西元二○○七年歲次丁亥九月廿四日 仙佛聖訓
วันเสาร์ที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐ สถานธรรมอิ๋งเซิ่ง จ.อุตรดิตถ์
พระโอวาทท่านเสี่ยวผีเซียนถง
เรื่องเล็กน้อยยอมได้ยอมดีกว่า ผูกใจเจ็บชังน้ำหน้ามีดีไหม
ยอมอภัยทิ้งทิฐิอัตตาไป คนใจกว้างดั่งฟ้าได้น่าชื่นชม
เราคือ
เสี่ยวผีเซียนถง ( 小皮仙童 ) รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถาน แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามว่าต้อนรับเราไหม
ภายนอกแม้ดูสุขุมดั่งเมธี ในใจมีคนวุ่นวายไม่สงบ
แม้เฝ้าทำดีแต่ไม่เคารพ เขียนอะไรก็มีลบกรรมบันดาล
กำลังแรงประหนึ่งฟ้าโปร่งโล่งกว้าง ชีวิตแสงสว่างยามเดินกลับบ้าน
ยากดูคนตนพึ่งตนสำคัญ โลกขวางทางดูด้านในวิญญู
ปัญหาเชื่อมการโพล่งพูดไม่โล่ง ปัญหาโยงไม่พูดคุมตนอยู่
ยากให้พูดแต่พูดอะไรรู้ จงพิจารณารู้ว่าทำใจตรง
เอาใจใส่อย่างรอบคอบจึงพิชิต รู้ชีวิตรู้เบื้องหน้ารู้ประสงค์
ใจบัณฑิตง่ายว่าคงวิชาปลง ปุถุชนหลงอวดว่าตนมีบำเพ็ญ
สิ่งใดมีสำคัญใดมีค่า ใช้ปัญญาอ่อนน้อมเป็นจึงหาเห็น
ธรรมมีค่าสำหรับผู้ใช้เป็น ผู้ไม่เห็นประดุจไก่ได้พลอย
ฮิ ฮิ หยุด
กวดขันตนเอง กวดขันตนเองในเรื่องบำเพ็ญ เรื่องไหนจำเป็น เว้นกันจนบ่อย ปรับปรุงความคิด ทำจิตใจคอย ก้าวเดินซอยซอยเยี่ยงนี้ทันกาล ประกวดประขันตนเองเป็นนาน กิเลสเพียงนั้นบำเพ็ญอย่างไร กวดขันตนเอง
ทำนองเพลง : สวรรค์บันดาล
ชื่อเพลง : กวดขันตนเอง
พระโอวาทท่านเสี่ยวผีเซียนถง
เพลงและดนตรีก็มีผลต่อจิตใจเช่นเดียวกัน เพลงที่ครึกครื้นก็ทำให้หัวใจรู้สึกครึกครื้นสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ส่วนเพลงเย็นๆ ฟังแล้วก็รู้สึกสดชื่นสบายใจ แปลว่าเสียงจากภายนอกก็มีอิทธิพลต่อจิตใจภายในเหมือนกันใช่ไหม (ใช่) แปลว่าเป็นพวกที่ใจอ่อนไหวง่าย ใครพูดเพราะหน่อยก็เคลิ้ม ใครด่าหน่อยก็แค้น ใช่หรือเปล่า (ใช่) แปลว่าหนึ่งเสียงก็มีอิทธิพลต่อหนึ่งหัวใจใช่หรือเปล่า (ใช่)
ระหว่างคนชมกับคนด่าอย่างไหนทำให้คนลุกได้เร็วกว่ากัน (ด่า) อยากให้เขาขยับเขยื้อนทำงานไวๆ แบบว่าขยับได้ทันทีเลย ต้องชมหรือด่า (ชม, ด่า) ถ้าถามว่าอะไรขยับได้ไวกว่าระหว่างชมกับด่า (ด่า) จากง่วงนอนพอด่าก็ตื่นทันทีเลยใช่ไหม จากไม่มีแรงก็มีแรงทันทีเลยใช่ไหม แต่ถ้าชมว่าสวยจังเลย หล่อสุดๆ เลย อย่างนี้ลุกไหม ไม่ลุกเพราะเขิน
ถูกไหม (ถูก)
ถูกไหม (ถูก)
ถ้าจะให้เขาทำงานจะชมดีหรือด่าดี (ด่า, ชม) ระหว่างชมกับด่าอะไรที่ทำให้เขาเชื่อมากกว่า (ชม) ชมใช่ไหม ที่ทำให้เชื่อมากกว่าแล้วทำงานมากกว่าใช่ไหม (ไม่แน่) ต้องดูเป็นบางคน แต่บางคนพอว่าแล้วด่าเข้าแรงๆ กลับกระตือรือร้นต้องทำให้เขาเห็นเลย ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้ว
ตกลงจริงๆ มนุษย์ชอบคำชม หรือคำด่า (แล้วแต่สถานการณ์)
ตกลงจริงๆ มนุษย์ชอบคำชม หรือคำด่า (แล้วแต่สถานการณ์)
อยากให้คนทำอะไร อยากให้คนเคลื่อนไหวอย่างไร บางทีไม่ใช่ดูที่ปากเราอย่างเดียว แต่เราต้องรู้จักดูหน้าตาดูนิสัยเขาด้วย ปากพูดไปโดยไม่สนใจคนรอบข้างได้ไหม (ไม่ได้) ไม่อย่างนั้นจะได้ผลสะท้อนกลับมาที่น่าเศร้าใจ ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นเวลาเราพูดอะไรจึงต้องระวัง เพราะคำพูดมีผลต่อหัวใจคนได้เหมือนกันนะ ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นจะพูดอะไรโดยไม่คิด ทำอะไรโดยไม่รักษาน้ำใจหรือไม่ดูหน้าคนไม่ได้ เพราะขึ้นชื่อว่ามนุษย์ยังไงก็ชอบคำ (ชม) มากกว่าคำ (ด่า) ชอบพูดเพราะๆ มากกว่าพูดห้วนๆ รู้กันไหมเรื่องพวกนี้ ก็รู้ แต่ถึงเวลายังเลือกที่จะทำไหม ยังไม่ทำ เพราะชอบที่จะปล่อยให้อารมณ์ครอบงำใจมากกว่าสติ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วบ่อยครั้งไหมที่เมื่ออารมณ์ครอบงำใจเรา
กี่ครั้งๆ ก็ทำให้เราต้องเสียใจทุกๆ ครั้ง ทำไปเพราะโมโห ทำเพราะ เกลียดขี้หน้า โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังเขาเป็นอย่างไร
กี่ครั้งๆ ก็ทำให้เราต้องเสียใจทุกๆ ครั้ง ทำไปเพราะโมโห ทำเพราะ เกลียดขี้หน้า โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังเขาเป็นอย่างไร
ถ้าถามว่าระหว่างแอปเปิ้ลที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพระนี้กับแอปเปิ้ลที่ตกลงบนพื้น รู้สึกว่าแอปเปิ้ลลูกไหนดีกว่ากัน (แอปเปิ้ลบนโต๊ะพระ) ใครๆ ก็บอกไม่ต้องคิดเลย ชอบข้างบนมากกว่าข้างล่าง ถูกไหม (ถูก) แล้วจริงๆ อะไรทำให้หัวใจเราแตกต่างขนาดนั้น เพราะว่าสูงต่ำแค่นั้นหรือ อะไรที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกได้ขนาดนี้ อะไรที่แบ่งแยก ข้างนอกเขาแบ่งแยกไหม หัวใจเราต่างหากที่เกิดการแบ่งแยกและเปรียบเทียบ แล้วกำหนดว่าสิ่งที่อยู่สูงจะต้องสูงส่ง สิ่งที่อยู่ต่ำจะต้องต่ำแน่ๆ แต่อย่าลืมว่าผ้าขี้ริ้วห่อทองก็มีถมไป สิ่งดีงามมักซุกซ่อนอยู่ที่ต่ำๆ ที่เรามองไม่เห็นก็มากเหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นจะดูอะไร มองอะไรก็ตาม บางครั้งก็ไม่อาจจะเชื่อหัวใจได้เสมอไป ถ้าใจเรายังบริสุทธิ์ไม่พอ หัวใจที่ไม่บริสุทธิ์ก็ยังวัดค่าอะไรได้ไม่ถูกต้องเสมอไป
ท่านคิดว่าแอปเปิ้ลลูกบนกับแอปเปิ้ลลูกล่างอันไหนน่ากินกว่า (ข้างบนสะอาดกว่าข้างล่าง) ข้างล่างถูกคลุกฝุ่นแล้วก็เลยไม่อยากกิน
ใช่ไหม เพราะฉะนั้นถ้าจิตใจยิ่งยกให้สูงมากเท่าไร คุณค่าก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ถูกหรือเปล่า (ถูก) แต่ตอนนี้จิตใจเราอยู่สูงหรืออยู่ต่ำ คิดดีหรือคิดร้าย ท่านบอกว่าสิ่งที่อยู่สูงมักจะดูสะอาด สิ่งที่อยู่ต่ำมักจะสกปรก แล้วเราชอบสิ่งที่สูงมากกว่าสิ่งที่ต่ำถูกหรือเปล่า ฉะนั้นเราควรประคองใจให้สูงเข้าไว้ ดีเข้าไว้ อย่าต่ำเด็ดขาด แล้วเราเผลอคิดสูงหรือคิดต่ำบ่อยๆ ล่ะ ในเมื่อชอบสูงแต่ทำไมชอบคิดต่ำ ชอบสิ่งดีแต่ทำไมชอบคิดร้ายๆ
ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ใช่ไหม เพราะฉะนั้นถ้าจิตใจยิ่งยกให้สูงมากเท่าไร คุณค่าก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ถูกหรือเปล่า (ถูก) แต่ตอนนี้จิตใจเราอยู่สูงหรืออยู่ต่ำ คิดดีหรือคิดร้าย ท่านบอกว่าสิ่งที่อยู่สูงมักจะดูสะอาด สิ่งที่อยู่ต่ำมักจะสกปรก แล้วเราชอบสิ่งที่สูงมากกว่าสิ่งที่ต่ำถูกหรือเปล่า ฉะนั้นเราควรประคองใจให้สูงเข้าไว้ ดีเข้าไว้ อย่าต่ำเด็ดขาด แล้วเราเผลอคิดสูงหรือคิดต่ำบ่อยๆ ล่ะ ในเมื่อชอบสูงแต่ทำไมชอบคิดต่ำ ชอบสิ่งดีแต่ทำไมชอบคิดร้ายๆ
ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ถามตัวเราเองสิ แค่แอปเปิ้ลยังเลือกข้างบนเลย แล้วหัวใจเราล่ะถึงเวลาทำไมไม่เลือกคิดดีเข้าไว้ ทำไมชอบคิดแย่ไว้ก่อน ร้ายไว้ก่อน อย่าลืมนะใจที่คลุกฝุ่นบ่อยๆ ก็เหมือนจิตรกรที่ปั้นปีศาจ ใจที่คิดดีก็เหมือนจิตรกรที่ปั้นรูปพระพุทธเจ้า
ท่านคิดว่าจิตรกรที่ทุกวันเอาแต่ปั้นหน้าปีศาจ กับจิตรกรที่ทุกวันเอาแต่ปั้นหน้าพระพุทธเจ้า ท่านว่าใครหน้าตาดีกว่ากัน (ปั้นหน้าพระพุทธเจ้า) จะปั้นรูปพระพุทธเจ้าต้องปั้นอย่างไรหนอ ให้ท่านนิ่งสงบๆ ตัวเราก็พยายามนิ่งสงบๆ แต่ถ้าปั้นหน้าปีศาจก็ต้องปั้นหน้าให้เบี้ยว ดูโมโห ดูน่ากลัว ใช่ไหม แล้วจิตใจที่พยายามคลุกอยู่ทุกวันคิดว่าเขาทำไมไม่ดี ทำไมอย่างนี้ ไม่แน่เขาอาจจะมีเหตุผลก็ได้
จิตใจแบบไหนที่เราควรจะเข้าไปคลุกอยู่บ่อยๆ พระพุทธรูป หรือพญามาร คิดดีเข้าไว้หรือคิดร้ายไว้ก่อน (คิดดีเข้าไว้) แล้วตอนนี้ทำไมคิดได้ล่ะ แต่พอถึงเวลาโกรธ กลับเป็นว่า เขานิสัยไม่ดี เขาเลว เขาชั่ว เขาด่าเรา เราคิดอย่างนี้ตลอดเลยใช่ไหม แต่เคยคิดไหมว่าเพราะอะไรเขาถึงด่าเรา เขาอาจจะห่วงเราก็ได้ แต่พูดหวานไม่เป็นก็เลยพูดเจ็บๆ ไว้ เหมือนเวลายิ่งห่วงมากก็ยิ่งด่าเจ็บ ถูกไหม ถ้าไม่ห่วงเลย ด่าเจ็บไหม
“เรื่องเล็กน้อยยอมได้ยอมดีกว่า ผูกใจเจ็บชังน้ำหน้ามีดีไหม
ยอมอภัยทิ้งทิฐิอัตตาไป คนใจกว้างดั่งฟ้าได้น่าชื่นชม”
บางทีเป็นเพื่อนกันดีๆ กลับโกรธกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตอนแรกก็รู้สึกดีต่อกัน แต่พอเขาทำอะไรให้เราขัดใจนิดหน่อยก็รู้สึกรับไม่ได้แล้ว ฉะนั้นอย่าทำลายกำแพงอันงดงามด้วยความไม่พอใจอันเล็กน้อย อย่าทำลายความรู้สึกดีๆ เพียงเพราะเขาพูดขัดหูขัดใจเพียงเรื่องๆ เดียว ทั้งที่เป็นเรื่องจริง
ยินดีต้อนรับเราไหม (ยินดีต้อนรับ) ยินดีต้องหน้ายิ้มๆ แปลว่า
ทุกคนต้องมีรอยยิ้มที่ใบหน้า มีบางคนยังยิ้มไม่ค่อยออกนะ ทำไมเราถึงบอกท่านว่าให้คิดดีไว้ ซึ่งบางทีในโลกนี้การคิดดีมากๆ ก็เจอคนเอาเปรียบ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ท่านเคยได้ยินไหมว่า การสร้างเหตุปัจจัยที่ดีบ่อยๆ สม่ำเสมอ สักวันผลดีย่อมบังเกิด ถึงแม้ว่าการสร้างเหตุปัจจัยดีนั้นจะทำให้เราเสียเปรียบบ้างก็ตาม แต่การยอมเสียเปรียบบ่อยๆ เชื่อไหมว่า
สักวันหนึ่งเรานั่นแหละจะเป็นผู้ที่ชนะใจทุกๆ คนได้ มากกว่าคนที่เอาเปรียบผู้อื่น การสร้างเหตุปัจจัยดีก็เหมือนกับเอาเงินฝากไว้ในธนาคาร ทุกวันทำแต่สิ่งที่ดีๆ แม้ทำครั้งแรกไม่ได้ผลดี ทำครั้งที่สองก็ยังไม่ได้ผลดี แต่ถ้าทำครั้งสาม ครั้งสี่ การสะสมซึ่งสร้างเหตุปัจจัยที่ดีทุกๆ วัน มีหรือจะไม่ได้ดีสักวัน
ทุกคนต้องมีรอยยิ้มที่ใบหน้า มีบางคนยังยิ้มไม่ค่อยออกนะ ทำไมเราถึงบอกท่านว่าให้คิดดีไว้ ซึ่งบางทีในโลกนี้การคิดดีมากๆ ก็เจอคนเอาเปรียบ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ท่านเคยได้ยินไหมว่า การสร้างเหตุปัจจัยที่ดีบ่อยๆ สม่ำเสมอ สักวันผลดีย่อมบังเกิด ถึงแม้ว่าการสร้างเหตุปัจจัยดีนั้นจะทำให้เราเสียเปรียบบ้างก็ตาม แต่การยอมเสียเปรียบบ่อยๆ เชื่อไหมว่า
สักวันหนึ่งเรานั่นแหละจะเป็นผู้ที่ชนะใจทุกๆ คนได้ มากกว่าคนที่เอาเปรียบผู้อื่น การสร้างเหตุปัจจัยดีก็เหมือนกับเอาเงินฝากไว้ในธนาคาร ทุกวันทำแต่สิ่งที่ดีๆ แม้ทำครั้งแรกไม่ได้ผลดี ทำครั้งที่สองก็ยังไม่ได้ผลดี แต่ถ้าทำครั้งสาม ครั้งสี่ การสะสมซึ่งสร้างเหตุปัจจัยที่ดีทุกๆ วัน มีหรือจะไม่ได้ดีสักวัน
มัวแต่เอาเปรียบผู้อื่น มัวแต่ชิงชังผู้อื่น ไม่เคยยอมเสียสละให้ผู้อื่น แม้ทำครั้งแรกผลตอบรับใช่ว่าจะดีเสมอไป เปรียบเหมือนคนที่แม้จะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตามแต่ถ้าไม่เคยยอมเสียเปรียบใครเลย ความยิ่งใหญ่นั้นก็อาจจะทำให้เขาต้องโดดเดี่ยวสักวันหนึ่ง แต่คนที่ธรรมดาสามัญแต่รู้จักเสียสละให้ผู้อื่น อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เขากลับเป็นที่รักของทุกๆ คน ถูกหรือไม่ (ถูก)
การสร้างเหตุปัจจัยที่ดีและทำให้เราสร้างเนื้อนาบุญที่ดีได้คือการทำอะไร การทำอะไรที่จะทำให้เราปลูกเนื้อนาบุญดีได้ทุกๆ วัน ทำให้เป็นที่รักของทุกๆ คน ไม่ว่าวันนี้ก็วันหน้า ด้วยการทำอะไร คิดออกไหม (คิดดีทำดีช่วยเหลือผู้อื่น, ไม่เอาเปรียบผู้อื่นรู้จักให้อภัย, การที่เรารู้จักให้ไม่เป็นผู้รับ, สร้างความดี) เคยได้ยินไหมว่าใครทำสิ่งใดก็ได้รับสิ่งนั้น แล้วท่านรู้ไหมว่าทำอย่างไรจะขึ้นสวรรค์ได้ ทำดีทำอย่างไร (กตัญญู รู้จักตอบแทนพระคุณ, การช่วยเหลืองานเล็กๆ น้อยๆ , สละเพื่อส่วนรวม, การช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่า, รักษาศีลแล้วก็ฝึกสมาธิ) รักษาศีลแล้วก็ฝึกสมาธิอย่างนี้ช่วยแค่ตัวเองใช่หรือเปล่า
ถ้าจิตเราสงบ เราก็จะไม่สร้างความวุ่นวายให้แก่ใคร ใช่หรือเปล่า (ไม่เบียดเบียนผู้อื่น) ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เช่น ไม่เบียดเบียนทางสายตา เห็นใครได้ดีก็ไม่ส่งสายตาอิจฉา (ทำความดีอย่างน้อยเพื่อแผ่นดินวันละหนึ่งครั้ง) แล้วทำอะไรล่ะเพื่อแผ่นดิน (ตื่นขึ้นมา อย่างน้อยๆ หยิบไม้กวาดมากวาดขยะที่เขาทำเรี่ยราด ทำความดีเพื่อแผ่นดิน) รู้จักอุทิศเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น เพื่อส่วนรวม ตอบได้ดี แต่บางครั้งก็เก็บขยะได้ไม่หมดในโลกหรอก ถูกหรือเปล่า (ถูก) แต่เคยได้ยินไหมว่า สู้ปลุกจิตสำนึกให้เขาไม่ทิ้งขยะย่อมดีกว่ามานั่งเก็บขยะให้เขา ใช่ไหม (ใช่) แล้วทำอย่างไรล่ะ (ปรับปรุงความคิด, มีเมตตากับผู้คน)
รู้รักสามัคคีก็เป็นการสร้างความดี ถึงแม้เราจะมีความคิดเห็นของตัวเราเองแต่คนอื่นก็มีความคิดของเขาเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่เสียงแบบเรา เราก็ต้องรู้จักยอมลดทิฐิของเราเพื่อฟังผู้อื่นบ้าง นั่นก็คือรู้รักสามัคคี ใช่หรือไม่ (ใช่)
มนุษย์ชอบพูดอยู่คำหนึ่งว่าทำอะไรก็มักจะได้ผลอย่างนั้น สร้างเหตุที่ดีเราก็จะได้รับผลที่ดี แล้วการสร้างเหตุที่ดีคือการทำอย่างไรล่ะ จึงจะได้รับผลที่ดี แม้วันนี้ผลที่ดีอาจจะยังไม่ได้ในการทำดีครั้งแรก แต่เชื่อว่าการหมั่นสะสมเหตุปัจจัยที่ดีอยู่บ่อยๆ สักวันความดีนั้นจะทำให้เราอิ่มอกอิ่มใจโดยอัตโนมัติ ถูกไหม (ถูก)
ลองฟังนิทานเรื่องหนึ่ง เผื่อจะทำให้ท่านคิดได้ว่าการทำดีในโลกมีมากมาย อยู่ที่จะทำอะไรเท่านั้นเอง มีชายคนหนึ่งเป็นคนดีแต่ด้วยความที่เขาเป็นคนดี เขาต้องตายในหน้าที่ คนในหมู่บ้านจึงสร้างอนุสาวรีย์เชิดชูเขา โดยอนุสาวรีย์เขาปิดด้วยทองคำทั้งตัว และลูกตาของเขาก็ยังเป็นเพชรทั้งสองข้าง ปรากฏว่าวิญญาณของเขาก็ยังวนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งคนในหมู่บ้านนี้ก็มีทั้งคนดี คนไม่ดี คนลำบากที่ทำดีแล้วไม่ได้ดี เขาดีใจว่าคนในหมู่บ้านตอบแทนเขาได้อย่างนี้ เขาก็เลยอยากจะช่วยปกป้องคุ้มครอง แต่ทำยังไงล่ะ เพราะเขาตายไปแล้ว บังเอิญมีนกบินผ่าน และมาเกาะอยู่ตรงไหล่เขา เขาจะทำอย่างไรดีล่ะ เขาเห็นว่าบ้านนี้เป็นคนดีแต่ยากจน เขาก็บอกว่า “นกรบกวนหน่อยสิ ช่วยจิกเอาทองในตัวฉันไป
สักนิดหนึ่ง เอาไปให้บ้านโน้นตอนที่เขาหลับได้ไหม รู้สึกว่าเขาเป็นคนดีแต่ลำบากไม่ค่อยมีเงิน” นกก็บอกว่า “ไม่ได้นะ เดี๋ยวฉันต้องบินไปแล้ว เพราะตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว ถ้าฉันยังอยู่ฉันต้องหนาวตายแน่ ตอนนี้ฉันจะบินหนีความหนาว” เขาเลยบอกว่า “ขอร้องวันหนึ่ง ทำให้เขาหน่อย” นกทำหรือไม่ทำ (ทำ) นกก็บินไปจิกเอาทองจากตัวเขา แล้วก็เอาไปให้คนทุกวัน พอหมดบ้านนี้ก็มีบ้านโน้น หมดบ้านโน้นก็มีบ้านนั้นไปเรื่อยๆ จนทองที่อยู่ทั้งตัวเริ่มจะหมด ขอให้นกทำทุกวัน ก็รู้สึกเกรงใจนก แต่นกบอกว่า “ไม่เป็นไร ทำให้เพราะเป็นสิ่งที่ดี” ทองหมดตัวแล้วตอนนี้เหลือแต่เพชรที่ลูกตา นกบอกว่า “ถ้าจิกตาท่านไปแล้ว ท่านก็จะมองไม่เห็นแล้วสิว่าใครเดือดร้อน” เขาบอกว่า “ไม่เป็นไร ตามองไม่เห็นแต่ใจสัมผัสได้ว่าตรงไหนดีตรงไหนไม่ดี” นกก็เลยจิกตาข้างหนึ่งไปช่วยคน จิกไปข้างหนึ่งแล้วเหลืออีกหนึ่งข้าง ช่วยอย่างไรก็ช่วยได้ไม่หมด เพราะเงินทองแม้จะมีมากแค่ไหนก็ช่วยคนได้ไม่หมดถูกไหม (ถูก) สุดท้ายเขาให้จนหมดตัวแล้วเขาก็บอกว่า “นกขอบคุณท่านมาก ช่วยเราเต็มที่แล้วท่านรีบไปเถอะ ก่อนที่อากาศหนาวจะทำให้ท่านหนาวตาย” นกก็เลยบอกว่า
“ไม่ทันแล้วล่ะ อากาศหนาวมาเรียบร้อยแล้ว” นกก็เลยตายอยู่ที่อนุสาวรีย์ จากอนุสาวรีย์ที่เคยสวยๆ และล้ำค่าก็กลายเป็นอนุสาวรีย์ที่ธรรมดาผุๆ พังๆ แต่วิญญาณของคนๆ นี้กลับรู้สึกเต็มอิ่ม และภูมิใจมากกว่าการมีเพชรมีทองที่มีคุณค่า อยู่มาวันหนึ่ง สวรรค์เบื้องบนก็ส่งเทพมาตามหาคนดีเพื่อไปเป็นมือซ้าย มือขวา โดยบอกว่า “ให้ไปในหมู่บ้าน เพราะรู้สึกหมู่บ้านนี้มีแสงสว่างมากเป็นพิเศษ” ปรากฏไปตามหาจนทั่วหมู่บ้าน ก็ไปเจอซากอนุสาวรีย์ถูกทิ้งไว้อยู่ตรงนั้น กับวิญญาณของนกที่ตายข้างอนุสาวรีย์ สุดท้ายวิญญาณทั้งสองก็ได้ขึ้นไปอยู่กับเทพที่อยู่เบื้องฟ้า ยมทูตสงสัยก็ถามฟ้าว่า “ทำไมท่านจึงเลือกสองคนนี้” ฟ้าเบื้องบนก็บอกว่า “คนที่รักผู้อื่นยิ่งกว่าตัวเอง คนนั้นคือคนที่ควรอยู่เคียงข้างเรา คนที่รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง คนนั้นคือคนที่เหมาะสมที่จะไปอยู่ฟ้าเบื้องบน” จบแล้ว
สักนิดหนึ่ง เอาไปให้บ้านโน้นตอนที่เขาหลับได้ไหม รู้สึกว่าเขาเป็นคนดีแต่ลำบากไม่ค่อยมีเงิน” นกก็บอกว่า “ไม่ได้นะ เดี๋ยวฉันต้องบินไปแล้ว เพราะตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว ถ้าฉันยังอยู่ฉันต้องหนาวตายแน่ ตอนนี้ฉันจะบินหนีความหนาว” เขาเลยบอกว่า “ขอร้องวันหนึ่ง ทำให้เขาหน่อย” นกทำหรือไม่ทำ (ทำ) นกก็บินไปจิกเอาทองจากตัวเขา แล้วก็เอาไปให้คนทุกวัน พอหมดบ้านนี้ก็มีบ้านโน้น หมดบ้านโน้นก็มีบ้านนั้นไปเรื่อยๆ จนทองที่อยู่ทั้งตัวเริ่มจะหมด ขอให้นกทำทุกวัน ก็รู้สึกเกรงใจนก แต่นกบอกว่า “ไม่เป็นไร ทำให้เพราะเป็นสิ่งที่ดี” ทองหมดตัวแล้วตอนนี้เหลือแต่เพชรที่ลูกตา นกบอกว่า “ถ้าจิกตาท่านไปแล้ว ท่านก็จะมองไม่เห็นแล้วสิว่าใครเดือดร้อน” เขาบอกว่า “ไม่เป็นไร ตามองไม่เห็นแต่ใจสัมผัสได้ว่าตรงไหนดีตรงไหนไม่ดี” นกก็เลยจิกตาข้างหนึ่งไปช่วยคน จิกไปข้างหนึ่งแล้วเหลืออีกหนึ่งข้าง ช่วยอย่างไรก็ช่วยได้ไม่หมด เพราะเงินทองแม้จะมีมากแค่ไหนก็ช่วยคนได้ไม่หมดถูกไหม (ถูก) สุดท้ายเขาให้จนหมดตัวแล้วเขาก็บอกว่า “นกขอบคุณท่านมาก ช่วยเราเต็มที่แล้วท่านรีบไปเถอะ ก่อนที่อากาศหนาวจะทำให้ท่านหนาวตาย” นกก็เลยบอกว่า
“ไม่ทันแล้วล่ะ อากาศหนาวมาเรียบร้อยแล้ว” นกก็เลยตายอยู่ที่อนุสาวรีย์ จากอนุสาวรีย์ที่เคยสวยๆ และล้ำค่าก็กลายเป็นอนุสาวรีย์ที่ธรรมดาผุๆ พังๆ แต่วิญญาณของคนๆ นี้กลับรู้สึกเต็มอิ่ม และภูมิใจมากกว่าการมีเพชรมีทองที่มีคุณค่า อยู่มาวันหนึ่ง สวรรค์เบื้องบนก็ส่งเทพมาตามหาคนดีเพื่อไปเป็นมือซ้าย มือขวา โดยบอกว่า “ให้ไปในหมู่บ้าน เพราะรู้สึกหมู่บ้านนี้มีแสงสว่างมากเป็นพิเศษ” ปรากฏไปตามหาจนทั่วหมู่บ้าน ก็ไปเจอซากอนุสาวรีย์ถูกทิ้งไว้อยู่ตรงนั้น กับวิญญาณของนกที่ตายข้างอนุสาวรีย์ สุดท้ายวิญญาณทั้งสองก็ได้ขึ้นไปอยู่กับเทพที่อยู่เบื้องฟ้า ยมทูตสงสัยก็ถามฟ้าว่า “ทำไมท่านจึงเลือกสองคนนี้” ฟ้าเบื้องบนก็บอกว่า “คนที่รักผู้อื่นยิ่งกว่าตัวเอง คนนั้นคือคนที่ควรอยู่เคียงข้างเรา คนที่รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง คนนั้นคือคนที่เหมาะสมที่จะไปอยู่ฟ้าเบื้องบน” จบแล้ว
จิตใจอันดีงาม คือจิตใจอย่างไรล่ะ การปลูกเหตุเนื้อนาบุญที่ดีแล้วทำให้เราได้รับผลที่ดี คือการทำอะไร (ช่วยเหลือเสียสละ) ฟังเรื่องนี้จบแล้วได้แค่นั้นจริงๆ หรือ ได้อะไร (การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน) แม้ผลที่
ดูเหมือนไร้ค่าก็ตาม (พูดดีทำดี) ต้องคิดให้ดีด้วยใช่ไหม (เมื่อทำดีแล้วไม่ย่อท้อ) คนที่จะสร้างเหตุปัจจัยที่ดีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้นั้น สิ่งสำคัญอย่างแรกคือต้องรู้จักพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ก่อน ถ้าไม่รู้จักพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ การที่จะอุทิศเวลา อุทิศสิ่งของให้ผู้อื่นก็เป็นเรื่องยาก ถูกไหม เมื่อไรที่พอแล้ว สิ่งที่ฉันมี มีค่าพอที่จะช่วยคนอื่นได้แล้วจึงก้าวไปช่วยผู้อื่นได้ ถ้ารู้สึกว่าฉันยังไม่พอจะก้าวไปช่วยคนอื่นได้ไหม (ไม่ได้)
ดูเหมือนไร้ค่าก็ตาม (พูดดีทำดี) ต้องคิดให้ดีด้วยใช่ไหม (เมื่อทำดีแล้วไม่ย่อท้อ) คนที่จะสร้างเหตุปัจจัยที่ดีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้นั้น สิ่งสำคัญอย่างแรกคือต้องรู้จักพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ก่อน ถ้าไม่รู้จักพึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ การที่จะอุทิศเวลา อุทิศสิ่งของให้ผู้อื่นก็เป็นเรื่องยาก ถูกไหม เมื่อไรที่พอแล้ว สิ่งที่ฉันมี มีค่าพอที่จะช่วยคนอื่นได้แล้วจึงก้าวไปช่วยผู้อื่นได้ ถ้ารู้สึกว่าฉันยังไม่พอจะก้าวไปช่วยคนอื่นได้ไหม (ไม่ได้)
ฉะนั้นการปลูกเหตุที่ดีต้องเริ่มต้นที่เรารู้จักพอใจ เห็นคุณค่าของตัวเองหรือยัง เราสามารถช่วยผู้อื่นได้ บางครั้งไม่จำเป็นต้องเป็นเงินทองแต่เป็นอะไรที่สามารถให้ทุกคนได้ เงินทองที่ให้มีวันหมด แต่ให้อะไรที่ไม่มีวันหมด (น้ำใจ, แรงกายในการทำดี) เห็นใครทำดีเราก็มีแรงไปช่วยเขาทำด้วย สมมติเห็นคนกำลังกวาดถนนเราเดินเข้าไปกวาดด้วย เป็นอย่างไร คนทำคนแรกก็ปลื้มใจ เราทำแล้วมีแรงสนับสนุน แปลว่าสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ดี หรือถ้าเราไม่มีเวลา แต่เห็นคนกวาดถนนเราก็เดินไปให้กำลังใจเขา ชมเขาสักหนึ่งคำ “เยี่ยมจริง” คนกวาดมีกำลังใจขึ้น ก็ทำให้เขามีความปลื้มปิติใจอยากทำไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เห็นใครทำดีก็พูดจาดูถูก ทำให้เขาหมดแรงไปโดยไม่รู้ตัวใช่หรือไม่ (ใช่)
(ให้อภัยและลดทิฐิ, ทำดีต่อครอบครัวและเพื่อนรอบข้าง) รักคนข้างนอกบ้านเท่าๆ กับรักคนในครอบครัว อย่าลืมนะว่าบางครั้งลูกหลานก็ช่วยเราไม่ได้เท่ากับเพื่อนบ้านถูกไหม (ถูก) บางทีลูกมัวแต่เที่ยวแต่คนที่ช่วยเรายามเดือดร้อนคือเพื่อนข้างบ้าน ถูกไหม (ถูก) (อยากทดแทนพระคุณพ่อแม่ด้วยการสร้างความดี) จิตใจที่รู้พระคุณคน อยู่ในโลกไม่ใช่พ่อแม่ที่มีบุญคุณกับเราอย่างเดียว
(รักสัตว์) เมตตาสัตว์ อย่างนั้นจะไม่กินสัตว์ใช่ไหม ถ้าเรา
ไม่เบียดเบียนกัน จะมีใครมาเบียดเบียนเราไหม ก็ไม่มีถูกหรือเปล่า (ถูก) มนุษย์มักจะพูดว่าการปฏิบัติ การทำดีก็คือ การทำบุญ การบำเพ็ญดี การปฏิบัติดีคือการเสียเงิน เอาเงินไปซื้อของมาทำบุญ แต่ไม่ใช่แค่นั้น มนุษย์มักบอกว่าการทำดีคือการทำบุญตักบาตร อย่างนั้นไม่ใช่การบำเพ็ญ การปฏิบัติดี การทำดีคือการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันทุกวัน พูดดีๆ ต่อกัน ให้อภัยกัน ถนอมน้ำใจกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ถ้าอย่างนี้เราทำดี เราปฏิบัติดีก็ยิ่งกว่าเราทำบุญหนึ่งครั้งอีก เพราะเราทำได้ทุกๆ วัน และบำเพ็ญปฏิบัติได้ทุกๆ ขณะจิต ฉะนั้นการทำดีไม่ใช่แค่เอาเงินไปซื้อบุญ แต่คือการปฏิบัติอยู่ทุกๆ วัน โดยการเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อยู่ร่วมกันก็ปฏิบัติต่อเขาให้ดีๆ ท่านเคยได้ยินไหมว่าเห็นเขาเป็นเทพ เห็นเขาเป็นเทวดา เราก็สร้างสวรรค์บนดิน เห็นเขาเป็นพญามาร เป็นปีศาจ เราก็สร้างนรกบนดิน ถูกไหม (ถูก)
ไม่เบียดเบียนกัน จะมีใครมาเบียดเบียนเราไหม ก็ไม่มีถูกหรือเปล่า (ถูก) มนุษย์มักจะพูดว่าการปฏิบัติ การทำดีก็คือ การทำบุญ การบำเพ็ญดี การปฏิบัติดีคือการเสียเงิน เอาเงินไปซื้อของมาทำบุญ แต่ไม่ใช่แค่นั้น มนุษย์มักบอกว่าการทำดีคือการทำบุญตักบาตร อย่างนั้นไม่ใช่การบำเพ็ญ การปฏิบัติดี การทำดีคือการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันทุกวัน พูดดีๆ ต่อกัน ให้อภัยกัน ถนอมน้ำใจกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ถ้าอย่างนี้เราทำดี เราปฏิบัติดีก็ยิ่งกว่าเราทำบุญหนึ่งครั้งอีก เพราะเราทำได้ทุกๆ วัน และบำเพ็ญปฏิบัติได้ทุกๆ ขณะจิต ฉะนั้นการทำดีไม่ใช่แค่เอาเงินไปซื้อบุญ แต่คือการปฏิบัติอยู่ทุกๆ วัน โดยการเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อยู่ร่วมกันก็ปฏิบัติต่อเขาให้ดีๆ ท่านเคยได้ยินไหมว่าเห็นเขาเป็นเทพ เห็นเขาเป็นเทวดา เราก็สร้างสวรรค์บนดิน เห็นเขาเป็นพญามาร เป็นปีศาจ เราก็สร้างนรกบนดิน ถูกไหม (ถูก)
ทุกๆ วันพูดแต่คำที่เหมือนเทพ พูดแต่คำที่เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไรก็ทำตามคำพูด คนเช่นนี้พูดแล้วศักดิ์สิทธิ์ ทำอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์ อย่างนั้นเขาไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือ และไม่ใช่เขาหรือที่ทำให้รอบข้างกลายเป็นสวรรค์ ถูกไหม (ถูก) แต่ทุกวันเราพูดอย่างทำอย่าง ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ปากเชิญเขา แต่ใจเกลียดเขา อย่าลืมนะว่าอยากได้อะไรก็จงทำอย่างนั้น อยากได้สวรรค์บนดินก็ต้องเริ่มสวรรค์ที่หัวใจเราก่อน อยากเป็นเทพ อยากเป็นเซียน อยากได้คนอยู่รอบข้างเป็นเทพเป็นเซียน ก็ต้องสร้างสิ่งที่เทพเซียน หรือพุทธะทำกัน เราเริ่มจากสิ่งน้อยๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราก่อน ยากไหม (ไม่ยาก) ทำไมตอบยากเหลือเกิน เพราะบางทีเรามองคนไม่ค่อยเป็นคนใช่ไหม (ใช่) คือไม่เป็นเทพ ไม่เป็นคนแต่แย่ยิ่งกว่าอีก ฉะนั้นก่อนที่เราจะสร้างเหตุปัจจัยที่ดี เราก็ต้องรู้จักยกสิ่งที่ไม่ดีในตัวเราออกไปด้วย ฉะนั้นอะไรที่ไม่ดีในตัวเราพยายามลบทิ้ง แล้วอะไรที่ดีอยู่ในตัวเราก็ให้เพิ่มขึ้นดีไหม (ดี)
ถ้าอย่างนั้นตัวเราอยากตัดอะไร แล้วรักษาอะไร (สิ่งที่ดีคือเป็นคนที่พูดจาดี แต่พอโมโหจะหลุดออกมาโดยอัตโนมัติ) ที่ดีหายหมดเลย เหลือแต่ไม่ดีใช่ไหม (ใช่) รู้ตัวเองได้ว่ามีอะไรดี อะไรไม่ดี นับได้ว่าประเสริฐ ดีกว่าฉันมีดีอะไรยังไม่รู้เลย แล้วฉันแย่ตรงไหนล่ะ ฉันแย่จริงๆ หรือ เป็นอย่างนั้นไหม (เป็น) ให้พยายามแก้ไข
เวลาโมโหให้พยายามควบคุมการหายใจ เพราะเวลาโมโห การหายใจจะถี่ๆ ฉะนั้นเวลาโมโหต้องพยายามสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกไปยาวๆ แล้วจะทำให้เราโมโหได้ยากขึ้น แล้วจะใจเย็นขึ้น (ตนเองอารมณ์ร้อน) ต้องเอาน้ำเย็นมาราดบ่อยๆ แล้วอะไรเป็นส่วนดี (เป็นคนชอบให้ความรักคนอื่น) แต่อย่าหลายใจนะ (ละความโลภ ความหลง) ความโลภความหลงให้มีพอประมาณอย่ามีมากเกินไม่อย่างนั้นจะเป็นพิษ แล้วอะไรที่ดี (รับผิดชอบต่อหน้าที่)
(เป็นคนขี้กลัวจะทำอะไรก็อาย) ก็อยู่ที่ความกล้าของเรา ถ้าคิดจะทำก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องกลัว แม้ผลที่ได้จะไม่ดีก็ตาม อย่างน้อยกล้าหนึ่งครั้งก็ได้รู้หนึ่งครั้ง ถ้าไม่กล้าเลยจะรู้อะไรไหม (ไม่รู้) โง่ก่อนจึงฉลาด แพ้ก่อนจึงชนะ (อยากตัดกิเลสออกจากตัวเองทำความดีเพื่อพ่อแม่ญาติ
พี่น้อง) อย่าเพิ่งพ่อแม่เพื่อตัวเองดีก่อนดีไหม (นั่งสมาธิ) นั่งสมาธิคือสิ่งที่ดีในตัวเอง แล้วสิ่งที่ไม่ดีคือ ไม่ยอมนั่งสมาธิ สิ่งที่ดีคือ (แผ่เมตตาให้ปู่ย่าตายายเจ้ากรรมนายเวร) แต่นานๆ ทำที (เข้าพรรษา) หมดพรรษาก็ไม่ทำเลย ทำอะไรต้องทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันนะ ไม่ใช่ต้องรอฤดูกาล ทำดีตอนเข้าพรรษา พอออกพรรษาหยุดทำดีได้ไหม (ไม่ได้) บางทีสิ่งที่ควบคุมยากคือความคิดในหัวใจเรา ง่ายที่จะลื่นลงต่ำมากกว่าที่จะขึ้นสูง ง่ายที่จะคิดร้ายมากกว่าที่จะพยายามคิดดี แล้วมักจะถามตัวเองเสมอว่า ทำไมเขาไม่เคยเข้าใจเรา ทำไมฟ้าไม่เคยให้เราได้ดี ถามไปเองก็ติดกับคำถามที่ตัวเองถาม ฉะนั้นก่อนที่จะตั้งคำถามอะไรคิดให้ดีๆ ก่อน ก็คิดเสียว่าฟ้าให้แบบนี้ ก็ต้องขอบคุณฟ้าที่ให้ได้ตั้งเท่านี้ ดีไหม
พี่น้อง) อย่าเพิ่งพ่อแม่เพื่อตัวเองดีก่อนดีไหม (นั่งสมาธิ) นั่งสมาธิคือสิ่งที่ดีในตัวเอง แล้วสิ่งที่ไม่ดีคือ ไม่ยอมนั่งสมาธิ สิ่งที่ดีคือ (แผ่เมตตาให้ปู่ย่าตายายเจ้ากรรมนายเวร) แต่นานๆ ทำที (เข้าพรรษา) หมดพรรษาก็ไม่ทำเลย ทำอะไรต้องทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันนะ ไม่ใช่ต้องรอฤดูกาล ทำดีตอนเข้าพรรษา พอออกพรรษาหยุดทำดีได้ไหม (ไม่ได้) บางทีสิ่งที่ควบคุมยากคือความคิดในหัวใจเรา ง่ายที่จะลื่นลงต่ำมากกว่าที่จะขึ้นสูง ง่ายที่จะคิดร้ายมากกว่าที่จะพยายามคิดดี แล้วมักจะถามตัวเองเสมอว่า ทำไมเขาไม่เคยเข้าใจเรา ทำไมฟ้าไม่เคยให้เราได้ดี ถามไปเองก็ติดกับคำถามที่ตัวเองถาม ฉะนั้นก่อนที่จะตั้งคำถามอะไรคิดให้ดีๆ ก่อน ก็คิดเสียว่าฟ้าให้แบบนี้ ก็ต้องขอบคุณฟ้าที่ให้ได้ตั้งเท่านี้ ดีไหม
แต่ถ้าถามว่า ทำไมฟ้าให้แค่นี้เองล่ะ ท้อตั้งแต่ถามแล้วใช่ไหม พอเก็บเอามาคิดยิ่งท้อใหญ่ ทำไมฟ้าไม่ยุติธรรมเลย เศร้าใจ เจ็บใจ เจ็บกาย แย่ไปใหญ่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นจะถามอะไร ถามให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นคำถามนั้นจะจุกอกแล้วก็เศร้าใจ ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว มีแค่นี้ก็ดีแล้ว ในโลกนี้มีใครบ้างได้แล้วไม่เสีย แล้วมีใครบ้างที่เสียแล้วไม่เคยได้ มีไหม (ไม่มี) แต่ไม่ว่าโลกจะเสียจะได้ ฉันจะพยายามสร้างปัจจัยที่ดีเข้าไว้ สร้างเหตุที่ดีเข้าไว้ เพื่อผลต่อไปจะเป็นอย่างไรฉันจะภูมิใจที่ได้ทำดีเรื่อยๆ ทุกๆ วัน ดีกว่าไหม (ดีกว่า) เริ่มต้นที่ตัวเรานะ ภายนอกวุ่นวายก็ไม่เท่ากับภายในใจเราหาความสงบ ภายนอกวุ่นวายเพียงใดถ้าใจเราสงบภายนอกก็ยากจะมีผลต่อจิตใจ ถ้าหัวใจเราเข้มแข็ง แม้ภายนอกจะทำให้เราปรวนแปรขนาดไหนก็ยากจะแปรใจเราได้
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท ทำนองเพลง “สวรรค์บันดาล” ชื่อเพลง “กวดขันตนเอง” และเมตตาสอนท่าประกอบเพลงให้นักเรียนในชั้นทำท่าตาม)
ช่วยคิดท่าต่อไปดีไหม เพราะงานนี้เป็นงานระหว่างฟ้ากับมนุษย์ร่วมกันทำ เพลงนี้เราให้เนื้อร้องแล้ว ให้ทำนองแล้ว ให้ท่าแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งท่านช่วยต่อให้เสร็จดีไหม (ดี) งานฟ้านี้ถึงจะสำเร็จได้ก็ด้วยทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ปลุกจิตสำนึกอันดีงามในตัวเรา แล้วก็ไปช่วยกันปลุกจิตสำนึกดีงามของผู้อื่น การช่วยคนให้ได้ดีนั้น ช่วยเงินช่วยทอง ช่วยแรง ไม่เท่ากับช่วยปลุกจิตให้เขาได้รู้ตื่น เราทำตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดี เมื่อเราทำตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดีและไม่ย่อท้อในการทำดี ตัวเรานั่นแหละก็จะเป็นคนที่จะคอยไปปลุกจิตให้คนอื่นเขาตื่นด้วย คนนี้ดีจังเลย ดีจนหาที่ติไม่ได้ แม้ลำบากขนาดไหนเขาก็ยังดียังไม่ยอมแพ้ จิตใจเช่นนี้จะสามารถปลุกจิตคนอีกหมื่นแสนให้ตื่นได้ มากกว่าคำพูดเป็นร้อยเป็นพันเท่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นขอให้ประคองจิตที่ดีงามของตัวท่านที่มีในวันนี้ รักษาให้ดี รักษาให้มั่นคง และรักษาอย่างยืนยาว เอาใจนั่นแหละไปช่วยคนอื่น ใจที่ไม่ยอมแพ้ในการทำดี ใจที่ไม่ย่อท้อในการเป็นคนที่ดี มีน้ำใจ พูดจริงทำจริง ต่อหน้าทำอย่างไรลับหลังก็ทำอย่างนั้น ไม่ใช่เป็นคนปากว่าตาขยิบ ปากหวานก้นเปรี้ยว แต่เป็นคนจริงใจ ซื่อตรง รับผิดชอบต่อหน้าที่ รู้จักเสียสละตัวเองเพื่อส่วนรวม ทำได้เช่นนี้ก็เรียกว่าเป็นการสั่งสมคุณงามความดีทุกๆ วัน ไม่ยากใช่ไหม (ใช่)
การบำเพ็ญไม่ต้องเรียกร้องคนอื่น แต่ให้เรียกร้องที่ตัวเราก่อน ไม่ต้องไปเริ่มต้นที่คนอื่น แต่ให้เริ่มที่หัวใจเราก่อน ขอให้เริ่มต้นปลุกจิตสำนึกคุณงามในหัวใจของเราให้มั่นคง ให้เข้มแข็ง และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ถ้าเราทำได้ดี ทำได้นาน ทำได้ทน ไม่ต้องพูดอะไร คนก็อยากทำตาม จริงไหม (จริง) โลกนี้ก็เหมือนน้ำที่แผ่กว้าง ทำอย่างไรให้น้ำกระเพื่อมได้ ก็ต้องมีอะไรที่ตกไปแรงพอที่จะทำให้น้ำกระเพื่อมไหวเป็นระลอก เป็นวงใหญ่ได้ ฉะนั้นก็คือจิตใจที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และมั่นคงในการทำความดี เริ่มปลุกจิตสำนึกที่ตัวเราเองก่อนนะ
ในโลกกว้างใบนี้มีทั้งคนที่ทำถูกใจเรา ไม่ถูกใจเรา ดีกับเรา แล้วก็ไม่ดีกับเรา แต่คนที่พยายามจะเดินสู่หนทางอันดีงาม ฝึกฝนตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดีต้องไม่ยอมแพ้ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าเขาจะดีมาหรือร้ายมา เราก็ยังมั่นคง ใจเย็น เอาน้ำเย็นลูบเสมอๆ ดีไหม เป็นผู้บำเพ็ญอย่าใจร้อน อย่าโมโหง่าย ถึงแม้จะเป็นคนที่พูดได้ดีขนาดไหน แต่ว่าใจร้อน โมโหง่าย สิ่งที่สร้างมาก็พังหมดทันทีที่โมโห ฉะนั้นตัวเราจะเป็นตัวแทนแห่งคุณธรรมความดีงามได้ก็ต่อเมื่อเป็นคนใจเย็น ถึงเย็นที่สุด แต่ไม่ใช่เย็นจนตายด้าน ไม่สนใจใครเลย ไม่ใช่อย่างนั้น
ยกตัวอย่างง่ายๆ ท่านเคยเห็นภูเขาไหม ภูเขาที่ดี ภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ คือภูเขาที่มีทั้งต้นไม้ และแหล่งน้ำใช่หรือไม่ (ใช่) มีทั้งหิน และทราย มีทั้งสัตว์ที่อยู่ได้ แต่ถ้าเป็นต้นไม้ที่แคระแกร็น ภูเขานั้นเป็นภูเขาที่สมบูรณ์ไหม พอน้ำไหลลงมาก็เอาทุกอย่างไปหมด จิตใจที่ดีงามต้องเป็นจิตใจที่รับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นที่พึ่งพิงของทุกสิ่งทุกอย่างได้เหมือนภูเขา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ เป็นสรรพสัตว์มาเหยียบย่ำเราก็อดทนได้
วันนี้เรามาเพื่อให้ท่านได้รู้ว่ามนุษย์มีจิตสำนึกอันดีงาม ขอให้ปลุกจิตสำนึกอันดีงาม แล้วนำออกมาใช้บ่อยๆ อย่าทอดทิ้งความดีในหัวใจ เมื่อไรที่ทอดทิ้งเมื่อนั้นเราจะลืมเลือน เมื่อไรที่ลืมเลือนเมื่อนั้นเราจะไม่มีมันเลย ทั้งที่แต่ก่อนเราก็มี ถามว่าลึกๆ แต่ก่อนเราเป็นคนขี้โมโหขนาดนี้ไหม โลภขนาดนี้ไหม ไม่เลย อยากจะโลภแบบนี้อีกไหม ก็ไม่อยากแต่ทำไมถึงห้ามใจตัวเองไม่ได้สักที ฉะนั้นจิตสำนึกอันดีงามต้องเรียกกลับมาให้ได้
ทุกท่านรู้ไหมว่าการบำเพ็ญธรรมะ บำเพ็ญอย่างไร มีความรู้สอนคนก็สอนเป็น แต่ถึงเวลาปลงได้ไหม คิดได้หรือเปล่า คิดไม่ได้ ความรู้มันจุกอกจุกใจ ทำดีแม้จะได้รับผลช้าก็ต้องอดทนนะ แต่บางครั้งก็อดทนรอไม่ไหว ใช่หรือไม่ (ใช่) การโมโหร้ายเป็นสิ่งที่ไม่ดีแต่ก็โมโห ฉะนั้นอย่าเป็นผู้ที่รู้ แต่เอาตัวไม่รอด เพราะคนที่ช้ำก่อนก็คือตัวเรา คนที่เจ็บก่อนก็คือตัวเรา และคนที่ทำให้สวรรค์บนดินกลายเป็นนรกในพริบตาก็คือตัวเราที่พยายามเอาอารมณ์เป็นใหญ่มากกว่าคุณธรรมเป็นใหญ่
มนุษย์ทุกคนมีสิ่งที่มีค่าอยู่ในหัวใจของเราคือจิตใจที่สำนึกในการพยายามทำดี จิตใจที่ละอายเกรงกลัวต่อบาป จิตใจที่รู้จักอ่อนน้อม
ถ่อมตน สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของเราทุกคน ขอเพียงขยายเพิ่มให้มากๆ จนไม่มีที่ให้สิ่งไม่ดีอยู่ มีแต่ดีอยู่ในหัวใจเท่านั้น อดีตผ่านไปแล้วผ่านไป ปัจจุบันทำให้ดีที่สุด ได้ไหม (ได้)
ถ่อมตน สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของเราทุกคน ขอเพียงขยายเพิ่มให้มากๆ จนไม่มีที่ให้สิ่งไม่ดีอยู่ มีแต่ดีอยู่ในหัวใจเท่านั้น อดีตผ่านไปแล้วผ่านไป ปัจจุบันทำให้ดีที่สุด ได้ไหม (ได้)
การศึกษาบำเพ็ญธรรมคืออะไรรู้หรือยัง (การฝึกจิตใจตนเองให้สงบนิ่ง, คือการทำความดี, อย่าใช้อารมณ์ตัวเอง, ไม่ย่อท้อต่อการทำดี, อ่อนน้อมถ่อมตน, มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนบ้านทุกคน) การบำเพ็ญธรรมก็คือ การปลุกจิตสำนึกตัวเองเพื่อให้หมั่นสร้างความดีเพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองเป็นหลัก ไม่ต้องเอาเวลาไปจับผิดเรียกร้องคนอื่น ให้เรียกร้องตนเองเป็นหลัก ถ้าเราหมั่นพยายามสร้างเหตุปัจจัยที่ดีอยู่ทุกๆ วัน มองเห็นทุกคนเป็นคนดี นั่นก็คือเรากำลังสร้างสวรรค์บนดิน ทุกวันสร้างสวรรค์บนดิน ทุกวันทำตัวเหมือนเทพ เหมือน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เป็นแค่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นั่งรอกินอย่างเดียว ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ต้องเป็นคนที่พูดอะไรรักษาคำพูด มีน้ำใจมีความเมตตา เริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน แล้วรู้จักคิดและทำเพื่อผู้อื่นด้วย แค่นี้เองก็คือการบำเพ็ญธรรมฝึกฝนตัวเอง และมีโอกาสก็ลองให้คนอื่นมารู้จักและเข้าใจสิ่งที่ตัวเองรู้และเข้าใจวันนี้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เป็นแค่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นั่งรอกินอย่างเดียว ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ต้องเป็นคนที่พูดอะไรรักษาคำพูด มีน้ำใจมีความเมตตา เริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน แล้วรู้จักคิดและทำเพื่อผู้อื่นด้วย แค่นี้เองก็คือการบำเพ็ญธรรมฝึกฝนตัวเอง และมีโอกาสก็ลองให้คนอื่นมารู้จักและเข้าใจสิ่งที่ตัวเองรู้และเข้าใจวันนี้
แต่สิ่งต่างๆ ที่เราพูดนี้จะไม่บังเกิดเลย ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักคำว่า “พอ” ถ้ามนุษย์ยังไม่พอ มนุษย์จะไม่มีเวลามาช่วยเหลือตัวเองและไปช่วยเหลือใคร เพราะทุกวันเอาแต่ยุ่งจะหาเงิน ยุ่งกับเลี้ยงลูก ยุ่งกับดูแลสามี ยุ่งกับดูแลหน้าที่การงาน ถูกไหม ยุ่งได้ แต่ต้องยุ่งให้ดี ยุ่งให้เหมาะสมถึงเวลาจะออกมาก็ไม่มีใครว่า ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าเกิดว่า ไม่ยุ่ง ไม่ทำแล้ว ไปทำดีข้างนอกหมดเลย ถูกไหม (ไม่ถูก) ฉะนั้นยุ่งให้ได้ดี ยุ่งให้พอเหมาะถึงเวลาออกมาแล้วเอาตัวเองไปช่วยคนอื่นบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นบำเพ็ญข้างนอกได้ดี แต่บำเพ็ญในบ้านไม่ได้เรื่อง อย่างนั้นก็ไม่ถูก ใช่หรือไม่ (ใช่) ต้องเริ่มต้นทำในบ้านให้ดีพร้อมสมบูรณ์ ไม่มีที่ติ แล้วเราก็ไปช่วยคนอื่น เขาก็จะชื่นชมทั้งนอกทั้งใน การบำเพ็ญธรรมก็คือเริ่มต้นทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ พอสมบูรณ์แล้วก็หยุดแล้วก็รู้จักคำว่า “พอ” แล้วไปช่วยคนอื่นบ้าง เข้าใจไหม (เข้าใจ)
(นักเรียนในชั้นเรียนขอบคุณท่านเสี่ยวผีเซียนถงเมตตาประทานพระโอวาท) ไม่ต้องขอบคุณเรา เราต้องขอบคุณท่านที่วันนี้เสียสละเวลามาผูกบุญสัมพันธ์ร่วมกัน ไม่มีท่านหรือจะมีเรา ไม่มีมนุษย์หรือจะมี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถูกไหม (ถูก) ทุกสิ่งต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อย่ามัวแต่เห็นคุณค่าตัวเองจนลืมเห็นคุณค่าของผู้อื่น อย่ามัวแต่ยกย่องตัวเองจนลืม
ยกย่องคุณค่าของผู้อื่น
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถูกไหม (ถูก) ทุกสิ่งต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อย่ามัวแต่เห็นคุณค่าตัวเองจนลืมเห็นคุณค่าของผู้อื่น อย่ามัวแต่ยกย่องตัวเองจนลืม
ยกย่องคุณค่าของผู้อื่น
ถึงเวลาเราก็ไปแล้วนะ โลกนี้ไม่แน่นอน มีดีมีร้าย มีทุกข์มีสุข แต่ในดีในร้ายทุกข์สุข ถ้าเราเข้าใจชีวิต เราจะสามารถเป็นเทพ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่บนโลกใบนี้ได้ ด้วยการประพฤติปฏิบัติตัวเอง อยู่ให้ได้ อยู่ให้ดี และอยู่ให้เป็น แม้เรื่องจะมากระทบมากแค่ไหน เราก็มั่นคงในความดีของเราได้ ด้วยลำแข้งเราเอง พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถอยู่กับท่านได้ตลอด มีแต่หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ในการทำดีต่างหาก ที่จะคอยปลอบประโลมใจเวลาที่เราทุกข์ เวลาที่เราท้อ จิตใจที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค จิตใจที่ไม่หวั่นไหวต่อลมปากทุกคำคน จิตใจนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่อยู่ที่ตัวท่าน ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นขอให้รักษาจิตใจอันนี้ให้อยู่ไปตลอดชีวิต ตราบจนลมหายใจสุดท้าย เมื่อนั้นก็จะได้ขึ้นไป และก็ไปเจอเราได้ข้างบน แล้วจะได้ประจักษ์สักทีว่าการเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การเป็นคนดีแล้วได้ดีนั้นมีจริง ทำให้ได้นะ อย่าแพ้ภัยตัวเอง ไปล่ะ
วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐ สถานธรรมอิ๋งเซิ่ง จ.อุตรดิตถ์
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหันเซียงจื่อ
การบำเพ็ญเริ่มที่ตนฝึกที่ใจ เปลี่ยนแปลงจากภายในใช้ความกล้า
รู้ผิดชอบชั่วดีไม่บ่นว่า ปลุกศรัทธาเรียกร้องตนฟื้นชีวี
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหันเซียงจื่อ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานอิ๋งเซิ่ง แฝงกายกชกร
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ
จะกี่ร้อนกี่หนาวมาเชยชิด ก็ไม่คิดทำผิดทำร้ายใคร
มีสำนึกดีงามในหัวใจ ความดีในคนดีไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
แกร่งในเรื่องความมุ่งมั่นและตั้งใจ ถึงจนยากบีบหัวใจเฟ้นคนแกร่ง
ถึงเคราะห์ซ้ำกรรมซัดสู้พลิกแพลง จะยิ่งแกร่งยิ่งฟันฝ่าให้ได้ดี
แม้ไม่ใช่คนสำคัญเช่นใครเขา แต่ภูมิใจในเกียรติเราแลศักดิ์ศรี
งำประกายไม่อวดอ้างความดี ทุกวันมีแต่เข้มงวดตรวจสอบตน
ความสุภาพอ่อนน้อมไม่ควรขาด หากยึดมั่นวางมาดเป็นภัยตน
ต่างความคิดต่างจิตใจเตือนใจตน การรู้ยอมอะลุ้มอล่วยย่อมกลมเกลียว
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหันเซียงจื่อ
อย่ายึดติดรูปลักษณ์มากนะว่าวันนี้จะต้องเป็นพระอาจารย์องค์เดียว องค์อื่นมาไม่ได้เลย ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่) เห็นร้องเพลงก็ร้องเพลงเรียกแต่พระอาจารย์ ไม่เคยเห็นร้องเรียกองค์อื่นบ้างเลย อย่างนี้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์น้อยใจเป็นดีไหม (ไม่ดี) ก็เห็นตัวท่านมักจะขี้น้อยใจกันไม่ใช่หรือ ถ้าชมคนนั้น ไม่ชมคนนี้ก็ไม่ได้ ใช่หรือเปล่า จริงหรือถ้าใครพูดนิดๆ หน่อยๆ ก็จะไม่น้อยใจ ไม่เสียใจ ถ้าใครทำให้เราเจ็บใจเราก็จะไม่เจ็บใจ ไม่เสียใจไม่น้อยใจใช่ไหม (ใช่) เป็นแม่ครัวพ่อครัวทนความร้อนของเตาไฟได้ แต่ทำไมทนความร้อนจากคำพูดคนไม่ได้ เราบำเพ็ญภายนอกก็อย่าลืมขัดเกลาภายใน เราเป็นคนชอบคนใจเย็นๆ ชอบคนพูดหวานๆ ตัวเราก็ต้องทำใจเย็นและรักษาปากหวานไว้ให้ได้ด้วย
สิ่งศักดิ์สิทธิ์น้อยใจเป็นดีไหม (ไม่ดี) ก็เห็นตัวท่านมักจะขี้น้อยใจกันไม่ใช่หรือ ถ้าชมคนนั้น ไม่ชมคนนี้ก็ไม่ได้ ใช่หรือเปล่า จริงหรือถ้าใครพูดนิดๆ หน่อยๆ ก็จะไม่น้อยใจ ไม่เสียใจ ถ้าใครทำให้เราเจ็บใจเราก็จะไม่เจ็บใจ ไม่เสียใจไม่น้อยใจใช่ไหม (ใช่) เป็นแม่ครัวพ่อครัวทนความร้อนของเตาไฟได้ แต่ทำไมทนความร้อนจากคำพูดคนไม่ได้ เราบำเพ็ญภายนอกก็อย่าลืมขัดเกลาภายใน เราเป็นคนชอบคนใจเย็นๆ ชอบคนพูดหวานๆ ตัวเราก็ต้องทำใจเย็นและรักษาปากหวานไว้ให้ได้ด้วย
เสียสละอุทิศไม่จำเป็นจะต้องอยู่ด้านหน้า ขออยู่เบื้องหลังก็เป็นพอ ไม่ว่าจะป่วยอย่างไร หน้าตาก็ยังสำคัญ ป่วยแล้วหน้าต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ใช่ป่วยแล้วหน้าหม่นหมองหดหู่ ใครมองก็ไม่สดชื่น ใช่หรือเปล่า (ใช่)
เมื่อครู่เห็นร้องเพลงกันอย่างมีความสุขรื่นเริงมากเลยใช่หรือไม่ (ใช่) หัวเราะคนเดียวกับหัวเราะหลายๆ คน อย่างไหนรู้สึกมีความสุขมากกว่ากัน (หลายๆ คน) ระหว่างยิ้มคนเดียวกับยิ้มกับทุกๆ คน หันไปทางไหน ใครๆ ก็ยิ้มกับเรา แบบไหนเป็นยิ้มที่ทำให้เรามีความสุขมากกว่ากัน (ยิ้มหลายๆ คน) เคยไหมอยู่บ้านเวลาหัวเราะก็หัวเราะคนเดียว หันไปทางซ้ายหันไปทางขวาก็ไม่มีใครหัวเราะด้วย มีความสุขไหม (ไม่มี) ถึงจะสุขก็เป็นความสุขที่แอบเหงาอยู่ลึกๆ ใช่ไหม ความสุขมีเพียงแค่เพียงกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ทำให้มีความสุขแค่นั้น
บางครั้งเรื่องราวภายนอกทำให้เรามีความสุขได้ แต่ก็ไม่เท่ากับหัวใจดวงนี้นะ ถ้าหัวใจดวงนี้ไม่รู้จักสุขเสียที เป็นคนที่สุขยาก เป็นคนที่กำหนดนั่นกำหนดนี่ แล้วถึงจะมีความสุข คนที่ทุกข์ก็คือคนที่กำหนดนั่นเองจริงไหม (จริง) อยากจะถามมนุษย์ว่าอะไรคือความสุข
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากได้ความสุขจังเลย” แต่เคยถามไหมว่าความสุขอยู่ที่ไหน มีเงินแล้วมีความสุขจริงหรือเปล่า มีสามี มีลูกมีความสุขจริงไหม ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน (อยู่ที่ใจ) อยู่ที่ใจเรารู้จักพอกับสิ่งที่ควรจะพอได้ไหม เรารู้จักมีสุขกับสิ่งที่ธรรมดาสามัญบ้างหรือยัง อย่าไปกำหนดกฎเกณฑ์มากเกินไปเลย ยิ่งกำหนดให้สุขยิ่งสูงมากเท่าไร หัวใจเราก็ยิ่งยิ้มแย้มได้ยากมากเท่านั้น ยิ่งกำหนดว่าความสุขต้องเกิดจากคนนั้นคนนี้มากเท่าไร หัวใจเรานั้นก็ยิ่งสุขยากขึ้นเท่านั้น เพราะขึ้นชื่อว่าคนแล้ววันนี้ดีพรุ่งนี้อาจจะร้ายก็ได้ เพราะฉะนั้นเริ่มต้นที่หัวใจเราก่อนดีกว่า พอใจในสิ่งที่ธรรมดา เรียบๆ ง่ายๆ วันนี้สุขภาพแข็งแรง ก็มีความสุขแล้ว วันนี้ทุกคนอยู่กันครบพร้อมหน้าก็มีความสุขแล้ว วันนี้ตัวเองยังสมบูรณ์ครบสามสิบสองประการ ก็มีความสุขแล้ว เริ่มจากความสุขง่ายๆ ก่อนเมื่อเรามีความสงบในหัวใจ ใครจะวุ่นวายแค่ไหนก็ทำอะไรหัวใจเราไม่ได้ แต่ถ้าตัวเราไม่รู้จักความสุขในหัวใจไม่มีความสงบในหัวใจ ก็ง่ายที่จะวุ่นวายไปกับภายนอก อย่าเป็นคนที่เป็นเสือยิ้มยากดีไหม (ไม่ดี) พอยิ้มสักทีหนึ่งก็กลายเป็นแยกเขี้ยวจะทำร้ายคนอื่น เคยไหมอยู่กับใครพอเขาอ้าปากทีก็เหมือนแยกเขี้ยวจะทำร้าย เคยเจอหรือไม่ เพราะฉะนั้นขอให้เขาเป็นคนที่เงียบๆ ดีที่สุดแล้ว อย่าอ้าปากพูดอะไรเลย พูดแล้ว ยิ่งกว่าเอามีดเอาปืนมายิงหัวใจเราเสียอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าพูดแล้วเขารำคาญ เราต้องถามตัวเราเองแล้วว่าเราพูดน่าฟังหรือไม่
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากได้ความสุขจังเลย” แต่เคยถามไหมว่าความสุขอยู่ที่ไหน มีเงินแล้วมีความสุขจริงหรือเปล่า มีสามี มีลูกมีความสุขจริงไหม ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน (อยู่ที่ใจ) อยู่ที่ใจเรารู้จักพอกับสิ่งที่ควรจะพอได้ไหม เรารู้จักมีสุขกับสิ่งที่ธรรมดาสามัญบ้างหรือยัง อย่าไปกำหนดกฎเกณฑ์มากเกินไปเลย ยิ่งกำหนดให้สุขยิ่งสูงมากเท่าไร หัวใจเราก็ยิ่งยิ้มแย้มได้ยากมากเท่านั้น ยิ่งกำหนดว่าความสุขต้องเกิดจากคนนั้นคนนี้มากเท่าไร หัวใจเรานั้นก็ยิ่งสุขยากขึ้นเท่านั้น เพราะขึ้นชื่อว่าคนแล้ววันนี้ดีพรุ่งนี้อาจจะร้ายก็ได้ เพราะฉะนั้นเริ่มต้นที่หัวใจเราก่อนดีกว่า พอใจในสิ่งที่ธรรมดา เรียบๆ ง่ายๆ วันนี้สุขภาพแข็งแรง ก็มีความสุขแล้ว วันนี้ทุกคนอยู่กันครบพร้อมหน้าก็มีความสุขแล้ว วันนี้ตัวเองยังสมบูรณ์ครบสามสิบสองประการ ก็มีความสุขแล้ว เริ่มจากความสุขง่ายๆ ก่อนเมื่อเรามีความสงบในหัวใจ ใครจะวุ่นวายแค่ไหนก็ทำอะไรหัวใจเราไม่ได้ แต่ถ้าตัวเราไม่รู้จักความสุขในหัวใจไม่มีความสงบในหัวใจ ก็ง่ายที่จะวุ่นวายไปกับภายนอก อย่าเป็นคนที่เป็นเสือยิ้มยากดีไหม (ไม่ดี) พอยิ้มสักทีหนึ่งก็กลายเป็นแยกเขี้ยวจะทำร้ายคนอื่น เคยไหมอยู่กับใครพอเขาอ้าปากทีก็เหมือนแยกเขี้ยวจะทำร้าย เคยเจอหรือไม่ เพราะฉะนั้นขอให้เขาเป็นคนที่เงียบๆ ดีที่สุดแล้ว อย่าอ้าปากพูดอะไรเลย พูดแล้ว ยิ่งกว่าเอามีดเอาปืนมายิงหัวใจเราเสียอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าพูดแล้วเขารำคาญ เราต้องถามตัวเราเองแล้วว่าเราพูดน่าฟังหรือไม่
ถามท่านหน่อยนะ อาวุธที่ร้ายที่สุดในตัวมนุษย์คืออะไร (คำพูด) คำพูดอย่างเดียวไหม มีอะไรอีก (สีหน้า) สีหน้า ใช่ไหม (ใช่) บางคนหน้ายิ้มๆ ธรรมดา บางทียิ้มแบบแสยะ คำพูด สีหน้าแล้วอะไรอีก แววตา ใช่หรือไม่ หน้าธรรมดาแต่สายตาเชือดเฉือน แล้วอะไรอีกที่เป็นอาวุธร้ายในตัวเรา เอาออกมา วันนี้เราเข้ามาในห้องพระ ห้องพระต้องเป็นเขตปลอดอาวุธ ฉะนั้นเราเอาอาวุธออกไปเสีย ดีหรือเปล่า (ดี) แต่พอเอาออกไปแล้ว ไม่ใช่พกกลับบ้านไปอีกนะ วางแล้วทิ้งไปเลยได้ไหม (ได้)
คำพูดแบบไหนที่เป็นอาวุธร้าย พูดเสียดสี พูดนินทา พูดประชดประชัน แล้วก็พูดแบบดูถูกดูแคลน ดูหมิ่นเหยียดหยาม ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเอาออกไปนะอย่าพกอาวุธ ในบ้านมีอาวุธแบบนี้ไหม (มี) อาวุธภายนอกรักษาแล้วยังหายเจ็บได้ แต่อาวุธที่ทิ่มแทงด้วยวาจากรีดเท่าไหร่ รักษาแล้วก็หายยาก จำแล้วจำขึ้นใจ จำไปจนตายด้วย ใช่ไหม (ใช่) เราอย่าพกอาวุธกันเลย อาวุธเกิดจาก (ปาก, สีหน้า, แววตา) และอาวุธที่เกิดจากการกระทำของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) บางทีไม่พูด ไม่ด่า แต่กระแทก เดินไปแล้วแต่ก็ยังมีกระแทก เราก็รับไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) ยิ่งถ้าเป็นลูกหลาน เป็นภรรยา หรือเป็นสามี ใช่ไหม ไม่พูดไม่บ่นหรอก แต่กระแทก ตึงๆ แล้วก็เดินหนีไป ใช่ไหม (ใช่) ปลดอาวุธหมดหรือยัง (หมดแล้ว) ปลดแต่ภายนอก แต่ภายในหัวใจยังไม่ยอมคิดปลด ใช่หรือไม่ หัวใจเรายังปลดไม่ได้ อย่างเช่น เห็นใครได้ดีกว่า เราก็อดตาร้อนผ่าวๆ ไม่ได้ ถูกไหม (ถูก) ได้ยินว่าบ้านโน้นมีข่าวดีนะ แต่หูเราเป็นอย่างไร อยากจะปิดสักข้างหนึ่ง เพราะเห็นใครดีกว่าแล้วทนไม่ได้ ใช่หรือไม่
ความแตกต่างของปุถุชนกับพุทธะจึงอยู่ตรงที่พุทธะรู้แจ้งแต่ปุถุชนยังลุ่มหลงอยู่ ใช่หรือไม่ เมื่อหลงเราก็เลยมองสรรพสิ่งอย่างสูงต่ำเอนเอียงไม่เท่ากัน และมองบางสิ่งบางอย่างอย่างบิดเบี้ยว แล้วก็เข้าข้างกันแบบหน้ามืดตามัว ใช่หรือไม่ เพียงเพราะอารมณ์สองอย่างเท่านั้นเอง ที่ทำให้มนุษย์มองเห็นสรรพสิ่งอย่างไม่ถ่องแท้ เพียงเพราะชอบกับชัง
ลองถามท่านนะ ถ้าเรื่องหนึ่งๆ ท่านไม่เคยเห็น ท่านไม่เคยเจอ ท่านก็ยังมีใจเปิดกว้างที่จะรับรู้ แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นคนที่ท่านเคยรู้จักมีทั้งคนที่ชอบและคนที่ชัง ท่านต้องเดาว่าคนที่ชอบต้องเป็นคนดี คนที่ชังโอกาสที่จะเสียน่าจะมีมากกว่าใช่หรือไม่ (ใช่) พอเรามีอารมณ์ร่วม พอเรามีความรู้สึกครอบงำการมองสรรพสิ่งก็เลยทำให้บิดเบี้ยว ไม่สามารถมองเห็นได้ถึงแก่นแท้และความเป็นจริง ปัญหาเกิดขึ้นที่ตัวเรา เป็นปัญหาของเรา เราแก้ไม่ออก แต่ถ้าเป็นปัญหาของเพื่อนเราสามารถตีได้ออก แถมยังบอกเพื่อนว่าเธอต้องทำนิสัยอย่างนี้นะแล้วเธอจะรับมือได้
ใช่หรือไม่ แต่พอมาถึงตัวเองกลับแก้ไม่ได้เพราะอะไร เพราะหัวใจเราไม่สามารถมีความบริสุทธิ์ผุดผ่องได้กับทุกเรื่องราว ใช่ไหม (ใช่) เพราะหัวใจเรามักจะมีอารมณ์ร่วมกับไม่เรื่องนั้นก็เรื่องนี้ โดยเฉพาะกับคนที่เรารักและเราชัง ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนั้นวันนี้เรามาปรับความคิดปรับหัวใจดีไหม (ดี) จะได้ไม่เผลอพกพาอาวุธไปทำร้ายใครๆ เอาหรือเปล่า (เอา)
ใช่หรือไม่ แต่พอมาถึงตัวเองกลับแก้ไม่ได้เพราะอะไร เพราะหัวใจเราไม่สามารถมีความบริสุทธิ์ผุดผ่องได้กับทุกเรื่องราว ใช่ไหม (ใช่) เพราะหัวใจเรามักจะมีอารมณ์ร่วมกับไม่เรื่องนั้นก็เรื่องนี้ โดยเฉพาะกับคนที่เรารักและเราชัง ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนั้นวันนี้เรามาปรับความคิดปรับหัวใจดีไหม (ดี) จะได้ไม่เผลอพกพาอาวุธไปทำร้ายใครๆ เอาหรือเปล่า (เอา)
อยู่ในโลกนี้ไม่ว่าจะทำอะไรต้องคิดเผื่อใจไว้บ้างนะ เผื่อใจไว้กับความผิดพลาด เผื่อใจไว้ว่าวันหนึ่งอาจต้องเจอกับความล้มเหลว หรือวันหนึ่งต้องพบความทุกข์ที่ไร้ความสุข ถ้าไม่คิดเผื่อใจไว้ถึงเวลาเรื่องราวมากระทบจิตกระทบใจแล้วจะทำใจไม่ทันนะใช่ไหม (ใช่)
เป็นธรรมดาของมนุษย์ใช่ไหมที่กินอิ่มแล้วจะง่วงนอนใช่หรือเปล่า แต่เราเคยได้ยินว่า ถ้าอิ่มพอดีๆ ก็จะไม่ง่วง แต่ถ้าอิ่มเกินจะง่วงไว เดี๋ยวเราจะคอยดูนะว่าใครกินมากเกินไป ใครไม่หลับแปลว่ารู้จักการกินแบบพอดีๆ ใช่หรือไม่ (ใช่) ทำไมมักให้ภายนอกมาดูนิสัยเราได้ อย่าให้การกระทำภายนอกวัดคุณค่าภายในหัวใจเราง่ายนักสิ เหมือนการแต่งตัวก็รู้แล้วว่าเป็นอย่างไรเรียบร้อยหรือไม่เรียบร้อย อยู่ในกรอบหรืออยู่นอกกรอบใช่หรือไม่ เขาว่าอย่างนี้แต่เราขอทำอย่างโน้น เป็นอย่างนั้นไหม ถ้าใส่สีนี้จะดูเรียบร้อยแต่เราบอกว่าไม่จำเป็นสีไหนก็เรียบร้อยได้จริงไหม (จริง) แต่เคยได้ยินไหมบางครั้งการไม่ทำตามกฎเกณฑ์ของสังคมทำให้เราผิดแผกแตกต่างจากผู้อื่น อย่างเช่นเขานัดกันว่าสีขาวคือสีที่เรียบร้อย กางเกงต้องเป็นกางเกงขายาว แต่เราบอกว่า สีอะไรก็เรียบร้อย ใจสำคัญก็พอใช่ไหม (ใช่) เคยไปหน้าแตกกลางงานไหม แล้วตอนนั้นใจสำคัญไหม บางทีเราเห็นมนุษย์แล้วก็อดขำไม่ได้ หน้าแตกเพราะตัวเองแท้ๆ อยากไม่ทำตามกฎก็เลยหน้าแตก
การดำเนินชีวิตในโลกนี้ เราดำเนินชีวิตเพื่อหล่อเลี้ยงกายและใจ ถ้าเรามัวห่วงร่างกายแต่ลืมสนใจซึ่งจิตใจก็ไม่ถูกต้อง ห่วงว่าให้ร่างกายดี แต่หัวใจเป็นอย่างไรไม่สนใจก็ไม่ถูก ฉะนั้นจะหล่อเลี้ยงร่างกายได้ใจก็ต้องดีด้วย ใช่หรือไม่ (ถูก) ท่านลองมองที่แขน ที่มือของตัวเองว่าเป็นอย่างไร จากที่เคยตึง ตอนนี้ก็หย่อน จากที่เคยเข้มแข็งและสวยงาม ตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่ทรุดโทรม ใช่หรือไม่ (ใช่)
ลองดูทั้งตัวสิ เมื่อก่อนเคยเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากมาย แต่ตอนนี้กลับเหลือคุณค่าน้อยลง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เป็นจริง แล้วมนุษย์หลีกหนีพ้นไหม ที่เคยตึงสักวันก็ต้องหย่อนยาน หมดคุณค่าและไร้ค่า เราฝืนสิ่งนี้ได้ไหม (ไม่ได้) เป็นสัจจะและเป็นความจริงที่อยู่ติดตัวเราตลอดเวลา เหมือนปลาไม่อาจหนีห้วงน้ำ มนุษย์ไม่อาจหนีซึ่งความเป็นจริงของชีวิต แม้เราจะพยายามห่วงกายมากแค่ไหน แต่กายนี้ก็ย่อมมีวันเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสลาย ไม่เท่าหัวใจนะ เคยได้ยินไหมว่า แม้กายตายไปแต่หัวใจเขายังอยู่ แม้ร่างกายตายไปแล้ว แต่หัวใจเขายังน่ารักษาให้อยู่ค้ำจุนโลก หัวใจอะไร (มีคุณธรรม) หัวใจที่มีคุณธรรมอย่างมั่นคงตราบจนลมหายใจหมดสิ้น ไม่ใช่มีคุณธรรมแค่วันเดียว อย่างนี้เป็นหัวใจที่น่ารักษาไว้ไหม เป็นคนดีเพียงแค่วันเดียวที่เหลือไม่ดีเลย ถูกไหม (ไม่ถูก)
ฉะนั้นเมื่อเรามีชีวิตอย่ามัวแต่ห่วงกายจนลืมรักษาหัวใจอันดีงามไว้ อย่าปล่อยให้ความอยากมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ มาทำให้ร่ำรวยเงินทองแต่แล้งน้ำใจ ยิ่งมั่งมีแล้วต้องมีน้ำใจตามมาด้วย และถึงแม้เรายากจนข้นแค้น แต่น้ำใจเราก็ต้องไม่ยากจนข้นแค้นเหมือนเงินทอง ฉะนั้น มีคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า “มนุษย์ไปได้ไกลและไปได้สูงที่สุดเท่าที่หัวใจนั้นมุ่งมั่นตั้งใจและอดทนไหว” แล้วหัวใจท่านตอนนี้มุ่งมั่นตั้งใจอะไร สิ่งที่มนุษย์มุ่งมั่นตั้งใจมีอยู่สามอย่าง คือ หนึ่ง มีเงินเยอะๆ สอง มีคนรัก สาม มีชื่อเสียง มีหน้ามีตา ใช่หรือไม่ (ใช่)
เมื่อเรามีเงิน มีคนรัก มีชื่อเสียง แต่หัวใจเราไม่ดีเลย ใครจะรักไหม (ไม่รัก) มีเงินใครจะคบไหม (ไม่คบ) เขาคบก็คบเพื่อ (เงิน) มีชื่อเสียง เขาไหว้ก็ไหว้เพื่อตำแหน่งหน้าที่ แต่ไม่ได้ไหว้ด้วยกายและหัวใจ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการที่เราจะดำเนินชีวิตและมีสามอย่างนี้ แต่เราก็ต้องพยายามรักษาหัวใจเราไม่ให้เปลี่ยนแปลงด้วย ทำได้ไหม (ได้) มีเงินแต่ใจก็ยังดีอยู่ มีความรักแต่ก็ยังไม่เห็นแก่ตัว มีชื่อเสียงแต่ก็ยังไม่เป็นคนดูถูกดูหมิ่นคนอื่นได้ไหม (ได้) จริงหรือ เห็นมีความรักทีไรก็อดเห็นแก่ตัวไม่ได้ มีเงินก็อดเอาเปรียบคนอื่นไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) การจะมีชื่อเสียงก็ต้องเหยียบย่ำคนอื่นก่อนถึงจะได้ชื่อเสียงมา แล้วเช่นนี้เป็นการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องหรือ ห่วงแต่ภายนอกแต่ลืมสนใจคุณค่าอันแท้จริงที่อยู่ในหัวใจ
อย่าลืมนะว่าเงินทอง ความรัก ชื่อเสียงไปกับเราไม่ได้ ถึงเวลายิ่งมีเงินมากเท่าไร ก็ทุกข์มากเท่านั้น ยิ่งรักมากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น อย่างนั้นรักน้อยๆ หน่อยดีไหม มีชื่อเสียงมากเท่าไรก็ทำร้ายผู้คนได้ง่ายเท่านั้น จริงไหม (จริง) ใครบ้างใหญ่แล้วไม่แอบกดขี่ข่มเหงคนอื่นมีไหม (ไม่มี) ไม่มีหรอกนะ แค่ตัวเราเองวันนี้ถ้าเราได้เป็นหัวหน้าห้อง มีใครบ้างไม่แอบกระหยิ่มยิ้มย่องใจ
พระพุทธะจึงกล่าวว่า “ยิ่งได้ดีต้องอย่าประมาท ยิ่งร่ำรวยเงินทองต้องยิ่งบริจาคและอุทิศเสียสละ” ไม่อย่างนั้นความยิ่งใหญ่ของเราจะเป็นที่รังเกียจของผู้คน ยิ่งได้ความรักจากผู้อื่นมากเท่าใด เรายิ่งต้องเสียสละอุทิศรักของตัวเองให้มากเท่านั้น แล้วความรักของเราจะไม่กลายเป็นความรักที่เห็นแก่ตน ถ้าทำได้เช่นนี้ไม่ว่าจะมีเงินทอง มีความรัก มีชื่อเสียง ก็ไม่ทำร้ายหัวใจอันดีงามของเราได้ จริงไหม (จริง) แต่มันง่ายแค่นั้นไหม (ไม่ง่าย) ไม่ง่ายเพราะว่านิสัยของมนุษย์ยังมีมากมายเต็มไปหมดใช่หรือไม่ วันนี้เรามาค่อยๆ ขุดหาอาวุธร้ายในหัวใจดีไหม (ดี)
พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า “หากหวังวอนเห็นรูปพระพุทธะ หากหวังวอนขอเสียงพระพุทธะ คนนั้นจะไม่มีวันเห็นพระพุทธะอย่างแท้จริง” เคยได้ยินไหม (เคย) มนุษย์ตราบที่ยังยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องมีรูป มีเสียง มีนาม เมื่อนั้นจะไม่มีวันเห็นสรรพสิ่งได้อย่างถ่องแท้
ฉะนั้นเราต้องล้างตา ล้างหัวใจให้เราเห็นสรรพสิ่งได้อย่างถ่องแท้ คือเราต้องไม่หลงอะไรง่ายๆ แต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์หลงอยู่ในหัวใจแล้วแก้ไม่ได้คืออะไร เวลาเลือกอะไรก็ต้องเลือกของดีๆ กินอะไรก็ต้องกินดีๆ เจออะไรก็ต้องเจอสิ่งดีๆ คบเพื่อนก็ต้องคบเพื่อนที่ดีๆ ที่ไม่ดีเราก็ไม่คบถูกไหม (ถูก)
แต่ความเป็นจริงในโลก เราจะเจอแต่สิ่งดีตลอดชีวิตเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้) วันนี้ดีพรุ่งนี้ก็ต้องไม่ดี หรือวันนี้เจอนาทีที่ดี อีกสองสามนาทีข้างหน้าก็กลายเป็นไม่ดี ใช่หรือไม่ เหมือนเราชอบความสว่าง ไม่ชอบความมืด อย่างนั้นเราขอบอกว่า ฟ้าจงมีแต่แสงสว่างไม่มีความมืดได้ไหม ฟ้าจงมีแต่คนดี ฆ่าคนไม่ดีให้ตายไปหมดได้ไหม (ไม่ได้) สิ่งที่เราอยากเจอก็หลอกลวงเราเองแล้วถูกไหม “ชีวิตนี้ขอให้โชคดีอย่างเดียว อย่ามีโชคร้ายเลยสิ่งศักดิ์สิทธิ์” ขอทีก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปิดตาข้างหนึ่งแล้วหลอกให้ท่านปิดตาข้างหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะให้ไหม (ไม่ให้) แล้วรางวัลที่หนึ่งมีแค่รางวัลเดียว แล้วคนมีกี่คน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ลูกศิษย์ถูกล๊อตเตอรี่ ให้คนหนึ่งแล้วคนที่เหลือล่ะ รู้สึกโชคร้ายทั้งชีวิตเลยเอาไหม ถ้าเป็นหัวอก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะให้ไหม ให้คนนี้โชคดี แต่คนอื่นกลายเป็นคนโชคร้าย สู้ให้เหมือนกันหมดไม่ดีกว่าหรือ ไม่มีโชคเลยดีไหม (ไม่ดี) เห็นไหมยังติดคำว่าต้องดีอยู่ เมื่อเรายังคิดก็มองไม่เห็นความเป็นจริงถูกไหม อย่างนั้นถ้าทุกวันเรามองแต่สิ่งที่ดี ไม่เคยมองสิ่งที่ร้าย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เรากำลังบอกว่าสิ่งที่ดี จริงๆ ก็ร้ายนะ ถูกไหม (ถูก) มีร้ายก่อนเราถึงรู้ว่าสิ่งนี้ดี แล้วไม่ใช่เพราะร้ายจนถึงที่สุดหรือ เราถึงรู้สึกว่าต้องดีให้ถึงที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)
สิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะให้ไหม ให้คนนี้โชคดี แต่คนอื่นกลายเป็นคนโชคร้าย สู้ให้เหมือนกันหมดไม่ดีกว่าหรือ ไม่มีโชคเลยดีไหม (ไม่ดี) เห็นไหมยังติดคำว่าต้องดีอยู่ เมื่อเรายังคิดก็มองไม่เห็นความเป็นจริงถูกไหม อย่างนั้นถ้าทุกวันเรามองแต่สิ่งที่ดี ไม่เคยมองสิ่งที่ร้าย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เรากำลังบอกว่าสิ่งที่ดี จริงๆ ก็ร้ายนะ ถูกไหม (ถูก) มีร้ายก่อนเราถึงรู้ว่าสิ่งนี้ดี แล้วไม่ใช่เพราะร้ายจนถึงที่สุดหรือ เราถึงรู้สึกว่าต้องดีให้ถึงที่สุด ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นอย่าเกลียดโชคร้าย อย่าเกลียดความทุกข์ อย่าเกลียดสิ่งที่ไม่ดี อย่าแบ่งเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้วดีหมด ถ้ารู้จักปรับเปลี่ยนหัวใจ และเปลี่ยนมุมมองความคิด แล้วเมื่อนั้นไม่ว่าอะไรมากระทบชีวิต กระทบหัวใจเราก็จะบอกได้ว่า ก็มีดีเหมือนกันนะ ใช่ไหม (ใช่)
แม้เคราะห์จะร้าย บ้านจะไฟไหม้ เงินจะหายก็มีดีเหมือนกัน ดีตรงที่ทำให้เห็นน้ำใจคน ทำให้เห็นว่าแม้เราจะหมดเนื้อหมดตัว เราก็ยังกลับมายืนเข้มแข็งได้ แต่เราจะกล้าไหม (ไม่กล้า) เพราะเรื่องมากระทบใจแล้วไหลเข้าหัวใจ อะไรที่ชอบสะสม อะไรที่ชัง จำมันไว้ขึ้นใจ เลยทำให้เกลียดอะไรแล้วยิ่งเกลียดเข้าหัวใจ พอชอบอะไรแล้วก็หน้ามืดตามัวมองไม่เห็นสักที อย่างนี้ถูกหรือไม่ (ไม่ถูก) กลายเป็นคนที่มองอะไรแล้วแอบบิดเบือนโดยไม่รู้ตัว เป็นคนที่เลือกที่รักมักที่ชังตลอด แล้วอย่างนี้จะมองเห็นความเป็นจริงบนโลกนี้ได้ไหม (ไม่ได้) เมื่อมองไม่เห็นแล้วเมื่อไหร่จะตื่น แล้วเมื่อไหร่จะรู้จริงสักที ก็ไม่รู้ ได้แต่รู้แต่ไม่ตื่นแล้วก็ไม่เบิกบาน ได้แต่รู้ว่าโลกนี้มี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจังคือ ความไม่เที่ยง ไม่เที่ยงทั้งเงินในกระเป๋า แม้แต่คำพูดของเราเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง)
เห็นคนนี้ว่าสวย ใจเราเผลอไปแล้ว ใจเราเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) แล้วเรื่องราวในโลกเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) แล้วพยายามจะจับให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นเราต้องกล้าที่จะยืนอยู่บนความเป็นจริงและรับทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้ ไม่ว่าโลกจะหันด้านมืดหรือด้านสว่างให้เราเห็นก็ตาม แล้วเมื่อนั้นเราจะมีสติเท่าทัน เมื่อเรามีสติเท่าทัน ปัญญาย่อมบังเกิด แต่ถ้าเราบอกว่าไม่เอาไม่สู้ เราจะมองเห็นอะไรไหม (ไม่เห็น)
ถ้าไม่เอาใจมาด้วยก็แบกโอ่งทุกรอบ บางทีเอาเสื้อผ้าด้วย ทั้งที่น่าจะเอาลูกเอาสามี เรากลับลืมคนที่รักที่สุดไป บางทีลืมเงินที่รักที่สุดด้วย แต่กลับไปหยิบสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดเลย เพราะอะไร (ตกใจ) เพราะไม่มีสติและไม่รู้จักรับไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ พอนิสัยตัวเองเป็นแบบนี้บ่อยๆ ก็เริ่มเบื่อตัวเองว่าปลงไม่ได้สักที พอเบื่อมาก หยุดนิสัยตัวเองตรงนี้ไหม
(ไม่หยุด) ไม่หยุดหรอก เวลาเบื่อๆ ก็ขอไปนั่งสงบสักพักหนึ่ง แต่สงบได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีกลับมาใหม่โดยที่อารมณ์ยังเหมือนเดิม โมโหอย่างไรก็กลับมาโมโหเหมือนเดิม สงบได้แค่ตอนที่นั่งสมาธิ พอออกจากสมาธิ สมาธิก็กระเจิงไปแล้ว เบื่อแล้วก็ไม่หยุดไม่พอ จึงทำให้เราต้องวนอยู่ในโลกนี้อย่างผู้ที่ไม่รู้จักตื่นแท้จริง ตื่นก็แค่พักเดียวแล้วก็ขอหลับต่อ เพราะยังหวังมีเงิน ยังหวังมีคนรัก
(ไม่หยุด) ไม่หยุดหรอก เวลาเบื่อๆ ก็ขอไปนั่งสงบสักพักหนึ่ง แต่สงบได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีกลับมาใหม่โดยที่อารมณ์ยังเหมือนเดิม โมโหอย่างไรก็กลับมาโมโหเหมือนเดิม สงบได้แค่ตอนที่นั่งสมาธิ พอออกจากสมาธิ สมาธิก็กระเจิงไปแล้ว เบื่อแล้วก็ไม่หยุดไม่พอ จึงทำให้เราต้องวนอยู่ในโลกนี้อย่างผู้ที่ไม่รู้จักตื่นแท้จริง ตื่นก็แค่พักเดียวแล้วก็ขอหลับต่อ เพราะยังหวังมีเงิน ยังหวังมีคนรัก
ฉะนั้นเราจะต้องตีหัวใจเราให้แตก มองหัวใจเราให้ออก ไม่มีใครทำให้เราทุกข์นะ ไม่มีใครยัดเยียดความทุกข์เข้าสู่หัวใจเรานะ แต่หัวใจเราต่างหากที่ไม่รู้จักมองทุกข์ให้เป็นสุขและเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นความสุข
ใช่หรือไม่ (ใช่) จำไว้นะว่าทุกข์เป็นสิ่งที่ลืมตาตื่นก็ต้องมีทุกคน หลับตาตายก็ต้องเอาไปทุกคน แล้วเราจะทำอย่างไรกับความทุกข์นี้ล่ะ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้แล้วมองให้ออก แก้ให้ได้ ตอนนี้ท่านอาจจะพูดว่า ก็สบายดีแล้วนี่ไม่เห็นทุกข์อะไร จะไปสนใจทำไม ใช่ไหม แต่ทำไมเห็นวิ่งหนีฝนกันเป็นแถว ทั้งที่รู้ว่าเป็นหน้าฝน เพราะอะไรถึงไม่อยากแบกร่ม เพราะว่าขี้เกียจ แต่พอฝนมาพยายามวิ่งหลบ แล้วก็ป่วยไข้ ฉันใดก็ฉันนั้น รอให้ตัวเองทุกข์ก่อน ถึงคิดกางตำราหาวิธีแก้ทุกข์ใช่ไหม (ใช่) รอให้เจ็บปวดใจก่อนจึงค่อยคิดให้พระเจ้าช่วยเรา ขอถามท่าน นิสัยที่ถูกบ่มเพาะมาเป็นสิบปีแล้วจะแก้ภายในหนึ่งวัน หายไหม (ไม่หาย) อย่างนั้นควรแก้ตั้งแต่ตอนไหน (ตอนนี้) แล้วเริ่มที่ไหน (ใจ) เริ่มที่หัวใจใช่หรือไม่ (ใช่) รับให้ได้แม้ว่าวันนี้โชคดีโชคร้าย ใครชมใครด่า เขาชมฉันก็ชอบ เขาด่าฉันก็ยิ้ม แต่ยิ้มดีๆ นะ เดี๋ยวเขานึกว่าเรายิ้มเยาะ ไม่ใช่ถูกด่าแล้วยังหัวเราะ รับรองเขาโมโหเราใหญ่เลยใช่หรือไม่ (ใช่) เขาว่าเราก็ก้มหน้ารับดีกว่านะ เรื่องอะไรอีกที่เราต้องพยายามฝึกรับให้ได้ ที่อยู่ในโลกแล้วเรารู้สึกยากเกินกว่าจะรับ
ใช่หรือไม่ (ใช่) จำไว้นะว่าทุกข์เป็นสิ่งที่ลืมตาตื่นก็ต้องมีทุกคน หลับตาตายก็ต้องเอาไปทุกคน แล้วเราจะทำอย่างไรกับความทุกข์นี้ล่ะ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้แล้วมองให้ออก แก้ให้ได้ ตอนนี้ท่านอาจจะพูดว่า ก็สบายดีแล้วนี่ไม่เห็นทุกข์อะไร จะไปสนใจทำไม ใช่ไหม แต่ทำไมเห็นวิ่งหนีฝนกันเป็นแถว ทั้งที่รู้ว่าเป็นหน้าฝน เพราะอะไรถึงไม่อยากแบกร่ม เพราะว่าขี้เกียจ แต่พอฝนมาพยายามวิ่งหลบ แล้วก็ป่วยไข้ ฉันใดก็ฉันนั้น รอให้ตัวเองทุกข์ก่อน ถึงคิดกางตำราหาวิธีแก้ทุกข์ใช่ไหม (ใช่) รอให้เจ็บปวดใจก่อนจึงค่อยคิดให้พระเจ้าช่วยเรา ขอถามท่าน นิสัยที่ถูกบ่มเพาะมาเป็นสิบปีแล้วจะแก้ภายในหนึ่งวัน หายไหม (ไม่หาย) อย่างนั้นควรแก้ตั้งแต่ตอนไหน (ตอนนี้) แล้วเริ่มที่ไหน (ใจ) เริ่มที่หัวใจใช่หรือไม่ (ใช่) รับให้ได้แม้ว่าวันนี้โชคดีโชคร้าย ใครชมใครด่า เขาชมฉันก็ชอบ เขาด่าฉันก็ยิ้ม แต่ยิ้มดีๆ นะ เดี๋ยวเขานึกว่าเรายิ้มเยาะ ไม่ใช่ถูกด่าแล้วยังหัวเราะ รับรองเขาโมโหเราใหญ่เลยใช่หรือไม่ (ใช่) เขาว่าเราก็ก้มหน้ารับดีกว่านะ เรื่องอะไรอีกที่เราต้องพยายามฝึกรับให้ได้ ที่อยู่ในโลกแล้วเรารู้สึกยากเกินกว่าจะรับ
(ความพลัดพราก) ความพลัดพรากเป็นสิ่งที่ท่านไม่อยากเจอ แต่ท่านแน่ใจหรือว่าพลาดจากคนนี้อาจจะไปเจออีกคนที่ดีกว่าก็เป็นได้ เสียคนนี้ไปก็อาจจะได้อีกคนที่งดงามกว่าก็ได้ ถ้าโลกนี้ไม่มีใครพลัดพรากไปจากโลกนี้เลย ประชากรคงเต็มโลกนะ และคงไม่มีใครที่ทำให้เราต้องอยากคิดถึง ใช่หรือไม่ (ใช่) นานๆ คิดถึง นานๆ เจอกันบางทียังดีกว่าอยู่ใกล้ๆ แล้วกลับเบื่อหน้าอีกนะ ฉะนั้นการพลัดพรากก็มีส่วนที่ดีนะ ถ้าเรารู้จักคิดเป็น ดีกว่าต้องฝืนทนกับคนที่ไม่อยากมองหน้าเลย อยากให้เขาไปไกลๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่) มนุษย์แปลกนะ อยู่ใกล้ก็อยากให้ไปไกลๆ พอเขาไปไกลๆ ก็อยากให้กลับมา ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่างนี้ถูกไหม (ไม่ถูก) ฉะนั้นอยู่ใกล้ก็ต้องรัก อยู่ไกลถ้ารักมากจะเป็นอย่างไร ปวดใจเพราะนานๆ จะได้เจอสักทีใช่ไหม ฉะนั้นเราต้องรู้จักควบคุมใจของเราให้เป็น แม้เรื่องจะมากระทบกายก็จะไม่ทำให้ใจต้องเจ็บช้ำเลย แต่เพราะมนุษย์มีใจอยู่อย่างหนึ่งคือหลงง่าย รักง่าย เบื่อง่าย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นมองอะไรต้องมองให้ออกนะ ทุกสิ่งในโลกล้วนมีดีมีร้าย ล้วนมีทุกข์มีสุขหนีไม่พ้นหรอก มีแต่หัวใจเราต้องเข็มแข็งรับความเป็นจริงให้จงได้ อะไรในโลกอีกที่ท่านรู้สึกว่าร้ายจริงๆ (โชคชะตา) บางครั้งก็โชคดี บางครั้งก็โชคร้าย ถ้าอยากมีโชคบ่อยๆ มีวาสนาบ่อยทำตามที่เราบอกเอาไหม (เอา) อย่างนั้นต้องยอมเสียเปรียบบ่อยๆ ถึงจะมีโชค คนที่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบ คนที่ยอมให้คนอื่นได้เปรียบ คนนั้นจะมีโชค มีบุญวาสนา แม้จะไม่มีในชาตินี้ แต่ก็มีใจชาติหน้า แม้ไม่ใช่ตอนนี้แต่ก็จะเป็นภายภาคหน้า แต่อยู่ที่ว่าเขาจะอดทนได้ถึงที่สุดหรือไม่
สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกท่านว่ามนุษย์เวลาทำบุญอะไรก็ยังยึดติดว่าต้องมีรูปมีร่าง มีผลตอบแทนถูกหรือเปล่า (ถูก) ถึงแม้จะสร้างบุญกุศลมากแค่ไหน แต่ถ้ายังยึดติดในลักษณะอยู่ บุญกุศลนั้นจะมีจำนวนจำกัด และบุญกุศลนั้นจะมีขอบเขต แต่บุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตไม่มีจำกัดคือการเจริญในธรรมจนกระทั่งลืมตัวลืมตน ว่ากำลังเจริญในธรรมข้อใดข้อหนึ่งอยู่ อย่างเช่นเจริญธรรมในข้อขันติบารมี ตั้งใจไว้ว่าชีวิตนี้เจริญธรรมข้อนี้ให้ถึงที่สุด มีทุกวันทุกนาที ใครว่าอะไรเรื่องอะไรถึงแม้เราจะไม่ได้ทำ แต่ก็อดทนอดกลั้นต่อคำหมิ่นประมาท ดูถูก เหยียดหยาม ใช้ธรรมขันติเจริญธรรมในชีวิตตลอดเวลา ทำจนกระทั่งลืมตัวลืมตนว่าตัวเองกำลังฝึกขันติอยู่ กำลังใช้ความอดทนอยู่ และสามารถพลิกแพลงจากร้ายกลายเป็นดีได้ด้วยความอดทนอดกลั้น คนนั้นจะมีบุญบารมี บุญกุศลจะยิ่งใหญ่กว่าคนที่สร้างบุญกุศลด้วยรูปนาม ที่มีความยึดมั่นถือมั่น
ฉะนั้นการเจริญกุศล การเจริญบารมี หรือการเจริญคุณธรรมในโลกนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งตอนนี้เราก็ทำไม่ได้แล้ว แต่ท่านยังทำได้แต่ไม่ยอมทำกัน คนธรรมดาๆ ถ้าเราสามารถเจริญคุณธรรมได้จนกระทั่งลืมความเป็นตัวตนมีคุณธรรมข้อใดข้อหนึ่งตราบจนชีวิตวางวาย ไม่ยึดมั่นในสิ่งที่ทำ และไม่หวังผลว่าตัวเองทำแล้วใครต้องยกย่อง แต่รู้ด้วยตัวเอง ภูมิใจด้วยตัวเองและมีศักดิ์ศรีในตัวเอง คนนั้นแหละคือพุทธะในแดนดินที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากจะพากลับคืนไปสู่เบื้องบน ยากไหม (ยาก) หาเงินเพื่อมาทำบุญเราว่ายากกว่านะ เรียนจบมาแล้วกว่าจะได้เงินร้อยหนึ่งมาใส่กระเป๋ายากนะ แต่ถ้ายอมอดทนหนึ่งครั้งลำบากไหม (ไม่ลำบาก) อาจจะลำบากหน่อย แต่นานๆ ไปก็ชิน พอชินไปแล้วจะกลายเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว จะกลายเป็นคนที่อดทนง่าย ใจกว้าง
ความอดทนจะทำให้มนุษย์กว้างสุดประมาณ กว้างจนถึงที่สุด ถึงขนาดที่เรายังคิดไม่ถึงเลยว่าทำไมเขาถึงอดทนได้ถึงขนาดนี้ โดนดูถูก โดนเหยียดหยาม แต่เขายังอดทนก้มหน้าก้มตาทำได้ คนเช่นนี้วาสนาเขาถึงยิ่งใหญ่ และคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น ดูถูกคนอื่นปัจจุบันถึงได้น่าสงสารเสียนี่กระไร วงเวียนกรรมมีจริงนะ สิ่งที่เราทำปัจจุบันนี้อาจจะเกิดจากอดีตชาติ เราเคยไปดูถูกเขาไว้ก็ได้ สิ่งที่เราถูกเอาเปรียบตอนนี้อาจจะเกิดจากอดีตชาติ เราเคยเอาเปรียบเขาไว้ก็ได้ ฉะนั้นเมื่อไรที่เรามีเคราะห์กรรมเรากำลังจะได้ละลายกรรมแล้ว อย่าไปโกรธ ถ้ายิ่งโกรธยิ่งผูกใจเจ็บ ก็เท่ากับเรากำลังลากกรรมให้มันต่อไปไม่จบ แล้วอีกกี่ภพกี่ชาติถึงจะจบ ถูกหรือไม่ (ถูก)
ชีวิตนี้สุขนับวันได้ ทุกข์แทบจะนับไม่ถ้วน เอาอีกไหม (ไม่เอา) ใครยังไม่รู้ก็คงประมาทไปเถอะ ถ้าวันใดทุกข์มาโดนกับตัวเองแล้ว เราจะรู้ว่าการสูญเสีย ความเจ็บปวดนั้นเป็นอย่างไร ฉะนั้นการศึกษาธรรมะก็คือการเตรียมตัวและเตรียมหัวใจให้รู้จักเข้มแข็งในสิ่งที่ควรเข้มแข็ง และให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนในสิ่งที่ควรอ่อนน้อม รู้จักซื้อประกันให้ร่างกายแต่ทำไมไม่รู้จักซื้อประกันให้กับหัวใจบ้างนะ ใช่ไหม (ใช่) หัวใจเอาอะไรเป็นประกัน ไม่มีเลย อ่อนแอทีใครช่วยรับประกัน ใครช่วยรองรับหัวใจ ก็ไม่มี ฉะนั้นมีแต่จิตใจที่เข้มแข็ง มีหลักยึดในคุณธรรมเท่านั้นที่จะช่วยปลอบประโลมใจ ให้เรารู้จักคิดได้แปรร้ายเป็นดี และไม่ใช่ความดีในหัวใจหรือที่แปรเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรแท้ได้ หรือในทางกลับกัน มิใช่เพราะความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้หรือ ที่แปรมิตรแท้กลายเป็นศัตรู
ฉะนั้นการศึกษาธรรมเพื่ออะไร เพื่อให้เราเปิดใจกว้าง รู้จักเห็นแก่ตัวให้น้อย เห็นแก่ผู้อื่นให้มาก เสียสละตัวเองให้เยอะ ตายไปก็ภูมิใจ เอาเปรียบเขาเยอะ หัวเราะได้หนึ่งคำ ภูมิใจได้หนึ่งครั้ง แต่สักวันหนึ่งเขาต้องกลับมาล้างแค้น ชนะอย่างนั้นดีหรือ (ไม่ดี) ชนะอะไรไม่สู้ชนะใจ ชนะอะไรไม่สู้ชนะด้วยความดี ฉะนั้นอย่ามองข้ามความดีในหัวใจ อย่าไปรอจากผู้อื่น เอาตัวเองก่อน ก่อนที่เราจะได้รับมา ไม่ใช่เพราะเราเคยให้มาก่อนหรือ เอาแต่รอใครจะให้ ใช่ไหม (ใช่) ที่ได้รับอยู่ก็เพราะบุญกุศลของบรรพชนที่เคยทำไว้ หรือเป็นเพราะนามสกุลเขาถึงยังให้เรา จริงไหม (จริง) แต่ถ้าไม่ใช่นามสกุลนี้ ถามจริงๆ คนชื่อนี้เขาจะรับเราไหม (ไม่แน่) ไม่แน่ อยู่ที่ตัวเราทำทั้งนั้นเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)
โลกใบนี้มีคนหลายรูปแบบ มีความคิดหลายๆ ด้าน เรามีเหตุผล เขาก็มีเหตุผล แต่ถ้าต่างคนต่างยึดมั่นในเหตุผลของตัวเอง แล้วมันจะจบไหม (ไม่จบ) ฉะนั้นเรายอมถอยสักหนึ่งก้าวได้ไหม (ได้) ชีวิตเดินหน้าอย่างเดียวไม่ถอยได้ไหม (ไม่ได้) เดินหน้าแล้วก็ต้องรู้จัก (ถอย) ยืนตัวตรงแล้วก็ต้องรู้จัก (นั่งลง) ก้มบ้าง แข็งเกินไปคนเขาก็ว่าเราหยิ่งยะโส ใช่หรือไม่ คนที่มืออ่อนตัวอ่อนน่ารักไหม (น่ารัก) แต่อย่าอ่อนมาก เดี๋ยวเขาหาว่าอ่อนแอ ประจบประแจง ใช่หรือเปล่า (ใช่) มนุษย์นี้เอาใจยากนะ ขวางก็หาว่าขัด ตามก็หาว่าประจบ เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี เป็นคนดีในโลกนี้ยากไหม (ยาก) แล้วอยากเป็นไหม
มนุษย์ทุกข์เพราะอะไรบ้าง ง่ายๆ (ทุกข์เพราะใจ) ทุกข์เพราะใจเป็นคนกำหนด เอาอะไรดีที่โต๊ะ (แล้วแต่ท่านจะเมตตา) มนุษย์นี่เข้าใจพูดนะ คำพูดสะกิดใจเล็กๆ เมตตาก็น่าจะให้หน่อย ถูกหรือเปล่า คมจริงๆ เลย ไหนบอกว่าวางอาวุธเอาไว้ข้างนอกแล้ว เผลอเป็นยกมาฟาดฟันทุกที
(ทุกข์เพราะโกรธ) เอาออกมาแล้วก็ต้องพยายามอย่าไปทุกข์กับมันอีกนะ ถ้าอย่างนั้นอย่าโกรธบ่อยดีหรือเปล่า
(ทุกข์เพราะห่วง) ห่วงใคร ห่วงคนที่ควรห่วงจะได้ไม่ทุกข์นะ
(ทุกข์เพราะอารมณ์) อารมณ์อะไรล่ะ อารมณ์ที่ไม่ดี
(ทุกข์เพราะโกรธ โลภ หลง, ทุกข์เพราะความไม่สบายใจ, ทุกข์เพราะการไม่รู้จักให้อภัย, ทุกข์เพราะความแค้น)
(ทุกข์เพราะการชิงชัง) ชิงชังอะไรหรือ (ไม่พึงพอใจ) ถ้าอย่างนั้นพึงพอใจง่ายๆ ชิงชังยากๆ ดีไหม
อยากได้หรือ ถ้าเราไม่ให้นี่จะทุกข์ใจไหม (ทุกข์) นี่เรากำลังสนองความอยากหรือเปล่านะ เดี๋ยวเราให้คนอื่นบ้างนะ ทุกข์เพราะ (ความเจ็บป่วย) อย่างนั้นก็ต้องพยายามรักษาร่างกายให้แข็งแรง ทุกข์เพราะ (อยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบ) อย่างนั้นก็ลองปรับใจให้ชอบเสีย ทุกข์เพราะ (ความผิดหวัง, พลัดพราก) บางครั้งความทุกข์ก็ทำให้เราเข้มแข็งได้ใช่หรือไม่ (ใช่) (อยากได้อยากมี, ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ, ทุกข์เพราะไม่ค่อยจะมีเงินแสน) เงินหมื่นก็พอนะ มีหลายๆ หมื่นก็กลายเป็นแสน ระวังมีหลายๆ แสนแล้วจะแสนสาหัสนะ (ทุกข์เพราะจิตใจไม่สงบ) ได้ผลไม้แล้วคงจะจิตใจสงบบ้างนะ (ทุกข์เพราะความลำบาก) ไม่ลำบากก็ไม่รู้จักสบาย ต้องยอมลำบากก่อนนะ (ทุกข์เพราะอิจฉาริษยาคนอื่น, ทุกข์เพราะอยากได้เงินทอง) แล้วมีหรือยังเงินทอง (ยังมีไม่ค่อยมาก) แปลว่ามีแล้วแต่ยังไม่มาก ใช่ไหม (ใช่) พอบ้างนะ ถ้าไม่พอแล้วเราจะไม่มีเวลาแล้วนะ ยิ่งอายุมากขนาดนี้มีเงินมากไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขเลย ถูกหรือเปล่า (ถูก) (ทุกข์เพราะความผิดหวัง, อยากให้ลูกเป็นคนดี) บางทีทำยากนะ (ทุกข์เพราะมนุษย์ไม่รู้จักพอ, ทุกข์เพราะป่วย, ทุกข์เพราะความใจเร็ว
ด่วนได้) ตอบได้ดีนะ เพราะฉะนั้นทำอะไรอย่าใจเร็วด่วนได้ พูดไม่ค่อยคิด ทุกข์เพราะคำพูดเสียดสีของผู้อื่น อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจ ปิดหูบ้างดีไหม มีใครในโลกไม่ถูกนินทา มีใครในโลกไม่ถูกต่อว่าใช่หรือเปล่า
ด่วนได้) ตอบได้ดีนะ เพราะฉะนั้นทำอะไรอย่าใจเร็วด่วนได้ พูดไม่ค่อยคิด ทุกข์เพราะคำพูดเสียดสีของผู้อื่น อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจ ปิดหูบ้างดีไหม มีใครในโลกไม่ถูกนินทา มีใครในโลกไม่ถูกต่อว่าใช่หรือเปล่า
ทุกข์เพราะ (ครอบครัว) แล้วใครเป็นคนเลือก ตัวเราเองใช่หรือไม่ อย่างนั้นก็ต้องรู้จักปรับใจให้เย็นๆ นะ (ทุกข์เพราะครอบครัวไม่มีความสุข) อย่างนั้นเราจะเป็นคนสร้างความสุขด้วยตัวเราเองดีไหม แปรความวุ่นวายในครอบครัวให้เป็นความสงบ
(ทุกข์เพราะหนี้สิน, ทุกข์เพราะสามีขี้บ่น) คนหนึ่งตอบเพราะหนี้สิน อีกคนหนึ่งตอบทุกข์เพราะสามีขี้บ่น ถ้าเราพูดบอกว่า เมื่อไรที่สามีบ่น แปลว่าเขายังห่วง ยังรักเรานะ แต่เมื่อไรที่เขาไม่บ่นเราแล้วแปลว่าเขาอาจจะมีอื่นแล้วก็ได้ใช่ไหม อย่างนั้นคิดเสียว่าเมื่อไหร่ที่เขาบ่นคือเขากำลังร้องเพลงให้เราฟัง ปรับใจให้ได้ ถ้าเราปรับไม่ได้เราจะต้องอยู่ด้วยความทุกข์ ก็ต้องทนนะ เพราะเราเป็นคนเลือกเขามาเองใช่ไหม เชื่อเราเถอะ เขายังบ่นแปลว่าเขายังรัก เมื่อไหร่ที่เขาไม่บ่นแปลว่าเขาไม่รักแล้ว ไปไหนก็ไปเถอะ ไม่แม้แต่จะมองดูด้วยใช่หรือไม่ คิดเสียว่าเขารัก จำไว้ ส่วนหนี้สินเราอยากจะบอกว่าก็เพราะตัวเองทำตัวเองแท้ๆ
เพราะอยากมีในสิ่งควรจะมี แต่ว่าใจร้อนไปหน่อย ทำให้ลืมดูความพอเหมาะพอควรว่าเราทำได้ไหม แล้วอย่าลืมว่าโลกใบนี้ ปัจจุบันนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนแปลงไว คิดๆ ว่าจะมีอนาคตอาจจะไม่มีก็ได้ ฉะนั้นถึงเป็นหนี้ แต่เป็นคนมีหนี้แล้วใช้หนี้ด้วยความสุข เข้าใจคำนี้ไหม แล้วเราจะไม่ทำให้หนี้นั้นมาเป็นความทุกข์ ทุกคนก็มีหนี้แต่หนี้คนละแบบใช่ไหม บางคนเป็นหนี้สามี บางคนเป็นหนี้ลูก แต่บางคนเป็นหนี้เงินทอง หรือบางคนเป็นหนี้เพราะตัวเองทำตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่)
ทุกข์เพราะอะไร (ทุกข์เพราะชอบช่วยเหลือคนอื่น แล้วโดนคนอื่นว่า ทำร้ายจิตใจ) เห็นพระพุทธะไหมทำดีแล้วยังโดนคนอิจฉา ทำดีแล้วยังโดนคนตำหนิต่อว่า แต่ท่านก็ยังทำต่อไปเรื่อยๆ อย่ากลัวนะ
(ทุกข์เพราะลูกเพราะหลาน) อย่างนั้นก็ปล่อยๆ ปลงๆ บ้างนะ
(อยากให้ครอบครัวสบายใจ) ให้ตัวเองสบายใจก่อนดีไหม
ทุกท่านในที่นี้เวลาเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยากขออะไรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางคนไม่ขอให้ตัวเองก็จะขอให้ลูกหลานใช่หรือไม่ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกหลานฉันด้วย ถ้าเกิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองแล้ว แต่เขาไม่เอาดี เป็นความผิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม ช่วยบอกที (ไม่ใช่) ฉะนั้นจำไว้นะว่าคนทุกคนมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง แม้วันนี้เราจะขีดเส้นให้เขาเดิน แต่ทุกคนจะเดินตามเส้นที่เราขีดไหม แม้เส้นที่เราเลือกให้แล้วเป็นเส้นที่ดี ไม่มีวันล้มเหลว ไม่มีวันทุกข์ แต่สักวันหนึ่งเขาก็ต้องออกนอกเส้นอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร เขาทุกข์ขนาดไหนเราต้องหนักแน่น และเป็นที่พึ่งพิงที่ดี เขาเจ็บช้ำมาเราต้องปลอบประโลม เขาไม่สบายใจมาเราต้องเข้มแข็ง เอาความสบายใจเผื่อแผ่ปลอบประโลม แล้วเมื่อนั้นเขาจะกลับมาหาเรา เริ่มต้นที่เราก่อน เราต้องเข้มแข็ง เราต้องมีความสุข เราต้องมีความสงบ แม้ลูกหลานจะเจ็บช้ำอย่างไรเขาก็จะกลับมาหาเรา เขารู้ว่าที่พึ่งพิงที่ดีที่สุดก็คือพ่อแม่ คนที่ให้อภัยเขามากที่สุดก็คือพ่อแม่ ฉะนั้นเราจึงต้องเป็นเหมือนร่มเงาอันร่มเย็น ใจเย็นๆ พูดดีๆ รับรองลูกไม่หนีไปไหน สามีไม่ห่างไกล แต่ถ้าปากไวใจร้อนเขาอยู่ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หายไปแล้ว จริงไหม (จริง) ฉะนั้นต้องเริ่มต้นที่เราก่อนนะ ตัวเราต้องมีสุขที่สามารถแจกจ่ายให้ทุกคนโดยที่ไม่คิดหวังผล เมื่อนั้นถึงไปไกลขนาดไหนเขาก็ต้องกลับมา เชื่อเราเถอะ
(ทุกข์เพราะความกลัว) อย่ากลัวเลยนะ เพราะยิ่งกลัวจะยิ่งเจอ (ทุกข์เพราะความลำบาก) ชีวิตนี้มีใครบ้างไม่ลำบาก แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เอง ก่อนจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ต้องยอมลำบากทั้งนั้น (ทุกข์เพราะบ่อน้ำตาตื้น) เชื่อไหมว่าน้ำตาทำให้คนยอมสิโรราบมานักต่อนักแล้ว โดยเฉพาะฝ่ายชายมักแพ้น้ำตาฝ่ายหญิง (ทุกข์เพราะไม่มีกินไม่มีใช้)
ถ้าขยันไม่งอมืองอเท้า จะไม่มีกินจริงๆ หรือ
ถ้าขยันไม่งอมืองอเท้า จะไม่มีกินจริงๆ หรือ
(ทุกข์เพราะไม่มีบุญวาสนา, ทุกข์เพราะอยากได้) ในโลกมนุษย์มีทุกข์ร้อยแปด อยู่ที่ว่าเราจะยอมสู้ เราจะยอมฟันฝ่าหรือไม่ (ทุกข์เพราะลูกไปอยู่ไกล หาเงินใช้หนี้ เขาทำบ้านอยู่) ทุกข์เพราะลูกอยู่ไกล แล้วก็ทุกข์เพราะหาเงินใช้หนี้ ฉะนั้นตอนนี้ใครที่ยังไม่มีหนี้ เวลาอยากอะไรคิดให้ดีๆ นะ ไม่เช่นนั้นจะสร้างหนี้ด้วยตัวเอง อย่าอยากได้อะไรเกินตัว อย่าอยากอะไรอย่างประมาท เพราะเรื่องราวบนโลกใบนี้พลิกผันไว ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราสามารถคาดเดาได้ แต่ปัจจุบันนี้คาดเดาไม่ได้ กำหนดยาก จริงไหม (จริง) ในโลกทุกวันนี้ที่คาดว่าพรุ่งนี้อากาศจะหนาว แต่วันนี้หนาวไหม (ไม่หนาว) กลายเป็น (ร้อน) ใช่หรือไม่ ขนาดอากาศเรายังวัดไม่ได้เลย แล้วเศรษฐกิจโลกและหัวใจคนล่ะ ฉะนั้นสิ่งที่ไม่ควรลืมไปจากใจ แล้วจะทำให้เราไม่ทุกข์บ่อยๆ ก็คืออย่าประมาท ถูกหรือไม่ (ถูก)
(ทุกข์เพราะร่างกาย) ถ้าเราไม่เผลอเอาสิ่งไม่ดีเข้าไปบ่อยๆ ร่างกายจะเจ็บป่วยไหม (ไม่) แล้วเผลอเอาอะไรไม่ดีเข้าไปบ่อย อย่างนั้นก็ต้องรู้จักรักษาร่างกาย ถ้าเมื่อก่อนขับรถไม่ประมาทจะเป็นไหม (ไม่) ชีวิตไม่แน่นอนอาจจะไม่เกิดจากเรา อาจจะเกิดจากผู้อื่น อาจจะไม่ใช่เป็นตัวเราทำ แต่อาจเกิดจากผู้อื่นทำ แต่ผู้อื่นใช่เป็นกรรมเวรเกี่ยวกันมาหรือเปล่า ไม่มีใครรู้
มีใครอยากตอบอีก (ทุกข์เพราะไม่มีบ้านจะอยู่) ถ้าอย่างนั้นต้องรู้จักขยันขันแข็ง ถ้าเราขยันขันแข็งเราจะมีชีวิตลำบากไหม (ไม่ลำบาก) หนักก็เอาเบาก็สู้ แต่ตัวเราหนักก็ไม่เอา เบาก็ไม่สู้ ขี้เกียจ (หลังยาว) ลำบากไหมชีวิต (ลำบาก) แล้วทุกข์ไหม (ทุกข์) ฉะนั้นต้องแก้นิสัยตัวเองด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “พลังอยู่ที่ใจ”)
“พลังอยู่ที่ใจ” เป็นคำพูดง่ายๆ สั้นๆ ที่อาจารย์จี้กงฝากเรามาให้ท่านนะ แม้ตัวท่านไม่ได้มา แต่ก็ฝากคำพูดทิ้งไว้ในกลอนของเซียนน้อย แม้วันนี้ท่านจะไม่มีโอกาสผูกบุญสัมพันธ์กับพระอาจารย์ของท่าน แต่ถ้ามีเวลาขอให้กลับมาอีกได้หรือไม่ (ได้) อย่าบ่นว่าไม่มีเวลาๆ มนุษย์ชอบพูดว่าไม่มีเวลา ทั้งที่การมาฟังธรรมนี้ไม่ใช่เพื่อคนอื่นเลย แต่เพื่อตัวเองทั้งหมดทั้งสิ้น แต่เรากลับไม่มีเวลาให้ตัวเอง แต่กลับมีเวลาให้กับสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองเลย ใช่ไหม (ใช่) สิ่งที่เราเฝ้าพยายามหามาสะสม และดิ้นรนอยู่นั้นใช่สิ่งที่เรียกว่าของตัวเองไหม (ไม่ใช่) แล้วสิ่งนั้นจะไปกับตัวเราไหม (ไม่ไป) ฉะนั้นสละเวลามาบ่อยๆ หน่อยนะ ไม่จำเป็นต้องเจอเราก็มาได้ ดีไหม (ดี)
วันนี้เรามานานพอสมควร ที่สมควรจะพูดเราก็ได้พูดแล้ว แต่คนมาทีหลังก็เลยไม่ได้ยินสิ่งที่เราพูด อย่างนั้นเราขอย้ำอีกทีว่าใจที่ยึดมั่นในรูปลักษณ์ แม้จะสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ก็ยังมีจำนวนจำกัด ไม่เหมือนใจที่ไม่ยึดติดรูปลักษณ์ แม้เจริญธรรมเพียงข้อเดียวโดยที่ไม่ยึดติด ไม่ยึดมั่นในตัวตน ทำจนลืมตัวลืมตน แม้จะเป็นข้อขันติข้อเดียว กุศลของการเจริญขันติเพียงข้อเดียวก็ยิ่งใหญ่กว่าคนที่สร้างบุญกุศลที่ยึดติดในรูปลักษณ์อีก
คนในพระพุทธศาสนาก็ชอบทำบุญทำทานใช่หรือไม่ แต่ถ้าทำบุญทำทานแล้วยังหวังผล บุญนั้นจะมีจำกัด แต่ถ้าทำโดยไม่ยึดมั่นในรูปลักษณ์และไม่หวังผล อะไรที่เป็นข้อธรรมเราขอเจริญ ขอบำเพ็ญและขอทำให้ดีให้ถึงที่สุด กุศลนั้นจะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าข้อใดๆ อีกนะ วันนี้อาจจะโชคไม่ดี แต่วันหน้าอาจจะโชคดี แม้ถ้าอนาคตกำหนดไว้แล้วว่าโชคดี แต่ใจคอยคิดร้ายเสมอ โชคที่ดีก็อาจมาไม่ถึงตัวเราก็เป็นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างแม้จะสำคัญที่ใจ แต่ก็เริ่มต้นที่ใจและจบได้ที่ใจเฉกเช่นเดียวกัน ฉะนั้นจะโชคดีโชคร้ายมองใจเป็นสำคัญนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
เวลาของเราใกล้จะหมดแล้ว เรารู้เวลามารู้เวลากลับ แต่ตัวท่านรู้แต่เวลามา ไม่มีวันรู้เวลากลับ ฉะนั้นขออย่าได้ประมาท ตั้งชีวิตตัวเองให้ดี เป็นคนซื่อสัตย์รับผิดชอบต่อหน้าที่ เมื่อเป็นลูกกตัญญูรู้คุณ เมื่อเป็นเพื่อนจริงใจซื่อตรง เมื่อเป็นน้องโอบอ้อมอารี อ่อนน้อมถ่อมตนกับพี่ เมื่อเป็นพี่ต้องเมตตารักใคร่น้อง เมื่อเป็นหัวหน้าเขาต้องรู้จักเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ลูกน้องด้วยความรักใคร่ เมื่อเป็นลูกน้องเขา ต้องมีความซื่อสัตย์และจริงใจ ถ้าทำได้เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นคนมีคุณธรรม เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐแล้ว ฉะนั้นคุณธรรมในความเป็นคนอย่าได้ขาดไปจากหัวใจ ไม่ว่าจะทำอะไรถ้าขาดซึ่งสิ่งนี้ก็ทำไม่สำเร็จ
ขอเพียงมีใจอะไรๆ ก็สำเร็จได้ แต่ถ้าเมื่อไรมนุษย์ไร้หัวใจที่จะทำ ไร้ความปรารถนา ไร้ความต้องการที่จะทำ แม้จะก้าวเดินก็ยังก้าวไม่ออก ฉะนั้นถ้าเรามีใจอะไรเราก็ไปถึง ลำบากแค่ไหนเราก็ฟันฝ่าได้ แต่ถ้าวันนี้ทุกท่านไม่มีหัวใจในการบำเพ็ญธรรมแล้ว แม้อยู่ใกล้แค่หน้าบ้านก็ไม่คิดจะเดินไปถึง ถูกหรือไม่ (ถูก)
หน้าที่เราสำเร็จแล้วลุล่วงแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่หน้าที่ของท่าน อยากเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำ หรือเป็นมนุษย์ผู้เลียนแบบพุทธะอริยะ มีเวลาฉุดช่วยคน ตอนนี้เดินมาเจอทางแยกแล้ว จะกลับไปเดินทางเก่าเหมือนเดิมหรือจะเอาทางนี้อิงแอบไปกับชีวิตดูบ้าง
ถึงเวลาเราก็คงต้องไปแล้ว ถ้ายังคิดว่าเรามาเล่นละครหลอก เราก็คงพูดอะไรต่อไปไม่ได้แล้วนะ เราแค่อยากมาให้ท่านรู้ว่าชีวิตมีความเป็นจริงอยู่อย่างหนึ่งคือความทุกข์ แต่เราสามารถเอาชนะทุกข์ได้ด้วยหัวใจเราเอง ไม่ว่าดีหรือร้ายเราก็สู้ ไม่ว่าทุกข์ไม่ว่าเจ็บเราก็ฟันฝ่า โดยหัวใจนั้นต้องยืนหยัดอยู่ที่ความดีงาม และคิดถึงผู้อื่นมากกว่าคิดถึงตนเอง บุคคลเช่นนี้เรียกว่ายอดคน แล้วเราก็เชื่อว่านักเรียนชั้นนี้ไม่ต่างจากชั้นอื่น ทำได้แต่จะทำหรือไม่ทำ “พลังอยู่ที่ใจ”
หนึ่งในแปดเซียน ท่านหันเซียงจื่อ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “พลังอยู่ที่ใจ”
คนมีใจทำอะไรก็มีแรง ประหนึ่งแสงสว่างยามฟ้าโปร่ง
เดินดูทางขวางดูคนการเชื่อมโยง ไม่พูดโพล่งแต่พูดให้พิจารณา
รู้ว่ายากจงทำอย่างใส่ใจ รู้ว่าง่ายบัณฑิตรอบคอบหนา
คนหลงอวดว่าตนมีวิชา มีปัญญาอ่อนน้อมเป็นสำคัญ