วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

2551-07-06 สถานธรรมฮุ่ยเต๋อ จ.ยโสธร ( ๑ วัน )


西元二○○八年歲次戊子六月初四日 大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๖ กรกฏาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ สถานธรรมฮุ่ยเต๋อ  อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา

เข้ามาให้สบายใจไปให้โปร่ง สถานธรรมโล่งสะอาดไม่ขัดเขิน
แต่อย่าลืมศึกษาธรรมปล่อยตัวเพลิน จะขาดเกินก็อดทนอภัยกัน

เราคือ
    ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยเต๋อ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์น้องทุกคน ศึกษาธรรมบำเพ็ญธรรมเหนื่อยไหม

มนุษย์เมื่อถึงคราวไม่สบายใจ ก็อยากให้สถานธรรมเป็นที่พึ่ง
จงปลอบโยนเมตตาให้ตราตรึง ช่วยให้เขาได้ถึงความสบายใจ
สบายใจสบายใจคำคำนี้ คนนั้นมีความโหยหามาแต่ไหน
อยู่ด้วยดีคุยง่ายสบายใจ แลอยู่ในกระแสแห่งพระธรรม
คนรู้มากไยให้โทษแก่ผู้อื่น งั้นเราตื่นรู้ภายในตนเลิศล้ำ
อย่าก่อกรรมประเภทที่ไม่ใช่กรรม แต่อย่าทำผิดต่อการบำเพ็ญตน
คนไม่ทุกข์ก็ไม่เข้าหาพระ อย่าเพิ่มภาระทำให้ใครสับสน
อยู่ร่วมกันอย่างใจดีติดลมบน แลรู้ตนเข้มงวดโดยกุศโลบาย
เป็นคนดีเหมือนติดยอมตลอด แต่อย่าเพิ่งถอดใจกันง่ายง่าย
เป็นคนดีนั้นไม่ใช่สบาย แต่บั้นปลายคือความสุขอันนิรันดร์
อย่ายึดมั่นถือมั่นในความคิด อย่ายึดติดในรูปลักษณ์บุคคลนั้น
อย่าไปติดเรื่องวุ่นวายสาระพัน อย่าติดงานจนลืมการบำเพ็ญ
ฮิ ฮิ หยุด

พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
(ศิษย์พี่พระนาจาเมตตาให้นักเรียนและผู้ปฏิบัติงานธรรมในชั้นเรียนหาก้อนหินมาคนละหนึ่งก้อน)
เรานั้นอยู่ในโลกนี้คิดจะแสวงหาสิ่งที่ตัวเองนั้นปรารถนาพึงพอใจและถ้าเกิดวันหนึ่งหมดเวลาละ เราจะได้อย่างที่พึงพอใจไหม ถ้าสมมติศิษย์พี่บอกว่านับ ๑-๒๐ เรามัวแต่หาหิน ลูกนี้ก็ไม่เอา ลูกนั้นก็ไม่เอา ผลที่สุดหามาได้คุ้มไหม ฉะนั้นหาอะไรก็ต้องอย่าลืมเวลาด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  มนุษย์อย่ามัวแต่ปล่อยตัวเองไปกับสิ่งที่ตัวเองปรารถนาจนลืมไปว่า ชีวิตเราอยู่ได้ด้วยเวลาและเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าพรุ่งนี้หรือนาทีต่อไป จะไม่หมดเวลาให้กับชีวิตตัวเอง ไหนใครคิดว่าตัวเองมีชีวิตยืนยาวมากยกมือขึ้น ไม่กล้ายกมือ เห็นไหมเรายังไม่มั่นใจเลยว่าวันนี้เราอยู่ พรุ่งนี้จะได้อยู่หรือเปล่า
ได้หินมาแล้วใช่ไหม ใครเอาหินมามากกว่าหนึ่งก้อนยกมือขึ้น (นักเรียนหยิบมา 2 ก้อน) สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ชอบเป็นกัน ในการแสวงหาคือบางทีเราแสวงหาเลี้ยงตัวเองแล้วยังมีห่วง ใช่หรือไม่ หาเผื่อคนนั้น หาเผื่อคนโน้น หาไปแล้วจนลืมไปหรือเปล่าว่าบางทีเขาก็ดูแลตัวเองได้  ฉะนั้นอย่าลืมถ้าเราทำได้ดีที่สุด ทำได้เหมาะสมที่สุดต่อไปเขาก็จะดูแลตัวเอง แต่ถ้าเรายังทำตัวได้ไม่ดีลูกหลานที่จะเลียนแบบ เขาจะเลียนแบบอย่างไรละ เพราะทุกครั้งที่เราห่วงเขา เขาจะมองว่ายุ่งยากกับชีวิต เพราะเขาก็มีมือ มีแขนเขาทำเองเป็นถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นชะตาชีวิตเมื่อเราทำดีที่สุด ถึงเวลาเราต้องปล่อยเขาแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาตัวเองไม่รอด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ห่วงตัวเอง ทำตัวเองให้ดี ต่อไปเขาจะเป็นอย่างไรก็ต้องปล่อยวาง ใช่หรือไม่ (ใช่)  
ไหนหินของแต่ละคน ใครคิดว่าตัวเองก้อนใหญ่สุดและไหนใครคิดว่าก้อนหินของตัวเองเล็กสุด ในการแสวงหานั้นบางครั้งเราก็คิดว่าดีที่สุดแล้วพอแล้ว แต่เมื่อไปอยู่กับผู้อื่นแล้วก็อดเปรียบเทียบไม่ได้ เราหาได้เท่านี้แต่คนอื่นเขาใหญ่กว่ากลับยอมไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำไมเรารู้สึกน้อยไป พอคนได้ใหญ่กว่าเราก็รู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่อง ฉันต้องรักษาความใหญ่ให้ได้ตลอดไป แล้วเราจะใหญ่ได้ตลอดไหม มีใหญ่ก็ต้องมีเล็ก มีคนมากก็ต้องมีคนน้อย มีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย ใช่หรือไม่ (ใช่) สิ่งที่ศิษย์น้องไม่ควรลืมในการศึกษาหลักธรรมก็คือ เราควรศึกษาอยู่บนความเป็นจริง อย่าศรัทธาอย่างงมงาย อย่าศรัทธาในรูปลักษณ์จนไม่ยอมมองความเป็นจริงไม่ได้ ถามศิษย์น้องชอบไหม เวลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มา (ชอบ)  แล้วถ้าวันหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มา อาจารย์พูดไม่ดี ไม่มาแล้ว ได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นเราศึกษาหลักธรรมสิ่งที่เราจะนำไปใช้ประพฤติปฏิบัติคือความจริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย แต่คนพูด (ตาย)  ตายแล้ว ฉะนั้นเราต้องยืนอยู่บนความเป็นจริง เพราะในโลกความเป็นจริงนั้นทำให้เรามองเห็นหลักธรรม มีเกิดก็ต้องมีแก่ มีแก่ก็ต้องมีเจ็บ มีเจ็บก็ต้องมีตาย มีสุขก็คือมีทุกข์ มีทุกข์ก็เป็นสุขได้ สิ่งที่ร้ายก็ยังให้แง่มุมดี สิ่งที่เรียกว่าผิดพลาดก็คือครูของความถูกต้อง สีขาวคือแม่สีของสีดำ ฉะนั้นทุกสิ่งในโลกที่เกิดขึ้นล้วนมีประโยชน์ ขอให้เรายืนอยู่บนประโยชน์แห่งความเป็นจริง แล้วเราจะไม่กลายเป็นคนหลงงมงาย ใช่ไหม (ใช่)  คนที่เวลาทำอะไรมีสติอยู่ทุกขณะจะไม่มีวันลืมในการกระทำของตน แต่ถ้าเกิดคนที่ทำอะไรโดยใช้แต่อารมณ์ ใจร้อน สติมักจะไม่อยู่ แล้วก็ลืมว่าตัวเองมาจากไหน
ศิษย์พี่มาเพิ่มความร้อนหรือเปล่า ศิษย์พี่มาพร้อมกับล้อไฟไปที่ไหนก็เผาที่นั่นนะ
เมื่อกี้ร้องเพลงสนุกๆ รู้สึกว่าจิตใจก็กระชุ่มกระชวย แต่พอร้องเพลงช้าๆ เนิบๆ จิตใจก็เป็นอย่างไร (ห่อเหี่ยว)  ห่อเหี่ยวเลยหรือ งั้นแปลว่าคนที่แต่งเพลงห่อเหี่ยวได้แปลว่าเขาจะเป็นคนที่ต้อง (มีความทุกข์)  ถึงจะได้อารมณ์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วคนที่สามารถแต่งเพลงได้สนุกสนานก็เพราะว่าเขามีจิตใจที่รู้สึกเป็นสุขและสนุกสนาน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพลงเกิดขึ้นได้เพราะจากหัวใจของคนคนนั้น ฉะนั้นเราอย่าปล่อยไปตามเพลงอย่างเดียว แต่อย่าลืมว่าเราก็สามารถเป็นผู้กำหนดเพลงในหัวใจได้ อย่ามองแค่เพลงสนุกเราก็สนุก เพลงเศร้าเราก็เศร้า แต่อย่าลืมว่าก่อนที่จะเป็นเพลงสนุก ก่อนที่จะเป็นเพลงเศร้านั้นเกิดมาจากอะไรละ เกิดมาจากใจที่สนุกสนานซึ่งสามารถแต่งเพลงได้สนุกสนาน ใจที่เกิดความเศร้า เสียใจ สูญเสียจึงสามารถแต่งเพลงได้เศร้าเสียใจ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นอย่ามองว่าชีวิตต้องเป็นไปตามสภาวะแวดล้อม แต่ในทางกลับกันมนุษย์สามารถกำหนดสภาวะแวดล้อมให้ตัวเองได้ ถึงแม้ตอนนี้อากาศจะ (ร้อน)  เย็น ถึงแม้ตอนนี้อากาศจะ (เย็น) ร้อน ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นเราจึงต้องรู้ว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมอย่าคิดว่าชะตาชีวิตอยู่ที่ฟ้า เมื่อเป็นผู้บำเพ็ญธรรมแล้วจงจำไว้ว่า เราสามารถเปลี่ยนแปรชะตาชีวิตให้อยู่ในกำมือเราได้ เชื่อไหม (เชื่อ)  งั้นหมอดูยังดูอยู่หรือเปล่า ยังเชื่อหมอดูไหม (ไม่เชื่อ)  จริงหรือ งั้นศิษย์พี่ดูมือได้นะ ใครจะให้ศิษย์พี่ดูมือบ้าง เริ่มเปลี่ยนใจทันทีเลย ถ้าเชื่อในเคราะห์ร้าย เคราะห์ร้ายจะเกิด ถ้าเชื่อในเคราะห์ดี เคราะห์ดีหาได้เกิด ถ้าคนที่ได้รับเคราะห์ดีไม่รู้จักกระทำดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  เขาจะบอกว่าอนาคตเราจะโชคดี อนาคตเราจะสบายแต่ถ้าปัจจุบันเอาแต่นอน ขี้เกียจไม่ทำอะไรเลย อนาคตจะดีจริงๆ ไหม ฉะนั้นถึงแม้อนาคตจะดี แต่ถ้าไม่ทำปัจจุบันให้ดีอนาคตก็ยากจะเกิด  ถึงหมอดูจะบอกว่าอนาคตเธอจะมีวาสนาที่ดี แต่ถ้าปัจจุบันเราทำไม่ได้เรื่อง วาสนาก็อาจจะพลิกแพลงได้ ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญธรรมต้องเป็นผู้ที่ไม่กลัวต่อชะตาฟ้าที่กำหนดหรือเล่นตลกกับเราก็ตาม เพราะเราสามารถเปลี่ยนร้ายให้เป็นดี เปลี่ยนความลำบากให้เป็นความสุขได้ ถ้าเรามีหัวใจผู้ไม่แพ้และกล้ายอมรับความจริง ใช่ไหม (ใช่)  มนุษย์มักจะเป็นคนที่ชอบกลัว กลัวเรื่องโน้น กลัวเรื่องนี้ กลัวไปหมด เรากลัวกับสิ่งที่เกินจริง กลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิด พอกลัวแล้วมีอะไรเกิดขึ้น เราก็รับไม่ได้ สู้ไม่เป็น ฉะนั้นขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญอย่ากลัว ถ้ามีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ความตายอยู่ตรงหน้าก็ยากที่จะทำร้ายหัวใจให้สั่นคลอนได้  ต้องสู้ความจริงและทำปัจจุบันให้ดียิ่งขึ้น จริงไหม ทำได้ไหม ขึ้นชื่อว่าบำเพ็ญธรรมอย่าเป็นคนขี้กลัว จะอะไรนิด อะไรหน่อยก็กลัวไปหมดไม่ได้  ต้องกล้าที่จะเผชิญความจริง ศรัทธาคือศรัทธาในความจริงที่ว่าคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องเจ็บ เจ็บแล้วก็ต้องตาย มีได้ก็ต้องมีเสีย มีเสียก็ต้องมีได้สลับกันไปเป็นธรรมดา ฉะนั้นอย่าคิดว่าบำเพ็ญธรรมแล้วต้องได้อย่างเดียวเสียไม่ได้ มีแต่สุขอย่าเดียวไม่มีทุกข์ได้ไหม ฉะนั้นเราบำเพ็ญธรรมบางครั้งเราต้องยืดได้หดได้ ถึงทุกข์แล้วแต่เราก็ยังสุขได้ ถึงลำบากอย่างไรก็ลำบากเพียงกายแต่หัวใจไม่ลำบาก ถ้าขยันและไม่ยอมแพ้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  
เราอยู่ในการบำเพ็ญธรรมบางทีเห็นใครทำผิด เห็นใครทำไม่ดี เห็นใครทำไม่ถูกตาไม่ถูกใจ เราว่าเขาทันที บางทีเขาก็รับไม่ได้ ฉะนั้นก็ยอมๆ ไปก่อน ยอมๆ ลดๆ ตัวเราหน่อยเพื่อจะได้ประสานกลมกลืนกัน ถูกหรือไม่ (ถูก)  เราอยู่ในโลก เราอยู่ในสังคมต้องมีทั้งคนที่แข็งและคนที่อ่อน ฉะนั้นเมื่อเราเห็นใครที่เขาแข็งอยู่เราก็ยอมอ่อนหน่อยดีไหม และเมื่อไรที่เราเห็นเขาทำดีอย่างมากๆ เราก็ต้องพยายามดีให้ได้ถึงเขา ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเห็นใครดีเราหด เห็นใครหดเรายืดอย่างนี้ไม่ถูก แต่ศิษย์น้องมักเป็น เห็นใครดีฉันหดไว้ก่อน เห็นใครหดฉันยืดข่มเข้าไว้ได้หรือไม่ ฉะนั้นเห็นใครผิดเราต้องให้อภัย เห็นใครถูกเราต้องเรียนศึกษาและให้เป็นได้อย่างเขา แต่ชีวิตมันง่ายอย่างนี้ไหม คุมกายนั้นคุมง่าย แต่คุมหัวใจให้เป็นดั่งที่เรานึกนั้นยาก
สบายใจสบายใจคำคำนี้ เราบางทีหลบจากบ้านหนีไฟร้อนมาเพื่อจะมาพึ่งเย็นที่นี่ แต่ปรากฏว่าโน้นก็ร้อน นี่ก็ร้อนได้ไหม ฉะนั้นเราอยู่ห้องพระสิ่งที่ขาดไม่ได้ในห้องพระนั่นก็คือสถานที่โอ่โถง ความสะอาดสะอ้าน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ศิษย์พี่อยากจะบอกว่า สถานที่โอ่โถง สถานที่สะอาดสะอ้านก็เป็นสิ่งที่ดีในการต้อนรับผู้คน แต่ถ้าโอ่โถง สะอาดสะอ้านแล้วมีโอกาสให้ศึกษา แต่ถ้าเกิดคนในห้องพระไม่อบอุ่น ไม่จริงใจ ไม่น่ารัก อยากมาไหม (ไม่)  สวยอย่างไรเอาไว้ก่อนแล้วกันนะ ฉะนั้นตัวบุคคลก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่าใหญ่แต่ที่ แต่หัวใจไม่ใหญ่ อย่าให้สีห้องพระร่มเย็นแต่หน้าตาเราไม่ร่มเย็นเลย ใช่ไหม หน้าตาเราพอเห็นคนมาก็คิดในใจว่า มาอีกแล้วหรือ! จะกินข้าวก็มาอีกแล้ว ถามกินข้าวยัง (ยัง)  ต้องทำอีกแล้ว ได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นเป็นคนในสถานธรรมต้องจำไว้ว่าพร้อมเสมอ ถามว่ากินหรือยัง ยังไม่กินหรือรอเดี๋ยวนะ มาแล้วหรือ ต้องดีใจ  ต้องมีความกระตือรือร้น และกระฉับกระเฉง ใช่ไหม (ใช่)  แล้วอยู่ไปนานๆ จะแก่ไม่เป็น เพราะรู้สึกว่าต้องคึกช่วยอยู่ตลอดเวลา เชื่อศิษย์พี่ถ้าบำเพ็ญธรรมแล้วมีจิตใจกระตือรือร้นการต้อนรับ จะไม่มีวันแก่และจะไม่มีวันหมดแรง แต่ถ้าเมื่อไหร่ศิษย์น้องบอกว่ามาอีกแล้ว เหนื่อยเหมือนกันนะ จะนอนแล้ว รับรองแก่แน่ๆ และแก่ก่อนวัยด้วย ฉะนั้นเป็นคนบำเพ็ญธรรมยิ่งมีห้องพระ มีสถานธรรมต้องกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ดูแลในให้การต้อนรับ อย่าให้สวยข้างนอกแต่หัวใจคนในนี้ไม่อบอุ่น เขาก็ไม่ปรารถนาจะมาหรอก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อกี้หยิบหินมาในมือ ถ้าศิษย์พี่บอกว่าหินก็เหมือนกับอะไรรู้ไหม ศิษย์พี่สมมุติว่าหินก็เหมือนนิสัยความเคยชิน ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นว่าฉันเป็นคนแบบนี้แหละ พูดหวานไม่เป็น กินข้าวยัง เดี๋ยวเอาให้ ก็ต้องทนๆ นะ บำเพ็ญธรรมก็ต้องรู้จักอดทน   แค่อ้าปากก็วิ่งเตลิดไปถึงไหนแล้ว ฉะนั้นภายนอกดูดีภายในก็ต้องดีด้วย แต่ไม่ใช่ภายนอกดูดีแต่กัดฟันพูด และคนที่มาสถานธรรม มาแล้วเราก็ต้องรู้จักกระตือรือร้นช่วยเหลือตัวเองด้วย ไม่ใช่จะพึ่งเขาตลอดเวลา ไม่ได้ บำเพ็ญปีที่ ๑ ยังไม่รู้อะไรปีที่ ๒ ยังไม่รู้อะไร เหมือนที่เจี่ยงซือพูดปีที่ ๓ ก็ยังไม่รู้อะไรได้ไหม ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราบอกว่าก็เราเป็นคนอย่างนี้เท่ากับศิษย์น้องกำลังกำหนดตัวเองให้เป็นหินก้อนหนึ่ง ก็ฉันเป็นคนอย่างนี้ทำไงได้ละ ถ้าไม่ยอมปล่อยเรากำลังยึดมั่นถือมั่น เรากำลังสร้างหินมา พอสร้างหินมาแล้วเราก็กำหินนั้นให้เจ็บปวดมือ แต่ถ้าเมื่อไรเราบอกว่า เราเป็นคนอย่างนั้นแต่เราปล่อยความเป็นคนอย่างนั้นซะ สิ่งนั้นจะมาทำอะไรให้เราเจ็บมือได้ไหม แต่ปรากฏว่าคนบางคนบอกว่าเราเป็นคนอย่างนี้ เธอทนไม่ได้ก็ต้องทน ได้ไหม เอามาเจ็บมือตัวเองยังไม่พอยังจะไปทำร้ายคนอื่นอีกได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นนิสัยความเคยชินอารมณ์หรือความเป็นตัวตนก็เปรียบเหมือนเรากำลังหาหินเข้ามาไว้ในตัว หาหินมาแล้วเราจะปล่อยมันหรือเราจะยึดมั่นถือมั่น เมื่อไหร่ที่ยึดมั่นถือมั่นหินนั้นก็จะทำร้ายเราให้เจ็บปวด แต่ถ้าเราปล่อยทิ้งซะหินนั้นจะทำร้ายเราได้ไหม (ไม่ได้)  ก็ทำไม่ได้ ไหนลองกำหินไว้ในมือซิ กำเบาๆ เจ็บไหม (ไม่เจ็บ)  แต่ถ้ากำแรงๆ ละ (เจ็บ)  เหมือนเวลาที่เราโมโหมากๆ เจ็บไหม แล้วยังกำไหม (ไม่กำ)  กำ ฉะนั้นเมื่อเราอยู่ร่วมกันอะไรที่ยอมได้ก็จงยอม ไม่ใช่บอกว่าทนๆ ให้ทนนิสัยอย่างนี้แต่ในใจกลับร้อนรุ่มไม่ดีนะ อดทนที่ดีคืออดทนอย่างใจเย็นเป็นสุขและให้อภัย ไม่ใช่อดทนแบบสุมไฟไว้ในใจได้ไหม (ได้)  สักวันก็ต้องเผาร่นให้เราเจ็บปวด
(ศิษย์พี่พระนาจาเมตตาให้นำหินกลับไปวางคืนตำแหน่งเดิม)  
บางคนไม่คืนที่เดิมทิ้งไว้ก่อนเลย อย่างนี้เรียกว่าทำแล้วไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ นึกจะทำก็ทำด้วยความลำบาก นึกจะทิ้งก็ทิ้งอย่างไม่รับผิดชอบได้ไหม ฉะนั้นเมื่อไรที่เราทำขึ้นมากับมือตัวเอง ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปล่อย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องวาง ไม่ใช่นึกจะขว้างก็ขว้างไปได้ไหม ฉะนั้นต้องปล่อยให้ถูกที่ วางให้ถูกทาง ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะได้ผลการกระทำของเราไปด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนรู้มากไยให้โทษแก่ผู้อื่น  เป็นไหมศิษย์น้อง ยิ่งรู้มากกลับยิ่งชอบให้คาดโทษคนอื่นๆ เยอะ ใช่หรือไม่ อันนี้ก็ไม่ได้อันนั้นก็ไม่ได้ บางทีเรารู้ว่าอะไรถูก อะไรดี อะไรไม่ดี แต่ก็อย่าได้หลุดปากไปบอกหรือทำร้ายคนง่ายๆ ต้องค่อยๆ พูด ค่อยๆ สอนใช่หรือไม่ การบำเพ็ญธรรมเน้นที่ตัวเองไม่ใช่มองผู้อื่น เน้นที่ขัดเกลาตัวเองไม่ใช่ขัดเกลาใคร แล้วเราจะอยู่ร่วมกันในสังคมได้ อยู่ร่วมกันในการบำเพ็ญธรรมได้ก็ต่อเมื่อทุกคนยอมสละความเป็นตัวตน แล้วถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักใหญ่ ไม่ถือส่วนตนเป็นหลักใหญ่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราจึงจะสามารถทำให้ไม่ว่าสถานธรรม ไม่ว่าจะบ้านหรือไม่ว่าสังคมก็สามารถอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างสอดคล้องกลมกลืน ฉะนั้นบำเพ็ญธรรมช่วยตนก็คือช่วยคน
คำว่า ช่วยตนก็คือช่วยคนหมายความอย่างไร ขาดไม่ได้เลย อย่างแรกคือต้องรู้จักขยันหมั่นเพียรและรู้จักพอให้เป็น เป็นผู้บำเพ็ญธรรมขี้เกียจไม่ได้ต้องขยัน ขยันแล้วก็ต้องรู้จักพอเป็น อย่าขยันจนพอไม่เป็น ไม่อย่างนั้นจะเหนื่อยตาย ถูกไหม (ถูก)  อันที่สองไม่ได้ทำเพื่อลาภยศ ชื่อเสียง แต่มีโอกาสเอาเวลาที่พอนั้นไปช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อเวลาอยู่ร่วมกับผู้อื่นนั้นให้รู้จักสนใจ เคารพ อ่อนน้อมถ่อมตนและไม่เข้มงวดใครเข้มงวดตัวเอง นี้เรียกว่าช่วยตัวเองแล้วได้ช่วยผู้อื่น เข้าใจไหม เป็นคนบำเพ็ญธรรมขี้เกียจไม่ได้นะ ต้องขยันหาเลี้ยงตัวเองให้ได้ดี พอได้ดีเสร็จแล้วรู้จักพอ แล้วเอาเวลาพอนั้นไปช่วยผู้อื่น เมื่อถึงเวลาต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้นต้องรู้จักเคารพ อ่อนน้อมและถ่อยทีถ่อยอาศัย เข้มงวดตัวเองไม่เข้มงวดคนอื่น ยากไหม ก็ไม่ยากแต่ว่ามีนิทานเรื่องหนึ่ง เคยเห็นกบไหม กบคงจะเล็กไป เอาอึ่งอ่างแล้วกัน ก็มีอึ่งอ่างตัวหนึ่งเป็นอึ่งอ่างช่างพูด เห็นอะไรก็ต้องพูดอึ่ง  อ่าง แต่เผอิญว่าเวลาเขาพูดออกมาทีอึ่ง  อ่าง.. คนกลับรำคาญ เขาก็เลยไปปรึกษาแม่ แม่ผมจะทำอย่างไรดีให้คนไม่รำคาญเสียงผม แม่ก็เลยบอกว่า คราวหน้าเห็นอะไรไม่ถูกใจ ลูกหุบปากไว้ พอจะอึ่งลูกหุบไว้ พอจะอ่างลูกหุบไว้ได้ไหม ลูกก็บอกว่าผมจะลองดูแล้วกันครับแม่ แล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องออกไปหากิน พอออกไปหากิน เจอเหตุการณ์นี้อีกแล้ว ทำไมเขาเป็นแบบนี้นะ ทำไมเขาไม่เป็นแบบนี้ พอจะอึ่งปุ๊บก็ต้องหุบ ลมก็อยู่ในท้อง พอเดินไปอีกหน่อยหนึ่ง ทำไมเขาต้องเป็นอย่างนั้น ทำไมไม่เป็นแบบนี้ พอจะพูดอึ่งก็หุบ จากตอนแรกตัวผอมๆ ก็เริ่มป่องขึ้นมาหน่อยหนึ่ง จนเขากลับมา ท่านคิดว่าเขาเหมือนเดิมไหม เป็นอย่าไรพองกลับมาใช่หรือไม่ แล้วกว่าจะกลับมาได้ทรมานเหลือเกินจนกระทั้งมาถึงมาเจอแม่ แม่ตกใจลูกเป็นอะไรทำไมถึงอ้วนขนาดนี้ ผมเก็บไว้แม่ เก็บไว้จนจะระเบิดแตกตายอยู่แล้ว พอปล่อยลมไป ปู๊ด เราเป็นแบบนั้นไหม (ไม่เป็น)  คนที่รู้จักยอมก็ยอมเหมือนอึ่งอ่าง คนที่ไม่ยอมก็พูดเสียจนไม่มีใครอยากให้อยู่ด้วย รำคาญ ฉะนั้นกลายเป็นยอมก็ไม่ดี พูดมากก็ไม่ดี ฉะนั้นเราทำอย่างไรดี
ศิษย์น้องอย่าลืมนะว่า ในโลกนี้มีใบไม้ก็ต้องมีรากไม้ มีส่วนที่สูงก็ต้องมีส่วนที่ต่ำ มีสิ่งที่เรียกว่าแมวก็มีสิ่งที่เรียกว่าราชสีห์ มีสิ่งที่เรียกว่าเพชรก็มีสิ่งที่เรียกว่าหินกรวดดินทราย ใช่หรือไม่ ในโลกแห่งความแตกต่างทุกคนจะเหมือนกันหมดได้หรือไม่ แต่เราอยากจะจัดให้ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดได้ไหม ยกมือ 5 นิ้วขึ้นมา ทำอย่างไรให้นิ้วทั้ง 5 เท่ากันได้ไหม มันยากใช่หรือไม่ ถ้าจะยอมให้เท่ากันก็คือทุกคนต้องยอมงอ ใช่หรือไม่ แต่เราจะทำให้ทุกคนยอมงอได้ไหม ถ้าพยายามจะทำให้ทุกคนยอมงอก็จะเหมือนกับนิทานเรื่องหนึ่งที่มีผีตนหนึ่งเห็นพระนอนหลับอยู่ในห้องแล้วรู้สึกรำคาญหู รำคาญใจว่าทำไมหัวไปทางขาไปทาง เขาก็เลยคิดว่าเดี๋ยวเขาจะจัดหัวให้เท่ากัน เขาก็จัดหัวเท่ากันแล้ว แต่ทำไมขาไม่เท่ากัน เขาก็เลยกลับมาจัดขาให้เท่ากัน เป็นอย่างไร (หัวไม่เท่ากัน)  ผีบอกเอาอย่างไรดี จัดใหม่เอาหัวเท่ากันทั้งคืนผีตนนี้ได้ไปไหนไหม เพราะอยากจัดมนุษย์ให้มันเท่ากัน จัดหัวได้จัดขาไม่ได้ จัดขาได้จัดหัวไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องยอมรับความเป็นจริงอยู่อย่างหนึ่งว่า ในโลกนี้ต้องมีคนที่เรียกว่าดีและคนที่เรียกว่าไม่ดี คนที่เรียกว่าน่ารักสำหรับเราและก็ไม่น่ารักสำหรับเรา คนที่พูดเพราะกับคนที่พูดไม่เพราะ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นเราฝึกตรงไหนละ เราฝึกตรงนี้ เราทำใจรับได้ไหมกับคนที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง คนที่พูดเพราะบ้างไม่เพราะบ้าง เราสามารถวางใจเป็นกลางแล้วรับสภาพกับคนที่ต่ำๆ สูงๆ ในสังคมได้ไหม ถ้าเรายอมทำใจได้ เราเข้าใจได้ เราให้อภัยได้ เราไม่ถือสาได้ เราไม่เอาความได้นั่นแหละคือการฝึกจิตใจ นั่นแหละคือการบำเพ็ญที่ใจ มนุษย์ถนัดแต่การบำเพ็ญปฏิบัติภายนอกแต่ขาดการลงแรงที่ใจ ทำภายนอกสักวันก็ต้องไปรับผลบุญ ไม่เท่าทำภายใน ถ้าทำภายในไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก เพราะเราได้ขัดเกลาแล้วกลับคืนสู่จิตอันเดิมแท้ แล้วจิตอันเดินแท้ของมนุษย์คืออะไร คือจิตที่ไม่ถูกดูดเพราะความรัก ถูกผลักดันเพราะความชัง แต่จิตที่สามารถรักษาความเป็นกลาง ไม่โกรธ ไม่รัก ไม่หลง ทำได้หรือเปล่า อย่าลืมนะว่าสิ่งที่น่ารักทำเราเจ็บปวดใจมากที่สุด สิ่งที่น่าเกลียดเรายังพอหนีได้ แต่หนีไปหนีมากลายเป็นเราเป็นเสียเองก็มีใช่หรือไม่ ฉะนั้นสิ่งที่น่าเกลียดเราต้องพยายามทำความเข้าใจ สิ่งที่น่ารักเราต้องพยายามไม่ลุ่มหลง ไม่อย่างนั้นจะเป็นคนตาดีที่มองไม่เห็นว่าใครตาดีหรือตาบอด ใช่หรือเปล่า
ฉะนั้นขึ้นชื่อว่ามนุษย์สิ่งที่ขาดไม่ได้คือจิตใจแห่งความมีเมตตา ความมีเมตตาจะทำให้เราให้อภัยและอดทนอย่างไม่ใช่เป็นกบพองลมที่จำใจอดทน แต่ให้อภัยและใช้ความเมตตาเป็นตัวหล่อเลี้ยง อย่าไปถือสาเขาเลยนะเขาก็เป็นคนอย่างนั้น ใช้น้ำเย็นลูบดีกว่าใช้น้ำร้อนราด เพราะก่อนที่จะไปราดเขานั้นมันจะพองมือเราเสียก่อน ฉะนั้นมีเมตตาแล้วขาดไม่ได้ก็ต้องมีปัญญาเพราะว่าเมตตาถ้าขาดปัญญาแล้วความใจดีมากเกินไปก็กลายเป็นทำให้เขาเสียคนก็มี  เข้มงวดเกินไปก็อาจจะทำให้เขานั้นอึดอัดใจ ฉะนั้นเราบำเพ็ญธรรมต้องวางตัวให้เป็นกลาง ไม่ปล่อยให้ความรัก ความชังมาบดบังตาได้
ฉะนั้นจิตใจที่ศิษย์พี่อยากกลับมาปลุกเร้าให้ศิษย์น้องยังคงมีเหมือนเดิมก็คือ จิตใจที่มุ่งมั่น เราบำเพ็ญธรรมเพื่ออะไร เพื่อเราจะได้กลับคืนสู่ที่ที่เราเคยจากมาใช่หรือไม่ อย่างน้อยกลับคืนสู่แดนสวรรค์ใช่หรือไม่ แต่สวรรค์นั้นยังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดนะ ต้องกลับไปแดนนิพพาน ถ้าทำบุญหวังผลก็ยังแค่ขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าทำบุญไม่หวังผลก็คือขึ้นนิพพาน แต่ถ้าเน้นแต่ปฏิบัติภายนอกแต่ไม่ปฏิบัติภายในก็ยังแค่สวรรค์ แต่ถ้าเน้นทั้งนอกทั้งในคือ นิพพาน เข้าใจไหม การบำเพ็ญธรรมนอกจากให้ภายนอกแล้ว ใจเรายังต้องรู้จักให้ด้วย อย่าให้แต่มือแต่หัวใจไม่ให้ เมื่อให้แล้วต้องให้ด้วยความเต็มใจ ให้ด้วยการเสียสละอุทิศ นี่แหละเรียกว่าทำทั้งข้างนอก ทำทั้งข้างใน เมื่อทำงานก็ทำด้วยความสุขไม่ใช่ทำไปก็บ่นไป ทำไมมันทำเลอะจัง อย่างนี้เขาเรียกว่าทำข้างนอกแต่ไม่ได้ทำข้างใน เมื่อทำกับข้าวก็ผัดให้มันเค็มๆ จะได้ไม่ต้องกินเยอะ ไม่ต้องมากินอีกได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นเวลาปฏิบัติภายนอกแล้วอย่าลืมปฏิบัติภายใน ทำด้วยความสุข ที่ว่า ทำก็ดีเหมือนกันนะ ทำแล้วเขาจะได้กิน เขาจะได้มีใจกินเจ เขาจะได้สนใจในการกินเจ ทำไปด้วยจิตคิดดีไปด้วย จิตรู้จักอุทิศสละให้ด้วยนี่แหละเรียกว่าลงแรงทั้งข้างนอกและลงแรงทั้งข้างใน ได้หรือไม่ ยากไหม
เป็นคนดีนั้นไม่ใช่สบาย  เป็นคนดียากไหม ยากแล้วทำไหม ยากแล้วต้องทำต่อไปนะอย่ายอมแพ้
ฉะนั้นต่อไปนี้อีสานหมู่เฮาจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติธรรมตรงนี้เข้าใจให้ถูกบำเพ็ญให้ดี และไม่ยอมแพ้จะเริ่มต้นแล้วก็ไปให้ถึงที่สุด ได้หรือไม่ ทุกขณะจิตที่ทำ ไม่ใช่เพื่อตัวเองอย่างเดียว คิดที่จะทำเพื่อผู้อื่นด้วย และเราจะนำพาผู้อื่นได้ก็คือลดส่วนตน คิดถึงส่วนรวม
ขอให้ผลไม้เป็นผลไม้แห่งการเริ่มต้นที่ไปให้ถึงที่สุด มีแรงช่วยแรง มีเงินช่วยเงิน ไม่มีแรงไม่มีเงิน พูดธรรมะให้เขามาได้ไหม (ได้)  พูดธรรมะไม่เป็นก็ออกแรงเยอะๆ หน่อยได้ไหม อย่าลืมว่ามีคนเหนื่อยก็ต้องมีคนสบาย ฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่สบายเราปล่อยให้คนอื่นเขาเหนื่อยนะ ฉะนั้นเราต้องรู้จักเหนื่อยเพื่อผู้อื่นบ้าง
(ศิษย์พี่เมตตาแจกผลไม้ให้กับนักเรียนในชั้นทุกคน)
บางคนได้สีแดง บางคนได้สีขาว คนได้สีแดงก็ต้องบำเพ็ญเยอะ คนได้สีขาวก็ต้องรักษาให้คงมั่น
ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมหัวใจของการบำเพ็ญธรรมมีไม่กี่เรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่ศิษย์พี่อยากให้ศิษย์น้องในที่นี้เป็นนั่นก็คือ ความรู้จักพอ ความรู้จักซื่อตรง และคนที่เป็นผู้ไม่สิ้นหวัง สามอย่างนี้ขาดไม่ได้ในการเป็นคนบำเพ็ญธรรม เงินหามากเท่าไรแต่ถ้าใจไม่รู้จักพอ หาไปก็หนักเปล่า ๆ เคยไหม มีเงินในกระเป๋าแต่ใจกลับรู้สึกไม่มีสักที ฉะนั้นเงินเป็นสิ่งน่ากลัวไหม เงินไม่น่ากลัวแต่คนที่ครองเงินน่ากลัว เงินมีอำนาจไหม ไม่มีแต่คนที่พยายามอยากจะมีนั้นแหละชอบจะพยายามกุมอำนาจและตกเป็นทาสของเงิน เงินบันดาลทุกข์ สุขให้ไหมละ  เงินนั้นจริงๆ ไม่ได้บันดาลทุกข์ ไม่ได้บันดาลสุขแต่คนที่ไม่รู้จักพอจะทำให้เงินนั้นบันดาลทุกข์ทันที ศิษย์น้องอย่ามัวแต่หลงระเริงในเงินจนลืมสร้างคุณงามความดีในตัวเองนะ เพราะมนุษย์มีสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่าเงินทองยิ่งกว่าชื่อเสียงนั่นก็คือ การประพฤติปฏิบัติเป็นคนดีอย่างไม่ย่อท้อ ดีอย่างมีปณิธานความมุ่งมั่น และเราก็มีกันทุกคนแล้วใช่หรือเปล่า ฉะนั้นเมื่อตั้งใจไปแล้วขอให้ไปให้ถึงที่สุด ได้ไหม เริ่มต้นแล้วก็ไปให้ถึงที่สุดนะ ทำตัวให้ดีทำตัวให้น่ารักอย่าดื้อดึงนะ ศิษย์พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง อาจารย์จะได้ไม่ต้องร้องไห้ ยอมได้ก็ยอม อภัยได้ก็อภัย ไปละ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา