วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

2553-05-15 สถานธรรมเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์


西元二0一0年 嵗次庚寅 四月 初二日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ สถานธรรมเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านฮั่นจงหลี

การชนะผู้อื่นนั้นแสนง่าย การชนะใจตนยากยิ่งกว่า
การรู้ใจคนนั้นไม่ยากนา แต่ในใจตนนั้นหาไม่รู้เลย
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานเซิ่งเต๋อ แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

คนมือยาวไม่เอาใครบันไดสั้น คนมือสั้นชอบช่วยคนคล้ายบัณฑิต
คนช่วยคนช่วยกันไม่ยึดติด การทำงานฟ้าช่วยคิดออกกำลัง
ถูกกับผิดไร้ความสุขตามสมควร ร่วมทบทวนร่วมจิตร่วมใจร่วมหวัง
การยอมให้เสียสละลดความชัง การถือมั่นเปรียบมุ่งขังชีวิตตัว
ไหว้กันบ้างไม่ว่ารู้สึกอย่างไร บำเพ็ญไปทำยันป้ายแพ้แต่ยั่ว
อารมณ์ใส่ยื่นหน้ากันเป็นเจ็บตัว อากาศมัวที่ของตัวห่างเหินกัน
ผู้นำต้องก็หัวคิดคือหัวใจ ผู้ตามฟังหัวเป็นง่ายสอดประสาน
มีอุปสรรคหน้าต้านลมพล่ามป่วยการ บำเพ็ญกันไม่ธรรมดาฝืนแต่หัวเราะได้
สามัคคีกันต่างคนเรื่องอย่าต่างคิด แม้หงุดหงิดกระนั้นร่วมมือเป็นเรื่องใหญ่
การที่ต้องทนกันดั่งน้ำไฟ ส่งเสริมกันปรามกันได้คือพลัง
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนฮั่นจงหลี
โซ่ตรวนก็ล่ามได้แต่กาย แต่หัวใจของมนุษย์ล่ามไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  แต่ความพึงพอใจยินดีนั้น แม้ผูกเป็นเชือกหลวมๆ เพียงด้ายเส้นเดียวและไม่ได้รัดตึงเลย แต่ก็สามารถรั้งให้มนุษย์อยู่ได้ทั้งกายทั้งใจ หนีไปไม่พ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
แล้วที่มนุษย์ในโลกนี้ไม่สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ ก็เพราะว่าพึงพอใจในโลกใบนี้ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราพึงพอใจยินดีอะไรในโลกใบนี้ อย่างแรกก็คือ บุตรหลาน สามี ลูก ภรรยา เขามีโซ่มีห่วงมาขังเราไว้กับตัวเขาไหม คนที่รักเราหรือคนที่เรารักมีโซ่อะไรมาผูกกั้นคล้องเราไว้ไหม (ไม่มี)  แล้วเราหนีพ้นไหม (ไม่พ้น)  เพราะใจลึกๆ เราแอบพึงพอใจยินดีที่มีเขา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถึงเขาจะทำเราเจ็บขนาดไหน ทำเราทุกข์ขนาดไหน ถึงเขาจะไม่เป็นดั่งใจเราขนาดไหน หรือใครต่อใครบอกให้ตัดโซ่นี้ แต่ถ้าเราไม่ตัดความยินดีพึงพอใจแล้ว ทุกวันนี้ตัดกี่ครั้งก็ตัดไม่ขาดหรอก แล้วใช่เพียงแค่บุตรหลาน คนรักหรือไม่ ที่เป็นโซ่คล้องทำให้ไม่สามารถพ้นไปจากโลกใบนี้ มีอะไรอีกบ้าง ทรัพย์สินเงินทอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
บางคนชีวิตนี้แม้จะยังไม่มีลูกหลาน แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์คนหนึ่งพยายามทำงานหามรุ่งหามค่ำ เหนื่อยสายตัวแทบขาด แม้ป่วยยังไงก็ไม่คิดจะหยุดทำงานเพียงเพื่ออะไร (เงิน)  แล้วเงินมีอะไรมาผูกมัดใจเราไหม ก็ใจที่ยินดียินชอบพอใจในเงินอันนี้ ผูกให้มนุษย์นั้นหลงตกเป็นทาสอยู่ร่ำไป วันไหนไม่มีเงินวันนั้นเหมือนคนที่นอนไม่หลับ ใช่ไหม (ใช่)
อีกอย่างหนึ่งที่ผูกให้มนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารของโลกใบนี้ไม่จบไม่สิ้น นั่นก็คือ เชือกแห่งกิเลสตัณหา อารมณ์ กามราคะ ผูกให้มนุษย์ต้องเวียนว่ายไม่จบไม่สิ้น ถ้ามนุษย์ตัดไม่ได้ มนุษย์ก็จะถูกกิเลสตัณหาชักนำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด ใช่หรือเปล่า (ใช่)
แล้ววันนี้ท่านจะอยู่ครบสองวันเพราะมีความยินดีพึงพอใจไหม แต่ถ้าไร้ซึ่งความยินดีพึงพอใจ แม้นั่งไปได้ครึ่งวันก็คงหนีกลับบ้านแล้ว หรือจบหนึ่งวันก็อย่าคิดว่าพรุ่งนี้ไม่มาแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  ความยินดีพึงพอใจก็ไร้ซึ่งการกระทำที่สำเร็จซึ่งมรรคผล ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยินดีพึงพอใจในห่วงตัณหาของโลกใบนี้ ทำไมไม่ยินดีพึงพอใจในการหาทางพ้นทุกข์ในโลกใบนี้บ้าง
การชนะผู้อื่นเราคิดหาวิธีทางชนะได้ แต่ชนะใจตัวเองชนะไม่ได้ เรารู้ใจผู้อื่นทะลุปรุโปร่ง แต่การรู้ใจตัวเองกลับหาไม่เจอ มองไม่เห็น ใช่หรือไม่ (ใช่)
มาร่วมฟังธรรมะอย่ามีหูแต่ไม่ได้ยิน อย่ามีตาแต่มองไม่เห็น อย่ามีใจแต่ไม่รับรู้อะไร ไม่เช่นนั้นก็น่าเสียดาย เราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
(ไม่เป็น)  นึกว่ามีหูแต่ทำเป็นหูหนวก มีตาแต่ทำเป็นตาบอด ไม่ฟังให้ชัดๆ แล้วจะรู้หรือว่าจริงหรือเท็จ ไม่รู้ให้กระจ่าง แล้วจะรู้หรือว่าจริงหรือปลอม
ใช่หรือไม่ (ใช่)
คุณ ๖ ประการก็ให้โทษ ๖ ประการ ทุกคนรักความดีเกลียดความชั่ว แต่ถ้ารักดีจนถึงขนาดใครชั่วอย่าเข้าใกล้ ใครชั่วต้องกำจัดออกให้ห่างไกล หรือใครชั่วร้ายต้องประณามให้เจ็บปวด นี่แหละเรียกว่าคุณความดี ๖ ประการแล้วให้โทษ ๖ ประการ เข้าใจไหม (เข้าใจ)  เข้าใจว่า “ทำไมทำความดีมีคุณมีโทษด้วยหรือ” นิสัยของมนุษย์เวลาเราเป็นคนดีเจอใครไม่ดีเจอใครไม่ถูกต้อง เรามักจะตำหนิต่อว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอตำหนิต่อว่ามากๆ หรือแสดงความรังเกียจอย่างเด่นชัด ใครๆ ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ จริงไหม (จริง)  เพราะว่าแม้เราจะเป็นคนดีแต่ลึกๆ คนดีนี้ก็ยังมีความไม่ดีอยู่


คนมือยาวไม่เอาใครบันไดสั้น คนมือสั้นชอบช่วยคนคล้ายบัณฑิต
มือใครยาวสาวได้สาวเอา เราหมายความว่า คนที่มือสั้นไม่ใช่ว่าเขาโง่ แต่เขามือสั้นแล้วคิดว่าเอาน้อยหน่อยแล้วช่วยคนอื่นมากหน่อยดีกว่า แต่คนในโลกนี้เอามากหน่อยแล้วค่อยไปช่วยคนอื่น ตบหัวแล้วค่อยลูบหลังใครจะชื่นชม ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เหมือนกับการค้าขายได้กำไรเกินควร แล้วนำเงินที่ได้กำไรไปทำบุญ อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าตบหัวแล้วลูบหลังหรอกหรือ
ในโลกแห่งความจริงใบนี้เต็มไปด้วยปัญหาและความทุกข์นานาประการ จะมีใครสักกี่คนที่จะสามารถรักษาความถูกต้องดีงามท่ามกลางความทุกข์ยากลำบากในโลกนี้ได้ จะมีใครในโลกนี้ที่จะสามารถรักษาความถูกต้องดีงามในหัวใจตราบเท่าสิ้นลมหายใจได้ แม้ต้องเจอทุกข์ยาก หาได้ยากใช่หรือไม่ (ใช่)
ในโลกแห่งความเป็นจริงใบนี้ ที่มนุษย์ปรารถนาส่องเสพ ปรารถนาวัตถุนานาประการ จะมีใครที่สามารถมองข้ามพ้น ไม่ตกเป็นทาสของวัตถุรูปมายาในโลก เป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง เป็นอิสระต่อการตกเป็นทาสของวัตถุรูปมายาได้
ในโลกแห่งความจริงใบนี้ มีใครสักกี่คนที่จะมองเห็นความจริง และไม่ตกอยู่ในความฝัน หันหลังกลับพบประตูแห่งพุทธธรรม พูดย้ำอย่างละสองรอบ แต่จะมีคนเข้าซึ้งถึงสิ่งที่เราพูดสักกี่คนกันเล่า ใช่ไหม (ใช่)
ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เจ็บปวด บีบคั้นสาหัสสากรรจ์ จะมีใครสักกี่คนที่สามารถรักษาจุดยืนแห่งความเป็นคนที่ถูกต้องและดีงามตราบสิ้นลมหายใจ ไม่แปรเปลี่ยนเพียงเพราะปัญหาและความทุกข์ยากบีบคั้น หาได้ยากแล้วหนึ่งในคนเช่นนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ในโลกที่มนุษย์ปรารถนาส่องเสพวัตถุนานาประการ แต่จะมีใครสักกี่คนที่สามารถมองข้ามพ้นวัตถุแล้วไม่ตกเป็นทาสของวัตถุได้อย่างแท้จริง มีอิสระอยู่บนโลกใบนี้ก็หาได้ยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)
ในโลกที่มนุษย์เพ้อฝัน อยากได้โน่นอยากได้นี่ อยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่ แต่จะมีใครสักกี่คนที่มองเห็นความเป็นจริงว่า ถ้าสามารถเห็นเราก็จะพบประตูแห่งพุทธธรรมในความฝันที่มีความจริง ใช่ไหม (ใช่)
พูดอย่างนี้ก็คงจะเข้าใจได้ยาก ถ้าอย่างนั้นลองยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเราพูดถึงดอกไม้ มนุษย์นึกถึงความสวยงาม ความเบ่งบานที่งดงาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่จะมีใครนึกถึงความเป็นจริงของดอกไม้ว่า ก่อนจะเป็นดอกไม้ที่สวยงามและเบ่งบานนั้น ต้องเกิดจากการอบรมบ่มเพาะต้นเล็กๆ เมล็ดพันธุ์เล็กๆ รดน้ำพรวนดิน ตัดแต่งกิ่ง ขจัดหนอน บำรุงอย่างดี จึงจะเห็นเป็นดอกไม้ที่สวยงาม แต่มนุษย์หาได้คิดถึงเช่นนั้นไม่ เมื่อพูดถึงดอกไม้ก็คิดถึงแค่ความสวย เอาไปใช้อะไร เอาไปให้ใคร มีความหมายว่าอย่างไร นี่เรียกว่าเห็นเพียงความฝัน เห็นตามสิ่งที่ตนเองปรุงแต่ง ไม่ได้เห็นซึ่งความเป็นจริง
ถ้าพูดถึงมีด มนุษย์นึกถึงอะไร ความคม คุณประโยชน์และโทษของมีด แต่คนที่เคยทำมีดมา เขาจะรู้ถึงความยากลำบากในการอดทนอยู่กับความร้อน มนุษย์ที่บอกว่าอากาศภายนอกร้อน ก็ยังไม่อาจสู้ได้กับคนที่หล่อหลอมมีดให้เสร็จสักด้ามหนึ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะเขาต้องทนในสิ่งที่ใครยากจะทนได้ ฉะนั้นเรามองเห็นมีด เรามองเห็นซึ่งความจริง หรือเรามองเห็นแค่มีดที่เป็นด้าม มีดที่มีประโยชน์ มีดที่มีโทษ แค่นั้นเอง
เหมือนมนุษย์เมื่อมีชีวิตอยู่เรามองเห็นความรักเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา แล้วเราเคยมองเห็นความเป็นจริงของความรักไหม (ไม่เคย)  จนกระทั่งได้รับรสของความรักที่แท้จริง ถึงได้รับรู้ว่า ความรักนั้นแท้จริงแล้วอาบด้วยยาพิษเหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วมนุษย์ทุกคนปรารถนาความรักไหม (ปรารถนา)  แล้วเคยมองเห็นความจริงของความรักไหม (ไม่เคย)  อย่างนั้นเราลองมองเข้าไปดูว่าความรักกว่าจะออกมาเป็นความรักได้ จะต้องมีหนึ่งคนยอมเสียสละความเป็นตัวของตัวเอง ทำทุกอย่างเพื่อให้อีกคนหนึ่งรัก แต่คนเราจะยอมอดทนเสียสละได้นานไหม (ไม่นาน)  พอตกเป็นของเราแล้วเขาจะยอมอดทนอีกไหม (ไม่อดทน)  แต่ก่อนก็เห็นเขาดี แต่พอนานๆ ไปเขาเริ่มดีเหมือนกับที่เรารักไหม (ไม่)  เขาดีเหมือนที่แรกรักไหม (ไม่)  บางคนดีเกินไป บางคนตอนต้นดีแต่ตอนท้ายเพิ่งจะออกลายออกฤทธิ์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และความรักกว่าจะสำเร็จและงดงามได้ ต้องเกิดจากการเสียสละ ต้องเกิดจากการยอมอดทน เมื่อเกิดความรัก ถ้าเรามองไม่ดีและไม่ชัด ความรักก็จะทำให้เรา (ตาบอด เป็นทุกข์)  ทั้งที่ตาก็ยังดีๆ แต่ก็พร้อมจะบอดได้ แต่ถามว่ายังอยากรักกันอยู่ไหม (อยาก)  แล้วกลัวไหม ไม่กลัว เพราะนิสัยของมนุษย์นั้นไม่ทุกข์ก็ไม่เจ็บ ไม่เจ็บก็ไม่จำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เจ็บกี่ครั้งเคยจำได้ไหม ถึงจะเจ็บอีกกี่ครั้งก็ยังจะเอา
ฉะนั้นในโลกแห่งความเป็นจริงใบนี้ เราเคยมองสิ่งใดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เราเคยมองสิ่งใดได้อย่างแจ่มชัดกันบ้าง ไม่มี ทั้งที่จริงๆ แล้ว ถ้ามองให้ดี มองให้เห็น เราก็จะไม่เป็นคนที่ปิดบังหู ปิดบังตาตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ปล่อยให้ชีวิตนั้นจมอยู่กับความฝันจนมองไม่เห็นความเป็นจริง
มีคนบอกว่าความรักเหมือนซื้อลอตเตอรี่ แล้วแน่ใจหรือว่าท่านจะถูกรางวัลที่หนึ่ง บางคนบอกว่าไม่เป็นไร ขอให้ถูกเลขท้าย ๒ ตัว ๓ ตัวก็ยังดี มีความสุขแค่ชั่วครู่ชั่วคราวก็ยังดี แต่ที่ต้องทุกข์น้ำตานองหน้าช้ำใจแล้วช้ำใจอีก ใครจะช่วยปลอบใจ เหมือนที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งท่านบอกไว้ว่า ท่านก็เหมือนรจนาที่เสี่ยงเจ้าเงาะมา คนอื่นเขาเห็นว่าอัปลักษณ์ มีแต่ท่านที่เห็นอยู่คนเดียวว่าหล่อ ถ้าหากวันหนึ่งเขาไม่ถอดรูปเงาะออกมา ท่านจะทนไหวไหม ฉะนั้นหญิงที่ท่านว่าสวย ความรักที่ท่านว่าดี ท่านมองเห็นชัดหรือยัง
ทรัพย์สินที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา เรามองเห็นชัดหรือยัง ทำไมพระพุทธองค์จึงบอกว่าทรัพย์สินเหมือนงูพิษ แต่ทุกคนก็พร้อมจะเลี้ยงงูพิษไว้ในบ้าน ถูกหรือเปล่า (ถูก)
โลภ โกรธ หลง เหมือนพญามาร ถามว่าความโกรธมีแล้วดีไหม (ไม่ดี)  ความโลภมีแล้วดีไหม (ไม่ดี)  ความหลงมีแล้วดีไหม (ไม่ดี)  แล้วเรายังเลี้ยงกันอยู่ไหม ตัดไม่ขาดเพียงเพราะยินดีและพอใจ ไม่มีอะไรผูกมัดเราเลย มีแต่ใจที่รู้สึกยินดี พอใจแค่นั้นเอง แต่ถ้าเมื่อไรที่มนุษย์ตัดความยินดีและพอใจ แล้วมองเห็นอย่างแจ่มชัด เราคงไม่ตกอยู่ในภวังค์ความเพ้อฝันของโลกนี้หรอก ดังที่ปราชญ์โบราณกล่าวไว้ว่า “จิตใจของนักบวชและจิตใจของนักฆ่าล้วนมีเมตตาจิต” แต่ทำไมมนุษย์จึงมองไม่เห็นและไม่สามารถรับรู้ได้
บ้านไม่ว่าจะเป็นกระต๊อบหรือคฤหาสน์ก็สามารถยังความสุขให้กับคนได้ แต่เพราะอะไรคนถึงไม่มีความสุขกับการอยู่กระต๊อบและอยู่คฤหาสน์ ท่านคิดว่าเพราะอะไรที่เรามีตาแต่กลับมองไม่เห็นความจริงข้อนี้ อยู่คฤหาสน์หลังโตบางคนน่าจะมีความสุข แต่ไร้ความสุข อยู่กระต๊อบซอมซ่อบางคนน่าจะมีความทุกข์แต่เขากลับมีความสุข เพราะอะไรเราจึงมองไม่เห็น เพราะอะไรเขาจึงไม่สามารถรับรู้ความสุขอันนี้ได้ ท่านตอบเราได้ไหม (ความไม่พอ)  ความไม่รู้จักพอ ถูกต้อง เพราะกิเลสครอบงำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะความยึดมั่นถือมั่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำให้เราแม้นั่งตรงนี้ก็ไม่มีความสุข ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เพราะเรายึดมั่นว่าอยู่บ้านเฉยๆ จะลุก จะยืน จะนั่ง สบายกว่ากันเยอะ อยู่ที่นี่จะลุก จะยืน จะนั่ง ตามใจตัวเองไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ว่าจะเป็นกิเลส ความโลภ ความหลง ความยึดมั่น ทัศนคติที่ผิดๆ ล้วนเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นจิตใจอันดีงามในนักฆ่า มองเห็นความสุขในกระต๊อบหลังเล็กๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือมองเห็นความสุข ความทุกข์ในคฤหาสน์หลังโต ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ฉะนั้นคนโบราณจึงกล่าวไว้ว่า การตามใจตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ดีไหม (ไม่ดี)  แต่มนุษย์ก็เลือกที่จะตามใจตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เคยได้ยินคำกล่าวคำหนึ่งไหมว่า “แสวงความสุขใส่ตัวหลีกหนีปัญหา ผลสุดท้ายความยากลำบากก็ต้องกลับคืนมาสู่ชีวิต” ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยอมรับความยากลำบากจึงสามารถเรียนรู้และเข้าใจชีวิต หากหวังแต่สะดวกสบายผลสุดท้ายก็คือ ฆ่าตัวเองให้ตายทั้งเป็น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่ตัณหา แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือ ทัศนคติที่ผิดๆ หรือการพยายามให้ได้สิ่งที่ตัวเองปรารถนาต้องการ โดยที่ไม่คำนึงถึงความถูกผิด อันนั้นน่ากลัวกว่า หรือที่กล่าวง่ายๆ ว่า “ศัตรูภายนอกไม่น่ากลัวเท่ากับศัตรูภายใน ผู้อื่นยังไม่เรียกว่าศัตรูเท่ากับหัวใจตัวเอง” การปล่อยใจไปตามความเคยชินคือ ภยันตรายที่ร้ายแรงที่สุด
ถ้าทำอะไรไม่มีผลตอบแทน มนุษย์ในโลกก็ไม่มีใจที่จะลงแรงทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางครั้งเราทำดีเพราะอยากรักษาความดี ไม่ใช่ทำดีเพราะหวังผล ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราทำดีเพราะต้องการธำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง ฉะนั้นถ้าเราทำดีแล้วไม่ได้ผลเราก็ต้อง (ไม่ทำ)  ไม่ทำเลยหรือ ความดีที่แท้จริงคือทำโดยไม่หวังผลไม่ใช่หรือ เพราะถ้าทำหวังผลแล้วไม่ได้ผลจะเกิดจิตอย่างหนึ่งคือความเคืองแค้น ซึ่งอย่างนั้นไม่เรียกว่าดีแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราอยากทำให้คนดีมีกำลังใจอย่างไร เราก็ต้องร่วมกันให้กำลังใจคนดี ไม่ใช่พอใครทำดีก็แอบตำหนิ ต่อว่า ริษยา บ่นตัดพ้อ
มองอะไรมองให้เห็นตามความเป็นจริง อย่ามองอย่างคนเพ้อฝันเข้าข้างตัว ท่านเคยได้ยินคำกล่าวคำหนึ่งไหมว่า “มนุษย์ทุกคนมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง” หรือที่เรียกว่ามนุษย์ทุกคนมีดวงของตัวเอง แต่สิ่งที่เหนือดวงของตัวเองคืออะไรรู้ไหม แรงแห่งกรรม เราสามารถเอาชนะดวงได้ และเราสามารถเป็นคนเหนือดวงได้ ด้วยการที่ใช้แรงแห่งกรรม แต่กรรมของมนุษย์นั้นมีสองอย่างคือ กรรมดีกับกรรมชั่ว
มนุษย์ทุกคนมีชะตาฟ้าลิขิต แต่ลิขิตของฟ้านั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามผลของการกระทำของมนุษย์ หรือพูดให้ง่ายเข้าไปอีกก็เรียกว่า สุขหรือทุกข์หาใช่ฟ้าเป็นผู้กำหนด แต่จริงๆ แล้วมนุษย์เป็นผู้กำหนด มนุษย์มักตายเพราะเหตุผลของตัวตน จริงหรือไม่ (จริง)  ถามว่าได้เงินฟรีๆ หนึ่งร้อยบาท ท่านว่ามีความสุขไหม (มี)  แต่ถ้าเกิดว่าท่านอยากซื้อทองห้าพันบาทความสุขท่านจะมีไหม (ไม่มี)  ทำไมล่ะ (เงินไม่พอ)
ฉะนั้นสุขหรือทุกข์ไม่ใช่อยู่ที่ฟ้ากำหนด แม้ฟ้าจะให้เงินมาหนึ่งร้อยบาท แต่ถ้าความอยากของท่านมากกว่าร้อย สุขก็เปลี่ยนเป็นทุกข์ ฉะนั้นมนุษย์ตายเพราะเหตุผลที่ตัวเองกำหนดเองทั้งสิ้น จริงหรือไม่ (จริง)
ถามว่าความสุขของมนุษย์คืออะไร บางคนบอกว่าการได้มีรักแท้ แล้วรักแท้ในนิยามของท่านคืออะไร รักเรายอมรับเราทุกอย่าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  รักเราไม่มีวันหน่ายเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  รักเรายอมรับเราได้ทุกแบบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตัวท่านเองบางครั้งยังเบื่อตัวเองไม่อยากมองกระจกเลย ใช่ไหม (ใช่)  แล้วรักแท้จะมีวันพบไหม แม้บางครั้งเขาดีแทบตาย แต่บางทีใจเราก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาอย่างนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้เขาจะสมบูรณ์ในสายตาของคนอื่นแต่เรากลับคิดว่าเขาบกพร่อง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นสุขหรือทุกข์ ชะตาที่ฟ้ากำหนด แม้จะกำหนดมาแล้วแต่ถ้ามนุษย์ไม่พึงพอใจ มีกรอบขอบเขตมาก สุขทุกข์ก็ไม่ใช่อยู่ที่ฟ้า แต่อยู่ที่หัวใจคน ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เหมือนดังคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ “ฟ้าทำให้ผู้อื่นรวย แต่ทำให้เราจน”  เราจะโทษฟ้าไหม (ไม่โทษ)  คนบางคนไม่ยอมแพ้ชะตาชีวิต  ฟ้าจะทำให้จนแต่เขาก็จะสามารถพลิกความจนให้เป็นความรวยได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางคนฟ้าให้เขารวยและในชีวิตนี้เขาจะต้องรวยไปจนจบชีวิต แต่ถ้าเกิดเขาขี้เกียจขึ้นมา ท่านคิดว่าเขาจะรวยได้ตลอดชีวิตไหม (ไม่)  ใช่หรือไม่ (ใช่)
มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่เราจะยกตัวอย่างให้ฟัง ชายคนนี้ฟ้ากำหนดว่า ถ้าเขาลงมือทำมาหากินเมื่อไหร่ เขาจะรวยขึ้นมาทันที เทพก็เลยประทานทรัพย์ให้อยู่ตรงหน้าบ้าน ตอนแรกให้อยู่ตรงที่นาเขาก่อน แต่ปรากฏว่าเขามีที่นาเขาเคยคิดที่จะลงมือทำอะไรไหม (ไม่)  เขาบอกว่าให้คนอื่นเช่าก็แล้วกัน ฟ้าก็เลยเปลี่ยนทรัพย์สมบัติย้ายมาอยู่ตรงบ้าน ตรงหน้าบ้านเขานั่นแหละ เมื่อไหร่ที่เขาคิดจะปลูกต้นไม้ หรือทำอะไรเพื่อปรับแต่งดิน เขาก็จะพบทรัพย์ แต่เขาคิดจะทำไหม (ไม่)  เพราะเขาคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้ก็รวยแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางคนคิดว่าเกาะพ่อแม่กินก็พอแล้ว ไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวพ่อแม่ก็ให้เรากินเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นแม้ทรัพย์จะอยู่ใกล้ถึงหน้าบ้านเขา แต่ก็ไม่มีวันถึงชีวิตเขาได้ เพราะความขี้เกียจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นดวงไม่สู้แรงแห่งกรรม ถูกไหม (ถูก)
ฉะนั้นจงจำไว้ว่า แม้ฟ้าจะกำหนดบีบคั้นให้มนุษย์ทุกข์ขนาดไหน เหมือนตอนนี้ถูกคนบังคับให้ท่านนั่งตรงนี้ แต่ถ้าท่านนั่งอย่างมีความสุขใครจะทำเราทุกข์ได้ ใช่ไหม (ใช่)  ไม่มีใครทำให้เราทุกข์ได้ นอกจากความคิดของตัวเราเอง หรือที่เรียกว่าทัศนคติที่ผิดๆ ของตัวเองนั่นเอง
เราบอกตั้งแต่ต้นแล้วไม่ใช่หรือ นักบุญหรือนักฆ่าก็ล้วนมีเมตตาจิต บ้านหลังโตหรือกระต๊อบหลังเล็กก็ล้วนมีความสุข แต่เพราะอะไรมนุษย์ถึงมีตาหามีแววไม่ เพียงเพราะความยึดมั่นถือมั่นผิดๆ จึงทำให้เราไม่สามารถมองเห็นความสุขที่มีอยู่ดาษดื่น ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วเราเป็นเช่นนั้นไหม นั่งแล้วก็เมื่อไหร่จะจบสักที เมื่อไหร่จะหมดหนึ่งวันสักที ใช่ไหม หรือที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า “เมื่อไหร่ที่มีความสุข หนึ่งเวลาก็เปรียบเหมือนหนึ่งนาที แต่เมื่อไหร่ที่มนุษย์มีทุกข์ หนึ่งนาทีก็เหมือนหนึ่งกัปกัลป์” ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าลืมนะว่าคิดได้ก็เหมือนคนขึ้นสวรรค์ คิดไม่ได้ก็เหมือนคนสร้างนรก แล้วตัวเองก็ตกนรกทั้งเป็น ใช่หรือเปล่า (ใช่)
มีคำกล่าวว่า “คุณ ๖ ประการสามารถให้โทษ ๖ ประการ” คนทุกคนในโลกรักความถูกต้องดีงาม ชอบคนทำถูก ชอบคนทำดี ชอบคนมีน้ำใจ เกลียดคนแล้งน้ำใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วรู้ไหมว่าคุณในการชอบความถูกต้องดีงามสามารถให้โทษ ๖ ประการได้ นิสัยของมนุษย์ทุกคน  ๑.รักความถูกต้อง ๒.ชอบเป็นคนมีความรู้ ๓.รักความซื่อตรง ๔.ทำอะไรให้ตรงไปตรงมาปากกับใจต้องตรงกัน ๕.ต้องเป็นคนที่กล้าหาญกล้าทำก็ต้องกล้ารับ บางทีเราเห็นอ่อนแอปวกเปียกเรารู้สึกรำคาญตารำคาญใจไหม (ใช่)  ๖.เกิดเป็นคนต้องเข้มแข็ง
นี่คือนิสัยพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน รักความดีเกลียดความชั่ว
ฉะนั้นเป็นคนดีก็ต้องรู้จักให้อภัยคนไม่ดีอย่ารังเกียจและตีกรอบอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแม้คนดีก็จะไม่กล้าเข้าใกล้คนเช่นเรา เข้าใจไหม (เข้าใจ)  เหมือนพูดง่ายๆ ก็คือ เราชอบที่จะรักษาความถูกต้อง เรารักความซื่อตรง เรารักคนที่พูดตรงไปตรงมา รู้สึกว่าเขาเป็นคนน่ารัก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ทำไมพอเขาเป็นคนตรงไปตรงมาท่านก็บอกว่า “ขวานผ่าซาก” แต่ทำไมเวลาเขาพูดอะไรซื่อตรง ท่านกลับบอกว่า “พูดแรงไปไหมมันเจ็บนะ”  ฉะนั้นอย่าเป็นคนรักคนพูดตรง แต่ถึงเวลาพอเจอพูดตรงๆ กลับรับไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม ชอบคนกล้าหาญเข้มแข็งไหม (ชอบ)  แต่ถ้ากล้าหาญเข้มแข็งจนกลายเป็นวู่วามมุทะลุ เราก็ไม่ (ไม่ชอบ)  ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นความดี ๖ ประการจึงขาดไม่ได้ซึ่งการศึกษา ถึงเราจะชอบความดีขนาดไหนก็ตาม แต่ความดีนั้นเราขาดการศึกษาไม่ได้ นอกจากศึกษาให้รู้จักความดีให้เด่นชัด ต้องรู้จักความดีที่เรามี และต้องรู้จักความไม่ดีของผู้อื่นด้วย ไม่อย่างนั้นการพูดความดีของเราครั้งหนึ่ง อาจจะทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รังเกียจเราก็เป็นได้ นี่แหละเรียกว่า คุณ ๖ ประการ แล้วขาดการศึกษาจะให้โทษ ๖ ประการ เหมือนเรารักความกล้าหาญ แต่ถ้ากล้าหาญแล้วไม่รู้จักศึกษาให้รอบคอบว่าตอนนี้ควรกล้า หรือตอนนี้ควรเก็บประกายไว้ก่อนอย่าเพิ่งกล้า ไม่อย่างนั้นความกล้าหาญจะกลายเป็นวู่วามเอาแต่ใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นคุณ ๖ ประการจึงขาดไม่ได้ซึ่งการศึกษาอย่างถ่องแท้ เรารักความซื่อตรง เราก็ต้องยอมรับด้วยว่าโดยสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคนก็รักความซื่อตรง แต่บางครั้งที่ต้องบิดพลิ้วไปบ้างก็เพราะรักษาน้ำใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางครั้งที่พูดอ้อมค้อมจนเยอะไม่กล้าพูดตรงไปตรงมาก็เพราะกลัวว่าตรงเกินไปท่านจะเจ็บปวด ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นจงเข้าใจผู้คนแล้วความดี ๖ ประการนั้น จะไม่เกิดโทษ ๖ ประการตามกลับมา ด้วยการศึกษาให้แจ่มชัด ไม่ใช่ศึกษาแค่ตัวผู้อื่น แต่ต้องศึกษาตนเองและเหตุการณ์ด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)
สามัคคีกันต่างคนเรื่องอย่าต่างคิด   แม้หงุดหงิดกระนั้นร่วมมือเป็นเรื่องใหญ่
เรารู้บางคนในใจเริ่มหงุดหงิดแล้ว เมื่อไหร่จะจบสักที น่าเสียดายนะถ้านั่งฟังแล้วมองไม่เห็นซึ่งความเป็นจริงที่เราต้องการจะสื่อให้ท่านรับรู้ เราไม่ได้ให้ท่านมาเชื่อเรื่องการยืมร่าง แต่เราต้องการมาบอกชัดถึงสัจธรรมความเป็นจริงแห่งชีวิตที่มนุษย์ทุกคนก็มี แต่หลงลืมไปเพราะอะไรล่ะ เพราะบางทีความรู้ความเข้าใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อสักครู่เราก็บอกแล้ว มนุษย์ทุกคนมีความรู้เป็นคุณประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเกิดมั่นใจในความรู้ของตนถึงขนาดปิดกลอนลั่นดานไม่ฟังความรู้ของผู้อื่น เท่ากับเรากำลังทำร้ายความรู้ของตน และภูมิปัญญาของตน ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นคนที่มีความรู้และเข้าใจในความรู้อย่างแจ่มชัด ก็ต้องรู้จักเปิดใจกว้างรับฟังทุกเรื่องราว จริงหรือไม่ (จริง)
มนุษย์ทุกวันนี้ว่ากันไม่ได้ บอกกันก็ไม่ง่ายแล้ว สอนกันยิ่งยากใหญ่ คนในโลกเดี๋ยวนี้พูดกันให้เข้าใจก็เป็นเรื่องยาก เราคุยกันเรื่องหนึ่งแต่เข้าใจกันอีกเรื่องหนึ่งก็มี บางทีเรายิ้มให้เขา แต่เขาหาว่าเรายิ้มเยาะก็มี
ฉะนั้นเราอยากจะกล่าวเป็นเรื่องสุดท้ายว่า ในโลกไม่น่ากลัวหรอก แต่สิ่งที่น่ากลัวคือทัศนคติที่ผิดๆ ใจที่หลงผิดนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า แล้วหลงผิดขนาดที่ว่าได้อะไรมาโดยที่ไม่สนใจความถูกต้อง ได้มาอย่างชอบธรรมหรือไม่ นั่นแหละคือเรื่องที่น่ากลัวของคนปัจจุบัน ปัญหาและความทุกข์ในโลกเกิดจากความเห็นแก่ตน และความยึดมั่น เชื่อมั่น ถือมั่นในตัวตนเอง เห็นแต่ประโยชน์สุขส่วนตนจนลืมถึงประโยชน์สุขส่วนรวม ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นวันนี้เราคงไม่พูดเรื่องธรรมให้ลึกซึ้ง แต่ขอปรับจิตปรับใจของท่านให้กลับมาตรงคงที่ก่อนดีกว่าไหม (ดีไหม)  แต่พูดถึงตอนนี้ใครที่จะสามารถรักษาจิตใจให้ถูกต้องและเที่ยงแท้ (ตัวเรา)  ตัวเรานั่นใช่ แต่อะไรที่จะช่วยปรับจิตปรับใจเราให้ตรง ถ้าไม่ใช่เอาธรรมะมาส่องใจตน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าไม่เอาธรรมะมาตรวจสอบตนหรือถ้าไม่เอาธรรมะมาประพฤติปฏิบัติตน มนุษย์นั้นหลงกับกิเลสมายาในโลกนี้ จึงทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดหลายภพหลายชาติแล้ว
ดังที่เราพูดตั้งแต่ต้น จะมีใครที่สามารถจะหยัดยืนอยู่บนโลกใบนี้และรักษาความถูกต้องดีงามตราบสิ้นลมหายใจได้ จะมีใครในโลกใบนี้ที่สามารถไม่ตกเป็นทาสของวัตถุ มีอิสระเหนือโลกใบนี้อย่างแท้จริงได้ จะมีใครในโลกนี้ที่สามารถมองเห็นความเป็นจริงและไม่ถูกภาวะในโลกผูกมัดได้ เป็นเรื่องยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ทุกปัญหาสามารถมีคำตอบได้ที่หัวใจของตัวท่านเอง ถ้ายังยินดีพอใจในโลกใบนี้ ก็หนีไม่พ้นต้องวิ่งวนไปกับกิเลสตัณหาไม่จบสิ้น แต่ถ้ารู้จักพอแล้วมองออกให้ชัด มีสติในการดำเนินชีวิต เรื่องราวบนโลกใบนี้ก็ไม่ทำให้ท่านต้องทุกข์จนเกินไป
วันนี้เราคงมาผูกบุญสัมพันธ์กับท่านเพียงแค่นี้ มีโอกาสขอให้ฟังให้จบอยู่ให้ครบนะ อย่าดูเบาคุณค่าตัวเองเลย ได้หรือเปล่า (ได้)  อดทนในสิ่งที่ยากทนนับเป็นหนึ่งข้อของผู้ประเสริฐ ใช่หรือไม่ (ใช่)  สมาธิเกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจ แม้จะหลับตามีสมาธิ แต่ถ้าลืมตาแล้วขาดความมุ่งมั่นตั้งใจ สมาธิก็เปล่าประโยชน์ ใช่ไหม (ใช่)  ถึงเวลาเราก็คงต้องไป มีโอกาสคงมาผูกบุญสัมพันธ์กันอีกนะ


วันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ สถานธรรมเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

มนุษย์นั้นใช่ว่าถูกเสมอไป ผิดยอมรับรู้แก้ไขประเสริฐยิ่ง
กลัวแต่คนยึดมั่นตนว่าถูกจริง แลโทษสิ่งรอบข้างตนอยู่ร่ำไป
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานเซิ่งเต๋อ แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนกินอิ่มไหม

เรื่องวุ่นวายฝึกใจรับเห็นความจริง วางใจนิ่งเป็นกลางเป็นธรรมไหม
หรือเอียงตามสิ่งที่ฟังที่คิดไป รู้อย่างไรว่าสิ่งใดถูกแท้จริง
หนึ่งเวลาใจคนยังเปลี่ยนแปรผัน ใจที่ดียังมีวันโหดร้ายยิ่ง
มนุษย์ล้วนน่ากลัวหากขาดธรรมจริง มัวแต่วิ่งตามกิเลสตัณหานา
ให้เมตตาให้อภัยให้ความดี เท่าที่หนึ่งคนพึงมีให้กันหนา
มีก็ให้รู้แบ่งปันในทุกครา ย่อมดีกว่าเห็นแก่ตนไม่ช่วยใคร
ฝึกการให้เสียสละอยู่เป็นนิจ เพื่อพิชิตใจยึดมั่นโลภหลงหนา
คิดเล็กน้อยคิดถือสาไม่อภัยนา อยู่กันไปมีแต่ว่าเกลียดกันจริง
โลกกว้างเพราะใจคนกว้างกว่ากว้าง โลกงามสว่างเพราะใจคนนั้นดียิ่ง
มุ่งช่วยคนไม่ท้อหน่ายประเสริฐจริง หวังท่านสืบธรรมต่อยิ่งงามกว้างไกล
เมื่อตื่นแล้วนำธรรมไปช่วยคน ประเสริฐล้นกว่าให้ของสิ่งไหน
วาระสามโปรดช่วยคนกลางเภทภัย ทุกข์น้อยใหญ่ล้วนเกิดจากน้ำมือคน
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
อยู่ในโลกเราเบื่อคนพูดมากไม่ใช่หรือ (ไม่เบื่อ)  แน่ใจหรือว่าไม่เบื่อคนพูดมาก เวลาพ่อแม่บ่นเรา เราไม่เบื่อใช่ไหม (ใช่)  อย่าโกหก อย่าหลอกลวง ถ้าไม่อยากให้คนอื่นหลอกลวงเรา ตัวเราก็อย่าหลอกลวงตัวเราเองก่อน ถูกไหม (ถูก)
มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาคำพูดที่เป็นจริง ไม่อยากได้คำพูดที่หลอกลวง ชอบฟังคนพูดจาหวานๆ มากกว่าคนที่พูดจากระโชกโฮกฮาก ชอบคนพูดจามีสาระ มีประโยชน์ ไม่ชอบคนที่พูดจาไม่มีสาระ ไม่มีประโยชน์ ชอบคนที่พูดจาแล้วเกิดความสมานฉันท์ ไม่ใช่พูดให้แตกแยกแตกคอ เราเป็นอย่างที่อาจารย์พูดไหม พูดจริงมีประโยชน์ มีไหม (มี) พูดจาไพเราะไหม (ไพเราะ)  ถ้าไม่ครบสี่อย่าพูดเลยดีกว่า
คนบางคนพูดจริงแต่ทำให้คนแตกแยก อย่างนั้นอย่าพูดดีกว่า คนบางคนพูดไพเราะ แต่มักจะไม่เป็นจริง คนบางคนพูดมีประโยชน์ แต่ยุให้รำ ตำให้รั่ว ฉะนั้นมนุษย์ได้ดีก็เพราะปาก เสียก็เพราะปาก สำเร็จ ล่มจม มีความสุข มีความทุกข์ และตายก็เพราะ (ปาก)  ฉะนั้นเราจะพูดอย่างไม่คิดก็ไม่ได้ เราจะพูดอย่างไม่รู้จริงไม่ได้ ฉะนั้นพูดน้อยหน่อยดีไหม (ดี)
ไหนใครเกิดมาอ้าปากแล้วไม่หุบบ้าง  คนเราเกิดมาปากก็ชิดกันอยู่แล้ว ไม่ใช่เอาแต่พูดๆ พูดๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มองดูคนข้างหน้าและข้างๆ ปากเขาอ้าไหม (ไม่อ้า)  ถ้าใครปากอ้าตลอดชีวิตก็อันตรายแล้ว ฉะนั้นสัจธรรมและฟ้าก็ล้วนบ่งบอกว่าเกิดมานั้นพูดน้อยๆ ดีกว่า ถ้าอาจารย์พูดจริงมีประโยชน์แม้จะมากหน่อยศิษย์ก็จะฟัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าพูดจริงแต่ไม่มีประโยชน์พูดแค่นิดเดียวศิษย์ก็ไม่อยากฟังแล้ว ใช่หรือเปล่า ฉะนั้นเราเกิดเป็นคนสิ่งที่ต้องระมัดระวังตั้งแต่แรกก็คือ การพูดจา
จำไว้เลยถ้าพูดแล้วเป็นเรื่องจริง มีประโยชน์และทำให้เกิดความสมานฉันท์ พูดแล้วไพเราะหรือเปล่า ถ้าทำได้ทั้งสี่อย่างอย่างที่อาจารย์พูด คนนั้นก็ควรจะพูด แต่ถ้าทำไม่ได้ทั้งสี่อย่างคนนั้นไม่พูดจะเป็นอะไรไป ดอกพิกุลทองคงไม่ล่วงจากปาก ห่วงไหม กลัวจะเป็นดอกอุตพิดพูดทีก็เหม็นไปทั่ว
อย่าลืมว่าพูดผิดแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น การกระทำก็เฉกเช่นเดียวกัน ผิดพลาดไปแล้ว แม้จะทำดีมาสิบหนแต่พลาดทำชั่วไปหนึ่งหน คนเขามองเราเป็นคนดีขึ้นไหม แต่ก่อนไม่เคยขโมยเลย วันนี้เห็นเพื่อนมีโทรศัพท์ แบล็คเบอรี่ เราไม่มีปัญญาซื้อ ก็เลยไปขโมยของคนอื่น จากนี้ไปคนที่เคยเป็นคนดีก็จะเป็นคนที่ไม่ดีในสายตาคนอื่นเลย เพราะความผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ใช่หรือไม่ (ใช่)
ศิษย์อย่าบอกว่าการพลาดเพียงครั้งเดียวไม่เป็นไรหรอก ให้อภัยตัวเองได้ แต่คนในโลกหรือเพื่อนในกลุ่มศิษย์เขาจะให้อภัยศิษย์จริงๆ ไหม เพราะมนุษย์นั้นหัวใจเป็นอย่างไร ที่เลวๆ ช่างจำ สิ่งดีๆ หอมๆ ไม่เก็บไว้ มักเก็บในสิ่งที่เน่าๆ เหม็นๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมคืออะไร อาจารย์พูดง่ายๆ ให้เข้าใจนั่นก็คือ การดำรงชีวิตอย่างสามัญเรียบง่าย เดินอยู่บนหนทางแห่งการไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร  ยากไหมการบำเพ็ญธรรม ดำรงชีวิตอย่างสามัญ รักความเรียบง่าย เดินอยู่บนหนทางแห่งการไม่เบียดบังทำร้าย ฉายแสงธรรมในใจด้วยความสงบสุขุมอย่างคนในโลกให้มีความสุข ยากไหม (ไม่ยาก)  ถ้าศิษย์ทำได้ ศิษย์ไปอยู่ที่ไหน ศิษย์ก็คือคนที่แพร่ธรรมอันอบอุ่นให้กับสังคมที่กำลังรุ่มร้อนวุ่นวาย แพร่จากใจที่สงบเย็นสุขุมจะสามารถยังความสุขให้กับคนทุกๆ คนได้
อาจารย์ไม่สามารถช่วยคนได้ แต่คนที่จะช่วยคนได้ก็คือ ตัวศิษย์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่มีใครทำร้ายผู้คนได้นอกจากตัวศิษย์ทุกคนที่คิดผิด ที่ไม่รู้จักพอ ที่หาความสุขใจไม่ได้
ศิษย์ลองคิดง่ายๆ ถ้าตอนนี้ใจศิษย์เป็นทุกข์ นั่งอยู่ตรงนี้ศิษย์ว่าความทุกข์จะฉายแววออกมาให้คนรับรู้ไหม (ฉาย)  เหมือนตอนนี้ถ้านั่งไปเป็นทุกข์ศิษย์จะขยับไปขยับมา ใช่ไหม (ใช่)  คนที่อยากจะตั้งใจฟังก็เริ่มรู้สึกว่า จะขยับๆ ไปถึงไหน หยุดๆ บ้างได้ไหม แต่ถ้าศิษย์นั่งอย่างเป็นสุขนั่งด้วยความตั้งใจ ยิ่งฟังก็ยิ่งดี ยิ่งฟังก็ยิ่งเข้าใจจริงๆ คนที่ไม่ตั้งใจก็รู้สึกว่า จะตั้งใจอะไรหนักหนา ใช่ไหม (ใช่) แบบว่าหนึ่งคนที่ทำด้วยหัวใจอันเป็นสุขจะสามารถยังคนข้างๆ ให้มีสุขได้ ฉะนั้นธรรมะจึงเริ่มจากหัวใจของศิษย์
รู้จักพอในความเรียบง่ายสามัญหรือยัง เมื่อไรที่เราพอในความเรียบง่ายสามัญ หัวใจของศิษย์จะสามารถฉายแววแห่งความสุขยังคนให้มีสุขได้ จริงไหม (จริง)  แต่ถ้าเรายังไม่สามารถพึงพอใจในความธรรมดาสามัญ เราไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ทุกข์ ไปอยู่กับใครก็หาทุกข์ให้กับเขา ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมช่วยหัวใจให้รู้จักคิด และเอาหัวใจที่รู้จักคิดนั้นไปช่วยคน นี่แหล่ะเรียกว่าการบำเพ็ญธรรม ยากไหม (ไม่ยาก)  แต่ว่าถ้าจะเป็นศิษย์ของอาจารย์ต้องยอมแต่งตัวธรรมดา บางครั้งถึงกับเหม็นตุๆ ยอมไหม (ยอม)
ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์ของอาจารย์จี้กง แม้แต่งตัวมอซอก็ไม่ละอายใจที่จะยืนอยู่กับคนแต่งตัวภูมิฐาน แม้จะกินผักต้มจิ้มซีอิ้วก็ไม่ละอายใจเมื่อร่วมโต๊ะกับคนที่กินหมู เห็ด เป็ด ไก่ ถ้าศิษย์ทำได้อย่างนี้ ศิษย์ก็คือศิษย์ที่เดินอยู่บนหนทางแห่งอาจารย์จี้กง แต่คนเราพอใส่เสื้อขาดนิดหน่อย กลับหัวกลับหางนิดหน่อย อายไหม (อาย)  ใส่เสื้อเก่าๆ มอๆ ไปยืนกับคนใส่เสื้อใหม่ๆ ขับรถโทรมๆ ลากรองเท้าแตะไปยืนกับคนแต่งตัวใส่สูทดูดี อายไหม (อาย)  อายทำไม ถ้าการได้มาแห่งคำว่าดูดีแต่ต้องสูญเสียซึ่งจิตใจของความเป็นคน อาจารย์ขอเลือกศิษย์ที่แต่งตัวมอซอแต่หัวใจยังบริสุทธิ์ ไม่ดีกว่าหรือ แล้วคนปัจจุบันนี้ก็เป็นอย่างนี้ เน้นแต่รูปภายนอก ลืมคุณค่าในหัวใจ สะอาดแต่ภายนอก แต่สกปรกในใจ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราเป็นอย่างไหน สะอาดนอกแต่สกปรกในหรือสะอาดในแต่สกปรกนอก ศิษย์เคยได้ยินไหมคนที่ดีคือ คนที่คิดว่าตัวเองยังไม่ดี นั่นแหละดี แต่คนที่คิดว่าตัวเองดี คนนั้นยังไม่ดี
คนในโลกไม่มีใครยอมรับว่าตนเองไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) ศิษย์ของอาจารย์แม้จะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ถึงกับเลว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้ไม่เลวก็ไม่ถึงกับดี
ฉะนั้นผู้ที่รู้จักยอมรับผิดบ้างจึงจะสามารถแก้ไขให้ดีขึ้น กลัวอย่างเดียว กลัวใจของศิษย์หลงตัวเอง คิดว่าตัวเองถูกอยู่ร่ำไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้จะบอกว่าผิด ก็ยังบอกว่าเขามีเหตุผลที่ข้างๆ คูๆ ว่าถูกนะ เป็นอย่างนี้ไหม (เป็น)  เลยทำให้ไม่มีวันที่จะลงมือแก้ไขอย่างจริงๆ จังๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไหนใครคิดว่าตัวเองเป็นคนดีสักสามสิบเปอร์เซ็นต์ ยกมือขึ้น อาจารย์เริ่มจากต่ำสุดแล้วนะ อย่าเอายี่สิบเลยศิษย์ ยี่สิบมันเกินไปนะ ไหนใครว่าดีสามสิบบ้างยกมือขึ้น สี่สิบ ห้าสิบ หกสิบ เจ็ดสิบ ไหนใครว่าตัวเองยังไม่ดีเลยยกมือขึ้น ไม่ดีแล้วทำไมต้องอายล่ะ เวลาทำไม่ดีไม่เห็นอายเลย ใช่ไหม
ศิษย์รู้ไหมคนที่ชอบเห็นหน้าใครแล้วอยากหาเรื่องอยู่ร่ำไป รู้ไหมชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไร มีลิงชนิดหนึ่ง เวลาใครจ้องตามัน มันก็จะทำร้าย ถ้ามีนิสัยอย่างนี้ ปลูกฝังบ่มเพาะนิสัยอย่างนี้ตลอดชีวิต ตายไปได้ไปเกิดเป็นลิงแน่ๆ ใครจ้องหน้าไม่ได้ มันจะตบ ตบ ตบ ทำร้ายตลอดเวลา อยากเกิดเป็นลิงก็บ่มเพาะไปเถอะนิสัยอันธพาล เจอใครมองหน้ามันก็หาเรื่องจัดการมันเลย อยากบ่มเพาะอย่างนั้นก็เอานะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ศิษย์เคยได้ยินไหมว่า อยากรู้ว่าอนาคตตัวเองจะเป็นอย่างไร ตัวเองจะมีชาติหน้าหรือไม่มีชาติหน้า ให้ดูที่ไหน ไม่ต้องไปมองคนอื่น ให้มองตัวเอง ไม่ต้องไปโทษคนอื่น หันมองตัวเอง ตัวเองเป็นไหม ดูที่ปัจจุบันทำอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าปัจจุบันยังไม่รู้จักลด ละ ผิด ชอบ ชั่ว ดี ยังไม่รู้จักแก้ไขเรื่องผิด รับรองศิษย์ก็หนีไม่พ้นการเวียนว่ายตายเกิดในโลกใบนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าบุญกับกรรมพอๆ กันก็ยังเกิดเป็นคนได้ แต่ถ้าบุญน้อยกว่ากรรมล่ะศิษย์ ไปเป็นอะไรล่ะ หรือเกิดมาเป็นคนไม่กลัวตาย ตายเป็นตายยกมือขึ้น กลัวไหม (กลัว)  แต่มีวัยรุ่น ไม่กลัวหรอก ใช่หรือไม่ ต้องให้ตายสักครั้งหนึ่ง ถึงจะได้รู้ เอาไหม (ไม่เอา)  กลัวไหม (ไม่กลัว)  แล้วทำไมขี่มอเตอร์ไซด์ถึงบิดตั้งร้อยห้าสิบ สัญญาณไฟเหลืองแล้วไม่ใช่จะหยุด แต่ไปเลย น่าสงสารหัวอกพ่อแม่จริงๆ ที่มีลูกแบบนี้ ทำได้อย่างเดียวต้องกินยาทำใจ
กินอิ่มไหม (อิ่ม)  ถ้าเลือกกินก็ไม่อิ่ม ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์เห็นใครบางคนเขี่ยไปเขี่ยมา กินไม่ค่อยลงก็มี จริงไหม กินง่ายอยู่ง่ายชีวิตก็จะสบาย เลือกมากๆ ชีวิตก็จะลำบาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายไหม (ง่าย)  จริงหรือ อาจารย์ว่าอยู่ก็ยาก กินก็ยาก นอนก็ลำบาก ใช่ไหม (ใช่)  ศิษย์เป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์จี้กง ฉะนั้นก็ต้องกินง่ายๆ อยู่ก็อยู่ง่ายๆ นอนก็นอนง่ายๆ แม้ไม่มีหมอนก็เห็นแขนเป็นหมอนได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าเรื่องเยอะ มิเช่นนั้นก็จะเป็นการหาทุกข์ใส่ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)
ตลอดชีวิตของอาจารย์ อาจารย์มีเสื้ออยู่ตัวเดียว แล้วตลอดชีวิตของศิษย์ ศิษย์มีเสื้อกี่ตัว นับได้ไหม (ไม่ได้)  บางทีซื้อไปซื้อมาซื้อเหมือนเดิมเลย เพียงแต่เปลี่ยนสี แล้วก็เหนื่อยกับการหาเงินมาเพื่อจะซื้อเสื้อสักหนึ่งตัว
อิ่มกันใช่ไหม ถ้านั่งสบายก็จะหลับ ฉะนั้นปล่อยให้ยืนสบายหน่อยดีไหม (ไม่ดี)  ยืนแบบสบายๆ ก็คืออยากจะยืนท่าไหนอาจารย์ให้ยืนได้ อยากนั่งหรืออยากยืน (อยากนั่ง)  แต่โลกนี้เป็นแบบนี้นะศิษย์ คืออยากได้อย่างไหนมักไม่ได้ หวังอีกอย่าง หวังไว้มากมาย  เขาจะให้เราสมหวังไหม แล้วบางครั้งก็ต้องอดทนกับสิ่งที่ขัดใจ แล้วคนที่ขัดใจมีมากกว่าคนที่ตามใจไหม คนที่ขัดใจมักจะมีมากกว่า ยิ่งขัดมากๆ ก็ยิ่งทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่ามีความอดทนต่ำหรือมีความอดทนสูง ยิ่งขัดมากๆ ยิ่งทำให้เรามองเห็นใจตัวเองว่า ใจเรายังเป็นคนดีอยู่หรือเป็นคนร้าย  ฉะนั้นอย่ากลัวอุปสรรค เพราะอุปสรรคจะทำให้มองเห็นตัวเราชัดเจนขึ้น แต่ส่วนใหญ่คนมักไม่มองตัวเอง มักจะมองผู้อื่น ปล่อยให้ยืนนานๆ ก็คิดว่า คนนี้โหดจริงๆ ทำไมไม่มองกลับกันว่า ปล่อยให้ยืนนานๆ ทดสอบความจริงใจของเราได้ดีจริงๆ นี่แหละเขาเรียกว่ามองมุมกลับ กลับได้ประโยชน์ แปรความทุกข์ให้กลายเป็นพลังในการต่อสู้ชีวิต อาจารย์ให้ศิษย์ยืนศิษย์ก็จะ (ยืน)  ถ้าให้ศิษย์นั่งศิษย์ก็จะ (นั่ง)  ไม่ยืนแล้วเหรอ อาจารย์ว่าการยืนเป็นการฝึกจิตใจได้ดีกว่าการนั่งอีก เพราะการนั่งอาจจะทำให้ง่วง หลับแล้วหมดความตั้งใจได้ ยืนหรือนั่ง อีกฝ่ายอยากยืน อีกฝ่ายอยากนั่ง ทะเลาะกันเองแล้วนะ ไหนใครอยากยืนยกมือขึ้น ใครอยากนั่งยกมือขึ้น คนอยากยืนได้นั่ง คนอยากนั่งได้ยืน บนโลกก็เป็นเช่นนี้ จริงไหม (จริง)  หวังว่าจะได้สุขแต่กลับเป็นทุกข์ หวังว่าจะพ้นทุกข์แต่กลับ (ก้าวสู่ทุกข์) จริงไหม (จริง)  ชีวิตถ้าไม่อยากผิดพลาดก็ต้องมีสติอยู่เสมอ มีสติเท่าทันความคิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าพูดไม่ระวังอาจจะเห็นกำปั้นลอยมาอยู่ตรงหน้า แล้วก็จะได้สีโดยไม่รู้ตัว ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อย่างนั้นอาจารย์ขอถามศิษย์ ถ้ามีวันหนึ่ง อยู่ๆ มีคนมาตีหัวศิษย์ ศิษย์ทำอย่างไร ถ้าเกิดเขาบอกว่าไม่มีเหตุผลล่ะ แล้วตีต่ออีกป๊อก (คนเราจะทำแบบนี้ได้ต้องมีเหตุผลไม่มากก็น้อย)  แต่อย่าลืมนะ ว่าคนในโลกบางคนไม่มีเหตุผลเลยก็มี คิดให้ดีๆ นะ ใช่ไหม
มนุษย์ทุกคนบอกว่าต้องถือเหตุผลเป็นหลัก แต่ถ้าเกิดคนบางคนที่ไม่มีเหตุผลเป็นหลัก เขาเอาอารมณ์เป็นใหญ่ แค่เห็นหน้าหมั่นไส้ มีอะไรไหม นี่คือเหตุผลของเขา ซึ่งจริงๆ แล้วศิษย์มองเป็นเหตุผลไหม ไม่มี ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราทำอย่างไร ขอบคุณเขา ให้เขาตีอีก (ถ้าทำอะไรเขาไม่ได้ก็สงสารเขาไปเลย)  บางครั้งศิษย์ลืมคำว่า นิ่ง ไหม เวลามีอะไรกระทบเรามักจะวุ่นวาย เดือดดาล ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ชีวิตของมนุษย์ขาดอยู่อย่างหนึ่งคือ ความนิ่ง  เมื่อถูกตีลองนิ่งดู เฉยๆ ดู แต่ถ้าเป็นคนบ้า นิ่งไม่ได้ต้องรีบหนี ใช่ไหม (ใช่)  เพราะว่าคนเราบางทีด้วยความโมโห พอเขาตีศิษย์ยืนนิ่งๆ ใจเย็นๆ ตั้งสติให้ดีๆ ศิษย์รู้ไหมว่าแค่โดนตีหนึ่งครั้ง ศิษย์จะสามารถนึกถึงคำพูดคำหนึ่งว่า "เวรระงับได้ด้วยการไม่จองเวร" แต่ตอนนั้นศิษย์นึกถึงประโยคนี้ไหม (ไม่)  ร้ายมาร้ายตอบ แรงมาแรงตอบ นั่นแหละเวรจึงทำให้เกิดภพเกิดชาติ เวรจึงทำให้เกิดการก่อภพก่อชาติที่ยืดเยื้อ พระพุทธะจึงตรัสสรรเสริญว่า "ใครทำร้ายท่านแล้วท่านทำร้ายตอบคนนั้นคือ คนที่ก่อเวรให้ยืดเยื้อ แต่ใครทำร้ายท่านแล้วท่านไม่ทำร้ายตอบ ไม่ด่าตอบ คนนั้นคือการสร้างคุณอันประเสริฐในการมีชีวิต"
แค่ชั่วขณะหนึ่งที่เขาตี ศิษย์จะก่อภพก่อเวรหรือศิษย์จะสร้างคุณอันประโยชน์ แล้วตัดภพตัดชาติ ฉะนั้นจึงมีคำกล่าวคำหนึ่งว่า "ฆ่าอะไรแล้วพบสุข ฆ่าอะไรแล้วไม่โศกศัลย์"  ศิษย์รู้ไหม (ฆ่าความโกรธของตัวเอง)  ชีวิตนี้ถ้ามนุษย์สามารถฆ่าความโกรธได้ ฆ่าความโมโหโกรธาได้ มนุษย์จะสามารถพบความสุข จะหนีพ้นความทุกข์โศกในโลกได้หนึ่งชั่วครา แล้วศิษย์รู้ไหมว่าพระพุทธะยังตรัสสรรเสริญว่า "การไม่มีความโกรธเป็นยอดแห่งการดับซึ่งการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นข้อธรรมแรกที่คนหนึ่งคนพึงมี" อาจารย์อยากจะบอกไว้ว่า เมื่อไรที่ไม่โกรธ เมื่อไรที่มีวัดอันดีงาม เมื่อไรที่มีศีลอันสมบูรณ์ เมื่อไรที่หมดสิ้นตัณหา ใจไม่ฟูแฟบไปตามตัณหาแล้ว ฝึกตนได้ดี ผู้นั้นแหละมีสรีระครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แปลว่า คนที่ตัดความโกรธได้ มีวัดที่ดีคือมีสัมมาคารวะรู้จักนอบน้อมถ่อมตน มีศีลสมบูรณ์คืออะไร อันนี้คงรู้ ไม่มีปัญหาเป็นเครื่องที่ทำให้ใจต้องฟูแฟบอีกต่อไป เวลาเราได้อะไร เราก็ดีใจเหมือนกับใจเราฟูขึ้น เวลาเราเสียใจ ใจเราก็จะแฟบลง สามารถดับซึ่งตัณหาไม่ฟูแฟบตามความใคร่อยากใคร่ดี สามารถตัดสิ้นแล้ว ฝึกตนได้ดี ตัณหา ราคะ ทิฐิ ตัดได้แล้วย่อมเป็นที่เคารพของผู้คน คนๆ นั้นเกิดมาครั้งนี้ก็สามารถดับซึ่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ มีร่างกายเป็นสรีระชิ้นสุดท้าย เราทำได้อย่างนั้นไหม แค่ความโกรธตัดได้ไหม อาจารย์ว่าจิตของมนุษย์นั้นน้อมต่ำลงไปในทางเบียดเบียน ไปในทางกามราคะและอาฆาตพยาบาท ถ้าเมื่อไรเราหยุดหันหลังให้กับการเบียดเบียน การอาฆาตพยาบาท กามถ้าเราไม่คบกับมัน เราไม่ร่วมกับมัน ศิษย์จะสามารถพ้นจากความทุกข์ได้
ศิษย์สามารถตัดเหตุแห่งทุกข์เบื้องต้นได้ไม่ยาก แต่น่ากลัวตอนที่เมื่อเรามีมันแล้ว เรามักจะควบคุมให้อยู่ในกำมือได้ยาก ใช่ไหม (ใช่ไหม)  มีใครบ้างในชีวิตนี้โกรธหนึ่งครั้งแล้วไม่โกรธอีกต่อไป ยกมือขึ้น ไม่มีเลย โกรธหนึ่งครั้งแล้วยังออกลูกออกหลานเป็นครั้งที่หนึ่ง สอง สาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ขอให้ครั้งที่สอง สามนั้นน้อยลงจนไม่มีได้ไหม (ได้)  ด้วยการมีสติที่รู้เท่าทัน เมื่อเวลาศิษย์โมโหจะรู้เท่าทันได้อย่างไร นอกจากมีสติแล้วมองเห็นไหมว่าตอนนี้เขาว่าเราไอ้บ้า ถ้าเราสามารถมองเห็นว่า เขาว่าเราแล้วเรากำลังไม่พอใจ ขัดใจ เคืองใจ เราจะโกรธไหม ถ้าเราบอกว่าเราไม่โกรธ ฉันไม่เอาแก ฉันไม่อยู่กับแก ถามจริงๆ ถ้าเราไม่ร่วมมือกับความโกรธ ความโกรธจะมีอิทธิพลกับเราไหม แต่ทุกครั้งมันมาศิษย์ก็ร่วมมือไปด้วยทุกที ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสติคือตัวที่ทำให้เรารู้ว่าอะไรมันมากระทบจิตกระทบใจ แล้วจะเกิดสมาธิได้เมื่อรักษาความมั่นคง และจะตัดขาดได้ด้วยปัญญารู้แจ้ง ใครบ้างที่จะพูดให้ศิษย์ถูกใจตลอด เป็นไปไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  วันนี้เขาว่าเราแต่จริงๆ เขาว่าเราด้วยเจตนาอะไร อย่างที่อาจารย์บอก ถ้ามองมุมกลับ เขาว่าเพื่อให้ฝึกขันติเรา เราก็จะไม่โกรธเขา เขาว่าเพราะว่าหวังดีกับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องมีโมโห ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นรู้แจ้งได้ตั้งแต่ไม่ต้องมีสติ ไม่ต้องมีสมาธิ แต่ใช้ปัญญาตัดทันที ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเราอยู่ในโลกนี้ สามารถฝึกจิตฝึกใจรู้เท่าทันเรื่องที่เกิดขึ้นได้ด้วยการที่อะไรที่กำลังมากระทบจิตกระทบใจ ก็ฝึกใจทันที ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วศิษย์ทำได้ไหม ศิษย์เอ๋ย ศิษย์เป็นคนมีหัวจิตหัวใจ ใช่ไหม (ใช่)  น้ำไม่มีหัวจิตหัวใจแต่ศิษย์ยังรู้จักยังประโยชน์ให้ตัวเองได้ ศิษย์ยังกำหนดทิศทางให้มันไหลมาตามที่ใจเราต้องการได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วจิตใจของศิษย์จะคุมไม่ได้เชียวหรือ นกพูดไม่ได้ เรายังอดทนสอนจนมันพูดได้ ช้างตัวใหญ่มาก เต้นไม่เป็น ศิษย์ยังทำให้มันเต้นเป็น ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์เห็นแล้วอาจารย์ก็ลังเวชใจ ศิษย์ดูเป็นความสุขแต่กว่ามันจะได้ขนาดนี้ ศิษย์รู้ไหมว่ามันต้องทรมานขนาดไหน ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนศิษย์เห็นคนตัวอ้วนๆ แล้วโยกไปมาด้วยขาเดียว แล้วนับประสาอะไรกับใจของเรา จะฝึกไม่ได้เชียวหรือ เพียงแค่ความโกรธนี้ แล้วศิษย์รู้ไหมว่าถ้าตัดไม่ได้ ยังมีความโกรธอยู่เป็นเนืองนิตย์ ศิษย์ก็ง่ายที่จะตกนรก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะความโกรธเปรียบเสมือนไฟ ไฟที่เผารนจิตใจ
ฉะนั้นจงรู้จักฝึกจิต ตัดความโกรธให้ได้ก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่ามนุษย์เราพึ่งคนอื่นก็ไม่สู่พึ่งตนเอง คนที่พึ่งได้คือคนที่ฝึกตนเองมาดีแล้ว เป็นที่พึ่งอันแสนประเสริฐยิ่ง มนุษย์ทุกคนล้วนเคยทำผิดบาปแต่ถ้าละได้ด้วยการหมั่นประพฤติสิ่งที่ดีงามก็เปรียบได้กับ จันทร์ที่พ้นเมฆหมอก ย่อมยังความสว่างให้กับโลกใบนี้ได้ ขอเพียงแค่เรากลับตัวกลับใจ ความโกรธมี มันเหม็นนะศิษย์ ใช่ไหม เหม็นขนาดไหนรู้ไหม ใครอยู่ใกล้ๆ ก็ร้องยี้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ศิษย์เห็นคนโกรธศิษย์อยากอยู่ใกล้ไหม (ไม่อยาก)
มนุษย์ทุกคนรักตัวเอง ใช่ไหม (ใช่)  แล้วพยายามบำรุงบำเรอตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะบำรุงได้ ใช่ไหม (ใช่)  แต่อย่าบำรุงจนทำร้ายหัวใจอันดีงามของตัวเองก็พอ หลายคนเพียงเพื่อจะมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่กว่าใคร เพียงเพื่อมีชีวิตให้ได้กินอาหารดีๆ กว่าใคร เพียงเพื่อมีเงินทองให้มากกว่าใคร ยอมทำร้ายหัวใจอันดีงาม ยอมทำร้ายคุณธรรมของความเป็นคน เพื่อจะได้ยิ่งใหญ่กว่าใคร เท่านั้นเองหรือ ใช่ไหม (ใช่)
อาจารย์อยากจะรู้จริงๆ ว่าร่างกายนี้มันน่าหลง น่ารักตรงไหน อาจารย์จะยกตัวอย่างง่ายๆ บางทีเราพยายามเฝ้าดูแลประคบประหงมร่างกายตัวนี้แทบเป็นแทบตาย แต่บางครั้งความตายและความเจ็บปวดก็สอนให้เรารู้จักปลง ไม่ใช่ให้เรายึดมั่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์อยากรู้จริงๆ ร่างกายที่ศิษย์รักนักรักหนามันมีอะไรดี ออกจากตาเรียกว่า (ขี้ตา)  ออกจากปากเรียกว่า (ขี้ฟัน) ออกจากตัวเรียกว่า (ขี้ไคล)  ออกจากหูเรียกว่า (ขี้หู)  ออกจากหัวเรียกว่า (ขี้หัว,รังแค) ที่ออกมานี่เอาไหม (ไม่เอา) ถ้ารักจริงต้องเก็บไว้ทุกส่วน ในเมื่อมันเป็นของศิษย์ศิษย์ไม่อยากสูญเสีย ใครว่าศิษย์นิดหน่อยศิษย์ยังรับไม่ได้เลย รู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรี ฉะนั้นขี้หูขี้ตาออกมาเก็บไว้สิ เก็บไหม (ไม่เก็บ)  มันไม่มีคุณค่าใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเขาว่าเรา แล้วคุณค่าที่ควรมีกลับเสียไป เราก็ควรปล่อยให้เขาว่าเถอะ ดีไหม ก็สมแล้วที่เขาว่าเอามันออกไปก็ดี มารั้งไว้ทำไม มาอยู่ทำไม อยู่ก็ยึดมั่นถือมั่นเอาแต่ใจตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  รวมแล้วขี้หู ขี้ตา ขี้ฟัน หนีพ้นสัจจะความเป็นจริง เกิด แก่ เจ็บ ตายไหม แล้วเรารักไหม (รัก)  พระพุทธะเรียกทั้งหมดนี้ว่าอะไรรู้ไหม ทั้งหมดนี้เรียกว่า "กองทุกข์" ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป มีแต่คนโง่เท่านั้นที่บอกว่าฉันรักจริงกองทุกข์นี้ และกองทุกข์นี้คือตัวฉัน โง่ทั้งนั้น ศิษย์เป็นคนบอกเองว่าไม่อยากมีทุกข์ แล้วยึดมั่นไว้ทำไม เพราะขึ้นชื่อว่ามีที่ให้ทุกข์อยู่ ทุกข์เกิดจากอะไร ทุกข์ก็เกิดจากตาที่เห็น จมูกที่ได้กลิ่น ปากที่ลิ้มรส แล้วหู ตา จมูกนี้ของใคร ของเราหรือเปล่า ไม่ใช่ มันเป็นของทุกข์ เมื่อไรที่อยากจะยึดมั่น เมื่อนั้นก็หาเหาใส่หัว หาทุกข์ใส่ใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คิดให้ดีๆ นะศิษย์ อาจารย์พูดล้วนเป็นจริง ใช่หรือไม่ แล้วศิษย์ยึดมั่นกับมันไหม
ฉะนั้นพระพุทธะจึงกล่าวไว้ว่า “เมื่อใดที่มนุษย์สามารถตัดอายตนะภายนอกและสามารถตัดอายตนะภายใน ความวุ่นวายในโลภ โกรธ หลง จะไม่มี กิเลสจะไม่สามารถกล้ำกรายใจเราได้ เมื่อนั้นบาปจะเกิดได้อย่างไรเล่า จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นตอนนี้อาจารย์บอกแล้วก็จงรู้ไว้ ขี้หู ขี้ตา ขี้ปาก ที่ศิษย์ติดนั่นเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ ต้นเหตุแห่งบาป แล้วก็เป็นตัวที่ทำให้เกิดโลภ โกรธ หลง ฉะนั้นถ้าเราสามารถตัดได้ ปลงได้ วางได้ เราก็สามารถหยุดยั้งความทุกข์ยากในโลกนี้ได้ ใช่ไหม (ใช่)  เวรก็ไม่เกิดแล้ว บาปก็ไม่เกิดแล้ว ฉะนั้นจะกลัวอะไร จริงไหม (จริง)  แต่กลัวอย่างเดียว กลัวใจของศิษย์ทำไม่ได้สักที ใช่ไหม (ใช่)  
อายตนะภายนอกคือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ อายตนะภายในคือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส วิญญาณ อาจารย์อยู่ก็เตือนได้ แต่เวลาอาจารย์ไม่อยู่ คนๆ ไหนก็ช่วยเตือนไม่ได้ มนุษย์นี้ยังทุกข์อยู่กับอะไรอีก (ความโลภ, ความอยาก,   ความรัก)  รักที่จะทำให้เราไม่ต้องทุกข์คือรักที่รู้จักให้ แต่อย่าเป็นรักที่เอาแต่ยึดมั่นถือมั่นและครอบครอง ไม่อย่างนั้นจะเจ็บปวด (ทุกข์กับความยึดมั่น ถือมั่น)  ความทุกข์ในโลกนี้มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (ทุกข์กับการหลงใหลได้ปลื้ม, ทุกข์กับสิ่งที่เรารัก)  ถ้าเราไม่คาดหวังจนเกินไป สิ่งที่รักก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง ใช่ไหม (ใช่)
(ทุกข์กับความโกรธ, ทุกข์กับความลำบาก)  ถ้าขยัน หนักก็เอา เบาก็สู้ ก็จะไม่ลำบาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  (ทุกข์จากการอยากได้คำสรรเสริญเยินยอ) จะเป็นไปได้หรือ เพราะมีคนชมก็ต้องมีคนว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  (ทุกข์กับความโลภ) รู้จักพอจะได้ไม่เป็นทุกข์  (ทุกข์กับโรคภัยไข้เจ็บ) ถ้าไม่เลือกกิน และออกกำลังกายบ้าง โรคภัยก็อาจจะไม่มี เข้าใจไหม (ทุกข์เพราะเครียด) ถ้าตั้งใจขยัน มีสติอยู่กับตัว อ่านหนังสือก็จะเข้าสมอง ใช่ไหม (ใช่)
(ทุกข์เพราะทัศนคติไม่ดี) ก็ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนความคิดบ้าง ชีวิตจะได้ดีขึ้น ใช่หรือเปล่า (ใช่)  (ทุกข์เพราะการได้ในสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา) แต่บางครั้งก็ต้องยอมรับ ใช่หรือไม่ เช่น ตั้งใจเรียน แต่ได้เกรดไม่ดี ก็ต้องอดทน  (ทุกข์เพราะความคิด, ทุกข์เพราะอยากได้แต่ไม่ได้, ทุกข์กับความหลง, ทุกข์กับความรัก, ทุกข์กับความยากจน)  ถ้าขยันจะกลัวอะไรกับความลำบาก
(ทุกข์เพราะโรคภัย) ก็กินน้อยๆ เข่าจะได้ไม่ปวด ทุกข์เพราะอะไรอีก (ทุกข์เพราะไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี)  ไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี แถมไม่ยินดีในสิ่งที่ตนเองได้ด้วยหรือเปล่า (ทุกข์กับการอยากมี อยากได้ อยากเป็น)  ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วที่มี ที่ได้ ที่เป็นก็ดีแล้ว ถ้ารู้จักพอใจบ้าง ความสุขก็คงอยู่ไม่ไกล อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมาก ทุกข์ก็จะน้อยลง (ทุกข์กับความห่วง)  อายุยังน้อยแค่นี้เริ่มมีห่วงแล้วหรือ (ทุกข์จากสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ เช่น กิเลสตัณหาที่เกิดขึ้น)  ถูกต้อง อย่างนั้นต้องระวัง ถ้าจะมี รู้ว่าแตะต้องไม่ได้แล้วยังอยากมีไหม (ไม่อยาก)  (ทุกข์กับการมีตัวตน, ทุกข์กับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต, ทุกข์กับทรัพย์สินเงินทอง)  ทุกข์กับทรัพย์สินที่มีไม่พอกับความต้องการ
(ทุกข์กับการสูญเสีย)  ในโลกนี้มีทุกข์ที่แก้ได้ กับทุกข์ที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ก็คือ ความโลภ เกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากสิ่งที่รัก เราแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ใครๆ ก็ต้องเจอ ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้เรารับมือกับทุกข์นี้ได้คือ การก้มหน้ายอมรับด้วยใจอันสงบ แล้วชีวิตจะไม่วุ่นวาย มีใครบ้างเกิดมาแล้วไม่แก่ มีใครบ้างแก่แล้วไม่เจ็บ มีใครบ้างเจ็บแล้วไม่ตาย ถ้าเรายอมรับความจริง ชีวิตก็คงไม่วุ่นวาย ความทุกข์บางอย่างเกิดขึ้นจากเมื่อมีแล้วเป็นทุกข์ บางครั้งถ้ายิ่งมีแล้วเป็นทุกข์ เราก็ต้องตัดใจว่าไม่มีดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
บางครั้งอยู่แล้วเป็นทุกข์ทำยังไงถึงจะไม่ทุกข์ บางทีก็ต้องจากในสิ่งที่มีอยู่ไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความทุกข์อีกอันหนึ่งที่มนุษย์ชอบมี ก็คือ มีอะไรก็อยากรู้ไปหมด มีอะไรก็อยากพูดไปหมด ทุกข์เพราะรู้ดีไปหมด พูดเก่งไปหมด จนบางครั้งมาคิดได้ว่าไม่พูด ไม่รู้ก็ทุกข์น้อยหน่อย ที่เราทุกข์เพราะเราเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่เป็น มีเรื่องอะไรก็อยากรับรู้ มีเรื่องอะไรก็อยากแบกรับทั้งหมด แต่พอแบกเข้าจริงๆ แบกไหวไหม (ไม่ไหว) รับไหวไหม (ไม่ไหว)
ฉะนั้นในโลกนี้มีดีก็มีเสีย มีสุขก็มีทุกข์ มีคนรักก็มีคนเกลียด เรามีทุกข์เพราะที่เรารักเขา แต่เขาไม่รักเรา เราเลยหลอกตัวเอง แล้วยอมบิดเบือนความดีเพื่อทำให้คนอื่นรักได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ถูกต้องไหม (ไม่ถูก)  แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม  เป็น บางคนยอมหลอกตัวเอง ยอมบิดเบือนความดีของตัวเอง เพื่อให้คนที่ไม่รักต้องรักเรา อย่างนี้เขาเรียกว่าหาทุกข์ใส่ตัว จริงไหม บางทียอมหลอกตัวเอง ยอมสูญเสียความดีของตัวเองเพื่อให้คนอื่นรัก อย่างนี้ไม่ถูกต้อง อย่างนี้ไม่เรียกว่าหาทุกข์ใส่ตัวหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราคิดแล้วเราไม่เห็นแก่ตัว ถ้าเราคิดแล้วเราไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เขาไม่รักก็ไม่เป็นไร ยังมีคนอื่นให้เรารักอีกถมเถไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มนุษย์เป็นอย่างไร ยอมไหม (ไม่ยอม)  แปลกนะ คนที่รักเราเรากลับไม่รัก เรากลับไปรักคนที่ไม่รักเรา แล้วยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขา (รักเรา)  อย่างนี้ไม่เท่ากับว่าเราหลอกตัวเองหรือ ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยอมหลอกตัวเอง ยอมสูญเสียความดีของตัวเองเพื่อให้คนนั้นมารักเรา ไม่ถูกนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำแบบนี้เท่ากับหาทุกข์ใส่ตัวเปล่าๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วมนุษย์มักจะคิดว่าเกิดเป็นคนต้องมีเยอะๆ ต้องได้เยอะๆ เรียกว่าความสุข ใช่ไหม (ใช่)
อีกอย่างหนึ่งความทุกข์เกิดจากมนุษย์ไม่รู้จักพอ ต้องมีให้เยอะๆ ต้องได้ให้เยอะๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ยิ่งมีเยอะค่าในสิ่งที่มีก็ยิ่งลดน้อยลง ใช่หรือไม่ แต่ถ้ารู้จักพอ สิ่งที่มีก็จะเพิ่มค่ามากขึ้นจริงไหม (จริง)  เข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูดไหม (เข้าใจ)  ยิ่งมีเยอะค่าที่มีก็น้อยลง แต่ถ้าเมื่อไรรู้จักพอ ค่าที่มีกลับเพิ่มมากขึ้น ใครเข้าใจความหมายนี้บ้าง ถ้ามนุษย์รู้จักมีชีวิตอยู่กับความเรียบง่าย รู้จักพอ ไม่มีชีวิตติดกับวัตถุมากเกินไป ไปไหนมาไหนก็ไปอย่างสบายไม่ต้องมีห่วง ไม่ต้องมีกังวล แต่ยิ่งมีทรัพย์สินมาก มีภาระมาก มีห่วงมาก ไปไหนมาไหนก็ห่วงหน้าพะวงหลัง คงบำเพ็ญได้ยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการบำเพ็ญก็คือการรู้จักพอ และจะทำให้เราเห็นคุณค่าในสิ่งธรรมดาที่ควรมี
อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของศิษย์ คำถามง่ายๆ เป็นคำถามสุดท้าย (สติ)  อย่างนั้นทำอะไรจงรู้จักมีสติเท่าทันในการดำเนินชีวิต (ความกตัญญู)  เอาความกตัญญูและรู้จักพอให้มีอยู่ประจำในใจนะ
(ความสำเร็จ)  จริงๆ แล้วความสำเร็จก็ไม่สู้กับความดีงามในจิตใจ ลูกที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่เคยมาดูแลพ่อแม่ก็ไม่มีประโยชน์ (เวลาคือสิ่งมีค่า)  จริงหรือ แต่ถ้าไม่มีลมหายใจ เวลาก็ไม่มีค่าแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่มีค่าที่สุดคือ บัดนี้ เดี๋ยวนี้ทำอะไร (การให้และช่วยเหลือผู้อื่น)  การรู้จักให้แค่นั้นก็พอศิษย์ เกิดเป็นคนเมื่อได้มาเท่าไรก็รู้จักให้เท่านั้น นั่นแหละประเสริฐแล้ว (การรู้จักไม่เบียดเบียน, การแบ่งปันน้ำใจ)  มีความซื่อตรงต่อเพื่อน มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่ยากเลย ห้อยพระแต่ไม่มีพระในใจก็เปล่าประโยชน์ บูชาพระแต่ไม่ปฏิบัติ บูชาก็ไร้คุณค่า พระไม่คุ้มครองคนไม่ดีหรอก กลัวผีไหม (ไม่กลัวเพราะไม่เคยเห็น)  เคยได้ยินไหมว่าคนดีผีคุ้ม ถ้ากลัวผีแสดงว่ายังดีไม่พอ (มีความกตัญญู)  กตัญญูอย่างไรถึงจะเรียกว่ากตัญญู ง่ายๆ ไปมาลาไหว้ ไปไหนก็บอกกล่าวแค่นั้นเองหรือรู้จักพูดจาหวานๆ พูดดี (การมีชีวิตอยู่)  สิ่งที่มีค่าที่สุดคือได้มีชีวิต แต่การได้มีชีวิตแล้วทำให้ชีวิตสเปะสะปะก็ไร้ค่า
(การมีครอบครัวให้อบอุ่น)  แล้วเราทำอะไรให้ครอบครัวได้อบอุ่นบ้างแล้วหรือยัง วันๆ อยู่บ้านบ้างไหม แล้วทำอะไรให้อบอุ่นบ้างไหม แค่รู้จักพูดตลกๆ ให้พ่อแม่ฟัง แค่รู้จักทำตัวให้น่ารัก นั้นก็ทำให้ครอบครัวอบอุ่นแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  (การรู้จักให้อภัย, การรู้จักละความโลภ โกรธ หลง, ทำความดี) อย่างเช่น รู้จักขยันช่วยพ่อแม่ แค่นั้นเองใช่ไหม (ใช้ชีวิตให้มีค่า เช่น การช่วยเหลือผู้อื่น) ทำอะไรบ้างที่เรียกว่าช่วยเหลือคนอื่น เช่น นั่งอยู่บนรถเมล์ มีคนแก่มาลุกให้ไหม หรือลุกให้แต่สาวๆ (ลุก)  ศิษย์เอ๋ย ความดีเป็นสิ่งที่คิดยากหรือ เพราะเราไม่เคยมีในชีวิต เราเลยคิดไม่ค่อยออก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะชีวิตนี้ไม่เคยสร้างสิ่งที่เรียกว่าดีงาม เราเลยนึกไม่ออกว่าอะไรเรียกว่าดีงามและมีคุณค่า อย่างนั้นหรือ   
(ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน)  แล้วศิษย์มองอาจารย์ ศิษย์คิดว่าปรุงแต่งหรือไม่ สิ่งที่มีค่าสำหรับเราคืออะไร (ความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่)  ทำได้หรือยัง ทำให้ท่านยิ้มได้หรือยัง อย่างนั้นทำให้ท่านยิ้มบ่อยๆ แม้ไม่ได้พบหน้าก็ขอให้โทรศัพท์หาก็ได้ เพราะพ่อแม่ขอแค่ได้ยินเสียงลูก รู้ข่าวของลูกก็ดีมากมายแล้ว (รู้จักเรียนรู้สิ่งใหม่ มาประยุกต์ใช้กับตัวเอง, รู้จักทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ด้วยการหากับข้าวให้พ่อแม่กิน) แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงเวลาก็เรียกพ่อแม่กิน ไม่ใช่ตัวเองกินก่อน พ่อแม่ไม่สนใจ ได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วเราเคยเรียกพ่อแม่กินข้าวไหม (เรียกทุกวัน) ดีมาก แล้วทำให้กินจริงๆ หรือ (จริง) เป็นคนประเสริฐดี
ความดีมีอยู่ในชีวิต ชีวิตมีสิ่งที่ดีงามอยู่ในตัวเราเอง แต่เพราะอะไรเราจึงนึกไม่ออก เพราะว่าเราไม่เคยนำมาปฏิบัติ (การเป็นผู้ให้)  แล้วเรารู้จักให้อภัย ให้ธรรมะเป็นทานแล้วหรือยัง
อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่เราพึงจะมี ตายไปก็ไม่เสียชาติเกิดที่เกิดมาเป็นคนๆ นี้ ถ้าชีวิตหนึ่งศิษย์ยังคิดไม่ออก เกิดมาเป็นคนเท้าเหยียบดินหัวชี้ฟ้า แต่กลับหาความดีงามในการเกิดเป็นคนไม่เจออย่างนั้นก็น่าเสียดาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  รู้จักมีเมตตา รู้จักมีมโนธรรมสำนึก รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาป รู้จักอ่อนน้อมสุภาพถ่อมตน นี่ไม่ใช่คุณธรรมของความเป็นคนหรอกหรือ แต่ทำไมเราจึงนึกไม่ออก เพราะวันๆ เราไม่เคยทำสิ่งที่ดี กลับทำแต่สิ่งที่เรียกว่าตามใจ ตามกิเลสอารมณ์ แล้วดีไหม เพราะทำไม่ดีศิษย์จึงนึกไม่ออก ถ้าทำดีบ่อยๆ มีหรือจะนึกไม่ออก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แค่รู้จักอดทนแค่นี้ก็เป็นความดีที่ประเสริฐแล้วใช่หรือไม่ (ใช่)  
ในโลกนี้เป็นโลกที่รวมความแตกต่างไว้ด้วยกัน โลกนี้เป็นโลกแห่งความเหมือนหรือความต่าง (ความต่าง)  ศิษย์ดูง่ายๆ ออกไปมองข้างนอกฟ้ากับดินก็ยังต่างกัน หันมามองมือตัวเองเท่ากันไหม (ไม่เท่า)  หันดูหน้าคนว่าเหมือนเราไหม (ไม่เหมือน)  ความสูงเท่ากันไหม (ไม่เท่า)  โลกนี้เป็นโลกแห่งความต่าง แต่ทำไมสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ ก็เพราะมีความเป็นหนึ่ง และในความเป็นหนึ่งก็คือการยอมรับซึ่งกันและกัน
ยังมีสิ่งที่ต้องทำงานหนัก แล้วก็มีนิ้วที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แกว่งไปแกว่งมา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าวันหนึ่งนิ้วโป้งเกลียดนิ้วก้อย ตัดนิ้วก้อยทิ้ง มือนี้จะเรียกว่ามือไหม (ไม่)  เรียกว่าอะไร เรียกว่าพิการ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าคนดีเกลียดคนชั่ว ประหารคนชั่วให้หมดจากโลกเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการที่เราจะสามารถอยู่ร่วมกันบนโลกได้ก็คือยอมรับความแตกต่าง อย่างไม่แตกแยก ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีคนใหญ่ก็ต้องมีคนเล็ก ใช่หรือไม่ (ใช่)  และในใหญ่ในเล็กนั้นก็มีความไม่สมดุลกันเป็นธรรมดา แต่สามารถยอมรับกันได้ นี่สิไม่ธรรมดา แล้วจึงเกิดความสร้างสรรค์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเกิดคนบางคนมีนิสัยเหมือนจมูก คนบางคนมีนิสัยเหมือนตา คนบางคนมีนิสัยเหมือนปาก ศิษย์เคยเห็นคนช่างพูดไหม เคยเห็นคนที่ชอบเอาแต่มองแล้วยุ่งเรื่องคนอื่นไหม แล้วเคยเห็นคนที่ชอบอยากรู้อยากเห็นไหม (เคย)  แล้วมารวมกันก็ยังเกิดเป็นหน้าหนึ่งหน้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วถ้าเกิดวันหนึ่ง คนอยากพูดมากบอกว่าเป็นเพราะฉันพูดมาก พูดได้ดี ต้องให้ฉันนำ เอาไปอยู่ข้างบน เอาตามาอยู่ข้างล่าง ศิษย์ว่ามันจะอัปลักษณ์ไหม (อัปลักษณ์)  หูบอกว่าเป็นเพราะฉันได้ยินได้ฟัง เพราะการรับรู้ของฉันจึงทำให้มีชีวิตอยู่ได้ อย่างนั้นเอาหูมาอยู่ข้างหน้า อีกหูหนึ่งไปอยู่ข้างหลัง ศิษย์ว่าจะดูได้ไหม (ไม่ได้)  ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นคนทุกคนมีความตากต่างกันเหมือนตา เหมือนหู เหมือนจมูก เหมือนปาก บางครั้งเขาอยู่สูงกว่า เขาอยู่ต่ำกว่า แต่บางทีเราก็ต้องยอมรับความเป็นไป เพราะนี่คือเหมาะสมแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเอาหูมาอยู่หน้า เอาจมูกไปอยู่ข้างหลัง จะเป็นคนไหม (ไม่เป็น)  ฉะนั้นบางครั้งทำไมเขาจึงยิ่งใหญ่ แต่ทำไมเราจึงเล็กกระจ้อยร่อย ทำไมเขาชั่วร้ายเหลือเกิน แต่ยังได้อยู่ข้างหน้า นั่นก็เพราะว่าอะไร นั่นคือความเป็นไปของธรรมชาติ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้เราจะพยายามจัดสรรปั้นแต่ง แต่นั่นก็เป็นการฝืนธรรมชาติ ยิ่งฝืนเท่าไรศิษย์ก็ยิ่งผิดปกติมากเท่านั้น
ฉะนั้นอาจารย์จึงอยากบอกว่า โลกนี้มีสิ่งที่ต้องยอมรับ และสิ่งที่แม้ไม่อยากยอมรับก็จำต้องยอมรับให้ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เรียกว่าโลกนี้มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้กับเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นสิ่งที่เรายอมรับได้ก็จงยอมรับด้วยใจอันสงบ ถ้าใจสงบได้ชีวิตก็ไม่วุ่นวาย ถ้ารู้จักยอมรับได้ ขนาดนิ้วศิษย์ยังทำให้เท่ากันไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้นจะดีเหมือนกันหมดเป็นไปไม่ได้หรอก ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “ร่วมมือกัน”)
เป็นคำง่ายๆ ที่พระอาจารย์อยากทิ้งไว้ให้คนที่นี่ คนที่นี่เป็นคนเก่ง มีความสามารถแต่ไม่ค่อยออกมาช่วยงาน พอจะมาก็บอกว่าต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ ศิษย์เอ๋ยถ้าวันหนึ่งตา หู จมูก ปากบอกเบื่อแล้วหัวนี้ ถามจริงๆ ตา หู จมูก ปากจะมีประโยชน์ไหม (ไม่มี)  ฉะนั้นหัวก็มีความสำคัญของหัว ศิษย์ก็มีความสามารถแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าสามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้ ยอมรับความแตกต่างได้ จะเกิดพลังที่สร้างสรรค์ และสามารถผลักดันธรรมะที่นี่ให้กลับมากว้างไกลเหมือนเดิมได้ ฉะนั้นรู้จักเสียสละออกมาช่วยอาจารย์ไม่ได้หรือ ห่วงอะไรนักหนากับเงินทอง วันนี้อาจารย์ก็ถึงเวลาต้องไปแล้ว ศิษย์ทำได้ดีอาจารย์ก็ขอบคุณ ศิษย์เป็นแขน เป็นขาให้อาจารย์ก็ดีใจ แต่กลัวอย่างเดียวเก่งแล้วไม่ออกมาช่วยกัน มันก็น่าเสียใจ บางทีอาจารย์มองมาที่ห้องพระ ห้องพระนี้หวังที่จะโปรดจะช่วยคนแต่กลับกลายเป็นว่าไม่เหลือใครสักคนที่อยากจะรับผิดชอบ ถูกไหม ดูแล้วก็น่าเศร้า ห้องพระออกจะใหญ่โตแต่หาคนที่สละมารับผิดชอบดูแลจริงๆ กลับไม่มี เกี่ยงกันไปก็เกี่ยงกันมา
ถึงเวลาอาจารย์ก็คงต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ ยอมได้ก็ยอม วางได้ก็วาง อายุปูนนี้แล้ว สิ่งที่จะเอาไปได้ก็มีแต่ความดีงาม อาจารย์อยากให้หัวใจของศิษย์เหมือนแสงแห่งธรรมที่สามารถสาดส่องความสว่าง และความสงบเย็นให้กับมวลเวไนยได้ ขอให้ใจของศิษย์นี้เป็นเหมือนแสงแห่งธรรมที่สามารถสาดส่องความเย็นความสงบและความสุขให้กับผู้คนได้
มีโอกาสกลับมาศึกษาอีกดีไหม ความทุกข์ในโลกมีมากมาย เราจะเอาชนะได้อย่างไร ถ้าเรายังไม่รู้จักใจของตัวเราเอง จริงไหม (จริง)  ศิษย์เป็นคนดีได้ แต่บางครั้งมักจะดื้อและก็หัวแข็ง ไม่ต้องเชื่ออาจารย์ก็ได้ แต่ขอให้ศิษย์เชื่อมั่นในความดีของตัวเองได้ไหม ขอให้เอาธรรมะที่ศิษย์รู้ ที่ศิษย์เห็น ช่วยพ่อแม่ ช่วยผู้คน แล้วจากที่อาจารย์ไปแล้วเมื่อมีโอกาสจะกลับมาหาอาจารย์อีกไหม ศิษย์เด็ดเดี่ยวได้ อาจารย์เชื่อว่าศิษย์ทำได้ แต่ก็เป็นธรรมดาของคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ อย่างนั้นเชื่อในความดีของตัวเองว่าตัวเองเป็นคนดีและทำดีได้ก็พอ
อาจารย์ไปแล้วนะ รักษาความดีดุจเกลือรักษาความเค็ม รู้จักรักตัวเองก็ต้องรู้จักรักผู้อื่นด้วย อาจารย์หวังว่าศิษย์จะเข้มแข็งและมั่นคง ทุกคนต้องมีเหตุผล บุญวาสนาก็ยังมีวันหมดได้นะศิษย์ อดทนทำสิ่งที่ถูกต้อง ถ้ามุ่งมั่นทำดีแล้วอย่ากลัวอุปสรรค กลัวแต่ใจของศิษย์เท่านั้นเองที่เปลี่ยนไปแปรมา จริงหรือไม่  ผลักดันเต็มที่แล้วใช่หรือเปล่า ถึงเวลาอาจารย์ก็คงต้องไปแล้ว ตั้งใจบำเพ็ญธรรมไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบาก รู้จักเสียสละอุทิศตนช่วยเวไนย เป็นตัวแทนของอาจารย์ได้ไหม ถึงเวลาอาจารย์ก็ไปแล้วนะ ดูแลตัวเองให้ดีๆ

พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ร่วมมือกัน”
งานฟ้าช่วยกันช่วยคิด ร่วมจิตร่วมความมุ่งมั่น
เสียเปรียบบ้างไม่ว่ากัน ยืนยันหน้าที่ของตัว
เป็นหางก็ต้องฟังหัว เป็นหัวหน้าต้านลมฝน
ธรรมไม่พล่ามแต่เรื่องคน ต่างทนกระนั้นร่วมมือ


ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา