西元二○○六年歲次丙戌九月二十一日 大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่
๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ สถานธรรมฉงเต๋อ จ.กาญจนบุรี
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
หนทางที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ไม่อาจนำย้อนสู่ใจอันสว่าง
ความสว่างในโลกมีไม่เลือนลาง ไม่อาจให้เส้นทางพ้นทุกข์ใด
เราคือ
องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลกีย์ เคียมคัล
องค์มารดา ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง ฮวา
ฮวา
ในชาตินี้โชคดีเกิดเป็นมนุษย์ อย่าได้หยุดการแสวงหามรรคผล
การเป็นทุกข์คือครูอันแยบยล การอดทนทำให้สำเร็จสิ่งยากเย็น
ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ต้องดูหน้าดูหลังให้ถี่ถ้วน
กระทำตนในสิ่งที่สมควร แม้กิเลสมายั่วยวนรู้อดใจ
ทำจิตใจให้สว่างด้วยฝึกฝน อย่าเป็นน้ำล้นแก้วฟังให้ตรง
จิตสว่างปัญญาจะมั่นคง สายทองส่งลงสู่โลกช่วยเวไนย
ใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่า วันเวลาไม่อาจเรียกกลับได้
แต่อดีตบางเรื่องย่อมสอนใจ เลือกเก็บและเลือกทิ้งไปให้ผลดี
ปฏิบัติธรรมใช่เรื่องยากลำบากเกิน การดำเนินทางธรรมต้องรู้ชัด
ทั้งธรรมชาติและการรู้จำกัด คนสันทัดไม่วายระวังใจ
ทั้งภายในภายนอกหนึ่งเดียวกัน เมตตานั้นอยู่แห่งใดไม่ทุกข์เศร้า
ตนในตนต้องมาหมั่นขัดเกลา แม้ยังเยาว์ความเข้มแข็งมีพอกัน
รักษาความอ่อนไว้ได้คือเข้มแข็ง หากคนแกร่งปัญหาย่อมลดลงเอง
ในที่นี้มีมากมายหลายคนเก่ง จงหัดเพ่งพิจารณาย้อนสู่ใน
ใช้เวลาสองวันประชุมธรรม ขอให้นำความตั้งใจความมุ่งมั่น
ฟังธรรมะด้วยจิตใจมีให้กัน อยู่ร่วมกันดั่งพี่น้องใช่อื่นไกล
ชีวิตนี้มีค่าหากบำเพ็ญจริง ท่ามกลางนิ่งให้สยบจิตเคลื่อนไหว
อันกังขามีอยู่มาสอบใจ ความเข้าใจเกิดจากฟังพอบรรเทา
ในชาตินี้ขอให้เป็นชาติสุดท้าย หยุดเวียนว่ายไปด้วยบำเพ็ญเน้นปฏิบัติ
ทั้งการพูดการกระทำใจเคร่งครัด เดินทางลัดอย่าได้กลัวขวากหนามใด
รักษาซึ่งระเบียบให้เรียบร้อย คนไม่น้อยต่างควบคุมตนเองไว้
หลังจบชั้นยังศึกษาต่อต่อไป ยิ่งเข้าใจบำเพ็ญก็ง่ายทวี
ในวันนี้ไม่กล่าวความมากกว่านี้ น้องคนดีจงตั้งใจอยู่ให้ครบ
คนเก่าและคนใหม่ร่วมบรรจบ ใช้ธรรมะสงบร่วมเรือธรรม
จรดวางพู่กันลงบันทึกคะแนน
ฮวา ฮวา
หยุด
วันเสาร์ที่
๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ สถานธรรมฉงเต๋อ จ.กาญจนบุรี
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
พฤติกรรมอาจเลียนแบบกันได้ง่าย แต่เจตนาแท้ภายในไม่อาจโกหก
เพราะคาเรื่องผลประโยชน์คิดไม่ตก อุบายรกความคิดทำร้ายตน
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฉงเต๋อ แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดาแล้ว ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ
ชีวิตคนทุกวันถูกเคี่ยวกรำ คนฝึกธรรมใจเข้าหาแจ่มใส
หากเพียรมากไม่รู้เพื่ออะไร จิตเมามายหลายเชิงชั้นนิวรณ์[๑]
อย่าฉลาดแต่นำกันเทียวชีวิต คนทุกทิศร่วมปฏิบัติที่ซับซ้อน
วิถีเปลี่ยนนิดน้อยเพียงอุปสรรคอ่อน แต่สังวร[๒]การประชิดเข้ายังมี
ฟ้าย่อมเห็นในจุดยืนประสงค์ วิสัยส่งผิดเกิดแล้ว
บ่ ยั่นหนี
สิ้นอัตตาที่เป็นเราคือเมธี ธรรมชาติที่มีสิ่งอยู่สิ่งไป
บำเพ็ญธรรมเช้าค่ำทุกที่ก้าว ผู้ไม่ติดยึดเราอภัยง่าย
คนที่ถือคนอื่นทรมานใจ ผู้เชื่อมั่นในสิ่งใดพิจารณา
รู้ใจตามทำและพูดประมาณ เลิกข่มกันจงรู้ทันปัญหา
ทำไมเอาใจตัวไม่อยู่นา เหลิงวิชาอวิชชาทาสเป็นนายตัว
ฮา ฮา หยุด
เป็นทุกข์เป็นร้อนแค่ไหน
ก่อนอื่นเลิกไปจ้องมองที่คน การเห็นเรื่องราวกับตา นำความทุกข์มาหน้าตาว่าทน เดินตกไปเหวใจไร้ก้น
ยังหนักใจถึงทำหน้าย่น ตรองแต่ส่วนตนวกวนหัวไม่ไป การเดินทางของชีวิตง่าย อาจลุ่มหลงเรื่องใดได้ง่าย
อย่าคิดแต่ไกลใกล้ใกล้ก็ควรทบทวน
จิตใจถูกรมปัญหา ยิ่งหยิบยกมายิ่งพาจะผวน
โลกยังแข่งขันคึกคัก ปัญญาทักทายช่วยได้ดังควร ลงแรงเองหรือต้องชักชวน
ใจที่จวนสิ้นแรงจนถ้วน กิเลสฉนวนลดละไม่หลงตา จงเตรียมใจรับวันข้างหน้า ยากเท่าไรไม่ยอมสิ้นท่า
หากทุกข์ผ่านมา ผ่านทุกข์เบื้องหน้ามองใจ
ชื่อเพลง : มองใจผ่านทุกข์
ทำนองเพลง : นัดพบที่หน้าอำเภอ
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
มีท่านในที่นี้มองเราด้วยสายตาแปลกๆ นะ
เราต่างจากมนุษย์ทั่วไปไหม (ไม่)
ก็ไม่ต่างใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่อะไรที่ทำให้มนุษย์ทั่วไปกลายเป็นพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไม่ใช่จิตใจธรรมดาดวงนี้หรอกหรือ แต่ทำอย่างไรให้ใจดวงนี้กลายเป็นคนที่น่านับถือน่าเคารพ
เราลองยกตัวอย่างนิทานง่ายๆ ให้ท่านฟังเอาไหม (เอา) จะเรียกว่านิทานหรือเรื่องจริงก็ได้นะ
มีชายคนหนึ่งถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม เขาอยากจะจัดงานเลี้ยงวันเกิด
เป็นอันรู้ว่าคนที่เขารักที่สุดและสนิทที่สุดต้องชวนไหม (ชวน) โดยเฉพาะเพื่อนที่รักที่สุด ที่สนิทที่สุดต้องชวนคนแรกแน่นอนถูกหรือไม่
(ถูก)
ส่วนคนที่สนิทน้อยหน่อยก็ชวนด้วยเหมือนกันใช่หรือเปล่า (ใช่) บังเอิญว่างานวันเกิดนี้
เพื่อนที่รักที่สุดและสนิทที่สุดเป็นที่หนึ่งในใจ เขากลับไม่มา
พอเขามาถึงงานแล้วเพื่อนที่สนิทน้อยก็พยายามถามว่า “เพื่อนสนิทเธอไม่มาด้วยหรือ
ไหนว่ารักมากที่สุด วันสำคัญของเธอทำไมไม่มา ใช้ไม่ได้เลย แย่จริงๆ”จนกระทั่งจบงานไป เพื่อนที่รักที่สุดสนิทที่สุดก็ไม่มา
เขาต้องพยายามตอบคำถามคนที่ถามว่า “เพื่อนที่รักที่สุดสนิทที่สุดทำไมไม่มา”เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะเขาก็ไม่รู้ ได้แต่ยิ้ม หลังวันเกิดผ่านไปแล้ว
เพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้โทรศัพท์มาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ผลสุดท้ายจนแล้วจนรอด ตัวเขาเองต้องเป็นคนที่โทรศัพท์ไปหาเพื่อนคนนี้
และคำแรกที่หลุดจากปากเขา ท่านคิดว่าเขาจะต่อว่าเพื่อนไหม ถ้าตามนิสัยของเรา
เราจะต่อว่าเพื่อนไหม (ต่อว่า)
แต่ชายคนนี้กลับไม่พูดต่อว่า กลับถามว่า “เธอเป็นอะไรหรือ
ไม่สบายหรือเปล่า หรือทางบ้านมีปัญหาอะไรถึงมาไม่ได้”เพื่อนคนที่ไม่ได้มางานวันเกิดรู้สึกอย่างไร
จะรักเพื่อนคนนี้ยิ่งขึ้นไหม (รัก)
ถ้าเกิดเขาไม่ได้อยากมา และจริงๆ แล้วก็ไม่ได้รักเพื่อนคนนี้
ก็จะเปลี่ยนใจเป็นเริ่มรักเพื่อนคนนี้ใช่หรือไม่ (ใช่) คนบางคนเรานับเขาเป็นเพื่อน แต่เขาไม่ได้ให้ความเป็นเพื่อนตอบ
แต่คนนี้ก็ยังคงให้ความเป็นเพื่อนสม่ำเสมอ แม้ตอนนั้นเพื่อนเขากำลังปฏิบัติไม่ดีตอบเขา
แต่สิ่งที่เขาให้คือการดีด้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนคนนั้นจะรักตอบกลับไหม
(รักตอบ) เขากลับพูดว่า “ขอโทษ วันนั้นไม่สบายจริงๆ ไปไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย”ถ้าเขารักอยู่แล้วเขาจะรักเพื่อนคนนี้ยิ่งขึ้นไหม (รักยิ่งขึ้น) นี่แหละดวงจิตดวงใจเล็กๆ น้อยๆ
การคบกับใครสักคน หรือการจะเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม ถ้าคิดถึงกำไร ขาดทุน หรือคิดว่าทำไมฉันต้องเสียเปรียบตลอด
คนนั้นไม่มีวันเป็นคนดีที่แท้จริงได้
และคนนี้จะไม่มีวันมีเพื่อนแท้เลยในโลกแม้หนึ่งคนจริงไหม (จริง) ฉะนั้นความเป็นพุทธะ
หรือดวงจิตดวงใจที่ดีงามของท่านกับของพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
หรือของคนดีคนหนึ่งในสังคมแตกต่างจากเราไหม (ไม่)
แล้วเราจะไม่มีความคิดตรงนี้หรือ มีแต่ว่าเราขุดค้นแล้วหาเจอไหม
ฉะนั้นความเป็นพุทธะ หรือความเป็นคนดีที่แท้จริง มีอยู่ในใจของทุกๆ คน
แต่อยู่ที่ว่าเราจะมีดวงตาเห็นธรรมในจิตใจเราไหม
ใช่ไหม (ใช่)
เราจะมีดวงตาขุดค้นความดีที่เราคิดว่าเราไม่เคยคิดจะมี แต่เราก็มีได้
ได้ไหม (ได้) แค่นิดเดียวเองใช่หรือไม่
(ใช่)คนรวย มนุษย์คิดว่า รวยแล้วจะมีความสุข จริงไหม (จริง) มนุษย์ยังคิดว่า การรวยคือ การได้มาซึ่งความสุขที่เราต้องการทุกๆ อย่าง ท่านเคยได้ยินสำนวนไทยที่พูดว่า “มีทองเท่าหนวดกุ้งนอนสะดุ้งจนเรือนไหว”ไหม แล้วคนที่มีทองเป็นร้อยๆ ล้านหรือเงินเป็นร้อยๆ ล้านเขาจะมีสุขหรือ เคยสังเกตไหมว่า คนที่จนพอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย วันนี้ไม่มีอะไรจะสุขเท่ากับนอนบนหมอนใบนี้ ส่วนคนที่มีเงินมากๆ หัวถึงหมอนหลับไหม (ไม่หลับ) เราถามหน่อยว่า ความสุขที่เราคิดว่ามันจะมีได้ คิดว่ารวยแล้วจะมีสุขเหนื่อยไหม (เหนื่อย) ต้องถามคนที่มีจริงๆ เขาจะรู้ ฉะนั้นอย่าคิดว่า ความสุขที่เราคิดว่า เป็นรูปเป็นร่างจะเป็นความสุข ไม่ใช่หรอก สุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจเราต่างหาก ใช่หรือไม่ (ใช่) ปรับเปลี่ยนให้ดี ปรับมุมองศาให้ได้ ไม่ว่าจะเผชิญอย่างไร เราก็มีสุขได้ ถูกไหม (ถูก) และอะไรที่ทำให้มนุษย์เสียดุลอีก
ในฉลาดก็มีความซื่อ ในความแข็งก็ต้องมีความอ่อน เพิ่งจะพูดกันไปไม่ใช่หรือว่าจะต้องมีสมดุลใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราจะยึดอย่างเดียวแล้วไม่ยึดอีกอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะในโลกสองอย่างนี้มีคุณค่าด้านกลับเสมอ เราต้องมองให้เห็นใช่หรือเปล่า (ใช่) และอีกอย่างหนึ่งคือ ในฉลาดก็ต้องมีซื่อ ในแข็งแกร่งก็ต้องมีอ่อนน้อม ถ้าอย่างนั้นในร้ายก็ต้องมีดีใช่หรือไม่ (ใช่) เอาไว้สำหรับมองคนอื่นนะ แต่ไม่ใช่เพื่อเอามาอ้างแล้วอภัยตัวเอง “ฉันร้ายอย่างไรฉันก็ยังมีดีอยู่นะ”แบบนี้เลยไม่ยอมแก้ไขตัวเอง เช่นนี้ไม่ถูกต้อง ในร้ายก็ต้องมีดี ใช้สำหรับในการให้อภัยคนอื่น แต่ไม่ใช่ให้อภัยแล้วไม่ยอมแก้ไขสิ่งที่ตัวเองมี แต่คำว่าในร้ายก็ต้องมีดี ยังใช้ได้อีกกรณีหนึ่งก็คือ ในบางครั้งคนดีมักจะชอบเป็นคนที่ให้ พอให้บ่อยๆ จะทำให้คนรอบข้าง (เคยตัว) เขาพูดได้ถูกนะ ลูกที่ถูกตามใจมากๆ จะกลายเป็นคนที่เสียคน และไม่สามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้ เพราะถูกพ่อแม่ประคบประหงมจนเคยชิน คนที่ตามใจตัวเองบ่อยจะเป็นคนที่ไม่สู้ชีวิต แต่จะเป็นคนที่กลายเป็นทาสของชีวิตและกิเลสตัณหาจริงหรือไม่ (จริง) ฉะนั้นเราอยู่ในโลกบางครั้งต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ และบางครั้งก็ต้องยอมรับที่จะเป็นผู้รับ เพื่อให้คนอื่นเขามีคุณค่าในการยื่นให้ใช่หรือไม่ (ใช่)
ปันส่วนเวลาของตัวเองเพื่อผู้อื่นบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วถ้าเพื่อผู้อื่นอย่างคนที่คิดมีธรรมแล้วคิดเห็นทำการเพื่อผู้อื่นนั้น ก็จะเป็นการปูทางไปสู่หนทางอันงดงามหรือเรียกว่าแดนนิรพาน[๓]ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ความพยาบาท ความง่วงเหงาหาวนอน ความฟุ้งซ่านรำคาญ ความลังเลใจ
ถ้าเป็นเรื่องของเพื่อนอีกคนหนึ่งล่ะ
ยืมเงินท่านมาสิบหนแล้ว ไม่เคยคืนสักหน ทุกครั้งที่มายืมก็บอกว่าเดือดร้อนๆ
คราวนี้มายืมเป็นหนที่สิบเอ็ด ท่านจะให้หรือไม่ให้ ถ้าอย่างนั้นมาดูไหมว่าชายคนนี้ตัดสินใจให้หรือไม่ให้
เขาตัดสินใจ ให้ แล้วพูดอย่างไรว่าการให้ครั้งนี้จะทำให้เขารู้สึก
ถ้าท่านไม่ให้ท่านก็จะไม่มีวันสอนคนผิดให้ได้รู้ดีถูกไหม (ถูก) แต่ถ้าท่านให้แล้วรู้จักให้เป็น
ท่านจะสามารถเปลี่ยนคนไม่ดีให้รู้จักสำนึกดีได้ เขาบอกว่า “นายยืมฉันไปสิบหน
ทั้งสิบหนไม่คืน ฉันไม่เคยว่า แต่ครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายนะ
เพราะฉันเชื่อมั่นในตัวนาย ว่านายเดือดร้อนจริงๆ ถึงแม้ว่าครั้งนี้นายจะโกหกฉัน ฉันก็ไม่ว่า
แต่ฉันให้ความซื่อตรงกับนาย แต่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว”คนที่รับไปรู้สึกอย่างไร
(ละอาย) ละอายใจใช่ไหม (ใช่) แล้วก็รู้สึกสะท้อนใจจริงๆ
ว่าเพื่อนก็รู้นะไม่ใช่ถูกปิดหูปิดตา ไม่ใช่เป็นคนโง่ให้เราหลอกตั้งสิบหน
แต่เขารู้อยู่แก่ใจทั้งสิบหน แล้วหนที่สิบเอ็ดก็ยังเชื่อใจอีกใช่หรือไม่
(ใช่)
ฉะนั้นในการทำดีและในการเปลี่ยนแปลงคน
ทุกขณะจิตเราสามารถที่จะเอาเขามาสอนเรา และเอาเราสอนเขาได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการกระทำดีกว่าคำพูดถูกไหม (ถูก) พูดให้เพื่อนฟังว่า “เธอดีสักทีสิ”เขาจะดีไหม ยากใช่หรือไม่ (ใช่)
สู้เอาการกระทำสะท้อนสะเทือนใจดีกว่าใช่หรือไม่ (ใช่) นิทานสองเรื่องนี้พอฟังได้ไหม
อย่างนั้นอยากฟังหัวข้อศึกษาธรรมหรือฟังเราพูดดี (ฟังสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา)
ท่านกำลังพูดให้คนที่จะพูดหัวข้อศึกษาธรรมต่อไปน้อยใจไม่อยากพูด ถูกไหม
มนุษย์เราถ้าเกิดทุกขณะจิตคิดถึงอกเขาอกเราอยู่เสมอ
แม้สักน้อยหนึ่งคำพูดท่าน ก็จะไม่ทำให้ใครเจ็บใจเลยถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นคิดสักนิดนะ เราควรพูดว่า “ท่านพูดก็ดีเขาพูดก็ดีใช่หรือไม่”(ใช่) แต่ทำไมเมื่อสักครู่ไม่คิดล่ะ
เพราะเราไม่ได้อยู่บอกท่านตลอดเวลา
ท่านต้องมีสติตรึกตรองเรื่องราวในชีวิตให้ถ่องแท้ด้วยตัวเอง
ดังคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า เมื่อไรที่เรามีสุข แล้วเราดีใจในความสุข บางทีต้องคิดถึงคนที่ทุกข์บ้าง
เราจะได้ไม่เหลิงตัวเอง เมื่อไรที่เราประสบผลสำเร็จ และเราดีใจเที่ยวป่าวประกาศ
อย่าลืมนะว่าช่วงที่เรากำลังป่าวประกาศ ว่าเรากำลังประสบผลสำเร็จ
เราอาจจะทำร้ายใจใครที่ยังไม่สำเร็จก็ได้ใช่ไหม เมื่อเราดีใจก็ให้นึกถึงคนที่ต่ำกว่า
ช่วงที่เราเสียใจก็อย่าลืมคิดถึงสิ่งที่สูงกว่า
จะได้เป็นตัวหักล้างและดึงกันไม่ทำให้เรานั้นหลงระเริงหรือทุกข์จนย่ำแย่ เรื่องนี้ท่านรู้ไหม
ไม่ยากหรอกทำอย่างไรเราถึงจะรู้ว่า
ในท่ามกลางเราดำรงชีวิตอยู่นี้มีคนที่เหนือกว่าและมีคนที่ต่ำกว่า
แต่เราต้องมีสติดึงตัวเองให้ตลอดเวลา
เราถามท่าน เราตัวสูงที่สุดไหม (ไม่)
เราเตี้ยที่สุดไม่ (ไม่)
เพราะอะไรจึงบอกว่าไม่ใช่
ต้องมีคนที่สูงกว่าเราและมีคนที่ต่ำกว่าเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) การที่คิดอย่างนี้เสมอๆ เพื่อไม่ให้ดูเบาตัวเองและไม่ให้หลงตัวเอง
“พฤติกรรมอาจเลียนแบบกันได้ง่าย
แต่เจตนาแท้ภายในไม่อาจโกหก
เพราะคาเรื่องผลประโยชน์คิดไม่ตก
อุบายรกความคิดทำร้ายตน”
ฉะนั้นถ้าอยู่ร่วมกันอย่าคิดถึงกำไรขาดทุน
ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นคนที่แล้งน้ำใจ
เสียเปรียบสักเล็กน้อยแต่บางทีอาจจะได้น้ำใจเพื่อนกลับมาก็เป็นได้
และคุณค่าน้ำใจเพื่อนบางทีตีเป็นราคาไม่ได้ด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่) ยอมเสียเปรียบวันนี้ดีกว่าต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ตอนนี้เรากำลังศึกษาหลักธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) การศึกษาหลักธรรมต้องยืมร่างกายปลอมเพื่อบำเพ็ญตัวจริงแท้
วันนี้เราก็มาขอยืมของปลอมอันนี้เพื่อค้นหาความจริงแท้ ในตัวเราหรือในตัวท่าน
(ในตัวเรา) แต่เคยได้ยินไหมว่า
ของตัวเราอาจจะสะท้อนให้เห็นของตัวท่านได้
เคยเห็นไหมว่า ฟ้าสว่างๆ ใจเราก็พลอยรู้สึกสดชื่นแจ่มใส
แต่พอฟ้ามืดครื้มอึมครึม ใจเราก็รู้สึกห่อเหี่ยวหดหู่
ฉะนั้นความจริงแท้ในตัวเราก็สามารถส่องสะท้อนความจริงแท้ในตัวคนอื่นได้เหมือนกัน
ถูกหรือไม่ (ถูก) เวลาอึมครึมเหมือนกับเวลาอะไร
ทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกอึมครึมและหดหู่ด้วย
(อารมณ์เศร้า,โกรธ,เกลียด, เครียด,แค้น)
แล้วตอนนี้อยู่ร่วมกันแล้วรู้สึกอึมครึมไหม เราเข้ามาในห้องนี้รู้สึกว่า
บรรยากาศอึมครึมมากเลย
เพราะใจท่านตอนนี้มีทั้งเกลียด ทั้งแค้น ทั้งเศร้า ใช่หรือไม่ รู้สึกได้เลยว่าเข้ามาในห้องนี้อึมครึม
มาก ถ้าเกิดว่า ภายในใจท่านมีความสดชื่น รู้สึกยินดี ปรีดา
คนเข้ามาในห้องก็จะรู้สึกสดชื่น ถูกไหม (ถูก)
ในห้องนี้บรรยากาศจะเกิดได้ ไม่ใช่เกิดจากใจของใครดวงใดดวงหนึ่ง
แต่เป็นการรวมของทุกๆ ใจ
และใจหนึ่งจะมีผลต่ออีกใจหนึ่งได้ ก็ต่อเมื่อ ใจนั้นรุนแรงและมีค่าสง่างาม
แต่ตอนนี้รู้สึกว่า ใจอึมครึมจะชนะใจสดชื่น
ฉะนั้นใครดึงเราก็ไม่เท่ากับตัวเรานั้นดึงตัวเราเอง ใช่หรือเปล่า
(ใช่) เปลี่ยนใจให้เป็นท้องฟ้าปลอดโปร่ง
ได้ไหม (ได้) ทำไมเศร้าหมองอะไรนักหนา
เราเคยได้ยินเซียนน้อยบอกว่า “ถ้าเกิดพูดธรรมะให้กับมารให้กับปีศาจ
มารกับปีศาจจะยิ่งหงอลงแย่ลง ถ้าพูดให้กับพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พอฟังธรรมแล้วก็ยิ่งเบิกบาน แจ่มใส” วันนี้อะไรอยู่ในตัวเอาออกจะดีไหม
สดชื่นแจ่มใสดีกว่าไหม (ดี)
ยังมีคนยิ้มไม่ออกอีกนะ อย่ากลับไปห่อเหี่ยวเหมือนเดิม
มาถึงที่นี่แล้วรู้ไหมห้องพระที่นี่ชื่อว่า
(ฉงเต๋อ) มาทำอะไรรู้ไหม (มารับธรรม) มารับธรรมหรือ
มาทำอะไรบางทีก็ยังไม่รู้แต่ถูกหัวหน้าบังคับให้มา ใช่ไหม (ไม่ใช่) ถูกใครบังคับให้มาหรือเปล่า
ถ้ามาด้วยความยินดีปรีดาใบหน้าก็คงยิ้มแย้มกว่านี้
“เป็นทุกข์เป็นร้อนแค่ไหน”
มาฟังด้วยความเป็นทุกข์เป็นร้อนไหม
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาถามนักเรียนในชั้นว่าเมื่อยหรือยัง) (ยัง)
ท่านตอบว่ายังเราก็ยังไม่ให้นั่ง ถ้าเราเผลอลืมถามขึ้นมาก็อย่าว่ากันนะ เมื่อยหรือยัง
การเมื่อยอาจไม่จำเป็นจะต้องนั่งเก้าอี้ก็ได้ ใช่ไหม (ใช่) การจะเข้าใจสิ่งใดให้ถูกต้อง
ต้องถามเขาให้ชัดเจนอย่าเดาส่งๆ ถูกหรือไม่ (ถูก) เดี๋ยวกลายเป็นสิ่งที่ให้เขาไป
เขากลับไม่อยากได้ แล้วก็ไม่ต้องการ แถมรำคาญอีก ใช่ไหม (ใช่) เราต้องถามให้ชัดเจนเมื่อยอยากนั่งไหม
(อยาก) เสียงเบาแปลว่ายังไม่ต้องการมาก
ถูกหรือไม่ (ถูก)
แล้วเสียงก็ยังไม่เด็ดขาดแปลว่าความต้องการยังแค่เล็กน้อย
ถ้าบอกว่าอยากแล้วเต็มที่เต็มเสียงแปลว่าถึงที่สุดแล้ว อยากนั่งหรือยัง (อยาก) โดนเราหยอกเย้านิดหน่อยเองนะ
ถ้าโดนหยอกเย้านิดหน่อยไม่พอใจแล้วอย่างนี้จะอดทนอะไรได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) เกิดเป็นคนขาดไม่ได้ซึ่งความอดทนอดกลั้น โดนแหย่นิดแหย่หน่อย
ทนไม่ได้แล้วหรือ
ระหว่างคนดีกับคนไม่ดีท่านชอบคนประเภทไหนมากกว่ากัน
(คนดี)
แล้วคนที่อยู่รอบข้างเราดีหรือไม่ดี
มนุษย์มักพูดอะไรไม่ตรงตามความเป็นจริงจากหัวใจ ถูกไหม (ถูก) คนไม่ดีทุกท่านไม่ชอบ แต่คนดีทุกท่านชอบ
แต่ไม่ชิดใกล้ ใครยิ่งดีกับเรามากๆ บางทีเรากลับรำคาญ น่าเบื่อ เป็นอย่างนั้นไหม
(เป็น) เพราะถ้าท่านชอบคนดีจริงๆ
แปลว่าสังคมปัจจุบันที่ท่านอยู่ต้องมีแต่คนดี ถูกไหม (ถูก) แต่กลายเป็นว่าสังคมปัจจุบันที่เราอยู่
หรือในหมู่เพื่อนที่ใกล้ชิดเรา มีทั้งดีน้อยดีกลางและก็ไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) ที่ดีมากๆ ไม่ค่อยมี ทำไมเราจึงบอกเช่นนี้ ถ้าเราถามว่าคนๆ
หนึ่งมีความดี 99% แต่ไม่ดีอยู่ 1%
ท่านยังจะคบไหมและจะว่าเขาไหม จะบ่นไหม กับอีกคนประเภทหนึ่ง 99.99% ไม่ดีเลยแต่ดีอยู่แค่ 0.01% คบไหม
ทำไมเราชอบถามอะไรที่ตอบยากหรือลองใจท่านเหลือเกิน โดยส่วนใหญ่ เพื่อนเราอะไรๆ
ก็ดีหมดพอมีข้อเสียสักหนึ่งอย่าง เราบ่นแล้วบ่นอีกรำคาญแล้วรำคาญอีก ถูกไหม
(ถูก) ลูก ภรรยาเรา อะไรๆ
ก็ดีหมดแต่เสียอย่างเดียวแก้ไม่ได้สักที แล้วพอมาเจอทีไรเราก็หงุดหงิดรำคาญใจ
แต่อีกคนประเภทหนึ่งเสียเกือบหมด แต่ดีอยู่แค่นิดเดียวเรากลับคบได้นานกว่า ใช่ไหม
(ใช่) เราอยากบอกท่านว่าคนในโลกนี้ทุกๆ
คนไม่มีใครสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
แม้แต่ทองคำที่ท่านว่าสวยและเอามาใส่ยังมีความเป็นทองแค่ 99%
ใช่ไหม (ใช่) เสื้อผ้าบอกว่าคอตตอน 100%
“ฉันจะใส่แต่คอตตอน 100%” ถามจริงๆ ใน
100% จะไม่มีส่วนอื่นผสมเลยเป็นไปได้ไหม อะไรที่เพียวๆ
บริสุทธิ์บางครั้งมนุษย์เรากลับไม่ชอบรับไม่ได้ จริงไหม (จริง) ถามคนขาย “น้ำส้มคั้นสดๆ
แท้ไหม” “แท้” แต่พอดื่มไปแล้วไม่หวานก็บ่นเขาอย่างกับอะไรดี
แต่ถ้าหวานก็บ่นเขาว่า “ใส่น้ำตาลแน่นอน” ถูกไหม (ถูก)
ทำไมเราจึงพูดอย่างนี้เพราะเราต้องการบอกท่านว่าจริงๆ
แล้วใครที่อยู่กับตัวเราแล้วสามารถดำรงตนได้อย่างเหมาะสมและไม่ทำให้ท่านรำคาญใจ
หาได้ง่ายไหม (ไม่ง่าย) ไม่มีหรอก
ดีเกินไปก็กลายเป็นเรารู้สึกแย่ แต่พอเขาแย่เกินไป เราก็รู้สึกดี
เพราะรู้สึกเราเป็นคนดีเขาไม่ดีเลย จริงไหม (จริง) กลายเป็นว่าทั้งที่ความดีน่าจะชิดใกล้ ความชั่วน่าจะไกลห่าง
แต่มนุษย์ปัจจุบันกลับกลายเป็นความดีไกลห่างแต่ความชั่วชิดใกล้ เราต้องการบอกท่านว่าในโลกนี้แม้เขาจะดีทุกอย่างแต่เสียอย่างหนึ่งก็จงยอมรับให้ได้
และในด้านกลับกัน
แม้เขาจะเสียหมดทุกอย่างและมีดีแค่หนึ่งอย่างเราก็ต้องรู้จักเคารพในหนึ่งที่ดีนี้ของเขา
ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้มีปัญญาเห็นธรรมและมองเข้าใจชีวิตอย่างทะลุปรุโปร่ง
เราต้องอยู่ระหว่างสังคมที่มีทั้งคนไม่ดีและคนดี
ถ้าท่านไม่รักษาดุลยภาพในการดำรงให้ถูกต้องก็ง่ายที่จะไม่เที่ยง ถูกไหม
เมื่อเราไม่เที่ยงแล้วการมองอะไรจะแจ่มชัดไหม (ไม่แจ่มชัด)
เมื่อใจเราบิดเบี้ยวแล้วการฟังอะไรจะชัดเจนไหม (ไม่ชัดเจน) แล้วใจเราจะตัดสินอะไรว่าจริงเท็จถูกต้องได้อย่างไร
ฉะนั้นเกิดเป็นคนจึงต้องรักษาดุลยภาพของความเป็นคนให้ดี
อะไรที่ทำให้เราเสียดุลที่สุด
(ความรัก) ความรักทำให้เสียดุลไหม
เสียดุลการค้าเพราะต้องจ่ายไปหลายบาทถึงจะได้รักมาหรือเปล่า
หรือเสียดุลตรงที่มีตาแต่ก็เหมือนคนตาบอด มีอะไรอีก (ความอิจฉา) ถ้าต่อไปมีคนได้ดีเกินหน้าจะอิจฉาไหม
(ไม่อิจฉา) น่าจะยินดีกับเขาถูกไหม (ถูก)
(ให้นึกคิดก่อนทำ,ความโมโห,ความเบื่อหน่าย,สมาธิไม่ค่อยดี,ความง่วง) ความง่วงก็เป็นอุปสรรคในการบำเพ็ญธรรมได้
ความเกียจคร้านและความเบื่อหน่ายก็เป็นอุปสรรคในการศึกษาธรรม ใช่หรือไม่
(ใช่) หรือความเกลียด ความง่วง
ความเบื่อหน่ายก็เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้คนที่อยู่ตรงหน้าด้วย ทำให้มองคนตรงหน้า
ตามองไม่ค่อยชัด หูก็ไม่อยากจะฟังทั้งที่ได้ยินเสียง มีคำกล่าวว่า มนุษย์ต่างจากพุทธะตรงไหน มนุษย์เห็นมุมหนึ่ง
แต่ไม่เห็นอีกมุมหนึ่ง
แต่พุทธะเห็นมุมหนึ่งแล้วสามารถมองทะลุไปทั้งสิบมุมได้
เพราะฉะนั้นวันนี้การที่เราจะสามารถอยู่บนโลกแล้วไม่เสียดุล
ไม่ใช่เสียดุลการค้า เสียดุลเรื่องเงิน
แต่ไม่เสียดุลในการเรียนรู้ชีวิตอย่างแท้จริง เราจะต้องรู้จักมองคุณค่าของด้านตรงข้าม คุณค่าของด้านกลับของทุกๆ
สิ่ง มนุษย์เราไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ เพราะไม่เคยรู้จักทุกข์อย่างแท้จริง
ถูกหรือไม่ (ถูก) เรารู้ทำอย่างไรจึงมีสุข
แต่เคยเอาชนะทุกข์ได้หรือไม่
แล้วท่านก็รู้อย่างหนึ่งว่า ถ้ามนุษย์เราเอาชนะทุกข์ได้แล้ว
สุขก็ไม่ไปไหนหรอก ทุกวันนี้ที่เราเรียกว่า สุข แท้จริงคือ ทุกข์น้อยต่างหาก ตามประสาของคนศึกษาธรรมจริงๆ
แล้วไม่มีสุขในโลก
แต่สุขที่มนุษย์เข้าใจกันในโลกก็คือ ความทุกข์ที่มีน้อยต่างหาก ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจทุกข์และยอมรับทุกข์อย่างเต็มตัว
และเผชิญทุกข์ด้วยการที่มีสติ ความทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความสุขกลายเป็นเรื่องยากไปเสียอีก
ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเราเอาชนะทุกข์ได้
ความสุขก็เป็นเรื่องง่าย พุทธะเคยกล่าวไว้ว่า “หากมนุษย์เรามีความสงบอย่างแท้จริงแม้มีความทุกข์ที่เลวร้ายที่สุด
แล้วจะพบความสุขก็ไม่ใช่เรื่องยาก” พบทุกข์ที่แย่ที่สุดเราสามารถมองเห็นความสุขได้ไหม
อย่าลืมว่า ที่สุดของทุกข์คือ สุข ที่สุดของสุขคือ ทุกข์ ฉะนั้นถ้าทุกวันเราเอาชนะทุกข์ได้
บั้นปลายชีวิตของเราก็คือ ความสุข
แต่ถ้าเราไม่สามารถเอาชนะความทุกข์ได้ บั้นปลายของเราก็จะไม่มีวันพ้นทุกข์ได้
อย่าลืมว่า ความสุขที่มนุษย์คิดว่าเป็นความสุขนั้น มีอะไรบ้าง เช่น
เรื่องที่เราจะบอกต่อ
นั่นก็คือการคิดถึงคนอื่นมากกว่าคิดถึงตัวเอง
หรือการคิดตัวเองมากเกินกว่าที่จะคิดถึงคนอื่นใช่ไหม (ใช่) ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
คอยเอาไปเปรียบเทียบกับคนโน้น เราเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีความสุข สิ่งที่มีอยู่นั้นไร้คุณค่าถูกไหมใช่หรือไม่
(ใช่)
ฉะนั้นถ้าคิดถึงคนอื่นมากเกินไปจนตัวเองด้อยค่า ก็ต้องหัดคิดถึงตัวเองบ้าง
ถ้าคิดถึงตัวเองจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแล้วไม่เห็นคุณค่าของคนอื่นก็ต้องรู้จักคิดถึงผู้อื่นบ้างถูกไหม
(ถูก)
ระหว่างเป็นคนฉลาดในโลกกับเป็นคนซื่อๆ
ในโลกชอบเป็นคนแบบไหน (ฉลาดแล้วต้องซื่อสัตย์ด้วย) ปรบมือให้ท่านนี้หน่อยนะ ตอบได้ดี
คนส่วนใหญ่ในโลกสอนให้เรารู้ว่า ต้องฉลาด ต้องแข็งแกร่ง และต้องมั่งมี ใช่ไหม
(ใช่) แต่ถ้าเราดำเนินในชีวิต
เคยเห็นไหมฉลาดมากๆ คนก็ไม่ไว้ใจ คิดว่าเราเจ้าเล่ห์เอาเปรียบใช่หรือไม่
(ใช่) แข็งแกร่งมากๆ
คนก็ว่าดื้อดึงดันทุรังใช่หรือเปล่า (ใช่)
ถ้าเราจะบอกท่านว่า
การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้หากทุกอย่างเอาอะไรตามใจตัวเองเป็นหลัก
มองแต่อารมณ์ แต่ไม่คำนึงถึงเหตุผล อารมณ์ก็จะทำให้เราเสียผู้เสียคนใช่หรือไม่
(ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท
“มองใจผ่านทุกข์”)
หน้าตาแบบนี้ให้เพลงอะไรดี เอาแบบกลางๆ
แล้วร้องได้ทุกคนดีกว่านะ ใช่หรือไม่ (ใช่) อาจไม่ถูกใจคนทั้งหมดแต่อย่างน้อยๆ
ก็ร้องได้เกือบทุกคน อยากรู้ไหมทำนองเพลงอะไร (อยากรู้) รู้ก่อนก็ได้ เพราะรู้สึกว่าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่แล้ว
ทำนองเพลง “นัดพบที่หน้าอำเภอ”
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นเรียนช่วยนำร้องเพลง)
อย่างน้อยก็มีความกล้าในเรื่องที่ถูกต้องใช่หรือไม่
แต่เมื่อรู้ว่าไม่ได้ ความกล้านั้นก็ต้องถอยออกมานะ ใช่หรือเปล่า (ใช่) อย่าฝืนทำให้คนอื่นเขาลำบากใจใช่ไหม
นี่แหละคนในโลกปัจจุบันนี้บางทีก็ยากตรงนี้ใช่หรือไม่ (ใช่)
ไม่ได้แล้วไม่ยอมบอกว่าไม่ได้ แต่ยังดันทุรังว่าตนเองทำได้ ก็ทำให้สังคมต้องเดือดร้อนใช่หรือไม่
(ใช่)
เราก็มาด้วยเวลาอันควรมากพอสมควร
หากจะรักษาสมดุลของคนในโลกต้องรู้จักไปบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนในโลกมีเวลามาก็ต้องมีเวลาไป ใช่หรือเปล่า (ใช่) มีเวลาอยู่ก็ต้องมีเวลาจาก ฉะนั้นเราอยากจากแล้วให้เขาระลึกถึงอยู่เสมอ
ตอนอยู่จงเห็นเขาเป็นเหมือนพระเจ้า ทำแต่สิ่งดีๆ ไว้ ตอนจากคนเขาจะได้ระลึกถึง
และอาลัยรักใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการคิดถึงแต่ตัวเองจนลืมมองถึงผู้อื่น
อย่ามัวแต่หวังผลประโยชน์ส่วนตนจนลืมคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
คุณค่าของคนในสังคมมิใช่เกิดมาเพียงเพื่อทำแต่ตัวเอง แต่ยังต้องรู้จักแบ่งสรร
เป็นคนที่มีชีวิตอยู่อย่างคนที่รู้จักสิ้นกิเลสเป็น
สิ้นความอยากเป็น ในหนึ่งวันรู้จักอยากได้ก็ต้องรู้จักหยุดอยากเป็น
แล้วความอยากนั้นจะไม่ทำร้ายเรา รู้จักโกรธได้ก็ต้องหยุดโกรธเป็น แล้วความโกรธของเราก็จะไม่ไปทำร้ายใคร
ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรมจึงเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มที่ตัวเรา
แล้วเอาความดีนั้นไปสะท้อนสะเทือนผู้อื่น อย่าลืมนะว่า
แม้จะทำดีมาเต็มที่แต่พอผิดพลาดครั้งหนึ่งคนก็ไม่ค่อยให้อภัย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเมื่อไรที่เราเจอคนที่ทำไม่ดีจงอภัยเขามากๆ
เผื่อผลของการอภัยนั้นมันจะสะท้อนกลับมาเมื่อเราทำผิดดีไหม (ดี)
เมื่อไรที่ถูกเขาโกง เขาต่อว่า ให้อภัยเขามากๆ
เผื่อว่าผลของการให้อภัยที่ถูกโกงนั้นจะไม่กลับมาทำให้เราต้องรับเวรรับกรรม ขอให้คิดให้ได้นะ
ถ้าทุกท่านรู้จักสำนึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ
เราก็คงจะไม่คิดโกรธใครที่ทำไม่ดีกับเรา ใช่หรือไม่ (ใช่ )
แต่ถ้าเมื่อไรเราคิดว่าตัวเองดีแล้วก็เป็นอันง่ายที่จะโกรธใคร เวลาที่เขาทำไม่ดีกับเรา
ถูกหรือเปล่า (ถูก) ฉะนั้นคนในโลกไม่มีใครที่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช่หรือไม่
(ใช่) ในร้อยก็ยังมีผิดหนึ่ง ในผิดทั้งร้อยก็ยังมีถูกหนึ่งเหมือนกันใช่หรือเปล่า
(ใช่)
วันนี้เราก็มาศึกษาธรรมกับท่านเพียงแค่นี้
อย่าคิดว่ามาเล่นละครตบตาเลยนะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากี่ทีก็จะพูดประโยคนี้อยู่ร่ำไป
แต่ก็ล้างความกังขาของมนุษย์ไม่เคยหมดสิ้นได้สักทีถูกไหม (ถูก) วันนี้เชื่อ
พรุ่งนี้ไม่มั่นใจ วันนี้อยากเป็นคนดี พรุ่งนี้เริ่มไม่เอาแล้ว ใช่ไหม(ใช่)
ฉะนั้นทำดีให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วความเป็นคนดีก็ไม่ได้จากเราไปไหน
ถ้าเราทำได้ใช่ไหม (ใช่) ขอเพียงยอมเสียเปรียบหน่อย ยอมอภัยหน่อย ถึงเราจะขาดทุนในโลก
แต่ท่านจะได้กำไร ณ เบื้องบน ยอมขาดทุนหรือเปล่า แค่นั้นเองนะ
มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก
วันอาทิตย์ที่
๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ สถานธรรมฉงเต๋อ จ.กาญจนบุรี
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ชีวิตหนึ่งชีวิตนี้เหมือนขาดอะไรไป ระลึกไว้ชีวิตคือการทวนกระแส
โดยไม่หยุดไม่หย่อนการเปลี่ยนแปร เป็นของแท้เป็นของเทียมต้องเลือกเป็น
เราคือ
อรหันต์อนุเคราะห์ชาวโลก รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่สถานธรรมฉงเต๋อ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนนั่งฟังธรรมะเหนื่อยหรือเปล่า
มองให้ทั่วเป็นเบ้าหลอมสู่โลกทัศน์ ความจำกัดเป็นเบ้าหลอมสู่ไหวพริบ
การระวังเป็นเบ้าหลอมได้เต็มสิบ ถูกคั้นบีบเบ้าหลอมความคิดสร้างสรรค์
ความดีเป็นเบ้าหลอมสู่พลัง ความใจกว้างเป็นเบ้าหลอมแห่งมวลมิตร
สัจจะเป็นเบ้าหลอมแห่งการพิชิต บำเพ็ญจิตเป็นเบ้าหลอมพ้นว่ายเวียน
ความรู้เป็นเบ้าหลอมแห่งปัญญา อันความกล้าเป็นเบ้าหลอมสู่ความยิ่งใหญ่
การเรียนรู้เป็นเบ้าหลอมสู่ความใหม่ การรู้ให้เป็นเบ้าหลอมสู่เมตตา
ความขยันเป็นเบ้าหลอมความสำเร็จ การสังเกตเป็นเบ้าหลอมความฉลาด
บารมีเป็นเบ้าหลอมแห่งอำนาจ ความประมาทเป็นเบ้าหลอมแห่งความตาย
ความอวดดีเป็นเบ้าหลอมแห่งความพ่าย ความเบื่อหน่ายเป็นเบ้าหลอมแห่งความเฉื่อย
ไม่อดทนเป็นเบ้าหลอมไม่สิ้นเหนื่อย ปล่อยเรื่อยเปื่อยเป็นเบ้าหลอมต้องว่ายเวียน
ฮา
ฮา
หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
รออาจารย์นานไหม โดยปกติคนเป็นพ่อแม่ต้องรอลูก
แต่เรารอใครนานที่สุด รอตัวเองหรือรอความรู้ตื่นแห่งตัวเองจริงหรือไม่ (จริง) ถามว่าเราลืมตาในตอนเช้าง่ายหรือเปล่า
อดนอนมาทั้งคืนแล้วให้ลืมตาตื่นในตอนเช้าง่ายหรือเปล่า (ไม่ง่าย) ความยากก็มากขึ้นแต่ก็ยังทำได้จริงหรือไม่ (จริง)
แต่ให้เราลืมตาตื่นจากความฝันของตัวเองที่ตัวเองนั้นเป็นผู้แต่งไว้
ตัวเองนั้นเป็นผู้วาดหวังไว้ ให้เราลืมตาตื่นจากความฝันของตัวเองยากหรือไม่ยาก
(ยาก) ตอนนี้ชีวิตเราเหมือนความฝันหรือไม่
(เหมือน)
ถ้าเรามีความทุกข์แล้ว ทำอย่างไรจะหายทุกข์ เราทำใจได้
เรารู้จักชีวิตเราได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ทำใจไม่ได้จริงหรือไม่ (จริง) เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม
เราทำใจได้แต่ในขณะเดียวกันเราก็ทำใจไม่ได้ เข้าใจอารมณ์หลังไหม
ในลักษณะวิถีทางแห่งผู้บำเพ็ญหลายๆ คนที่ทำอยู่
เราอาจทำตัวเรานั้นให้เหมือนผู้บำเพ็ญทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์
รูปแบบการแต่งตัว พิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ใดๆ แต่เราไม่อาจทำตัวเราให้เป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงได้
หากเราขาดไปหนึ่งสิ่ง หนึ่งสิ่งนี้คือการยอมรับความจริงใช่หรือเปล่า (ใช่) เราจะกลายเป็นคนที่ทำใจได้เพราะเราทำใจได้
หรือกลายเป็นคนที่ทำใจได้เพราะเราทำใจไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นในวันนี้การบำเพ็ญของเรา
เรารู้สึกว่าราบรื่นหรือไม่ราบรื่น อาจจะดีขึ้นได้ก็ย่อมอยู่ที่ตนเอง
หรืออาจจะไม่ดีวันนี้ไปดีวันหน้า ย่อมขึ้นอยู่กับตัวเอง
หรือต้องบำเพ็ญอย่างทุกข์ยากทั้งชีวิตเราก็ต้องทำใจตนเอง เป็นเพราะว่าคนนั้นบุญและกรรมทำมาไม่เท่ากัน
คนทำบุญมามากเขาก็ย่อมได้รับผลดีจริงหรือไม่ (จริง) แต่เทวดาก็ตกสวรรค์ได้
เทวดาเสวยสุขอยู่เบื้องบนแดนสวรรค์อยู่ห้าร้อยปี ก็หล่นลงมาได้เหมือนกันใช่หรือไม่
(ใช่)
เป็นมนุษย์มีความสุขแล้วมีความสุขเล่า
ก็ต้องเอาความสุขนี้มาเตือนสติตัวเอง
ในขณะที่เราสุขเราต้องนึกถึงความทุกข์บ้างใช่หรือไม่ (ใช่)
เราเห็นคนอื่นแย่เราต้องยื่นมือเข้าไปช่วยถูกต้องหรือเปล่า (ถูกต้อง) มีใครบ้างเห็นคนอื่นแย่แล้วซ้ำเติมคนอื่น
มีหรือเปล่า บางทีเราไปซ้ำเติมผู้อื่นด้วยไม่เจตนาจริงหรือเปล่า (จริง) แต่ถ้าหากว่าไม่เจตนาบ่อยๆ
แสดงว่าเราจงใจซ้ำเติมคนอื่น แล้วเอาหน้ากากมาบังหน้าตัวเองจริงหรือไม่ (จริง)
ฉะนั้นคนดีหรือไม่ดี จริงๆ
แล้วก็ต้องดูที่ความจริงใจจริงหรือไม่ (จริง)
ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเองถูกหรือเปล่า (ถูก) ถ้าหากเราเอาหน้ากากมาบังหน้า แล้วเราจะติดหน้ากากนี้ไปจนตาย
ก็ย่อมทำได้ แต่บุญกรรมเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงจากความเป็นจริงได้
คนทำดีก็ย่อมได้ดี คนทำชั่วก็ย่อมได้ชั่วจริงหรือไม่ (จริง)
“ชีวิตหนึ่งชีวิตนี้เหมือนขาดอะไรไป”
เคยรู้สึกไหม หาเงินมาทั้งชีวิตเรา หาเงินจนผมหงอกผมขาว
หาเงินจนหน้าซีด หน้าเครียด หาเงินจนรู้สึกว่าต้องทนแล้วก็ต้องทนอีก ทนแล้วทนเล่า
ถามว่าพอหรือไม่พอ (ไม่พอ) นี่ถึงเรียกว่า
“มนุษย์”
นี่แหละถูกแล้วที่ศิษย์เป็นมนุษย์ มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ แต่เป็นมนุษย์เฉยๆ
มนุษย์เรียกอีกชื่อว่า “คน” ใช่หรือไม่
(ใช่) คนอยู่กับคนเรียกว่าอะไร
อยากพ้นทุกข์สักชั่วขณะไหม (อยาก) ออกไปเที่ยวที่ไกลๆ ที่เขาบอกว่าอากาศดีๆ
แบบที่เราชอบใจ อยู่กับผู้หญิงสวยๆ หรือไปเที่ยวกับแฟนที่เรารักมาก มีความสุขไหม
(มี) ถามว่านั่นเป็นความสุขจริงๆ
หรือเปล่า เป็นความสุขที่ไม่มีวันเวียนมาเป็นความทุกข์เลย ใช่หรือเปล่า (ไม่ใช่)
คนที่เรารักที่สุด เราก็ทะเลาะมาแล้ว
คนที่เรารักที่สุดเราก็โกรธมาแล้ว
เพราะฉะนั้นชีวิตหนึ่งชีวิตนี้ทำอย่างไรให้มีความสุขแม้ชั่วขณะหนึ่ง
ถ้าอาจารย์ตอบศิษย์ก็ตอบแบบง่ายๆ คือ การนั่งสมาธิ
การหาความสงบให้จิตใจเป็นการทำให้ตนเองพ้นทุกข์ขณะหนึ่ง จริงหรือไม่ (จริง)
แต่ว่าสมาธินั้นมีเพียงช่วงสั้นอันเกิดจากตอนนั่ง
เวลาเจอเรื่องมากระทบจิตใจ ศิษย์ก็ฟุ้งซ่านอีก
การที่จะทำให้ตัวเองนั้นพ้นทุกข์ขณะหนึ่ง จึงต้องหันมามองใจของตนเอง
เอาสมาธิไปอยู่ในการกระทำ ขณะยืน ขณะนั่ง ขณะทำงาน ขณะที่ใช้ชีวิต คือ
ทำให้ใจของตนเองนิ่งลง นิ่งลงจากความโลภ
เมื่อไม่มีความโลภจะรู้สึกว่า
การทำงานหาเงินนั้นเป็นเพียงการที่เอาแรงไปแลกเงินมาแค่นั้น มีเงินอยู่ก็พอแล้ว
ใช่หรือไม่ (ใช่)
ปัญหาของคนก็คือ การหาเงินและการใช้เงิน
หามาแล้วใช้มากกว่าที่ตัวเองหา จริงหรือเปล่า (จริง) ทุกข์ไหม (ทุกข์) ถ้าหากว่าชีวิตนี้ไม่สามารถที่จะเหลือเป็นเงินเก็บไว้ได้
อย่างน้อยต้องทำให้รายรับและรายจ่ายมีความสมดุลกัน
เท่านี้ถึงแม้ว่าเราไม่รวยแบบเศรษฐีแต่เรารวยแบบพอเพียง จริงหรือไม่ (จริง) ข้อเท็จจริงก็คือว่า คนนั้นใช้เงินที่หามาอย่างง่ายดายด้วยความสุรุ่ยสุร่าย
และหาเงินที่ได้มายากด้วยความประหยัด ฉะนั้นความลำบากย่อมให้คุณยิ่งกว่าความสบาย
ความพร้อมเป็นเรื่องที่ลำบากหรือเปล่า
(ไม่ลำบาก)
ถ้าหากว่ามีคนจำนวนมากทำงานแล้วมีใครหนึ่งคนไม่ยอมให้ความร่วมมือทำให้งานนั้นบรรลุผลได้หรือไม่
เพราะฉะนั้นในวันนี้อาจารย์มาขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ
อย่ามีใครคนใดคนหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือดีหรือเปล่า (ดี)
ขอให้เอาใจมารวมกัน คนอยากจะสามัคคีกันไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ว่าคาใจบางเรื่อง ความคาใจเป็นเรื่องที่แก้ลำบากหรือไม่ (ลำบาก) เราไม่สามารถแก้สิ่งที่คาใจของอีกคนหนึ่งได้หมดสิ้น
จริงหรือเปล่า
เหมือนกับวันนี้เราเกิดไปรู้เรื่องอะไรของใครเข้า
แล้วเกิดสมมติว่าให้เรามองหน้าเขาให้ติด ยิ้มกับเขา จับมือเขา ต้อนรับเขา
เลี้ยงข้าวเขา ทำได้หรือเปล่า (ได้, ไม่ได้)
บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้ คนที่ทำได้ในภาษาของมนุษย์โลกเรียกว่ามารยาทสังคม
จริงหรือเปล่า (จริง) คือทำให้ผ่านๆ
ไปด้วยความมีมารยาทที่ถูกต้อง กับอีกคนหนึ่งเขาสามารถทำได้ด้วยน้ำใสใจจริงของเขา
แต่เปลือกนอกเหมือนกันหรือไม่
คนหนึ่งคนถูกคาใจด้วยคนอีกสองคน
หนึ่งในสองคนเดินเข้ามายิ้มให้ จับมือ ต้อนรับ พาไปเลี้ยงข้าว เทคแคร์ดูแล
ปูเสื่อให้อย่างดี ส่วนอีกคนก็ทำเหมือนๆ กัน สองคนนี้เหมือนกันหรือเปล่า
สองคนนี้ทำเหมือนๆ กัน แต่คนหนึ่งทำด้วยมารยาทสังคม
ทำด้วยจิตใจที่คิดว่าทำไปตามมารยาทเท่านั้น
ส่วนอีกคนหนึ่งทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์และใสสะอาด
ถ้าหากว่ามองเปลือกนอกศิษย์จะไม่เห็นเลยว่ามีความแตกต่างกัน
แต่ถ้ามองเห็นข้างในก็จะเห็นว่าแตกต่างกัน จริงหรือไม่ (จริง) แต่คนสมัยนี้รู้หน้าไม่อาจจะรู้ใจ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่คนทำออกมาจะถือเป็นจริงเป็นจังเป็นบทสรุปของการกระทำนั้นๆ
ไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ใช่
การปฏิบัติตัวของคนจึงมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีเงื่อนไข มีกาลเทศะ มีมารยาท
และมีความคิดที่อยู่ในนั้นซ่อนเร้นไว้มากมาย
การที่เราเป็นคนบำเพ็ญธรรมจึงจำเป็นที่จะต้องถอดสิ่งเหล่านี้ออก ถอดหน้ากากออก
ทำยากไหม (ไม่ยาก)
เมื่อสักครู่เราพูดถึงคนที่ทำตามมารยาท คนอีกคนหนึ่งทำด้วยจิตใจที่ใสบริสุทธิ์สะอาด
คนในโลกนี้บอกว่าคนที่ซื่อเกินไปเป็นคนโง่
ถามว่าถ้าหากหน้าที่ทางสังคมและการทำงานบีบให้ศิษย์ต้องดูแลและต้อนรับคนที่ศิษย์ไม่ชอบใจ
กับการที่อีกคนหนึ่งทำออกมาจากใจด้วยความรู้สึกบริสุทธิ์ใจ
ถึงแม้ว่าจะรู้เรื่องเขามากมาย ถึงแม้ว่าจะเคยรับรู้ในบางสิ่งบางอย่าง
แต่ว่าเข้าไปดูแลเขาเช่นเดียวกัน
ถามว่าถ้าบอกว่าการที่เราทำตัวเป็นคนซื่อเป็นการแสดงความโง่ อย่างนี้สองคนนี้โง่เหมือนกันหรือเปล่า
สองคนทำออกมาเหมือนกันแสดงว่าโง่เหมือนกัน
แต่คนหนึ่งโง่อย่างบริสุทธิ์กับอีกคนโง่อย่างลึกลับซับซ้อน
ฉะนั้นการที่เป็นผู้บำเพ็ญธรรมจึงต้องเป็นคนที่ต้องแสดงความจริงใจและความบริสุทธิ์ใจออกมาให้ปรากฏ
แม้ว่าการแสดงความจริงใจจะเป็นความโง่ในสายตาของคนอื่น
เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องแสดงความโง่อย่างนั้นออกมา
เพราะว่าการที่ศิษย์ใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายต่างๆ นั้น
สิ่งที่ศิษย์เสียไปโดยไม่สามารถเรียกกลับมาได้คืออะไร สิ่งที่ศิษย์ทุ่มลงไปคือจิตใจของศิษย์เอง
เราต้องไปทำในสิ่งที่เหมือนกับอีกคนหนึ่งไปทำ
แต่เรากลับทำด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย สลับซับซ้อน
สิ่งที่เราเสียออกไปคือจิตใจของตัวเราเอง ซึ่งไม่มีวันเรียกจิตใจที่สะอาดกลับมาได้อย่างง่ายดาย
ใช่หรือไม่ (ใช่)
เหมือนคนที่คิดมาก คนคิดมากจะมีวันคิดน้อยลงหรือเปล่า
(ไม่มี) การเป็นคนคิดมาก
เราก็จะคิดมากไปกับทุกๆ เรื่อง วันนี้เราคิดมากกับเรื่องแค่นี้
วันหน้าเราก็คิดมากกับเรื่องที่ใหญ่มากขึ้น จนแก้ไม่ได้ จริงหรือเปล่า (จริง)
เพราะฉะนั้นเราถึงมาพูดกันว่าการเป็นคนบำเพ็ญธรรมมีแต่ต้องยึดจิตใจของตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์เข้าไว้
การที่จะชำระจิตใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์ได้จำเป็นที่จะต้องมามองตนเองในทุกขณะทุกเวลาทุกนาที
และแก้ไขตนเองในทุกเวลาทุกนาที ยอมเสียเปรียบบ้างเป็นการได้กำไร จริงหรือไม่
(จริง)
เสียเปรียบเราอาจจะเสียแรง เสียใจ เสียเวลา แต่เราได้จิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
ถ้าหากว่าอยากที่จะแก้ไข ชำระจิตใจตนเองต้องยอมเสียเปรียบบ้าง
ถ้าหากว่าเอาทรายสองกองมากองไว้ หยิบกองหนึ่งออกไปใส่อีกกองหนึ่ง ขาดทุนไหม
ถามว่าทรายกองที่ถูกหยิบหายไปจากโลกนี้หรือเปล่า (ไม่) ทรายกองที่ถูกหยิบก็ไปอยู่ในอีกกองหนึ่ง
จริงหรือเปล่า (จริง)
วันนี้เราอาจจะเริ่มยอมเสียเปรียบลูกเรา
เงินหามาเหนื่อยแทบตาย ลูกร้องอยากได้ของเล่น ซื้อให้หรือเปล่า (ซื้อ) เงินหามาแทบตาย ป่วยนิดหน่อยแค่ไอก็ต้องไปหาหมอ
เราก็เสียเงินไป จริงหรือไม่ (จริง)
เพราะฉะนั้นทรายกองหนึ่งแบ่งไปสู่กองอื่นก็เป็นการทำให้กองอื่นเพิ่มพูนมากขึ้นไม่ได้หายไปจากโลก
วันนี้เรารู้จักแต่เสียสละให้คนใกล้ๆ ตัวเรา
วันหนึ่งเราก็รู้จักเสียสละให้กับคนที่เรารู้จักโดยที่ไม่ได้สัมพันธ์เป็นญาติมิตร
วันหนึ่งเราก็รู้จักเสียสละให้คนบนโลกนี้ทุกๆ คน เพราะฉะนั้นทรายที่เกิดจากกองของเราแบ่งไปให้กองคนอื่น
ให้คนอื่นเขามีมากหน่อย ให้คนอื่นมีความสุขมากหน่อย
ถามว่าความสุขนั้นหายไปจากใจเราหรือไม่ (ไม่)
สิ่งที่ดีๆ ของเราให้ผู้อื่นไปก็ไม่ได้หายไปจากโลก
ฉะนั้นอย่าบอกว่าเกิดมาแล้วทำอะไรทำไมถึงได้โดนเอาเปรียบ
เวลาที่เราโดนเอาเปรียบขอให้ถูกเอาเปรียบอย่างเต็มใจแล้วศิษย์จะมีความสุข
ความสุขไม่ได้อยู่ที่การไปเที่ยวที่ไกลๆ ที่ศิษย์พอใจ
ความสุขไม่ได้เกิดจากการใช้เงินตามที่ศิษย์อยากได้
ความสุขไม่ได้เกิดจากสิ่งที่ศิษย์ไปหามาจากภายนอก แต่ความสุขเกิดจากภายในของตนเอง
อยากมีความสุขจึงต้องหันมาให้ตนเองรู้จักเสียสละไปบ้าง แล้วจะเกิดความสุขมากขึ้น
ความสุขเกิดได้จากอะไร (การเสียสละ,การให้)
“ชีวิตหนึ่งชีวิตนี้เหมือนขาดอะไรไป
ระลึกไว้ชีวิตคือการทวนกระแส
โดยไม่หยุดไม่หย่อนการเปลี่ยนแปร
เป็นของแท้เป็นของเทียมต้องเลือกเป็น”
กลอนนำอาจารย์เขียนไว้บอกว่า ชีวิตนี้เหมือนขาดอะไร
ขาดอะไรไม่รู้ มาดูต่อไป บรรทัดสุดท้ายบอกว่า เป็นของแท้เป็นของเทียมต้องเลือกเป็น
อาจารย์สมมติว่าคนสองคนนี้เป็นของสองสิ่ง คนหนึ่งเป็นของเทียม คนหนึ่งเป็นของแท้
คนที่ทำออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นของเทียม
ส่วนคนทำออกมาด้วยความจริงใจนั้นเป็นของแท้ ของแท้คือแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา
แสดงความใจดีออกมา แสดงความเมตตาออกมา เป็นของแท้
ส่วนคนที่ทำออกมาด้วยซับซ้อนนั้นเป็นของเทียม สุดท้ายคนที่เป็นของเทียมนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีใจ
แต่ว่าเขาก็ทำเหมือนคนที่มีความเมตตา ฉะนั้นเขาจึงดูว่าเป็นของเทียม
อาจารย์บอกว่าเป็นของเทียมเป็นของแท้ต้องเลือกเป็น
ศิษย์ของอาจารย์อยากเลือกเป็นคนไหน (เป็นของแท้)
ถ้าหากว่าศิษย์นั้นสามารถที่จะเลือกได้
ซื้อของอย่างหนึ่งอยากซื้อของแท้หรือของเทียม (ของแท้) ตัวเรานี้ถ้าหากว่าเราเป็นคนๆ หนึ่ง เราอยากเป็นของแท้หรือของเทียม
(ของแท้) ถ้าเราเป็นของแท้
เบื้องบนก็เลือกเรา ถ้าเราเป็นของเทียม
แม้กระทั่งคนที่เป็นมนุษย์เหมือนกันอยากเลือกไหม (ไม่อยาก)
คนที่เป็นมนุษย์เหมือนกันยังไม่อยากเลือก
เพราะฉะนั้นของแท้ของเทียมให้ศิษย์เลือกเป็น
เลือกเป็นว่าชีวิตนี้มีหลายๆ สิ่งในชีวิตที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง
วันนี้ตำแหน่งนี้เป็นของเรา วันนี้ถูกคนชม อีกสองวันอาจจะถูกคนด่าก็ได้
จริงหรือไม่ ชีวิตนี้เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นต้องทวนกระแสของชีวิตนี้
ถึงแม้บางเรื่องเราทำด้วยความไม่เต็มใจ ไม่ได้อยากทำเลยแต่ก็ต้องทำ
แต่ในเมื่อศิษย์เลือกที่จะไปทำแล้ว ขอให้เอาใจจริงๆ ของเราไปทำดีไหม (ดี)
ไม่ใช่บอกว่าใจจริงๆ ของเราคือความโกรธ แล้วเราเลือกไปทำจริงๆ เหมือนใจเลย
เอาความโกรธออกไปเลย ใช่หรือเปล่า
คำว่า “ทำใจ” กับคำว่า “ทำใจ”ของอาจารย์ก็ไม่เหมือนกัน
จริงหรือไม่
ฉะนั้นของที่หน้าตาเหมือนกันในความเป็นศิษย์คนเดียวกันมีความโกรธและมีความดีอยู่ในตน
ฉะนั้นศิษย์ต้องเลือกที่จะแสดงออกมาโดยที่ใจของเรานั้นต้องดีด้วย
แล้วก็เอาความดีออกมา
ถ้าใจของศิษย์ยังเป็นความโกรธ ทำอย่างไรดีล่ะ
ถ้าใจของเรายังเป็นอคติ อันได้แก่ความรักมากเกินไป ความหลง ความกลัว
ความชังมากเกินไป เราต้องเปลี่ยนจิตใจของเราก่อน เราต้องเปลี่ยนจิตใจของเราให้ดี
แล้วแสดงออกมาให้เป็นสิ่งที่ดี เราจึงเป็นของแท้ทั้งในทั้งนอก
บางคนเป็นของแท้เปลือกนอก ข้างในเป็นอย่างไร (เทียม) ข้างในเป็นของปลอม
เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นของแท้ทั้งนอกและในตน ถ้าหากว่าในเราดี นอกเราดีไหม
(ดี) ถ้าในเราไม่ดี นอกเราดีไหม
(ไม่ดี) ในไม่ดีนอกไม่ดี
แต่สำหรับสมัยปัจจุบัน ในไม่ดีอาจจะมีนอกที่ดีก็ได้ แต่อาจารย์ก็ยังเป็นคนหัวโบราณ
อาจารย์เป็นคนโบราณ เพราะฉะนั้นอาจารย์อยากให้ศิษย์นั้นดีจากข้างในออกมาสู่ข้างนอก
ถ้าหากว่าในดี นอกย่อมดี อันนี้ไม่มีปัญหา แต่หากบอกว่าในไม่ดี แล้วนอกดี
นี่คือเป็นในลักษณะที่มนุษย์ปัจจุบันชอบทำ
ฉะนั้นคนปัจจุบันนี้เป็นคนที่แค่จะหาความสุขธรรมดาก็ลำบาก
อยากจะให้บำเพ็ญธรรมก็ยิ่งลำบาก อยากให้บรรลุธรรมยิ่งสุดจะลำบาก
แต่ว่าในวันนี้ศิษย์ทุกคนมาที่นี่
รู้แล้วว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่ศิษย์นั้นอยากที่จะพ้นไป
ฉะนั้นศิษย์เลือกที่จะเป็นผู้ที่บำเพ็ญธรรม คือหมดจากความทุกข์
ฉะนั้นจึงต้องมาบำเพ็ญธรรม แล้วทำเรื่องสุดจะลำบากนี้ ทำได้ไหม (ได้)
อาจารย์ชวนมาทำเรื่องสุดจะลำบากทำไหวหรือเปล่า
(ไหว) ชวนมาทำเรื่องสุดจะลำบากเลยนะ
ฉะนั้นเรื่องสุดจะลำบากนี้ก็ต้องมีใจที่สุดจะ (อดทน) อดทนแล้วหรือ ยังไม่ทำอะไรก็อดทนแล้ว ทำเรื่องสุดจะลำบากก็ต้องมีใจสุดจะเข้มแข็ง
สุดจะสะอาด ถ้าหากว่าห้องน้ำที่บ้านเรานี้ เราอยากจะขัดพื้นให้ใหม่เหมือนกับตอนที่เราสร้างเสร็จใหม่ๆ ไหวไม่ไหว (ไหว) ถ้ามีคราบมากแสดงว่าเจ้าของเป็นคนที่ขี้เกียจมากนะ
ห้องน้ำที่บ้านเรานี้ เราอยากที่จะขัดให้ใหม่เหมือนกับตอนที่เราเพิ่งสร้างเสร็จ
ลำบากไหม (ลำบาก) ห้องน้ำของบางคนใช้มาตั้งแต่เกิด
ของบางคนก็มาใช้ทีหลัง เวลาถ้าสิบปี ห้องน้ำเลอะมากไหม (มาก) เลอะมากเลย แล้วชีวิตเรากี่ปีแล้ว เป็นสิบๆ
ปีเลย เพราะฉะนั้นใจของเราสะอาดไหม (ไม่สะอาด)
ถ้าเราไม่ได้ขยันขัดใจของเรา ไม่ขยันขัดเกลา ใจเราก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าไร
คนสมัยปัจจุบันบอกว่า คนมีความคิดคือคนฉลาด
เราก็เลยปล่อยใจของเราคิด คิด คิด ไปเรื่อยๆ ไม่รู้คิดไปทางไหน
คิดไปทางไหนก็ไม่รู้ คิดจนจะตกเหวแล้วยังไม่รู้ตัวเลย คิดจนเหมือนนรกเร่าร้อน
ร่ำร้องอยู่ข้างในใจของตัวเองยังไม่รู้เรื่องเลย เราก็ยังพอใจที่เราได้คิด
แต่ว่าเราต้องรู้ว่าความคิดนั้นต้องจำกัดอยู่ในวงที่คิดเป็น คิดดี ถึงจะดี
อย่าปล่อยให้ความคิดเรามันไปเรื่อยๆ จะขึ้นสวรรค์ก็ไม่รู้ ตกนรกก็ไม่รู้
อย่างนี้ไม่ได้ อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าคิดเป็น อย่างนี้เขาเรียกว่าฟุ้งซ่าน
ฉะนั้นคนที่บำเพ็ญอยู่ในปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน
ศิษย์หลายคนนั้นก็บำเพ็ญมานาน ศิษย์เป็นของแท้ของปลอม อาจารย์ยังบอกไม่ถูก
บางทีแวบหนึ่งเป็นของแท้ขึ้นมา บางทีอีกแวบหนึ่งกลายเป็นของปลอมไปแล้ว
ใช่หรือเปล่า (ใช่) การที่เรานั้นแต่งตัวออกมาเหมือนผู้ปฏิบัติบำเพ็ญธรรม
เรากินเจและตั้งปณิธานทานเจ
การที่เรายิ้มกับใครเป็นส่วนใหญ่หรือมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้บำเพ็ญเป็นส่วนใหญ่
แต่หากว่าเรายังไม่ได้เป็นผู้บำเพ็ญจริงๆ ถึงแม้ว่าเรามีองค์ประกอบครบแต่ขาดหัวใจ หัวใจของผู้บำเพ็ญคือ
หัวใจที่บริสุทธิ์และขัดเกลาอยู่เสมอ
หากว่าโดยส่วนใหญ่ศิษย์นั้นเป็นคนที่ยิ้มต้อนรับขับสู้คนอื่น
แต่เผอิญวันหนึ่งถูกยั่วโมโหโดยใครไม่รู้แล้วเจอญาติธรรมแล้วก็ดุใส่เขา เรียกว่า “ยิ้มมาเก้าหน หน้าบึ้งแค่หนึ่งหน”
ถือว่าล้มเหลวหรือชนะ (ล้มเหลว)
แต่มีอยู่คนหนึ่งเป็นคนขี้โมโห โดยส่วนใหญ่โมโหๆ ไปสักเก้าหน
แต่วันนี้จบท้ายมายิ้มตอนจบเหมือนตอนอวสานของละคร
ตอนสุดท้ายมายิ้มก็กลายเป็นตัวเอก ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ก็อย่าลืมว่า
การที่เราบึ้งมาเก้าหนก็มีผลกับตัวเรา บางคนบอกว่า เราเป็นคนดุ เป็นคนแย่ มากๆ เลย
เรายิ่งต้องฟังคนอื่นวิจารณ์ ต้องมารู้จักคนอื่นอย่างถ่องแท้
ศิษย์ต้องอย่าลืมถึงแม้อาจารย์จะบอกว่า
คนที่ตอนจบสุดท้ายเป็นตัวเอก
แต่อย่าลืมว่าเก้าครั้งที่ทำขึ้นมาเป็นสิ่งที่เรายังบึ้งอยู่ก็ยังต้องได้รับการแก้ไข
ใช่หรือไม่ (ใช่)
ในที่สุดเมื่อเอาเข้าจริงๆ คนที่ยิ้มเก้าแล้วบึ้งแค่หนึ่งครั้ง
เป็นคนที่พัฒนายิ่งกว่า เพราะฉะนั้นอาจารย์ชมทั้งสองฝ่าย
แต่ถ้าให้ดีการบึ้งตึงก็เป็นสิ่งที่ควรจะระงับไป
เมื่อใจเราระงับความโกรธได้หน้าตาของเราก็จะยิ้มแย้ม วันนี้ถูกคนอื่นทำหน้าบึ้งใส่ต้องสำรวจตัวเองว่า
เราเคยทำหน้าบึ้งกับใครหรือเปล่า เรื่องในโลกลึกลับซับซ้อนกว่านั้น
บางทีคนเขามาตีโพยตีพายว่าเรา เขาทำหน้าบึ้งตึงกับเราไม่มีสาเหตุ ต้องมาพิจารณาว่า
เราเคยไปนินทาใครลับหลังหรือเปล่า คนเรามีปากแค่หนึ่งปาก
แต่ว่าพูดตลอดเวลาและพูดในสิ่งที่ดีตลอดหรือเปล่า (เปล่า) เรายังไม่ใช่คนที่พูดดีตลอด เพราะฉะนั้นการที่เราถูกคนอื่นบึ้งใส่
เราต้องคิดว่า เราเคยพูดว่าคนอื่นหรือเปล่า เวลาคนที่พยายามจะไม่นินทาคน
อาจารย์เห็นแล้วทรมานแทน
อาจารย์จะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง มีศิษย์อยู่คนหนึ่ง ศิษย์คนนี้มีจริงๆ
อาจารย์ก็เห็นว่า เขาพยายามจะไม่พูดนินทาว่าร้ายใคร วันนี้ไปนั่งอยู่ในวงสนทนาที่มีแต่การนินทาคนอื่นพอดี
เขาก็พยายามที่จะไม่พูด พอนั่งไปนานๆ เข้า เผอิญมาพูดตรงพอดีกับคนที่เขารู้สึก
เขาคันปากยิบๆ คนดีที่พูดดีมาตลอด คนนี้เขาจะอดใจอยู่ไหม (ไม่อยู่) มีอะไรให้ลุ้นไหม อาจารย์นั่งลุ้นต่อไป
เขาพยายามพูดแค่นิดเดียว พูดอีกนิดหนึ่งแล้วก็เก็บคำพูด พยายามนินทาคนแบบดีๆ
แฝงเจตนาเล็กๆ
อันนี้เป็นแบบที่ศิษย์ชอบทำใช่ไหม
เวลาที่พูดไปเรื่อยๆ สุดท้ายอดใจไหวไหม (ไม่ไหว) อดทนให้มากๆ อดทนยังไม่ไหวก็อดกลั้น
ถ้าอดกลั้นยังไม่ไหวก็อดใจหน่อย
เตือนสติตัวเองให้มากๆ
การที่คนอื่นพูดข้อเสียของเรามีประโยชน์ไหม (มี) การที่คนอื่นพูดข้อเสียของเรา
ถ้าเราได้ยินได้ฟังเราก็ได้แก้ไข
แต่ถ้าหากว่าการที่เราพูดข้อเสียของคนอื่นมีประโยชน์ไหม (ไม่มี) การที่เราพูดข้อเสียของคนอื่นอยู่บ่อยๆ
เป็นการทำให้เรานั้นมีวจีกรรมเพิ่มมากขึ้น บางคนอยู่ดีๆ ก็ปากแตก ลิ้นแตก
เหงือกร่น ปากนกกระจอก เป็นหรือเปล่า (เป็น)
ถ้าหากบอกว่า เป็นต้องบอกว่ามีบุญที่ได้มีสิ่งที่เตือนตัวเอง จริงหรือไม่
(จริง)
คนที่มีมารยาทออกมาจากความจริงใจนั้น
ถ้าหากว่าทำได้จริงๆ อันนี้เรียกว่าสุภาพชน มารยาทง่ายๆ
ที่อาจารย์จะสอนในวันนี้บางคนอาจจะรู้อยู่แล้วแต่คนรู้อยู่แล้วก็ต้องเอาไปทำให้บ่อยๆ
แล้วก็ฟังไว้เป็นสิ่งที่เรานั้นควรปฏิบัติ ถ้ารู้แล้วก็ฟังให้มากขึ้น
1.
เมื่อเห็นคนมีความทุกข์อย่าทำตัวครึกครื้น
2. เมื่อเห็นคนเศร้าอย่าหัวเราะ
ทำได้ไหม (ได้)
3. เมื่อคนเขาพูดคุยให้เรื่องส่วนตัวของเขากับคนที่เขาสนิทเราอย่าฟัง
4. เมื่อเข้าบ้านคนอื่นอย่ากวาดตามองสิ่งของๆ
เขา
5. เมื่อเดินไปถึงโต๊ะทำงานอย่าแตะต้องสิ่งใดที่เป็นของเขา
6. เมื่ออยู่ในที่ที่เราไม่แน่ใจในสถานะของตัวเองให้ยืนอยู่เฉยๆ
ก่อน ทำได้ไหม (ได้) อาจารย์ให้ง่ายๆ
แค่นี้
ฟังธรรมะฟังด้วยจิตใจเบิกบาน แม้ว่าฝืนใจนิดๆ ในการที่จะนั่งสองวันแต่ว่าฟังแล้วก็ได้ดีเข้าตัว
ใช่หรือเปล่า (ใช่)
เวลาเรากินเราก็กินแต่อาหารดีๆ ถูกหรือไม่ (ถูก) ตอนนี้ก็ให้ใจรับสิ่งที่ดีๆ เข้าไป ดีหรือเปล่า
(ดี)
ให้ใจกินอาหารบ้างอย่าให้ใจเอาแต่ฟังเพลง
หรือเที่ยวแล้วก็มองแต่ในสิ่งที่ไม่ดี ใช้อายตนะไปในทางที่แปดเปื้อนทำให้ใจของเราสกปรก
“ความอวดดีเป็นเบ้าหลอมแห่งความพ่าย
ความเบื่อหน่ายเป็นเบ้าหลอมแห่งความเฉื่อย”
เบื่อหน่ายไหม ทำงานทุกวันจันทร์แล้วศุกร์
เมื่อไรจะเย็นสักที เมื่อไรจะเสาร์ เมื่อไรอาทิตย์ อ้าวจันทร์อีกแล้ว
ไม่อยากให้ถึงเลย เป็นไหม ต้องมีความสุขกับงาน ทำงานถึงจะมีความสุข ใช่หรือไม่
แล้วทำไมเราถึงไม่มีความสุขกับงานเล่า งานที่เราทำอยู่เป็นงานที่เราชอบไหม
ล้างชามทุกวันเลย งานนี้ชอบไม่ชอบ (ชอบ)
ชอบหรือไม่ ไม่ชอบล้างชามก็ต้องไปซื้อข้าวกินจะได้ไม่ต้องล้างเอง
จริงหรือไม่ พอไปซื้อข้าวกินก็เสียเงิน แล้วพอกินแล้วรู้สึกเบื่อแล้วก็ไปเปลี่ยนร้านที่มันแพงกว่าเดิม
ใช่ไหม
(พระอาจารย์เมตตาคนที่บ้านที่เปิดสถานธรรมอยู่ในเมืองของกาญจนบุรี)
เวลาที่สถานธรรมอยู่ที่โน่น ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
คนเดียวทำจะเหนื่อยแต่ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ความเหนื่อยจะไม่มาก
ทุกคนตรงนี้มีความสามารถเป็นของตัว ความสามารถของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ถ้าหากว่าเรียกแล้วก็คือมีความชำนาญไม่เหมือนกัน เอาความแตกต่างมาเป็นสีสัน
มันจะช่วยให้ทำงานร่วมกันได้อย่างดี อย่ามองความแตกต่างเป็นเรื่องที่แตกแยก
ความแตกต่างคือเรื่องที่ไม่เหมือนกันแล้วมาทำงานด้วยกันถือว่าเป็นความชำนาญคนละอย่าง
พอมาอยู่ร่วมกัน มันจะกลายเป็นสิ่งที่ดีมาก ฉะนั้นในแต่ละคน ยิ่งพยายามพัฒนาตัวเอง
ไม่ว่าจะด้านการพูดธรรมะ ไม่ว่าจะด้านความคิด ไม่ว่าจะเป็นด้านความใจกว้าง
ทุกอย่างขอเพียงศิษย์มีใจ งานธรรมะจะอยู่กับศิษย์ จะเป็นสิ่งที่ศิษย์นั้นสามารถที่จะใช้พยุงต่อไปได้
ทำได้ไหม
(พระอาจารย์เมตตาประทานชื่อเพลงพระโอวาทที่ท่านหลันต้าเซียนให้ว่า
“มองใจผ่านทุกข์”)
ปกติแล้วเราจะมองความทุกข์ผ่านทางใจของเราใช่หรือไม่
เรามองอะไรก็แล้วแต่ ก็มองตามแต่ใจของเรา ใจของเราจะเอาแต่ใจ ดื้อรั้นไปทางไหน
เราก็มองไปทางนั้น มองเท่าไหร่ก็ไม่เปลี่ยนไปจากใจของตัวเองเสียที ใจยิ่งไม่สู้
ทุกข์ก็ยิ่งแย่ ที่นี้ให้มองใจผ่านทางความทุกข์บ้าง ว่าผ่านมาจากทางความทุกข์นี้
ใจของเราเป็นอย่างไร
อันนี้เป็นความหมายของเพลง
วันนี้นั่งกันจนเมื่อยจนเหนื่อยแล้ว
อาจารย์อยากให้ศิษย์ทุกๆ คนเป็นคนที่ดี ไม่ดื้อรั้น
ศิษย์ของอาจารย์ภายใต้การบำเพ็ญของฮวั๋งเตี่ยนฉวันซือ ส่วนใหญ่จะเป็นคนเก่ง
มีตำแหน่งหน้าที่ มีฐานะ ฉะนั้นความดื้อรั้นของศิษย์มันจะพุ่งพรวดเป็นทวีคูณ
บางเรื่องก็ไม่ยอมกันเฉยๆ ไม่มีเหตุผล ไม่ยอมให้ความร่วมมือกันเฉยๆ
มันก็เลยไปไหนไม่ได้ อาจารย์พูดอย่างนี้ อาจารย์ไม่ใช่ว่า
แต่อาจารย์อยากให้ศิษย์นั้นดีขึ้น ส่วนศิษย์ทางปราณบุรีก็เหมือนกัน
อย่าลืมที่อาจารย์เคยตักเตือนไว้ ปัญหานี่มาไม่หยุดไม่หย่อนเลยนะ
ก็ยังจำเป็นที่จะต้องสู้กันต่อไป คนเหลือเท่าไหร่ก็สู้เท่านั้น
ใครมีเหตุให้ต้องเหนื่อย ให้หยุดพัก ให้ต้องท้อ เราก็ให้กำลังใจ อาจารย์บอกแล้วว่า
การพูดเรื่องไม่ดีนี่ ไม่ค่อยจะมีประโยชน์ จะบอกว่าใครไม่เก่ง
ไม่สามารถมันก็ไม่มีประโยชน์ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีชีวิตอย่างทุกข์เข็ญลำบากแล้ว
ขอให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขดีกว่า ส่วนศิษย์ที่อยู่ที่นี่ (พระอาจารย์เมตตาให้เรียกฐันจู่) ยังรับแอปเปิ้ลอาจารย์ก็แสดงว่ายังตั้งใจจะดูแล
สังขารไม่อำนวยก็ทำเท่าที่แรงมี เข้าใจไหม
แต่ว่าอาจารย์ก็เชื่อว่าศิษย์บางคนที่เป็นคนที่อยู่ที่นี่ ก็ขอให้
ถ้าอยู่ใกล้ที่นี่ ก็มาขึ้นเรือธรรมที่นี่ บำเพ็ญที่นี่ แต่ว่าไกลที่นี่ออกไปทางตัวเมือง
ก็ให้ไปสถานธรรมที่บ้านสกุลฟัง การบำเพ็ญธรรมอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน
ขอเพียงแต่ว่าทุกๆ ที่ที่ศิษย์ไปมีธรรมะ ใจของศิษย์มีธรรมะอย่างเต็มเปี่ยม
ธรรมะจะอยู่กับศิษย์ การบำเพ็ญธรรมจะเป็นเรื่องที่ศิษย์นั้นสามารถทำได้ตลอดเวลา
หัวหน้าชั้นลองสรุปคำว่า “การปฏิบัติบูชา” แปลว่าอะไร (การบูชาธรรมะโดยการกระทำ) คำยังไม่ค่อยสวย คนที่สองตอบหน่อย
(บูชาธรรมะด้วยการปฏิบัติที่ดี)
(พระอาจารย์เมตตาให้แอปเปิ้ลนักเรียนเบอร์2 จับแล้วท่านเมตตาถามว่า
“อยู่ไหม” ก่อนท่านดึงกลับ
แต่นักเรียนท่านนี้ยึดแอปเปิ้ลไว้แน่น)
อาจารย์บอกเพื่อให้ตั้งตัว แต่ก็ยังยึดแอปเปิ้ลอยู่ แต่ถ้าหากว่า
เป็นเจ้ากรรมนายเวร เป็นเคราะห์กรรมต่างๆ เป็นกิเลสและพญามารต่างๆ
เวลาดึงทีไม่บอกเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเวลาที่เราประคองก้าวเท้าของเราไว้ให้ดีๆ เราก็ย่อมผ่านพ้นได้
แต่ถ้าหากว่า เราประคองก้าวของเราไม่มั่นคง อย่าคิดว่าเดินแล้วจะไม่สะดุดล้ม
ฉะนั้นการสะดุดล้มของศิษย์เป็นเรื่องธรรมดาหรือไม่ (ธรรมดา) การสะดุดล้มของเราเป็นเรื่องธรรมดา
คนมีร่างกายต้องป่วยต้องไข้
ถ้าคนที่บำเพ็ญอนุตตรธรรมแล้วไม่ต้องป่วยต้องไข้ดูแล้วปกติหรือเปล่า
ดูแล้วก็ไม่ใช่ว่าเรานั้นจะเป็นการบำเพ็ญที่ปกติ หากว่าเราไม่ต้องเจออุปสรรคใดๆ
เลย ดีทุกอย่าง เราอยากบำเพ็ญไหม มีหลายๆ คนเวลาที่มารับธรรมะก็ต้องพูดบอกว่า
ดีอย่างนั้น อย่างนี้
แต่ถามว่าเวลาที่เราได้ดีทุกอย่างเราอยากบำเพ็ญหรือเปล่า
เวลาที่ดีทุกอย่างกลับเป็นเวลาที่ไม่คิดถึงธรรมะเลย จริงหรือไม่ (จริง) ฉะนั้นการที่เรามีความทุกข์บ้างมาจิ้มๆ ไชๆ
มีความทุกข์บ้างมาสะกิดตัวเรานั้นเป็นเรื่องดี
(พระอาจารย์เมตตาประทานโอวาทซ้อนโอวาท)
“ปฏิบัติบูชา” หมายถึง การบูชาธรรมด้วยการปฏิบัติ ทุกวันนี้ศิษย์ของอาจารย์ทุกคนที่ขึ้นชื่อว่า
ยังบำเพ็ญธรรมเป็นผู้บำเพ็ญธรรม ศิษย์ทั้งหลายมือเท้าของศิษย์ คำพูดของศิษย์ทุกๆ
อย่างเป็นการกระทำ สิ่งที่เราทำนั้นจึงได้ชื่อว่า เป็นการบูชาธรรมหรือไม่ ธรรมะมีค่าเพราะมีคนเห็นค่า
ธรรมะสูงค่าเพราะคนนั้นปฏิบัติ
ฉะนั้นในวันนี้ศิษย์ของอาจารย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติงานธรรม
ศิษย์ของอาจารย์ซึ่งกำลังที่จะบำเพ็ญธรรม กำลังก้าวเข้าสู่การบำเพ็ญธรรม
สิ่งที่ศิษย์ปฏิบัติทั้งหมดทั้งสิ้นจึงเป็นสิ่งที่เรานั้นใช้ในการบูชาธรรม
จะบูชาธรรมด้วยการที่เรานั้นโกรธเกรี้ยวบ่อยครั้งไม่ถูกแน่
อาจารย์ยังอยากเรียกร้องให้การปฏิบัติของศิษย์เป็นการปฏิบัติที่ออกจากใจจริงๆ
มาจากจิตใจที่สะอาดและทำในสิ่งที่ถูกต้อง บางทีถูกคนว่า โง่ ถูกคนพูดว่า ไม่ฉลาด
บางทีสิ่งที่เราทำเป็นความดี แต่กลับไม่มีคนเห็นชอบเลย ก็ถือว่า
ให้ศิษย์นั้นรู้และแน่ใจ
พิจารณาด้วยธรรมะเป็นเกณฑ์ว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้องตามครรลองคลองธรรมหรือไม่
พิจารณาว่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับเราเพราะอะไร เพราะการฟังมากคือ การได้กำไร
คนที่เราเสวนาด้วยแม้ว่าพูดไม่ดีบ้าง หยาบบ้าง หากเราฟังมากๆ เราจะได้กำไร หากว่าเราฟังน้อย เราจะกลายเป็นคนที่ขาดทุน
แม้พูดมาไม่น่าฟัง แต่ฟังแล้วได้กำไร เอาไหม (เอา) ฟังคำพูดที่ออกมาจากคู่อริเรายิ่งได้กำไร
เอาไม่เอา (เอา)
แน่ใจหรือเปล่าว่าจะฟังเขาได้ตลอดรอดฝั่ง แน่ใจหรือเปล่าว่า
จะไม่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แน่ใจหรือเปล่าว่าจะฟังรู้เรื่อง
ฝึกนะฝึกนี่คือการฝึก
สิ่งที่ไม่ชอบใจยิ่งฝึกมาก ใจของเราก็ยิ่งกว้างออกไปมากยิ่งขึ้น
คนชอบซื้อที่ที่เฉพาะของตัว หารู้ไม่ว่าที่ทุกที่บนโลกนี้เราก็ไปได้
ถ้าหากว่ามีแค่ที่ของตัวก็ดูจะคับแคบ หวงไว้แต่ตรงนั้น ถ้าหากว่าเราไม่มีที่
ที่ทุกที่ก็คือที่ที่เราเดินได้ จริงหรือไม่ (จริง) มีคำกล่าวบอกว่า “ถ้าหากว่าอยากที่จะได้ชื่อเสียงมาก
จะยิ่งเสื่อมเสีย หากอยากได้เงินทองมาก ก็ยิ่งสูญเสีย รู้จักพอก็จะไม่มีอันตราย
รู้จักหยุดก็จะไม่มีภัย”
อาจารย์ให้ในวันนี้เกือบจะทั้งหมดเป็นคำว่า “เบ้าหลอม”
คือ เตาหลอม
เอาสิ่งหนึ่งเข้าไปหลอมได้อีกสิ่งหนึ่งออกมา อย่างเช่น
เอาความขยันเข้าไปหลอมก็จะได้ความสำเร็จออกมา
เอาการรู้จักสังเกตเข้าไปหลอมก็จะได้ความฉลาดกลับออกมา เอาบารมีเข้าไปหลอมจะได้อำนาจออกมา
เอาความประมาทเข้าไปหลอมจะได้ความตายออกมา เอาความอวดดีเข้าไปหลอมได้ความพ่ายออกมา
เอาความเบื่อหน่ายเข้าไปหลอมได้ความเหนื่อยออกมา
เอาความไม่อดทนเข้าไปหลอมได้ความไม่สิ้นเหนื่อยออกมา
ความเรื่อยเปื่อยเข้าไปหลอมก็ต้องได้ความว่ายเวียนกลับออกมา
เป็นฐันจู่ศึกษาธรรมให้มากๆ เข้าใจแล้วนำไปปฏิบัติให้มากๆ
ที่นี่ถึงแม้ว่าคนมาน้อยแต่หากว่าศิษย์เป็นคนที่มีความแกร่งก็สามารถช่วยเหลือกันได้เช่นเดียวกัน
อาจารย์ฝาก
ขณะนี้อาจารย์รู้สึกห่วงใยในชีวิตจิตญาณของศิษย์ทุกคนอย่างลึกซึ้ง
ยิ่งศิษย์บำเพ็ญมานานปีอาจารย์ก็ยิ่งห่วง คนบำเพ็ญมานานก็ยิ่งน่าห่วง
คนบำเพ็ญยิ่งดีขึ้นอาจารย์ก็คลายใจได้บ้าง
หวังว่าศิษย์ทุกคนคงพอที่จะทำให้อาจารย์โล่งใจได้มากกว่าหนักใจด้วยการดูแลตัวเองให้ดีๆ
มีคำพูดกล่าวว่า “ความพอใจนำมาซึ่งปัญหา
การถ่อมตนนำมาซึ่งผลกำไร” อาจารย์หวังว่าศิษย์นั้นถ้าหากอยากหากำไรให้ตนเองก็หาในทางที่ถูกต้อง
คิดในแง่ดีต่อกัน ร่วมมือกัน ศิษย์แต่ละคนเป็นคนเก่งมากๆ ศิษย์ก็เป็นคนดีมากๆ เพียงแต่วันนี้พลังยังไม่รวมกัน
แต่จะบอกว่าศิษย์ไม่พยายามอาจารย์ก็เห็นว่าศิษย์พยายาม
แต่จงไปพยายามลงแรงกับใจของตนให้มากกว่านี้อีกหน่อย ศิษย์ทำได้อาจารย์เชื่อ
อาจารย์เห็นแล้วว่าอีกคืบเดียวในความรู้สึกของศิษย์นั้น ถ้าหากว่าศิษย์ลงแรงจริงๆ
ศิษย์จะมีจิตใจที่สวยงามกว่านี้มาก
เมื่อศิษย์ไม่มีความทุกข์ศิษย์ก็จะมีแรงไปช่วยผู้อื่นได้มากกว่านี้
อย่ามีความทุกข์เพราะกิเลส อย่ามีความทุกข์เพราะความอยากได้ อยากเป็น
อย่ามีความทุกข์เพราะความโลภ
ชาตินี้อยากบำเพ็ญเป็นชาติสุดท้ายไม่ใช่หรือ
หมดจากชาตินี้ถ้ากลับไปได้จะกลับไปอยู่กับอาจารย์ไม่ใช่หรือ (ใช่) อาจารย์ก็รอนะ
แต่ในขณะนี้ในความเป็นจริงของหลายคนมันไกล
ศิษย์ของอาจารย์เป็นผู้ที่เต็มไปด้วยบุญบารมี วาสนา เพราะว่าศิษย์สั่งสมไว้มาก
แต่ศิษย์ไม่มีการขัดเกลาที่ดี ไม่ได้สั่งสมคุณธรรมบารมีไว้เลย
ลำพังแค่กุศลพาไปไม่ถึงนิพพาน หากว่าตัวศิษย์ยังมีกิเลสเต็มไปหมด
ต้องสั่งสมคุณธรรม ขัดเกลาจิตตนเองให้สะอาดกว่านี้
พุทธะนั่งบนดอกบัวที่ยังมีจิตใจที่มีราคีติดอยู่ด้วยนั่งไม่ได้หรอก
มันจะหล่นลงมาเอง แต่อาจารย์อยากให้ศิษย์ ณ ปัจจุบันนี้บำเพ็ญตัวเองให้ดี
อย่างน้อยมีความสุขในทุกๆ วัน แค่มีความสุขทุกวันก็ดีแล้วใช่ไหม (ใช่) อาจารย์ก็คิดว่าอย่างนั้น
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ปฏิบัติบูชา”
เข้าใจธรรมมากมายหลายเชิงชั้น แต่นำกันปฏิบัติเพียงน้อยนิด
เปลี่ยนทุกทีที่อุปสรรคเข้าประชิด การเห็นผิดเกิดแล้วยังยืนยัน
สิ่งที่เป็นเราอยู่ทุกค่ำเช้า คือสิ่งที่เรายึดติดถือมั่น
ในสิ่งที่เชื่อและทำตามกัน จงรู้ทันไม่เป็นทาสอวิชชา