วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2543

2543-09-10 สถานธรรมหยูซื่อ ไมอามี่ (ไม่สมบูรณ์)


  วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน  2000 สถานธรรมหยูซื่อ ไมอามี่

 พระโอวาทพระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย
จงรักกันดั่งพี่น้องร่วมอุทร   รู้ผ่อนหนักผ่อนเบาถ้อยทีถ้อยอาศัย
อย่าได้หน้าลืมหลังให้เหนื่อยใจ    ทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็กหลานคนดี
               เราคือ
  พระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่สถานธรรมสกุลหลวี่ แฝงกายประณตน้อม
องค์มารดา ถามหลานปราชญ์น้อยน้อยมีความสุขกันหรือเปล่า
วนเวียนว่ายตายเกิดมาแสนนาน อยากกลับบ้านหรือไม่หลานทั้งหลาย
คนมีทุกข์น้อยกว่าสุขเสมอไป เชื่อว่าพ่ายก็จะพ่ายหลานเมธี
เราจะไม่ว่าใครเขาเป็นอย่างไร  แต่ว่าใจดีชั่วแห่งตนนี้
หากคนไม่สามารถอยู่ด้วยสันติวิธี  ผิดหลักฟ้าพูนชีพมีแต่วุ่นวาย
ประโยชน์สร้างคุณค่าให้แก่สิ่งนั้น   จงเท่าทันกิเลสตนก่อนจะสาย
เบื่อบ้างไหมดรีจะต้องรู้พาย   อย่างมงายทำผิดทั้งทั้งที่รู้
จิตหลงไปใจประมาทขาดแก่นสาร เหล้าพนันผลาญคนไฟมีเชื้ออยู่
ยอมรับกลับใจทางตันคว้านประตู   ปัญญาชูโล่งคืนมาเป็นคนเดิม
                           ฮา  ฮา  หยุด

พระโอวาทพระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย

    ง่วงนอนไหม นั่งฟังธรรมะง่วงนอนแล้วเวลานั่งดู•เวลานั่ง ทำงานง่วงนอนไหม ว่า เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ  แต่ถ้าเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าฟัเราก็จะไม่รู้สึก ง่วงนอนเลย ใช่หรือไม่(ใช่)คนที่อยู่ที่นี่มีความเป็นอยู่สบาย แต่มัก จะใช้ความสะดวกสบายภายนอกนี้มากดจิตใจไว้ จนไม่รู้ว่าจิตใจของเรา อยู่ในสภาพเช่นไรแล้ว   สมมติว่าจิตใจเราเหมือนผลไม้ลูก???? ถ้าเอา ของหนักๆมากดไว้ หรือเอาของเบาๆมากดไว้ นานเข้าผลไม้ลูกนี้จะ บี้แบนไหม  ตอนนี้จิตใจของเราก็เป็นแบบนี้ เราเอาสิ่งต่างๆที่เป็น ความสะดวกสบาย แม้กระทั่งเรื่องตาของเราจะบังคับให?ตาลืมหรือหลับ ก็ต้องเอากาแฟมากดไว้   จิตใจของเราน่าสงสารไหม แล้วต้องทำ อย่างไรถึงจะช่วยจิตใจที่น่าสงสารของตนเองนี้  เวลาเราเห็นคนน่า สงสาร  เราอยากช่วยเขาไหม(อยาก) แล้วตอนนี?ระหว่างตัวเรากับ คนอื่นใครน่าสงสารกว่ากัน(ตัวเรา)   ถ้าเทียบระหว่างพุทธะกับตัวเรา ตอนนี้ใครน่าสงสารกว่ากัน(ตัวเรา)   มีพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำเร็จไป ด้วยรูปกายของขอทานก็มี พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธ??ที่สำเร็จไปด้วยลักษณะของ คนหลังค่อมอย่างเราก็มี แต่ว่ารูปกายภายนอกไม่น่าสงสาร ถ้าจิตใจ เป็นอิสร?เสรี แต่ว่าหลานๆนั้นจิตใจไม่ได้เป็น?????เสร? แม้ว่าร่างกาย จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรองรับมากมาย  ก็ยังน่าสงสารอยู่ด? ฉะนั้นการที่จะมองให้ดีว่าใครน่าสงสาร เราลองมาดูตัวเราเองว่าเรา น่าสงสารกว่าไหม  ทุกๆวันเพื่อหาเงินทอง  หาสิ่งที่ต้องการ  หาสิ่ง อำนวยความสะดวก จนไม่มีเวลาเป็น???ของตัวเองแล้ว มาฟังธรรมะ แค่สองวันยังสละเวลาให้ไม่ได้ ดูเหมือนว่าหลานๆจะใ?้เวลาทุกวัน???? มีค่าใช่หรือไม่ (???) เวลาทุกๆวันผ่านไป อย่างมีค่าจริง???? (ไม่จริ) แต่เวลาให้เราฟังธรรมะ ให้เราบำเพ็ญธรรมเราก็ทำไม่ได้ เราก็ให้เวลาไม่ได้   เวลาของแต่ละคนนั้นมีเท่ากัน  แต่• จิตใจของเราไม่เหมือนกัน   ???ใช้เวลาทุกๆ วัน????มีค่าไหม   ก็ยัง ไม่มีค่าเท่าไร แต่เราก็เสียดายเวลาหนึ่งวันของเรามากๆ•???•??ทุกๆวัน ที่เราใช้ไป เราก็ไม่ได้ใช้ให้เต็มที่ อย่างนี้สละเวลามาสองวันก็ไม่ใช่ เรื่องยากเกินไปใช่หรือไม่(ใช่)  เพราะถ้าหากเอาเวลามารวมๆกัน เวลาที่เราไม่มีประโยชน์เท่าไ สองวันนี้ก็คงจะไม่มากเกินไป  
    จงรักกันดั่งพี่น้องร่วมอุทร    รู้ผ่อนหนักผ่อนเบาถ้อยทีถ้อยอาศัย
อย่าได้หน้าลืมหลังให้เหนื่อยใจ ทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็กหลานคน??
   เห็นได้ว่ากลอนบทนี้ประกอบไปด้วยคำที่เป็นสุภาษิต  คำที่เรารู้ อยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเราเท่านั้นเ? ในสองวันนี้  ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดอะไร ไม่ว่าอาจารย์บรรยายธรรมพูด อะไร  ไม่ว่านักธรรมอาวุโสพูดอ??? เราจะทำเป็นเหมือนสุภาษิตหรือ คำพังเพยนี้ไม่ได้ คือเป็นคนได้หน้าลืมหลังไป ทำอย่างนี้ไม่ได้ เราต้อง พยายามเก็บ   สิ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บอก       สิ่งที่อาจารย์บรรยายธรรม อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมบรรยาย เก็บมาใส่ใจจำไว้ แล้วนำไปปฏิบัติ ให้ได้ เพื่อให้เกิดคุณค่าขึ้น จะได้ไม่เสียเวลาหนึ่งวัน ให้ผ่านไปอย่าง ไม่มีประโยชน์ เข้าใจไหม
    ความสุขเป็นอย่างไร รู้จักไหม หลานได้รู้จักความสุขที่แท้จริงแล้ว หรือไม่ ??พวกเราอยู่เฉยๆ เราจะได้รับความสุขไหม ทำอย่างไรล่ะ (ค้นคว้าปฏิบัติธรรม) ที่ทุกวันนี้ทำมาพอหรือยัง(ยังไม่พอ) ต้องลงแรง เพิ่มใช่ไหม การลงแรงไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ทำอะไรเลย แต่หมายความว่าต้องทำทุกอย่างที่ขวางหน้า
คนในโลกนี้แม้เป็นเศรษฐีก็ไม่มีวันพอ??• แล้วเมื่อไหร่จะพอล่ะ วินาทีนี้ต่อไปเลยดีไหม(ดี)ถ้าหากมีเงินน้อยก็ ใช้น้อย มีอาหารน้อยก็กินน้อย มีเสื้อผ้าน้อยก็ใช้เท่าที่มี ไม่มีรถก็ต้อง เดินมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยล่ะ คำว่าสะดวกตรงข้ามกับอะไร  ถ้าหากว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกน้อย  ก็ต้องมีความลำบากมาก  แล้ว มนุษย์ทุก?คนก็กลัวคำว่าลำบากนี้ แล้วก็สรุปเอาว่าถ้ามีความลำบากมาก ก็ไม่มีความสุขใช่ไหม(ใช่) จริงๆแล้วถามว่าความสะดวกสบายกับความ ยากลำบาก อะไรกันที่ทำให้เราเหลิง(ความสะดวกสบาย) แล้วเรา เคยเห็นคนเวลาเหลิงกับคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนไหม คนไหนดีกว่ากัน (คนอ่อนน้อมถ่อมตน) แล้วเรายังอยากเป็นคนเหลิงอีกหรือ(ไม่อยาก)  ไม่อยากก็ต้องมีความลำบากบ้างใช่ไหม(ใช่) แล้วเวลาเรามีความยา? ลำบาก เราจะบอกว่าไม่มีความสุขไหม อยากได้ทั้งเป็นคนไม่เหลิง แล้วก็อยากได้ทั้งความสุขมากๆใช่ไหม(ใช่) คนอย่างนี้เรียกว่าคนอะไร (คนโลภ) รู้จักความโลภดีแค่ไหน    คนส่วนใหญ่นั้นโลภทุกคนแต่เก็บ สีหน้าไว้ใช่ไหม(ใช่)เพราะทุกคนมีความโลภ ทุกคนจึงมองออกว่าคนนี้ กำลังโลภ เห็นด้วยไหม(เห็นด้วย) ฉะนั้นเวลาเราจะปิดใคร เราคิดว่า เราเก่งขนา?ปิดได้ถึง100%ไห?   แสดงว่าคนอื่นก็มองเราออกใช่ไหม เมื่อเราคิดว่าเขามองเราออก เราไม่อยากให้เขามองเห็นความโลภ ของเราเราจึงต้องไม่โลภ ท่องไว้ในใจ เมื่อเราไม่โลภ    คนอื่นก็ดู ไม่เห็นความโลภของเรา  ถึงดูเท่าไหร่ ก็มองไม่เห็นความโลภของเรา เพราะว่าเราไม่โลภ     นี่แหละเป็นสิ่งที่คนบำเพ็ญธรรมจะต้องทำ   จริงๆแล้ว คนที่บำเพ็ญธรรมไม่ได้ทำอะไร ที่ผิดแปลกแตกต่างจาก ความเป็นจริงหรือหลักสัจธรรม   การบำเพ็ญธรรมได้เข้าสู่การบำเพ็ญ หลักสัจธรรมที่แท้จริง เพียงแต่ว่าคนทุกวันนี้เห็นคนอื่นไม่โลภ ก็คิดว่าเขา คงจะแสร้งทำ   เห็นคนอื่นมีความสุขก็คิดว่าเขาคงจะแสร้งสุข เวลาเรา เห็นเขามีความทุกข์ เราก็กลับยืนมองเฉยๆ นี่เป็นสิ่งที่คนบำเพ็ญธรรม ควรจะละเว้นทั้งสิ้น  การบำเพ็ญธรรมก็เป็นเรื่องง่ายๆไม่มีอะไรยาก  แล้วทำไมเราถึงไม่อย   เรียบง่าย และใช้ได้กับชีวิตประจำวันของเราทุกวัน ไม่ใช่ว่า จะต้องมาบำเพ็ญที่สถานธรรมทุกวัน คนจุดธูปไหว้พระทุกวัน แต่ว่าจิตใจ ของเราไม่ได้มีพระอยู่ภายใน  ต่อให้จุดธูปไหว้พระทุกวัน   ก็ไม่ใช่ว่า พระจะคุ้มครองได้  สำหรับคนที่ไม่ได้จุดธูปไหว้พระก็อย่าใช้เป็นข้ออ้าง ว่าพระอยู่ในใจแล้ว   ทุกๆวันก็เลยไม่เข้ามาไหว้พระ  อย่างนี้ก็ไม่ได้
 มนุษย์ในโลกนี้เอาใจยาก พอสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดในหลักสัจธรรมก็เก็บ ไว้อ้างพอสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดแล้วไม่เห็นด้วย ก็ไม่เอาไปใช้  ในที่สุดแล้ว เราก็กลายเป็นคนที่เอาใจใครไม่ได้ เราต้องหัดอย่างหนึ่งก็คือ การที่ มองข้ามจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดของผู้อื่นไปบ้าง อย่าได้เรียกร้องว่า ทุกๆอย่างที่เราเห็น ทุกๆอย่างที่เราจับได้จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะว่าตัวเราเอง??มีทั้งความดีและความชั่วอยู่ในใจ คนอื่นที่เรามอง เขาก็อาจจะมีข้อบกพร่องได้ ถ้?หากว่าเราเรียกร้องจ????????ว่า??? ต้องสมบูรณ์100%ตัวเราก็ต้องสมบูรณ์100%เหมือนกัน ใช่หรือไม่(ใช่) แล้วเป็นไปได้ไหม(เป็น????????) ถ้าเป็นไปไม่ได้เราก็อย่าไปเรียกร้อง ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
 คนที่ร่ำรวยก็เพราะเมื่อก่อนนี้ทำมาหากินไว้     ทำงานหาเงิน  คนที่ยากจนก็เพราะว่าใช้จ่ายไปจนหมด ฉะนั้น ทุกๆอย่างเป็นเหตุเป็นผล เราอยากที่จะมีมรรคผล อยากที่จะเป็นพุทธะ มัวแต่หาเงิน  ทำงาน จะได้เป็นพุทธะไหม (ไม่ได้เป็น)  ต้องทำอย่างไรล่?
เมื่อสักครู่นี้กลอนนำ ที่เราผู้เฒ่า?????? เกี่ยวกับเรื่องของการอยู่ ร่วมกัน การบำเพ็ญธรรมในสมัยนี้   ให้หลานๆมาอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก เรานั้นจึงต้องรู้จักที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ เพราะถ้าเราอยู่ร่วมกั?คนอื่น เขาได้ เราก็จะบำเพ็ญธรรมได้   ฉะนั้น การอยู่ร่วมกันจะต้องโอบอุ้ม ประคองจิตใจให้แข็งแรง ถ้อยทีถ้อยอาศัย หมายถึงอะไร ???แปลว่า คำพูด แปลว่าทุกๆคำพูดของเรา เราจะต้องระมัดระวังใช่หรือไม่ เราจะให้คนอื่นระมัดระวัง โดยที่ตัวเราไม่ระมัดระวังได้ไหม (ไม่ได้) แล้วเราจะเรียกร้องคนอื่น หรือเราจะเรียกร้องตัวเองล่ะ (ตัวเอง) เวลาพ่อแม่อยากให้ลูกไม่สูบบุหรี่   แต่ว่าพ่อยังสูบอยู่ ลูกสูบตามไหม  ถ้าหากว่าเราอยากให้ลูกใช้เงินอย่างประหยัด    แต่ตัวเรายังใช้เงิน ฟุ่มเฟือยอยู่ ลูกจะทำตามไหม ฉะนั้นการที่จะทำสิ่งใดแม้แต่ลูกเราเอง ยังเรียกร้องลำบากการเรียกร้องจึงต้องเรียกร้องกับตัวเองก่อน  การบำเพ็ญธรรมก็เช่นเดียวกัน เรียกร้องจากผู้อื่นไม่ได้ มีแต่เรียกร้อง กับตัวเ? ถ้าหากว่าเราเรียกร้องจากคนอื่น เวลาคนอื่นทำ แล้วเรา ไม่ทำ เราก็ต้องเกิดความละอายใจ ใช่หรื????
การอยู่ร่วมกัน ต้องทำเรื่องใหญ่ให้ ทุกวันนี้เรา ถนัดทำเรื่อง????ให้เป็นเรื่องใหญ่ใช่ไหม ใหญ่ยิ่งขึ้นๆ จนไม่รู้ว่าเรื่องนั้น? เริ่มขึ้นมาจากตรงไหนแต่หากว่ามองทุก?เรื??? เราจะเห็นได้อย่างชัด? ว่าปัญหาเกือบทุกปัญหา เรามีส่วนร่วมของความวุ่นวายของปัญหานั้นๆ ทั้งสิ้น คนบำเพ็ญธรรมก็ทำง่ายๆ คือการเรียกร้อง???ตัวเองก่อน
     ยังมีคำว่า???????????   ทำไมถึงต้องย้อนมองส???? ปกติก็ มีแต่คำว่ามองส่องกระจกใช่หรือไม่   การมองส่องกระจกก็คือการมอง ไปที่????? แต่การย้อนมองส่องตนนั้นมิต้องใช้กระจกแต่ต้องใช้จิตมอ การมองส่องกระจกให้ลืมตามอง หากไม่ลืมตามองก็มองไม่เห็น แต่การ ย้อนมองจิตให้หลับตา   หลับตาแล้วใช้จิตของเรามองตัวเราเอง เวลา เราหลับตา  ปกติเราจะคิดไปต่างๆนานา   คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านๆมา คิดถึงเรื่องราวไม่สมใจปอง คิดถึงความวุ่นวาย คิดถึงความสุขในอดีต คิดถึงลูกที่ไม่เชื่อฟังเรา หรือว่าคิดถึงปัญหาเงินทองทั้งหลายก็ดี แต่ว่า ตอนนี้ต้องเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างแล้ว คือการหลับตาแล้วมองให้เห็นว่าเรา นั้นมีความผิดอะไรบ้าง ไม่มีใครเกิดมาโดยไม่เคยทำความผิด ทุกๆคน ทำความผิดมาแล้วทั้งนั้น แต่ว่าทำอย่างไรเราถึงจะมองเห็นความผิด ของเราเอง เวลาคนอื่นเขาอยากเตือนเรา เขาว่าเรา เราก็ไม่ชอบ ฟังคำที่เป็นความจริง เราไม่ยอมรับฟัง ฉะนั้นให้คนอื่นเตือนก็เป็นการ ชี้โพรงให้กระรอก
เราต้องหมั่นมองหาความผิดของตัวเอง เมื่อเราเห็นความผิดของ ตัวเองเมื่อไหร่ เวลาถูกคนอื่นว่าเราผิด เราจะเกิดความรู้สึกละอายใจ ตามมา ถ้าหากว่าเราไม่เคยเห็นสิ่งที่ผิดพลาดของตัวเอง อะไรที่คนอื่น ว่าเรา ว่าเราผิดอย่างนั้น เราย่อมไม่อยากฟัก็อย่างที่บอก  ไม่มีใคร ไม่เคย??? ทุกคนมีความผิดทั้งนั้น ฉะนั้นเราจึงต้องพยายามที่จะเปิดใจ ให้กว้าง พยายามที่จะมองตัวเองให้เห็น และเห็นได้ชัด   เห็นให้ชัด เหมือนที่เราเห็นผิวกายของเรา ว่าเรามีรูขุมขนมากเท่าใด แล้วเห็น ให้ชัดว่ายังมีก้านของความผิด ยังมีก้านของความบาปมากเท่าไหร่ ที่อยู่ บนพื้นที่ของจิตใจของเรา
    •   เพราะว่าพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นผู้ที่สะอาดแล ??•?? ?ราก็จำเป็นที่จะต้องขัดเกลาจิตใจของเร?ให้สว่า ถ้าหลอดไฟ ??ละอองฝุ่นติดอยู? หลอดไฟหลอดนี้จะสว่างไห?  ตอนนี้จิตใจของเรา มีฝุ่นติดอยู่ แต่ว่าฝุ่นนี้มีชื่อว่ากิเลส    ติดอยู่ในจิตใจของเรามากมาย จิตใจของเรา??สว่างไหม (ไม่สว่าง)
วันนี้มาที่นี่พูดถึงเรื่องการบำเพ็ญธรรม คนที่บำเพ็ญธรรม จุดมุ่งหมาย ก็เพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด คนที่จิตใจเต็มไปด้วยกิเลสคนที่ จิตใจไม่สะอาดและไม่สว่าง สามารถหลุดพ้นได้ไหม(ไม่ได้) ให้คนอื่น ขัดให้ได้ไหม(ไม่ได้)   แม้แต่เราผู้เป็นพุทธะสิ่งศักดิ์สิ•ธิ?   พูดเท่าไหร่ ถ้าหากว่าหลานๆไม่ทำ หลาน?ก็??ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้   
ในยุคนี้เป็นความโชคดีของหลานๆเอง ที่ได้เกิดมาทันการโ หมายความว่าได้รับการเปิดประตูเกิดตายตั้ง ต่ อ????   ย ัง ?ไ ด้ ริ่ บำเพ ็ญ เราจึงไม่รู้สึกว่ามีค่า???เท่าไหร่ในทำนองเดียวกัน ??อยากจะรู้ว่ามีดคมไหม ก็ยังต้องลองหั่นด? อยากจะรู้ว่าธรรมะนี้แท้ไหม ก็ต้องลองปฏิบัติ?? ไม่ปฏิบัติก็ไม่บรรลุ การปฏิบัติก็ไม่ได้เสียเวลาอะไร แค่เจียดเวลาฟังธรรมะบ้าง     บำเพ็ญจิตใจของตัวเราให้สว่าง?? แค่นี้เป็นการยากไหม ไม่ยากเลยนะไห รา ก็ ช้ ีว ิต?? ??????ัน ? ???ไม่ค่อย คุ้ม ค่า ???เท่าไหร่ อนนี้ เราเพิ่มก บำเ พ็ญธรรมเข?ามา ทำเพื่อผู้อื่นให้มาก ทำเพื่อตนเองให้น้อย     วามสุขจริงๆนั้น  เกิดขึ้นในยามที่เรานั้นทำเพื่อผู้อื่นมา? •           แต่หากทุกวันๆก็ทำเพื่อตนเองทั้งสิ้น   แม้จะช่วยผู้อื่นก็ยังคำนวณ ผลประโยชน์ตีกลับมาให้ตัว??  จิตใจที่จะ         ช่วยผู้อื่นอย่??•???? ความสุขที่เกิดในจิตใจก็จะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง 
ประโยชน์สร้างคุณค่าให้แก่??????? สิ่งที่หลานๆหากันทุกวันนี้ มีอยู่ สิ่งหนึ่งที่หากันทุกวันเลยเรียกว่าเง?? จริงๆแล้ว ???เป็นเพียงกระดาษ ใช่หรือไม่ ???•?????? ???????ด้วย คำว่า ??? ก็จะ???นว่า ประโยชน์ สร้างคุณค่าให้แก่??? เพราะว่า เงินนั้นสามารถบันดาลได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ใช่หรือไม่(ไม่ใช่) ถึงแม้ท่านจะตอบว่าไม่ใช่   แต่ทุกๆ วันที่อยู่นั้นใช่  ทุกๆวันที่หลานอยู่ มีเงินนั้นคือมีทุกอย่าง ทีนี้เรามามองทางธรรมเราจะ แทนสิ่งนั้นด้วย แทนด้วยคำว่าเ  เป็นอย่างนั้นไหม   ???•จิตใจของเราเองอย่างไม่มี ประโยชน์ ความจริงจิตใจนั้นก็ควรที่จะเป็นประโยชน์  แต่ในความเป็น จริงอีกเหมือนกัน •??ทุกวัน??? เราใช้จิตใจ ของเราอย่างไม่มีประโยชน์ เรียกว่าทุกวันก็คือเงิน เอาจิตใจของเราไปเคร่ เอาจิตใจ ของเร?ไปกลัดกลุ้ม   เอาจิตใจของเราไปเกียจคร้าน สิ่งใดควรคิด ไม่ยอมคิด สิ่งใดไม่ควรคิดก็เฝ้าแต่คิด ใช่ไหม(ใช่) เพราะฉะนั้น จิตใจ ของเราจึงไม่มีประโยชน์  แต่ว่า ที่พูดเรื่องเงินก็เพื่อให้เราได้เห็นชัดๆ ว่าเรานั้นควรที่จะทำจิตใจของเราให้มีประโยชน์ ???สามารถบันดา?ได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง   เ งิ บั ? ้ท ุก สิ่ ที่ ป็ กาย??? ไม?สามารถบ ัน ? ุข ด้   ส่ นั้ ถบั ? ด้ ุก ย่ างที่ ภายใน  รวมถึงความสุข  รวมถึงสุขภาพที่แข็งแรง 
ถ้าหากว่าทุกๆวัน เราหมั่นคิดถึงผู้อื่นแต่ในทางที่ดี เป็นคนมองโลก ในแง่ดี ทุกๆวันมองให้เห็นจิตใจของเรา ว่าจิตใจของเรานั้นควรที่จะได้ รับการแก้ไข เปลี่ยนแปลง และปรับปรุงมากเท่าไหร่ คนๆนั้นก็จะเป็นคน ที่ส่งผลออกมาข้างนอก ก็คือตัวเองนั้นเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ตัวเอง นั้นเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงาม วันทั้งวันก็นั่งยิ้มได้ตลอดวั? นี่คือคนที่มีจิตใจ ที่มีประโยชน์ คนที่รู้จักใช้จิตใจของตัวเอง แต่ว่าการที่จะให้จิตใจ มีประโยชน์ขนาดนี้ต้องปรับปรุงอย่างไร เมื่อไหร่ที่คิดว่าจะเกลียดก็ต้อง ตีตัวเองหนึ่งทีเป็นการเตือนสติตัวเอง       แต่อย่าตีแรงจ?เกินไปนะ เพราะตีแรงเกินไปจะกลายเป็นไม่กตัญญู
เราผู้เฒ่ามา ก็ต้องแจกผลไม้ให้กับหลานๆทุกคนเก็บไว้ทาน ส้ม เป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ  เมื่อทานส้มแล้ว จะได้ทำให้น้ำที่หล่อเลี้ยงจิตใจ ของเรานั้นชุ่มชื้น  จะได้มีจิตใจบำเพ็ญกันได้อีกหลายๆปี  
ปัญญาชูโล่งขึ้นมาเป็นคนเดิม   คนที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่   คนที่เล่น การพนันนั้น จิตใจของเราจะรู้สึกหนักอึ้ง เวลาที่เรา?มาเหล้า หัวของ เราหนักๆไม่สบายเลย   สติของเราก็ขาดผึงเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนแรกก็เรากินเหล้า ตอนหลังก็เหล้ากินเรา   เพราะฉะนั้น  การที่ บอกว่าเรานั้นจะเป็นคนเดิมได้     เราต้องงดสิ่งที่เป็นอบายมุขก่อน  คนเดิมคือคนก่อนที่จะเมาเหล้า   คนเดิมคือ คนก่อนที่จะเล่นการพนัน  คนเดิมคือคนก่อนที่หลงโลกีย์อันนี้ 
คนที่อยู่ใกล้ธรรมะมากแต่ว่าไม่ได้ไปถึงสวรรค์นั้? เพราะเขา มีธรรมะไว้เป็นเพียงสิ่งประดับประดา   มีธรรมะไว้เพียงเปลือกนอก แต่ไม่ได้มีธรรมะไว้ในจิตใจ   เมื่อทำสิ่งใดไปก็ทำไปเพราะรักหน้า  คนเขาเรียกให้ทำอะไรก็ทำไปเพราะกลัวเสียหน้า   ธรรมะไม่ได้อยู่ ในจิตใจของเขาจริงๆ ในที่สุดแล้วชีวิตนี้จบลง   บุญกุศลไม่ได้เกิดขึ้นจริง คนๆนี้แม้จะทำบุญมากกว่าใครแต่ก็ไปไม่ถึงไหน   แล้วหลานน้อยๆที่อยู่ที่น?? ตอนนี้เดินๆมาจนถึงธรรมะแล้ว ยังไม่ทันศึกษา   ก็ไม่รู้ว่าธรรมะจริง หรือเปล่า ก็จะเดินเลยธรรมะไปแล้ว   อย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไรที่ เราจะได้รู้ธรรมะ  การบำเพ็ญธรรมก็ขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งสิ้น???????? เจียดเวลาหาโอกาสให้กับตัวเองหน่อยโอกาสที่ได้มานั่งอยู่นั้นจะได้ ไม่ต้องริบหรี่ๆลงไป 
คนที่?????มาสองวันอยู่แล้ว ก็ขอให้มาให้ครบ ให้สมกับที่ได้ ตั้งใจเจีย?เวลาไว้ ส่วนคนที่ตั้งใจมาวันเดียว คราวหน้ามีโอกาส??ต้อง รู้จักเจียดเวลาให้กับตัวเองนะ  
สถานธรรมที่นี่หากใครมีเวลาว่างก็ให้ขยันมา   ส่วนคนที่อยู่ที่นี่ อยู่ก็ต้องขยันไหว้พระ   ขยันดู   ขยันรู้  ขยันมอง    (ร้องเพลง เทียนกลางทะเลทราย เป็นการกราบส่ง)
รักษาตัว   รักษาใจให้ดี   วันหลังมีโอกาสค่อยพบกันใหม่


 วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2000

  พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  ขุมพลังของมนุษย์คือจิตใจ  คนที่ใช้แต่อารมณ์ย่อมล้มเหลว
    ชนะใจตนเองได้ดีไม่เลว      คว้าน้ำเหลวเพราะไม่เอาจริงกับตน
          เราคือ
 จี้กงสงฆ์วิปลาส อาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ผู้เมตตา   ลงสู่แดนโลกีย์   แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนง่วงนอนหรือเปล่า

คนติดดินกลายดิ้นรนกันไม่หยุด ปัญหาฉุดทั้งทุกข์ทนอาจแค่เริ่ม
แลกชีวิตเพื่อชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม  พันธะเพิ่มสิ่งใดทำใครลวงตน
    ความสำเร็จกลับน้อยแม้นแสนเหนื่อยม?? ฝืนลำบากไม่สูญหายให้ใจหล่น
    ทางโลกหนาอย่าทุ่มไปทั้งกมลผิอดทนเพื่อเงินตราจะบ้าไป
    อย่ามองแค่เพียงดำขาวเข้านิยม คงอารมณ์เรียบเรียบเนิ่นนานแฝง
                                    -ขวนขวาย
    กลางติดขัดจิตธรรมอยู่แห่งใด   บำเพ็ญใจธรรมดาคือครองธรรมทุ?วัน
    มุ่งมั่นจะเป็นพุทธะย่อมเป็นพุทธะ มุ่นมั่นอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น
    มุ่งมั่นจะทำดีย่อมดีพลัน เพียรทุกวันคงสมดังใจปอง
                                    ฮา ฮา หยุด

    หมายเหตุ:กลอนที่ขีดเส้นใต้พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมแต่ง


  โลกคือละคร ต่างคนละทาง ทุกอย่างกอบโกยหาตัว  แค่คล้อยหลังกัน   หักหลังพ้นตัว  มิอาจหยุดจึงแสนเหนื่อย   หลงปล่อยความดีสูญเปล่า รักแต่ตนเองเท่านั้น  ทำไมจึงมิยอมเปลี่ยน  ชำระจิตก่อนจะสายไป
  แค่สำนึกพอ   ไม่มีสายเกิน   ทุกอย่างต่างมีทางของตัว  อย่าเดินหลงไป    ข้ายังล้นใจ          รอศิษย์สักวันต้องกลับมา  มิหวั่นบำเพ็ญสูญเปล่า   ว่าแต่บำเพ็ญบ้างไหม  มิหวั่นบำเพ็ญสูญเปล่า  แล้วศิษย์บำเพ็ญหรือเปล่า

เพลง : โลกคือละคร
ทำนองเพลง : รู้สึกอย่างไรหรือเปล่า



พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ความนัยของ 1 ก็คือให้ยืนขึ้นใช่หรือไม่ (หัวหน้าชั้นทำหน้าที่นับ 1, 2, 3 เพื่อให้จังหวะในการยืนขึ้น, นั่งลง) ความนัยของ ก็แปลว่า ให้นั่งลง แล้วเวลาเรามาฟังธรรมะทำไมเขาต้องบรรยายหัวข้อเมื่อครู่นี้ ให้เราฟังล่ะ   หัวข้อเมื่อสักครู่นี้หมายถึงอะไร (พระมหากรุณา????ณของ เบื้องบน และพระคุณแห่งพระอาจารย์) การที่เรารู้ประวัติสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่ใช่ให้เราศึกษาเหมือนกับอ่านหนังสือนิทาน   เหมือนกับอ่านการ์ตูน หรือว่ารู้ไว้เฉยๆ  แบบทำนองรู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม  ไม่ใช่อย่างนั้น  แต่การรู้ประวัติสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อที่เราจะได้เจริญรอยตาม เลือกในสิ่งที่ เราสามารถที่จะทำตามได้ ประวัติชีวิตท่านตั้งเป็น????ปี เราฟังเพียง แค่ไม่ถึง??ชั่วโมง เราจึงยังจับเนื้อความไม่ได้   ไม่รู้ว่าความนัยของ การพูดหัวข้อนี้ให้ฟังนั้นคืออะไร เหมือนถามว่?ซันแปลว่าอะไร ก็แปลว่า ???  ไม่ได้แปลว่านั่งลงเลยใช่ไหม เราไม่รู้ว่? จริงๆแล้วเราควรที่จะ เข้าใจความหมายว่า ??? หรือเข้าใจความหมายว่า นั่งลง ถึงจะถูกต้อง กว่ากัน เพราะฉะนั้น การที่เราได้ศึกษาหัวข้อที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้ก็เพื่อได้รู้ และปฏิบัติตาม 
ในชั่วโมงกว่าที่ฟังมานี ้ ในหัวข้อที่ฟังมา ไม่ว่าจะกี่นาทีก็แล้วแต่ เราลองคิดว่าตรงไหนที่เราเลียนแบบตามอย่างไให้มีความอดท?)ปกติเราจะทนเฉพาะเรื่องที่เราทนได้เท่านั้น ใช่หรือเปล่า(ใช่) ส่วน เรื่องที่เราทนไม่ได้ เราก็ไม่ทนใช่ไหม   อย่างนั้นแสดงว่าเรายังไม่ได้ ใช้ความอดทน  ถ้าใช้ความอดทน   หมายความว่าเรื่องที่เราทนไม่ได้ เราก็ต้องพยายามทนให้ได้ ถ้าไม่มีความตั้งใจ จะสามารถอดทนได้ไ??
      ดังเรื่องราวของผู้อาวุโสที่ฟังมาเมื่อครู่นี้ประวัติของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ฟังมา  ถ้าหากท่านไม่มีความตั้งใจ จะอดทนมาถึงวาระสุดท้ายได้??? ฉะนั้นคนที่อยากจะมีความอดทนนั้น   จึงต้องเป็นคนที่มีความตั้งใจสูง (พระอาจารย์เมตตาพูดกับหัวหน้าชั้น) ศิษย์ของอาจารย์มีความตั้งใจสูง ไหม (พอประมาณ) ตอนกินเจรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง(รู้สึกดี) ตอนเลิก กินเจรู้สึกเป็นอย่างไร(ปวดท้องเหมือนเดิม) จึงบอกว่าถ้าเราทน??? ในเรื่องที่เราทนได้ ก็เรียกว่าเราใช้ความอดทนเพียงความ อดทนธรรมดาที่เรารู้จัก แต่ถ้าเราอดทนในสิ่งที่เราทนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ้อ ที บีบ ัง คั ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่ไม่ เอื้ออำนวย   ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยหลักต่างๆ•??บีบบังคับเรา ให้เราจะต้องเป็นไ ์นั้น แต่หากเราสามารถ ท? ได้ จึง ถือว่าเราเป็น ผู้ ่ม ีความ ย่ ท้ จริง หมายความว่า ไม่ว่าจะ เจอสิ่งใดๆ   ก็สามารถ ที่จะบังคับจิตใจของตนเองได้ ไม่ถู ้อ บั งค ับ ให้ จิตใจ ของเรา เปลี่ยนแปลงความตั้งใจนั้นๆ 
กฎเกณฑ์ทุกกฎเกณฑ์มีข้อยกเว้น มนุษย์ชอบพูดแบบนี้ ใช่ไหม(ใช่)  การบำเพ็ญธรรมก็อาจจะมีข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่การยกเว้น ไม่ใช่การยกเว้นที่เข้าข้างตัวเอง การยกเว้นเพื่อให้ตัวเองสบายหรือ ว่าการยกเว้นเพื่อเอาแต่ใจตัวเอง  ดื้อรั้นไปตามจิตใจนั่นไม่เรียกว่า เรายกเว้นได้อย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้? สองวันนี้ที่เรา??นั่งฟังธรรมะ จำเป็นที่จะต้องฟังแล้วให้รู้ความหมายว่า เขาเปิดประชุมธรรมสองวันนี้ เพื่ออะไร(เพื่อให้เราเรียนรู้)   ?ารที่เรานั่งฟังสองวันนี้ก็เพื่อให้เรา นำไปปฏิบัติได้   ถ้าหากว่าเราปฏิบัติไม่ได้ ถ้าเราทำไม่ได้ ก็จะไม่มี ผลเสียกับเรา  แต่จะไม่มีผลดีกับเราด้วย   ถ้าหากคนที่ทำได้ก็มีข้อดี กับตัวเอง                   ให้เปรียบเทียบ ระหว่างคน??คน
(พระอาจารย์เมตตา ให้อาจารย์บรรยาย และนักเรียน ออกมายืนหน้าชั้น) สมมติว่าคน?นี้ ตั้งใจทำงานหาเงินทางโลก อย่างชนิดเอาเป็นเอาตาย ก่อนแก่ก็ร่ำรวยมหาศาล ส่วนคนนี้ก็ทำงานธรรมะ และก็ตั้งใจทำงาน ธรรมะ เงินก็มีพอใช้บ้างไม่พอใช้บ้าง   แต่ว่ามีความสุขดี พอ??คนนี้ จบชีวิตศิษย์คิดว่าคนไหนไปสูงกว่าก?? (คนที่ทำงานธรรมะ)ศิษย์อยากเป็น คนไหน(คนที่ทำงานธรรมะ)ถามว่าเวลาบำเพ็ญธรรมใครเลือกทางเส้????(ตัวเอง) เวลาบำเพ็ญธรรมะ มีความยากลำบากไหม(ยาก) แล้วตอนนี้ จะให้ใครเลือกเส้นทางชีวิตให้กับเรา (ตัวเอง)   แล้วเราอยากเลือก เส้นทางตามแบบอาจารย์บรรยายธรรม หรือเลือกเส้นทางของ ญาติธรรมท่านนี้(แบบอาจารย์บรรยายธรรม)ทุกคนอยากจะเลือกเส้นทาง แบบอาจารย์บรรยายธรรมหมด   ตอบเองใช่ไหม  
มีคนตอบว่าสายกลาง สายกลาเป็นยังไ (ต้องพิจารณาสิ่งนั้น ให้ถี่ถ้วน) ใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว(56ปี) เหลือเวลาอีกกี่ปี(ไม่ทราบ)   คนเราพออายุสัก70 ปีบำเพ็ญไหวไหม (ไม่ไหว) อาจารย์สมมติให้เวลาที่จะบำเพ็ญอีก 20ปี   เป็นอาย? 76 ปี จะเลือกเส้นทางสายไหน(สายกลาง)   •??ไม?ตอบนี่เลือกอะไร (ถามนักเรียนหญิงหมายเลข2:   สายกลาง แต่ว่าจุดประสงค์ต่างกัน) คนนี้ยังเหลือเวลาอีกหลายสิบปี ยังบอกกลางไหว   อาจารย์ก็รู้ว่าศิษย์ บางคน??ต้องตอบว่าสายกลาง   ที่นี้อาจารย์จะเอาสายกลางมาให้ดู (เชิญอาจารย์บรรยายธรรม และนักเรียนในชั้นคนเดิมออกมายืนใหม่) คนนี้ทำงานธรรมะ ทุ่มเทเพื่อผู้อื่น คนนี้ทุ่มเทเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว ของตัวเอง กลางระหว่าง2คนนี้คืออะไร(ที่ว่าง) ความนัยของที่ว่างนี้ คืออะไร จับ??คนนี้มาบวกกันแล้วหารครึ่ง ทางสาย กลางนี้คืออะไร(ความว่างเปล่า) ความนัยของความว่างเปล่า?ี้ คืออะไร คนนี้ทำงานธรรมะมาก ????คนนี้ทำงานทางโลกมากเอามาบวกกันก็คือ มีทั้งทางธรรมและทางโลกทั้งสองอย่าง ถ้าหากจะให้ทำทั้งงานธรรม และงานทางโลก ก็รู้สึกว่าหนักนะ เพราะฉะนั้นตัดครึ่งหนึ่ หมายความว่า ครึ่งหนึ่งธรรมะ ครึ่งหนึ่งทางโลก   ให้ไม่มีข้างไหนที่หนักมากเกิ??? ก็จะเป็น?????? ก็จะเบา ก็จะสบายดีใช่???  อย่างเช่น ???วันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเสาร์หรืออาทิตย์หยุด   ไม่ว่าจะเป็นอาทิตย์หรือจันทร์หยุด ก็เอาเวลาที่เหลือของเราทำงานธรรมะเท่าที่เราจะทำได้ เป็นเรื่อง ยากไหม   ถ้าหากว่าเรานั้น???แต่ทำมาหากินทุกๆวันก็มีแต่ ?องคนอ?ื? ทุก?วันก็คิดแต่จะได้เงินทอง คิดแต่จะได้สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต แต่ไม่เคย คิดจะมอบให้ผู้อื่นเลย ตัวเราก็จะไม่มีสิ่งที่ดีเหล่านั้น คนที่เขาไปชวนเรา มารับธรรมะ ก็เพราะว่าอยากจะให้เราได้รับสิ่งที่ดี เมื่อเขาชวนเรา ????เรามา เขาก็รู้สึกดี เมื่อเป็นอย่างนี้   ก็คือการที่เราสร้างบุญให้กับ ตัวเอง   ให้ตัวเองได้ทำทั้งงานธรรมะ ได้ทำทั้งงานทางโลก นี่เป็น สิ่งที่ยุคนี้ พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียกร้องให้มนุษย์ทำ  คือทำงานธรรมะและ ทำงานทางโลกไปด้วยกัน
ทำงานทางโลกแล้วมีบาปไหม ทำงานทางธรรมแล้วมีบุญไหม บางทีทำงานธรรมะอาจจะมีบาปก็ได้ บางทีทำงานทางโลกอาจจะมีบุญ ก็ได้ เพราะอะไร ขึ้นอยู่กับใจของเรา ???เราใช้ใจของเราไปอย่างไร ฉะนั้นจึงต้องใช้ใจอันเดียวกันนี้ ทำทั้งงานธรรมะ และทำทั้งงานทางโลก เพื่อให้เรานั้นเกิดบุญในทั้งสองทาง แล้วในที่สุดศิษย์จบชีวิตลง ศิษย์จะ ลอยขึ้นหรือจะตำ?ลง ก็ขึ้นอยู่กับศิษย์  แต่ถ้าหากว่าทำงานทางโลกอย่าง เดียว   ธรรมะไม่เคยศึกษา ไม่เคยเอาธรรมะไป ปฏิบัติ ็??แต่???? กรรมๆๆๆ เหมือนกับใส่ก้อนหิน ????ก้อน ??ก้อ? ???ก้อน   หนักไหมสมมติใจของเราเป็นพัดก็แล้วกันนะ ทำอย่างไรให้พัดนี้ลอยขึ้น แล้วทำ อย่างไรพัดนี้ถึงร่วงลง คิดเอาเอ ตลอดชีวิตของ?ร?จึงต้องรู้จักที่จะ สร้างกรรมดี ถ้าหากเราเป็นคนที่มีกุศลมาก ใจของเราก็เหมือนขนนก ลมก็คือบุญที่เราสร้าง ก็จะพัดขึ้นๆให้เราลอย ไม่มีวันตกแต่หากว่าใจ ของเราหนักเหมือนหิน มีแต่อัตตา มีแต่ตัวตน มีแต่ความโลภ มีแต่ความ โกรธ มีแต่ความหลง ใจของเราก็ดิ่ง เมื่อดิ่งลงแล้ว จะทำอย่างไรให้ ใจของเราสูงขึ้น ถ้าหากว่าไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักย้อนมอง ใจของเรา ก็จะดิ่งลงไป 
   ขุม ัง อง ุษ ย์ อจ ิต ใจ คนที่ใช้แต่อารมณ์ย่อมล้มเหล?  บางคนมีจิตใจที่จะทำงานนี้มาก ไม่ว่าเจอความยากลำบากอย่างไรก็ สามารถที่จะฝ่าฟันไปได้   เหมือนกับมีภูเขามาตั้งอยู่ข้างหน้าหนึ่งลูก เราจะทำภูเขานี้ให้???เรียบไปยากเกินไหม(ยาก) ถ้าถามคนสมัยก่อน ??จะบอกว่ายาก ถ้าถามคนสมัยนี้ต้องตอบว่าง่าย ขนาดดวงจันทร์ ยังไป เหยียบได้ นับประสาอะไรกับภูเขาลูกเดียวที่อยู่ข้างหน้า คนสมัยนี้ มีทั้ง รถตัก มีทั้งเครื่องช่วยนานาชนิด เพราะฉะนั้นคนสมัยนี้บำเพ็ญธรรม จะว่า ง่ายก็ง่าย เพราะว่ามีสิ่งที่ช่วยมาก จะว่ายากก็ยาก เพราะว่าติดตรง ที่ไม่รู้ความนัยของสิ่งต่างๆ เหมือนเมื่อครู่นี้ถามว่าซันแปลว่าอะไ? ก็??? ว่า???อยู่นั่นเอง ไม่รู้ว่าเราจะฝ่าไปไเพราะว่าติดอยู่แค่น??? พูดอะไรก็คืออย่างนั้น  อย่างนี้เราก็ไปไหนไม่ได้ ฉะนั้นภูเขาหนึ่งลูก ที่อยู่ข้างหน้า อุปสรรคของเรานี้ จะฝ่าไป   ก็ใช้จิตใจที่เป็นขุมพลังนี้ ถ้าหากว่ามีจิตใจที่จะลงแรงมาก มีจิตใจที่จะสู้มาก ต่อให้คนที่เป็นโรค เจ็บข? ปวดแขน ปวดหลัง เดินไม่ได้   ถ้าหากว่าอยากทำงานธรรมะจิตใจอันนี้ก็จะหนุนนำให้เราสามารถที่จะเดินได้เลย เชื่อ????ไม่(เชื่อ) เพราะอะไร เพราะจิตใจของเรา เป็นจิตใจของนักต่อสู้ ???ถ้าหากว่า เรามีแต่จิตใจของคนป่วย ให้เราเดินไป????ตีนภูเขา ยังเดินไม่ได้เลย 
คนที่ใช้แต่อารมณ์ย่อมล้มเหลว  คนที่นี่มีใครชอบใช้แต่อารมณ์บ้าง ไหนลองยกมือขึ้นหน่อ? ใช้แต่อารมณ์   แล้วผลลัพธ์ออกมาเป็น?????? (ล้มเหลว) ทำอย่างไรจึงจะไม่ล้มเหลว ต้องระงับอะไร(ระงับอารมณ์)
ชนะใจตนเองได้ดีไม่เล?     ให้ศิษย์ชนะคนอื่นกับชนะตนเอง ชนะใครภูมิใจกว่ากัน(ชนะตัวเอง) เพราะว่าการเอาชนะคนอื่นเป็นกา? เอาชนะที่ง่าย   แต่การเอาชนะตนเองเป็นการเอาชนะที่ยาก เพราะ ตัวเรานั้นรู้ทันตัวเราหมดฉะนั้น เราจึงต้องพยายามที่จะเอาชนะตัวเอง เพื่อที่จะได้รับความภูมิใจนั้น
คว้า?ำ?เหลวเพราะไม่เอาจริงกับต? รู้จักคำว่า เอาจริง ไหม (ทำจริง,ตั้งใจทำจริง)คำว่าเอาจริ มีความหมาย และกว้างยิ่งกว่า คำว่าตั้งใจอีกนะ อย่างเช่น คนที่อยากได้ปริญญาหนึ่งใ? ก็ต้องลงทุนที่จะ ทั้งเรียน ทั้งทำกิจกรรม ทั้งอ่านหนังสือทำทุกๆอย่าง ที่จะได้รับปริญญานี้ ??เราอยากได้มรรคผลเบื้องบนแดนนิพพาน   เราจะต้องทั้งลงแรง ขัดเกลากิเลสของตัวเราเอง ต้องรู้จักสร้างกุศล   ต้องรู้จักเอาชนะ ตัวเอง ทุกวันมีอารมณ์ไหม (มี)เราต้องเอาชนะทุกวันไหมก็ต้องทุกวัน เช่นเดียวกัน จะบอกว่าวันนี้ ไม่อยากเอาชนะเลย เว้นไปก่อน เดี๋ยว พรุ่งนี้ค่อยเอาชนะใหม่ อย่างนี้ถือว่าเป็นคนเอาจริงไหม (ไม่เอาจริง)
    ถามศิษย์รักทุกคนง่วงนอนหรือเปล่า(ไม่ง่วง) ตอนนี้ไม่ง่วงแล้ว ????ฟังธรรมะก็จะน?? เวลานอนก็นอนไม่หลับใช่ไหม(ใช่)  ทำไมถึง นอนไม่หลับล่ะ(คิดมาก) รู้ว่าตัวเองคิดมาก ทำไมไม่คิดน้อยๆหน่อยล่ะ จะคิดน้อยๆง่าย????ไม่(ไม่ง่าย) ทำไมล่ะจิตใจเราอยู่ไกลมาก ไม่รู้จัก เขาเลยใช่ไหม(ไม่ใช่) จิตใจอยู่บนภูเขา เลยต้องปีนไปเอา มันยาก ลำบากที่จะปลอบให้เขาหลับหรือไง  
    (กราบรับพระอาจารย์)เอาอะไรมารับอาจารย์ ไปตามใจลงมา จากภูเขาเร็ว จะได้เอามาดีใจ ใจอยู่ที่ไหน (•??ตัวเราเอง) ใจอยู่ที่ตัว แน่หรือ(แน่)   แล้วเวลาให้เขาคิดน้อยๆ    ทำไมเขาไม่ยอมคิดล่ะ (ชนะใจตัวเองไม่ได้) เพราะว่าตัวเราไม่ดีใช่ไหม(ใช่)    ใช่หรือ ตอนรับธรรมะ เขาบอกว่าพาคนดีมารับธรรมะไม่ใช่หรือ ตกลง คนดีหรือไม่ดีกันแน่(คนดี) คุยกับอาจารย์จี้กงปวดหัวนะ
    เมื่อยหรือยัง(ยัง) ??ยังไม่เมื่อย   พายเรือกันสักหน่อยดีกว่า พอพายเสร็จเรือก็หยุดอยู่ที่เดิม   เพราะว่าไม่ออกแรง   ที่นี้อาจารย์ พูดความนัยอีกแล้ว   ออกแรงหมายถึงอะไร สถานธรรมเปรียบเสมือน เรือลำหนึ่ง แดนโลกนี้เปรียบเสมือนน้ำทะเล   เราเป็นคนพาย การ ออกแรงหมายถึงอะไร( ฉุดช่วยเวไนย,ชักนำคนให้มารับธรรมะ)     การออกแรงก็หมายถึงการบำเพ็ญ   การออกแรงก็คือการบำเพ็ญ ตัวเรา   ? ?? เราก็ย่อมที่จะไม่ได้ออกแรง นั่นเอง ถึงแม้จะมาสถานธรรมทุกวัน  ?แม้จะช่วยงานธรรมะ   ???หากว่าตัวเราไม่ได้บำเพ็ญตนให้ดี ก็หมายถึงว่าเรายังไม่ได้ออกแรง อะไรเลยที่จะ ทำให้เรือลำนี้เคล????•????     ?มื่อเราจะทำงานของส่วนรวม  เราก็ต้องมีจิตใจกว้างเพียงพอ ที่จะออกแรงให้กับเรือใหญ่ลำนี? (พระอาจารย์เมตตาประทานผลไม้ให้กับผู้ที่ตอบคำถาม)  ทุกคนรู้จักแต่วิธีการแย่ง ไม่รู้จักวิธีการอื่?   ทำไมทุกคนรู้จักแต่วิธีการ แย่งล่ะศิษย์??อาจารย์ บางทีบางปัญหานั้นแก้ง่ายเพียงแค่เร ??? ??•ระหว่างคน?????คน แต่ว่าบางทีเรายังไม่พู? อะไรเล? สมมติว่าศิษย์ตอบ แล้วก็คิดว่าผลไม้นี้ควรเป็นของเราใช่ไหม (ใช่) แล้วถึงเวลาเราทำ????ไ?(ขอ)เราก็แย่งเอาไปโดยที่เราไม่รู้ ว่าจริงๆแล้ววิธีก?ร แย่งนั้นไม่ถูกต้อง บางทีเราต้องรู้จักเปิดอะไร ตาเราเปิดไหม(เปิด) หูเราเปิดไหม(เปิด) ?ากเราเปิดไหม(เปิด) ต้อ เปิดปาก ตาเปิด หูเปิด แต่ปากทำไมปิดไว้ไม่ยอมพูด  เราอยู่ในโลกนี้ เราจำเป็นจะต้องเปิดตาเพื่อดู  ไม่ใช่ดูอย่างดูเห็นของ แต่ต้องดูให้ชัดเจน   มีอยู่ชั้นเรียนหนึ่ง อาจารย์สอนให้ศิษย์ของอาจารย์ ดูแอปเปิ้ล ไม่ใช่ดูว่าแอปเปิ้ลนี้อร่อยไหม แต่ต้องดูว่าแอปเปิ้ลมีตำหนิไหม เพื่อที่เราจะได้รู้จักว่าธรรมะของเราคืออะไร แต่การที่จะรู้จักแ?ปเปิ้ล จริงๆแล้วต้องทำ????งไ? เปิดปากเหมือนกั?   ต้องชิมใช่ไหม ถึงจะรู้ การที่จะทำอะไรนั้น ปัญหาบางอย่างนั้นแก้ไขด้วยการพูด แต่เรา ต้อพูดด้วยคำพูดที่ไพเราะ สุภาพ น่าฟ?   บางคนชอบพูดมึงมาพาโวย บางคนชอบพูดวะโ??ย  ไม่ยอมเลิก   คนบำเพ็ญพูดมึงม?พาโวยวะโ??ย ไม่ยอมเลิกได้ไหม(ไม่ได้) น่าดูไม่น่าดู) พุทธ?องค์นี้เดี๋ยวพูดวะ อีกแล้ว เดี๋ยวพูดโว?ยอีกแล้? เดี๋ยวพูดมึงอีกแล้ว ไม่น่าฟังเลยใช่??? เพราะฉะนั้น เราต้องแก้ตั้งแต่ไหน   อายตนะภายนอกที่เรารู้จัก ตาต้องหัดดูในสิ่งที่ดี ปากต้องหัดพูดในสิ่งที่ดี ทำได้ไหม สองอย่างนี้ เริ่มต้นง่ายๆนะ พอคนเขาเห็นเราพูดจาดีขึ้น    เขาจะเป็น (จะนับถือ)   เขาจะบอกว่ารังเกียจเราเหลือเกินที่เราพูดจาไพเราะ อย่างนั้นไหม(ไม?)   แ??เขาจะพูดอย่างไร (ฉันรักเธอเพราะเธอพูดดี) อยากมีคนรักหรืออยากมีคนเกลียด(อยากมีคนรัก) เพราะฉะนั้น เราต้อง เริ่มต้นที่ตัวเองใช่??? (ใช่)            
    เชิญนั่งลงได้ (เชิญพระอาจารย์นั่งก่อน)ถ้าอาจารย์ไม่นั่ง ?????จะ นั่งไหม(ไม่) จริงหรือเปล่าศิษย์รัก(จริง)   อาจารย์อยากสอบใจคนว่า ถ้าอาจารย์ไม่นั่งจะไม่นั่งกันจริงๆ หรือเปล่าศิษย์รัก
ผิอดทนเพื่อเงินตราจะบ้าไป ผิ แปลว่? หากหรือแม้น หมายความ ว่า ถ้าหากเราอดทนเพื่อเงินอย่างเดียว เราจะเป็นอย่างไร(เราจะบ้า) คนในโลกนี้ มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันก็ด้วยเรื่องเงินใช่??? พี่น้องดีๆ กันอย?่ พอมีเรื่องเงินเข้ามาก็แตกแยกกัน ในที่ทำงานหากว่าใครเงินหาย ก็ระแวงกันไปทั่วใช่??? ฉะนั้นเราต้องมีสติให้มากขึ้น เพื่อจะได้ดูว่าเงิน นั้นทำให้เราบ้าจริงหรือเปล่า ชีวิตนี้อะไรสำคัญที่สุด มีคนยืนไม่ไหวแล้? เชิญนั่ง เชิญนั่ง ไม่ต้อเกรงใจนะ  (เชิญพระอาจารย์นั่ง, ขอบคุณ พระอาจารย์เมตตา)  ไม่เหลือศิษย์รักเลย เหลือแต่ศิษย์... ดูสิ นั่งช้ากว่าเค้ายังกล้านั่งอีก
    คนติดดินกลายดิ้นรนกันไม่หยุ? หมายความว่าอย่างไร อาจารย์ บรรยายสภาพคนในยุคนี้ ขณะนี้ตอนนี้และวันนี้นะ คนไทยที่มาอยู่อเมริกา ทุกคนนั้นจริงๆแล้วเป็นคนที่ติดดินใช่หรือไม่ ยังจำสมัยก่อนได้ไห?ว่าเรา เป็นคนที่ติดดินมากแค่ไหน จากคนที่ติดดินนั้น ตอนนี้ กลายเป็นคนที่ดิ้นรน ไม่หยุดไม่หย่อน ใช่หรือไม่  เพื่ออะไร(เพื่อเงิน)เราอาจจะดิ้นรนเพื่อ อะไรก็ได้ เราอาจจะมีเหตุผลของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ สภาพของเราทุกคน ก็คือสภาพที่ดิ้นรนไม่หยุดไม่หย่อน ยิ่งเราดิ้นมาก เท่าไหร่ก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น ใช่???(ใช่)  ยิ่งดิ้นแรง ปัญหาก็ยิ่ง มากขึ้น ยิ่งหนักขึ้น ความทุกข์ทนในตอนนี้   ที่เราบอกว่าทนไม่ได้แล้ว แก้ไม่ไหวแล้ว อาจเป็นแค่การเริ่มต้นก็ได้
แลกชีวิตเพื่อชีวิตดีขึ้นกว่าเดิ? เราแลกชีวิตของ เรานั้นเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ????แลกร่างกายของเราที่เคยแข็งแรง ให้อ่อนแอลงไป  องที่เคยแจ่มใสของเรา???เป็นสมองที่มึนตื้อ
พั?ธะเพิ่มสิ่งใดทำใครลวงตน  จริงๆแล้วไม่มีใครมาลวง??? ไม่มีใครหลอกเราให้เราเป็นอย่างนี้  ไม่มีใครทำให้เราเป็นอย่าง???ได้ นอกจากตัวของเราเอง       หากว่ามือของเราจะต้องทำงานไม่หยุ? หากว่าเท้าของเราจะต้องเดินไม่หยุด   ก็ขอให้ใจของเรานั้นได้หยุด เพื่ออะไร  ใจที่ว่างๆและเป็นปกติอยู่เสมอจึงเป็นสุขได้   หากว่าเรา ใช้ใจของเราทั้งหมดนั้นลงไปทุ่มเทกับความวุ่นวาย  ใจเมื่อลงไปอยู่ใน แก้วน้ำของความวุ่นวายจะวุ่นวายไหม(วุ่นวาย) ตอนนี้ศิษย์อยู่ในโลกที่ วุ่นวาย แล้วศิษย์เอาใจของศิษย์นั้นจุ่มลงไปในโลกใบนี้ด้วย ใจของเรา จะวุ่นวายไหม(วุ่นวาย)     ทำอย่างไรจึงจะหลุดจากความวุ่นวายน??    พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยศิษย์ไม่ได้หรอกนะ  เราทนกับความยากจนไม่ได้ เราทนกับความลำบากไม่ได้ เราก็เอาชีวิตของเราเข้าไปแ?? สุดท้าย คุ้ม????ไม่   เราตอบตัวเองได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเห็นโจทย์เลยใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เราก็คิดว่า เราคงเป็นคนที่โชคดีที่จะได้รับสิ่งที่ดีๆเสมอๆเวลา มีเรื่องเข้ามาหาเรานั้นทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ดีไหม(ไม่แน่เสมอไป) ไม่แน่ เสมอไปว่าจะเป็นเรื่องที่ดี เราก็ต้องเผื่อใจของเราไว้สำหรับความ โชคร้ายของตัวเราบ้าง  เราก็ต้องคิดหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเราบ้าง  อย่าให้ปัญหานั้นทำให้เรานึกคิดอะไรไม่ออก
ในวันนี้เรามารวมตัวกัน แม้ว่าจะน้อยคนไปหน่อยนะ แต่อาจารย์ก็ ถือว่า เป็นเรี่ยวแรงที่ศิษย์ของอาจารย์ต่างคนต่างได้ไปออกแรง ซึ่งแรง นั้นออกมาได้เท่านี้   ?????ต่างคนนั้นไปลงแรงจริงๆ คงมีความสำเร็จ ที่มากกว่านี้   แต่อาจารย์ก็เข้าใจว่าศิษย์ทุกคนนั้นเหนื่อยนะ เหมือนกับ กลอนที่อาจารย์บอกไ??
    ความสำเร็จกลับน้อยแม้นแสนเหนื่อยมาก     อาจารย์ก็รู้ว่าศิษย์ ต่าง??เหนื่อยมาก คนที่ไม่เคยทำงาน จ??ม่รู้ว่าเหนื่อยอย่างไร พอลองมาทำกว่าจะดึงคนมาได้คนหนึ่ง กว่าจะช่วยคนมาได้คนหนึ่ง ก็เป็น เรื่องยากใช่หรือไม่แต่ก่อนที่เราจะช่วยคนอื่น เราต้องช่วยตัวเองก่?? ช่วยให้จิตใจของเรานั้นตรงเที่ยง เที่ยงตรง ช่วยให้จิตใจของเรานั้น เที่ยงธรรม   เอาอะไรมาวัดล่ะ ก็เอาใจของเรานั้นแห???าเป็นตัววัด เพราะไม่มีใครเข้าใจและรู้จักตัวของเราดีพอเท่าตัวเราเอง ??????? จึงบอกว่าความสำเร็จกลับน้อยแม้แสนเหนื่อยมาก
     ฝึกลำบากไม่สูญหายให้ใจหล่ ?  ความลำบากที่เราลงแรงฝึกไป  คำต่อว่าที่คนอื่นว่ามา ความลำบากอุปสรรคที่???ได้เคยพบเจอ ก็ถือว่า เป็นการฝึกฝนจิตของเราให้ยกระดับมากขึ้น ผลของการฝึกนั้นไม่สูญหาย ให้จิตใจของเรานั้นหล่น ให้เราตกใจหน้าซีดหรอกนะเพราะว่าผลความ ลำบากอันนี้จะส่งเสริมเรา ให้เราเป็นคนที่ใหม่มากยิ่งขึ้น เหมือนกับพื้น ถ้าหากว่าพื้นเลอะๆ ทำอย่างไรถึงจะสะอาด(เช็ด,ปัด)ถ้าคราบนั้นติดมา
แล้วหนึ่งปีทำอย่างไรจะออก(ขัด) ขัดให้แรงๆใช่ไหม แล้วใจของเราล่ะ ถ้ามันเปื้อนมากๆ เอาใจไปทิ้งได้ไหม(ไม่ได้) พื้นอันนี้ความนัยก็คือจิตใจ ของเรา พื้นบ้านเปลี่ยนใหม่ เอาของเก่าทิ้งได้ พื้นใจทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นคราบที่ติดอยู่นั้น   คราบบางคราบติดมาเท่าอายุเราเลย เหมือนคราบบุหรี่ คราบบางคราบนั้นติดทนมาก เราต้องออกแรง??? แล? ??องออกแรงทุกวันด้วย เพราะออกแรงครั้งเดียว???ออก????ไม่(ไม่ออก)  ต้องถามคนนี้ (ผู้ดูแลสถานธรรม) รู้??ที่สุดนะ ?????????คนรักสะอาด
คนสูบบุหรี่ทุกวันจะให้ปอดแข็งแรงได้ไหม(ไม่ได้) คนที่เล่นการ พนันทุกวันจะให้รวยได้ไหม(ไม่ได้)   แล้วการที่ได้สั่งสมกรรมมาตั้งแต่ ชาติปางก่อน แล้วชาตินี้ป่วยจะให้หายได้ไหม(ไม่ได้)ทำอย่างไรจะให้ หาย(บำเพ็ญธรรม)มาคุกเข่าวอนขอพระตรงนี้ก็ช่วยไม่ได้ แต่หากคุกเข่า ขอพระในใจอาจจะช่วยได้ ใช่หรือไม่(ใช่) ในเมื่อศิษย์ทุกคนนั้นอยู่ในยุค วิทยาศาสตร์ เราก็ทำตัวเราให้เป็นคนที่มีเหตุมีผลใช่หรือไม่ แล้วก็คิด อะไรให้มีเหตุมีผล   ถึงจะสมกับเป็นคนยุคนี?? ถึงเราบำเพ็ญคนก็ไม่ว่า งมง?? แต่หากเราคิดอะไรก็ไม่มีเหตุไม่มีผล คนมาเห็นเราบำเพ็ญธรร? เขาก็จะบอกว่าเราเป็นอย่างไร (งมงาย)
    ในยามนี้ พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์สู้มารไม่ได้นะ เพราะว่าอะไร เพราะว่าคนเกือบจะหมดโลกเข้าข้างมาร ไม่ได้เข้าข้างพุทธะ จริงไหม (จริง) คนเกือบทั้งโลกอยู่ฝ่ายมาร  ชอบแต่ความสบา? ไม่ชอบความ ลำบาก  แล้วจะให้พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอิทธิฤทธิ์อย่างไร  ???อิทธิฤทธิ์ ให้คนหายป่วย แล้วเข้ามาทางพุทธะเป็นไปได้ไหม(ไม่ได้)ขนาดศิษย์ ยังตอบว่าไม่ไ?? แล้วอาจารย์จะตอบว่าได้ ได้อย่างไร
    มุ่งมั่นจะเป็นพุทธะย่อมเป็นพุทธะ  มุ่งมั่นอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น  ทุกคนต้องมีความมุ่งมั่น แล้วเอาความมุ่งมั่นของเราออกมาเท่านั้นเอง  (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนออกมาวงคำตามที่พระอาจารย์บ??)
สามคนนี้(ผู้ดูแลสถานธรรม)   มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า (เปล่า)  ทุกคนต่างก็ตอบว่าไม่มีปัญหา ฉะนั้น??????ต่อหน้าหรือลับหลั ไม่ว่าในใจ ลึ?ๆ หรือไม่ลึกก็แล้วแต่ เราก็จะมีปัญหากันไม่ได้ เราต้องรักเขา แล้วเขาก็ต้องรักเรา ทั้งสามคนต่างมีความแตกต่างกัน    การที่จะอย?่ ร่วมกันมันยาก แต่อาจารย์ก็มีความหวังอยู่ที่ศิษย์???คนนี้ แล้วก็ศิษย์คนนี้ ศิษย์คนนั้น ศิษย์คนโน้น แล้วก็มีศิษย์ที่ขายดอกไม้ ฉะนั้นก็มีอยู่ไม่กี่คน เท่านั้น แต่การที่ศิษย์ทุกคนนั้นมีนิสัย ความเป็นอย?? สภาพแวดล้อมที่เลี้ยงดู มาต่างกัน ทำให้ทุกคนนั้นต่างกัน การมาอยู่ร่วมกันจึงต่างต้องเข้าใจกัน
    มีคนอยากให้อาจารย์ตั้งชื่อสถานธรรมอยากรู้ว่าอาจารย์จะใ?? ได้ไหม  ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อศิษย์ตั้งเป็นส่วนกลางแล้ว ทุกคนมีส่วนร่วม หมายความว่าจะปิดเรือลำนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็แล้?แต่ เวลา มีอุปสรรคขึ้นมาจะมาพูดไม่ได้ เพราะทุกคนนั้น ต่อไปในวันข้างหน้?เรา ต้องเป็นอาวุโสของคนอื่น เป็นเรื่องที่ลำบาก ทั้ง???คนนั้นลึกๆในใจ ไม่เคยมีปัญหากัน แต่ที่แสดงอยู่ทุกวันนี้ เป็นเหมือนแม่เหล??ที่เวลาเข้า ใกล?กันแล้วมันจะแยกออกจากกันทันที มองหน้ากันไม่ติด ต้องรู้จักเข้าใจ กัน   รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน   คนไหนมีเวลามากกว่าก็สละเวลา ให้มากหน่อย  คนไหนเป็นคนที่รักความสะอาดมากกว่า   คนนั้นก็มาทำ ความสะอาด   คนนี้อาจารย์มีไว้ดูแลที่นี่ ไม่มีคนนี้สงสัยจะเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้นะ ส่วนคนนี้รู้จักคนมาก  ชวนคนได้เยอะ คนนี้เวลามากหน่อย ก็ต้องปลงตกมากหน่อย ส่วนสองคนนี้ที่เป็นผู้หญิง คนนี้ถนัดทำครัว แล้ว คนนี้ถนัดทำอะไร คนนี้ถนัดกินเจถ้าหากวันนี้ไม่มีคนตั้งปณิธานทานเจที่นี่ อาจารย์ก็ขอเบื้องบนไม่ได้ที่จะให้มีชื่อห้องพระ ฉะนั้นแต่ละคนไม่เหมือน กันเลย ไม่ใช่เอาใจที่เหมือนๆกันมาทำงานร่วมกัน แต่ให้เอาความต่าง อันนี้แหละ มาเป็นสีสันให้กับการบุกเบิกแพร่ธรรมในครั้งนี้ เอาสิ่งที่ต่าง กันมากที่สุดแต่ร่วมมือกันให้มากที่สุด ศิษย์ก็จะเป็นคนเก่งทุกๆคนทีเดียว
ตกลงถ้าอาจารย์ให้ชื่อสถานธรรมแล้ว ก็จะเหนื่อยมากขึ้น ความ สำเร็จจะมากจะน้อยอาจารย์ไม่เคยใส่ใจ      อาจารย์ใส่ใจกับศิษย์ ของอาจารย์ที่อยู่ตรงนี้ว่าบำเพ็ญดีหรือเปล่า    อาจารย์ใส่ใจว่าศิษย์ ของอาจารย์ ได้ทำตามกำลังที่ตัวเองมีหรือเปล่า   นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์ คาดหวังที่สุด อาจารย์คอยดูแลมรรคผล และสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ต่อศิษย์ อาจารย์คอยดูแลศิษย์ทุกคน แต่หากศิษย์ไม่ช่วยอาจารย์ไม่ช่วยส่งบุญกุศล ให้อาจารย์ อาจารย์ก็ไม่มีบุญกุศลไปต่อกรกับเจ้ากรรมนายเวร ศิษย์ก็จะ ลำบาก บางทีเจอความยากลำบากมากจะบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ช่วยเหลื? ไม่ได้ แต่เราต้องคิดว่าหนักได้กลายเป็นเบาแ???   ทุกๆวันหมั่นขอบคุณ เบื้องบน    หันมามองตัวเองสำรวจตัวเองให้มาก ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ ความคิดทุกขณะไม่ว่าจะทำสิ่ง?? ล้วนเป็นตัวแทนของธรรมะ เพราะธรรมะไม่มีรูปลักษณ์ เมื่อมีคนเข้ามาในสถานธรรมไม่พบศิษย์คนนี้ ก็พบศิษย์คนนั้น ก็มีอยู่เท่านี้   เพราะฉะนั้นเราต้องยกระดับตัวเองขึ้นมา เข้าใจไหม ทำในสิ่งที่อาจารย์เคยบอกไว้แล้วศิษย์ยังไม่ได้ท?ให้ดียิ่งขึ้น
(พระอาจารย์เมตตาประทานผลไม้และทอฟฟี่)  เอาทอฟฟี่ไปอมให้ปากหวานๆนะ คนนี้ปากหวานอยู่แล้? แต่ว่าอาจารย์ยัง ให้เพื่อที่ให้เราทำใจให้ได้มากๆ คนเรามีเรื่องขัดข้องต่างกัน มีเรื่องที่ คิดไม่เหมือนกันเยอะแยะ บางทีเราก็ไปเจอมุมต่างของคนแต่ละคนที่ไม่ เหมือนกันใช่ไหม  เราก็ต้องทำใจให้มากๆ เพราะเรายังอยากบำเพ็ญ ธรรม ยังต้องเจอหน้ากันอีก
(นักเรียนช่วยกันลากเส้นต่อคำ ได้พระโอวาทซ้อนพระโอวาทออกมาเป็? คำว่า เวลาไม่คอยใค?)
เวลาคอยศิษย์ไหม  ไม่คอยเลยนะ  เวลาไม่เคยคอยใคร คำนี้ ได้ยินมานานแล้วใช่หรือไม่แต่เราไม่เคยคิดว่? เวลาของเรานั้นก็สั้?พอๆ กับคนอื่น เราไม่ได้ใช้เวลาให้มีคุณค่ามากกว่าคนอื่น แล้วเราจะเป็นศิษย์ อาจารย์จี้กงได้อย่างไร เพราะอาจารย์ไม่มีเวลาหยุด ไม่มีแม้เวลาจะ หยุดคิดว่าจะทำอะไร•??เป็นเรื่องส่วนตัวทุกๆวันทุก?เวล? ???????ช่วยคน ตลอด แล้วศิษย์ของอาจารย์ล่ะ อาจารย์มีเวลาเป็น????เป็น???ปี ยัง??? ??ช่วยคน ศิษย์ของอาจารย์มีอายุแค่????ปี ก็มีเรื่องวุ่นวาย มีเรื่องที่ ขอไม่จบ แล้วถ้าหากว่าศิษย์ขอเพื่อตนเองหมด แล้วศิษย์จะเอาอะไร ไปให้คนอื่นใช่หรือไม่     เราจึงต้องรู้ว่าการที่ได้เกิดเป็นคนในชาตินี้   ???เวลาที่ไม่คอยเรา   ชาติเดียวชาตินี้     ??เราจะหลุดพ้นจากการ เวียนว่ายตายเกิดได้ เราจะต้องบริหารเวลาของเราอย่างไร ให้เวลา ของเรานั้นเพียงพอกับการหลุดพ้นในไม่กี่สิบปีข้างหน้านี้ การบริหารเวลา อย่างทุกๆวันที่เป็นอยู่นี้พอไหม(ไม่พอ) ไม่พอเลย เดินยังไม่ได้ครึ่งทาง เลย ถ้าบริหารเวลา???อย่าง•ทุกวันนี้
    ฉะนั้นจะทำอย่างไร ให้เราได้รับผลประโยชน์ที่เราอยากได้รับ ให้มากที่สุด เป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด เพราะศิษย์ จะเอาประโยชน์อันนี้กลับคืนสู่เบื้องบน ลำบากหน่อยนะ  บำเพ็ญธรรม ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเวลาไม่เคยคอยเรา ทุกๆวันที่ผ่านไป เรื่องสามวัน ที่แล้วเราคิดแล้วเหมือนฝันใช่หรือไม่   ปัญหาที่เพิ่งจบไป เราคิดแล้วยัง รู้สึกว่าเป็นไปได้อย่างไร วิธีการแก้ปัญหาที่เราไม่เคยรู้ว่าเรามีปัญหา มากขนาดนั้น แต่เราก็แก้ได้ 
จงนำประสบการณ์ต่างๆมาใช้ในการบำเพ็ญธรรม แต่เลือกสิ่งที่ดีๆ เท่านั้น ผู้บำเพ็ญธรรมหัดให้อภัยกัน ผู้บำเพ็ญธรรมอ่อนน้อมถ่อมใจ อย่า ควานหา   อย่าพยายามเสาะแสวงหา ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นใครผิด เพราะมนุษย์ในโลกนี้ไม่มีใครยอมรับว่าตนเองผิด เพราะฉะนั้นเมื่อเรา รู้เช่นนี? เราก็จงนำพาชีวิตของเราให้ราบรื่น แล้วเราจงนำพาชีวิตของ เวไนยให้ตามขึ้นมา
    ที่ยังเป็นที่บุกเบิก   การที่ศิษย์ของอาจารย์มาบำเพ็ญธรรม หรือมานั่งประชุมธรรม นักเรียนทั้งชั้นมีแค่???คนเท่านั้นแต่ศิษย์เคยเห็น ทางโลกไหม  ร้านอาหารอร่อยๆที่ศิษย์ชอบไป ตอนแรกๆที่ร้านเพิ่งเปิด มีคนกี่คน ตอนที่คนไม่ชอบเข้าก็มีคนน้อย ต่อเมื่อศิษย์รู้ว่าอร่อยแล้ว ทุกคน รู้ว่าอร่อย  ทุกคนก็กรู???เข้าไปร้านนี้ ถึงตอนนั้นจะเข้าไปกินก็ยังต้อง ต่อแถว???เลย ตอนนี้ศิษย์มีโอกาสดีกว่าคนที่จะมาต่อหลังศิษย์อีก แล้ว ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ให้????ประโยชน์ ถ้าศิษย์ไม่ใช้โอกาสนี้ถือว่าไม่ฉลาด อาจารย์ถึงได้พูดว่า ?ิษย์ของอาจารย์ทุกคนฉลาดหม? ไม่มีใครไม่ฉลาด
    ช่วยกันดึง  หมายความว่า  ให้ดึงคนนั้น   ให้เราดึงเขาให้อยู่ แล้วเขาดึงเราให้อยู่ ไม่ใช่ดึงกันจนแตกแยกจากไป   แต่หมายความว่า ??ศิษย์??????ถอยให้ศิษย์คนนี้ดึง ศิษย์คนนี้ถอยให้ศิษย์คนน???ดึง ดึงกันให้อยู่ ถ้าไม่พอใจก็ไปช่วยกันดึงก็ได้ จะได้ไม่มีปัญหา
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงโลกนี้คือละคร  ทำนองเพลง รู้สึกอย่างไรหรือเปล่?)                   ตั้งใจร้องเพลงนี้ให้ดีๆ เพลงที่อาจารย์ให้ที่นี่เกือบทุกเพลงคนที่นี่ร้องกัน ไม่ได้ เวลาของเราศิษย์อาจารย์ไม่มี???น?? ศิษย์ของอาจารย์น่ารัก??? ทุกคน ถ้าหากบำเพ็ญธรรมก็จะยิ่งน่ารักกว่านี้
    อาจารย์ให้ชื่อสถานธรรมแล้ว ทุกๆคนมีภาระต้องช่วยกันแบก???? กันหาม ใครหมดกำลังใจเราก็ต้องช่วยกัน ช่วยส่งกำลังใจ สถานธรรมเรือลำนี้ก็มีแต่กำลังใจเต็มไปหมดพอใครเข้ามาก็สดชื่น ออกไปก็ยิ้มได้ ไม่กลัวแบกหนักนะ  วันนี้เอาสัปปะรดไปทานกัน จะได้ รุ่งเรือง? หั่นแบ่งกันกินทุกคน(ขอบคุณพระ
    ศิษย์ในวันนี้ที่นั่งอยู่ตรงนี้   วันข้างหน้าอาจจะเป็นประวัติศาสตร์ ทางธรรม สามารถให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้แล้วนำไปปฏิบัติกันต่อ เป็นแบบ อย่าง สามารถให้คนชื่นชม  พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ก็มีจุดเริ่มต้นที่ ปุถุชน บางคนจบชีวิตนี้แล้วไปเวียนว่ายตายเกิด ???บางคนนั้นไปเป็น พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเราทุกคนต่างเลือกทางกันเออย่างที่อาจารย์บอ? มาแต่ต้น ถ้าในใจของศิษย์ทุกคนมีอาจารย์ อาจารย์ก็อยู่ในใจศิษย์ แต่ถ้า ในใจของศิษย์ไม่มีอาจารย ต่อให้เอารูปมาตั้งไว้ อาจารย์ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้
    อย่าทำอะไรให้ผิดใจใครเรื่องบางเรื่องแก้ไขได้ คำพูด เรื่องบางเรื่องต้องปรับปรุงตัว  จับมือกันหน่อยนะ     จับมือกันดีๆ   ร่ายกายไม่ไหวแต่ใจไหว เหนื่อยมากก็สู้ให้มากขอให้ศิษย์ของอาจารย์ ได้กลับไปเบื้องบน บำเพ็ญกันให้ดีๆ วันนี้เริ่มต้นใหม่ วันนี้คิดได้   วันนี้ เริ่มต้น อีกไม่นานก็สำเร็จ หากทำกันสามวันดีสี่วันไข้ วันนี้มีใจ วันหน้า หมดใจ



อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2543

2543-08-19 พุทธสถานสกุลอู๋ Cypress, California (ไม่สมบูรณ์)


วันเสาร์ที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๓ พุทธสถานสกุลอู๋ Cypress, California

พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ในโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยผิด  แต่กลัวผิดแล้วไม่แก้นะศิษย์เอ๋ย
หากอยากได้ไม่ไขว่คว้ากระไรเลย   จะได้เชยชิดชมช่ืนอย่างไรกัน
               เราคือถ
  จี้กงอรหันต์อนุเคราะห์ชาวโลก  รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่สถานธรรมสกุลอู๋ แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนพรุ่งนี้จะมาหรือเปล่า

สำเนียงหวานเป็นลมขมเป็นยา  ถูกครหาอย่าถือสรรพวาจาตำหนิ
จงคงมั่นในสิ่งให้สติ   บุปผาผลิเคยไหมที่คงนิรันตร์
พิจารณาเกิดปัญญาเกิดทางจะเกิด   ดั่งฟ้าเปิดรู้เวลากับสังขาร
ฝึกฝนใจดูให้จิตเบิกบาน   ว่างปการนี้รูปแท้ชีวิตจริง
อย่าถือมั่นตนในยามบำเพ็ญ   ความลำเค็ญนี้แดนโลกธรรมดายิ่ง
ทุกข์ที่เคยมีถึงสลายจริง   อย่าคอยชิงหายคราโอกาสใกล้
คิดก่อนทำควรที่พร้อมเสมอ   อย่าได้เผลอรู้อะไรคือจุดหมาย
หากต้องทำรีบไปทำขวนขวาย   ความเข้าใจซึ่งตรงกันอุปถัมภ์งาน

  ฮา ฮา หยุด


พระอาจารย์จี้กง เมตตาประทานพระโอวาท

วันนี้อาจารย์มาดูคนมาวันเสาร์โดยเฉพาะ  (สำหรับคนที่นี่)  การมาวันเสาร์นี่แปลกนะ ใครบ้างที่ลางานมา (พระอาจารย์เมตตาประทานผลไม้ให้ (คนที่มาในวันหยุดได้ผลไม้ด้วยไหม) คนขยันพูดก็มีข้อดีอย่างนี้ เพราะว่าเราจะบำเพ็ญธรรมะ  ธรรมะ ออกมาจากไหนของเรา (จากจิตใจ)  เรารับธรรมะใช่หรือไม่  แล้วธรรมะอยู่ที่ไหน (อยู่ที่ใจ)  แต่คนมองเห็นใจของเราไหม ไม่เห็นเลย เราจะเป็นคนที่จิตใจดี จะเป็น คนที่จิตใจไม่ดี ไม่มีใครมองเห็นใจเรา  เพราะฉะน้ันอยากให้คนได้รู้ธรรมะ อยากให้คนยึดมั่นในความดีต้องทำอย่างไร  เราต้องพูดคนถึงรู้   อาจารย์จึงบอกว่าคนที่รู้จักพูดก็ดีอย่างนี้ หลายคนที่อยู่ที่นี่เป็นคนเงียบ    ยิ่งชีวิตที่ผ่านมาเจออุปสรรคมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเงียบ  แล้วกดลึกจิตใจของตนเองไว้  แต่คราวนี้อาจารย์รับประกันว่า ไม่มีอะไรผิดพลาด ขอให้เรารู้จักพูดในสิ่งที่เป็นธรรมะ  ไม่ต้องกลัวคนอื่นเขาจะว่า ถ้าเขาว่า เราต้องทำอย่างไร   สมมุติว่ามหาสมุทรแห่งหนึ่งมีนำ้สีดำหยดลงไปหนึ่งหยด ถามว่านำ้ในมหาสมุทรจะเปลี่ยนเป็นสีดำไหม  หยดลงไปสองหยดล่ะ(ไม่) เทลงไปทั้งกะละมังเลยล่ะ(ไม่ดำ)  การที่คนเขาว่าร้ายเรา หรือการที่คนเขาว่าเราพูดอะไรก็ไม่รู้ พูดอยู่ได้แต่สิ่งดีดีที่เดี๋ยวนี้คนเขาไม่พูดกันแล้ว  คนมักจะชอบพูดอย่างนี้ใช่ไหม  แต่ว่าเรามั่นใจไหมว่าสิ่งที่เราพูดเป็นสิ่งที่ดี  มั่นใจไหม ถ้าเรามั่นใจทำใจให้เหมือนมหาสมุทร แล้วเวลาที่คนเขาว่าร้าย เวลาที่คนเขานินทาลับหลังอาจจะเหมือนใส่นำ้ลงไปสักสามหยด     เวลาเขาว่าต่อหน้าอาจจะเหมือนเทนำ้ลงไปทั้งกะละมัง  แต่ถ้าใจของเรากว้างอย่างนั้น ใหญ่อย่างนั้น ใจกว้างเสมอๆ ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นเขาจะว่าอะไร   อาจารย์เห็นศิษย์ของอาจารย์ที่นั่งอยู่ที่นี่ กับคนในปีที่ แล้วก็ไม่ใช่คนๆ เดียวกัน คนที่มานั่งที่นี่อีกรอบหนึ่ง อาจจะมีสิ่งที่ดีขึ้น หรืออาจจะมีสิ่งที่แย่ลง แต่ว่าที่แน่ๆก็คือว่าเรานั้นต้องรู้จักที่จะกลับมาศึกษา เพราะถ้าหากว่าคราวนี้เรายังไม่มา  คนโทรไปชวนแล้วเราเกิดไม่มา  ไม่อยากมา พอเวลาเคลื่อนคล้อยถึงสิ้นปีนี้ ใจเรายังมีธรรมะอยู่ไหม มีธรรมะอนุตตรธรรมอยู่ในใจไหม สงสัยจะหาย ไปแล้ว  นี่คือทำไมอาจารย์ถึงเน้นให้ศิษย์นั้นเสมอต้นและเสมอปลาย   หมายความ ว่าตั้งแต่ต้นจนปลายก็เหมือนกัน   เหมือนธูปอันนี้ที่ตรงๆ  ต้นและปลายต้องเสมอกัน แม้ว่ากาลเวลาผ่านไป กาลเวลาเผาส่วนข้างบนนี้ไปแล้วจนเหลือเพียงก้านก็ยังตรงอยู่ แม้ชีวิตของเรานั้นจะหาไม่ โดนเวลาเผาไปเผาไป เราก็ยังเหลือจิตใจที่ตรงๆ และถ้าเราเป็นอย่างนั้นได้ เราจะมาพูดเรื่องการบำเพ็ญธรรมกัน  และถ้าเราเป็นอย่างนั้นได้ชั่วชีวิต เราจะมาพูดเรื่องการหลุดพ้นกัน ดีไหม ถ้าเราทำไม่ได้ หลุดพ้นได้ไหม  ที่เรามาที่นี่มาพูดกันว่าเกิดมาเป็นทุกข์.. เกิดมาเป็นทุกข์.. หลุดพ้นดีกว่า หลุดพ้นดีกว่า ถ้าเราอยากหลุดพ้น นั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ คนเรียกก็ไม่อยากมา แล้วจะไปพ้นได้อย่างไร น้อยเสียสละไม่ได้ สิ่งที่เป็นผลดีย่อมไม่ได้กลับมา ถ้าเราเสียสละไปก็ย่อมจะมีสิ่งที่ดีกลับมา สิ่งที่ดีนั้นอาจจะกลับมาในรูปวัตถุที่เห็นได้ หรืออาจจะกลับมาในรูปของความว่างเปล่า แล้วเราจะทำอย่างไร มีความเชื่อไหม  ดูแอปเปิ้ลในมือของเรา อย่าดูเหมือนทุกครั้งที่ดู ทุกครั้งที่เราดูเป็นอย่างไร เราก็ดูแต่ลูกที่สวยๆ ผลไม้ลูกนี้ถูกคัดเลือกมาแล้วก่อนที่จะมาถึงโต๊ะพระ ก่อนที่คนเขาจะนำมาไหว้พระ ดูซิว่ายังมีรอยไหม พลิกดูซิ นับดูว่ามีกี่แห่ง ดูให้ดีๆ มีกี่แผล(เยอะแยะไปหมด,มีหนึ่ง,ไม่มีเลย) บนแอปเปิ้ลลูกนี้มีสิ่งที่ไม่ดีอยู่เท่าไหร่ มีสิ่งที่ดีอยู่เท่าไหร่ สิ่งที่ไม่ดีนั้นใครทำ สิ่งที่ดีใครทำ  แล้วแต่ใครจะนับ แล้วแต่ใครจะเห็น   คนที่ตอบสามสี่แผลแต่ให้อีกคนหนึ่งไปมองอาจจะไม่มีแผลเลย แอปเปิ้ลลูกเดียวกันแล้วแต่ใครจะมอง ธรรมะ ที่ศิษย์รับไปก็เหมือนกัน รับธรรมะไปแล้ว สมมุติว่านี่(แอปเปิ้ล)  คือธรรมะให้รับไป แล้ว ศิษย์เอากลับไปวางไว้เฉยๆ รู้ไหมว่าธรรมะเป็นอย่างไร อีกคนหนึ่งรับธรรมะ ไปแล้ว เอาไปดูหน่อยแล้ววางไว้เหมือนเดิม เห็นไหม ทันเห็นอะไรไหม  ส่วนคนนี้ รับมา(กิน) เห็นไหม(เห็นชัดเจน)  ส่วนคนนี้ไม่คิดอะไรเฉยๆ  มีอะไรไหม ไม่รู้ซิ แอปเปิ้ลมีไว้กินใช่ไหม กินเลย   แสดงว่าคนที่เข้าถึงที่สุดคือคนไหน (คนที่กิน)  เพราะว่าแอปเปิ้ลมีไว้สำหรับกิน การกินนั้นถ้าเทียบเป็นธรรมะคืออะไร การกินก็คือ การปฏิบัติ ถ้าหากว่าไม่กินจะรู้ไหมว่าแอปเปิ้ลลูกนี้รสชาดนั้นเป็นอย่างไร (ไม่รู้) ถ้า หากไม่ปฏิบัติย่อมไม่รู้ว่าธรรมะที่ตนเองรับไปนั้นเป็นอย่างไร  ตราบต่อเมื่อพยายาม ลงมือชวนคนถึงได้รู้ว่าการชวนคนยากเท่าไหร่   ตราบใดที่เราฟังว่าธรรมะต้อง ทำอย่างนี้ แล้วเราไปทำตาม เราถึงรู้ว่าอะไรที่เราทำได้และอะไรคือปัญหา อะไรที่เราต้องแก้ไขเพิ่ม และอะไรที่เราดีอยู่แล้ว  ตอนนี้ถามตัวเองว่าเรารู้จักอะไรในตัวเอง  นอกจากชื่อเสียงเรียงนาม ความเป็นมาและเงินที่มีอยู่ในกระเป๋าเราอาจจะไม่รู้อะไรนอกจากนี้เลย  ถ้าถามเราว่าเรามีข้อดีไหมเราก็ตอบอย่างไม่ค่อยกล้าตอบ อย่างอายๆ พอถามถึงข้อเสียของเรา เป็นอย่างไร ยิ้มๆ น่ารักจริงๆ ถามข้อดีก็อายๆ ถามข้อเสียก็ยิ้มๆ น่ารักมาก แต่จริงๆแล้วเป็นอย่างไร  เราอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องให้คนอื่นรู้จักเรา แต่เราจำเป็นต้องรู้จักตัวเราเองให้ดีที่สุด  สมมุติว่าอาจารย์หลินมาปีละหนึ่งหน เวลาที่เหลืออยู่นี้ไม่ใช่เวลาที่จะไหลตามนำ้  ไม่ใช่เป็นเวลาที่ปลาจะอยู่กับที่เพื่อคอยน้ำ แต่เป็นเวลาที่เรานั้นสมควรที่จะปฏิบัติ เราอาจจะไปปฏิบัติจนเจอปัญหาต่างๆ นาๆ เมื่อมาเจออาจารย์เราก็ถามไถ่ นี่เป็นหลักการเป็นแนวทางที่เราควรจะทำ สำหรับคนที่รับธรรมะมาหลายปีแล้ว   ส่วนคนที่เพิ่งเริ่มต้นเราก็มีเวลาที่จะพิจารณา แต่อย่ามัวแต่มอง..มอง..มอง   มองทีเดียวให้ละเอียด แล้วเริ่มกินมันชะที  ถ้าศิษย์ของอาจารย์กินไปแล้ว รสชาดไม่ถูกปากอยากจะวางทิ้ง อาจารย์ก็ไม่ว่า  เพราะว่าทางที่อาจารย์ให้  ให้แล้วเดินหรือไม่เดินเป็นเรื่องของเรา สมมุติว่ามีทางอยู่เส้นหนึ่งทอดยาวออกไป ถ้าหากมีคนบอกว่าเดินไปทางนี้มีแต่ดีเราจะเดินไหม ถ้าไม่เดินเราเป็นคนฉลาดไหม(ไม่)  แต่หากเราลองเดินแล้วไม่ดีเราก็เลิกเดินได้  ในโลกนี้มีทางแยกเยอะแยะ  หนทางเส้นหนึ่งเป็นทางมนุษย์โลกเส้นหนึ่งเป็นทางสวรรค์ เส้นหนึ่งเป็นทางไปนรก   ทางไปสวรรค์และนรกและโลกมนุษย์นั้นต่อกันโดยมีทางแยกต่างๆนานา เส้นทางนี้มีทางแยกอีกมากมายนับไม่ถ้วนถ้าเผลอไปลงทางแยก..ไปลงทางแยก ลงไปลงมาอาจแยกไปนรกก็ได้  เพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้ว่าเรากำลังเดินทางเส้นไหน ทำอะไรอยู่ที่ไหน  และกำลังจะทำอะไรทำไมตอนมาถึงอาจารย์ถึงบอกให้ร้องเพลงสามัคคีชุมนุม  เพราะว่าเรามาวันนี้ด้วยความที่มีความศรัทธา มีความสามัคคีมารวมตัวกัน  เพลงบอกว่าถ้าสามัคคีทำสิ่งใดก็ จะสำเร็จ แม้แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็จะสำเร็จเหมือนกัน  สถานธรรมนี้มีคุณอ้อยที่เรารู้จัก แต่หากว่าเขาสามัคคีมือซ้ายและมือขวาของตัวเองเท่านั้นพอไหม มือซ้ายและมือขวา สามัคคีกันก็ยังทำงานได้จำกัด..จำกัดเหลือเกิน มือซ้ายและมือขวาถึงจะขยันขันแข็งอย่างไรก็ยังไม่พอ ถ้าหากว่ามีซักสองสามมือ สี่ห้ามือ สี่ห้าคนขึ้นมางานเสร็จเร็วขึ้นไหม ดีขึ้นไหม อาจารย์อยากให้ศิษย์ของอาจารย์เห็นธรรมะเป็นของของตัว เป็นสิ่งที่ตัวเรานั้นเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งเช่นกัน  แล้วเราก็จะมีใจศึกษาเพิ่มขึ้น บำเพ็ญมากขึ้น แต่ถ้าหากว่าเราเห็นธรรมะบ้านคุณอ้อย ก็เป็นของใคร(ของคุณอ้อย)เราบำเพ็ญ ไปอีกนานเท่าไหร่ก็เป็นของใคร(ของคุณอ้อย) ไม่เป็นของเราซักที
คนไทยเต็มประเทศ อยู่ที่นี่เราเป็นคนไทยกลุ่มเดียวในประเทศของเขา  เราก็ต้องถือว่าเมื่อเราอยู่เมืองไทย โอกาสเยอะแยะมากมาย จะเอาก็ได้ไม่เอาก็ได้ แต่อยู่ ที่นี่ชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบากและจำนวนของเราที่น้อยลง อุปสรรคของเราที่มาก ขึ้น  เราต้องรู้จักทำให้สมดุลย์กัน   แม้จะยากลำบากซักนิดนึงแต่ก็คงจำเป็นต้องทำ เพราะอาจารย์อยากจะบอกศิษย์ว่า เส้นทางการเป็นพุทธะนั้นยากกว่านี้อีกหลายเท่า ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้อีกหลายปี   ทองสักแท่งเราอยากทำให้บริสุทธิ์ เรา ก็ต้องเอาไฟเผา ตอนนี้เราอยู่ในโลกนี้เราเป็นทองที่ถึงเราจะบอกว่า เราเป็นทอง บริสุทธิ์อย่างไรก็ยังเหมือนกับแอปเปิ้ลที่ถูกเลือกมาแล้วก็ยังมีแผล ทองของเราอยาก จะให้บริสุทธิ์ก็จำเป็นต้องเผา แล้วมันจะลำบากไหม   เปรียบจิตใจของเราเหมือน ทอง แล้วต้องเอาไฟมาเผา เอาอุปสรรคความยากลำบากมาเผา  ถ้้าหากว่าตอนนี้ เราบอกตัวเองว่าทนไม่ได้โดยที่ไม่ได้ลอง  เราก็เหมือนกับคนที่อาจารย์ให้ทางแล้ว ไม่รู้จักเดิน เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องลองดู  ลองดูซักระยะหนึ่ง แต่อย่าปล่อยให้จิตใจ ของเรามันไหลลื่นตามกาลเวลา ไม่ใช่ปล่อยให้จิตใจของเรามันไปเรื่อยๆ  คนมา ดึงไปทางโน้นทีก็ไป ดึงไปทางนี้ทีก็ไป ทำอย่างนั้นได้ไหม  เราต้องมีหลักมีเสาที่อยู่ ในใจของเรา ที่ให้เราเกาะยึด   เราต้องปลูกต้นไม้ต้นหนึ่ง ต้นโพธิ์ในใจของเราให้เรายึดได้ ให้เรามีร่มเงา ตั้งใจกลับไปปลูก ปลูกให้ขึ้น แล้วเรายึดต้นไม้ต้นนี้ไว้ถ
ไม่อย่างนั้นถ้าในใจของเราเป็นที่ราบโล่งเตียน ถึงเวลาลมมาเกาะอะไร อุปสรรคมาจะเกาะอะไร ไม่มีเลย เวลาโดนลมปากเป่าพรวดเดียวเป็นอย่างไร  กระเด็นไปห้าเมตรเลยใช่ไหม
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนอธิบายพระโอวาท) ใครในที่นี้คิดว่าตนเองได้ผ่านการบำเพ็ญมาแล้วแม้ว่าจะในแบบต่างๆ ก็ลุกขึ้นยืนอธิบาย เราอาจจะมีปัญญามากขึ้นก็ได้   ให้เป็นอีกมุมมองหนึ่งในคนที่ได้บำเพ็ญแล้ว   จะมีความต่างกันขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างคนที่หนึ่ง..สอง..สาม ส่วนใครนำ มาเป็นคนที่หนึ่ง สอง สามไม่ต้่องตัดสิน เพราะว่าธรรมะนั้นบอกไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วใครจะไปถึงก่อนกัน   ใครจะแจ้งกว่ากันคงไม่มี  แต่อาจารย์จะวิจารณ์คำอธิบายของศิษย์ให้ฟัง  การที่บอกว่า เอาธรรมะมาประดับกายนั้นผิด  เพราะกายนั้นเป็นเครื่องประดับของจิต  รู้ไหมจิตของเรานั้น มีพลังและมีพลานุภาพอันยิ่งใหญ่   ไม่ผิดหรอก ที่คนสมัยนี้บางคนจะเรียนรู้วิธีสะกดจิต ไม่ผิดที่คนสมัยนี้จะมีพลังอันลึกลับมากมาย นั่นเป็นพลังส่วนหนึ่งที่ออกมาจากจิต ไม่ผิดที่เขาสามารถถอดจิตไปเที่ยวสวรรค์ไปเที่ยวนรก  และไม่ผิดที่เขาสามารถจะหยั่งรู้เหตุการณ์อนาคตและปัจจุบันได้ เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น   แต่ทว่าเป็นการใช้ชีวิตใช้จิตเป็นทาส  เราไม่รู้เลยว่าเราสามารถที่จะดึงจิตของเราให้อยู่เหนือกายของเราได้ เมื่อเราบำเพ็ญจิตใจของเรา การบำเพ็ญในยุคขาวอนุตตรธรรมนี้ไม่ต้องการให้ศิษย์เหาะเหินเดินอากาศ  ไม่ต้องการให้ศิษย์สะกดจิตได้   ไม่ต้องการให้ศิษย์มีลาภยศ สักการะที่มาจากการบำเพ็ญธรรม  แต่่ต้องการบำเพ็ญเพื่อให้จิตของเรานั้นสามารถที่จะหลุดพ้นจากวงโคจรของการเวียนว่ายตายเกิดนี้ได้  เพราะชีวิตนี้ต่อให้ศิษย์จะเจอเรื่องเศร้าที่สุดเรื่องสมหวังมากที่สุดอย่างที่ใครๆไม่เคยเจอ  แต่ศิษย์ไม่สามารถรับประกันได้หรอกว่าในชาตินี้ที่เราเจอความสมหวังและความผิดหวังสุดๆ นั้น  ในชาติหน้าตราบใดที่เราไม่หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด   เราก็จะทุกข์สุข..ทุกข์สุข..ทุกข์สุขอยู่อย่างนี้    ฉะนั้นในวันนี้ที่อาจารย์มาเพื่อเน้นเตือนให้ ศิษย์ของอาจารย์บำเพ็ญธรรมเพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด สิ่งที่เห็นได้ทันที ทันทีในธรรมะนั้นไม่ใช่เกิดขึ้นในวันสองวัน ทันทีนั้นใช้เวลาหลายปี นั่นคือการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเรา     คนเราเกิดมาทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว รำ่รวยเท่าไหร่ ยากจนเท่าไหร่ เจอเหตุการณ์อะไรบ้าง มาเจอใครบ้าง ทุกอย่าง ถูกกำหนดขึ้นมาแล้วทั้งนั้น  ถูกกำหนดโดยใคร  ไม่ได้กำหนดโดยพระพรหม  แต่ถูกกำหนดโดยตัวเองในชาติก่อนๆนั่นเอง  เพราะฉะนั้นคนที่จะเปลี่ยนสิ่งร้ายๆที่ผ่านมา ในชีวิตที่เราเจออยู่นี้ให้ดีขึ้น ก็ต้องเป็นใคร ไม่ใช่หมอดู ไม่ใช่พระพรหม   แต่เป็น ตัวเราเอง  ตัวเราที่จะไปเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น      ฉะนั้น การบำเพ็ญธรรมอาจารย์อยากให้ศิษย์มีชีวิตที่เรียบๆ ง่ายๆ มีความสุขเราก็รู้จักที่จะถนอมรักษาไว้  มีความทุกข์ก็ไม่เสียใจ แล้วเราจะใช้ชีวิตของเราบำเพ็ญธรรมทำความดี อย่าบอกว่าความดีในโลกนี้ไม่มีจริง ฉันทำดีแต่ไม่เคยมีใครดีตอบฉัน อย่าคิดอย่างนั้น  เราอาจ จะชดใช้หนี้เขาก็ได้ อาจจะเป็นโอกาสอย่างหน่ึ่งที่เราให้แก่เขา เขาแกล้งเราเขา ก็จะละอายใจ แล้วเขาก็จะรู้สึกอยากที่จะแก้ไขตัวเองก็เป็นไปได้   ถ้ามองโลกในแง่ดี ทุกอย่างก็จะดีขึ้น  เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อบุญของเราส่งผลมา ทุกอย่างก็จะดี ขึ้นเอง ในวันที่ทุกอย่างดีขึ้นนั้น  อย่าลืมความตั้งใจเดิมๆของเรา  เข้าใจใหม
กลอนที่อาจารย์ให้นี้  จริงๆ แล้วอาจารย์ให้ง่ายมากพอที่ศิษย์อ่านแล้วจะเข้าใจ ได้เลย  ก็คือทุกคนทำผิด ทุกคนมีความผิดติดตัว   แต่เมื่อผิดแล้วต้องรู้จักที่จะแก้ไขเพราะพุทธะนั้นไม่กลัวคนทำผิดแต่กลัวคนที่ผิดแล้วไม่ยอมแก้ไข  รู้แล้วยังทำประเภทนี้กลัวที่สุด  เพราะฉะนั้นจึงบอกว่าในโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยผิดแต่ผิดแล้วต้องแก้ หากอยากได้อะไรมา อย่างเช่นอยากจะได้เงินสักสิบดอลลาร์ก็จำเป็นที่จะต้องไปหาทาง ให้ได้มา อยากจะได้บันไดฟ้าอีกสิบขั้นทำอย่างไร อยู่เฉยๆอยู่กับบ้านได้ไหม (ไม่ได้)  หากอยากได้แต่ไม่รู้จักที่จะไขว่คว้าก็จะไม่ได้อะไรเลย   หากไม่พยายามก็จะไม่ได้อะไรมาให้ชื่นชม
(พระอาจารย์ใส่เสื้อที่อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมถวาย) ใส่ดีไม่ใส่ดี ใส่ก็แล้ว กันนะ  เสื้อนี้เป็นรูปลักษณ์  แต่ธรรมะไม่มีรูปลักษณ์อะไรที่ศิษย์สามารถเกาะยึดได้ เตรียมกระดาษแผ่นใหญ่ด้วย อย่ามัวยืนหัวเราะ เดี๋ยวมีสี่มือก็จะไม่ทันนะ
ไปจอดรถที่ของเขาก็ไม่ได้ใช่ไหม ฐานบัวที่เบื้องบนถ้าหากว่าตอนนี้ไม่ลงแรง เวลาขึ้นไปเบื้องบนอาจจะไม่มีที่นั่งก็ได้นะ   ถ้าหากขึ้นไปข้างบนแล้วต้องยืนตลอด เมื่อยไหม  เคยเห็นรูปของพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหม  พระกวนอิมรูปนี้เหยียบมังกรอยู่  พระกวนอิมรูปนี้นั่งอยู่บนฐานบัว  พระศรีอารย์รูปนี้ไม่ได้นั่งบนฐานบัว  อาจารย์ก็มีฐานบัว  แต่ฐานบัวของอาจารย์บางทีก็เป็นบัว บางทีก็เป็นหิน เพราะอะไร บางทีเป็นหินเพราะร้อนใจที่ศิษย์ของอาจารย์มีเรื่องร้อนใจ  เรียกให้อาจารย์ลงมาช่วย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหินมากกว่าบัว เพราะศิษย์ของอาจารย์ร้อนใจตลอด    ไม่ร้อน เรื่องลูกก็ร้อนเรื่องหลาน ร้อนเรื่องสามีภรรยา เรื่องร้อนเต็มไปหมดมีอยู่ประมาณล้านแปด แล้วแต่เราจะไปร้อนเรื่องอะไร บางทีก็หาเรื่องร้อนใส่ตัวก็มี บางทีเรา ร้อนวิชาก็ออกไปลองของ  เพราะฉะนั้นมีอยู่สิ่งหนึ่งที่จะสอนศิษย์ให้จำไว้ไม่รู้ลืม เป็นคำง่ายๆ ที่ศิษย์รู้จักอยู่แล้ว   คำนี้เขียน ป ข้างหลังเป็น ง เว้นไว้ตรงกลาง คือคำว่า ปลง ต้องปลง คำๆ นี้ต่อให้ศิษย์จะอยู่ที่ไหนก็ใช้ได้ทุกๆเวลา  คำนี้อยาก ให้ศิษย์เก็บไว้ใช้ เพราะว่าบางปัญหาต้องอาศัยเวลาแก้   แต่บางปัญหานั้นสอนให้ เราทำใจได้ แต่ว่าเราทำใจได้ไหม    เพราะฉะนั้น ต่อให้มีเงินมาสำรองอีกสัก เท่าไหร่ ต่อให้มีเวลาอีกมากเท่าไหร่ ต่อให้มีคนเห็นอกเห็นใจเราอีกมากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถแก้ได้  เพราะว่าเราทำอะไรไม่ได้(ทำใจไม่ได้) รู้อยู่แล้วนะเรื่องนี้ รู้อยู่แล้วแต่ทำไม่ได้  ถ
เอาคำที่อาจารย์ให้แบ่งเจ็ดเป็นไหม    คนที่อยู่ข้างหน้าบางเรื่องเขาก็ไม่รู้ ใช่หรือไม่ แต่สถานการณ์บังคับ ตอนนี้อาจารย์ก็มาแล้ว อยากให้อาจารย์มาตอนนี้ก็ ต้องมานั่งบอก จะต้องมานั่งทำในสิ่งที่ตัวเองก็แทบจะไม่รู้เลย      บางทีการมา สถานธรรม มาศึกษาธรรมะก็เป็นอย่างนี้ เราอย่าคิดว่าทุกๆคนต้องรู้ในทุกๆอย่างที่ถ
เราอยากรู้คำตอบ  ไม่ใช่  ทุกคนมาศึกษาและเรียนรู้กันเดี๋ยวนี้  มองอีกทีจะเป็นถ
ความเปิดใจส่วนตัว มองอีกทีจะเป็นความจริงใจมากๆ  ธรรมะนี้เป็นธรรมะง่ายๆถ
ไม่มีอะไร อาจารย์มาในวันนี้  ก็ไม่ใช่ว่าอยากมา   แต่อาจารย์อยากจะสอนศิษย์ ได้เห็นหน้าศิษย์ ให้ศิษย์ได้รู้ว่าอาจารย์นั้นอยู่กับศิษย์   ถ
ชั้นนี้ชื่อว่าชั้นกันเอง  ที่นี่่ใครไม่ชอบร้องเพลงบ้างมีไหม ชอบร้องทุกคนไหม (ชอบ)ถึงได้ร้องเพลงล่มแล้วๆ ถ
อาจารย์อยากจะถามว่ามาสถานธรรม มาบำเพ็ญธรรมมีอะไรสงสัยอยากจะถ
ถามไหม  อาจารย์อยากจะให้ศิษย์ได้ขุดเอาความที่ไม่เข้่าใจ  ความที่ยังติดค้างถ
อยู่ในใจออกมาจริงๆ ออกมาเร็วๆ เพราะว่าเมื่อทำการชำระล้างจิตใจของเราถ
ได้สะอาด ความสะอาดจะเป็นพื้นฐานของปัญญาที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า แต่หากถ
ว่าศิษย์ชำระล้างจิตใจของตัวเองให้สะอาดไม่ได้  ในปัญญาของศิษย์นั้นก็จะทึบไปถ
ด้วยฝุ่น ทึบไปด้วยความสงสัยไม่เข้าใจต่างๆนาๆและพร้อมที่จะถอยในวันข้างหน้าถ
ผลจะต่างกันลิบลับ    เพราะฉะนั้น อาจารย์จึงเน้นให้ศิษย์ทุกคนของอาจารย์ฟังถ
เสมอๆว่า เวลาที่เราจะบำเพ็ญธรรม  เราต้องใช้ความศรัทธา ไม่ใช่ใช้ความถ
สงสัยเคลือบแคลง อาจารย์รู้ว่าศิษย์บางคนหัวใจว่างเปล่าแทบจะไม่มีความสงสัย อะไรเลย ว่างเปล่าจนกระทั่งเปล่าจนไม่มีอะไรที่จะบำเพ็ญธรรม  บำเพ็ญธรรมถ
อย่างไร เปล่าไม่รู้  ทำไมไม่มาสถานธรรม เปล่าไม่มีอะไร    เราชอบพูดว่าถ
เปล่าไม่มีอะไร มันเปล่าจริงๆ  แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ มันถูกทับถมไปด้วยสิ่งที่ศิษย์ก็ถ
ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะฉะนั้นเราจะต้องพยายามทำความสะอาดจิตใจของเรา เพื่อจะได้มีปัญญาจริงๆที่จะมาบำเพ็ญธรรม ถ้าจิตใจของเราไม่สะอาดเราบำเพ็ญ ธรรมไป บำเพ็ญเพื่อที่จะถอยในวันข้างหน้านั้นเอง    สังเกตไหมว่า ปีผ่านปีไปถ
จิตใจของเราถึงได้ถอยลงเรื่อยๆ ถอยต่อความดีก็ดี ถอยต่อสิ่งที่คอยเอาชนะมารถ
ก็ดี มันถอยลงไปเรื่อยๆ เพราะอะไรเราเองก็ยังไม่รู้เลย  สิ่งเหล่านี้ก็คือจิตใจถ
ที่ไม่เข้มแข็งมากพอ เราควรจะรู้จักตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้  เมื่อปีหน้าอาจารย์ถ
มาก็ดี  สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์อื่นๆมาก็ดี   จะได้พบศิษย์ของอาจารย์อีกครั้งและเจอกันถ
อย่างนี้จนตลอดไปถ
อย่า ถือ วันหลังมาสถานธรรมถ้ามีอะไรขัดหู ขัดตา ขัดใจ อย่าถือนะ เพราะถ
ว่าทุกคนนั้นมาบำเพ็ญธรรม  ทุกคนนั้นเป็นมนุษย์  มีธรรมะอย่างเดียวที่ถูกส่งมาถ
จากฟ้า นอกนั้นก็ให้คนเป็นผู้เผยแพร่ไป ให้คนเป็นผู้บำเพ็ญไป  บำเพ็ญบางทีก็มีีถ
อะไรดีบ้าง ไม่ดีบ้างอยู่ในนี้แหละ  ขอให้เราเลือกแต่สิ่งที่ดีดีไป    เหมือนกับถ
เวลาต้มหม่ี เราจะเลือกเอาเส้นหรือเอานำ้ขึ้นมา เลือกให้ถูก  อย่าเอาแต่นำ้ถ
กลับบ้าน  นำ้เต็มหัวใจ เลยโหรงเหรง ไปไหนก็มีแต่นำ้     บางคนเป็นคนที่ถ
ค่อนข้างจะละเอียด รอบคอบ เป็นคนที่ไม่ง่ายกับทุกอย่าง มีความละเอียดละออถ
อยู่ในใจ แต่ความละเอียดนั้นต้องเก็บไว้ใช้ให้ถูกกับเราถ
มั่่น ใน คนๆนี้ก็ไม่ง่ายนะ แม้ในกระเป๋าจะไม่มีสตางค์     แต่ว่าในวาสนา ของเรามีเยอะแยะ  ถ้าเราบำเพ็ญธรรมก็คือการถนอมวาสนาไปเรื่อยๆ  ให้มี ความมั่นคงอยู่ในใจ รวยทรัพย์นั้นมีมากไปก็หมด รวยนำ้ใจรวยวาสนาใช้ไม่หมดถ
สิ่ง สรรพ เวลาที่เรากราบพระนั้น การบำเพ็ญธรรมก็มีท่าที่ถูกต้อง   มีความถ
ยากลำบากบ้าง มีความง่ายบ้าง เรามาสถานธรรมอะไรๆก็แปลกไปหมด   ไม่ถ
ค่อยจะคุ้นเคย แต่ว่าเรายิ่งมาบ่อยเราก็ยิ่งคุ้นเคย  หลายปีมาแล้ว   แต่เราก็ถ
ยังไม่คุ้นเคยสักที   สรรพสิ่งแปลว่าทุกสิ่ง   ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ควรจะวางถ
ให้มากๆ ไม่งั้นเราก็ไม่มีเวลามาสถานธรรม   อยากจะให้อาจารย์รักษาอะไรถ
(รักษาตา) เราใช้เขามาตั้งเยอะแยะ  ตอนนี้จะมาเรียกหาหมอก็ช้าไป จะให้ อาจารย์ช่วย อาจารย์ช่วยไปแล้ว ศิษย์หายแล้ว   ยังอยากจะบำเพ็ญธรรมไหมถ
(อยาก) แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาที่มีโอกาสดีๆอยู่ในมือเราทำไมถึงไม่รีบบำเพ็ญ   อาจารย์จะบอกให้นะว่า    อาจารย์มักจะช่วยศิษย์ทุกๆคนเท่าที่อาจารย์ช่วยได้ แต่ศิษย์อย่าลืมว่าทุกๆคนนั้นมีเจ้ากรรมนายเวรมากเป็นพรวนๆ    ศิษย์คนเดียว หางอาจจะต่อยาวไปถึงห้าเมตร สิบเมตรหรืออาจจะมากกว่านั้น อยู่ที่ทำความดี ทำความไม่ดีมากเท่าไหร่  ตอนที่เรามีธรรมะไปถึงบ้าน  ตอนที่เรายังสามารถ จะบำเพ็ญได้เราไม่ทุ่มเทให้เต็มที่  ตอนนี้เป็นเรื่องยากลำบากมาก แต่อาจารย์ถ
ไม่ปฏิเสธ ให้พระกวนอิมเมตตาช่วยเหลือแล้วกันนะ    ดูซิว่าความศรัทธาของ ศิษย์จะสามารถทำให้ท่านปกป้องศิษย์ได้หรือเปล่า        ได้ไหว้ท่านบ่อยไหม อาจารย์ไม่ได้มารักษาโรค   อาจารย์ไม่รับประกันว่าหายไหม    มัันขึ้นอยู่กับ ความศรัทธาของคน    จิตเป็นสิ่งที่อยู่ภายใน และจิตเป็นสิ่งที่มีพลานุภาพเหนือถ
ร่างกายนี้  เมื่อจิตของเรามีศรัทธา   เมื่อเราสามารถจะเจริญกุศลเพื่อชดใช้ เจ้ากรรมนายเวรได้  จิตของเราจะส่งพลานุภาพไปยังท่านและท่านจะช่วยเราถ
ได้  แต่ต้องเปิดใจให้กว้างๆ เมื่อช่วยแล้วศิษย์จะไปทำเหมือนเดิมไม่ได้  แล้วถ
จะรอให้ท่านช่วยศิษย์ก่อนไม่ได้  ศิษย์ต้องเจริญกุศลก่อน  ไปกราบท่าน  ทุกคน ช่วยกันกราบก็ได้นะ   ต้องเข้าใจนะว่า อาจารย์ไม่ได้มารักษาโรค   บางคน แม้ไม่ได้ขอส่ิงศักดิ์สิทธิ์ๆก็ช่วย   แม้ไม่พูด  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็รู้ว่าศิษย์ป่วยเป็นอะไร  แต่ทุกคนในโลกป่วยเป็นโรคใจ   มีใจเป็นต้นเหตุ   เมื่อใจมีปัญหาจิตก็มีปัญหา เมื่อจิตมีปัญหาร่างกายของศิษย์ก็มีปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยใจและอาจจะ หายได้ด้วยใจ บางคนใช้พลังจิตในการสะกดคนอื่น แต่เราจะใช้พลังจิตนี้ในการ สะกดตัวเองนะ สะกดให้เราหายจากโรคไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ไม่ว่า จะดีไม่ว่าจะไม่ดี เราก็ถือว่าเราส่งจิตใจอันศรัทธานี้ไปถึงเบื้องบนนะ  ศิษย์คิดถ
ว่าต้องใช้แรงส่งเท่าไหร่จึงจะสามารถไปถึงเบื้องบนถ
ที่ เคย รู้ ถ
เปิด ใจ ดู อาจารย์อยากจะขอเวลาให้ศิษย์นั้นได้บำเพ็ญธรรมด้วย ขอให้เราถ
ได้บำเพ็ญธรรมในยามทำงาน ไม่ใช่อาจารย์กลับก็กลับไปด้วย ขอให้เปิดใจให้ถ
กว้างๆ ใจที่กว้างอยู่แล้วให้กว้างมากขึ้น การบำเพ็ญธรรมะนั้นเป็นเรื่องง่ายๆถ
พื้นๆ ทำในสิ่งที่ตัวเองรู้มาแต่เก่าก่อนนั้น ในส่วนที่เรียกว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วเมื่อถ
เราทำได้หมด หาสิ่งศึกษาเพิ่มเข้าไป เพิ่มความพยายามให้มากขึ้นจึงจะเรียกถ
ว่าคนบำเพ็ญ ทำในสิ่งที่เรารู้ให้หมดสิ่งที่เรียกว่าดีทั้งหมด คนทั่วไปไม่สามารถ ทำสิ่งที่รู้ให้แจ่มแจ้งได้ ฉะนั้นจึงยังยากที่จะมาบำเพ็ญธรรมได้ตลอดรอดฝั่งถ
ให้ เวลา กับ  อาจารย์ขอเวลาของศิษย์ทุกคนที่จะเสียสละมาบำเพ็ญ เพราะถ
ว่าการบำเพ็ญในพื้นฐานชีวิตของเราก็ไม่ใช่จะมีรากมีฐานตั้งแต่ต้น ต่อไปนี้ต้องถ
ให้เวลากับการบำเพ็ญจริงๆ อย่างน้อยถ้าเราไม่มีเวลามาสถานธรรม  เราก็ถ
ต้องมีเวลาที่จะมองดูตัวเอง  มีเวลาที่จะดูว่าเราเอาธรรมะไปไว้ตรงไหนในถ
จิตใจของเรา มีความเชื่อมั่นกับธรรมะมากแค่ไหน  และมีความเชื่อมั่นพอที่จะถ
บอกคนอื่นว่าเราบำเพ็ญธรรมอยู่     คำว่าเวลานี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของอีกถ
หลายสิ่งในชีวิต ถ
จิต ตน นี้ เห็นไหมว่าอาจจะมีธรรมะเหมือนๆกัน แต่อาจจะมีความแตกต่างอยู่ถ
ได้ด้วย บำเพ็ญธรรมบำเพ็ญอย่างไรถ
รูป แท้  ตลอดมาศิษย์ของอาจารย์ก็ได้บำเพ็ญอยู่  แต่เราบำเพ็ญด้วยการติดในถ
การดู ดูอนาคตก็ดี ดูอดีตก็ดี ดูสิ่งต่างๆ เพราะฉะนั้น รูปแท้เป็นอย่างไร รูปแท้ถ
คือรูปที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่ว่ารูปปลอมคือสิ่งที่กำหนดได้   เห็นได้ถ
กำหนดได้ว่าเราจะต้องเป็นอย่างนี้ๆและเราต้องมีลาภอย่างนี้ๆต้องมีผลอย่างนี้ๆ   ไม่ว่าเงินทองลาภยศและการรักษาโรคได้ ล้วนไม่ใช่รูปแท้  อาจารย์จะบอกว่าถ
ความว่างเปล่านั้นเป็นรูปที่แท้จริง ชีวิตของคนต่อให้หามาได้มากเท่าไหร่  เงินถ
ทอง ลาภยศก็ดี ความสุขก็ดี สักวันหนึ่งมันจะหายไป  เพราะฉะนั้น รูปแท้ๆของถ
ชีิวิตเราคือความว่างเปล่า อย่าได้ไขว่คว้า อย่าได้ดิ้นรนหาให้มากเลย  ความถ
อยากรู้ก็ดี  ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์ก็ดี เราจะไม่ไขว่คว้าไม่แสวงหา อาจารย์ อยากให้ศิษย์บำเพ็ญด้วยความมั่นคงหนักแน่น ขอให้เราอย่าได้ดิ้นรนที่จะได้รู้ได้ดู ได้เห็นอะไร เราจะได้มีรูปแท้อยู่ในชีิวิตของเรา  เราจะได้มีนิพพานตั้งแต่เราถ
ยังไม่กลับขึ้นไปถ
ใน โลก แดน นี้  ถ
หา เคย มี   ในโลกนี้ไม่เคยมีอะไรเลย  ทำไมศิษย์ของอาจารย์ต้องวงขึ้นมา พร้อมกัน เพราะมีบุญร่วมกันมาแต่ครั้งเก่าก่อน แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับที่จะได้ผูกบุญถ
ในชาตินี้ต่อไป ไม่สำคัญเท่ากับที่ได้ลงเรือลำเดียวกันถ
ถึง ครา ที่ ถ
ควร ทำถ
อะไร ไป รีบ ทำถ

ละอัตตา หมายความว่าอย่าถือตัวตน ทำไมถึงบอกว่าให้ละท้ิงตัวตนล่ะ มนุษย์ถ
ทุกคนที่อยู่ในโลกนี้ ทำไมบำเพ็ญธรรมไม่ได้   พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เคยมีร่างกาย เป็นคนไหม   ตอนนี้ร่างกายของเราเขาเรียกว่าคน   เรามีร่างกายเป็นคน พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เคยมีร่างกายเป็นคน  ไม่ต่างกันเลย เมื่อมีร่างกายเป็นคนถ
เรียกว่ามีโอกาสที่จะเป็นพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในโลกนี้ หมู หมา กา ไก่ สัตว์ทั้ง หลายที่เกิดมาเขาก็มีสิทธิ์เกิดเป็นคน   เพียงแต่ชาตินี้เขาไม่ได้เกิดมาเป็นคนถ
เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นจึงบอกว่าทุกๆคนมีโอกาสเท่าๆกัน  เพียงแต่ขาดการถ
บำเพ็ญ และการบำเพ็ญนี้จะต้องละอัตตา  ทุกๆคนยึดในครอบครัว  ยึดในสามี ภรรยา ลูก ทรัพย์สินเงินทอง  นี่เป็นอัตตา ไม่ใช่เฉพาะตัวนี้เท่านั้น แต่มีมากถ
มายหลายอย่างที่เป็นอัตตาทั้งนั้น  ถ้ามาสถานธรรม เราเป็นคนที่โกรธคนง่าย  แล้วเราละอัตตาความโกรธนี้ไม่ได้   พอมาสถานธรรมมีคนยั่วให้โกรธ เราก็ เลยไม่ต้องบำเพ็ญธรรมกันพอดี เพราะเราทนคนอื่นไม่ได้ เราอยู่ร่วมกับคนอื่นถ
ไม่ได้ แต่การบำเพ็ญในยุคนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้เราบำเพ็ญในครัวเรือน ร่วมกับคนอื่น เพราะว่าถ้ารอให้ศิษย์เข้าป่าเขาไปบำเพ็ญธรรมเหมือนสมัยก่อน  ให้บรรลุในแบบอย่างสมัยก่อน ด้วยวิธีนั่งสมาธิก็ดี ทำบุญก็ดี  กี่คนจะทำ  กี่คนถ
เอาจริง กี่คนทำจริง กี่คนบรรลุจริง เหมือนกับคำที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดอยู่บ่อยๆและ อาจารย์ก็เห็นอยู่ตลอดว่าบนสวรรค์ว่างเปล่า  แต่ในนรกแน่นเอี๊ยดไปด้วยคนที่ถ
ทำบาปทำกรรม  ทำไมล่ะ แสดงว่าคนสมัยนี้ทำชั่ว ไม่ฝักใฝ่ในความดี แล้วถ้า ศิษย์ของอาจารย์ยังไม่สามารถที่จะฝักใฝ่ในความดีได้แล้วจะให้ใครทำ   เรา ไม่บรรลุ เราไม่ขึ้นแม้แต่สวรรค์ จะให้ใครขึ้น กระทั่งเราผู้มีสติเพียบพร้อม รู้ ว่าอะไรดี อะไรชั่ว รู้จักแยกแยะอะไรดี อะไรปลอมเรายังไม่อยากไปสวรรค์ถ
เลย แล้วจะให้ใครไป   เพราะฉะนั้น อาจารย์ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ศิษย์ หวังว่าศิษย์จะสามารถนำพาตนเองขึ้นไปได้  เมื่อเราสามารถที่จะบำเพ็ญได้ถ
บรรพบุรุษของเราก็จะได้รับรัศมีแห่งกุศลนี้ไปด้วย เมื่อเราสามารถบำเพ็ญถ
ได้คนรอบๆข้างของเราก็จะเดินตามเราขึ้นมา ถ
วันนี้อาจารย์มาต้องลาแล้วนะ     ไม่รู้ว่าศิษย์ของอาจารย์ฟังเรื่องการถ
บำเพ็ญธรรมแล้ว อยากบำเพ็ญไหม(อยาก)ถ้าหากว่าศิษย์ของอาจารย์ไม่อยากถ
บำเพ็ญธรรม ก็เหมือนเด็กที่ไม่อยากเรียนหนังสือ  ในโลกมนุษย์นี้คนที่ไม่เรียนถ
หนังสือ ออกไปทำงานย่อมไม่เป็นที่ต้อนรับ การบำเพ็ญธรรมก็เหมือนกัน มียากถ
บ้างง่ายบ้าง มีทดสอบบ้าง สอบใจเราบ้างเราสอบตัวเองบ้างเราขี้เกียจบ้าง  เป็นเรื่องธรรมดาที่อยู่ในการบำเพ็ญธรรม  ส่วนการบำเพ็ญธรรมนี้   ธรรมะ ก็เหมือนกับโรงเรียนที่เปิดขึ้นมาชั่วคราวเพื่อที่จะฝึกสอนพุทธะโดยเฉพาะ  ถ้าถ
ใครทำไม่ได้ ใครทนไม่ได้ ใครที่ทำตัวแย่มาก อย่าบอกว่าธรรมะนี้เมื่อรับแล้ว ต้องหลุดพ้นแน่นอน เมื่อรับแล้วไม่มีทางที่จะเป็นอื่นไปได้  ศิษย์ของอาจารย์นั้นถ
ตกนรกก็มี  ทำไมล่ะ  ไม่ใช่เพราะไม่บำเพ็ญอย่างเดียวนะ แต่เพราะถลำทำ ในสิ่งที่เป็นบาปมหันต์อาจารย์ถึงช่วยไม่ได้ ถึงตอนนั้นแม้ว่าจะมีช่ืออาจารย์จี้กง คอยคำ้ประกันก็ไม่สามารถที่จะคำ้ประกันศิษย์ขึ้นสู่เบื้องบนได้ ก่อนที่เราจะจากถ
กันในวันนี้  อาจารย์จึงอยากเน้นให้ศิษย์เลือกทำแต่สิ่งที่ดี  เลือกมองแต่สิ่งที่ดี เลือกปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง  อย่าได้ท้อแท้   อย่าได้ถอนตัวออกจากการบำเพ็ญ  ขอให้ตั้งใจศึกษาให้มากๆ  ถ
เพลงนี้เป็นความในใจของอาจารย์ที่มีต่อศิษย์ทุกคน  ทำไมอาจารย์ถึงมา ลุ้นให้ศิษย์ดึงล่ะ ทำไมอาจารย์ไม่ดึงเองล่ะ  เพราะอาจารย์ไม่มีร่างกายอันนี้     ตอนนี้ยังต้องมายืมร่างกายคนอื่นเขาใช้เพื่อจะได้มาคุยกับศิษย์เห็นไหมว่าต่อให้ เป็นพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีอุปสรรคเลย   ไม่สามารถที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ ตามใจปรารถนา แล้วศิษย์เป็นคน    การเจออุปสรรคบ้างเป็นเรื่องธรรมดาถ
ไม่ใช่หรือ  เมื่อเรามีอุปสรรค เมื่อเรามีความทุกข์ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของถ
การบำเพ็ญ เมื่อศิษย์มีแต่ความสุขสบาย ได้อะไรสมใจอยู่เสมอ นั่นเป็นจุดถ
เริ่มต้นของความล้มเหลว คนที่ไม่เคยได้รับความยากลำบากเลย ย่อมไม่รู้จักถ
ที่จะเอาชนะอุปสรรคได้ ฉะนั้นศิษย์เกิดมาบุญก็มีกรรมก็มี สำเร็จก็เคยล้มเหลวถ
ก็เคย ทุกข์ก็เคย สุขก็เคย เราจะไม่ยอมเป็นคนอย่างนี้ไปตลอดชาติเวียนว่ายถ
ตายเกิดอย่างนี้ไปตลอดกาลใช่ไหม  ถ้าหากใครคิดว่าตัวเองน้ันไม่มีทางหรอก ถ
บุญไม่ถึง  นิพพานไปอย่างไรคิดไม่ออก   อาจารย์ช่วยคิด อาจารย์ช่วยพาไป  ขอให้ศิษย์เดินตามอาจารย์ไป เชื่อมั่นในตัวอาจารย์หน่อย อย่าเปลี่ยนใจวันละ สามสี่รอบ   อ่านเพลงนี้ เข้าใจเพลงนี้ นึกถึงอาจารย์ด้วย อาจารย์ไม่อยากถ
ให้ศิษย์มีความสับสนอยู่ในความคิด   ไม่อยากให้ศิษย์ดึงกันไปดึงกันมาแบบไม่มีถ
จุดยืน แบบพร้อมที่จะล้มเสมอ  ทุกๆคนพร้อมที่จะเป็นคนเข้มแข็งในวันข้างหน้า เพียงแต่วันนี้ต้่องรู้จักตัวเองก่อน  เอาละ ช่วยกันร้องเพลงส่งอาจารย์ถ

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา