุษย์รู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่เราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  แล้วมีอะไรในตัวเราบ้างตั้งแต่หัวจรดเท้าที่เราพอใจ แล้วมีอะไรที่อยู่รอบตัวเราบ้างที่เรามีแล้วเราพอใจ  มนุษย์มีก็อยากทำเป็นเหมือนไม่มี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าไม่มี ก็อยากให้ได้มี นั่นแหละคือทุกข์ของมนุษย์ ถ้าหาตัวเองพบมนุษย์ก็หยุดทุกข์ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอยากมีพลังจิตใจที่ทำให้เราไม่เสียศูนย์เมื่อทุกข์ซัดสาดคืออะไรล่ะ อาจารย์สรุปง่ายๆ เราสามารถอยู่บนโลกนี้แล้วเห็นสรรพสิ่งด้วยความว่างเปล่าได้ไหม ได้ยินเหมือนไม่ได้ยิน อยู่ร่วมแต่ไม่มีใจผูกพัน รับรู้แต่ไม่ติดรส มีสติทุกขณะเมื่อดำเนินชีวิต ถอนความยึดมั่นถือมั่นต่อสรรพสิ่งทั้งหลาย เมื่อนั้นความสุขและสงบของจิตใจไม่ไปไหนหรอก พลังแห่งจิตใจที่จะทำให้ศิษย์ไม่เสียศูนย์ก็จะเกิดขึ้นได้ในตัวศิษย์ทุกคน  
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท  
การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ไม่ใช่เรื่องยาก หมั่นทำสิ่งดีไม่ทำสิ่งชั่วร้าย รักษาจิตใจให้ผ่องแผ้ว หรือพูดง่ายๆ ก็คือขัดเกลาสิ่งที่ไม่ดี แล้วสิ่งที่ดีก็จะกลับมาปรากฏ ในจิตใจของเรานั่นเอง ถูกไหม (ถูก)
วันนี้อาจารย์ก็คงต้องจากศิษย์ทุกคนไปเป็นตามธรรมดา  สิ่งใดที่เกิดขึ้นไม่สูญสลายไปคงไม่มี ใช่ไหม ความสุขอยู่ใกล้แค่ตัวเรานะ อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับในสิ่งที่เป็นหรือเปล่า หวังให้คนอื่นมาเติมให้เต็ม ไม่มีใครมาเติมให้ศิษย์เต็มได้นอกจากหัวใจศิษย์เองนะ  พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีหรือยัง ถ้าพอใจศิษย์ก็มีสุขทุกๆ วันโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่ต้องต่อเติม เชื่ออาจารย์เถอะ ถ้าศิษย์ไม่พอใจศิษย์ต้องวิ่งหาสักเท่าไร แล้วเมื่อไรศิษย์จะสุขล่ะ ถูกไหม (ถูก)  ถ้าวันนี้ไม่พอใจต้องหาไปเรื่อยๆ แล้วหามาแน่ใจหรือว่าจะได้แล้วพอใจแล้วสุขเสียที มันอยู่ที่ใจเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  มันอยู่ที่ใจศิษย์ต่างหาก พอเป็นก็ไม่มีอะไรเรียกว่าทุกข์หรอก ทนได้ ก็ไม่มีอะไรเรียกว่าเจ็บปวดหรอก ขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญทนในสิ่งยากทน อะไรที่ต้องทนบ้าง ทนคำด่าได้ไหม ทนคำเสียดสีได้ไหม ทนความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมในข้างนอก แต่เราไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม พอใจในสิ่งที่มีอยู่ได้ไหม ถ้าทนได้ก็บำเพ็ญได้ ทนพูดด่าทอทนได้ไม่โกรธ ให้อภัย ศิษย์ทนได้ก็บำเพ็ญได้ แล้วทำไมต้องบำเพ็ญ ก็เพื่อจะตัดการเวียนว่ายตายเกิดไม่ต้องมาทุกข์อีก ทุกข์แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ โลกนี้จริงๆ แล้วสนุกสนานหรือศิษย์ ในความสุขก็มีทุกข์ สิ่งที่จะทำให้เราหยุดความทุกข์ได้นั้นก็คือ สร้างความดีตัดการเวียนว่ายตายเกิด ทำโดยไม่หวังผล ทำโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ขอเพียงให้คนอื่นพ้นทุกข์ แม้ตัวเองเหนื่อยก็ไม่เป็นไร ทำยากหรือ อาจารย์รู้ว่าศิษย์บางคนเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องพบกับคนหลายๆ แบบ แต่การบำเพ็ญธรรมถ้าไม่ขัดเกลากับคน ศิษย์จะไปขัดเกลากับใคร ถูกหรือไม่ (ถูก)  ถึงเวลาอาจารย์ก็คงต้องไปแล้ว เกียรติยศชื่อเสียงทรัพย์สินไม่ใช่สิ่งจีรัง ศิษย์ก็รู้มีสมหวังก็มีผิดหวัง แล้วศิษย์อยากจะสมหวังเพื่อกลับไปผิดหวังอีกทำไม  มีเท่าไรพอใจแค่นั้นเถอะนะ ถูกหรือเปล่า (ถูก)  
ถึงเวลาอาจารย์ก็ต้องไปแล้ว อยู่ร่วมกันก็ถนอมกล่อมเกลี้ยงซึ่งกันและกัน อย่าทำร้ายกันด้วยวาจาอันไม่ควรพูดเลยนะศิษย์นะ
มีโอกาสกลับมาหาอาจารย์อีกนะ ได้ไหม  อาจารย์ต้องไปแล้วนะ ดูแลตัวเองให้ดี  พึ่งอาจารย์ไม่ได้เท่ากับพึ่งธรรมะนะศิษย์นะ  มีโอกาสคงกลับมาผูกบุญสัมพันธ์กันอีก อย่าให้วันนี้เป็นวันสุดท้าย จงเป็นวันเริ่มต้นที่พร้อมจะศึกษาต่อไป








พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”
ทำจิตใจภายในให้บริสุทธิ์ พึงต้องหยุดจิตใจในทางร้าย
ใครเอาเปรียบเราก็ช่างเขาปะไร ถือว่าใช้หนี้กรรมเก่าทำเขามา
คิดมากเป็นลักษณะแห่งคนทุกข์ รู้มากปลุกจิตฟุ้งซ่านหนักหนา
ต่างคนต่างบำเพ็ญจะดีกว่า หมกมุ่นหาเหตุผลไม่เคยเจอ
กินอยู่นอนง่ายใจจะบริสุทธิ์ สิ่งสมมุติมีน้อยไม่เผลอ
มีหลายอย่างคุ้นไม่อาจเลี่ยงเจอ สติเผลอจิตยากบริสุทธิ์งาม

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา