วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2550

2550-10-20 สถานธรรมฮุ่ยอวี้ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น


西元二○○七年歲次丁亥九月十日    大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐    สถานธรรมฮุ่ยอวี้ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
    สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ

    การร่วมมือร่วมใจมีพลัง    มีความหวังมีความดีมีชีวิต
คนร่วมแรงสำเร็จงานได้ทุกกิจ    คนร่วมทิศต่างต้องมีปณิธาน
        เราคือ
    องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่แดนโลกีย์   เคียมคัล
องค์มารดา        ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
            ขอทุกคนจิตสงบฟังคำเรา     ฮวา  ฮวา

    ชำระกายชำระใจที่เปื้อนฝุ่น    กิเลสหมุนเวียนในจิตไม่หยุดหย่อน
น้องเห็นไหมชีวิตนี้ดุจละคร    อย่าอาวรณ์เริ่มตื่นขึ้นสู่ความจริง
มองเห็นตนไม่เห็นตนทุกเช้าค่ำ    ต่างเหยียบย่ำตนเองไว้ใต้ตัณหา
มาบัดนี้ถึงหรือยังได้เวลา    ควรรู้ว่ากลับหลังหันสู่ฝั่งธรรม
ยึดอาชีพทำพืชสวนอีกไร่นา    ศิษย์พี่ชวนน้องมาทำนาชีวิต
บุญกุศลผลผลิตไม่ยึดติด    การบำเพ็ญเป็นมิตรกับทุกคน
ความล้าหลังทำให้คนบำเพ็ญง่าย    ทันสมัยทำให้คนบำเพ็ญยาก
อยากฝึกตนในทางธรรมอย่ากลัวลำบาก    อุปสรรคมากความสำเร็จยิ่งทวี
ยืมกายปลอมบำเพ็ญจริงสิ่งจริงแท้    คนแน่วแน่ยิ่งต้องฝ่านับไม่ถ้วน
เรื่องง่ายง่ายทำให้คนจิตเรรวน    เรื่องแปรปรวนทำให้คนเกิดปัญญา
แม้ฉลาดอย่าคิดว่าตนเหนือชั้น    การสำคัญตนเองผิดพลาดครั้งใหญ่
จะออกเรือรู้ทิศลมก่อนกางใบ    รู้เข้าใจตนเองแล้วธรรมเพียรดี
ในวันนี้น้องชายหญิงมีบุญนัก    ขอรู้จักฟังธรรมะอย่างตั้งจิต
อย่าปล่อยให้ฟุ้งซ่านชั่วความคิด    การเริ่มผิดเดินถึงปลายไม่พ้นวน
การบำเพ็ญเริ่มต้นจากจิตใจ    ต้องใส่ใจลงแรงสม่ำเสมอ
ฟืนพันหาบไฟกองเดียววอดนะเออ    อย่าได้เผลอไปเพียงนิดสะกิดใจ
ในวันนี้พี่มาคุมชั้นเรียน    หวังน้องเปลี่ยนตนเองเป็นคนใหม่
คนอีสานแม้มาจะใกล้ไกล    ให้ร่วมใจร่วมทางเรืออารี
สถานธรรมชั่วคราวช่างใหญ่กว้าง    อย่าเดินเที่ยวเลี้ยวห่างตามตัวยาก
อย่าเพลินเดินไกลดูเวลามาก    ขอลำบากนั่งเมื่อยฟื้นฟูใจ
สองวันนี้จงตั้งใจอยู่ให้ครบ    และเคารพพุทธระเบียบเป็นข้อใหญ่
หากจิตใจสงสัยระงับไว    เชื่อหรือไม่บำเพ็ญก่อนค่อยตัดสิน
ในวันนี้ไม่กล่าวความให้มากไป    จรดวางพู่กันลงคุมชั้นเรียน

            ฮวา  ฮวา   หยุด
 

วันเสาร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐    สถานธรรมฮุ่ยอวี้ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา

    สู้ไม่ถอยเหนื่อยไม่ท้อคนใจแกร่ง    ความตั้งใจแฝงซ่อนพลังอันยิ่งใหญ่
ใจมุ่งมั่นย่อมชนะทุกสิ่งไป    อุปสรรคไม่ร้ายเท่าใจไม่สู้ทน
        เราคือ
    ศิษย์พี่นาจา        รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่แดนโลก   แฝงกายกราบ
องค์มารดา    ถามศิษย์น้องทุกคนเบื่อหรือยัง

    สุขทุกข์ใจจิตใจเป็นผู้สร้าง    ฟ้ามีทางคนกลับหลงทำผิด
ใกล้ไกลก็กลับไม่เลือกเฉลียวคิด    พลาดเพียงนิดทะเลทุกข์เมาคลื่นใจ
เข้าใกล้ใจมีใครรู้ตนแท้    เผลอออกห่างยิ่งปรวนแปรเป็นวิสัย
ฟ้าไกลเมื่อดูศรัทธาอย่าแน่ใจ    ต้องเข้าใจแล้วสู่เส้นทางจริง
ไร้นามรูปทางธรรมไม่สิ้นสุด    ไร้สิ่งสมมุติไร้ยึดมั่นสงบนิ่ง
ไร้อัตตาว่างกิเลสค้นพบตนจริง    อายตัวอายเกรงกริ่งไม่ก่อกรรม
เตือนตนรู้บาปย่อมไม่ทำบาป    เรื่องไม่ทราบใจสุขุมเคราะห์ไม่ซ้ำ
เรื่องทำผิดฝึกแก้ไขไม่ตามกรรม    ทันอารมณ์คิดและทำพระภายใน
หมั่นยั้งตรองเย็นร้อนไม่ตกหล่น    ตรองถึงผลพ้นเหตุก่อนจะสาย
เป็นด้วยเหตุที่ดีไม่บานปลาย    ความดีงามควบคู่ใจสำนึกดี
ภาวะตนอารมณ์คุมใจย่อมปรุงแต่ง    ปัญหาเคี่ยวคนเข้มแข็งถ้าไม่หนี
ทุกข์จังตนงวดความคิดสมจารี    เอื้อซึ่งกันความดีตั้งจิตตรง
ถือสาถือไม่เป็นดูจู้จี้    คนดีดีไม่เป็นคนหลงหลง
คนรู้รู้ไม่จริงปลงไม่ลง    คนมั่นคงแต่เพียงอยู่ใช่บำเพ็ญ

            ฮิ  ฮิ   หยุด

พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
ตอนนี้ใครตั้งใจบ้างว่าพรุ่งนี้จะมาหรือไม่มา ตั้งใจจะมาไหม (ตั้งใจ)  มนุษย์เห็นผิดมากกว่าเห็น (ชอบ)  ถนัดจับผิดมากกว่าจับ (ถูก)  อย่างเช่นถ้าให้คนมายืนข้างหน้าสองคน คนหนึ่งยืนปกติ  แต่อีกคนหนึ่งยืนไม่ปกติ คนไหนจำง่ายกว่า คนแรกหรือคนที่สอง (คนที่สอง)  เพราะว่าเขาไม่ปกติใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต เรื่องดีๆ จำไม่ค่อยได้ แต่เรื่องร้ายๆ จำได้แม่นยำ ถูกไหม (ถูก)  โดยทั่วไปมนุษย์ถนัดที่จะมองออกมากกว่ามองเข้า ถนัดที่จะเห็นคนอื่นชัดมากกว่าเห็นตัวเอง แล้วก็ชอบมองแบบจับผิดมากกว่าจับถูก นิสัยแบบนี้ดีหรือไม่ (ไม่ดี)  ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมคือการเข้มงวดตัวเอง ผ่อนปรนผู้อื่น มีเวลาแก้ไขตัวเองไม่คิดไปแก้ไขใคร เห็นใครทำดี มีใจที่จะไปร่วมลงมือและส่งเสริมให้กระทำดียิ่งขึ้น  แล้ววันนี้เรามาฟังธรรมเพื่อบ่มเพาะสองอย่างนี้ดีหรือไม่ (ดี)
ถ้าเราเห็นคนทำดีแล้วเราไปส่งเสริมเขา เขาจะมีกำลังใจอยากทำดีต่อไปไหม (อยาก)  แต่คนในโลกมักจะกลับกัน ใครทำดีก็ปล่อยให้ทำไปคนเดียว อย่างนี้แล้วเขาอยากจะทำดีต่อไปไหม (ไม่อยาก)  แต่เรามาศึกษาบำเพ็ญธรรมเมื่อเห็นใครทำดี เราต้องรีบเข้าไปส่งเสริม ส่งเสริมให้ตัวเราทำดีแล้วก็ให้กำลังใจเขา ให้เขามีกำลังใจทำดีต่อไป  แล้วคนในโลกจะมีใครกล้าว่าใครหรือไม่ ถ้าจะว่าทีก็ต้องหันมามองตัวเองก่อนว่าตัวเองดีหรือยัง  บางทีบอกว่าเขาว่าอย่าทำ แต่พอถึงเวลาตัวเองกลับทำเอง พอเขาว่าเรากลับ ถามว่าเจ็บไหม (เจ็บ)
ฉะนั้นจุดหลักของการศึกษาบำเพ็ญธรรมก็คือ เริ่มต้นแก้ไขที่
ตัวเราเอง สิ่งใดที่เป็นสิ่งที่ดีงามให้รีบส่งเสริมและกระทำที่ตัวเราด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราเห็นเขาทำแล้วเราทำด้วยก็คือการส่งเสริมทั้งตัวเองและส่งเสริมทั้งผู้อื่น จริงไหม (จริง)  
เราจะเล่าเรื่องง่ายๆ ที่เป็นกันอยู่ทั่วไปให้ฟัง  มีชายอยู่คนหนึ่งเป็นคนรวยและเป็นโรคหัวใจ แต่นิสัยเสียชอบกินเหล้า  เขามีคนใช้และก็เป็นคนใช้ที่เศรษฐีคนนี้รักมากๆ ทำอะไรก็จะรู้ใจไปหมด วันหนึ่งเพิ่งหายจากการเป็นโรคหัวใจ ออกมาเที่ยว แล้วเปรี้ยวปากอยากกินเหล้า คนใช้อยู่กับเจ้านายมาหลายปี ก็มองเจ้านายออก ก็ไปซื้อเหล้า แต่ได้มาอย่างเดียวไหม (ไม่)  ได้กับแกล้มมาด้วย มีดนตรีด้วย แล้วมีเหล้ามีกับแกล้มมีดนตรีพอไหม นั่งกินคนเดียวสนุกไหม (ไม่) ไปชวนเพื่อนเจ้านายมาด้วย แล้วมีอีกไหม  เขาบอกว่าเจ้านายกินเหล้ากินกับแกล้มอย่างนี้ ฟังเพลงแบบนี้ ไม่รอดแน่ ไปเอาพระมา แล้วก็ซื้อโลงมาด้วย เพราะคนเป็นโรคหัวใจ กินเหล้า กินกับแกล้ม แล้วก็ฟังดนตรีดังๆ จะรอดไหม (ไม่รอด)
ถามว่าเราเป็นเหมือนเจ้านายหรือลูกน้อง เราเป็นแบบไหน ลองคิดดูนะว่าตัวท่านเป็นแบบไหน บางครั้งก็เป็นลูกน้องให้กับคนในครอบครัว มองคนในครอบครัวออกหมดทะลุปรุโปร่ง ใช่ไหม (ใช่)  แต่บางครั้งก็เป็นเจ้านายเพราะไม่รู้จักตัวเอง ต้องรอคนอื่นมาสอน ต้องรอให้ปัญหามา
จุกอก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ต้องรอให้ความทุกข์ยากลำบากใจเกิดขึ้นแล้วเราถึงจะรู้จักตัวเอง ไม่ช้าไปหรือ ช้าไปไหม (ช้า)
เคยคิดไหมว่าโลกออกกว้างใหญ่แต่ทำไมบางคนเดินไปไหนไม่รอด โลกกว้างๆ แต่ทำไมมนุษย์ถึงเดินได้คับแคบ ใครเป็นคนตีกรอบตัวเอง ใครเป็นคนกักขังหัวใจเราเอง  โลกกว้างแต่บางทีเรากลับไปไหนไม่ได้ แล้วอะไรมันถ่วงเอาไว้
เคยไหมเรื่องบางเรื่องที่เห็นว่ายาก แต่ถ้าเรามุ่งมั่นเราก็สามารถที่จะเอาชนะได้ จริงไหม (จริง)  วัดอยู่ใกล้แค่นี้แต่ถ้ามุ่งมั่นจะไป เดินไม่ถึง ๕ นาทีก็ถึง แต่ถ้าไม่มุ่งมั่นแล้วทำยังไงก็ทำไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  กลัวตัวเองเหนื่อยเลยไม่คิดที่จะเหนื่อยเพื่อใคร แล้วอะไรที่ทำให้มนุษย์เราไม่มีอิสรเสรีอย่างแท้จริง
อยู่ที่นี่รู้สึกว่าเดินไกลไหมกว่าจะไปแต่ละจุดๆ (ไม่ไกล)  ทางไม่ไกลสำหรับคนที่มุ่งมั่นตั้งใจและขยันหมั่นเพียร แต่ทางจะไกลสำหรับคนที่
ขี้เกียจและไม่มุ่งมั่นสู้คน เรื่องราวในโลกยากหรือง่าย  (ง่าย, ยาก)  คนที่บอกว่ายากเพราะเคยผ่านปัญหาในการดำเนินชีวิต แต่คนที่บอกว่าง่ายอาจจะยังไม่เคยเจอปัญหาหนักๆ ในชีวิต ส่วนคนที่ไม่ตอบคือคนที่บางครั้งก็ยาก บางครั้งก็ง่าย แล้วแต่ว่าตอนนั้นมีพลังใจมากแค่ไหน และความต้องการมีมากเท่าใด ฉะนั้นเรื่องราวในโลกจะยากหรือง่ายอยู่ที่หัวใจของเรา  ถ้ามุ่งมั่นจะทำให้ได้ มุ่งมั่นจะทำให้ถูกก็จะดีได้ แต่ถ้าไม่มุ่งมั่นจะดีได้ไหม (ไม่ได้)  ก็จะผลัดไปก่อนทุกครั้ง ใช่ไหม (ใช่)
คนเราจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่ความมุ่งมั่นในหัวใจ เคยเห็นไหมว่าบางครั้งคนที่ดำมากๆ พออยู่ใกล้กับคนขาวจะทำให้คนขาวยิ่งขาวใหญ่
ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อไรที่เราเจอคนที่ร้ายมากๆ แต่เรายิ่งพยายามดีเข้าไว้ เมตตาเข้าไว้ เราก็จะยิ่งงดงามมากยิ่งขึ้น
เป็นคนดำผิดไหม เป็นคนอ้วนแล้วอยู่ใกล้คนผอมดีไหม (ดี)  ในทางกลับกันก็จะเป็นการเตือนตัวเองว่า เราอ้วนเกินไปไหม เราไม่เมตตาเช่นเขาหรือเปล่า ฉะนั้นอย่ามัวแต่ชื่นชมคนอื่นจนลืมเห็นคุณค่าของตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใจมุ่งมั่นย่อมชนะทุกสิ่งไป    อุปสรรคไม่ร้ายเท่าใจไม่สู้ทน
ถึงปัญหาจะน่ากลัวขนาดไหน แต่ถ้าใจเราสู้ ใจเรามุ่งมั่นที่จะแก้ให้ได้ อุปสรรคนั้นก็อาจจะกลายเป็นเรื่องเล็ก กลับกันถ้าอุปสรรคนั้นบางทีเล็กนิดเดียว แต่ใจเราเอาแต่หวาดกลัว ภัยข้างหน้าก็ไม่เท่ากับภัยที่อยู่ภายในใจตน
อยากนั่งหรือยัง (อยาก)  ในโลกนี้มีคนนั่งก็ต้องมีคนยืนใช่หรือเปล่า จะมีแต่คนยืนทั้งโลกเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  เวลาเราอยู่ในโลก เราศึกษาบำเพ็ญธรรม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ที่จะต้องมองในทุกขณะเวลานั่นก็คือ ความเป็นจริงของชีวิต
ถ้ารักแต่อิสระแต่ไม่ยืนอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ความรักอิสระนั้นจะหันมาทำร้ายตัวเรา เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่รักอิสระ ตามใจตัวเองบ่อยๆ โดยที่ไม่รู้จักกรอบไม่รู้จักการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เดือดร้อนและอันตรายไหม (อันตราย)  ถึงแม้ว่าโลกจะกว้างแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ไม่เป็นอิสระได้ทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นก็คือความเป็นจริง ระเบียบของสังคม มนุษยธรรม และมโนธรรม ที่ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหนหรือมีอิสระขนาดไหน เราจะขาดความเป็นจริง จริยธรรมและมโนธรรมไม่ได้ เพราะถ้าขาดไปเมื่อไหร่ อิสระก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเราทันที
เราถามว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้เราไม่มีอิสระ (กิเลสตัณหา, ภาระหน้าที่รับผิดชอบ, ความห่วงหาอาทรส่งเสียบุตรหลานเรียนหนังสือ บางทีจะไปไหนก็ไม่เป็นอิสระ ตัองหาเงิน)  ถ้าเราทำวันนี้ให้ดี พรุ่งนี้ก็จะสบาย อย่างการทำงาน ถ้าเราทำวันนี้ให้ดี ถามว่าถ้าพรุ่งนี้เราจะลาไปธุระ ง่ายไหม (ง่าย)  แล้วแท้จริงสิ่งที่ทำให้เราไม่อิสระคืออะไร ไม่ใช่ภาระหน้าที่ ไม่ใช่ใจที่ห่วงหา แต่กลับเป็นใจที่ปล่อยวางไม่ลงต่างหาก ฉะนั้นมองให้ดีๆ แล้วเราจะแก้ได้เอง
(สุขภาพร่างกาย โรคภัยไข้เจ็บ ทำให้เราไปไหนก็ลำบาก)  เราถามกลับว่าถ้าเราทำงานไม่หักโหมจนเกินไป รู้จักพักผ่อน จะมีปัญหาสำหรับชีวิตไหม (ไม่มี)  ชีวิตก็หาความอิสระได้ไม่ยาก
(การที่เรามีครอบครัว ต้องดูแลครอบครัว ดูแลลูก ทำให้เราไม่มีอิสระ)  บางทีภาระของครอบครัว หน้าที่ที่เราเป็นในสังคม ทำให้เราไม่มีอิสระ แต่แท้ที่จริงแล้วอย่างที่เราบอก ถ้าเราวางแบบแผนสอนลูกได้ดี
เราก็ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะไปทำผิดคิดร้ายใคร ถ้าเราทำหน้าที่ของภรรยาได้ดี ถึงแม้ว่าเราจะขอออกไปข้างนอกสามีก็บ่นว่าเราไม่ได้ ถูกหรือไม่
ฉะนั้น ถ้าเราสามารถยืนอยู่บนความจริงและรักษากรอบของตัวเองให้งดงาม อิสระก็ไม่ยากเกินที่จะไขว่คว้ามาอยู่ในตัวเรา แล้วอะไรในโลกใบนี้ที่เราจะต้องระมัดระวัง รู้จักพึงสำนึกอยู่ตลอดเวลาเพื่อเราจะได้ไม่พลาดและไม่ทำผิด (สติ ต้องมีสติอยู่เสมอ, ห่วงหาพ่อแม่, ผู้มีพระคุณ)  บางครั้งเงินทองก็ไม่เท่ากับใบหน้าและร่างกายอันนี้ไปโอบอุ้ม จริงไหม (จริง)  ทุกวันลูกไม่เคยโผล่มาเลยมีแต่โทรมาหาและก็ส่งเสียง แต่หากวันหนึ่งโผล่มาก็รู้สึกว่าเสียงนั้นไม่มีประโยชน์เท่ากับตัวตนมาให้เห็นใช่หรือไม่ (ใช่)
(ความเป็นห่วง ระมัดระวังตัว)  นั่นน่าจะเรียกว่าความไม่ประมาท  คนเราถ้าเกิดรู้จักห่วงตัวเองและห่วงผู้อื่น เราก็ยากที่จะไปเบียดบังใคร ถูกไหม (ถูก)
เรื่องที่เราพูดมาเป็นเรื่องไกลเกินกว่าที่จะนำมาใช้ในชีวิตไหม (ไม่ไกล)  เราอยากเป็นที่รักของคนอื่นไหม อยากไปที่ไหนใครๆ ก็รัก ใครๆ ก็ต้อนรับไหม (อยาก)  อย่างนั้นต้องเป็นคนอย่างไร (เป็นคนดี)  ดีแค่นั้นเหรอ แล้วต้องมีอะไร (มีน้ำใจ, มีความซื่อตรง, มีคุณธรรม, มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่)  อะไรทำให้ลูกหลานรัก (ทำความดี)  เป็นคนแก่ที่ยิ้มง่ายๆ อะไรๆ ก็ดีหมด
การทำให้คนอื่นรักนั่นก็คือ อย่าถือตัวเองเป็นใหญ่ เวลาไปอยู่กับใคร อย่าเอาแต่สั่งแต่ไม่ฟังใคร ถึงแม้จะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  แต่คนอื่นต้องฟังฉัน  อย่างนี้มีน้ำใจก็จริงแต่ก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นต้องเป็นคนที่รู้จักฟังคนอื่นบ้าง แล้วก็ต้องเป็นคนที่รู้จักให้บ้าง ต้องรู้จักแพ้บ้างแล้วการชนะของเราก็จะเป็นการชนะที่มีศัตรูรัก การแพ้ของเราก็จะเป็นการแพ้ที่มีคนเข้าใจและมีคนอยากโอบอุ้มดูแลเอาใจใส่
เราอยู่ในโลกนี้สิ่งที่ต้องพึงระวังมากที่สุดก็คือ ความเห็นแก่ตัว การเอาแต่ใจ เรารู้ว่าทุกคนรักตัวเอง อยากให้คนอื่นมาเอาใจ แต่ถ้าเกิดว่าเราเป็นคนที่เอาแต่เรียกร้องแต่ไม่เคยทำให้คนอื่น ใครจะรักลง ถ้ารักก็แค่วันหนึ่งหรือสองวัน พอวันที่สามเริ่มไม่อยากจะรักแล้ว  แต่ถ้าเรามีแต่เสียสละให้จะรักไหม (รัก) แต่ก็อย่ามากจนเกินไป เพราะว่าจะกลายเป็นความรำคาญ เอาแต่พอเหมาะ ถูกไหม (ถูก)
ดีเกินไปคนก็ว่าประจบประแจงเลียแข้งเลียขา  ศิษย์น้องจำไว้ว่าการอยู่บนโลกนี้ให้ยืนอยู่บนความเป็นจริง แล้วพึงสังวรว่าตอนนี้เราอยู่กับคนนี้กรอบอะไรที่ควรระวัง ไม่ให้กลายเป็นคนที่ละเลยหน้าที่ ไม่รู้จักหน้าที่ของตน หากเรามีจิตใจที่พึงสังวรอยู่ตลอดเวลา เราก็ยากจะเป็นคนที่ทำผิด ยากจะเป็นคนที่รังเกียจของใครๆ
ขอให้เวลาทำอะไรทำให้ดีๆ อย่าใจร้อน อย่าผลีผลาม อย่าวู่วาม อย่าปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำ จนทำให้เรามองไม่เห็นว่าอะไรถูกอะไรผิด เคยไหมความรักครอบงำทำให้จิตใจเราเอียงเอน (เคย)  ความกลัวครอบงำทำให้เรามองอะไรบิดพลิ้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่น่ากลัวของมนุษย์เราไม่ใช่ภัยภายนอก แต่จริงๆ คือ ภัยภายในหัวใจ ฉะนั้นเราต้องรู้จักระมัดระวังทำอะไรด้วยความสุขุมรอบคอบ
เหมือนปราชญ์โบราณกล่าวว่า “การดำเนินชีวิตทุกย่างก้าวเหมือนยืนอยู่บนน้ำแข็งบาง พลาดนิดเดียวตกไปตายทั้งเป็น” อารมณ์วูบเดียวเคยไหมทำให้เราเสียใจไปตลอดชีวิต แม้กระทั่งปัจจุบันนึกถึงทีไรก็รู้สึกไม่น่าทำเลย จริงไหม (จริง)  อดีตผ่านไปแล้วบางทีแก้ไม่ได้ ฉะนั้นทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดโดยเอาอดีตเป็นบทเรียนและเอาสิ่งที่ดีเป็นตัวต่อยอดให้ทำดีไปเรื่อยๆ
เรารู้ว่าทุกท่านมีทั้งส่วนที่เรียกว่าดีและส่วนที่เรียกว่าร้าย ฉะนั้นรู้ว่าอะไรร้ายในตัว ให้รีบเลิก รีบแก้ไข รู้ว่าอะไรดีในตัว รีบส่งเสริมให้มีมากยิ่งๆ ขึ้น จะได้ไม่ต้องกังวลอนาคต เพราะปัจจุบันทำดีที่สุดแล้ว แม้จะไม่ได้ดีก็ไม่เป็นไร
พระพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศิษย์น้องกราบไหว้ บางองค์อาจมีจุดจบไม่ค่อยดี แต่กลับมีชื่อเสียงยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน เพราะว่าท่านทำดี ผลถึงแม้ไม่ได้ดี ท่านก็ยังมุ่งมั่นทำต่อไป จริงไหม
ถ้าวันนี้เราทำดี แต่ไม่มีโดนคนกล่าวยกย่อง ไม่มีคนชมเชย แต่กลับถูกตำหนิต่อว่าถากถาง เราอย่ากลัว อย่ายอมแพ้ เพราะสักวันหนึ่งเราจะได้ดีเพราะคำตำหนิต่อว่าของเขา  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพท่านก็เพราะว่าท่านยอมทุกข์ ยอมยากลำบากเพื่อผู้อื่น จริงไหม
ฉะนั้นอยากเป็นที่รักที่เคารพ อย่ากลัวยาก อย่ากลัวลำบาก แม้ทำแล้วไม่ได้ผลก็ยังมุ่งมั่นทำต่อไป ทำดีโดนคนว่า เอาไหม (เอา)  เอาไปเถอะนะ มนุษย์ไม่ชมแต่ฟ้าชม มนุษย์ไม่ให้รางวัล ไปเอาข้างบน รางวัลอันไหนใหญ่กว่า (ข้างบนใหญ่กว่า)  ฉะนั้นทำไปเถอะความดี เพราะคนที่ได้ดีและเป็นสุขที่ได้ทำก็คือหัวใจเราเอง เช่นเดียวกันถ้าทำชั่ว คนที่ทุกข์ก็คือใจเราเอง  ฉะนั้นอย่ากลัว เมื่อผิดรีบแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่ผิดแล้วผิดเลย
เป็นคนอย่ากลัวตาย เรากลัวตายใช่ไหม ไม่มีความน่ากลัวสำหรับคนที่เข้าใจความตายในชีวิต เพราะถึงที่สุดใครๆ ก็ต้องตาย ฉะนั้นอย่ากลัวตายถ้าเราเข้าใจชีวิตแล้วทำชีวิตได้ดี จะตายวันนี้ก็ไม่กลัวเพราะได้ทำดีแล้ว เรามักจะพูดบ่อยๆ ว่าที่วันนี้ต้องกลัวตายเพราะว่ายังไม่ได้ทำดี เพราะกลัวว่าตายแล้วจะไม่เจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่เจอยมทูตถูกหรือไม่ ฉะนั้นความตายจะไม่น่ากลัวสำหรับผู้ที่เข้าใจ ความตายจะไม่น่าเศร้าเสียใจสำหรับผู้ที่เตรียมชีวิตไม่อยู่ในความประมาท มีแต่คนที่ตั้งตัวเองอยู่ในความประมาทจึงกลัวตาย และเห็นความตายเป็นเรื่องน่าเศร้า  ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ความตายไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า แต่ความตายทำให้เราได้รู้ว่าถึงที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไร เราต้องกลับไปสู่ความว่างเปล่า แต่ก่อนจะว่างเปล่า เราต้องทำสิ่งที่ว่างให้บังเกิดคุณค่าที่สูงที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ ทำด้วยความมีน้ำจิตน้ำใจ รู้จักคิดหัวอกเขาหัวอกเรา รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้อภัยไม่ถือโกรธศัตรูที่มาทำร้ายเรา หรือเรียกว่ามีน้ำใจนักกีฬา เกิดเป็นคนถ้ามีน้ำใจนักกีฬา แพ้ชนะให้อภัยไว้เสมอ คนประเภทนี้ก็ยากที่จะเป็นที่รังเกียจของใคร ถูกไหม
สิ่งที่เราพูดคือเราควรบำเพ็ญอย่างไร เราบำเพ็ญเพื่ออะไร ก็เพื่อตัวเราเอง เพราะเมื่อทุกคนดี สังคมย่อมมีสุข  เมื่อเราทำได้ดีแล้ว เราก็มีสุขใจ เมื่อเรามีสุขใจยิ้มกับใครก็ยิ้มได้เต็มที่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ปัจจุบันนี้มนุษย์เรามักห่วงแต่ตัวเอง จนลืมห่วงคนอื่นๆ เพราะห่วงตัวเองมากเกินไปจนทำให้เราไม่เป็นที่รักของใครๆ  ลองหยุดห่วงตัวเองนิดนึงแล้วไปห่วงผู้อื่นบ้าง เราจะได้รอยยิ้มที่เราไม่เคยได้ เราจะได้สุขที่เราไม่เคยได้สัมผัสเลย จริงหรือไม่ (จริง)
โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะ วัดไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต้องสังวรไว้อยู่เสมอก็คือสิ่งที่เรามีอาจจะไม่ใช่ของเราเสมอไป ตัวตนที่เรารักสักวันหนึ่งก็อาจจะไม่อยู่กับเราตลอดไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนต้องกล้าที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลง และกล้าที่จะเดินไปสู่ความดับสูญด้วยความเข้าใจ  เราอยากอธิบายเพิ่มเติมว่าทำอย่างไรเราถึงจะกล้าที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงและกล้าที่จะเดินไปสู่ความดับสูญด้วยหัวใจที่เข้มแข็งไม่หวั่นไหว  มนุษย์เราเมื่อชนะก็ลำพอง แพ้ก็ห่อเหี่ยว ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ยังไม่สามารถเอาชนะโลกใบนี้ได้  คนที่จะสามารถเอาธรรมมาชนะใจได้ ก็คือชนะก็ธรรมดา แพ้ก็เข้าใจ ใครดีมาเราก็ดีตอบ ใครร้ายมาเราก็ยังยิ้มตอบได้ คือเป็นคนที่มีจิตใจนิ่งไม่หวั่นไหวกับเรื่องที่มากระทบใดๆ เพราะรู้ว่าเป็นธรรมดาของชีวิตที่มีคนดีก็มีคนไม่ดี มีคนห่วงเราก็มีคนนินทา มีคนรักเราก็มีคนรังเกียจเรา เป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ และเป็นสิ่งที่เป็นความจริงที่เราจะต้องยืนอยู่บนนี้ให้ได้ มีคนชมก็มีคนด่า มีคนรักก็มีคนเกลียด  แล้วโลกนี้มีความจริงอะไรที่ทำให้เรายืนแล้วเอียง แอบร้องไห้ อย่างเช่นตัวเราเคยมีมือมีเท้า วันหนึ่งเท้าหายมือหาย รับไม่ได้ ทุกวันปกติดีแต่วันหนึ่งกลายเป็นคนพิการ คิดให้ดีๆ นะ ความเปลี่ยนแปลงไม่สามารถเปลี่ยนหัวใจเราได้ถ้าใจเราอดทนและเข้าใจและต่อสู้ให้เป็น ชีวิตนี้อยู่ที่ตัวเราเอง ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงหัวใจเราได้นอกจากตัวเราเอง ฉะนั้นอย่าให้อะไรมาสอบหัวใจเราเลย
เมื่อเราเจอปัญหาเราจะกล้ายอมรับหรือเราจะยังคงยึดมั่นถือมั่น ถ้ากล้ายอมรับเราก็ลดกิเลสอัตตาตัวตนได้เบาบางลง แต่ถ้าเมื่อมีปัญหา เรายึดมั่นถือมั่น ตัวฉันของฉัน ฉันเจ็บ ทำไมต้องว่าฉันเจ็บ กิเลสอัตตาก็ยังหนาแน่นเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ (ใช่)  กลับกันถ้าเกิดโดนว่าแล้วเรายอมรับ โดนตำหนิ เราขอบคุณ กิเลสอัตตาก็เบาบางลงใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเรามีชีวิตเพื่อสะสมอัตตาหรือเบาบางกิเลสอัตตาล่ะ (เบาบางกิเลสอัตตา)  เหมือนจิตใจ ถ้ามองไปฟ้าครึ้มๆ ดูแล้วสบายตาไหม (ไม่สบายตา)  แต่ถ้าจิตใจเรามองไป ฟ้าโล่ง มองแล้วใจเราก็โปร่งถูกไหม (ถูก)  ถ้ามัวแต่ยึดมั่นถือมั่น ทำไมต้องว่าฉันแบบนี้ ทำไมต้องพูดแบบนี้ ทำไมพูดดีๆ กว่านี้ไม่ได้ หัวใจมันมืดบอดไหม (มืด)  มองใครก็รู้สึกเบื่อ รำคาญ อยากให้ไปไกลๆ พออยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงาจังเลย พออยู่เยอะๆ ก็รู้สึกรำคาญจริงๆ เอาอย่างไรกันแน่ ถูกไหม (ถูก)
ฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่ใจเรา ถามให้ดีๆว่าบำเพ็ญเพื่ออะไรกันแน่ บำเพ็ญเพื่อโปร่งเบาแต่ไม่ใช่เบาจนไม่ยึดอะไรเลย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ห้องๆ นี้จะมีประโยชน์ได้เพราะมีกรอบ ใจก็เหมือนกันจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีสิ่งที่เป็นความจริง มีกฎระเบียบในจิตใจและยังเหลือไว้รองรับความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาจิตใจด้วย
คนรู้รู้ไม่จริงปลงไม่ลง    คนมั่นคงแต่เพียงอยู่ใช่บำเพ็ญ
ไม่ใช่ว่าอยู่ในห้องพระบ่อยๆ แล้วเรียกว่าบำเพ็ญธรรม การบำเพ็ญธรรมยังต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงหัวใจให้ดีด้วย ไม่ใช่ว่าบำเพ็ญธรรมแล้วกลายเป็นคนหัวดื้อหัวแข็ง อย่าลืมนะว่านิ่มห่อหุ้มความแข็ง ไม่ใช่แข็งห่อหุ้มความนิ่ม ถูกหรือไม่ (ถูก)  ต้องอดทน พูดสิบรอบก็ต้องอดทน  วันนี้เราทำให้ท่านเสียเวลามาเยอะแล้ว เสียไหม (ไม่เสีย)  อย่างนั้นก็ลองเอาสิ่งที่เราพูดไปพินิจพิจารณา อันนี้ไม่ใช่ของจริง สิ่งที่จริงก็คือคำพูดที่เราฝากทิ้งไว้กับท่าน
ฉะนั้นอยู่บนโลกนี้จงเลือกแต่สิ่งที่จริงและมีประโยชน์เอาไปใช้ เรื่องที่ไม่จริง ไม่มีประโยชน์เก็บทิ้งไป  มานี่ไม่ใช่ให้ยึดติดเรื่องนี้ แต่มาเพื่อเป็นประจักษ์หลักฐานว่า มนุษย์สามารถยืนอยู่บนโลกนี้อย่างเข้าใจถ่องแท้ และค้นหาความถูกต้องได้ด้วยตัวของเราเองได้ ค้นหาทางที่ดีงามและหลุดพ้นได้ด้วยการยืนอยู่บนความเป็นจริงและมีกรอบที่ดีงาม แล้วชีวิตก็จะมีอิสระ อย่าตามใจตัวจนลืมความจริงและกรอบแห่งสังคม วันนี้แค่นี้ล่ะนะ สุขหรือทุกข์อยู่ที่ตัวท่านสร้าง ฉะนั้นอยากให้ทุกข์หมดไปก็ต้องรู้จักเข้าใจชีวิตให้ถ่องแท้ อย่าเป็นคนบำเพ็ญแต่เปลือกนอก แต่หัวใจไม่สามารถเป็นผู้บำเพ็ญได้อย่างแท้จริง อย่าเป็นคนที่เข้าใจแต่เข้าใจแกนๆ ไม่พัฒนาไปสู่ความเห็นที่แจ้งจริง เราพูดไปจนมากมายแล้ว ถามว่าเข้าใจสิ่งที่เราพูดไหม ถ้าวันนี้เรามาแล้วทำให้ท่านยิ่งเหนื่อย ยิ่งเพลีย ศิษย์พี่ก็ขอโทษด้วยนะ มุ่งหวังแต่เพียงอย่างเดียวก็คือ ให้ศิษย์น้องเข้าใจถึงหลักสัจธรรมความเป็นจริงแห่งชีวิตในตนเอง และให้เข้าใจคุณค่าในตนเองที่ตัวเองสามารถสร้างและมีได้  สามารถที่จะยืนอยู่บนความจริงและไม่ลืมกฎระเบียบของสังคมในความเป็นคน ถ้าทำได้เช่นนี้ก็ไม่ยากที่จะเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ รู้จักคำนึงถึงอกเขาอกเรา รู้จักรับฟังและยอมรับคนอื่นให้มากๆ เช่นนี้ก็ไม่ยากจะเป็นคนดี ไปแล้วนะ รีบๆ กลับมาอย่าหลงไปไกลนะ
(ศิษย์พี่นาจาเมตตาส่งเสริมผู้ปฏิบัติงานธรรม)
การบำเพ็ญไม่ใช่ว่างจนโล่งแอ๊บแบ๊วไม่รู้อะไรเลยไม่ได้นะ บำเพ็ญธรรมก็คือยังมีสิ่งที่รู้และอีกครึ่งหนึ่งรองรับความไม่รู้ของจิตใจ ใช่หรือไม่


วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐    สถานธรรมฮุ่ยอวี้  จ.ขอนแก่น
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

    รู้สึกตัวเป็นพักพักหนอศิษย์รัก    รู้สึกตัวหนักหนักกันหรือไม่
ครึ่งหลับและครึ่งตื่นนั้นคือใจ    ยังคุ้มดีคุ้มร้ายหนอศิษย์เรา
        เราคือ
    จี้กง อาจารย์เจ้า    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่สถานธรรมชั่วคราว   แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว        ถามศิษย์รักทุกคนจะออกหัวหรือก้อย

    พูดไม่เป็นพูดไม่ดีพูดไม่รู้เรื่อง    ทั้งสามเรื่องให้ระวังตัวให้มาก
คิดก่อนพูดดูให้ดีก่อนทำนัก    ศิษย์รู้จักตัวเองหน่อยค่อยเบาใจ
ศิษย์อย่าดุพูดและทำต้องละเอียด    ทุกกระเบียดแม้แววตาก็ต้องใส
คิดสะอาดไม่ปิดกั้นความจริงแต่อย่างใด    ความเข้าใจก็คือรู้ตรงกัน
กายชั่วคราวให้กำเนิดพระพุทธะ    ศิษย์ชำระกายใจอย่างสร้างสรรค์
เข้มงวดตนยามความทุกข์แข่งประชัน    จงกวดขันความประพฤติทั้งนอกใน
เหตุผลนั้นอาจมิใช่สิ่งจำเป็น    ความใจเย็นสำคัญกว่าสิ่งไหนไหน
สงบง่ายพูดและทำไม่ร้อนไป    ศิษย์เย็นได้รอบข้างก็เย็นเช่นกัน
            ฮา  ฮา   หยุด

พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ตอนนี้ศิษย์ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ ศิษย์บอกว่ามนุษย์และกิเลสเป็นของคู่กัน ตอนนี้เราก็เลยอยู่กับกิเลสใช่หรือไม่ (ใช่)  ความอยากได้และความอยากมีคือเป้าหมายของชีวิต อยากจะมีบ้าน อยากจะมีรถ อยากจะมีลูกดีๆ อยากจะมีสามีดีๆ อยากจะมีแต่เรื่องดีๆ แล้วอยากจะถูกหวยทุกครั้งที่ซื้อ จริงหรือเปล่า (จริง)  ถามว่าเป็นไปอย่างนั้นไหม ชีวิตก็ไม่ยอมเป็นอย่างนั้นสักทีใช่หรือไม่ (ใช่)
ในเมื่อเราเป็นมนุษย์ กิเลสเป็นของคู่กับเรา แต่หลังจากที่เราหมดลมหายใจ เราไม่รู้ว่าเราจะไปเป็นอะไรต่อ จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นการเดินทางชีวิตครั้งนี้ต้องมีเป้าหมาย ในเมื่อเราไม่สามารถเป็นมนุษย์ไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย เราต้องไปเป็นอย่างอื่น แล้วเราเป็นอะไรดีล่ะ เป็นสิ่งที่แย่กว่าที่มนุษย์เป็น หรือเป็นสิ่งที่ดีกว่ามนุษย์เป็น (เป็นสิ่งที่ดีกว่ามนุษย์เป็น)
อยากเป็นสิ่งที่ดีกว่ามนุษย์เป็น การเดินทางของเราครั้งนี้จึงต้องมีเป้าหมาย จริงหรือไม่ (จริง)  เราจะเป็นมนุษย์เดินไปตกคูตกได้ไหม (ไม่ได้)  เราต้องมีเป้าหมายให้ชีวิต เราต้องเดินไปให้ถึงเป้าหมาย  สมมติว่าอาจารย์ตั้งเป้าหมายของศิษย์ว่าหลังจากสิ้นจากกายมนุษย์นี้แล้วให้เป็นพุทธะ ตอนนี้ต้องวางแผนการเดินหรือยัง ต้องเริ่มคิด ต้องเริ่มเดินแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจึงจะสามารถเป็นในสิ่งที่ดีกว่าในปัจจุบันนี้
การบำเพ็ญธรรมไม่เหมือนการเสี่ยงดวง ไม่เหมือนการเล่นการพนัน ไม่ใช่การเล่นหวย ไม่มีการบอกใบ้ แต่การบำเพ็ญธรรมคือการวางแผนในการเดินทางยาวไกล
สิ่งที่ควบคุมยากที่สุดในมนุษย์คืออะไร (จิตใจ)  ไหนใครเห็นด้วยว่าเป็นจิตใจยกมือขึ้น บังคับใจลูกยากไหม (ยาก)  บังคับใจตัวเองกับบังคับใจลูกอันไหนยากกว่ากัน (บังคับใจตัวเอง)  บังคับใจตัวเราเองยากกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราบังคับใจตัวเองได้เราจะบังคับใจลูกได้หรือเปล่า (ไม่ได้)  ชีวิตใครก็ของใครของมัน ไม่ได้สามารถบังคับกันได้
เวลาที่เรานั้นอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือที่ไหนๆ เราบังคับใจใครไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราบังคับใจเขาไม่ได้ เขาทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เรามีสิทธิ์ผิดใจกับเขาไหม การที่เราไม่ถูกใจคนอื่น จริงๆ แล้วอะไรไม่ถูกที่สุด สิ่งที่เขาทำหรือใจของเราเอง (ใจเราเอง)  เวลาเรารู้สึกไม่ถูกใจลูก ไม่ถูกใจสามี ไม่ถูกใจเพื่อนบ้าน อะไรไม่ถูกที่สุด ใจของเราเองไม่ถูกที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะเราคาดหวัง เพราะเราคิดแทน เพราะเราตั้งอกตั้งใจที่จะบังคับคนอื่น ชีวิตมันก็เลยมีทุกข์จริงหรือเปล่า (จริง)  ถ้าหากว่าลดน้อยถอยลงด้วยการที่หันมาดูจิตใจของตัวเองมากขึ้น วันนี้กลับไปบ้าน ยืนอยู่หน้ากระจกให้ส่องอะไร  ส่องกระจกไม่ใช่ส่องแค่หน้า แต่ต้องส่องที่ใจด้วย วันหนึ่งส่องกระจกวันละกี่รอบ (หลายรอบ) วันนี้กลับไปส่องกระจกแล้วต้องมองเห็นไม่ใช่แค่เพียงริ้วรอยบนใบหน้า  การส่องกระจกมากแปลว่าศิษย์นั้นเริ่มเอาใจใส่แต่ตัวเองมากเกินไปแล้วไม่สนใจคนอื่น ใช่หรือเปล่า (ใช่)
การส่องกระจกหมายถึงการสะท้อนถึงการที่เราคิดแต่เรื่องของตัวเองมากเกินไป  ฉะนั้นคนที่อายุมากขึ้นส่องกระจกน้อยลงไหม (น้อยลง) แต่ถ้ายังเป็นเด็กก็จะส่องกระจกมากอยู่  ถ้าใครยังส่องกระจกมากอยู่อาจารย์ขอให้ทุกครั้งที่ส่องกระจกไม่ใช่ส่องเพียงหน้าตาเท่านั้น แต่ขอให้ส่องดูจิตใจด้วย  หากมาส่องกระจกตอนที่หลังจากทะเลาะกับใครใหม่ๆ ขอให้ส่องให้เห็นถึงจิตใจของเราว่าเราทะเลาะกับเขาเรื่องอะไร แล้วเราผิดไหม  
ทุกๆ เรื่องของชีวิต คนผิดไม่ได้มีอยู่เพียงคนเดียว ตบมือข้างเดียวดังไหม (ไม่ดัง)  สมมติว่าคนอื่นพูดจาไม่มีเหตุผล พูดไม่รู้เรื่อง เราไม่ได้ทำอะไรเลยแค่เสียงดังเพียงนิดหน่อยแค่นั้นเอง แต่เราพูดจารู้เรื่องมีเหตุผล ถามว่าเราผิดไหม (ผิด) เราก็ผิดตรงที่เราเสียงดังใช่หรือไม่ (ใช่)
โดยมารยาทแล้วการที่เราจะพูดกับใครควรจะพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลไพเราะไม่หยาบคาย และพูดรู้จักกาลเทศะ แต่หากว่าเรานั้นพูดจาเสียงดัง เราไม่ได้โกรธ แต่เขาเสียงดังเราเลยต้องเสียงดังกว่า ถามว่าการเสียงดังของเรามีผลอย่างไรบ้าง  ถึงแม้ว่าเราเสียงดังกว่า สิ่งที่เราพูดมีเหตุผลมากกว่า แต่เสียงที่ดังนี้ทำให้คนฟังไม่รู้เรื่อง เขารู้สึกว่าเราพูดไม่รู้เรื่อง เขาถึงต้องเสียงดังกว่ากลับมา
ในการที่คุยกันหรือทะเลาะกันหนึ่งเรื่อง เหตุผลมีประโยชน์ไหม เหตุผลไม่มีประโยชน์ตอนคนโมโห ถึงแม้เราจะให้เหตุผลมากเท่าไหร่ แต่ถ้าเราใช้เสียงที่ดังมากเกินไปก็ย่อมทำให้คนที่ฟังนั้นฟังไม่รู้เรื่อง  ที่สำคัญเสียงดังกระแทกอารมณ์ แล้วอารมณ์ก็อยู่ที่ใจ  เพราะฉะนั้นการที่เราจะควบคุมเรื่องราวได้ต้องควบคุมอะไร (จิตใจ)  ผิดก่อนแล้วถูกทีหลังได้ไหม (ได้)
ทะเลาะกันแล้วทะเลาะกับคนข้างบ้านแล้วเค้าลือไป ๓ วัน เหม็นไป ๕ บ้านว่าเราผิด ยอมได้ไหม ส่วนใหญ่แล้วไม่ยอมใช่ไหม (ใช่)  ไปผ่าหัวใจเค้ามาแล้วเอาคำว่าถูกใส่เข้าไปได้ไหม (ไม่ได้)  ยอมผิดซัก ๓ วันยอมโดนลือไปเนี่ยไม่เป็นไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยิ่งเหม็นก่อนก็ยิ่งหอมทีหลัง นอกจากคนจะบอกว่าเราอดกลั้นได้แล้วคนยังชื่นชมเราอีกมากมายใช่หรือไม่ (ใช่)  
แต่การทำความดีทั้งนี้ทั้งนั้นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้หวังผล เมื่อหวังว่าจะมีผล ผลที่ได้มาก็จะเปลี่ยนเป็นอะไร เป็นกึ่งดีกึ่งร้าย อาจารย์พูดมาตั้งเยอะเนี่ยหมายถึงให้ดูที่ไหน (จิตใจ)  ทุกคนมีใจหรือเปล่า (มี)  มีกายหรือเปล่า (มี)  พูดได้ไหม (ได้)  ฟังได้ไหม (ได้)  หัวเราะเป็นหรือเปล่า (เป็น) ยิ้มเป็นหรือเปล่า (เป็น)  ร้องไห้เป็นหรือเปล่า (เป็น)  นี่คือคุณสมบัติพิเศษของมนุษย์ นี่คือมนุษย์และนี่คือสิ่งที่พิเศษของมนุษย์ เพียงแต่มนุษย์นั้นมักจะหัวเราะในคราวที่ไม่ควรหัวเราะกลายเป็นหัวเราะตอกย้ำสมน้ำหน้าคนอื่น ร้องไห้ในเวลาที่ควรจะเข้มแข็งที่สุด ฟังในสิ่งที่ไม่ควรฟัง มองในสิ่งที่ไม่ควรมอง คิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด ทำตัวไม่ตรงกับกาลเทศะไม่เหมาะสมกับเวลา ฉะนั้นคนจึงยังมีความทุกข์มากมาย มากมายและมากมายขึ้นเรื่อยๆ โดยยังไม่เห็นบันไดทางลงเลย
อยากลงจากความทุกข์หรือยัง (อยาก)  อาจารย์จะชี้บันไดลงให้ การจะลงจากความทุกข์ได้ต้องยอมเป็น ยอมได้ไหม (ได้)  การจะลงจากความทุกข์ได้ต้องทนเป็น ทนได้ไหม (ได้)  ลงจากความทุกข์ได้ต้องรู้จักเสียสละบ้าง เสียสละได้ไหม (ได้)  การจะลงจากความทุกข์ได้ต้องรู้จักให้ผู้อื่นมีสุขมากกว่าเราสุข ทำได้ไหม (ได้)  ให้คนอื่นมีสุขแต่เราหมดทุกข์ได้ไม่ได้ (ได้)  พูดว่าได้ทำได้หรือเปล่า
มนุษย์นี่ประหลาดในตอนนี้ที่พูดถามว่าทำได้ไหม ทำได้ทำได้ทุกอย่าง ตอนเจอเหตุการณ์จริงแล้วเป็นยังไง มันไม่ได้ มันไม่ไหวจริงๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เริ่มต้นก็ไม่ไหวแล้วเดี๋ยวพอกลางเรื่องมันจะไหวหรือเปล่า แล้วตอนจบก็จบด้วยอะไร จบด้วยทุกข์เหมือนเดิม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทนไม่ไหวยอมไม่ได้ทนไม่เป็นแล้วจะหมดทุกข์ได้อย่างไร
อยากหมดทุกข์ไหมอยาก (อยาก)  อยากหมดทุกข์หรือเปล่า (อยาก)  อยากทุกข์น้อยกว่านี้อีกหน่อยไหม (อยาก)  อย่างนั้นต้องยอมด้วย ต้องเสียสละด้วย ต้องคิดเป็นด้วย ต้องทนได้ด้วย แต่ถ้าหากว่าจำหมดนี่ไม่ได้ อาจารย์ให้แค่สองคำพอ ทำอะไร (ทำใจ)  ทำได้ไหม (ได้)  ลูกไม่ยอมทำให้ได้ไหม สามีก็ใช้เงินเก่งเหลือเกินทำใจได้ไหม ภรรยาแสนงอนเหลือเกินทำใจได้ไหม (ไม่ได้)  จึงพูดว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่คู่กับกิเลส ใช่หรือไม่ (ใช่)  เรื่องของตัวเองแท้ๆ ยังเสียสละไม่ได้ แล้วจะไปช่วยคนอื่นได้อย่างไร จริงหรือไม่ (จริง)  ช่วยผู้อื่นตอนว่างๆ เหรอ ว่างตอนไหนล่ะ ตัวเองยังไม่ว่างเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  วันๆ ไม่มีเวลาว่างเลย เข้าโรงพยาบาลเท่านั้นถึงว่าง จริงหรือเปล่า (จริง)  ไม่มีเวลาว่างเลย เพื่อตัวเองไม่ว่างเลย
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นนั่งลงให้พร้อมกันหลังจากที่หัวหน้าชั้นตอบคำถาม)
เวลาที่มีคนเขาพูดบอกว่าเราไม่พร้อม เราก็ต้องมองว่าเราไม่พร้อมจริงๆ หรือเปล่า เพราะว่าเราเป็นหมู่คณะใหญ่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความไม่พร้อมเกิดขึ้นในหมู่คณะเป็นเรื่องอะไร (เป็นเรื่องธรรมดา)  ไม่ใช่เป็น “เรื่องธรรมดา” แต่เป็น “เรื่องปกติ” ถ้ามองว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้ ทุกอย่างก็คือความธรรมดาหมด ตัวเองก็ธรรมดาด้วย จริงหรือเปล่า (จริง)  แต่ถ้ามองว่าเป็นปกติย่อมสามารถที่จะปรับปรุงได้ ขัดเกลาได้ เมื่อคนอื่นบอกว่าเราไม่พร้อม ไม่ใช่โกรธ หรือจ้องหาโอกาสแก้แค้นเขากลับ เรายังจำเป็นที่จะต้องมองผู้อื่นด้วยสายตาที่เที่ยงธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)
การแก้แค้นนั้นมีอยู่ทุกวันๆ ในชีวิตของศิษย์เลย ยิ่งคนใกล้ตัวยิ่งแก้แค้นบ่อยเลยจริงไหม (จริง)  คนใกล้ตัวแก้แค้นเขาบ่อยเหลือเกิน ไม่รู้แค้นอะไรกันนักกันหนา ส่วนคนไกลตัวกลับชมเขาว่าดีๆ จริงหรือเปล่า (จริง)  เขามาให้ชมบ่อยไหม (ไม่บ่อย)  นานๆ ชมเขาทีชมเขาซะหวานเจี๊ยบเลย จริงหรือเปล่า (จริง)  แต่คนใกล้ตัวอยากจะให้ชมจะแย่ เราไม่ยอมชมเขาเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เห็นเขารอจนเหงือกแห้งแล้วนะ เราก็ยังไม่ชมเขา ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ถามว่าเราอยากได้คำชมไหม (อยาก)  เราอยากให้คนใกล้ตัวเราชมไหม (อยาก)  อยากได้คำชมจากสามี อยากได้คำชมจากลูก อยากได้คำพูดดีๆ จากพ่อแม่ไหม (อยาก)  แต่เราก็ไม่เคยชมใคร เพราะฉะนั้นเราก็ยังไม่ได้รับคำชมจริงหรือไม่ (จริง)
ถ้าเราชมใครแล้ว แล้วเขายังพูดไม่ดีกับเราอยู่ เราคิดว่าอย่างไรดี เราอย่าไปคิดว่าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดดีกันไปเลยก็แล้วกัน คิดอย่างนี้ได้ไหม (ไม่ได้)  ชีวิตครอบครัวเป็นชีวิตที่สำคัญมาก จริงหรือไม่ (จริง)  เรามักจะทนครอบครัวเราไม่ได้ที่สุด จริงหรือเปล่า (จริง)  คนในครอบครัวเราเนี่ยเหลือทนทั้งนั้นเลย ไม่อยากจะทนแล้ว แต่ว่าต้องทนอยู่ดี เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักควบคุมใจของเรา ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของเรา ต้องรู้จักควบคุมคำพูดของเรา อย่าด่าเขา อย่าว่าเขา อย่าพูดด่าโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นนิสัยปกติอย่างนี้ไม่เอา ให้พูดแต่สิ่งที่ดีๆ พูดแต่สิ่งที่ดีให้กัน ให้โชคลาภวาสนาอบอวลอยู่ในบ้าน
ถ้าเราด่าเขาถามว่า ถ้าเผอิญมีเทพผ่านมาที่บ้านนี้ เวลาที่คนด่ากัน เทพองค์ไหนผ่านมาท่านก็คงไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้น ไม่อยากจะฟัง ไม่อยากจะอวยพร รีบกลับไปเลย จริงหรือเปล่า (จริง)
เหมือนกันศิษย์อาจารย์ก็เป็นเทพองค์น้อยๆ ในโลกใบนี้ เทพคือความศักดิ์สิทธิ์  คือสิ่งที่มีพรมากมายอยู่ในหัวใจ พร้อมที่จะมอบให้มนุษย์  ศิษย์จงเป็นเทพตัวน้อยๆ อยู่ที่ไหนก็พูดแต่สิ่งที่ดีๆ ทำแต่สิ่งที่ดีๆ อย่าพูดดีแต่ชักสีหน้า ขอให้เราคิดและพูดในสิ่งที่ดีๆ
อย่ามีความคิดประเภทที่ว่าปิดบังความจริง เช่นสามีดื่มเหล้าอยู่แล้ว ภรรยาเล่นไพ่เล่นหวยอยู่แล้ว ต่างคนต่างขี้เกียจ แต่เรามีความคิดที่ปิดบังความจริง เราก็คิดว่าทุกๆ อย่างก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว
บ้านนี้เป็นบ้านที่สงบสุขหรือไม่ บ้านเป็นที่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของศิษย์ ศิษย์กินนอนอยู่ในนั้น ทำทุกอย่างร่วมกันอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นจงทำบ้านของตัวเองให้เป็นสวรรค์ดีหรือไม่ (ดี)  แม้ว่าเราจะยังไม่ได้ตายไปขึ้นสวรรค์ แต่เราก็มีสวรรค์ที่บ้านเราดีหรือเปล่า (ดี)  แล้วตัวเราเองก็เหมือนเทพตัวน้อยๆ ที่พูดดีคิดดีแล้วทำดี เราก็เป็นเทพที่มีวิมานของตัวเอง ถ้าทำอย่างนี้ได้ถือว่าเราประสบความสำเร็จ
การถูกบ่นถูกว่าจากคนที่เป็นญาติพี่น้อง สามีภรรยา พ่อแม่ จากคนรอบตัวเป็นเรื่องปกติไหม (ปกติ) เพราะว่าเขาหวังดีจึงบ่น ทุกวันนี้เวลาบ่นใครเพราะหวังดี หรืออยากจะบ่นไปอย่างนั้นๆ
เวลาที่เราบ่นคนอื่นหมายความว่าเรามีความรักและความหวังดีต่อคนๆ นั้น แต่ยากแท้ที่จะทำให้ใครคนนั้นเข้าใจเราได้อย่างแท้จริง  ฉะนั้นก่อนที่จะให้คนอื่นมาเข้าใจเรา เราต้องหัดเข้าใจผู้อื่นก่อน ก็คือการที่เรารู้จักเอาตัวเราอัตตาเราให้มันหดเล็กลง ทำใจของเราให้มันเล็กลง จะได้มีเนื้อที่ในการใส่กิเลสใส่ความรู้สึกลงไปน้อยๆ  เมื่อใส่ลงไปน้อยๆ แทบจะไม่รู้สึกอะไรเราก็ย่อมที่จะมีความทุกข์จากความคิดหรือความรู้สึกน้อยลงจริงหรือไม่ (จริง)
ความทุกข์เกิดจากความคิดของคนเท่านั้น ถ้าหากว่าดับความคิดได้ก็ดับความทุกข์ได้  ถ้าดับอารมณ์ดับความรู้สึกดับตัวตนได้ เราก็จะมีความทุกข์น้อยลงตามลำดับ
ฉะนั้นความคิดของคนอันตรายมากเพราะว่าคิดแล้วก็ไปทำ หากว่าเราคิดแล้ว เราไม่ทำได้ไหม สมมติว่ามีสองครอบครัว แล้วภรรยาของทั้งคู่ ไม่ชอบใจกัน แล้วแทนที่ภรรยาบ้านนี้จะแก้แค้นด้วยการเดินไปแล้วตบเค้าเลย ไม่ทำอย่างนั้น ภรรยาบ้านแรกเดินไปบ้านของภรรยาบ้านที่สอง แล้วบอกสามีเค้า บอกว่า เนี่ยเห็นภรรยาบ้านที่สองไปซื้อทองมาใส่ พอดีบ้านนี้ขัดสนเงินทองอยู่แล้ว จึงเกิดความรู้สึกว่าภรรยาใช้เงินไร้สาระเหลือเกิน ถามว่าภรรยาบ้านนี้ที่โดนใส่ความ ถูกทำให้ทุกข์ไหม (ทุกข์)  ภรรยาบ้านนี้ต้องถูกทำให้ทุกข์แน่ๆ ด้วยการที่โดนสามีด่าว่าตลอดทั้งวันทั้งคืน กว่าจะคุยกันรู้เรื่องอาจจะใช้เวลาไปครึ่งเดือนก็ได้ ใช่ไหม (ใช่)  เพราะว่ามนุษย์ทะเลาะกันเรื่องเงินทองเป็นอย่างมากจริงหรือเปล่า (จริง)  เพราะฉะนั้นเงินทองเป็นเรื่องที่สำคัญหรือเปล่า (สำคัญ)  เงินทองเป็นเรื่องสำคัญ คือ ต้องรับให้ชัดเจน ออกให้ชัดเจน รับให้เปิดเผย ออกให้เปิดเผย เงินทองนั้นมีความสำคัญก็จริงอยู่ แต่เงินทองก็เป็นเพียงวัตถุ รูปภายนอกที่คนบำเพ็ญแล้วไม่ควรจะเห็นเงินทองเป็นเจ้าชีวิตของตน
ความเข้าใจก็คือรู้ตรงกัน
เวลาที่ศิษย์ของอาจารย์ดูละคร ในตอนเริ่มๆ ของละคร ใครเป็นตัวร้ายใครเป็นตัวดีก็ยังดูไม่ออก จริงหรือไม่ (จริง)  ในขณะที่เราเพิ่งดูละคร เราต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราเห็น แต่ละครนั้นดูง่ายกว่าชีวิตคน ชีวิตคนบางทีบางคำพูดเราฟังเหมือนกัน เราเห็นเหมือนกัน แต่เราเข้าใจไม่เหมือนกัน จริงหรือไม่ (จริง)
หลายๆ ครั้งเรื่องเดียวกันแท้ๆ คนพูดก็คนเดียวกันแท้ๆ ฟังตอนนั้นเหมือนกัน อีกคนคิดอย่าง อีกคนคิดไปอีกอย่าง จริงหรือไม่ (จริง)  เพราะฉะนั้นความเข้าใจ การเข้าใจซึ่งกันและกัน หรือการเข้าใจในเนื้อหาสาระไม่ใช่การฟังพร้อมกัน ไม่ใช่การดูและเห็นพร้อมกัน แต่เป็นความรู้ที่ต้องตรงกัน เป็นการรับรู้ที่ต้องตรงกัน ฉะนั้นบางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ในความเป็นจริงบางทีเราอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แล้วเมื่อไหร่เราจะมองว่าตัวเองผิดล่ะ มีไหม
การจะเข้าใจเห็นว่าตัวเองผิดได้นั้น จำเป็นที่จะต้องใจเย็นกว่านี้ ทุกคนเป็นคนใจร้อน จริงหรือไม่ (จริง)  เป็นคนใจร้อนแต่หน้าตาไม่ได้บ่งบอกเลย จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นการใจเย็นสามารถทำให้ชีวิตของเราสงบขึ้น สามารถที่เราพูดและทำในสิ่งที่ง่ายมากขึ้น ใจเย็นดีกว่าเหตุผลอีก  เพราะว่าคนมีเหตุผลอาจจะยังทะเลาะกัน แต่ความใจเย็นทำให้คนไม่ทะเลาะกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นต้องฝึกตัวเองให้เป็นคนที่ใจเย็นมากๆ
ใจเย็นมีข้อเสียไหม (ไม่มี)  คนที่ฉลาดอาจจะตอบว่ามีเหมือนกัน แต่วันนี้อาจารย์ไม่ได้สอนคนที่ฉลาด อาจารย์สอนคนธรรมดา การที่บำเพ็ญธรรมต้องฉลาดหรือเปล่า คนฉลาดมักสร้างปัญหาปวดหัวให้กับคนที่ไม่ค่อยคิดอะไร คิดอะไรซับซ้อนไปหมด คนอื่นไม่คิด  แต่ว่าในยามฉุกเฉินก็จำเป็นต้องใช้คนฉลาดใช้คนคิดมากสักหน่อย  ฉะนั้นทุกๆ คนย่อมมีประโยชน์ของตัวเอง ในบางเวลาอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ความฉลาด ในบางเวลาอาจจำเป็นต้องใช้ความเรียบง่าย ในบางเวลาต้องการความเรียบง่าย
แต่อาจารย์อยากเตือน ฉลาดมากเด่นมากร่วงเร็ว ฉะนั้นทุกคนควรที่จะมีหลายแง่มุมในตัวเอง ทุกๆ แง่มุมต้องประกอบด้วยความดีเป็นที่ตั้ง ต้องรู้จักที่จะมองหน้าคนอื่น เกรงใจและรู้จักที่จะคิดให้ประโยชน์แก่คนอื่นบ้าง อย่างนี้คนฉลาดจึงไม่ดูเกินไป ใช่หรือเปล่า (ใช่)
คนเคยทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลาพอให้มานั่งก็เบื่อ ใช่หรือเปล่า จริงๆ แล้วศิษย์ของอาจารย์ไม่เคยหยุดนิ่งเลย เมื่อกายไม่หยุดนิ่ง ใจก็ไม่หยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นการนั่งนิ่งๆ ดีหรือเปล่า (ดี)
การนั่งนิ่งๆ มีข้อดี แต่บางคนชอบนั่งนิ่ง นั่งเฉยๆ นั่งขี้เกียจไม่อยากขยับตัวก็มี ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นต้องเดินทางสายกลางหน่อย ถึงเวลาทำงานก็ทำเยอะๆ ถึงเวลาต้องหยุดก็ลองสงบใจนิ่งๆ มาทบทวนตัวเองบ้าง ดีหรือเปล่า (ดี)
คนบำเพ็ญที่ขาดการทบทวนตัวเองนั้นจะไม่สามารถเจริญก้าวหน้าในการบำเพ็ญได้เลย เพราะว่าไม่ชอบให้คนอื่นว่า ตัวเองก็ไม่ว่าตัวเองด้วย เพราะฉะนั้นการที่โดนคนอื่นว่าถือว่าเป็นโชคหรือเปล่า โชคอะไร (โชคดี)  เป็นโชคดี เพราะฉะนั้นเวลาคนอื่นว่าอย่าโมโหดีไหม (ดี)  เวลาโดนคนอื่นว่าต้องอะไร (ยิ้ม)  ยิ้มไม่พอต้องมีอีกอย่างหนึ่ง (ขอบคุณ)  ต้องขอบคุณด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาเขาว่ามา ถ้าเขาพูดไม่ถูกล่ะ แถมพูดไม่ถูกหูอีกต่างหาก ขอบคุณไหม (ขอบคุณ)  ทำได้ก็จะได้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำไม่ได้ก็เป็นคน แล้วก็ถูกคนมาว่าอย่างนี้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
อาจารย์จะบอกให้ ศิษย์อาจารย์ที่หัวแข็งดื้อ อาจารย์หาวิธีปราบศิษย์เรียบร้อยแล้ว รู้ตัวไหม อาจารย์จะบอกให้ก็ได้ อาจารย์จะส่งคนที่เหมือนศิษย์มาปราบศิษย์ ดื้อเจออะไร (เจอดื้อ)  ดื้อเจอดื้อกว่า แข็งเจอแข็งกว่า เก่งเจอเก่งกว่า ดูซิว่าใครจะไม่ปวดหัวบ้าง ปกติแค่อยู่คนละฟากไปปวดคนละที่ ตอนนี้ก็จับมาใกล้ๆ กัน ป่วนถึงที่ ตอนนี้ถ้าหากถูกใครป่วนอยู่ก็พิจารณาว่าเขาเหมือนเราหรือเปล่า ถ้าเขาเหมือนเราแล้วเราไม่แก้ อาจารย์ก็จะให้เขาป่วนอยู่อย่างนั้นแหละ ดีไม่ดี (ดี)
เจอคนที่เหมือนเราให้ย้อนมองส่องตน เราปวดหัวเพราะเขา เขาก็ปวดหัวเพราะเราเหมือนกันแหละ อาจารย์ก็ปวดหัวศิษย์เหมือนกัน
บางทีเหมือนศิษย์จะมีเมตตาและใส่ใจผู้อื่นอยู่บ้าง มีความทุกข์ก็เพราะความเมตตาอยู่บ้างแต่ในความเป็นจริงแล้วในข้อที่แตกต่างกันคือ ศิษย์เมตตากับผู้อื่นยังเป็นเพื่อตัวเองอยู่ ฉะนั้นจึงไม่เรียกว่าเป็นเมตตาที่บริสุทธ์จึงยังไม่เป็นความเมตตา เป็นสิ่งที่ถูกแอบแฝงอยู่อย่างนั้น ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องฝึกให้เรานั้นมีใจที่เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ให้ออกไปแล้วไม่หวังผลจริงๆ ศิษย์จึงจะพบความสุขที่แท้จริง
ถ้าหากเรายังให้ผู้อื่นเพื่อตัวเองอยู่อย่างนี้ ก็ไม่เรียกว่าเป็นการให้ ก็ไม่เรียกว่าเป็นความเมตตา อย่าไปคิดถึงผลประโยชน์ที่เราจะได้มาเวลาที่เราให้คนอื่น ให้คือการให้ ไม่ใช่ให้แปลว่ารับ ใช่หรือไม่ (ใช่)
บางทีเราให้ไปยังถูกคนอื่นว่ากล่าวกลับมาอีก ให้คิดยังไงล่ะ เวลาให้ไปยังถูกว่ากลับมา บางคนก็คิดน้อยใจเสียใจ ท้อใจแล้วก็รู้สึกว่าถูกเขาโยนข้อสอบมาให้ อาจารย์จะบอกให้ คนอื่นเขาว่า แม้ว่าเราให้ เขายังว่าเรา เราจำเป็นที่จะต้องรีบๆ เลยนะ รีบๆ สำนึกแล้วจะได้ล้างกรรมออกไปบ้าง ไม่อย่างนั้นกรรมไม่ล้างเพราะว่าอะไร เค้าว่ามาเราก็ตัดพ้อกลับ น้อยใจกลับ เสียใจกลับ ใช่หรือไม่ (ใช่)  โวยวายหรือดิ้นรนในจิตใจอย่างนี้กรรมก็ไม่ได้ถูกล้างไป แต่หากว่าศิษย์สามารถที่จะอดทนในยามคนเขาว่า แล้วเรารีบๆ สำนึกเลย รีบๆ สำนึกตัวเราและรีบๆ ทำให้เราโดนว่านั้นกลายเป็นการล้างกันไปบ้างก็จะดี
ทำไมอาจารย์ถึงให้สำนึก ไม่ทำตัวเหมือนเขา เราจะไม่เป็นเหมือนเขาแล้ว ในเมื่อเราไม่ทำ สิ่งที่เหลืออยู่ก็เพียงกรรมเก่าแต่ไม่มีกรรมใหม่ อย่าไปเห็นคนไม่ดีแล้วเกิดความรู้สึกว่าเค้ายังได้ดี งั้นเราก็ทำตามแล้วเราก็กลายเป็นคนไม่ดี ไม่ว่าวันไหนก็เป็นคนดีไม่ได้ เพราะอะไร เห็นคนชั่วแล้วเย้ายวนอยากจะชั่วตาม ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฉะนั้นอย่าเอาตัวไปเปรียบเทียบซึ่งกันและกัน ใครดวงดีกว่า ใครดวงไม่ดี ใครได้ดีกว่า ใครถูกชมมากกว่า ใครถูกชมน้อยกว่า การบำเพ็ญของเราต้องมั่นคง บริสุทธ์ สะอาดและก้าวหน้าด้วยการย้อนมองตัวเอง  วันนี้ยังปวดหัวกับเรื่องอะไรอยู่ก็เพราะว่าเรายังติดค้างเรื่องอะไรอยู่
วันนี้ที่คนมากมายเช่นนี้ ถือว่าเป็นผลงาน เป็นการทำงานที่ร่วมมือร่วมใจ คนถึงได้มากมายขนาดนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อคนเยอะก็มีบรรยากาศธรรมมาก  ฉะนั้นถ้าเราชอบคนน้อยๆ อยู่น้อยๆ ปัญหาน้อยๆ ถามว่าตัวเรามีบรรยากาศธรรมหรือเปล่า (ไม่มี)  
เราชอบอยู่แบบสันโดษ สงบเงียบ ถ้าเงียบมากเกินไปจิตมันก็หลับ บอกว่าอยู่กับปัญหาแล้วเบื่อ แต่ถ้าไม่มีปัญหา ไม่เบื่อคนอื่นแต่เบื่ออะไร (เบื่อตัวเอง)  เวลานานๆ เข้ามาสถานธรรมทีก็เก้อๆ เขินๆ หลายเรื่องที่ตามไม่ทัน ถึงแม้ว่างานธรรมะจะมีเรื่องหลายเรื่องที่ตายตัว แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงตามคน ฟ้ายังตามคนแล้วศิษย์ของอาจารย์ตามอะไร ตามใจตัวเอง อย่างนี้รอดไม่รอด (ไม่รอด)
อาจารย์ไม่สามารถตามใจศิษย์ทุกคนได้ จึงหวังให้ศิษย์ทุกคนนั้นตามฟ้า เพื่อที่ฟ้าจะได้ตามคนเพียงหนึ่งกลุ่ม อาจารย์จะได้ไม่ต้องไปตามหาศิษย์ผู้ชอบวิเวก สันโดษ ปลีกตัว  ศิษย์เป็นคนเก่ง เก่งแล้วก็มาทำงาน หากศิษย์เป็นคนไม่เก่ง ศิษย์ก็เป็นลูกมือ เป็นลูกมือมากๆ ศิษย์ก็กลายเป็นคนเก่ง ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่กำเนิด งานธรรมะไม่มีทำมาตั้งแต่เกิด  จึงหวังว่าศิษย์ทุกๆ นั้นจะสามารถสำแดงความเก่ง อานุภาพและศักยภาพที่มีในตนเพื่อออกมาหนุนช่วยงานธรรม
เมื่อศิษย์หนุนช่วยงานธรรม ศิษย์ทำอยู่เสมอๆ ศิษย์ก็เปรียบเป็นดั่งพุทธะผู้ลงมาช่วยงานธรรมเช่นเดียวกัน  จงวางอนาคต ณ วันนี้ว่าอยากจะเป็นอะไร  ถ้าหากว่าอยากจะเป็นคนธรรมดา เวียนว่ายตายเกิด สุขทุกข์ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง ศิษย์ก็ทำตามใจตัวเอง
แต่หากว่าศิษย์อยากที่จะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด สามารถกำหนดจิตใจของตนเอง ไม่ถูกชะตามาครอบงำ ศิษย์ก็จงสร้างชะตากรรมใหม่บนชะตากรรมเก่าของศิษย์เอง
เส้นทางทางโลกและทางธรรมควบคู่กัน ไม่ใช่บอกว่าศิษย์ของอาจารย์ชะตากรรมเก่าเจ้าไม่ต้องเดิน ทุกคนยังต้องเดินบนชะตากรรมเส้นเก่า และยังจำเป็นที่จะต้องมีพลังใจในการเดินบนชะตากรรมเส้นใหม่ด้วย ด้วยการสร้างทางไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรยากเกิน ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นลุกขึ้นยืน – นั่งลง)
ลุกขึ้นยืน นั่งลง ลุกขึ้นยืน นั่งลง ยืนครึ่งนั่งครึ่งได้ไหม ยืนครึ่งนั่งครึ่ง ทำยากใช่หรือไม่ (ใช่)  จะยืนก็ยืน จะนั่งก็นั่ง เพราะฉะนั้นทำอะไรก็อย่าครึ่งๆ กลางๆ ดีหรือไม่ (ดี)  แล้วก็อย่าลักไก่ เห็นอาจารย์บอกลุก-นั่ง ลุก-นั่ง ก็เลยยืนค้างไว้เลยอย่างนี้ หรือนั่งค้างไว้เลยอย่างนี้ ถือว่าเป็นคนฉลาดหรือคนเจ้าเล่ห์ (เจ้าเล่ห์)  อย่างนี้เรียกว่าเจ้าเล่ห์ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉลาดและเจ้าเล่ห์ไม่เหมือนกัน เราเลือกเป็นคนฉลาดหรือเลือกเป็นคนเจ้าเล่ห์ (ฉลาด)  เราเลือกเป็นคนโง่หรือเลือกเป็นคนฉลาด (เป็นคนโง่)  คนฉลาดมีความทุกข์หรือความสุข (ความทุกข์)
ถ้าหากว่าศิษย์เป็นคนฉลาดทางโลก ศิษย์อาจจะมีความสุขเพราะว่าเป็นคนฉลาดจะได้เอาเปรียบผู้อื่นได้มาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ว่าเป็นคนฉลาดในการบำเพ็ญธรรมมันทุกข์ทรมานเหลือเกิน เพราะอะไร รู้ไปหมดแต่ห้ามเอาเปรียบคนอื่นนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทุกข์ไม่ทุกข์ (ทุกข์)  ฉะนั้นเป็นคนโง่ดีกว่า ใช่หรือเปล่า (ใช่)
เอาแค่ฟังสิ่งใดแล้วเข้าใจปฏิบัติได้ แต่ไม่รู้จักทางหนีทีไล่ในการลักไก่ใดๆ ทั้งสิ้น อย่างนี้ก็พอแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นคนโง่ดีหรือคนฉลาดดี (โง่ดี)  เป็นคนฉลาดเดินเท่าไหร่ไม่รู้จักถึง เพราะว่าคนฉลาด ทางก็ฉลาดยืดยาวไปเรื่อยๆ ยิ่งมีแรงเดินยิ่งมีแรงคิดทางก็ยิ่งยืดยาวออกไปเรื่อยๆ แต่หากเป็นคนโง่ทางมันก็โง่ รู้จักแต่ทื่อๆ ซื่อๆ ไป ใช่หรือไม่ (ใช่)
เราเป็นคนโง่ อย่าเห็นว่าเรานั้นเสียเปรียบคนอื่น เวลาคนอื่นใช้เรามาก เราก็มีโอกาสสร้างกุศลมาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาคนคิดแทนเรา เราก็ปล่อยให้เขาคิดหรือเปล่า คนนั้นส่วนใหญ่จะชอบคิดแทนผู้อื่น แต่ไม่ยอมคิดเพื่อที่จะเอาเปรียบตัวเองเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)
เหตุผลนั้นอาจมิใช่สิ่งจำเป็น    ความใจเย็นสำคัญกว่าสิ่งไหนไหน
เหตุผลนั้นอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น เรามีเหตุผลมีปัญญาพูดตั้งเยอะแยะแต่คนไม่ฟัง เพราะเขาเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่อง คนฉลาดแล้วยังต้องเป็นคนที่พูดเป็น  บางคนชอบพูดไม่ดี พูดไม่เป็น พูดไม่รู้เรื่อง อย่างนี้เราอยู่ร่วมกับใครได้หรือเปล่า (ไม่ได้) เราอยู่ร่วมกับใครก็ได้ แต่ใครๆ ก็อยู่กับเราไม่ได้  สังเกตว่าอยู่ไปๆ ใครๆ ก็ไม่มาคุยกับเราเพราะเราพูดไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นถ้าพูดไม่รู้เรื่องก็พูดให้น้อยๆ ดีหรือไม่ (ดี)
แล้วถ้าเราพูดไม่เป็นควรทำอย่างไร พูดไม่เป็นก็ต้องฟังให้เยอะๆ  แล้วถ้าหากว่าพูดไม่ดีล่ะ พูดไม่ดีก็ต้องไม่พูด ง่ายหรือไม่ (ง่าย)  สำคัญอยู่ที่ว่าจะรู้ตนเองหรือเปล่า ไม่ใช่ว่ามีการพูดกี่แบบ พูดแล้วผลออกมาเป็นอย่างไร  ปัญหาก็คือคนมักไม่รู้ตัวเองเท่านั้นเอง จึงแก้ไขเท่าไหร่ก็แก้ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นผิดอะไร จริงหรือไม่ (จริง)  ถ้าใครที่มองว่าคนอื่นผิด โทษคนอื่นตลอด แต่ว่าเราไม่ผิด อันนี้เป็นการกระทำที่ผิดพลาดที่สุด เพราะว่าเราบอกว่าเราไม่ผิดนี่แหละผิด  
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “มุ่งมั่นร่วมทาง”)
“มุ่งมั่นร่วมทาง” ในครั้งนี้ต้องมายืมสถานธรรมชั่วคราวที่นี่ในการเปิดประชุมธรรม ก็เพราะว่าต่อไปศิษย์จะมีสถานธรรมใหม่และใหญ่ด้วย  สถานธรรมใหญ่ถ้าคนน้อยเกินไปก็จะดูโหรงเหรง สถานธรรมที่เดิมบอกว่าเล็ก แต่เป็นเพราะว่าเล็กถึงดูว่าคนเยอะ เวลาที่ใหญ่ๆ พอใหญ่ขึ้นมาคนก็น้อยลง เพราะเดิมทีสถานธรรมเล็กๆ เดินชนกันไปมา ทักกันไปยิ้มกันมาก็สนิทสนมดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอมีสถานธรรมใหญ่จะเหลือคนน้อยลงเพราะเดินเท่าไหร่ก็ไม่ชนกันสักที ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นอาจารย์ก็อยากจะขอให้ศิษย์นั้น สถานธรรมใหญ่ก็ขอให้มีคนมากขึ้น ขอให้ศิษย์นั้นยังทักทายปราศรัย ยังขอบใจ ยังเกรงใจ ยังรู้ใจ ยังช่วยเหลือกัน ยังมองหน้ามองตารู้ใจกันได้เหมือนเดิม จะได้บำเพ็ญร่วมกัน จะได้มุ่งมั่นร่วมทาง ทางนี้ขอให้เป็นทางที่สว่างแล้วก็กว้าง ขอให้ทางกว้างแล้วก็คนเต็ม เพราะว่าศิษย์ทางอีสานร่วมมือกันทุกคน ดีไหม (ดี)  การบำเพ็ญธรรมนั้นไม่ใช่เรื่องยาก การบำเพ็ญธรรมคือเรื่องของการเอาชนะตัวเอง เอาชนะตัวเองทำได้ทุกที่ ยิ่งในยามที่เรามีปัญหาเยอะก็ยิ่งเอาชนะตัวเองได้มากขึ้น เพราะว่ามีข้อสอบให้ทำมาก เราทำข้อสอบมากเราก็เลื่อนชั้นเร็วขึ้น
อย่าบอกว่า ทำไมเรายิ่งบำเพ็ญยิ่งมีปัญหา เพราะว่าเมื่อก่อนเราเป็นคนที่มองอะไรเป็นสีชมพูไปหมด ตอนนี้เราเริ่มมองอะไรเป็นสีเทาแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ความจริงที่จริงกว่านั้นเราไม่ได้มอง  ความจริงที่จริงกว่านั้นคือเราไม่ได้บำเพ็ญเพื่อที่เราจะรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างนี้ แต่เราบำเพ็ญเพื่อการหลุดพ้น เพราะฉะนั้นห่วงใยอนาคตตนเองให้มาก เหมือนดังที่อาจารย์นั้นห่วงใยศิษย์เสมอ
กลับไปที่จังหวัดตัวเองแล้ว ถ้าหากว่าใครใกล้ที่ไหนก็ไปบำเพ็ญที่นั่น การบำเพ็ญเป็นเรื่องที่สำคัญกับชีวิตมาก เพราะว่าการบำเพ็ญนั้นคือการฝึกฝนจิตใจของตัวเอง ซ่อมแซมจิตใจตัวเอง ค้นหาตัวเอง ค้นพบตัวเอง เมื่อพบตัวเองแล้วจึงจะสามารถที่จะช่วยผู้อื่นได้ เราไม่ได้มีลมหายใจไว้เพื่อตัวเองอีกแล้ว ต้องมีลมหายใจไว้เพื่อผู้อื่น การที่จะยอมโดนเสียเปรียบบ้าง จึงเป็นเรื่องที่ศิษย์นั้นต้องเจอบ่อยครั้ง ถูกเอาเปรียบจากผู้อื่นบ้างก็เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาเหลือเกิน
ถ้าหากว่าโลกนี้มีคนที่รู้จักเสียสละ โลกนี้ก็คงไม่ย่ำแย่เท่าทุกวันนี้ อาจารย์หวังว่าศิษย์ทุกคนที่กระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ นั้น สามารถซ่อมแซมสังคมในจุดนั้นให้ประคองตัวเองได้ ฉะนั้นลมหายใจของศิษย์ ชีวิตของศิษย์จึงยิ่งใหญ่มาก อย่าได้มัวเมากับกิเลส อบายมุข อย่าได้มัวเมากับสิ่งที่ศิษย์นั้นมีแต่ความต้องการๆ ขอให้ยิ่งลด ยิ่งลดลง ดีหรือไม่ (ดี)
ศิษย์อย่ารู้สึกว่าเงียบเหงา โดดเดี่ยว เศร้า คิดแต่ว่าไม่มีใครสนใจ คิดว่าชีวิตไม่มีค่า แต่ศิษย์ก็มีค่าในสายตาอาจารย์ทุกๆ คน ทุกคนดีกว่าอาจารย์เพราะว่าทุกคนนั้นมีกายสังขาร แม้จะเจ็บป่วยอยู่บ้างก็ขอให้รู้จักดูแลตัวเองให้ดีๆ ขอให้เก็บต้นทุนของร่างกายของชีวิตที่มีนี้ ขอให้เริ่มรักษาตนให้แข็งแรงจากความป่วยนี้ อย่าให้ทรุดให้โทรมไปกว่านี้ รักชีวิตอาจารย์ รักชีวิตศิษย์ เป็นลมหายใจแทนอาจารย์
มีโอกาสกลับมาศึกษาธรรมเพิ่ม เวลามีคนไปตามอย่าบอกว่าไม่ว่าง ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ให้เหลวไหลกับตัวเอง คนเป็นเด็กเติบโตขึ้นอย่างเด็ก รับผิดชอบต่อตนเอง  คนเป็นผู้ใหญ่เติบโตขึ้นแล้วต้องรับผิดชอบผู้อื่นด้วย รับผิดชอบตัวเองและผู้อื่นให้ดี ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี สร้างบุญสร้างกุศลทำให้จิตใจสะอาด อย่าสักแต่ว่าทำ ทำอะไรแล้วต้องรู้ต้องเข้าใจในสิ่งนั้น การศึกษาธรรมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ศึกษาไหนเลยจะรู้อะไร ที่ๆ เดินไปก็เดินไปอย่างคนมืดบอดหากไม่ศึกษาธรรม
ศิษย์ทุกคนในที่นี้อาจมองว่าตัวเองนั้นเป็นคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ พุทธะนี้เกิดในคนที่หาเช้ากินค่ำเป็นส่วนมาก เพราะว่าธรรมะต้องการเผยแผ่ลงสู่คนให้ลึกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  จึงซ่อนตัวอยู่ในบ้านคนธรรมดา
เมื่อเราเป็นคนธรรมดาแล้วอย่าได้ดูถูกตัวเอง ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีความสำคัญ  ศิษย์ไม่เหยียบย่ำตัวเองก็ไม่มีใครเหยียบย่ำเรา ศิษย์ให้ความสำคัญกับตัวเอง ศิษย์ช่วยเหลือผู้อื่น ผู้อื่นก็ให้ความสำคัญกับศิษย์  นี่จึงเป็นสิ่งที่ศิษย์นั้นควรจะเห็นเป็นเป้าหมาย เป็นสิ่งที่ศิษย์ควรที่จะทำอย่างยิ่ง
อาจารย์ขอฝากคำสุดท้ายในครั้งนี้ร่วมมือร่วมใจให้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ไม่มีอะไรเป็นของเรา ไม่มีอะไรเป็นของเขา ไม่มีอะไรที่สละไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้แต่ตัวเองศิษย์ยังเปลี่ยนแปลงได้ ชะตากรรมก็เป็นเรื่องที่เล็กนิดเดียว ชะตากรรมที่ไม่ดี คนรอบข้างที่ไม่ดีล้วนแล้วแต่เปลี่ยนแปลงได้ทั้งสิ้น ขอให้ศิษย์เริ่มต้นแค่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ท่องเอาไว้นะ  อยู่อย่างมีความหวัง อยู่ในโลกนี้โลกไม่สะอาดแต่จิตใจของศิษย์สะอาดมาก จึงจะเป็นสิ่งที่อาจารย์นั้นภาคภูมิใจที่สุด รักษาตัวเองให้ดีๆ 

พระโอวาทซ้อนพระโอวาท
“มุ่งมั่นร่วมทาง”
    คนมีใจทางไกลก็กลับใกล้    ไม่มีใจใกล้เพียงนิดดูไกลห่าง
เมื่อเข้าใจแล้วศรัทธาสู่เส้นทาง    รูปนามว่างสิ่งสมมุติไร้ตัวตัน
รู้อายเกรงบาปย่อมไม่ทำผิด    ฝึกใจเย็นยั้งคิดตรองถึงผล
ดับที่เหตุด้วยควบคุมอารมณ์ตน    เข้มงวดตนจงไม่ถือสาซึ่งกัน


อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา