วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2550

2550-04-28 สถานธรรมเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์


西元二○○七年歲次丁亥三月十二日
วันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๐    สถานธรรมเซิ่งเต๋อ  จ.ประจวบคีรีขันธ์
   
พระโอวาทพระนาจา

    ฝึกมองโลกในแง่ดีย่อมมีค่า    แปรเรื่องร้ายด้วยนำพาจิตสดใส
คิดอคติคอยจับผิดรุ่มร้อนใจ    ยึดติดในไม่เปิดกว้างย่อมทุกข์ทน
        เราคือ
    ศิษย์พี่นาจา        รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่พุทธสถานเซิ่งเต๋อ   แฝงกายกราบ
องค์มารดา        ถามศิษย์น้องทั้งเก่าใหม่สบายดีไหม

    คนรวยลาภยศศักดิ์บำเพ็ญยาก    ธรรมปราศจากรู้ชีวิตไม่เต็มผล
ปลงเพื่อชีวิตธรรมะธรรมะไร้กังวล    เมื่อไรคนติดใจเพื่อปฏิบัติจริง
จิตบรรลุไปไม่ชมชื่นโลกีย์    ไม่รู้ธรรมลืมสติแสวงยิ่ง
ต่างกันตั้งแต่ใจสำรวจจริง    แจ้งตื่นตาจึงทิ้งปรารถนาลง
เป็นคนมีพื้นจิตดีทำเนา    ฟังถึงเข้าบำเพ็ญไปไม่หลง
ศึกษาธรรมคนฝึกฝนจึงธำรง    ทุกสิ่งคงไม่ยากหากอาชวะ
ลำนำทำการใช่ยึดหลักติด    ปลอมให้เหมือนหรือบิดเบือนสาระ
เข้าใจจริงโดยชอบกายใจมานะ    รู้เหตุผลธรรมอิสระเต็มหัวใจ
จงอย่าให้ใจท้อถึงกระดูก    ปัญญาถูกจองจำคิดไม่ได้
ทุกข์ตัดลำได้ก่อนทะนงคลาย    แจ้งแม้ลอยทุกข์ไปสบายมา
หูตาปากใช้มากยากถนอม    ฟ้ามีฟ้าเรื่องน้อมอย่ากังขา
คนช่วยคนจึงเห็นเป็นบุญตา    ไม่ช่วยใครเพราะว่าห่วงตน
            ฮิ  ฮิ  หยุด
    พระโอวาทพระนาจา
เพลงที่สนุกสนาน ถ้าจะร้องเพลงให้สนุก หัวใจจะต้องปลุกเร้าให้สนุกตามไปด้วย การกระแทกเสียง เป็นการเปิดเร้าเสียงให้รู้สึกว่าเพลงมีความรื่นรมย์อยู่ในเนื้อเพลง ฉะนั้นเพลงหนึ่งเพลงหรือคำพูดหนึ่งคำพูด อยู่ที่จังหวะที่จะใส่ลงไป ใช่ไหม (ใช่)  คนพูดหนึ่งคำด้วยน้ำเสียงที่จริงใจว่า “น่ารักจัง” กับอีกคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจว่า “อู้ฮู้! น่ารักๆ” ความรู้สึกแตกต่างกันไหม (แตกต่าง)
อีกคำพูดดีแต่กลายเป็นติดลบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  หนึ่งคำพูดหนึ่งคำจา จะแปลเป็นฟังรื่นหูหรือจะแปลเป็นฟังธรรมดาๆ หรือจะแปลเป็นฟังแล้วแย่ติดดิน ก็อยู่ที่น้ำเสียงและจังหวะนะ หรือพูดง่ายๆ อยู่ที่หัวใจเราว่า เราใส่อะไรลงไปในคำพูด
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้ร้องเพลง “การบำเพ็ญธรรมเพื่อเป็นเด็กดี”)
ถึงแม้ว่าคนพูด คนนำร้องดีขนาดไหน แต่ถ้าใจเราไม่ตามไปด้วย ก็หมดสนุก ถูกไหม (ถูก)  ถึงบอกว่าอำนาจของอารมณ์นั้นน่ากลัว เวลาโกรธขึ้นมา เรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เวลารักชอบขึ้นมา เรื่องที่ยากลำบากแค่ไหนก็ (ทำได้)  เรื่องที่ยากๆ ทำไม่ได้หรอกเมื่อก่อน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบ สู้ไหวไหม (ไหว)  วันนี้คนที่จะมาฟังธรรมะ จะสู้ไหวหรือไม่ไหวอยู่ที่หัวใจ ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าทำใจรักได้ ยากแค่ไหนก็ฟังจนจบ แต่เคยไหมทำดีมาตั้งแต่ตอนต้นแต่มาตายตอนจบ ลงไปว่าจะฟังธรรมะสองวัน ทนมาได้หนึ่งวัน แต่พออีกวันบอกไม่เอาดีกว่า ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นอำนาจในอารมณ์ของมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ สามารถบงการให้มนุษย์ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ให้ทำได้ขึ้นมา สิ่งที่ทำได้ ก็กลับกลายเป็นทำไม่ได้ เพราะว่าไม่ชอบ จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นเราถามหัวใจเราว่า เรื่องบางเรื่องที่พูดว่ายาก เป็นเพราะหัวใจของเราไม่ชอบหรือไม่ ส่วนเรื่องบางเรื่องที่บอกว่าง่ายแสนง่าย นั่นเป็นเพราะว่าเราชอบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  วันนี้ฟังได้หรือไม่ได้ อยู่ครบหรือไม่ครบ ก็ขึ้นอยู่ที่หัวใจเรา
เราอยากบอกว่า ในเมื่อเราพูดว่าอำนาจของอารมณ์ที่ชอบหรือไม่ชอบมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ เช่นนี้แล้วเราจะกลัวอะไร โลกนี้มีโอกาสตั้งมากมายให้เราไขว่คว้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางคนบอกว่าฉันวาสนาไม่ดีทำอะไรๆ ก็ไม่เคยสำเร็จ ทำอะไรๆ ก็ไม่เคยโชคดี จริงๆ เป็นเพราะว่าเขาวาสนาไม่ดีหรือไม่ (ไม่ใช่)  มีทั้งใช่และไม่ใช่ คนบางคนแปลกนะเดินๆ อยู่อาจจะไม่เจออะไรเลยแต่อาจหกล้ม แต่คนบางคนเดินๆ อยู่แต่อาจเจอทองหนึ่งบาท
ฉะนั้นโชควาสนาเทียบกันไม่ได้ คนฉลาดแปรทางธรรมดาให้กลายเป็นทางแห่งโชควาสนาได้ แต่คนที่โง่และเอาแต่ยอมแพ้เท่านั้นที่แม้ทางที่มีวาสนาก็กลายเป็นอับวาสนาได้ จริงหรือไม่ (จริง)
ฉะนั้นโอกาสอยู่ที่คนไขว่คว้าและพยายามมองหา คนที่ไม่มีโอกาสในชีวิตก็คือคนที่ไม่เคยไขว่คว้าอะไรเลย รอให้สักวันเดี๋ยวบุญคงตกลงมา โชคดีได้ถูกลอตเตอรี่ แล้วจะเป็นอย่างนี้ในทุกๆ คนไหม (ไม่)  อย่ามัวแต่รอโชครอลาภ โชคลาภอยู่ที่มือเราขยันหรือขี้เกียจ และโอกาสก็อยู่ที่หัวใจและสายตาเราจะเปิดกว้างและหัดมองหรือไม่ต่างหาก จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นอย่าท้อแท้ในวาสนาของตน
คนบางคนมักจะบอกว่าตัวเองโชคไม่ดี คนโน้นดูดีกว่าคนนี้ดูดีกว่า ไม่จริงหรอก ใช่ไหม (ใช่)  เราไม่เคยเห็นคนสวยคนไหนวาสนาดีสักคน เคยมองเห็นคนสวยๆ ไหม (เคย)  แล้วเขาโชคดีไหม โชคดีแค่สวยแต่อะไรอย่างอื่นโชคดีด้วยไหม มองให้ดีๆ ตอนแรกเราอาจจะเห็นเปลือกนอกเขาดูดี แต่ลึกๆ ในหัวใจเขาจะเหมือนคนที่ขาดความสุขอยู่ตลอดเวลา ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นคนบางคนถึงแม้หน้าตาไม่ดี แต่จิตใจเราต้องรู้จักสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่อเสริมจุดด้อยของตัวเองให้เป็นด้วย ไม่ใช่หน้าตาไม่ดีเลยแล้วยังทำใจให้แย่เข้าไปด้วย อย่างนี้ก็ไม่มีใครรัก ถูกหรือเปล่า (ถูก)
“ฝึกมองโลกในแง่ดีย่อมมีค่า
แปรเรื่องร้ายด้วยนำพาจิตสดใส”
ใช่ไหมเวลาเจอเรื่องร้ายเราก็มักจะเอาใจที่แย่ไปมองในแง่ร้าย พอร้ายกับร้ายเจอกันมันก็ไม่มีทางที่จะแก้อะไรได้ดีขึ้น ถูกหรือเปล่า(ถูก) ฉะนั้นถ้าเจอเรื่องร้ายลองเอาจิตใจที่ดีๆ ลองไปค่อยๆ มองค่อยๆ หาไม่แน่เราอาจจะแก้ปัญหาได้ด้วยใจที่รู้จักคิดเป็น จริงไหม (จริง)
เป็นธรรมดามาตอนนี้ย่อมมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ และก็กำลังคิดว่าจริงหรือเท็จ ไม่ผิดหรอก คิดอย่างนั้นคิดได้เราไม่ว่า แต่คิดแล้วต้องพยายามหาเหตุผลหักล้างด้วยนะ ไม่ใช่คิดแล้วก็ปักใจเชื่ออย่างนั้น ไม่พิสูจน์อะไรเลย ตอนนี้มาให้พิสูจน์แล้ว ลองเอาสิ่งที่เราพูดไปคิดไปพิจารณาว่าเป็นจริงได้ไหม และถูกต้องหรือเปล่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่ของจริง ของจริงคือคำพูด การประพฤติปฏิบัติต่างหาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเวลาเรามองคน มองแต่หน้าตาเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจริงหรือหลอกลวง แต่สิ่งที่จะวัดได้ก็คือการประพฤติปฏิบัติของเขา ใช่หรือไม่
ฉะนั้นเวลามองคน อย่ามองที่รูปร่าง เดี๋ยวจะไม่เห็นถึงจิตใจที่แท้จริง เคยไหมเราจะโกรธมากเวลาคนมาดูถูกเราโดยที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย เคยไหม (เคย)  แค่เห็นก็ไม่เอาแล้ว โกรธไหม (โกรธ)  แล้วทำไมเราถึงเอาสิ่งที่เราไม่ชอบไปทำกับคนอื่นล่ะ  ฉะนั้นไม่ชอบสิ่งไหนก็อย่าทำสิ่งนั้น ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะได้กลับมาไม่รู้ตัว ใช่หรือเปล่า (ใช่)
มีคำพูดกล่าวไว้คำหนึ่งบอกว่า อยู่บนโลก เราเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่เปลี่ยนแปลงคนไม่ได้ จริงไหม ก่อนจะคุยกันเราต้องมีพื้นฐานความเข้าใจที่เหมือนกันก่อน ถ้าเราจะไปซ้าย เราจะชวนท่านไปซ้ายได้อย่างไร ถ้าท่านยังคิดยืนอยู่ขวา ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นก่อนที่จะคุยกันเรื่องอะไรก็ตาม เราต้องลองถามดูก่อนว่าเขามีสภาพพื้นฐานความรู้อย่างไร ไม่ใช่คิดจะใส่อะไร ก็ใส่ๆ โดยที่ไม่มองเขาเลยว่า เขามีความรู้พื้นฐานอย่างไร ใช่ไหม (ใช่)
ถ้าเช่นนั้นถามว่า เราเปลี่ยนแปลงโลกได้ไหม (ได้)  แล้วเราเปลี่ยนแปลงคนได้ไหม (ไม่ได้)  สมมติว่าตอนนี้บ้านมันบรรยากาศอึมครึม เราไปเอาพู่หรืออะไรที่จัดปีใหม่มา แล้วติดไฟแวบวับ บรรยากาศจะเป็นอย่างไร สดชื่นทันทีใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าเกิดว่าตอนนี้คนกำลังเหงาเศร้าสร้อยจับจด ถึงเราจะพูดต่างๆ นานา เขาจะไปกับเราไหม (ไม่ไป)  พูดก็แล้ว เอาวีดีโอ เอาทีวี เอาอะไรมา แล้วชักแม่น้ำทั้งห้า เปลี่ยนรอบข้างยังง่ายกว่าเปลี่ยนใจคนอีก จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นจึงบอกว่าโลกนี้เปลี่ยนแปลงได้ด้วยความเข้าใจอันดีระหว่างกัน เคยไหมไปนั่งในเธคในผับ แต่ทำไมมันเหงาๆ ถึงผับหรือเธคจะดังขนาดไหนถ้าตอนนี้อารมณ์มันแย่ยังไงก็ฉุดไม่ขึ้น จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นเราจะบอกท่านนะว่า โลกนี้เปลี่ยนแปลงได้ด้วยความเข้าใจอันดีระหว่างกัน เราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ เปลี่ยนแปลงหัวใจคนได้ด้วยความรู้สึก ด้วยความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ ใช่ไหม (ใช่)
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าวันนี้เรากำลังผิดหวัง ผิดหวังเพราะอะไร สมมติว่าโดนคนว่า แต่ถ้าเกิดเรารู้จักเข้าใจว่าในโลกนี้มีใครไม่เคยโดนว่าบ้าง มีไหม (ไม่มี)  โลกนี้มีใครไม่เคยโดนด่า.มีไหม (ไม่มี)  ถ้าเราเปลี่ยนแปลงความคิด เราก็สามารถเปลี่ยนเรื่องพวกนี้ได้ ฟังดูยังไกล ใช่ไหม อยากเข้าใจให้มากขึ้นไหม (อยาก)
มาฟังธรรมะแล้วต้องได้สิ่งที่ดีๆ กลับไปบ้าง ไม่ใช่ฟังแล้วก็เข้าหู (ซ้ายทะลุหูขวา)  อย่าให้มันทะลุ ต้องรู้จักฟังแล้วเก็บเอาไว้ให้ดี แล้วก็ค่อยๆ เอาไปย่อย เอาไปทำให้เกิดประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)
มนุษย์มักทุกข์กับทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ทุกข์กับสิ่งที่ตัวเองได้ยินแล้วก็ตัวเองไม่ได้ยิน ใช่ไหม (ใช่)  อย่างเช่นอะไรที่ยังมองไม่เห็นแล้วทำให้เราทุกข์ อย่างเช่นเรายังไม่รู้เลยว่าปัญหานี้จะเกิดกับเราไหม กลัวว่าเราจะยากจน เราก็เลยเหนื่อยกับการทำกิน เรากลัวอดเราก็เลยต้องขยันให้มากๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ลืมไปว่าการขยันมากเกินก็กลายเป็นทำให้เกิดความเครียด เกิดความเจ็บป่วยของร่างกาย เงินนั้นแทนที่จะนำมาบำรุงเลี้ยงร่างกาย ก็กลับกลายเป็นต้องนำมารักษาร่างกาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นบางทีถามไปถามมา มนุษย์เรามีชีวิตเพื่อแบกชีวิตหรือ พอขึ้นชื่อว่า “ชีวิต” อันนี้ฉันก็ต้องรับภาระ อันนั้นฉันก็ต้องทำ อันโน้นฉันก็ต้องเป็น
แต่แท้จริงแล้วถ้าเรามีสติคิดให้ดีๆ ชีวิตคือ การศึกษาและทำความเข้าใจ เมื่อศึกษาทำความเข้าใจ การจะนำพาชีวิตก็ย่อมเป็นไปได้ง่าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ไม่ใช่เริ่มต้นชีวิตคือ แบกภาระ แบกหน้าที่ ทำอย่างนี้ก็เหนื่อยตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
ฉะนั้นชีวิตคือ การศึกษา เรียนรู้ให้เข้าใจและนำพาให้ถูกทาง เหมือนดั่งที่มนุษย์เข้าใจกันว่า ของหวานอร่อยเป็นของมีประโยชน์ แต่เคยได้ยินไหมว่า ไม่มีประโยชน์ ถ้ากินมากๆ แล้วกินอย่างพร่ำเพรื่อก็เกิดโทษ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เงินทองหาแล้วทำให้มนุษย์มีความสุข แต่ถ้าบางครั้งเราเพลิดเพลินอยู่กับการหาเงิน ความทุกข์ก็ย่อมเกิดขึ้น ถูกหรือไม่ (ถูก)
มนุษย์รู้ว่าชีวิตนี้คือ การท่องเที่ยว การออกไปที่นั่นที่นี่ คือ ความเพลิดเพลิน แต่ถ้าเพลิดเพลินจนลืมรับผิดชอบหน้าที่ การเพลิดเพลินท่องเที่ยวก็เป็นทุกข์ ฉะนั้นในสิ่งที่มนุษย์ว่าดี แต่ถ้าทำจนเกินก็อาจจะกลายเป็นโทษได้ ฉะนั้นอย่าละในสิ่งที่ควรละ แต่ก็ต้องรู้จักระมัดระวังในสิ่งที่ควรมีด้วย จริงหรือเปล่า  (จริง)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมเล่นเกม)
ขออาสาสมัคร ๔ คน  ภายในหนึ่งนาทีให้ไปหาสิ่งที่ใหญ่ที่สุด และสิ่งที่เล็กที่สุด
สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคืออะไร (ใจ)  และสิ่งที่เล็กที่สุดคืออะไร (ใจ)  ถูกไหม ยังไม่มีใครช่วยตัดสิน คนต่อไป (เหรียญบาทเล็กสุด โทรศัพท์ใหญ่สุด : ธรรมะใหญ่สุด ธรรมะเล็กสุด : ใจใหญ่สุด และใจก็เล็กสุด)  ท่านว่าทุกคนตอบได้ถูกไหม เอาง่ายๆ ถึงแม้ท่านนี้จะบอกว่าเหรียญเล็กสุดโทรศัพท์ใหญ่สุด ผิดไหม (ไม่ผิด)  ถ้าเทียบตามขนาดก็ถูกต้อง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเทียบตามราคาก็ใช่เลย แต่ถ้าเกิดเอาโทรศัพท์ที่
ตกน้ำแล้วมาเทียบราคาก็ยังมีค่ามากกว่าเงินหนึ่งบาท ใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่บางครั้งเคยคิดไหมว่าหนึ่งบาทบางทีก็อาจจะใหญ่กว่าโทรศัพท์ได้เหมือนกัน คืออะไร (น้ำใจ,ความเมตตาของคนเรา)  บางทีเงินหนึ่งบาทอาจจะมีค่ามากกว่าโทรศัพท์ก็ได้ ถ้าเงินหนึ่งบาทนี้
เรารู้จักเสียสละให้ และอีกอย่างหนึ่งโทรศัพท์นี้อาจจะมีค่าที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ ถ้าเกิดตอนนั้นมีคนต้องการใช้โทรศัพท์ ให้หรือไม่ให้ดี แต่ถ้าเรายอมให้ไปก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(หัวใจ)  หัวใจสามารถเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สุดประมาณได้ อย่างเช่น หัวใจของพระพุทธะ เมตตาจนประมาณค่าไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่หัวใจที่ใหญ่นี้อาจจะเล็กลงทันทีได้ ถ้าเห็นแก่ตัวจนไม่นึกถึงหัวอกใคร ถูกต้องไหม (ถูกต้อง)  จริงๆ ต้องให้คนตอบเป็นคนอธิบายเอง ไม่ใช่ให้เราเป็นคนอธิบาย ใช่ไหม
ศิษย์พี่บอกไว้แล้วโลกนี้เปลี่ยนได้ด้วยการรู้จักทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เราจะบอกว่าไม่ถูกหรือบอกว่าไม่ใช่ก็ได้ แต่ถ้าเราอยากเปลี่ยนโลก ให้โลกนี้สดใส ทำไมไม่รู้จักพยายามขยายมุมมองของความคิดที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ ไม่เคยคิดที่จะมองเห็นได้แต่เรากลับสามารถมองเห็นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าศิษย์พี่ถามนะว่าแล้วคนนี้ล่ะ ศิษย์น้องคิดเห็นประการใด ทำไมธรรมะถึงใหญ่ได้และก็กลายเป็นสิ่งที่เล็กน้อยได้ ท่านว่าเขาพูดถูกไหมแล้วจะเอาอะไรสนับสนุนความคิดเขา เราต้องมีความเข้าใจ
ใช่หรือไม่ เหมือนเราจะมีความรู้สึกรักคนๆ หนึ่งได้หรือเกลียดคนๆ หนึ่งได้เพราะอะไร เกลียดเพราะไม่คิดจะเข้าใจแต่จะรักได้ก็เพราะพยายามหาความเข้าใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราลองหาความเข้าใจธรรมะเล็กธรรมะใหญ่ได้ไหม ใครตอบได้
เราช่วยเขาคิดได้ไหมว่า ธรรมะอะไรที่ทั้งใหญ่ได้และธรรมะอะไรที่ทำให้เราเล็กกระจ้อยร่อยได้เหมือนกัน ธรรมะข้อไหนที่ทำให้เรายิ่งใหญ่ และธรรมะข้อไหนที่ทำให้เราเล็กกระจ้อยร่อย ใครคิดได้บ้าง
(การให้ บางครั้งทำให้เราจิตใจกว้างอย่างมหาสมุทร แต่ถ้าให้ไม่ได้บางครั้งเราให้ไม่ได้ ก็เป็นใจที่เล็กนิดเดียว) ตอบได้ดี เอาขนมปังแบบกลมหรือแบบเหลี่ยม (เอาแบบกลม) อย่าดูถูกเหลี่ยมนะ ถึงมีเหลี่ยมแต่ก็มีประโยชน์ได้ ใช่ไหม เป็นเหลี่ยมมุมที่กินแล้วอร่อย ไม่ใช่เหลี่ยมมุมที่ทิ่มแทงคน ต้องรู้จักเข้าใจ มีใครจะตอบอีกไหม มีธรรมะอะไรในตัวเรา หรือธรรมะอะไรในโลกที่ทำให้เราใหญ่ได้และทำให้เราเล็กกระจ้อยร่อยได้
เคยไหมโลกนี้แคบถนัดตาเมื่อเราพูดว่า “ไม่เข้าใจ”  จริงไหม (จริง)  เขาบอกเข้าใจหน่อยสิ ไม่เข้าใจ อย่างไรก็ไม่เข้าใจ แต่ถ้าเมื่อไรเราบอกว่า “ก็จริงนะ” “ก็เป็นไปได้นะ”  คำว่า “เป็นไปได้” คำว่า “ก็จริง” ทำให้เราตาเปิดกว้างขึ้น สมองที่เคยคิดว่าไม่เคยเชื่อก็ยิ่งใหญ่ขึ้นได้ มีใครจะตอบอีกไหม
สิ่งที่ว่างเปล่าคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สิ่งที่มีแต่ความคิดฟุ้งซ่านเป็นสิ่งที่คับแคบที่สุด จริงไหม (จริง)  นึกออกไหม เหมือนห้อง ถ้าเต็มไปด้วยผู้คนก็คับแคบ เหมือนหัวใจเต็มไปด้วยความคิด ใส่อะไรก็ไม่ลง
ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าหัวใจว่างๆ หัวใจโล่งๆ ก็เป็นความกว้างความสว่างที่จะเติมอะไรก็ได้ง่าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเราเต็มไปด้วยความคิดโน่นคิดนี่ ใครจะเติมอะไรก็เติมยาก มันเหมือนน้ำที่มีอยู่เต็มแก้ว กับน้ำที่ไม่มีในแก้ว ใช่ไหม (ใช่)  มีพื้นฐานจิตดีแล้วนี่ อย่าดูถูก
ดูเบาตัวเองนะ
ทุกคนสามารถมีแนวความคิด ทุกคนสามารถทำความเข้าใจในเรื่องที่เราคิดว่าไม่น่าจะเข้าใจ แต่ถ้าเกิดเราพยายามคิด เราก็เข้าใจได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราพยายามคิด เราพยายามมอง เราก็เกิดปัญญาได้ จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นอย่าดูถูกดูเบาตัวเอง ใช่ไหม (ใช่)  มีใครจะตอบอีกไหม
(อคติไม่ใช่จะมีแต่แง่ร้ายอย่างเดียว อคติในแง่บวกด้วย เหมือนกับว่าคนหนึ่งดีกับเรามากแต่เราไม่เห็นความดีของเขา แต่บางคนเรารู้สึกชอบพอเขา บางทีเขาอาจจะทำไม่ดี มาขอความช่วยเหลือ เราก็ให้การสนับสนุน ธรรมะที่ยิ่งใหญ่ก็คือการที่ไม่มีอคติไม่ว่าในแง่บวกหรือแง่ลบ)  โอกาสมีให้สำหรับคนที่รู้จักเพียรพยายามไขว่คว้าและกล้าหาญ ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้านิ่งเฉยเวลานี้ ชีวิตนี้ก็จะไม่มีโอกาสไปตลอดชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการแลกเปลี่ยนความรู้หรือการเติมความกล้าแล้วเพียรพยายามที่จะค้นหา แล้วตอบให้ได้ จึงเป็นสิ่งที่เหมือนเราดำเนินชีวิตในโลกนี้ ถึงแม้ทางจะไม่มี แต่เราเพียรพยายามจะหาให้มี ชีวิตตอนนี้มีปัญหา แต่เราเพียรพยายามที่จะหาทางสว่าง ถ้าตอนนี้ท่านกล้าพูดกล้าตอบ ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องกลัวลำบาก ถ้าตอนนี้ท่านพยายามไขว่คว้าแล้วคิดให้ได้ ชีวิตนี้จะกลัวอะไรกับทางตัน ยิ่งตันกลับทำให้ยิ่งเห็นมุมมองได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เพราะอะไรมนุษย์เราถึงไม่กล้าพูด ถึงเอาแต่นิ่งนอนเฉย
(ธรรมะใหญ่เปรียบเหมือนแสงสว่าง ธรรมะเล็กก็คือความมืดมน)  ไม่ใกล้แต่ก็พยายามตอบ
(ธรรมะที่ยิ่งใหญ่ก็เหมือนความอ่อนน้อมถ่อมตน)  จริงๆ แล้วความอ่อนน้อมเป็นสิ่งที่เล็กที่สุด และก็เป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุด เคยเห็นทะเลไหม ทะเลคือ สิ่งที่อยู่ต่ำที่สุด แต่สามารถรวบรวมน้ำทุกสายให้มาอยู่ในทะเล ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าดูถูกคนที่อ่อนน้อม เพราะคนที่อ่อนน้อมคือ คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่างหาก  ฉะนั้นถ้าเกิดเป็นคนและรู้จักความอ่อนน้อม ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก ไปที่ไหนก็มีแต่คนชอบพอ
ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนบางคนอาจจะบอกว่า มันยากไป คิดไม่ค่อยได้ ก็ไว้สำหรับคนที่มีความรู้มาก เอาไว้คิดต่อไปก่อน ส่วนคนที่มีความรู้น้อย ศิษย์พี่จะเปลี่ยนเรื่องให้ตอบ ดีไหม (ดี)  จะได้ตอบได้ทั้งคนรู้น้อยรู้มาก ส่วนคนที่ไม่ตอบจะนั่งฟังอย่างเดียวก็ไม่ว่าแล้ว
เรื่องที่ศิษย์พี่จะพูดก็คือ หัวใจของมนุษย์ถ้าเรียกว่า ปกติ ก็คือหัวใจสงบ ราบเรียบ สมดุล ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์น้องเคยได้ยินไหมว่า ขับรถถ้าอะไรเสียต้องเข้าศูนย์ อะไรที่เป็นตัวหลักสำคัญ ถ้ามันเสียแล้วเราต้องรีบเข้าศูนย์ทันที ไม่เช่นนั้นมีอันตราย นอกจากเครื่องยนต์แล้ว ก็มีเบรก ล้อ ยางเสื่อมคุณภาพ เคยได้ยินไหมว่า รถเสียศูนย์ก็ต้องไปตั้งศูนย์สมดุล ถ้าร่างกายยืนๆ อยู่แล้วเกิดเอียง เราต้องไปปรับให้สมดุลไหม (ต้อง)  ถ้าเกิดใจเสีย ปรับให้สมดุลไหม ไม่เคยหรอก ไม่รู้จะไปโรงพยาบาลไหนให้ช่วยปรับให้ที จริงไหม (จริง)  อะไรที่ทำให้เสียศูนย์ในหัวใจบ่อยๆ ฟังแล้วเสียศูนย์ทันที จากที่อารมณ์ดีก็ฉุน
(ใจและความคิด)  อะไรที่ทำให้ใจเสียศูนย์ เช่นคิดกังวลไปก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)
(อารมณ์ที่ไม่ดี ที่ไปเจอสิ่งที่ไม่ดีภายนอก)  อารมณ์ที่เห็นแล้วขัดหู ขัดตา ใช่ไหม (ใช่)  อารมณ์อะไรที่ขัดหูขัดตาบ่อยๆ
(เรื่องเงินทอง เมื่อไม่มีเงินใช้เป็นหนี้เขา ก็ทุกข์ใจ)  เรื่องเงินทองทำให้เสียศูนย์มากที่สุด จริงหรือ (จริง)  อะไรที่ทำให้ใจเสียสมดุล
(ความรัก)  ความรักทำให้ใจเสียศูนย์หรือ
(ความโกรธ)  โกรธมากก็เสียศูนย์บ่อยมาก โดยเฉพาะคำพูดของคน ใช่หรือไม่ (ใช่)
(เก็บค่าแชร์ไม่ได้)  เคยได้ยินไหมว่า ให้คนนั้นง่าย แต่ไปขอเงินคนนั้นยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าหลีกเลี่ยงอาชีพนี้ได้ก็พยายามหลีกเลี่ยงนะเพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีใครรัก
(การเจ็บป่วย)  เวลาเจ็บป่วยทำให้เสียศูนย์มากใช่ไหม (ใช่)
(ความกลัว)  ความกลัวทำให้เสียศูนย์จริงไหม (จริง)  โดยเฉพาะมืดๆ เวลาเดินไปไหนใช่หรือเปล่า
(ความอยากได้อยากมี)  ความอยากได้อยากมีบางทีก็ทำเราเสียศูนย์ด้วยจริงหรือไม่ (จริง)  เคยเห็นไหมคนอยากมากก็เสียศูนย์
(ความสิ้นหวัง)  ทุกคนล้วนตอบได้ดี อะไรที่ทำให้ใจเราเสียศูนย์มากที่สุดหรือที่มนุษย์เรียกว่าเสีย self หรือเสียความมั่นใจ
(สูญเสียคนรัก)
(ความโลภ) ความโลภที่ไม่ถูกต้องใช่หรือไม่ ความโลภที่ไม่คำนึงถึงศีลธรรมใช่หรือไม่ อาจจะทำให้เราเสียศูนย์ได้
(การกระทำไม่ดี) คือทำผิดคิดร้ายไม่อยู่ในศีลในธรรม
(ความโกรธ,ความตื่นเต้น,ลูกสอบไม่ได้)
(การเห็นและได้ยินในสิ่งที่ไม่ดี)  เสียศูนย์เพราะใจเราอยากตามเขาไปด้วยใช่หรือเปล่า
(ความรักความห่วง,ความอิจฉาริษยา)
(อยากให้ลูกเป็นคนดีถ้าเขาเป็นคนไม่ดีเราก็เสียศูนย์) แต่ถึงที่สุดแล้วบางทีเราก็เปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้ใช่หรือเปล่า (ใช่)
(ความเครียด) เคยเห็นไหมคนที่คิดมาก ถึงแม้บางทีไม่เป็นโรคก็อาจจะเป็นโรคได้เพราะว่าคิดมากเกินไป
(ปากอยากตอบแต่ใจไม่กล้า)  ตอบได้ดีเหมือนกันนะ (พ่อแม่หย่าร้างกัน)  ลูกก็เสียศูนย์เลยใช่หรือเปล่า ไม่รู้จะไปพึ่งพิงใคร ฉะนั้นเราต้องรู้จักปฏิบัติตัวให้ดีนะถึงแม้พ่อแม่จะหย่า แยกกัน แต่เราก็ต้องเป็นเด็กดี และเป็นคนดี
(ความรักลูกทำให้เสียศูนย์)  ความรักลูกทำให้เสียศูนย์จริงไหม
(การถูกเอารัดเอาเปรียบ)
สิ่งที่ทำให้มนุษย์เสียศูนย์คือ สิ่งที่มองเห็นหนึ่ง สิ่งที่หูได้ยินหนึ่ง และสิ่งที่ใจคิดหนึ่ง รวมเป็นกี่อัน (สาม) จริงไหม (จริง) หนึ่ง คือสิ่งที่เราเห็น เราเห็นอะไรบ้างล่ะ ถ้าเราเห็นแล้วเรารู้สึกรัก รู้สึกชอบ ความผูกพันก็เกิด ใช่หรือไม่ แล้วเมื่อเขาไม่เป็นอย่างสิ่งมาตรฐานที่ควรจะเป็น ความผิดหวังก็เริ่มเกิดขึ้น ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เมื่อเขากลายเป็นตัวปัญหาทำให้เราเสียศูนย์ได้หรือไม่ ไม่ว่าคนนั้นเราจะรัก หรือคนนั้นเราจะเกลียด แต่ถ้าเมื่อไรเขากลายเป็นตัวปัญหาแล้ว เราจะทำอย่างไร นี่แหละที่ต้องคิด ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเมื่อไรที่เราเจอ แล้วเห็นคนนั้นกำลังเป็นตัวปัญหา และจะทำให้มีผลต่อจิตใจของเรา และทำให้ใจเราเสียศูนย์ ขอให้คิดให้ดีๆ ก่อนนะ ถ้าเกิดเราเห็นคนนี้คือปัญหา ทำให้เราไม่สบายใจ คิดมาก กลุ้ม เครียด เกลียดจริงๆ ทำไมเขาต้องทำอย่างนี้ เราไม่ชอบเลย จากปัญหาที่อยู่ตรงโน้นกลับมาอยู่ตรงนี้เลย จริงไหม (จริง)  จากที่ปัญหาจะได้แก้ กลับกลายเป็นมีสองปัญหา ปัญหาหนึ่งคือจากเขา อีกปัญหาหนึ่งคือจากเรา ทำให้เครียด แก้ไม่ตก คิดไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า เมื่อไรที่เราเห็นเขาเป็นปัญหา ต้องถามก่อนว่า ตั้งสติให้ดีนะ แล้วตามให้ทัน สติไม่ใช่เบรกที่เอาไว้หยุดชีวิต แต่สติคือตัวเลนส์ขยายเอาไว้มองให้เท่าทันชีวิต ว่าตอนนี้อะไรมันอยู่ในหัวใจ และปัญหาคืออะไร ขยายให้ดีแล้วมองให้ชัด ตามให้ทัน ถ้าตามให้ทัน มองให้ดี ขยายให้เห็นชัด เราก็จะแก้ได้ถูกเปาะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์มักจะบอกว่าสติคือตัวเบรก บางทีไม่ใช่นะ สติคือคล้ายๆ กับแว่นขยายที่ทำให้เรามองเห็นสิ่งที่ไม่ชัดได้ชัดขึ้น มองเห็นสิ่งที่พร่ามัวให้แจ่มชัดขึ้น ด้วยการทำให้นิ่งไว้ เมื่อเรานิ่งเรามองเห็นแล้วว่าเขาเป็นปัญหา ปัญหานั้นเราเองเป็นพื้นฐานที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ถ้าเป็นก็เริ่มแก้ที่เราก่อน ถ้าเราแก้ได้ การจะแก้เขาก็ไม่ยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่ถ้าเกิดว่าไม่เกี่ยวกับเราเลยสักนิด เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่รับผิดชอบหน้าที่ เอาแต่ได้ ถ้าเราเกลียดไป อคติไป ทำอะไรก็จะไม่มีสุข ใช่ไหม (ใช่)  อยู่ร่วมกับเขาก็รำคาญหัวใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเวลาต้องประสานงานกันก็ประสานกันไม่รู้เรื่อง เพราะว่าใจเรารู้สึกอคติและรังเกียจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้น เมื่อไรที่เจอคนที่เป็นปัญหาเราจะต้องพยายามเคลียร์หัวใจ และเปิดใจให้กว้าง รับให้ได้  โลกใบนี้ไม่ได้มีคนแบบเดียวทั้งโลก จะมีทั้งแบบซ้าย แบบขวา แบบดีครึ่งหนึ่ง แบบดีลับหลัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงจะรวมเป็นโลกใบใหญ่ได้ จริงไหม (จริง)  เหมือนมองดูดอกไม้จัดเป็นแจกันให้สวยได้เพราะมีทั้งดอกเล็กดอกใหญ่ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  มีทั้งคนที่ยอมเป็นดอกและยอมเป็นใบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และมีทั้งคนที่ยอมอยู่สูงและยอมอยู่ต่ำ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นบางครั้งเราต้องรู้จักยอมและรู้จักให้อภัย จริงไหม (จริง)  และถ้ายอมให้อภัยแล้วยังรู้สึกทำใจยากก็พยายามเข้าใจก็แล้วกัน ดีไหม (ดี)  ถือว่าเป็นสีสันของชีวิตได้ไหม (ได้)
ถ้าโลกนี้มีสีขาวหมดก็จะไม่สวย ขาวจะดูขาว และขาวบริสุทธิ์ได้เพราะมีดำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และดำจะดูดำมืดจนน่ากลัวได้เพราะว่ามี (ขาว)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ต้องมีคนที่แตกต่าง ต้องมีคนที่คาดไม่ถึงเสมอ ร้ายมาดีตอบก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าเกิดเขาร้ายมาแล้วเราดีตอบไปจนถึงที่สุด แล้วเขาก็ยังร้าย ก็ทำใจ ถือว่าเป็นกรรมเวรของเรา เจอใครไม่เจอ เจอคนที่เขาเกลียดเราจริงๆ เคยไหมเพื่อนของเราเจอแต่คนที่ดีๆ แต่เราเจอแต่คนที่ขัดแข้งขัดขาเรา แปลว่าเป็นกรรมของเรา อยากหมดกรรมก็ยอมรับ จะได้หมดสักที ถ้าไปขัดเขาต่อ จะจบไหม ก็ตามไปชาติหน้า เอาไหม (ไม่เอา)
หนึ่งคือ ปัญหาที่เรามองเห็น อย่างที่สองคือ ปัญหาจากการรับฟัง เคยไหมฟังคนพูดหนึ่งคำเราหัวเราะร่วนเลย แต่พออีกคนหนึ่งพูดเราร้องไห้ทันที  อย่างเช่น วันนี้ไปเรียนหนังสือมาก็ยังไม่รู้ผลสอบเลย แต่เพื่อนจะช่วยบอก เพื่อนบอกเธอได้เอ เพื่อนอีกคนกลับวิ่งมาบอกว่า เขาโกหก แกได้ศูนย์ต่างหาก เราร้องไห้ทันที ใช่หรือไม่ (ใช่)  จำได้ไหมว่า อยู่ในโลกเขาพูดบอกว่า ห้ามเป็นกระต่ายตื่นตูม เพราะคนที่เป็นกระต่ายตื่นตูมก็คือ คนที่ยังไม่รู้อะไรแน่นอนก็หลุดออกไปง่ายๆ
ฉะนั้นอยู่ในโลก เราอย่าเผลอเป็นคนที่มีนิสัยกระต่าย ฟังนิดเดียวแล้วก็บอกว่าจะทำอย่างไรดี ภาษาไทยเขาบอกว่า “ฟังหูไว้หู” แปลว่า ฟังหนึ่งข้าง อีกข้างหนึ่งต้องเผื่อไว้คิดพิจารณาในหัวใจ นำอีกหูหนึ่งมาไตร่ตรองกรองสิ่งที่คนเขาพูดมาเป็นจริงและเชื่อถือได้ขนาดไหน ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นกระต่ายตื่นตูม ไม่ใช่คนที่ฟังหูไว้หู ยกตัวอย่างง่ายๆ มีม้าหนึ่งตัว พ่อกับลูกอีกสองคน
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมแสดง)
เรื่องก็มีอยู่ว่า มีพ่อกับลูกสองคน พ่อกับลูกไปตลาดแล้วไปซื้อม้ามาตัวหนึ่ง แต่ม้าตัวนี้ยังไม่โตเต็มที่ อยู่ในวัยกลางๆ พ่อกับลูกเดินๆ ไปก็จูงม้าไป แต่ช่วงระหว่างทางก็มีคนทัก โง่จังทำไมซื้อม้ามาแต่ไม่รู้จักขี่ พอพ่อได้ยินเช่นนี้ก็เลยทั้งพ่อและลูกก็ขี่ม้าเลย พอโดนคนทักจากที่เดินจูงก็เลยเปลี่ยนเป็นขึ้นขี่ แต่พอขี่ไปสักพักหนึ่งก็เจอคนพูดอีกว่า คนขี่ม้านี่ใจดำจริงๆ ม้ายังโตไม่เต็มที่ขี่มันไปได้ตั้งสองคน พอได้ยินอย่างนี้เขาก็ลงจากหลังม้าแล้วเดินจูงม้าต่อ พอจูงเสร็จคนพูดต่ออีกว่าเด็กคนนี้ไม่กตัญญูเลย ไม่รู้จักให้พ่อขี่แล้วตัวเองจูง ทีนี้ทำอย่างไรต่อ เขาก็เลยให้พ่อขี่แล้วเขาจูงม้า พอจูงไปสักพักหนึ่งคนก็พูดอีกว่าพ่อนี่ใจดำจริงๆ ปล่อยลูกเล็กเดินอยู่ได้แล้วตัวเองขี่ม้าสบายใจ ทีนี้ก็เลยเปลี่ยนเป็นเอาพ่อลงมาให้ลูกขึ้นขี่ แล้วเดินต่อไปอีกก็เจอคนพูดอีก เรื่องนี้ก็จบด้วยประการฉะนี้แล
ทุกข์อยู่ที่ไหนปัญหาอยู่ที่ไหน (ใจ)  ปัญหาอยู่ที่เราเป็นกระต่ายตื่นตูมเกินไป ไม่มีความมั่นคงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่ เหมือนกันคนเรากลายเป็นคนที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เพราะว่าไม่รู้จักฟังหูไว้หูไม่มีความมั่นคงในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จริงไหม (จริง)  เหมือนเวลาเราทำดีมีคนตินิดติหน่อยเราก็เขว เขวไปเขวมาไม่ทำแล้ว ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฉะนั้นฟังอะไรขอให้คิดให้ดีๆ ก่อนที่จะปล่อยให้อารมณ์แล่นไปตามที่คนอื่นพูด ไม่อย่างนั้นเราก็เป็นประเภทกระต่ายตื่นตูม ไม่ใช่คนที่รู้จักฟังหูไว้หู ใช่หรือไม่ (ใช่)
เมื่อสักครู่เราบอกไปสองเรื่องแล้วใช่ไหม สิ่งที่ทำให้เราเสียศูนย์คือสิ่งที่มองเห็นกับสิ่งที่หูได้ยิน และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเสียศูนย์ก็คือ การคิด เคยได้ยินไหมว่าเปลี่ยนใครก็เปลี่ยนยากเปลี่ยนโลกก็เปลี่ยนยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเรามีความพยายามก็ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้จริงหรือไม่ (จริง)  แต่เขาบอกว่าสิ่งที่เปลี่ยนได้ง่ายที่สุดและไวที่สุดก็คือการเปลี่ยนความคิดในหัวใจตนเองถ้าคิดแบบนี้แล้วมันทุกข์เปลี่ยนความคิดของตัวเองให้ไปในทางที่ถูกและไม่อยู่ใต้อารมณ์ดีไหม (ดี)  จะได้บังเกิดสุขแทนที่
เรามาตอบคำถามกันต่อดีไหม คิดอย่างไรที่ทำให้เสียศูนย์ ใครที่ยังไม่ตอบศิษย์พี่ให้เวลา ความคิดอะไรที่ทำให้เราเสียศูนย์ได้
(ความคิดท้อถอย, ความคิดแค้น, ความคิดที่ไม่ตรงกัน) ความคิดที่ไม่ตรงกันทำให้ครอบครัวมีปัญหาได้ ใช่หรือเปล่า ก็ไม่น่าเป็นไรนี่ เพราะมีมุมต่างๆจึงทำให้เราได้เห็นหลายๆมุม ไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเหมือนกันหมดก็แย่แน่เลยใช่ไหม
(ความคิดเห็นแก่ตัว) ความคิดเห็นแก่ตัว เราได้หนึ่งแล้ว เราก็อยากจะได้สอง เราได้สองแล้วก็อยากได้สาม ไม่คิดจะให้ใครแล้ว
(ความคิดกังวล) ความคิดกังวลใช่หรือไม่ (ไม่ฟังใคร)
(ความผิดหวัง) ความผิดหวังน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ที่เรามองเห็นใช่ไหม ไม่ใช่ความคิด ความคิดที่กลัวจะผิดหวังใช่ไหม มีใครตอบอีก
ความทุกข์ทำให้เราเสียศูนย์ได้ ใช่ไหม คิดอย่างเป็นทุกข์ คิดอะไรที่ทำให้เราเสียศูนย์แล้วรู้สึกแย่ๆ คิดอย่างไร
(ความเสียใจ) (ความคิดไม่ออก)  ความคิดไม่ออกทำให้เสียศูนย์ได้ใช่ไหม (ใช่)  ถ้านักเรียนบอกว่าใช่ก็ใช่นะ
(คิดว่าน่าจะทำได้แต่ทำไม่ได้)  ใช่หรือไม่
(เวลาเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเรา)  อย่างนั้นก็เปลี่ยนวิธีคิดดีไหม เราอย่าเปรียบเทียบ ความคิดเปรียบเทียบนั่นแหละที่ทำให้เราเสียศูนย์ ใช่ไหม เอาตัวเราไปเปรียบคนที่ดีกว่า เสียศูนย์ไหม (เสีย)  เสียความมั่นใจไหม เสีย ใช่หรือไม่ ไม่ต้องเปรียบดีกว่าแล้วพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเราเองมี ตัวเองเป็นอย่างไรก็มีค่าได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  เขาเรียกว่าไม่ต้องงามในแบบนางสาวไทย แต่งามในแบบของตัวเองก็ได้นี่ คิดอย่างไรเสียศูนย์ (ความคิดที่สับสน)  ตอบได้ดีนะ
(ความคิดในแง่ลบ มองโลกในแง่ร้าย) คล้องจอง เข้าใจตอบนะ ความคิดในแง่ลบ มองโลกในแง่ร้าย
(ความคิดที่รีบร้อน)  รีบร้อนไปหน่อยจึงตัดสินใจผิดพลาด
ใช่ไหม ความคิดที่รีบร้อน ใช่หรือเปล่า
ตอนนี้มีสติอยู่กับตัวแล้วนะ อย่างนั้นเรามาต่อ ความคิดอะไรที่ทำให้มนุษย์เราเสียศูนย์
(คิดร้าย)  ใช่ ความคิดร้าย จริงไหม (จริง)  อย่างเช่น น่าจะคิดดีเข้าไว้ แต่กลับกลายเป็น (ร้าย)  น่าจะคิดอย่างสบายใจก็กลับกลายเป็นคิดอย่างกลุ้มกังวล ใช่หรือไม่ (ใช่)  ปัญหามาอยู่กับเราแล้วเหตุการณ์มันเกิดแล้ว คิดให้ร้ายก็ไม่มีประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือบางทีตอนนี้สบายใจอยู่แล้ว จะไปคิดร้ายทำไมให้กลุ้มกังวล
มนุษย์จำไว้อย่างหนึ่งนะว่าในโลกนี้ไม่มีเรื่องดีไปตลอดชีวิต และในโลกนี้ไม่มีเรื่องร้ายไปตลอดชีวิต โลกที่เรียกว่าเป็นโลก และเป็นชีวิตคือสิ่งที่มีดีและไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี มีทั้งสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นและน่าเกิดขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการที่เราจะฝึกความคิดให้ถูกต้องและสบายใจนั่นก็คือต้องกล้ายอมรับความจริงในสิ่งที่ไม่เที่ยงของโลกใบนี้ ใช่ไหม (ใช่)  เมื่อเรากล้ายอมรับความจริงในสิ่งที่ไม่เที่ยงของโลกใบนี้ เวลามีอะไรมากระทบใจเราก็จะไม่กระเพื่อมสั่นไหว เราจะบอกว่าอะไรเกิด ดีแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  ถึงแม้ได้เท่านี้ พอแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  แต่มันยากตรงที่ว่ามนุษย์ไม่สามารถพูดว่าดีแล้วได้ตลอด ใช่หรือเปล่า
ลองมาดูตัวอย่างพระองค์นี้ไหม อยากรู้ไหม (อยากรู้)  พระองค์นี้มีลูกศิษย์ก้นกุฏิที่เกเรมากคนหนึ่ง เนื่องจากพ่อแม่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยมาฝากพระไว้ คิดว่าพระจะทำให้จากเกเรเปลี่ยนเป็นคนดีได้
คนที่เป็นแม่เอาลูกมาฝากแล้วบอกว่า “หลวงพ่อ ไอ้เด็กคนนี้เกเรมากๆ” ท่านก็ตอบว่า “ดีแล้ว”  เด็กคนนี้ไม่เคยถูกแม่ชมสักคำ มาอยู่กับหลวงพ่อ เกเร หลวงพ่อก็ยังชมว่า “ดีแล้ว” เขาก็เลยบอกว่า “แม่ ผมไม่ไปกับแม่ ผมจะอยู่กับหลวงพ่อ”
ไม่ว่าเขาจะทำตัวเกเร ตีกับใคร หลวงพ่อก็บอกว่า “ดีแล้ว”  เจอแบบนี้มากๆ เลวร้ายถึงขนาดตีหัวคน หลวงพ่อก็ยังบอกว่า “ดีแล้ว”  เขาจึงรู้สึกละอายใจ เลยบวช แต่พอบวชไปได้สักพักหนึ่งก็เริ่มร้อนผ้าเหลือง บอกหลวงพ่อผมอยากสึก หลวงพ่อก็ตอบว่า “ดีแล้ว”  เขาก็เลยสึก พอสึกไปเสร็จ หลวงพ่อผมเจอสาวผมอยากแต่งงาน
“ดีแล้ว”
พอแต่งงานไปสักพักหนึ่ง เขาก็บอกว่า “หลวงพ่อ ตอนแรกก็สุขดีแต่ทำไมปัญหาเริ่มเกิด ไม่มีอะไรจะกิน หย่ากันดีไหมหลวงพ่อ” “ดีแล้ว”  พอหย่าเสร็จ มีเพื่อนมาชวนหาเงินให้รวยๆ หาทางลัด ให้ไปปล้น เขาก็กลับมาหาหลวงพ่อ “หลวงพ่อปล้นดีไหม” หลวงพ่อตอบว่า “ดีแล้ว” เขาก็เลยไปปล้น พอไปปล้น เพิ่งเคยปล้นครั้งแรก หนีไม่ทัน ลูกเล่นไม่มี เลยโดนจับ
พออยู่ในคุก ก็คิดว่าจะกลับไปด่าหลวงพ่อที่ไม่เคยห้ามอะไร
สักอย่างเลย ทำให้ต้องติดคุกติดตะราง พอกลับมาถึง “หลวงพ่อทำไมทำอย่างนี้ ผมโมโหหลวงพ่อจริงๆ เลย”  “ไม่เป็นไร ดีแล้ว”  เขาโกรธสิ โมโหมาก หลวงพ่อยังพูดอย่างนี้ประชด จึงไปขโมยมีดมา “ผมจะฆ่าหลวงพ่อแล้วนะ” หลวงพ่อตอบว่า “ดีแล้ว”  คนไม่เคยฆ่าคน มืออ่อน มือสั่น หลวงพ่อนั่งเฉยๆ ไม่พูดอะไร หน้าเดียวตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต คนไม่เคยฆ่าคนจะฆ่าคนลงไหม (ไม่ลง)  มืออ่อนปล่อยมีดทันที เขาบอกว่า “ทำไมหลวงพ่อเป็นแบบนี้ ทำไมหลวงพ่อไม่สอน”
หลวงพ่อบอกว่า “ห้ามได้ไหมล่ะ ในโลกนี้ห้ามใครได้ บางครั้งหลวงพ่อยังห้ามตัวเองไม่ได้แล้วหลวงพ่อจะห้ามเราได้หรือ สู้ปล่อยให้ไปทำแล้วไปเจอผลดีกว่า แล้วคิดได้ด้วยตัวเอง เปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเองไม่ดีกว่าหรือ” ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่กว่าจะทำได้ขนาดนี้ หลวงพ่อต้องฝึกใจที่มั่นคงไม่หวั่นไหว
แต่ศิษย์พี่ไม่หวังให้ศิษย์น้องเป็นถึงหลวงพ่อหรอก ใช่ไหม เพราะถึงเวลายังไม่ต้องไปเป็นโจรหรอกศิษย์น้องก็ทนไม่ไหวแล้ว ไม่เอาๆ ต้องอย่างนี้ ต้องอย่างนั้น พยายามคิดที่จะเปลี่ยนแปลงคน แต่ศิษย์น้องอย่าลืมนะว่าเราเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้ มีแต่เปลี่ยนหัวใจของเราให้อยู่เหนืออารมณ์ความคิด ด้วยการคิดให้ได้ คิดให้เป็น และสอนเขาให้ดี ถ้าถึงเวลาเขาไม่เป็นไปตามเรา หรือว่าโชคชะตาไม่สวยอย่างที่เราคิด เราก็ต้องเปลี่ยนมุมมองหัวใจและรับให้ได้ ใช่ไหม (ใช่)  จำไว้นะ โลกไม่ได้มีมุมเดียว เหลี่ยมเดียว มุมนี้มันมองแล้วไม่สวย ลองพยายามหามุมอื่นที่อยู่แล้วทำให้สบายใจ ใช่ไหม (ใช่)  คิดๆ แล้วทำให้โล่งใจ มันมีให้ชื่นชม ใช่หรือไม่ (ใช่)
โลกนี้ไม่มีมุมเดียวเหลี่ยมเดียว คนก็เหมือนกัน ไม่มีด้านเดียวให้เรารู้จัก เขามีหลายด้าน แต่วันนี้เราเผอิญตาเล็กตาใหญ่ไม่เท่ากัน เห็นด้านเดียวแล้วรับไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นพยายามสรรหาด้านที่น่าชื่นชม และถ้าเราหาได้เราก็สามารถอยู่กับโลกใบนี้ได้อย่างเป็นสุข จริงไหม (จริง)  ฉะนั้น ใช่หรือไม่ที่ศิษย์พี่พูดบอกว่า โลกใบนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความเข้าใจอันดี จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นเราเปลี่ยนใครไม่ได้แต่เราเปลี่ยนความคิดมุมมองของเราให้รู้จักเปิดกว้างและรับให้ได้ และเราจะรู้ว่าโลกใบนี้ที่เราคิดว่ามันสวย บางครั้งก็ไม่สวย แต่ในความไม่สวยนั่นก็มีมุมมองที่สวยเหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนฟ้ายังมีมืดมีสว่าง คนก็มีดีมีเลว ใช่หรือไม่ (ใช่)  นับประสาอะไรกับตัวเรา บางครั้งอารมณ์ดีบางครั้งอารมณ์ร้าย
ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นก็อย่าไปโกรธและหงุดหงิดใครเลย ดีหรือไม่ (ดี)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “มีใจอย่าไร้แรง”)
ได้คำว่าอะไร “มีใจอย่าไร้แรง” บางทีท่านรู้ท่านเข้าใจสิ่งที่เราพูด ทำอย่างไรจึงทำให้ชีวิตมีสมดุลไม่เสียศูนย์ง่ายๆ เราอธิบายมาหมดแล้ว และก็เพิ่มความเข้าใจให้แล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  และมีใจอยากจะทำให้ดีอย่างที่เราพูดไหม (มี) แต่ถึงเวลาไปทำแล้วไม่มีแรงจะทำ ใช่ไหม (ใช่)
เหมือนบางครั้งมนุษย์ทุกคนอยากเป็นคนดี อยากเป็นคนขยันและมีความสำเร็จในชีวิต แต่มีแต่ใจ แต่ขาดแรงกำลังได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นทำอะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นคนบำเพ็ญ หรือเป็นคนมีอาชีพ อย่ามีแต่หัวใจแต่ไร้กำลัง หรืออย่ามีแต่กำลังแต่ไร้หัวใจ ทำงานอะไรจะสำเร็จลุล่วงได้ต้องประกอบไปด้วยหัวใจและพลัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าทำโดยใช้แต่พลังแต่ไร้หัวใจก็ดูมันหยาบไปสักนิด ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าทำอะไรใช้แต่หัวใจไม่เคยออกแรงเลยก็ดูเป็นไม่จริงใจเลย ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นขอให้เจี่ยงซือ อาจารย์บรรยายธรรม และก็ปั้นซื่อที่นี่
จำไว้นะว่าอย่าเป็นคนที่มีแต่หัวใจแต่ไร้แรงกำลังที่จะมาช่วยห้องพระที่ใหญ่ห้องนี้ ดีไหม (ดี)  บางคนมีแรงไปทำข้างนอกแต่ถึงเวลาห้องพระใกล้ๆ แค่นี้กลับมาไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  ไม่รู้ว่าห้องพระนี้เป็นคนที่ไม่น่ารักหรือเปล่า ใช่ไหม (ไม่ใช่)
จำสิ่งที่ศิษย์พี่พูดตั้งแต่ต้น ถ้าห้องพระห้องนี้เป็นคนน่ารัก ยากลำบากขนาดไหนก็ต้องดั้นด้นมา แต่เป็นเพราะห้องพระนี้
น่าเกลียดใช่ไหม ทุกคนถึงไม่ค่อยอยากมา ใช่หรือเปล่า (ไม่ใช่)  ฉะนั้นเราอยู่ร่วมกันในสังคมหมู่มาก ยากลำบากขนาดไหนเราก็ทำได้เพราะเรามีใจเมตตารักเขาเป็นพื้นฐาน สรุปง่ายๆ แค่นี้ทำยากไหม (ไม่ยาก)  แล้วเราอยู่ในโลกจะไม่มีใครชี้หน้ารังเกียจเลย เพราะเราพยายามรักเขาด้วยหัวใจและพลังแรงที่เรามี ถึงเขาจะต่างกับเราสุดฟ้าสุดดิน แต่เมื่อต้องมาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน เมื่อต้องมาทำงานร่วมกัน รับให้ได้นะ จะได้ไม่ต้องทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)
ความคิดมันอยู่ที่เราจะหมุนหรือเปล่า เหมือนทีวี ไม่ชอบช่องนี้ยังรู้จักกดเปลี่ยน แต่ถ้าเปลี่ยนมากๆ แล้วหาถูกใจไม่ได้ เลิกเปลี่ยนช่องแล้วมาเปลี่ยนใจตัวเองดีกว่านะ ใช่ไหม (ใช่)  เคยไหม เปลี่ยนเท่าไหร่ไม่ถูกใจ มีร้อยช่อง ไม่ชอบใจทั้งร้อยช่อง หยุดเปลี่ยนแล้วหันมาเปลี่ยนที่ตัวเองสิ ใช่ไหม (ใช่)  เพราะอะไรถึงร้อยช่องไม่พอใจ เพราะหงุดหงิด จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นอย่ามีชีวิตเอาอารมณ์เป็นนายของตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะอยู่บนโลกนี้อย่างไม่มีความสุข และอย่ามีชีวิตอย่างคนที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ มองอะไรเอาตัวเองเป็นหลัก เอาตัวเองเป็นศูนย์และเอาคนอื่นเป็นคนรอบข้าง ไม่มีใครเขารักหรอก จริงไหม (จริง) คนที่ดี คนที่น่ารักคือคนที่รู้จักคำนึงถึงผู้อื่น และรู้จักเสียสละทำเพื่อผู้อื่น ใช่หรือไม่ (ใช่)
วันนี้ท่านมาศึกษาหลักธรรม ศิษย์น้องมาศึกษาหลักธรรมเพื่อเดินไปสู่หนทางเลียนแบบการเป็นพุทธะ และการเลียนแบบหนทางเป็นพุทธะคืออะไรล่ะ รู้จักเสียสละ มีจิตเมตตารัก และหมั่นให้อภัย ยากเกินไปไหม (ไม่ยาก)  อย่างนั้นขอทำให้ได้
คนหนุ่มใจร้อน อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงบนท้องถนน ศิษย์พี่เคยเห็นหลายคนนะ ขาขาดไปแล้วเพราะไปซิ่งมอเตอร์ไซค์ หรือการซิ่ง
มอเตอร์ไซค์ของใครทำให้คนบางคนต้องกลายเป็นคนพิการ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราเปลี่ยนแปลงได้ไหม ไม่ได้แล้ว
ฉะนั้นจำไว้ว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งศิษย์น้องในที่นี้มีใครต้องเป็นทุกข์หนัก มีใครต้องป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย หรือมีใครต้องพิกลพิการ จำไว้ว่าเราเสียไปอย่างหนึ่งแล้ว แต่อย่าให้ใจเราเสียตามไปด้วย การเสียอย่างหนึ่งต้องทำให้เราได้หัวใจที่เข้มแข็งกลับมา เคยเห็นไหมคนพิการแต่หัวใจยิ่งใหญ่ คนป่วยเป็นโรคที่อายุสั้นกลับอายุยืนกว่าคนที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรค เพราะเขารู้จักสร้างสรรค์ชีวิตที่มีความทุกข์ด้วยการคิดเป็น คิดได้
ฉะนั้นอย่าให้ชีวิตนี้ต้องสูญเสียอะไรแล้วถึงจะได้อะไรกลับมา ตอนนี้มีความสุข มีปกติดีอยู่ จงรักษาความปกติที่ดีของชีวิตนี้ให้อยู่กับเราเสมอ ด้วยการรู้จักคิด รู้จักมอง และรู้จักฟัง
วันนี้ศิษย์พี่มาก็นานแล้วใช่ไหม นานไหม (ไม่นาน)  สถานธรรมที่นี่ก็ต้องฝากคนที่นี่ดูแล การงานบางครั้งปล่อยได้ก็ปล่อย ห้องพระมีไหว้พระวันหนึ่งแค่กี่ครั้ง (๔ ครั้ง)  แล้วมาสักหน่อยได้ไหม มาช่วยเพิ่มบรรยากาศ มาช่วยปลุกเร้าคน เงินทองหาเมื่อไรก็หาได้นะ แต่หาแล้วต้องรู้จักสละให้เป็น บุญหมดเมื่อไรแล้วไม่รู้จักสานต่อ ตอนนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ฉะนั้นยิ่งได้มากต้องรู้จักให้มาก ยิ่งมีมากต้องเสียสละมาก ถ้ามีมากเราให้เหมือนกับคนที่มีเหมือนมีธรรมดาก็เอาไปชะล้างกรรมเวรอะไรไม่ได้หรอก
ศิษย์พี่ฝากเท่านี้ล่ะนะ มีโอกาสกลับมาดูแลที่นี่ให้มากๆ หน่อย พูดอะไร คิดให้เยอะๆ บางครั้งการพูดอะไรด้วยอารมณ์อาจจะทำให้คนตายทั้งเป็นได้ ใช่ไหม (ใช่)  เคยได้ยินไหมว่า ช่วยชีวิตคนประเสริฐยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น แต่ท่านพูดเพียงคำๆ หนึ่งก็ฆ่าให้เขาตายทั้งเป็น ท่านไม่เท่ากับทุบเจดีย์หรือ ฉะนั้นจะพูดอะไรด้วยอารมณ์ขอให้คิดดีๆ ตรงเกินไปก็ไม่ใช่จะดี อ้อมเกินไปก็น่ารำคาญ ใช่หรือเปล่า ฉะนั้นขอให้เป็นผู้บำเพ็ญธรรมรู้จักพูดรู้จักคิด และรู้จักบำเพ็ญให้ถูกทางนะ ได้ไหม (ได้)  ถึงเวลาก็ไปแล้วนะ ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ นะ รู้จักนำเอาธรรมะมาใช้ในชีวิตบ้าง

วันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๐    สถานธรรมเซิ่งเต๋อ  จ.ประจวบคีรีขันธ์
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ

    อย่ากลัวที่จะสู้กับความจริง    แม้น่าอายทำผิดจริงแต่รู้แก้ไข
ใจมุ่งมั่นรู้เปลี่ยนแปลงแก้นิสัย    แม้ว่ายากพยายามทำให้ได้ฟ้าเชิดชู
        เราคือ
    หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา  ลงสู่แดนโลกีย์  แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดา        ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

* มุ่งบำเพ็ญจิตใจมิใช่เพื่อความสุขใด อีกทำดีมากมายมิเพื่อรางวัลหนึ่งใด หนทางที่หมายมุ่งตาม ความต้องการหลุดพ้นไป
1 เหยียบเต็มเท้า ก้าวไปอย่างเต็มขา สุดปลายฟ้า ยากแค่ติดในคำ หากว่ารักชีวิต จริงใจไปทบทวน ต้องดีสักวัน
2 อย่าเพิกเฉย จงละอัตตาขวาง อยู่เป็นกลาง เรื่องที่เกี่ยวกับฉัน สิ่งที่รู้ที่เห็นเป็นจริง คนบำเพ็ญต้องคอยระวัง
** มุ่งบำเพ็ญออกมาชัด ถ้าเอาใจสื่อใจ อยู่ลำพังเช่นไร มิใช่มาทำต่างไป แม้ทำด้วยรักหน้าตา ทำให้ดีกลับค้างใจ
(*, 1, **, *, 2, **)
ชื่อเพลง : มีใจอย่าไร้แรง
ทำนองเพลง : ใจคนคอย

    พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
(อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมกำลังเริ่มขึ้นบรรยายหัวข้อ “การบำเพ็ญภายในและการปฏิบัติภายนอก”)
อยากฟังเขาพูดไหม ถ้าเช่นนั้นเราให้เวลาเขาพูดก่อนไหม ตกลงว่าอยากฟังเขาพูดหรืออยากฟังเราพูด ถ้าหากว่าให้เลือกหนึ่งเดียว จะฟังอะไรดี ฟังสิ่งใดดี อยู่ในโลกบางอย่างต้องได้อย่างเสียอย่าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราไม่สามารถได้อะไรพร้อมๆ กันเสมอ ถ้าเกิดวันนี้ให้เลือกฟังเขากับเลือกฟังเรา เลือกสิ่งใดดี (ฟังสิ่งศักดิ์สิทธิ์)
พูดอย่างนี้เขาไม่เสียใจแย่หรือ สิ่งไหนก็มีความสำคัญเท่าๆ กันได้ แต่อาจจะแตกต่างกันที่หัวใจเราปรารถนาสิ่งใดมากกว่ากัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เรื่องบางเรื่องคนหนึ่งพูดกับอีกคนหนึ่งพูด บางทีก็เหมือนกันแต่น้ำหนักต่างกันก็ตรงที่ว่า เราชอบใครมากกว่ากัน เรารู้สึกดีกับสิ่งใดมากกว่ากัน ถ้าเรารู้สึกดีกับสิ่งนั้น ถึงแม้เขาจะพูดธรรมดา เราก็เปลี่ยนเป็นรู้สึกดีได้ แต่ถ้าเราไม่ชอบสิ่งนั้นหรือรู้สึกธรรมดากับสิ่งนั้น แม้เขาจะพูดดีเท่าไรก็ดูธรรมดา เหมือนอย่างใจคิดตั้งแต่ต้น ถ้ามนุษย์คิดเสมอว่า คนที่อยู่รอบข้างเราคือ พุทธะ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราก็คงไม่โกรธ เราก็คงให้อภัยได้ตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้ว บางครั้งเราเห็นมนุษย์เพื่อนร่วมโลกด้วยกัน เป็นทั้งมนุษย์และเป็นปีศาจร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอเห็นเป็นปีศาจร้ายเราก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องให้ความเคารพ ไม่จำเป็นที่จะต้องรับฟังและไม่จำเป็นที่จะต้องยกย่องเชิดชู แต่กลายเป็นดูถูกและเหยียดหยามไป
วันนี้เรามาฟังธรรมะ ผู้ดำเนินงานข้างหน้าบอกว่า จะได้เจออาจารย์จี้กง แล้วคิดจะได้เจออย่างที่หวังไหม ได้ไหม (ได้)  ใครอยู่ในโลกไม่มีความหวังบ้าง คงไม่มี ขึ้นชื่อว่าชีวิต ทุกชีวิตล้วนมีความหวัง แต่เมื่อไรที่เราหวังก็ต้องยอมรับว่ามีความผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่อยากรับความผิดหวังก็จงอย่าหวังอะไร อยากหวังก็จงอย่าลืมรับความจริงว่า ต้องมี (ผิดหวัง)  อยากรักก็ต้องยอมรับความจริงว่าอาจต้องมีอกหัก อยากห่วงก็ต้องยอมรับความจริงว่า ต้องผิดหวังในความห่วง เพราะในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีอะไรที่คงอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ใครสามารถยกตัวอย่างได้ว่า มีอะไรบ้างในโลกที่อยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น
(ฟ้ากับดิน)  ฟ้ากับดินเปลี่ยนแปลงไหม (เปลี่ยน)  วันนี้ฟ้าสว่าง อีกวันหนึ่ง (มืด)  อีกวันหนึ่งฟ้าดูโปร่ง แต่อีกวันหนึ่งฟ้าครึ้ม บางทีในวันเดียวกันมีหลายแบบในหนึ่งฟ้า พื้นดินเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)
อะไรบ้างในโลกนี้ที่ไม่เปลี่ยน เกิด แก่ เจ็บ ตาย จริงไหม (จริง)  มีอยู่ตลอดไม่ว่ากับใคร ไม่ว่ายุคใด ไม่ว่าสมัยไหน  การเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือเราพูดว่า ความไม่เที่ยงคือ สิ่งที่เที่ยงแท้ ความเที่ยงแท้คือ สิ่งที่ (ไม่เที่ยงแท้)  พูดตรงๆ เข้าใจง่าย แต่พอพูดกลับไม่เข้าใจทันที เราพูดว่า ความไม่เที่ยงคือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือ ความเที่ยงแท้ ทำไมตอนแรกบอกไม่เที่ยง แต่ตอนหลังบอกเที่ยงแท้ นั่นก็คือ ในความไม่เที่ยงมีอยู่ในทุกๆ คนเป็นแน่แท้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และใช่แค่ร่างกายไหมที่ไม่เที่ยง (ไม่ใช่)  อะไรที่อยู่ในความไม่เที่ยงบ้าง อารมณ์เราเที่ยงไหม ความรักของเราเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง)  ความเกลียดของเราเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง)  ความชอบของเราเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง)  ในความไม่เที่ยงนี้เราหาความสุขได้ง่ายไหม (ไม่ง่าย)  แล้วเรายังอยากหาไหม
เหมือนเราจับน้ำ จับเท่าไหร่ก็จับไม่ค่อยอยู่ใช่หรือไม่ (ใช่) มันลื่นแล้วมันไหลออกไปจากมือตลอดเวลา ฉันใดก็ฉันนั้น อารมณ์ความรู้สึกที่มนุษย์เฝ้าผูกพัน เฝ้ากังวล เฝ้าห่วงหาอาทรสามารถอยู่กับเราได้ตลอดไหม (ไม่ตลอด)  เหมือนลมพัดมาชั่ววูบ ถึงเวลาทำให้เราเย็น ถึงเวลาก็ทำให้เราร้อน แต่ความเย็นและความร้อนสามารถทำให้เราอยู่แล้วมีสุขได้ตลอดเวลาไหม (ไม่)
ความรู้สึกที่ดีก็เหมือนลมที่เย็น พัดมาก็ทำให้ชื่นใจแต่ถ้าเกิดว่าลมที่พัดมาตอนนี้เป็นลมร้อน ก็เหมือนความรู้สึกโกรธเกลียดพัดมาแล้วทำให้เรารู้สึกร้อนระอุหงุดหงิดใจแต่ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วทำไมเราถึงปล่อยให้ลมนี้ฝังอยู่ในใจเราตลอดล่ะ ทั้งที่จริงๆ แล้วลมมันผ่านไปเรียบร้อยแล้ว บางครั้งเรื่องราวมันจบสิ้นแล้ว แต่ทำไมยังครอบครองหัวใจเราได้อยู่ จริงไหม (จริง)  
เคยไหมว่าบางทีแทบจะจำไม่ได้เลยว่า เราโมโหเขาเรื่องอะไร เคยไหม (เคย)  มีคนที่เกลียดที่สุด แต่พอถึงที่สุดแล้ว มีคนมาถามว่าเกลียดเขาเรื่องอะไร กลับนึกไม่ออก จำได้แค่ว่าเกลียดมากๆ ไปแล้ว จริงไหม (จริง)  หรือบางคนที่เรารัก เรารู้สึกรักเขา แต่พอถามว่า รักเพราะอะไร อะไรที่ทำให้กุมหัวใจเราได้อยู่ ถึงที่สุด ก็บอกว่าดีไปหมด และอะไรที่ดี ก็นึกไม่ออกเหมือนกัน จริงไหม (จริง)
ฉะนั้นอย่าปล่อยให้จิตใจ อย่าปล่อยให้ความทุกข์สุขถูกครอบงำด้วยอารมณ์ที่ไม่เที่ยงแท้เลย ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้ก็คงไม่เป็นอันทำอะไร เพราะมัวแต่กังวลอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกจนเกินไป ใช่ไหม (ใช่)  เคยพอใจกับการนั่งอยู่เฉยๆ เงียบๆ สงบแล้วไม่มีเรื่องราวใดบ้างไหม (เคย)  เคยนั่งอยู่เฉยๆ ได้หนึ่งชั่วโมงไหม (ไม่เคย)  ยาวที่สุดกี่นาที (สิบนาที)  สิบนาทีนี้ไม่ฟุ้งซ่านเลยใช่ไหม (ไม่ใช่)  คนที่สามารถมีความสงบในความเรียบง่ายและปล่อยวาง และไม่มีอะไรให้คิด นั่งเฉยๆ รู้ว่าลมหายใจเข้า รู้ว่าลมหายใจออก เท่านี้ก็เป็นสุขแล้ว พอใจในความสุขเรียบง่าย ชีวิตก็คงไม่ยุ่งยาก จริงไหม (จริง)  
มนุษย์ที่ต้องวุ่นวายและต้องทุกข์ทนเพราะว่าไม่พอใจในสิ่งที่เรียบง่าย ไม่สามารถมีความสุขในความสงบได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าอยากศึกษาธรรม อยากเข้าถึงหลักธรรมก็แค่รู้จักมีความสงบแล้วพอใจในสิ่งที่เรียบง่ายอันเป็นพื้นฐานของตัวเรา ชีวิตก็คงไม่วุ่นวาย หัวใจก็คงไม่ทุกข์ร้อนอีกต่อไป จริงไหม (จริง)  ทำได้ไหม (ได้)  เพราะรู้ว่าทำไม่ได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงต้องมาช่วย ช่วยให้ทำอย่างไรถึงจะไปรอด ไม่ต้องทุกข์ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  
คนในโลกนี้ที่บางครั้งชวนมาฟังธรรมกลับไม่มา ชวนมาไหว้พระก็ไม่อยากมา ไม่ว่าง ชวนไปทำบุญสุนทาน ก็ไม่เอา เพราะอะไรรู้ไหม เพราะอาย เพราะคิดว่าตัวเองดีไม่พอ  หรือพูดง่ายๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังชั่วอยู่ เข้าวัดแล้วรู้สึกเป็นพวกเอาบาปหนาไปใส่วัด ใช่ไหม (ใช่)  แล้วในเมื่อรู้ว่าชั่ว รู้ว่าไม่ดี รู้ว่าทำผิด ทำไมถึงไม่รีบแก้ไขแล้วเปลี่ยนแปลงเป็นคนดีล่ะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามว่าในสังคมเราหรือแม้กระทั่งตัวท่านเอง ชอบคนดีหรือชอบคนเลว (ชอบคนดี)  อยากอยู่ใกล้คนดีหรืออยู่ใกล้คนเลว (ใกล้คนดี)  แต่ทำไมคนที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดกลับดีกับเราไม่ได้ เรียกให้คนอื่นต้องดีกับเรา แต่หัวใจของเรากลับไม่รักดีเอาเสียเลย ใช่ไหม (ใช่)  
แปลกนะ หัวใจตัวเองยังกล้าที่จะไม่เชื่อมั่น แล้วอย่างนี้จะไปเรียกร้องให้ใครมาเชื่อมั่นเรา
เวลาใครเจ็บป่วยไม่สบาย หรือกำลังทุกข์ท้อ สิ่งที่เราสามารถมอบให้เขาเพื่อให้กำลังใจได้คืออะไร คือดอกไม้ใช่ไหม วันนี้เรารู้ว่าต้องผิดหวังที่ไม่ได้พบกับพระอาจารย์ เราจึงได้เอาดอกไม้มาปลอบใจคนผิดหวัง
วันนี้เป็นวันที่สองแล้ว บางท่านอยู่จนครบ แต่บางท่านก็ร่วงหล่นหายไป คนที่อยู่จนครบ อดทนจนได้ก็นับว่ายอดเยี่ยม
วันนี้กับเมื่อวานความรู้สึกต่างกันไหมหรือว่าไม่ต่าง ลำบากเหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีคำพูดคำหนึ่งกล่าวว่า “มนุษย์นั้นตอนเกิดมาใหม่ๆ ไม่มีดี ไม่มีชั่ว พอเติบโตมาถึงได้เติมดี เติมชั่วลงไป ถ้าหากรู้จักศึกษาและอบรมหลักธรรมและหมั่นนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิต ก็เหมือนกับการตกแต่งร่างกายเรา ตกแต่งดี น่าเชื่อถือคนก็เคารพ ตกแต่งตัวร่างกายไม่ดี คนก็ดูถูกดูหมิ่นเอา คุณงามความดี ความชั่วก็เหมือนอาภรณ์ประดับตัวหรือเสื้อผ้าประดับร่างกาย จริงไหม (จริง)
อยากให้เขาชมแต่ภายนอกหรือว่างามทั้งภายนอก ภายใน เคยเห็นไหมว่า คนบางคนภายนอกดูปอนๆ แต่ภายในจิตใจนั้นงดงามยิ่ง เอาแบบไหนดี เอานอกในสวยทั้งสองอย่างหรือว่านอกปอนๆ แต่ในงดงาม เราสังเกตเห็นว่า คนส่วนใหญ่บอกว่า ชอบทั้งนอกในงดงาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เคยไหมว่า เคยกังวลแต่นอกจนลืมภายใน ฉะนั้นสู้ข้างนอกปล่อยบ้าง แต่ข้างในงดงามไม่ดีกว่าหรือ เคยเห็นไหมว่า คนหลายคนพยายามทำภายนอกให้ดูดี แต่ลืมนึกถึงหัวใจข้างใน ฉะนั้นอย่าให้ความสำคัญกับชีวิตผิดไป ถ้าให้ความสำคัญกับชีวิตผิดไปชั่วขณะหนึ่ง เคยไหมทำดีมาตลอด ผิดไปแค่ครั้งเดียวหรือพลาดไปหนึ่งครั้ง คนก็มองเราดีไม่ขึ้นเลย ฉะนั้นอย่าได้ดูถูก ดูเบานะเวลาแม้ชั่วขณะหนึ่ง แม้ถ้าผิดแล้วคนก็สามารถตีตราเราผิดไปตลอดชีวิตได้เหมือนกัน ฉะนั้นเกิดเป็นคนต้องรู้จักระมัดระวังตัวเอง
วันนี้อยากได้ดอกไม้หรือผลไม้ ดอกไม้ในตะกร้าหรือผลไม้ (ผลไม้)  หรือไม่อยากได้อะไรเลยเหมือนเดิม อยากได้อะไรบ้างไหมเมื่อมาที่นี่ ถึงไม่ได้สิ่งของแต่ก็ขอให้ได้อะไรดีๆ กลับไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ในโลกใบนี้เมื่อมีหนึ่งก็ย่อมมีสอง เมื่อมีดีก็ย่อมมี (ไม่ดี)  เมื่อมีหนึ่งก็ย่อมมี (สอง)  แล้วสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราเป็นหนึ่งหรือเป็นสอง (เป็นสอง)  หรือเป็นมากมายนับไม่ถ้วน
วันนี้สิ่งที่เราจะพูดก็คือ สิ่งที่มนุษย์ไม่ชอบ แต่ต้องเจอบ่อยที่สุดคืออะไร มนุษย์ทุกคนรักความสุขเกลียดความทุกข์ ชอบความดีเกลียดความเลว แต่สิ่งที่เกลียดบางครั้งกลับยิ่งเจอ สิ่งที่ชอบกลับยิ่งหนี เอาแค่ง่ายๆ ในหัวใจเราบางครั้งเราบอกว่า เราอยากคิดดี ไม่อยากคิดร้าย อยากเป็นคนดีไม่อยากเป็นคนนิสัยเลวร้ายหรือเกเร แต่ว่า เราห้ามความคิดไม่ให้คิดร้ายสักหนึ่งนาที ได้ไหม อย่างเช่นท่านเห็นเราแล้วคิดดี ได้ไหม (ได้)  
แต่บางครั้งก็อดที่จะมีความคิดร้ายแทรกเข้ามาเสมอๆ ฟังไปก็คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือเปล่า สักพักก็คิดว่า หลอกหรือเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ผิดหรอก มนุษย์ทุกคนสามารถมีความคิดร้ายได้ ความคิดผิดได้ แต่จะลำบากตรงที่จะจัดการตรงที่ไม่ดีไม่ให้มีอำนาจต่อตัวเราได้อย่างไร ถ้าวันหนึ่งเกิดมีความคิดขึ้นมา คิดร้ายอย่างหนึ่งแล้วก็คิดดีเกิดขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง ทำอย่างไรดี ให้ความคิดดีชนะความคิดร้าย
(หาเหตุผลลบล้าง)  หาเหตุผลลบล้าง มีใครตอบได้อีกไหม ถ้าเราเทียบง่ายๆ สมมติว่าเราปลูกต้นไม้พร้อมกันสองต้น ต้นหนึ่งคือดอกสีเหลือง อีกต้นหนึ่งคือดอกสีม่วง เราปลูกพร้อมๆ กันสองต้น แต่ถ้าเกิดต้นหนึ่งเรารดน้ำดูแลแต่อีกต้นหนึ่งเราไม่รดน้ำไม่ดูแลเลย ต้นไหนจะเจริญเติบโตมากกว่ากัน ต้นที่เราพยายามดูแลใส่ใจและยินดีพร้อมใจจะปลูกให้อยู่รอด ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉันใดก็ฉันนั้นเมื่อไรที่เรามีความคิดร้ายขึ้นมา หรือความคิดผิดขึ้นมา ถ้าเราไม่ให้มันมีอิทธิพลกับตัวเรา เราต้องทำอย่างไร ไม่ต้องไปใส่ใจ ไม่ต้องไปคล้อยตาม เดี๋ยวสักพักสิ่งนั้นก็ค่อยๆ ตกลงไปเอง จริงไหม (จริง)  แต่ถ้าเกิดว่าเสียดายจัง ก็ไม่ผิดนี่ที่จะคิดและก็อาจจะเป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ มองๆ ไปก็เป็นไปได้นะที่เขาจะเป็นคนไม่ดี นี่แหละเรียกว่าการใส่ใจ แล้วก็ยินยอม แล้วก็คล้อยตาม แล้วก็ปล่อยให้สิ่งนี้มานำพาเรา งงไหม ยกตัวอย่างง่ายๆ ดีกว่า ดีไหม (ดี)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตายกตัวอย่าง ผู้ใหญ่หนึ่งท่านเป็นตัวแทนความคิดดี และเด็กอีกหนึ่งท่าน เป็นตัวแทนความคิดไม่ดี)  
สมมติว่าทั้งสองท่านนี้คือความคิดในหัวใจเรา ด้านหนึ่งคือคิดดี อีกด้านหนึ่งคือคิดไม่ดี ถ้าด้านคิดดีมีปริมาณมากกว่าด้านคิดไม่ดี ด้านคิดไม่ดีก็ทำอะไรไม่ได้ ถูกไหม (ถูก)  
แต่ถ้าเรารู้สึกว่าน้ำหนักไม่พอที่จะน่าเชื่อถือ เราเติมความคิดชั่วและหล่อเลี้ยงเข้าไปอีกว่า คิดดีไม่น่าจะมีประโยชน์ คิดอย่างนี้ดีกว่า เขาไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเป็นคนดี เราก็เติมน้ำหนัก เติมความรู้สึก เติมความน่าเชื่อถือ จากเด็กคนนี้กลายเป็นผู้ใหญ่ท่านนี้ ถึงแม้ว่าความคิดไม่ดีจะเล็กกว่า แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่คล้อยตามความคิดดี เล็กนั้นก็จะเพิ่มใหญ่ขึ้นมาได้ด้วยพลังอำนาจของเราที่เราใส่ใจ ยินยอม และคล้อยตาม ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นเล็กที่แม้จะอยู่ข้างหลังอาจจะเติบโตเป็นยิ่งใหญ่และกลายเป็นมีอำนาจครอบงำใจเราได้ ถูกไหม (ถูก)  
แต่ถ้าในทางกลับกัน ถ้าสมมติว่าเด็กท่านนี้เป็นความคิดไม่ดี แล้วผู้ใหญ่ท่านนี้เป็นความคิดดี และเราไม่ได้เพิ่มเติมไม่ได้ปรุงแต่งอะไร ความไม่ดีก็เอาชนะความดีในหัวใจเราไม่ได้ หรือเทียบง่ายๆ เคยเห็นตาน้ำไหม ตาน้ำ ถ้าเกิดน้ำผุดอยู่ได้เรื่อยๆ ตลอดเวลา แม้จะมีคนเอาของสกปรกเทลงไปในน้ำ น้ำจะมีวันสกปรกได้ไหม (ไม่ได้)  เพราะอะไร เพราะตาน้ำพยายามหลั่งน้ำที่บริสุทธิ์ออกอยู่ตลอดเวลา
ฉันใดก็ฉันนั้นคนเราไม่มีทางเป็นคนชั่วได้ถ้าไม่ยินยอมพร้อมใจและสมัครใจตามความชั่วไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนกับน้ำนั่นแหละ ถ้าเราเชื่อมั่นในความดี มุ่งมั่นจะเป็นคนดี สิ่งที่มาจะเปลี่ยนแปลงเรา หรือน้ำที่จะมาเพิ่มเติมให้เราดำขนาดไหน ก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราพยายามคิดแต่สิ่งที่ดีเป็นมั่นคงเสมอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนน้ำที่พยายามออกมาด้วยความสะอาด แม้ใครจะมาทำสกปรกอย่างไร น้ำสะอาดก็หลั่งออกมาเสมอ และก็ทำร้ายน้ำตรงนี้ให้สกปรกไม่ได้ จริงไหม (จริง)  
ฉะนั้นจะดีจะชั่วไม่ใช่อยู่ที่ใครทำ แต่อยู่ที่หัวใจตัวเราเองต่างหาก ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วเราจะทำอย่างไรให้เราสามารถเป็นคนที่มีตาน้ำบริสุทธิ์สามารถชะล้างความคิดร้ายหรือภาวะเลวร้ายในโลกนี้ให้จงได้ เคยคิดไหม ทำอย่างไรดี ไม่เคยคิด ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ปล่อยไปสามวันดีสี่วันร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ปล่อยไปตามอารมณ์ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ง่ายๆ เอง ถ้ามีจิตเมตตาและพยายามเข้าใจ และพยายามอภัยอยู่เสมอ เราจะคิดร้าย ทำร้ายใครได้ลงไหม (ไม่ลง)  
สิ่งที่ทำให้มนุษย์เปลี่ยนจากคนดีกลายเป็นคนร้ายและหงุดหงิดได้ก็คือ ความผิดหวังใช่หรือไม่ (ใช่) และการรับความจริงไม่ได้ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นอย่าลืมนะว่าในโลกที่ไม่เที่ยงแท้มีความเที่ยงแท้อยู่  ในโลกที่มนุษย์พยายามครอบครองเป็นเจ้าของแท้ที่จริงแล้วไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงได้ ถ้าเรายอมรับความจริงตรงนี้  ไม่ว่าภาวะโลกจะเปลี่ยนแปลงขนาดไหนก็ทำอะไรใจเราไม่ได้จริงไหม (จริง)  ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวเรากับโลกใบนี้ได้อย่างแท้จริง  โลกนี้นั้นไม่เที่ยงแท้  เคยไหมที่อยากให้อยู่แต่กลับไป  อยากให้ไปแต่กลับ (อยู่)  ฉะนั้นความจริงคือสิ่งที่ยากรับ  แต่ถ้ารับได้เมื่อไรเราก็จะเป็นสุขและเรียนรู้ชีวิตได้อย่างงดงาม  จริงไหม (จริง)
สิ่งที่เราอยากให้อยู่กับเราไปนานๆ นั่นคือ ๑.ร่างกาย
๒. ทรัพย์สิน  ๓. (สังขาร)
มีอะไรอีกที่เราอยากให้อยู่แต่ไม่สามารถอยู่ได้ (ความสุข) ความสุขนั้นจริงๆอยู่ได้ ถ้ารู้จักพอใจในสิ่งที่ธรรมดา ไม่ต้องไปกังวลกับคนอื่น เริ่มที่ตัวเราเองก่อนไม่ดีหรือ เคยได้ยินไหม คำที่ว่า
“ผลิดอกก่อนแล้วค่อยตกผล” ถ้าไม่ผลิดอกก่อน จะตกผลได้ไหม (ไม่ได้)  
มีอะไรอีกที่เราอยากให้อยู่แต่ไม่สามารถอยู่ได้ (คนที่เรารัก)  อย่ารักคนอื่นมากกว่าพ่อแม่ตัวเองนะ และอย่ารักตัวเองจนลืมรักพ่อแม่  มีอีกไหม
(เพื่อนบ้าน, พี่น้อง, ลูก, พ่อแม่) แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็เห็นห่วงหาเงิน หาทอง มากกว่าพ่อแม่อีก ใช่หรือไม่ ถึงเวลาจะมาหาท่านทีก็ตอนที่ท่านแย่แล้วทุกทีเลย ตอนที่ท่านดีๆ ก็ไม่รีบมาดูใจ ชอบมาดูใจตอนที่กำลังแย่ อย่างนี้เรียกว่าห่วงจริงๆ หรือ และอยากให้ท่านอยู่ด้วยนานๆ จริงๆ หรือเปล่า เลี้ยงลูกด้วยเงินทอง ไม่สู้เลี้ยงลูกด้วยความดีในหัวใจ อยากให้คนอื่นรักนั้นผูกด้วยเงินทองไม่สู้ผูกด้วยหัวใจแห่งความดีงาม ไม่ต้องลงกลอน หรือขังไว้ เขาก็ไม่ไปไหน แม้ต่อหน้าและ ลับหลังเขาก็ยังซื่อสัตย์ต่อเรา
มีใครจะตอบอีกไหม
(ลูก) ห่วงลูกกันจริง จำไว้ว่าคนทุกคนมีชะตาชีวิตของตนเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) ชอบดูดวงใช่ไหม แต่เคยได้ยินไหมว่า “ชะตาชีวิตเป็นไปตามการกระทำ และความตั้งใจของตัวเรา” โชคชะตาไม่ใช่เป็นผู้กำหนดอนาคต แต่คนที่กำหนดอนาคตและโชคชะตา คือการกระทำของตัวเราเอง อยากจะรู้ว่าอนาคตดีหรือไม่ ให้ดูที่ปัจจุบัน เขาแค่ทำนายว่า น่าจะเป็น แต่ถ้าน่าจะเป็นแล้วเราไม่คิดจะลงมือทำก็ไม่มีประโยชน์ เคยไหมที่เขาบอกว่า อะไรก็ดีไปหมด แต่ถึงเวลาแล้ว ทำไมร้ายจัง ทำไมโชคร้ายบ่อย หรือบางครั้งชะตาชีวิตบอกว่าโชคร้าย แต่ทำไมพลิกผันกลายเป็นดีได้
ฉะนั้นอยากจะบอกท่านว่า “โชคดีหรือเคราะห์ดีเคราะห์ร้ายไม่ได้อยู่ที่ฟ้ากำหนดแต่อยู่ที่ตัวเราเอง ถึงชะตาจะกำหนดว่าเราจะโชคร้ายแต่ถ้าเราคิดดีและทำดีอยู่เสมอ ร้ายก็อาจจะกลายเป็นเบาได้และเบาอาจจะกลายเป็นดีได้”  กลับกันถ้าตอนนี้บอกว่าชะตาชีวิตภายหน้าเราจะโชคดี แต่ถ้าทุกวันเราเอาแต่คิดร้ายและทำแต่สิ่งที่ผิดศีลธรรม ไม่อยู่ในทำนองคลองธรรมก็อาจจะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นร้ายได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นเคราะห์ดีเคราะห์ร้ายอย่าได้แต่ดูฟ้าแต่ต้องหันมาดูตัวเราเอง อยากหลีกเลี่ยงภัยภายนอกก็จงรู้จักควบคุมภัยที่เกิดจากใจตน เคยได้ยินไหมว่าภัยธรรมชาติหนีได้ แต่ภัยที่เกิดจากตัวเองสร้าง หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น วันนี้เรามาเรียนรู้วิธีพ้นภัยและมีแต่สิ่งที่รัก เอาไหม
เคยได้ยินไหมว่า ทำสิ่งที่ไกลให้รักง่ายกว่าทำสิ่งที่ใกล้ให้รักเรา เคยเป็นไหม ทำคนไกลให้รักเราง่ายกว่าทำคนใกล้ให้รักเรา เพราะอะไร เพราะคนใกล้เห็นหมดไส้หมดพุง แต่คนไกลเห็นนิดๆ หน่อยๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วท่านไม่รู้สึกกลับตาลปัตรหรือ คนในบ้านเห็นหมดทั้งไส้ทั้งพุง แต่กลับรักเราไม่ลง แต่คนข้างนอกเห็นเรานิดเดียวแต่กลับรักเราลง อย่างนี้ไม่เรียกว่าเรากำลังชอบความจอมปลอมหรือ ใช่ไหม (ใช่)  
ฉะนั้นการเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นไม่สร้างภัยภายนอก หรือทำให้คนรักกันง่ายๆ ก็คือต้องเริ่มต้นที่คนชิดใกล้
ทำอย่างไรให้คนใกล้รักและคนไกลก็อยากเข้าหา ทำอย่างไรให้เราเป็นคนที่ทำอะไรผิดน้อยหน่อย ไม่ใช่ผิดแล้วค่อยมาแก้ไข อย่างนี้ก็น่าเสียดาย ใช่ไหม (ใช่)  วิธีที่จะทำอย่างไรให้คนใกล้ก็รักคนไกลก็อยากชิดใกล้ นั่นก็คือ (ยิ้มสู้)  ยิ้มสู้อย่างเดียว ใช้ไม่ได้นะ นั่นก็คือ (ความดี)  ความดีหรือ เราบอกว่าความจริงใจ ใช่ไหม (ใช่)  แต่ความจริงใจบางครั้งหากมีมากเกินไปก็กลับกลายเป็นน่ารำคาญ สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้ถ้าอยากให้คนใกล้ก็รักเรา คนไกลก็อยากชิดใกล้นั่นก็คือความเคารพ จริงไหม (จริง)  
ความเคารพอ่อนน้อม เกิดเป็นคนถ้าอยู่ที่ไหนเรามีความเคารพ อยู่ที่ไหนเรามีเมตตารัก อยู่ที่ไหนเรามีความเอื้ออาทร อยู่ที่ไหนรู้จักพูดรู้จักจาด้วยความเคารพนบนอบ ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรัก จริงไหม (จริง)  กับผู้ใหญ่รู้จักเคารพนบนอบ กับเด็กรู้จักเมตตารักใคร่ มีหรือจะไม่มีใครรัก ไม่ใช่ไปอยู่ที่ไหนก็ถือดีอวดดีอวดได้ เช่นนี้ไม่มีใครรักหรอก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ง่ายๆ อยากให้เขารักอยากให้เขาชิดใกล้ จงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและจริงใจในการปฏิบัติตน
อย่างที่สอง เวลาเราจะทำอะไร ไม่ว่าจะพูดจะจา ท่านต้องทำงานร่วมกับคนอื่น สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความสุขุมรอบคอบระมัดระวังไม่ประมาท พูดอะไรก็คิดให้ดี ทำอะไรก็รู้จักไตร่ตรองให้รอบคอบ เช่นนี้แล้วความผิดพลาดจะเกิดขึ้นในชีวิตไหม (ไม่มี)  เมื่อไม่มีความผิดพลาดเราจะมีอดีตที่ต้องเสียใจไหม (ไม่มี)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือ สุขุมระมัดระวังรอบคอบ ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ยากไหม (ไม่ยาก)
เมื่อสักครู่เราบอกไปสองอย่างว่า ทำอย่างไรให้คนไกลก็อยากชิดใกล้ คนไกลก็คิดถึงอยากจะเข้าหา คนใกล้ก็รู้สึกห่วงหาอาทร นั่นก็คือ อยู่บ้านถึงแม้จะสนิทกันมากแค่ไหน ความเคารพต้องมีให้แก่กันอยู่เสมอ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเป็นผู้ใหญ่ ความเป็นผู้น้อยก็ยังมีให้แก่กันอยู่ การให้เกียรติกันอย่างไรก็ยังคงรักษาให้ดำรงอยู่ ไม่ใช่ยิ่งสนิทก็เลยไม่ถือตัวกัน แม้สนิทกันมาก แต่ว่าความให้เกียรติ เราก็ยังต้องให้อยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงสนิทกันมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ให้เกียรติกันเลย เราก็รับไม่ได้ หรือเวลาที่ทำอะไรร่วมกัน ทำอะไรก็ใจเร็วด่วนได้ ใครก็ไม่อยากทำด้วย เพราะความใจเร็วด่วนได้ ทำให้เรื่องนั้นพังอยู่บ่อยครั้ง ฉะนั้นเกิดเป็นคนต้องใจเย็นสุขุม ไม่ประมาท ถ้าทำได้สองอย่างนี้เรื่องผิดพลาดก็ยากเกิดขึ้น การเกลียดกันหรือดูถูก ดูแคลนกันก็จะไม่มี แต่เท่านี้พอไหม (ไม่พอ)
ต่อคนหนึ่งคนเราจะรักเขาหมดหัวใจ มีเท่านี้พอไหม (ไม่พอ)  สิ่งที่เพิ่มของการเป็นคนอยู่ร่วมกันคือ การรับผิดชอบต่อหน้าที่ รู้จักรับชอบเป็น ก็ต้องรู้จักรับผิดเป็นด้วย เกิดเป็นคนสิ่งที่สำคัญคือ การที่เราสามารถทำให้คนๆ หนึ่งเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมได้ หรือน่าเชื่อถือต่อใครได้ ต้องรู้จักรับผิดชอบได้ ถ้าเอาแต่สิ่งที่ชอบแต่ความผิดโยนให้กับคนอื่นเราก็ไม่เคารพและไม่อยากร่วมงานด้วย
ฉะนั้นเราทำงานร่วมกับใคร ผิดเราต้องกล้ารับ ผิดว่าไปตามผิด ถูกเราต้องรู้จักเสียสละให้กับคนอื่นได้บ้าง คนเช่นนี้ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเป็นคนที่พูดคำไหนเป็นคำนั้น ทำได้ไหม ยากไหม (ไม่ยาก)  พูดคำไหนเป็นคำนั้น คนที่พูดคำไหนเป็นคำนั้น รู้จักรับผิด รู้จักรับชอบ ก็เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ ใครๆ ก็อยากร่วมงานและร่วมมือ จริงหรือไม่ (จริง)
สามอย่างนี้พอไหม รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักสุขุมรอบคอบ ระมัดระวังไม่ประมาทและก็รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ รักษาคำสัตย์ พูดคำไหนเป็นคำนั้น พอไหม (ไม่พอ)  เป็นคนดีสามอย่างนี้ถ้าทำได้ก็ถือว่าดีแล้ว แล้วทำไมบอกไม่พอ เพราะอะไร อย่าลืมว่า สามอย่างนี้ทำได้ดีแล้ว แต่ถ้ายังขาดอีกอย่างหนึ่งก็เป็นคนที่สมบูรณ์ไม่ได้ รู้ไหมคืออะไร เรารู้ว่าฟังเรานานๆ เริ่มเมื่อย เริ่มเบื่อ ถ้าวันนี้มีใครตอบได้จะได้นั่งลงทั้งชั้น แต่ถ้าตอบไม่ได้ต้องยืนตลอดจนกว่าเราจะกลับ
(น้ำใจ)  น้ำใจก็คือ ความจริงใจ ตอบไปแล้วอยู่ในนั้น คนเราถ้าสุขุมระมัดระวัง ทำอะไรไม่ประมาทก็คือมีสติ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(ซื่อสัตย์,เมตตา)  เราก็บอกไปแล้ว เราพูดจาต้องมีความอ่อนน้อม ต่อผู้ใหญ่ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อผู้น้อยต้องมีความรักใคร่
(มีคุณธรรมประจำใจ,มีความสม่ำเสมอ,มีศีล)  คนซื่อสัตย์ไม่โกหก คนมีศีล แสดงว่า ไม่ฆ่าสัตว์ เขาก็มีศีลแต่ขาดอะไร
(ความเสมอต้นเสมอปลาย)  ก็ตอบได้ดีแต่ยังไม่ใช่
(ความกตัญญู, การรู้จักศึกษาธรรมะ, การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน, การให้อภัยซึ่งกันและกัน, ความซื่อสัตย์, ความสามัคคี, กำลังใจ, ความตรงต่อเวลา, ความขยันหมั่นเพียร, ความเสียสละ, รักษาคำสัตย์, ความมั่นคง, ความไม่เห็นแก่ตัว, ความไม่รู้จักพอ, ความเมตตา, ความเห็นอกเห็นใจกัน, การรักษาศีล, ความเอื้ออารี, รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา, ความคิดดีทำดี, ความยุติธรรม, ความมีคุณธรรมประจำใจ, ความเสมอต้นเสมอปลาย, ความเอื้ออาทรเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน, ละชั่วทำดี, การไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น)  
(เห็นอกเห็นใจเอาใจเขามาใส่ใจเรา, การให้อภัย, การไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก, การรักเพื่อนรอบข้าง, เมตตา, ความซื่อสัตย์, มีความเกรงกลัวละอายต่อบาป, มีความมุ่งมั่น, มีความเชื่อถือ, มีความทุ่มเท, มีอัธยาศัยไมตรีที่ดีต่อกัน, มีปัญญา, มีสติปัญญาแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า, มีความเข้าใจกัน, ความจริงใจและมีสัจจะ, มีความเสียสละ, ซื่อสัตย์และยุติธรรม, มีธรรมะ, ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน)  อย่าเห็นอกเห็นใจตัวเองจนไม่เห็นอกเห็นใจใครนะ
(การเห็นพ้องเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน)  บางครั้งคิดต่างก็ได้ แต่ถ้าเกิดว่าเสียงส่วนรวมไปทางซ้ายเราก็ต้องยอมหยุดความคิดเราเพื่อไปกับเขา ใช่ไหม
(อ่อนน้อมเสียสละ, การลงมือทำ)  มีคนตอบได้แล้วนะเชิญนั่งลงได้ (ความเสียสละ)  ถามว่ามนุษย์ทุกคนรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ไหม (รู้)  สามารถพูดคำไหนเป็นคำนั้นได้ไหม (ทำได้)  แต่ถึงเวลาจะเสียสละตัวเองลงมือกระทำจริงหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือแม้คุณธรรมจะดีขนาดไหน แต่ถ้าพูดแล้วทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า และถึงเวลาเสียสละ อุทิศกระทำตัวเองอย่างที่พูดไหม จริงหรือไม่ (จริง)
ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการเกิดเป็นคนนั้นก็คือจิตที่อุทิศเสียสละแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ถ้าทำได้เช่นนี้ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่เขาจะมี พูดคำไหนเป็นคำนั้น เขาจะรักษา ถ้าเกิดเขาคิดว่าทำไมฉันต้องรักษาคำพูดด้วย ทำไมฉันจะต้องยอมด้วย ทำไมฉันจะต้องเสียสละด้วย เขาก็จะหยุดทันที จริงหรือเปล่า (จริง)  
ฉะนั้นคุณธรรมดีขนาดไหน ถ้ามนุษย์ไม่คิดถึงหัวอกผู้อื่นบ้าง มัวแต่กังวลแต่เรื่องของตัวเองหรือไม่ยอมสละกระทำออกมาบ้างก็เปล่าประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าลืมนะว่าแม้จะมีความสุขุมรอบคอบไม่ประมาทในการทำงาน แต่ถ้าเกิดมีอยู่ในใจแต่ไม่เอาไปลงมือกระทำก็ไม่มีผล ถามว่าความอ่อนน้อมถ่อมตน จิตใจเมตตาและรู้จักรักผู้อื่นเรามีไหม แต่ถึงเวลาเราเสียสละที่จะรู้จักอ่อนน้อม รู้จักที่จะเมตตาไหม บางทีก็ห่วงตัวเองก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าได้เป็นคนที่รู้หลักรู้เกณฑ์ แต่ถึงเวลาทำไม่ได้ เสียสละไม่ออก ใช่หรือไม่ (ใช่)  
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ชื่อเพลง : มีใจอย่าไร้แรง  ทำนองเพลง : ใจคนคอย)
“สุดปลายฟ้า  ยากแค่ติดในคำ”
เคยไหมสุดปลายฟ้า เดินไปไหนได้แต่ยากอยู่แค่คำๆ เดียวของคนบางคน การศึกษาบำเพ็ญธรรมเพื่อให้เราปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่ใช่เพื่อต้องการคำยกย่อง สรรเสริญ เมื่อทำตัวได้ดีก็นำพาคนอื่นได้ง่าย แต่ถ้าเราทำตัวไม่ดี การจะไปเรียกร้องให้คนอื่นทำตัวให้ดีก็เป็นเรื่องยาก และสังคมปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทตัวเองไม่ดี แต่เรียกร้องให้คนอื่นดี ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมก็คือ เรียกร้องตนเองก่อนที่จะเรียกร้องใคร ทำตัวเองให้ถูกต้องดีงามก่อนที่จะไปนำพาใคร เมื่อเริ่มต้นถูก ปลายก็ย่อมสำเร็จ แต่ถ้าเริ่มต้นผิด ปลายก็ย่อมล้มเหลว คนในโลก ตัวเองยังไม่ดี ไม่ตรง ก็ยังอยากจะไปนำพาคนอื่นให้ดีให้ตรง นี่คือความลำบาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  
“อยู่ลำพังเช่นไร  มิใช่มาทำต่างไป”
เคยเห็นไหมว่า คนไม่กล้าทำผิดในที่แจ้ง แต่ชอบทำผิดในที่ลับ  คนไม่ชอบทำผิดต่อหน้าคนเยอะแยะ แต่ชอบทำผิดลับหลังที่คนมองไม่เห็น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความหมายนี้ก็คือแม้เราจะอยู่ลำพังอย่างไรก็ตาม ความดีก็ยังต้องรักษาเหมือนอยู่ต่อหน้าคนมากมาย เกิดเป็นคน ถ้าต่อหน้าและลับหลังไม่แตกต่างก็เรียกว่าคนซื่อตรง แต่ถ้าเกิดเป็นคนต่อหน้าทำอย่าง ลับหลังทำอย่าง เช่นนี้เรียกว่าคดในข้องอในกระดูก ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งที่เราบอกในวันนี้ก็คือคุณค่าในการบำเพ็ญตนอยู่ในสังคม เกิดเป็นคนอยู่ในสังคมอยากจะเป็นคนที่ดี และไม่ทำผิดคิดร้ายสร้างภัยให้กับตัวเอง นั่นก็คือ หนึ่ง “ต้องรู้จักสุขุมระมัดระวัง ไม่ประมาท” หรือพูดง่ายๆ เป็นคนใจเย็น คนใจเย็นทำอะไรผิดพลาดได้ยาก เสียหายได้น้อย ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างที่สอง “ไม่เป็นคนแข็งขืนดื้อด้าน” คนบำเพ็ญธรรมหรือว่าเป็นคนมีความรู้ในสังคมถ้าแข็งขืนดื้อด้านก็ไม่มีใครรัก อยู่ในสังคมขอให้เป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักพูดรู้จักจา อย่างที่สาม จำได้ไหม “รับผิดชอบต่อหน้าที่” ไม่เกี่ยงที่จะรับความผิดมาอยู่กับตน แม้บางครั้งความชอบจะไปอยู่กับผู้อื่น คนเช่นนี้ไปอยู่ที่ใดก็มีแต่คนอยากจะร่วมงานด้วย เพราะเป็นที่รัก พูดคำไหนเป็นคำนั้น และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “จิตใจที่เสียสละอุทิศ” อย่าได้เป็นคนที่รู้จักแต่รับผิดชอบตัวเอง แต่ไม่เคยช่วยเหลือใครในสังคมก็ไม่เรียกว่าคนดีที่แท้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ต้องรู้จักสละเวลาอุทิศช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง ยากเกินไปไหม (ไม่ยาก)  มนุษย์สามารถมีสุขได้ มีทุกข์ได้น้อยลง ถ้ารู้จักพอใจในสิ่งที่เรียบง่าย ที่เราต้องมีความวุ่นวายอยู่กับปัจจุบันนี้ มีทุกข์อยู่กับปัจจุบันนี้เพราะอะไร เพราะบางครั้งปล่อยวางไม่ลง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงจะปล่อยได้ก็ยังอดห่วงลึกๆ ไม่ได้ เรื่องในโลกนี้มีได้มีเสียเป็นธรรมดา คนในโลกนี้มีดีมีร้ายเป็นปกติ แต่เมื่อเรารู้ว่าเราทำผิดต้องรีบแก้ไข เมื่อเรารู้ว่าเราเป็นเด็กที่ไม่น่ารัก เราก็ต้องรู้จักปรับปรุงตัว
เราพูดมาพอประมาณแล้ว ถึงเวลาเราก็คงต้องกลับ เรามาอยู่บนโลกใบนี้ ร่างกายเราก็ยืมเขา เงินทองก็ผลัดกันชม ลูกหลานถึงเวลาเขามีชะตาของเขา ห่วงไปถึงที่สุดเราก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าเขาไม่รักดี จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือทำหัวใจให้ยอมรับทุกรูปแบบที่ต้องเผชิญในชีวิต ไม่ว่าบทเรียนชีวิตจะสอนให้เลวร้าย หรือบทเรียนชีวิตจะสอนให้ทุกข์ทนเจ็บปวด เราก็ต้องรู้จักคิดให้ได้และคิดให้เป็น แล้วความทุกข์ก็จะไม่มาสู่ชีวิตเราเลย ถ้าเรารู้จักจัดสรรชีวิตให้ดีงาม
เหมือนวันนี้มานั่งมีความสุขได้ไหม ถ้าใจเรารู้สึกมีความเพลิดเพลินในการรับฟัง แต่ทำไมสองวันนี้นั่งด้วยความทรหดอดทนด้วยความยากลำบาก ก็เพราะใจเราไม่รู้จักรัก จำไม่ได้หรือ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์บอก ถ้ารักแม้ลำบากขนาดไหนก็ทน ยากแค่ไหนก็ไปถึง แต่ถ้าเกลียดแล้วอยู่ใกล้นิดเดียวก็ไม่เอา ไม่แล แล้วทำไมธรรมะที่ดีที่ประเสริฐขนาดนี้ มนุษย์กลับไม่สนใจที่จะแยแส ถ้ารู้จักนำมาใช้ ชีวิตก็จะปลอดโปร่ง รู้จักปล่อยวาง รู้จักปลงเป็น รู้จักมีความสงบสุขในชีวิตได้ วันนี้เรามาก็นานพอสมควรแล้ว ทุกท่านอย่าเอาแต่ฟัง ต้องรู้จักนำสิ่งที่ฟังไปปฏิบัติ จะทุกข์หรือจะสุขไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวเราเอง คิดได้ คิดเป็นก็เป็นสุข คิดไม่ได้ คิดไม่เป็นปล่อยให้ทำตามนิสัยเดิมๆ ก็เป็นทุกข์ ฉะนั้นวันนี้สิ่งใดดีก็รักษาไว้ สิ่งที่ไม่ดีก็จงรีบขจัดตัดทิ้งออกไปจากหัวใจ ดีไหม (ดี)  
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนร่วมร้องเพลงธรรม “มีใจอย่าไร้แรง”)
อย่างน้อยไม่ได้ธรรมะอะไร ก็ยังได้เนื้อเพลงวรรคสองวรรคติดหูบ้างก็ยังดี เราบำเพ็ญไม่ใช่เพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว เราบำเพ็ญเพื่อตัวเองแล้วไปช่วยคน เราบำเพ็ญเสียสละตนเองแล้วเพื่อเสียสละไปช่วยคนอื่น ถ้าทำได้เช่นนี้ก็เรียกว่า ศึกษามาสองวันไม่เสียเปล่า วันนี้ก็คงผูกบุญสัมพันธ์กับท่านแค่นี้ มีโอกาสอย่าได้ให้การศึกษาธรรมะจบลงแค่สองวันนี้เท่านั้น ว่างก็มาศึกษาเพิ่มเติม เพราะชีวิตของเราไม่สามารถเรียนรู้ในสองวัน แล้วนำพาชีวิตให้ตลอดรอดฝั่งได้ เรามีนิสัยอย่างหนึ่งที่แก้ไม่เคยหาย นั่นคือความเคยชิน
รู้อะไรดีอะไรชั่ว แต่บางทีอดตามความเคยชินไม่ได้ หรือฝืนตัวเองไม่ออก โลกเขาว่าอย่างไรฉันก็ว่าไปตามโลก เลยฝืนทำดีไม่ได้สักที ถ้าฝืนไม่ได้ก็เอาชนะตัวเองไม่ได้ ถ้าเอาชนะตัวเองไม่ได้การบำเพ็ญก็ยังอยู่ห่างไกล ใช่หรือไม่ (ใช่)  วันนี้เรามาศึกษาธรรมร่วมกัน อย่าคิดว่าเรามาหลอกเลยนะ วันนี้ก็คงเท่านี้แหละ มีโอกาสก็ขอฝากห้องพระที่นี่ไว้กับทุกๆ คนด้วย ว่างๆ กลับมาดูกลับมาแลกันบ้างนะ


พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “มีใจอย่าไร้แรง”
    ธรรมะเพื่อรู้ชีวิตคนติดใจ    ธรรมะเพื่อบรรลุไปไม่ชมชื่น
ปฏิบัติธรรมกันตั้งแต่ลืมตาตื่น    คนมีพื้นจึงบำเพ็ญเข้าถึงธรรม
คนฝึกฝนไม่ใช่การทำให้เหมือน    หรือบิดเบือนหลักเหตุผลโดยชอบธรรม
กายอิสระอย่าให้ใจถูกจองจำ    แม้ลอยลำได้ทุกเรื่องฟ้ามีตา

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา