西元二○○九年嵗次己丑十一月十一日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๒๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒ สถานธรรมหงเต้า จ. เชียงราย
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหันเซียงจื่อ
จิตนอบน้อมรู้รับฟังทุกความเห็น ต่างมุมเป็นมุมกว้างเกิดมุมใหม่
ถอยหนึ่งก้าวละยึดมั่นวางลงได้ ชนะใครไม่สู้ชนะใจตน
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหันเซียงจื่อ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานหงเต้า แฝงกายกตัญชุลี
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ
พึงมีสติใช้รับฟังย่อมแก้ไข พึงเย็นที่ใจเมื่อใจยังก้าว
พึงมุ่งเพียรเป็นบัณฑิตตั้งแต่เยาว์ พึงถือเอาธรรมสรณะเป็นธงชัย
หยุดที่ใจเป็นหยุดบาปทุกข้อ บริสุทธิ์ตั้งกลางธรรมหนอไม่หวั่นไหว
จิตมองเป็นจึงทะลุสิ่งตันได้ ศีลกระจ่างกว้างเห็นในใช่นอกตน
รู้ด้วยใจตามโลกย่อมถูกทิ้ง บำเพ็ญจริงไปสัจธรรมจริงไม่ตกหล่น
ทำทุกสิ่งชี้ธรรมไม่ชี้คน ปลุกเวไนยปลุกตนอยู่ในคราวเดียว
ลากจุดให้ตรงอย่าถ่วงเวลาไป อรุณตื่นใบไม้ไกวตามลมเลี้ยว
ชราร่วงคืนสู่พื้นตามกาลเกลียว อ่อนใบเรียวดินต้องผิวก็มี
อุปสรรคใหม่ดั่งลมพัดสะกิดลองเชิง ฟุ้งออกมองกายระเริงดั่งวิ่งหนี
แสงสว่างโพลงโล่งล้างมืดทันที คนคิดได้รู้ที่ตั้งหลักพา
ธรรมสู่คลื่นฤดีสงบไม่รุนแรง บำเพ็ญว่างญาณแกร่งจิตเดียวกับฟ้า
จิตอันแท้เดิมน้อมนบธรรมจริยา รู้ควรตามหน้าที่อันมาแต่ปฏิบัติ
ทุกข์พึงตามสุขพึงนำแต่ธรรมดา ที่ธรรมดาความที่มีธรรมยังพลาด
ประชาสู่ประชาด้วยเราที่แน่ชัด วันนี้ใจจากทาสกลายเป็นนาย
ฮา ฮา หยุด
“ถือธรรมเป็นที่ตั้ง”)
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหันเซียงจื่อ
เบื่อไหม (ไม่เบื่อ) เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย) ฟังธรรมะเหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย) ถ้าอย่างนั้นวันนี้นอนดึกหน่อยไหวไหม (ไหว) เป็นธรรมดาในโลกนี้ ใช่หรือไม่ มีทั้งสิ่งที่สมหวัง และสิ่งที่ไม่สมหวัง มีทั้งสิ่งที่ถูกใจและมีทั้งสิ่งที่ไม่ถูกใจ ตามใจตัวเองเสียหมดก็อาจกลายเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง หรือมากไปจนกลายเป็นเห็นแก่ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นวันนี้มาฟังธรรมะขัดเกลาตัวตนที่ยึดมั่นถือมั่นให้ออกไปบ้างดีไหม (ดี) ด้วยจิตใจที่แข็งกระด้างหรือจิตใจที่อ่อนน้อมถ่อมตน (อ่อนน้อมถ่อมตน) อยากเรียนรู้สิ่งใดในโลก ถ้าเอาจิตที่แข็งกระด้างมาเรียนรู้ก็คงเรียนรู้โลกใบนี้ไม่ได้ใช่หรือไม่ ต้องมีจิตที่รู้จักนอบน้อมถ่อมตนใช่หรือไม่ เพราะคนคนหนึ่งมองโลกได้ทุกมุมไหม (ไม่) คนคนหนึ่งเรียนรู้ทั้งโลกได้ไหม(ไม่ได้) ใช่หรือไม่ (ใช่) ต้องมีสิ่งที่เรารู้และสิ่งที่ไม่รู้ใช่หรือไม่ มีแต่จิตที่รู้จักนอบน้อมถ่อมตนเท่านั้นจึงจะสามารถเรียนรู้โลกทั้งโลกได้ด้วยตัวเราเอง แต่จิตที่แข็งกระด้างอวดดียึดมั่นถือมั่น กลับไม่สามารถเรียนรู้อะไรของโลกใบนี้ได้ เปรียบเหมือนกับน้ำถ้ารู้จักหลั่งไหล น้ำก็ยิ่งใสสะอาด แต่ถ้าน้ำปิดขังตัวเองไม่เคยหลั่งไหล ไม่เคยรับการเปลี่ยนถ่าย สักวันน้ำย่อม (เน่า) เหมือนใจที่ปิดกั้นไม่รับฟังความคิด ไม่คิดจะเชื่อใครบ้างเลย เชื่อแต่ตัวเอง สักวันหนึ่งต้องเน่าในเป็นแน่ จริงไหม (จริง) แล้วเราอยากเป็นเช่นนั้นหรือไม่ (ไม่)
ฉะนั้นจิตที่ขาดไม่ได้ในการเรียนรู้โลกใบนี้ ทำให้เราเห็นโลกใบนี้กว้างขึ้น นั่นก็คือจิตใจที่รู้จักนอบน้อมถ่อมตน ใช่หรือไม่ (ใช่) การนอบน้อมถ่อมตนคือต้องให้คนอื่นฟังเราหรือเราฟังคนอื่น (เราฟังคนอื่น) แต่ส่วนใหญ่เราเป็นอย่างไร ให้คนอื่นฟังเรา ถูกไหม (ถูก) ถึงจะนอบน้อมขนาดไหนแต่ไม่เคยฟังคนอื่นนั่นก็ไม่มีประโยชน์ การนอบน้อมที่แท้จริงคือรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย ใช่ไหม (ใช่) ไม่ใช่มือไหว้แต่ใจปิดกั้นเช่นนี้ก็เปล่าประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)
“จิตนอบน้อมรู้รับฟังทุกความเห็น
ต่างมุมเป็นมุมกว้างเกิดมุมใหม่”
ส่วนใหญ่เราชอบคนที่ความคิดเห็นเหมือนกับเรา หรือชอบคนที่ความคิดเห็นต่างจากเรา (เหมือนกับเรา) ถ้าเราว่าดีเขาก็ต้องว่า (ดี) ถ้าเราว่าร้ายเขาก็ต้องว่า (ร้าย) ถ้าเราบอกว่าดีแต่เขาบอกว่าร้าย เราชอบไหม (ไม่ชอบ) ถ้าเราบอกว่าร้ายแต่เขาบอกว่าดี เราเกลียดไหม (เกลียด) ทั้งที่ความจริงแล้วการมองเผื่อไว้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร การรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้างก็อาจทำให้เราเห็นอะไรๆ ในโลกได้กว้างยิ่งขึ้น ใช่ไหม (ใช่)
ในโลกนี้เพราะมีภูเขาสูงและมีหุบเหวที่ต่ำเตี้ยเราจึงรู้ว่าภูเขานั้นสูงและเหวนั้นต่ำ ใช่หรือไม่ (ใช่) และรู้ว่าตรงไหนเรียกว่าตรงกลาง ถูกหรือไม่ (ถูก) เพราะเรารู้สิ่งที่สูงและสิ่งที่ต่ำ จึงรู้สิ่งที่เรียกว่าตรงกลาง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการที่เราคิดว่าอันนี้ดีแต่อีกคนบอกว่าอันนี้ไม่ดี ก็จะทำให้เรามองเห็นความเป็นกลาง ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นจึงอย่ารังเกียจความคิดเห็นที่แตกต่าง จงอย่ารังเกียจสิ่งที่แตกต่างกัน ใช่หรือไม่ (ใช่) คนอื่นสวยแต่เราไม่สวยเลย รังเกียจคนสวย ถูกไหม (ไม่ถูก) คนอื่นรวยแต่เราจน เราจึงแอบตัดพ้อต่อว่า ว่าเขาลักเล็กขโมยน้อยหรือเปล่า ประกอบอาชีพทุจริตหรือเปล่าได้ไหม (ไม่ได้) แต่เราคิดไหม (คิด) ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นถ้าเราเห็นสิ่งที่ต่างสุดขั้ว เราต้องรักษาความเป็นกลาง อย่าทำให้การที่เห็นสิ่งที่ต่างสุดขั้วเกิดอคติในใจ เกิดความประพฤติผิดในใจ อย่างนี้เรียกว่าเรากำลังดำเนินชีวิตผิด ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเมื่อไรที่เราพบสิ่งที่ต่างสุดขั้วเราอย่าลืมมองความเป็นกลางให้พบ ถูกหรือไม่ (ถูก) เราจะได้ไม่ถูกอารมณ์รัก อารมณ์ชอบ อารมณ์ชัง ผูกมัดยึดติดจนเกินไป ใช่ไหม (ใช่) เหมือนเราเห็นภูเขาสูงย่อมคิดถึงหุบเหวต่ำ เหมือนเราเห็นคนดีย่อมคิดถึงคนเลวร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนตอนนี้เราพบคนเลวร้ายแน่ใจหรือว่าเขาจะไม่มีความดีงามอยู่ เหมือนตอนนี้เรารู้สึกเมื่อยจะแย่แล้ว แน่ใจหรือว่าในความเมื่อยจะไม่มีความสุขสบายใจอยู่ ใช่ไหม (ใช่) แต่อยู่ที่ว่าเราจะปรับเปลี่ยนมุมมองหรือไม่ เมื่อยไหม เหนื่อยไหม แล้วตอนนี้จะย่ำอยู่กับความคิดตรงนี้หรือว่าจะลุกขึ้นมาทำให้มีความสุข
ฉะนั้นพบภาวะบีบคั้นเราจะงอมืองอเท้า หรือพบภาวะบีบคั้นเราจะกระตือรือร้นฮึกเหิมต่อสู้ เหมือนวันนี้นั่งฟัง ยิ่งฟังแล้วจะกระตือรือร้น หรือยิ่งฟังแล้วจะห่อเหี่ยว (กระตือรือร้น)
“ถอยหนึ่งก้าวละยึดมั่นวางลงได้ ชนะใครไม่สู้ชนะใจตน”
พระพุทธะเคยกล่าวไว้ว่า ชัยชนะที่แท้จริง ชัยชนะที่ประเสริฐต้องเป็นชัยชนะที่ชนะแล้วไม่กลับมาแพ้อีก แต่มนุษย์โลกชนะแล้วก็กลับมาแพ้ แล้วก็กลับมาชนะ เช่นนั้น ไม่ใช่เรียกว่าชนะที่แท้จริง กรรมใดที่ไม่ดี ที่ไม่มีประโยชน์ มักทำได้ง่าย แต่กรรมใดที่ดีและมีประโยชน์มักทำได้ยาก ใช่หรือไม่ เหมือนกัน นั่งฟังตรงนี้ ชนะตัวเองได้จริงๆ หรือไม่ สามารถสร้างกรรมดีให้ลุล่วงสำเร็จครบสามวันสมบูรณ์หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับตัวท่านแล้วนะ
ใครคิดว่าวันนี้สามวัน พอฟังแล้วก็ครบสามวันบ้าง ยกมือขึ้น ตั้งใจแล้ว ไม่ (เปลี่ยนใจ) จริงหรือ แม้ลำบากยังไงก็จะ (อดทน) นั่งฟังนี่ลำบากหรือ เราว่าไม่ลำบากเลยนะ ใช่ไหม (ใช่) ไม่ต้องห่วงเรื่องกิน ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทอง ไม่ต้องห่วงคนโน้นคนนี้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) หรือว่าฟังอยู่ ยังห่วงกิน ห่วงเงินทอง ยังตัดไม่ลง ใช่หรือไม่ (ใช่) น่าสงสารนะ ยังตัดไม่ลงใช่ไหม (ใช่) ถึงแม้จะรู้ว่าวันนี้ไม่ต้องทำอาหารกินเอง แต่ถามว่าในใจคิดวิตกกังวลไหม (คิด) คิดว่าจะได้กินอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่พอคิดเสร็จแล้วก็เป็นทุกข์ที่ความคิดว่าไม่มีอะไรที่เราชอบกินแบบนั้นหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่) ก็เลยกลายเป็นทุกข์ด้วยตัวเองแล้วเรารู้ไหมว่ามนุษย์เรานั้นทุกข์เพราะสาเหตุใด แล้วเรารู้ไหมว่ามนุษย์เกิดมาเวียนว่ายตายเกิดมากี่ครั้ง แล้วรู้ไหมว่าการเกิดครั้งนี้จะเป็นการสร้างเหตุให้เวียนว่ายต่อไปหรือไม่เวียนว่ายต่อไป เคยคิดไหม (ไม่เคย) ถามว่าเมื่อมีชีวิตสิ่งแรกที่มนุษย์ทุกคนหวังคืออย่างน้อยต้องเป็นคนดี ตามมาด้วยคือมีความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) สิ่งที่มนุษย์ทุกคนหวังหมดก็คือเป็นคนดีมีความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเราเคยคิดถึงสาเหตุไหมว่าอะไรทำให้เรากลายเป็นคนไม่ดี หรือกลายเป็นคนมีทุกข์ เคยคิดไหม (ไม่เคย) ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเรามาคุยกันดีไหม (ดี)
นิสัยของมนุษย์แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ สิ่งที่ควรจำกลับไม่จำ สิ่งที่ควรลืมกลับไม่ลืม ใช่หรือไม่ (ใช่) อันนี้เราว่าท่านควรจำไว้ไม่ควรลืม ท่านอยากมีชีวิตอย่างคนที่เป็นคนดีและมีความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่สิ่งที่น่ากลัวอย่างหนึ่งก็คือมนุษย์ยังคิดว่าโลกใบนี้เป็นโลกแห่งความสุขและความสวยงาม ใช่หรือไม่ (ใช่) มีใครบ้างที่เมื่อมองกระจกแล้วไม่บอกกับตัวเองว่าสวย หล่อ ไม่มีใช่หรือไม่ (ใช่) มนุษย์มักคิดว่าตัวเองไม่หล่อน้อยก็หล่อมาก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฝ่ายหญิงเองก็คิดว่าไม่สวยน้อยก็สวยมาก ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเราก็อดไม่ได้ที่เราจะเห็นว่าโลกนี้ความงามยังมีอยู่ และอยู่ที่ไหน อยู่ไม่ไกล ข้างๆ ตัวเรา หรือตัวเรานี่เอง ใช่หรือไม่ (ใช่) โลกนี้ยังมีความสุขอยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ความสุขก็ยังหาได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ท่านรู้ไหมว่ามนุษย์บอกว่างาม พุทธะบอกว่าไม่งาม สิ่งที่มนุษย์บอกว่าสุข พุทธะบอกว่าไม่สุข ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่มนุษย์กลับคิดว่าโลกนี้เป็นโลกแห่งความสุขและโลกแห่งความงาม จึงปล่อยให้ความหลงผิดและเข้าใจผิดครอบงำจิตใจ เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเป็นของเที่ยง เห็นสิ่งไม่งามว่าเป็นของ (งาม) เมื่อไรที่มีความคิดเช่นนี้เท่ากับว่าเรากำลังถูกครอบงำด้วยความหลงผิด ถูกพญามาร ถูกเครื่องจองจำ ให้เวียนเกิดเวียนดับไม่จบสิ้น รู้หรือไม่ ทั้งที่ตื่นมาเราก็มองเห็นคนต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วอะไรเที่ยง แล้วอะไรงาม ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อเราเห็นสิ่งนี้เราต้องพึงสังวรใคร่ครวญเสมอว่าโลกนี้เป็นโลกที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ใช่ไหม (ใช่) สิ่งที่งามนั่นแหละคือความไม่งาม ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราอย่าเผลอยึดมั่นถือมั่น ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นคนที่หาทุกข์ใส่ตัว จริงหรือไม่ (จริง) ดังที่พระพุทธะกล่าวไว้ว่า “โจรเมื่อเจอโจร ย่อมเกิดอันตรายอันน่ากลัว” ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่จิตที่ตั้งไว้ผิด ก่อเกิดภัยที่น่ากลัวยิ่งกว่าโจรอยู่กับโจรเสียอีก จริงหรือไม่ (จริง)
เราพูดไปสักพักหนึ่งมีใครพอรู้เรื่องบ้างไหม (มี) เช่นนั้นแปลว่ามนุษย์ทุกคน อยากเป็นคนดี ใช่ไหม (ใช่) อยากเป็นคนมีความสุข ใช่ไหม (ใช่) แล้วก็ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิด ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเรารู้หรือไม่ว่าสาเหตุของความทุกข์ สาเหตุของการเป็นคนที่ไม่ดี สาเหตุของการเวียนว่ายตายเกิด คืออะไร รู้ไหม
หลายท่านอาจจะบอกว่าก็คือตัวเราเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) เป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ เป็นสาเหตุของการสร้างสิ่งที่ไม่ดี และเป็นสาเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ตัวตนคนธรรมดานี่เป็นต้นเหตุจริงๆ หรือไม่ ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ตัวตนที่ประกอบไปด้วยอกุศลนั่นแหละเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ เป็นต้นเหตุแห่งการเวียนว่าย และเป็นต้นเหตุแห่งการสร้างความไม่ดีให้บังเกิดในชีวิต จริงหรือไม่ (จริง) และอกุศลของมนุษย์คืออะไร (ความไม่ดี, การทำบาป, จิตใจที่มีอคติ) ยังถูกแต่ยังถูกไม่หมดนะ
สาเหตุของความทุกข์ สาเหตุของความไม่ดีเกิดจากอกุศล ซึ่งเป็นรากฐานแห่งความชั่วร้าย แล้วอกุศลที่มนุษย์อยู่ใกล้ๆ และเป็นอยู่ประจำแต่มนุษย์กลับตอบไม่ได้และหลงลืมไป นั่นคือ “โลภ โกรธ และหลง” ใช่หรือไม่ (ใช่) มนุษย์ทุกคนพูดได้ว่าใครๆ ก็โลภ ใครๆ ก็โกรธ ใครๆ ก็หลง ใช่ไหม (ใช่) เป็นธรรมดา ใช่หรือเปล่า (ใช่) แต่รู้ไหมว่าสิ่งที่ธรรมดานี้ถ้ามาอยู่ในตัวเราแล้วไม่เรียนรู้ ใช้ให้ดี สิ่งที่ธรรมดาจะทำให้คนนี้กลายเป็นคนที่ไม่ธรรมดา ความไม่ธรรมดานี้ไม่ใช่ดีแบบธรรมดาและไม่ธรรมดานะ แต่อาจจะชั่วจนไม่ธรรมดาได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ท่านเคยรู้ไหมว่าโทษของโลภ โกรธ หลงที่น่ากลัวที่สุดคืออะไร อย่างนั้นเรายกตัวอย่างง่ายๆ ความโลภ ความอยาก มีด้วยกันทุกคนไหม (มี) เคยมีไหมที่อยากครั้งหนึ่งแล้วไม่อยากอีกต่อไป (ไม่มี) ยิ่งเกิดมาเราก็มีอยากไปเรื่อยๆ แล้วถ้าอยากมากๆ ก็อาจจะกลายเป็นตัณหา ถ้าอยากมากๆ ก็อาจจะกลายเป็นตระหนี่ และถ้าอยากมากๆ ก็อาจจะกลายเป็นทำผิดคิดร้าย ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อทำผิดคิดร้าย มีหรือจะไม่ทุกข์ ถูกไหม (ถูก) เมื่อตระหนี่ มีตัณหาครอบงำ มีหรือจะไม่เห็นผิดเป็นชอบ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเพียงแค่ความโลภ เมื่อเราโลภแล้วอยากได้แล้วไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้ เราเป็นทุกข์เพราะไม่สมหวังไหม (ใช่) แต่ถ้าเกิดเราตัดความอยาก เราจะเป็นทุกข์เพราะว่าผิดหวังไหม (ไม่) แต่ที่สุดของความโลภที่น่ากลัวที่สุดก็คือการลงไปสู่ภพภูมิแห่งความเป็นเปรต เพราะเปรตคือกินเท่าไรก็ไม่อิ่ม ใช่หรือไม่ (ใช่) อยากได้เท่าไรก็ไม่พอ ฉะนั้นถ้ามนุษย์คิดที่จะมีโลภเป็นธรรมดาของชีวิต จงอย่าลืมว่าผลที่น่ากลัวที่สุดของความโลภ คือการเป็นเปรต ดังนั้นคิดให้ดีๆ ว่าโลภเป็นเรื่องธรรมดาไหม
หันกลับมาดูความโกรธ ใครบ้างในที่นี้ที่ไม่โกรธ เป็นคนใจเย็น โกรธยาก ยกมือขึ้น เช่นนั้นเรามาดูความโกรธไหม ที่มนุษย์พูดว่า ใครๆ ก็โกรธเป็นเรื่อง (ธรรมดา) แต่เราจะบอกว่าไม่ธรรมดา ถ้าคนคิดจะโกรธ แล้วโกรธไม่เป็น เพราะหุบเหวของความโกรธที่น่ากลัวที่สุดคือ ไฟแห่งนรก คนที่โกรธง่ายจะกลายเป็นคนทุศีล คนที่โกรธง่ายจะกลายเป็นคนที่ลบหลู่คุณคน ใช่ไหม (ใช่)
อย่างนั้นเราถามท่านในที่นี้ มีใครบ้างเรียนรู้ความโกรธแล้ว ไม่เคยใช้ความโกรธกับพ่อแม่ ครูอาจารย์ของตนเอง ยกมือขึ้น ใช่หรือไม่ เราไม่เคยโกรธพ่อแม่ เราไม่เคยนินทาว่าร้ายอาจารย์ เราไม่เคยดูถูกดูแคลนผู้มีคุณ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นถ้าคิดจะโกรธ จงระมัดระวังในการใช้ความโกรธ ไม่เช่นนั้นแล้ว ความโกรธจะก่อเกิดไฟแห่งนรก เผาผลาญแม้แต่คนที่เป็นผู้มีพระคุณ เผาผลาญแม้กระทั่งครูบาอาจารย์ แล้วถึงที่สุดก็กลับมาเผาผลาญ (ตนเอง) ทั้งร่างกายและจิตใจ และก่อเกิดภพชาติที่ต้องกลับไปเสวยผลกรรม กลัวไหม (กลัว) แล้วยังอยากโกรธอีกไหม (ไม่อยาก)
สิ่งที่สามที่มนุษย์มักจะเป็นคือความหลง หลงมากๆ ถึงที่สุดคืออะไร ใครพอรู้บ้าง เปรตแล้ว นรกแล้ว
(ความทุกข์) เราลืมบอกว่า ความโกรธนี้ ถ้ามีมากๆ แล้วทำให้มนุษย์ทุกข์ไหม (ทุกข์) ทุกข์เพราะอะไร เพราะรังเกียจสิ่งที่น่ารังเกียจ แต่ต้องอยู่กับสิ่งที่น่ารังเกียจ ใช่หรือไม่ (ใช่) ปรารถนาสิ่งหนึ่งแต่ได้สิ่งที่ไม่ปรารถนาก็เป็นทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) ความหลงนั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ก็คือก่อเกิดภพภูมิแห่งเดรัจฉาน ชอบกินมากๆ มีชีวิตอยู่เพื่อการกิน การนอน การเที่ยว สัตว์ที่ชอบกินมากๆ ใช้ปากเป็นหลักคือตัวอะไร (หมู) สัตว์ที่ชอบร่าเริงตอนดึกๆ ชอบเล่นแสงไฟ (หิ่งห้อย แมงเม่า) หิ่งห้อย แมงเม่ายังดี แต่อีกตัวหนึ่งที่กลิ่นแรงๆ (แมงดา) แมงดาชอบแสงสีม่วง ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นจงจำไว้ว่า ถ้ามีชีวิตอยู่หลงใหลไปกับรูปลักษณ์ กลิ่น เสียง สัมผัส หลงสิ่งใดมาก ภพภูมิแห่งการเวียนว่ายตายเกิดก็จะไปตามนั้น บางคนเกิดมาเพื่อต้องให้ได้กินมีอะไรแปลกๆ ก็ขอให้ได้ไปกิน ลำบากแค่ไหนก็ขอให้ได้ไปกิน ท่านคิดว่าพ้นจากชีวิตนี้แล้วจะไปเป็นอะไร เมื่อใดที่มนุษย์มีความหลงมักจะเห็นสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สิ่งที่ไม่สวยว่าสวย สิ่งที่ไม่ดีว่าดี จึงทำให้คนหลงนั้น ยากเจริญกุศลกันได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) จึงทำให้คนหลงนั้นยากที่จะสุข ง่ายที่จะทุกข์ ถูกหรือไม่ (ถูก) อย่างนั้นในเมื่อเรารู้แล้วว่าต้นเหตุแห่งความทุกข์ ต้นเหตุแห่งการเวียนตายเกิด ต้นเหตุแห่งการเป็นคนไม่ดี ล้วนมาจากโลภ โกรธ หลง ฉะนั้นเราอย่าดูเบาว่าโลภ โกรธ หลง เป็นสิ่งธรรมดา เมื่อไรที่มนุษย์เอามาใช้ สิ่งที่ธรรมดามักจะไม่ธรรมดาเสมอ จริงไหม (จริง) เราเห็นคนอื่นโกรธหนึ่งแบบ แต่เราโกรธเพิ่มเป็น (สองแบบ) จริงไหม (จริง) เขาว่าเรามาหนึ่งคำ มีใครบ้างว่ากลับครึ่งคำ (ไม่มี) เขาอยากได้หนึ่งอย่าง มีใครบ้างอยากได้ครึ่งอย่าง (ไม่มี) เห็นเขาหลงอันโน้น มีใครบ้างหลงแค่นิดเดียว (ไม่มี) ถูกหรือไม่ (ใช่) ฉะนั้น มนุษย์ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หัวใจที่ไปประกอบกับรัก โลภ โกรธ หลง แล้วใช้ไม่เป็น ใช้แล้วกลับมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว วันนี้โกรธเท่านี้ พรุ่งนี้โกรธอีกเท่าตัว เพราะรู้สึกว่าโกรธแล้วไม่ถูกใจ ยังไม่สะใจ ใช่ไหม (ใช่) ต้องโกรธให้ได้อีก ถูกหรือไม่ เปรียบเหมือนความโลภ โลภหนึ่งเท่าแล้วโลภอีกไหม (โลภ) อยากแล้วอยากอีกไหม (อยาก)
ฉะนั้นพึงสังวรไว้ การบำเพ็ญธรรมไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่การบำเพ็ญธรรมคือการรู้จักควบคุมสิ่งที่ใกล้ตัวก็คือ หัวใจของเราที่อยากจะมีรัก โลภ โกรธ หลง จงมีให้เป็น ไม่อย่างนั้นมีไม่เป็น แล้วจะก่อเกิดทุกข์ให้กับตัว เหตุแห่งการเวียนว่ายที่ไม่จบสิ้น เหมือนหลงลูกมากๆ เหมือนห่วงลูกมากๆ บุญก็ไม่มีแต่กรรมมีเยอะก็กลายไปเป็นอะไร (ทุกข์) ทุกข์อย่างเดียว จบไหม ตายไปแล้วยังไม่วาง กลับกลายเป็นอะไรมาเฝ้าลูก ใช่หรือไม่
ฉะนั้นพึงระวังให้ดี บำเพ็ญธรรมคือรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองด้วยสติและไม่ประมาท และหันกลับมาบ่มเพาะคุณธรรมให้อยู่กับชีวิตแทนการมีอารมณ์เป็นหลัก ได้ไหม (ได้)
แล้วทำอย่างไร ความโลภจะไม่เป็นโลภ ความโกรธจะไม่เป็นโกรธ ความหลงจะไม่เป็นหลง จะใช้อะไรมาช่วยควบคุมดี ธรรมะข้อไหน ธรรมะมีตั้งหลายข้อ ใช่หรือไม่ (ใช่) ธรรมะข้อไหนที่จะช่วยหยุดยั้งความโลภ ความโกรธ ความหลงในใจเราได้ ปัญญาใช้ช่วยกับอะไร โลภ โกรธ หลง ปัญญาช่วยดับความหลง ปัญญารู้แจ้งเห็นจริงแล้วเราจะไม่หลง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นปัญญาคู่กับความหลง ความโกรธดับด้วยความเมตตา ความโลภดับด้วย (การให้) ความโลภดับด้วยการให้ หรือที่มนุษย์เรียกว่าจาคะ การเผื่อแผ่แบ่งปัน ใช่ไหม ฉะนั้นถ้ามนุษย์รู้จักดับโลภ โกรธ หลง ด้วยเผื่อแผ่เมตตาและปัญญา มนุษย์จะก่อเกิดอะไรตามมารู้ไหม
สิ่งที่มนุษย์ชอบคือ หน้าอ่อนกว่าวัย ใช่ไหม (ใช่) สิ่งที่มนุษย์ชอบอีกอย่างหนึ่งคืออายุมั่นขวัญยืน ใช่หรือไม่ และสิ่งที่มนุษย์ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ มีชีวิตที่ไร้โรคภัย ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วรู้ไหมว่าคนที่ไม่โกรธจะหน้าอ่อนกว่าวัย ฝึกเมตตาไว้จะเป็นคนหน้าอ่อนโดยไม่ต้องใช้ครีมเลย ดีไหม คนที่รู้จักเผื่อแผ่แบ่งปันจะเป็นคนที่ไร้โรคภัย คนที่รู้จักไม่หลงโลภ คนนั้นจะสามารถเป็นคนอายุมั่นขวัญยืนได้ คนโลภมีอะไรก็กิน มีอะไรก็อยาก ใครมีอะไรก็อยากมี จนไม่รู้และแยกแยะไม่ถูก มักจะก่อโรคก่อภัย มนุษย์โลภเพราะอะไร เพราะความหลง หลงติดในรส จึงก่อเกิดโรค ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นถ้าอยากหยุดโรค ก็จงรู้จักหยุดอยาก ใช่หรือไม่ (ใช่) อาจารย์ที่เรารู้ และเป็นอาจารย์ที่ดีสำหรับตัวเราก็คือ คนรอบข้าง ใช่ไหม (ใช่) เขาเป็นโรคนั้นเพราะอะไร เรามองออก เพราะเขาอยากในสิ่งที่ไม่ควรอยาก ฉะนั้นที่เขาอายุไม่ยืนก็เพราะว่า ความหลง หลงติดในรส หลงติดในความเคยชิน ฉะนั้นถ้ามนุษย์อยากอายุยืนไร้โรค หน้าตาละอ่อน ก็ต้องควบคุมโลภ โกรธ หลงให้เป็น ดีไหม (ดี)
เราพูดทั้งคุณและโทษขนาดนี้ ต่อไประมัดระวังในการเดินตามอารมณ์ตัวเองหน่อยนะ ไม่ใช่อารมณ์มาก็เดินตามต้อยๆ แต่ขอให้มีสติยั้งคิดและปัญญาที่มองให้เห็นแจ่มชัดก่อน ดีหรือไม่ ฉะนั้นการบำเพ็ญก็คือ พึงมีสติปัญญาและรู้จักครองใจแห่งความเมตตาและเผื่อแผ่ไว้ เป็นเรื่องยากไปไหม ก็ไม่ยาก ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อเรารู้โทษของโลภ โกรธ หลง เป็นสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้นเราควรมาเรียนรู้ความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เพื่อวางรากฐานแห่งความดีและการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
เราอยู่ในโลกยังมีอารมณ์ที่เรารัก ยังมีอารมณ์ที่เราชัง และยังมีอารมณ์ที่เราเกลียด ถูกหรือไม่ (ถูก) ถ้าเราไม่อยากโลภ ไม่อยากหลง เราจึงต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดี อยู่ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่รัก ก็จะไม่มีสิ่งใดที่ชัง ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อเราไม่ยึดติดในสิ่งที่รัก เราก็จะไม่รู้สึกรังเกียจในสิ่งที่ชัง ถูกหรือไม่ (ถูก) เมื่อรักชังไม่กล้ำกลาย ความหลงย่อมไม่บังเกิด เมื่อรักชังไม่กล้ำกลาย ความรังเกียจโกรธาคงจะไม่มี ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นถ้ามนุษย์อยากยุติโลภโกรธหลง จึงต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตนให้เป็นปรกติธรรมดา ด้วยการประคองใจไม่ฟุ้งซ่านไปตามแรงที่มากระทบ ใครชมก็ไม่หลง ใครว่าก็ไม่โกรธ ได้หรือไม่ (ได้) เรารู้ว่าทุกท่านทำได้และเป็นคนเก่ง ใช่หรือไม่ (ใช่) ยิ้มทันที ไหนบอกว่าได้ พอเราชมก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีเลย
ฉะนั้นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั่นคือมนุษย์ขาดสติ ชอบปล่อยชีวิตไปตามอารมณ์ที่พัดพา อารมณ์ที่กระทบ ฉะนั้นถ้ามนุษย์เรารู้จักครองสติให้ดี อารมณ์ก็ยากจะมีผล โลภ โกรธหลงก็ยากจะบังเกิด เหตุแห่งการทุกข์และการเวียนว่ายก็จะไม่มี ด้วยจิตใจที่มองเห็นและรู้แจ้ง จริงไหม (จริง) ในโลกนี้มีใครบ้างที่ได้รับคำชม แล้วไม่ได้รับคำว่า (ไม่มี) ชีวิตนี้มีใครบ้างที่วันนี้สุขแล้วจะไม่เปลี่ยนเป็นทุกข์ (ไม่มี) ในเมื่อเรารู้อย่างนี้ เราควรจะดีใจเมื่อสุขและควรจะเสียใจเมื่อทุกข์หรือ (ไม่ควร) แต่ควรจะรักษาความปรกติของใจให้เป็น ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนชมก็มีคนว่า มีสุขก็มีทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนมีเมื่อยก็มี (ไม่เมื่อย) มีง่วงก็มี(ไม่ง่วง) เหมือนมีเบื่อก็มี(ไม่เบื่อ) เราก็จะไม่ปล่อยให้ชีวิตจิตใจจมอยู่กับอารมณ์จนโงหัวไม่ขึ้นเลย ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะควรรู้จักครองสติและชีวิตให้เป็น ถูกหรือไม่ (ถูก)
วันนี้เรามาเพียงสั้นๆ แต่อย่างน้อยก็คงทำให้ท่านได้ใจความไม่มากก็น้อย ใช่หรือไม่ (ใช่) มีชีวิตอย่าประมาทต่อการดำเนินชีวิต อย่าปล่อยชีวิตไปตามอารมณ์ แต่จงรู้จักปลูกต้นธรรมะไว้กับชีวิตและจิตใจบ้าง เพราะอารมณ์ย่อมก่อเหตุแห่งความทุกข์และการเวียนว่าย ซึ่งมนุษย์ทุกคนล้วนกลัว ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นต่อไปจงใช้ชีวิตอย่างคนที่มีสติ มีธรรมะยับยั้งใจตนบ้างนะ ได้หรือเปล่า (ได้) เช่นนั้นการมาของเราวันนี้ก็คงไม่เสียหลาย อย่าลืมนะว่า ที่สุดของความโลภคือภพภูมิแห่งเปรต ที่สุดของความโกรธ คือภพภูมิของนรก ที่สุดของความหลงคือภพภูมิแห่งสัตว์เดรัจฉาน คิดจะโลภ คิดจะโกรธ คิดจะหลง จงคิดให้ดี ไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็คือผู้ที่ดำเนินชีวิตเพื่อสร้างเหตุแห่งการเวียนว่ายต่อชีวิตไม่จบสิ้น
วันนี้เราคงมาผูกสัมพันธ์กับท่านเพียงแค่นี้ อย่าประมาทนะ เพราะชีวิตนี้พลาดไปแล้ว ผิดไปแล้ว แม้จะทำดีเป็นร้อยเป็นพันครั้งก็ยากดีได้ ใช่หรือไม่ ( ใช่) ฉะนั้นจงดำเนินชีวิตอย่างผู้มีสติ และมีธรรมะเป็นที่พึ่ง ได้หรือไม่ (ได้) อย่ามัวตกอยู่ในภวังค์ของความเมื่อยความเบื่อจนฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยนะ ใช่ไหม (ใช่) ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาเปล่าๆ ที่อุตส่าห์มานั่งฟังตรงนี้ ใช่ไหม (ใช่) มีโอกาสคงกลับมาผูกบุญสัมพันธ์กันใหม่นะ ตั้งใจฟังธรรมะให้ดีและน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
พระโอวาทท่านเสี่ยวผีเซียนถง
กว่ารู้ตัวก็แก่เฒ่าผมขาวโพลน ยังโงนเงนตามใจตนไปถึงไหน
ปล่อยปล่อยบ้างปลงปลงบ้างรีบทำใจ คงเหลือไว้แต่คุณงามให้คงทน
เราคือ
เสี่ยวผีเซียนถง รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่แดนโลก แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามทุกท่าน อิ่มหรือเปล่า
✱ บำเพ็ญแล้วอย่าหาความ การยอมช่างเถอะง่ายหลายเรื่อง ไม่ช่างโทษว่าโกรธเคือง ช่างเรื่องด้วยการชั่งใจ ความที่ไทยเป็นไท ปากไม่ตรงใจผิดมั้ย พูดพูดเสร็จแล้วเปลี่ยนใจ ช่างวุ่นวายหน้าตั้ง
ถึงโลกยุ่งอย่างหนัก คนรักรักหลงหลง เห็นก่อนรู้จักปลง ละลดละลดละ เรื่องยุ่งเพราะล้นปาก ช่างเขาช่างเขาเต๊อะนะ น่าช่างเถอะช่างเถอะนะ เผื่อว่าจะเป็นสุขด้วยกัน (ซ้ำ ✱)
แต่ถ้าช่างมั่วมั่ว เวียนหัวถึงหงายหลัง กล่าวถึงเรื่องบางอย่าง กวดขันต่อตนที่สุด โกรธก็หน้าเก่าเก่า คิดช่างเขาหยกหยก เหอะน่าเหอะน่าต่างศก อยู่ร่วมโลกยอมก็เหมือนบ้าน (ซ้ำ ✱)
ทำนองเพลง ลูกข้าวนึ่ง
ชื่อเพลง ช่างเต๊อะช่างเต๊อะ
พระโอวาทท่านเสี่ยวผีเซียนถง
มนุษย์กลัวอะไรมากที่สุด (หิว) จริงหรือ มนุษย์กลัวอะไรมากที่สุด (กลัวตาย, กลัวอด) ไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนหิวจริงๆ สักที ใช่ไหม มีแต่กินอิ่มจนเป็นโรคตาย ใช่ไหม (ใช่) มนุษย์กลัวอะไร มนุษย์กลัวความจน กลัวความทุกข์ กลัวความตาย กลัวไม่สวย กลัวไม่รวย ใช่ไหม (ใช่) แล้วเราไหว้พระ เพื่อให้ความกลัวนี้หมดไป ใช่ไหม (ใช่) มีที่ไหน “ที่ไหว้พระแล้วฉันจะสวย ไหว้พระแล้วจะไม่จน” มีไหม (ไม่มี) ไหว้พระแล้วจะไม่ทุกข์ ไหว้พระแล้วจะแข็งแรง ไม่มีวันเจ็บ เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) มนุษย์ไหว้พระ เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะลึกๆ ในใจของมนุษย์ทุกคนมีความกลัวอยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ที่กลัวมากที่สุดก็คือกลัวตาย ใช่หรือเปล่า แต่ไม่ใช่ไหว้พระแล้วไม่ตาย ไหว้พระแล้วไม่จน ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เราศึกษา บำเพ็ญธรรม เราไหว้พระนี้เพื่ออะไร เราศึกษาบำเพ็ญธรรม เพื่อรู้แจ้งเห็นจริงและเข้าใจความเป็นไปของชีวิตอย่างถ่องแท้ ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง ใช่หรือไม่ (ใช่)
เมื่อความจนมาอยู่ตรงหน้า ความจนนั้นก็ไม่ทำให้สูญเสียความเป็นคน เมื่อเวลาที่ความเจ็บปวดมาเผชิญอยู่ที่ตัวเรา มีความเจ็บไข้ได้ป่วยมาอยู่ที่ตัวเรา ก็ทำให้เรานั้นเจ็บแต่กาย แต่ไม่เจ็บทั้งใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นธรรมะสอนให้มนุษย์รู้จักคิด ไม่ใช่สอนให้มนุษย์งมงาย แล้วเมื่อเวลาเจอภาวะแห่งความทุกข์บีบคั้นก็ทำให้เรานั้นมองความเป็นจริงของชีวิตได้อย่างถ่องแท้และแจ่มชัด ไม่ใช่ปล่อยให้ความทุกข์ลากถูลู่ถูกังไป
ฉะนั้นต้องเข้าใจให้ถูก เราไหว้พระ เราศึกษาบำเพ็ญธรรม ไม่ใช่ไหว้แล้ว “ทำไมฉันยังจนอยู่ ไม่เห็นรวยสักที” ได้ไหม (ไม่ได้) “ไหว้แล้วฉันต้องแข็งแรง ไม่มีวันเจ็บไข้ได้ป่วย” ได้ไหม (ไม่ได้) ไหว้แล้วจะไม่ทุกข์เลย ไม่มีวันที่จะมีทุกข์เลย ได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นเราต้องเข้าใจให้ถูกนะ และบำเพ็ญธรรมสบายแล้วไม่มีความลำบากเลย เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่บำเพ็ญธรรมแล้วต้องสบายไปตลอดชีวิต ไม่ลำบากเลย เป็นไปได้ไหม ไม่ได้ ใช่ไหม เพราะว่าจนหรือรวยหรือทุกข์ ไม่ใช่ฟ้ากำหนด แต่เป็นคน (กำหนด) ตัวท่านเองเป็นคนกำหนด ฉะนั้นถ้าวันนี้เราบอกว่า “ไปทุกข์กันเถอะ” ไปไหม (ไม่ไป) “ไปเจ็บกันเถอะ” ไปไหม (ไม่ไป) ทำไมไม่ไปล่ะ กลัวเจ็บกลัวทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เพราะอะไร เราจึงปล่อยให้ใจเราถูลู่ถูกังกับความทุกข์ เราลืมอะไรไปหรือเปล่า ท่านเคยได้ยินไหม น้ำทำเรือลอยได้ น้ำก็คว่ำเรือได้ จริงหรือไม่ (จริง) มนุษย์บอกว่า เงินทำให้มีความสุข คนรักทำให้มีความสุข สามีทำให้มีความสุข ภรรยาทำให้มีความสุข แต่ลืมไปหรือเปล่า ทั้งสามี ภรรยา เงินและลูก ก็ทำให้เราทุกข์ได้ จริงไหม (จริง)
เราบอกว่า ระหว่างน้ำกับไฟ ท่านชอบอะไรมากกว่ากัน (น้ำ) เพราะน้ำอยู่ใกล้ๆ แล้วเย็นสบาย ลูบหน้าก็แช่มชื่น แต่ลืมไปหรือเปล่าว่า น้ำฆ่าคนตายมากกว่าไฟ จริงไหม (จริง) เวลาอยู่ใกล้อารมณ์รักเรารู้สึกดี อบอุ่น มีความสุข แต่ความรักก็ฆ่าคนตายมากกว่าความเกลียดอีกนะ มนุษย์บอกว่า ว่ายน้ำสบายมาก ผมว่ายน้ำเป็น ข้ามยังไงก็ข้ามไหว ไกลกี่เมตรกี่เมตร ผมว่ายได้ ผมข้ามได้ แต่เคยเห็นไหม คนตายเพราะน้ำเล็กน้อยที่อยู่บนพื้น เดินลื่นหัวแตกตาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่อย่าประมาทเด็ดขาด หรืออย่ามองข้ามเห็นว่าอันนี้คือความสุข แต่ไม่แน่ ขึ้นชื่อว่าความไม่เที่ยงของโลกใบนี้ สิ่งที่ให้สุขก็พร้อมจะให้ (ทุกข์) สิ่งที่ให้ชีวิตก็พร้อมจะทำร้าย (ชีวิต) ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นขึ้นชื่อว่ามนุษย์เราจึงไม่ควรหลงลืม ไม่ควรประมาท แม้สิ่งที่เราสนิทที่สุด แม้สิ่งที่เราใกล้ชิดที่สุด แม้สิ่งที่เราชอบที่สุด ก็อาจจะพลิกผันทำให้เราเจ็บปวดที่สุด น่าเกลียดที่สุด และฆ่าเราให้ตายในที่สุด แล้วใครทำเราเจ็บบ่อยๆ (ตัวเรา) ตัวเราทำให้เราเจ็บบ่อยที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่) เรื่องที่ควรคิดกลับไม่คิด เรื่องไม่ควรคิดกลับคิด จริงหรือไม่ (จริง)
“กว่ารู้ตัวก็แก่เฒ่าผมขาวโพลน ยังโงนเงนตามใจตนไปถึงไหน
ปล่อยปล่อยบ้างปลงปลงบ้างรีบทำใจ คงเหลือไว้แต่คุณงามให้คงทน”
แก่ป่านนี้แล้วปลงได้ไหม (ไม่ได้) ปล่อยได้ไหม (ไม่ได้) ยังไม่ปล่อย ยังไม่ปลงเลย จริงไหม (จริง) เคยมาตัวเปล่าแต่ตอนนี้ ลูกก็หนีบ เงินก็หนีบ หน้าที่ก็หนีบ หนีบไปหมด ใช่ไหม (ใช่) ใจก็หนีบ เท้าก็หนีบ อะไรหนีบได้หนีบหมด แล้วเป็นทุกข์ไหม (ทุกข์) แล้วหนีบเขามาแล้วเอามาได้ไหม (ไม่ได้) หรือก่อนออกจากบ้านบอกให้ลูกทำอย่างโน้นอย่างนี้ เราออกมาแล้ว เขาจะทำตามที่เราสั่งไหม (ไม่) ถึงจะวางแผน ตีกรอบอย่างไรให้รอบคอบละเอียดอย่างไร แต่ถึงเวลาทุกชีวิตล้วนมีทาง (ของตัวเอง) แม้แต่ตัวเราเอง เรากำหนดว่าวันนี้ ตารางของฉัน เช้าอย่างนี้ กลางวันอย่างนี้ เที่ยงอย่างนี้ เย็นอย่างนี้ กลางคืนอย่างนี้ ถึงเวลาตารางก็แตกได้เพราะตัวเรา ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอย่าคิดควบคุมใคร ถ้าเกิดตัวเองยังควบคุมได้ไม่ค่อยดี
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นนั่งตัวตรง ห้ามนั่งพิงพนักเก้าอี้)
ลองฝึกสตินะ ดูซิว่าที่บอกว่าคุมยาก ถ้ามีสติ เรื่องที่ยากอาจจะง่ายก็ได้นะ
หลายเรื่องที่วันนี้เราอยากมาบอกว่า ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วอย่าพยายามมีสิ่งนี้ เพราะถึงจะมีหน้าตาน่ารักขนาดไหน แต่ถ้ามีนิสัยแบบนี้ก็น่าเกลียดได้ทันที จริงไหม (จริง) จริงทันทีเลยนะ ยังไม่รู้เลยว่าอะไร
ฉะนั้นอะไรจะเปลี่ยนแปลงไป อะไรจะไม่ดีขนาดไหน ขอสำคัญอย่างเดียว ตัวเราต้องมีความดีงามที่คงทนไม่เปลี่ยนแปลง ได้ไหม (ได้)
เมื่อวานสิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกว่าอย่าโลภ แต่วันนี้เราบอกให้โลภในการทำดี ได้หรือไม่ (ได้) เพราะโลภในการทำดีมีแต่มีคุณ มีประโยชน์ เห็นความดีเล็กๆ น้อยๆ “ฉันทำก่อน ไม่ใช่แกไปก่อน” ได้ไหม มนุษย์ชอบเป็นแบบนี้นะ ความดีเล็กๆ น้อยๆ “แกไปก่อน ฉันยังเลวอยู่” ได้ไหม (ไม่ได้) จนทำให้ป่านนี้ก็ยังไม่ดีอยู่ จนไม่รู้ว่าเมื่อไรจะดี
ท่านกลัวผีใช่ไหม แต่เคยได้ยินไหม “คนดีผีคุ้มครอง” ถ้าท่านกลัวผีก็แปลว่าท่านเป็นคนไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) ทำไมผีถึงต้องมาหาคนดี เพราะคนดีมีกุศล ผีเลยอยากมาขอ แต่ถ้าผีมาแบบน่ากลัวๆ ก็แปลว่าอะไร คนหลอกผี หรือ ผีหลอกคน
วันนี้ก็ฟังธรรมมาแล้วอีกครึ่งวัน ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ไม่ยืนและไม่นั่ง ถ้านั่งแล้วไม่ยืนเรียกว่าอัมพาต ถ้ายืนแล้วไม่นั่งเรียกว่ามีปัญหา ใช่หรือไม่ (ไม่) นั่งเพื่อพร้อมจะยืน ยืนเพื่อพร้อมจะนั่ง และไม่ว่าจะนั่งหรือยืนก็เตรียมพร้อมเสมอไม่ว่าจะเจออะไร ใช่หรือไม่ (ไม่)
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่ามนุษย์จึงไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต และไม่ประมาทในการเรียนรู้กับชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่) การไม่ประมาทได้อย่างถ่องแท้ ก็คือต้อง
- อย่าเป็นคนเส้นผมบังภูเขา
- อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบงำจนกลายเป็นคนหน้ามืดตามัว หรือลำเอียงจนเกินไป
- อย่าได้เป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่รู้สิ่งที่เห็น จนกลายเป็น
ไม่รับฟังความคิดใคร ที่เขาเรียกว่าคิดผิดแล้วเสียใจไปจนตาย
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่ามนุษย์สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ อย่าปล่อยให้เส้นผมบังภูเขา อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบงำจนกลายเป็นคนตาบอด หรือเป็นคนลำเอียง มองสิ่งใดได้ไม่แจ่มชัด หรืออย่ายึดมั่นถือมั่นกับความรู้ความเข้าใจจนไม่ฟังใคร แล้วเราเป็นอย่างนั้นหรือไม่ มนุษย์ส่วนใหญ่ชอบเป็นอย่างนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นจงเรียนรู้ เหมือนเมื่อเรามีชีวิตบางครั้งต้องรู้จักก้าวหน้าได้ ถอยหลังได้ และรู้จักหยุดได้ อย่าลืมว่าสัจจะความเป็นจริงของโลกใบนี้คือ “ยอมเก่าจึงได้ใหม่ ยอมโง่จึงเป็นคนฉลาด ยอมถอยจึงรู้จักโลกกว้าง” อย่าเอาแต่ยึดมั่นถือมั่น หรืออย่าเอาแต่ยืนกระต่ายขาเดียว มิเช่นนั้นเราจะผิดพลาดในการดำเนินชีวิตโดยไม่รู้ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) โดยเฉพาะสิ่งที่มนุษย์มักจะเป็นกัน คือ “ดื้อ” มั่นใจตนเองจนไม่รู้จักฟังใคร แต่ถ้าฟังคนอื่นจนขาดความมั่นใจก็ไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการดำเนินชีวิตสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือความสมดุล อย่าฉลาดจนกลายเป็นโง่ และอย่าโง่จนฉลาดไม่เป็น อยู่ในโลกนี้สูงได้จึงต่ำได้ สูงต่ำได้ก็มองความเป็นกลางได้
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนเล่นเกมปรบมือตามคำสั่ง)
เห็นไหมว่ามือเรายังควบคุมให้ดีได้ นับประสาอะไรกับใจ อย่ามัวแต่พัฒนาภายนอก แต่ลืมพัฒนาจิตใจ อย่ามัวแต่สร้างสิ่งภายนอกให้ดี แต่ลืมสร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจ ใช่หรือไม่ (ใช่)
มนุษย์อยากเจอแต่คนที่ดีๆ หน้าตาดีๆ แล้วทำกับเราดีๆ แต่เราเคยคิดหรือไม่ว่าใจเรานั้นดีหรือยัง ใจเราเข้มแข็งพอหรือยัง เพราะในโลกนี้มีใครจะมีดีร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีเลวเลย เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นอย่าหวังในความเป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องมีใจยอมรับในความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ จริงหรือไม่ (จริง) ให้ปรบมือหนึ่งที ก็มี (สองที) สามที ก็มี (สี่ที) ไม่ใช่มีไปเรื่อยๆ ต้องรู้จักหยุดบ้างก็ดี ชีวิตมนุษย์รู้จักแต่คว้าๆ แต่ลืมไปว่าก่อนคว้าน่าจะตั้งสติให้ดี เพราะว่าการคว้านั้นบางครั้งอาจจะคว้าได้ และ (ไม่ได้) ใช่หรือไม่ (ใช่) บางครั้งอาจจะคว้าได้ดี และบางครั้งอาจจะคว้าได้ไม่ดี แล้วใจเราพร้อมที่จะรับหรือยัง ฉะนั้นเราต้องรู้จักเตรียมตัวทั้งภายนอกและภายในด้วย
มนุษย์เราปากตรงกับใจไหม (ไม่) ปากไม่ตรงกับใจ มีทั้งดี ไม่ดีและเป็นบาปได้ บางครั้งเขาถามว่า เราสวยไหม (ไม่สวย) ตัวท่านสวยไหม (ไม่สวย) ตัวท่านหล่อไหม (หล่อ) ผู้ชายก็ยอมรับว่าหล่อนะ แล้วคนอื่นหล่อไหม นี่แหละหนาพูดตรงเกินไปก็ไม่ดี ใช่ไหม แต่พูดไม่ตรงเกินไป ก็ไม่ดีเหมือนกัน ฉะนั้นเราก็ต้องรู้ระมัดระวังคำพูดด้วย เราอยู่ร่วมกันในโลก อะไรเป็นสูตรที่ทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันในโลกได้อย่างเป็นสุข แล้วก็สัมฤทธิ์ผลที่ดี อยู่ร่วมกับคนในโลกก็สามารถสร้างความสุขให้เขา แล้วเราก็เป็นสุขได้ นั่นก็คือ
- รู้จักซื่อสัตย์ ซื่อตรง วาจาสัตย์
- โอบอ้อมอารี ใจกว้าง รู้จักให้อภัยคน
- ขยันขันแข็ง รู้ออม รู้ใช้
ถ้าทำได้สามอย่างนี้ แม้ว่าภาวะภายนอกจะลำบากยากเข็ญ ท่านก็จะไม่มีวันอดตาย จริงไหม (จริง) แต่ถ้าเกิดเป็นคนสับปลับ ปลิ้นปล้อน พูดอย่างทำอย่าง เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ ฟุ้งเฟ้อ แม้ภายนอกจะอุดมสมบูรณ์ สักวันคนที่ดำเนินชีวิตเช่นนี้ก็ต้องลำบาก
ฉะนั้นเราอยู่ในโลกจึงขาดไม่ได้ซึ่งการตรวจสอบตัวเองก่อน ดังที่พระพุทธะกล่าวไว้ว่า “ถ้ามนุษย์รู้จักฝึกฝนเข้มงวดตัวเอง ผ่อนปรนให้อภัย เคารพเกรงใจผู้อื่น เราก็ยังสามารถยังประโยชน์สุขให้กับทุกๆ คนในโลกได้” เคยได้ยินไหม มีทั้งเคยและไม่เคย งั้นวันนี้เราบอกให้ได้ยินอีกครั้งนะ ถ้าเราอยากทำให้คนในโลกมีความสุข ทำง่ายๆ คือ ฝึกฝนเข้มงวดตัวเอง ผ่อนปรนให้อภัยเคารพและให้เกียรติผู้อื่น แค่นี้เอง เราก็สามารถมอบความสุขให้กับโลกนี้ได้ จริงไหม (จริง) เชื่อได้ขนาดนั้นเชียว ถ้าเชื่อได้ขนาดนั้นจริงๆ มนุษย์ทุกคนก็ต้องรู้จักให้อภัยผู้อื่น แต่ไม่ให้อภัยความผิดพลาดของตนเอง ใช่หรือไม่ (ใช่) คนอื่นผิดพลาดต้องไม่ถือสา คนอื่นเลวร้ายต้องไม่โกรธเคือง ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเราทำได้อย่างนั้นไหม (ไม่ได้) แต่ถ้ามนุษย์ทุกคนรู้จักบำเพ็ญตน เข้มงวดตนเอง ผ่อนปรน ให้อภัย ใจกว้างกับผู้อื่นก็จะสามารถยังความสันติให้กับทุกหย่อมหญ้าได้ ทำไมเราพูดเช่นนี้ เพราะถ้าทุกคนผิดก็รู้จักแก้ไข รู้จักปรับปรุง ไม่ต้องรอให้ใครว่า ตัวเองตำหนิว่าตัวเอง ไม่มีเวลาไปจับผิดใคร คนเช่นนี้มีทุกๆ ที่ มีทุกๆ สังคม โลกจะไม่สันติหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่คนปัจจุบันนี้เป็นอย่างนั้นไหม (ไม่เป็น)
คนที่ไม่น่ารักก็คือคนที่เล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ให้อภัย เล็กๆ น้อยๆ ก็บ่นแล้วบ่นอีก ว่าแล้วว่าอีก เราเป็นอย่างนั้นไหม เป็น ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าเราอยากฝึกฝนตนเอง ไม่ยากเลย เข้มงวดตนเอง ให้อภัย ใจกว้างกับผู้อื่น ท่านก็สามารถยังความสันติในโลกได้ แต่นิสัยมนุษย์ไม่ใช่แบบนั้น ตาชอบมอง ชอบจับผิด ข้างหนึ่งฟัง ข้างหนึ่งระแวง ใช่หรือไม่ (ใช่) ข้างหนึ่งทำดี ข้างหนึ่งแอบตีกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้น สิ่งที่มนุษย์ต้องระวังก็คืออย่าจับผิดผู้อื่น อย่าถือสาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่น ถ้าเล็กๆ น้อยๆ ไม่ให้อภัย แล้วเรื่องใหญ่ๆ ใครจะให้อภัย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ท่านต้องรู้จักให้อภัย เหมือนดังคำกล่าวว่า “ลมอุ่นละลายความหนาวเย็น” คำพูดที่ดีช่วยสลายความโกรธเคือง ใช่หรือไม่ (ใช่)
และอีกอย่างหนึ่งคือมนุษย์ทุกคนล้วนมีข้อผิดพลาดที่เก็บไว้ในใจ ชีวิตนี้ใครๆ ก็มีสิ่งที่ผิด ใช่ไหม (ใช่) แล้วเราก็เก็บไว้ไนซอกหลืบที่ไม่อยากให้ใครรู้ ใช่ไหม (ใช่) แต่ถ้าเมื่อไรคนใดเอาไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ เราโกรธไหม (โกรธ) เอามาแอบซุบซิบนินทา เราเกลียดไหม (เกลียด) ให้อภัยไหม (ไม่ให้) ก็มันเป็นธรรมดาของมนุษย์นี่ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นเราไม่ชอบก็อย่าทำ ถามจริงๆ แล้วตัวเรามีความผิดลึกๆ ที่ฝังในใจและไม่อยากให้ใครรู้ไหม (มี) แต่ทำไมชอบไปรื้อของคนอื่น ของตัวเองไม่รื้อ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วคนแบบนี้ดีไหม (ไม่ดี) แล้วเคยเป็นไหม ที่อยู่ด้วยกันเรื่องดีๆ ไม่จำ แต่เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจำได้แม่น เป็นไหม (เป็น) คุยกันเมื่อไร เรื่องสามปีลากมาด้วย เพราะเป็นเหตุเป็นผลให้เราโกรธ ใช่ไหม (ใช่) แล้วเราชอบคนแบบนี้ไหม (ไม่ชอบ) แล้วเราเป็นแบบนี้ไหม (เป็น) ฉะนั้นรีบๆ ตัดนิสัยไม่ดีอย่างนี้ทิ้งไปดีกว่านะ
อีกอย่างหนึ่งที่มนุษย์ชอบเป็น ก็คือรู้ดีไปหมด ยังไม่ทันอ้าปาก ก็บอกว่า “คุณไม่ต้องอ้าปาก ฉันก็รู้ว่าคุณจะพูดอะไร คุณคิดอย่างนี้ใช่ไหม คุณเป็นแบบนี้ใช่ไหม ลูกไม่ต้องอ้าปากแม่ก็รู้ว่าลูกจะพูดอะไร” ใช่ไหม
เราชอบไหมคนแบบนี้ (ไม่ชอบ) รู้ดีกว่าเราอีก เราบอกว่าไม่โกรธนะ แต่เขากลับบอกว่า “ท่าทางอย่างนี้แหละแกโกรธฉัน” ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราบำเพ็ญธรรม จึงอย่าไปพยายามจับผิด เข้มงวดคนอื่น เลิกซะ แต่หันกลับมาเข้มงวดตัวเอง ขัดเกลาตัวเอง แล้วเปิดใจกว้างให้อภัยผู้อื่น ดีไหม (ดี)
ต้นเหตุแห่งความโกรธ ความเกลียด ความโลภ ความหลง มันมาจากการที่มองคนอื่นแล้ว “รักจังเลย” รักแล้ว พอไม่รักก็เกลียดทันที เป็นอย่างนั้นไหม (ใช่) ฉะนั้นอยู่ในโลกเราจึงต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้เส้นผมบังภูเขา จริงหรือไม่ (จริง) แล้วค่อยหันกลับมาฝึกฝนตนด้วยการเข้มงวดตน ผ่อนปรนผู้อื่น
อยากดำเนินชีวิตอย่างประสบผลสำเร็จ พูดคำไหนต้องคำนั้น มีน้ำใจโอบอ้อมอารี รู้ใช้ รู้ออม และรู้ขยัน ไม่งอมือ งอเท้า ใช่หรือไม่ (ใช่) สามอย่างนี้คือการดำเนินชีวิตในโลก แต่เข้มงวดตนเองผ่อนปรนผู้อื่น คือการดำเนินชีวิตภายใน ใช่ไหม (ใช่) แยกให้ออกด้วย
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา ให้แต่ละคนคิดคนละคำแล้วพูดต่อกันจนจบให้เป็นประโยคที่ดี มีความหมาย โดยพูดซ้ำคำของคนข้างหน้าตนเองด้วย)
เพราะเราอยู่กันในโลกมีเรื่องต้องเกี่ยวพันกับคนในโลกเยอะ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเกี่ยวอย่างไรให้ได้ดี เกี่ยวแล้วไม่ให้ผูกพันกันเกินไป แต่มันยากตรงที่ว่าเราไม่ได้เกี่ยวพันกับคนๆ เดียว เมื่อเราอยู่ในโลกนั้น เราต้องรู้จักปรับปรุง และพลิกแพลงตัวเองให้ดี และให้งดงามให้จงได้ นั่นแหละเป็นเรื่องยาก เหมือนกันในโลกไม่ได้มีแค่สามคน ในโลกมีคนที่สี่ คนที่ห้า คนที่หก ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่าพูดว่า พูดคนเดียวตัวเองรอดแล้วคนอื่นจะคิดหนัก ฉะนั้นวันนี้ท่านอยู่ร่วมกันในห้องคิดให้รอดหนึ่งประโยค ได้ไหม (ได้) เราอยู่ในโลกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะร่วมกันให้ได้ดี ต้องคิดนะว่าคำที่ตัวเองคิดแล้วเขาจะต่อได้หรือเขาจะต่อแล้วตายนะ
เล่นอะไรง่ายๆ ก็ดูธรรมดาไปนะ ต้องเล่นอะไรที่ใช้สมองใช้ปัญญาหน่อย ตั้งแต่นั่งฟังเราเคยคุยกับคนข้างๆ ไหม วันนี้มีทุกข์ร่วมทุกข์แล้วนะ ถ้าไม่รอดจะให้แต่งประโยคใหม่นะ
(เป็นคนคิดดีทำ) แบบนี้เรียกว่าไม่สำเร็จนะ ต้องคิดใหม่ ฉะนั้นเวลาทำอะไรขอให้คิดไตร่ตรองให้ดี พร้อมหรือยัง (พร้อม)
ดูฝ่ายหญิง ยากไหม ไม่ยากเลยแค่ขอมีสติ แล้วรู้จักเรียนรู้จากคนข้างหน้า เพื่อเอามาเป็นแบบอย่างให้กับคนข้างหลัง ใช่หรือไม่ (ใช่) ชีวิตเราก็เป็นแบบนี้มิใช่หรือ การจะก้าวหน้าได้ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ข้างหลังเพื่อสานต่อให้กับชีวิตเรา และสืบต่อให้กับอนาคตข้างหน้า ใช่หรือไม่ (ใช่) ขอให้มีสติที่จะเรียนรู้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) แถวไหนพร้อมยืนขึ้นเลย
หลังจากเห็นคนอื่นผิดพลาดแล้วท่านว่าเกมที่เราให้เล่น ยากไหม (ไม่ยาก) เพราะชีวิตมนุษย์นั้น ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ เรายังต้องมีชีวิตร่วมกับผู้อื่น ฉะนั้นเราต้องรู้จักประสานกับคนอื่นให้ได้ราบรื่นและเป็นสุขนะ
เป็นธรรมดา ที่เราอยู่ในโลกต้องให้อภัยกัน แม้ว่าจะผิดแล้วผิดอีกเราก็ต้องใจเย็นๆ อย่าโกรธนะ อยู่ร่วมกับคนอื่นนั้นไม่ง่ายเลย แถวสุดท้ายยังผิดอยู่นะ เล่นเกมไม่ต้องห่วงคนอื่น ดูแลตัวเองก็พอ จำแต่ของตัวเองก็พอ
เกมไม่ยาก ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ยากที่จะคุมเกมชีวิตของตัวเองให้ได้ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้ได้ และให้ได้ดีด้วยนะ
ฉะนั้นเวลาท่านเล่นเกมกันอย่าถือสาหาความคน เพราะคนก็เหมือนสายรุ้ง มีสารพัดสี ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เมื่อรุ้งสารพัดสีรวมตัวกันก็เป็นสายรุ้งที่งดงาม คนบางคนเรียนรู้ช้า บางคนเรียนรู้เร็ว บางคนมีสติอยู่กับตัว แต่บางคนพอตื่นเต้นสติก็กระเจิง คนบางคนเจอเรื่องราวคุมตัวเองได้ดี แต่พอไปเกี่ยวกับคนอื่นแล้วกลายเป็นคุมไม่ได้เลย ฉะนั้นดูแลตัวเองให้ดีนะ
คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นคนทางเหนือ เราให้เพลง “ลูกข้าวนึ่ง” พอร้องได้นะ ท่านมีหัวข้อที่ต้องศึกษาอีกเยอะ มีโอกาสเราค่อยมาผูกบุญสัมพันธ์กันใหม่นะ
บำเพ็ญธรรมเข้มงวดตัวเอง ให้อภัยผ่อนปรนผู้อื่นนะ อยู่ในสังคมคนเขาเป็นแบบไหนเราต้องอดทน ให้อภัย เพราะถ้าถึงเวลาเราเป็นบ้างเขาจะได้คิดให้อภัยเรา ถ้ากับคนอื่นเราไม่ให้อภัยถึงเวลาเราเป็น เขาจะให้อภัยเราหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นดูแลตัวเองให้ดีก็พอ อย่าไปเข้มงวดคนอื่นเลย เข้มงวดตัวเองก็พอนะ ใครจะเป็นอย่างไร ปากร้ายพูดไม่เพราะ เราไม่ต้องสนใจ เราพูดเพราะปากดีก็พอ ใช่ไหม (ใช่) ไปแล้วนะ
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
จะบำเพ็ญมานานสักกี่ปี การทบทวนใจนี้เหมือนเริ่มต้น
ทำสิ่งที่ทุกวันอย่างรู้ตน เหมือนหนทางชำนาญแล้วไม่วายระวัง
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถาน แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคน ทนหิวไหวไหม
ผูกใจเจ็บเก็บความโกรธนานนับปี ยังมิมีทีท่าจะเบาลงได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ขัดเคืองใจ ก็แล้วไยไม่ทิ้งไปขยะในตน
ไม่มีใครเป็นได้ดั่งใจศิษย์ แม้หวังดีเพียงนิดยังไม่มีผล
ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกรรมตน มองออกพ้นความยึดมั่นผูกติดตาย
เกิดมาเพื่อใช้กรรมที่ตนก่อ อภัยหนอแม้จะทุกข์สักเพียงไหน
สำนึกขอขมาอดีตที่ทำไป หากเจอใครร้ายร้ายไม่คิดจองเวร
ยิ่งอภัยใจยิ่งกว้างเย็นสงบ เริ่มแล้วจบอนิจจังไม่มีเว้น
ขอหยุดสร้างเหตุเวียนว่ายด้วยบำเพ็ญ รู้เท่าทันอารมณ์กิเลสเป็นการฝึกใจ
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
อาจารย์ขอเวลาศิษย์สักหน่อย อาจจะทำให้ศิษย์ต้องทานอาหารช้าหน่อย เป็นอะไรไหม (ไม่เป็น) ใครมีโรคไหม (ไม่มี) ถ้าทนไม่ไหวก็บอก อาจารย์อนุญาตให้ลงไปทานก่อนนะ วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ดีใจไหม (ดีใจ) ดีใจว่า ได้กลับบ้าน ปกติชอบออกมาเที่ยวไม่ใช่หรือ (ชอบ) ส่วนใหญ่จะเที่ยวตามใจ แต่วันนี้ได้เที่ยวตามใจไหม (ไม่ได้) ไม่ได้ตามใจเลยไม่ค่อยชอบ ใช่ไหม ศิษย์แค่จากบ้านมาสามวัน ศิษย์ยังคิดถึงบ้าน แล้วจิตใจเดิมของศิษย์จากบ้านเดิมมากี่ภพกี่ชาติแล้ว ไม่คิดถึงบ้านที่แท้จริงของตัวเองบ้างหรือ ศิษย์รู้จักบ้านของร่างกาย แล้วศิษย์รู้จักบ้านของญาณเดิมแท้ของตัวเองไหม ไม่รู้เลยหรือ ใช่ไหม (ใช่) อาจารย์ถามศิษย์ในใจลึกๆ ว่า ถ้าศิษย์มีโอกาสตายไปแล้ว อยากกลับไปไหน ศิษย์จะตอบว่า กลับสวรรค์ ใช่ไหม (ใช่) ลึกๆ แล้วใครๆ ก็อยากกลับขึ้นไปบนฟ้า ถูกหรือไม่ (ถูก) เห็นไหมว่า จริงๆ แล้วศิษย์ก็มีบ้านเดิมของพุทธจิตธรรมญาณ แต่ต้องเป็นบ้านเดิมที่แท้จริงที่ไม่เวียนว่ายกลับมาเกิดอีก ถูกหรือเปล่า (ถูก) แล้วเราเคยทำตัวอย่างไร ทำให้เรานั้นคืนขึ้นไปถึงบ้านที่แท้จริงบ้างหรือไม่ เราเคยทำตัวของเราให้สามารถเหมือนฟ้าที่คืนกลับไปบนฟ้า ได้หรือไม่ ทำจิตใจเบาได้ไหม รู้จักปล่อย รู้จักปลง รู้จักวางบ้างได้ไหม (ได้) แต่ทำได้แค่ครู่เดียวเอง ก็เลยไปไม่ถึงไหนเลย ใช่ไหม พอทำใจไม่ได้ก็ตกลงมาใหม่
การศึกษาบำเพ็ญธรรมคืออะไร ทำไมเราต้องศึกษาบำเพ็ญธรรม ทำไมอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องลงมาหา ต้องลงมากล่าวเรื่องหลักธรรมให้ทุกท่านได้รู้ เพราะยุคนี้เป็นการปกโปรดยุคสาม พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวังที่จะช่วยเวไนยสัตว์ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไม่ใช่แค่ช่วยการทำมาหากิน แต่ช่วยที่จิตญาณ ไม่ใช่ช่วยให้รอดไปวันๆ แต่ช่วยให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดที่แท้จริง ฉะนั้นวันนี้สิ่งที่ศิษย์บำเพ็ญไม่ใช่บำเพ็ญเพื่ออยู่รอด แต่บำเพ็ญเพื่อฉุดช่วยจิตญาณของตนให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดที่แท้จริง
การศึกษาบำเพ็ญเพื่อพ้นการเวียนว่ายตายเกิดคือ “ก้มหน้าไม่อายดิน เงยหน้าไม่อายฟ้า” หรือที่เรียกว่า “ไม่ผิดต่อฟ้าและดิน” ไม่ผิดต่อคนรอบข้าง และไม่ผิดต่อคุณธรรมในใจของตน ถ้าศิษย์สามารถทำได้เช่นนี้ศิษย์ก็สามารถหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้ ยากหรือไม่ (ยาก) แล้วเราอายฟ้าหรือไม่ (ไม่อาย) อายดินหรือไม่ (ไม่อาย) อย่างนั้นศิษย์ก็เป็นคนดีแล้ว อย่างนั้นศิษย์อายหรือไม่ ที่เกิดมาเป็นคนแล้วปฏิบัติต่อคนรอบข้างเช่นนี้ (ไม่อาย) แล้วศิษย์ละอายต่อตนเองหรือไม่ว่าเกิดมาเป็นคนแล้วทำได้เพียงแค่นี้ (อาย) แปลกนะ ต่อฟ้าดิน ต่อคนอื่นไม่อาย แต่กลับอายตัวเอง หากตัวเองยังละอายแล้วจะมีหน้าไปมองคนอื่น มองฟ้ามองดินอีกหรือ ก็เพราะมนุษย์เป็นแบบนี้ใช่หรือไม่ (ใช่) อะไรที่เรียกว่าไม่ผิดต่อฟ้าดิน ฟ้าดินสอนให้มนุษย์รู้จักบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นคนดี ไม่ดี รวย หรือจน ฟ้าดินปฏิบัติต่อทุกคนเท่าเทียมกันหมด แต่ตัวเราลำเอียงหรือไม่ (ลำเอียง) ตัวเราแอบทุจริตหรือไม่ (แอบ) ฟ้าดินสอนมนุษย์ให้มนุษย์ให้โดยไม่หวังผล แล้วเราให้แล้วหวังผลหรือไม่ (หวัง) ฟ้าดินสอนให้มนุษย์ครอบครองแล้วไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่มนุษย์ครอบครองแล้วยึดมั่นถือมั่น ใช่หรือไม่ (ใช่) ฟ้าดินสอนให้มนุษย์รู้ว่าในโลกนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของได้แท้จริง แต่มนุษย์อยากเป็นเจ้าของทุกๆ สิ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่) อายหรือไม่ (อาย) เห็นอยู่ทุกวันไหม (เห็น) แต่เราทำอยู่ทุกวันไหม (ทำ) ฟ้าดินสอนให้มนุษย์ว่า ใครชมใครว่าฟ้าดินก็ไม่ลำเอียงไม่เปลี่ยนแปลง ใครทำอะไรฟ้าดินก็ปฏิบัติแบบนั้นอย่างเสมอภาคด้วยความอดทน แล้วมนุษย์อดทนหรือไม่
“คนนี้มันด่าฉัน ฉันจะไม่มองหน้ามันเลย ฉันจะไปมองหน้าแต่คนที่ไม่ด่าฉัน ใช่หรือไม่ (ใช่) คนนี้มันชมฉัน ฉันก็จะหันไปชมเขาๆ” ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วนี่เรียกว่าผิดต่อฟ้าดินไหม แล้วอายไหม (อาย)
เมื่อสักครู่ศิษย์พูดกับอาจารย์ว่าศิษย์ไม่อายคน ใช่ไหม (ใช่) อาจารย์ขอถามหน่อย พ่อแม่ของเรา เรากตัญญูรู้คุณหรือยัง (ยัง) ไม่ผิดต่อผู้คน แปลว่าต่อพ่อแม่ต้องกตัญญูรู้คุณ ใช่หรือไม่ (ใช่) ต่อสามีต้องซื่อตรง ต่อหน้าที่ต้องรู้จักรับผิดชอบ ใช่หรือไม่ (ใช่) สามีต่อภรรยาซื่อตรงหรือยัง แอบคิดร้ายไหม แอบนอกใจหรือเปล่า หน้าที่รับผิดชอบสมบูรณ์ไหม (ยัง) เป็นแบบนี้แล้วยังไม่อายคนอื่นหรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นต่อคน ศิษย์บอกศิษย์ไม่อาย แต่อาจารย์ถามจริงๆ ศิษย์มีหน้าที่เป็นอะไร เป็นแม่ แม่ต้องมีความเมตตา รักลูกเท่ากันไหม เป็นพี่ แล้วรักน้องไหม รักแล้วลำเอียงไหม เรียกให้น้องเคารพเรา แต่เราเคยรักน้องอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมไหม แล้วเราเคยเคารพพี่ไหม คนบางคนแปลก เรียกให้น้องเคารพเรา แต่ตัวเรากลับไม่เคารพพี่ ใช่หรือไม่ (ใช่) เรียกให้ลูกน้องรักเรา แต่เรากลับไม่เคารพเจ้านาย นี่ไม่ถูกต้อง ตัวเราเคารพคนอื่นไม่ได้แต่เรียกให้คนอื่นมาเคารพตัวเอง ได้ไหม (ไม่ได้) แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม (เป็น) แล้วอย่างนี้เรียกว่าต่อผู้คน ศิษย์ไม่ผิดหรือ (ผิด) ต่อหน้าที่ศิษย์สมบูรณ์แล้วหรือ (ยัง) แล้วหนึ่งคนมีกี่หน้าที่ ศิษย์ค้าขายไหม (ค้าขาย) ศิษย์ทำไร่ทำนาไหม (ทำ) ศิษย์ซื่อตรงไหม ดีใจที่มีคนมาซื้อของ แต่ถามว่าเราจริงใจไหม จริงใจกี่เปอร์เซ็นต์ พูดจริงกี่เปอร์เซ็นต์ ใช่ไหม (ใช่) ทำไมคนไม่มาซื้อของกับเรา ก็ต้องถามสิ หน้าตาเรายิ้มแย้ม ต้อนรับลูกค้าไหม เรามีความจริงใจที่ไม่โกหกหลอกลวงหรือเปล่า ถูกหรือไม่ (ถูก) ต่อความเป็นคนของตัวเอง ต่อคุณธรรมในใจของตัวเอง ศิษย์เกลียดคนที่เอาเปรียบศิษย์ไหม (เกลียด) แล้วศิษย์อดทนไหม (ไม่) ศิษย์เกลียดคนเอาเปรียบ เกลียดคนรักสบาย เกลียดคนกินแรง หรือไม่ (เกลียด) แล้วบางครั้งศิษย์รักสบายไหม แอบอู้งานไหม แอบโกงไหม (แอบ) เกลียดเขาแล้วทำไมจึงทำแบบนั้น จริงหรือไม่ (จริง) ฉะนั้นถามใจเราลึกๆ ว่าเราเกลียดคนที่โกงบ้านโกงเมือง แล้วเราแอบโกงภรรยา โกงสามี โกงเพื่อนไหม ใช่หรือไม่ (ใช่) ชี้หน้าว่าคนอื่นแต่ตนเองก็ยังเป็นด้วย หนึ่งนิ้วชี้คนอื่น แต่สี่นิ้วชี้ตัวเอง ถูกหรือไม่ (ถูก) เราเกลียดคนแบบไหนอีก คนโกหก ไม่รักษาคำสัตย์ แล้วบางครั้งเราต้องโป้ปดมดเท็จหรือไม่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นหลักการบำเพ็ญธรรมไม่ยากเลยนะศิษย์ อย่างทีอาจารย์บอกคือ ไม่ผิดต่อฟ้าดิน ไม่ผิดต่อผู้คน และไม่ผิดต่อคุณธรรมในใจตน
มนุษย์ทุกคนมีจิตเมตตา หรือไม่ (มี) มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปหรือไม่ (มี) รักการเคารพนับถือ รักคนที่ซื่อตรงซื่อสัตย์หรือไม่ (รัก) แล้วเราเป็นแบบนั้นหรือเปล่า (เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง) ถ้าความเป็นคนยังไม่สมบูรณ์แล้วศิษย์จะไปเรียกความเป็นคนที่สมบูรณ์จากใครได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรมจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย เริ่มต้นจากตัวเราเองรักษาความเป็นคนให้สมบูรณ์ รักษาหน้าที่ต่อผู้คนให้ถูกต้องเหมาะสม และรู้จักดำเนินชีวิตไม่อายฟ้า ไม่อายดิน ทำยากหรือไม่ (ยาก, ไม่ยาก) ทำไมก้มหน้าเป็นแถว ไม่ยากเลยใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์ให้นำพระโอวาทของท่านหนึ่งในแปดเซียนหันเซียง จื่อ มาแบ่งเป็นแปดคำ)
อาจารย์ถามว่า ศิษย์อาจารย์ที่อยู่ที่นี่ ใครว่าตัวเองเป็นคนดีแล้วบ้าง ยกมือขึ้น คิดว่าดีกี่เปอร์เซ็นต์ คิดว่าดีกี่วัน คิดว่าวันหนึ่งดีกี่ชั่วโมง กี่นาที ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นคนดีคือคนที่ผิดแล้วรู้จักแก้ไข ใช่หรือไม่ (ใช่)
วันสุดท้ายแล้ว หน้ายิ้มๆ หน่อยได้ไหม การนั่งฟังนี่ทุกข์ไหม แต่ชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้นทุกข์ยิ่งกว่าการนั่งฟังอีกนะ ใช่หรือไม่ (ใช่) ชีวิตที่ไม่รู้จักทางหลุดพ้น ชีวิตที่ไม่หยุดการเวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าการนั่งฟังตรงนี้สามวันอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นฟังแล้ว ต้องหาทางพ้นทุกข์ให้เจอ ใช่ไหม (ใช่)
ยินดีต้อนรับอาจารย์ไหม เสียงเริ่มดังขึ้นนะ ความทุกข์แห่งความหิว ยังไม่น่ากลัวเท่ากับความทุกข์แห่งความโลภที่ไม่รู้จักพอ จริงไหม เราอยู่ในโลกนี้ เราหวังให้ทุกคนดีต่อเรา ไม่ทำร้าย ไม่คิดผิด ไม่คดโกงเรา คงเป็นเรื่องยาก เราหวังให้ทุกคนพูดดีๆ กับเรา ไม่พูดให้เราเจ็บปวด ไม่พูดให้เราทุกข์ทรมานก็เป็นเรื่องยากยิ่งเข้าไปอีก ฉะนั้นหวังให้คนเป็นอย่างที่เราคิดนั้นยาก แต่ถ้าเรากลับมาหวังให้ใจเราอดทน รับคนที่เป็นแบบนี้ และสามารถปรับเปลี่ยนจิตใจให้เข้มแข็งแล้วสู้กับคนแบบนี้ได้ไม่ดีกว่าหรือ ใช่ไหม เปลี่ยนคนให้เป็นดังใจนั้นเปลี่ยนยาก สู้เปลี่ยนใจเราให้รับกับคนที่ไม่เป็นดังใจให้เราทนไหวให้ได้ ง่ายกว่าอีก
สติปัญญา เป็นธรรมที่มีอุปการะมาก เป็นธรรมที่ผู้ใดดำรงไว้สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ สติคือความรู้เท่าทัน ปัญญาคือความรู้แจ้ง เห็นจริงอย่างถ่องแท้และแทงตลอด
ฉะนั้นเมื่อมนุษย์ต้องการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ในขณะมีชีวิตสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “สติและปัญญา” สติปัญญาทำให้เรามองเห็นแจ่มชัด และรู้เท่าทันอารมณ์ที่มากระทบและสามารถหยุดยั้งความหลง ความโกรธ ไม่ให้มากจนเกินไปได้
อาจารย์ยกตัวอย่างง่ายๆ ศิษย์ทุกคนเกลียดความตาย ใช่หรือไม่ (ใช่) ศิษย์ทุกคนรักความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ศิษย์รู้หรือไม่ว่า ทุกขณะที่เกิดคือทุกขณะที่ตาย อย่าคิดว่าศิษย์ชอบสิ่งนี้และอีกสิ่งหนึ่งศิษย์ไม่ชอบ ทั้งที่ความเกิดและความตายคือสิ่งที่แนบสนิทอยู่ด้วยกันเสมอ หนึ่งขวบที่ศิษย์เกิดคือหนึ่งขวบที่ศิษย์ตาย ใช่หรือไม่ (ใช่) หนึ่งวันที่ศิษย์พบคือหนึ่งวันที่ศิษย์พร้อมจะพลัดพราก ถูกหรือไม่ (ถูก) หนึ่งวันที่ศิษย์มีสุขคือหนึ่งวันที่ศิษย์พร้อมจะต้องพบกับความทุกข์ จริงหรือไม่ (จริง) ถ้ามนุษย์สามารถมีสติรู้เท่าทัน มีปัญญามองเห็นแจ้ง เราก็จะไม่ลุ่มหลงกับสิ่งใดจนเกินไป เปรียบเหมือนความสวยงามก็มาพร้อมกับความร่วงโรย ใช่หรือเปล่า (ใช่) เปรียบเหมือนความรักก็มาพร้อมกับความเกลียด ถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นหวังจะมีสิ่งหนึ่งแล้วหลีกหนีอีกสิ่งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ เพราะโลกนี้เป็นโลกของความเป็นคู่ มีพบก็ต้องมีพราก มีความเข้มแข็งก็มีความอ่อนแอซ่อนอยู่ในตัว ทุกขณะที่อาจารย์ได้เจอศิษย์วันนี้ก็คือทุกขณะที่อาจารย์พร้อมจะจากศิษย์ไป
ฉะนั้นเราไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ แต่เราสามารถควบคุมใจของเราเมื่อเผชิญกับภาวะต่างๆ ได้ จริงหรือไม่ (จริง) ฉะนั้นแม้ภาวะความพลัดพรากจะมาพบ แม้ความทุกข์จะมาเผชิญ แม้ความเจ็บป่วยจะมากระทบจิตใจ เมื่อนั้นเราก็จะรู้สึกว่าสักวันหนึ่งก็ต้องผ่านไป จริงไหม (จริง) ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเวลา ตอนนี้ศิษย์กำลังอยู่กับเวลาอะไร แล้วเวลานี้ก็พร้อมที่จะจากไป ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอย่าหวังแต่ความสุขแล้วหลีกหนีความทุกข์ อย่ารังเกียจความตายทั้งที่ศิษย์กำลังมีความตายอยู่ทุกขณะจิต ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วในโลกนี้มีคนที่สามารถทำอะไรถูกใจเราไปเสียหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)
พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะกล่าวว่า ทุกสิ่งมีพลังแห่งการสร้างสรรค์ และพลังแห่งการทำลายล้างแอบแฝงอยู่ จริงหรือไม่ (จริง) ในตัวเรามีพลังแห่งการเกิดและการดับ ใช่หรือไม่ (ใช่) ในตัวเรามีพลังแห่งความเข้มแข็งและพลังแห่งความอ่อนแอ ฉะนั้นอย่ามัววอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สุขหรือทุกข์อยู่ที่ตัวเราเองเป็นผู้กำหนดได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นสิ่งที่มนุษย์ต้องจำไว้ไม่หลงลืมคือปัญญาแห่งความรู้แจ้ง สิ่งที่มีความเกิดอยู่ ก็มีความดับอยู่ด้วย สิ่งนั้นเรียกว่าไม่เที่ยง ไร้ตัวตน และเป็นทุกข์ มีใครในโลกไม่มีทุกข์ ไม่เจ็บป่วย ไม่พลัดพราก (ไม่มี) แล้วตอนนี้เราจะทุกข์กับอะไร ตัวเราที่สุดแล้วก็คือความว่างเปล่า ตัวเราถึงที่สุดคืออะไร เข้มแข็งถึงที่สุดคืออ่อนแอ อ่อนแอถึงที่สุดคือความสูญสลาย ฉะนั้นเรากำลังทุกข์สุข อยู่กับความว่าง แล้วเราทำไมกำลังทุกข์กำลังสุข เราควรรักษาความปกติของหัวใจไม่ใช่หรือ ใครชมก็เฉยๆ ใครว่าก็เฉยๆ ได้หรือไม่ (ได้) เดินๆ ไปแล้วเจอเงินหนึ่งพันบาท ดีใจหรือไม่ (ดีใจ) ดีใจหรือ เดินๆ ไปเจอทองหนึ่งบาท ดีใจไหม (ดีใจ) อาจารย์เห็นว่าเงินและทองคือภัยที่อยู่ข้างหน้า ไม่เก็บไม่สนปลอดภัยกว่ามากนะ วันนี้ศิษย์ดีใจ แต่เดินไปอีกไม่กี่ก้าวศิษย์อาจทุกข์ใจ และอาจจะช้ำใจไปตลอดชีวิตที่เก็บเงินหนึ่งพันและเก็บทองหนึ่งบาทก็ได้
ฉะนั้นหากอยู่ในโลกนี้ยังมีความอยากอยู่ ศิษย์ก็ต้องพร้อมที่จะเสี่ยงกับความไม่แน่นอน ใช่หรือไม่ (ใช่) และมีความทุกข์เป็นธรรมดา
ในโลกนี้มีคนที่ศิษย์รักและมีคนที่ศิษย์เกลียด มีคนที่ศิษย์จำได้ และมีคนที่ศิษย์จำไม่ได้ แล้วคนที่ศิษย์เกลียด จำได้หรือไม่ได้ (ได้) ใกล้ปีใหม่แล้ว อยากได้ของขวัญปีใหม่ไหม (อยาก) แต่ว่าก่อนจะอยากได้ของขวัญปีใหม่ อาจารย์ว่าพยายามหันกลับมามองใจ แล้วชำระใจในตัวเองให้ว่าง ให้สบายดีไหม เคยมองไหมว่าในใจเรามีอะไรที่มีประโยชน์ และมีอะไรที่ตอนนี้เน่าเฟะอยู่ในใจ เคยมองบ้างไหม ว่ามีอะไรที่อยู่ในใจแล้วเป็นสิ่งที่ดี นึกถึงกี่ครั้งก็มีความสุข แล้วมีอะไรที่อยู่ในใจ เมื่อนึกถึงกี่ครั้งก็เจ็บปวดใจ มีไหม (มี)
อย่างนั้นอาจารย์ถามว่า อะไรที่อยู่ในใจศิษย์นึกถึงกี่ครั้งก็เจ็บปวดใจ อยากจะเอาทิ้งไป ยิ่งเก็บไว้ก็ยิ่งมีแต่เน่าในใจ นึกถึงกี่ครั้งก็มีแต่ทำร้ายเรา
(เสียลูกไป) ศิษย์น่าจะดีใจ ว่าชีวิตนี้อย่างน้อยได้มีคนที่รักและจำได้ไม่ลืม ถ้าตอนนี้ยังอยู่ อาจจะบอกว่าเบื่อขี้หน้าแล้วก็ได้ จริงไหม ลองคิดให้ดีๆ บางคนจากรักก็กลายเป็นเกลียดได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นมีคนให้จำไม่ลืม ดีกว่าไม่มีใครให้จำนะ ไม่ต้องเสียใจ
(ตอนนี้ลูกไม่สบาย อยากให้ลูกแข็งแรง) ศิษย์เอ๋ย มีใครในโลกนี้ไม่เจ็บป่วย เขายังอยู่ให้ศิษย์ได้เห็น ยังดีกว่าเขาป่วยแล้วจากไปทันทีนะ ฉะนั้นศิษย์ตั้งสติให้ดี ต้องเข้มแข็ง รักษาให้ดีที่สุด ทุกคนมีเวลามาและมีเวลาไป เข้มแข็งนะ
(คนที่ทำให้โกรธ) ศิษย์เคยไหม ที่คนอื่นทำเราโกรธทีเดียว แต่เราเป็นคนเอาความโกรธทิ่มเรา เจ็บปวดหลายๆ ที ใช่ไหม ไม่จำเป็นต้องลืมหรอก แต่รู้จักรับมือกับอดีตเพื่อสร้างปัจจุบันและอนาคตที่ดีงาม ถามว่าเกลียดคนที่ทำร้ายศิษย์ แล้วพยายามลืมเขา ศิษย์ลืมลงไหม ลืมอย่างไรก็ลืมไม่ลง ใช่ไหม (ใช่) อาจารย์อยากจะบอกว่า ไม่ต้องลืมแต่จงจำอดีต เพื่อสร้างปัจจุบันและอนาคตด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง
(เคยว่าพ่อแล้วไม่มีโอกาสขอโทษ ตอนนี้พ่อจากไปแล้ว) อย่างนั้นต่อไปหมั่นสร้างคุณงามความดี และอุทิศให้บิดามารดาดีไหม
สิ่งไม่ดีในใจศิษย์รีบเอาออกมา วันนี้อาจารย์ช่วยชำระล้าง เรามารับธรรมะ จะหายจากโรคภัยไข้เจ็บไหม (ไม่ได้) โรคภัยไข้เจ็บเกิดจากอะไร เกิดจากปากกินไม่รู้จักระวัง เกิดจากใจที่ชอบตามใจตัวเอง กินในสิ่งที่ไม่ควรจะกิน เกิดจากความขี้เกียจที่ไม่รู้จักออกกำลังกาย ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าอยากจะรักษา ก็ต้องรู้จักควบคุมปาก ควบคุมใจ และหัดขยับเขยื้อนตัวเองหน่อย
(อยากให้คนที่โกหกเรา ออกจากใจเรา) อาจารย์ว่าศิษย์น่าจะเอาความเกลียดออกจากใจมากกว่านะ ไม่มีใครในโลกที่สามารถพูดจริงแล้วมีแต่คนรักหรอก บางครั้งเขาก็ต้องพูดโกหกบ้าง ใช่หรือไม่ เหมือนตัวศิษย์เองถูกไหม หรือว่าศิษย์จะไม่โกหกเลยทั้งชีวิต บางทีโกหกเพื่อให้ผู้อื่นสบายใจ แต่ต้องไม่โกหกเพื่อสร้างบาป แต่คนอื่นเราควบคุมไม่ได้ ใช่หรือไม่ศิษย์
(นึกถึงความตายแล้วเศร้าใจ) ทำไมต้องเศร้าใจล่ะ (ไม่รู้จะไปที่ไหน) ถ้าวันนี้ทำได้ดี ทำได้ถูกต้อง เราก็สามารถกำหนดทางตายได้ แต่ถ้าวันนี้ศิษย์ยังรักษาศีลไม่ได้ คุณงามความดียังไม่มีอยู่อย่างมั่นคง ความตายก็เป็นสิ่งที่น่าเศร้า ถูกหรือไม่ (ถูก)
(อยากเอาความขี้เกียจออกจากใจ) ฉะนั้นทุกครั้งที่คิดว่าขี้เกียจ ขาต้องก้าว มือต้องขยับ แล้วเอาความขยันมาแทน ดีไหม (ดี) อาจารย์รู้ ไม่มีใครในโลกที่จะไม่ขี้เกียจไม่อู้ แต่เมื่อไรที่ขี้เกียจที่อู้เมื่อนั้นลำบากแน่ๆ
(มีลูกที่ขี้เมา) ศิษย์มีลูกที่ขี้เมา เราอยากให้ลูกเลิกดื่มเหล้า ใช่หรือไม่ (ใช่) สามีศิษย์อยู่ไหม (อยู่) กินเหล้าไหม (กิน) อย่างนั้นก็ยากนะศิษย์นะ ถึงศิษย์จะพยายามพูดขนาดไหน เขาก็จะต้องชี้กลับมา ก็พ่อยังกินเลย ถูกหรือไม่ ฉะนั้นศิษย์ก็จงรับแล้วก็จงให้อภัยเขา แล้วสักวันหนึ่ง ความดีของศิษย์อาจจะสะท้อนสะเทือนเปลี่ยนให้เขากลับตัวกลับใจก็ได้ แต่ต้องอดทน อย่าโมโห ใจเย็นๆ รับให้ได้ทุกแบบ แม้เขาจะทุบตีทำร้าย เมื่อไรที่เขาทุบตีทำร้าย ศิษย์จงกอดเขาแล้วบอกเขาว่า “แม่รักลูกเสมอ” นะ
(ตัวเองเป็นทุกข์ที่เป็นโรคที่รักษาไม่หาย เป็นเพราะอะไร) โรคบางอย่างที่รักษาไม่หาย บางทีมาจากเวรกรรมที่ตัวเองเคยทำไว้ ฉะนั้นสิ่งที่ศิษย์จะทำได้คือ ก้มหน้ารับและขอขมากับอดีตที่ศิษย์เคยสร้างไว้ แล้วอย่างน้อยเป็นแค่อย่างเดียว มือศิษย์ก็ยังมี เท้าศิษย์ก็ยังมี ใช่หรือไม่ แต่ยังทำให้ศิษย์แข็งแรงได้ ถ้าใจเราสู้ ศิษย์ก็ยังเป็นโรคที่ถือว่าเบากว่าคนอื่นเยอะ ฉะนั้นอย่าไปกังวลกับโรคเล็กๆ น้อยๆ แต่จงมีหัวใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ แล้วหัวใจนี้จะเอาชนะโรคภัยต่างๆ ได้
(มีโรคภัยไข้เจ็บประจำตัว หวังว่ามาพึ่งสถานธรรม คงจะดีใจ สบายขึ้นมาก) อาจารย์จำได้ว่า เมื่อวานเซียนน้อยบอกว่า เรามาไหว้พระ ไม่ใช่เพื่อให้รวย เรามาไหว้พระ ไม่ใช่เพื่อให้แข็งแรง ใช่ไหม (เพื่อสบายใจ) เพื่อสบายใจ จงจำไว้ว่า กายป่วยอย่าให้ใจป่วย แต่ถ้าเมื่อไรใจป่วย กายต้องพยายามเข้มแข็ง แล้วใจที่เข้มแข็งจะสามารถรักษาโรคภัยที่เจ็บป่วยได้ แต่ต้องรู้จักกินนะ
(มีคนให้ร้ายเราโดยที่เราไม่ได้ทำ) คนในโลกล้วนถูกเข้าใจผิดได้เสมอๆ ยิ่งเป็นคนดีบางทียิ่งมีคนอิจฉา เป็นคนสวยมากๆ บางทีก็จะมีคนใส่ร้ายป้ายสี ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นหากเรามั่นคงในความดีก็เหมือนภูเขาไม่หวั่นแรงลม แล้วไยต้องกลัวคำว่าของคน เรารู้ว่าตนเองดีหรือไม่ดี เราเป็นอย่างที่เขาว่าหรือไม่ (ไม่เป็น) แล้วจะสนใจอะไร ลมพัดก็ไม่จำเป็นต้องไหวนี่ อย่างน้อยลมพัดก็ทำให้เราเย็นได้โดยไม่ต้องไหวตามก็ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(เอาความอ่อนแอ ขี้โรคออกจากตัวเรา) ศิษย์เอยโรคภัยเกิดจากอะไร โรคภัยเกิดจากฟ้าทำให้ศิษย์เป็นโรค ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่) โรคภัยเกิดจาก (ตัวเราเอง) ใช่หรือไม่ (ใช่) กินในสิ่งที่ไม่ควรกิน สิ่งที่ไม่ชอบนั่นแหละบางทีเป็นยา รู้หรือไม่
ทุกๆ คนมีความทุกข์แตกต่างกันออกไป แต่อาจารย์ได้บอกตั้งแต่ต้นแล้วมีใครในโลกไม่มีทุกข์ มีใครที่แข็งแรงแล้วไม่เจ็บป่วย แต่ขอกายป่วยใจอย่าป่วยตาม เพราะเมื่อไรที่กายป่วยแล้วใจป่วยด้วยมีแต่จะยิ่งทรุดและแย่ลงไป ฉะนั้นเมื่อกายป่วยใจต้องไม่ป่วย เมื่อใจป่วยกายต้องพยายามเข้มแข็งเข้าใจ ถูกหรือไม่ (ถูก) เพราะว่ากายจะช่วยใจได้ และใจก็จะหันกลับมาช่วยกายได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
อาจารย์รู้ว่าบางทีความจริงเป็นสิ่งที่เจ็บปวด แต่ทุกๆ ความจริงล้วนก่อให้เกิดปัญญาแห่งความรู้แจ้งในชีวิตอย่างถ่องแท้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเราไม่อ่อนแอเราจะรู้หรือว่าทำอย่างไรจึงจะเข้มแข็ง ถ้าเราไม่ทุกข์จนถึงขนาดหนักเราก็ไม่รู้ว่าอะไรคือความสุขอย่างแท้จริง ถ้าเราไม่พลัดพรากเราจะรู้หรือว่าอะไรคือรักแท้ รักเทียม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีคุณและโทษเกื้อกันอยู่เสมอ เหมือนที่อาจารย์บอกว่าพลังแห่งการสร้างสรรค์ มีพลังแห่งการ (ทำลาย) ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นมนุษย์จงมีปัญญามองให้ออกด้วยสติที่รู้เท่าทัน สิ่งใดเล่าที่ศิษย์อยากให้มีไว้ในชีวิต
(ขอให้มีคุณธรรมในใจ) ขอให้มีคุณธรรม ข้อไหนดี มีเมตตาได้ไหม (มีเมตตากรุณา) เอาแค่เมตตาก็ได้ เมตตาอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่รักลูกเรามากกว่ารักลูกเขานะ
อยากมีอะไรดี เป็นมงคลให้กับชีวิต (อยากมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด) ไม่ต้องเฉลียวฉลาดหรอกนะ เอามีสติปัญญารู้เท่าทันอารมณ์ที่กระทบจิตกระทบใจ ดีไหม
(ความดี) ความดีเรื่องใด (ทุกอย่าง) เอาแค่อย่างเดียว อย่าโลภ เอาแค่อย่างเดียว แล้วจำไม่ลืม
(มีความสุข) ความสุขอะไรถึงจะทำให้มีความสุขได้ รู้จักคิดดี พูดดีและทำดี อันนี้อาจารย์ตอบนะ ไม่ใช่ศิษย์ตอบ
(อยากมีความเมตตา) คนมีเมตตา ต้องไม่ลำเอียงนะ รักเท่าๆ กันนะ ไม่ใช่รักคนในบ้านเรามากกว่าคนนอกบ้าน หรือเห็นคนนอกบ้านดีจนลืมคนในบ้านนะ
(อยากเห็นคนในโลกนี้มีความรัก และมีความเมตตาต่อกัน) เริ่มจากตัวเราก่อนนะ ถ้าตัวเรายังรักและเมตตาไม่ตลอดรอดฝั่ง ก็อย่าหวังไปเรียกคนข้างนอกเลย ใช่ไหม
(ความจริงคือสิ่งไม่ตาย เป็นคนพูดจริง ทำจริง ซื่อตรง) ทำได้ไหม มีโอกาสจะช่วยคนไหม (มี) มีโอกาสจะไม่กินเนื้อสัตว์ไหม (ไม่กิน) ทำได้ไหม (ได้) เพราะจิตที่เมตตาต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น
(มีความซื่อตรง) มีแฟนหรือยัง เห็นผู้หญิงสวยแอบมองไหม หรือมองตรงๆ เลยไม่แอบมองแล้ว ซื่อตรงไหม ใช่หรือเปล่า (ใช่) พูดได้ต้องทำให้ได้นะ
(ไม่อยากให้ลูกดื้อ) ถามว่าสมัยที่เรายังเป็นเด็กเราดื้อไหม (ดื้อ) ตอนนี้กำลังใช้กรรมอยู่นะ อย่างนั้นจงเป็นคุณพ่อที่อดทนถึงแม้ลูกจะดื้อ ก็ให้อภัยนะ
(อยากให้โลกมีแต่ความสงบสุข สันติสุข) ต้องเริ่มต้นจากที่ตัวเราเองก่อน ถ้ามนุษย์ทุกคนมีสุขจะยังความสุขให้โลก แต่ตอนนี้มีหรือยัง
(อยากให้ลูกเป็นคนดี) ตอนเราเป็นเด็กเราเป็นคนดีไหม (ไม่รู้) ตอนเราเป็นเด็กเราเคยแอบเกเรไหม (มีน้อย) อาจารย์อยากบอกว่ามีใครบ้างไม่เกเร ไม่ดื้อ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เมื่อเขาดื้อเมื่อเขาเกเร ศิษย์จะสอนอย่างไรให้คนที่ดื้อและเกเรกลายเป็นคนที่รับผิดชอบ บางครั้งสอนด้วยการทำให้ดู ดีกว่าการพูด ใช่หรือไม่ (ใช่) นั่นคือไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร พ่อแม่พร้อมให้อภัย ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น แล้วเขาก็จะยอมรับในสิ่งที่ศิษย์อยากให้เขาเป็น ศิษย์ยอมรับเขาเป็นได้หรือเปล่าก่อน ถูกหรือไม่ (ถูก) ด้วยการทำให้ดู ดีกว่าการพูด ใช่หรือไม่ (ใช่) นั่นคือไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร พ่อแม่พร้อมให้อภัย ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น แล้วเขาก็ยอมรับในสิ่งที่ศิษย์อยากให้เขาเป็น ศิษย์ต้องยอมรับสิ่งที่เขาเป็นได้ก่อน ถูกหรือไม่ (ถูก)
คนดีเมื่อได้แล้วก็ให้ ให้แล้วเปลี่ยนเป็นไม่ให้ ใจก็ไม่โกรธ ใช่หรือไม่ (ใช่) คนดีที่แท้จริงเจออุปสรรคอย่างไรก็ไม่โกรธไม่ว่า ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อพูดแล้วเจอสิ่งทดสอบจิตใจศิษย์ก็ต้องอดทนและฟันฝ่าให้ได้นะ
(จะรักพ่อรักแม่) ด้วยการ (อยู่ด้วยกัน) อยู่ด้วยกันแล้วรู้จัก พูดดีๆ ไปมาลาไหว้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(อยากให้ทุกคนมีเมตตาต่อกัน) อย่าพึ่งให้คนอื่นเป็น ตนเองเป็นก่อนดีหรือไม่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ตัวเองยังเมตตากับทุกคนไม่ได้ ยังใจดีกับไม่ทุกคน ฉะนั้นอย่าเรียกร้องคนอื่นถ้าตัวเองยังทำไม่ได้
(โชคดีถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง) ศิษย์เคยได้ยินไหมว่าโชคดีวันนี้แต่วันที่เหลือ (โชคร้าย) ใช่หรือไม่ (ใช่) เอาไหม (ไม่เอา) ก็เมื่อที่สุดของชีวิตคือการถูกรางวัลที่หนึ่งใช่หรือไม่ แล้วรางวัลที่หนึ่งมาอยู่กับศิษย์แล้วแต่หากศิษย์ใช้ไม่เป็นศิษย์ก็โชคร้ายนับจากที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง ศิษย์แน่ใจหรือว่าวันนี้ถูกล็อตเตอรี่พอจะไปรับเงิน เงินก็ถูกขโมยทันที แล้วหลังจากนั้นมาศิษย์ก็ไม่มีความสุขอีกเลย เอาไหม (ไม่เอา) แล้วทำไมต้องรออาจารย์พูดล่ะ สู้โชคดีทุกๆ วันด้วยการคิดดี ใช่หรือไม่ (ใช่) เสียเงินก็มีโชคได้ เสียเงินแล้วได้ยิ้ม ได้มิตร ดีกว่าได้เงินแล้วเสียมิตร เสียรอยยิ้ม เอาไหม (ไม่เอา)
(อยากมีความเมตตา) เมตตาเริ่มต้นที่เรื่องเล็กๆ ก่อน ใช่หรือไม่ ศิษย์คิดว่าเวลามีคนทำร้ายศิษย์ให้เจ็บ ศิษย์โกรธไหม ไม่โกรธหรือ แน่ใจนะ อย่างนั้นศิษย์อย่าทำร้ายให้ใครเจ็บ เริ่มต้นที่สิ่งเล็กๆ ก่อน นั่นก็คือเราต้องไม่เบียดเบียนแม้กระทั่งสัตว์เล็กๆ น้อยๆ จะฝึกเมตตาต้องเริ่มต้นตั้งแต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เบียดเบียนทำร้าย
(อยากให้ครอบครัวอยู่ด้วยกัน) อย่างนั้นต้องเริ่มที่ตัวเราเป็นตัวประสานที่ดีให้กับครอบครัวนะ
(อยากให้จิตใจสงบ) ศิษย์เคยได้ยินไหมว่า ความสงบอยู่ในความไม่สงบ ความว่างอยู่ในความไม่ว่าง แล้วจริงๆ แล้วความสงบอยู่ในตัวศิษย์ ความสงบเกิดได้เมื่อไร้ความคิด
(อยากแก้ไขอุปสรรคในชีวิต) อุปสรรคบางอย่างเกิด เราต้องทำใจ ใช้เวลา แต่อุปสรรคบางอย่างต้องลุกขึ้นมองว่าเกิดจากเราเป็นต้นเหตุไหม ศิษย์เคยได้ยินไหมว่า “ภัยภายนอก ไม่น่ากลัวเท่ากับภัยภายใน” เรามีจุดอ่อน จุดบกพร่องอะไร ถ้าเราหาเจอ การจะก้าวหน้าไม่ใช่เรื่องยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)
(อยากมีสุขภาพจิตใจที่แข็งแรง) จิตใจที่เข้มแข็งคือ จิตใจที่กล้ารับความเป็นจริง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือร้าย ก็ต้องเข้มแข็งไว้นะ
(มีแม่ที่แก่ชราภาพมากแล้ว แต่ว่าอยู่ไกลมาก เวลาจะไปเยี่ยมต้องเดินทางไกลมาก แต่ก็อยากไปเยี่ยมแม่ปีละครั้ง) ปีละครั้งเองหรือ ถามแม่สิว่าอยากได้ปีละครั้งไหม ถ้ามีคนแก่แล้วลูกๆ ไม่ค่อยมา เราอยากรู้หัวใจของคนแก่ ลองถามคนแก่ที่อยู่ใกล้ๆ เราก็ได้ เราอยากรู้หัวใจของพ่อแม่ต้องการอะไร บางทีถ้าไปไม่ได้ หมั่นโทรศัพท์ทุกวัน ๆ “แม่ หนูรักแม่นะ แม่ หนูคิดถึงแม่นะ” บางทีแค่นี้ก็อบอุ่นใจแล้ว
(อยากให้พ่อหายป่วย ร่างกายแข็งแรง) เป็นไปได้ไหม อายุมากขนาดนั้นแล้ว สู้บอกพ่อว่า “พ่อ ขอให้นึกแต่สิ่งที่ดี นึกแต่สิ่งที่สว่าง นึกแต่สิ่งที่มงคล” พ่อก็จะได้มีทางกลับของจิตญาณ ว่างๆ หมั่นเอาธรรมะไปให้พ่อ พูดธรรมะข้างๆ พ่อ ให้พ่อมีหนทางที่สว่างในการกลับสู่ญาณเดิมแท้ พ่อรับธรรมะหรือยัง (รับแล้ว) รับแล้วใช่ไหม มีโอกาสขออาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมไปทบทวนไตรรัตน์ให้ดีไหม
(อยากอยู่กับครอบครัวให้มีความสุข) อยากอยู่กับครอบครัวให้มีความสุข ต้องอย่าปากไว ใจเย็นๆ อย่าอารมณ์ร้อน อย่าขี้บ่น อะไรวางได้ วางได้ไหม ความสุขก็อยู่ไม่ไกลหรอกนะ อาจารย์อยากขอให้ศิษย์มี ไม่ใช่ให้ศิษย์มาขออาจารย์มีนะ ตกลงว่าศิษย์อยากมีสิ่งที่ดี หรือศิษย์กำลังขออาจารย์
(ขอศิษย์เป็นคนดีต่ออาจารย์) เป็นคนดีไม่ยาก แต่รักษาความดีโดยให้อยู่กับตัวตลอดชีวิตยากกว่า จริงไหม
(อยากให้พี่น้องรักกัน) แล้วเราจะทำอย่างไรดี เราต้องเป็นตัวประสานที่ดี ใช่ไหม เมื่อเวลาพี่น้องทะเลาะกัน เราต้องมองให้ออกว่าเขาทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร แต่อาจารย์อยากจะบอกว่า ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ศิษย์ห้ามให้คนในโลกไม่ให้ทะเลาะกันได้ไหม (ไม่ได้) แก้วที่บางทีร้าวแล้วประสานยาก ประสานแก้วร้าวให้กลับมาเป็นแก้วใหม่ ก็คือ จิตใจที่รู้จักอภัย และใจกว้าง เป็นสิ่งที่เราควรจะอบรมบ่มเพาะให้เรามีและทำให้คนรอบข้างมีให้ได้นะ
(อยากมีอะไรดีๆ ไว้ในใจ, อยากให้มีความสุข ใจของเรามีความสุข)
(อยากให้แม่อยู่กับเรานานๆ ) เป็นได้หรือ เป็นไปไม่ได้หรอกนะ
(อยากเป็นลูกที่กตัญญู) ก็ต้องรู้จักเชื่อฟัง รู้จักสละความสุขของตนเองเพื่อความสุขของพ่อแม่นะ
(อยากได้เงินได้ทอง และอยากได้ทุกอย่าง) ศิษย์เอยมีเงินมีทอง แต่หากใช้ไม่เป็นเงินทองก็นำความทุกข์มาให้ไม่รู้ตัว
(อยากให้ลูกชายรู้จักรับผิดชอบหน้าที่การงาน) ศิษย์คือคนที่อยู่กับเขา จะสอนเขาอย่างไรดี แม้อาจารย์จะบอกอย่างไรแต่อาจารย์ไม่ได้อยู่กับเขา ศิษย์ก็ต้องสอนเขาให้ดีนะ
(ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ อดทน) ถ้าใจสู้แม้เจ็บป่วยก็หายได้ แม้จะเป็นหนักก็เบาบางได้ด้วยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้
(ขอให้พบแต่สิ่งที่ดีๆ ในวันข้างหน้า) ขอให้พบแต่สิ่งที่ดีๆ ในวันข้างหน้า เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) มีวันดีก็ต้องมีร้าย มีวันได้ก็ต้องมีวันสูญเสีย ศิษย์เอยอย่ามัวแต่หลงนะ
(อยากให้พ่อแม่อยู่ด้วยกันนานๆ) ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเขาทรมาน ศิษย์ก็อาจจะบอกว่าให้เขารีบไปแบบสบายๆ เถอะ อาจารย์ไม่ได้พูดตลก อาจารย์พูดจริงๆ เพราะถ้าอายุยืนแต่อยู่ด้วยความทรมาน ศิษย์ก็ต้องอกตัญญูในใจว่า “ขอให้พ่อแม่ไปแบบสบายเถอะ” ใช่หรือไม่ (ใช่)
ศิษย์บอกว่า อยากมีเงิน อยากแข็งแรง อยากมีลูกดี อยากมีสามี ภรรยาดี แต่อาจารย์ถามศิษย์ว่าเราควบคุมโลกนี้ให้เป็นดั่งใจเราได้ไหม (ไม่ได้) ทำไมอาจารย์บอกว่าอยากให้ศิษย์มีสติและปัญญา สติคือรู้เท่าทัน วันนี้เขาไม่ดีแต่ไม่แน่ต่อไปเขาอาจจะดีได้ ฉะนั้นตอนที่เขาไม่ดีศิษย์จงให้กำลังใจ ให้อภัยเขา และเมื่อเขากลับมาดีเขาจะได้รู้สึกว่าเราคือกำลังใจที่ทำให้เขาจะดีให้ได้สักวันหนึ่ง ใช่หรือไม่ (ใช่)
(ขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติธรรมและทำงาน) ถ้าอยากได้ความขยัน ศิษย์ต้องไม่หวังผล ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะถ้าวันหนึ่งศิษย์ขยันแต่ศิษย์ไม่ได้ผล ศิษย์จะกลายเป็นคนที่ไม่ทำอะไรเลย จริงไหม (จริง) และโลกใบนี้บางครั้งต้องทำแบบไม่หวังผลบ้างแล้วผลนั้นประเสริญยิ่งกว่าอีกนะ
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท
ธรรมนั้นอยู่ที่ไหน ธรรมที่ทำให้ศิษย์ตื่นรู้ความเป็นจริงในโลกนี้ อยู่ที่หัวใจของศิษย์ทุกคน อยู่ที่พุทธจิตธรรมญาณของศิษย์ทุกคน เมื่อไรเจอเรื่องกระทบ เมื่อเราเจออุปสรรค เจอปัญหา เรียกสติกลับมาแล้วใช้ปัญญาค่อยๆ มองให้ออก มองให้เห็น ใครบ้างไม่ทุกข์ ไม่ผิดหวัง ไม่เจ็บปวด ใครบ้างไม่พลัดพราก เมื่อเรามองออกเช่นนี้ เราก็จะรู้จักเข้มแข็งขึ้นมาระดับหนึ่ง เมื่อเข้มแข็งได้เราจะรับมือได้ และเราจะสามารถมองออกได้ว่าปัญหานี้ควรจะปล่อยเวลาทำใจหรือปัญหานี้เราควรจะทำใจเราเอง เวลาเจอเรื่องราว อย่าได้เอาแต่โทษฟ้า โทษดิน โทษผู้อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัยเพราะเราเป็นคนสร้างทั้งสิ้นใช่หรือไม่ (ใช่) เขาไม่ทำเรา เราก็ทำเขา ถูกหรือไม่ (ถูก) ถ้าวันนี้เขาทำเราแล้วเราอยากจะทำเขากลับตอบ ศิษย์ก็คือคนที่อยากจะผูกเวรผูกกรรมไม่จบสิ้น แต่ถ้าเกิดเขาทำศิษย์ ศิษย์หยุดแล้วให้อภัย เมตตาตอบ ศิษย์คือคนที่จะตัดเวรตัดกรรมให้หมดสิ้น อยู่ที่ตัวศิษย์เองนะ เจอเรื่องร้ายๆ เจอเรื่องไม่ดี ปล่อยได้ไหม อภัยได้ไหม ยอมได้ไหม ถ้าไม่ปล่อย ไม่อภัย ไม่ยอม ศิษย์ก็คือคนที่สร้างภพ สร้างชาติให้ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ก่อเวรก่อกรรมกับเขาไม่จบสิ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ชีวิตนี้ขึ้นกับตัวศิษย์เอง จงถือธรรมะเป็นที่ตั้ง โลภแล้ว อยากแล้ว กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ ผิดชอบชั่วดีไม่มี ควรอยาก ควรโลภไหม (ไม่ควร) ฉะนั้นทุกครั้งที่จะทำอะไร ขอให้คิดในใจ ทำแล้วขาดคุณธรรมในใจ ขาดคุณธรรมความเป็นคนหรือไม่ ละอายต่อฟ้าดิน ละอายต่อผู้คน ละอายต่อธรรมในใจตนไหม ถ้ารู้สึกละอายก็จงลดๆ ความอยากลงดีไหม (ดี)
โกรธแล้วได้อะไร โมโหที่เขาพูดไม่ถูกใจ ที่เขาว่าให้เจ็บปวด การโมโหคือการผูกกรรมผูกเวร การให้อภัยคือการหยุดกรรม หยุดเวร แล้วเราเก็บความโมโหไว้มากเท่าไร เรามีชีวิตเกิดมาเพื่อดับ ดับการเกิด ไม่ใช่เกิดมาเพื่อเกิด เกิดไปเรื่อยๆ เกิดอยากได้โน่น อยากได้นี่ เกิดมีอารมณ์โน่น เกิดมีอารมณ์นี่ ยิ่งเกิดยิ่งสร้างภพเวียนว่าย แต่เกิดแล้วเพื่อดับกิเลส ดับอารมณ์ แล้วธำรงรักษาคุณธรรมในใจตน ทำยากไหม
คุณธรรมที่อาจารย์อยากให้ศิษย์มีแล้วรักษาให้ได้คือ เมตตา ละอายเกรงกลัวต่อบาป จิตแห่งมโนธรรมสำนึกรักดี รู้ผิดรู้ชอบ คนที่รู้จักพูดคำไหนเป็นคำนั้น คนที่รู้จักเคารพผู้อื่นและเคารพตนเอง เมื่อศิษย์ช่วยตัวเองแล้ว ศิษย์จงเอาเวลาของตนเองไปช่วยคน ช่วยให้เขามีเงินทองแต่ถ้าเขาใช้ชีวิตไม่เป็นก็เปล่าประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นช่วยให้เขารู้ตัวตนด้วยธรรมะประเสริฐยิ่งกว่าให้เงินให้ทอง ให้เขารู้จักมีปัญญาแห่งธรรม รู้จักแก้ไขตัวเอง ประเสริฐยิ่งกว่านะ เพราะคนในโลกนี้มัวแต่แก้ไขผู้อื่นไม่แก้ไขตัวเอง มัวแต่โทษผู้อื่นไม่คิดโทษตัวเอง
บำเพ็ญธรรมคือแก้ไขตัวเอง โทษตัวเองก่อน ไม่ใช่เรื่องยาก ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ยากตรงที่เมื่อไรศิษย์จะทำ ใช่ไหม อะไรดี อะไรไม่ดี ศิษย์ก็รู้แต่ถึงเวลา ก็ปล่อยไปตามอารมณ์ตามใจ ใช่ไหม รู้อะไรดีไม่ดี ผิดแล้วก็แก้ คนประเสริฐคือคนที่รู้ผิดแล้วแก้ อาจารย์ก็เชื่อว่า สักวันหนึ่ง จิตสำนึกแห่งความผิดชอบชั่วดีจะหันกลับมาบอกศิษย์ได้ว่าจงเป็นคนดีที่มั่นคง จงเป็นคนดีที่รู้จักผิดชอบชั่วดี และเป็นคนดีที่รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม
มีพบก็มีพรากใช่หรือไม่ ชีวิตมีสุขก็มีทุกข์ เป็นศิษย์อาจารย์แล้วมีโอกาสกลับมาศึกษาอีกนะ เชื่อไม่เชื่อไม่ใช่สำคัญ สำคัญตรงที่ศิษย์เชื่อมั่นในความดีของศิษย์ไหม ศิษย์ศรัทธาในความดีของศิษย์ไหม ถ้าเชื่อว่าตัวเองมีความดีอยู่ ถ้าเชื่อศรัทธาในความดีของตัวเอง จงรีบไปกระทำ อย่ารอช้า ทุกขณะที่เกิดก็คือทุกขณะที่ตาย แล้วจะตายอย่างไร ตายอย่างมีคุณค่า ตายอย่างไม่เสียชาติเกิด นั่นคือตายอย่างคนที่รู้จักใช้ชีวิตเป็น ใช่หรือไม่
มีโอกาสไปช่วยคนดีไหมศิษย์ ศิษย์ดื้อ จำได้ไหม อย่ามัวแต่ห่วงตัวเองจนไม่คิดห่วงใคร มีโอกาสเอาสิ่งที่ดีไปช่วยผู้อื่นได้ไหมศิษย์ มีโอกาสเอาสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้ไปช่วยคนนะ ศรัทธามั่นคงแล้วต้องไม่เปลี่ยนแปลงนะศิษย์นะ อายุมากแล้วจงรู้จักหนทางกลับของตัวเองด้วยการทำดี คิดดีนะ ดูแลตัวเองดีๆ นะศิษย์นะ มีโอกาสกลับมาศึกษาให้ครบดีไหม ได้ไหม จงเป็นหนึ่งวันที่พร้อมจะเพิ่มต่อไปนะ ศรัทธามั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ใช่ไหม ปาดน้ำตาแล้วกลับมาเข้มแข็งสู้ชีวิตต่อไป ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นนะ ดูแลตัวเองให้ดี
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ถือธรรมเป็นที่ตั้ง”
มีสติใช้ใจที่เย็นรับมือ เพียรมุ่งถือเอาธรรมเป็นที่ตั้ง
มองเป็นกลางใจเป็นธรรมจึงกระจ่าง ด้วยใจว่างเห็นตามจริงทุกสิ่งไป
สัจธรรมชี้ตรงจุดปลุกให้ตื่น ใบไม้ร่วงคืนสู่ดินเรียวใบใหม่
ดั่งลมพัดต้องผิวสะกิดกาย มองออกได้สว่างโพลงโล่งฤดี
คืนสู่ญาณเดิมแท้อันสงบ จิตน้อมนบตามควรตามหน้าที่
สุขที่ความธรรมดาอันพึงมี นำธรรมจากใจนี้สู่ประชา
พระอาจารย์จี้กงเมตตาแก้พระโอวาทงานประชุมธรรมที่สถานธรรมอิ๋งเซิ่ง จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ ๑๒ – ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๒
หน้าที่ ๑ บรรทัดที่ ๕ กลอนนำพระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ
เดิม “เมื่อพูดจะทำจะทำเมื่อไหร่ธรรม”
แก้ไขเป็น “เมื่อพูดจะทำจะทำเมื่อไหร่ทำ”
หน้าที่ ๑๘ บรรทัดที่ ๘ เพลงพระโอวาท
เดิม “เป็นทุกข์ด้วยปากฟาดฟัน”
แก้ไขเป็น “ขืนทุกข์ด้วยปากฟาดฟัน”