วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

2556-06-15 สถานธรรมเต๋อฮว่า จ.สงขลา


西元二一三年 歲次癸巳五月初八日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๖ สถานธรรมเต๋อฮว่า จ.สงขลา
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ

ธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อหนุน แต่ความอยากที่มักคุ้นพาลทำร้าย
เห็นแก่ตัวหลงผิดจนไร้ยางอาย  คนกับคนจึงทำร้ายได้ลงคอ
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา  ลงสู่พุทธสถานเต๋อฮว่าแฝงกายน้อมกราบอัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤา

ใจคนวิ่งแต่คิดไม่ประมาณ ใจคนฝันความต้องการปรารถนา
ชีวิตก็แค่นี้ตามกันมา หากปัญญาตรึกทันไม่เหมือนกัน
พิจารณาโลกถ่องแท้เกิดปลงตก นรกยกมาตรองใหม่เห็นสวรรค์
แพ้ทุกสิ่งเพื่อหมากตาสำคัญ คนยึดมั่นใดใดไม่ปลอดภัย
พูดว่าแค่หรือแน่ว่าเท่านี้ กิเลสมีล้วนฟูฟ่องอีกได้
กิเลสเป็นพรายผุดน้ำหมื่นสาย จึงไม่อาจประมาทในการบำเพ็ญ
ความดีไม่คืนชีพบนอคติ แต่อุตริรั้งอยู่จึงเคี่ยวเข็ญ
กายใจจิตฝึกรู้สงบเย็น จงบำเพ็ญก่อนสายคืนสู่ดิน
คนสำนึกใช้ธรรมกลับใจใหม่ ไม่สำนึกกลับใจใช้เล่นลิ้น
อยากบำเพ็ญคืนบ้านเดิมไร้ราคิน หากกิเลสยังไม่สิ้นต้องระวัง
                 ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ
"ธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อหนุน แต่ความอยากที่มักคุ้นพาลทำร้าย"
มีคำกล่าวว่าเสือร้ายแล้ว แต่ยังมีคนที่ร้ายกว่าเสือใช่หรือไม่ (ใช่)  เสือร้ายแล้วยังมีอะไรร้ายกว่าเสือหรือ ยุงหรือใช่ไหม (ใช่)  ยุงร้ายกว่าเสือไหม (ไม่)  เสือถ้าเราไม่เข้าป่าก็คงไม่โดนกัด แต่ยุงอยู่ทุกๆ ที่เลย แต่ถ้าไม่กัดสักที เราจะต้องรำคาญใจไหม เคยคิดไหมบางครั้งเรานั่งอยู่สบายๆ ยุงมากัดเรารำคาญใจ ทำไมเราไม่ปล่อยให้มันกินจนอิ่มเราก็ไม่ต้องรำคาญแล้ว กินอิ่มฆ่าได้เลยใช่หรือเปล่า รอให้อิ่มเต็มที่แล้วจัดการประหารได้เลยใช่หรือไม่ (ไม่)  ยุงร้ายแล้วอะไรร้ายกว่ายุง (คน)  คนไม่มีวันอิ่มใช่ไหม (ใช่)  อิ่มแล้วก็อยากอีกใช่หรือไม่ (ใช่)
“เห็นแก่ตัวหลงผิดจนไร้ยางอาย คนกับคนจึงทำร้ายได้ลงคอ”
จริงๆ เราอยู่ร่วมกันต้องต่างเกื้อหนุนเอื้ออาทร เอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกัน แต่เพราะความอยากของคนหรือเปล่าที่ทำให้คนกับคนทำร้ายกันได้ หรือเพราะความเห็นแก่ตัวหลงผิด เราจึงทำร้ายคนที่อยู่ใกล้ชิดได้ลงคอ เราเป็นอย่างนั้นกันบ้างไหม (เป็น)  เชื่อไหมว่าแค่ความอยาก อยากเอาแต่ใจ อยากแล้วต้องได้ อยากแล้วต้องสมหวัง แค่ความอยากอย่างเดียวที่ต้องได้และต้องสมหวัง ขนาดคนที่รักที่สุดเขาก็ยังว่าได้ลงคอจริงไหม (จริง)  ขนาดคนที่เลี้ยงเขามาตลอดชีวิต เขายังทำร้ายได้ลงคอ เพียงเพราะว่าความอยาก อยากที่เกิดจากตัวเราใช่หรือไม่ แล้วทำร้ายคนรอบตัวเพราะอะไร เพราะเราเห็นแก่ความสุขของเรา จนลืมนึกถึงความสุขของผู้อื่น ฉะนั้นการตามใจตัวเอง การเห็นแก่ตัวเอง แน่ใจหรือว่าจะไม่ทำร้ายคนรอบข้างจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นถ้าเราปล่อยให้ตัวเองตามใจตัวเองจนเคยชิน บ่มเพาะกลายเป็นนิสัยที่ใครขัดใจไม่ได้ ใครก็ว่าไม่ได้ ใครก็แย้งไม่ได้ ต่อไปคนๆ นี้ ก็จะทำร้ายได้แม้กระทั่งคนที่เขารักมากที่สุดใช่หรือไม่
ฉะนั้นคนที่รักที่สุดเขายังทำได้ แล้วคนที่อยู่รอบข้างที่เขาบอกว่า "รัก" วันหนึ่งเขาก็ต้องทำให้ทุกข์ได้จริงหรือไม่ (จริง)  แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น)  ไม่เคยทำให้คนที่บ้านผิดหวังเลยใช่ไหม (ใช่)  ไม่เคยทำให้คนที่บ้านเสียใจเลยใช่ไหม (ไม่ใช่)  ทำไมเริ่มมีไม่ใช่แล้วล่ะ ถามว่าในชั้นเรียนนี้มีใครบ้างที่ไม่เคยทำให้คนที่เรารักที่สุดเคยผิดหวังหรือเสียใจเลยยกมือขึ้น ส่วนใหญ่อายุมากแล้วไม่มีเวลาทำให้ผิดหวังแล้วใช่ไหม เพราะพ่อแม่ไปหมดแล้วใช่หรือเปล่า แต่จริงๆ ถามดูนะอายุมากแล้วแน่ใจหรือว่าสักคำหนึ่งเคยทำให้ลูกเจ็บช้ำน้ำใจหรือน้อยเนื้อต่ำใจใช่ไหม (ใช่)  เรามั่นใจหรือว่าแม้สักคำหนึ่งเราก็ไม่เคยพูดทำให้ใครเจ็บปวดใจเลย ไม่มีหรอก ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นการเรียนรู้ธรรมะไม่ใช่ให้ท่านรู้จักรักษาศีล แต่การเรียนรู้ธรรมะคือการหันกลับมาย้อนมองส่องตนและสำรวมระมัดระวัง คำพูดคำจา การประพฤติ การดำเนินชีวิต อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบงำจนทำร้ายคนที่เรารักที่สุด หรือทำร้ายแม้กระทั่งชีวิตเราเอง จริงไหม (จริง)  
ถามว่าท่านรักตัวเองไหม (รัก)  คนที่รักตัวเองเคยทำให้ตัวเองเจ็บบ้างไหม (เคย)  อย่างนี้ไม่รักตัวเองจริง จริงไหม (จริง)  ถ้ารักตัวเองต้องไม่ทำให้ตัวเองเจ็บใช่ไหม (ใช่)  รักตัวเองไหม (รัก)  แล้วเคยทำให้ตัวเองเหนื่อยสายตัวแทบขาดไหม (เคย)  อย่างนี้ก็ไม่รักตัวเอง ใช่ไหม (ใช่)  คนที่รักตัวเองคงไม่เห็นค่าเงินมากกว่าชีวิต คนที่รักตัวเองคงไม่ยกเงินมีค่ายิ่งกว่าชีวิต จริงไหม (จริง)  ขอตั้งคำถาม ให้ท่านเลือกนะ มีสามข้อ ระหว่างดอกไม้ เงิน และชีวิต ท่านว่าสามอย่างนี้อะไรมีค่ามากกว่ากัน (ชีวิต)  ถึงเวลาป่วยไปหาหมอก่อนหรือไปหาเงินก่อน
(ไปหาหมอก่อน)  แต่จริงๆ ถ้ารักชีวิตมากกว่าเงิน การหาเงินก็จะไม่ทำให้เราเจ็บป่วย  ใช่หรือไม่ (ใช่)   
เราถามหน่อยนะ คนที่อายุยังน้อยเคยได้รับดอกไม้สักดอกหนึ่งจากใครบ้างไหม (เคย)  หรือคนที่อายุมากแล้วเคยได้ดอกไม้สักช่อจากใครบ้างไหม (เคย)  หรือนักเรียนในชั้นเคยมีใครได้รับดอกไม้ จากคนที่รู้จัก จากคนที่ไม่คาดคิดแล้วให้เราใช่ไหม (ใช่)  แล้วเคยคิดไหมว่าดอกไม้มีค่ามากกว่าชีวิต (เคย)  ถ้าวันหนึ่งได้ดอกไม้จากใครสักคนหนึ่งก็ไม่รู้ มาบอกรักเรา เราดีใจที่ได้รับดอกไม้ดอกนี้ แล้วเคยไหมเอาไปคิด เอาดอกไม้กลับไปวางไว้ที่บ้านแล้วตื่นขึ้นมา ดอกไม้นั้นหายไป (ไม่เคย)  เราโวยวายแทบเป็นแทบตายใช่หรือไม่ เคยไหม
แต่ว่าท่านรักชีวิตมากกว่าเงินทองใช่ไหม (ใช่)  พอเงินหาย
(ก็โวยวาย)  เงินหายเหมือนชีวิตหายไปครึ่งหนึ่งเลยใช่ไหม (ใช่)  ถ้าอย่างนี้ที่พูดกับเรามาก็โกหกทั้งนั้นเลยใช่ไหม เรายกตัวอย่างง่ายๆ มีคนคนหนึ่งตลอดชีวิตไม่เคยได้รับดอกไม้เลย แต่วันหนึ่งมีชายคนหนึ่งมาบอกรักและให้ดอกไม้ ปรากฏว่าพอเอาดอกไม้นี้กลับไปที่บ้าน ดีใจเก็บไว้อย่างดี แต่ปรากฏว่าดอกไม้มาอยู่ในห้องเป็นยังไง (รก)  ดอกไม้ทำไมมันเหี่ยวสกปรกลูกยังเก็บไว้แม่เลยช่วยเอาไปทิ้ง พอลูกกลับมาเป็นอย่างไร (เสียใจ)  เสียใจหรือ เราเห็นเดินไปอาละวาดเลยใช่หรือเปล่า ตกลงชีวิตของดอกไม้มีค่ามากกว่าชีวิตของแม่หรือ เราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เราบอกว่าชีวิตมีค่ากว่าเงินทองถูกไหม แต่พอเงินหายทำไมแทบล้มประดาตายเลยใช่หรือเปล่า ฉะนั้นที่ท่านบอกเรามาล้วนโกหกทั้งนั้นจริงไหม
ฉะนั้นอยู่ในโลกอย่าสำคัญผิด อยู่ในโลกอย่าลืมคุณค่าของชีวิต เราถามนะว่าระหว่างดอกไม้กับชีวิต ท่านว่าอะไรทำให้เราทุกข์มากกว่ากัน (ชีวิต)  ชีวิตทำให้เราทุกข์มากกว่าดอกไม้ใช่หรือไม่ แปลว่าเราเข้าใจดอกไม้มากกว่าเข้าใจ (ชีวิต)  ใช่ไหม จริงหรือ บางครั้งอาจจะเป็นดอกไม้ แต่จริงๆ แล้วคือชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)  เราอยากจะบอกท่านว่า ดอกไม้นี่แหละยิ่งเห็นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเตือนตัวเองได้มากเท่านั้น เพราะดอกไม้อายุสั้น แล้วชีวิตเราอายุยืนหรือ (อายุสั้น)  ใช่ไหมเราเห็นดอกไม้ชัด แต่เราเห็นตัวเองไม่ชัด เรากลับรู้ว่าดอกไม้มีวันร่วงโรย เราจึงไม่ทุกข์เพราะดอกไม้ ถ้ามีใครสักคนให้ดอกไม้มา แล้ววันหนึ่งมันต้องร่วง เราก็ยังทำใจได้ ยังรู้จักถนอมมันให้ยืดยาวได้ใช่ไหม แต่ทำไมเมื่อถึงเวลาชีวิตร่วง ชีวิตเปลี่ยนแปลง เรากลับทำใจไม่ได้เหมือนดอกไม้ เรากลับเห็นไม่ชัดเหมือนดอกไม้ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นท่านเป็นคนที่เห็นดอกไม้แต่ไม่เห็นชีวิต รู้จักดอกไม้แต่ไม่รู้จักตน มีปัญญาเรียนรู้เข้าใจดอกไม้ มีปัญญาเรียนรู้เข้าใจปลูกต้นไม้ แต่กลับขาดปัญญาเรียนรู้เข้าใจชีวิต และหล่อเลี้ยงชีวิตให้เข้มแข็ง จริงหรือไม่ (จริง)  ต้นไม้หักอย่างไรถ้ารากยังอยู่ ก็กลับมาฟื้นคืนได้ แต่ชีวิตคนเราตัวก็อยู่ อะไรก็อยู่ครบ แต่ทำไมนั่งตรงนี้กลับหาความสุขไม่ได้เลย ยิ่งนั่งก็ยิ่งเบื่อ อย่างนั้นเราก็สู้อะไรกับดอกไม้ไม่ได้เลยใช่ไหม ดอกไม้ถึงแม้จะถูกคนดึง ถึงจะถูกคนขยำ ถึงจะถูกคนเด็ด ถ้ายังมีรากมันก็กลับมาชูช่อใหม่ แต่มนุษย์แค่ถูกบีบให้นั่งแคบๆ แค่ถูกบังคับให้นั่งหนึ่งวันนานๆ เรากลับหาความสุขไม่ได้น่าสงสารไหม (น่าสงสาร)  ฉะนั้นรู้จักดอกไม้ รู้จักโลกทั้งใบ แต่กลับไม่รู้จักใจตัวเอง หวังจะคุมคนโน้น หวังจะคุมคนนี้ แต่กลับคุมใจตัวเองให้มีความสุขแค่เรื่องตรงนี้ เดี๋ยวนี้ยังไม่ได้ (มีนักเรียนไม่สบาย มีอาการไอมาก)  สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาถามว่า ไหวไหม อายุมากแล้วก็ลำบากนะ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่เราอยากบอกท่านอยู่อย่างหนึ่งนะว่า มนุษย์นั้นมีสิ่งประเสริฐยิ่งกว่าร่างกาย นั่นคือปัญญาและจิตเดิมแท้ ถ้าเราเข้าถึงปัญญาและจิตเดิมแท้ ปัญญานี่แหละจะนำพาให้เราค้นพบจิตเดิมแท้และนำพาให้ท่านพ้นทุกข์บนโลกนี้ได้ ไม่ถูกจำกัดด้วยร่างกาย

ชีวิตกับดอกไม้ต่างกันไหม (ต่างกัน) เราว่าไม่ต่างกัน ดูเหมือนต่างแต่จริงๆ แล้วมีสัจจะอันหนึ่งที่ไม่ต่าง ดอกไม้มีวัน (ร่วงโรย)  ชีวิตก็มีวัน (ร่วงโรย)  ถ้าเราเห็นชีวิตเหมือนดอกไม้ ดอกไม้เหมือนชีวิต เราจะประมาทในการดำรงตนไหม (ไม่)  แต่เราคิดว่าชีวิตเราเหนือกว่าดอกไม้ เราจึงประมาทหลงลืมตนใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเป็นผู้ชายแต่ถือตะกร้าดอกไม้ ถ้าคนได้เรียนรู้ประวัติของแปดเซียน เราคือผู้ชายที่ถือตะกร้าดอกไม้ แล้วมีที่ไหนผู้ชายในโลกถือดอกไม้ มีไหม (มี) ใช่ไหม (ใช่)  ผู้ชายแบบไหนหรือ (กะเทย)  เราไม่ใช่อย่างนั้น เราแค่เอาดอกไม้มาเปรียบเทียบกับชีวิต เพราะบางครั้งมนุษย์มักจะคิดว่า ตัวเองยิ่งใหญ่กว่าดอกไม้ ตัวเองล้ำค่ากว่าดอกไม้ แต่เราถามท่านในที่นี้ใครกล้าบอกว่าตัวเองอายุยืนกว่าดอกไม้ในตะกร้านี้บ้าง  ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าเราจะอายุยืนกว่าดอกไม้ เพราะเราไม่รู้อะไรเลยในวันข้างหน้าใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นบางครั้งเห็นดอกไม้แล้วไม่ลืมชีวิตก็ดีนะ เราจะได้ไม่ประมาทหลงลืมตน คิดว่าเดี๋ยวค่อยทำดี เอาไว้คราวหน้าก็ได้ใช่ไหม (ใช่)  ฟังธรรมเมื่อใดก็ได้ใช่ไหม (ใช่)  ทำดีเมื่อใดก็ได้ใช่ไหม (ไม่ใช่, ใช่)  ถ้าเรารู้ว่าชีวิตเราไม่แน่ เราควรพยายามพากเพียรทำสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง แต่เรากลับคิดว่าเรายังมีเวลาอีกมาก เรายังมีวันพรุ่งนี้ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วรู้ได้อย่างไรว่ามีวันพรุ่งนี้
ชีวิตที่ดีคืออะไร โดยส่วนใหญ่จะตอบว่า ชีวิตที่ดีก็คือชีวิตที่มีความสุขมากที่สุด  ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นเราถามท่านนะว่าแน่จริงหรือ ถ้าเราบอกว่าชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ทุกข์น้อยที่สุด  ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นอันแรกไม่ใช่เลยใช่ไหม (ใช่)  เรายังมีอีกนะ ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่สามารถอยู่ร่วมกับทุกข์แล้วไม่ทุกข์ (ใช่)  เอาแล้วเริ่มเปลี่ยนใจอีกแล้ว ตกลงชีวิตที่ดีคืออะไร (การปล่อยวาง)  ปล่อยวางหรือแปลว่าไม่ต้องทำอะไรหรือ ฉะนั้นมนุษย์มักจะเข้าใจคำว่าการดำรงชีวิตกับการเรียนรู้ซึ่งธรรมแตกต่างกันใช่หรือปล่า ถ้าถามว่าหากเราไม่บอกสองข้อหลังท่านก็คงดำเนินชีวิตตามแต่ข้อแรกชีวิตที่ดีที่สุดคือชีวิตที่มีแต่ความสุข จนได้ใช้ชีวิตบ่อยๆ จึงรู้ว่าความสุขนั้นเหละตัวร้ายกาจเลยใช่ไหม (ใช่)  ยิ่งหวังสุขมากเท่าไหร่ก็รู้จักทุกข์ที่เจ็บปวดมากที่สุด
ฉะนั้นชีวิตที่ดีที่สุด คือชีวิตที่ (อยู่กับทุกข์ได้)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่พออยู่กับทุกข์มากๆ ทุกข์มากๆ เรากลับยิ่งเข้าใจอีกว่าชีวิตที่ดีที่สุดคือชีวิตที่อยู่ร่วมกับทุกข์แล้วใจไม่ทุกข์ ปกติเราส่วนใหญ่เราดำเนินชีวิตเราจะหนีทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราก็บอกว่านี่ท่านว่าเรามาฟังธรรมะก็อยากหาทางพ้นทุกข์ อยากดับทุกข์แต่ดับไม่ได้ หาทางไม่พ้นสักที ฉะนั้นวิธีที่เราอยากจะบอกทำอย่างไรล่ะ เราจึงอยู่ร่วมกับทุกข์แล้วไม่ทุกข์ โดยปกติเอาแต่เมินหน้าหนีทุกข์ โดยปกติเอาแต่พยายามกลบทุกข์ไปก่อนชั่วคราวใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าท่านอยากอยู่กับทุกข์แล้วไม่ทุกข์  จงหันหน้ามาแล้วเรียนรู้ทำความเข้าใจกับทุกข์ให้ได้แล้วความทุกข์นั้นแหละจะสอนจนทำให้เราเกิดปัญญานำพาให้พ้นทุกข์ อยากเรียนรู้วิชานี้ไหม (อยาก)  อยากรู้ใช่ไหม (อยาก)  ถ้าเราถามว่า เมื่อเราหันกลับมาแล้วเผชิญหน้ากับความทุกข์ หลายครั้งที่เราพยายามเผชิญหน้ากับความทุกข์แต่ถึงที่สุดก็ไม่รอดสักทีใช่ไหม มันก็ทุกข์อยู่นั่นแหละ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั่นเราถามท่านนะว่าเมื่อหันมาเผชิญหน้ากับความทุกข์เราเคยถามไหมว่าทุกข์มันสอนอะไรเรา เคยหันไปมองไหม มองยังไงก็ไม่พบใช่ไหม (ใช่)  เราจะเรียนรู้อยู่กับทุกข์และเอาชนะทุกข์ได้อย่างไร หรือเราจะมองเห็นทุกข์และเราจะแก้ทุกข์อย่างไร (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นออกมาหน้าชั้น โดยให้ดอกไม้ 1 ดอกกับนักเรียนคนที่ 1)  เราให้ท่านดอกหนึ่ง รับก่อนนะ ให้เพิ่มอีกดอกหนึ่ง ดีใจไหม การที่เราจะเอาชนะทุกข์ได้หรือหาทางพ้นทุกข์ได้ เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นใช่หรือไม่ (ใช่)  ดีใจไหม (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาค่อยๆ ดึงกลีบดอกไม้ของนักเรียนคนที่ 1 ทีละกลีบๆ พร้อมกับถามว่าเสียใจไหม)  เป็นอย่างไร ยังรับไหวไหม (ยังรับไหว ยังไม่หมด)  ถ้าเราดึงอีก ไหวไหม (ได้)  แล้วถ้าเราดึงหละ (ก็ปล่อยให้ดึง)  ใจเหมือนเดิมไหม ทุกข์คืออะไร อย่าให้เสียดอกไม้ เสียใจ แล้วก็ได้แค่ทุกข์ แต่ไม่ได้อะไรในโลก เสียดอกไม้แล้วอย่าใจเสีย ทุกข์กับดอกไม้แล้วอย่าให้ใจทุกข์ แต่จงเอาสิ่งที่สูญเสีย สิ่งที่ทุกข์ มาทำให้เกิดปัญญาแล้วพาตัวเองพ้นทุกข์ให้ได้ อย่าเกิดมาของต้องเสียแล้วอย่าให้ใจต้องเสีย และอย่าให้ชีวิตเสียไปเปล่าประโยชน์ เราเหมือนคนที่เสียหนึ่ง เสียสอง เสียสาม ทำไมไม่เสียหนึ่งแล้วเกิดปัญญาพ้นทุกข์ สิ่งที่มนุษย์กลัวที่สุด ถ้าเราบอกว่าอันนี้คือชีวิต (ดอกไม้ที่ถูกดึงกลีบ)  ถ้าชีวิตเราเหลือแค่นี้ เราจะพ้นทุกข์ไม่ได้หรือ
ฉะนั้นสิ่งที่มนุษย์กลัว พุทธะเอามาเป็นสะพานข้ามให้พ้นทุกข์ สิ่งที่มนุษย์จมอยู่กับความมืดมน พุทธะกลับนำมาค้นพบหนทางสว่าง และนำพาให้ตัวเองและคนรอบข้างพ้นทุกข์
ฉะนั้นเสียดอกไม้แล้ว เราควรได้อะไรกลับมา ไม่ใช่เสียดอกไม้แล้วเสียทั้งใจ เสียทั้งชีวิตไปเปล่าๆ คิดออกไหม ถ้าคิดออกจะได้ดอกไม้กลับมาเหมือนเดิม ถ้าคิดไม่ออกก็เอาไปนะ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้ดอกไม้ที่โดนเด็ดกลีบออกไปบางส่วนให้กับนักเรียน)  คิดออกไหม ทุกข์แล้วเราควรได้อะไรจากทุกข์
แค่นี้ก็ยังคิดไม่ออกใช่ไหม รบกวนอีกท่านหนึ่ง จะโดนดึงดอกไม้เหมือนกันหรือเปล่านะ ดีใจไหม (ดีใจ)  แต่ออกมาอย่างนี้ชักกลัวแล้วหรือเปล่า ถ้าเราบอกว่างวดนี้เราไม่ดึงแล้ว การดึงดูโหดร้ายไปใช่ไหม แต่ถ้าเราทำแบบนี้ละ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขยำดอกไม้แล้วก็ทิ้งหล่นลงกับพื้น)  ดอกไม้ก็เหมือนชีวิต ถ้าวันหนึ่งเราต้องถูกบีบคั้นด้วยความทุกข์ ถูกเหยียบย่ำด้วยคนอื่น เราจะหันมาเผชิญกับความทุกข์นี้ได้อย่างไรถ้ามันเหลือแค่นี้ ฉะนั้นเราควรมองอะไรให้เห็น อย่าเป็นคนที่เกิดมาแล้วปล่อยให้ทุกข์มันลากเราไปซ้ำแล้วซ้ำอีก ดึงเราให้เจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เราไม่เคยทำให้ทุกข์นี้พ้นทุกข์ไปได้เสียที คิดได้หรือยัง มีใครคิดได้บ้าง อะไรที่จะนำพาให้เราพ้นทุกข์ (ปัญญา)  ปัญญาในเรื่องอะไร ปัญญาที่เข้าถึงอะไร ท่านเคยได้ยินคำหนึ่งไหม โลกนี้ทำให้เราเรียนรู้ว่าในโลกไม่เคยมีสุขแท้ และในโลกไม่เคยมีทุกข์จริง เคยได้ยินคำนี้ไหม เคยไหม (เคย)  (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้ญาติธรรมผู้หญิงที่ออกมายืนก่อนหน้านี้ให้ยืนต่อและให้ญาติธรรมหญิงออกมาอีก 1 ท่าน)
ฉะนั้นเมื่อใดที่เจอทุกข์ จึงพยายามค้นหาด้วยปัญญาตัวเองให้ดี ถ้าต้องรับกับสิ่งที่เหลือของคนอื่นเรารับได้ไหม สนุกไหม ไม่สนุกนะท่านคิดให้ดีๆ ใช้จิตคิดให้ดีๆ เรามองอาจจะมองดูน่าหัวเราะ แต่ถ้าวันหนึ่งเราต้องเจอแบบนี้ เราคิดว่าสิ่งที่อยู่ในมือคือความสุข แต่พออยู่ไปนานๆ เราถูกเปลี่ยนมือ จากสิ่งที่สวยงามกลายเป็นสิ่งที่ไม่สวยงาม เรารับได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเราจะทำอย่างไรเมื่อความทุกข์มันมาจุกอก เราควรคิดด้วยตา มองให้ออกไหม แล้วถ้าวันนี้เราคิดไม่ออก มองไม่ได้ ความทุกข์ก็จะกลับมาวนเวียนหาท่านจนกว่าจะหมดชีวิต หรือไม่แน่ก็จะกลับมาเกิดอีกกี่ชาติกี่ภพ ท่านก็จะหนีทุกข์ไม่พ้น ถ้าท่านยังคิดไม่ได้ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นวันนี้เรามาฟังธรรม ไม่ใช่มาให้หนีทุกข์ แต่มาให้กล้าเผชิญหน้ากับทุกข์ และเรียนรู้ความจริงจนนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์ และทุกข์ที่เจออยู่ อะไรที่ทำให้เราเกิดปัญญาและนำพาให้พ้นทุกข์
(อนุตตรธรรม)  อนุตตรธรรมหรือ เรามีข้อเดียวอาจจะใช้ได้ตลอดชีวิตและข้อเดียวนี้จะทำให้ท่านพ้นจากรัก โลภ โกรธ หลง และทุกข์ในโลกนี้ได้ รู้ไหมคืออะไร ถ้าเราพูดทุกท่านจะต้องบอก อ๋อ รู้แล้ว เชื่อไหม (เชื่อ)  "ใดใดในโลกล้วนไม่เที่ยง"  แล้วเราควรหรือที่จะยึดมั่นถือมั่น ฉะนั้นผู้ที่มีปัญญาจะพิจารณาเนืองๆ ด้วยความไม่ประมาทและมีสติว่า  "ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง"  ฉะนั้นเมื่อไม่เที่ยง ถึงจะถูกบีบ ถึงจะถูกบด ถึงจะถูกให้มาแล้ว แล้วขอคืนไม่ให้อีก เราก็ไม่ทุกข์เพราะใดใดในโลกล้วนไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงอย่ายึด ถ้ายึดเมื่อใดก็ทุกข์ แล้วเรายึดไหม (ยึด)
ฉะนั้นถ้าอยากมีปัญญา ขอให้มีปัญญาธรรมข้อเดียว ใดใดในโลกล้วนไม่เที่ยง อย่าได้เผลอยึดมั่นถือมั่น  เพราะถ้ายึดเมื่อไหร่ ความทุกข์จะหันกลับมาตีให้ท่านตายทั้งเป็น และไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติก็จะทำให้ท่านทุกข์แล้วทุกข์เล่า  จนกว่าเมื่อไหร่ท่านจะเอาทุกข์นั้นมานำพาให้พ้นทุกข์ ความมืดมนนำพามาให้พบแสงสว่าง เมื่อนั้นแหละทุกข์จะไม่กลับมาหาท่านอีกเลยเชื่อไหม (เชื่อ)  ฉะนั้นจงรู้ด้วยปัญญาของตน ปัญญาที่คิดพิจารณาเนืองๆ  อยู่เสมอว่า โลกไม่เที่ยง จงอย่าประมาท จงมีสติ ได้ไหม (ได้)  หัวหน้าได้หรือยัง (ได้แล้วครับ)  ใดใดในโลกล้วนไม่เที่ยง เอาอีกไหม (ไม่เอา) อย่ากลัวเราดึงกลีบดอกไม้ แต่จงกลัวใจที่รับไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลง  เราห้ามคนในโลกไม่มาดึงเราให้เจ็บปวดได้ไหม (ไม่ได้)
ฉะนั้นดอกไม้คือชีวิตของทุกๆ คน เราห้ามให้ใครมาว่าเราได้ไหม  เราห้ามให้ใครมาทำให้หัวใจเราไม่เจ็บปวดได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นเราห้ามไม่ได้  แต่สิ่งที่เราควบคุมได้และคอยเตือนตนเสมอให้เรามีปัญญาและพ้นทุกข์ก็คือ จงมีสติพิจารณาเนืองๆ ว่าใดๆ ใดใดในโลกล้วนไม่เที่ยง อย่าได้เผลอประมาทยึดเด็ดขาด ยึดเมื่อใด ทุกข์เมื่อนั้น เอาอีกไหม ใครอยากได้อีกไหม ไม่กล้าอยากได้อีกหรือ ฉะนั้นมนุษย์ถ้าเข้าใจสิ่งที่เราบอก เชื่อไหมว่า ท่านจะสามารถถอนรักหักชังได้ อยู่ในโลกก็มีความสุขสบายได้ ก็มันไม่เที่ยง จะรักไหม (ไม่รัก)  ก็คิดให้ดีๆ  ในเมื่อสิ่งที่เรารักมันไม่เที่ยง ยังอยากรักไหม (ไม่อยาก)  สิ่งที่เราเกลียดนี้ไม่เที่ยงจะโกรธไหม  จะโกรธไปทำไมเดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว จะรักไปทำไม เดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าท่านมีปัญญาพิจารณา เนืองๆ ความเกลียด โกรธ โลภ หลง จะไม่สามารถผูกพันให้มนุษย์ยึดติดในโลก และไม่สามารถทำให้มนุษย์ทุกข์ได้เลย และรู้ไหมว่าถ้าพิจารณาเนืองๆ ใครตีเราก็ไม่เจ็บ ขนาดนั้นเลยนะ จริงไหม ฝ่ายชาย เราถามท่านหน่อยนะ ถ้าเรามีวิชาที่ใครตีแล้วไม่โดน ใครเตะก็ไม่โดนเอาไหม (เอา,ไม่เอา)  แต่ถ้าเกิดว่าให้ตีก็ไม่โดน เตะก็ไม่โดนแต่เขายังคิดหวังทำร้ายเราอีก เราว่าให้เขาถึงขนาดตีไม่โดนเตะไม่โดนแล้วไม่คิดร้ายเราด้วยเอาไหม (เอา)  ก็ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงแม้ตีไม่โดนเตะไม่โดนแต่ใจมันยังคิดร้ายอยู่ ยังไงถึงแม้จะพ้นไปได้แต่คนมันคิดร้ายอยู่ก็ไม่ดีใช่ไหม
ฉะนั้นถ้าเราบอกว่าแม้กระทั่งตีไม่โดนเตะไม่โดนไม่คิดร้ายด้วยท่านจะเรียนไหมวิชานี้ (เรียน)  แต่ถ้าเกิดคราวนี้แม้กระทั่งคิดร้ายก็ไม่คิด มีแต่คิดดี เอาวิชานี้ไหม (เอา)  แล้ววิชานี้คืออะไรรู้ไหม (ไม่รู้)  ไม่รู้หรือ วิชาที่พระพุทธองค์หรือพุทธะทุกพระองค์ล้วนทำกันมา ตีอย่างไรท่านก็ไม่เจ็บ ฆ่าอย่างไรท่านก็ไม่ตาย ด่าอย่างไรท่านก็ไม่ทุกข์ร้อนเพราะท่านเข้าถึงสภาวธรรม อะไรๆ ในโลกล้วนไม่เที่ยง เขาด่าเราแต่ถ้าเรานิ่งเฉย สิ่งที่เขาด่ามันก็ต้องคืนกลับไปสู่คนที่ด่าใช่ไหม ถ้าเขาเตะเราแล้วเราเฉยๆ สิ่งที่เขาอยากคิดทำร้ายมันก็ต้องย้อนกลับไปสู่คนที่ทำใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเขาเตะมาเราเตะกลับ จบไหม (ไม่จบ)  ฉะนั้นเขาเตะกี่ทีก็เจ็บทุกทีใช่ไหม (ใช่)  แล้วเคยไหมเตะทีเดียวแต่ยิ่งคิดมันยิ่งเจ็บ
ฉะนั้นการค้นหาความสุขที่แท้จริง จึงไม่ใช่การสะสมเงินทอง มีโน่นมีนี่แต่การค้นหาความสุขที่แท้จริงคือการได้ค้นพบธรรมะอันเป็นสิ่งที่จริงแท้ที่อยู่ในตัวเรา ถ้าเราพ้นได้พิจารณาอยู่เนืองๆ ได้ เราจะพบสุข สุขที่ไม่ต้องรอให้ใครมาให้ แต่เราพบได้ด้วยตัวเอง แล้วไม่ว่าใครจะทำอะไร ก็ทำให้เราเจ็บปวดไม่ได้เพราะมันไม่เที่ยง จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นข้อเดียวใช้ได้ตลอดชีวิต แต่ข้อเดียวที่มนุษย์ทุกคนพยายามหนีแต่พุทธะกลับเอามาเป็นสะพานก้าวข้ามให้พ้นทุกข์ ทุกข์ที่มนุษย์หวาดกลัวเห็นเป็นความมืดมน พุทธะกลับทำให้เกิดแสงสว่างแห่งปัญญาและพบธรรมะจริงแท้ในตัวตน  ฉะนั้นเราถามท่านนะว่าสิ่งที่บอกธรรมะอยู่ในพระไตรปิฎก ธรรมะอยู่ในพระพุทธเจ้าแท้จริงแล้วไม่ใช่ ธรรมะอยู่ในตัวท่าน เรามีปัญญาเรียนรู้โลกตั้งเยอะแยะแต่ทำไมเราขาดปัญญาเรียนรู้เข้าใจตัวเอง ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นจำไว้นะ เราพูดธรรมะยากไหม ไม่ยากเลยใช่หรือไม่ ขอให้พิจารณาเนืองๆ ท่านก็พ้นทุกข์ได้ จริงหรือไม่ เมื่อสักครู่ใครได้ดอกไม้ไปยังรอดพ้นอยู่ โชคดีไหม เราถามท่านนะ เหลือสุดท้ายแล้ว ท่านว่าตัวท่านโชคดีไหม คนอื่นถูกดึงดอกไม้ คนอื่นถูกบีบดอกไม้ คนอื่นถูกเปลี่ยนดอกไม้ แต่ของท่านดอกไม้ยังคงอยู่ โชคดีไหม (ไม่โชคดี)  เพราะอะไรหรือ (เพราะว่าถ้าได้คนเดียวก็จะไม่มีความสุข)  ฉะนั้นถึงได้ดีมีสุขก็จงอย่าประมาทลืมตน เพราะในสุขก็มีทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)  คิดได้อย่างนี้ถือว่ามีปัญญานะ
ฉะนั้นจำไว้นะ ชีวิตก็ไม่ต่างจากดอกไม้ เราไม่ทุกข์เพราะดอกไม้ได้ เราก็ต้องไม่ทุกข์เพราะตนเองได้ เราเข้าใจดอกไม้ได้ ทำไมเราไม่เข้าใจชีวิตตัวเอง ทำไมเราเข้าใจคนอื่นได้ แต่เรากลับไม่เห็น ไม่เข้าใจตน มีประโยชน์อะไร ฉะนั้นการเรียนรู้ธรรมะ ไม่ใช่แค่ให้ท่านรู้จัก ทาน ศีล แต่ขาดซึ่งปัญญา มีแค่ทาน ศีล ก็ไม่พ้นทุกข์ จะต้องประกอบไปด้วย ทาน ศีล ปัญญาจึงนำพาเราพ้นทุกข์ ฉะนั้นหลายต่อหลายครั้งที่ท่านมักพูดว่า บุญก็ทำ ศีลก็รักษา แต่ทำไมไม่พ้นทุกข์ เพราะขาดซึ่งปัญญา ปัญญาที่เข้าถึงธรรมะ ธรรมะมีข้อเดียวคือ (ไม่เที่ยง)  ดีใจได้นั่ง แต่บางครั้งก็อยากยืนใช่หรือเปล่า แต่พอยืนนานๆ ทำไมอยากนั่ง ฉะนั้นควรทุกข์ไหมเวลานั่ง แล้วควรดีใจไหมเวลาได้ยืน ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นคิดให้เกิดปัญญา ได้นั่งก็ไม่เสียใจและก็ไม่ดีใจ ได้ยืนก็ไม่เสียใจหรือทุกข์ใจ ฉะนั้นไม่ว่าอะไรเกิด ท่านก็สามารถถอนรักหักชังในโลกได้นะ แต่พูดแค่นี้เข้าใจหรือเปล่า (เข้าใจ)
ฉะนั้นอย่ามีปัญญาทางโลกแต่ขาดซึ่งปัญญาทางธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะธรรมที่เราบอกเป็นธรรมที่ท่านรู้อยู่แล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราควรจมอยู่กับการนั่งอยู่ตรงนี้แล้วเป็นทุกข์ไหม (ไม่)  แต่เราจงคิดว่าหากไม่เที่ยงเดี๋ยว ก็คงจะได้ยืน หรือนั่งตรงนี้แล้วไม่เที่ยงเดี๋ยวเราก็ได้กลับไปบ้าน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่หากถ้านั่งไม่ดีอาจจะไม่ได้กลับบ้าน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจึงอยากบอกท่านว่าอยู่ในโลกนี้ อย่าทุกข์เพราะความคิดตัวเอง อย่าปล่อยให้ความคิดบดบังปัญญา ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์มีปัญญา มีความรู้ มีความสามารถมากมาย แต่มันจนใจเพราะว่าคิดไม่ออก หรือจนใจเพราะว่าเกลียดจนเกินไปหรือไม่ หรือเพราะรักจนเกินไปเลยทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจเราจะไม่รักสิ่งใดอย่างหัวปักหัวปัม และไม่เกลียดสิ่งใดจนมองไม่เห็นความดี เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ถ้ามีโอกาสเราคงได้มาผูกบุญสัมพันธ์กันอีกนะ แค่นี้พอดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็ใดใดในโลกล้วนไม่เที่ยง ฉะนั้นอย่าหลงยึดแม้กระทั่งเราก็ยึดไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จำไว้นะข้อเดียวใช้ได้ตลอดชีวิต พิจารณาเนืองๆ ด้วยการมีสติไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเจออะไรดีก็ไม่ต้องดีใจจนเกินไป ไม่ว่าต้องสูญเสียอะไรสักอย่างหนึ่งก็อย่าได้ทุกข์จนเกินไป เพราะทุกสิ่งล้วนมาชั่วคราวแล้วก็ไปชั่วคราว จริงหรือไม่ (จริง)
ฉะนั้นไม่มีอะไรในโลกที่น่ารักจริงๆ และน่าเกลียดจริงๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้กระทั่งคนที่เลวร้ายที่สุดพุทธะยังต้องเมตตามากที่สุดเลย แล้วเราสมควรหรือที่จะเกลียดคนในโลกนี้ ความหลงผิดทำให้เขาพลั้งผิดเหมือนตัวท่านเอง ถามว่าท่านดีตลอดเวลาไหม บางครั้งยังเผลอทำผิดเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไหนใครกล้ายอมรับเราบ้างว่ายังเป็นคนที่เอาแต่ใจ ใช้อารมณ์เก่งบ้าง ยกมือขึ้น ต่อไปเบาบางอารมณ์หน่อย เพราะอารมณ์ที่ท่านบอกว่าเกลียดหรือว่ารักมันไม่เที่ยง แล้วเราควรจะตามอารมณ์ไปไหม อย่าไปเกลียดเดี๋ยวเขาก็เปลี่ยน อย่าไปรักเลยเดี๋ยวมันก็ไม่เที่ยงใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นจำไว้นะถ้าอยู่ในโลกถอนรักหักชังได้ย่อมมีสุขสงบได้ ถ้าถอนรักหักชังในโลกไม่ได้ ท่านก็ต้องทุกข์วันยังค่ำ ฉะนั้นธรรมะข้อเดียวดับทุกข์ได้ จำไว้ว่า ใดใดในโลกล้วนไม่เที่ยง พิจารณาเนืองๆ แล้วจะได้ไม่ทุกข์ แต่จะเกิดปัญญา มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันใหม่

วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๖ สถานธรรมเต๋อฮว่า จ.สงขลา
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ความคิดขังคนให้ไม่อิสระ ความรู้จะขังคนให้ยึดติด
นิสัยความเคยชินพาพลาดผิด เป็นอัตตาที่เบือนบิดความจริงไป
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานเต๋อฮว่า แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนรู้จักอาจารย์จี้กงไหม

บุญก็สร้างทานก็ให้อยู่เสมอ แต่ที่เจอก็ยังทุกข์ไม่จบสิ้น
เหมือนมีเคราะห์เวรกรรมเป็นอาจิณ บ่นฟ้าดินทำดีแล้วทุกข์เหลือใจ
หมั่นทำบุญมีน้ำใจนั้นสิ่งดี แต่หวังผลมากมีเหมือนค้าขาย
ทำหนึ่งส่วนแต่หวังตั้งมากมาย มีน้ำใจแต่ทวงคุณไม่เลิกรา
หากให้แล้วต้องเมตตาจึงคิดให้ หากยอมได้เพราะไม่อยากมีเรื่องหนา
หากมีแล้วแต่ขาดซึ่งธรรมา ยอมน้อยถอยให้ดีกว่าสบายใจ
หมั่นควบคุมสำรวมพูดคิดทำ ไม่ปล่อยตามอารมณ์นำอัตตาใหญ่
ไม่ปล่อยให้กิเลสมาบงการใจ มโนธรรมสำนึกใช้บนเมตตา
นอกก็สร้างในก็ปฏิบัติลงแรงจริง อย่านอกทำแต่ใจทิ้งไม่ทำหน้า
ชอบทำดีแต่ใจไม่บริสุทธิ์นา ยังถือสาไม่ยอมใครเย็นไม่จริง
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
นักเรียนในชั้นนี้เป็นคนดีไหม (เป็นคนดี)  ดีถ้าไม่มีอารมณ์มาครอบงำใช่ไหม (ใช่)  ใช่หรือ อาจารย์ถามง่ายๆ นะ ถ้าอยู่ๆ นักเรียนในชั้นทั้งหมดให้เดินออกมาเตะใครสักคนกล้าหนึ่งกล้าเตะไหม
กล้าไหม (ไม่กล้า)  เมื่อสักครู่มีคนบอกว่ากล้า ลองสังเกตมนุษย์โดยส่วนใหญ่แท้จริงแล้วอยู่เฉยๆ แล้วให้ไปเตะไปด่าใคร ส่วนใหญ่ก็บอกว่าไม่กล้าหรอกใช่ไหม (ใช่)  ที่เตะที่กล้าเพราะอะไร (เพราะกลัว)  เพราะกลัวหรือ เพราะโกรธใช่ไหม เพราะเกลียด เพราะโมโห เพราะน้อยใจ เพราะหมั่นไส้ใช่ไหม (ใช่)  
ฉะนั้นมนุษย์แท้จริงเป็นคนดี แต่เพราะว่าเรามีอารมณ์ครอบงำ มนุษย์ที่เป็นคนดีก็พร้อมจะเป็นคน (เลว,คนไม่ดี)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอาจารย์พูดง่ายๆ ถามว่าธรรมะคืออะไร ก็รู้กันอยู่ว่าละชั่วทำบุญ เมื่ออาจารย์พูดมา ใครๆ ก็รู้ เด็กห้าหกขวบก็รู้ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่คนอายุสี่สิบ ห้าสิบยังทำไม่ได้เลยใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่าต้นเหตุของการที่ทำให้เราเป็นคนไม่ดีคืออารมณ์มันครอบงำ ก่อนที่จะปล่อยให้อารมณ์มันครอบงำแล้วไปเตะชาวบ้าน ทำไมไม่รู้ทันตั้งแต่ตอนแรกใช่ไหม (ใช่)  ถ้ารู้ทันตอนแรกเราจะไปเตะเขาลงไหม (ไม่ลง)  แล้วเราจะไปด่าใครได้ไหม (ไม่ได้)  แต่มนุษย์นี้ก็แปลกยืนอยู่เฉยๆ เวลาเห็นใครทำผิด ก็ซุบซิบ อย่างนี้ดีไหมศิษย์ (ไม่ดี)  แปลว่าอารมณ์มันครอบงำ ศิษย์ว่าอะไรครอบงำ (กิเลส)  กิเลส แล้วอะไรอีก เมื่อสักครู่อาจารย์บอกให้ไปเตะใคร ศิษย์ก็บอกว่าไม่ได้หรอก แต่ทำไมอยู่ด้วยกันธรรมดา คนดีนะ แต่พอเห็นใคร
ทำผิดก็ซุบซิบนินทา ใช่ไหม (ใช่)  คนดีไหม  (ไม่ดี)  ดี เพราะเห็นตัวเองดี พอเห็นใครผิด ก็ซุบซิบนินทา ใช่ไหม (ใช่)  แปลว่าเป็นคนดีก็ยังทำผิดได้ พอดีแล้วหลงตัวเองใช่ไหม (ใช่)  จริงๆ ถามว่าให้ทำชั่วไม่ทำ อยู่เฉยๆ ทำได้ แต่พออยู่เฉยๆ เห็นใครทำผิดด่าไหม (ด่า) บ่นไหม (บ่น)  วิพากษ์วิจารณ์ไหม (วิพากษ์วิจารณ์)  เพราะคิดว่าตัวเองดีกว่าเขาใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนี้ดีไหม (ไม่ดี)  ทำไหม (ไม่ทำ)  ให้มันจริงนะ
ถามศิษย์รักทุกคน รู้จักอาจารย์จี้กงไหม (รู้จัก)  รู้จักแต่ในหนังใช่ไหม หรือรู้จักแต่เห็นรูปปั้นใช่ไหม ถ้ารู้จักแล้วก็ไม่ต้องเจอกันอีกแล้วสิ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  ศิษย์เอ๋ยอาจารย์มาเพื่อให้ตื่นรู้นะ ไม่ใช่มาเพื่อให้ผูกพันยึดติด ไม่ใช่ไม่เจออาจารย์ไม่ได้ ไม่ใช่อย่างนั้น มาเพื่อให้ศิษย์ตื่นรู้ในธรรม ธรรมอันจริงแท้ที่มีอยู่ในตัวตนของศิษย์เองแต่มนุษย์กลับมองไม่เห็นธรรมที่ อยู่ภายใน มัวแต่เห็นกิเลส อารมณ์ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ฉะนั้นจะทำอย่างไรล่ะเราถึงจะตื่นรู้ ส่วนใหญ่เรามักจะปล่อยไปตามความอยากใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะมนุษย์มักคิดว่า “อาจารย์ชีวิตมันเลือกได้ มนุษย์มันเลือกได้ ผมก็ขอเลือกเที่ยวมากกว่าฟังธรรม” “ผมก็ขอเลือกสุขก่อนที่จะทุกข์” “ผมก็ขอเลือกตามใจมากกว่ามาให้คนขัดใจ” ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วอาจารย์ถามนะถ้าวันหนึ่งชีวิตมันต้องถูกให้เราบีบคั้นเจอสิ่งที่เลือก ไม่ได้ ศิษย์ไม่ชักตายคาที่หรือ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นชีวิตเกิดมาเป็นคน เราเลือกได้ เราเลือกที่จะดีได้ เราเลือกที่จะสุขได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
อาจารย์ ถามศิษย์นะว่า ถ้าเกิดเราเลือกได้ เราควรจะเลือกแต่สิ่งที่ดีและสิ่งไม่ดีไม่ควรเลือก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่สิ่งที่ศิษย์เลือกนั้นบางครั้งแม้เราว่าเราเลือกดีที่สุดแล้ว แต่ทำไมบางครั้งทำไมมันพลิกล่ะ จริงไหม เลือกว่าตรงนั้นมีความสุขได้ไปเที่ยว แต่ทำไมเวลาไปแล้วไปทะเลาะกับเพื่อนกลับมาหน้าบูดหน้าบึ้ง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไปแล้วคิดว่าจะมีความสุขปรากฏว่า ไม่สุขแต่กลับกลายเป็นทุกข์ เราคิดว่าชีวิตเราจะได้เจอกับสิ่งที่ดี แต่ถ้าไม่ดีล่ะเป็นร้าย แล้วถ้าหากวันหนึ่งเลือกไม่ได้ ศิษย์ทำอย่างไร ตอบอาจารย์ได้ไหม ถ้าวันหนึ่งเลือกไม่ได้และถูกบังคับให้ต้องทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้เลือก เราจะทำอย่างไร (ทำใจ)  ทำใจได้หรือทำอย่างไร เราพูดว่าเราทำใจแต่ถึงเวลาต้องทำยังไงล่ะ ไหนบอกอาจารย์ให้ชัดเจนหน่อยสิ ทำอย่างไร (ปล่อยวาง, รับได้ก็รับรับไม่ได้ก็ช่าง)  ศิษย์เอ๋ยลืมอะไรไปอย่างหรือเปล่า มนุษย์เรามีปัญญาใช่หรือไม่ มีปัญญาในการหาทางออก ศิษย์รู้ไหมถ้าศิษย์บอกว่าทำใจเดี๋ยวสักพักหนึ่งทำใจอะไรนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำอย่างไรให้ทำใจ แล้วให้หยุดคิดได้ แล้วสามารถสงบลง อยู่กับสิ่งที่เราไม่ได้เลือกได้ ต้องทำอย่างไร “ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ไม่เที่ยง” เอาคำพูดของท่านแปดเซียนเมื่อวานมาใช้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อสักครู่ศิษย์ตอบว่าไงนะ (ใช้ขันติ)  ใช้ขันติ แต่เคยไหมทนมากๆ แล้วมันก็จะขัน (แตก)  เมื่อสักครู่ศิษย์บอกว่าก็พยายามยอมรับให้ได้ ถ้ารับไม่ได้อีกก็พยายามยอมรับให้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วรับได้หรือยัง (ถ้าเราเลือกไม่ได้แล้ว เราก็ควรทำในสิ่งที่ต้องทำก่อนและเลือกในสิ่งที่ถูกต้องก่อนสิ่งที่ถูกใจ)
แต่ถ้าเกิดโดนบังคับ สิ่งที่บังคับนั้นถูกต้องก็ต้องยอมอยู่ต่อไป อยู่ต่อไป แต่ถ้ามันไม่ถูกต้อง ก็ต้องหาทางหนีออกมาให้ได้ ใช่ไหม(ใช่)  ดีมีปัญญาคิดที่ดีเหมือนกันนะ ถ้าอาจารย์บอกว่าถ้าเราเจอสิ่งที่ไม่ได้เลือก แล้วเราจำเป็นต้องอยู่กับมันเราจะทำอย่างไร ศิษย์เคยคิดไหม เหมือนชีวิตนี้ศิษย์อยากได้ความสุข ไม่อยากเจอความทุกข์ อยากสำเร็จไม่อยากล้มเหลว อยากเจอการได้รับไม่อยากสูญเสีย  แต่ถ้าวันหนึ่งเราต้องทุกข์ ต้องสูญเสีย เราต้องพลัดพราก เจ็บป่วย เมื่อเราถูกบีบบังคับให้เจอในสิ่งที่ไม่เลือกเราจะทำอย่างไร ทำไมศิษย์ไม่บอกว่า “ก็ไม่แน่อาจารย์หันมาเรียนรู้ ทำความเข้าใจ แล้วจะอยู่กับมันให้ได้แค่นั้นเอง” ใช่ไหม (ใช่)  มันไม่ยากอะไร ก็แค่หันหน้ามายอมรับ เรียนรู้ เข้าใจ แล้วก็อยู่กับมันให้รอด เพราะอย่างไรมันก็หนีไม่พ้น ฉะนั้น ถ้าหากเรายอมรับ เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ก็จบแล้ว ทำไมจะต้องไปอดทน อดทน เข้าใจ ทำใจ อย่างนั้นมันเรียกว่าพยายามเอาหัวชนกำแพง โดยใจไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
ฉะนั้นในโลกนี้มีหลายเรื่องที่เราต้องเจอ เราจะรักสุข เกลียดทุกข์ไม่ได้ ถ้าเราเลือกไม่ได้แล้วเราต้องเจอ เราต้องรู้จักเรียนรู้อีกด้านหนึ่ง

(พระอาจารย์เมตตา ยกมือขึ้นหนึ่งมือสลับหน้าหลังและสองมือสลับหน้าหลัง)  เหมือนในโลกใบนี้ ถามว่าในโลกใบนี้มี (หน้ามือ หลังมือ, สองด้าน, สองหน้า)  เห็นไหม แค่เรื่องเดียวยังตอบได้หลายอย่างเลยใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์จะตอบอะไรมันก็ไม่ผิด แต่อาจารย์อยากจะบอกว่า บางครั้งมันมี ด้านหน้า ด้านหลัง แต่บางครั้งถ้ามันมีด้านหน้ามาพร้อมกันสองอันล่ะ แล้วถ้าเกิดมันเป็นด้านหน้าและด้านหลังอย่างนี้ล่ะ (หน้าเอา หลังเอา ตรงกลางเอา)  แต่อาจารย์อยากบอกว่ามันคือชีวิต  อย่าคิดว่ามันเลือกได้เสมอไป อย่าคิดว่าทำอะไรต้องตามใจอยากเสมอไป ถ้ามันพลิกแพลงไม่สามารถทำตามใจอยากได้ ศิษย์ก็จะรับได้ และไม่จนใจ  อยู่กับความคิดของเรา  จะเป็นอะไรก็รับรู้ ก็เช่นนั้น เท่านั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มนุษย์ชอบยึดติดแบ่งแยก ไม่รู้ไม่ได้ แล้วก็ต้องเป็นสิ่งที่เราชอบเท่านั้น ถ้าไม่ชอบไม่ใช่ และต้องเป็นสิ่งที่เรารู้เท่านั้นถ้าไม่รู้ไม่เอา จริงไหม (จริง)
(พระอาจารย์เมตตายกมือขึ้นสองมือ)
อันนี้คืออะไร (มือ)  มนุษย์ทุกข์เพราะยึดติดกับความรู้ความคิดจนเกินไป ฉะนั้นอาจารย์จะบอกว่าศิษย์ตอบอะไรมันก็ได้ทั้งนั้นใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าศิษย์บอกว่า อาจารย์ศิษย์ไม่รู้ ถ้าอาจารย์บอกว่ามีคนตอบว่า สิ่งที่อาจารย์ยกมาศิษย์ไม่รู้ ถูกหรือผิด (ถูก) อาจารย์จะสอนวิธีแก้ทุกข์ ทำไมอาจารย์บอกว่าไม่ถูกและไม่ผิด เขาไม่รู้ผิดไหม (ไม่ผิด) แล้วเขาบอกว่ารู้ผิดไหม (ไม่ผิด)
อาจารย์ถามนะ ศิษย์เอ๋ยเราอยู่ในโลกนี้ เราทุกข์เพราะอะไร
(การกระทำของตัวเอง, จิต)  อาจารย์ให้ลุกขึ้นตอบนะ ศิษย์ว่าเราทุกข์เพราะอะไร (เพราะการหวังผล)  หวังเอาแอปเปิล (ทุกข์เพราะคิดถึงแต่ตัวเอง)  ทุกข์เพราะ (ทุกข์เพราะเราไปคิดถึงอดีตแล้วก็หวังถึงอนาคต)  อยู่กับปัจจุบันดีกว่านะ เพราะอดีตมันผ่านไปแล้ว อนาคตเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง (ปัจจุบันเกิดจากการกระทำของตัวเราเอง  แต่เราก็ร้อนรนว่าเราจะทำบุญอะไร  เพราะว่าผลทุกอย่างอยู่ที่การกระทำของตัวเอง)  อาจารย์ว่าเหมือนที่อาจารย์บอกแต่ต้นนะศิษย์ ถ้าเรารู้ว่ามีอารมณ์ครอบงำ เราก็คงไม่ทำผิด หรืออาจารย์บอกว่าที่ศิษย์ทำผิดเพราะว่าศิษย์ไม่รู้เท่าทันอารมณ์ที่มันครอบ งำใจ แล้วก็ไปทำผิดใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเพราะไม่รู้ตัวเองใช่ไหม (ใช่)  ไม่รู้ทันอารมณ์ใช่ไหม (ใช่)
ทุกข์เพราะยึดติดคาดหวังในสิ่งที่ตัวเอง (หวังจะได้มา)  เพราะคาดหวังใช่ไหมว่าต้องได้ ฉะนั้นอาจารย์จะช่วยปลดทุกข์ให้ดีไหม เราทุกข์เพราะบางทีคาดหวังแล้วไม่เป็นดั่งหวังใช่หรือไม่ (ใช่)  (ทุกข์เพราะเราคิดว่าเรารู้ แต่จริงๆ แล้วเราไม่รู้)
ทุกข์เพราะว่า เราไม่รู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยังมีศิษย์คนไหนอยากตอบอาจารย์อีกไหม (ความทุกข์มันอยู่ที่ใจเรา เราจะทำให้ทุกข์หรือสุขก็จะอยู่ที่ใจของเรา) ศิษย์เคยได้ยินไหมถ้าภายในไม่มีปัญหา ภายนอกก็ไม่มีปัญหา ถ้าภายในไม่คิดคาดหวัง ภายนอกก็ไม่ทำให้ศิษย์รู้สึกผิดหวัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใครจะตอบอาจารย์อีก (อยากทุกอย่าง)  เราควรอยากไหม (ไม่ดี)  ก็ยังอยากนะ ทั้งๆ ที่บางครั้งเราก็รู้ว่าการอยากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว  แต่เราก็ยังอยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะอย่างน้อยชีวิตหนึ่งขอให้ได้เสี่ยงสักตั้ง แล้วถ้าเสี่ยงแล้วล้มเหลวรับไหวไหม (ไหว)  จริงหรือ
หัวหน้าตอบว่าอะไร (ตามโดยไม่ใช้ปัญญา)  แล้วเราตามอะไร เคยคิดไหมที่เราทุกข์อยู่เพราะเราไม่เคยทำอะไรด้วยปัญญา รู้แต่ว่าเรามีชีวิตอยู่เราทำอะไรไปตามอะไร (อารมณ์)  ตอบว่าทุกข์เพราะ (เรายึดติดกับความคิดและมีความรัก โลภ โกรธ หลง เราต้องหยุดยึด)  ยึดเพราะเราง่ายที่จะปล่อยไปตามอารมณ์ตามใจ มากกว่าไตร่ตรองให้ดีกว่าที่จะปล่อยไปตามอารมณ์ตามใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทุกข์เพราะ (ยอมรับความจริงไม่ได้)  ยอมรับความจริงไม่ได้ทั้งที่ความจริงนั้นเป็นสิ่งที่ให้แง่คิดให้ธรรมะและให้ปัญญามากกว่าทุกข์เพราะว่าเราไม่ใจเย็น  (กิเลสและความยึดติด)  เราต้องรอความตายเราถึงจะวางใช่ไหม  ความคิดที่ปรุงแต่งไม่จบไม่สิ้น เหมือนตัวนอน แต่ใจไม่เคยนอนพักสักทีใช่ไหม (ไม่ยอม)  ต่อไปจะรู้จักยอมบ้างไหม แม้จะต้องเสียเปรียบและเหนื่อยกว่าคนอื่น ยอมบ้างไหม (ครอบครัวไม่มีความสุข)  ฉะนั้นต้องใจเย็นๆ  นะ  ค่อยๆ ใช้ความอดทนเปลี่ยนแปลง (ความคิดกิเลสตัณหาครอบงำ) ความคิดกิเลสตัณหาครอบงำ  อายุน้อยๆ  ก็ปล่อยให้ครอบงำแล้วหรือ (ลูกสาวยังไม่แต่งงาน)  เอ้อ คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า เดี๋ยวก็รู้ (ทั้งสามคนเลยไม่ยอมแต่ง อยากได้ลูกเขย ลูกสะใภ้)  ถามจริงๆ  ชีวิตการแต่งงาน  เราเป็นอย่างไร  (ผ่านมาแล้วลำบากมากตอนนี้สบายมากแล้วลูกดี)  อาจารย์ถามหน่อย ศิษย์ยังพูดเลยว่าแต่งงานนั้นลำบากมาก แล้วตอนนี้ลูกเลี้ยงศิษย์ดีไหม (ดี)  ฉะนั้นศิษย์อยากให้ลูกที่รักศิษย์ ไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วให้ลูกลำบากเอาไหม (ไม่เอา)  แล้วยังอยากให้เขาแต่งไหม (ไม่เอา แต่อยากได้หลาน) อยากได้หลาน  เออ ไม่ผิด แต่อาจารย์บอกให้อย่างหนึ่งนะ  อาจารย์บอกว่าความอยากเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อเราอยากได้มาแล้ว เราต้องรับผลกับทุกข์ของมัน ศิษย์ไปชี้หน้าว่าคนอื่นไม่ได้นะ เพราะเป็นความอยากของศิษย์ จะทิ้ง จะตัด ก็ไม่ได้ ฉะนั้นจะทำอย่างไร (ปล่อยวาง)  ไปด่าเขาแล้ว แล้วปล่อยวางทันหรือศิษย์ ถามจริงๆ ว่าปล่อยมันลงไหมล่ะ ลูกหลานนะปล่อยวางลงไหม
ฉะนั้นได้แค่นี้ก็ดีแล้วอย่าหวังมากกว่านี้ ถ้าหวังมากกว่านี้อาจารย์จะบอกว่าอาจจะทุกข์ยิ่งกว่านี้ก็ได้ ถ้าเขาแต่งงานแล้วลืมแม่ รักลูกแล้วไม่เอาแม่ ยังอยากให้เขามีไหม ถ้าอยากก็สุดแล้วแต่ศิษย์นะ เพราะชะตากรรมมันขึ้นกับศิษย์เป็นตัวกำหนดใช่ หรือไม่ (ใช่)  ถึงศิษย์อยากให้ลูกมีคู่ ถ้าลูกเขาชะตากรรมไม่มีไปบีบบังคับทำให้เขาทุกข์ใจเปล่าๆ “เมื่อไหร่ลูกจะไปมีแฟน”  “ก็มันหาไม่ได้ล่ะแม่”  “เมื่อไหร่ลูกจะมีแฟน”  ต่อไปที่คิดจะมาหาแม่ก็จะไม่มาหาแม่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จากที่ไม่มีต้องโกหกให้มี คิดให้ดีๆ
ศิษย์เอ๋ยอาจารย์อยากบอกศิษย์นะ คนเราในโลกนี้นะ ถ้าความอยากไม่มีมากกว่าการได้มา มันก็มีเหลือเฟือจริงไหม แต่เพราะตอนนั้นเราไปอยากได้ มากเกินกว่าสิ่งที่ได้มา มันก็เลยต้องเป็นหนี้เขา ฉะนั้นค่อยๆ ใช้เขาไปดีไหม หนี้มันจะได้ไม่ต้องเกี่ยวกรรมข้ามภพข้ามชาติ แต่ขอให้ควบคุมความอยากให้น้อย และที่ได้มามันก็จะเหลือเฟือ แต่ถ้าไม่ใช่ได้มาเท่าไหร่ก็อยากมากกว่าที่ได้ ที่มีมันก็จะยิ่งจน จริงหรือไม่ (จริง)  (ทุกข์เพราะใจเรายังยึดติดอยู่กับสิ่งนั้น)  ยังยึดติดอยู่ใช่ไหม (ทุกข์เพราะลูกหลานอายุยังน้อยตายไปก่อนวัยอันควร)  อย่างนั้นอาจารย์ถามศิษย์
ศิษย์บอกว่าชีวิตลูกหลานตายก่อนเรา รู้สึกว่าเราทำบุญมาน้อยใช่ไหม อาจารย์อยากจะบอกว่าเราได้หมดกรรมกับเขาแล้ว เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อมาใช้หนี้ศิษย์ อยากตายทำไมล่ะศิษย์เอ๋ย ศิษย์คิดให้ดีๆ นะ ลูกมีอยู่สองแบบเกิดมาเพื่อใช้หนี้พ่อแม่กับอีกแบบหนึ่งคือพ่อแม่ต้องมาใช้ หนี้ลูก ทำไมไม่คิดในด้านดีล่ะทำไมต้องไปคิดฆ่าตัวตาย และไม่คิดถึงลูกคนที่อยู่ ไปคิดแต่ลูกที่ตายไปแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  และแถมคิดถึงแต่ลูกที่ตายแล้วมิหนำซ้ำยังคิดให้ตัวเองตายด้วย ที่จริงแล้วมันขึ้นกับเราว่าเราจะคิดด้านไหน มันจบไปแล้ว ศิษย์เอ๋ยชีวิตในโลกนี้นะ พูดเท่าไหร่ก็ไม่จบหรอก
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นวงคำในพระโอวาท)  
ว่าอย่างไร (รักมากห่วงมาก แต่ไม่หวง)  รักมากห่วงมาก แต่ไม่หวง แล้วรักให้น้อยลงได้ไหม รักอย่างมีสติ รักอย่างที่เขาเป็นไม่ใช่สิ่งที่อยากให้เขาเป็น คิดให้ดีๆ นะ (ไม่สมปรารถนาอยากให้เขามาบำเพ็ญธรรม)  ไม่เป็นไรหรอกค่อยๆ ถ้าตัวเองมั่นคงแล้ว เดี๋ยวเขาค่อยกลับมาเอง  หากศิษย์ยึดมั่นตั้งใจ เขาจะตามมาเอง ก่อนจะคิดตามใจตัวแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า (ทางบ้านลำบาก)  ทางบ้านลำบาก อาจารย์อยากบอกว่า จริงๆ แล้วในโลกนี้ ถ้าขยันก็ไม่มีวันอดตาย กลัวแต่รักสบายนั่นแหละจึงอด (ทุกข์มาจากสุข)  ตอบได้ดีนะ สุขมากเท่าใด ก็ทุกข์มากเท่านั้น มีใครจะตอบอีกอาจารย์ให้โอกาสเพียงสองคน มีแอปเปิลแค่สองลูกเอง ศิษย์ยืนกันหกคน ศิษย์อยากให้อาจารย์แก้ปัญหาของศิษย์ทีละคน อย่างนั้นเดี๋ยวอาจารย์ให้ศิษย์พูด แต่อาจารย์จะไม่แก้ปัญหาทีละคนแล้วนะ อาจารย์จะแก้ปัญหารวมๆ ดีไหม (ดี)
(ทุกข์เพราะใจคิด เมื่อคิดไปก็ทุกข์ไป ถ้าคิดว่าสุขก็สุขถ้าคิดว่าทุกข์ก็ทุกข์, ทุกข์ เพราะใจผูกพันยึดมั่นตัวเอง, ทุกข์เพราะความอยาก, ทุกข์เพราะใช้ชีวิตไม่ฉลาด, ทุกข์เพราะใจกังวล, ทุกข์เพราะยอมรับไม่ได้, ทุกข์เพราะขาดสติและให้ความทุกข์ที่มีอยู่ครอบงำเราจนเราทำอะไรไม่ออก, ทุกข์เพราะวันนี้วันที่ 16 อยากถูกหวย)  อยากหวังเลขเด็ดจากอาจารย์หรือ ไม่มีทางหรอกอาจารย์ไม่ให้นะ ให้อาจารย์ได้พูดบ้างนะฟังศิษย์พูดมาเยอะแล้ว อาจารย์จะบอกให้ว่ามนุษย์นั้นทุกข์เพราะอะไร โดยส่วนใหญ่พุทธะมักจะกล่าวว่า มนุษย์ทุกข์เพราะไม่รู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนอยู่ๆ แล้วมีคนมาว่าเรา เราโกรธไหม (โกรธ)  เสียใจไหม (เสียใจ)  
ศิษย์รู้ไหมว่าถ้าเราอยู่ในโลกนี้จะมีคนว่า (รู้)  ทำแล้วยังต้องโดนคนว่ารู้ไหม (รู้)  มนุษย์เราทุกข์ในโลกนี้เพราะไม่รู้ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่จริงๆ แล้วรู้ เวลาเราโดนคนว่า เราไม่รู้ว่าทำแบบนี้จะโดนคนว่า แต่ถามลึกๆ มีไหมใครในโลกไม่โดนว่า (ไม่มี)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์ทุกข์เพราะว่ารู้ แต่จริงๆ ไม่รู้ใช่ไหม อาจารย์แค่เล่นคำ ศิษย์อย่างงตาม เหมือนอาจารย์ถามว่า คนเราเกิดมาต้องตายใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเวลาความตายมาถึง เราทุกข์ไหม (ทุกข์)  ทุกข์เพราะอะไร (เพราะไม่รู้)  ไม่รู้ว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่จริงๆ แล้วรู้ ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ถามนะ เราอยู่ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นลูก เป็นเงิน เป็นสามี เป็นเพื่อน หรือว่าจะเป็นตัวเราเอง เราหนีพ้นการถูกว่าไหม (ไม่)  ฉะนั้นบางครั้งเราไม่รู้ว่าทำแบบนี้จะถูกว่า แต่จริงๆ แล้วเรารู้ไหมว่าวันหนึ่งก็ต้องโดนว่า (รู้)  ใช่ไหม (ใช่)

ฉะนั้นมนุษย์ทุกข์เพราะไม่รู้ แต่จริงๆ แล้วรู้ มนุษย์รู้ไหมว่าการอยู่ในโลกนี้ การพลัดพราก การสูญเสีย ความเจ็บปวด ความผิดหวัง ความล้มเหลว เป็นเรื่องธรรมดา รู้ไหม (รู้)  แต่ทำไมพอถึงเวลา พลัดพราก ผิดหวัง ล้มเหลว เสียใจ ทำไมเรากลับทุกข์ (ทำใจไม่ได้)  เพราะรู้แล้วแต่ทำตัวเหมือนไม่รู้ใช่ไหม (ใช่)  คนเราเกิดมาต้องตายไหม (ตาย)  เมื่อเขาตายใหม่ๆ ศิษย์บอกว่าไม่รู้ใช่ไหม (ใช่)  รู้ แต่พยายามปิดหูปิดตา ไม่เอา ไม่รู้ แต่จริงๆ รู้ไหม (รู้)  ฉะนั้นเข้าใจหรือยัง (เข้าใจ)  เรารู้หรือไม่รู้เท่านั้นเองใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์มีสิทธิ์ที่จะเลือก แต่ถ้าวันหนึ่งมันพบในสิ่งที่เราเลือกไม่ได้ เราจะบอกว่าเราไม่รู้จริงๆ หรือ เราจะบอกว่าเรารู้ใช่ไหม (ใช่)  บางครั้งเหมือนรู้แต่จริงๆ แล้วไม่รู้ บางครั้งเหมือนไม่รู้แต่จริงๆ แล้วรู้จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นศิษย์เอ๋ยถามจริงๆ ที่เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้ เพราะเรายึดมั่นกับสิ่งที่เรารู้มากเกินไปไหม หรือเราคิดว่าไม่รู้เกินไปไหม
ฉะนั้นเมื่อใดที่ความล้มเหลว ความผิดพลาด การโดนว่า ความเจ็บปวดมา ศิษย์จะบอกว่าไม่รู้จริงๆ หรือ ถ้าหยั่งให้ดี คิดให้ดี เราก็รู้ แต่เรามักจะปิดตาแล้วบอกว่าไม่เอาอาจารย์  อาจารย์ถามว่าหน้ามือ กับหลังมือ มันต่างกันไหม (ต่าง)  มันดูเหมือนต่างความจริงรวมกันเป็นมือเดียว   ฉะนั้นศิษย์เอาด้านหน้าแล้วไม่เอาด้านหลัง  เราคือคนที่พยายามปิดตาตัวเอง แล้วบอกว่าไม่รู้ ไม่รู้ ใช่ไหม (ใช่)   พอเกิดมาไม่ตายได้ไหม ถ้าเกิดมาไม่ตาย ป่านนี้คนก็คงจะล้นโลกแล้ว  อาจารย์ถามศิษย์ อยากอายุยืนไหม (อยาก)  ส่วนใหญ่บอกว่า อาจารย์อยากอายุยืน ถ้าอายุยืนลูกหายไปหมด เพื่อนหาย แล้วฟันก็หายไปหมด ตาพร่า หูก็ตึง อายุยืนแล้วมันดีไหม แล้วยังอยากอายุยืนไหม (ไม่)
(นักเรียนในชั้นต้องการให้พระอาจารย์เมตตารักษาอาการป่วย)
ศิษย์ทำอะไรมาก่อน แล้วถ้าเคาะหายแล้วแต่เจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ยอม (ก็อาจารย์มีบุญ มีอำนาจก็ต้องสั่งได้สิ)  อาจารย์มีบุญมีอำนาจถ้าเช่นนั้นอาจารย์สั่งให้ศิษย์ทำแต่เรื่องที่ดี รักษาศีลห้า ให้ครบ (สั่งได้)  แล้วทำไหม
แต่จริงๆ แล้วอาจารย์อยากจะบอกว่าบางเรื่องหนี้กรรมมันเกิดจากการกระทำของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งที่อาจารย์อยากบอกศิษย์อีกสิ่งหนึ่งคือ ตัวมนุษย์ที่ทุกข์อยู่ทุกวันนี้สิ่งแรกคือเพราะเรารักตัวตน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วศิษย์รู้บ้างไหมความคิดสร้างตัวตน ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตจงเปลี่ยนความคิด ถ้าอยากเปลี่ยนความคิดจงเปลี่ยนที่นิสัยการกระทำและคำพูด และศิษย์รู้ไหมว่าถ้าความคิดมันกำหนดชะตาชีวิตและเบี่ยงเคราะห์ ฉะนั้นถ้าหากศิษย์อยากกำหนดเคราะห์ ชะตาชีวิต ศิษย์ต้องรู้จักควบคุมระมัดระวังความคิด คำพูดและการกระทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นกรรมเกิดมาจากอะไร ส่วนหนึ่งเกิดจากอดีตที่เราสร้างและปัจจุบันเราต้องรับผล ส่วนอนาคตเกิดจากปัจจุบันที่เรากำลังทำ และอนาคตจะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับตอนนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นก่อนที่จะถามว่าอาจารย์ช่วยรักษาโรค ต้องถามก่อนว่าเวลาศิษย์ดำเนินชีวิตศิษย์ใช้แขนข้างนี้แบบใด ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนบางคนชอบทำงาน พอขยันมากๆ ทำไมมือมันเกร็ง มือเป็นเหน็บ มือชา ก็หันไปถามตัวเองสิ เราทำจนมือมันล็อก ทำอยู่อย่างนั้นนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์รักษาหน่อยมันล็อก มันชา ถ้าอาจารย์รักษาหายแล้ว ศิษย์ก็กลับไปทำใหม่ มันจะล็อกอีกไหม (ล็อก)  จะชาอีกไหม (ชา)  เป็นแบบนี้อาจารย์ควรจะช่วยแก้ที่ปลายเหตุหรือแก้ที่ต้นเหตุดี (ต้นเหตุ)  ไม่ใช่อาจารย์ไม่อยากรักษาโรค ไม่ใช่อาจารย์ไม่อยากให้หวย อยากให้ แต่ถ้ารวยแล้วหลง หลงแล้วกลายเป็นคนไม่พ้นทุกข์ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ดีไหม (ไม่ดี)  อย่างนั้นอาจารย์ถามรวยแล้วลูกหลานศิษย์ดูแลดีไหม
อาจารย์ถามจริงๆ ความสำคัญของชีวิตนะ ศิษย์บอกว่าศิษย์รักร่างกายนี้แต่ธรรมะที่แท้จริงคืออะไร คือให้เราบำรุงบำเรอกายตัวนี้หรือ เพื่อหาความสุขให้กับกายตัวนี้หรือ มันไม่ใช่ จริงแท้มันคืออะไร ร่างกายนี้มันก็ไม่เที่ยงใครในโลกมันก็ไม่เที่ยง ความคิดอารมณ์ ความรู้สึกมันก็ไม่เที่ยง ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีอะไรเที่ยงไหมศิษย์ (ไม่มี)  ฉะนั้นเราควรจะอยากมันให้เยอะๆ แล้วพอมันไม่เที่ยงก็ทำใจปลง หรือเราควรทำใจปลงตั้งแต่แรกก่อนที่จะอยาก ควรจะเข้าใจมันเสียตั้งแต่แรกก่อนที่จะอยากจะมี อันไหนดีกว่า (เข้าใจตั้งแต่แรก)  มีแล้วปลงลงไหมศิษย์ ที่มีอยู่ทุกวันนี้ปลงมันลงไหม (ไม่ลง)
ฉะนั้นวันนี้ศิษย์มาหาทางเพื่อปลดทุกข์ ปลง หรือมาหาทางเพิ่มๆ (หาทางปลง)  ศิษย์เอ๋ยเข้าวัดมาเพื่อ ลด ละ เลิก ไม่ใช่เข้าวัดมาเพื่อจะเพิ่มกิเลส เพิ่มความอยาก มันไม่เหมือนกันนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเรามาศึกษาธรรมเพื่อลดละถึงขนาดที่เรียกว่าเข้าถึงความจริงแท้ แต่อาจารย์อยากจะบอกว่า มนุษย์นี่ที่ศิษย์รัก ตัวตนรักใช่ไหม (ใช่)  แล้วมันยึดได้ไหม (ไม่ได้)  ยึดไม่ได้แล้วควรรักไหม (รัก, ไม่รัก)  รักดีไหม ถ้าเป็นอาจารย์ๆ จะไม่รักดีกว่า ถ้ารักแล้วหลง รักแล้วยึด จำไว้นะศิษย์เรามาเพียงแค่ยืมร่างกายนี้ใช้ ถึงเวลาก็เอาคืนเขาไป คืนอะไรก็คืนฟ้าคืนดิน ใช่หรือไม่ (ใช่)  
(พระอาจารย์เมตตาให้เขียนคำว่า “ศิษย์” บนกระดาน แต่ผู้เขียนได้เขียนผิด พระอาจารย์เลยเมตตาสะกดคำให้)  
บอกแล้วว่าที่เราทุกข์เพราะอะไร “รู้นะ แต่บางทีก็ไม่รู้” ใช่หรือไม่ (ใช่)  นั่นแหละที่อาจารย์บอกเหมือนรู้แต่จริงๆ ก็ไม่รู้ เรารู้ไหมว่าร่างกายนี่มันยึดไม่ได้ (รู้)  แต่เรายึดไหม (ยึด)  ยึดเสร็จแล้วก็คาดหวังแล้วก็ปรุงแต่งใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อมีตัวศิษย์สิ่งที่เราคาดหวังคืออะไร ถ้าเวลากินต้องกินให้ (อิ่ม)  จริงหรือ ถ้ากินก็กินเพื่ออิ่มใช่ไหม (ใช่)  กินเพื่ออิ่มหรือกินเพื่ออยาก หรือกินเพื่ออยู่
(พระอาจารย์ให้เขียนคำว่า “กิน” ในกระดาน)  
กินเพื่ออยู่หรือกินเพื่ออยาก  (กินเพื่ออยู่)  แต่ถึงเวลาถ้าไม่อยากก็ไม่กิน ฉะนั้นกินเพื่ออยู่หรือกินเพื่ออยาก ก่อนที่เราจะเข้าใจชีวิตและหาทางพ้นทุกข์ เราต้องมาเรียนรู้ชีวิตของตนเองก่อน ฉะนั้นกินเพื่ออยู่หรืออยาก (กินเพื่ออยาก) เวลาเราใส่เสื้อผ้าใส่เพื่ออุ่น หรือเพื่อให้หล่อ สวย (เพื่ออุ่น)  เขียนไปชีวิตเรายุ่งตั้งแต่กินแล้ว มีธรรมดากินไหม ไม่กิน มีให้กินกินไหม ไม่กินก็มันไม่อยาก อยากอันโน้น อันนี้ แต่ที่มีกินไหม
(ไม่กิน)  ยุ่งไหม ทุกข์ไหม ก็มันทุกข์ตั้งแต่อ้าปากแล้วสวมเสื้อผ้าล่ะใส่เพื่ออุ่นหรือใส่เพื่อหล่อ (หล่อ)
ถ้าจริงๆ เราเข้าใจชีวิตตั้งแต่แรก เราจะหยุดทุกข์ได้ตั้งแต่ต้นใช่ไหมศิษย์ ใส่เพื่ออุ่นหรือเพื่อปกปิดสิ่งที่มันไม่น่าดู อาจารย์ถามอีกนะ  เวลามีชีวิตอยู่ บ้านที่เราต้องการพักนะ ขอให้เป็นบ้านหรือขอให้เป็นคฤหาสน์ (บ้าน)  ขอเป็นกระต๊อบ บ้าน หรือคฤหาสน์ อาจารย์ให้ไว้เพื่อทิ้งถามศิษย์นะ ศิษย์เอย ศิษย์จะไม่ยุ่งเลย ถ้าหากศิษย์ถามตัวเองเสมอว่า กินเพื่ออยู่ หรือกินเพื่ออยาก ใส่เพื่ออุ่นหรือใส่เพื่อหล่อ มันคงจะไม่ยุ่งยาก อย่างนั้นถ้าอาจารย์ถาม มีเพื่อดำรงชีวิตหรือมีเพื่อที่จะต้องร่ำรวย (ดำรงชีวิต)  พูดได้ พูดได้หมดเลย แต่พอถึงเวลา มีเพื่อดำรงชีวิตหรือเพื่อร่ำรวย
ฉะนั้นก่อนจะถามอาจารย์ว่าอยากจะแก้ทุกข์อย่างไร มันต้องแก้ตั้งแต่ กิน อยู่ หลับ นอนแล้ว ถ้ากินแล้วต้องอยาก มันก็ยุ่งยาก ถ้าใส่แล้วต้องหล่อ ธรรมดาใส่ได้ไหม ขาดๆ ใส่ได้ไหม บ้านเป็นกระต๊อบได้ไหม (ได้)  โกหกทั้งนั้น คนที่อยู่รอบข้างจำเป็นต้องดีแล้วร้ายไม่ได้ ศิษย์เอ๋ยถ้าเข้าใจการดำรงชีวิตตั้งแต่แรก ชีวิตจะไม่ยุ่งยากเลย เราขอแค่นี้หรือเราขอมากกว่านี้ ที่เรายุ่งยากเพราะเราไม่เคยพอใช่หรือไม่ (ใช่)  ทั้งที่สิ่งที่ศิษย์ได้มากินมากกว่า หล่อมากกว่าคนอื่น บ้านหลังใหญ่กว่าคนอื่น แต่ถึงเวลากว่าจะได้มาลำบากไหม (ลำบาก)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วบางทีได้มาแล้วคฤหาสน์หลังโต แต่ทำให้กลายเป็นคนที่ผิดคำพูดกับคนอื่น กลายเป็นคนที่ไม่มีมโนธรรมสำนึก กลายเป็นคนที่ไร้ยางอาย เอาบ้านใหญ่ดีหรือเอาธรรมะดี (เอาธรรมะ) เอาบ้านใหญ่ดีหรือเอาคุณธรรมความเป็นคนให้ยังอยู่ดี  (เอาคุณธรรม)  แต่เราเคยคิดอย่างนั้นไหม (ไม่เคย)  เราขอบ้านหลังใหญ่ก่อนคุณธรรมความเป็นคน เดี๋ยวค่อยไปทำบุญใส่บาตรก็ได้ใช่ไหม (ใช่)  
ฉะนั้นเราเรียนรู้หลักธรรม เพื่อดำรงชีวิตเรียบง่าย ชีวิตของอาจารย์คืออะไร คือกินอะไรที่ไม่มีเวรกรรม ถ้ากินอะไรแล้วมีเวรกรรมอาจารย์ไม่กิน แม้กินน้ำเปล่า  อาจารย์ก็กินได้ แต่ถ้ากินอร่อย กินตามใจอยากแล้วมันมีกรรมตามมา แล้วทำให้เราติดอยากไม่จบสิ้น อาจารย์ไม่กิน ศิษย์เคยกินไหม กินอร่อยแล้วมันกรรม ศิษย์เคยได้ยินคำนี้ไหม ถ้าวันหนึ่งไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง แล้วอร่อยแถมเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด อร่อยมาก กรรมไหม กรรมอะไร กรรมที่ต้องเวียนกลับไปกินแล้วเกี่ยวกรรมกับร้านนั้นใช่ไหม (ใช่)  แล้วกรรมที่ต้องติดกับรสชาติที่ให้เขาต้องไปฆ่าเอาเนื้อมาให้เรากิน ฉะนั้นแค่อร่อยมันก็กรรม อาจารย์จึงไม่จำเป็นต้องกินอร่อย ถ้าอร่อยแล้วเกี่ยวกรรมอาจารย์ไม่เอา อยู่ไม่จำเป็นต้องสบาย ใส่ไม่จำเป็นต้องหล่อต้องสวย ถ้าศิษย์ทำได้อย่างนี้บำเพ็ญไม่ใช่เรื่องยาก การเรียนรู้ธรรมก็ไม่ใช่เรื่องไกล การพ้นทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าศิษย์บอกว่ากินก็ต้องให้อร่อย ใส่ต้องให้หล่อ  ดูแล้วต้องให้ดี มีแล้วต้องให้มากกว่าคนอื่น มันทุกข์ตั้งแต่คิดแล้วใช่ไหม (ใช่)  
ฉะนั้น มนุษย์ขึ้นชื่อว่าตัวคน เราเป็นไปตามสิ่งที่เราคิด ฉะนั้นถ้าเราอยากเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต เราจึงต้องรู้จักควบคุมระมัดระวังความคิดของตัวเอง อย่าปล่อยให้ความคิดมากำหนดชะตากรรมเราถูกหรือเปล่า (ถูก)  
(พระอาจารย์จี้กงเมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท)
ได้คำว่าอะไรสิ่งที่ศิษย์ออกมาช่วยอาจารย์วง “หนทางกลับ”  จริงๆ ธรรมะยังมีอีกมากมายที่อาจารย์อยากพูดให้ศิษย์ฟัง แต่ว่าคนในโลกนี้มีความทุกข์มาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจะหาทางกลับคืนได้อย่างไร ศิษย์รู้ไหมว่าในตัวของศิษย์เองนี้ ประกอบไปด้วย กาย ใจ จิต อาจารย์ไม่อยากพูดไปมากกว่านี้เลยเพราะศิษย์ยังไปไม่ถึง อาจารย์อยากจะบอกว่าการเรียนรู้ธรรมะ คนทุกคนอยากกลับบ้านเดิมแท้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์มักจะบอกว่าทำดีขึ้นสวรรค์ ทำชั่วตกนรก แต่มนุษย์เราบุญก็ทำทานก็ให้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ทำไมเรายังไม่พ้นทุกข์ ถูกไหม เพราะอะไร เพราะว่าโดยส่วนใหญ่มือหนึ่งเราทำแต่ใจเรายังมีความ โลภ โกรธ หลง เราเหมือนเป็นคนดีที่วัด แต่อยู่บนโลกเรายังด่า เรายังว่า เรายังนินทา ฉะนั้นถ้าหากอยากทำบุญตั้งแต่แรกไม่จำเป็นต้องทำที่วัด แต่อยู่ข้างนอก โลภน้อยหน่อยได้ไหม ไม่รู้จักโกรธคนได้ไหม รู้จักให้อภัยได้ไหม อย่าเป็นคนดีแค่อยู่ที่วัด แต่จงทำดีให้ได้ทุกๆ ที่ได้หรือไม่ ถ้าเราทำดีได้ทุกๆ ที่ เราก็คือคนที่มือหนึ่งก็ทำอีกมือหนึ่งก็ทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)   มือก็ทำใจก็ทำ ไม่ใช่มือทำแต่ใจยังด่าคนอื่นแบบนี้ไม่ถูกต้อง การ เข้าถึงธรรมที่แท้จริงนั้น ทำไมเราถึงเกิดเป็นคนทำไมเราต้องเข้าถึงธรรม เพราะว่าในตัวมนุษย์นี้มีธรรมอันจริงแท้อยู่อย่างหนึ่งคือ ใดๆ ในโลกล้วนไม่เที่ยง ใช่หรือไม่ (ใช่)   เมื่อเรารู้ว่าใดๆ ในโลกล้วนไม่เที่ยงและทำให้ทุกสิ่งนั้นเป็นเอกภาพเดียวกันถูกหรือเปล่า เมื่อทุกสิ่งเป็นเอกภาพเดียวกันจะมีคนไหนไหมที่น่าเกลียด จะมีคนไหนไหมที่น่ารัก เห็นไหมว่าแม้อาจารย์พูดแค่นี้ศิษย์ยังไปไม่ ถึงเลย  ฉะนั้นอาจารย์อยากจะบอกว่าจริงๆ  แล้วธรรมะมีเยอะ แต่ว่าศิษย์ไปไม่ถึงเพราะว่าปัญญาของศิษย์ยังหยั่งไม่รู้ ฉะนั้นถ้าเรายังอยากหยั่งรู้และตื่นรู้ในปัญญา ตื่นรู้อย่างจริงแท้ในตัวตน ไม่ต้องรู้อะไรมากมาย รู้แค่ในตัวตนนี้  แล้วตัวตนนี้ที่ศิษย์พยายามทำทุกอย่างโดยที่ไม่สนใจเรื่องคุณธรรม ความดีงาม สนใจแต่อารมณ์ นิสัยความเคยชิน นิสัยความเคยชินนี้แหละที่ทำให้เราต้องเวียนว่ายและทนทุกข์ แต่ถ้าเรามองเห็นว่าตัวตนนี้แหละเราไม่ควรเชื่อ แต่มันสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นธรรมะ  ถ้าเรามองเห็นธรรมในตัวตนเราก็คือพุทธะ  แต่มนุษย์มองไม่เห็นธรรมในตัวตน กลับเห็นแต่อารมณ์นิสัย
เหมือนอาจารย์ยกตัวอย่างง่ายๆ  ถ้าอาจารย์ตีศิษย์ โกรธไหม (ไม่โกรธ)  แต่ถ้าคนอื่นตี โกรธไหม (โกรธ)  โกรธเขาทำไมล่ะ ในเมื่อเขาก็ไม่เที่ยง ตัวเราก็ไม่เที่ยง  ทั้งสองสิ่งก็ไม่เที่ยง เราจะปล่อยอารมณ์ไปตามความโกรธทำไม ถ้าปล่อยอารมณ์ไปตามความโกรธคนนั้นก็คือคนที่กำลังจุดไฟเผาใจตัวเองตัวเองก็ กำลังสร้างนรกให้กับใจ  แต่ถ้าเราเห็นเขาตี ไม่โกรธ  มันก็แค่นั้น เช่นนั้น เท่านั้น ได้ไหม (ได้)  ธรรมที่อาจารย์อยากบอกนะ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนไม่เที่ยง และทำให้ความไม่เที่ยงนี้แหละ ทำให้ทุกคนเป็นเอกภาพเดียวกัน เมื่อเป็นเอกภาพเดียวกัน เราจะเห็นว่า ไม่ว่าคนนี้จะสวย ไม่สวย ดี ไม่ดี มันก็แค่นั้น เมื่อแค่นั้นแล้ว อาจารย์ทำไมศิษย์จึงทุกข์ล่ะ ศิษย์ก็จงจำไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเหตุปัจจัย ฉะนั้นถ้าอาจารย์ไม่ยึด  อาจารย์ก็ไม่ทุกข์ ถ้าอาจารย์ยึดอาจารย์ก็ทุกข์  ถ้าอาจารย์เห็นว่า มันแค่นั้น มันเช่นนั้น อ้อไม่เที่ยง อาจารย์ก็ไม่ยึด ไม่ยึดก็ไม่ทุกข์ เมื่อไม่ยึดก็ว่าง  เมื่อว่างมันก็อิสระ  เมื่ออิสระสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็คือธรรมะ  แต่มนุษย์ไม่ใช่ ทำไมเขาเป็นแบบนั้น เขาเป็นแบบนี้  ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนั้น เรื่องมันเป็นแบบนี้ เพราะเรายึดใช่หรือไม่   อาจารย์ขอศิษย์สองคน  สุดท้าย ท่านที่สามอยากออกมาใช่ไหม ออกมาด้วยก็ได้
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนเล่นเป่ายิงฉุบ)
หัวหน้าชั้น  ลองเล่นเป่ายิงฉุบ กับนักเรียนในชั้นหน่อยสิ ในเกมมีฆ้อน กระดาษ กรรไกร มีแพ้ ชนะ ศิษย์เอ๋ยมนุษย์ทุกข์เพราะอะไรหรือ (ความยึดติด)  ความยึดติดใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอาจารย์อยากบอกศิษย์จากที่ศิษย์บอกว่าทุกข์เหลือเกิน ศิษย์กำลังจมกับเหตุการณ์ชั่วขณะอยู่ (นักเรียนเล่นเป่ายิงฉุบ สลับกันแพ้สลับกันชนะ)  อย่างนั้นอาจารย์ถาม เมื่อสักครู่หัวหน้าชนะคนนี้ คนนี้ชนะอีกคน และอีกคนก็เคยชนะหัวแล้ว อย่างนั้นใครเป็นคนเก่งที่สุด (ไม่มี)  เหมือนกันนะศิษย์เวลาศิษย์อยู่ในโลกอย่าปล่อยให้เหตุการณ์แค่ช่วงขณะหนึ่ง มันทำให้เราทุกข์ จงมองให้กว้างๆ เพราะโลกนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลง อย่าถูกบดบังหลอกลวง ไม่ว่าข้างนอกหรือข้างใน แท้จริงหนีไม่พ้นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์และว่างเปล่า ศิษย์กำลังแสวงหาสิ่งใดในโลกอันไม่เที่ยงใบนี้ ศิษย์กำลังยึดมั่นถือมั่นอะไรกับโลกใบนี้ ทั้งที่โลกใบนี้ใครคือคนเก่งที่สุด (ไม่มี)  แล้วใครคือคนที่แพ้ที่สุด (ไม่มี)  แล้วใครคือคนที่ทุกข์ที่สุด (ไม่มี)  

ฉะนั้นสิ่งที่ศิษย์บอกว่าศิษย์ทุกข์ถ้ายังมีลมหายใจ อาจารย์จะบอกว่า มันอาจจะมีทุกข์ยิ่งกว่านี้ ถ้าศิษย์บอกว่าศิษย์สุข อาจารย์อยากบอกว่าสุขที่ศิษย์หลงนะ ถ้ายังมีลมหายใจมันจะมีสุขยิ่งกว่านี้ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ความคิดความยึดมั่นมันผูกมัดจนทำให้ศิษย์มองไม่กว้าง เห็นไม่จริง เรายังมีสิ่งที่ประเสริฐยิ่งกว่าสุขทุกข์ นั่นคืออะไร นั่นคือธรรมะที่นำพาให้เราพ้นทุกข์
ธรรมะนั้นอยู่ที่ไหน  มันอยู่ที่การรู้แจ้งเห็นจริงในตัวตน ในทุกๆ สิ่ง ว่าโลกนี้มันไม่เที่ยง อย่าไปอยากยึดเลย  ถ้าอยากแล้วรับได้ไหมเวลามันเปลี่ยน  ฉะนั้นอยู่ร่วมแต่ไม่ผูกพันได้ไหม ช่วงใช้แต่ไม่ยึดติดได้หรือเปล่า  อาจารย์พูดง่ายแต่ทำยากนะศิษย์   ฉะนั้นการเรียนรู้ธรรมะ ไม่ใช่แค่ให้ศิษย์มายึดมั่นถือมั่นในโลกนี้ แต่มาให้ศิษย์มองเห็นความจริงในตัวตนนี้  อย่าอับจนทาง มันมีให้เดิน  ฉะนั้นถ้าคิดแล้วมันทุกข์  แล้วมันแย่ ทำไมไม่ฉุดตัวเองให้พ้น  ถ้ารับแล้วมันทุกข์ทรมาน ทำไมไม่รับให้มันน้อยๆ  ถ้าอยากแล้วทำให้เจ็บปวดยึดมั่น ทำไมไม่ปล่อยความอยากบ้าง  ชีวิตต้องเกิดมาสุขอย่างเดียว ทุกข์ไม่ได้หรือ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นพร้อมจะไปกับอาจารย์หรือยัง
อาจารย์อยากจะบอกศิษย์ว่าในตัวตนนี้มีสิ่งที่ประเสริฐอยู่หนึ่งสิ่ง นั่นคือจิตญาณที่ศิษย์ได้รับการชี้ จิตญาณที่ศิษย์ได้รับการชี้มันพ้นทุกข์มาตั้งนานแล้ว เป็นสิ่งที่อยู่เหนือทุกข์สุขในโลกมานานแล้ว แต่เพราะศิษย์มองไม่เห็น ศิษย์ยึดแต่เพียงว่า ฉันมีตัว มีใจ แล้วก็มัววิ่งวนอยู่กับตัวใจ และความคิด ความรู้สึกนี้  ทั้งที่ความคิด ความรู้สึก ตัว ใจ มันไม่เที่ยง   เราต้องมองให้เห็น  ถ้าเรามองเห็นว่าตัวเรา ใจ มันก็แค่นี้ มันก็หนีไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิด  แต่ถ้าเรามองเห็นชัดๆ  ว่าเรามีจิตที่ประเสริฐตื่นรู้ได้ ตื่นรู้ในอะไร ตื่นรู้ด้วยสติปัญญา และการทำสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เมื่อไหร่ที่โดนกระทบ เราจะปล่อยตามใจ หรือเราจะตื่นรู้ แล้วไม่ปล่อยตามใจ ถ้าเมื่อโดนกระทบแล้วปล่อยตามใจอยาก เราก็เวียนว่ายไม่จบสิ้น แต่เมื่อโดนกระทบเรามองเห็นแล้วว่าความอยากก็ไม่เที่ยง ตัวเราก็ไม่เที่ยง และความไม่เที่ยงนั้น เราจึงเห็นธรรม ธรรมนั้นคือเรา เมื่อเราพบธรรม เราก็พบทางกลับบ้าน แต่ถ้าเราไม่พบธรรม  เราก็ยังไม่มีทางพบทางกลับบ้านอย่างแท้จริง มาศึกษาเพิ่มเติมเถอะนะ  เชื่ออาจารย์ วันนี้ศิษย์ฟังแล้ว ศิษย์ไม่มีทางพ้นทุกข์หรอก เพราะมนุษย์มีความคิด ความเชื่อ ความเข้าใจที่หนาแน่น ปิดบังปัญญาเดิมแท้  ใช่หรือไม่ (ใช่)
อาจารย์ อยากจะเคาะๆ กิเลสให้หมดจากใจ วันนี้อาจารย์ก็คงต้องไปแล้ว อย่าติดโลภ อย่าติดโกรธ อย่าติดหลง อย่าติดไปหมดทุกอย่าง ทั้งที่จริงๆ แล้วสิ่งนั้นควรหรือที่เราจะยึดติดยึดมั่นใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์เอ๋ยมัวแต่ห่วงเที่ยว แล้วจะเจริญหรือ การเป็นคนดีเป็นเรื่องยากใช่ไหม การเป็นเด็กนี่เป็นเรื่องง่ายหรือ ตั้งใจนะ มีโอกาสกลับมาศึกษาอีกนะ ศิษย์เอย อาจารย์มีถ้อยคำมากมายอยากพูดกับศิษย์ อยากช่วยศิษย์ให้พ้นทุกข์ แต่บางครั้งอัตตาตัวตน ความรู้ ความยึดมั่นมันมากเกินไปหรือเปล่านะ ตั้งใจบำเพ็ญ มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้นานๆ ก่อนพูด ก่อนทำ อย่าเอาอารมณ์เป็นใหญ่ อย่าเอาความเคยชินนำชีวิต แต่จงรู้จักใช้ธรรมะไตร่ตรอง ทำแล้วมีเมตตาไหม ทำแล้วซื่อตรงกับตัวเองไหม ทำแล้วกลายเป็นคนดื้อเกินไปหรือเปล่า ทำแล้วขาดปัญญาไหม ทำแล้วผิดต่อมโนธรรมสำนึกหรือเปล่า  ฉะนั้นไม่ว่าเจอเรื่องอะไร ขอให้ใช้สติไตร่ตรองซึ่งคุณธรรม
ก่อนลาจากกัน เวลาเจออะไร จงนิ่งแล้วไตร่ตรองให้ดี ทำแล้วมีเมตตาไหม ทำแล้วผิดต่อมโนธรรมสำนึกในหัวใจไหม ทำแล้วกลายเป็นคนที่ไม่มีสัจจะวาจาหรือเปล่า ทำแล้วดูเหมือนคนโง่ขาดปัญญาไหม ถ้าทำแล้วครบได้อย่างนี้ก็จงทำ แต่ถ้าทำแล้วมันไม่ครบอย่างนี้ ยอมอยากน้อยหน่อย ยอมติดน้อยหน่อยไม่ดีหรือ โลกใบนี้สวยงามก็จริง แต่ถ้าสวยงามแล้วหลงยึดยังปล่อยไม่ได้ วางไม่ลง แม้พุทธะร้อยองค์พันองค์ก็ฉุดช่วยไม่ได้ ใช่ หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอาจารย์อยากบอก ธรรมะไม่ใช่เรื่องไกล ธรรมะขอแค่รู้เท่าทันใจ อย่าปล่อยให้กิเลสเป็นใหญ่ มองให้ชัด ทำแล้วมีเมตตาไหม ทำแล้วมีมโนธรรมสำนึกไหม ไม่ว่าจะพูดไม่ว่าจะทำ ทำแล้วดูแล้วเป็นคนที่ไม่มีปัญญา ไม่รักษาคำพูด งั้นไม่ทำดีไหม ใช่หรือเปล่า ทำช้าหน่อยแต่ได้ไตร่ตรอง ได้ขบคิดแล้ว มันจะได้ไม่เกิดกรรม จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
ศิษย์เห็นคนทุกข์ไหม คนที่เขาทุกข์ยิ่งกว่าศิษย์ ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะว่าแก้ไม่ได้แล้ว แล้วศิษย์อยากที่จะมีชะตาชีวิตที่ต้องทุกข์กว่านี้อีกไหม แล้วทำไมไม่รู้จักระมัดระวังตัวเองตอนนี้ ปล่อยมันไปทำไมตามความอยาก ศิษย์รู้ไหมว่าความโกรธนำมาซึ่งนรก ความโลภหลงนำมาซึ่งภพภูมิของเดรัจฉาน เปรต กับการเกิดเป็นคนแล้วรู้จักรักษาคุณธรรมเยี่ยงชีวิต หรือยอมทิ้งได้แม้ชีวิตเพื่อรักษาธรรม นั้นแหละคือมนุษย์ หรือเราเกิดมาเพื่ออารมณ์ เราเกิดมาเพื่อรักษาคุณธรรมความเป็นคน และนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์ โดยหาธรรมในตัวเองให้เจอ แล้ว ธรรมนั้นคืออะไรล่ะ ที่อยู่ในตัวเอง มันคือความไม่เที่ยงที่ไม่ควรจะยึดอะไรเลยใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเรารู้ขนาดนี้แล้ว อย่าทำตัวเองไม่รู้นะศิษย์ ไปแล้วนะ



(พระอาจารย์เมตตาประทานโอวาทให้กับผู้ร่วมฟัง)
สบายดีกันไหม (สบายดี)  บำเพ็ญเป็นอย่างไรยากลำบากไหม (ไม่ลำบาก)  ไหนใครบำเพ็ญแล้วมีอารมณ์โลภ โกรธ หลง เบาบางบ้างยกมือขึ้น จริงหรือ (จริง)  แปลว่าไม่ค่อยขี้โมโหแล้วใช่ไหม (ใช่)  ใครด่าก็ไม่ (โกรธ)  จริงหรือ (จริง)  อาจารย์อยากมาเยี่ยมศิษย์ทุกคน แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมศิษย์ การบำเพ็ญธรรมที่แท้จริงนั้นคืออะไร การบำเพ็ญธรรมที่แท้จริงก็คือ ในตัวของศิษย์ทุกคนนั้นมีสิ่งหนึ่งที่เราเรียกว่าจิตญาณใช่ไหม (ใช่)  แล้วศิษย์รู้ไหมว่า จิตญาณมันพ้นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มานานแล้ว แต่เพราะหัวใจที่ติดในนิสัย อารมณ์ จึงทำให้จิตกับกายมันติดกันแล้วแยกกันไม่ออก เมื่อแยกกันไม่ออก พอโดนตีก็เจ็บทั้งกาย (เจ็บทั้งใจ)  ในตัวศิษย์นี้มีอีกสิ่งที่เรียกว่ากาย ใจ แล้วก็จิต สิ่งที่ศิษย์ได้รับหนึ่งจุดชี้ เรียกว่า จิต จิตนี้อยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึก แล้วก็พ้นทุกข์มาตั้งนานแล้ว แต่เพราะว่ากายที่มีใจเป็นตัวเชื่อม จึงทำให้จิตผูกพันกับร่างกายนี้ใช่ไหม (ใช่)  พอกายนี้เจ็บ ใจก็เจ็บ (จิตก็เจ็บ)  เพราะศิษย์มักรู้สึก  แค่ใจเจ็บ แต่จิตไม่เจ็บ
ฉะนั้นในตัวเรานี้มีพลังที่วิเศษนั่นคือ จิตญาณอันเดิมแท้ที่สามารถนำพาให้ศิษย์พ้นทุกข์ได้ แต่ศิษย์มักจะติดว่าตัวเรามีแค่ตัวกับใจใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ใจชอบรู้สึกโน่น รู้สึกนี่  อยากนั่น อยากนี่ ใจเป็นตัวที่ทำให้กายและจิตไม่พ้นทุกข์ แต่ถ้าเมื่อใดศิษย์มองเห็นว่าใจเป็นของไม่เที่ยง กายเป็นของตายใช่ไหม กายมีวันตายไหม  ใจก็มีวันตาย เพราะใจติดกับความรู้สึก ความรู้สึกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายก็มีวันตายได้  แต่จิตเดิมแท้มันไม่มีวันตายนะศิษย์ มันพ้นทุกข์ตลอดเวลา แต่ใจเรามันชอบยึดติดว่าตัวเรามีแค่กายกับใจ  แล้วใจเราคิดอย่างไร เราก็ตามอย่างนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์ไม่เคยเดินไปให้ทะลุถึงจิต พอโดนกระทบหน่อย ใจก็เจ็บ พอมีไข้หน่อย ใจทุกข์ ตัวทุกข์ แต่จิตมันไม่เคย ศิษย์เอ๋ยเราบำเพ็ญธรรมไม่ได้ให้เรายึดติดกาย เราแค่มาเพื่อยืมกายใช้ เคยได้คิดคำว่า ให้ธรรมะเป็นทานไหม (เคย) ประเสริฐกว่าการให้ของใช่หรือไม่ (ใช่)  
แล้วอะไรคือธรรม ธรรมคือความเห็นแจ้งในจิตที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด พ้นจากความรู้สึกยึดมั่นถือมั่น นั่นคือธรรมชาติเดิมแท้จิตเดิมแท้ เมื่อใดที่ศิษย์ค้นพบจิต จริงๆ เราก็รู้อยู่แล้วแต่เราไปไม่ค่อยถึง ใช่ไหม (ใช่)  เรามองเห็นแต่ใจเราแต่ไปไม่ถึงจิตสักครั้งใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้น ลองวางใจลงแล้วไปให้ถึงจิต จิตอันเดิมแท้ จิตนั้นแท้จริงแล้วมันว่าง มันเป็นกลาง มันสงบ แต่เพราะใจ พอมีใจ จิตจึงไม่ว่าง ใจมันชอบอย่างนั้น ใจมันชอบอย่างนี้ จิตก็เลยไม่ว่างใช่หรือไม่ (ใช่)  ใจมันมีตัวฉัน ลูกฉัน ของฉัน มันก็เลยไม่กลาง ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ฉะนั้นถ้าเมื่อใดที่ศิษย์ข้ามพ้นใจ ศิษย์จะมองเห็นจิตและค้นพบธรรม แม้กายจะเจ็บ  ตาย  แต่จิตไม่ตายนะศิษย์  ฉะนั้นถ้าศิษย์เอาแต่ยึด ใจศิษย์ก็ไม่มีวันพ้นทุกข์  แต่ถ้าศิษย์ค้นพบจิต ศิษย์จะพ้นทุกข์ เพราะจิตนั้นมันว่างและอิสระมานานแล้ว แต่เพราะเราไปไม่ถึงมันปล่อยไปตามอยาก  ตามใจ  ทำไมเราไม่เคยทำใจนิ่งๆ แล้วตามจิตเราบ้างล่ะ  ฉะนั้น เราต้องฝึกจิตบ้างแล้ว  ถ้าหากเราโดนกระทบ ไม่ว่าทั้งทางหู ตา ใจ นิ่ง นิ่งแล้วดูสิว่า ทำแล้วดีไหม  ทำแล้วผิดหลักธรรม ผิดจริยะไหม   หากเราไม่มีจริยธรรม  ทำแล้วไม่รักษาคำพูด ทำแล้วกลายเป็นคนด้อยปัญญา อย่าทำ ช้าหน่อย นิ่งหน่อย แต่ทุกครั้งที่ออกไปนั้น ไตร่ตรองแล้ว เราก็จะได้ไม่พลาดแล้วก่อกรรม
ศิษย์มักพูดบอกว่า “อาจารย์พระก็ไหว้ แต่ทำไมทุกข์ยังมีอยู่ ทำไมยังไม่พ้นทุกข์” เพราะอะไร ก็เพราะยังยึดมั่น  เรายังมีอารมณ์  เพราะเรายังยึด ยังมีอารมณ์ไม่พ้นทุกข์  ทำดีก็ทำไป แต่อารมณ์ก็ยังมีอยู่ จะสามารถพ้นทุกข์ได้ไหม  ถ้าอยากพ้นทุกข์ ก็ต้องไม่ตามอารมณ์ ตามใจ แต่ให้ตามจิต  พอเข้าใจหรือยัง  ฉะนั้นถึงแม้จะทำงานธรรมะมากมายแต่ ถ้าไม่ลงแรงที่จิต  เอาแต่ทำงานไม่ลงแรงที่จิต มันก็เปล่าประโยชน์นะศิษย์  ศิษย์จะได้แต่บุญ  แต่เคราะห์กรรมยังไม่มีวันหมด เพราะปากยังด่าคน ใจยังยึดมั่น ใจยังคาดหวังไม่บริสุทธิ์ ใจยังคิดอย่างโน้นคิดอย่างนี้  
เมื่อวานท่านแปดเซียนหลันไฉ่เหอท่านก็มาเมตตา “ใดใดในโลกล้วนไม่ควรยึดมั่นถือมั่น”  แล้วศิษย์จะไปยึดอะไร ในเมื่อมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สามี ภรรยา ยึดได้ไหม หน้าที่ตำแหน่งการงาน หรือกระเป๋าเงิน ยึดได้ไหม ยึดอะไรไม่ได้เลยนะ เราบำเพ็ญธรรม  ถึงเวลาใครอยากเอาอะไรก็เอาไป เอ้อดี เบาไปอย่างหนึ่ง สามีใครเอาไปก็ดี เอ้อเบาไปอย่างหนึ่ง  ชีวิต เจ็บป่วย เอ้อดีก็จะได้ปลงสังขาร กาย ใจ ตาย แต่จิตไม่ยอมตาย กาย ใจ ไม่มีวันพ้นทุกข์ แต่จิตมีวันพ้นทุกข์ได้ เข้าใจไหมศิษย์ จงถามตัวเองสิว่า ควรหรือที่จะยึดมั่นถือมั่น ควรหรือที่จะหลงรักผูกพัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีชะตากรรม เราตีเส้น เราบังคับ เราวางกรอบ เราทำดีที่สุดแล้วแต่ถึงเวลา จะเป็นตามที่เราคิดไหม เราว่าเราทำดีที่สุดแล้วบางทีก็ไปซ้าย ไปขวา
ฉะนั้นควรเรียนรู้ที่จะผิดหวัง จริงๆ แล้วจิตมันว่างตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เพราะใจมันยึด จึงต้องพยายามปล่อย ถ้าศิษย์เข้าถึงจุดนั้น ไม่มีอะไรต้องปล่อยวาง เพราะทุกขณะจิตศิษย์ต้องดำเนินชีวิต..เราจะผูกพันอะไรล่ะ ไม่มีอะไรที่ให้เราผูกพันได้เลยใช่ไหมศิษย์ ลูกผูกพันได้ไหม แฟนผูกพันได้ไหม หน้าตาหล่อๆ ผูกพันได้ไหม หน้าตาขี้เหล่ผูกพันได้ไหม ฉะนั้นศิษย์ฟังธรรม เอาไปใช้แล้วค้นหาธรรมในตัวตนให้เจอ ธรรมะคืออะไร ธรรมะคือความตื่นรู้ทุกขณะที่มากระทบหู กระทบตา กระทบใจ แล้วเราไม่หลงผูกพัน เรามาเพื่อยืมใช้นะศิษย์ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองยึดติดกับวิสัยความเคยชิน ยึดติดกับอัตตาตัวตน เพราะมิฉะนั้นเราจะทุกข์เพราะตัวเอง



พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “หนทางกลับ”
คิดแต่วิ่งตามความฝัน ไม่ทันตรึกตรองถ่องแท้
เกิดมาเพื่อสิ่งใดแน่ หรือแค่ฟองน้ำผุดพราย
ชีพคนไม่อาจรั้งอยู่ จึงรู้ฝึกจิตก่อนสาย


ใช้ธรรมกลับคืนสู่ใจ ใช้ใจกลับคืนบ้านเดิม
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา