PDF 2548-10-29-เซิ่งเต๋อ #12.pdf
西元二○○五年歲次乙酉 九月二十七日 大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ สถานธรรมเซิ่งเต๋อ จ.ประจวบคีรีขันธ์
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
เปิดประตูขุมคลังแห่งปัญญา เผยจิตใจแห่งเมธาหน้าสดใส
การบำเพ็ญเปลี่ยนแปลงตนเป็นคนใหม่ พึงเข้าใจชีวิตค้นสัจธรรม
เราคือ
องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลกีย์ เคียมคัล
องค์มารดา ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง ฮวา ฮวา
ชนะคนนับว่ามีกำลัง ชนะตนนับว่าหยั่งความสามารถ
มนุษย์ต่างอยากมีชื่อมีอำนาจ ต่างยังขาดคุณธรรมนำชีวี
อันคุณธรรมมีธรรมชาติเป็นลักษณะ การที่จะฝึกฝนต้องแจ้งถ้วนถี่
รู้จักตนไม่สับสนในชีวี ปัญญามีสละเนื่องคอยหนุนนำ
คุณธรรมแปดอยู่ที่คนใคร่ใส่ใจ ต่างทำได้ต้องเลิกอยากเอาชนะ
เกิดเป็นคนอย่าถนัดแต่ปะทะ รู้สัจจะเอาชนะแต่ตนเอง
สติจับปัญญาตัดซึ่งกิเลส รู้ขอบเขตการกระทำศีลธรรมส่ง
เกิดเป็นคนสุขไม่ได้ถ้าไม่ปลง เบารักโลภโกรธหลงเกษมทวี
ในเมื่อรู้จักความทุกข์ลุกจากฝัน เรื่องสำคัญคือทำจิตเป็นปกติ
ย่อมเป็นคุณพองามในคำตำหนิ มีสติรับคำชมอย่างรู้ตน
ในวันนี้ประชุมธรรมฟื้นฟูใจ มาใส่ใจชีวิตนี้อย่างกระจ่าง
สายทองส่งทางลัดให้แนวทาง ทำใจสว่างพลังมาจากภายใน
ใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากว่าที่เคย อย่ามัวแต่เป็นจำเลยทาสวัตถุ
ทำความหมายแห่งชีวิตให้บรรลุ ขอใจจุกุศลมูลบำเพ็ญจริง
ทำความดีมีค่าขึ้นกว่าเดิม เร่งส่งเสริมซึ่งกันสม่ำเสมอ
พูดคำดีจิตใจแจ่มแจ้งประเดิม ขอให้เริ่มวันนี้ไม่สายเกิน
สามัคคีในงานธรรมนำพาสุข จงเร่งปลุกผู้ยังหลับให้ตื่นได้
รักษาตนรักษาธรรมรักษาใจ ต่างเข้าใจเห็นใจกันทางโล่งคืน
สองวันนี้เป็นตามเหตุบุญปัจจัย ขอตั้งใจด้วยเปิดใจให้กระจ่าง
รักษาซึ่งพุทธระเบียบเป็นแนวทาง ทำใจว่างวางทางโลกมาฟังธรรม
ในวันนี้ไม่กล่าวความให้มากไป จรดวางพู่กันลงคุมชั้นเรียน
ฮวา ฮวา หยุด
วันอาทิตย์ที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ สถานธรรมเซิ่งเต๋อ ประจวบคีรีขันธ์
พระโอวาทพระนาจา
คนแกล้งยิ้มตาเยาะช่างมากมี คนแกล้งดีความหมายร้ายยากเกินหยั่ง
คนแกล้งตื่นแกล้งรู้มากเหลือกำลัง คนแกล้งฟังไม่รู้ความล้วนต้องทน
เราคือ
ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานเซิ่งเต๋อ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์น้องทุกคนหิวข้าวหรือยัง
การดำรงตนให้อยู่ในครรลอง ถือถูกต้องและเท่าทันฉะนี้
ฤทัยมีสมดุลเหมาะเพื่อทำดี ทำหน้าที่ที่มีอย่างตั้งใจ
ทุกที่ในสังคมล้วนมีวิชา บัณฑิตยอมอุตส่าห์ให้เรียนเข้าไว้
เรียนชีวิตทางธรรมทางโลกใช้ ตระการอยู่ในธรรมย่ำติดดิน
ผิดสัมมาด้วยกิเลสย่อมจนใจ ขอไม่หลงตามใจให้ถวิล
คนโลกีย์ทาสมายาขวัญโบยบิน ตอบรับความเคยชินชีวิตพัง
รับผิดชอบซื่อตรงคือหน้าที่ คนที่มีเพียรพยายามบรรลุหวัง
เวลาแบ่งรู้ขยันเรียนความต่าง ทำใจได้ความสว่างจะอำนวย
ธารน้ำใจมีปันกันใช้ปัญญา อยากที่เต็มเมตตาผู้อื่นช่วย
ท่าเคารพผู้ใหญ่น้อยใจอำนวย เกิดสันติฤดีด้วยใช้ธรรมสัมพันธ์
ปัญหาคนใช่เรื่องยากเกินแก้ไข หาเหตุในตนก่อนทุกสถาน
เพราะรักสบายคิดไม่ดีสารพัน อภัยกันไกลร้ายอดทนก็ยอม
ชีวิตคนผู้ทุกข์ทำอะไรอยู่ จะมากความสู้ชีวิตปัญหาล้อม
จะหน่ายเสียย่อมไม่อาจประนอม จงเข้มแข็งแลอ่อนน้อมปฏิภาณ
บำเพ็ญเฝ้าเขลาคร้านเรื่องนี้ใหญ่ บำเพ็ญไม่แก้ไขเดินแค่ทางผ่าน
ควรไม่ทำทำลายเหตุบุญสัมพันธ์ เมื่ออะไรไร้พัฒนาหาความจริง
ฮิ ฮิ หยุด
พระโอวาทพระนาจา
มีคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า
คนที่ฝึกตัวเองได้ดี เป็นแสงสว่างให้กับผู้อื่น
แต่คนที่ประพฤติไม่ดีเป็นกระจกเงาสะท้อนตัวเอง ใช่ไหม (ใช่) แล้วเราจะแยก
จะดูอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาปิดความชั่วซะมิดเชียว ใช่ไหม
แล้วในสังคมยิ่งไม่ชอบคนทำผิดแล้วกล้ารับผิดด้วย ใช่ไหม (ใช่)
เมื่อสักครู่ท่านพูดเองนะ เวลามีคนกล้ารับผิดท่านให้เขาอยู่กับท่านไหม
สมมติว่าเขาขี้ขโมย ครับผมขโมย เอาไหม ไม่เอาเหรอ
แต่ข้างนอกก็เต็มไปด้วยคนขี้ขโมยใช่ไหม สิ่งไม่ควรดู ชอบดู ขโมยไหม ขโมย
สิ่งที่ไม่ควรฟัง อยากฟัง ใช่หรือไม่ แล้วท่านเป็นขโมยไหม เป็นไหม (เป็น)
เป็นทุกๆ วัน อย่าบอกว่าไม่เป็นเลย เรื่องที่ไม่อยากดู ไหนล่ะอยากดูๆๆ
ใช่หรือไม่ (ใช่) ยิ่งเขาปิดมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งพยายามเปิดออกมาให้จงได้
ใช่หรือไม่ (ใช่) สิ่งที่ไม่ควรดูเราก็ชอบสรรหาไปแอบดูไปถ้ำมอง ใช่ไหม
(ใช่) ฉะนั้นอย่ามาพูดเลยนะว่าเราไม่ใช่ขโมย ถูกหรือไม่
วันนี้ที่เรามาศึกษาหลักธรรม ศึกษาเพื่ออะไร
การศึกษาหลักธรรมก็คือเพื่อให้เราอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่ผิด
และไม่คิดทำผิดตลอดชีวิต คนที่ทั้งชีวิตกล้ารับประกันตัวเองว่า
ชีวิตนี้ฉันจะไม่ทำผิด ฉันจะไม่ทำร้าย อยู่ด้วยก็เป็นสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่มีใครในโลกกล้าบอกบ้าง ชีวิตนี้ผมจะไม่ทำผิดอีกต่อไปแล้ว กล้าไหม
(ไม่กล้า) แต่อย่างน้อยถ้าเกิดคนๆ หนึ่งแม้จะไม่กล้าพูดแบบนี้
แต่เขากล้าว่าชีวิตนี้ผมจะพยายามทำตัวเป็นคนดี เอาธรรมะมากล่อมเกลาใจ
เราอยู่กับคนนี้แล้วสบายใจกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นคนมีธรรมกับคนไม่มีธรรมเลย คนไหนน่าอยู่ใกล้มากกว่ากัน (คนมีธรรม)
ฉะนั้นการศึกษาธรรมมีข้อเสียตรงไหนล่ะ แล้วทำไมถึงไม่เอาล่ะ น่าแปลกนะ
ใช่ไหม
ยังไม่เชื่อไม่เป็นไรนะ
แต่ลองพิจารณาสิ่งที่เราพูดกับท่านวันนี้ดีไหม (ดี) ส่วนอะไรจริงอะไรเท็จ
เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน คนส่วนมากมักจะบอกว่านี่หลอกแน่ นี่ของปลอม ใช่ไหม
เด็กคนนี้ของปลอมแน่ หลอกลวงแน่
เราถามท่านกลับนะแล้วตัวท่านมีอะไรที่จริงแท้ ใช่ เราปลอม
แต่เรารู้ว่าอะไรจริง แต่ตัวท่านล่ะ อะไรคือจริงสำหรับท่าน
สิ่งไหนคือจริงสำหรับท่าน และอะไรคือความปลอมที่แท้จริง ตอบเราหน่อยซิ
มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะพูดว่าร่างกายคือของปลอม แต่อดไม่ได้มาคิดว่ามันจริงนะ
จับได้ต้องได้ มันต้องจริงสิ ไอ้ที่จับไม่ได้ ต้องไม่ได้ต้องปลอม
ใช่หรือไม่ (ใช่) วัดไม่ได้ พิสูจน์ไม่เห็นต้องของปลอม แต่เราถามท่านนะ
อากาศไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติ ก็มีอากาศ แต่มนุษย์ คนๆ เดิมที่ว่าจริง
อยู่ได้ทุกภพทุกชาติไหม (ไม่) แล้วมันจริง จริงๆ หรือเปล่าล่ะ
เดี๋ยวมาคุยกันดีกว่าไหม
คนที่นั่งอยู่ที่นี่ก็หลอกตัวเองนะ
นั่งฟัง ดีไหม ดี แต่ถามว่า อะไรดี ไม่รู้สิ รู้เรื่องไหม ไม่รู้เรื่อง
หลอกตัวเองชัดๆ เลย ไม่รู้จะหลอกตัวเองไปทำไม นั่งฟังแต่ไม่ได้อะไรเลย
ใช่ไหม (ใช่) ท่านไม่ชอบใครมายืนหลอกท่าน แต่ตอนนี้ท่านกำลังหลอกตัวเอง
ใช่ไหม เสียเวลาไป หนึ่งวันกับอีกครึ่งวันแล้ว ได้อะไรมา
ฉะนั้นฟังแล้วให้ได้ความด้วย ฟังแล้วจับให้ได้ด้วย ไม่ใช่ฟังแล้วไม่คิด
หรือมัวแต่คิดแล้วไม่ฟัง อย่างนี้ก็เสียประโยชน์เปล่าๆ ถูกหรือไม่ (ถูก)
“คนแกล้งยิ้มตาเยาะช่างมากมี คนแกล้งดีความหมายร้ายยากเกินหยั่ง”
เจอคนแบบนี้
หน้าเหมือนยิ้ม แต่ใจหัวเราะเยาะ เจอไหม (เจอ) ยิ้มหวานเลย
แต่ใจเขาแอบเยาะหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ ถูกไหม (ถูก) ดีกับเราเหลือร้าย
แต่จริงๆ ก็เหลือร้ายให้เราเจ็บทุกที ใช่หรือไม่ (ใช่)
เคยไหมยิ่งเขาดีมากเท่าไหร่ เรายิ่งแย่ เคยเจอไหม ยิ่งเขาขยันมากเท่าไหร่
เรายิ่งขี้เกียจ เป็นไหม (เป็น) ลองไปอยู่กับคนที่ขยันมากๆ สิ พอไปๆ มาๆ
คู่นี้อีกคนขยันๆ แต่อีกคนทำไมขี้เกียจ ฉะนั้นความดีของคนบางคนถ้าทำมากๆ
แต่ไม่ระวังก็อาจจะทำให้คนข้างๆ กลายเป็นคนไม่ดีได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใครทานเฉาก๊วยไปแล้วบ้างยกมือขึ้น
ใครทานกล้วยบวดชีไปแล้วยกมือขึ้น ใครทานสองอย่างแสดงว่าอยู่ได้จนถึงเที่ยง
หรือเที่ยงกว่าก็อดทนไหว ใช่ไหม (ใช่)
ส่วนคนที่ไม่ได้ทานอะไรเลยเดี๋ยวถ้าเราถาม เราจะให้ผลไม้เอาไว้กินลองท้อง
เอาไหม (เอา) เพราะวันนี้เรามาอยู่กับท่านอาจจะเลยเที่ยงไปหน่อยได้ไหม
(ได้) แล้วอาจจะทำให้ท้องท่านหิวหน่อยได้ไหม (ได้) ได้แล้วนะ
เลยเที่ยงไปสี่โมงก็เลยเที่ยง หกโมงก็เลยเที่ยงใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นสี่โมง
ห้าโมงก็ไม่เป็นไรใช่ไหม (ใช่) ตอบง่ายๆ
มักจะต้องรับผลกระทำต่อตัวเองทุกที ฉะนั้นพูดอะไรไม่ระมัดระวัง
คำพูดก็เป็นโซ่พันธนาการให้ตัวเองตายได้เหมือนกันนะ ใช่ไหม (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนยืนขึ้น
นั่งลง ตามที่สั่ง) มนุษย์ถ้าไม่กำหนดโทษก็ไม่ระมัดระวังตัวเอง
พอมีโทษบัญญัติเมื่อไรมนุษย์จึงระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
แต่ถ้าไม่มีการกำหนดโทษ ทำก็ดี ไม่ทำก็ไม่ผิดอะไร คนก็ไม่ระมัดระวัง
ใช่หรือไม่ (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนนั่งลง เมื่อบอกให้ยืนขึ้น และยืนขึ้น เมื่อบอกให้นั่งลง)
รู้สึกขัดกับความรู้สึกไหม
(ขัด) ทำยากไหม (ยาก) แต่บางทีขัดบ้างก็ดีใช่หรือไม่ (ใช่)
เพราะว่าความเคยชินถ้าสั่งสมมากๆ มันก็จะกลายเป็นนิสัย
และนิสัยก็เป็นธรรมดาที่ทำให้เรายึดติด
พอยึดติดก็จะเริ่มขี้เกียจที่จะเปลี่ยนแปลงถูกหรือไม่ (ถูก)
แต่ชีวิตสอนให้เรารู้ว่าชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
แต่ในความเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ นี้เราจะต้องมีจุดยืน
ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นคนที่โลเล หาอะไรที่เป็นตัวตนที่แท้จริงไม่ได้
เหมือนง่ายๆ มนุษย์ทุกคนมีความฝันใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นลองคิดสิว่า
ท่านมีฝันอะไรบ้าง ท่านมีความมุ่งมั่นอะไรบ้าง
บางคนเรียกให้สูงหน่อยว่าอุดมการณ์ บางคนเรียกให้สูงขึ้นไปอีกก็คือ ปณิธาน
ตัวท่าน มีความฝันหรืออุดมการณ์ หรือมีความมุ่งมั่นอะไรในชีวิตไหม
(อยากสำเร็จนิพพาน) ความมุ่งมั่นยิ่งใหญ่จริงๆ
เป็นคนดีก่อนแล้วค่อยก้าวขึ้นไป (อยากจะเป็นคนดี)
แล้วตอนนี้ไม่ดีเลยใช่ไหม หรือว่าสามวันดีสี่วันไข้
แปลว่าถ้ามุ่งมั่นจะเป็นคนดี แปลว่าตอนนี้ยังดีไม่พอใช่หรือไม่ (ใช่)
คนที่รู้ตัวเองว่ายังดีไม่พอ ถือว่ามีดีแล้ว แต่ว่าคนที่คิดว่าตัวเองดีแล้ว
แปลว่ายังดีไม่พอ (อยากทำให้พ่อแม่ภูมิใจ, อยากให้มีธรรมะคู่กับชีวิต,
หลังจากเกษียณแล้วจะมุ่งปฏิบัติธรรมให้เต็มที่)
อย่างนั้นขอให้ตั้งใจฟังนะว่าวันนี้เราจะบอกเรื่องอะไรบ้าง
(สะอาดทั้งกายวาจาใจ)
สะอาดไม่เท่ากับคนที่บริสุทธิ์ (มีงานทำที่ดีจะได้มีเงินมาเลี้ยงแม่)
การงานสูงๆ เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงแม่
บางทีพ่อแม่ไม่ได้ต้องการให้ลูกมีอะไรสูงๆ
แต่บางทีอยากให้ลูกแบ่งเวลามาหาพ่อแม่บ้าง ว่างๆ ก็โทรหาท่านบ้าง
แท้จริงพ่อแม่อยากได้เงินหรือเปล่า ไม่ใช่ อยากได้เวลาจากลูกมากกว่า
(อยากให้พ่อแม่ปลอดภัยจากสิ่งอันตรายหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้นทั้งหลายทั้งปวง
เพราะว่าไม่ได้อยู่กับพ่อแม่, มุ่งมั่นกลับไปบ้านจะให้ที่บ้านกินเจ) ความมุ่งมั่นต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน
ถ้าตัวเองทำได้ดีทำได้ถูกต้อง คนอื่นจะเดินตามโดยที่ไม่ต้องใช้วาจาพูดเลย
เอาตัวเองพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น กินเจแข็งแรง เป็นคนดี หน้าตาผ่องใส
หน้าตาอ่อนวัย รับรองเขาต้องกินตามไม่ต้องพูด ส่วนพ่อแม่นั้น
เราอยากบอกท่านว่าถ้าท่านทำตัวได้ดี ไม่ทำให้ชื่อเสียงเหม็น
อยู่ที่ไหนท่านก็สบายใจ แต่ท่านต้องการให้เราเมื่อมีเวลาว่างกลับมาหาท่านบ้าง
ว่างๆ โทรศัพท์หาท่านบ่อยๆ แม่ก็เป็นห่วงอันตราย
ทำไมกับเพื่อนโทรได้ทุกวัน แต่ทำไมกับพ่อแม่ปีหนึ่งโทรแค่สองครั้ง
วันแม่หนึ่งครั้ง วันปีใหม่อีกหนึ่งครั้ง แม่ไม่ต้องการ
แม่ต้องการให้โทรมาบ่อยๆ มากกว่าเงินลูกอีก
(อยากให้ครอบครัวมีความสุข)
ก็ต้องเริ่มจากตัวเองมีความสุข เมื่อไรที่เราอยากให้คนรอบข้างมีความสุข
เริ่มต้นก็คือท่านมีความสุขหรือยัง ถ้าท่านมีความสุข
ความสุขของท่านถ้ามีจนล้นก็จะไปกระเด็นกระดอนถูกคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ง่ายๆ
เดินไปยิ้มไป ใครๆ เห็นคนนี้แปลก ยิ้มตลอดทางเลย แต่ถ้ากลับบ้านมาหน้าบึ้ง
กลับไปบ้านสุขก็ทุกข์ได้เพราะความทุกข์บนใบหน้า แต่ถ้ากลับไปแม่สวัสดี
พ่อสวัสดี แม่ต้องคิดว่าลูกไปดีใจมาจากไหนแน่
แต่แค่นี้ก็ทำให้ท่านมีความสุข ฉะนั้นความสุขไม่ได้อยู่ไกลตัว เริ่มที่ตัวเรา (อยากให้พ่อแม่มารับธรรมะ)
ต้องอาศัยตัวเองพิสูจน์ เราอยากบอกท่านว่าเรื่องบางอย่างท่านก็ต้องทำใจ
คนเรามีกรรมเป็นของตัวเอง ขอเพียงท่านมีจิตใจเข้มแข็งดูแลลูกให้เต็มที่
ทำแต่สิ่งที่ดีปาฏิหาริย์อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยตัวท่านเอง
เชื่อมั่นในสิ่งที่ดี (อยากกินเจตลอดชีวิต,
มุ่งมั่นช่วยเหลือสังคมถ้ามีโอกาส) โดยเฉพาะถ้าเกษียณแล้ว
(อยากให้แข็งแรง) ที่ไม่แข็งแรงเพราะเราทำร้ายตัวเองหรือเปล่า
เลือกกินหรือเปล่า กินในสิ่งที่ไม่ควรกินหรือไม่
ทำในสิ่งที่ฝืนตัวเองหรือเปล่า ใช่ไหม แข็งแรงไม่แข็งแรง ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล แต่มันอยู่ที่ปากเรากิน ตัวเรากระทำอะไร (มุ่งมั่นอยากให้ละโลภ
โกรธ หลง มุ่งมั่นอยากให้เป็นคนดี มีสัจธรรม) แน่ใจนะว่าอยากให้เราช่วย
บุหรี่เลิกได้หรือยัง (ยังสูบอยู่) เหล้ากินอยู่หรือเปล่า (ยังกินอยู่)
ถ้าอย่างนั้นเริ่มต้นเลิกบุหรี่ เลิกเหล้า และพยายามรักษาศีล ๕ ให้ครบ
ทำได้ไหม (จะทำให้ได้) ถ้าท่านทำได้ การเป็นคนดีก็ไม่ใช่เรื่องยาก
สูบบุหรี่นอกจากจะทำร้ายตัวท่านเองแล้ว ก็ยังทำร้ายคนรอบข้างใช่ไหม (ใช่)
กินเหล้านอกจากจะทำร้ายตัวเราเองแล้วยังทำร้ายเพื่อนฝูงใช่ไหม (ใช่) สำคัญก็คือ
ชนะคนอื่นได้แต่ไม่เคยชนะตัวเองก็เปล่าประโยชน์ ถ้าพ่อแม่มีอายุยืนยาว
แต่เราไม่แข็งแรง เราก็ทำท่านทรมานจริงไหม
ฉะนั้นหากอยากให้พ่อแม่มีอายุยืนยาว
เราก็ทำตัวเราให้เป็นขวัญกำลังใจให้พ่อแม่ดีกว่า
(อยากให้กิจการค้ารุ่งเรือง)
ใครๆ ก็อยากให้กิจการค้ารุ่งเรือง แต่เราถามนะ อย่างแรกคือ
ถ้าร้านค้านี้คนขายมีใบหน้ายิ้มแย้ม อย่างที่สอง ซื่อตรงไม่คดโกง
อันนี้ดีก็บอกว่าดี อันนี้ไม่ค่อยดีแต่ว่าราคามันถูกจะเอาไปก็ได้
ลูกค้ามาซื้อก็รู้สึกเชื่อใจ
ต่อไปจะมาซื้ออีกเขาก็รู้สึกมั่นใจว่าคนนี้ไม่โกหกใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นสิ่งนี้แหละเป็นเสน่ห์ของการขายของ ไม่ใช่ลูกค้ามาแล้วหน้าบึ้ง
คนนี้เอาแต่ถามไม่ซื้อแน่ ไล่เขาไป อย่างนี้ต่อไปเขาก็ไม่มาอีก ถึงเวลาลด
กล้าพูดว่าลด ถึงเวลาลดไม่ได้ ก็บอกว่าลดไม่ได้จริงๆ มีความซื่อตรง
ความซื่อตรงนี่แหละจะเชิญชวนให้คนอื่นมาซื้อกับเรา
(อยากตอบแทนคุณบรรพบุรุษ) แต่เขาเสียไปแล้วใช่ไหม (ใช่) ดีนะ ถ้าลูกหลานไม่ลืมรากฐานความเป็นมาของตัวเอง เป็นคนก็เหมือนต้นไม้ ถ้าเราเป็นต้นไม้สักวันหนึ่งเราตัดรากเราไม่สนใจราก คนคนนั้นก็เรียกว่าอกตัญญู
ได้ดีแล้วไม่สนใจกำพืดของตัวเอง ดูถูกกำพืดของตัวเอง คนนั้นเรียกว่าเนรคุณสุดๆ ฉะนั้นเกิดเป็นคนควรมีจิตสำนึกในบุญคุณคนที่มีพระคุณ ถ้าทำได้ดี ให้ท่านไปสบายดีกว่า ทำให้ดีกุศลของท่านจะไปให้อากงได้นะ (ตั้งใจเรียน มีงานทำที่มั่นคง) ขอให้ขยันอย่ามัวแต่เที่ยวเล่น ไม่อย่างนั้นเรียนไม่จบแน่ (เรียนให้จบและอยากให้พ่อแม่มีสุขภาพที่แข็งแรง) ขยันนะ
ได้ดีแล้วไม่สนใจกำพืดของตัวเอง ดูถูกกำพืดของตัวเอง คนนั้นเรียกว่าเนรคุณสุดๆ ฉะนั้นเกิดเป็นคนควรมีจิตสำนึกในบุญคุณคนที่มีพระคุณ ถ้าทำได้ดี ให้ท่านไปสบายดีกว่า ทำให้ดีกุศลของท่านจะไปให้อากงได้นะ (ตั้งใจเรียน มีงานทำที่มั่นคง) ขอให้ขยันอย่ามัวแต่เที่ยวเล่น ไม่อย่างนั้นเรียนไม่จบแน่ (เรียนให้จบและอยากให้พ่อแม่มีสุขภาพที่แข็งแรง) ขยันนะ
คนเราบางทีไปไม่ถึงจุดหมายก็เพราะว่าไม่เพียรพยายาม ความฝันไม่ตั้งอยู่บนมาตรฐานความเป็นจริง ทุกท่านในที่นี้ฝันได้
มีปณิธาน มีความมุ่งมั่นได้ แต่ปณิธาน ความมุ่งมั่นหรือความฝัน
ขอให้ยืนอยู่บนความเป็นจริง แล้วความฝันนั้นจะไม่ทำให้เราเจ็บปวด
เมื่อเราพยายามไขว่คว้า คนบางคนรักที่จะฝันและมุ่งไปตามความฝัน
แต่ฝันนั้นไม่ได้อยู่บนความจริง ย่อมเจ็บปวดเมื่อพยายามที่จะได้มันมา เหมือนมนุษย์ฝันว่าอะไร
เริ่มต้นฝันว่าต้องเรียนให้จบ เรียนจบแล้วทำงานดีๆ
แล้วแต่งงานมีครอบครัวใช่หรือไม่ (ใช่)
เราคิดว่าความฝันนี้คือความจริงของชีวิต
แต่เราอยากจะให้ท่านได้คิดสักนิดหนึ่งว่า
ความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ที่แท้จริงคืออะไร
และฝันอย่างไรให้มีมาตรฐานความเป็นจริงอยู่บนนั้น อยากรู้ไหม (อยาก)
และคืออะไรรู้ไหม ง่ายๆ มนุษย์มีแก่นแท้ความเป็นจริงคืออะไร
บางครั้งชีวิตมีขึ้น บางครั้งชีวิตมีลง บางครั้งชีวิตมีดี
บางครั้งชีวิตมีร้าย บางครั้งชีวิตมีสุข บางครั้งชีวิตก็มีทุกข์
ฉะนั้นเราถามปัญหาท่านต่อว่าอะไรในโลกที่ให้ความสุขและอะไรในโลกที่ให้ความทุกข์
อะไรในโลกทำให้เรายิ้ม และอะไรในโลกทำให้เราต้องร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่า
(จิตใจทำให้มีทุกข์และมีสุข) จริงไหม (จริง) เราว่าใจที่คิดไม่ได้
คิดไม่เป็นก็มีทุกข์ ใจที่คิดได้คิดเป็นก็มีสุขต่างหาก (ความพลัดพราก)
ทำให้สุขไหม (ไม่) ทำให้ทุกข์อย่างเดียวใช่ไหม ไม่จริง
คนที่เราเกลียดพลัดพรากไปไกลๆ ยิ่งดี ใช่หรือไม่ (ใช่)
ความตายทำให้ทุกข์ไหม (ทุกข์) ทำให้สุขไหม (สุข) ทำไมถึงคิดว่าสุข
อย่างเช่นอะไรตายทำให้เราสุข (คนที่เจ็บปวดมากๆ มีความทุกข์ทุรนทุราย
อยู่ไปแล้วทรมาน) แน่ใจหรือว่าคนที่เจ็บปวดนั้นอยากจะตาย (สิ่งที่ไม่ชอบ
หรือสิ่งที่เกลียดตายไป) แน่ใจหรือ ไม่กลัวเขามาหลอกหลอนหรือ (ธรรมะ)
มีแต่ให้ความสุข (ความคิดของคนเรา) ทำให้มีทั้งทุกข์และสุข
คิดดีก็เหมือนขึ้นสวรรค์ คิดร้ายก็เหมือนตกนรก
คิดว่าอะไร (อยากให้แข็งแรง, ใจที่สงบทำให้เราเป็นสุข, คุณพ่อคุณแม่ทำให้สุข) คุณพ่อคุณแม่ให้ทั้งสุขและทุกข์ใช่ไหม
เพราะว่าไม่ว่าท่านบ่นหรือก็เพราะรักใช่หรือไม่ (ใช่)
ท่านเคยได้ยินไหมว่าบางทีหวังมากเกินไปก็ทุกข์ หวังน้อยเกินไปบางทีกลับได้สุข ฉะนั้นความหวังต่างหากที่ทำให้เรามีทั้งทุกข์และสุขในขณะเดียวกัน แต่ชีวิตนี้จะไม่มีหวังก็ไม่ได้ ฉะนั้นก็ต้องรู้จักหวังให้พอดี (การพลัดพรากจากพ่อแม่พี่น้องทำให้เรามีทุกข์) ความพลัดพรากทำให้เรามีทุกข์
แล้วความพลัดพรากทำให้เกิดสุขได้ไหม (ความพลัดพรากไม่มีสุข) จริงหรือ (จริง) ถ้าพระพุทธองค์ทำใจไม่ได้
ปลงไม่เป็น ท่านก็คงอยากจะมีชีวิตยืนยาวมาถึงปัจจุบันนี้
วันนี้ที่เราถามแบบนี้ เพราะเราอยากจะบอกท่านว่า คนที่ท่านรักสุดจิตสุดใจ รักอย่างหัวปักหัวปำ แต่บางครั้งก็ทำให้ท่านเจ็บปวดใจได้ ตัวท่านเองบางครั้งก็ทำให้ตัวเองมีความสุข แต่ในตัวเราเองก็ทำให้เราทุกข์ได้ ฉะนั้นสิ่งที่เราอยากจะบอกท่านก็คือ
ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นคน สิ่งของ อำนาจ หน้าที่ เมื่อไรที่ให้สุข
เมื่อนั้นย่อมมีทุกข์ เมื่อไรที่ให้ความสมหวัง
เมื่อนั้นต้องสอนให้ท่านรู้จักคำว่าผิดหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้
อย่าลืมแก่นแท้ความเป็นจริงของชีวิต ว่าถึงที่สุดของชีวิต
ไม่ว่าเราจะไปหารัก ไม่ว่าเราจะไปหาความอยาก ไม่ว่าเราจะไปหาตำแหน่งหน้าที่
แต่เราอย่าลืมว่ามีได้ก็ต้องมีเสีย มีสุขก็ต้องมีทุกข์
นี่คือสัจจะความจริง ไม่ว่าเราจะเป็นนักเรียน เป็นพ่อแม่
เป็นครูอาจารย์ เราต้องไม่ลืมตรงจุด นี้ พอความเปลี่ยนแปลงมากระทบใจเรา
เกิดขึ้นที่ตัวเรา เราจะได้รับมือกับมันได้ ความฝัน ความหวัง
จะได้ไม่ทำให้ผิดหวังทุกข์ใจ
ความรักเป็นสิ่งที่ดีไหม (ดี) ความรักทำให้เราชุ่มชื่นใจ
ทำให้กระปรี้กระเปร่าใช่ไหม (ใช่) แต่ถ้ารักอย่างหลับหูหลับตา
รู้ว่าตัวเองมีรัก แต่ไม่เข้าใจคนที่ตัวเองรัก
ความรักนั้นก็อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมได้ จริงไหม (จริง) เรารักเขา
เขาไม่รับรักตอบ ความรักนั้นก็อาจจะทำให้เกิดความเศร้าเสียใจได้
ใช่หรือไม่ (ใช่)
เรามีนิทานเรื่องหนึ่ง
เป็นเรื่องของเจ้ารักกับเจ้าเกลียดคุยกัน เจ้ารักเขาบอกว่าเขาไปอยู่ที่ไหน
ก็มีแต่คนชอบเขา อยู่ที่นี่ใครๆ ก็ต้อนรับให้เขาอยู่
แต่ไม่เหมือนเจ้าเกลียดไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนเกลียด
ยิ่งไปอยู่กับใครเขาก็ยิ่งเกลียดเข้าไส้เลย เจ้าเกลียดก็เลยว่าจริงหรือ
แต่ฉันว่าเวลาฉันไปอยู่กับใครก็ทำให้เขามีความสุขนะ
ท่านเชื่อไหมว่าคนมีเกลียดมีสุข มีความเกลียดมากๆ แล้วมีสุข
ดูสิว่าเจ้าเกลียดอ้างเหตุผลว่าอย่างไร
เจ้าเกลียดอ้างว่าเมื่อไรที่เจ้าเกลียดไปอยู่กับคนนี้
พอเขาเกลียดปุ๊บแล้วได้แสดงความเกลียดออกไป เขาหัวเราะลั่น ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ฉันเกลียดเขา ได้ด่าเขาแล้วสะใจจริงๆ แล้วไปอยู่กับใครเขาก็มีความสุข
แต่เวลารักกัน พอไปอยู่กับคนๆ นี้เขาก็ได้แต่ทำท่าเพ้อ
ไม่เห็นสะใจเหมือนกับเวลาเกลียดเลย
ถ้าอย่างนั้นเราขอถามท่านนะว่า
รักกับเกลียดอย่างไหนดีกว่ากันให้คิดก่อนก็ได้นะก่อนตอบ (รัก)
จะอยู่กับความรักดีกว่าใช่ไหม (ใช่) เพราะอะไร (ถ้าเรามีความรักอย่างเดียว
ความรุนแรงก็จะไม่เกิด ถึงเกิดก็มีเปอร์เซ็นต์น้อย) จริงเหรอ
หนังสือพิมพ์ปัจจุบันฆ่ากันเพราะรัก ไม่ใช่เหรอ
(ถ้ารักกับรักมาเจอกันก็ไปได้ดี ถ้ารักไปเจอเกลียดถึงมีเรื่อง)
รักไปเจอเกลียดถึงมีเรื่อง ตอบได้ดีไหม (ดี) แต่เราถามท่านหน่อย
เวลาคนรักแล้ว เราดูออกไหมว่าไอ้นี่มันเกลียด เวลาท่านหน้ามืด
แล้วท่านดูเขาออกไหม เขาเกลียด ไล่ตะพึดตะพือก็ยังรัก ใช่ไหม
เลือกรักหรือเลือกเกลียดดี (รัก) เพราะ (เพราะท่านสอนให้รัก
ไม่ได้สอนให้เกลียด) แต่ถ้าความรัก รักอย่าง (ถูกต้อง)
(ความรักกับความเกลียด มันมีทั้งสองอย่างหลีกไม่ได้)
ฉะนั้นมีทั้งสองอย่างเลยใช่ไหม (ใช่)
แต่รู้จักรักให้เป็นและเกลียดให้ถูกต้อง
แล้วจะเกลียดอะไรดีในโลกนี้
(เกลียดคนที่เขาเบียดเบียนเรา เลือกเกลียด) เพราะอะไรจึงเกลียด
(เพราะมีรสชาติดีค่ะ) ท่านเลือกอันนี้นะ เราตกใจเล็กน้อยนะ ถ้ามีชีวิตอยู่กับความเกลียด
จะทำให้เราเป็นทุกข์ เพราะรักไม่สมหวัง เพราะรักไม่ได้จึงเกลียด
พอเกลียดสะสมมากๆ ก็กลายเป็นความชิงชังโกรธแค้น ริษยา อาฆาต
ฉะนั้นถ้ารู้ตัวว่าเกลียดจงหยุดแค่เกลียดพอ
แล้วพยายามเปลี่ยนความเกลียดเป็นความรักจะดีกว่า อย่างนั้นจะเกลียดอีกไหม
(เกลียดก็เป็นรักได้) เลือกเกลียดหรือเลือกรัก
(รักทำให้คนอื่นรักเรามากขึ้น รักเพราะเป็นอย่างหนึ่งที่ทำให้มีความสุข
ถ้าเปรียบว่ารักหวานแล้ว
เกลียดขม ถ้าหวานเป็นลมขมเป็นยาขอคนละครึ่งได้ไหม) แน่ใจเหรอ พูดง่ายแต่เวลาทำจริงๆ ทำยาก เกลียดมีข้อดีอย่างหนึ่ง เวลาเกลียดทำให้เรามองเห็นในด้านที่เรามองไม่เห็น รักก็มีดีอยู่อย่างหนึ่ง เห็นแต่สิ่งที่อยากจะเห็น ฉะนั้นเรามีทั้งรักทั้งเกลียด ดีไหม (ดี) ทำไมเราถึงอยากให้ท่านมีทั้งรักและเกลียดทั้งสองอย่างเลย รู้ไหม อย่างเช่น รักในสิ่งที่ดีของเขา แต่เกลียดในสิ่งที่เขาไม่ควรทำ นี่คือคนที่รักเป็น มองเห็นอะไรถูก มองเห็นอะไรผิด ไม่ใช่รักอย่างเห็นแต่ถูก ไม่เคยเห็นผิด นี่เรียกว่าหลับหูหลับตารัก ฉะนั้นต่อไปเวลารัก จึงเป็นรักที่สามารถเกลียดได้ แต่เกลียดนั้นต้องไม่กลายเป็นความโกรธแค้น แล้วก็ชิงชังนะ เหมือนกับท่านต้องมีทั้งรักและเกลียด ถ้ามีรักตัวเองมากเกินไป จะกลายเป็นคนที่หลงตัว รักที่ตัวเองกล้าจะทำดี แต่เกลียดที่ตัวเองไม่เคยคิดจะช่วยทำดี ดีไหม รักที่เขาเป็นคนดีแต่เกลียดที่เขาเป็นคนไม่ดี ได้ไหม (ได้) แต่เกลียดอย่างไรล่ะที่จะทำให้เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ดีแล้วอย่าทำอย่างนี้เลย เกลียดให้พอประมาณนะ อย่าเกลียดถึงขนาดโกรธแค้น เพราะเขาจะยิ่งตะพึดตะพือทำให้ท่านเกลียดยิ่งขึ้น
เกลียดขม ถ้าหวานเป็นลมขมเป็นยาขอคนละครึ่งได้ไหม) แน่ใจเหรอ พูดง่ายแต่เวลาทำจริงๆ ทำยาก เกลียดมีข้อดีอย่างหนึ่ง เวลาเกลียดทำให้เรามองเห็นในด้านที่เรามองไม่เห็น รักก็มีดีอยู่อย่างหนึ่ง เห็นแต่สิ่งที่อยากจะเห็น ฉะนั้นเรามีทั้งรักทั้งเกลียด ดีไหม (ดี) ทำไมเราถึงอยากให้ท่านมีทั้งรักและเกลียดทั้งสองอย่างเลย รู้ไหม อย่างเช่น รักในสิ่งที่ดีของเขา แต่เกลียดในสิ่งที่เขาไม่ควรทำ นี่คือคนที่รักเป็น มองเห็นอะไรถูก มองเห็นอะไรผิด ไม่ใช่รักอย่างเห็นแต่ถูก ไม่เคยเห็นผิด นี่เรียกว่าหลับหูหลับตารัก ฉะนั้นต่อไปเวลารัก จึงเป็นรักที่สามารถเกลียดได้ แต่เกลียดนั้นต้องไม่กลายเป็นความโกรธแค้น แล้วก็ชิงชังนะ เหมือนกับท่านต้องมีทั้งรักและเกลียด ถ้ามีรักตัวเองมากเกินไป จะกลายเป็นคนที่หลงตัว รักที่ตัวเองกล้าจะทำดี แต่เกลียดที่ตัวเองไม่เคยคิดจะช่วยทำดี ดีไหม รักที่เขาเป็นคนดีแต่เกลียดที่เขาเป็นคนไม่ดี ได้ไหม (ได้) แต่เกลียดอย่างไรล่ะที่จะทำให้เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ดีแล้วอย่าทำอย่างนี้เลย เกลียดให้พอประมาณนะ อย่าเกลียดถึงขนาดโกรธแค้น เพราะเขาจะยิ่งตะพึดตะพือทำให้ท่านเกลียดยิ่งขึ้น
คนในโลกมีหลายแบบใช่หรือไม่
(ใช่) แบบหนึ่งเป็นแสงสว่างให้กับเรา แบบหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนเรา
แต่ในหลายๆ แบบแบ่งออกเป็น ชัดๆ ได้ ๒ แบบ ดีกับไม่ดี ไม่ดีมีหลายแบบ
แบบหนึ่งที่เห็นแล้วเราเกลียดที่สุดคือแบบไหน (คือแบบที่ไม่ชอบ
ไม่ถูกใจเราก็ไม่ดี แบบที่ชอบถูกใจเราก็ดี)
สิ่งไหนไม่ถูกใจก็ไม่ดีหมดเลยหรือ (สิ่งที่ไม่ดีคือ
เราชอบอย่างหนึ่งแล้วทำตรงข้ามกับใจเรา)
เมื่อสักครู่เราสอนท่านว่ารักอย่างไรถึงจะดี เกลียดอย่างไรถึงจะพอเหมาะ
ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วตอนนี้เรากำลังจะบอกท่านว่าเมื่อมีสองอย่างนี้
ท่านจะใช้อย่างไรให้ถูกต้อง เราอยู่ในโลกมีคนที่เราเห็นแล้วชอบ
และคนที่เราเห็นแล้วรังเกียจ เราจะบอกท่านว่าคนไหนที่ท่านควรจะเกลียดจริงๆ
กับคนไหนที่ท่านควรจะสงสารจริงๆ และคนไหนที่ท่านควรจะระวังตัวไว้จริงๆ
ท่านตอบเราได้ไหมว่าคนไหนคือคนที่ท่านเกลียด
คนที่ทำให้ท่านไม่ถูกใจคือคนที่ทำให้ท่านเกลียด
ส่วนใหญ่ทุกคนจะเป็นแบบนี้จริงไหม (จริง) คนที่ไม่ถูกใจทำเราเกลียดใช่ไหม
ใช่เหรอ คนที่มากกว่านั้นไม่มีเลยเหรอ (คนที่เห็นแก่ตัว)
คนไหนที่เห็นแล้วเป็นตัวอันตราย คนไหนที่เราเห็นว่าน่าสงสาร น่าเสียดาย
อยู่ไม่ไกลเลยนะ คือทำดีได้ ไม่ทำ เมื่อทำในสิ่งที่ถูกต้องได้ไม่ยอมทำ
เพราะว่าชนะใจตัวเองไม่ได้ คนไหนที่น่ารังเกียจ (คนที่ไม่ดี) ไม่ดีแบบไหน
(คนที่ไม่มีคุณธรรม) คนไหนที่น่าสงสาร (คนที่ถูกทิ้ง) คนไหนที่ควรต้องดูแล
(คนที่ด้อยโอกาส ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้) คนไหนที่เป็นคนอันตราย
(คนที่คิดร้ายกับเรา) คนที่คิดร้ายกับเราอันตรายเหรอ
คนไหนที่ไม่ค่อยกลัวอันตราย (ตัวเราเอง
หากตัวเราเองไม่ดีก็เป็นคนไม่ดีในสังคม) แล้วเป็นอย่างไร คนไม่ดี
(ประพฤติทำร้ายคนอื่น ไม่กตัญญู) ไม่กตัญญูทำให้เดือดร้อนได้ไหม (ได้)
การทำไม่ดีน่าอายมากกว่า ทำไม่ดี ถึงเวลาตั้งใจฟังไม่ฟัง เอาแต่คุย
เอาแต่เล่น ถึงเวลาเรียนไม่เรียนเอาแต่ขับรถซิ่ง อย่างนี้น่าอายกว่าใช่ไหม
ถึงเวลากลับบ้านไม่กลับ ทำอะไรก็ไม่รู้น่าอายกว่าไหม ให้เวลาทำใจ
ตัวเองไม่ช่วยตัวเองแล้วใครจะไปช่วยล่ะ อย่าไปพึ่งคนอื่น
ถึงเวลาต้องพึ่งตนเอง เราจะบอกให้ว่า คนในโลกอดๆ อยากๆ นะน่ากลัวอย่างหนึ่ง
น่าสงสารอย่างหนึ่ง และน่ารังเกียจอย่างหนึ่ง
และคนแบบไหนล่ะที่น่ารังเกียจ คนที่ได้ดีแล้วไม่เห็นหัวคน
คนที่เคยยากจนแล้วได้ดีแล้วดูถูกคน ชอบเหยียบย่ำผู้อื่น คนนี้เกลียดไปเลย
แต่เกลียดแบบพอประมาณนะ เราไม่ให้ท่านเกลียดแบบอาฆาต ชิงชังแล้วจ้องทำร้าย
คนแบบนี้ควรเกลียด แล้วเราไม่ควรเป็นคนแบบนี้
ไม่อย่างนั้นตัวเราเองจะเป็นคนที่น่าเกลียด
เราบอกอันนี้ไม่ใช่เพื่อเอาไปตรวจสอบผู้อื่น แต่ให้เอามาตรวจสอบตัวท่านเอง
คนประเภทที่สองคือน่าสงสาร แล้วคนแบบไหนล่ะ คนแบบที่ตอนเด็กๆ
ไม่ตั้งใจเรียน โตมาก็ไม่เคยทำสิ่งที่ดีมีคุณค่า
อายุล่วงเกินก็ไม่มีใครอยากกล่าวถึง ใช่ไหม (ใช่) คนประเภทนี้น่าสงสารไหม
(น่าสงสาร) อีกประเภทหนึ่งคือประเภท (น่ากลัว) น่าอันตราย ก็คือ สิ่งที่ดี
สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกศีลธรรม ไม่ประพฤติ วันๆ
มัวแต่ขลุกอยู่กับอบายมุข เหล้า สุรา นารี อันตรายไหม (อันตราย)
ไปอยู่กับใครก็อันตราย ใช่หรือไม่ (ใช่) ถึงมีหน้าที่ตำแหน่งสูง
แต่ติดนารีอันตรายไหม (อันตราย)
มีอำนาจบาตรใหญ่แต่ติดสุรานารีก็เป็นอันตรายทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่น
เป็นอันตรายทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่น
ท่านอย่าเผลอเป็นสามอย่างนี้ และการจะไม่เผลอเป็นสามอย่างนี้ได้ก็ต่อเมื่อ
ตอนเด็กๆ ตั้งใจเรียนขยันหมั่นเพียรรู้จักทำงานรับผิดชอบต่อหน้าที่
และรู้จักเป็นคนที่ช่วยเหลือผู้อื่นเวลาตัวเองมั่งมี
คนเช่นนี้ก็ไม่เป็นคนที่น่ารังเกียจ น่าอันตรายและก็น่าสงสาร ใช่หรือไม่
(ใช่) อย่าเผลอเป็นสามแบบนี้ เวลาแก่ไปก็ไม่มีใครเอา
หรือยังไม่ทันแก่ก็มีแต่คนไม่ชอบ
(เมื่อก่อนเป็นคนไม่ดี
ทอดแหหาปลาฉันทำเองหมดแล้วที่เราทำๆ ไป มันหลายแสนตัวแล้ว
เราจะสามารถล้างได้ไหมที่เรามาทำอย่างนี้) เราอยากบอกท่านว่ากรรมก็คือ
กรรม เราหนีกรรมไม่พ้นแต่เราสามารถทำดีเพื่อให้กรรมลดน้อยลงได้
แต่ตอนนี้ท่านจะยอมหยุดสร้างกรรมหรือเปล่า พยายามไม่ทำผิด
ศีลห้ารักษาให้ครบ พูดทำในสิ่งที่ดี ทำบุญตักบาตร กายใจก็ต้องรักษาให้สะอาด
ถ้าทำได้ชาตินี้อาจจะพ้นกรรม แต่ชาติหน้าก็ยังคงต้องรับกรรมอีก
แม้แต่พระพุทธะองค์ หรือองคุลีมาร ก็หนีกรรมไม่พ้น ไม่มีใครหนีกรรมพ้นได้
มีแต่ทำดีให้มากที่สุดเพื่อกรรมจะได้น้อยลง เข้าใจที่เราพูดไหม (เข้าใจ)
ไม่ต้องท้อพยายามทำดีให้มากๆ ตอนนี้ต้องรักตัวเองรู้จักกิน
อย่ากินหวานเพราะเป็นเบาหวาน กินผักเยอะๆ เนื้อสัตว์พยายามเลิกได้เลิก
เพราะเรากินเขาหนึ่งชีวิตเขาต้องเอาท่านมากกว่าหนึ่งชีวิต
ยุงกัดท่านตีจนตายแต่นี่ท่านกินเนื้อเขาก้อนหนึ่งฆ่าเขาไม่กี่ชีวิต
“อยากที่เต็มเมตตาผู้อื่นช่วย”
ทำไมเราอยากมีความเมตตามากๆ
แต่ทำไมต้องให้ผู้อื่นช่วย เข้าใจไหม จริงๆ มันต้องช่วยผู้อื่น
เราถึงจะมีเมตตา ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าท่านศึกษาหลักธรรม
ท่านจะรู้ว่าคนที่รับความเมตตากับจากท่าน นั่นคือเขาช่วยท่านนะ
เพราะถ้าไม่มีคนรับความเมตตาจากท่าน ท่านก็ไม่ได้ฝึกความเมตตา
ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่าสำคัญตัวเองว่าตัวเองดีเสมอไป แต่ต้องคิดว่า
เป็นเพราะเขาจึงทำให้เราได้ดี ฉะนั้น เราอยากจะมีความเมตตาที่เต็มเปี่ยม
คือ ตัวเรานั้นต้องไม่ยกตัวเองให้เหนือกว่าผู้อื่น เราก็ช่วยเขา
เขาก็กำลังช่วยเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)
“จะมากความสู้ชีวิตปัญหาล้อม”
ไม่ใช่มากความนะ
ไม่ใช่หมายความว่าเรื่องเยอะ หมายความว่ามีความสู้ชีวิต
คนเราถ้ามีปัญหาล้อมรอบ มีใจสู้ ปาฏิหาริย์ย่อมเกิดได้ จำไว้นะ
เรื่องที่บางทีเราคิดว่า ไม่คาดคิด แล้วมันเกิดกับเรา
ปาฏิหาริย์จะเกิดได้ด้วยพลังของจิตใจ สำคัญที่สุดนะ
“จงเข้มแข็งและอ่อนน้อมปฏิภาณ”
ปฏิภาณ
แปลว่า ไหวพริบ คนทุกคนมีความแข็งกับความอ่อน
ในชีวิตเรามีทั้งสิ่งที่แข็งและสิ่งที่อ่อน ฉะนั้นเราต้องรู้ว่า
เมื่อไรเราจะดึงความแข็งมาใช้
ความแข็งหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าความเด็ดเดี่ยว ความอ่อนก็คือความนุ่มนวล
ใช่หรือไม่ (ใช่) ผู้ชายถ้าใช้ความแข็งนำความอ่อน
ผู้หญิงต้องใช้ความอ่อนนำความแข็ง ใช่หรือไม่ (ใช่) คนปัจจุบันนี้
ที่ชายเป็นหญิง หญิงเป็นชาย เพราะสลับกัน
ฉะนั้นเราต้องใช้ให้ดีด้วยไหวพริบเราเองนะ ไม่อย่างนั้นแข็งมากเกินไป
คนก็เรียกว่าเราเต๊ะจุ๊ย ส่วนผู้หญิงอ่อนมากเกินไป คนก็เรียกมารยา
“บำเพ็ญเฝ้าเขลาคร้านเรื่องนี้ใหญ่”
พระอาจารย์จี้กงเราบอกว่า
ศิษย์ของอาจารย์ต้องโง่ๆ ถ้าเกิดว่าโง่เกินก็ไม่ดี หมายความว่า
เรื่องที่ควรรู้ก็ต้องรู้
เรื่องที่ถึงแม้ว่ารู้ไปแล้วไม่มีประโยชน์เหมือนอวดตนเราต้องรู้จักเก็บงำ
โดยเฉพาะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรม มีคำหนึ่งไว้ว่า “งำประกายไม่สำแดงเด่น”
อย่าอวดตนว่าฉันกินเจ ฉันบำเพ็ญธรรมยิ่งอวดตัวมากเท่าไรยิ่งผิดมากเท่านั้น
ใช่ไหม (ใช่)
บำเพ็ญแล้วขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญแต่ไม่เคยแก้ไขยังนิสัยเหมือนเดิม
อย่างนี้ไม่เรียกว่าผู้บำเพ็ญ ต้องมีอะไรที่ลดได้บ้าง
ไม่ใช่ไม่เคยลดอะไรสักอย่างเลย
ส่วนใหญ่คนมักจะคิดว่าเราต้องมาหลอกมาเล่นละครให้ดู
ถ้ามองจนถึงจุดนี้ก็น่าเศร้า ท่านจะคิดอะไรก็ไม่สำคัญ
เพราะเราบอกท่านไว้แล้วว่าเราไม่ใช่ของจริงเราคือของปลอม
แต่สิ่งที่จริงคือคำพูดที่เราจะทิ้งไว้ให้ท่าน
ถ้ามันคือความจริงมันจะใช้ได้ทุกๆ สมัย สัจธรรมคือความจริง
แล้วชีวิตนี้เราทำอะไรให้เป็นความจริง ตายไปแล้วคนก็ยังสืบทอดความจริงนี้
คนที่ตายไปแล้วแล้วเรายังสืบทอดปณิธานของเขา อย่างเช่น พ่อจะสอนลูก
เกิดเป็นคนจำไว้อย่างเดียว ลูกต้องซื่อสัตย์ นี่คือ
พ่อตายแต่คำพูดพ่อไม่เคยตายไปจากใจ ยิ่งถ้าพ่อทำได้อย่างที่พูด
พ่อจะอยู่ในใจลูกตลอด ฉะนั้นท่านอยู่กับเพื่อนหรืออยู่กับใคร
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เพื่อนรักท่านตลอด
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คนนี้ดีกับเราตลอด นั่นก็คือความดีในหัวจิตหัวใจเรา
ถ้าเราจริงใจกับเพื่อนต่อให้เรากระเร กระราด เขาก็รักเรา
ยิ่งถ้าเกิดเพื่อนไม่ดีเราก็ยังรักและก็เห็นใจและก็เข้าใจ
ถึงเวลาเราไม่ดีเพื่อนก็ต้องรักและเห็นใจเรา ใช่ไหม (ใช่) จำไว้นะ
บางทีประตูไม่ต้องล็อกกลอน
หน้าต่างไม่ต้องปิดมิดเราก็สามารถทำให้คนนี้ไม่ออกจากบ้านได้ด้วยอะไร
ถึงเขาออกยังไงเขาก็ต้องกลับมาแต่อะไรที่จะเป็นโซ่ทองคล้องใจมีค่ายิ่งกว่าประตูหรือกลอนใดๆ
ทำให้เขาไปไกลแค่ไหนยังไงก็ต้องกลับมาหาเราท่านรู้ไหมคืออะไร
ส่วนใหญ่จะตอบว่า ความดี แต่เราอยากบอกว่า ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา
สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกทุกท่าน
เมื่อสักครู่บอกไปว่าการเป็นคนไม่ดีเป็นคนอย่างไร
แต่ยังไม่ได้บอกว่าการทำตัวให้เป็นคนดีและเป็นโซ่ทองคล้องใจทุกๆ
คนทำอย่างไร อยากรู้ไหม (อยากรู้) ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถทำให้คนนี้รักเราจริงๆ
รักที่ตัวเราไม่ได้รักที่ตำแหน่ง หน้าตา เงินทองแต่รักที่เป็นตัวเรา
อยากเอาไหม (เอา) ไม่ยากเลย มีแค่สามอย่าง อย่างที่หนึ่ง เป็นคนที่
กล้ารับฟังในมุมมองที่แตกต่าง ใช้ความกล้าให้ถูก
กล้ารับฟังในมุมมองที่แตกต่างหรือในมุมมองที่ท่านไม่คิดว่าเขาจะเป็น เช่น
เขาพูดในสิ่งที่ไม่ชอบ กล้ารับฟังไหม เขาพูดตำหนิต่อว่าเรารับฟังไหม
ถ้าเรากล้ารับฟัง ความรู้ทั้งหลายจะไหลมาสู่เรา
แต่ถ้าเราไม่กล้ารับฟังเราจะเป็นคนที่ปิดประตูลั่นกลอนตัวเองกลายเป็นผู้ที่ด้อยความรู้
จริงไหม (จริง) แต่ถ้าเกิดเป็นคนรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน
ผมยังไม่รู้พี่บอกมาเลยพี่ว่าอะไร
ใครว่าอย่างไรเราก็รับฟังแล้วเอาไปพิจารณา คนๆ นี้จะเป็นคนที่มีแต่คนรัก
ไกลแค่ไหนเขาก็จะมาหาเพื่อมาเตือนคนๆ นี้ ด้วยสีหน้าที่ยินดีรับฟัง
จะทำให้ท่านไปที่ไหนจะมีแต่คนรัก
ว่ายังไงไม่เคยโกรธเลยกลับยิ้มรับและขอบคุณ ใครๆ ก็จะมาเตือนคนๆ นี้
และเราจะเป็นคนที่สามารถมีตาเป็นแสนๆ เอาไหม (เอา)
เวลาทำผิดก็มีตาคอยเตือน ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นจงเป็นคนที่กล้ารับฟังแม้คำพูดนั้นจะไม่ไพเราะหรือคำพูดนั้นจะตำหนิต่อว่า
เมื่อกล้าฟังมากๆ เราก็จะกลายเป็นผู้มีปัญญา อย่างที่สอง เมื่อฟังอะไรจำไว้อย่างหนึ่ง หัดคิดพิจารณาทบทวน ไม่อย่างนั้นความรู้มันจะตกหายและก็ลืมไปตามระยะเวลา
จริงไหม (จริง) ต้องคิดและต้องรีบลงมือปฏิบัติด้วย
แล้วความรู้จะอยู่ในตัวเรา
เหมือนท่านเรียนคณิตศาสตร์จบแต่ไม่ได้กลับไปทำการบ้านสักสองสามอาทิตย์
สูตรที่อาจารย์ให้ลืมไหม (ลืม)
วันนี้ใช้สูตรแต่อีกสองสามวันไม่ได้ใช้สูตรแล้วแบบนี้จะลืมไหม (ลืม)
คุณธรรมในตัวเราก็เหมือนกันวันนี้รู้จักใช้
รู้จักปฏิบัติคุณธรรมก็จะอยู่กับตัวเรา
แต่ถ้าไม่ใช้ไม่ปฏิบัติมีดีแล้วเก็บไว้ สักวันหนึ่งย่อมหายไป ใช่หรือไม่
(ใช่) อย่างที่สาม ก็คือ ความเห็นอกเห็นใจ คนที่เกลียดที่สุด
ลองพยายามเห็นใจเขา
คนที่ท่านไม่เข้าใจมากที่สุดลองพยายามยืนอยู่ในตำแหน่งเขาแล้วท่านจะเข้าใจ
เมื่อไรที่เราพยายามเข้าใจคนที่ไม่เคยเข้าใจ รับฟังคำที่ไม่เคยรับฟัง
ท่านจะเป็นที่รักของทุกคน จริงไหม (จริง)
แล้วตอนนั้นต่อให้ไม่มีประตูล็อกเขาก็ไม่จากเราไปไหน ง่ายๆ
อยู่ด้วยกันเขาเป็นคนดีแต่ไม่เคยเข้าใจเราเลยก็อยู่ได้ไม่ยืด
อยู่ด้วยก็ทุกข์ใจ
ฉะนั้นถึงที่สุดแล้วชีวิตของมนุษย์ทุกคนบางทีต้องการคนเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เป็นด้านหลัง
มนุษย์มีด้านดีกับด้านเลว
คนที่จะรักเราแท้จริงคือคนที่ยอมรับด้านเลวของเราได้และพร้อมจะชี้นำให้เรานั้นหยุดความเลวได้
ตอนนี้กินอิ่มกรุณาช่วยเราหน่อยหนึ่งได้ไหม (ได้)
กลอนที่เราให้นี้สักครู่เราจะแบ่งทีละคำ แต่เรายังไม่อธิบายกลอนเลย
วรรคนี้เป็นวรรคที่ยากนิดหนึ่ง
“อยากที่เต็มเมตตาผู้อื่นช่วย”
ความเมตตาจะเกิดได้เราต้องช่วยผู้อื่น
โดยส่วนใหญ่ถ้าเราเสียสละคนนี้เป็นคนมีเมตตาขี้สงสาร
แต่ถ้าเกิดท่านสงสารเขาแต่เขาไม่รับความสงสารท่าน เมตตานั้นก็ไปไม่ถึง
ใช่หรือไม่ (ใช่) ท่านดีต่อเขาแต่เขาไม่รับความดีท่าน
ท่านก็ไม่สามารถเป็นคนดีจริงได้
ฉะนั้นอย่าหลงตัวเองว่าตัวเองเป็นคนดีมีเมตตาแต่ถ้าเขาไม่รับความดีความมีเมตตา
ท่านก็หาใช่ผู้ที่มีเมตตาจริง งงไหม ยกตัวอย่างนิทานเรื่องหนึ่ง
มีเศรษฐีคนหนึ่งจะมาบริจาคเงินให้วัด แต่ก่อนเขายากจนบริจาคแค่ทองหนึ่งบาท
หลวงพ่ออนุโมทนายินดีกับเขาใหญ่ ตอนยากจนบริจาคทองบาทหนึ่ง มากไหม (มาก)
กล้าบริจาคให้วัด แต่พอคราวนี้เขารวยขึ้นมาเขาบริจาคทองสิบบาท
หลวงพ่อให้ลูกศิษย์มาอนุโมทนา เขาก็โวยวายหลวงพ่อทำไมไม่มาอนุโมทนาให้ผม
หลวงพ่อย้อนกลับไปว่าเจ้านะต้องขอบคุณหลวงพ่อ เข้าใจไหม (ไม่เข้าใจ)
ตอนนั้นหลวงพ่อต้องการสอนให้เขารู้ว่าการทำบุญทำกลับใครก็ได้การทำบุญอย่าหวังผลตอบแทน
ถ้าเกิดทำแล้วไม่ได้ผลตอบแทนก็จงดีใจที่ได้ทำบุญแล้วการทำบุญที่แท้จริงก็คือทำไปเถอะอย่าเลือกที่รักมักที่ชัง
ถ้าเลือกที่รักมักที่ชังบุญนั้นไม่ยิ่งใหญ่ ใช่ไหม (ใช่)
หลวงพ่อต้องการสอนให้เขารู้ ตอนนี้เข้าใจหรือยัง (เข้าใจ)
เข้าใจว่าทำบุญนั้นต้องได้ผู้อื่นช่วยผู้อื่นรับไม่มีคนเสียสละยอมเป็นผู้ขอ
เราเป็นผู้ให้ตลอดก็ไม่มีประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ช่วงที่คิดพยายามเข้าใจอยู่นั้นออกมาช่วยเราวงก่อนนะ
ในคำว่าน้ำใจในท้องเรามีน้ำเต็มไปหมดเลย
ในท้องท่านมีข้าว แต่ในท้องเรามีแอปเปิ้ลผสมอยู่ กำลังปั่นได้ที่เลยล่ะ
ดีนะไปไหนก็มีแต่คนรักเอ็นดู ฉะนั้นอย่าเห็นว่าเป็นปมด้อย ปมด้อยก็มีข้อดี
เกิดเป็นคนนิดๆหน่อยๆก็โมโหร้าย ไม่ยอม อดทนสั้นนัก
มักจะเดือดร้อนทีหลังใช่ไหม ฉะนั้นคิดไตร่ตรองให้ดีๆ อภัยให้มากๆ ทำสองอย่างนี้ชีวิตก็มีความสุข
วันนี้มาศึกษาหลักธรรมเพื่อทำตนเป็นคนดี
และคนดีที่มีโอกาสไปช่วยให้คนอื่นเป็นคนดีด้วย
ไม่ใช่มาศึกษาหลักธรรมเพื่อเปลี่ยนศาสนาใหม่หรือว่ามาศึกษาลัทธิอะไรแปลกประหลาดนะ แต่การศึกษาหลักธรรมก็คือการนำธรรมมาใช้ในชีวิต
นำธรรมมาดำรงชีวิตตนให้ถูกต้อง ส่วนการบำเพ็ญตนคืออะไร
คือการขัดเกลาแก้ไขสิ่งไม่ดี ไม่ให้เกิดขึ้นในตัวเรา
สิ่งไม่ดีลดให้มากที่สุดจนถึงไม่มีและพยายามที่จะสำรวมระมัดระวังตัวเอง
ไม่เป็นคนหยิ่งทะนง เป็นเด็กแต่หัวแข็ง หลังแข็ง
ไม่ค่อยก้มให้ผู้ใหญ่ อย่างนี้ก็ไม่น่ารัก
เป็นผู้ใหญ่แต่ดื้อแข็งเหมือนเด็กเช่นนี้ก็ไม่น่ารักเหมือนกันใช่หรือไม่ การบำเพ็ญธรรมก็คือการเอาธรรมะมาหวนย้อนมองตัวเอง
แก้ไขตัวเอง ไม่แก้ไขใคร ถ้าตัวเองได้ดี ทำดีถูกต้องเดี๋ยวคนก็เดินตามเอง
แล้วรู้จักเอาความประมาณตนมาใช้ดักความโลภ
ใช้ความเข้าใจมาทำให้เราลดความโกรธ และใช้การปลงในการตัดรูปลักษณ์และกามคุณ
และใช้ความรู้ความเข้าใจดับความหลงในหัวใจ บำเพ็ญธรรมมีแค่นี้เองนะ
ฟังเข้าใจไหม คนเราถ้ารู้จักประมาณตัวเองเราก็จะไม่โลภมาก
แต่คนเราอยากได้เสื้อ ถามจริงๆ หนึ่งคนมีเสื้อกี่ชุด แล้วยังอยากได้อีกไหม
(อยาก) ใช่ยิ่งโลภมากก็ยิ่งเหนื่อยมาก
ฉะนั้นใช้ความประมาณเพื่อดับความโลภ ใช้ความเห็นใจเข้าใจเพื่อดับความโกรธ ใช้ความรู้และความเข้าใจดับความหลง เหมือนเรารักคนนี้
เราต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่เข้าใจในสิ่งที่เราอยากให้เขาเป็น
เพราะเราอยากให้เขาเป็นอย่างที่เราหวัง ใช่หรือไม่ (ใช่)
และใช้การปลงในการดับรูปนามที่มนุษย์เราติด
เห็นรูปสวยก็ชอบ
เห็นหน้าตาหล่อๆ ก็หลง แต่ถ้าเราปลง
คิดว่าเดี๋ยวเนื้อนี้ก็เน่าและก็มีหนอนไช เดี๋ยวเวลาอ้วนไขมันก็เผละ
เราหลงไม่ออกเลย ใช่ไหม (ใช่) เห็นสวยๆ ตีนกาก็มาเป็นฝูง ผมสวยๆ
สักพักผมก็ขาวร่วงโรยไป ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้จักยับยั้งชั่งใจไม่หลงในโลกจนเกินไปและไม่โกรธจนไร้เหตุผล ถึงเวลาเราต้องไปแล้ว เราถึงบอกว่า เราไม่ใช่ของจริง ตัวนี้ไม่ใช่ของจริง สิ่งที่จริงคือ คุณค่าของความเป็นคนที่ท่านจะนำทิ้งไว้ในโลกใบนี้ต่างหาก เคยได้ยินไหม “ฟืนสิ้นไฟยัง” คนเราตายไปแต่ปณิธานความเป็นคนของเรายังอยู่และมีคนอยากที่จะสืบทอด
คนๆ นั้นแหละคือ คนที่ยอดจริงๆ ไม่ยากอะไร
แค่เกิดเป็นคนแล้วมีความซื่อตรงและจะทำความซื่อตรงให้ถึงที่สุด
เท่ากับเป็นเทพไทในแดนโลกแล้ว ไม่ต้องมีคุณธรรมมากมายก็ได้
ขอเพียงท่านเป็นคนจริงใจไม่โกหก เป็นคนเสมอต้น เสมอปลาย
เป็นคนพูดคำไหนก็ทำได้ตามนั้น อะไรก็ได้คุณธรรมในโลกมีตั้งมากมาย
ทำให้ดีและทำให้สำเร็จ ทำให้เป็นทางที่คนอื่นยังเดินตามได้
คนนั้นแหละเกิดมาไม่เสียชาติเกิด ไม่ใช่เรื่องยาก
มีเพื่อนเป็นคนจริงใจรักเพื่อนแม้เพื่อนจะหัวดำ
หัวขาว หัวเหม่ง หัวเถิก ก็รัก
ใช่ไหม (ใช่) เชื่อเราสักนิดสัจธรรมเป็นสิ่งที่ดี ใครทำได้คนนั้นจะดีจริงๆ
แล้วจะมีความสุขในการมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ทำร้ายใคร
เป็นแบบอย่างที่ดีให้ใครๆ ด้วย เริ่มต้นที่ตัวเองก่อน ไม่ต้องไปจับผิด
ไม่ต้องไปคาดหวังใคร ทำตัวเองให้ดี ให้งาม ให้ปรากฏ
แล้วลูกก็จะเรียบแบบเราเอง สอนลูกด้วยการที่ตามใจเขาไปตลอด
จะทำให้เขาเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจไม่เห็นใจใคร
ได้พระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า “แบบอย่างอันดีงาม” เราเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ฟังสองวันแล้ว
จะนำธรรมะไปเป็นแบบอย่างที่ดีได้
จะสามารถทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่งดงามให้กับผู้อื่นได้
เราเชื่อมั่นในตัวท่าน แต่ท่านจะเชื่อมั่นในความดีที่ตัวเองมีอยู่ไหม
เชื่อแล้วจะอยู่เฉยๆ หรือจะปฏิบัติให้ปรากฏ
วันนี้คงต้องไปแล้ว แม้อะไรจะไม่เป็นแบบที่หวัง แต่เราต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่บำเพ็ญแล้วรับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ วันนี้เหล่าซือไม่มา นักเรียนในนี้เขาก็ไม่รู้เรื่องอะไร คนที่ทุกข์คือ ปั้นซื่อต่างหาก ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นจงรับให้ได้กับการเปลี่ยนแปลง
จงยินดีที่จะต่อสู้แม้อะไรจะเกิดขึ้นในตัวเราก็ตาม ตั้งใจบำเพ็ญ
ศึกษานำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตบ้าง
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “แบบอย่างอันดีงาม”
ดำรงตนให้ถูกต้องและเหมาะสม
มีหน้าที่ที่ในสังคมให้อุตส่าห์
ยอมชีวิตอยู่ในธรรมด้วยสัมมา
ไม่หลงตามกิเลสมายาทาสโลกีย์
รับผิดชอบซื่อตรงเพียรขยัน
รู้แบ่งปันมีน้ำใจได้เต็มที่
เคารพผู้ใหญ่เมตตาผู้น้อยด้วยฤดี
สันติในคนใช่เรื่องไกล
รักสบายคิดร้ายทุกผู้คน
ไม่อดทนทำอะไรย่อมเสียหาย
มากความแลคร้านเขลาเฝ้าทำลาย
ไม่แก้ไขทำอะไรไร้พัฒนา