วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2548

2548-06-25 สถานธรรมฮุ่ยอวี้ จ.ขอนแก่น



西元二○○五年歲次乙酉 五月十九日                      仙佛聖訓
วันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๘   สถานธรรมฮุ่ยอวี้  อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา

  เรียนธรรมะอย่าให้ตื้นเขินเกิน        ความสัมพันธ์อย่าให้เพลินลึกไปนัก
การบำเพ็ญเน้นปฏิบัติให้จงหนัก         เรื่องโลภรักในโลกไม่เคยพอ
                   เราคือ
  ศิษย์พี่นาจา                รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยอวี้ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว              ถามศิษย์น้องทุกคนแอบหลับไปกี่ครั้งแล้ว

  ยิ่งประสงค์มองชัดใจต้องเที่ยงสุด      เช่นน้ำใจเมื่อถูกมนุษย์เบียดบังเข้า
ตะวันจ้าผืนแดดเล่าก็สว่างขาว            พิจารณาเงาสะท้อนย่อมหนีตาพร่าเคือง
ไม่พ้นบ่วงปัญหาเพราะใจวกวน           คุมกังวลไม่อยู่ทนกลุ้มหลายเรื่อง
คนมีกันด้วยกิเลสที่ยากเปลื้อง            จึงขัดเคืองเรื่องธรรมดาอยู่เป็นประจำ
รู้ใครจะได้ดีเท่ารู้ตน                       อารมณ์ข้นกว่าสติได้เหนื่อยเช้าค่ำ
จงคิดกันก่อนพูดก่อนการกระทำ          ย้อนมองตนย้ำซ้ำเสมอต้นปลาย
ความคิดด่วนอย่าชั่วแล่นเมามัว           ขณะกลัวเสียเปรียบคนบีบคั้นอุบาย
ความดื้อเงียบพังชีวิตคนทุกราย          สัจจะอยู่ที่ไหนไปหยุดให้ตรง
เรื่องผ่านไปจงปล่อยให้ผ่านไป            ชั่วกาลนั่นที่ใจไม่คิดปลง
ขอจงคิดได้ก่อนจะกลายหลง             ชีวิตแพ้ไปปลงกลับเป็นสิ่งดี
มีปัญญากันแตกต่างแต่ธรรมเดียว        แสงญาณเกิดเมื่อเคี่ยวเข็ญใจตนนี้
เผอเรอไปทิฐิละแล้วย่อมคืนที่            ทุกนาทีบำเพ็ญจิตอย่างคนรู้ทาง
                                                                           ฮิ ฮิ หยุด

พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา

ในโลกนี้ย่อมมีความแตกต่างอยู่ทุกๆ ที่ แม้แต่อยู่ในห้องนี้มีความแตกต่างไหม (มี) ฝ่ายนี้คือฝ่ายชาย ฝ่ายนี้คือฝ่ายหญิง มีอายุ (มาก) มีอายุ(น้อย) แปลว่าเราหลีกไม่พ้นความแตกต่างในโลกนี้ ไปไหนทุกๆ ที่ย่อมมีความแตกต่าง จะหาความเหมือนกันทุกอย่างเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ถ้าหากว่าเราอยู่ท่ามกลางความแตกต่างของโลกและสามารถยอมรับได้ หัวใจของเราอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความกลมกลืน แต่ถ้าเกิดในความแตกต่างนี้เรายอมรับไม่ได้ ไปอยู่ที่ใดก็มีแต่ความทุกข์ ความแตกแยก ร้าวฉาน แม้แต่สามี ภรรยาหรือลูกในครอบครัว จะให้เขามีนิสัยเหมือนเราทั้งหมดทุกอย่างเป็นไปได้ไหม เพื่อนในที่ทำงานเหมือนเราทุกอย่าง เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  คนที่สนิทกันที่สุด คุยกับเขามากที่สุด บางทีก็ไม่เข้าใจและมีความคิดที่ต่างกัน
ฉะนั้นถ้าเราอยากอยู่ที่ใดก็มีความสุข เราจึงต้องรู้จักยอมรับมุมมองที่แตกต่างของผู้อื่นบ้าง เราจึงจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข จริงไหม แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งเราเกิดรับไม่ได้ขึ้นมา (จะทุกข์)  ก่อนจะทุกข์ มีทั้งแตกแยก มีทั้งหงุดหงิดแล้วก็รำคาญ รวมกันแล้วก็มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น ฉะนั้นเมื่อไรที่ต้องเจอคนที่ไม่เหมือนอย่างเราคิด หรือไม่คิดอย่างที่เราคิด เราก็ต้องพยายามที่จะ
(ทำใจ เป็นกลาง)  เราก็วางเขาไปเลยใช่ไหม ถ้าเกิดว่าลูกไม่ดีอย่างที่คิด วางลงไหม วางยาก ถ้าเกิดเขาไม่ดีอย่างที่คิด ถ้าเขาทำในสิ่งที่เกินกว่าเราคาดคิด
(ดีใจ)  แน่ใจหรือ ถ้าสิ่งที่เกินคาดคิดมันเป็นความคาดคิดที่เลวร้าย (ก็ทุกข์)  เราจะทำอย่างไร (เราต้องแก้ไข)  แก้ไขหรือ แต่ท่านเคยได้ยินไหมว่าคนบางคนชอบให้แนะนำมากกว่าถูกบีบบังคับ อย่างเช่น เรารู้ว่าเขาไม่ดี แต่เราบอกเขาไปหลายครั้งแล้ว เขายอมเชื่อไหม (ไม่เชื่อ)  เขาก็เหมือนตัวเราในบางครั้งเราก็มีทางเดินของเราแม้จะรู้ว่ามันไม่ดีแต่ก็ขอลองสักนิดหนึ่ง แล้วเราจะทำอย่างไร คิดออกไหม เขากำลังทำในสิ่งที่ไม่ดีอยู่ (เราก็ต้องตักเตือนเขาบ้าง) แล้วถ้าตักเตือนเสร็จแล้วล่ะ (ดูว่าเขาเชื่อเราไหม)  แล้วถ้าเขาไม่เชื่อ (เราต้องพูดใหม่)  แล้วคราวนี้เขาไม่อยู่ฟังแล้วหนีไปแล้ว (เขาไม่อยู่ฟัง คราวนี้ก็ปล่อยแล้ว)  กว่าจะปล่อยได้ยากเหมือนกันนะ
มนุษย์เราทุกคนถ้าเป็นคนที่เรารักยิ่ง ห่วงยิ่ง อย่างน้อยพูดจนถึงที่สุด พูดจนหมดตัวหมดหัวใจ พูดจนถึงที่สุดแล้ว เขาไม่เชื่อก็ต้องปล่อยไป แต่เราปล่อยได้จริงๆ ไหม ปล่อยแล้วก็ยังทุกข์ ขนาดไม่ปล่อยก็ยังทุกข์ ถ้าอย่างนั้นแปลว่าเรารู้ธรรมะได้อย่างตื้นเขินนักนะ เรารู้ว่าอะไรที่มันทุกข์ ถ้าถึงที่สุดแล้ว พูดก็แล้ว ช่วยก็แล้ว ไม่ดีขึ้นก็ต้องปล่อย แต่ปล่อยแล้วก็ยังทุกข์อยู่ แปลว่าธรรมะที่เรารู้นั้นยังตื้นเขินไป
เรียนธรรมะอย่าให้ตื้นเขินเกิน   ความสัมพันธ์อย่าให้เพลินลึกไปนัก
ท่านเคยสนิทกับใครมากๆ ไหม พอสนิทมากๆ เขาลืมเคารพเรา โดยเฉพาะสามีภรรยากัน พอสนิทกันมาก เห็นไส้เห็นพุงกันเยอะแยะแล้ว บางทีไม่ค่อยเห็นหัวเรา นึกจะว่าก็ว่า นึกจะด่าเรา ไม่ค่อยมองหน้าเราเลย แต่คนที่เราห่างกันเกินไป บางทีก็ขาดความจริงใจต่อกันจึงทำให้เราอยู่ในโลกยากหน่อย สนิทกันเกินไปเขาก็ลืมเคารพ เหมือนลูก เล่นกับลูกมากเกินไป ลูกก็เล่นหัวแม่ แต่ถ้าห่างลูกเกินไป ก็เหมือนไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน ฉะนั้นเราอยู่ในโลกนี้จึงต้องรู้จักเรียนรู้สองฝั่งของชีวิต ฝั่งหนึ่งคือทำตัวให้สนิทอย่างไรไม่มากเกินไป ฝั่งหนึ่งคือปล่อยอย่างไรไม่ให้ปล่อยจนเกินไป เหมือนเราอยู่กับคน ห่วงอย่างไรให้ห่วงแบบพอดี ไม่มากแล้วทุกข์ พูดอย่างไรให้เขาเข้าใจแล้วไม่เป็นการบีบบังคับ
(ศิษย์พี่เมตตายกตัวอย่างเรื่องเหล้า)
ตอนแรกมีเหล้ากับมีเรา พอเราจิบไปหนึ่งคำ เหล้ามาอยู่ในเราหนึ่งคำ แต่พอเราดื่มไปครึ่งขวด เหล้ามาอยู่ในเราครึ่งขวด ถ้าเราดื่มไปหมดขวด ตอนนี้เราเริ่มกลายเป็นขวดเหล้า เหมือนกัน เราคบกับใครก็ตามหรือเราเรียนรู้สิ่งใดก็ตาม หรือเราเป็นอะไรก็ตาม เป็นอย่างพอดี อย่าเป็นมาก ไม่งั้นเราจะเมากับเหล้า แล้วก็ตกเป็นทาสของเหล้า เหมือนเงิน ตอนแรกมีเงินมีเรา สักพักเงินมาอยู่ในกระเป๋าเรา แล้วเราก็กลายเป็นกระเป๋าเงิน ใช่หรือไม่ แล้วพอตอนนี้เดินไปเดินมาเราก็เหมือนเงินเคลื่อนที่ แล้วพอไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นทาสของเงิน เหมือนกันเราอยู่ในโลก ตอนแรกมีเรามีสามี มีเรามีลูก พออยู่กับสามีไปนานๆ เราเริ่มครอบครองสามี สามีเริ่มเป็นของเรา แล้วเราก็หลงในสามีหัวปักหัวปำ แล้วถึงเวลาสามีหนีเราไหม (หนี)  ก็เพราะว่าเขามีขาไม่ใช่เหล้า ฉะนั้นตัวเราต้องระวังให้ดี เราอยู่ในโลกนี้ ไม่ยากเลย เราดูสิว่าเรากำลังเห็นคนเมาเหล้า แล้วเรากำลังเมาอะไร เมารัก เมาความโกรธ ตอนแรกเขาทำอย่างนี้ ฉันโกรธ สักพักหนึ่งโกรธมาอยู่ที่ตัวเรา เราเป็นทาสของความโกรธ แล้วเราก็กำลังเมาในความโกรธ เราปล่อยให้ความโกรธครอบงำเรา ฉะนั้นเจอคนเมาเหล้า มองให้ดีว่าเรากำลังเมาอะไร เมาลูก เมาสามี เมาเงิน เมาเกียรติยศ หรือว่าเมาตัวเอง เป็นไหม เมาตัวเองเมาง่ายที่สุด ตอนแรกเรายังไม่รู้จักตัวเอง สักพักพอเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น อันนี้ของฉัน อันนี้ของมัน แล้วเริ่มที่จะบอกว่าของฉันต้องอย่างนี้ ของฉันต้องอย่างนั้น แล้วเราก็หลงตัวเรา สวย หล่อ แต่งอย่างนี้ไม่ดี กลับไปแต่งใหม่ ตอนแรกเสื้อผ้าเอาไว้หุ้มร่างกาย ต่อไปกลายเป็นทาสของเสื้อผ้า ไม่สวยไม่ออกจากบ้าน ไม่หล่อไม่ดูดีไม่ไปไหน เราจะทำได้ก็ต่อเมื่อเราเปลี่ยนความคิด มนุษย์ถ้ายังมีความคิดเดิมๆ อยู่ในหัว ชีวิตก็ยังเดินในรูปแบบเดิม แต่ถ้ามนุษย์รู้จักเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนนิสัยในหัวใจ การเดินของชีวิตก็จะเปลี่ยนแปลงไป ใช่ไหม แล้วตอนนี้เราพร้อมที่จะเปิดมุมมองความคิดให้ตัวเองหรือยัง พร้อมหรือยัง (พร้อม)
ท่านเคยได้ยินไหมมนุษย์เชื่ออะไรอย่างลึกซึ้ง ผลก็จะเป็นอย่างนั้น ลองวันนี้แค่นึกว่าพรุ่งนี้แขนจะไม่มีแรงแล้ว พรุ่งนี้แขนจะไม่มีแรงแล้ว พรุ่งนี้แขนจะไม่มีแรงแล้ว พอตื่นมาแขนก็ไม่มีแรง เหมือนสะกดจิตตัวเองไหม เหมือนถ้าเกิดว่ายังไงมันก็อ้วน ยังไงมันก็อ้วน มันก็อ้วนตลอดไป แต่ถ้าคนอ้วนคิดว่า
สักวันหนึ่ง ฉันต้องผอม สักวันหนึ่งผมต้องผอม จะผอมไหม (ผอม)  เหมือนคนอายุมาก ก็มันแก่ ก็มันแก่ ก็มันหมด ก็มันไร้เรี่ยวแรง มันหมดไหม (หมด)  แต่ถ้าแก่แล้ว หมดแล้ว ไม่มีใครเอาอะไรให้กินก็ต้องฮึดไปหากินจนได้ สังเกตคนแก่ที่ไม่มีลูกหลานอยู่ ยังไงเขาก็ต้องมีแรงหากินจนได้ แต่ถ้าคนแก่ที่ยังมีลูกหลานอยู่ ยังไงก็ปล่อยให้ตัวเองเป็นอย่างนั้นเผื่อลูกหลานจะมาสนใจ ฉะนั้นสะกดใจตัวเองนะว่าตัวแก่แต่ใจยังไม่แก่
ทำอย่างไรให้สามีภรรยารักกันนานๆ เราเปรียบเทียบให้ท่านฟัง ถ้าท่านอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอ่านไปครึ่งเรื่อง อยากรู้เหลือเกินนางเอกจะตายไม่ตาย จะรอดหรือไม่รอด เราอยากอ่านต่อไหม (อยาก)  เพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่รู้อยู่แล้วเราอยากค้นหา ฉะนั้นเราแต่งงานกับแฟนหรือเราอยู่กับเพื่อนคนใดคนหนึ่งก็ตาม อย่าบอกความเป็นเราให้เขารู้หมด ไม่อย่างนั้นไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เขาจะเบื่อและหน่ายเราไวที่สุด ฉะนั้นจงจำไว้นะ แต่ทำอย่างไรได้เราปล่อยให้เขารู้หมดแล้ว ในเมื่อเขารู้หมดแล้วเราก็สามารถสร้างมุมมองหรือตัวตนใหม่ๆ ขึ้นในเราได้นี่ใช่ไหม (ใช่) 
มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ตายตัวเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีได้ เราลองเอามุมมองอะไรก็ตามที่เราไม่เคยทำ ค่อยๆ ทำให้เขาดู ให้เขาตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น เขาจะได้รักเรา และอยากค้นหาเราต่อไปเรื่อยๆ เป็นผู้หญิงที่อยู่แล้วรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา น่าติดตาม ฝ่ายชายก็เป็นผู้ชายที่ลึกลับน่าค้นหา น่าติดตามใช่ไหม อยู่กันอย่างมีความสุข ค้นหากันไปเรื่อยๆ อย่าคิดว่าคนที่ท่านเข้าใจที่สุดจะเข้าใจเราตลอด อย่าคิดว่าสิ่งที่เรามองเห็นจะเห็นได้หมดจริง ในโลกนี้แม้คนที่เรารู้ชัดที่สุดบางทีก็มีมุมมองที่ทำให้เรามองไม่ชัดได้ ในเรื่องที่เราเข้าใจมากที่สุด ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เราฉงนสนเท่ห์ได้ เราอยู่ในโลกจึงต้องพยายามเปลี่ยนแปลงและค้นหาให้เจอนะ ถ้าเราคิดอย่างนี้เราก็จะมีความสุข และชีวิตไม่น่าเบื่อหน่ายเลย
เรารู้ว่ามีคนยังไม่ค่อยเชื่อ แต่เชื่อไม่เชื่อไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือว่า สิ่งที่ท่านฟังเข้าไปในหูมันจริงไหม แล้วทำได้หรือเปล่า เอาที่ฟังนั้นไปใช้เป็นพอ ส่วนเรื่องจริงไม่จริงไม่ต้องสนใจ สนใจแต่เสียงที่กำลังพูด สิ่งที่กำลังสื่อสารให้ท่านฟังดีหรือไม่ (ดี)  เพราะเรากำลังฝึกฝนเห็นเหมือนไม่เห็น เพราะอยู่ในโลกบางครั้งเกลียดคนๆ นี้ ต้องทำตัวให้เห็นเหมือนไม่เห็น ใช่หรือไม่
(ศิษย์พี่เมตตาให้นักเรียนในชั้นเล่นซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน)
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ดีนะ เราอยากเป็นไหม (อยาก)  แต่ก่อนจะเป็น
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้  เราต้องเรียนรู้การเป็นคนที่ดีได้ก่อน เราเป็นคนดีได้ตลอดรอดฝั่งไหม ตั้งแต่เราเกิดจนถึงทุกวันนี้เราสามารถเป็นคนดีแบบไม่มีที่ติได้ไหม (ไม่ได้)  ในโลกนี้มีใครเป็นคนดีที่ไม่มีที่ติ เป็นคนดีบางทีก็ยังโดนติได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราจะตั้งใจทำดี เราก็จะต้องยอมรับได้เป็นธรรมดาที่ดีแล้วต้องมีคนติ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่ายอมแพ้คำติ คำว่า คำนินทาว่าร้าย  เมื่อเรามุ่งมั่นจะเป็นคนดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วการจะเป็นคนดีนั้นต้องทำอย่างไร รู้ไหม  (ช่วยเหลือคนอื่น)  ขนมเช็ดก้นคือขนมอะไรรู้ไหม คือขนมครก  ต้องเช็ดก้นก่อน  การจะเป็นคนดีต้องทำอย่างไร เท่าที่ท่านรู้ (ต้องทำดี)  ทำดีอย่างเช่นอะไรบ้าง (ช่วยเหลือคนอื่น)  แล้วช่วยตอนไหน  (ช่วยตอนที่เขาตกทุกข์ได้ยาก  มีจิตใจที่ตั้งมั่น  ทำดีแล้วไม่ย่อท้อ  บำเพ็ญประโยชน์  มีจิตใจเมตตากรุณา 
ไม่เบียดเบียนคนที่อ่อนแอกว่า  เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่  ต้องมีคุณธรรม  โน้มนำเขาให้มีความคิดที่ดี  มีความกตัญญู)
มีความกตัญญูตอบแทนบุญคุณคนด้วยนะ อย่าใช้แค่ความกตัญญูต่อพ่อแม่ แต่เราต้องมีใจที่รู้จักสำนึกบุญคุณคน ใครทำดีเราต้องจำไว้ ใครทำชั่วเราต้อง (ลืม)  คนดีเขาต้องไม่แก้แค้นนะใช่หรือไม่ (ใช่)  (ความซื่อสัตย์สุจริต  ไม่ฆ่าสัตว์  มีความซื่อสัตย์)  วันนี้ยุงมากัดก็ไม่ตบ หมามากัดก็ไม่ตี เพื่อนมาต่อยก็ไม่โต้ตอบ (ไม่เสพสิ่งเสพติด)  ไม่เสพสิ่งเสพติดอย่างเช่นอะไรบ้าง (บุหรี่ กัญชา ยาม้า ยาอี เฮโรอีน) เบียร์กินไหม (กิน เบียร์ไม่ใช่สิ่งเสพติด)  แล้วมันไม่ติดเหรอ (ไม่ติด กินเป็นบางเวลา)  แต่ถ้าไม่กินแล้วจะขาดใจไหม (ไม่อยากขัดเพื่อน) อย่างนี้เขาก็เรียกว่าติดแล้วนะท่าน  ห่างๆ ไว้ดีกว่านะ  ท่านเคยเห็นไหม ตอนแรกก็ลองเบียร์ ต่อมาก็เริ่มแรงๆ ขึ้น (ไม่คิดนอกใจสามีและภรรยา) มีความซื่อสัตย์ใช่ไหม ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่สามี หรือเป็นแค่ภรรยา เป็นเพื่อนก็ต้องมีความซื่อสัตย์ มีความซื่อตรงในการทำงาน  (มีน้ำใจต่อกัน  รู้จักให้อภัยคนอื่น)  คนดีคือ (ไม่ไปกระทำความชั่ว,ไม่พูดหลอกลวง ไม่โกหกคน  เป็นผู้เสียสละ  รู้จักคุณคน  รักษาศีล) ศีลมีกี่ข้อ ( 5 ข้อ)  มีอะไรบ้าง (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่พูดโกหก ไม่ประพฤติในกาม ไม่ขโมย ไม่เสพสุรา)  จริงๆ คนดีของท่านนะไม่ต้องยาวหรอก คนที่ดีจริงๆ ในหัวใจท่าน ของท่านที่ท่านต้องการคือคนที่มีน้ำใจ มีความจริงใจจริงไหม เท่านั้นแหละเราไม่ต้องการอะไรมากกว่าคนอื่นหรอก มีน้ำใจมีความจริงใจ เป็นคน ซื่อๆ ตรงๆ เราก็รักจะตายอยู่แล้ว  ซื่อๆ ยังสอนได้ ฉลาดสอนยาก เหนื่อยด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการเป็นคนดีไม่ยากเลย ขอเพียงเป็นคนมีน้ำใจ  มีความจริงใจ และมีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง แค่นี้เองใช่หรือไม่ (ใช่)  การเป็นคนดีจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ยากตรงที่ว่าจะรักษาให้ตลอดรอดฝั่งได้อย่างไร เพราะว่าบางทีคนที่เราคิดว่าสนิทที่สุด จริงใจกับเราที่สุด บางครั้งก็แทงเราข้างหลังให้เจ็บปวดได้ เพราะอะไรเขาถึงทำเราเจ็บได้เสมอ เพราะเขาไม่ซื่อจนถึงที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราอยู่กับใครก็ตามสิ่งนี้จะขาดไม่ได้คือความซื่อตรง จริงใจ และมีน้ำใจเสมอ แต่คนในโลกนี้ที่ทำให้ขาดความจริงใจ และเห็นใจกันคืออะไรรู้ไหม เพราะอะไรเราถึงเป็นคนดีจนถึงที่สุดไม่ได้ เพราะว่าเรารักตัวเองมากกว่ารักผู้อื่น เรามัวแต่ห่วงตัวเองจนลืมคำนึงถึงน้ำใจที่ควรมีให้กับผู้อื่น มนุษย์ยอมทำสิ่งที่ผิดเพราะว่าห่วงตัวเองจนไม่คำนึงถึงใคร
เราจะทำดีได้ก็ต่อเมื่ออะไร มนุษย์เราถ้าร่างกายแข็งแรง จิตใจ
เบิกบาน วันนี้เราอยากทำดีจริงไหม วันนี้เราอยากจะพูดแต่สิ่งที่ดี เดินไปก็มีรอยยิ้มอยู่ในตัว แต่ถ้าวันนี้ร่างกายไม่แข็งแรงแล้วยังโดนคนด่าอีกยิ้มออกไหม ใจดีได้ไหม (ไม่ได้)  มนุษย์ถ้ามัวแต่คำนึงถึงแต่ความทุกข์ของตัวเอง สนใจแต่ตัวเอง บางทีก็ลืมสร้างความดีเพื่อคนอื่นได้ ฉะนั้นจึงมีคำกล่าวว่า “คุณงามความดีจะบังเกิดกับมนุษย์ทุกคนได้ก็ต่อเมื่อเรามีร่างกายแข็งแรงและจิตใจที่เบิกบาน แต่ถ้าเมื่อไรมนุษย์เรามีอารมณ์ที่หยาบกระด้าง คนๆ นั้นก็พร้อมจะทำลายคนทุกคนในโลกได้” จริงไหม แล้วพอรู้ไหมอารมณ์หยาบกระด้างที่อยู่ในคน แล้วทำร้ายผู้อื่นได้มีอะไรบ้าง แล้วอารมณ์หยาบกระด้างที่ไปอยู่ในใครคนนั้นก็จะไม่มีสติ ปัญญาก็จะหดหาย โกรธมากๆ สติอยู่กับตัวไหม มีปัญญาคิดอย่างแจ่มแจ้งทะลุปรุโปร่งไหม (ไม่มี)  นอกจากโกรธแล้วมีอะไรอีก (ความอยากเป็นใหญ่  มีความโลภ)  ถ้ามีความโลภเมื่อไหร่ก็ทำให้เราทำร้ายคนอื่นได้ใช่ไหม (ใช่)
(ศิษย์พี่เมตตาประทานขนมและผลไม้ให้กับนักเรียนที่ตอบคำถาม)
แจกไปมากแล้วที่โลภๆ อยากได้ จะไปทำร้ายใครไหม ถ้าความอยากนั้น คนให้ยินดีให้ ความอยากนั้นก็ไม่ใช่อารมณ์ที่หยาบกระด้าง (ความอิจฉา  ความไม่รู้จักพอ)  ความหงุดหงิดง่าย ขี้รำคาญ ขี้บ่น จู้จี้ คนที่หงุดหงิดง่ายกับ
ขี้รำคาญก่อความเดือดร้อนให้คนไหม (ก่อ)  แล้วคนที่มีความอดทนต่ำ ใจเร็วด่วนได้ ก็ยากจะสร้างสรรค์ความดีในชีวิตได้ แล้วคนที่จะสามารถสร้างสรรค์ความดีได้นั้นต้องเป็นคนที่มีจิตใจสุภาพอ่อนโยนใจเย็น มีความอดทนสูง ใจกว้าง แล้วก็มีเห็นใจผู้อื่นมากๆ คนประเภทนี้ถึงจะสามารถสร้างสรรค์ความสุข แล้วนำพาความสุขให้กับผู้อื่นได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าพูดให้ง่ายเข้าไปอีกคนที่สามารถสร้างความสุขให้กับคนอื่น คนนั้นจะต้องมีความสุขที่ตัวเองง่ายๆ  แล้วคนที่มีความสุขให้กับตัวเองง่ายๆ คือคนที่รู้จักพอใจอะไรง่ายๆ การที่รู้จักพอใจอะไรง่ายๆ แล้วพอใจยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยการทำใจให้รู้จักพอ คนนั้นแหละจะเป็นคนที่สามารถสร้างสรรค์ความสุข และมีความสุขกับตัวเองเสมอๆ ถ้าเมื่อไรโลกสอนให้เรารู้จักคำว่ามี โลกก็สอนให้เรารู้จักคำว่าไม่มีได้ในบ้างครั้งจริงไหม
โลกสอนให้เราโชคดีถูกล็อตเตอรี่ แต่โลกก็สอนให้เราถูกกินใช่หรือไม่ (ใช่)  โลกสอนให้เรารู้ว่าปลูกอย่างไรถึงทำให้เราได้ข้าวมากๆ แต่โลกก็สอนให้รู้ว่าบางครั้งปลูกอย่างเดิมก็ไม่อาจได้ข้าวมากใช่ไหม ฉะนั้นการรู้จักพอใจอะไรง่ายๆ จะทำให้เราทุกข์น้อยมาก แต่ถ้าเป็นคนที่พอใจอะไรยากๆ จะเป็นคนที่ทุกข์ง่ายมาก ฉะนั้นเราอยู่ในโลกเราอยากทุกข์ง่ายหรือสุขง่าย (สุขง่าย)  แล้วสุขง่ายทำอย่างไร ด้วยการเริ่มต้นที่การรู้จักฝึกใจให้รู้จักพอ เหมือนดังที่ภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า “อย่าทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่บางครั้งจงชอบในสิ่งที่ทำ” แล้วเราจะไม่ทุกข์เลย
เรามักจะเลือกจะต้องทำอย่างนี้ ท่านถึงจะชอบฉัน ฉันถึงจะมีความสุข แต่ถ้าเกิดโลกสอนให้เราต้องทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ ฝืนได้ไหม อดทนได้ไหม ถ้าไม่ได้ความทุกข์ก็มาแล้วนะ เพราะฉะนั้นจงชอบในสิ่งที่เข้ามาหา อย่าไปชอบในสิ่งที่มันอยู่ไกลเกินไป
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นทำท่าทางสลับกับคำบอก ถ้าบอกให้ยืนขึ้นก็นั่งลง ถ้าบอกให้นั่งลงก็ยืนขึ้น ถ้าบอกมือซ้ายก็ต้องยกมือขวา ถ้าบอกมือขวาก็ต้องยกมือซ้าย)
แต่คราวนี้โลกสอนให้เราต้องฝืนตัวเองบ้าง ฉะนั้นเมื่อนั่งลงจงยืนขึ้นเมื่อยืนขึ้นจงนั่งลง บางครั้งสิ่งที่เราชอบมันไม่มา แต่เราต้องมีความสุขในสิ่งที่เราไม่ชอบได้ ถ้าเรามีความสุขในสิ่งที่เราเกลียดที่สุดได้ ไปอยู่ที่ใดเราก็สามารถสุขได้ง่าย ฉะนั้นตอนนี้ลองฝืนตัวเองดูบ้างนะ มือซ้ายก็เป็นมือขวา มือขวาก็เป็นมือซ้าย
มีคำกล่าวคำหนึ่งที่มนุษย์ชอบกล่าวกันและศิษย์พี่ก็ได้ยินศิษย์น้องชอบพูด “ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง” ใช่หรือไม่ (ใช่)  “ชีวิตคือการต่อสู้” แต่ว่าการต่อสู้ของชีวิตก็ไม่ใช่ว่าจะต้องชนะเสมอไป บางครั้งต้องเรียนรู้คำว่า “แพ้” บ้าง  “ชีวิตคือการเกิด มี” แต่บางครั้งก็ไม่ใช่การต้องมีเสมอไปบางครั้งก็ต้องรู้จักคำว่า “ไม่มี” ในชีวิตบ้าง  “ชีวิตคือการได้” แต่บางครั้งชีวิตก็สอนให้รู้จักคำว่า “สูญเสีย” ได้เหมือนกัน  “ชีวิตคือการเกิด แต่ชีวิตก็สอนให้รู้ความตายได้เหมือนกัน  ทุกขณะของศิษย์น้องกำลังตายทุกๆ วันนะ เซลล์ร่างกายค่อยๆ ตายใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อความตายมาสู่หรือความตายเกิดขึ้นกับผู้ใดอย่าหลับตา อย่าปิดหู อย่าทำตัวเป็นคนที่มองไม่เห็น จงมองแล้วย้อนถามตัวเอง จงมองแล้วเตรียมตัวเองอย่าประมาท เขาตาย เราก็ต้องตายเหมือนกัน เราอยู่ในครอบครัว สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนแล้งน้ำใจและไม่มีน้ำใจต่อกัน นั่นก็คือ “รักสบาย” เขาเหนื่อยฉันสบาย เขาลำบาก ช่างเขาไม่เกี่ยวกับเราใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า เมื่อไหร่ที่คนที่เหนื่อยที่สุดในบ้านเป็นอะไรขึ้นมา คนที่ต้องเหนื่อยต่อไปคือ (ตัวเรา) นั่นเอง ฉะนั้นเกิดเป็นคนเห็นใครเหนื่อยที่สุดในโลก เห็นใครต้องทุ่มเทมากที่สุดในชีวิต จงรีบเข้าไปช่วยเขา เพราะถ้าเมื่อใดโลกขาดคนอย่างเขา เรานั่นแหละที่ต้องเหนื่อยต่อ เมื่อไรที่มีคนดีที่สุดในโลกแล้วกำลังถูกด่า ถูกเหยียบย่ำ ตัวเราต้องรีบไปช่วย เพราะถ้าเมื่อไรคนดีคนนี้ตายไป โลกจะหาความดีเจอไหม (ไม่เจอ)
ฉะนั้นมนุษย์เรามีตาอย่ามัวแต่มองจับผิด แต่จงเป็นตาที่รู้จักมองแล้วช่วยเหลือคน จงเป็นมือที่กล้าหาญที่จะไปค้ำชูคน เหมือนวันนี้ข้างล่างเขาเกิดศึกมวยใหญ่ แต่มีใครที่จะกล้าเดินไปห้าม เขาผิดไหม ไม่ผิดนะที่เขากล้าเดินไปห้าม ศิษย์พี่บอกเลยนะเขาไม่ผิด คนนั้นแหละกล้าจริงๆ คนในโลกดีแต่พูด แต่ทำจริงๆ ไม่มี ชอบเรียกร้องให้คนอื่นทำดี ตัวเองทำดีหรือยัง ยัง ชอบวิจารณ์คนอื่น ชอบด่าคนอื่น คนนี้มันเลวจริงๆ นะ เลวๆ ๆ แต่เคยได้ยินไหม พระคริสต์หรือพระพุทธองค์สอนไว้ว่า คนที่ชี้หน้าว่าคนอื่นได้นั้น ตัวเองบริสุทธิ์ดีเที่ยงแท้หรือยัง ถ้าตัวเองไม่บริสุทธิ์ดีเที่ยงแท้ ห้ามชี้หน้าด่าคนอื่น เพราะชี้หน้าด่าเขา ตัวเองนั่นแหละก็ไม่ต่างจากเขาแถมแย่ยิ่งกว่าเขา คนที่จะสามารถตัดสินคนอื่นว่าชั่วได้ ต้องเป็นคนที่ดีบริสุทธิ์ ถ้าตัวเองไม่ดีบริสุทธิ์จะไปตัดสินคนอื่นว่าชั่วทำไม น่าจะมีความเห็นใจ เราก็เคยชั่วมาก่อน เราก็ไม่ดีเหมือนกัน เราน่าจะเห็นใจเขาสิ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นคนดีที่แท้จริงคือคนที่มีจิตใจที่ดีงามเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เจอคนล้มก็ไม่เหยียบย่ำ เจอคนดีก็รีบให้กำลังสนับสนุน
เราพูดเต็มที่แล้วนะ ยังมีคนหลับอีกหรือ เราพูดอย่างนี้ง่วงไหม
(ไม่ง่วง)  เรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน (เรื่องทำความดี)  เรื่องการปฏิบัติตนเป็นคนดีที่ดีที่สุด และที่ดีจนถึงบั้นปลายชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)  และการปฏิบัติดีได้นั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อต้องมีความอยากดีอย่างแรงกล้า ถ้าเป็นคนดีแต่ไม่มีความอยากดีอย่างแรงกล้า และไม่รักที่จะทำดีจะเป็นคนดีไม่ถึงที่สุด เหมือนเวลาเรารักสาลี่มากๆ อยากกินมาก เราต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สาลี่มากิน แล้วพอกินแล้วก็จะรู้สึกอร่อยมากๆ ต่อไปก็จะอยากกินมันอีก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นนอกจากอยากดีแล้วก็ต้องรักดี แล้วก็ต้องไปทำดีด้วย แล้วความดีนั้นต้องเป็นความดีที่ไม่เบื่อด้วย กินกี่ครั้งๆ ก็อร่อย แต่ถ้ากินครั้งเดียวไม่อร่อยแล้ว เราจะกินอีกไหม (ไม่กิน)  ถึงว่าพอทำดีไม่สำเร็จแล้วเลิกทำเลย อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าพอกินสาลี่เจอเน่าๆ หน่อย โยนทิ้งเลย พอทำดีเจอคนว่าไม่ดีหน่อยไม่เอาแล้วจริงๆ นะอย่าเป็นอย่างนั้น สาลี่บางทีก็มีเน่า การทำดีบางครั้งก็มีทั้งผลดีและผลร้าย ต้องอยู่ที่ว่าเรากำลังทำดีกับใคร ถ้าไปทำดีกับคนชั่วเขาก็ด่าเราเอา ไปทำของเขาเถอะ ไปทำของเธอเถอะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการที่เราจะทำดีนั้น เราต้องรู้จักค่อยตะล่อม ค่อยๆ ชี้นำ ถ้าเราเอาความดีไปสาดให้คนชั่ว คนชั่วจะทำไหม (ไม่ทำ)  ไม่ทำหรอก เราต้องยอมทำชั่วกับเขาก่อนแล้วถึงจะได้ดี ใช่ไหม (ไม่ใช่)  ก็ไม่ใช่ อย่าเป็นอย่างนั้นนะ บางคนตอนแรกว่าจะไปดึงคนนี้มา ดึงไปดึงมากลายเป็นสาวกเขาไปเลย มีนะบางทีก็เป็นใช่หรือเปล่า
ชีวิตคือการทำงานใช่ไหม (ใช่)  แต่ไม่ใช่ทำงานจนเหนื่อยถึงที่สุด ชีวิตคือการแสวงหาใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ไม่ใช่แสวงหาจนถึงที่สุด มีคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ชีวิตคือการทำงาน แต่อย่าเป็นทาสของงาน และอย่าเป็นทาสของชีวิต”  คนที่รู้จักพอใจง่ายๆ จะทำให้การทำงานไม่มาเป็นเจ้านายชีวิต แต่ถ้าเกิดคนที่ไม่รู้จักพอใจง่ายๆ ชีวิตนี้ก็จะหาจนตัวตาย ใครบอกว่ามีหนึ่งบาทพอแล้วบ้าง ยกมือขึ้น เรารู้สึกไหมว่าเด็กสมัยก่อนหรือสมัยเราตอนเด็กๆ ได้เงินบาทดีใจไหม (ดีใจ)  ตอนอายุหนึ่งขวบดีใจไหม (ดีใจ)  ยิ่งดีใจเหมือนกับได้ลิง
ตัวโต ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนกับได้บ้านทั้งหลังเลยใช่ไหม (ใช่)  พอเราเห็นเด็กได้เงินบาทเดียว เด็กก็ดีใจแทบตาย แล้วย้อนกลับมามองเราตอนนี้บาทเดียวเราดีใจไหม ทำไมตอนนี้เราดีใจยากขึ้น เด็กพอให้ไปเล่นสวนสนุกวันเดียว พอกลับมาก็ดีใจจะตายแล้ว แต่เราวันเดียวพอไหม (ไม่พอ)  ต้องไปกี่วัน ไปได้เท่าที่จะไปได้ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเรารู้จักพอใจอะไรเหมือนเด็กๆ ชีวิตนี้ก็คงมีความสุข แล้วเราทำได้ไหม (ไม่ได้)  ไม่ได้หรือ แต่บางทีก็จงพอใจบ้างนะ อายุปูนนี้แล้วนะ ยังไม่พออีกหรือ ถ้าไม่พอจะเหนื่อยตาย จริงไหม (จริง)  เพราะฉะนั้นพอบ้างนะ ไม่อย่างนั้นมีเท่าไรก็เอาไปรักษาโรค ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีเท่าไรหามาก็เอาไปใช้หนี้จริงไหม (จริง)  บางทีเราทำเพื่อจะได้เลี้ยงตัวเอง แต่กลายเป็นยิ่งทำยิ่งมีหนี้ ทำไปทำมาเกิดมาเพื่อใช้หนี้ ใช่ไหม (ใช่)  ถามตัวเองนะ ถ้าไม่หยุดวันนี้รอให้ฟ้าทำให้หยุดทรมานใจยิ่งกว่านะ เราบอกท่านตั้งแต่ต้นแล้ว บางคนชีวิตสอนเราให้รู้จัก “มี” และในขณะเดียวกัน ชีวิตก็สอนให้รู้จักคำว่า “ไม่มี” ได้ ชีวิตสอนให้เราเกิด แต่บางครั้งชีวิตก็เตือนให้เรารู้จักการตาย ถ้าไม่รู้จักปลงตอนนี้ ไม่รู้จักทำใจตอนนี้คนที่ต้องทุกข์หนักที่สุดก็คือตัวท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้
เราจะดับทุกข์อย่างไรล่ะ แล้วทุกข์เกิดจากไหน อยากรู้ไหม (อยากรู้)  เราจะบอกท่านนะง่ายๆ เลย เราลองมองฟ้าเห็นเมฆเคลื่อน เห็นพระอาทิตย์เริ่มคล้อยจะตกลง เมื่อเรามองฟ้ามองสรรพสิ่ง ใจเราเหมือนอยู่นิ่ง สรรพสิ่งกำลังเคลื่อนไหว แต่ถ้าเมื่อไรเราหันกลับมามองใจ ใจเรากำลังเคลื่อน แต่สรรพสิ่งกำลังหยุดนิ่ง แต่ถ้าเมื่อไรเรามองทั้งฟ้า สรรพสิ่ง และมองใจ เราจะเห็นว่าทั้งสองสิ่งนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง มันเคลื่อนอยู่ตลอดเวลาและมันเคลื่อนตามสภาวะความเป็นธรรมชาติ เมื่อไรที่เราหยุดมัน เมื่อไรที่เราครอบครองมัน เมื่อนั้นแหละเราจะรู้จักความทุกข์ เมื่อไรที่ฟ้าอยู่ของฟ้าเฉยๆ แต่เรากำหนดว่าต้องสว่างเท่านั้น อย่ามืด เมื่อนั้นเรากำลังหาความลำบากให้กับตัวเองจริงไหม (จริง)  แล้วเมื่อไรที่เพื่อนเดินอยู่อย่างนี้ แต่เราเริ่มครอบครองเพื่อน เมื่อนั้นแหละเรากำลังเรียนรู้ว่าทุกข์คืออะไรใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นทุกข์เกิดจากอะไร ทุกข์ก็เกิดจากมนุษย์พยายามครอบครองสิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติให้มันต้องเป็นอย่างนี้แล้วก็เป็นอย่างนั้น ใช่ไหม (ใช่) ตึงไว้นะอย่าย่น ถ้ามันย่น ทุกข์ไหม ลูกต้องดีนะอย่าเลว แต่เมื่อลูกเลวรับไหวไหม (ไม่ไหว)
ฉะนั้นรู้หรือยังว่าทุกข์มาจากอะไร ทุกข์มาจากการยึดมั่นถือมั่น จงจำไว้ว่าตัวเราก็คือธรรมชาติ คนทุกคนก็คือธรรมชาติ น้ำสั่งให้มันหยุดไม่ได้ฉันใด เราสั่งให้มนุษย์หยุดอย่างที่เราต้องการไม่ได้ฉันนั้นแล เข้าใจไหม (เข้าใจ)  อย่างนั้นวันนี้ก็จบธรรมะแค่นี้ ได้ไหม เหมือนเรามาวันนี้มาคุยให้ท่านแจ่มชัดเรื่องการอยู่บนโลกนี้ แล้วเราจะอยู่อย่างไรล่ะ ไม่เกิดความทุกข์ได้ อยู่อย่างไรล่ะที่ไม่ติดกับโลก อะไรล่ะที่เป็นตัวให้มนุษย์ติดในโลกนี้ ใครเดาออกบ้าง (ความอยาก)  ปรบมือให้หัวหน้าหน่อย เป็นการคิดได้และตอบได้ไวที่ถูกต้องมากที่สุด อารมณ์ คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ติดกับโลกและไม่สามารถหลุดพ้นจากโลกได้ เมื่อใดที่เกิดอารมณ์เมื่อนั้นจะไม่มีวันอิ่มในอารมณ์ เมื่อใดที่อยากในอารมณ์ เมื่อนั้นจะไม่มีวันสิ้นสุดในการเวียนว่ายในโลก อยากมีความสุขจงรู้จักละอารมณ์และถ้าอยากพ้นโลกจงรู้จักวางอารมณ์ทำได้ไหม  พูดว่าทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหม แต่ถ้าท่านทำได้ ท่านจะสามารถอยู่บนโลกเหนือโลกได้ อยู่ร่วมกับคนที่มีอารมณ์แต่ใจเย็นได้ อยู่ร่วมกับคนที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ แต่เป็นคนที่รู้จักให้ได้ด้วยความเข้าใจ ด้วยจิตใจที่ดีงาม คนดีไปอยู่ที่ไหนก็นำความสุขมาให้ คนที่อารมณ์หยาบกระด้าง วู่วาม ใจร้อน เห็นแก่ตัว ไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนระเบิดตายทั้งตัวเอง และตายทั้งคนรอบข้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นอย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือชีวิต อยู่เหนือความคิด หนุนนำชีวิตมาก อย่าให้อารมณ์เป็นตัวเดินนำให้ชีวิตเดินตามไป พอไม่ชอบก็ไม่เดิน คนเช่นนี้ไม่มีวันมีความสุขได้ และคนเช่นนี้ก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากโลกใบนี้ได้  เพราะทำอะไรด้วยอารมณ์จริงไหม (จริง)  สิ่งที่เราพูดวันนี้ไม่ยากเลย จะยากก็ตรงที่จะทำหรือไม่ทำ ทำนั้นจะทำถึงที่สุดหรือไม่
ฉะนั้นฟังธรรมะศิษย์คงได้อะไรไปไม่มากก็น้อยนะ การเป็นคนดี แล้วอยากจะพ้นโลกใบนี้ และอยากจะพ้นทุกข์  อย่าเอาอารมณ์เป็นตัวนำชีวิตเข้าใจนะ (เข้าใจ)  เรามาแล้วเราก็ต้องไป ทุกชีวิตมีเกิดก็ต้องมีตาย  ถึงเวลาสักวันเราก็ต้องตายใช่หรือไม่ แล้วทำดีถึงที่สุดแล้วหรือยัง (ยัง) รีบๆ ทำนะ ก่อนที่ตายไปจะได้ไม่เสียใจภายหลัง ทำบุญเยอะๆ ทำบุญไม่ต้องเขียนชื่อ ถ้าเมื่อไหร่ทำบุญต้องเขียนชื่อไม่ได้บุญนะ ทำบุญต้องให้พระเอ่ยชื่อไม่ได้บุญนะ จงทำบุญแบบไม่หวังผล ปิดทองหลังพระได้บุญเยอะ หมายความว่าอะไร ไม่ใช่หมายความว่าซื้อทองมาแปะๆ แต่หมายความว่าเราต้องทำดีด้วยจิตใจที่รู้จักให้ แม้พระจะจริงจะเท็จไม่เป็นไร ใจเราบริสุทธิ์ ผลของการให้จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ไม่เป็นไร ให้เพราะความสละยึดติด ให้เพราะลดความเห็นแก่ตัว ให้เพราะความสงสาร การให้นอกจากจะได้บุญแล้ว ยังได้กุศลด้วย ทำได้ไหม (ได้) และให้ที่ดีที่สุดยิ่งกว่าเงินทองก็คือให้เขามีธรรมะ ธรรมะสอนให้มนุษย์รู้จักการเป็นคน สอนมนุษย์ว่าแม้มืดที่สุดก็ยังชี้นำทางสว่างให้กลับมา  ฉะนั้นมีโอกาสจงนำธรรมะในตัวท่านไปช่วยเหลือคนได้ไหม (ได้)  ทำบุญแบบไม่หวังหน้าได้บุญยิ่งกว่านะ  ยิ่งมีน้อยๆ แต่ยังมีใจที่จะทำ บุญนั้นก็ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่ามีเยอะๆ แล้วค่อยทำอีก  อย่ารอให้ถูกหวยแล้วค่อยทำบุญ ไม่ถูกหวยก็ทำได้  มีน้อยๆ แต่มีใจสละให้บุญนั้นยิ่งใหญ่ กุศลนั้นมากล้นใช่ไหม (ใช่)
วันนี้ก็ศึกษาธรรมกันเพียงแค่นี้นะ ใครพรุ่งนี้ตัดสินใจว่าจะไม่มา เรียนอะไรจงเรียนให้จบ ความอดทนเป็นเหมือนพืชที่กินแล้วขม  แต่ให้ผลที่แสนหวาน  แล้วความอดทนยังเป็นยารักษาความทุกข์ในโลกนี้ได้ ฉะนั้นจงเรียนรู้คำว่า “อดทน” เสียตั้งแต่วันนี้นะศิษย์น้อง  มันอาจจะขมหน่อย แต่ว่ามันให้รสหวาน มันอาจจะหวานอมขมกลืน ที่ต้องอดทนโดนคนอื่นว่า คนอื่นดูถูก แต่ถึงที่สุดแล้วคนที่ยิ้มแล้วภูมิใจในคำว่า “อดทนได้” ไม่โกรธเมื่อเขาโกรธมา ไม่ด่าเมื่อเขาด่ามา คนนั้นก็คือ “คนยอดคน”  หากในโลกเต็มไปด้วยคนเห็นแก่ตัว ไม่มีใครให้แต่ฉันจะให้ ในโลกนี้ไม่มีใครใจเย็นมีแต่ใจร้อน แต่ฉันนี่แหละจะเป็นคนใจเย็น ถ้าทำได้อย่างนั้นถือว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมและกำลังจะก้าวจากความดี ไปสู่การฝึกฝนการเป็นพุทธะ เท่านี้นะ ศิษย์พี่เป็นห่วงนะ ดูแลตัวเอง อย่าหาความทุกข์ใส่ตนโดยการไม่รู้จักแก้ไขนะ

วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๘        สถานธรรมฮุ่ยอวี้  อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
  ผู้ห่วงตนย่อมยากจะช่วยใคร          กลัวลำบากย่อมยากไซร้มีสุขหนา
กล้าสู้ทุกข์สู้ลำบากไปช่วยประชา        จิตพุทธาย่อมเกิดได้ภายในตน
                   เราคือ
  จี้กงสงฆ์วิปลาส            รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยอวี้ แฝงกายกราบ
องค์มารดา       ถามศิษย์รักทุกคนมีความสุขไหม

        หยุดตาตามเสียงลำเลียงความในจิต  ถ้อยคำนั้นคอยสะกิดพาใจไหวเอน  จะเก่งจากไหนเพราะคำพูดไร้กฎเกณฑ์  ฟังเสียงไม่ชัดเจนพึงเลี่ยงไปยามนั้น
        หยุดตาตามหาบรรดาใครทำผิด  รู้ไหมความสนิทพาผิดพลาดเท่าไหร่ เพ่งออกต้องท้อเพ่งเข้าไม่ต้องเหนื่อยใจ  ตาที่จ้องมองใจไม่เวียนว่ายให้ทน
        ปล่อยตนเองเนิ่นนานมากเท่าใด ไม่ทันห้ามใจของตน  ทุกสิ่งที่เป็นยังวกวน  แต่คนกลับขวนขวายจริงจัง  จะฟังจะหาสิ้นเสียงจำเรียงในจิต  ใครพูดเราคิดด้วยทนไม่รู้พอ  ช่างป่วยการทุกข์ถึงรู้ก็ยังจะท้อ  ความทุกข์ยังไม่พอเป็นเช่นนี้เรื่อยไป

ชื่อเพลง : หยุดตน
ทำนองเพลง : อสงไขย


พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ฟังธรรมะวันนี้เป็นวันที่สองแล้ว ได้ธรรมะอะไรไปบ้าง บอกให้อาจารย์ฟังหน่อยสิ (มีความดี, ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณจะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป)  ได้เรื่องความดี ความกตัญญูรู้ตอบแทนคุณคน แล้วได้ธรรมะอะไรอีก ให้รู้จักเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายใช่หรือไม่ (ใช่)  จิตเมตตาต้องเริ่มต้นตั้งแต่สิ่งที่เล็กๆ น้อยๆ เรื่องใหญ่ๆ ก็ต้องทำได้  ถ้าเล็กๆ เราไม่ทำ ใหญ่ๆ เราจะทำได้ไหม ก็ยากใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วใครฟังหัวข้อกินเจแล้วอยากจะกินเจ หรืออยากจะงดทานเนื้อสัตว์บ้าง อาจารย์จะบอกวิธีดีไหม งดทีละน้อยๆ ก่อน ไม่ยากนะลดแค่สามอย่างเอง เอาไหมศิษย์ฝ่ายชาย สัจจะของผู้ชายคือ พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ศิษย์ฝ่ายหญิง อาจารย์จะบอกให้ แค่ห้ามกินสามอย่างนี้เอง ศิษย์ก็กินเจได้แล้ว อะไรที่อยู่บนฟ้าห้ามกิน อะไรที่อยู่ในน้ำห้ามกิน และอะไรที่อยู่บนบกก็ห้ามกิน อาจารย์ให้เริ่มง่ายๆ ก่อน สามอย่างนี้ถ้ารู้สึกว่ามันยากก็เริ่มต้นง่ายกว่านี้อีกก็คือ สัตว์ใหญ่ ตัวโตๆ ไม่กิน ยากไหม แล้วต่อไปก็สัตว์ขนาดกลางไม่กิน และต่อไปก็เป็นสัตว์ขนาดเล็กสุดไม่กิน อะไรตัวโตที่สุดกินไหม ช้างเรากินไหม ไดโนเสาร์กินไหม  ปลาวาฬกินไหม (ไม่กิน)  มันไม่มีให้กินด้วย ถ้าบอกว่าวัวกินไหม ควายล่ะกินไหม (ไม่กิน)
เริ่มต้นลองดูก่อน เอาแค่อาทิตย์แรกลองไม่กินเนื้อวัวเลยได้ไหม ถ้าอาทิตย์แรกไม่กินเนื้อวัวได้ ต่อไปก็ไม่กินเนื้อหมู ค่อยเป็นค่อยไป ก็ได้ไม่ต้องอาทิตย์หนึ่ง เดือนหนึ่งก็ได้ ปีหนึ่งก็ได้ แล้วแต่ศิษย์ ค่อยๆ ลดก็ไม่ยากนี่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อายุปานนี้แล้วนะศิษย์ โรคส่วนใหญ่มาจากที่ไหน มันมาจากสัตว์หรือมาจากพืชมากกว่ากัน (จากสัตว์)  มาจากสัตว์มากกว่า อยากหยุดโรคต้องหยุดตรงนี้ ลิ้นมีแค่กี่คืบเอง แต่ทำไมถึงกวาดเอาสัตว์ทั้งโลกได้ ท้องเราใหญ่เท่าไรเชียว ทำไมถึงจุสัตว์ได้เป็นหมื่นๆ ตัว เราเหมือนสุสานเคลื่อนที่ไหม (เหมือน)  เก็บซากสัตว์ได้เต็มไปหมดเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เดินไปไหนก็ป่าช้าเคลื่อนที่ แถมยังทำหน้าขมุกขมัวอีกยิ่งเหมือนใหญ่ หน้าก็ไม่ค่อยยิ้ม วันไหนหน้าบูด นอกจากป่าช้าแล้วยังมีผีสิงอีก ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วศิษย์อยากเป็นคนแบบนั้นเหรอ แล้วคนแบบนี้จะขึ้นฟ้าได้หรือ แล้วคนแบบนี้จะเรียกว่าคนดีได้ไหม ในเมื่อเมตตาเล็กๆ ยังทำไม่ได้ แล้วเมตตาใหญ่ๆ เขาจะทำได้หรือ ใช่ไหม (ใช่)  ยุงกัดนิดเดียวยังโมโหมันแทบตาย ตบมันอย่างกับมีความแค้นกันมาเป็นสิบๆ ปี ยุงตัวนิดเดียวศิษย์ตบถึงตาย แล้วนับประสาอะไรกับคนอยู่ด้วยกัน ถ้าท่านไปตีเขา เขาจะฆ่าเราไหม
เพราะอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่บังคับทุกคนให้กินเจ เพราะว่าความเมตตาต้องเกิดขึ้นจากพื้นฐานของจิตใจ ไม่ใช่ความเมตตาเกิดจากการบังคับ การบังคับมักจะอยู่ได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง และทำได้ไม่นาน แต่ถ้าสิ่งใดที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ เกิดขึ้นด้วยความรัก เกิดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง สิ่งนั้นจึงจะอยู่ได้ยืนนานกว่า จริงหรือไม่ ยกตัวอย่างง่ายๆ คำพูด ถ้าเขาเป็นคนเสแสร้งปากหวาน ไม่ได้พูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้พูดด้วยใจรัก ไม่ได้พูดด้วยใจจริง พอโมโหเดี๋ยวคำร้ายๆ ก็ออกมา ถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าเกิดคนนั้นเขามีจิตใจดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอเขาโมโห เขาจะด่าเป็นไหม  คำพูดที่ด่าคนอื่นเขาก็นึกไม่ออก แต่คนที่เสแสร้งปากหวาน คำด่ามีอยู่ในใจอยู่แล้ว พอโมโหขึ้นมาคำร้ายๆ ก็เลยไหลพรั่งพรู ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นเราจะเป็นคนดี จงเป็นตั้งแต่ใจเราออกไปจากตัว อย่าเป็นคนที่ขาวสะอาดเพียงภายนอก ดีแต่เพียงภายนอกแต่ใจยังหมองหม่นเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง ต้องขาวทั้งนอกทั้งใน ต้องงดงามทั้งกายและใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนคนพูดหวานๆ ชอบไหม (ชอบ)  แต่หวานมากเกินไปก็กลัวไม่จริงใจ แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอเลือกคำพูดหวานๆ ถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่อย่าลืมว่าหวานเป็นลม ขมเป็นยา แต่ก็ขอเลือกหวานแทนขมดีกว่า ชีวิตนี้เราก็เลยต้องเจอความขมมากกว่าหวาน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นยอมรับขมบ้างจะดีกว่านะ ถูกหรือเปล่า (ถูก) 
เสียเวลามาทั้งทีก็ต้องอยู่แล้วให้ได้คุ้มค่า ไม่ใช่อยู่แบบเสียไม่ได้ อย่างนี้ก็น่าเสียดาย มาทั้งทีก็ต้องฟังแล้วให้รู้เรื่อง อย่างน้อยจะได้ไปบอกคนอื่นเขาได้ว่าที่มาวันนี้มาทำอะไร มาทั้งวันแล้วได้อะไร แต่ถ้าอาจารย์บอกว่ามาอยู่กับอาจารย์แล้วไม่ได้อะไร ศิษย์จะอยู่ไหม แต่อาจารย์จะบอกว่าศิษย์ก็ต้องอยู่ ถ้าไม่ได้อะไรเลยก็ต้องอยู่ เอาไหม ก็ศิษย์อยู่ในโลกนี้เกิดมาก็จะต้องได้ แล้วก็ได้ แล้วก็ได้ เอาแล้วก็ต้องเอา แล้วก็ต้องเอาๆๆๆ  ไม่จบไม่สิ้น แล้วศิษย์ไม่เหนื่อย ไม่หนักหรือ ยิ่งมีมากไม่หนักหรือ มีมากแล้วเหนื่อยมากไหม เหมือนคนยิ่งเก่งมาก ยิ่งฉลาดมาก ก็เหนื่อยมาก บางครั้งต้องยอมโง่ในบางสถานการณ์ ฉลาดทุกสถานการณ์ก็เหนื่อยทำจนตาย ถูกหรือไม่ แต่ถ้าเจ้าเล่ห์เกินไปก็ไม่ถูก ไม่เป็นที่ต้องการของคนในสังคม
ฉะนั้นอยู่กันในสังคมบางครั้งก็ต้องโง่ และบางครั้งก็ต้องฉลาด แต่ถ้าอยู่กับอาจารย์โง่อย่างเดียว ไม่มีวันฉลาดเลย ดีไหม (ดี)  มีศิษย์ไม่ตอบเพราะไม่อยากโง่ ใช่ไหม ถ้าอาจารย์เอาสาลี่ผ่าจุกออกแล้วไปตักน้ำ ตักได้ไหม (ไม่ได้)  ทำไมตักไม่ได้ มันตัน คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดอยู่ร่ำไป จะตักตวงอะไรจากใครได้ ใช่ไหม ฉะนั้นถ้าอยู่กับอาจารย์ศิษย์จะไม่ได้อะไรเลย ถ้าศิษย์ฉลาด งั้นอยู่กับอาจารย์ ศิษย์อยากโง่หรืออยากฉลาด (อยากโง่)
อาจารย์บอกว่าให้อยู่กับอาจารย์ ศิษย์จะไม่ได้อะไรถ้าศิษย์มาด้วยความฉลาด มาด้วยความยึดมั่นถือมั่น ตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ อาจารย์ก็พูดแต่สิ่งที่ศิษย์รู้อยู่แล้ว แต่เคยรู้ไหมว่าสิ่งที่เคยรู้อยู่แล้ว บางทีมีมุมมองที่แตกต่างไป แต่เรามองคนเดียวเราเห็นไหม ศิษย์อยากมีร้อยตาไหม อยากมีตาเหมือน
สับปะรดไหม (ไม่อยาก)  แต่อาจารย์อยากมี แล้วศิษย์อยากมีร้อยหูไหม ไม่อยากหรือ ถ้าไม่อยากอาจารย์ก็ไม่บอกว่าทำอย่างไรอยู่ในโลกนี้ เราจึงจะมีร้อยตาและก็ร้อยหูได้ คนที่มีร้อยตาย่อมมองทุกสิ่งได้อย่างแจ่มชัด คนที่มีร้อยหู หูนั้นย่อมไม่ทำให้เราเกิดความลำเอียงในจิตใจ ศิษย์เคยฟังมากๆ แล้วเป็นอย่างไร เอียงไหม เอียงนะ หรือเห็นมากๆ ศิษย์รู้สึกว่าแย่ไหม แย่นะ บางทีรู้น้อยหน่อยกลับสบายใจกว่า แต่ถ้าเกิดปิดหูปิดตาเลยก็ไม่ดี ตกลงศิษย์อยากได้ร้อยตาร้อยหูไหม อาจารย์ให้คิดก่อนจะตอบนะ เมื่อวานศิษย์พี่นาจาสอนว่าให้รู้จักสะกดจิตตัวเองใช่ไหม ยืนไม่ไหวหรือ ยืนได้นะ ต้องคิดว่าเรายืนได้ เราจะได้ยืนได้ทั้งชีวิตนะ ถ้าคิดว่ายืนไม่ได้ สักวันก็ต้องล้มลงไปจนได้
มีความสุขไหมที่นั่งฟังธรรมะ สุขแบบนี้หรือ สุขแบบเหี่ยวเฉาหรือเปล่า ไม่เหี่ยวแต่เฉา แล้วศิษย์ของอาจารย์เหมือนต้นไม้ที่ขาดความชุ่มชื่นนะ จิตใจศิษย์ทุกวันถูกกัดกร่อนไปด้วยความทุกข์ ความยากลำบาก มีคำพูดคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ถ้ามนุษย์มีกินมีใช้ การให้มาศึกษาธรรมก็เป็นเรื่องง่าย แต่ถ้ามนุษย์คนใดยังไม่มีจะกินยังไม่มีจะใช้ จะให้มาศึกษาธรรมก็เป็นเรื่องยาก” ถามว่าตอนนี้ศิษย์มีกินมีใช้ไหม และพอหรือยัง (ไม่พอ)  ฉะนั้นการมาศึกษาธรรมก็เลยเป็นเรื่องยาก ถูกหรือไม่ เมื่อพอกินพอใช้แล้ว จะช่วยเวลาเราทุกข์ได้ไหม แล้วจะทำให้จิตมีสุขขึ้นกว่าเดิมไหม ที่จะกินเยอะๆ กว่าคนอื่นหนึ่งคำ ได้กินรสอร่อยมากกว่าคนอื่นหนึ่งคำ สุขจริงไหม ได้มียศสูงกว่าคนอื่นหนึ่งยศ มีเสื้อผ้าใหม่กว่าคนอื่นหนึ่งตัว ทำให้เราสุขจริงๆ หรือ แล้วความสุขที่แท้อยู่ที่ไหน แล้วทุกข์จริงๆ คืออะไร เราเคยถามตัวเองกันบ้างไหม แล้วเคยหาทางไหม ทางที่จะดับทุกข์ ทางที่จะมีสุข เคยไหม
ศิษย์ตื่นมาหาอย่างเดียวคือ (เงิน) ใช่หรือไม่ (ใช่)  หาแล้วมันได้สุขไหม มันทำให้เราสุขแบบลุ่มๆ ดอนๆ สุขแบบขึ้นๆ ลงๆ  มีเงินได้ก็ดีใจใจโต พอเสียเงินก็ใจแฟบ พอมีโชคก็ใจพองโต พออับโชคก็ใจแฟบ ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ สุขๆ ทุกข์ๆ ไม่จบสิ้น ศิษย์ไม่เบื่อบ้างหรือ แล้วศิษย์ไม่อยากหาทางออกให้กับชีวิตบ้างหรือ (อยาก)  อย่างนั้นศิษย์ก็ต้องมารู้ก่อนว่าทุกข์มาจากไหน ดีไหม แต่ก่อนทุกข์มาจากไหน เมื่อสักครู่อาจารย์ทิ้งคำถามไว้ว่า อยากทำอย่างไรให้มีตาสับปะรด กับหูร้อยหู มีคนทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้ อาจารย์จะบอกให้นะ บางครั้งมีไว้ก็ดี แต่บางครั้งมีแล้วก็ต้องรู้จักไม่มีเป็นด้วย การมีตาสับปะรดดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ช่วยให้เราได้เห็นในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น การมีหูร้อยหูช่วยทำให้เรานั้นไม่ลำเอียง ไม่สุดโต่งข้างใดข้างหนึ่ง  การมีตาสับปะรดก็คือการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ใช่เจอหน้าใครพอเขาจะพูดก็บอกว่ารู้แล้วๆ ไม่ต้องพูด พอแล้วๆ เข้าใจแล้ว รับรองอย่างนี้สับปะรดก็ไม่มีให้เห็นสักหัว ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วรู้ไหมทำแบบนี้ ไปที่ไหนก็จะมีเพื่อน แล้วอยู่ไกลขนาดไหน เราจะเจอเรื่องร้ายอย่างไรก็จะมีคนมาบอกว่าอย่าทำอย่างนั้นนะ ดีหรือไม่ มีคนคอยเตือนเสมอ แต่ว่าคนคอยเตือนเสมอ ก็ต้องระวังไม่ใช่ฟังมากจนกลัวไม่กล้าทำอะไร บางทีพอฟังมาก รู้มากก็กลายเป็นคนอยู่เฉยๆ ไม่กล้าทำไม่กล้าจับอะไรเลย
อย่างนั้นเรามารู้ต่ออีกว่าความทุกข์คืออะไร การเห็นทุกข์ดีหรือไม่ ศิษย์เคยได้ยินไหม พุทธศาสนา มีคำพูดสุภาษิตกล่าวไว้ว่า “ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต  แต่ตอนนี้ถามว่าให้ศิษย์เห็นทุกข์ ศิษย์จะเอาไหม ศิษย์ก็ไม่เอา แล้วชีวิตนี้ศิษย์จะได้พบพุทธองค์ไหม ก็ไม่พบ เพราะมนุษย์กลัวทุกข์ พุทธะมาอีกครั้งก็บอกเสมอว่าคนที่กลัวการว่ายน้ำ บางครั้งต้องแอบผลักให้ตกน้ำ คนที่กลัวทุกข์ต้องให้เจอทุกข์บ้างดีไหม ศิษย์หนีทุกข์พ้นไหม (ไม่พ้น) ยิ่งเราเห็นทุกข์ได้ละเอียดละออมาเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเรียนรู้ทุกข์ได้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเรียนรู้มากขึ้นเท่าไหร่ ทุกข์ก็อยู่ในกำมือของศิษย์มากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าหากเราไม่ยอมรู้ทุกข์ เราไม่ยอมมองเห็นทุกข์ เราเอาแต่หนีทุกข์ สักวันทุกข์ต้องครอบงำใจเรา ดังคำกล่าวว่า “อยากจะเอาชนะศัตรู ก็จงเอาศัตรูมาอยู่ใกล้ๆ เรา” ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่ เราก็ไม่ต้องกลัว เพราะเราเห็นอยู่ทุกวัน เขาจะทำอะไรฉันเห็น
เพราะฉะนั้นทุกข์มาอยู่ใกล้เรา ทุกข์มันจะทำอย่างไร เราเห็นไหม มาแบบไหนสู้ได้ไหม (ได้)  ฉะนั้นอย่ากลัวทุกข์ จงเห็นทุกข์แม้ทุกข์ในความสุข มีสุขมากเท่าไหร่มองเห็นไหม มีทุกข์อยู่ เคยเห็นไหม เอาง่ายๆ ความรักมีสุขไหม ยิ่งได้รักก็ยิ่งมีความสุข แต่เมื่อหมดรักเมื่อไหร่มันก็ทุกข์ แต่บางทียังไม่หมดรักเลย ทุกข์ไหม (ทุกข์) ทุกข์ที่ได้รัก ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางทีเราคิดไม่น่าไปรักมันเลย เคยคิดไหม (เคย)  แล้วใครล่ะที่ไม่น่ารักที่สุด สามีหนูเองหรือไม่ก็ลูกของเรานั่นเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) รู้ว่าศิษย์ต้องพูดอย่างนี้ ไม่ต้องไปคิดถึงคนอื่นเลย ตัวเราเองนี่แหละ  แต่อาจารย์อยากจะบอกว่าเรานั่นแหละที่ไปเลือกเขามาเอง ถ้าเราไม่เลือกเขา เราไม่ตกล่องปล่องชิ้นกับเขา เขาจะมาอยู่กับเราไหมล่ะ อย่างนั้นจะทำอย่างไรให้มีสุขล่ะทุกข์เกิดจากอะไร (เกิดจากใจที่มีความอยากได้) อยากได้แอปเปิ้ลไหม (อยากได้) แล้วอยากได้จะเป็นทุกข์ไหม จะเป็นเมื่อไหร่ (ก็ถ้ากินแอปเปิ้ลแล้วข้างในมีหนอนก็จะเกิดทุกข์ทันที) อาจารย์ถามว่าถ้าอยากได้ท่านจะเป็นทุกข์ไหม จะเป็นทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อ (มีความอยาก)  แต่อยากอย่างไรล่ะถึงจะเป็นทุกข์ จะได้มองทุกข์ให้ออกว่าทุกข์มันอยู่ตรงไหน แล้วถ้าเกิดไม่ให้แอปเปิ้ลทุกข์ไหม (ทุกข์จริง) แล้วถ้าให้แอปเปิ้ลศิษย์ทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  เมื่อสักครู่ศิษย์บอกว่าถ้ากินไปแอปเปิ้ลมีหนอนก็จะทุกข์ แล้วอาจารย์จะให้ดีหรือไม่ให้ดี แต่ถ้าเป็นเบาหวานให้แอปเปิ้ลไปเป็นทุกข์ไหม  (เป็น)  เพราะอะไร (มันหวาน)  อย่างนั้นเปลี่ยนจากแอปเปิ้ลเป็นอะไรดี
ทุกข์เกิดจากอะไร (อยากมี อยากเป็นเหมือนคนอื่น ทุกข์เกิดจากใจ มีความรักไม่สมหวังในความรัก รัก โลภ โกรธ หลง ความเจ็บปวด)  อาจารย์ตีศิษย์ศิษย์จะทุกข์ไหม (ทุกข์)  ไหนลองตีสิทุกข์ไหม (ทุกข์) เพิ่งเห็นคนทุกข์แล้วหัวเราะได้ก็วันนี้  ถ้าเกิดใครทำให้ศิษย์เจ็บปวด ศิษย์คิดว่าศิษย์จะเป็นเหมือนอาจารย์ได้ทุกคนไหม ถ้าได้ศิษย์ก็คงไม่ทุกข์ ถ้าเห็นคนที่มาตี มาด่า มาทำให้เจ็บปวดเป็นพระหมด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หมด ศิษย์ก็ไม่เจ็บหรอก  แต่ถ้าเป็นคนที่เราเกลียดที่สุดมันก็เจ็บที่สุด ใช่ไหม (ใช่)
ทุกข์เกิดจากกาย กายอะไรที่ทำให้ทุกข์ที่สุด (ร่างกายที่อ้วนๆ เดินไปลำบาก) ทุกข์นั้นเกิดจากปากหรือใจ  (ปากไม่ดี แต่ใจอยาก)  ทุกข์มันเกิดจากใจที่ศิษย์ไม่รู้จักพอ (ทุกข์เกิดจากความหวงและห่วงมากเกินไป) แล้วต่อไปจะหวงและห่วงน้อยหน่อยดีไหม ห่วงก็บอกแล้วว่าเป็นห่วง ยิ่งทุกข์มากก็เจ็บมาก  ทุกข์เพราะ (อารมณ์) อารมณ์อะไรที่ทำให้ทุกข์มากที่สุด (อารมณ์โกรธ)  ทุกข์เพราะ (เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ)  แล้วทำอย่างไร (หาหมอ) แต่มันน่ากลัวอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าทุกข์แล้วไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นทุกข์ เจ็บแล้วไม่ยอมไปหาหมอรักษาให้หายเจ็บ โรคทางกายรักษาได้ แต่โรคทางใจมีปัญหารักษายากมาก  ทุกข์เกิดจากอะไร (ทุกข์เกิดจากความไม่สมหวัง)  อย่างนั้นหวังน้อยๆ หน่อยดีไหม จะได้ไม่ผิดหวัง จะได้ไม่ทุกข์ (ทุกข์เพราะความอยากได้ วิตกกังวลมากเกินไป) เราก็อย่าวิตกกังวลให้มันมากไป กล้าที่จะสู้กับความกลัว (ไม่ได้กินหมาก)  ทุกข์เพราะไม่ได้กินหมาก อยากหมากแล้วไม่ได้กิน รู้อย่างนี้ไม่กินดีกว่า มีเงินเท่าไหร่ก็เอาไปตำหมากหมด อย่างนั้นไม่กินหมากได้ไหม ไปสวรรค์ไปนรกไม่มีเซียนองค์ไหนตำหมากไปด้วยนะ ถ้าวันนี้ตัดไม่ได้ ไม่ได้ขึ้นไปแต่จะลงไปด้วยซ้ำนะ กินแบบพอกินไม่ได้กินก็ไม่ตาย อย่ากินแบบคนติดถ้าติดแล้วเราตาย ทุกข์เพราะ (พ่อแม่ทิ้ง)  อาจารย์ว่าทุกข์แบบนี้ ถ้าเราคิดได้ ทำใจได้ก็คือว่าเราเอาชนะทุกข์ได้ อย่างน้อยอยู่คนเดียวทำให้ได้ดี อย่างน้อยชื่อของเราก็ยังมีส่วนที่เกี่ยวกับพ่อแม่อยู่ไม่ใช่หรือ ทำอะไรก็คิดถึงสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ทำมากที่สุดนะ (ทุกข์เกิดจากความคิดของเรา)  มนุษย์หนีอะไรก็หนีได้แต่หนีความคิดตัวเองมักหนีไม่พ้นใช่หรือไม่ อย่างนั้นก็ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนความคิดตัวเองบ้างนะ (อยากให้ลูกได้ดี)  มีคนสิบคนบางทีเราเจอคนดียังเจอแค่หนึ่งหรือสองคน นับประสาอะไรกับลูกเรา เราทำดีถึงที่สุดลูกจะดีหรือไม่ดีก็แล้วแต่เขาดีกว่า อาจารย์อยากจะบอกว่าทุกข์ของศิษย์เกิดจากอะไรบ้างล่ะ จริงๆ แล้วเกิดจากไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี แต่ยินดีในสิ่งที่คนอื่นเขาเป็นใช่หรือไม่ (ใช่)  ตัวเองมีไม่พอใจแต่พอคนอื่นเขามีเราก็อยากเป็นอย่างโน้นอยากเป็นอย่างนี้ แต่พอเป็นได้อย่างเขาก็อยากเป็นไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น เราทุกข์เพราะว่าไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองมี ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่ร่ำไป ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทุกข์อีกอย่างหนึ่งก็คือรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต อย่างเช่นแต่ก่อนเคยดีๆ อยู่แล้วต้องเจ็บปวด ใจไม่สู้ ใจหวาดกลัว แต่ก่อนลูกเคยดีๆ ลูกกลับเผลอทำไม่ดี เราก็ทุกข์จริงๆ สอนเขาแทบตายทำไมเขาถึงทำ รับไม่ได้ เรารับกับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เหมือนที่ศิษย์รู้ในโลกนี้เราจะหยุดการเปลี่ยนแปลงได้ไหม เกิดมาก็ต้องเปลี่ยนแล้ว จากเด็กก็ต้องเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นคนแก่ ใจเราล่ะคิดหนึ่งแล้วก็คิดสองคิดสามแล้วก็กลับไปคิดหนึ่งจริงไหม เรารับกับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะอะไรเราถึงรับกับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะเรายึดติดอยากให้มันตายตัวอยู่อย่างนั้น อย่างเช่นวันนี้เรามีสุขอย่างไร พรุ่งนี้ก็อยากให้มันสุขอย่างนั้น แต่มันทำได้ไหม (ไม่ได้)
อาจารย์จึงอยากจะบอกศิษย์ว่าเมื่อไรที่เราต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงขอให้ใช้ใจที่สงบนิ่งไปสัมผัสและรับรู้ เมื่อไรที่ต้องเจอกับปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ต้องเกิดขึ้น ขอให้ใช้ใจว่างไปสัมผัสทำได้ไหม  “ว่างท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง นิ่งท่ามกลางการปรากฏ” ฟังดูคล้องจองดี แต่จะทำได้หรือเปล่าอันนี้ยากเหมือนกันใช่หรือไม่ เมื่อไรที่เปลี่ยนแปลงเราสงบใจให้นิ่งได้ไหม เจอคนทำให้โมโหทำอย่างไรจะให้นิ่งได้ (เดินหนี)  แต่ถ้าเกิดเขาเดินตามติดๆ ล่ะ (เราก็ต้องทำใจสู้)  แล้วถ้าเขาบ่นๆ ให้ฟัง (ก็พูดธรรมะให้ฟัง)  เคยได้ยินไหมว่าไฟมันกำลังร้อนจัดเอาน้ำเย็นไปสาดเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งพูดฟังเขาระบายจนจบ ปล่อยให้เขาโกรธจนถึงที่สุด เราใจเย็นไว้ เมตตาเข้าไว้ ความใจเย็น จิตใจที่เมตตา เป็นจิตใจที่อยู่ใกล้กับสติ และจิตใจที่ใกล้กับสตินั้นย่อมบังเกิดปัญญาใช่หรือไม่ (ใช่)  รู้แล้วว่าทุกข์มีอะไรบ้าง อย่างนั้นถึงเวลาเราจะต้องรับมือให้ทัน
เมื่อไรที่ทุกข์มาถึงอะไรล่ะที่จะต้องเอาออกมาใช้ให้ทันเวลา และทำให้เรามองเห็นทุกข์แล้วค่อยๆ ดับทุกข์ (สติ, ปัญญาที่คิดได้, ใช้ธรรมะ) เอาขันติ เอาความเมตตา เอาจิตใจให้อภัยคน (ความวางเฉย, ฟังเพลง)  การจะร้องเพลงหรือฟังเพลงได้เมื่อตอนที่ศิษย์แย่ใช่หรือไม่ ในเมื่อใจฟุ้งซ่านแล้วต้องการให้จิตใจมีสมาธิ หรืออารมณ์ดีขึ้น การฟังเพลงร้องเพลงไม่ได้นำมาใช้ได้ทุกเวลานะ อะไรที่ทำให้ใจของมนุษย์นั้นมองสรรพสิ่งได้ไม่ชัด +มองแล้วบิดๆ เบี้ยวๆ (เอาชนะใจตัวเองให้ได้,อารมณ์, มองโลกในแง่ไม่ดี)  เวลารักมากตาบอดไหม เวลามองโลกแง่ดีก็ต้องระวังด้วย แต่มองโลกแง่ร้ายก็ไม่ควรร้ายเกินไป
เอาใจที่นิ่งและความเป็นกลาง อะไรที่ทำให้ใจของมนุษย์นั้นมองสรรพสิ่งแล้วมองได้ไม่ชัด มองแล้วบิดๆ เบี้ยวๆ มองแล้วมองเห็นไม่ชัดเจน รู้ไหม (อารมณ์, มองโลกในแง่ไม่ดี)  แล้วมองโลกในแง่ดี ทำให้เรามองสรรพสิ่งบิดๆ เบี้ยวๆ ได้ไหม เวลารักมากตาบอดไหม (บอด)  ฉะนั้นมองโลกแง่ดีก็ต้องระวังด้วย แต่มองโลกแง่ร้ายก็ไม่ควรร้ายเกินไป ความอิจฉาทำให้เรามองโลกบิดเบี้ยวได้ไหม มองใครลำเอียงได้ไหม (ได้)  (มองคนชั่วเป็นคนดี  เรามองเขาเป็นคนดีก่อน สุดท้ายเขาเผยตัวเองออกมาทีหลัง)  เพราะเรามองคนมองแค่เปลือกนอก ยกตัวอย่างง่ายๆ ทำไมเรามองแอปเปิ้ลเบี้ยวได้ เพราะบางทีใจเราอิจฉา
อาจารย์เล่านิทานให้ฟังสักเรื่องหนึ่งเอาไหม (เอา)  นิทานมีอยู่ว่า มีชายสามคนอยากไปดูลิเก ชายสามคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน คนหนึ่งตาบอด คนหนึ่งหูหนวก อีกคนหนึ่งมีตา มีหู แต่ตัวเอียง สามคนนี้เขาจะไปไหนก็ต้องจูงกันไป แล้วคนไหนต้องอยู่หน้าสุด บางคนบอกว่าต้องเอาคนมีตาอยู่หน้าสุด แต่ถ้าเป็นอาจารย์ อาจารย์ว่าเอาคนมีตากับคนหูหนวกไว้หน้าดีกว่า พอเดินไปถึงที่นั่งดูจนจบ คนที่ตาดีก็บอก แต่งตัวสวยมาก แต่เขาพูดค่อยจังเลย คนที่หูดีบอกไม่เห็นสวยอะไรเลย มันมืดไปหมดและพูดเสียงดังชัดเจนมาก ส่วนคนที่ตัวเอียง ศิษย์ว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร (ภาพมันล้มไปหมดเลย)  อะไรๆ ก็ดีหมด แต่ทำไมคนแสดงตัวเอียง เวทีก็เอียง เหมือนกันศิษย์เอ๋ย เราเห็นเราก็หัวเราะ แต่ตัวเราตาดีๆ แต่บางทีก็มืดบอดได้ หูดีๆ บางทีก็มัวได้ ใจเที่ยงตรงดีๆ ทำไมจึงเอนเอียงและบิดเบี้ยวได้ น่ากลัวและก็น่าหัวเราะ จนหัวเราะไม่ออกยิ่งกว่าตัวละครสามตัวนี้อีก ใช่ไหม (ใช่)
อาจารย์อยากบอกศิษย์ว่า คนที่แต่ก่อนเคยมีแล้วต้องไม่มี น่าเจ็บปวดไหม แต่คนที่ทั้งชีวิตไม่เคยมีอะไรเลย ศิษย์คิดว่าคนไหนน่าเจ็บปวดกว่ากัน บางคนก็ตอบว่าคนที่มีแล้วไม่มีใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อาจารย์อยากบอกว่าคนที่เขาไม่มีวันได้มีสิ น่าเจ็บปวดกว่า เพราะคนที่มีแล้วไม่มี ยังสามารถทำให้มีได้ แต่คนที่ไม่มี ทั้งชีวิตเขาทำอย่างไรก็ไม่มี ทำไมอาจารย์จึงบอกอย่างนี้
อาจารย์อยากบอกศิษย์ว่า คนบางคนนะใจก็ตรงได้ หูก็ดีได้ ตาก็ดีได้ แต่เพราะอะไรจึงบอด เพราะอะไรจึงทุกข์ เพราะอะไรจึงเอนเอียง เพราะบางทียึดติด เพราะบางทีรู้สึกแย่ ท้อแท้ไม่อยากสู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์เคยเห็นไหม บางทีผู้หญิงร่างเล็กๆ กลับจิตใจเข้มแข็งกว่าชายอกสามศอกก็มี เลิกกับสามีไปเขาเลี้ยงลูกจนเป็นใหญ่เป็นโตได้ แต่สามีบางทีไม่มีลูกกลับยิ่งสำมะเลเทเมา แล้วตัวศิษย์มีหูมีตามีอยู่ครบ เจอทุกข์นิดหน่อยผูกคอตาย เจอทุกข์นิดหน่อย เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย แต่คนที่เขาเกิดมาตาบอดหูหนวก เขากลับสู้ชีวิตมากกว่าเราอีก ฉะนั้นเมื่อไรที่เราต้องเจอทุกข์ เจอความยากลำบาก เจอใครต่อว่า ศิษย์จงจำไว้นะว่า ยิ่งทุกข์มากเท่าไร เรายิ่งเห็นฝั่งของความสุขได้ชัดมากเท่านั้น ยิ่งเจ็บปวดเพราะคนว่ามากเท่าไร เรายิ่งเห็นการให้อภัยและความเมตตาได้ชัดมากเท่านั้น แต่เห็นแล้วเราจะเดินข้ามไปสู่ฝั่งนั้น หรือว่าจะยอมจม และตายอยู่กับความทุกข์ตรงนี้ ถ้าศิษย์ยอมจม และตายอยู่กับความทุกข์แบบนี้ ศิษย์ก็สู้อะไรไม่ได้กับคนที่เขาตาบอดหูหนวก แต่ยังมีชีวิตอย่างมีความสุขได้ ฉะนั้นเจอความทุกข์ยาก ขอให้ศิษย์ใช้สติปัญญาและจิตใจที่นิ่งไปรับและต่อสู้ เอาชนะให้ได้และมองให้ออก แล้วเราก็จะพ้นทุกข์ได้
อยากฟังอาจารย์พูดต่ออีกไหม ไม่เบื่อหรือ วันนี้ไม่ต้องกลับบ้านดีไหม ไม่หัดทิ้งบ้าน สักวันหนึ่งก็ต้องทิ้ง ไม่หัดลืมตัวตนสักวันก็ต้องลืม เราลืมตัวเองบ่อยไหม คนที่ลืมตัวเองได้ คนนั้นก็ทุกข์น้อยได้เหมือนกันนะ เชื่อไหม
ศิษย์อาจจะเคยได้ยินประวัติของอาจารย์ว่าอาจารย์ชอบกินเนื้อกินเหล้า แต่ถ้าอาจารย์กินเนื้อกินเหล้า แล้วอาจารย์บอกว่าไม่ให้ศิษย์กินเนื้อกินเหล้าได้ไหม ในความรู้สึกของศิษย์ ศิษย์ยังบอกว่าไม่ได้เลย เหมือนกันถ้าศิษย์อยากจะสอนคนอื่นให้ทำดี แต่ตัวเองยังไม่เริ่มต้นทำ ใครจะเชื่อศิษย์ ศิษย์อยากนั่งสบาย ถ้าศิษย์ติดนั่งสบายศิษย์ก็จะหลับ นั่งท่าลำบากที่สุดจะได้ไม่หลับ
การทำดีก็เหมือนการขึ้นเขา การทำชั่วก็เหมือนการลงเขา มันไม่ใช่แค่ลงนะศิษย์ มันตกลงไปในเหวเลย แต่อาจารย์ก็รู้อยู่อย่างหนึ่งว่า ศิษย์ของอาจารย์เป็นคนชอบความตื่นเต้น จึงชอบเดินเฉียดเหวไปเฉียดเหวมา ไม่ชอบที่จะตะกายขึ้นบนเขา อะไรที่เขาห้ามศิษย์ก็ชอบทำ แต่ศิษย์รู้ไหมว่าการขึ้นเหวหรือการเป็นคนดี หรือการฝึกฝนตนเป็นคนมีธรรมะนั้น ก็เหมือนขึ้นเขา แรกๆ อาจจะเหนื่อย ลำบาก แต่ศิษย์เคยเห็นไหมว่า เมื่อไรที่ศิษย์สามารถเหยียบขึ้นไปบนเขาแล้วยืนอยู่ได้สูงกว่าผู้อื่น มันน่าภูมิใจขนาดไหน ในเวลาที่เรายืนเด่นแล้วทำได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้ ความภาคภูมิใจนั่นก็เหมือนการทำดี ถ้าเราทำได้ อดทนได้ เราก็เหมือนคนที่ยืนสูงกว่าผู้อื่น แต่ก่อนที่เราจะยืนสูงและนำผู้อื่นได้ คนนั้นต้องยอมต่ำต้อยได้เสียก่อน ถ้ายอมต่ำต้อยไม่ได้ ศิษย์จะไปนำหน้าใครเป็น
ฉะนั้นเวลาทำดี อย่ายอมแพ้ อย่ากลัวความยากลำบากได้หรือไม่ แล้วการมาของอาจารย์ก็จะได้เป็นการมาที่ไม่เสียเปล่า และการมาของศิษย์ก็จะได้เป็นการมาที่ไม่เสียเปล่า เสียเปล่าไหม โลกนี้กว่าจะได้อะไรมาต้องยอมเสียอะไรไป แล้วสิ่งที่ศิษย์กำลังเสียไปตอนนี้ มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มาไหม แล้วต่อไปสิ่งที่ศิษย์จะยอมเสีย คุ้มกับสิ่งที่ศิษย์แลกมาไหม ชีวิตนี้เสียไปเพื่อเงินทอง เสียไปเพื่อความรู้ แต่ได้มาแล้ว คุ้มไหม ไม่ต้องตอบอาจารย์ก็ได้ ตอบตัวเองดูว่าชีวิตนี้คุ้มไหมที่เสียไปแล้วได้ของนี้มา คุ้มค่าไหมกับทั้งชีวิตถ้าต้องหมดไปแล้วได้สิ่งนี้มา มีเงิน เกียรติยศ ชื่อเสียง ความมั่งคั่งมั่งมี ทั้งชีวิตแลกมาเพื่อสิ่งนี้ แต่สุดท้ายก็เอาไปไม่ได้
ทำไมอาจารย์บอกว่า มาตอนแรกอาจารย์อยากให้ศิษย์ไม่ได้อะไรไปบ้าง เพราะว่าอะไร เพราะเราอยู่ในโลก มีจนถึงที่สุดกลับไปก็ต้องเป็นไม่มี ใช่หรือไม่ แต่สิ่งที่จะไปในความไม่มีได้คือความมีดีติดตัวไป บุญทำให้ศิษย์ขึ้นสวรรค์แต่กุศลแห่งการบำเพ็ญ ทำให้เราพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด  กุศลจากการบำเพ็ญธรรม คือยอมขัดเกลาอารมณ์ตน ยอมลดละอารมณ์ตน และไม่ทำสิ่งที่ผิดบาปทั้งมวล อยากทำบุญขึ้นสวรรค์ พอเสวยสุขจนครบแล้วก็ต้องกลับมาเวียนว่ายใหม่ เอาแค่นั้นหรือ แต่วันนี้บำเพ็ญธรรมไม่ใช่แค่ให้ขึ้นสวรรค์ แต่ยิ่งกว่าสวรรค์และสูงกว่าสวรรค์ ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ไม่เอาหรือ แค่รู้จักพอในชีวิตและเอาเวลาที่พอไปช่วยคนอื่น ยากไหม (ไม่ยาก)  ยากตรงที่พอหรือยัง คิดได้หรือยัง  หากวันนี้ไม่พอ ถ้าวันหนึ่งฟ้าให้พอขึ้นมา ศิษย์จะทุกข์ยิ่งกว่านี้ ฟ้าบอกให้พอ ให้หยุด ให้เรานอนอยู่อย่างนี้ มันเจ็บนะศิษย์  ใจอยู่แต่ตัวทำอะไรไม่ได้ แล้ววันนั้นถ้าเกิดเป็นศิษย์ขึ้นมา จะมีอะไรช่วยได้  แต่เคยได้ยินมาแล้วนี่ คนดีถ้าดีถึงที่สุด แม้ชะตาต้องตายฟ้าก็ต่ออายุให้ แต่ถ้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แม้ไม่ถึงตายฟ้าก็ต้องเก็บไป เพราะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนี่ สู้เอาคนที่ดีแน่นอนแล้วอยู่ดีกว่า แต่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอยู่ทำไม น่ากลัว  คนที่ร้ายไปเลยเห็นชัดกว่า ใช่ไหม แต่คนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายน่ากลัวยิ่งกว่าคนที่ร้ายอีก แล้วคนที่น่ากลัวคือใครเล่า ก็คือตัวศิษย์เอง
(พระอาจารย์เมตตาให้โอวาทซ้อนโอวาทคำว่า “คิดได้ปลงตก”)
ได้ออกมาเป็นคำว่าอะไร  “คิดได้ปลงตก” ถ้าคิดไม่ได้ก็ปลงไม่ตก ถ้าปลงไม่ตกก็คิดไม่ได้  ฉะนั้นเรื่องบางเรื่องในโลกนี้ ถ้าคิดได้เราก็ปลงตกได้ ปลงตกได้เราก็วางเฉยได้ อายุไม่น้อยแล้วนะ ต้องรู้จักปลงบ้างแล้วและรู้จักคิดให้ได้บ้างแล้วนะ จะเป็นพ่อเขาแม่เขาก็ต้องรู้จักนำเขาด้วย
วันนี้อาจารย์ก็ถึงเวลาต้องกลับแล้ว เวลาของศิษย์เหลือไม่มากแล้วนะ ฉะนั้นใช้เวลาที่เหลือนี้ให้เกิดสิ่งที่ดีและมีประโยชน์กับตัวเองให้มากที่สุด หรือถ้าอาจารย์จะพูดง่ายๆ สั้นๆ ก็คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทุกวันพิจารณาให้ดีว่าสิ่งที่ทำดีหรือยัง ดีพอไหม มีโอกาสเข้ามาบำเพ็ญบุญนะ อาจารย์ไปแล้วนะ เอาความรู้ความสามารถที่ศิษย์มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อผู้อื่นบ้างนะ อย่ามองแค่มีแต่หน้าที่ ลองทำหน้าที่ตัวเองเพื่อผู้อื่นบ้าง ศิษย์ก็ยังเป็นศิษย์ของอาจารย์อยู่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)

เวลาทำให้ศิษย์ได้เป็นศิษย์ของอาจารย์แต่เวลาก็ทำให้ศิษย์กับอาจารย์ต้องลาจากกันใช่หรือเปล่า ถึงเวลาอาจารย์ก็คงต้องไปแล้ว มีโอกาสกลับมาศึกษาธรรมอีกนะ เราจากกันวันนี้ไม่ใช่เป็นการจากแล้วจากเลย แต่สักวันหนึ่งศิษย์ต้องกลับมาหาอาจารย์ มาศึกษาธรรมให้มากขึ้นกว่าเดิมนะ ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ



พระโอวาทซ้อนพระโอวาท   “คิดได้ปลงตก”
    ผืนน้ำเมื่อถูกแดดย่อมสะท้อนเงา        
มนุษย์เล่าหนีไม่พ้นบ่วงปัญหา
อยู่ด้วยกันมีขัดเคืองเรื่องธรรมดา           
อยู่ที่ว่าใครจะได้สติก่อนกัน
คิดได้ก่อนอย่าด่วนคิดกลัวเสียเปรียบ        
คนดื้อเงียบอยู่ที่ไหนพังที่นั่น
กาลผ่านไปจงคิดได้ปลงตกกัน               
ปัญญาญาณเกิดเมื่อละทิฐิไป

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

2548-05-28 สถานธรรมฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์





西元二○○五年歲次乙酉 四月二十一日          大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘  สถานธรรมฮุ่ยจื้อ  อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
                                            สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ

  พลาดครั้งหนึ่งฉลาดขึ้นครั้งหนึ่ง       คนรู้ซึ่งแก้ไขไม่จมปลัก
มีปัญหาเพื่อปัญญาได้ประจักษ์          คนรู้จักตนเองไม่เคยปราชัย
                   เราคือ
  องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ         รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่แดนโลกีย์   เคียมคัล
องค์มารดา       ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
                   ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง   ฮวา ฮวา

  รู้จักอ่อนแต่ก็ต้องรู้จักแข็ง            รู้จักแกร่งแต่ก็ต้องรู้จักหยุ่น
นำแข็งอ่อนในโลกมาเกื้อหนุน           ความยืดหยุ่นนำให้ปรับเปลี่ยนเป็น
เกิดมาแล้วไม่พ้นชราเฒ่า               มีชีวิตใช่เพื่อเฝ้าสังขารนี้
การทำดีใช่เพื่อเป็นแค่คนดี              แต่จงมีปณิธานอันยิ่งยง
เกิดมารู้ตายไปรู้ไม่เสียชาติ              แปรความขลาดเพื่อจะเอาชนะหลง
ทุกที่ที่มีปัญหารู้จักปลง                  เดินสายตรงเพราะจิตใจแสนเที่ยงธรรม
ในวันนี้มาค้นหาชีวิตจริง                 ชีวิตยิ่งความประเสริฐเกินปล่อยปละ
ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องต้องชนะ                แต่รู้จะยอมพ่ายเพื่อมองเห็นตน
คนบำเพ็ญหากไม่ละกิเลส               แสนเทวษ[๑] ดั่งจมน้ำเมื่อใกล้ฝั่ง
ภายในตนมีมุนี[๒] ขุมพลัง                จงระวังกายใจก้าวเต็มแรง
สองวันนี้จงตั้งใจฟังธรรมะ              จงสละเวลาด้วยความตั้งจิต
อย่าปล่อยให้มารราวีในความคิด         จงสนิทใจด้วยธรรมนำชีวา
อายุนี้เมื่อเลยล่วงยากเรียกกลับ        ขอให้รับความจริงที่ตรงหน้า
ใจอยู่กับปัจจุบันทันเวลา                 มีความกล้านำชีวิตยั่งยืนไป
จงรักษาพุทธระเบียบให้จงดี             แลศิษย์พี่ยืนเคียงข้างคุมชั้นเรียน
                                                                   ฮวา  ฮวา   หยุด


[๑] เทวษ หรือ เทวศ   หมายถึง      การคร่ำครวญ, ความลำบาก
[๒] มุนี                  หมายถึง      นักปราชญ์, ฤษี, พระสงฆ์
[๓] อัชฌาศัย       หมายถึง     กิริยาดี นิสัยใจคอ ความรู้จักผ่อนปรน


วันอาทิตย์ที่ ๒๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ สถานธรรมฮุ่ยจื้อ  อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียน ท่านหันเซียงจื่อ

  มุ่งแก้ไขต้องใจเย็นดุจน้ำแข็ง          เวลาอันสั้นเปลี่ยนแปลงได้ลำบาก
คนสำนึกมองเห็นตนได้ไม่ยาก           เริ่มมาจากเปลือกถึงแก่นอันแท้จริง
                   เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนหันเซียงจื่อ         รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยจื้อ   แฝงกายกราบ
องค์มารดา       ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

  มนุษย์นั้นไม่อาจอยู่ค้ำฟ้า               ทุกชีวาจงอยู่ด้วยธรรมคติ
ความเป็นตายเกิดเมื่อไรใช้สติ           คนชำนิเพียงปัญหาไม่ใช่ปัญหา
ชีพพริบตาอย่าติดโลกีย์ทั่ว              ละเมามัวอยู่ที่ใจปรารถนา
อาศัยความดีชั่วตัวสร้างค่า              เมื่อเกิดมาบำเพ็ญไม่เสียที
ก่อนได้ทำเลือกที่ทำอะไร                เมื่อเป็นคนจงตั้งใจสง่าศรี
จงหัดทำตัวเป็นเช่นเมธี                 เป็นคนง่ายง่ายดีดูสบาย
คนไม่ใจเย็นท้อทำร้ายตัว                คนพันพัวตื่นใจง่ายไฉน
คนทำด้วยอารมณ์ขัดกันไป              ย้อนที่สิ่งในใจใดดำรง
คนเอ๋ยคนชีพงามมีอัชฌาศัย[๓]           ให้เริ่มขึ้นที่ใจไขประสงค์
เร่งลงมือยามนี้ที่จำนง                   ค่ำต้องกลายเช้าจงสู้แข็งแรง
เอาใจลงในงานสะดวกง่าย              ออกแรงในเบาแรงนอกแสวง
แม้ยามค่ำโลกปัญญากระจ่างแจ้ง       ธรรมของคนบ้างแล้งต้องฟื้นฟู
เวลาหน่ายก็ดูตกห้วงช้ำ                 แอบขำหรือน้ำตากลั้นอยู่
ย้อนมองภายในใจหลายฤดู              จิตตัวรู้ไม่เคยพ่ายถาวร
                                                                      ฮา  ฮา   หยุด


พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียน ท่านหันเซียงจื่อ


ท่านเคยเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหม (ไม่เคย) แล้วองค์พระพุทธรูปมิใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือ (ใช่) เช่นนั้นจะบอกว่าไม่เคยเห็นได้ไหม น่าจะบอกว่าไม่เคยสัมผัสมากกว่า  อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์  แล้วอะไรที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ พอรู้ไหม คำถามยากเกินไปหรือเปล่า ว่าอย่างไร (ไม่รู้ครับ) ปรบมือให้กับความกล้า ในโลกนี้มีใครบ้างกล้ายืนขึ้นแล้วบอกผู้อื่นว่าเป็นผู้ไม่รู้ หาไม่ได้ แต่บางคนรู้แล้วไม่กล้าตอบก็น่าเสียดายใช่หรือไม่ จึงทำให้บางครั้งความเป็นมนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ แล้วอะไรที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่าตอบในใจ ให้เอ่ยปากออกมาพูดดีกว่า ว่าอย่างไร (ธรรมะ) ตอบได้ดี ธรรมะอะไรล่ะที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ การมีความกตัญญู มีความดีที่อยู่ในตัวของตัวเองทำให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การที่เป็นคนมีจิตใจสูงส่ง แล้วอะไรที่ทำให้จิตใจเราสูงส่ง เป็นแค่กตัญญู เป็นแค่คนดี เท่านั้นพอไหม พอเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ไหม (ไม่ได้) ลองตอบดู (รู้คุณผู้มีพระคุณต่อเรา) ผู้รู้คุณคนทำให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวได้ไหม แล้วธรรมะอะไรยิ่งใหญ่จริงหนอที่ทำให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ คิดไม่ออกหรือ กตัญญูก็ใช่ รู้จักสำนึกบุญคุณก็ใช่ แล้วมีอะไรอีกที่ทำให้เรารู้สึกว่าคนๆ นี้ยิ่งใหญ่จริงหนอ คนๆ นี้ประเสริฐจริงหนอ การตอบแทนผู้มีพระคุณ เมื่อสักครู่เพิ่งฟังหัวข้ออะไรไป (กตัญญุตาธรรม) ในสมองก็เลยมีแต่เรื่องนี้ใช่ไหม ไม่มีเรื่องอื่นเลย อยากฟังคำตอบเราไหม (สละทางโลก มุ่งทางธรรม) ถือว่าเป็นผู้ที่นับถือพุทธได้ไม่เสียทีเลย เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธองค์ ยอมสละทางโลกเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น แสวงหาสัจธรรม แต่เมื่อท่านแสวงหาเจอแล้ว มีคนเรียกท่านว่าพระพุทธเจ้าไหม ไม่มีใครรู้ จนกว่าท่านจะเดินแล้วเอาธรรมะนี้ออกไปบอกผู้คน ใช่หรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นก็คือการช่วยเหลือคนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การอุทิศชีวิตจิตใจช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจิตใจเมตตา มหาเมตตา ฉะนั้นคนๆ หนึ่งจะเป็นพุทธะหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่ที่ว่า ชีวิตนี้เรารู้จักเสียสละ อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือใครบ้างหรือเปล่า แต่วันนี้เรามาศึกษาเพื่อดำเนินรอยตามการเป็นพระพุทธองค์ทั้งหมดนั้นใช่ไหม ให้ศึกษาการเป็นพระพุทธองค์ทั้งหมดใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)
ถ้าบอกว่าใช่คนที่เป็นฝ่ายหญิงคงลำบากเพราะบวชไม่ได้ ใช่หรือไม่ อย่างมากก็บวชได้แค่ชีพราหมณ์ ส่วนคนที่เป็นฝ่ายชายบวชได้ไหม แต่จริงๆ อยากบวชไหม ก็น้อยคนนักที่อยากบวช แล้วบวชจนกระทั่งรู้แจ้งแล้วเอาธรรมนี้ไปช่วยคนก็ทำได้ยาก ใช่หรือไม่ ฉะนั้นวันนี้เรามาศึกษาก็เพื่อให้ท่านรู้ว่าในความเป็นมนุษย์นี้ เราสามารถเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ ในความเป็นมนุษย์ได้ด้วยการที่ทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องทำหมดทั้งชีวิต แต่เอาส่วนหนึ่งของชีวิต เอาเวลาว่างของชีวิตไปช่วยเหลือคน ไม่ต้องทั้งชีวิต แค่ส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราว่างไปช่วยเหลือคน เอาธรรมะที่เรามี ที่เราเข้าใจไปเมตตาคน ถ้าทำอย่างนี้ท่านว่าท่านทำได้ไหม แล้วยากไปไหม ไม่ว่าจะเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ ขอเพียงทำดี เห็นใครทุกข์เอาธรรมะไปช่วย นี่ก็คือเรากำลังฝึกจิตใจอย่างพุทธะโพธิสัตว์
ท่านคิดว่าทำแบบนี้ยากไหม (ไม่ยาก)  แล้วทำไมจึงต้องทำรู้ไหม ทำไมเราจึงต้องทำดี ทำไมเราจึงต้องช่วยคนรู้ไหม (เพื่อให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด) ให้ใครหลุดพ้น (ให้ตนเองและผู้อื่นหลุดพ้น) การช่วยคน เราตั้งใจช่วยเพื่อให้หลุดพ้นตั้งแต่แรกไหม ไม่ ที่เราช่วยเพราะเราเห็นเขากำลังทุกข์แล้วเราอยากให้เขาพ้นทุกข์ใช่หรือไม่ แล้วทำไมเราถึงต้องช่วยคน (เพราะความมีเมตตาสูงส่ง เพราะมีจิตใจเมตตาสงสาร) เพราะอะไรเราอยากช่วยคน ง่ายๆ เลย ใจของมนุษย์ทุกคนเห็นใครดิ้นทุรนทุราย เห็นใครตกทุกข์ได้ยาก มนุษย์เราอยู่เฉยๆ เป็นไหม ในจิตใต้สำนึกเรา เรารู้สึกว่าเขาช่างน่าสงสาร ใช่หรือไม่ ในจิตใต้สำนึกเราบอกว่าเราช่วยได้เราควรช่วย แปลว่าโดยพื้นฐานของมนุษย์เห็นใครตกทุกข์ได้ยากช่วยได้เราจะช่วย เฉยได้ (เราจะเฉย)  ทำไมช่วยได้อยากจะช่วย ทำไมเฉยได้เราจะเฉย หมายความว่าอย่างไร
จริงๆ แล้วใจของมนุษย์ทุกคนมีความดีงามอยู่ แต่เราต้องรู้จักฟื้นฟูมันให้เกิดขึ้น ฟื้นฟูมันให้มีบ่อยๆ เหมือนเวลาเรารู้สึกสงสารคนคนหนึ่งแล้วเราพยายามช่วยเต็มที่ ความสงสารเริ่มเติบโตขึ้น พอเราเห็นอีกคนหนึ่งเราก็ช่วยเหลืออีกคนหนึ่ง ความสงสารเราก็ยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเราเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก เราเฉยๆ แล้วพอเราเห็นคนตกทุกข์ได้ยากเราก็เฉยๆ ยิ่งเฉยเข้าทุกวัน เฉยเข้าทุกวัน ต่อไปเห็นคนตายอยู่ตรงหน้าเรากลับเฉยๆ ถ้าเกิดเราไม่เคยคิดที่จะสงสาร พอคนตายอยู่ต่อหน้า ก็เขาตายเราไม่ได้ทำ ฉะนั้นความดีในตัวท่านมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือเรียกบ่อยๆ มันก็มา แต่ถ้าไม่เรียกมันเลย มันก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น จริงนะคิดให้ดีๆ
วันนี้เราศึกษาธรรมเพื่อฝึกจิตสำนึกแห่งความดีงามที่อยู่ในตัวตนให้มีคุณภาพ ให้ออกมาสร้างความดีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ให้ออกมา ทำความดีเพื่อไม่ให้ตนเองเป็นคนเห็นแก่ตัว ปลุกมันขึ้นมาดีไหม หรือจะปล่อยให้เป็นคนใจไม้ไส้ระกำ จะปลุกหรือไม่ปลุก ฟังธรรมะมีความสุขไหม
ความพอใจของเราคือมีเงินแล้วมีสุข เที่ยวแล้วมีสุข มีคนรักแล้วมีสุข แต่เคยมีไหมที่จะนิยามในใจว่า “ขอเพียงมีธรรมะในจิตเราก็มีสุขได้” ขอเพียงชีวิตสงบ ราบเรียบไม่มีอะไรมากระทบแค่นี้ก็สุขได้ ไม่ค่อยมีในนี้ใช่ไหม ไม่ค่อยมีนิยามในใจ มีเงินแล้วสุขมากไหม คิดว่ามีไหม มีแต่ไม่แท้จริง มีความสุขเหมือนกันแต่เป็นสุขไม่ถาวร ใช่หรือไม่ สุขตอนที่อยู่กับเรา แต่ทุกข์ตอนที่ไปอยู่กับคนอื่น ใช่หรือไม่ ท่านเคยได้ยินไหมว่าอยู่ในโลกนี้ ก่อนจะได้อะไรมาต้องสูญเสียบางอย่างไป ก่อนจะได้เงินมา ท่านต้องเสียอะไรไป ยอมเสียแรง เสียกำลัง เสียความสามารถจึงจะได้เงินมา ถูกไหม  แต่บางครั้งหนทางที่กว่าจะได้เงินมา บางทีไม่ใช่แค่เสียแรง แต่เรายังเสียความเป็นคนไปด้วย จริงไหม อย่างเช่นอะไร  เสียความซื่อสัตย์ เสียคุณธรรมในใจ ใช่หรือไม่
อย่างเช่นเราขายข้าว ข้าวใหม่ข้าวเก่า เรารู้แต่บางครั้งข้าวใหม่มันน้อย ข้าวเก่ามันเหลือเยอะ เอาผสมรวมๆ กันแล้วบอกว่าเป็นข้าวใหม่ ใช่หรือไม่ ฉีดยาฆ่าแมลงไหม (ไม่ฉีด) โกหกไหม (โกหก) แต่เพื่อจะได้ขายตอนนี้ มันกำลังออกได้ดี คนกำลังปลูกยังไม่ได้ แต่เราปลูกได้ เราขายไป ทั้งที่ขายตอนนี้คนกินต้องมีอันตราย แต่เราอยากได้เงิน เรายอมขายข้าวแล้วเรายังขายความเป็นคนในตัวเราด้วย จริงไหม ความเป็นคนอะไรที่เราขายไปด้วยเพื่อให้ได้เงินมา นอกจากซื่อสัตย์แล้วอะไร (ศักดิ์ศรี เสียเพื่อน)
เหมือนเรามีเงินร้อยบาท เราอยากได้อีกสองร้อยบาท เราจะทำอย่างไร เราก็โกหกเพื่อนบอกว่า เธอเอามาให้ฉันร้อยหนึ่ง พรุ่งนี้ฉันจะปั่นให้มันเป็นสองร้อย แต่พอถึงเวลา เอามาแล้ว ปั่นไม่ได้ เราก็เลยบอกว่า อ้อมันยังไม่สำเร็จ โกหกไปอีก แล้วเราก็โกหกไปอีกจนเงินสองร้อยเราใช้ไปเรียบร้อยแล้ว เราได้เงินมาแต่เราเสียอะไรไป (เสียศีลธรรม ความซื่อสัตย์ เสียสัจจะ เสียความบริสุทธิ์ทางกายและทางใจ เสียความรู้สึกในใจที่ดีๆ เสียคุณธรรม)  อย่างเช่นวันนี้อาจารย์ให้การบ้านมา เราไม่ได้ทำเอง ตื่นเช้ามาเดี๋ยวไปลอกเพื่อน พออาจารย์เห็นการบ้านเราอยู่บนเล่มแรกสุด โอ้ทำได้ดีจริงๆ ทำเองไหม เราไม่อยากเสียหน้า เราเลยบอกอาจารย์ว่าหนูทำเอง เพียงเพราะไม่อยากเสียหน้าแต่เราเสียอะไรไป (เสียสัจจะ เสียความเชื่อใจ ขาดความไว้วางใจ เสียใจ)
เสียทรัพย์สิน เสียความบริสุทธิ์ เรารู้อยู่แล้วว่าท่านเสียทรัพย์สิน ทรัพย์สินทำให้เราเสียความเป็นคนไหม ถ้าเราเสียเงินแล้วทำให้เราเสียความเป็นคนไหม (ไม่เสีย) ต้องดูว่าเงินนั้นท่านไปเสียอะไร ถ้าเงินนั้นท่านไปซื้อการพนัน เสียความเป็นคนไหม (เสีย) ถ้าท่านตอบแบบนี้ เราจะตอบว่าท่านตอบถูกต้อง เอาเงินไปเสียการพนันถือว่าเสียความเป็นผู้เป็นคนได้ เอาเงินไปซื้อเหล้า เสียไหม (เสีย)
อยู่ในโลกจะได้อะไรมาง่ายๆ เป็นไปได้ไหม บางครั้งเราต้องยอมเสียเพื่อได้มาใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนวันนี้กว่าจะได้ธรรมะ หรือกว่าจะได้ฟังธรรมะ เราต้องยอมเสียอะไร เสียรายได้ที่ควรจะได้ใช่หรือไม่ เสียเวลาที่น่าจะได้พักผ่อนกลับต้องมา นั่งลำบาก  เราถามท่านต่อว่าหากมีชีวิตกับมีทรัพย์สิน เพื่อให้ได้ทรัพย์สินแต่ต้องสูญเสียชีวิตเอาไหม (ไม่เอา)  เพราะเราต้องเลือกชีวิต  ชีวิตสำคัญกว่าทรัพย์สินใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราถามท่านต่อว่า ระหว่างชีวิตกับคุณธรรม เราเลือกอะไร  ใครเลือกชีวิตยกมือขึ้น ใครเลือกคุณธรรมยกมือขึ้น  เราถามคนที่เลือกคุณธรรมนะ ทำไมถึงยอมทิ้งชีวิตเพื่อรักษาคุณธรรม ชีวิตถ้าหากเทียบกับคุณธรรม คุณธรรมเป็นสิ่งที่ล้ำค่าประเมินค่าไม่ได้ ถ้ามีอะไรมาแลกกับชีวิตแล้วเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิต และสูงส่งกว่าชีวิต ทำไมเราไม่ยอมแลก
ดูง่ายๆ พระพุทธเจ้า เพื่อความเมตตามหาเมตตา ชีวิตที่เสวยสุขได้ ท่านกลับไม่เสวยสุข ท่านกลับยอมลำบากเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นถูกหรือไม่  ถ้าท่านเห็นว่าชีวิตไม่สำคัญ ชีวิตนั้นมีสุขดีกว่า ทำไมต้องลำบากเพื่อผู้อื่น แปลว่าท่านเห็นคุณค่าคุณธรรมสำคัญยิ่งกว่าชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)
ท่านลองคิดให้ดีๆ นะ หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ของจีนโบราณท่านกวนอู ที่ท่านตายเพื่อรักษาสัจจะใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามว่าท่านมีเพื่อนคนหนึ่งมีความซื่อสัตย์มากแม้จะตาย ก็ยอมตายเพื่อความซื่อสัตย์ ดีกว่ากลายเป็นคนโกหก โป้ปดมดเท็จ ตัวท่านก็เหมือนกัน ถ้าถึงเวลาที่จะต้องเลือกระหว่างชีวิตกับความดี ทำไมไม่ทำดี ทำไมยอมเสียความเป็นคนดีเพื่อมีชีวิต
ถ้าท่านมีแฟน แล้วแฟนท่านกลับกลายเป็นคนที่ยอมเสียความเป็นคนเพียงเพื่อจะมีชีวิต ยอมผิดคำพูดเพื่อจะมีชีวิตอยู่ ท่านจะรักไหม มีคนบอกผู้ชายคนหนึ่งว่าถ้ารักผู้หญิงคนนี้ท่านต้องตาย ผู้ชายคนนี้บอกทันที ไม่รัก  ถึงผู้ชายคนนั้นจะรอดกลับมา ท่านคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะรักผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจเหมือนเดิมไหม เพราะอะไร ท่านก็เลือกชีวิต ท่านโกรธเขาไหม ท่านโกรธเขาได้ไหม ถึงเวลา เงินกับลูก แม่เลือกเงินมากกว่าลูก โกรธไหม หัวอกความเป็นลูก (โกรธ)  ทำไมจึงโกรธล่ะ  เพราะอะไร เพราะแม่เห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าคิดให้ดีๆ เพราะแม่มีเงินจึงช่วยชีวิตลูกต่อได้ อันนี้ต่างกันนะถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่ถ้าฝ่ายหญิงมีแฟน ปรากฏว่าผู้หญิงคนหนึ่งเขาก็รักแฟนของท่านเหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นถามแฟนท่านว่า รักเขาไหม ถ้ารักเขาต้องตาย เขาบอกว่าไม่รักเกลียดมันอย่างกับอะไรดี รอดมาแล้วท่านรักเขาไหม  (ไม่)  เพราะอะไร เพราะเขารักชีวิตเขามากกว่ารักเรา แต่ทำไมถึงที่สุดมนุษย์กลับเลือกชีวิตมากกว่าคุณธรรม เลือกตัวเองมากกว่าที่จะช่วยเหลือผู้อื่น แต่ท่านลองคิดดูนะ ถ้าเรามีชีวิตอยู่ เรามีชีวิตเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง คนนั้นแม้จะตายไป เขาก็ไม่ตายไปจากหัวใจเรา คนนั้นจะมีชีวิตอยู่จนกระทั่งเราตายไปด้วย หรือแม้แต่เราตายไป คนคนนั้นก็ยังชื่ออยู่บนโลก ฉะนั้นขอให้ท่านคิดให้ดีๆ ระหว่างคุณธรรมกับชีวิต เหมือนวันนี้มาฟังธรรมะกับกลับบ้านไปนอนตีพุงอยู่ที่บ้าน ดูทีวีอยู่เฉยๆ เราเลือกอะไร (ฟังธรรมะ)  ถ้าพรุ่งนี้มีอีกเลือกไปบ้านหรือมาฟังธรรมะ (มาฟังธรรมะ)  ทำไมพอถึงเวลาจริงๆ มนุษย์กลับเลือกความสบายมากกว่าคุณธรรมที่สูงส่งในจิตใจ คุณธรรมที่สามารถยกระดับให้มนุษย์เป็นคนประเสริฐ ใช่เพราะเห็นแก่ตัวหรือ บางทีก็อาจจะไม่ใช่ เพราะเราไม่ค่อยฝืนอารมณ์ความรู้สึก เพราะคิดว่ามานั่งฟังธรรมะนี้ต้องลำบาก ต้องอดทนใช่หรือไม่ (ใช่)  เราก็เลยไม่อยากลำบาก ไม่อยากต้องอดทนเลยขออยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่าใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถึงเวลาต้องเลือกเดิน ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ขอให้คิดให้ดีๆ ถ้าสิ่งนั้นคือธรรมะ ถ้าสิ่งนั้นคือความดี ทำไมเราไม่ยอมเสียเพื่อให้ได้มา ทำไมเราจึงยอมทิ้งเพื่อหมดคุณค่าของคนไป
เราอยู่ในโลกนี้เคยทำผิดไหม (เคย)  ใครที่เคยทำผิดยกมือขึ้นสิ เราอยากบอกท่านว่า คนที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับว่าตัวเองทำผิด ถือว่ามีดี แต่เมื่อรู้ว่าทำผิดแล้วต้องแก้ไขด้วย จึงจะเรียกว่าดีนั้นทำให้เราเป็นคนประเสริฐ ใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่ใช่ทำผิดแล้วมีแต่แก้ตัว แล้วก็ผัดวันไม่แก้ไข เช่นนี้ย่อมยากจะดีได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)  อย่างนั้นเราถามท่านหน่อยนะ ว่าที่เราทำดีเราทำดีเพราะอะไร มีคนสองประเภท คนหนึ่งทำเพราะว่าละอายและเกรงกลัวต่อบาป คนหนึ่งทำดีเพราะว่าอยากทำให้ตัวเองมีดีแล้วดียิ่งๆ ขึ้น เพราะเคยผิดครั้งหนึ่งแล้ว ต่อไปก็จะทำดีเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองผิดอีก แต่คนประเภทที่สามที่ทำดีเพราะว่าไม่อยากถูกตัวบทกฎหมายลงโทษ คนไหนน่ากลัวที่สุด (คนที่สาม)  ทำไมบอกว่าคนที่สามน่ากลัวที่สุด คนที่ทำดีเพราะว่ากลัวบทลงโทษ คนที่ทำดีแล้วไม่กล้าทำชั่วเพราะว่ากลัวถูกตี คนเช่นนี้ยังไม่อาจเรียกว่าคนดีได้ เพราะถ้าเกิดไม่มีคนเห็น ไม่มีคนรู้ ไม่มีคนฟ้อง คนเช่นนี้ก็อาจจะแอบทำได้ ใช่หรือไม่ แล้วถ้าใครไปฟ้อง เราก็จัดการซะ คนที่แค่กลัวบทกฎหมายลงโทษ กลัวถูกตี คนนี้ไม่อาจเรียกว่าคนดีได้ คนที่ดีต้องดีจากจิตใต้สำนึกในใจ คนที่ดีเพราะละอายเกรงกลัวต่อบาป คนที่ดีเพราะอยากรักษาความดี คนประเภทนี้ไม่ว่าอยู่ต่อหน้า อยู่ลับหลัง มีคนเห็นหรือไม่เห็น เขาก็จะไม่ทำผิด ถูกหรือไม่ คนเช่นนี้อยู่ด้วยแล้วปลอดภัยกว่า แต่ถ้าไปอยู่กับคนที่ทำเพราะว่ากลัวถูกลงโทษ คนเช่นนี้น่าอันตราย ใช่หรือไม่ เพราะถ้าเขามีปัญญาก็คงหาทางหลีกเลี่ยงตัวบทกฎหมาย หาทางพูดแก้ตัว อย่างเช่นผมไม่ผิดนี่เพราะอย่างนี้ เพราะอย่างนั้น หรือไม่ก็หาพยานมา
ฉะนั้นเราอยากจะมีดี เราต้องมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ถ้าคนคนหนึ่ง ไม่ละอายเกรงกลัวต่อบาป คนๆ นั้นยากจะเป็นคนดีได้ ใช่หรือไม่ แต่เราอยากจะบอกท่านอีกอย่างหนึ่งว่า คนที่รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาปคือคนที่เคารพตนเอง แต่คนที่ทำดีเพราะว่ากลัวกฎหมายลงโทษ คนนั้นคือคนแค่เคารพกฎหมาย ฉะนั้นคนที่รู้จักรักษาความดีก็คือคนที่รู้จักเคารพคุณค่าของตัวเอง เมื่อไรที่ทำชั่ว เมื่อนั้นเขาก็คือคนที่ไม่เคารพตัวเอง ฉะนั้นเมื่อไรเราทำชั่วแล้วโดนคนดูถูก อย่าไปว่าเขา เพราะตัวเองไม่เคารพตัวเองก่อน เพราะตัวเองตีค่าตัวเองให้ต่ำก่อน คนอื่นจึงดูถูกเอา ใช่หรือไม่
เราเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่ง มีอาจารย์คนหนึ่งพยายามประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ศิษย์คนนี้ให้จบไปแล้วต้องได้ดี แต่ทุกวันสอนแต่ความดี ทุกวันมีแต่เรื่องดีๆ แต่พอออกไปข้างนอก ศิษย์ของเขาก็เจอคนบอกว่า โอ๊ยดีไม่เห็นดีเลย ทำชั่วดีกว่า แต่อาจารย์สอนแต่ให้ทำดีนี่ วันหนึ่งเขาก็กลับไปหาอาจารย์แล้วถามอาจารย์ว่า ผมทำชั่วได้ไหม อาจารย์ตอบว่า ได้ สอนมาแทบแย่ แต่พอศิษย์ถามอาจารย์ว่าผมทำชั่วได้ไหม อาจารย์บอกว่าได้ แต่ว่าต้องไม่มีใครเห็น แม้กระทั่งตัวเองก็ต้องไม่เห็นด้วย เขาก็ออกไป ดีใจได้ชั่วบ้างแล้ว ทุกวันอาจารย์สอนแต่ให้ทำความดี แล้วก็ทำดี วันนี้อยากชั่วบ้าง แต่ทำอย่างไรตามันก็ต้องเห็น ใช่ไหม เขาก็คิดได้อย่างหนึ่งคือต้องปิดตา แล้วทำชั่วอะไรดี ปิดตาขโมยเงิน ท่านว่าลำบากไหม แต่เขาฉลาดกว่า คิดก่อนตอนเปิดตา เดินกี่ก้าวไปถึงโต๊ะ เดินกี่ก้าวหลบโต๊ะพ้นแล้วออกจากบ้านได้ เขาก็คิดคำนวณเรียบร้อย ถึงเวลาเริ่มปฏิบัติการ ปิดตาก่อน พอปิดตาคำนวณ สามก้าวถึงโต๊ะ สี่ก้าวถอยออกมาแล้วพ้นโต๊ะ แต่เขาลืมคิดไปว่าพ่อ แม่อยู่หรือเปล่า เผอิญก่อนที่เขาจะไปขโมย แม่เอาเก้าอี้มาวางไว้ข้างๆ โต๊ะ ด้วยความที่เขามองแต่ตัวเองว่าวันนี้จะต้องทำชั่ว ก็ปิดตา ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้สถานการณ์นั้นเปลี่ยนไป สามก้าวถึงโต๊ะ สี่ก้าวถอยหลังพ้นโต๊ะ พอมีเก้าอี้สามก้าวจะพ้นโต๊ะไหม (ไม่พ้น)
คราวนี้เขาก็จัดแจงปิดตา ดูแล้วว่าพ่อแม่ไม่อยู่แน่ เดินไปสามก้าว ยังไม่ทันถึงสามก้าวสะดุดเจอเก้าอี้ล้มหน้าคะมำได้แผลมาหนึ่งแผล โอ๊ย! ทำไมมีเก้าอี้นะ ลุกใหม่ อ๋อ โต๊ะยังอยู่ตรงนี้ เดินไปอีกสองก้าว หยิบเงินมา หยิบมาเสร็จเดินออกมา อ๋อมีเก้าอี้ พ้นมาเรียบร้อยแล้ว ได้มาแล้วเงิน พอเปิดตาออกมาดู เป็นอย่างไร เจอแม่ยืนอยู่ ลูกทำอะไร กลัวไหม แต่เผอิญโชคดีที่ใบที่เขาหยิบนั้นเป็นใบเสร็จ คนนี้นี่ทำชั่วไม่ค่อยขึ้นเลยนะ เขาเลยบอกว่า ผมกำลังเล่น คิดว่าเขาจะตอบแม่ว่าอย่างไร จะบอกว่าผมกำลังเล่นหรือจะพูดความจริง ถามท่านนะ จะพูดความจริงหรือจะพูดโกหก นิทานนี้ยังไม่จบนะ ถามท่านก่อนถ้ามีคนจับได้ท่านจะพูดความจริงหรือจะพูดโกหก (พูดความจริง)  พูดความจริงกับแม่ว่า (ไปขโมยเงิน)  เลือกที่จะพูดความจริง (พูดโกหก)  โกหกว่า (กำลังปิดตาอยู่)  ตอนแรกจะโกหกว่าลูกกำลังทำอะไร (โกหกว่าจะไปเดินเล่น) แล้วเอาใบเสร็จแม่ไปทำอะไร แล้วทำไมต้องปิดตา (เพราะมันสว่างเกินไป)  ตอบแล้วรู้สึกดีไหม (ไม่ดี)
เราจะบอกให้นะว่า คนไหนมีชีวิตไม่สามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้ คนนั้นจะเจอกรรมทันตาเห็น เกิดเป็นคนความซื่อตรงต้องรักษาให้ยิ่งชีวิต  ถ้ารักษาไม่ได้ชีวิตนี้ก็ยากจะมีความสุข  ยอมรับไปเถอะ ผมอยากลองทำบาปดู แต่รู้แล้วว่าทำบาปแล้วรู้สึกไม่ดี พอถึงวันรุ่งขึ้นเขากลับไปที่โรงเรียน แม่เขาจะตามไปที่โรงเรียนเพราะไปดูว่าอาจารย์สอนอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาเราทำผิดไม่ใช่ตัวเราเองเดือดร้อนคนเดียว คนที่อยู่รอบข้างก็พลอยเดือดร้อนไปด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าคิดนะว่าเราทำบาปแล้วพ่อแม่ไม่กลุ้มใจไม่เสียใจ คนที่สอนเราไม่เดือดร้อน อาจารย์สอนผิดไหม (ไม่ผิด)  อาจารย์สอนไม่ผิด ศิษย์คนนั้นจะรู้ซึ้งเลยว่าในโลกนี้ทำบาปไม่ให้ใครเห็นได้ไหม (ไม่ได้)  เราปิดตาตัวเองแล้ว ไม่เห็นแล้วนะ ถามจริงๆ เราเห็นไหม (เห็น)  ปิดตาเราก็ยังเห็น  หรือแม้กระทั่งปิดตาเราแล้วเราไม่เห็น แต่คนอื่นเห็นไหม เห็นแล้วทำทำไม
แต่เพราะอะไรอาจารย์จึงสอนบทเรียนนี้ มนุษย์เรานี่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ฉะนั้นพูดส่งไปเลยดีไหม ใครอยากตาย ไปเลยไปตาย ลูกอยากชั่ว ไปเลยลูกไปชั่ว ได้ไหม (ไม่ได้)  แต่เราต้องรู้จักสอนและรู้จักชี้นำในทางที่ถูก สอนแบบนี้แล้วศิษย์คนนั้นกลับมาเจออาจารย์แล้วถามว่า “อาจารย์มันทำได้ที่ไหนล่ะ ทำให้ไม่มีคนเห็นผมยังเห็นเลย ปิดตาผมก็ยังเห็น”  แล้วอาจารย์ก็ยิ้มแล้วตอบศิษย์ว่า “ก็รู้นี่” แต่ถ้าอาจารย์บอกศิษย์เชื่อไหม (ไม่เชื่อ) อาจารย์ห้าม ศิษย์เชื่อไหม (ไม่เชื่อ) ฉะนั้นอาจารย์บอกแบบนี้ศิษย์จะได้รู้ว่าอะไรคือความดี อะไรคือความชั่ว มนุษย์เราถ้าไม่ได้ทำอะไร คนนั้นดูเป็นคนดีจัง แต่ถ้าเมื่อไรทำสิ่งใดสักอย่าง ความดีเริ่มลดลง เพราะอะไรดีจึงลด เราอยู่เฉยๆ เรารู้จักเพื่อนคนหนึ่งเห็นเขาทั้งตัวทั้งตนเรารู้สึกว่าเขาดี แต่ถ้าเกิดยิ่งคบกันไปนานๆ ทำไมเราเริ่มเห็นข้อไม่ดี นั่นแปลว่ามนุษย์ถ้าไม่ทำอะไรเลยสามารถเป็นคนดีที่แท้ได้จริงหรือไม่  เราอยากบอกว่าจริง ถ้ามนุษย์ไม่ทำอะไรเลยมนุษย์ก็เป็นคนดีได้ แต่ในความเป็นจริงของมนุษย์เราอยู่เฉยๆ ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ฉะนั้นเราต้องมีการกระทำอยู่ตลอดเวลา ช่วงที่กระทำขอให้คิดหน่อยว่า ทำแล้วตัวเองได้ประโยชน์แล้วคนอื่นเดือดร้อนไหม ถ้าทำแล้วตัวเองได้ประโยชน์แต่คนอื่นเดือดร้อนขอให้คิดก่อนทำ ถ้าทำแล้วตัวเราไม่ได้ประโยชน์แต่คนอื่นได้ประโยชน์ทำไหม (ทำ)  ฉะนั้นชั่วขณะที่เราทำขอให้คิดหน่อยนะ ถ้าเกิดว่าทำแล้วเขาก็ได้ เราก็ได้ทำไปเถอะ แต่ถ้าเกิดว่าเขาได้แต่เราเสียเอาไหม โดยพื้นฐานมนุษย์ไม่เอา ใช่หรือไม่ แต่การเกิดเป็นคนบางครั้งต้องยอมเสียจริงไหม (จริง)  อย่างเช่นที่เราทำมาแทบตายเราทำเพื่อลูกไม่ใช่หรือ แล้วยอมทำไหม (ยอม)  แต่บางครั้งเราทำแล้วเพื่อผู้อื่นทำไมไม่ยอมบ้างล่ะ ทำแล้วได้เป็นคนเมตตา ทำแล้วได้เป็นคนรู้จักให้ ไม่เป็นคนที่ตระหนี่ถี่เหนียว ทำไมไม่ทำใช่หรือไม่ (ใช่)  อยู่ด้วยกันถ้าเกิดว่าคนนี้มีแต่ทำเพื่อตนเองแต่ไม่เคยเผื่อแผ่เพื่อผู้อื่น คนนี้เราก็ไม่อยากคบ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ชีวิตของมนุษย์ทุกคนต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เมื่อก้าวไปแล้วเราต้องรู้จักว่าตอนใดควรหยุด ตอนใดควรพอ ถ้าเกิดว่ามีชีวิตเอาแต่ก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ถึงเวลาหยุดไม่รู้จักหยุด ถึงเวลาพอไม่รู้จักพอ การที่ทำแบบนั้นสักวันหนึ่งจะทำให้ตัวเองต้องทุกข์ และต้องรู้จักหยุดสักทีใช่หรือไม่ (ใช่) 
เราเปรียบเทียบตัวอย่างง่ายๆ ชอบฟังนิทานใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นเราเล่าให้ฟังอีกเรื่องหนึ่ง  อายุมากขนาดไหนฟังนิทานก็เข้าใจง่ายกว่าใช่ไหม (ใช่)  ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนแต่ไม่ค่อยจะตกสักเท่าไร ช่วงฤดูฝนถ้าเข้าป่าจะเก็บอะไรได้ดี (เก็บเห็ด)  นอกจากเก็บเห็ดแล้ว ถ้าเจอป่าไผ่ล่ะ เก็บอะไรได้ดี (หน่อไม้)  มีชายคนหนึ่ง บ่ายคล้อยแล้วออกไปเดินเที่ยว ปรากฏว่าเดินเข้าไปเจอกับป่าไผ่ ต้นฤดูฝนป่าไผ่จะออกหน่อไม้เยอะใช่ไหม (ใช่)  พอเดินเข้าไปก็เจอหน่อไม้เต็มไปหมดเลย แต่ตอนนี้บ่ายเกือบจะค่ำแล้ว ถ้ากลับบ้านไปเอามีดมาตัดหน่อไม้ก็คงไม่ทันแน่ ทำอย่างไรดี อารามกำลังดีใจ มีดไม่มียังมีมือ แถมมีสองมืออีกต่างหาก มีดไม่มีมือก็ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) เอามือขุด แล้วก็แงะมันออกมา กว่าจะแงะได้ทีละอันยากไหม ใครเคยตัดหน่อไม้บ้าง ยากไหม ตัดยากนะ แต่ถ้าใช้มือยิ่งยากใหญ่ ยอดแล้วยอดเล่ากว่าจะได้แต่ละยอดนี่ลำบากไหม แต่อารามที่ดีใจอยากได้ มือเด็ดจะได้สวยไหมแต่ละยอด บางทียังไม่ทันถึงโคนก็เด็ดได้แค่นิดเดียว แต่ด้วยความที่ว่าถ้ากลับไปเอามีดแล้วเดี๋ยวกลัวค่ำ แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วมีคนตัดก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็เลยมีแรงเท่าไรเด็ดให้หมด มีเท่าไรก็หาๆ แต่ทำอย่างไรได้ ยิ่งหาก็ยิ่งเหนื่อย ค่ำก็ค่ำแล้ว แต่ด้วยความอยากได้ เด็ดมาได้ทำอย่างไรดี ไม่มีอะไรใส่ เด็ดมากๆ คันไหม แต่ตอนนั้นลืมคัน เด็ดได้เท่าไรยิ่งดี ได้เงินเยอะ ขายแล้วได้ราคาดีใช่หรือไม่ (ใช่)  พอเด็ดได้มากก็หิ้ว ถอดเสื้อออกมาใส่หน่อไม้ กางเกงมีกี่กระเป๋าก็ซุกหน่อไม้เต็มตัวไปหมด ตรงขอบกางเกงก็ซุกหน่อไม้ ซุกเต็มตัวเดินๆ ไปกว่าจะกลับบ้านมืดไหม (มืด)  ยิ่งมืดแล้วถือของพะรุงพะรังอีก เดินยังไม่ทันถึงบ้านล้มตึง ไปหลายตลบ พอถึงบ้านเหนื่อยสายตัวแทบขาด กว่าจะได้หน่อไม้มาเท่านี้ แต่พอดูหน่อไม้แต่ละยอดตัดไปตัดมาเหลือแค่นี้ แบ่งไปแบ่งมาเหลือแค่นี้ ขายได้ไม่พอกิน กลายเป็นเอามากินมากกว่าเอามาขาย พอรุ่งขึ้นต้องไปซื้อยามารักษาอาการคัน นิทานเรื่องนี้จบแล้วนะ ได้อะไรจากนิทานเรื่องนี้ไหม ได้ธรรมะอะไรจากเรื่องนี้ มนุษย์นั้นบอกว่าชีวิตต้องไปหาเงิน แต่เวลาหาแล้ว มีใครไหม หาแล้วไม่หลงเงิน ไม่หลงโลภ ไม่มีใช่หรือไม่ 
เราอยู่ในโลกนี้แสวงเพื่อบำรุงเลี้ยงชีวิต ใช่หรือไม่ แต่ไม่ใช่แสวงจนตาย ต้องรู้จักหยุด รู้จักพอ แล้วก็รู้จักประเมินตัวเอง ประมาณตัวเอง ไม่ใช่หาจนทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นทุกข์ หาแล้วทำให้ตัวเองต้องลำบากทีหลัง ใช่หรือไม่ เวลาเราหา หาอย่างไรที่หาอย่างพอดี หาแล้วไม่เป็นการโลภจนเกินไป
มีใครบ้างที่อยู่ในโลกนี้แสวงหาแล้วรู้จักพอ ตอนไหนชีวิตที่ควรรู้จักพอ ตอนตายแล้วค่อยพอหรือ บางทีจะตายอยู่แล้วยังห่วงอยู่อีก ใช่หรือไม่ บอกว่าเงินอยู่ตรงโน้นนะ เงินอยู่ตรงนี้นะ อย่างนี้เรียกว่าคนปลงได้ไหม เหนื่อยจนตาย ใช่หรือไม่ ฉะนั้นบางครั้งต้องรู้จักหยุด ต้องพอบ้าง ตอนไหนที่เราควรพอ หาเช้ายันค่ำ ใช่ตอนตายถึงจะพอหรือ หมดแรงทำถึงจะพอหรือ ทำตั้งแต่เช้ายันค่ำไม่เคยนอนพัก ค่ำเสร็จตอนเช้าทำต่อ ตอนเช้าเสร็จทำต่อยันค่ำ ตอนไหนกันแน่ที่ควรพอ อย่ารอตอนตายแล้วค่อยพอ ตอนเป็นต้องรู้จักพอก่อน แล้วเราจะไม่เหนื่อยจนตัวตาย
หากวันนี้ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยก็หยุดเสีย เมื่อไรเหนื่อยจงหยุด เมื่อไรเหนื่อยจงพอ เราก็รู้ตอนไหนเหนื่อย ไม่ใช่เหนื่อยแล้วก็ยังทำไปอีก เงินที่หามาได้ก็กลายเป็นค่ารักษา ฉะนั้นมีชีวิตอยู่แสวงหาได้ แต่หาแล้วต้องรู้จักพอเป็น รู้จักหยุดเป็น ไม่อย่างนั้นการแสวงหาจะฆ่าเราตายทางอ้อม
เรื่องสุดท้ายก่อนที่เราจะจากกัน บางท่านนั่งฟังมาจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าธรรมะคืออะไรใช่ไหม เราอยากบอกว่าทุกชีวิตต่างมีธรรม ธรรมคือความเป็นจริงของชีวิต คนทุกคนมีเกิดแก่เจ็บและตายอยู่ในตัวตนทุกคน ในเกิดแก่เจ็บตายนั้นเป็นธรรม เรามีธรรมอยู่ทุกขณะ ผมเรามีธรรมไหม (มี) เนื้อเรามีธรรมไหม (มี)  ถ้ามีคำว่าเกิดแก่เจ็บตาย ทุกสิ่งคือมีธรรมหมด แต่เราจะมีแค่มีธรรม หรือมีธรรมแล้วทำให้เราเป็นผู้ประเสริฐ มีธรรมแล้วทำให้เราหลุดพ้นการเกิดตาย แล้วธรรมอะไรล่ะที่มากกว่า และทำให้เราเป็นผู้ประเสริฐและหลุดพ้นการเกิดตายได้ นั่นก็คือความเมตตา ความซื่อสัตย์ ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีไหมในตัวท่าน มีแต่ไม่ค่อยได้ทำใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่ว่าวันนี้ไม่ต้องพูดถึงขั้นหลุดพ้น พูดง่ายๆ แค่เพียงว่าเรามีธรรมแล้ว จะทำให้เราไม่ต้องทุกข์ ชีวิตนี้ทุกข์ไหม ทุกข์เรื่องอะไรบ้าง อย่าบอกนะว่าทุกข์เพราะไม่มีเงิน ทุกข์เพราะเรื่องอะไรที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต (ทุกข์เพราะความแก่ และความเจ็บ)  ความแก่กับความเจ็บอะไรทุกข์มากกว่ากัน (ทุกข์เพราะเจ็บ ทุกข์เพราะเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกข์เพราะไม่มีคนที่เรารัก และไม่มีคนที่รักเรา)  แล้วเราเคยรักใครหรือยัง ถ้าเรารักจนถึงที่สุดไม่ต้องกลัวไม่มีคนรัก (ทุกข์เพราะกลัวตาย)  ทำไมกลัวตายล่ะ (เพราะว่าตายแล้วไม่รู้ไปไหน)  เราอยากรู้ไหมว่าตายไปจะไปไหน ต้องมองดูปัจจุบันเราทำอะไร จริงไหม ถ้าปัจจุบันเราทำดี ตายไปจะไปตกนรกหรือ มันก็ไม่ใช่ ฉะนั้นอย่ากลัวตาย (ทุกข์เพราะไม่รู้จักปล่อยวาง, ทุกข์เพราะเรามีลูกหลานเยอะ) ใช่ลูกหลานเยอะแล้วทุกข์หรือ (กลัวเขาหากินไม่ราบรื่น) เพราะเป็นห่วงใช่หรือไม่ แต่ท่านเคยได้ยินไหมว่า หาทรัพย์สมบัติให้เขาแทบตาย ถ้าเกิดเขาไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทำก็เปล่าประโยชน์
ท่านเคยได้ยินไหมว่า ทุกคนมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง ท่านพยายามขีดให้เขา แต่ถ้าเขาไม่เดิน ห่วงไปก็เหนื่อยเปล่า (ทุกข์เพราะเป็นห่วงคนที่รัก)  แล้วต่อไปจะห่วงอีกไหม (ก็ห่วง) อย่างนั้นก็ต้องทุกข์ต่อไป แล้วอยากพ้นทุกข์ไหมต้องทำอย่างไร ปล่อยได้ควรปล่อย ห่วงได้ควรห่วง ห่วงเป็นบางเรื่อง (ทำดีแล้วไม่ได้ดี กลับโดนคนว่า) อย่างนี้ไม่ต้องทุกข์หรอก มีใครในโลกไม่โดนนินทา มีใครในโลกไม่โดนว่า ทำดีก็ถูกว่า ทำไม่ดีก็ถูกว่า อย่างนั้นทำใจดีกว่า (ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ)  ตอบได้ดี ถ้าเราไม่มีความอยากก็จะพอได้ (ทุกข์เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจในอริยสัจ 4)  แล้วทุกข์มาจากไหน (มาจากไม่ปฏิบัติในหัวข้อสี่ข้อในอริยสัจ 4 คือไม่รู้จักคำว่าพอ มีความโลภ มีตัณหา ต่อไปก็ไม่รู้จักดับ แล้วก็ไม่รู้จักที่จะปฏิบัติในทางที่เป็นสุข คือในทางที่ชอบ)  ตอบได้ดีเหมือนกันแต่อริยสัจ 4 จะบอกว่าทุกข์มาจากไหน แล้วจะดับอย่างไร ใช่หรือไม่ อริยสัจ 4 บอกว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุแห่งทุกข์ อะไรคือทางดับทุกข์ และอะไรคือทางพ้นทุกข์ แล้วทุกข์เกิดจากไหน รู้หรือยัง (ทุกข์เกิดจากตัณหาหรือความโลภ)  ทุกข์เพราะเกิดจากตัณหา เกิดจากความอยากใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราทุกข์เพราะอยากอย่างเดียวไหม ทุกข์เพราะกิเลส แล้วทุกข์เพราะอะไรอีก ทุกข์ที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์คือกลัวความพลัดพรากใช่หรือไม่ (กลัวชดใช้กรรม)  มนุษย์เรามีความทุกข์ที่ต้องเกิดขึ้นเหมือนกันทุกๆ คนคือ เกิดแก่เจ็บตาย แล้วทุกข์ที่น่ากลัวที่สุดคือ (ความตาย)  เราจะบอกท่านว่า ทุกข์ที่เรียกว่า “ตาย” ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ความตายทำให้เรารู้ว่าเวลามีค่า ความตายทำให้เรารู้ว่าชีวิตนี้ต้องสร้างคุณค่าให้กับชีวิตมากที่สุด ความตายทำให้เราได้คิด ความตายทำให้เรารู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และความตายยังทำให้เรามีวีรบุรุษ มีวีรชน ความตายยังทำให้เรารู้จัก

พระพุทธองค์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นความตายคือ “ครูของเรา ความตายคือผู้มีพระคุณของเรา” ถ้าบรรพชนไม่ยอมตายจะมีเราในวันนี้ไหม (ไม่มี)  ถ้าวันนี้เราไม่ยอมตายจะมีลูกหลานต่อไปไหม (ไม่มี)


ฉะนั้นอย่ากลัวตาย ถ้าชีวิตนี้ทำดีจนถึงที่สุด ความตายก็คือการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติไปเท่านั้นเอง แล้วเรากลัวอะไร (กลัวการเวียนว่ายตายเกิด)  กลัวตายแล้วต้องกลับมาเกิดไหม เราว่ายังไม่ทันกลัวตรงนั้น แต่ท่านกลัวตายมากกว่าใช่หรือไม่ (ใช่)  เราอยากบอกท่านว่าทุกขณะที่เราเจริญเติบโต เรามีความเสี่ยง มีความตายอยู่ทุกขณะจิต เราโตหนึ่งขวบก็ตายหนึ่งขวบ เราโตหนึ่งปีเราก็ตายอีกหนึ่งปี ใช่หรือไม่ (ใช่)  หากชีวิตคือจุดเริ่มต้น ความตายก็คือการกลับไปสู่จุดเริ่มต้นนั้น หรืออาจจะเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า การตายของสิ่งหนึ่ง เพื่อการเกิดของอีกสิ่งหนึ่ง นั่นแปลว่ามันเป็นกฎธรรมชาติ เหมือนผิวอันหนึ่งออกไป แต่มีผิวอีกอันหนึ่งขึ้นมาแทน ผมเส้นหนึ่งร่วงไป แต่ผมอีกเส้นหนึ่งก็มีขึ้นมา ฉะนั้นความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวถูกหรือเปล่า เหมือนเรายกตัวอย่างอีกอย่างหนึ่งนะ ตอนเช้ากับตอนเย็น ใครชอบตอนเช้า ใครชอบตอนเย็น ทำไมจึงชอบตอนเช้า เพราะเรารู้สึกว่าตอนเช้าคือการเริ่มต้น การสร้างสรรค์ใช่หรือไม่  (ใช่)  ตอนเย็นคือการพักผ่อนนอนหลับใช่หรือไม่ (ใช่)  ความตายก็เหมือนกับตอนเช้ากับตอนเย็น เราเลือกได้ไหมว่า ชีวิตฉันจะมีแต่ช่วงเช้าไม่มีช่วงเย็น (ไม่ได้)  ชีวิตมีแต่ช่วงเย็นไม่มีช่วงเช้าได้ไหม (ไม่ได้)  อย่างนั้นเราก็ต้องยอมรับความจริงว่า ชีวิตเมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ เราจะอยู่ระหว่างการเกิดตายอย่างไร เมื่อไรที่จากเกิดแล้วต้องกลายเป็นตาย เรารับความจริงได้ไหม ถ้าวันหนึ่งเรามีแขน แล้ววันหนึ่งแขนเกิดตายไป แขนตายแปลว่ามันใช้การไม่ได้ เรารับความเปลี่ยนแปลงได้ไหม มนุษย์รู้ว่าเกิดคืออะไร ตายคืออะไร แต่มนุษย์รับความเปลี่ยนแปลงบนโลกไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงทำให้มนุษย์ทุกข์ อย่างเช่น เขาเคยอยู่กับเราดีๆ แต่พอเขาเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี เรารับ (ไม่ได้)  เราทุกข์ ฉะนั้นกฎธรรมชาติจึงสอนท่านไว้ว่า เมื่อไรที่พยายามรักษาสิ่งหนึ่งให้คงอยู่ เราต้องยอมรับความเป็นจริงด้านตรงกันข้ามของอีกสิ่งหนึ่งให้ได้ด้วย ทำใจได้ไหม อย่างเช่นฉันหน้าตาอย่างนี้ วันหนึ่งเปลี่ยนแปลงกลายเป็นหน้าตาเหี่ยวย่น รับได้ไหม ถ้ารับได้คงทุกข์น้อย ถ้ารับไม่ได้คงทุกข์มาก
วันนี้มีคนที่ท่านรัก แต่สักวันหนึ่งคนที่ท่านรักต้องเปลี่ยนไปไหม ต้องดับไหม (ดับ)  แล้วช่วงที่เขาเปลี่ยน รับได้ไหม ถ้าช่วงเปลี่ยนรับได้ ช่วงที่ดับก็สู้ไหว แต่ถ้าเกิดช่วงที่เปลี่ยนรับไม่ได้ ช่วงที่ดับก็สู้ไม่ไหว จริงไหม (จริง)  แต่ก่อนมีเงินดีใจไหม (ดีใจ)  แล้วเงินมีวันดับไหม ดับคือ (หมดไป)   แต่ก่อนที่มันจะหมดไป มันเหลือแค่ครึ่งเดียว พอเหลือครึ่งเดียวแล้วมันหมดแล้วสู้ไหวไหม ไม่ไหวก็ต้องไหว
ชีวิตเคยอยู่กับเราแต่ตอนนี้ชีวิตตกอยู่ในเวรกรรมทำใจได้ไหม รับไม่ได้หรือ รับไม่ได้ต้องทำให้ได้ เมื่อความเปลี่ยนแปลงมาสู่มนุษย์เป็นบทเรียนเตือนให้มนุษย์รู้ว่า มนุษย์กำลังเดินไปสู่ความตาย เมื่อเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตแล้วเราต้องสู้กับมันสิ ยอมรับความจริงอย่าหนี คนที่หนีคือคนโง่ คนที่กล้ารับความจริงแล้วคิดว่ามันคือชีวิต มันคือธรรมชาติ คนนั้นจะสามารถเอาชนะความทุกข์ในโลกได้ ยากไหม (ไม่ยาก, ยาก)  ไม่ยากนะ ถ้าท่านยอมรับความจริง ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นถ้าเกิดพรุ่งนี้จะต้องตายกลัวไหม (ไม่กลัว)  คนที่กลัวแปลว่ายังไม่ดี จริงไหม คนที่ตายได้แม้กระทั่งวันนี้แปลว่าถึงพร้อมในความดี
ฉะนั้นในวันนี้มาฟังธรรมะเพื่ออะไร เพื่อทำให้เราเป็นคนดี เพื่อทำให้เราไม่ประมาท และเพื่อทำให้เรารู้จักหาทางดับทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  และถ้าเราหาได้ การจะไปช่วยเหลือคนอื่นยากไหม (ไม่ยาก) แต่ถ้าตัวเองยังดีไม่ได้ จะไปช่วยใครให้ดีได้ ตัวเองยังพ้นทุกข์ไม่ได้ แล้วจะไปช่วยใครให้พ้นทุกข์ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ตอนนี้ท่านรู้หรือยังทางดับทุกข์คืออะไร (ไม่ต้องเกิด)  แต่เราทำได้ไหม ไม่เกิดความรัก จะได้ไม่หลงและไม่ต้องทุกข์เพราะรัก ไม่เกิดความโกรธ จะได้ไม่ทุกข์เพราะโกรธแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่เกิดความอยาก เพราะถ้าอยากมากไปแล้วทำให้เหนื่อยสายตัวแทบขาด หรืออยากมากไปแล้วกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ก็จะอยากน้อยหน่อย ดีหรือไม่ (ดี)
ฉะนั้นเมื่อไรจะรักจงรู้ที่จะรัก เมื่อรักใครจงมองให้ออกว่าเขามีอะไรที่น่าเกลียด แล้วความรักนั้นจะทำให้เราไม่หลง จริงไหม (จริง)  รักแล้วต้องเห็นว่าเขามีอะไรน่าเกลียด แล้วเราจะหลงเขาไม่มาก จะรักเขาแบบไม่ทำร้ายตัวเอง จริงไหม (จริง)  เมื่อไรที่เราเห็นคนที่เราเกลียด เราจะไม่เกลียดจนกระทั่งโกรธและแช่งชักหักกระดูกถ้าเราเห็นว่าเขาก็มีดี  ฉะนั้นความทุกข์ไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่เรารู้จักสู้กับมันหรือเปล่า เท่านั้นเอง ยอมรับความเปลี่ยนแปลงให้ได้ เพราะความเปลี่ยนแปลงคือชีวิต ความดับคือความจริง ใช่ไหม (ใช่)  รักลูกขนาดไหน ถึงเวลาลูกต้องเปลี่ยนแปลงไหม (เปลี่ยน)  เราก็ต้องยอมรับให้ได้
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “พลังแห่งยามเช้า”)  คำนี้มีความหมายว่าอะไรรู้ไหม  ยามเช้าเป็นการเริ่มต้น ยามเช้าคือสิ่งใหม่ ทุกชีวิตมีแต่วันนี้ ขณะนี้ ไม่มีพรุ่งนี้ เวลาเช้าคือเวลาแห่งการสร้างสรรค์ เวลาแห่งการเริ่มต้น ถ้าวันนี้เราต้องเจอยามเช้า คิดเสียว่าเราจะเริ่มต้นทำอะไร เราจะสร้างสิ่งใด ชีวิตคือการสร้างไม่ใช่ทำลาย แล้วเราจะสร้างสิ่งใดให้กับชีวิต ก่อนที่ชีวิตนี้จะถูกทำลายลง สร้างสิ่งที่ดีเพื่อประโยชน์ของมวลชนดีกว่าไหม (ดี)  สร้างหนทางดับทุกข์ให้กับผู้อื่นบ้างได้ไหม (ได้)  คงไม่ยากเกินไปใช่หรือไม่ (ใช่)  ขอให้ทุกวันคือเช้าวันใหม่ ทุกวันคือวันใหม่ วันใหม่ในการเริ่มต้น วันใหม่ที่มีจิตใจใหม่ๆ สดใส ร่าเริง ได้หรือเปล่า (ได้)  ทุกข์คือของเมื่อวานแล้ว วันนี้คือวันใหม่ เราคงเข้มแข็งและสู้ชีวิตอยู่ทุกๆ ขณะ
แม้วันนี้จะไม่ได้มีโอกาสผูกบุญสัมพันธ์กับพระอาจารย์ หรือเซียนองค์อื่นๆ แต่วันนี้ก็ยังได้ผูกบุญสัมพันธ์กับเรา ท่านอยากรู้ไหมว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไร เราอยากบอกท่านว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือคนที่เกิดมาแล้วรู้จักทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าเพื่อตัวเอง ชีวิตนี้ทั้งชีวิต ตัวเองไม่มีสุขไม่เป็นไร ขอให้คนอื่นมีสุขแค่นี้ก็เรียกว่า “พระพุทธะบนแดนดิน”  แล้วท่านคิดว่าท่านเป็นไม่ได้หรือ เป็นได้นะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยู่ที่ว่าจะพอเพื่อตัวเองหรือยัง แล้วการพอจะไปทำเพื่อผู้อื่นบ้างหรือไม่ ใช่ไหม (ใช่)
วันนี้เราคงมาผูกบุญสัมพันธ์แค่นี้ บำเพ็ญธรรมเพื่อช่วยตัวเองและเพื่อช่วยผู้อื่น บำเพ็ญธรรมเพื่อขัดเกลาตัวเองให้เป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม พยายามไม่ทำสิ่งผิด รักษาแต่สิ่งที่ดีให้คงอยู่กับตัวเองให้นานๆ ได้ไหม คงไม่ยากใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เวลาทำดีขอให้เข้มแข็ง เจอเพื่อนว่า เจอเพื่อนด่า อดทนได้ไหม (ได้)  คนที่ดีที่แท้จริง คือ แม้อดข้าวหนึ่งมื้อก็จะเอาดีให้ได้ แม้จะต้องถูกด่าถูกเหยียบย่ำก็จะรักษาความดีให้อยู่ แม้รีบร้อนขนาดไหน ความดีก็ต้องมีให้จงได้ คนเช่นนี้แหละคือคนที่ดีโดยแท้จริง ไม่ใช่จะอดตายแล้ว ยอมไม่ดี คนเช่นนี้หาใช่ดีไม่ เราเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้เป็นคนดีได้  แล้วมีโอกาสคงนำความดีนี้ไปช่วยให้คนอื่นได้ดียิ่งขึ้นด้วย  ถ้าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนไม่ดี และทำให้คนอื่นได้ดี ทำไหม (ทำ) ยอมโดนด่า ยอมโดนตำหนิว่าร้ายได้ไหม (ได้)  ถ้าคนเช่นนี้ยอมได้ คนเช่นนี้ก็ดีได้ แต่ถ้าคนเช่นนี้ยอมไม่ได้ คนเช่นนี้ก็หามีดีได้ไม่ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
อย่าคิดว่าเรามาแสดงละคร หรือเล่นละครหลอกลวงเลย ไม่สนุกหรอกนะ เราทำแล้วได้อะไรล่ะละครบทนี้ เรามาเพราะอยากปลุกจิตใจอันดีงามให้ตื่นขึ้น เมื่อตื่นขึ้นแล้วจงเอาจิตใจอันดีงามนี้ไปช่วยคน ช่วยเขาก็คือช่วยเรา ถ้าเขาเดือดร้อนแล้วเราไม่ช่วย ภัยนั่นแหละจะกลับมาหาตัวเรา ถึงเวลาเราก็คงต้องไปแล้ว อย่าคิดว่าเรามาหลอกลวงเลยนะ เรามาเพราะหวังดีจริงๆ อยากให้ท่านได้ดีและเป็นคนดีในสังคม ที่พยายามจะช่วยกันผลักดันให้สังคมนี้มีดียิ่งๆ ขึ้นไป ถึงเวลาก็คงต้องกลับแล้ว รักษาความดีดุจเกลือรักษาความเค็มนะ




พระโอวาทซ้อนพระโอวาท   “พลังแห่งยามเช้า”

    เกิดตายเป็นเพียงพริบตาอย่าเมามัว      
ความดีชั่วอยู่ที่ตัวเลือกทำได้
เกิดเป็นคนจงหัดทำตัวง่ายง่าย              
คนตื่นใจไม่ท้อในสิ่งที่ทำ
ชีพคนเอ๋ยเริ่มขึ้นที่ยามเช้า                   
กลายต้องเบาแรงลงในยามค่ำ
โลกของคนบ้างดูก็น่าขำ                     
หรือน้ำตาตกในไม่รู้ตัว

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา