วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

2557-04-19 สถานธรรมฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์


西元二○一四年歲次甲午三月二十日    仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๗    สถานธรรมฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
    หวังลาภลอยแต่ไม่เคยเอื้อเฟื้อใคร    หวังยิ่งใหญ่แต่ความดีไม่เคยสร้าง
หวังจะรวยแต่แอบสบายในทุกทาง    ทำทุกอย่างแต่ไม่มองความเป็นจริง
        เราคือ
    ศิษย์พี่นาจา            รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่แดนโลก  แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว        ถามศิษย์น้องทุกคนฟังรู้เรื่องไหม
    รักสบายจนเกียจคร้านทำลายตน    ย่อมส่งผลทำลายคนรอบข้าง
หวังแต่เงินความถูกต้องเดินสวนทาง    กรรมตนสร้างจะโทษฟ้าได้อย่างไร
บุญไม่สร้างกลับตัดพ้อชะตาชีวิต    มิจฉาทิฐิพาตนพูดทำดีทำไม
สุขให้สุดบาปเวรกรรมมีที่ไหน    เห็นผิดไปจากคลองธรรมบาปหนักแล
เหมือนท่านถามว่าทำไมกรรมอย่างนี้    ก็เพราะมีเหตุปัจจัยเป็นแน่แท้
ไม่หยุดเหตุกลับกลัวผลชะเง้อแล    ไยไม่แก้ขยันดีเปลี่ยนชะตา
ฝึกการให้มีเมตตาอยู่เป็นนิตย์    โลภโกรธหลงอกุศลจิตคุมไว้หนา
บาปไม่ทำดีพากเพียรตลอดชีวา    คนซื่อสัตย์สุจริตหนามีศีลธรรม
รู้หลักธรรมไม่กลัวทุกข์เพราะแจ้งใจ    มาจากใจเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายนั้น
ดีคือร้ายทุกข์คือสุขมองให้ทัน    โลกสัมพันธ์ที่ต่างนั้นเพราะอวิชชา
ทุกขณะชีวิตล้วนหมุนเปลี่ยนผัน    ต้องรู้ทันความไม่เที่ยงทนยากหนา   
หาที่สุดตัวตนยังไม่ได้นา    แล้วสิ่งใดของเราหนาใดของเรา
            ฮิ ฮิ หยุด
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
ใจแบบไหนหรือที่น่ากลัว ใจที่หลงผิด ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าคิดว่าตัวเองดีแล้วก็เรียกว่าหลงผิดได้เหมือนกัน ถูกไหม (ถูก)  ถ้าคิดว่าตัวเองถูก แล้วไม่ฟังใครก็เรียกว่าหลงผิดใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นพยายามลดๆ นะ
เบื่อไหมนั่งฟังธรรมะ (ไม่เบื่อ)  หน้าตาแบบนี้ไม่เบื่อเลยใช่ไหม (ใช่)  เราเพิ่งรู้นะว่าหน้าตาแบบนี้เรียกว่าไม่เบื่อ จริงหรือ (จริง)  เมื่อสักครู่เราแอบถามศิษย์น้องคนหนึ่งแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราถามศิษย์น้องทุกคนดีกว่านะว่า “สิ่งใดที่น่ากลัวที่สุดในตัวคน”  (ความคิด, กิเลส, ใจ, อารมณ์)
อะไรอีก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดแม้พระพุทธะร้อยองค์ พันองค์ มาโปรดอยู่ตรงหน้าก็ช่วยคนประเภทนี้ไม่ได้
“หวังลาภลอยแต่ไม่เคยเอื้อเฟื้อใคร    หวังยิ่งใหญ่แต่ความดีไม่เคยสร้าง
หวังจะรวยแต่แอบสบายในทุกทาง    ทำทุกอย่างแต่ไม่มองความเป็นจริง”
ศิษย์น้องอยากได้ลาภลอยไหม อยากได้ ลาภสองตัว ลาภสามตัว โอ้ทุกวันก็กินลาภอยู่แล้วไม่ต้องไปขอมันหรอก ทำเองดีกว่า ใช่ไหม  หวังอยากเป็นคนยิ่งใหญ่หวังมีหน้ามีตาแต่สิ่งที่ศิษยน้องหวังเคยทำอะไรไหม ลองรู้จักให้บ่อยๆ สิ เดี๋ยวลาภลอยมันก็มาเอง ใช่ไหม คนที่มีน้ำใจจะไปไหนก็ให้ทานแบ่งปัน เดี๋ยวลาภลอยมันก็มาเอง ฉะนั้นอย่ามัวแต่ไปหวังลาภลอยแต่ไม่เคยเอื้อเฟื้อใคร อย่ามัวหวังยิ่งใหญ่ในโลกแต่ไม่เคยทำดี อย่ามัวแต่หวังที่จะรวยแต่ไม่เคยยอมลำบากพากเพียร ขยันก้มหน้าก้มตาเก็บหอมรอมริบ ถูกไหม อยากรวยไหม (อยาก)  ขยันไหมล่ะ  ทำนิดหนึ่งเดี๋ยวก็พัก รอให้รวยขอให้รวย รวยไหม (ไม่รวย) ศิษย์น้องทำแค่นิดหนึ่งแล้วก็บอกว่าเดี๋ยวฉันจะรวยแล้ว  เป็นไปได้ไหม  ใครอยากรวยแต่ชอบแอบสบาย มันจะรวยไหม ทำทุกอย่างแต่ไม่เคยมองความจริง เป็นอย่างนั้นไหมศิษย์น้อง  ก็ฉันทำทุกทางแล้วนะ  ไม่เห็นรวยสักทีเลย ไม่เห็นยิ่งใหญ่เลย แล้วทำจริงๆ ไหม
เมื่อสักครู่ศิษย์พี่บอกว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตัวมนุษย์คือ (ความหลง)  ความหลงใช่หรือไม่ (ใช่)  หลงผิดคิดว่าตัวเองดี คิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าตัวเองแน่ คิดว่าตัวเองถูก ใช่หรือไม่ (ใช่)  จึงทำให้เราสามารถที่จะทำร้ายผู้อื่นได้จริงไหม (จริง)  แม้บุคคลที่รักที่สุดใช่หรือไม่ (ใช่)
เมื่อสักครู่ที่ศิษย์พี่บอกศิษย์น้องก็คือว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความหลงผิด ซึ่งศิษย์พี่จะเอาเรื่องของตัวเองนี่แหละสอนศิษย์น้อง แล้วใครรู้จักประวัติของศิษย์พี่บ้างไหม (ไม่รู้)  ศิษย์พี่เล่าให้ฟังคร่าวๆแล้วกันนะ มีครั้งหนึ่งตอนศิษย์พี่อายุเจ็ดขวบ เห็นคนกำลังทำร้ายผู้หญิง ศิษย์พี่ก็เลยเข้าไปช่วย พอเข้าไปช่วยเสร็จ คนที่ทำร้ายผู้หญิงเขาก็ไม่ยอม เขาก็ต่อสู้กับศิษย์พี่ ศิษย์พี่ก็ชนะเขาได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอม ก็กลับมาสู้กันต่อ พอสู้กันไปสู้กันมา ศิษย์พี่พลั้งมือฆ่าเขาตาย แต่ศิษย์พี่ก็คิดว่าเราไม่ผิด เราช่วยคน เราทำสิ่งที่ถูกต้อง ศิษย์น้องจำไว้นะถึงแม้ว่าเราจะทำถูกก็ตาม แต่ถ้าเราทำให้เขาต้องตาย สิ่งที่ถูกมันก็ยังต้องมีความผิดใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่าถึงแม้ว่าศิษย์พี่จะทำสิ่งที่ถูก แต่จงจำไว้นะศิษย์น้อง เราเอาตัวเราไปเป็นตุลาการ ไปเป็นผู้ตัดสินพิพากษาใครไม่ได้
เพราะทุกชีวิตล้วนรักชีวิต ใช่ไหม (ใช่)  ตอนนั้นศิษย์พี่น่าจะแค่จับเขามัดไว้ดีกว่า แต่ศิษย์พี่กลับฆ่าเขาตาย หลังจากเขาตายแล้ว พ่อแม่เขามาตามเอาเรื่อง พอมาเอาเรื่อง พ่อของศิษย์พี่ที่เป็นคนทำหน้าที่ตัดสินความก็ต้องรักษาความถูกต้อง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนนั้นศิษย์พี่ไม่เข้าใจ คิดว่าพ่อใจร้ายจะฆ่าได้แม้กระทั่งลูก จะยอมเอาลูกตัวเองไปเพื่อหน้าที่ โดยไม่สนใจว่าลูกตัวเองจะต้องตาย ดังนั้นศิษย์พี่โกรธ เกลียดพ่อ ไม่รักพ่อ แม่ก็ช่วยให้ศิษย์พี่ได้หนี ศิษย์พี่ก็หนีไม่อยากรับความผิด แม่ศิษย์พี่ช่วยให้ศิษย์พี่รอด แต่พ่อศิษย์พี่จะเอาศิษย์พี่ไปตัดสิน ซึ่งสมัยนั้นฆ่าใครก็ต้องถูกฆ่า ศิษย์พี่ก็หนีๆๆ อย่างไรก็เกลียดพ่อ ไม่รักพ่อ รักแต่แม่ แต่ผลสุดท้ายวันหนึ่งได้เจอหน้าพ่อ พ่อกล่าวกับศิษย์พี่ว่า ลูกว่าสิ่งที่ลูกทำคือสิ่งที่ถูกต้อง   ลูกช่วยคนให้เขาทำสิ่งที่ถูกต้อง ให้เขาพ้นผิด แล้วตอนนี้พ่อก็กำลังทำหน้าที่ที่ถูกต้อง เพื่อรักษาถูกผิดให้ชัดเจนในโลกนี้ พ่อใจร้ายกับลูกหรือ เพราะฉะนั้นอย่าหลงผิด ไม่อย่างนั้นความหลงผิดของศิษย์น้องจะทำให้ศิษย์น้องเกลียดแม้กระทั่งพ่อได้และอาจทำร้ายคนข้างๆ ได้ เพียงเพราะคิดว่าตัวเองถูก ฉันถูก แต่จงมองให้กว้างๆ ว่าสิ่งที่เราทำถูกมันถูกจริงไหม อย่ายืนอยู่แค่ความคิดของตัวเอง แต่ไม่มองความถูกของคนรอบข้างหรือความเป็นจริงของส่วนรวม ศิษย์พี่ก็เลยทำอย่างไร รู้ไหม ศิษย์พี่ก็ฆ่าตัวเองเฉือนเนื้อตอบแทนคุณมารดา ดึงกระดูกดึงเส้นเอ็นคืนบิดา เพื่อรักษาความถูกต้องแม้เราจะต้องเสียชีวิตก็ตาม ทำได้ไหม เข้าใจไหม (เข้าใจ)  เรื่องนี้ที่ศิษย์พี่พูดก็คือ อย่าเผลอหลงผิดแม้ว่าเราจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
แต่ในความถูกต้องนั้นอย่าลืมมองส่วนรวม ถ้าส่วนรวมเขาว่าเราผิดก็ต้องยอมรับอย่าดันทุรังอย่าดื้อดึง ไม่อย่างนั้นความผิด มันจะทำให้ชีวิตนี้ไม่พบทางสว่าง จริงไหม (จริง)
“รักสบายจนเกียจคร้านทำลายตน    ย่อมส่งผลทำลายคนรอบข้าง”
แต่ถ้าศิษย์พี่ถามศิษย์น้องว่าในโลกใบนี้ มนุษย์หรือตัวศิษย์น้องทุกคนยอมทำผิด ทำร้ายคนได้ เพียงเพราะอะไรรู้ไหม เรื่องอะไรฉันต้องลำบาก เรื่องอะไรฉันต้องอดทน เรื่องอะไรฉันต้องเป็นคนดี ใช่ไหม (ใช่)  บางทีคนในโลกนี้ไม่เหมือนคนในสมัยก่อน คนในโลกนี้ถ้าให้เหนื่อยให้ลำบากเพื่อจะช่วยคนอื่น ไม่เอา จริงไหม (จริง)  แล้วบางทีทำไมยอมทำไม่ดี เช่น ไปซื้อยาเสพติดมาเม็ดหนึ่ง แล้วเอาไปขายได้กำไร ง่ายดี ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็ง ทำอย่างอื่นกำไรก็ไม่กำไร พ่อแม่ทำงานงกๆๆ ตัวเองไปเล่นเกมดีกว่า ขับรถเที่ยวดีกว่า ใช่ไหม เพียงเพราะเรารักเกมมากกว่าพ่อแม่ ฉะนั้นคนสมัยนี้เพียงเพราะรักสบายก็เลยเกียจคร้าน พอเกียจคร้านเสร็จก็สามารถทำร้ายตัวเองและคนรอบข้าง ใช่หรือเปล่า (ใช่)
“หวังแต่เงินความถูกต้องเดินสวนทาง    กรรมตนสร้างจะโทษฟ้าได้อย่างไร
บุญไม่สร้างกลับตัดพ้อชะตาชีวิต    มิจฉาทิฐิพาตนพูดทำดีทำไม
สุขให้สุดบาปเวรกรรมมีที่ไหน    เห็นผิดไปจากคลองธรรมบาปนักแล”
ศิษย์พี่เขียนกลอนนี้มาจากใจของศิษย์น้องล้วนๆ เลยนะใช่หรือเปล่า ศิษย์น้องเคยตัดพ้อกับชีวิตไหม ว่าทำไมตัวเองต้องเจอแบบนี้ ทำไมตัวเองมีแค่นี้ (เคย)  เคยทุกคนเลยหรือ พอบ่นแล้ว บ่นแล้วทำอะไรดีขึ้นไหม (ไม่)  บ่นเฉยๆ บ่นแล้วถึงขนาดดีไม่ทำเลยไหม ยังทำไหม (ทำ)  ศิษย์พี่จะมาช่วยแก้ปัญหาเรื่องชะตาชีวิตดีไหม แล้วมาคุยกันเรื่องบุญกับกรรมมันเป็นยังไง เอาแบบง่ายๆ ชัดๆ เลยดีไหม (ดี)  เพราะว่ากลอนที่ให้ไปนี่คือ มองตั้งแต่เริ่มตอนมีชีวิตอยู่เลยนะ คนทุกคนหวังที่จะสบาย  อยากสบายถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าสบายแล้วเราทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผลก็คือมันจะต้องกลับมากระทบตัวเราและกระทบคนรอบข้างใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อมันกลับมากระทบคนรอบข้าง และสิ่งที่เราทำเนี่ยเราเอาแต่หวังเงินแต่เราไม่สนใจความถูกต้องดีงาม แล้วเราจะบอกว่าฟ้าเป็นคนลงโทษเราได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเราจะบ่นตัดพ้อได้ไหม (ไม่ได้)  “ชีวิตทำไมเป็นอย่างนี้ ชีวิตทำไมแย่อย่างนี้”  จนอย่างนี้โทษฟ้าได้ไหม (ไม่ได้)  ทำไมโทษไม่ได้ล่ะ อ้าว ถ้าบอกว่าโทษไม่ได้ต้องรู้สิเพราะอะไรใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์น้องรู้ไหมทำไมถึงโทษไม่ได้ เพราะว่าชะตาอยู่ที่ลายมือ (ไม่ใช่) อยู่ที่หมอดู (ไม่ใช่)  อยู่ที่ฟ้าใช่ไหม (ไม่ใช่)  อยู่ที่คนพูดใช่ไหม (ไม่ใช่)  เราจะดีเราจะมีความสุขเธอต้องชมเท่านั้น ถ้าเธอไม่ชมฉันยิ้มไม่ได้อย่างนั้นหรือเปล่า (ไม่ใช่)  แสดงว่าทุกข์อยู่ที่ไหน ดีหรือร้ายอยู่ที่ใคร (ตัวเรา)  ก็รู้นี่นา
ทำไมเวลามันโดนด่าเจ็บใจ ใช่หรือเปล่า พอโดนชมหน่อย  ดีใจ ถูกต้องอยู่ที่หนู ใช่ไหม  ฉะนั้นเราต้องถามให้ดีๆ ถ้าสุขทุกข์ อยู่ที่ตัวศิษย์น้องเอง แล้วชะตาชีวิตจะดีหรือร้าย ก็ไม่ได้อยู่ที่คนพูด แต่มันอยู่ที่เรารู้จักตัวเราเองไหม ถ้าเรารู้จักตัวเราเอง ใครพูดให้เราเลวร้ายอย่างไร ถ้าเราไม่เลว คำพูดเขาจะมีผลกับเราไหม ใครพูดชมเราขยันขนาดไหน แต่ถ้าเราไม่ขยัน เราจะดีได้ไหม (ไม่ได้)  ก็เป็นแค่เพียงคำพูด คำพูดของเขาก็เป็นเพียงปากเปล่าจอมปลอมที่เราทำไม่ได้ ใช่หรือไม่  ฉะนั้นสิ่งสำคัญมันก็อยู่ที่ตัวเราถูกหรือเปล่า (ถูก)  เมื่ออยู่ที่ตัวเราแล้วเราทำอย่างไรถึงจะดี (ทำความดี)  ทำความดี ใช่ไหม เหมือนที่ศิษย์น้องก็พยายามทำดีนะ แต่ทำไมทำดีแล้วมันไม่ค่อยได้ เลยไม่ทำเลยใช่ไหม  สิ่งสำคัญศิษย์พี่พูดตั้งแต่แรก ก็คือขอเพียงอย่าหลงผิด  หนึ่งก็คือว่า ถ้าศิษย์น้องจะทำความดี ต้องมีใจศรัทธาในความถูกต้องดีงาม ถ้าไม่ศรัทธาคิดว่าทำดีไม่เห็นได้ดี อย่าทำเลยทำไปก็ทำแบบแกนๆ ทำไปก็ทำไปอย่างนั้น เขาทำอะไร เราก็ทำตาม หรือเสียหน้าเขาทำกันหมด ไม่ทำไม่ได้ ใช่ไหม  ตอนนี้เขาฟังเราก็ทนฟังไปแบบแกนๆ ใช่หรือเปล่า  อยากลุกก็ไม่กล้าลุก ก็ซ้ายขวามันไม่ลุก ใช่หรือเปล่า ดีอย่างนี้ไม่ได้ผลนะ และถึงแม้จะทำทุกวันแต่ทำแบบแกนๆ มันก็ไม่ได้ผลอะไรรู้ไหมศิษย์น้อง สิ่งสำคัญต้องมาจากความศรัทธาในความดีก่อนแล้วความดีนั้นจะเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ เหมือนที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า “ศรัทธาเป็นทรัพย์อันประเสริฐของมนุษย์ และปัญญาเป็นสิ่งที่ประเสริฐของคน  และการยอมอดทนอดกลั้นไม่ต่อว่าคนที่ทำร้ายเราได้ ก็เป็นความประเสริฐของคนอีกเช่นกัน”  ฉะนั้นศรัทธา ทำให้เกิดทรัพย์ประเสริฐ แล้วถ้าเกิดว่าศรัทธา กอปรไปด้วยปัญญา ก็จะกลายเป็นผู้ที่ประเสริฐอย่างแท้จริง และผู้ที่ประเสริฐมีปัญญามีศรัทธา แล้วยังรู้จักอดทนอดกลั้นได้ นั่นก็ประเสริฐสูงสุดแล้ว
แต่ถามว่ามนุษย์ผู้ประเสริฐทั้งหลายเข้าถึงความประเสริฐบ้างไหม ศรัทธาไม่มี ปัญญาห่างหาย ความอดทนต้อยต่ำ ฉะนั้นประเสริฐไหม ไม่ประเสริฐเลย จริงไหม (จริง)  ห่างไกล ใช่ไหม ฉะนั้นเรามาเรียนรู้ก่อนดีไหมว่า บุญคืออะไร บาปคืออะไร แล้วทำบุญมันทำอย่างไรถึงจะได้บุญ แล้วเต็มเม็ดเต็มหน่วย อยากรู้ไหม (อยากรู้)  ที่ทำอยู่ไม่ค่อยเต็มหรอก ใช่ไหม (ใช่)  จะรู้บุญก่อนหรือบาปก่อนดี หรือวิธีทำบุญให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยดี เอาอันไหน (บุญ)  ทำไมเวลาโดนด่าเจ็บใจทุกข์ใจ พอโดนชมหน่อย ดีใจ ความถูกต้องอยู่ที่ไหน  อยู่ที่ตัวเรา แต่ความสุขอยู่ที่ไหน  อยู่ที่ตัวเรา ฉะนั้นเราต้องถามให้ดีๆ ถ้าสุขทุกข์อยู่ที่ตัวศิษย์น้องเอง แล้วชะตาชีวิตจะดีหรือร้ายก็ไม่ได้อยู่ที่คนพูดแต่มันอยู่ที่เรารู้จักตัวเราเองไหม ถ้าเรารู้จักตัวเราเอง ใครพูดให้เราเลวร้ายยังไง ถ้าเราไม่เลว เขาพูดจะมีผลไหม (ไม่มี)  ใครพูดชมเราดีขนาดไหน แต่ถ้าเราไม่ขยันเราจะดีได้ไหม คำพูดของเขาก็แค่คำพูดปากเปล่าจอมปลอมที่เราทำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นสิ่งสำคัญมันก็อยู่ที่ตัวเรา ถูกหรือเปล่า
สิ่งใดที่เราทำแล้วสามารถเกิดเป็นบุญรู้ไหม การให้ทาน (การรักษาศีล, กตัญญูต่อพ่อแม่, การฟังธรรม)  เขาพูดถูกนะ การฟังธรรมก็คือการสร้างบุญ บุญไม่ใช่แค่การให้อย่างเดียว รู้จักฟังบ่อยๆ ก็ได้บุญ (การแสดงธรรม)  การแสดงธรรม ถูกไหม (ถูก)
พระพุทธองค์เคยกล่าวไว้ว่า บุญสามารถสร้างได้ ๑๐ ประการ หนึ่ง คือ ให้ทาน  สอง คือ รักษาศีล สาม คือ การภาวนา การรู้แจ้งเห็นจริงในความเป็นจริงของโลกใบนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  สี่ คือ การฟังธรรม  ห้า คือ จิตใจที่รู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตน เคารพให้เกียรติผู้อื่นก็คือบุญอย่างหนึ่ง เจอใครก็ทักทาย สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ ไปไหนคะ สบายดีไหมคะ พูดด้วยอ่อนน้อมถ่อมตนให้เกียรติ ใครๆ ก็รัก ถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าเกิดบอกว่ามาทำไม ไปเถอะเรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับฉันใครอยากคบไหม (ไม่)  ตัวใครตัวมันใช่หรือไม่(ใช่)  ฉะนั้นจิตที่รู้จักอ่อนน้อมเคารพให้เกียรติ บุญข้อต่อไป คือ เห็นใครทำงานอะไรเราก็ไม่นิ่งดูดาย ไม่ยืนเฉยๆ แต่รีบเข้าไปช่วย
แล้วเวลาเราได้ทำดีมาแล้ว เพื่อจะได้ไม่หลงในความดีเราควรแบ่งปันบุญ “ฉันไปฟังธรรมะมาดีจังเลย สบายจังเลย ฉันแบ่งปันบุญ”  วันนี้ได้ฟังธรรมะก็ได้สร้างบุญแล้วนะ พอกลับไปบ้าน “พ่อแม่หนูเอาบุญมาฝาก”  นั่นแหละเขาเรียกว่าได้บุญคือทำแล้วไม่ยึดติดเป็นของตัวเอง ทำแล้วยังรู้จักแบ่งปัน ใช่ไหม (ใช่)  พอใครฟังอะไรดี “อ้าว ดีจังเลยลูก”  พอพ่อชื่นชมเราก็อนุโมทนาบุญ คือเห็นใครทำดีแล้วเรายินดีด้วย นั่นก็คือบุญ เห็นเขาพูดธรรมะ รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่อง เราง่วงจะแย่แล้ว แต่ก็อนุโมทนาบุญด้วยนะ แม้ฉันจะไม่รู้เรื่องก็ตาม ก็ได้บุญแล้วใช่ไหม (ใช่)  ยินดีในบุญที่เขาทำ แม้จะไม่รู้เรื่องแค่เพียงว่าเขาพูดดีจังเลย  เมื่อวานคนนั้นพูดดี แต่ฉันน่ะนิสัยไม่ดีฟังธรรมะทีไรหลับทุกที แต่เขาพูดดี นี่แหละการที่ชมคนที่พูดแล้วเอาไปบอกต่อ นั่นก็ได้บุญ ใช่ไหม (ใช่)  รู้จักฟังธรรมก็ได้บุญ พอเรารู้บุญนิดๆ หน่อยๆ หรือฟังแล้วรู้สึกดีและไปบอกต่อนั่นก็ได้บุญ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และถ้ามีโอกาสกลับมาฟังอีก ฟังจนเข้าใจ แล้วรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว นั่นก็คือบุญ ครบสิบไหม ถ้าทำได้ครบสิบประการนี่แหละบุญ แล้วในสิบประการที่เสียเงินมี
ข้อเดียวคือข้อทาน ฉะนั้นทำบุญทำยากไหม (ไม่ยาก)  แล้วทำไมถึงต้องทำดีรู้ไหม เพราะธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม บุญย่อมติดตามไปเหมือนเงาตามตัวของคนที่ทำ และไม่มีใครแย่งบุญของเราไปได้ ตายไปบุญก็ยังตามไปได้ แต่เงิน ทอง สามี ภรรยา ที่ห่วงนักห่วงหนา มันไม่เคยไปกับเราเลยนะ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วบุญนี่แหละจะติดตามเราไปทุกภพ ทุกชาติ เหมือนที่ศิษย์น้องมักจะพูดว่า กรรมอะไรของหนู เวรอะไรของหนู  ทำไมต้องมาเจอแบบนี้ อย่ามัวถามฟ้า แต่จงถามตัวเองว่าเวลาให้ทำดี ทำไหม เลือกที่จะทำไม่ดีมากกว่าใช่ไหม เลือกที่จะมัวแต่งกหาเงิน จนลืมสร้างความถูกต้องดีงาม
อย่างนั้นเรามาดูกันว่า อะไรเรียกว่าความไม่ดี ศิษย์น้องว่าความไม่ดีคืออะไร (ทำให้คนอื่นเดือดร้อน, ด่าเขา, นินทา, ฆ่าเขา)  ฆ่าเขาบาปไหม (บาป)  ฆ่าไหม (ฆ่า)  เพื่อตัวเองอิ่มหมีพลีมัน เพื่อพุงป่องท้องใหญ่ แต่เราฆ่าแล้วเราก็ได้เวรกรรมตามมาคุ้มหรือ ไม่อยากอายุสั้นอย่าฆ่าสัตว์บ่อย ไม่อยากทนทุกข์ทรมานสาหัสสากรรจ์ อย่าเบียดเบียนใครทั้งกาย วาจาและชีวิต ไม่อย่างนั้นมีชีวิตอยู่ก็จะเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ  ฉะนั้น ข้อแรกถ้าไม่อยากทำผิดบาป อย่าฆ่า แต่จงฝึกเมตตา ฉะนั้นถ้ามีเมตตาจะฆ่าใครไหม (ไม่)  ถ้ามีเมตตาจะแอบนินทาใครไหม (ไม่)  ถ้ามีเมตตาจะโกรธเกลียดใครไหม (ไม่)  ถ้าเข้าถึงความเมตตาแท้จริง แม้บาปสักนิดก็จะไม่ทำ แต่เพราะท่านยังไม่เข้าถึงจิตที่เมตตาอย่างแท้จริง ก็เลยยังแอบนินทา ยังแอบประชดประชัน ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าไม่อยากทำผิดบาป หนึ่ง อย่าฆ่า ไม่ว่าทั้งคำพูดหรือว่าการกระทำหรือแม้แต่สายตา อย่าฆ่าคนด้วยสายตา ตัวเราเองยังไม่ชอบให้ใครมาว่าเราด้วยสายตาหรือดูถูกดูหมิ่นเราด้วยสายตาเราก็อย่าทำ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อทุกครั้งที่ศิษย์น้องทำด้วยความ
อ่อนน้อม ทำด้วยความเคารพให้เกียรติ เราจะปฏิบัติอะไรที่ผิดทำนองคลองธรรมไหม (ไม่)
(ศิษย์พี่เมตตาให้เขียนวิธีการสร้างบุญ ๑๐ ประการ บนกระดาน)
๑.การให้ทาน    ๖.การช่วยเหลือผู้อื่นไม่นิ่งดูดาย
๒.การรักษาศีล    ๗.การแบ่งปันบุญ
๓.การภาวนา    ๘.การอนุโมทนาบุญ
๔.การฟังธรรม    ๙.การแสดงธรรม
๕.ความอ่อนน้อมถ่อมตน    ๑๐.การเข้าใจในธรรม
เมื่อสักครู่นี้ ศิษย์พี่บอกว่าการทำบุญมีสิบข้อ ใช่ไหม (ใช่)  สมมติว่ามีคนไปทำบุญหรือเขาไปฟังธรรมะ แล้วมาแบ่งบุญให้เรา ขออุทิศบุญให้เรา อย่าไปบอกว่าฉันไม่ใช่สัมพเวสีนะ อย่ามาแบ่งบุญให้ฉัน ที่จริงแล้วเราสามารถแบ่งบุญให้คนเป็นๆ ได้ทุกคนนะ แบ่งความร่มเย็น แบ่งความปิติสุข แบ่งความยินดีปรีดาใช่หรือไม่ (ใช่)
อนุโมทนา เวลาเห็นใครทำดีเราก็อนุโมทนาด้วย อันนี้ใช่ไหม ความกตัญญู รู้ตอบแทนคุณ รู้หน้าที่เป็นการสร้างคุณธรรมในการอยู่ร่วมกันในสังคม ธรรมมีหลายแบบอันนี้คือการสร้างบุญ แต่สิ่งที่ศิษย์น้องพูดนั้นคือคุณธรรมในการอยู่ร่วมกันกับคน ถ้าเกิดว่าเมื่อไรที่อยู่กับพ่อแม่ กตัญญูรู้คุณคนนั้น เรียกว่าสร้างคุณธรรม อยู่กับเพื่อนรู้จักซื่อตรง นี่ก็คือเรียกว่าสร้างบุญสัมพันธ์โดยใช้คุณธรรมเป็นตัวเชื่อม ต้องแยกให้ออกนะระหว่างบุญ กับธรรม ไม่เหมือนกัน ธรรมใช้สำหรับคน แต่บุญคือการใช้สร้างความดีงาม ถึงจะไม่ใช่พุทธ ถึงจะเป็นคริสต์ อิสลาม ถ้าเขาทำดี ถูกต้อง ก็ได้บุญเหมือนกันใช่ไหม (ใช่)
บาปทางกาย ๓ อย่าง
๑.ไม่ฆ่าสัตว์  ๒.ไม่ลักทรัพย์  ๓.ไม่ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น

บาปทางวาจามี ๔ อย่าง
๑.ไม่พูดปด  ๒.ไม่พูดส่อเสียด  
๓.ไม่พูดคำหยาบ  ๔.ไม่นินทาว่าร้าย
ทางใจมี ๓ อย่าง
๑.ไม่โลภ  ๒.ไม่โกรธ  ๓.ไม่หลง
นั่นแหละเรียกว่าไม่ทำผิดบาป ที่เกิดจากในใจเกิดจากกาย เกิดจากคำพูด ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าทำได้เช่นนี้ก็เรียกว่าคนดีนักแล แต่มนุษย์ไม่ใช่มีโอกาสจะนึกถึงความดีแล้วก็ไม่ทำชั่ว การนึกถึงบ่อยจะทำให้เราไม่ยึดติดในความโลภ โกรธ หลง ไม่หลงในทรัพย์สิน ไม่หลงในหน้าตาใช่หรือเปล่า
ทำไมเวลาเราทำดีแล้ว มันกลับไม่ค่อยได้ดี ถ้าพูดกันง่ายๆ บางทีเราอาจมีกรรมเก่าที่ต้องชดใช้  ฉะนั้นเมื่อมีกรรมเก่าต้องชดใช้ ถึงแม้วันนี้เราจะทำดีแต่กรรมเก่ายังค้างอยู่ วันนี้ความดีที่เราทำตอนนี้ยังไม่พอ จึงยังต้องเจอเรื่องร้ายก่อน แต่เมื่อเจอเรื่องร้ายอย่าเพิ่งท้อใจ ถือว่าเราได้ชดใช้หนี้กรรมเก่าให้จบสิ้น อย่าเคืองแค้นอย่าต่อว่าอย่าชิงชัง แต่จงศรัทธาในความดีต่อไปและจะเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ถ้าสมมติบอกว่า ตอนนี้ศิษย์น้องอยากทำความดี มีให้ศิษย์น้องเลือกว่าจะทำกับใคร กับอะไร หนึ่งทำบุญกับสัตว์ สองทำบุญกับคน สามทำบุญกับพระ สี่ทำบุญกับพ่อเเม่ ห้าโดยการสร้างวัดหรือสร้างโรงพยาบาล ศาลาที่พัก ถ้าตอนนี้ศิษย์น้องมีโอกาสทำบุญ ศิษย์น้องจะทำกับอะไร  ถึงจะเรียกว่าได้บุญสูงสุด
ถ้าศิษย์น้องทำได้อย่างนี้ก็จะได้ทั้งบุญทั้งกุศล ทุกขณะที่ทำไม่เบียดเบียน ทำด้วยใจที่อยากให้ ทำด้วยคนที่เข้าใจทำ ทำด้วยความไม่โลภ ทำด้วยความไม่หลงตน เมื่อทำบุญแล้วก็จะประกอบไปด้วยกุศล นี่คือบุญและกุศลพร้อมกันทีเดียว แต่ว่าทำไมเวลามนุษย์เราทำแล้วมักจะได้บุญ ทำแล้วไม่เห็นได้อะไรเลย มนุษย์มักจะพูดแบบนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ความหมายของพุทธะคือ ยิ่งทำยิ่งได้ลดความยึดมั่น ถือมั่นในตัวตน ยิ่งทำแล้วยิ่งลดความโลภ หลง ในตัวตน ถ้าทำแล้วทำให้เราเบาบางซึ่งอัตตาตัวตนได้ นั่นแหละบุญที่ประกอบไปด้วยกุศล แต่ถ้าทำแล้วยังหลงตัวเอง นั่นคือได้แต่ทำบุญ แต่ยังรับกุศลไม่ได้ เหมือนทำแล้วดีจังเลย ฉันเก่งจังเลย อย่างนี้เค้าเรียกว่าทำด้วยโลภ หลงตน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วบางครั้งเวลาเราทำบุญแล้วทำไมไม่ได้บุญ ก็เพราะถ้าทำแล้วฆ่าสัตว์ไหม ทำแล้วผิดลูกผิดเมียเขาไหม ไป
ลักขโมยเงินเขามาไหมแล้วค่อยมาทำบุญ บุญมันก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถูกไหม (ถูก)
ถึงแม้ว่าเราจะปากอ่อนน้อม ปากว่าเราจะพูดแสดงบุญ แต่เวลาว่างๆ เราก็แอบนินทา บุญนั้นมันก็ไม่เต็ม ใช่ไหม (ใช่)  ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาทำดีก็อนุโมทนาบุญด้วย แต่ลับหลังไปนินทาคนทำบุญว่าเขาจะจริงใจไหม จะทำบุญเอาหน้าไหม อย่างนี้บุญมันเต็มไหม (ไม่)  แล้วจะบอกว่าทำบุญได้บุญไหม (ไม่)  ฉะนั้นถ้าทำบุญแล้วยังแอบนินทา ยังแอบส่อเสียด ยังแอบให้ร้ายป้ายสี โกหก บุญนั้นก็ไม่ได้เต็มที่หรอก  และเราเป็นแบบนี้ไหม เป็นไหม (เป็น)  และจะบอกว่าทำดีไม่ได้ดีได้ยังไงก็ในเมื่อตัวเองทำแล้วแอบผิดตลอด สมมติเราไปทำการค้า แล้วไปโกหกลูกค้า  ซื้อไปเลย ใหม่ทุกอย่างเลยคุณแต่จริงๆ ค้างสองวันแล้ว สดไหม สดคุณ แต่จริงๆ แล้วหลายวันแล้ว อย่างนี้ทำบุญพร้อมกับการโกหก ผิดศีล อย่างนี้ก็ไม่ได้บุญ ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนเอาของใหม่ๆ สดๆ มาให้เธอ ที่ไหนได้ไม่ได้กินแล้วเอามาแบ่งเขา อย่างนี้ได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเราทำไหม (ทำ)   เวลาทำบุญ ทำไหม (ทำ)  กฐิน ผ้าป่ามากี่ซอง ทำหมด แต่ทำแบบเสียดาย ให้ไหม ให้ แต่ในใจลึกๆเสียดายจัง  ก็เขาทำกันหมดน่ะ ไม่ทำไม่ได้แต่จำใจเอาออกมายี่สิบบาท ใช่ไหม (ใช่)  แล้วอย่างนี้ได้บุญไหม (ไม่ได้)  เพราะไม่ได้เกิดจากความศรัทธา ไม่ได้ทำด้วยความอยากจะให้ ฉะนั้นถ้าศิษย์พี่ถามศิษย์น้อง ตอนนี้มีโอกาสทำบุญกับสัตว์ คน พระสงฆ์ พ่อแม่ วัดวาอาราม หรือสถานที่พัก ถ้ามีโอกาสทำศิษย์น้องจะทำที่ไหน
บุญในการให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ศิษย์น้องเคยได้ยินไหมคือการให้แบบไม่ (หวังผล)  ที่ศิษย์น้องชอบถวายสังฆทานได้บุญเยอะรู้ไหมถวายไปทำไม การถวายสังฆทานพระพุทธองค์หมายความว่าถวายโดยไม่ยึดมั่นเจาะจง  ฉะนั้นถ้ามีผู้รับทั้งห้าประเภท ให้หมดทั้งห้า อย่าเลือก สมมติมียี่สิบบาทที่ไหนดีได้บุญสูงสุด รู้ไหมที่ไหนได้บุญสูงสุดรู้ไหม จริงๆ พระพุทธะบอกว่าการให้บุญสูงสุดก็คือให้กับสถานที่ที่ทำให้คนประกอบกรรมดี อย่างเช่น สร้างวัด สร้างโรงพยาบาล สร้างศาลาที่พัก สร้างสะพาน ถ้าทำทานกับสิ่งนี้จะได้บุญที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นบุญที่ได้ช่วยเหลือต่อคนส่วนมากถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นที่มียี่สิบบาทให้ที่ไหน (ที่วัด)  นั่นยังเรียกว่ายึดมั่นรู้แล้วยึดมั่นหลงผิดนี่ไงก็จะเรียกว่า บุญแต่ยังมีอกุศลจิต ยังหลงอยู่ ไม่ใช่ ศิษย์พี่ต้องการจะบอกว่า ใช่ถึงแม้จะทำได้ที่วัดใหญ่ที่สุดถึงเรามี เจอสัตว์ก็ช่วยสัตว์ เจอคนก็ช่วยคน เจอพระก็ช่วยพระ เจอพ่อแม่ก็ช่วยพ่อแม่ เจอเขาขอทำบุญสร้างวัดก็ช่วยสร้างวัดทุกอันไม่เคยขาดบุญนักแล แต่ถ้ารอเอาแต่บุญใหญ่ บุญใหญ่จะได้ทำไหม (ไม่ได้ทำ)  ถึงไม่ได้ทำสักอย่าง รอบุญใหญ่ รอปิดทองฝังลูกนิมิตอย่างเดียวถูกไหม (ไม่ถูก)  ฉะนั้นอยากจะทำบุญ อยากจะเป็นคนดีต้องทำกับทุกที่แล้วต้องทำโดยไม่จำเพาะเจาะจง
ยึดมั่น  เพราะถ้ายึดมั่นก็กลายเป็นความโลภ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าสมมติว่าเราไปทำบุญเพื่อจะได้ไปสร้างวัด สร้างวิหารหรือช่วยสร้างโรงพยาบาล สร้างสะพานแต่มีคนแอบเอาเงินนี้ไปใช้ กินเหล้าเมายาเราจะโกรธไหม (ไม่โกรธ)  จริงหรือ ไม่โกรธเลยใช่ไหม (ใช่)  แต่แอบแช่งในใจ  ว่าเขาไม่ได้ไปผุดไปเกิดหรอกเพราะเอาเงินทำบุญ เราไปทำบาป อย่างนี้ได้ไหม (ไม่ได้)  ศิษย์น้องรู้ไหมเขากำลังจะช่วยให้ศิษย์น้องได้ปลดปล่อยและได้สร้างบุญที่ใหญ่ยิ่งกว่าการสร้างวิหารคือ ให้อะไรเป็นทาน ให้อภัยเป็นทาน ฉะนั้นถ้าหากเกิดว่ารู้ว่าบุญที่เราทำไปแล้วเขาไปทำผิดทำไม่ดี แล้วศิษย์น้องไม่ถือโกรธนั่นแหละเรียกว่าให้อภัย แต่เชื่อไหมว่าทำดีขนาดไหนก็ยังไม่สามารถนำพาให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้เพราะอะไร นี่ไปแค่ดีเองนะ แต่ความดียังไม่สามารถทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้เพราะว่าการรักษาความดีงามช่วยได้แค่ทำให้เราสบายใจมีกินมีใช้ถูกไหม(ถูก)  แต่ถ้าศิษย์น้องยังไม่ก้าวไปถึงขั้นศีลและภาวนา ศิษย์น้องจะยังไม่สามารถที่จะทำดีแล้วพ้นทุกข์ได้
ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ การให้ธรรมะเป็นทาน และธรรมะเป็นทานก็คือการให้อภัยเป็นทาน ใช่ไหม (ใช่)  แต่ว่าการทำทานก็ไม่สู้เท่ากับการรักษาศีล ถ้ามนุษย์เข้าใจ มนุษย์จะเป็นคนที่รู้จักให้และยังมีศีลธรรม แล้วศีลก็ไม่สู้เท่ากับการเข้าถึงธรรมอย่างแจ่มแจ้ง จนนำพาตัวเองพ้นทุกข์ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้อีกต่อไป แล้วเราจะเข้าถึงธรรมได้อย่างไร ในเมื่อความเป็นคนดีให้เป็นปกติเรายังเป็นไม่ได้ จริงไหม (จริง)  เรายังสามวัน (ดี)  สี่วัน (ร้าย)  ใช่หรือไม่ (ใช่)
“รู้หลักธรรมไม่กลัวทุกข์เพราะแจ้งใจ    มาจากใจเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายนั้น
ดีคือร้ายทุกข์คือสุขมองให้ทัน    โลกสัมพันธ์ที่ต่างนั้นเพราะอวิชชา”
