西元二○○八年歲次丁亥十二月初五日 大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ สถานธรรมหมิงเฉิง จ.ตาก
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
มหาธรรมกว้างใหญ่และไพศาล ความลึกล้ำเหลือประมาณจะกำหนด
อยู่ที่การปฏิบัติใช่ที่กฎ แต่สลดคนไร้ศีลขาดวินัย
เราคือ
องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลกีย์ เคียมคัล
องค์มารดา ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง ฮวา ฮวา
ใช้ชีวิตที่มีอยู่คุ้มค่าไหม ต่างหมดไปกับสิ่งใดแสวงหา
ได้สิ่งใดกลับคืนกันขึ้นมา ได้ปัญญานำทางแก่ชีวิตไหม
จงเรียนรู้มีธรรมเป็นส่วนหนึ่งชีวิต คุมความคิดใช้สติเป็นคนใหม่
ใช่คับขันค่อยรู้ตัวแย่เกินไป จงใส่ใจชีวิตกันวันนี้เทอญ
วันเวลาไม่คอยคนให้คิดได้ แก้ตัวไปก็เท่านั้นน้ำขุ่นขุ่น
จงรู้ตัวก่อนจะสายให้สร้างคุณ ฟ้าการุณย์มนุษย์คงเส้นวา
ในวันนี้มีเวลาฟังธรรมะ จงชำระจิตใจสะอาดเกลี้ยง
อันกิเลสจงชำระอย่าได้เกี่ยง อย่าได้เลี่ยงไปอีกวันและอีกวัน
สองวันนี้ฟื้นฟูจิตฟื้นฟูใจ ใครทำได้บำเพ็ญธรรมกลับคืนฟ้า
อันสำนึกจงสว่างทุกเวลา กลางมายาหวังว่ามีเมธี
คำข้างทางฟังแล้วพูดใช่บัณฑิต รู้จริตแห่งตนเองเปิดใจกว้าง
ทบทวนตนรู้จักตนบนเส้นทาง ทำใจกว้างคุณธรรมเดินได้ดี
กลัวแต่คนชอบสร้างปัญหาให้ตนเอง เป็นคนเก่งต้องวิ่งสู้ใช่วิ่งหนี
รับความจริงเห็นตนชัดแต่โดยดี จะไม่มีอะไรที่ยากเกินมือ
ในวันนี้พี่มาคุมชั้นเรียน หวังน้องเพียรตั้งใจฟังธรรมะ
ชนะตนอยู่เสมอทุกวาระ ยุคสามจะโปรดคนบุญทั้งหญิงชาย
ในวันนี้ไม่กล่าวความให้มากไป เตือนน้องให้อย่าเป็นผู้เฝ้าเผลอ
จงสร้างบุญกว่ากรรมทุกยามเจอ อย่าละเมออยู่ในโลกอย่างเลื่อนลอย
รักษากฎพุทธระเบียบให้เคร่งครัด ศิษย์พี่ยืนคุมชั้นบันทึกคะแนน
ฮวา ฮวา หยุด
วันเสาร์ที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ สถานธรรมหมิงเฉิง อ.สามเงา จ.ตาก
พระโอวาทท่านต้าเซี่ยวฝอถง
ชะตาชีวิตอยู่ที่ฟ้ากำหนดหรือ หรือที่มือมนุษย์เป็นผู้สร้าง
ผู้ไม่แพ้ย่อมไม่อาจจนหนทาง แม้ความจริงต้องหนักบ้างก็เต็มใจ
เราคือ
ต้าเซี่ยวฝอถง (大笑佛童) รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามทุกท่านวันนี้ยิ้มแล้วหรือยัง
นับหนึ่ง นับหนึ่งมากี่รอบแล้ว เหมือนจะดีที่จริงแล้วก็แห้ว ทำทีอยู่นานยันฟุบตามแกว ส่วนลึกคนมีแววร่วมกัน
ทั้งตัว ทั้งใจอิ่มแล้วฝันมาก หวังเป็นตามจิตใจที่อยาก หวังความสบายเสียมาก เดินเดินลักถอยหลังเข้าคลอง
* ไม่มีสิ่งใดเข้ากัน ทุกสิ่งนั้นเรียนรู้ประสาน ศรัทธาแนวความคิดสมาน หากว่าด้วยงานเป็นเสียงเพลงเข้ากัน เกี่ยงงอนวางท่าเต๊ะใส่กัน ไม่เข้าใจกันต้องหนาวสายตา
** นับหนึ่ง แล้วสองกันบ้างหรือเปล่า เร็วแล้วชอบในธรรมหรือเปล่า คนช้าก็เอื่อยไปหรือเปล่า ท้อไม่เหนือกว่าทำความดี (ซ้ำ * , ** )
ทำนองเพลง : งานวัด
ชื่อเพลง : อย่าถอยหลังเข้าคลอง
พระโอวาทท่านต้าเซี่ยวฝอถง
ปีใหม่ก็ผ่านไปแล้ว เวลาปีใหม่เราจะเห็นใบหน้าอย่างไรที่เยอะที่สุด (ยิ้ม) สวัสดีปีใหม่ๆ ยิ้มอยู่วันเดียว พอหมดปีใหม่ เหี่ยวเลย ใช่หรือเปล่า (ใช่) ใบหน้าที่ตายด้าน เฉยเมยไม่รู้สึกไม่รู้สา ท่านว่ามองแล้วสบายตาไหม (ไม่สบายตา) มองแล้วชื่นใจไหม (ไม่ชื่นใจ) แต่ใบหน้าที่ไปไหนก็ยิ้ม กระตือรือร้นแล้วก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นใบหน้าที่มองแล้วเราก็รู้สึกเป็นสุข เห็นเขายิ้มก็รู้สึกอยากจะยิ้มตามใช่ไหม (ใช่) แล้วสองหน้าแบบนี้ ท่านเป็นหน้าไหนบ่อยกว่ากัน หน้าเหี่ยว หน้าบึ้งตึง หน้าตายด้าน เป็นอย่างไร ชอบไหม หน้าแบบนี้ (ไม่ชอบ) เห็นทีไร มองแค่เสี้ยวหางตาก็ไม่อยากมองแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเคยมองดูตัวเองในกระจกไหม เห็นตัวเองไหม พอหยิบกระจกปุ๊บ ยิ้ม แต่พอวางกระจกลงหุบยิ้มทันที ใช่หรือเปล่า
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นพูดคำว่า “เป๊ปซี่” และ “สิบสี่” และให้ยิ้มในขณะที่ออกเสียง)
ใบหน้าที่มนุษย์ทุกคนชอบมากที่สุดก็คือใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และหัวใจก็กระตือรือร้นมีชีวิตชีวา แต่ทำไมเป็นแค่วันปีใหม่ วันหยุด กับวันสงกรานต์เท่านั้น ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นพยายามเอาหน้าที่เราชอบจากคนอื่นมาใส่ที่ตัวเราบ้าง อย่าเอาแต่ไปเรียกร้องคนอื่น แต่ตัวเอง ยิ่งแก่ปากยิ่งตก ตายิ่งตกไปตามวัย ชีวิตจะลำบากขนาดไหน ทุกข์ยากขนาดไหน ร้องไห้มาขนาดไหน เหนื่อยสาหัสสากรรจ์ขนาดไหนแต่อย่าขาดซึ่งรอยยิ้มและอารมณ์ขัน เพราะถ้าขาดไปชีวิตก็มีแต่ความหม่นหมอง เศร้า และหดหู่
วันนี้เติมรอยยิ้มให้กับชีวิตบ้างหรือยัง เราเห็นท่านฟังตั้งแต่เช้า ท่านก็ค่อยๆ เหี่ยวไปๆ ยิ่งฟัง ยิ่งห่อเหี่ยว ใช่หรือไม่ (ไม่) ถ้าฟ้ากำหนดให้อากาศร้อนแล้วเราต้องร้อนไหม (ไม่ร้อน) เราก็สามารถทำใจเย็นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นทุกข์สุขอยู่ที่ใคร (ตัวเรา) แม้ฟ้าจะลิขิตมาให้เราไม่สมหวัง เราก็ไม่ตัดพ้อต่อว่าฟ้า เพราะเรารู้วิธีจัดการกับความไม่สมหวังให้มีความสุขได้ ใช่หรือไม่
แม้ฟ้าจะลิขิตคนที่มาทำงานร่วมกับเรา ทำอย่างไรก็ไม่เคยประสานกันได้ลงตัวสักที แต่เราก็ไม่บ่น ไม่ก่นโทษด่าคน การรู้จักเข้าใจเบื้องล่างย่อมนำพาไปสู่การเข้าใจเบื้องบน การรู้จักเข้าใจชีวิตตัวเองก็จะทำให้เรารู้จักนำพาชีวิตตัวเองได้ดี เงาที่พื้นดูงอเพราะว่าร่างกายไม่ตรง เสียงสะท้อนกลับมาไม่น่าฟังก็เพราะเสียงที่พูดออกไป พูดไม่เพราะ
ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นคนอื่นปฏิบัติต่อเราไม่ดีอย่างไร หรือชะตาชีวิตทำให้เราเลวร้ายอย่างไร บางทีไม่ใช่แค่คนข้างนอก แต่ต้องหันกลับมาถามตัวเองว่าเราทำตัวเองอย่างไร ผลถึงได้เป็นเช่นนี้
(ไม่ปกติ) มีตัวเล็กกับตัวใหญ่ แล้วถ้าสมมติว่าอย่างนี้ล่ะ 0 1 . . . . . ปกติไหม (ไม่ปกติ) แล้วถ้าเขียนใหม่ 0 1 2 3 ปกติไหม (ไม่ปกติ) เพราะอะไรถึงทำให้ไม่ปกติ เพราะความสูงต่ำไม่เท่ากัน ขนาดไม่เท่ากัน และความไม่อยู่ในมาตรฐานเดียวกันใช่หรือไม่ แล้วชีวิตเราเป็นแบบนี้
ใช่หรือไม่
ใช่หรือไม่ (ใช่) อะไรอีก (ความรัก) ความรักอยู่ในบ้านใครบ้านนั้นไม่สงบสุขหรือ ต้องรู้จักแยกให้ออกนะ ถ้ารักอย่างเท่าเทียมเสมอภาคก็อยู่ได้และมีสุข มีอะไรอีก ความเอาแต่ชนะไม่เคยยอมแพ้ใคร “ฉันต้องชนะๆ ฉันไม่ใช่ผู้แพ้” “เขาต้องยอม อย่าให้ฉันยอม ยอมไม่ได้” ใช่หรือไม่ ใจที่ชอบเอาชนะคนอื่น ยอมแพ้คนอื่นไม่เป็น อยู่กับใครคนนั้นก็เป็นทุกข์ แม้ไม่แสดงอำนาจออกมาแต่ถ้าใครพูดขัดหู ใจมันรับไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทำอย่างไรล่ะถึงจะทำให้บรรดาโจรทั้งหลายที่อยู่ในใจไม่มีอำนาจ
พระพุทธะบอกว่าให้ใช้ธรรมะเข้าข่ม เพราะธรรมะจะทำให้เราไม่โกรธ ใจเย็น อภัย พยายามเห็นใจและใจกว้างๆ ฉะนั้นการมีธรรมะจะทำให้เรานั้นสามารถดับโจรที่อยู่ในตัวของเราได้
พอหัวข้อที่สอง หัวข้อที่สาม เหมือนนาทีแรกรู้สึกดี พอนาทีสอง นาทีที่สาม อีกครึ่งชั่วโมง หลับ มนุษย์นั้นมีความอดทนเดี๋ยวเดียว ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีง่วงบ้าง เพลียบ้าง
บางคนเกิดมา ทุกสิ่งทุกอย่างมีพร้อมสมบูรณ์หมด แต่บางคนเกิดมาตั้งแต่เริ่มหนึ่งก็ไม่ปกติแล้ว บางคนก็แขนขาด ขาขาด ร่างกายเป็นโรคนั้นเป็นโรคนี้ ก็กลายเป็น หนึ่ง สอง สาม สี่ แต่ใช่ว่าเขาจะขึ้นมาเป็นห้า หก เจ็ด ที่เหมือนธรรมดาไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ส่วนคนบางคนเดี๋ยววันนี้อยากดี เดี๋ยววันนี้อยากแย่ เดี๋ยววันนี้อารมณ์ดี เดี๋ยววันนี้อารมณ์เสีย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงไม่แน่นอน ฉะนั้นชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนอย่างนี้เราเริ่มต้น ศูนย์ หนึ่ง สอง สาม สี่ อย่างน้อยไม่ตรงมาตรฐาน ก็อย่าให้ต่ำกว่ามาตรฐานเลยนะ
เราไม่ดูแคลน เราไม่ทอดทิ้ง เรารีบเดินไปกระทำ ไม่เกี่ยงงอนให้คนอื่นทำ นั่นเรียกว่า “ปฏิบัติธรรมถึงหัวใจ” ยากไหม (ไม่ยาก) ไม่ยากแต่นึกภาพไม่ออกใช่หรือไม่
หกล้ม เราก็รีบเข้าไปช่วยและปลอบใจ นี่ก็เรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้ว ช่วงจิตใจนั้นเราหวังผลตอบแทนจากพ่อแม่ของเด็กไหม (ไม่) ในใจรู้สึกอย่างเดียวว่า มีเจตนาที่ดี คือสงสารอยากช่วยคนล้มให้ลุกขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่) จิตใจที่คิดได้เช่นนี้ นอกจากจะเรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้วยังเป็นกุศล และยังมีบุญด้วย
ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นการกระทำอะไรก็ตามที่เป็นการกระทำด้วยจิตสำนึกที่เห็นใครเป็นทุกข์เดือดร้อน แล้วเราอยากไปช่วย นั่นเรียกว่าปฏิบัติธรรมเหมือนกันนะ ช่วยเพื่อให้เขามีความสุขมีความสบายใจ
มีความร่มเย็นใจ ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะเกี่ยงงอน พอเกี่ยงงอนเราก็ไม่มีธรรม พอไม่มีธรรมแล้วก็เหมือนคนที่ไม่มีหัวใจของความเป็นคน
ผู้มีธรรม (เก็บคืนให้เจ้าของ) แต่ถ้าหากว่ามองซ้าย มองขวา ไม่มีใครเลยล่ะ (เอาไปให้ผู้ใหญ่บ้าน) แล้วพอประกาศหาเจ้าของแล้วเราจะรอเฝ้าเขาจนได้เงินไหม (ไม่รอ) แล้วเราจะทิ้งชื่อไว้เป็นการบอกเขาไหม
(ไม่ทิ้ง) อย่างนี้เรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้วได้กุศลแล้วก็ได้บุญด้วย
นึกขึ้นได้ เขาย่อมกลับมาหาที่ที่เขาคิดว่าจะทำตก และถ้าของนั้นยังอยู่ที่เดิม เจ้าของเขากลับมาหาเขาก็จะอุ่นใจที่เจอ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าเราไปฝากไว้ที่คนนั้นฝากไว้ที่คนนี้ คนที่มาหาเขาจะนึกออกไหมว่าท่านจะฝากไว้ที่ใครบ้าง (นึกไม่ออก) ฉะนั้นถ้าเงินตกก็ปล่อยไว้เถอะ เพราะเราทุกคน มักจะหวังว่า ของหายตรงไหน มันก็จะอยู่ตรงนั้น ไม่คิดว่าจะไปอยู่ในมือใคร ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นพบของตกแม้จะมีค่าขนาดไหน ลองไม่เก็บดูนะ เมื่อไรที่เก็บ บางทีใจอดต่อสู้กันไม่ได้ “เอาดี ไม่เอาดีนะ จะเดินไปคืนเขาดี หรือจะเดินเอาไปฝากเขาหาเจ้าของดี” จริงไหม (จริง) ฉะนั้นเห็นแล้วลองปล่อยไว้ไม่ต้องเก็บก็ได้
แก่ตัว จิตใจที่รู้จักให้อภัย และจิตใจที่ไม่ถือดีเอาแต่ได้ หยิ่งทะนงตน
ถ้าเมื่อไหร่เราเพาะปีศาจร้าย ความถือดี ความทะนงตน ความอยากได้อยากเด่นเอาชนะ ล้วนไม่เป็นที่ปรารถนาของใครในสังคมหรอก คนทุกคนล้วนอยากได้คนที่อยู่ข้างๆ เป็นคนที่เรียบง่ายและธรรมดา ใช่หรือไม่ (ใช่) สูงส่งยิ่งใหญ่งดงามมากเกินไป บางครั้งก็ไม่ไหว จิตใจที่ธรรมดาต่างหากคือจิตใจที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่จิตใจที่อยากจะถือดีเอาแต่ได้ เอาแต่ชนะ อย่างนี้ไม่เป็นที่ปรารถนาของใคร ฉะนั้นเราอยู่ในโลกยืดได้ก็ต้องหดได้ เหมือนเรานับ หนึ่ง สอง สาม บางครั้งก็ต้องยืด บางครั้งก็อ่อนน้อมถ่อมตนบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ท้อไม่เหนือกว่าทำความดี”
ลำแข้ง ด้วยความดีที่เรามีอยู่ ไม่สูญเสียไป ถึงจะเรียกว่าคนดีอย่าง
ถ่องแท้ และชะตาชีวิตสามารถพลิกผันเปลี่ยนแปลงได้
สิ่งโน้น สิ่งนี้ แต่เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่แล้วเราก็ยังไม่มีอิสรภาพเหล่านั้น เพราะว่าเรามีภาระมากมายจริงหรือไม่ (จริง) สิ่งนั้นก็บังคับการใช้เงิน สิ่งนี้บังคับการใช้ชีวิต สิ่งนั้นบังคับการพูด สิ่งนี้บังคับการคิด สิ่งนี้บังคับการแต่งตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นภายนอกเราถูกจำกัดมาเยอะแล้ว ทีนี้เราต้องมาจำกัดภายในบ้าง การจำกัดภายในไม่ได้ถูกจำกัดด้วยสายตาผู้อื่น ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเงินทอง แต่จำกัดจิตใจด้วยอะไร จิตใจของเราเอาอะไรมาจำกัดเขาให้อยู่ได้ (ใช้สติ, สมาธิ) แล้วเวลาที่ออกจากสมาธิล่ะ
ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่บัดนี้เราจะเป็นผู้บำเพ็ญ เราจำเป็นต้องฝึกฝน
มีข้อสอบมาเยอะแยะเลย เริ่มตั้งแต่สามีออกข้อสอบ ลูกออกข้อสอบ เพื่อนบ้านออกข้อสอบ ที่ทำงานออกข้อสอบ คนแปลกหน้าออกข้อสอบ ทุกคนมาออกข้อสอบให้เรา เพื่อให้เรานั้นได้ฝึกฝนตัวเอง ถ้าเราฝึกกับความราบเรียบ เราย่อมไม่รู้ตัว แต่ถ้าเรายิ่งฝึกกับความขรุขระ ฝึกกับปัญหา เรายิ่งได้รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นชีวิตของเราจะดีขึ้นได้เมื่อเรารู้จักตัวเอง คนเราต้องมีความรู้ รู้นี้รู้จากการเรียนและใฝ่ศึกษาให้มาก เมื่อใฝ่ศึกษามารู้มาก เรียนมากแล้ว เราจะรู้ จะเรียน จะเข้าใจเพียงอย่างเดียวได้หรือไม่ (ไม่ได้) สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการปฏิบัติ
(ไม่ดี) อย่าทำ อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วไม่มีใครเห็น เพราะว่าความลับรักษายาก
ได้ไหม (ไม่ได้)
ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นคนอื่นปฏิบัติต่อเราไม่ดีอย่างไร หรือชะตาชีวิตทำให้เราเลวร้ายอย่างไร บางทีไม่ใช่แค่คนข้างนอก แต่ต้องหันกลับมาถามตัวเองว่าเราทำตัวเองอย่างไร ผลถึงได้เป็นเช่นนี้
(ไม่ปกติ) มีตัวเล็กกับตัวใหญ่ แล้วถ้าสมมติว่าอย่างนี้ล่ะ 0 1 . . . . . ปกติไหม (ไม่ปกติ) แล้วถ้าเขียนใหม่ 0 1 2 3 ปกติไหม (ไม่ปกติ) เพราะอะไรถึงทำให้ไม่ปกติ เพราะความสูงต่ำไม่เท่ากัน ขนาดไม่เท่ากัน และความไม่อยู่ในมาตรฐานเดียวกันใช่หรือไม่ แล้วชีวิตเราเป็นแบบนี้
ใช่หรือไม่
ใช่หรือไม่ (ใช่) อะไรอีก (ความรัก) ความรักอยู่ในบ้านใครบ้านนั้นไม่สงบสุขหรือ ต้องรู้จักแยกให้ออกนะ ถ้ารักอย่างเท่าเทียมเสมอภาคก็อยู่ได้และมีสุข มีอะไรอีก ความเอาแต่ชนะไม่เคยยอมแพ้ใคร “ฉันต้องชนะๆ ฉันไม่ใช่ผู้แพ้” “เขาต้องยอม อย่าให้ฉันยอม ยอมไม่ได้” ใช่หรือไม่ ใจที่ชอบเอาชนะคนอื่น ยอมแพ้คนอื่นไม่เป็น อยู่กับใครคนนั้นก็เป็นทุกข์ แม้ไม่แสดงอำนาจออกมาแต่ถ้าใครพูดขัดหู ใจมันรับไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทำอย่างไรล่ะถึงจะทำให้บรรดาโจรทั้งหลายที่อยู่ในใจไม่มีอำนาจ
พระพุทธะบอกว่าให้ใช้ธรรมะเข้าข่ม เพราะธรรมะจะทำให้เราไม่โกรธ ใจเย็น อภัย พยายามเห็นใจและใจกว้างๆ ฉะนั้นการมีธรรมะจะทำให้เรานั้นสามารถดับโจรที่อยู่ในตัวของเราได้
พอหัวข้อที่สอง หัวข้อที่สาม เหมือนนาทีแรกรู้สึกดี พอนาทีสอง นาทีที่สาม อีกครึ่งชั่วโมง หลับ มนุษย์นั้นมีความอดทนเดี๋ยวเดียว ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีง่วงบ้าง เพลียบ้าง
บางคนเกิดมา ทุกสิ่งทุกอย่างมีพร้อมสมบูรณ์หมด แต่บางคนเกิดมาตั้งแต่เริ่มหนึ่งก็ไม่ปกติแล้ว บางคนก็แขนขาด ขาขาด ร่างกายเป็นโรคนั้นเป็นโรคนี้ ก็กลายเป็น หนึ่ง สอง สาม สี่ แต่ใช่ว่าเขาจะขึ้นมาเป็นห้า หก เจ็ด ที่เหมือนธรรมดาไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ส่วนคนบางคนเดี๋ยววันนี้อยากดี เดี๋ยววันนี้อยากแย่ เดี๋ยววันนี้อารมณ์ดี เดี๋ยววันนี้อารมณ์เสีย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงไม่แน่นอน ฉะนั้นชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนอย่างนี้เราเริ่มต้น ศูนย์ หนึ่ง สอง สาม สี่ อย่างน้อยไม่ตรงมาตรฐาน ก็อย่าให้ต่ำกว่ามาตรฐานเลยนะ
เราไม่ดูแคลน เราไม่ทอดทิ้ง เรารีบเดินไปกระทำ ไม่เกี่ยงงอนให้คนอื่นทำ นั่นเรียกว่า “ปฏิบัติธรรมถึงหัวใจ” ยากไหม (ไม่ยาก) ไม่ยากแต่นึกภาพไม่ออกใช่หรือไม่
หกล้ม เราก็รีบเข้าไปช่วยและปลอบใจ นี่ก็เรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้ว ช่วงจิตใจนั้นเราหวังผลตอบแทนจากพ่อแม่ของเด็กไหม (ไม่) ในใจรู้สึกอย่างเดียวว่า มีเจตนาที่ดี คือสงสารอยากช่วยคนล้มให้ลุกขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่) จิตใจที่คิดได้เช่นนี้ นอกจากจะเรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้วยังเป็นกุศล และยังมีบุญด้วย
ใช่หรือเปล่า (ใช่) ฉะนั้นการกระทำอะไรก็ตามที่เป็นการกระทำด้วยจิตสำนึกที่เห็นใครเป็นทุกข์เดือดร้อน แล้วเราอยากไปช่วย นั่นเรียกว่าปฏิบัติธรรมเหมือนกันนะ ช่วยเพื่อให้เขามีความสุขมีความสบายใจ
มีความร่มเย็นใจ ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะเกี่ยงงอน พอเกี่ยงงอนเราก็ไม่มีธรรม พอไม่มีธรรมแล้วก็เหมือนคนที่ไม่มีหัวใจของความเป็นคน
ผู้มีธรรม (เก็บคืนให้เจ้าของ) แต่ถ้าหากว่ามองซ้าย มองขวา ไม่มีใครเลยล่ะ (เอาไปให้ผู้ใหญ่บ้าน) แล้วพอประกาศหาเจ้าของแล้วเราจะรอเฝ้าเขาจนได้เงินไหม (ไม่รอ) แล้วเราจะทิ้งชื่อไว้เป็นการบอกเขาไหม
(ไม่ทิ้ง) อย่างนี้เรียกว่าปฏิบัติธรรมแล้วได้กุศลแล้วก็ได้บุญด้วย
นึกขึ้นได้ เขาย่อมกลับมาหาที่ที่เขาคิดว่าจะทำตก และถ้าของนั้นยังอยู่ที่เดิม เจ้าของเขากลับมาหาเขาก็จะอุ่นใจที่เจอ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าเราไปฝากไว้ที่คนนั้นฝากไว้ที่คนนี้ คนที่มาหาเขาจะนึกออกไหมว่าท่านจะฝากไว้ที่ใครบ้าง (นึกไม่ออก) ฉะนั้นถ้าเงินตกก็ปล่อยไว้เถอะ เพราะเราทุกคน มักจะหวังว่า ของหายตรงไหน มันก็จะอยู่ตรงนั้น ไม่คิดว่าจะไปอยู่ในมือใคร ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นพบของตกแม้จะมีค่าขนาดไหน ลองไม่เก็บดูนะ เมื่อไรที่เก็บ บางทีใจอดต่อสู้กันไม่ได้ “เอาดี ไม่เอาดีนะ จะเดินไปคืนเขาดี หรือจะเดินเอาไปฝากเขาหาเจ้าของดี” จริงไหม (จริง) ฉะนั้นเห็นแล้วลองปล่อยไว้ไม่ต้องเก็บก็ได้
แก่ตัว จิตใจที่รู้จักให้อภัย และจิตใจที่ไม่ถือดีเอาแต่ได้ หยิ่งทะนงตน
ถ้าเมื่อไหร่เราเพาะปีศาจร้าย ความถือดี ความทะนงตน ความอยากได้อยากเด่นเอาชนะ ล้วนไม่เป็นที่ปรารถนาของใครในสังคมหรอก คนทุกคนล้วนอยากได้คนที่อยู่ข้างๆ เป็นคนที่เรียบง่ายและธรรมดา ใช่หรือไม่ (ใช่) สูงส่งยิ่งใหญ่งดงามมากเกินไป บางครั้งก็ไม่ไหว จิตใจที่ธรรมดาต่างหากคือจิตใจที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่จิตใจที่อยากจะถือดีเอาแต่ได้ เอาแต่ชนะ อย่างนี้ไม่เป็นที่ปรารถนาของใคร ฉะนั้นเราอยู่ในโลกยืดได้ก็ต้องหดได้ เหมือนเรานับ หนึ่ง สอง สาม บางครั้งก็ต้องยืด บางครั้งก็อ่อนน้อมถ่อมตนบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ท้อไม่เหนือกว่าทำความดี”
ลำแข้ง ด้วยความดีที่เรามีอยู่ ไม่สูญเสียไป ถึงจะเรียกว่าคนดีอย่าง
ถ่องแท้ และชะตาชีวิตสามารถพลิกผันเปลี่ยนแปลงได้
สิ่งโน้น สิ่งนี้ แต่เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่แล้วเราก็ยังไม่มีอิสรภาพเหล่านั้น เพราะว่าเรามีภาระมากมายจริงหรือไม่ (จริง) สิ่งนั้นก็บังคับการใช้เงิน สิ่งนี้บังคับการใช้ชีวิต สิ่งนั้นบังคับการพูด สิ่งนี้บังคับการคิด สิ่งนี้บังคับการแต่งตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นภายนอกเราถูกจำกัดมาเยอะแล้ว ทีนี้เราต้องมาจำกัดภายในบ้าง การจำกัดภายในไม่ได้ถูกจำกัดด้วยสายตาผู้อื่น ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเงินทอง แต่จำกัดจิตใจด้วยอะไร จิตใจของเราเอาอะไรมาจำกัดเขาให้อยู่ได้ (ใช้สติ, สมาธิ) แล้วเวลาที่ออกจากสมาธิล่ะ
ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่บัดนี้เราจะเป็นผู้บำเพ็ญ เราจำเป็นต้องฝึกฝน
มีข้อสอบมาเยอะแยะเลย เริ่มตั้งแต่สามีออกข้อสอบ ลูกออกข้อสอบ เพื่อนบ้านออกข้อสอบ ที่ทำงานออกข้อสอบ คนแปลกหน้าออกข้อสอบ ทุกคนมาออกข้อสอบให้เรา เพื่อให้เรานั้นได้ฝึกฝนตัวเอง ถ้าเราฝึกกับความราบเรียบ เราย่อมไม่รู้ตัว แต่ถ้าเรายิ่งฝึกกับความขรุขระ ฝึกกับปัญหา เรายิ่งได้รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นชีวิตของเราจะดีขึ้นได้เมื่อเรารู้จักตัวเอง คนเราต้องมีความรู้ รู้นี้รู้จากการเรียนและใฝ่ศึกษาให้มาก เมื่อใฝ่ศึกษามารู้มาก เรียนมากแล้ว เราจะรู้ จะเรียน จะเข้าใจเพียงอย่างเดียวได้หรือไม่ (ไม่ได้) สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการปฏิบัติ
(ไม่ดี) อย่าทำ อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วไม่มีใครเห็น เพราะว่าความลับรักษายาก
ได้ไหม (ไม่ได้)
วันนี้นั่งฟังแล้วมีสุขหรือมีทุกข์เป็นเพราะคนพูดหรือเปล่า (ไม่ใช่) เป็นเพราะฟ้ากำหนดให้ชีวิตเป็นแบบนี้ไหม (ไม่ใช่) อยู่ที่ใคร (ตัวเราเอง) จะเติมสุขหรือเติมทุกข์ จะเติมรอยยิ้มหรือเติมน้ำตา ยิ้มเข้าไว้อยู่กับเราต้องยิ้มเยอะๆ ใครไม่ยิ้มต้องพยายามยิ้มเข้าไว้ เพราะเราแค่ยิ้มครั้งหนึ่ง คนที่อยู่ตรงข้ามเราก็พยายามจะยิ้มกลับ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วพอเขายิ้มกลับ เรากลับยิ่งยิ้มเพิ่ม ถ้าเราส่งหน้าบึ้งไป เราจะได้รอยยิ้มกลับมาไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นชีวิตจะยากลำบากขนาดไหน จะทุกข์เข็ญขนาดไหน จะเหนื่อยสาหัสสากรรจ์ขนาดไหนเราก็ยิ้มได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
เราถามท่านหน่อยนะว่า เวลาท่านเขียนหนึ่ง สอง สาม ท่านเขียนได้กี่แบบ เลขไทยหนึ่งแบบ เลขอารบิคหนึ่งแบบใช่ไหม และเลขอะไรอีกเลขสากลอีกหนึ่งแบบ นั่นคือแบบของตัวเลข แต่ถ้าเกิดเราถามว่า การเรียงของตัวเลขล่ะเขียนได้กี่แบบ 0 1 2 3 4 5 นี่คือการเรียงเลขแบบปกติ แล้วถ้าเราเขียนแบบนี้ล่ะ 0 1 2 3 อย่างนี้ปกติไหม
จำไว้นะว่าใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและดูมีชีวิตชีวา กระตือรือร้นเป็นใบหน้าที่ใครๆ ก็อยากอยู่ด้วย ฉะนั้นกลับไปต้องยิ้มให้มากๆ ยิ้มให้เยอะๆ อยากให้เขาประทับใจก็ยิ้มเข้าไว้ เขาจะว่าเราบ้าก็ไม่เป็นไรยิ้มมีความสุข แต่อย่าไปยิ้มตอนที่เขาไปงานศพนะ เขากำลังพูดเรื่องทุกข์ใจ ยิ้ม หัวเราะได้ไหม (ไม่ได้) ต้องยิ้มให้ถูกเวลาด้วย ไม่อย่างนั้นแทนที่เขาจะมีความสุข เขาอาจจะเกลียดเราได้
อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวทำให้ร่างกายเราไม่ค่อยดีใช่หรือไม่ มนุษย์ก็เฉกเช่นเดียวกัน ถ้าเดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวอารมณ์ร้ายทำให้คนที่อยู่ข้างๆ รู้สึกแย่ไปด้วย ฉะนั้นเห็นฟ้าเป็นอย่างนี้ถามตัวเราดูว่ามีนิสัยคล้ายฟ้าไหม คล้ายใช่หรือไม่ อารมณ์ดี อารมณ์ร้ายแยกไม่ออกเลย ทำให้คนรอบข้างที่อยู่ด้วยลำบากใจ อึดอัดใจใช่หรือเปล่า ฉะนั้นจะดีก็ต้องดีให้ดูเหมาะสม จะร้ายก็ให้ถูกเวลา แต่ถ้าจะร้ายบางครั้งไม่มีก็ดีกว่าใช่หรือไม่ เพราะใครๆ ในโลก หรือแม้แต่หัวใจเราเองก็ชอบคนดีมากกว่าคนร้าย ชอบคนที่หมั่นให้อภัยมากกว่าคนที่ขี้โมโหโทโส
โจรที่ร้ายที่สุดในหัวใจเราแม้จะไม่แสดงออก แต่มีเมื่อไหร่ก็ทำให้บ้านนั้นไม่สงบสุขเมื่อนั้น คืออะไรรู้ไหม (โทสะ, ความหลง) ความหลง ไม่รู้จักแยกแยะอะไรดีอะไรชั่ว ใช่หรือไม่ (ใช่) มีความโกรธ มีความหลง แล้วมีอะไรอีก (โลภ) โลภอย่างไม่รู้จักพอแม้ไม่แสดงออกแต่อยู่กับหัวใจเราเมื่อไร แอบแฝงอยู่ในบ้านเราเมื่อไร มันก็ทำให้บ้านเราไม่สงบสุข
จิตที่ชอบเอาชนะ จิตที่โลภ จิตที่ไม่ยอมแพ้ จิตที่ชอบตัดพ้อต่อว่า มีเมื่อไหร่แม้ไม่แสดงอำนาจออกมา แม้ไม่แสดงอารมณ์ออกมาแต่มีเมื่อไหร่อยู่บ้านใดบ้านนั้นก็ไม่มีสุข เราเป็นหมดเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)
เมื่อยหรือยัง ยืนแล้วเมื่อยไหม (ไม่) ถ้าให้ยืนสัก ๑ ชั่วโมงไหวไหม ถ้าคิดว่าเมื่อไหร่จะได้นั่งสักที แสดงว่าแอบมีโจรไว้หนึ่งตัวแล้ว ปล่อยโจรออกมาแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่) มนุษย์เราไม่ลองพยายามจะรู้หรือว่าความพยายามของเราอาจจะมีไม่จำกัดก็ได้ ไม่ลองทำดูจะรู้หรือว่าเราอาจจะมีความสามารถพิเศษคือ ยืนนานได้โดยไม่เมื่อยขา ใช่หรือไม่ (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นนั่งลง)
ตอนเริ่มหัวข้อที่หนึ่งเห็นแต่ละคนตั้งท่าตั้งใจฟังเต็มที่เลย
ฉะนั้นสิ่งที่เราบอกก็คล้ายๆ กับชีวิตคน คล้ายๆ กับจิตใจคน
เคยเห็นไหมบางคนหนึ่ง สอง สาม สี่ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาพูดเสียงค่อยๆ เบาลง) บางคนก็หนึ่ง สอง สาม สี่ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาพูดเสียงเข้มแข็ง) ฉะนั้นถามตัวเราสิว่าชีวิตตัวเราเริ่มนับหนึ่ง สอง สาม สี่ ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือต่ำลงเรื่อยๆ หรือไม่ดีไม่แย่ก็ยังเสมอตัวเรื่อยๆ เป็นอย่างไหนกัน แล้วแต่อารมณ์แล้วแต่ความมุ่งมั่น แล้วแต่ความชอบความชัง ถ้าชอบหน่อยเวลาทำก็สามารถ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาพูดแบบเข้มแข็ง) แต่ถ้าเกลียดหน่อยก็ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ) ถามว่าชีวิตนี้เราปล่อยไปตามอารมณ์บ่อยๆ ดีไหม (ไม่ดี) ไม่ดีเลยบางครั้งให้ชีวิตรู้จักมีธรรมสอนใจบ้าง มีธรรมเป็นหลักนำชีวิตบ้าง ชีวิตก็คงไม่โลดโผนโจนทะยานจนเกินไปใช่หรือไม่ (ใช่) ชีวิตจะโลดโผนโจนทะยานอย่างไรเราก็สามารถประคับประคองให้คงเส้นคงวาได้ ฉะนั้นธรรมะนอกจากจะทำให้เรารู้จักควบคุมไม่ให้โจรร้ายที่มีในหัวใจแสดงอำนาจบาตรใหญ่แล้ว ธรรมะยังเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้เราสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น ที่เข้มงวดกวดขัน ที่ขัดเกลาเราอย่างไรก็ได้ การรู้จักเอาธรรมะมาใช้ในชีวิตสามารถนำพาให้เรากลายเป็นคนที่มีคุณธรรมประจำใจ และสามารถรักษาชีวิตให้เดินไปสู่หนทางที่ดีงามได้
การปฏิบัติธรรมคืออะไร ไม่ยากเลย ธรรมคือทุกสิ่งไม่ว่ารูป ไม่ว่านามก็ล้วนเป็นธรรม ถ้ารูปที่ไร้การปรุงแต่งสิ่งที่เกิดขึ้นไร้การปรุงแต่งเรียกว่า “อสังขตธรรม” คือ ธรรมแห่งพระนิพพาน แต่ถ้าเห็นรูปเห็นนาม เห็นการคิดเห็นการกระทำแล้วเราอยากปรุงแต่งโน่น ปรุงแต่งนี่ เรียกว่า “สังขตธรรม” ยังเป็นสิ่งที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ฟังแล้วงงไหม เอาแค่ทำอย่างไรเรียกว่า “ปฏิบัติธรรม” ก่อน เอาไหม
การปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติหน้าที่ที่มนุษย์เราพึงมี ทำให้สมบูรณ์ ทำให้ดีงาม นี่จึงเรียกว่า “ปฏิบัติธรรม” อย่างเช่นเป็นลูก ก็ปฏิบัติความเป็นลูกให้ดีงาม ไม่ใช่เป็นลูกที่นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่สนใจความสุขของพ่อแม่ อย่างนี้ก็เรียกว่า “ไม่อาจปฏิบัติได้ดี” ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าตัวเองปฏิบัติตัวเองได้ดีแล้ว ไม่ตามใจตัวเองจนเกินไปและยังรู้จักเอาเวลาไปดูแลความสุขทุกข์ของพ่อแม่ได้ อย่างนี้จึงเรียกว่า “ปฏิบัติธรรม” หรือเวลาทำงานก็รู้จักทำงานของตัวเองให้ดีให้เหมาะสม ให้ครบถ้วน และเวลาทำงานแล้วยังรู้จักคิดถึงส่วนรวม ไม่ใช่รับผิดชอบแต่ส่วนตัวแต่ไม่เคยคิดช่วยส่วนรวมอย่างนี้ก็ยังเรียกว่า “ไม่ดีพอ” รู้จักช่วยส่วนตัวและช่วยส่วนรวม เวลาทำอะไรคิดถึงส่วนตัว แล้วก็ยังคิดถึงส่วนรวมด้วย นี่ก็เรียกว่า “ปฏิบัติธรรม”
การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องยากไหม (ไม่ยาก) ไม่ยากเลยแต่ว่าปฏิบัติธรรมมีแค่เท่านี้ไหม (ไม่ใช่) หัวใจของการปฏิบัติธรรมยังมีอีกก็คือ สิ่งที่มโนธรรมสำนึกบอกว่าต้องกระทำนะ เราต้องรีบกระทำ สิ่งที่ความเป็นคนบอกว่า เราต้องช่วยนะ เราต้องเห็นใจนะ แล้วเราไม่เพิกเฉย
ยกตัวอย่างง่ายๆ จิตใจที่เรียกว่า คนมีธรรมก็คือ เห็นใครเป็นทุกข์แล้วเราทนนิ่งอยู่เฉยไม่ได้ ต้องรีบเข้าไปช่วย อย่างเช่นเห็นเด็กกำลัง
แต่ถ้าเกิดว่า เห็นเด็กล้ม แล้วช่วยเด็กให้ลุกเพราะเห็นแม่เด็กใส่แหวนเพชร อย่างนี้เรียกว่าเจตนาอกุศล ในใจลึกๆ หวังผลประโยชน์
น้ำ ไฟ เหมาะสำหรับชีวิต เหมาะสำหรับเลี้ยงดูร่างกาย แต่คุณธรรมเหมาะสำหรับหัวใจ คนไหนที่ไม่มีธรรม คนนั้นคือคนที่สูญเสียหัวใจของความเป็นคนไปครึ่งหนึ่งแล้ว เห็นหน้าที่ๆ ควรทำกลับไม่ทำ แต่เกี่ยงให้น้องทำ ให้คนอื่นทำ รักสบาย เอาแต่ได้ อย่างนี้เรียกว่าไม่มีธรรมในหัวใจ ใช่หรือไม่ (ใช่) หากว่านอกจากทำแล้ว ยังไม่คิดหวังผลประโยชน์ ยังรู้จักสละอุทิศให้ด้วยใจกว้าง นี่จึงได้สร้างคุณธรรมแล้วยังมีกุศล และอาจจะได้บุญ เอาไหม (เอา) แล้วทำไมไม่ทำล่ะ ถึงเวลาเห็นเงินตกเก็บเข้ากระเป๋า ใช่ไหม ถ้าเห็นเงินตกทำอย่างไรจึงจะเรียกว่า
แล้วจิตอย่างไหนเรียกว่ากุศล จิตอย่างไหนเรียกว่าบุญ การทำบุญก็คือการทำแล้วจิตใจสละให้ ไม่ยึดติด ไม่วิงวอนขอ ไม่หวังผล คือการทำบุญแล้วได้บุญอย่างถ่องแท้ ทำอย่างไรเรียกว่าได้กุศล ก็คือทำแล้วมีเจตนาดี ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้นทำบุญจึงใกล้กับกุศลมากๆ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นทุกครั้งที่เราทำอะไรก็ตามขอเพียงสละยึดติด สละวิงวอนขอ สละหวังผล ทำไปปุ๊บก็ได้ทั้งบุญได้ทั้งกุศล ทำให้เพราะมีเจตนาดีไม่อยากให้เขาเดือดร้อน ทำให้เพราะว่าจิตใจเราสงสาร หวังอยากให้เขาพ้นทุกข์ ดีไหม (ดี)
พอให้เงินทำบุญไปก็มาคิดว่า “เขาจะเอาเงินไปทำบุญหรือเปล่านะ หรือเขาจะเก็บไว้นะ” อย่างนี้ได้บาป เพราะบาปคือของเสียของใจ อะไรที่เป็นของเสียของใจนั้นคือบาป อย่างที่เขาบอกว่า แค่คิดก็บาปแล้ว เคยได้ยินไหม
ถ้าเห็นเงินตกอยู่ มีวิธีง่ายๆ คือเราก็แค่ยืนอยู่เฉยๆ แล้วก็เดินเฝ้าดูว่ามีใครมาเอา หรือเมื่อเห็นว่าเงินตกอยู่ไม่ใช่ของเรา เราไม่จำเป็นต้องเก็บ เราก็เดินไป แค่นี้ก็ได้บุญเหมือนกัน เพราะบางทีคนที่เขาทำหาย
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นและผู้ปฏิบัติงานธรรม ซึ่งมีทั้งหมด ๑๔ แถว นับเลขประจำแถวของตัวเอง ตั้งแต่เลข ๑ ถึงเลข ๑๔ และเมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาพูดเลขหนึ่ง ซึ่งเป็นเลขคี่ ก็ให้ทุกแถวที่เป็นเลขคี่ลุกขึ้นยืน และเมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาพูดเลขสอง ซึ่งเป็นเลขคู่ ก็ให้ทุกแถวที่เป็นเลขคู่ลุกขึ้นยืน)
แค่ตั้งใจฟังเลขคี่หรือเลขคู่ยากไหม แค่รู้ตัวเองว่าตัวเองเป็นใครและมีหน้าที่ต้องทำอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)
เหมือนเรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ บางครั้งการจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของใครหรือการจะไปทำความรู้จักใคร หรือการจะมีชีวิตอยู่ในโลกให้ได้ดีบางทีเป็นเรื่องยาก เหมือนเวลาที่เราจะเดินเข้าไปสู่สังคมๆ หนึ่ง เดินเข้าไปสู่เมืองๆ หนึ่ง บ้านๆ หนึ่ง เราจึงต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้เป็น และสิ่งที่จะทำให้เราเรียนรู้การอยู่กับผู้อื่นได้ นั่นคือจิตใจที่ไม่เห็น
เราอยู่ในโลก บางครั้งมีคนทำถูกใจเรายิ้มได้ บางครั้งมีคนทำให้เราไม่ถูกใจ เราก็ยังต้องรู้จักยิ้มได้ ใช่ไหม (ใช่) มีคนชมก็ต้องมีคนติ ฉะนั้นเราจะรักคนชมแล้วเกลียดคนติได้ไหม (ไม่ได้) ถ้ามีคนติเราน่าจะขอบคุณเขา ที่ชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของเรา ในโลกนี้มนุษย์ปรารถนาความสุข แล้วสิ่งใดล่ะที่เป็นความสุขของมนุษย์ ความสุขของมนุษย์มีทั้งสุขที่เจือด้วยทุกข์ กับสุขที่เป็นสุขแท้ๆ แล้วสุขใดล่ะที่เป็นสุขแท้ๆ ไม่เจือด้วยความทุกข์พอรู้ไหม ถ้าเราบอกง่ายๆ สุขที่นำพาชีวิตหรือทำให้ชีวิตเดินไปสู่ความสงบ อะไรก็ได้
ฟังธรรมก็ดี ฟังเพลงก็ดี ฟังเพลงแล้วทำให้จิตสงบนั่นล่ะคือสุขที่ไม่เจือด้วยความทุกข์ นั่นคือเลือกดำเนินชีวิตอะไรก็ได้ที่สุดท้ายปลายทางคือความสงบ ไม่วุ่นวายไม่ฟุ้งซ่าน นี่เป็นสุขที่เป็นสุขแท้ๆ
กับสุขอีกอย่างหนึ่งที่ได้เห็นคนทำดีหรือส่งเสริมให้คนมีดีแล้วได้ดี เวลาเห็นใครทำดีแล้วเรารู้สึกดี แล้วเราพยายามส่งเสริมเขาไปเรื่อยๆ เรามีสุขใจไหม (มี)
สุขอีกอย่างหนึ่งคือ สุขในการมีมิตรที่ดี มิตรมีสามประเภท
มิตรประเภทที่หนึ่ง คือ มิตรผู้ให้ความรู้ เป็นมิตรที่มีความรู้เก่งกว่าเรา เราต้องรู้จักคบไว้เพราะยิ่งคบเรายิ่งได้ปัญญา
มิตรประเภทที่สอง คือ มิตรที่จริงใจ ยิ่งอยู่ด้วยเรายิ่งรู้สึกว่าเป็นคนที่จริงใจ ไม่เคยโกหกหลอกลวง ซื่อตรงต่อเรา ยิ่งคบเรายิ่งรู้สึกว่าเราต้องสร้างความจริงใจให้เกิดขึ้นมากๆ
มิตรประเภทที่สาม คือ มิตรที่เที่ยงตรง มิตรที่สามารถบอกสิ่งที่ไม่ดีของเราได้ สิ่งไม่ดีของเราเขาสามารถเตือนเราได้ เป็นมิตรที่กล้าชี้ข้อผิดพลาดให้เราเห็นว่า “อย่างนี้ของเธอน่ะดี รักษาไว้ อย่างนี้ของเธอไม่ดีอย่าทำเลย” สามความสุขนี้เป็นความสุขที่ดีงามไม่เจือด้วยโทษเลย
นี่แค่ปฏิบัติทางกายนะ แต่ถ้าการปฏิบัติสุขทางใจเป็นอย่างไร สังเกตปราชญ์ในสมัยก่อนหรือคนสมัยก่อนไม่ค่อยป่วยเป็นโรคทางใจ แต่คนปัจจุบันนี้ป่วยเป็นโรคทางใจเยอะไหม (เยอะ) ปราชญ์ในสมัยก่อนหรือคนสมัยก่อนไม่ป่วยเป็นโรคทางใจ เพราะเขารู้จักการปฏิบัติตัวต่อคนสามลำดับ
ลำดับแรก เวลาเขาอยู่กับผู้ใหญ่ เขารู้จักเคารพนบนอบ รู้จักสร้างความสุขให้กับผู้ใหญ่
ลำดับที่สอง เวลาเขาอยู่กับเพื่อนความซื่อตรงจริงใจไม่เคยขาดไปจากหัวใจเขา ไม่เคยเป็นคนตระบัดสัตย์ ปลิ้นปล้อนหลอกลวง
ลำดับที่สาม เมื่ออยู่กับผู้น้อย หรือคนที่อายุน้อยกว่าต้องรู้จักเมตตาเอาใจใส่อย่างเท่าเทียมกัน และรู้จักมีคำพูดดีๆ คอยสอนเขาอยู่เสมอ หากทำได้เช่นนี้ก็จะไม่มีโรคทางใจ
เราอยู่ในโลกมีคนสามลำดับที่เราต้องเจอคือ คนที่สูงกว่าเรา คนที่เท่าเทียมกับเรา และคนที่ต่ำกว่าเรา สูง กลาง ต่ำ ถ้าทำได้จะป่วยเป็นโรคทางใจไหม แต่เพราะอะไรเราถึงป่วยเป็นโรคทางใจ เพราะกับผู้ใหญ่เราก็ไม่อยากเข้าใกล้ กับเพื่อนเราก็ยังกล้าโกหก กับน้องเราก็ไม่เคยคิดดูแล ในเมื่อสามลำดับนี้เรายังทำไม่ได้ดี แล้วเราจะไม่ป่วยทางใจได้หรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นอยากมีความสุข ต้องรู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้เป็นสุข การทำอะไรก็ตามถ้าเราคิดถึงแต่ตัวเอง แต่ไม่เคยคิดถึงคนข้างบน คนตรงกลาง หรือคนข้างล่างเลยก็ไม่ได้ เพราะเราทำอย่างหนึ่งแน่ใจหรือว่าจะไม่กระทบเบื้องบน ไม่มีผลต่อเบื้องข้าง และไม่มีปัญหาต่อเบื้องล่าง ฉะนั้นการทำตัวได้ดี และเหมาะสม นอกจากจะทำให้ตัวเองมีสุขแล้ว คนรอบข้างก็มีสุขด้วย
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ชื่อเพลง : อย่าถอยหลังเข้าคลอง ทำนองเพลง : งานวัด )
คนต่างจังหวัดเวลามีงานวัดชอบไปไหม (ชอบไป) ไปไหว้พระหรือไปเที่ยว ไปดูพระ หรือไปดูสาว ใช่ไหม ฉะนั้นไปแล้วไปให้ได้ดีนะ ไม่ใช่ไปแล้วผิดทาง
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาอธิบายเพลง “อย่าถอยหลังเข้าคลอง”)
“เร็วแล้วชอบในธรรมหรือเปล่า คนช้าก็เอื่อยไปหรือเปล่า
ฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรรีบร้อนขนาดไหน หรือเชื่องช้าขนาดไหน สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในคุณธรรมความดีงาม
เมื่อมุ่งมั่นจะทำสิ่งใดแล้ว เริ่มต้นแล้วไปให้ถึงที่สุด แม้จะยากลำบากขนาดไหนก็ตาม เหมือนมุ่งมั่นอยากเป็นคนดีก็ต้องก้าวไปให้ถึงที่สุด แม้จะลำบากบ้างก็ตาม คนดีอยู่ที่หัวใจอย่างเดียวไม่พอ บางครั้งต้องรู้จักแสดงออกมาบ้าง ธรรมเป็นแก่นของหัวใจ เมื่อใดมนุษย์ไร้ธรรม มนุษย์คนนั้นก็ไร้หัวใจของความเป็นคน ฉะนั้นเมื่อใดที่คิดว่าไม่ฟังธรรม ก็คือไม่อยากมีหัวใจของความเป็นคน
น้ำ ไฟ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิต ส่วนคุณธรรมนั้นขาดไม่ได้สำหรับหัวใจของความเป็นคน เมื่อใดที่คนขาดธรรม คนนั้นก็คือคนที่ไร้หัวใจ เคยเห็นคนที่ใจดำมากๆ ไหม สนใจแต่ตัวเองไม่เคยสนใจความทุกข์ยากของผู้อื่น คนนั้นจะได้ชื่อว่า “ใจดำ ไม่มีหัวใจ” ฉะนั้นเมื่อใดที่มนุษย์ทอดทิ้งธรรม เมื่อนั้นมนุษย์กำลังทอดทิ้งหัวใจของตัวเองอยู่นะ
“นับหนึ่ง นับหนึ่งมากี่รอบแล้ว เหมือนจะดีที่จริงแล้วก็แห้ว”
นับหนึ่ง แล้วก็อยู่ตรงนั้นแหละ ไปไม่ถึงที่สุดของความดีสักที สิ่งที่วันนี้เรามาศึกษาร่วมกับท่านก็คือแนวทางปฏิบัติธรรม มโนธรรมสำนึกทำให้เรารู้จักเห็นใจผู้อื่น เอื้อเฟื้อผู้อื่น คิดถึงหัวอกผู้อื่น ตัวเองได้ดีแล้ว คนอื่นต้องได้ดีด้วย ตัวเองรอดแล้วแต่ไม่สนใจคนอื่นให้รอดด้วย อย่างนี้ไม่เรียกว่า “ผู้มีธรรมในหัวใจ”
การศึกษาหลักธรรมก็คือ การฟื้นฟูคุณธรรมของความเป็นคนให้กลับมาอยู่กับตัวเรา แต่มนุษย์ชอบทอดทิ้งความดีงามในหัวใจของตัวเอง แล้วเกี่ยงให้คนอื่นทำแทน ใช่หรือไม่
สิ่งที่ยากของมนุษย์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เวลาเรียนรู้อะไรแล้วเรียนรู้ได้ไม่ค่อยดีก็เพราะไม่ยอมบอกว่าตัวเองไม่รู้และทำไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ได้หรือไม่ได้ รู้หรือไม่รู้ขอทำก่อนเลย แล้วก็ล้มไม่เป็นท่า ฉะนั้นได้ก็บอกว่าได้ ไม่ได้ก็บอกว่าไม่ได้ บางทีมนุษย์เราชอบเป็นคนปากหนัก ที่ควรชมก็ไม่ยอมชม ที่ถึงเวลาควรจะบอก ควรจะสอนให้เขารู้ก็เอาอารมณ์โกรธเข้าไปใส่เสียอย่างนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นที่ควรว่าต้องว่าด้วยความใจเย็น แล้วคนจะฟัง ถ้าว่าด้วยอารมณ์ ยังไม่ทันอ้าปากเลย เขาก็ปิดหูแล้ว เพราะรู้แล้วว่าหน้าตาอย่างนี้โมโหแน่ ไม่ฟังหรอก ปิดหูไว้ก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถึงเราจะพูดดีขนาดไหนแต่ตอนนั้นมีอารมณ์โมโหไม่มีใครฟังหรอก ต้องรู้ว่าตอนไหนควรพูดตอนไหนไม่ควรพูด อยากทำดีแล้วได้ดี ต้องรู้คน รู้กาล รู้งาน แล้วก็รู้รายละเอียดที่ตัวเองทำด้วยว่าตอนนี้ทำถูกไหมเหมาะกับคนนี้ไหม ถึงจะทำดีแล้วได้ดีสมดั่งที่มนุษย์ต้องการ
อย่าลืมนะว่าชะตาชีวิตของมนุษย์แม้ฟ้าจะกำหนดแล้ว แต่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มนุษย์เกิดมาเพื่อใช้กรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถึงแม้ปัจจุบันเราจะทำดี แต่วันนี้กรรมทำให้เราต้องกลายเป็นคนที่ย่ำแย่ก็อย่าได้ยอมแพ้ อย่าได้ท้อถอย จงพยายามสู้ต่อไปและหาทางออกให้ดีที่สุด เพราะคนที่กล้าสู้กับความเป็นจริงและยอมรับความเป็นจริงว่าเป็นกรรมของเรา เราต้องกล้ารับ และต้องอดทนฟันฝ่าออกไปให้ได้ด้วย
วันนี้ถึงเวลาเราก็คงต้องไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราพูดตั้งแต่แรกและจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายก็คือ อย่าลืมเติมรอยยิ้มให้กับชีวิตเยอะๆ เพราะคนที่รู้จักมีอารมณ์ขันในชีวิต มีความสุขให้ชีวิตได้จะเป็นคนที่อายุยืน เป็นคนที่อยู่ที่ไหนใครๆ ก็อยากร่วมวงคุยด้วย พอคุยก็หัวเราะ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเปลี่ยนหน้าตัวเองบ้างแล้วนะ หน้าที่ชอบบึ้งๆ ตายด้าน ไม่รับฟังใคร ไม่เคยยิ้มให้ใคร เปลี่ยนเป็นหน้าที่รู้จักยิ้มให้มากๆ ดีหรือไม่ (ดี) อย่าเป็นคนที่ยิ้มให้กับคนอื่นเป็น แต่ยิ้มให้ชีวิตตัวเองไม่เป็น ยิ้มให้กับตัวเองเป็นแต่ไม่เคยยิ้มให้ใครเลยก็ไม่ดีนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัวเลย คือการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ วันนี้เรามาปฏิบัติหน้าที่ใช่ไหม (ใช่) หน้าที่ของความเป็นลูก หน้าที่ของความเป็นคน หน้าที่ของความเป็นน้องที่ต้องตามใจพี่ แม้พี่จะไม่ตามใจน้อง ใช่หรือไม่ (ใช่) บางครั้งเราต้องนับหนึ่งก่อน เพื่อนับสอง สาม สี่ ต่อไป ไปแล้วนะ ยิ้มเข้าไว้อย่าทุกข์
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ สถานธรรมหมิงเฉิง จ.ตาก
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
อยากเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยนความคิดการกระทำ
อยากเปลี่ยนชะตากรรมจะต้องเปลี่ยนนิสัย
การเปลี่ยนมักสำเร็จมาจากภายใน
มุ่งมั่นแล้วอย่าเปลี่ยนใจนะศิษย์เอย
เราคือ
จี้กงอาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่โลกวุ่นวาย แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนทานข้าวอิ่มหรือเปล่า
ประวัติศาสตร์ทาบทาทุกหย่อมหญ้า บัญชาฟ้าสะท้านดินทุกแห่งหน
ยื้อต่อรอยสะเทือนเป็นห่วงคน อะไรเปลี่ยนคนยังเพียรนิมิตดี
สังคมขอสันติจงเร่งอวยชัย บำเพ็ญในโลกหล้ารีบดั่งหนี
ชีพไม่เที่ยงคนไม่ประมาทดี ชีวิตมีเวลาสำเร็จแค่ลงมือ
กำลังใจจากมากเป็นบ่อยบ่อย กิเลสในของตนน้อยน่านับถือ
มีชีวิตภายใต้ฟ้าให้ระบือ ยุคปลายคือเวลาบำเพ็ญคืนสุทธา
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ฟังธรรมะแล้วสนุกหรือเปล่า (สนุก) ชีวิตคนสนุกหรือเปล่า (สนุก, ไม่สนุก) ฟังธรรมะ ธรรมะเป็นเรื่องที่ฟังแล้วสนุกแต่เวลาปฏิบัติต้องจริงจังใช่หรือไม่ (ใช่) ชีวิตคนไม่สนุก ถ้าชีวิตผนวกกับธรรมะแล้วชีวิตดีขึ้นหรือเปล่า (ดีขึ้น) แล้วเราจะผนวกชีวิตกับธรรมะ ธรรมะกับชีวิตได้หรือเปล่า (ได้) ทุกวันนี้เราคิดว่าเราเอาชีวิตของเราผนวกกับธรรมะบ้างหรือไม่ (มี) คนไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ อยู่ได้ไหม (ไม่ได้) คนไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ อยู่ได้ แต่คนไม่มีธรรมะอยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้มีธรรมะหรือเปล่า (มี)
ทุกวันนี้ไม่มีธรรมะแล้วอยู่ได้อย่างไร ร่างกายเจ็บป่วยใช้อะไรมารักษา (ยา) แล้วจิตใจเจ็บป่วยใช้อะไรรักษา (ธรรมะ) แล้วทุกวันนี้มีธรรมะหรือเปล่า (มี) มีพอไหม (ไม่พอ) แสดงว่ายังให้ยาไม่ถึง ยังให้ยาไม่ถึงต้องป่วยต่อไปหรือเปล่า ทุกวันนี้รู้สึกว่าใจของเราป่วยไหม (ป่วย) ใจที่ปกติคือใจที่ไม่สุขไม่ทุกข์ เป็นปกติ ทุกวันนี้ใจเป็นสุขไหม เป็นสุขก็ไม่เชิง เป็นทุกข์ก็ไม่ใช่ แสดงว่าใจของเราเป็นปกติหรือเปล่า
เวลาขอพรสักเรื่องหนึ่ง อยากที่จะมีความสุขใช่หรือไม่ (ใช่) อยากมีความสุขมากถือเป็นปกติไหม อยากมีความสุขมากก็ถือว่าไม่ปกติเหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่) มีใครอยากมีความทุกข์มากหรือไม่ ปีใหม่เลยมา ๑๓ วัน ตอนก่อนปีใหม่อะไรๆ ก็อยากให้ดีขึ้น ตอนนี้เลยปีใหม่มา ๑๓ วันแล้วดีขึ้นหรือยัง เหมือนเก่าเลย เรียกว่ามีความทุกข์ข้ามปีเลย ถูกหรือเปล่า (ถูก) มีความสุขข้ามปีมาด้วยหรือเปล่า
ความสุขนั้นอายุสั้นมากเลย อยู่ข้ามวันก็ไม่อยู่ อยู่ข้ามสองวันก็ไม่อยู่วัน อายุสั้นจริงๆ เลย แต่ความทุกข์นั้นอายุยืนมาเป็นปีเลย ถูกหรือเปล่า (ถูก) อย่างนั้นความทุกข์กับความสุขอะไรจีรังยิ่งกว่ากัน (ความทุกข์) แล้วเราจะคาดหวังและมีความหวังจากความสุขหรือความทุกข์ดี (ความสุข) ก็ยังเป็นความสุขอยู่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะว่าเรานั้นมีความรู้สึก เพราะว่าเรานั้นเป็นคนที่อยากจะให้อะไรๆ ก็ดีขึ้น ทำตัว ทำใจ ทำนิสัย ทำอารมณ์ไปตามความรู้สึกของเรา แต่ว่ายิ่งตามอารมณ์ ตามนิสัย ตามใจ ตามความอยาก ตามน้ำไปเรื่อยๆ ถามว่าชีวิตของเราดีขึ้นหรือยัง (ยัง)
ทีนี้เรามายอมรับความจริงว่า ชีวิตนี้มีความทุกข์เป็นส่วนใหญ่ ความทุกข์มีอยู่ ๒ แบบ คือ
๑ ทุกข์แบบหาเรื่องใส่ตัว กับ
๒ ทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้ คือ ผู้อื่นสร้าง
ถามว่าเราแบ่งสัดส่วนของความทุกข์ของเราออกแล้ว เรามีความทุกข์ที่หาใส่ตัวเยอะหรือมีความทุกข์ที่ผู้อื่นหาให้เราเยอะ เรามีความทุกข์ที่เรานั้นหาเรื่องใส่ตัวมาเยอะใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนี้เวลาที่เราอยากจะมีความทุกข์น้อยลงเราต้องทำอย่างไร ไม่ทำมาหากินถูกหรือเปล่า (ไม่ถูก) ไม่พูดจาไม่ดีถูกหรือเปล่า (ถูก)
อาจารย์ว่าใจลอยกันยกห้องแล้วนะ อย่างคิดอะไร ก็คิดตามที่อาจารย์นั้นพูดไปเรื่อยๆ คิดในสิ่งที่ควรคิด ไม่คิดในสิ่งที่ไม่ถูก ทำได้ไหม ควรคิดอะไรแล้วคิดให้รอบคอบและละเอียดกว่านี้ สุขุมกว่านี้ ควรคิดอะไรที่ทำให้ตัวเองมีกำลังใจมากกว่านี้ แต่ถามว่าเราคิดไหม (คิด) จะบอกว่าคิดก็ไม่เชิง ส่วนใหญ่แล้วก็คิดตามไปด้วยว่า คนนั้นทำกับเราอย่างนี้ แล้วคนนี้ทำกับเราอย่างนั้น เราเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น แล้วก็เป็นทุกข์เพราะสิ่งนี้ แต่ไม่ได้เป็นทุกข์เพราะตัวเองเลยจริงหรือเปล่า (จริง) แท้ที่จริงแล้วเราเป็นทุกข์เพราะใคร (ตัวเอง) แท้ที่จริงแล้วเราเป็นทุกข์เพราะตัวเราเอง ใครทำกับเราอย่างไร เราก็ทำอย่างนั้นตอบกลับไป ถ้าเราเอาลูกบอลลูกหนึ่งมาเขวี้ยงใส่กำแพง ลูกบอลนั้นเด้งกลับมาด้วยใช่หรือเปล่า (ใช่) เราเหวี่ยงคำพูดของเราออกไปแล้วอะไรจะกระแทกกลับ สมมติว่าเราว่าเขาออกไป เขาก็ว่าเรากลับ ถ้าเราชมเขาออกไป เขาก็ชมเรากลับ ทุกวันนี้ว่าคนเก่งหรือชมคนเก่ง (ว่าคนเก่ง) แล้วเราจะมีความสุขทางหูไหม ว่าคนออกไปแล้ว ถามว่ามีความสุขทางปากไหม ว่าเขาเสร็จมีความสุขหรือเปล่า (ไม่มี) ก็ไม่มีแล้ว เราว่าไหม (ว่า) อย่างนี้ถามว่าเราทุกข์เพราะใคร (ทุกข์เพราะตัวเราเอง)
เวลาที่เรานั้นพยายามที่จะพูด คำต่อว่าคน เวลาที่เราพยายามฟังคำพูดที่นินทา เวลาที่ตาพยายามสอดรู้สอดเห็น ถามว่าใจของเราได้รับสิ่งเหล่านี้บ่อยๆ ใจเราป่วยไหม (ป่วย) นอกจากว่าเราจะต้องย้อนกลับมาทบทวนตัวเองแล้ว เรายังจำเป็นจะต้องมองว่าสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นเป็นเพราะใคร สภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ก็เป็นเพราะตัวเราเองใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าหากว่าคนใดสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองกับคนที่อยู่รอบตัว หมายความว่า พูดชมมากขึ้น ใช้สายตาที่อ่อนโยนมากขึ้น ช่วยไปยกของ ช่วยไปทำสิ่งใด หรือเราออกปากช่วยทำอะไร เราออกปากช่วยด้วยความมีน้ำใจ คนที่รับคำพูดของเรา รับสายตาที่อ่อนโยนของเรา เขาสามารถที่จะรับรู้ได้ว่าเราเป็นคนมีน้ำใจและมีความใจดีอยู่มาก ถ้าเราทำอย่างนี้ เราทำเพื่อเขาหรือทำเพื่อเรา
สมมติว่าเราเลิกว่าภรรยา เราเลิกว่าลูก เราเลิกว่าสามี ถ้าเราทำเท่านี้ได้ ถือว่าเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญยิ่งกว่าไปออกสนามรบอีกเชื่อไหม (เชื่อ) เพราะว่าการอดใจไม่ว่าคนที่เป็นสามีเรา ภรรยาเรา ลูกเรา ญาติเรา ยากไหม (ยาก) เราว่าเขาเพราะอะไร (เพราะเป็นห่วง) และถ้าเราพูดไปไม่ห่วงปากตัวเองเหรอ
อาจารย์มีคำตอบที่ดีกว่านั้นอีก เพราะว่าใกล้เกินไป ที่เรายังว่าเขาเพราะว่าใกล้เกินไป อะไรที่อยู่ใกล้ๆ เป็นของเราใช่หรือไม่ (ใช่) คว้าง่าย หยิบสะดวก ว่าคล่อง จริงหรือเปล่า (จริง) ที่เจ็บๆ ทุกวันนี้เพราะอะไร เพราะใกล้เกินไป เราต้องหัดที่จะมองไกล จะได้ไม่มีภัยระยะใกล้ ถ้าขืนเราบ่นๆ ว่าๆ ขืนห่วงอยู่อย่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น อย่างแรกคือไม่มีใครอยากฟังเราแล้ว อย่างที่สองคือไม่มีใครอยากมองหน้าเราแล้ว อย่างที่สามไม่มีใครอยากพูดกับเราแล้ว ถ้าใครเป็นครบสามประการนี้ก็เตรียมตัวถูกตอกฝาโลงตั้งแต่ยังไม่ตาย ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ทุกวันนี้ไม่มีใครอยากฟังเรา ไม่มีใครอยากมองหน้า ไม่มีใครอยากพูดกับเราแล้วหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเราต้องหัดมองไกลจะได้ไม่มีภัยระยะใกล้ มองไกลคืออะไร มองไกลที่สุดก็คือ การแก้ไขตัวเอง เมื่อแก้ไขตัวเองแล้ว เรื่องทุกอย่างก็จะจบลงได้ด้วยดี ปัญหาชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ บางเรื่องก็จะแก้ได้ทันที บางเรื่องก็จะค่อยๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะอะไรถึงค่อยๆ คลี่คลาย เพราะคนที่อยู่เขาไม่ไว้ใจเราแล้วว่าเราจะแก้ไขได้ใช่หรือไม่ (ใช่)
เราจะเลิกจนได้อย่างไร เลิกดื่มสุรา เลิกสูบบุหรี่ เลิกสูบบุหรี่ไปเล่นหวย จนไหม (จน) ทุกวันนี้ใครยังดื่มสุรา สูบบุหรี่ เล่นหวยอยู่ก็ (จน) อยากเลิกจนไหม (อยาก) ต้องเลิกอะไร (เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกเล่นหวย) ทำได้ไหม (ได้)
(พระอาจารย์เมตตาประทานกลอนพระโอวาทบนกระดาน)
“อยากเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยนความคิดการกระทำ
อยากเปลี่ยนชะตากรรมจะต้องเปลี่ยนนิสัย”
อยากเปลี่ยนไหม (อยาก) เราอย่าคิดว่าเราเปลี่ยนนิสัยของเราแล้วจะต้องถูกต้องทันที ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาไหม (ธรรมดา) แต่ผิดบ่อยๆ ธรรมดาไหม (ไม่ธรรมดา)
(พระอาจารย์เมตตานับหนึ่ง สอง สาม แล้วให้นักเรียนในชั้นนั่งลงพร้อมกัน)
มีไหมที่ชีวิตนี้ที่นับหนึ่งแล้วก็นับสอง แล้วก็เริ่มนับหนึ่ง นับสอง อยู่อย่างนั้น ทำไม่เสร็จสักที จริงๆ แล้วอะไรไม่เสร็จ งานไม่เสร็จหรือใจไม่เสร็จ (ใจ) ก่อนที่เราจะไปทำอะไร ถ้าเราอยากให้เจอความสำเร็จแล้ว เราจะต้องทำอะไรให้สำเร็จก่อน (ทำใจ) เราต้องทำใจให้สำเร็จก่อน ทำใจทำเป็นไหม การทำใจเป็นเรื่องที่ต้องทำหรือเปล่า การทำใจเป็นเรื่องของคนแก่หรือเปล่า (ไม่ใช่) การทำใจเป็นเรื่องของเด็กหรือเปล่า (ไม่ใช่) การทำใจเป็นเรื่องของผู้ใหญ่หรือเปล่า (ไม่ใช่) การทำใจเป็นเรื่องของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วถามว่าเราทำใจได้หรือไม่ เกิดจนๆ อยู่กลายเป็นรวยทำใจง่ายไหม (ง่าย) เกิดรวยๆ อยู่ กลายเป็นคนจนทำใจยากไหม (ยาก) ทำไมถึงไม่เหมือนกัน ที่ไม่เหมือนกันเพราะว่าอะไร เพราะว่าเราไม่ได้เตรียมตัวรับความจนเลย แต่ว่าเราจน ใช่ไหม (ใช่) เรายังรู้สึกว่าเรายังมีไม่พออยู่เลย แต่ว่าเราเตรียมใจรับความรวยไว้หรือเปล่า (เตรียมไว้แล้ว) เราเตรียมไว้ตั้งแต่เรายังไม่มีเลย จริงหรือไม่ ทุกคนเตรียมใจรับความรวยไว้หมดแล้ว ทำไมไม่เปลี่ยนจากเตรียมใจรับความสุข มาเป็นเตรียมใจรับความทุกข์ล่ะ ทำไมไม่เปลี่ยนใจจากการเตรียมใจรวยเป็นเตรียมใจจนล่ะ
ความจนหรือความรวยเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต (ความจน) เท่ากับว่าเราเป็นคนที่เพ้อฝันในสิ่งที่เราไม่มีวันได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) เกิดสมมติว่าอยู่ดีๆ ได้มาซึ่งความรวยก็ถือเป็นโชคสักครั้งหนึ่ง แต่ว่าคนรวยไม่อยู่ตลอดไป เพราะฉะนั้นอย่ารวยเงินทองแต่ขอให้รวยอะไร (น้ำใจ, การทำความดี) เราต้องทำใจและเตรียมใจตั้งแต่เราเป็นผู้มีสติ เราต้องเตรียมใจตั้งแต่ครั้งที่เรานั้นเกิดเป็นลูก เราต้องเตรียมใจตั้งแต่เรานั้นแต่งงาน เราต้องเตรียมใจตั้งแต่เราเป็นพ่อแม่ เราต้องเตรียมใจตั้งแต่เรานั้นมีหลานคนแรก เราจะได้ไม่ผิดหวัง ตอนที่เราเกิดมา เรามีความไม่สมหวัง เรามีการเตรียมใจรับความไม่สมหวังทั้งสองครั้ง ครั้งแรกไม่ได้เตรียม ครั้งที่สองก็ยังไม่เตรียม ตอนนี้มาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว มาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้ว ถามว่าทำใจได้หรือยัง (ยัง) ก็ยังอีก ครั้งที่เรามีความผิดหวังครั้งแรกจนมาบัดนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จริงหรือไม่ (จริง) ที่เราหวังสมเหตุสมผลหรือเปล่า หวังว่าซื้อหวย ๒๐ บาท แล้วจะถูกรางวัลที่เท่าไหร่ (ที่หนึ่ง) สมเหตุสมผลไหม (ไม่สมเลย) ตอนที่เราแต่งงานกับคนๆ นี้เราหวังว่าเขาจะดี สุดท้ายดีหรือไม่ดี (ไม่ดี) ตอนที่เราแต่งงานมาเราก็หวังว่าคนที่เราเลือกมาจะดีใช่หรือไม่ เขาดีต่อความคิดของเรา แล้วเราดีในความคิดของเขาไหม เรารู้สึกว่าเขาต้องดีแน่ๆ เลย แล้วเราต้องดีหรือเปล่า จริงๆ แล้วเราดีหรือเปล่า
ตอนที่เรากราบขอรับวิถีธรรม เราได้รับการประกันจากผู้แนะนำรับรองและอาจารย์ทุกๆ คน ว่าเป็นคนดี แต่ถ้าให้ประกันตัวเองว่าดี อาจารย์ว่ามีไม่กี่คนที่กล้าประกันตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่) ในความดีที่เราสร้างก็ยังแอบแฝงในสิ่งที่ไม่ดีอยู่เสมอ จริงหรือไม่ (จริง)
ฉะนั้นการที่คนเราจะคิดว่าสิ่งใดที่เรามีจะเป็นสิ่งดีล้วนๆ เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) เพราะฉะนั้นชีวิตจึงประกอบไปด้วยความสุขและความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา เราต้องทำใจยอมรับความสุขหรือทำใจยอมรับความทุกข์ (ความทุกข์) ความสุขมักจะมาเร็วและไปเร็ว ความทุกข์มักจะมาเร็วไปช้า มาอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ยอมไป ความทุกข์ไม่ไปเพราะว่าเรานั้นไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่) การเปลี่ยนตัวเองยากหรือไม่ยาก (ไม่ยาก) ไหนใครว่ายากยกมือขึ้น
(พระอาจารย์เมตตาถามนักเรียนในชั้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง)
การเปลี่ยนแปลงตัวเองจะเปลี่ยนอะไรก่อน คนที่คิดมากหน่อยก็บอกว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเรื่องยาก นี่เรียกว่าเป็นคนที่จริงจัง ส่วนคนที่บอกว่าเปลี่ยนแปลงตัวเองง่าย เพราะคิดแบบไม่เอาสาระ เช่น เปลี่ยนแปลงทรงผมเป็นต้น
ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเรื่องที่มีความยากอยู่ แต่ว่าไม่ยากเกินไปสำหรับทุกคนใช่หรือไม่ (ใช่) ทำไมสายตาของเราถึงเปลี่ยนจากปกติมาเป็นสายตาสั้น เพราะตอนเด็กๆ ใช้สายตาในการเพ่งมองมากเกินไป ไม่รู้จักระยะในการมอง ฉะนั้นการที่เราจะเปลี่ยนจากสายตาปกติมาเป็นสายตาสั้นจึงต้องใช้เวลาที่จะสั่งสมความสายตาสั้นให้กับตัวเราโดยการที่ใช้สายตาอย่างไม่ทะนุถนอมเป็นต้น ฉะนั้นการที่เราจะเปลี่ยนมาเป็นเราในปัจจุบันนี้ เราก็ใช้เวลาในการใช้ชีวิตของตัวเองเช่นเดียวกัน เราใช้ชีวิตของเราเองด้วยการปล่อยตามใจของเราหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง สี่ครั้ง ห้าครั้งจนนับไม่ถ้วน
สมัยเด็กๆ ก็คิดว่าเราอยากจะได้อิสรภาพในการที่จะทำสิ่งนั้น
ฟังธรรมะมาสองวันแล้ว ใจใช้ธรรมะเข้าควบคุม ก็มีเรื่องของสติปัญญา เรื่องของสติ เรื่องของปัญญา สิ่งเหล่านี้ถูกรวมเข้าไว้ในคำว่าธรรมะ เพราะฉะนั้นเราจะควบคุมใจของเราก็ต้องใช้ธรรมะมาควบคุม
ธรรมะแปลว่าสิ่งที่ดีงาม เป็นคำสอน เป็นสิ่งที่เรียกให้คนประพฤติอยู่ในกรอบทำนองคลองธรรม สิ่งเหล่านี้ก็หมายถึงธรรมะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะควบคุมใจก็คือใช้สิ่งที่ดีงามแห่งสติปัญญา แห่งความคิด แห่งศีล แห่งวินัย และอีกมากมายแล้วแต่คนจะพูด ฉะนั้นคนเราจะเป็นคนได้ เราต้องรู้จักมองไกลจะได้ไม่มีภัยในระยะใกล้
ทำบุญกับคนอื่นทำไม่ขึ้น ไม่เป็นไร แต่ทำบุญกับคนในบ้านทำขึ้นไหม (ไม่ขึ้น) เห็นไหมว่าอย่างแรกที่ไม่มี คือไม่มีศรัทธา ไม่มีศรัทธาต่อคนในบ้านของตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วกลับไปจะทำไหม เมื่อไม่มีศรัทธาถามว่าจะทำความดีไหม (ไม่ทำ) อย่างแรกที่เราต้องศรัทธาคือศรัทธาคนรอบตัวของเรา พ่อ แม่ สามี ภรรยา เพื่อนๆ เรามีความศรัทธาต่อเขาไหม เราทำดีกับคนอื่นขึ้นหรือเปล่า (ไม่ขึ้น) แต่ทำดีกับคนใกล้ตัวขึ้นไหม (ขึ้น) เราต้องมั่นใจว่าเราทำดีขึ้นกับคนใกล้ตัวเราจึงทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)
วันนี้กลับไปทำกับข้าวให้สามีกินเลย ถ้าสามีกลับมาถึงเขาพูดว่า “ทำ ทำไมเนี่ย” ทำดีขึ้นไหม (ไม่ขึ้น) การทำดีต้องใช้ความอดทน ครั้งนี้ไม่ขึ้น ครั้งหน้าเอาใหม่ ถามว่าเราทำดีไม่ขึ้นแต่เขากินหรือเปล่า (กิน) เขากินแล้วเขาบ่นหรือเปล่า (บ่น, ไม่บ่น) เขากินไปบ่นไป ถือว่าขึ้นไม่ขึ้น (ไม่ขึ้น) แต่ถ้าเกิดเขากินแล้วทำเงียบไปหมดเลย อะไรขึ้นกว่ากัน ทำดีแล้วเงียบก็ขึ้นเหมือนกัน อารมณ์ขึ้น ถ้าทำให้แล้วยังบ่นอารมณ์ก็ขึ้นอยู่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) ส่วนใหญ่คนมักทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ (จริง) แล้วเราทำตัวเป็นเรื่องหรือเปล่า (เป็น) เราอย่าเป็นคนที่มีความอดทนสั้นๆ ขอให้เรามีความอดทนยาวๆ นานๆ เราต้องเป็นคนที่มีความอดทนสูง ยิ่งกับคนใกล้ตัวก็ต้องมีความอดทนยิ่งสูง คนอื่นขอบคุณเราคำเดียวเราชื่นใจไหม (ชื่นใจ) แต่ถ้าเป็นคนในบ้านเราขอบคุณเราคำเดียว เราชื่นใจไหม (ชื่นใจ) เราก็ยิ่งชื่นใจใหญ่ ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะฉะนั้นกว่าเขาจะชมก็ให้เวลาเขาหน่อยดีหรือเปล่า (ดี) เพราะว่าเราจะได้ชื่นใจนานๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ถ้าชมบ่อยๆ ก็ชื่นใจธรรมดา ถ้านานๆ ชมทีก็ชื่นใจมาก ใช่หรือไม่ (ใช่) เขาก็เลยนานๆ ชมเราที เขาก็ไม่ชมเราบ่อยๆ อาจารย์พูดมาทั้งหมด เพื่อสอนให้รู้ว่าคนในครอบครัวของเราเป็นคนที่เราต้องรักษาไว้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ธรรมะเกิดในตัวเรา แต่ใช้ในบ้านเรา
เราจะใช้ธรรมะกับผู้อื่นเป็นไหม (ไม่เป็น) สนามรบ สนามรับ สนามทดสอบที่ดีที่สุดคือที่ไหน (บ้าน) คนในบ้านใกล้ตัวเราที่สุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยู่ใกล้เรา เราต้องใช้ความอดทนให้มาก นี่เป็นธรรมดาของมนุษย์ เพราะว่ามนุษย์ทุกคนนั้นมีพื้นฐานเรื่องของความเห็นแก่ตัว แต่ถ้าใครสามารถเปลี่ยนสมองของตัวเองให้ฉับไว มีสติตามทัน ให้เข้าใจสิ่งที่เขาเป็น เราจะได้ประโยชน์ที่สุด ใช่หรือเปล่า (ใช่) แต่เราก็ยังแอบเห็นแก่ตัวอยู่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นสามีเรา ลูกเรา ก็มีความเห็นแก่ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะฉะนั้นการที่จะได้ประโยชน์ เราต้องรู้จักเปลี่ยนความคิดของเราจึงจะสามารถได้ประโยชน์จากสิ่งนั้นๆ
การบำเพ็ญเป็นเรื่องของบุคคล เป็นเรื่องของตัวเรา เราบำเพ็ญแล้ว คนในบ้านเรายังไม่บำเพ็ญ คนอื่นยังไม่บำเพ็ญ เราโมโหใส่คนอื่นได้หรือไม่ (ไม่ได้) เขาไม่บำเพ็ญ เขาโมโห เขาก็เป็นคนที่ยังไม่ได้ฝึกฝน
อาจารย์สอนเรื่องการใช้ชีวิตก็เพราะเมื่อใช้ชีวิตเป็นก็จะบำเพ็ญธรรมเป็น ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตเป็นไหม ทุกวันนี้เราก็ใช้ชีวิตของเราอยู่ แต่เหมือนชีวิตจะใช้เรา ทุกวันนี้เราก็ใช้เงินอยู่ แต่เหมือนเงินจะใช้เรา ทุกวันนี้เราก็เป็นเราอยู่ แต่เหมือนเราจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ถามว่าเราเป็นอย่างนี้ เราจะดีขึ้นกว่านี้ได้หรือเปล่า (ได้) ถ้าเราเป็นอยู่อย่างนี้เราย่อมไม่สามารถดีขึ้นกว่านี้ได้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงตัวเองจึงเริ่มที่ไหน (ตัวเรา) การเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัวเรา แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงทรงผม ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงอะไร (อุปนิสัย) ต้องเป็นการแก้ไขความเคยชินของเรา เราเคยชินในการทำอย่างนี้ ทำอย่างนั้น เคยชินในการบ่น เคยชินในการพูด เคยชินในการไม่คิด เราต้องเปลี่ยนไหม (เปลี่ยน) เดิมเคยจับส้มมือขวา เปลี่ยนมาเป็นจับส้มมือซ้าย อันนี้เรียกว่าเปลี่ยนความเคยชิน แต่เราเปลี่ยนความเคยชินที่ไหน เราไม่ได้เปลี่ยนความเคยชินที่ภายนอกแบบนี้ แต่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนความเคยชินที่นิสัยของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) นิสัยของเราเป็นอย่างไร เรารู้ แต่คนอื่นรู้ดี ใช่ไหม (ใช่) อาจารย์พูดอย่างนี้ไม่ได้พูดเล่น เรารู้นิสัยตัวเราเอง แต่คนอื่นรู้ดี เพราะฉะนั้นเรารู้แล้วที่ดียังไม่ดีเท่าไร ต้องมองคนอื่นหน่อยว่าเขามองเราอย่างไร เราจะได้แก้ถูกที่ เพราะว่ามนุษย์ไม่มีใครคนไหนที่ไม่เข้าข้างตัวเองจริงหรือเปล่า (จริง) เพราะฉะนั้นเราก็ไปหาพวกรู้ดีนี้ล่ะ ถ้าเกิดคนรู้ดีมายิ้มมุมปากใส่เรา เรารู้ไหม (รู้) เห็นไหมว่าเราก็รู้ดี ฉะนั้นอย่ามองคนอื่นแย่ เราก็แย่เหมือนกันถูกหรือไม่ (ถูก)
คนบำเพ็ญก็บำเพ็ญจนแก่เลย เป็นคนบำเพ็ญก็เหมือนแขนเหมือนขาของอาจารย์ ประกาศธรรมแทนฟ้า ฉะนั้นสุขภาพของตัวเราเองก็ต้องรู้จักรักษา อาจารย์นั้นให้กำลังใจได้ แต่ให้ร่างกายที่แข็งแรงไม่ได้ เพราะว่าโรคเข้าทางปาก อาจารย์รักษาใจ ปากก็ไม่ยอมหยุด ก็รักษายากไหม (ยาก) บางทีศิษย์ก็ให้ยาพิษตัวเองก็เลยเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นจงรักษาสุขภาพตัวเองให้ดีๆ อย่ามองว่าเรายังแข็งแรงอยู่ ยังหนุ่มยังแน่น ยังสาว ยังมีไฟ แต่เวลาแก่แล้วแก่เลยนะ เพราะฉะนั้นอาจารย์ห่วงศิษย์ทุกคน เราต้องรู้จักประมาณกำลังของตัวเองว่าเรามีกำลังมากแค่ไหน ทำอะไรแล้วมีกำลังมากแค่ไหน เอากำลังนั้นทำให้พอดีๆ กันแล้วก็จะพอดี ไม่ใช่แรงมีนิดหนึ่งใช้กำลังมาก ถ้าแรงมีนิดใช้อะไร ใช้สมองใช่หรือเปล่า (ใช่) ใช้ปัญญา ถ้าหากว่าทำโน่นไม่เป็น ทำนี่ไม่เป็น ฝึกบ่อยๆ เป็นไหม ให้รู้ว่าเราเป็นผู้ที่ชอบทางธรรมใฝ่ธรรมก็จงหัดศึกษา หัดหาความรู้ อ่อนน้อมถ่อมตน ความรู้ไม่ใช่อยู่แค่ตำรา ความรู้อยู่ที่ตัวหนังสือและประสบการณ์ของคนเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ถ้าเวลาเราจะอ่านหนังสือเราใช้วิธีการพลิกหนังสือ แต่ถ้าเราอยากได้ประสบการณ์จากคนต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไปหาประสบการณ์ตั้งแต่เด็กจนแก่รับรองได้ว่าเรานำมาใช้ได้ตลอด เรียนรู้จากหนังสือก็พลิกตำรา ถ้าอยากได้ประสบการณ์จากคน ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าหาใช่หรือไม่ (ใช่) อ่อนน้อมเป็นไหม (เป็น) คนเรามักเกรงใจให้กับอะไร (เงิน) คนสมัยนี้เห็นเงินเป็นใหญ่ เกรงใจเงิน ไม่ได้เกรงใจตัวเขาหรอก พอคนหมดอำนาจ หมดบุญบารมีวาสนาเรายังเกรงใจเขาอยู่หรือเปล่า เราก็ไม่ค่อยเกรงใจเขาแสดงว่าตลอดมาเราเกรงใจเงิน
ถ้าเราเป็นคนที่เกรงใจเงิน แสดงว่าเราเป็นผู้ที่ถูกเงินซื้อได้จริงหรือเปล่า (จริง) ทุกวันนี้ถูกเงินซื้อไว้หรือเปล่า ตอบว่าไม่ แต่ว่าการกระทำกับความคิดของเรามันสวนทางกัน เพราะฉะนั้นต้องทำความคิดและการกระทำของเรานั้นให้ไปในทางเดียวกัน เราเป็นผู้มีธรรมะ บำเพ็ญธรรมะเราต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง และเป็นคนที่มีธรรมะออกมาจากการกระทำและคำพูด
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมกันร้องเพลง “อย่าถอยหลังเข้าคลอง” ที่ท่านต้าเซี่ยวฝอถงได้เมตตาประทานไว้)
ชีวิตคนหลายคนเหมือนกับว่าจงใจให้ร้ายตัวเอง สุดท้ายเราก็ทำในสิ่งที่ไม่ควรออกมา เราเรียนรู้มาอย่างหนึ่ง แต่กลับทำอีกอย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้นธรรมะที่ฟังมาแล้วสองวันยังต้องเอากลับไปปฏิบัติด้วย ปฏิบัติที่ไหน (ที่บ้าน) อยู่ในบ้านทำดีได้ดีไหม (ได้) เจอเขาทำหน้าเบะใส่หน่อยอย่าตกใจดีหรือไม่ เวลาเขาไม่ชมเรา เราก็ยิ้ม ถ้าหากว่าเขาไม่ยิ้มให้เรา เราก็ยิ้มให้เขาดีหรือเปล่า (ดี) ถ้าหากว่าเขาไม่ชมเรา เราก็ชมเขาดีหรือเปล่า (ดี) ชมเขาต่อหน้าแล้วไปนินทาเขาลับหลังดีหรือเปล่า
ความลับรักษายาก ความดีรักษายากไหม (ไม่ยาก) ความดีรักษาง่ายตราบเมื่อเรานั้นเป็นคนดี ถ้าเราเป็นคนไม่ดีความดีนั้นรักษายาก ถ้าเราเป็นคนดีความดีจะรักษา (ง่าย) ตอนนี้ถ้าเรามองแล้วเราคิดว่าเรารักษาความดีไม่อยู่ ไม่มีคนเห็นในความดีของเรา ทำดีไม่ขึ้น ทำดีไม่ได้ดี เราต้องหันกลับมามองตัวเราเองว่าเรานั้นใช้ชีวิตเป็นอย่างไร ชีวิตของเรามีค่าหรือเปล่า ชีวิตของเราไปแขวนไว้กับคำพูดของคนอื่นหรือเปล่า เราเอาความคิดของเราไปแขวนกับลูกตาของคนอื่นหรือเปล่า เรายึดติดความคิดของเรามากเกินไปหรือเปล่า เอาความคิดของเราเป็นใหญ่จนไม่สนใจใครหรือเปล่า อย่าเป็นอย่างนั้น เราต้องหัดที่จะมองแล้วเข้าใจผู้อื่น เมื่อเราเข้าใจผู้อื่น ผู้อื่นจะเข้าใจเรา เมื่อเราเห็นใจผู้อื่น ผู้อื่นจะเห็นใจเรา ถ้าเราไม่เห็นใจคนอื่น คนอื่นเห็นใจเราไหม (ไม่) เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับเราเอากระจกมาส่อง เราส่องกระจกทุกวัน เราเห็นตัวเราเอง แต่เราเห็นใจเราเองหรือเปล่า (ไม่เห็น) บางคนก็มัวแต่เห็นใจตัวเราเองก็เลยไม่เห็นใจ (คนอื่น) สุดท้ายเวลาที่เราไม่เห็นใจคนอื่น คนอื่นไม่เห็นใจเราแรงกว่าไหม (แรงกว่า) แรงกว่าอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องเห็นใจคนอื่น แม้คนอื่นไม่เห็นใจเรา เราก็ต้องเห็นใจผู้อื่นเพื่อให้ความดีนั้นมีในโลก เพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าตัวเองทำดีขึ้น เวลาที่เขาทำดีมาเราต้องรีบ (ทำดีตอบ) ตอนแรกอาจารย์บอกว่า ภรรยาทำกับข้าวให้สามีกิน แล้วสามีไม่ยอมที่จะยิ้มให้ ไม่ชมด้วย เปลี่ยนกัน วันนี้เขาทำให้กิน เราต้องชม แล้วถ้าเขาไม่ทำให้กินล่ะ ทำหน้าบึ้งได้ไหม (ไม่ได้) ถ้าเกิดเขาไม่ทำให้กินเราต้องรีบหาแล้วว่าสาเหตุคืออะไร เพราะว่าผู้หญิงเป็นผู้ที่มีอารมณ์อ่อนไหว แค่พูดดีๆ ให้ ส่งยิ้มหวานๆ ให้ แล้วก็ทำอะไรดีๆ ที่ตัวเองไม่เคยทำ แล้วครอบครัวก็จะอบอุ่น เมื่อครอบครัวอบอุ่นแล้ว เราเองจะมีความสุข ความสุขหาที่ข้างนอกหรือเปล่า ถ้าเทียบกับการอยู่ในโลก ครอบครัวถือเป็นภายใน ถ้าเทียบกับตัวเองแล้วจิตใจคือภายใน เราอยากที่จะมีความสุข จะต้องทำใจของเราให้เป็นสุข แล้วถ้าจะให้ตัวเรามีความสุข เราต้องทำครอบครัวของเราให้มีความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อเราใช้ชีวิตไม่เป็น เราก็จะบำเพ็ญไม่เป็น ถ้าเราใช้ชีวิตเป็นก็จะบำเพ็ญเป็น ถ้าคนที่ยังใช้ชีวิตไม่เป็น ทางด้านชีวิตยังล้มเหลวอยู่ จะบำเพ็ญธรรม
(พระอาจารย์เมตตาประทานผลไม้ให้กับนักเรียนที่ตอบคำถาม)
อยากได้ผลไม้ไหม (อยาก) อยากได้แต่เราไม่ลงมือทำ จะได้หรือเปล่า (ไม่ได้) สิ่งใดที่เราอยากได้เราต้องลงมือทำ ถ้าหากว่าเราไม่ลงมือทำเราก็ไม่ได้ เหมือนกับเราตอนนี้เมื่อเราไม่ทำก็ย่อมไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
คนฟังธรรมะมีมาก แต่คนปฏิบัติธรรมมีน้อย คนปฏิบัติธรรมมีมาก แต่ปฏิบัติจริงมีน้อย ปฏิบัติแล้วคิดว่าตัวเองรู้ แต่ที่รู้แล้วไม่ทำ นี่คือสภาพส่วนใหญ่ของคนที่เป็นนักบำเพ็ญปฏิบัติธรรม คือรู้แต่ไม่ทำ ทำแต่ไม่เข้าใจ เข้าใจแต่เปลือก สุดท้ายก็ปฏิบัติได้ไม่ดี เวลาลงมือทำก็รู้สึกว่ามีอุปสรรคมากมาย เพราะฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งหนึ่งว่าเราเป็นคนประเภทไหน อะไรเป็นเป้าหมายในชีวิต
เรามักมีความทุกข์กับเรื่องในบ้าน เรื่องไม่เป็นเรื่องหลายๆ เรื่อง เรื่องที่ไม่ควรทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์อย่างยิ่ง หาทางออกไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่) ทำอย่างไรจึงจะมีทางออกให้กับชีวิต ทุกวันนี้มีครอบครัวที่สมบูรณ์อยู่แล้วแต่คิดว่าไม่สมบูรณ์ เราเคยเห็นคนๆ อื่นที่เขามีความสุขอยู่แล้วแต่ตัวเองรู้สึกว่าไม่มีความสุขไหม เราก็ไม่ต่างจากคนอื่น ทางออกของชีวิตง่ายนิดเดียวคือรู้จักมอง ทุกวันนี้เราไม่มองชีวิตตัวเอง เอาแต่มองคนอื่น ทีเรื่องคนอื่นรู้ดีหมดแต่เรากลับไม่รู้ตนเอง
คนพูดว่าเวลาผ่านไป กลับกัน เวลาพูดว่าคนผ่านไป วันนี้ชีวิตของเราที่สั้นๆ เราก็เบื่อแย่แล้ว แต่เราจะตอบสนองชีวิตด้วยเรื่องน่าเบื่อไม่ได้ เราจำเป็นที่จะต้องเติมเต็มชีวิตของตัวเองด้วยธรรมะด้วยความดี ความดีที่อยู่ในใจของตัวเอง และเติมอารมณ์ขันให้กับตัวเอง คนที่มีอารมณ์ขันจะสามารถเอาชนะอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ได้ บางทีเราก็ไปตลกโปกฮาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เช่น ไปตลกโปกฮาหน้าจอทีวี ฉะนั้นจงเป็นคนที่รู้จักมีอารมณ์ขันให้กับตัวเองเพื่อที่จะเอาชนะอุปสรรคปัญหาลงไปได้บ้าง หากปัญหามีเยอะเริ่มแก้ที่ไหนดี ปัญหามีอยู่เยอะแยะเริ่มแก้ปัญหาที่ปัญหา ปัญหาของคนคืออะไร ทำไมจึงบอกว่ามีปัญหาแล้วไม่รู้จักแก้ที่ปัญหา เพราะว่ามีปัญหาเรื่องหนึ่งแต่ไปหาทางออกคลายเครียดอีกเรื่องหนึ่ง เราไม่ได้แก้ปัญหาที่ปัญหาของมันเองใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วปัญหาของคนอยู่ที่ไหน ปัญหาของคนก็อยู่ที่คนใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเรามีปัญหาเรื่องใดทะเลาะกันเราก็ต้องสงบสติแล้วเราก็ต้องคุยให้เป็นใช่หรือไม่ (ใช่)
คนที่ใช้ความคิดเป็น คนพูดเป็น คนที่แสดงออกเป็นจึงจะไม่ทะเลาะกับคนอื่น ความคิดไม่สามารถที่จะเรียบเรียงได้ พอเรียบเรียงออกมาก็พูดไม่เป็น พูดเป็นแล้วยังแสดงออกไม่ได้ ฉะนั้นเก่งเลยไม่เก่งเพราะว่าไม่รู้จักแสดงออก ฉะนั้นต้องรู้จักแสดงออกให้เป็น คนเก่งชอบทำตัวโง่ คนโง่ชอบทำตัวเป็นคนฉลาด ถ้าอยากมีชีวิตที่เปลี่ยนไปเราก็ต้องเปลี่ยนความคิด ต้องเปลี่ยนการกระทำในด้านลบของเราด้วย
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “เปลี่ยน”)
อยากเปลี่ยนชะตากรรมดูดวงไหม ดวงดีไหม (ไม่ดีเลย) เราไม่ต้องให้คนอื่นดูดวงให้หรอก เราดูเองก็ได้ ตอนนี้เราดวงดีหรือเปล่า (ดี) อยากจะเปลี่ยนชะตากรรมต้องเปลี่ยนนิสัยของตัวเราเอง การเปลี่ยนที่ได้ผลชะงัด การเปลี่ยนที่ศักดิ์สิทธิ์ การเปลี่ยนที่มีพลังคือการเปลี่ยนจากภายใน ภายในคือความคิด ภายในคือจิตใจ เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถเปลี่ยนจากภายใน เราก็จะประสบความสำเร็จสูงขึ้นไปอีก คนที่ยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตน คนที่สุภาพเรียบร้อยสามารถที่จะยิ่งใหญ่ได้ แต่เหตุผลที่อาจารย์ให้คำว่า “เปลี่ยน” นี้ อาจารย์ไม่ได้พูดถึงในวงแคบๆ ไม่ได้พูดถึงแค่ชีวิตศิษย์เท่านั้น อาจารย์ให้คำสั้นๆ แต่ความหมายนั้นยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นตอนนี้เรื่องราวเปลี่ยน แต่ถ้าหากว่าศิษย์เป็นผู้ที่บำเพ็ญดี การบำเพ็ญก็ยังเป็นของศิษย์ การบรรลุก็ยังเป็นเรื่องของศิษย์เช่นเดิม แต่เวลาในการบำเพ็ญนั้นยิ่งฟ้าดินเปลี่ยนคนยิ่งต้องรู้จักที่จะตกใจกลัว ระมัดระวัง อย่าคิดว่าชีวิตเราอีกยืนยาว เราจะเปลี่ยน เราจะดีขึ้นวันไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ขอให้ศิษย์นั้นยืมเรื่องๆ หนึ่งมาเตือนใจศิษย์เพื่อที่จะขยับขึ้นหน้าให้เร็วขึ้น บำเพ็ญตนให้ดีขึ้น บำเพ็ญตนแล้วจะเช้าสายบ่ายเย็นต้องตายไปก็ยังสุขใจใช่หรือไม่ (ใช่)
วันนี้หากไม่มีธรรมะให้บำเพ็ญแล้ว หรืออาจารย์ไม่มาแล้ว และไม่มีสิ่งที่อำนวยความสะดวกเหมือนอย่างทุกวันนี้ ศิษย์จะบำเพ็ญอย่างไร ทุกวันนี้มีการทำงาน มีการบำเพ็ญ มีการเดินหน้า มีสิ่งที่ทำให้ศิษย์มีความสะดวกสบายมากจริงๆ เวลาลำบากทีศิษย์จึงรู้สึกดิ้นรนทุรนทุรายกระสับกระส่ายหัวใจ จริงๆ แล้วคนกับการบำเพ็ญเป็นเรื่องลำบากไม่ค่อยมีเรื่องสบายหรอก
ขอให้ศิษย์นั้นบำเพ็ญให้ตลอดรอดฝั่งแล้วบำเพ็ญรักษาธรรมะในตน ธรรมะในใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังจำเป็นต้องขยับขึ้นหน้าด้วยจิตใจที่ก้าวหน้า พัฒนายกระดับจิตใจของตัวเองให้มากขึ้นๆ เรื่อยๆ เราไม่จำเป็นต้องทำให้ใครดู แต่เราจำเป็นต้องทำให้ตัวเราดู ฉะนั้นไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง ไม่ว่าอยู่บ้าน หรืออยู่สถานธรรมหรืออยู่ที่ไหนในโลก ที่ๆ นั้นก็เป็นที่ๆ ศิษย์แสดงออกถึงการเป็นผู้บำเพ็ญที่ดี อย่าชะล่าใจกับชีวิตของเรา คนอีกไม่นานก็ต้องตาย คนบางคนอีกไม่นานก็ต้องเจ็บ ชะตากรรมวันพรุ่งนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร วันนี้ชะตากรรมเป็นของศิษย์ทุกๆ วัน ขอให้ตั้งใจเอาชนะกิเลสกำราบตัณหาในตน ยิ่งดี ยิ่งมาก ยิ่งบ่อย ยิ่งถี่ ยิ่งดี เข้าใจหรือไม่
วันนี้เวลาสั้นๆ ที่เราได้เจอกันคงจะน้อยไปที่จะทำให้ศิษย์เข้าใจ การที่ศิษย์นั้นจะเชื่ออาจารย์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่อาจารย์อยากให้ศิษย์ให้เวลากับตนเองในการบำเพ็ญให้มากๆ เพื่อชีวิตของตัวเอง เพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง เพื่อจิตใจที่สงบและสันติ คนทุกคนย่อมมีความสำคัญและล้ำค่า คนทุกคนย่อมมีหน้าที่ของตัวเอง หลายๆ คนมีปณิธานมาเกิด เป็นผู้มีบุญมาเกิด แต่ทุกๆ คนไม่ว่าใครย่อมมีกรรมรุมเร้าทำให้เกิดปัญหามากมาย
คนชนะเหนือฟ้าลิขิต คนสามารถลิขิตชีวิตตัวเองได้ เพียงแต่ศิษย์นั้นหันกลับมามองตัวเองแล้วเห็นคุณค่าในตัวเอง เพียงแต่ศิษย์ทบทวนตัวเองแล้วทำชีวิตตัวเองให้ดีกว่านี้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ วันนี้ลมหายใจของศิษย์ยังคงอยู่ ประเสริฐเสียยิ่งกว่าที่อาจารย์เป็น เพราะอาจารย์นั้นแม้แต่ลมหายใจยังไม่มี แต่ศิษย์ของอาจารย์ยังมี ฉะนั้นศิษย์ทุกคนจึงเป็นผู้มีโอกาส ศิษย์ทุกคนจึงเป็นผู้มีคุณค่า สร้างคุณค่าใส่ชีวิตของตัวเองด้วยการให้ผู้อื่น เสียสละให้ผู้อื่น อย่ามัวเห็นแก่ตัวเอง คิดถึงแต่ตัวเอง ทำอะไรก็เพื่อตัวเองเท่านั้น อย่างนี้เป็นชีวิตที่คุณค่าก็ด้อยลงไป
จากกันวันนี้อาจารย์อยากให้ศิษย์ทั้งหลายรักษาสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ เอาชนะความอยากที่มี กิเลสตัณหาที่มีในตัวและเอาชนะความอยากได้ใคร่มี อาจารย์จะเอาความทุกข์ของศิษย์คนละหนึ่งส่วนกลับไปด้วย อาจารย์จึงหวังอยากให้ศิษย์มีความสุขมากขึ้น ต้องเข้มแข็ง เป็นพี่ดูแลน้อง เป็นน้องใส่ใจต่อพี่ ลาก่อนนะ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “เปลี่ยน”
ฟ้าสะท้านดินสะเทือนรอยต่อเปลี่ยน คนยังเพียรขอสันติในโลกหล้า
จงเร่งรีบดั่งคนที่ไม่มีเวลา สำเร็จมาจากใจภายในของตน
พระอาจารย์จี้กง เมตตาแก้พระโอวาท ณ สถานธรรมหมิงเฉิง จ.ตาก
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑
แก้ไขพระโอวาท ประชุมธรรมสถานธรรมอิ๋งเต๋อ จ.ชัยนาท
วันที่ ๑๕-๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๐
หน้าที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๔
จาก ในผู้ไร้คุณธรรมอาจมีความดี
แก้เป็น ในผู้ไร้คุณธรรมอาจมีคำดี
หน้าที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๖ จากล่าง
จาก ความเข้าใจที่ละหยดลดศิลา
แก้เป็น ความเข้าใจที่ละหยดรดศิลา
แก้ไขพระโอวาท ประชุมธรรมสถานธรรมฉือเหยิน จ.นครศรีธรรมราช
วันที่ ๕-๖ มกราคม ๒๕๕๑
หน้าที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๙
จาก จะทำดีมีความคิดดูเหมือนง่าย
แก้เป็น จะทำดีในความคิดดูเหมือนง่าย
หน้าที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๕ จากล่าง
จาก จงพ้นไปในหัวใจเจ้าเหตุผล
แก้เป็น จงพ้นไปในหัวใครเจ้าเหตุผล