ทำให้ได้นะ ถ้าทำได้อย่างน้อยเราก็รักษาความเป็นคนดีอันปกติได้ เมื่อเราสามารถรักษาความเป็นคนดีอันปกติได้ การจะเข้าถึงสภาวะธรรมหรือการจะเข้าถึงธรรมก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่คนปัจจุบันนี้มัวแต่ห่วงกายจนลืมห่วงจิตใจ ห่วงแต่ความรู้สึกจนลืมห่วงจิตเดิมแท้ ใช่หรือเปล่า กลัวไม่มีกินจนลืมดูจิตใจตัวเองว่ากำลังทำให้ตัวเองทุกข์ทรมานหรือเปล่า ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอย่ามัวหลงผิดทางนะศิษย์น้อง ชีวิตนี้ไม่ยาว ทำไมไม่รู้จักเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แค่ก่อนทำคิดให้ดีก่อนว่าทำแล้วถูกต้องชอบธรรมไหม ทำแล้วกลายเป็นคนโลภ ผิดศีล ผิดธรรมหรือเปล่า ทำแล้วทำให้เราผิดลูกผิดเมีย ทำแล้วทำให้เราโกรธหลงเกินไปไหม ถ้าทำแล้วมันไม่ดีก็หยุด
หยุดได้ไหม (ได้)   แต่เราจะรู้เท่าทันตัวเองได้อย่างไร ถ้าเราไม่เคยมองตัวเอง เอาเเต่มองผู้อื่น ใช่ไหม (ใช่)  บำเพ็ญธรรมคือย้อน
มองตน ไม่คอยไปจับผิดใคร ใช่หรือไม่ (ใช่)
ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยอยากทำ ใช่ไหม (ไม่ใช่)  ชวนมาฟังธรรม มาไหม (มา)  เห็นบอกให้มาฟังธรรม เดี๋ยวก่อน ใช่หรือไม่  ฉะนั้นถ้ารู้ว่าการฟังธรรมคือการสร้างบุญ มีโอกาสมาบ่อยๆ ดีไหม (ดี)  จะได้เจอชะตาชีวิตที่ดีๆ บ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ใช่วันๆ เอาเเต่โลภ โกรธ หลง วิ่งวนไปอยู่ในห้วงแห่งทุกข์ ห้วงแห่งมายา ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงที่สุดของชีวิตมนุษย์ก็คือการพ้นทุกข์ ไม่ใช่จมอยู่กับกระแสแห่งทุกข์ในโลก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เเล้วเราหาทางพ้นทุกข์เจอหรือยัง ยังเลยถูกหรือไม่ (ถูก)  เเล้วตอนนี้อยากพ้นทุกข์บ้างไหม (อยาก)  เอาง่ายๆ ตอนนี้นั่งเบื่อหรือยัง  ถ้าเบื่อยืนขึ้น หายเมื่อยไหม เพราะเมื่อสักครู่นั่งจนเบื่อเเล้ว เราก็ให้ยืนขึ้น พอยืนจนเบื่อกลับไปนั่งก็หายทุกข์เเล้ว ใช่ไหม (ใช่)
ถึงเวลาศิษย์พี่ก็ไปเเล้วนะ จริงๆ เเล้วศิษย์พี่อยากพูดมากกว่านี้ เเต่รู้ว่าศิษย์น้องไปไม่ไหวเเล้ว เพราะว่าวันนี้วันเเรก  ฟังเยอะๆ ก็ไม่ไหว ใช่ไหม (ใช่)  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความหลงผิด ฉะนั้นอย่าหลงตัวเอง ดีขนาดไหนก็อย่าหลงตัวเองเด็ดขาด ต้องบอกว่ายังไม่ดีเราจะได้ดียิ่งขึ้น ถ้าคิดว่าตัวเองดีเเล้ว นั่นก็คือคนที่หลง ถูกหรือไม่ (ถูก)  เรื่องที่ศิษย์พี่จะพูดนั้น ยังไปได้อีกมาก เเต่ศิษย์น้องยังไปได้เเค่นิดเดียวเอง ศิษย์น้องรู้ไหมว่าหนทางแห่งการบำเพ็ญธรรม สิ่งที่สำคัญต้องมีรากฐานแห่งความดีงาม
รากฐานแห่งความถูกต้องดีงามในความเป็นคน ยังทำไม่มั่นคงแล้วศิษย์น้องจะพ้นทุกข์ได้อย่างไร ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าเป็นคนดีแล้วยังดีไม่รอด แล้วจะถามถึงการพ้นทุกข์ ไม่ต้องพูดถึงเลย  ฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือรากฐานต้องมั่นคงและถูกต้อง เมื่อรากฐานมั่นคงถูกต้อง การจะเข้าใจธรรมจึงไม่ใช่เรื่องยาก  แล้วเราเข้าใจธรรมมากแค่ไหนก็ต้องดูวันต่อไป เพราะวันนี้มันอาจจะเป็นวันที่เหนื่อย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าศิษย์พี่ถามอีกเรื่องหนึ่งก่อนจบ ถ้าตอนนี้เราอยากจะทำดี แต่ถ้าเกิดว่าพอเราทำบุญทำทานไปกับใครคนหนึ่งแล้วปรากฏว่าคนนั้นแว้งกลับมาฆ่าเราให้ตาย ศิษย์พี่ถามศิษย์น้องนะว่า ตอนนั้นยังอยากทำดีไหม จะสูญสิ้นศรัทธาความดีไหม (ไม่) ฟังให้ดีนะที่บอกว่า เป็นข้อทดสอบข้อสุดท้ายเพราะว่าเป็นการสร้างทานที่ยิ่งใหญ่ ถ้าสมมติว่าตอนนี้ ศิษย์น้องกำลังทำดีกับใครสักคนหนึ่ง แต่คนที่ศิษย์น้องทำดีด้วย เขาทำให้ศิษย์น้องต้องตาย ศิษย์น้องจะสูญเสียความดีในใจไหม (ไม่)  ศิษย์น้องจะโกรธแค้นเขาไหม (ไม่) ไม่เลยหรือ และคิดอย่างไรล่ะ  ให้อภัย ใช่ไหม (ใช่) ศิษย์พี่จะเฉลยให้ฟัง ถ้าสมมติศิษย์น้องทำดีกับใครคนใดคนหนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วเขากลับมาทำให้เราต้องถึงกับชีวิต หรือเจ็บป่วยจนถึงขนาดแทบจะไม่มีจะกิน หรือล้มทั้งยืน ศิษย์น้องจงจำไว้ว่าศิษย์น้องกำลังจะได้ก้าวข้ามการสั่งสมบารมี เพื่อเดินสู่หนทางความเป็นพุทธะ ถ้าศิษย์น้องยังศรัทธามั่นคงในความดีอย่างไม่ท้อถอย พระพุทธองค์ล้วนต้องผ่านจุดนี้  ระหว่างความดีความถูกต้องกับชีวิตท่านจะทิ้งอะไร ถ้าท่านยอมทิ้งชีวิตเพื่อรักษาความดี คนๆ นั้น คือกำลังได้สั่งสมบารมีเพื่อเดินสู่หนทางการเป็นพุทธะ แต่ถ้าเมื่อไรเลือกชีวิตแล้วไม่เอาความดี กลับไปเป็นมนุษย์เวียนว่ายตายเกิดเหมือนเดิม นอกจากอภัยแล้ว เขาเอาถึงชีวิต เอาเราจนหมดเนื้อหมดตัว ตอนนั้นเรายังศรัทธาในความดีไหม ถ้าศรัทธาได้แสดงว่าเรากำลังได้สั่งสมบุญบารมีเพื่อเดินสู่หนทางพุทธะ จำไว้นะ แม้ตัวตายแต่ยังทิ้งความดีเอาไว้  นี่คืออนาคตจะได้เป็นพุทธะ แต่ถ้าเกิดศิษย์น้องรักชีวิต แล้วยอมทิ้งความดีศิษย์น้องก็เป็นคนที่หนีไม่พ้นการเวียนว่ายในนรกโลกันต์
ไปแล้วนะ มีโอกาสคิดให้ดีๆ อยู่ในโลกนี้อย่ารักสบายจนเกินไปจนทิ้งความดี  อย่าห่วงความสุขของตัวเองจนทำร้ายคนรอบข้าง อย่าหวังแต่เงินทอง อย่าหวังความสุขทางกายอันจอมปลอม จนต้องทิ้งความดีงามในหัวใจเพื่อที่จะได้กลับสู่หนทางความเป็นพุทธะ  มีโอกาสคิดให้ดีๆ ทำอะไรไตร่ตรองให้หนัก เพราะถ้ามันผิดไปแล้ว พลาดไปแล้ว การจะแก้มันยาก ถูกไหม บาปกรรมฟ้าตัดสินชัดเจนนะศิษย์น้อง ฉะนั้นเลือกทำแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงาม แม้ความถูกต้องนั้น มันจะต้องแลกกับชีวิตก็จงรักษาให้ได้ เพราะนั่นคือการสั่งสมบารมีเพื่อเดินสู่หนทางการเป็นพุทธะ ไปแล้วนะ ทำดีอย่ากลัวลำบาก ทำดีอย่ายึดมั่นถือมั่น
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๗    สถานธรรมฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

    ทำดีกลับยึดมั่นคือหลงผิด    ทำแล้วผิดหวังวอนขอยังไม่ใช่
ทำเพื่อละลดอัตตาตัวตนไซร้    นี่จึงใช่เรียกว่าปฏิบัติธรรม
        เราคือ
    จี้กงสงฆ์วิปลาส        รับบัญชาจาก
พระอนุตรธรรมมารดาผู้เมตตา    ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยจื้อ  แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว        ถามศิษย์รักทุกคนสบายดีไหม

*    สร้างความดีคือต้องทำเพื่อคน ต้องวางตนวางเรื่องความยึดมั่น  เมื่อเราดีใครไม่ดีช่วยกัน  บำเพ็ญนานขอให้เป็นแบบนี้  เรื่องชีวิตมีไม่เคยเท่ากัน  เธอกับฉันน้ำใจไหลปรี่  คนช่วยคนพราวเล่ห์กลอย่ามี  เกิดมาดีไม่ทำดีแย่จัง
**    ช่วยกันมาช่วยช่วยกันมา  ไม่เหลือบ่าไม่ยากเหลือบ่า
***    เดินด้วยกันไม่มองหน้ายังมี  คนวิ่งหนีความสบายใจไม่ ปลงไม่ทันทุกข์ใจต่อไป  ทำเพื่อใครยังไม่ยุ่งเท่านี้ เมตตาคนจงแผ่กว้างออกไป  คำพูดใดนั้นไร้ตำหนิ กล้าแก้ไขทุกวันก็ต้องดี  เลือกสิ่งดีมาส่งยิ้มให้กัน
(ซ้ำ **,*,**,*,**)
ทำนองเพลง : ข้อยเว้าแม่นบ่
ชื่อเพลง : เรื่องช่วยคนไม่เหลือบ่ากว่าแรง
พระโอวาทพระอาจารย์จี้งกง
(พระอาจารย์เมตตาส่งเสริมผู้ปฎิบัติงานธรรม)
อยู่ข้างหลังดีไหม จะได้ไม่ต้องออกไปข้างหน้า (ไม่ดี)  ทำไมไม่ใช้คำพูดที่บอกว่า”ปิดทองหลังพระดีกว่า” ใช่หรือเปล่า (ไม่ใช่)  ทำอะไรอยู่เบื้องหลังดีกว่าใช่ไหม คุยอะไรก็คุยลับหลังดีไหม ดีหรือเปล่า ไม่ต้องเจอกันซึ่งๆ หน้า แอบคุยลับหลังดีไหม (ไม่ดี)  ไม่ดีหรือ น่าเสียดายนะ หลายคนที่ฝืนใจตัวเองไม่ไหวเลยหายหน้าหายตาไปเยอะเลยนะ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ดูวังเวงไหม เรียกผู้ปฏิบัติงานธรรมมาเยอะๆ เลยมาช่วยสร้างบรรยากาศให้นักเรียนในชั้น จะได้อบอุ่น ดีหรือเปล่า (ดี)  จะได้มาร่วมสร้างบรรยากาศให้เราดูอบอุ่น อยากอบอุ่นหรืออยากเย็นสบาย (อยากอบอุ่น)  จริงหรือ (จริง)  อย่างนั้นปิดแอร์ ปิดพัดลม เพราะเขาอยากอบอุ่น ใช่หรือเปล่า
ฟังธรรมะวันนี้เป็นวันที่สองดีใจไหม (ดีใจ)  ดีใจว่าจะจบแล้ว ใช่หรือเปล่า อย่างนั้นไหม
“ทำดีกลับยึดมั่นคือหลงผิด    ทำแล้วติดหวังวอนขอยังไม่ใช่
ทำเพื่อละลดอัตตาตัวตนไซร้    นี่จึงใช่เรียกว่าปฏิบัติธรรม”
สิ่งที่เราบอกว่าเราทำดี มาปฏิบัติธรรม ถ้าทำแล้วยังยึดมั่น
ถือมั่นนั่นก็เรียกว่าหลงผิด ถ้าทำแล้วยังยึดติดหวังวอนขอ นั่นก็ไม่ใช่เรียกว่าทำดี แต่ต้องทำแล้วละอัตตาตัวตนได้ ปล่อยวางความยึดมั่น ปล่อยวางความตระหนี่ถี่เหนียว ปล่อยวางความโลภ ปล่อยวางกิเลสได้ จึงจะเรียกว่าปฏิบัติธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)
ศิษย์ยินดีต้อนรับอาจารย์ไหม (ยินดีต้อนรับ)  ในใจชักไม่แน่ใจใช่หรือเปล่า (ไม่ใช่)
อยู่ในโลกนี้มีหลายเรื่องที่บางครั้งเราต้องเจอเรื่องดี เรื่องร้ายเรื่องทุกข์ เรื่องสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่สิ่งที่ศิษย์หลายคนพยายามศึกษาหลักธรรมก็เพื่อหาทางพ้นทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าศิษย์มีวิธีทำให้พัดของอาจารย์พัดไป แล้วไม่พัดกลับได้ ศิษย์ก็จะหาวิถีทางพ้นทุกข์ได้ คิดออกไหม พัดมันต้องอย่างนี้ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเกิดศิษย์สามารถหาทางให้พัดมันไปแล้วไม่กลับมาได้ ศิษย์ก็พ้นทุกข์ได้ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วศิษย์หาทางได้ไหม ถ้าศิษย์หาทางพัดเจอ ศิษย์ก็หาทางใจศิษย์เจอ ใครหาได้ ถ้าหาได้ได้นั่ง หาไม่ได้ยืนต่อไป ดีไหม อาจารย์ให้ศิษย์คิด เราอยู่ในโลกเราเป็นมนุษย์เรามีความรู้ เราเกิดมาเพื่อก้าวหน้า เราเกิดมาเพื่อมีความสุขไม่ทุกข์ไม่ใช่หรือ นั่นคือสิ่งที่ศิษย์ทุกคนปรารถนาใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วทำอย่างไรล่ะ ขึ้นชื่อว่าพัดมันต้องพัดไปและพัดมา ถึงจะเรียกว่าพัดได้ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นเราต้องทำอย่างไรล่ะ ขึ้นชื่อว่าชีวิต เราจะมีเเต่สุขเเล้วไม่ทุกข์ได้ไหม (ไม่ได้)  เป็นไปได้ไหมที่พัดนี้ พัดเเล้วไม่กลับมาอีกเลย (ไม่ได้)
ศิษย์เป็นคนรักวิทยาศาสตร์ ต้องรักความก้าวหน้า เเล้วต้องคิดอะไรในเเบบที่คนอื่นเขาไม่คิด ถึงจะค้นพบสิ่งที่แปลก ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นถ้าเราอยากพ้นทุกข์ เราอย่ามองอย่างตายตัว เเต่เราต้องมองแบบพลิกแพลงเเล้วเหนือผู้คน เราจึงสามารถจะเอาชนะทุกข์ในโลกได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ทำอย่างไรล่ะ พัดไปเเล้วไม่กลับมาอีก
ไหนลองทำให้ดูสิ ตอบเเล้วกลัวอะไรเล่าว่าอย่างไร (ปล่อย
เเล้ววาง จะไม่กลับมา)  เรื่องบางเรื่องนะศิษย์ ถ้าพัดเเล้วมันเกิดทุกข์ก็ปล่อยไป ถูกไหม (ถูก)  เขาตอบถูก ปรบมือหน่อย ศิษย์คิดได้อย่างนี้หรือเปล่า ตอบได้ดีนะ จริงๆ นะศิษย์ เรื่องบางอย่างถ้ามันมีแล้วทุกข์ มีแฟนแล้วอกหักทิ้งเขาลงไหม (ไม่ลง)  อย่างนี้เรียกว่าพูดได้ทำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็เขาไม่รักแล้ว จะไปคว้าจะไปยึดทำไมให้ทุกข์ ใช่ไหม ฉะนั้นควรปล่อยอย่างไร ไม่ใช่แค่ปล่อยมือ แต่ต้องปล่อยเขาออกจากใจที่ยึดมั่นถือมั่นด้วย จริงไหมศิษย์ (จริง)  เรื่องบางอย่างในโลก ถ้าเราจับมันแล้ว ใช่มันแล้ว มีมันแล้ว แล้วมันทุกข์จะพัดทำไมให้ยิ่งทุกข์ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  จะยึดทำไมให้ยิ่งเจ็บ ทำไมไม่ (ปล่อย)  ทิ้งมันไปเลย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าไม่มีพัดนี้เราตายไหม (ไม่ตาย)  เรายังหาอะไรได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เก็บมาทำไมล่ะ นี่แหละทุกข์แล้วยังไปเสียดาย ใช่ไหม (ใช่)  เก็บไหมศิษย์ (ไม่เก็บ)  จริงหรือ เดินผ่านไ ปผ่านมาเก็บ
สักหน่อยยังดีนะอาจารย์ ใช่ไหม แล้วบางทีทุกข์เพราะเรื่องนี้แล้วไม่เก็บ แต่ไปเอาอีกอันหนึ่งมา และก็เหมือนเดิมกับเรื่องเดิมๆ ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนี้เขาเรียกว่าโง่ไหมศิษย์ (โง่)  บางทีอันนี้ทำให้เราทุกข์ ไปเลือกแบบใหม่ที่สวยกว่า นึกว่าจะดีกว่า ที่ไหนได้พัดแล้วทุกข์ไหม (ทุกข์)  แล้วพัดไหม (พัด)  ทิ้งไหม (ทิ้ง)  ไม่เห็นทิ้งสักคน นั่งทุกข์อยู่กับมัน แล้วก็มองหน้า “ทำไมมันถึงทำให้ฉันทุกข์เหลือเกิน” ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นวันนี้อาจารย์จะมาช่วยฉีดยาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทุกข์เอาไหม (เอา)
(พระอาจารย์เมตตามอบผลไม้ให้กับนักเรียนที่ตอบถูก)  เอาแล้วจะทุกข์ไหม เอาไหม (เอา)  เอาไปทำอะไรดี เอาไปให้ใครดี จะได้บังเกิดคุณประโยชน์ (ให้พ่อ)  จะได้ได้คุณประโยชน์ต่อ บอกพ่อว่า “ผมเอาบุญมาฝาก”  ใช่หรือเปล่า เมื่อวานก็ฟังมาไม่ใช่หรือ (ใช่)
เรื่องธรรมดาอาจจะกลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ขึ้นอยู่กับจิตใจเราสร้างสรรค์เรื่องธรรมดานี้ให้เป็นเช่นไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  เห็นไหมว่าดูเขาธรรมดาแบบนี้ ออกมาหน่อยสิ
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนคนที่ตอบถูกเมื่อสักครู่ออกมาหน้าชั้นเรียนอีกครั้งหนึ่ง)  คนบางคนยังเห็นไม่ชัด หน้าตาก็ไม่ได้หล่ออะไร ผิวก็ไม่ได้ขาวอะไรแต่ทำไมปัญญาดีจัง
ยืนใหม่ดูซิหน้าตาเป็นยังไง ดูมอมแมมขมุกขมัว ใช่ไหม ฉะนั้นอย่าดูเบาปัญญาของตัวเอง ถ้าเรารู้จักคิดใช่ว่าปัญญาจะไม่เกิด ถ้าเรารู้จักคิดใช่ว่าเราจะพ้นทุกข์ไม่ได้ แต่อยู่ที่ว่าเราจะกล้าคิดให้ตัวเองพ้นทุกข์ในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่คิดกันไหม ใช่ไหมศิษย์ (ใช่) มีใครตอบได้ดีกว่าเขา
(พระอาจารย์เมตตาถามนักเรียนที่ตอบถูก)
ถ้าตอนนี้ตอบได้ศิษย์ได้นั่ง แต่คนอื่นยืน กับอีกอันหนึ่งเปลี่ยนกัน ศิษย์ยืนคนเดียวแล้วให้ทุกคนนั่ง ศิษย์เอาอันไหน  (ให้คนอื่นนั่งแล้วตัวเองยืน)  ตบมือให้หน่อยนะ ที่เหลือนั่งลงได้ เขายอมยืน ดีไหมยืนเด่นเป็นสง่าเลย เขาส่งมอบโอกาสเพื่อให้เกิดปัญญา ใช่หรือไม่ ลองหาใครมายืนแทน แล้วตอบคำถามอาจารย์
(นักเรียนที่ตอบถูกเข้าไปเรียกนักเรียนในชั้นอีกท่านหนึ่งออกมา)
เพื่อนส่งเสริมให้เราดีนะ ไม่ใช่เลิกชั้นแล้วไปด่าเขานะ อาจารย์ถามว่า ถ้าเป็นศิษย์ ศิษย์จะตอบอย่างไร จำคำถามได้ไหม มาตั้งแต่ต้น ถามว่าอะไรนะ เดี๋ยวให้คนช่วยอาจารย์หน่อย เมื่อสักครู่อาจารย์ถามว่าอะไร ตอบไม่ได้ยืนเป็นเพื่อนเขานะ
อาจารย์ถามว่า อาจารย์มีพัดอันหนึ่ง พัดไปแล้วทำอย่างไรไม่ให้พัดกลับมา ถ้าหาทางได้ศิษย์ก็พ้นทุกข์ได้ ใช่ไหม คือพัดไปแล้วไม่พัดกลับ อาจารย์เปรียบเทียบว่าพัดนี้เหมือนความทุกข์ ถ้าพัดมาในชีวิตแล้วมันทำให้ทุกข์ใจ เราจะทำอย่างไร (ปล่อยให้พัดลอยไป, ปล่อยทุกข์ไป)  มนุษย์มัวแต่แก้ปัญหาภายนอก แต่ลืมดูหัวใจตัวเอง จริงไหม (จริง)  ปัญหาเกิดจากเราเกลียดสิ่งนี้ เราไม่ชอบสิ่งนี้ เราเบื่อสิ่งนี้ เราอยากให้สิ่งนี้ไปไกลๆ อย่ามาเจอในชีวิต อยากให้มันพัดมาแล้วจบอยู่ตรงนั้นไม่ต้องพัดมาอีก แต่ถ้าในตอนนี้เราปล่อยมันไม่ได้ สิ่งที่เราควรปล่อยคืออะไรรู้ไหม ไม่ใช่ปล่อยพัดนะ แต่ควรปล่อย (วาง)
ถ้าศิษย์หาเจอศิษย์ก็จะพ้นทุกข์ได้นะ ถ้าบางเรื่องคือการต้องพัดมา พัดไปแล้วทุกข์เหลือเกิน อย่างนี้ให้มันพัดไปอย่างเดียวไม่ต้องพัดมาได้ไหม (ไม่ได้)  อย่างนั้นเราควรแก้ที่ไหน หยุดที่พัดหรือหยุดที่ไหน (แก้ที่ใจ)  ไม่ใช่มัวแต่ไปแก้ภายนอก แต่ลืมดูต้นเหตุแห่งความทุกข์คือ หัวใจใช่ไหม (ใช่)  ถึงมันจะพัดมาพัดไปกี่รอบ ถ้าตอนนี้อาจารย์บอกว่าให้พัดมาแล้วไม่พัดไป จะหยุดอย่างไรล่ะ มันเป็นธรรมชาติของพัด แต่ถ้าต้องการจะหยุดก็คือ หยุดหัวใจตัวเองไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ได้ไหม (ได้)  ไม่ยึดติดต้องเป็นแบบนี้ไม่เป็นแบบนั้นได้ไหม (ได้)  ถ้าโดนด่าแต่ไม่เคยโดนชมได้ไหม (ได้)  ถ้ามีชีวิตมีแต่เรื่องเสียไม่เคยได้ ได้ไหม (ได้)  ถ้าศิษย์ขอให้รวย อย่าจน ขอให้สุข อย่าทุกข์มันก็เหมือนกับการพัดมาแต่ไม่พัดไปได้ไหม (ไม่ได้)  เพราะถ้าขึ้นชื่อว่ามีการพัดต้องมีการพัดมาพัดไป ขึ้นชื่อว่าโลก ขึ้นชื่อว่าชีวิตมันมีสุขก็ต้องมี (ทุกข์)  มีได้ก็ต้องมี (เสีย)  มีสมหวังก็ต้องมี (ผิดหวัง)  มีรวยก็ต้องมี (จน)  ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอยากจะหยุด หยุดที่ไหน (ใจ)  ใจที่ต้องไม่ (ยึดติด)  ยึดมั่น เรียกร้อง คาดหวัง จริงไหม (จริง) ถ้าเราหยุดคาดหวังเราจะทุกข์ไหม ถ้าเราไม่รักสิ่งหนึ่งแล้วเกลียดสิ่งหนึ่ง เราจะทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  ฉะนั้นต้องทำอย่างไร (ปล่อยวาง)  ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแล้วนะ อย่าคิดว่าการปล่อยวางจะใช้ได้กับทุกเรื่อง (แก้ปัญหา, อยู่ที่ใจ)
สมมติว่าตอนนี้ศิษย์เคยมีเงินอยู่แล้วเงินมันหายไป ปล่อยวางใช่ไหม  ถึงจะทำให้เราเรียนรู้ทุกข์และเอาชนะทุกข์ได้ เข้มแข็งและกล้ายอมรับความจริง เพราะโลกแห่งความจริงมันไม่เคยมาด้านเดียว มันต้องมีพัดมาและพัดไปใช่ไหม (ใช่)  แต่ศิษย์ต้องแยกให้ออกว่า ทุกข์นี้ควรปล่อยหรือทุกข์นี้ควรทำใจ
มีคนเลือกหัวหน้า หัวหน้าจะกล้าให้ตัวเองนั่งไหม (กล้า)  แล้วจะเป็นหัวหน้าได้อย่างไร (เขาเลือกแล้ว)  เขาเลือกแต่เราเองก็ต้องรู้จักเสียสละ ใช่หรือเปล่า เพราะเมื่อไรที่เราทำ ถึงเราสบายใจ แต่ถ้าเราทำให้คนอื่นทุกข์ คนที่ทุกข์นั่นแหละก็จะกลับมาทำให้เราไม่สบายใจได้เหมือนกัน ฉะนั้นสู้เราทุกข์แล้วให้เขาสบายใจไม่ดีกว่าหรือ จริงไหม (จริง)  จำไว้นะศิษย์ บางครั้งเราเลือกที่จะทำให้ตัวเองสบายใจ แต่ถ้าทำให้ตัวเองสบายใจแล้วคนอื่นทุกข์ แล้วรู้ไหมว่าคนที่ทุกข์นี่แหละเขาจะย้อนกลับมาทำให้เราไม่สบายใจ ฉะนั้นถ้าเสียสละได้สู้ให้ตัวเองทุกข์ แล้วให้เขาสบายใจบ้างเป็นบางครั้ง  นี่ก็คือการแก้ทุกข์อีกเหตุหนึ่ง จริงไหม
อาจารย์บอกวิธีแก้ทุกข์ไปตั้งเยอะแล้วแต่ไม่รู้เขาจะตามทันกันหรือเปล่า ให้เขานั่งไหม (ให้)  ให้คนเดียวหรือสองคน (ให้สองคนเลย)  ปรบมือให้หัวหน้าหน่อย เอาไหม (เอา)  เอาไปให้ใคร (พ่อ)  เอาด้วยไหมหัวหน้า แสดงว่าหัวหน้าจะไม่รับจนกว่านักเรียนในชั้นทุกคนจะได้ใช่ไหม (ใช่)  ตบมือให้หัวหน้าหน่อยนะ เก็บไว้ที่อาจารย์ก่อนนะ ถ้าทุกคนยังไม่ได้ ศิษย์ก็อดได้นะ ดีไหม (ดี)  ฉะนั้นพยายามทำให้ทุกคนได้ ดีไหม ออกมาช่วยกันตอบให้หมดเลย ใช่หรือเปล่า ไปดึงใครมาตอบแทนสิ
ในโลกใบนี้มีความทุกข์มากมายจนบางครั้งศิษย์อดสงสัยไม่ได้ว่า “อาจารย์ศิษย์ก็เป็นคนดีคนหนึ่งในโลกแล้วนะ แต่ทำไมมันยังทุกข์อยู่อีกล่ะ” ใช่ไหม (ใช่)  ดีก็ทำ อะไรที่เป็นเรื่องดีทำหมดทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมเรายังไม่พ้นทุกข์อีก ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์เอาเรื่องนี้มาคุยกับศิษย์ดีไหม (ดี)
ทุกข์ในโลกมีทุกข์ที่เรียกว่ามีทุกข์ที่เปลี่ยนแปลงได้ กับทุกข์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เป็นความจริงที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกชีวิต ถ้าอาจารย์ยกตัวอย่างง่ายๆ มีสองอย่าง ทุกข์อย่างแรกคือทุกข์อันเป็นธรรมดาที่ทุกชีวิตต้องเจอ ศิษย์พอตอบได้ไหมว่า ในธรรมดาของโลกใบนี้ เรามีทุกข์อะไรที่ทำอย่างไรก็หนีไม่พ้น อย่างไรก็ต้องเจอ คือ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย)
มีอะไรบ้างนะ (เกิด เเก่ เจ็บ ตาย)  มีทุกข์ที่เป็นธรรมดาของโลก ใครๆ ก็หนีไม่พ้น สามสิ่งคือ แก่ เจ็บ ตาย พระพุทธะบอกว่า การเกิดเป็นสิ่งที่หนีพ้นเเละหยุดได้ เเต่เเก่ เจ็บ ตาย หนีไม่พ้น เป็นธรรมดาของโลก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เเต่มีอีกสิ่งหนึ่ง คือ ทุกข์ที่เกิดจากบาปเวรที่ศิษย์เป็นคนก่อเอง ไม่ว่าจะเกิดจากอยากกินเนื้อเขาเเล้วฆ่าเขา ไม่ว่าจะเกิดจากสิ่งการคดโกงเพื่อหวังเงินมา หรือไม่ว่าจะเกิดจากอารมณ์เเล้วไปทำร้ายผู้คน กรรมอันนี้ศิษย์หนีอย่างไร ก็หนีไม่พ้น เเละไม่ใช่ชดใช้ชาติเดียวเเล้วจบ ฉะนั้นกรรมอันนี้ถ้าใครทำผิดทำบาปส่งผลต้องทุกข์ เเละทุกข์อันนี้จะหนีได้อย่างไร แก่ เจ็บ ตาย ว่าน่ากลัวเเล้ว เเต่มีทุกข์อีกอันหนึ่งที่ศิษย์ต้องระวังให้ดี คือ ทุกข์อันเกิดจากบาปเวรกรรมที่ศิษย์ก่อเอง หนีไม่พ้น เเม้เเต่พระพุทธองค์ก็ยังหนีไม่พ้น เเม้เเต่อาจารย์เองก็หนีไม่พ้น เเม้เเต่พระอัครสาวกของพระพุทธเจ้าก็หนีไม่พ้น ถ้าจะหลุดพ้นเเล้วเข้าสู่สภาวะพุทธะได้ต้องชดใช้หนี้กรรมให้จบสิ้น เเล้วคิดดูนะศิษย์เเค่เราอยากกินเเล้วฆ่าเขาให้ตาย คิดว่าเรื่องจะจบไหม (ไม่จบ) อุทิศส่วนกุศลให้เขาไปแล้วจะจบไหม (ไม่จบ)  ความเเค้นนี้น่ากลัวนะศิษย์ ถ้ามันฝังใจเจ็บเเล้ว มันจำไม่รู้ลืม ฉะนั้นเวลาเราโดนอะไรซ้ำเเล้วซ้ำอีก จงจำเอาไว้ว่าเป็นกรรมที่ศิษย์ไปก่อมา เช่น ไปไหนก็มีเเต่คนรังเกียจ ดูถูก ไปไหนก็มีเเต่คนกดขี่ข่มเหง ศิษย์จำไว้เลยว่ามันเป็นกรรมที่ต้องชดใช้ เพราะเป็นกรรมที่ศิษย์เคยทำกับเขามา เเละศิษย์อยากแก้อยากเปลี่ยนแปลงไหม (อยาก)  อยากหนีชะตากรรมนี้ไหม ฉะนั้นวิธีที่พระพุทธะสอนให้มนุษย์เเละศิษย์ทุกคนรู้ นั่นคือการทำรู้จักทำความดีมีสิบประการ
พระพุทธะบอกว่า การทำดี ทำดีบ่อยๆ ทำดีทุกครั้ง เพราะความดีเป็นรากฐานของคุณธรรม คุณธรรมเป็นหลักเป็นหัวใจของพุทธะ หรือเป็นรากฐานของการปฏิบัติธรรม เมื่อเราทำดีบ่อยๆ ความดีจะช่วยให้เราห่างไกลความชั่ว ห่างไกลการคิดร้าย ห่างไกลความโลภ ความโกรธ ความหลง เมื่อเราห่างไกลความโลภ ความโกรธ ความหลง อันเป็นต้นเหตุเเห่งบาปเเละเวรกรรม เราก็จะไม่ต้องมาสร้างกรรมใหม่ เเต่มีชีวิตเพื่อชดใช้กรรมเก่าให้หมดสิ้น เพราะทำดีเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างกรรมใหม่ ซึ่งจะทำให้ศิษย์ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก เราอยากไหม (ไม่อยาก)  ฉะนั้นสิ่งที่เรียกว่าความดีสิบประการและกุศลกรรมบทสิบประการที่ศิษย์พี่นาจาบอกมีอะไรบ้าง ใครจำได้เขียนเลย (ภาวนา, ศีล)  ศีลคืออะไร คือความเป็นปกตินะศิษย์ (รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น, ไม่ผิดลูกผิดเมีย, อนุโมทนาบุญ, ไม่พูดคำหยาบ, ไม่นิ่งดูดาย ช่วยเหลือผู้อื่น, ไม่พูดส่อเสียด) มีอะไรอีก (รู้จักพูดธรรม แสดงธรรม)
แล้วสิ่งที่ไม่ดีล่ะมีอะไรบ้าง (ความไม่โลภ ไม่โกรธ หลงในตัวเอง)  คิดว่าตัวเองถูกใช่ไหม ตอบว่าไม่หลงดีกว่า  วันนี้ศิษย์ได้มานั่งฟังธรรมก็บังเกิดบุญที่ยิ่งใหญ่แล้ว ดีกว่าไปตามใจตัวเอง ใช่หรือไม่
ฉะนั้นการที่รู้จักทำดีบ่อยๆ  ความดีนั้นเป็นพื้นฐานของการสร้างคุณธรรม และถ้าเกิดรำลึกถึงคุณธรรมบ่อยๆ ก็เป็นหัวใจของการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) มีศิษย์หลายคนงงว่า แล้วทำดีกับคุณธรรมมันต่างกันอย่างไร แล้วกตัญญู ซื่อตรง มีเมตตา เป็นความดีหรือคุณธรรม อาจารย์ถามนักเรียนว่าเป็นความดีหรือคุณธรรม (คุณธรรม) คุณธรรมจะไม่สามารถเกิดได้ถ้าไม่มีพื้นฐานของความดี เหมือนอยู่ๆ อาจารย์บอกว่าเมตตา ศิษย์จะรู้ไหมว่าทำอย่างไร (ไม่รู้)  แต่ถ้าอาจารย์บอกว่า ถ้าศิษย์เริ่มต้นด้วยการให้ทานบ่อยๆ เจอใครสงสารก็ให้บ่อยๆ ให้เรื่อยๆ ให้ไม่หยุด เชื่อไหมว่าจะทำให้คนรอบข้างที่ศิษย์ให้นั้น ค้นพบความเมตตาในหัวใจศิษย์เอง
ฉะนั้นอาจารย์ถึงบอกว่าทำไมจึงต้องมีรากฐานความดี เพราะรากฐานความดีคือรากฐานคุณธรรม ถูกไหม (ถูก)  ถ้าไม่เริ่มต้นความดีคุณธรรมเกิดไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จิตรู้จักช่วยเหลือ จิตที่มีศีลธรรม จิตที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน จะทำให้เรารู้ว่าพอเห็นพ่อแม่เหนื่อยมากๆ เราจะเกิดความกตัญญูรู้คุณ ใช่ไหม (ใช่)  อ่อนน้อมถ่อมตน พอเราเกิดมากๆ บ่อยๆ เราจะรู้จักจริยะ ให้เกียรติ เคารพ ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอเราให้บ่อยๆ เราสงสารบ่อยๆ เราจะเกิดมโนธรรมสำนึก ละอายเกรงกลัวต่อบาป เราจะพยายามทำแต่ความดี ความชั่วไม่ทำ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้าสมมติศิษย์จำไม่ได้ จำอันนี้ก็ได้ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ผิดลูกผิดเมีย คิดบ่อยๆ ทุกครั้งมีอะไรก็คิดบ่อยๆ ว่า ทำแบบนี้เบียดเบียนสัตว์ไหม ทำแบบนี้ทำร้ายคนอื่นไหม ทำแบบนี้ผิดลูกผิดเมียไหม ถ้าคิดบ่อยๆ ศิษย์จะห่างไกลจากอารมณ์ความเคยชิน นิสัยแห่งตัวตนที่มันครอบงำ จนทำให้เราไปก่อบาป ก่อเวร ก่อกรรม
เมื่อเราไม่เบียดเบียนเขา ไม่ลักทรัพย์เขา ไม่ผิดลูกผิดเมียเขา พอทำบ่อยๆ ศิษย์ก็จะเป็นตัวแทนแห่งธรรม เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม (เข้าใจ)  ศิษย์อาจารย์ทุกคนชอบไหมเวลาที่มีคนมองหน้าเราแล้วบอก “โอ๋ ท่าทางจะปัญญาไม่ค่อยสูง เงินไม่ค่อยมี หน้าตาก็ไม่น่าไว้ใจได้สักคน”  ถ้าเจอคนรู้จักกันแล้วดูถูกเราตั้งแต่พบหน้า ศิษย์ชอบไหม (ไม่ชอบ)  พออยู่ด้วยกันแล้วดูถูกอย่างเดียวไม่พอ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหง ศิษย์ชอบไหม (ไม่ชอบ)  นั่นแหละอาจารย์อยากจะบอกว่า สิ่งที่ศิษย์ไม่ชอบ อย่างเช่น ไม่ชอบคนดูถูก ไม่ชอบคนเอาเปรียบ ไม่ชอบคนเห็นแก่ตัว เวลาเราไม่ชอบอันนี้ อาจารย์บอกให้ศิษย์รู้ว่าถ้าศิษย์ไม่ชอบอันนี้ ศิษย์อย่าเอาไปว่าเขา แต่จงเอาอันนี้มาใช้แล้วมองในมุมกลับเพื่อจะได้เกิดความดีในตัวเอง ทำได้ไหม อย่างเช่นเมื่อเราไม่ชอบคนมาดูถูก เราจะต้องรู้จักให้เกียรติ เคารพทุกคน แล้วขยายความให้เกียรติ เคารพจนกลายเป็นจริยะอันดีงาม นี่แหละเรียกว่า เอาสิ่งที่ไม่ชอบในส่วนลึกของใจ มากลายเป็นสร้างความดี แล้วความดีทำบ่อยๆ จนบังเกิดคุณธรรม แล้วคุณธรรมทำบ่อยๆ จนสามารถแปรเปลี่ยนชะตากรรม ได้ไหม (ได้)  แต่โดยส่วนใหญ่มนุษย์ทำอะไรมักไม่ค่อยคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษ ใช่ไหม (ใช่)  ทำอะไรอยากทำก็ทำ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นเวลาทำขึ้นมาที สมมติเห็นเขาปิ้งไก่ หอมไหม (หอม)  มีแจ่วส้มตำอร่อยไหม (อร่อย)  กินไหม (กิน)  เขาบอกว่า “นี่ๆ รีบขายข้าวสิ ตอนนี้กำลังราคาดี”  แต่มันยังไม่ได้ที่ ความชื้นยังไม่พอ เพิ่งฉีดยาไปหมาดๆ มันยังไม่ควรเก็บ เราจะเก็บไหม (ไม่เก็บ)  จริงหรือ ถ้าเราเก็บ ศิษย์ก็กำลังก่อบาปเวรกรรม
บาปเวรกรรมคือสิ่งที่ทำแล้วจิตใจเศร้าหมองขุ่นมัว แล้วถ้าทำแล้วทำให้คนอื่นเขาแอบแช่ง “ขายข้าวอะไร ข้าวก็ไม่ได้ราคา โกงเราชัดๆ”  เขาผูกใจเจ็บ เขาจองเวรจองกรรม ศิษย์จะทำอย่างไร ค่อยมาแก้ด้วยการทำดีทันไหม (ไม่ทัน)  พอตอนรับกรรมแล้วมาขอให้ฟ้าช่วยด้วยๆ เเต่ทำไมไม่แก้เสียตั้งแต่ต้น
หมั่นทำดีเพื่อจะได้แปรเปลี่ยนชะตากรรม ไม่สร้างกรรมเพิ่ม ดีหรือไม่ (ดี)  ฉะนั้นพยายามคิดถึงความดีและก็พยายามไม่ทำชั่วได้ไหม (ได้)  ถ้าได้อาจารย์จะได้เตรียมเข็มฉีดยาไว้ป้องกันทุกข์ให้ศิษย์ เพราะมนุษย์อย่างไรก็ยังอดทุกข์ไม่ได้ใช่ไหม (ใช่)  มีทุกข์มากมายทั้งที่รู้ว่ามันเป็นทุกข์ที่เป็นธรรมดาของโลกแต่เราก็ยังทุกข์ไหม (ทุกข์)  ฉะนั้นถ้าอยากได้เข็มฉีดยาจากอาจารย์ก็ต้องกล้ารับความเจ็บสักนิดนึง เข็มฉีดยาอันแรกที่จะป้องกันไม่ให้ศิษย์ทุกข์ในโลกคืออะไรรู้ไหม (ไม่รู้)  “อยู่คนเดียวก็มีสุขได้” รับไหมยาเข็มนี้ (รับ)  อาจารย์จะบอกว่าวันนี้ศิษย์ไม่รับถึงเวลาศิษย์ก็ต้องรับ “ยาเข็มนี้เป็นยาที่ทุกชีวิตต้องรับให้ได้”  อาจารย์ถามว่าเวลาที่ศิษย์เกิดศิษย์พาใครมาเกิดด้วยไหม (มาคนเดียว)  เวลาตายศิษย์หาใครมาเป็นเพื่อนตายไหม (ไม่มี)  งั้นเข้าใจความหมายที่อาจารย์พูดหรือยัง ถ้าวันนี้ศิษย์อยู่คนเดียวไม่ได้ถึงวันหนึ่งศิษย์ต้องไปคนเดียวศิษย์จะทรมาน หัวใจตาย ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้น จำไว้นะศิษย์ ไม่มีใครรักเราหรือไม่มีใครมาชอบเราเลย ก็ไม่ต้องทุกข์ใจ เรารักตัวเองก็ได้แล้วก็แบ่งปันความรักให้ทุกคนก็ได้ ใช่ไหม (ใช่)  เพราะถึงวันหนึ่งทุกชีวิตต้องกลับไปสู่ที่เก่าที่เรามา เรามาคนเดียวเราก็ต้อง (ไปคนเดียว)  ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นวันนี้ไม่รับก็ต้องรับสักวันหนึ่งแล้วทำไมไม่รู้จักรับเสียตั้งแต่ตอนนี้ พอถึงเวลาที่เราต้องอยู่คนเดียวเราจะได้เข้มแข็ง เพราะมีแต่จิตที่เข้มแข็งจึงจะสามารถมองทุกสิ่งในโลกได้อย่างเข้าใจและกระจ่างชัด มีแต่จิตที่อ่อนแอจึงจะมองแล้วไม่แจ่มชัด มืดมัว ลุ่มหลง ใช่หรือไม่
อาจารย์จึงอยากฉีดเข็มแรกให้ศิษย์เข้มแข็ง แม้วันหนึ่งเราต้องอยู่คนเดียวก็ต้องอยู่ให้ได้ ได้ไหม (ได้)  เข้มแข็งไหม (เข้มแข็ง)  ถ้าเขาตายหมดเหลือเรารอดอยู่คนเดียว เอาไหม (ไม่เอา)  แปลว่าเขาตายหมดเราตายด้วยดีกว่าใช่ไหม แต่บางทีมันไม่แน่ใช่ไหม (ใช่)  อยากตายไม่ได้ตาย ไม่อยากตายกลับตาย ฉะนั้นเข็มแรกคืออยู่คนเดียวให้ได้ แม้เราจะไม่มีใคร แม้ลูกหลานจะไม่เอาเราก็ตาม ใช่ไหม จำไว้นะศิษย์ เข็มแรกของอาจารย์คืออย่ายืมจมูกคนอื่น (หายใจ)  อย่าพึ่งลำแข้งใครจงพึ่งลำแข้ง (ตัวเอง)  จำไว้แล้วเราจะได้ไม่ต้องทุกข์ หลายครั้งที่เราทุกข์เพราะหวังคนโน้นหวังคนนี้ แล้วถึงสุดท้ายก็ผิดหวัง ไม่ต้องหวังใครหวังตัวเองใช่ไหม (ใช่)  แต่อาจารย์ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ศิษย์รักใครนะ ไม่ใช่ แต่ให้รู้จักเข้มแข็ง เพราะมีแต่จิตที่เข้มแข็งจึงจะสามารถเข้าใจและมองโลกได้อย่างแจ่มชัด มีแต่จิตที่อ่อนแอ หรือเป็นโรคต้องพึ่งแต่อาจารย์ มีคนนี้หน่อยก็ยังดี คนนั้นหน่อยก็ยังดี ตายไหม ตายตั้งแต่คิดแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นไม่มีใครพึ่งเราก็ต้องพึ่ง (ตัวเอง)  ถ้าไม่มีสามีให้พึ่งเราต้องพึ่ง (ตัวเอง)  ไม่มีลูกให้พึ่งเราต้องพึ่ง (ตัวเอง)  ศิษย์รู้ไว้นะ หาเงินให้ลูกหลานถึงสุดท้ายเราตายไป ลูกก็ทะเลาะกันตาย แต่ไม่สู้สะสมคุณธรรมสอนสั่งลูกหลาน ลูกหลานยังรู้จักตอบแทนบุญคุณ ใช่ไหมศิษย์ (ใช่)  แล้วจะมัวหาเงินงกๆ ไปให้ลูกทำไม ให้ลูกทะเลาะกัน  ยังเหลืออีกสองเข็มนะ  จะรับไหวไหม
(พระอาจารย์ประทานเพลงพระโอวาท ทำนองเพลง : ข้อยเว้าแม่นบ่  ชื่อเพลง : เรื่องช่วยคนไม่เหลือบ่ากว่าแรง)
พอจะร้องกันได้นะ เพลงนี้อาจารย์ให้แก่ศิษย์รักในชั้นนี้ เอาไว้เป็นขวัญกำลังใจ เวลาเราอยู่ในโลกนี้พยายามทำสิ่งที่ดีแล้วท้อขึ้นมาหรือทำสิ่งที่ดีแล้วเจอ สิ่งไม่ดีก็ขอให้พยายามทำดีเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตตัวเองได้หรือไม่ (ได้)  แต่ว่าในโลกนี้มันก็เป็นเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่งนะศิษย์เอ๋ย
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนชายสี่ท่านออกมายืนหน้าชั้น เเละยิ้มเเข่งกัน)
ศิษย์ว่าทั้งสี่ท่านน่ารักไหม (น่ารัก)  มองตามความเป็นจริงแล้วเขาน่ากลัวไหม  อาจารย์จะบอกอะไรอย่างหนึ่งนะศิษย์ เราอยู่ในโลกนี้บางทีคนมันมีหลายแบบ ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นถ้าวันหนึ่งศิษย์ได้รัก หรือต้องอยู่กับคนทั้งสี่แบบนี้ ถ้าเขายิ้มไม่เป็นเลย ศิษย์จะบังคับให้เขายิ้มได้ไหม (ไม่ได้)  ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเขาไม่เลิกทำเลวร้ายเลย ศิษย์จะบังคับเขาได้ไหม (ไม่ได้)  ถ้าเลิกไม่ได้ บังคับให้เขาเปลี่ยนไม่ได้ แล้วเราจะอยู่กับสี่คนนี้ให้เราสบายใจได้อย่างไร
อาจารย์ยกตัวอย่างให้ศิษย์รู้อย่างหนึ่งว่า จริงๆ คนทุกคนก็มีไม่ดี และในคนทุกคนที่ไม่ดีนั้นก็มีดี ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเราอยู่ร่วมกันเราเอาแต่จับผิด แล้วก็มองเขาว่า คนนี้มันสูบบุหรี่ คนนี้มันกินเหล้า คนนี้มันยิ้มไม่เก่ง คนนี้มันชอบขี้บ่น เรามัวแต่จับผิด เราจะอยู่กับใครแล้วมีความสุขไหม (ไม่)  เรามัวแต่คาดหวัง เลิกสักทีสิ ดีสักทีสิ ทำไมเลวอย่างนี้ เราจะมีความสุขไหม (ไม่มี)  อาจารย์อยากบอกศิษย์ก็คือว่า เมื่อเราอยู่กับคนในโลก เราเปลี่ยนแปลงทุกคนให้เป็นดังใจไม่ได้ ฉะนั้นเราอย่าไปมองสิ่งเลวร้าย แต่จงเลือกเอาสิ่งที่ดีนั้นมาอยู่รวมกัน แล้วจะได้มีความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไหนลองตอบให้อาจารย์ชื่นใจ ว่าศิษย์มีดีอะไรที่ดีกว่าเหล้าและบุหรี่ ศิษย์จะได้กลับไปนั่งทันที บอกอาจารย์สิ (ความต้องการ ความตั้งใจที่จะเลิกบุหรี่ เลิกเหล้า)  ปรบมือหน่อย ทำให้ได้นะศิษย์ ไม่ใช่เพื่ออาจารย์แต่เพื่อตัวเองและจิตญาณของศิษย์เอง ใช่ไหม ลองคิดดูสิว่าเวลาไม่กิน มันโหยไหม (ไม่โหย)  ฉะนั้นทำให้ได้นะ
(พระอาจารย์เมตตากับนักเรียนคนที่สอง)
อะไรที่มีดีกว่า อย่ามองแค่นี้ เรามีอะไรที่ดีกว่า ที่ซ่อนอยู่ในตัวศิษย์ มีอะไร (ผมตั้งใจจะพยายามเลิก พยายามทำให้ได้)  แต่ได้แค่จะพยายาม แต่ยังไม่ทำสักทีใช่ไหม อาจารย์ไม่อยากมาสนใจที่เหล้าหรือบุหรี่ สิ่งที่อาจารย์สนใจก็คือ ในตัวคนนั้นมีสิ่งที่ดีมากกว่าเหล้า บุหรี่ นั่นคือความซื่อตรง ความจริงใจ ความรักเพื่อน ความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ ถ้ามันยิ่งใหญ่มันก็สามารถเอาชนะบุหรี่และเหล้าในใจศิษย์ได้ ใช่ไหม และมันก็อาจจะทำให้ศิษย์งามกว่ามีบุหรี่และเหล้าอีก จริงหรือไม่ และอาจารย์ก็เชื่อว่า ศิษย์มีสิ่งที่งามกว่านั้น ทำให้ได้นะ หาให้เจอว่าเรามีอะไรงามที่สุดในชีวิต ใช่ไหมศิษย์
(พระอาจารย์เมตตากับนักเรียนคนที่สาม)
อาจารย์ว่าศิษย์น่ารักที่สุดเลยนะ เพราะเหมือนอาจารย์อย่างหนึ่งคือหัวล้าน เเล้วเรามีอะไรที่ดีล่ะ ดีจนสามารถลบทุกอย่างได้ ความจริงใจ คำไหนคำนั้น ใช่ไหม (ใช่)  เพราะฉะนั้นอย่าดูเบาคุณค่าของตัวเองนะศิษย์ ศิษย์มีดียิ่งกว่านั้น ขอเพียงรักษาสิ่งนั้นให้ได้ ค้นหาสิ่งนั้นให้เจอ อย่าปล่อยให้ความไม่ดีมาทำร้ายคุณงามความดีในตัวศิษย์นะ อาจารย์เชื่อ ทำให้ได้นะ
(พระอาจารย์เมตตากับนักเรียนคนที่สี่)
เรามีสิ่งที่มีค่า เเม้ชีวิตจะตายไป สิ่งนั้นทำให้เรามีคุณค่า ทำให้เราเบ่งบานเเละชื่นใจมากที่สุด นั่นคือ ความดีงาม คุณธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตราบสิ้นลมหายใจก็ไม่แปรเปลี่ยน ศิษย์ว่าจะรักษาอะไรไว้ดี (ความดีงาม)  เอาสักข้อหนึ่ง (ทำตัวเองให้ดี)  ด้วยการรู้จักให้ หรือมีน้ำใจ หรือเป็นคนรักษาคำพูด หรือเป็นคนจริงใจกับเพื่อน หรือเป็นคนซื่อตรง เลือกเอาสักอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นการเกิดเป็นคนต้องมีจุดยืนของตัวเองนะศิษย์ ไม่อย่างนั้นถึงเวลาศิษย์จะหลงทางใช่หรือไม่ (ใช่)
ภูมิต้านทาน เข็มที่สองของอาจารย์คือ “ไม่มีอะไรก็อยู่ได้” ทำได้ไหม (ได้)
ถ้าคนหนึ่งอยู่คนเดียวเเล้วไม่มีอะไรเลย เเล้วอยู่ได้ไหม ศิษย์มองตามความเป็นจริงในโลกนี้ ที่ทุกคนหนีไม่พ้น เรียกว่า สัจธรรม คนเราเกิดมาคนเดียวก็ต้องไปคนเดียว มาตัวเปล่า กลับตัวเปล่า ฉะนั้นถ้าตอนนี้ศิษย์บอกว่า ทำอะไรไม่ได้ แล้วถึงวันหนึ่งชะตาขาด ศิษย์ที่มีความห่วงจะทำให้ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ ศิษย์ที่มีความวิตกกังวลอยู่ จะทำให้กลายเป็นวิญญาณพเนจร ศิษย์ที่ยังยึดมั่นถือมั่น จะทำให้กลายเป็นวิญญาณที่ลุ่มหลง
ไม่มีอะไรในโลกนี้ก็ได้ แต่สำคัญอย่างเดียวคืออย่าขาดปัญญา จึงมีคำพูดบอกว่าจนอะไรก็จนได้ แต่อย่าจนปัญญา อย่าจนใจ เพราะถึงตอนนี้เราจะหมดเนื้อหมดตัว แต่ถ้าปัญญาเรายังมี หัวใจเรายังเข้มแข็ง เรากล้ายอมรับความจริง เราไม่มีวันจนหรอกศิษย์ จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นอยู่ให้ได้ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีอะไร นี่คือเข็มข้อที่สอง ถ้าจนแล้วก็อย่าเสียศรัทธา ซึ่งเป็นทรัพย์อันประเสริฐในหัวใจศิษย์ด้วย ใช่ไหม (ใช่)  ต้องรับให้ได้นะศิษย์ เพราะจะทำให้เราไม่กลายเป็นวิญญาณที่ลุ่มหลง
เข็มที่สามก่อนอาจารย์จะจากศิษย์ไป คือเข็มสุดท้ายที่อาจารย์อยากให้ศิษย์มีทุกคน ไม่ว่าเข็มแรก เข็มสอง แม้กระทั่งเข็มที่สาม อยากได้ภูมิต้านทานนี้ไหม (อยาก)  อยากได้ไหม (อยาก)  
ถ้าชีวิตมันถูกพลิกซ้าย พลิกขวา พลิกหน้า พลิกหลัง รับได้ไหม ต้องรับให้ได้ใช่หรือไม่ เพราะศิษย์ก็เจอมาแล้ว แม้จะล้มจนหัวคว่ำ เพราะมันคือความจริงของชีวิต อาจารย์ถามศิษย์นะ ในโลกนี้มีใครชีวิตเป็นเส้นตรงบ้าง ฉะนั้นเราเรียนรู้ธรรมะเพื่อเข้าใจความเป็นจริงว่า ความทุกข์ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ความทุกข์ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่ความทุกข์ทำให้เราเข้าใจว่า เรากำลังยึดมั่นถือมั่นอะไรเกินไปไหม เราไม่เปิดใจกว้างหรือเปล่า เราไม่ยอมรับความจริงหรือไม่ หรือเราไม่ยอมปล่อยวาง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นเข็มสุดท้าย ไม่ว่าโลกจะพลิกซ้าย พลิกขวา โย้หน้า โย้หลัง จงตั้งใจให้นิ่งและมีชีวิตแค่เพียงรู้ ไม่ต้องทุกข์กับมัน แค่รู้ว่ามันเกิด รู้แล้วทุกเรื่องจะกลับไปสู่ภาวะการจบสิ้นเอง โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย ศิษย์แค่รู้แล้ววางหัวใจให้นิ่งๆ อยู่กับความสงบ ไม่เรียกร้อง ไม่ต้องไปทุกข์ ไม่ต้องไปสุข อะไรที่เกิดขึ้นมาก็จบลงเอง มือเมื่อโดนมีดบาด ร่างกายมันยังรักษาแผลเอง ใจเวลาทุกข์ เวลาจะช่วยเยียวยาให้ศิษย์เข็มแข็ง ด้วยหัวใจที่สงบและกล้ายอมรับความจริง เชื่ออาจารย์นะ  หลายคนเจอความยากลำบากในโลกมาเยอะ แต่บางคนอาจจะยังไม่เคยเจอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แถมบางคนยังมัวแต่สนุก ใช่หรือเปล่า ฉะนั้นอาจารย์จึงอยากบอกว่า เวลาของชีวิต ศิษย์แน่ใจหรือว่ายังเหลืออีกเยอะ
พุทธะมักจะบอกว่า เวลาที่ศิษย์บอกว่ามันมีๆ มันไม่ใช่มันมีแต่มันจะจบและจะจบๆ ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่สิ่งที่กำลังเกิด แต่มันกำลังจบ กำลังเดินถอยหลังไปสู่ภาวะการเริ่มต้น ฉะนั้นเรามีชีวิตเพื่อเกิดหรือเพื่อจบ ถ้าคิดเพื่อให้จบ เราก็จบชะตากรรมได้ แต่หากคิดว่าเอาแต่เกิด เราก็คือคนที่สร้างวัฏฏะแห่งการเวียนว่าย ฉะนั้นเราอยู่ร่วมกัน อยู่เพื่อจบไม่ใช่อยู่เพื่อเริ่ม อยู่เพื่อหยุดไม่ใช่อยู่เพื่อสร้าง ถ้าศิษย์เข้าใจชีวิต ศิษย์จะรู้ว่าเกิดมาแล้วก็จบได้ในทันที เกิดมาแล้วทุกข์ก็สิ้นสุดได้โดยที่เราไม่ต้องทำอะไร เพราะทุกข์มันจบของมันอยู่ทุกวันๆ อยู่แล้ว จริงไหมศิษย์ (จริง)  คิดให้ดีๆ นะ ศิษย์ไม่ต้องไปทำอะไรเลย เหมือนเขาด่าศิษย์ จบไปนานหรือยัง แต่ใครยังไม่จบ (ตัวเรา) ใช่ไหม (ใช่)  เราเสียเงิน เงินเราหาย หายไปนานหรือยัง (นานแล้ว)  แต่ใจเราจบไหม (ไม่จบ)   สามีไปมีเมียน้อยนานหรือยัง (นานแล้ว)  แต่ใจเราจบไหม (ไม่จบ)  ทุกข์ไหม ฉะนั้นจงมีชีวิตอยู่กับความจริงด้วยสติและหัวใจที่สงบและเราจะประจักษ์แจ้ง ว่าโลกใบนี้เราไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องไปอยากได้ใคร่ดี ทุกอย่างมันจบของมันเอง แต่ที่มันไม่จบเพราะว่าเราเอาตัวตนไปยึด เราเอาตัวตนไปครอบครอง ทั้งที่ตัวเรานี้ก็ยึดไม่ได้ เที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) 
ฉะนั้นศิษย์จึงมีสิ่งหนึ่งที่ประเสริฐยิ่งกว่าตัวตนนั่นก็คือพุทธจิตที่ พ้นทุกข์อยู่แล้ว แต่เรามัวเกาะแต่ร่างกายแต่ไม่เคยตามหาจิตเดิมแท้ใช่หรือไม่ (ใช่) มนุษย์ทำทุกอย่างเพื่อร่างกายทั้งที่จริงแล้วร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา ร่างกายก็ต้องทิ้งไว้ที่นี่ แล้วสิ่งใดล่ะที่ทำให้เราพ้นทุกข์ นั่นคือสิ่งที่ศิษย์ได้รับหนึ่งจุดชี้นั่นแหละ ถ้าศิษย์พยายามทำทุกอย่างเพื่อจิต ศิษย์จะไม่ยึดอะไรเลยเพราะจิตมันคือสภาวะว่างเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ตัวตนมันเป็นสภาวะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หาที่สุดได้ไหม (ไม่ได้)  หน้าของเรายังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เสื้อผ้าเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน)  แล้วเราไปยึดทำไม ยึดไหม (ยึด)  มันไม่มีอะไรเที่ยงสักอย่างเลยนะ ฉะนั้นอย่าไปยึด เพราะสัจจะความเป็นจริงข้อหนึ่งที่มนุษย์ต้องรู้คือ ทุกสิ่งล้วนเกิดแล้วก็ดับ ใช่ไหม (ใช่)  ไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยู่เหนือการเปลี่ยนแปลงนั่นคือ สภาวะแห่งจิตที่ทำให้เราค้นพบธรรมอันประเสริฐ
จำไว้นะเข็มฉีดยาของอาจารย์มีสามเข็ม
เข็มแรกคือ อยู่คนเดียวก็มีสุขได้
เข็มที่สองคือ ไม่มีใครก็อยู่ได้
เข็มที่สามคือ แม้ชีวิตจะพลิกผันไปเลวร้ายขนาดไหนก็ต้องรับให้ได้ เพราะมันคือความจริงแห่งชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)  เราเกิดมาเพียงแค่รู้ ไม่ใช่ให้ไปรองรับทุกข์รองรับสุข แต่เราเกิดมาเพียงแค่รู้เท่านั้นเองนะศิษย์ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันจะจบด้วยตัวมันเอง เหมือนเวลานี้มีดบาดนิ้ว ร่างกายมันยังรักษาตัวมันเอง ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่หัวใจทุกข์ เวลาจะช่วยเยียวยาให้เราเข้าใจชีวิต แต่ต้องมีสติและสงบเมื่อเวลาเจอปัญหา ใช่หรือไม่ (ใช่)
ข้อสามจะยาวหน่อยนะ แต่อาจารย์อยากให้ศิษย์เข้าใจข้อสามนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะข้อนี้จะทำให้เราพบหลักธรรมและพบจิตเดิมแท้ เราเกิดมาเพียงแค่รู้ รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เดี๋ยวมันก็จบ เกิดขึ้นแล้วมันก็จบ แล้วตัวเราอยู่ตรงไหน ตัวเรามันก็ไม่มี ตัวเราที่เป็นนิสัยอารมณ์มันเป็นความว่างเปล่า มันไม่เที่ยง อารมณ์ใดแรงสุด อารมณ์นั้นแหละคือตัวเรามากสุด แต่ตัวตนนั้นมันของเที่ยงไหม ไม่เที่ยง ที่เที่ยงสุดคือสภาวธรรมที่เรียกว่าจิตหนึ่งที่มีเหมือนกันหมดทุกคน แต่เรามัวแต่ยึดติดกับกายและก็อารมณ์ นิสัย จนลืมจิตหนึ่งไป ฉะนั้นตอนนี้ถ้ารู้แล้วมีโอกาสไปช่วยคนได้หรือไม่ ได้ไหม แต่ต้องรักดีก่อนนะ ใช่หรือเปล่า
(พระอาจารย์เมตตาผู้ปฏิบัติงานธรรม)
เหนื่อยไหม ช่วยคนเหนื่อยไหม แน่ใจนะศิษย์ ลำบากไหม อาจารย์รู้ว่าทั้งเหนื่อยทั้งลำบากนะ
ขอให้ตั้งใจบำเพ็ญนะศิษย์ อย่าให้อารมณ์มันมาทำร้ายชีวิตและจิตใจ อย่าให้ความอยากมันทำให้เราหลงมืดมัวในโลกนี้ รู้จักดำเนินชีวิตให้ดี ใช่ไหม (ใช่)  อย่าสูญเสียศรัทธาในหัวใจนะ ศรัทธาดีอย่างไรให้รักษาให้ตลอด หนึ่งไร่สามไร่ไม่สำคัญสำหรับอาจารย์ สิ่งที่สำคัญสำหรับอาจารย์คือ ความศรัทธา ใช่ไหม เหนื่อยกันไหมศิษย์เอย ปล่อยวางอัตตาตัวตนเพื่อเข้าถึงสภาวธรรมให้ได้นะ ดีหรือร้ายไม่สำคัญ สำคัญคือหัวใจต้องเข้มแข็ง เดี๋ยวมีโอกาสกลับมาไหว้พระ กลับมาห้องพระ ทำได้ดีแล้วนะ ทำต่อไปนะศิษย์   ช่างดื้อนะเรารู้ว่าอะไรดีไม่ดีทำไมดื้อ อย่าให้ความดื้อมันมาทำร้ายตัวเองนะศิษย์ อาจารย์ช่วยศิษย์ตลอดเวลา ขอเพียงมั่นคงในศรัทธา อาจารย์ไม่หนีไปไหนหรอกนะ
ตั้งใจบำเพ็ญนะ จิตที่เสียสละ จิตที่อุทิศให้ อาจารย์รับรู้ จิตที่มุ่งมั่นช่วยคนอาจารย์ขออวยพรให้นะ ตั้งใจบำเพ็ญนะ อย่ายอมแพ้ความยากลำบาก อาจารย์ไม่มีศิษย์อยู่ข้างหลัง ก็คงไม่มีคนข้างหน้า ไม่มีลูกศิษย์ข้างหน้ามาใช่ไหม ฉะนั้นอาจารย์ต้องขอบคุณนะ ขอบคุณในความเข้มแข็งของศิษย์ทุกคนนะ แต่จะดื้อมาก ดูแลตัวเอง ดูแลจิตใจให้ดีนะ อย่าให้ศรัทธาเสื่อมคลาย มีโอกาสกลับมาอีก แล้วเป็นกำลังให้อาจารย์นะ ได้ไหม
ความสามารถมีเยอะทำไมไม่รู้จักเอามาใช้ มีโอกาสกลับมาอีกนะศิษย์เอย อาจารย์ดีใจที่ศิษย์อยู่จนจบนะ วันนี้อาจารย์ช่วยพยุง ต่อไปต้องรู้จักพยุงตัวเองนะ เด็กดื้อเอ๋ย อย่ามัวแต่หลงความสวยนะ ความสวยมันไม่ยั่งยืน มีแต่ความดีงามในหัวใจต่างหากที่ยั่งยืนที่สุด ใช่ไหมศิษย์ มีโอกาสตั้งใจบำเพ็ญนะ ตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม อย่าดื้อ อย่าหลงโลก ชีวิตลำบากแล้วนะ ตั้งใจบำเพ็ญนะ ได้ไหม เพื่อตัวศิษย์เอง จะได้ไม่หลงกับโลกใบนี้อีกต่อไป อยากให้อาจารย์ลูบหัวให้กำลังใจไหม
ตั้งใจนะ มีโอกาสมาช่วยอาจารย์อีกนะ ศิษย์เป็นกำลังที่สำคัญ เจ้าดื้อไม่เคยนึกทำสิ่งที่ดี รับปากอาจารย์เเล้วนะ ทำให้ได้นะศิษย์เอย ส่วนคนที่ไม่ได้รับปาก ก็ต้องยอมทำให้ได้นะ ดื้อไหมเรา ตั้งใจบำเพ็ญนะศิษย์เอ๋ย อาจารย์ไม่จับก็ไม่ต้องร้องไห้ได้นี่ นำพาผู้คนให้ดีหัวใจต้องเข้มเเข็ง หัวใจเข้มเเข็งย่อมเอาชนะทุกสิ่งได้ ถ้าหัวใจอ่อนแอจะนำพาใครได้ ใช่ไหม ตั้งใจบำเพ็ญนะ มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกนะศิษย์ รักษาตัวเองให้ดี ดูเเลจิตใจตัวเองให้เข้มเเข็ง เเม้โลกจะพลิกซ้ายพลิกขวาก็ต้องยืนให้ได้ มองให้ออกนะ จะได้ไม่ต้องทุกข์เพราะความคิดของตัวเองนะศิษย์เอ๋ย


หมายเหตุ   เนื่องจากบทพระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของชั้นประชุมธรรม ณ สถานธรรมผูถี จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ ๕ - ๗  พฤษภาคม ๒๕๕๐  เกิดความผิดพลาดจากกลุ่มผู้จัดทำหนังสือพระโอวาท  พระอาจารย์จี้กงเมตตาแก้ไขดังนี้
๑. หน้าที่ ๓ บรรทัดที่ ๙
จากเดิม    พระอนุตตรธรรมารดา
แก้เป็น    พระอนุตตรธรรมมารดา
๒. หน้าที่ ๓ บรรทัดที่ ๑๕
จากเดิม    คนยิ้มเป็นพร้อมทางพลัดหลีกให้
แก้เป็น    คนยิ้มเป็นพร้อมทางผลัดหลีกให้
๓. หน้าที่ ๒๙ บรรทัดที่ ๒
จากเดิม    ความหลงมีเป็นระยะศิษย์หน้าแก่
แก้เป็น    ความหลงมีเป็นจนศิษย์หน้าแก่
๔.หน้าที่ ๒๙ บรรทัดที่ ๒
จากเดิม    ศิษย์ยังแก้ปัญญาก็ไม่เป็นศิษย์ไป
แก้เป็น    ศิษย์ยังแก้ปัญญาก็ไม่เมินศิษย์ไป
๕.หน้าที่ ๒๙  บรรทัดที่ ๔
จากเดิม    คนชอบพูดเลือนลอยล่องแสร้งวลี
แก้เป็น    คนชอบพูดเลื่อนลอยล่องแสร้งว่าดี
๖.ชื่อเพลงพระโอวาท
จากเดิม    ตรงแห่งความคิด”
แก้เป็น    กรงแห่งความคิด”

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา