วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2543

2543-09-24 สถานธรรมสกุลอู๋ Cypress, California (ไม่สมบูรณ์)


วันที่ 24 กันยายน ค.ศ.2000 สถานธรรมสกุลอู๋ Cypress, California

  พระโอวาทพระนาจา

สถานการณ์สรรสร้างวีรบุรุษ สิ่งสมมุติในโลกมีมากมายเหลือ
ขอให้ท่านบำเพ็ญธรรมอย่าได้เบื่อ อย่าใกล้เกลือกินด่างก็แล้วกัน
เราคือถ
   นาจาน้อย รับบัญชาจาก
 พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่สถานธรรมสกุลอู๋ แฝงกายเคียมคัล
 องค์มารดา ถามศิษย์น้องทุกคนเข้าใจธรรมะมากขึ้นหรือเปล่า


อย่าเป็นแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ ระวังไว้เหล่ากิเลสและตัณหา
อยู่ในโลกอย่ามัวติดภาพลวงตา ใช้ปัญญามองทะลุปรุโปร่งเอย
โอกาสเปิดรอพุทธบุตรบำเพ็ญไป ทั้งนอกในสละเวลาอย่าทำเฉย
อย่าได้กลัวคำครหาว่าเปรียบเปรย คำเยาะเย้ยติฉินหรือนินทา
บำเพ็ญธรรมยุคท้ายต้องศึกษาจริง อย่าประวิงเพราะจิตใจยังกังขา
จงยอมโง่เพื่อเรียนรู้ถ่องแท้นา อย่าเป็นทาสมารนอนหลับหนาน้องคนดี
สามัคคีคือพลังนะศิษย์น้อง ความปรองดองพาถึงฝั่งสมศักดิ์ศรี
อย่าเกียจคร้านสักทิวาหรือราตรี ใครไม่มีกำลังใจอย่าลืมให้กัน
น้องทุกท่านขอให้เสมอต้นและปลาย ปีนี้ทำได้ดีแล้่วอย่าแปรผัน
ยังจะต้องลงแรงจริงยิ่งเพียรหมั่น รู้จักตนเองนั่นประเสริฐเอย

ฮิ ฮิ

พระโอวาทพระนาจา

เมื่อสักครู่นี้เล่าเรื่องอะไรไป  เรื่องมารนอนหลับเขาให้เรานอนเยอะๆถ
นอนมากๆ  แล้วเราก็จะได้ไปนิพพานไม่ได้ใช่ไหม  อยากไปนิพพานหรือเปล่าถ
ชอบนอนไหม คนชอบนอนๆไม่หลับ คนไม่ชอบนอนๆไม่ตื่น แปลกดีนะ บนโลกนี้ ไม่มีอะไรลงตัวสำหรับเราเลยใช่ไหม แล้วอยู่ในโลกนี้ มีความสุขไหมล่ะถ
เล่านิทานให้ฟังดีกว่านะ ฟังไหม  มีภูเขาอยู่สองลูก ลูกหนึ่งชื่อภูเขาแห่งถ
ความสุข  อีกลูกหนึ่งชื่อภูเขาแห่งความทุกข์ สมมุติว่าท่านเป็นคนๆหนี่งที่จะเดินถ
ขึ้นไป  ท่านจะเดินขึ้นภูเขาลูกไหน  ใครอยากขึ้นภูเขาแห่งความทุกข์ยกมือขึ้น (นักเรียนชายคนหนึ่งยกมือแล้วพูดว่ารู้จักทุกข์จึงจะรู้ว่าสุขเป็นอย่างไร) แต่พอ ขึ้นภูเขาแห่งความทุกข์แล้วไม่ได้ลงมาอีกเลยนะ   ไหนใครอยากขึ้นภูเขาแห่ง ความสุข ยกมือขึ้น แสดงว่าอยากมืความสุขกันทุกคนเลยใช่ไหม คนดีกับคนไม่ดีถ
ท่านอยากเป็นคนไหน(คนดี)    พูดดีกับพูดไม่ดีท่านอยากเป็นคนไหน(คนพูดดี)  แล้วระหว่างคนดีกับคนไม่ดี ท่านทำตัวเหมือนคนดีหรือคนไม่ดีมากกว่ากัน  ลองถ
นับคะแนนในใจไว้นะ  ถ้าท่านบอกว่า ท่านเหมือนคนดีมากกว่าก็นับหนึ่งคะแนนถ
ให้ตัวเอง ถ้าบอกว่าเหมือนคนไม่ดีมากกว่าก็ติดลบหนึ่งคะแนน    ปกติเป็นคนถ
พูดดีหรือพูดไม่ดี  แล้วเวลาให้ทำดีกับทำไม่ดี  ท่านทำดีหรือทำไม่ดีมากกว่ากันถ
(ทำดีมากกว่า) แน่ใจหรือ  ถ้าหากลูกดื้อล่ะ ทำดีไว้ในใจ ทำไม่ดีอยู่ข้างนอกถ
ใช่ไหม  ระหว่างให้ช่วยเหลือตัวเองกับช่วยเหลือคนอื่นล่ะ  ช่วยใครมากกว่าถ
กัน(ตัวเอง)  คนที่เป็นคนดีมีความสุข หรือคนที่ไม่ดีมีความสุข คนพูดดีกับคนพูดถ
ไม่ดีคนไหนมีความสุข(พูดดี)     คนดิดดีกับคนคิดไม่ดีคนไหนมีความสุข(คิดดี)ถ
สรุปแล้วท่านจะต้องทั้งคิดดี พูดดี ทำดี ท่านถึงมีความสุขได้ ท่านต้องช่วยเหลือถ
ผู้อื่นท่านถึงมีความสุขได้ใช่หรือไม่   หากท่านทำอะไรทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด แต่ท่านถ
ก็ยังทำ ท่านก็จะทุกข์ใจไปเองใช่หรือไม่    เพราะฉะนั้น ภูเขาสองลูกนี้ก็อยู่ถ
ภายในใจของท่านเอง ปกติท่านเลือกเดินไปลูกไหนล่ะ   ตอนนี้ได้คะแนนสรุป หรือยังว่าท่านเดินขึ้นภูเขาลูกไหน (ไม่เดิน) ไม่เดินแล้วหรือ  มนุษย์นี่เปลี่ยนถ
ใจง่ายจริงๆเลยนะ เรียกว่าไปตามเหตุการณ์ ไปเรื่อยๆ  พอถูกใจก็เดิน ไม่ถ
ถูกใจก็ไม่เดิน  แล้วปกติถูกใจหรือไม่ถูกใจ  ปกติเจอเรื่องถูกใจหรือไม่ถูกใจถ
ปกติสมหวังหรือผิดหวัง  ตอนเด็กๆเราอาจจะแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งนี้ทำไป จะถ
ถูกหรือผิด แต่พอเราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็รู้สึกว่าเราพอจะแยกแยะถ
ออกบ้างว่าอะไรคือถูก อะไรคือผิด   ตอนนี้ท่านบอกว่า ท่านไม่มีความสมหวังถ
อย่างสุดๆ และไม่มีทั้งความผิดหวังอย่างสุดๆ  ท่านจึงต้องรู้จักที่จะแยกแยะว่าถ
ตอนนี้แหละท่ี่ท่านควรจะต้องบำเพ็ญธรรม หรึอว่าท่านจะปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปถ
เรื่อยๆ  ภูเขาแห่งความสุข วงเล็บก็คือสวรรค์ ภูเขาแห่งความทุกข์ วงเล็บก็ถ
คือนรก เพราะว่าเราจะมีความสุขได้ ต่อเมื่อเราคิดดี พูดดี ทำดี และทำเพื่อ ผู้อื่น  ถ้าเราทำเพื่อผู้อื่นมากๆก็มีบุญ   ท่านก็เดินเรื่อยๆๆๆจนถึงภูเขา แต่ถ้าถ
บอกว่าถูกใจก็จะเดิน ไม่ถูกใจก็เลิกเดิน แล้วตกลงท่านจะไปถึงไหน  ก็จะยืนถ
อยู่ที่เดิม ลองมองดูที่เดิมของท่าน ดูว่าชีวิตที่ผ่านมาของท่านทั้งหมดมีอะไรบ้างถ
(ไม่มีอะไรเลย) หาเงินตั้งนานไม่มีอะไรเลยหรือ   อย่าตอบเราแบบเด็กดื้อถ
ถ้าตอบแบบนี้ก็ไม่มีอะไรคุยกัน กลับดีกว่า (กลับไปไหน)    กลับไปที่ที่เรามาถ
พุทธะบอกว่าไม่โปรดคนไม่มีบุญ  เราบอกว่าเราไม่คุยกับคนดื้อ  ถ
ลองนึกดูว่าท่านมีอะไรบ้าง...ลูก สามีภรรยา ทรัพย์สมบัติ ความเป็นอยู่ถ
สภาพจิตใจ สภาพร่างกาย สภาพทุกอย่างที่มี   คิดว่าน่าพอใจไหม(ตอบยาก)ถ
คนที่มีความทุกข์  อยากแนะนำว่าเมื่อมีความทุกข์แล้วต้องรู้จักทำจิตใจให้สบายถ
ท่านต้องเดินไปยังภูเขาแห่งความสุข เดินไปยังสวรรค์แม้ว่าทางไปสวรรค์ของถ
ท่านจะรกสักหน่อย ท่านก็ต้องขยันถาง  อย่างเช่น ต้องมีเวลามาบำเพ็ญธรรมถ
ต้องมีเวลามาสถานธรรมบ้าง ไม่ใช่หายต๋อม   ถ้าหากว่าคนไหนคิดว่าตนเองถ
มีความสุขดีอยู่แล้ว และคิดว่านำ้หนักแห่งความสุขมีมาก   ท่านก็ต้่องรู้ว่าเมื่อมีถ
ความสุขอยู่ก็ดีแล้ว  เพราะคนส่วนใหญ่ถ้าทุกข์ก็จะรู้สึกหนักใจและบำเพ็ญไม่ได้ถ
แต่เมื่อท่านมีความสุข แสดงว่าท่านโชคดีกว่าคนอื่น   ท่านจะต้องพยายามที่จะถ
มอบความสุขให้กับคนอื่น เหมือนกับเราผู้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  เราก็อยากให้ท่านมีถ
ความสุขมากๆ แต่ว่าหัวใจท่านไม่เปิด หรือเปิดกันคนละนิดเดียว ถ้าเราอยากถ
ได้รอยยิ้มก็ต้องยิ้มให้คนอื่น  ถ้าบึ้งให้คนอื่นๆก็บึ้งตอบเรา  ถ้าเราช่วยคนอื่นๆถ
ก็ช่วยตอบ ถ้าเราเอาธรรมะไปให้คนอื่นล่ะ (เขาก็ดีกับเรา) อยากได้ผลตอบถ
แทนด้วยนะ  ถ
แอปเปิ้ลลูกนี้สวยแต่รูปจูบไม่หอม  ข้างนอกสวยแต่ข้างในไม่อร่อย ทุกคนถ
ในโลกนี้ก็เหมือนกัน บางทีก็ท่าดีมากเลย แต่ต่อด้วย(ทีเหลว)  ตอนที่เรามีใจถ
ที่จะบำเพ็ญธรรมะ เราเคยมีความคิดว่าต่อให้มีอุปสรรคเท่าไหร่เราก็จะสู้ แต่ถ
พออุปสรรคเข้ามาจริงๆ ครั้งแรกท่านยังทนไหว ครั้งที่สองผ่านไป พอเริ่มครั้งถ
ที่สามท่านก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่  แล้วท่านก็จะติดธุระเหมือนเดิม ไม่มีถ
เวลาเหมือนเดิม  ลงท้ายด้วยท่านยังไม่ทันได้บำเพ็ญ  ท่านก็ต้องจากโลกนี้ไปถ
แล้ว เพราะเวลาปีหนึ่งๆผ่านไปเร็วมาก ตอนนี้แต่ละคนอายุเท่าไหร่กันแล้วล่ะ อายุมากแล้ว เทียบกับเราแล้วมากกว่ากันเยอะ  แต่เราก็สำเร็จเร็วกว่าท่านถ
เพราะฉะนั้น ท่านจะแพ้เราไหม (ไม่แพ้) ตอบในใจก็แล้วกัน  บางคนตอบว่าถ
ไม่แพ้ แต่ในใจกลับคิดว่าแพ้แน่เลย (ยังไม่แพ้) อย่าไปแพ้ตอนใกล้ๆถึงเส้นชัยถ
ก็แล้วกัน น่าเจ็บใจที่สุด  ท่านต่้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง  ต้องมีความมั่นคงถ
ในธรรมะ แล้วตอบตัวเองว่าคนประเภทนี้จะแพ้หรือไม่แพ้        มีคำพูดว่า สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ    แล้วทุกท่านในที่นี้ก็มีสถานการณ์ที่รายล้อมท่านอยู่ถ
ทุกอย่างที่เป็นทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ท่านก็มีสถานการณ์ที่จะสร้่างท่านให้เป็นถ
วีรบุรุษ อยู่ที่ท่านเองจะเป็นวีรบุรุษหรือว่าจะหลุดถ
รู้ไหมว่า เวลาที่เราบอกว่าเรามีสถานธรรมที่ไม่ใช่ชั่วคราวอีกต่อไปแล้วถ
หมายความว่าเราพ้นไปจากช่วงของการบุกเบิกแล้ว พอท่านแสดงความจริงใจถ
ออกมา คนก็มากันมากมาย   ต่อไปนี้ ท่านต้องเห็นที่นี่เป็นสถานธรรมของท่านถ
เหมือนกัน   ถ
พูดถึงพระอาจารย์  ต้องบอกว่าพวกท่านโชคดีมาก  เราไม่ค่อยอยากมา แต่พระอาจารย์ก็บอกว่าให้มา เพราะครั้่งนี้คนเยอะแยะเลย  จะได้ไปเล่นกับถ
เขาให้สนุกไปเลย แต่ไม่รู้ว่าพวกท่านจะเล่นกับเราสนุกหรือเปล่า   สนุกไหมถ
เมื่อกี้ เราบอกว่าช้าๆได้พร้าเล่มงาม เขาก็เลยจะเขียนว่า ถามศิษย์น้องช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม  เขาจะให้ท่านช้ากว่านี้อีกนะ ช้ากว่านี้ไม่ไหวแล้วใช่ไหม  มีถ
จดหมายเตือนฉบับที่หนึ่ง...เรื่องอายุมากขึ้น  จดหมายเตือนฉบับที่สอง...ผมถ
ขาวบนหัวมีหรือยัง   จดหมายเตือนฉบับที่สาม...ร่างกายเริ่มเจ็บป่วยหรือยังถ
จตหมายเตือนฉบับที่สี่...     ตอนนี้เริ่มมีอาการปวดๆเมื่อยๆขี้เกียจๆหรือยัง ถ
จดหมายเตือนฉบับที่ห้า...ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าจะหาข้ออ้างได้เยอะขึ้นหรือยัง  ที่ถ
จริงแล้วฉบับที่สี่และฉบับที่ห้าต้องมาเป็นฉบับแรกๆ    เพราะหาข้ออ้างกันเก่ง ถ
ว่างก็บอกว่าไม่ว่างเพราะว่าไม่อยากจะมาถ
บางที การที่ธรรมะลงมาโปรด  อาจจะไม่ใช่ว่าพวกท่านเป็นคนไม่ดีหรือถ
เป็นคนชั่ว  แต่การช่วยพวกท่านขึ้นมาก็เพื่อให้พวกท่านได้มีโอกาสไปช่วยคนอื่นถ
ที่เขาไม่สามารถจะแยกแยะถูกผิดออกจากกันได้ ที่เขาคิดว่าถูกและผิดนั้นคือสิ่งถ
เดียวกัน นี่เป็นหน้าที่ของคนทุกคนที่ยังมีกายสังขาร มีสติและเรียกตัวเองว่าผู้มีถ
ปัญญา เป็นสิ่งจำเป็นที่ท่านต้องไปทำ  พวกท่านบอกว่าท่านเป็นคนดีแล้ว เราก็ถ
คิดว่าเป็นเช่นนั้น แต่ท่านอย่าลืมว่ายังมีคนไม่ดีอีกมาก ที่พวกท่านจะต้องไปช่วยถ
ถ้าหากว่า ท่านไม่ทำอะไรเลย ท่านก็ดีของท่านคนเดียว ดีในบ้านของตัวเองก็ถ
พอ ลูกของท่านก็ดี ท่านรู้ได้อย่างไรว่าลูกของท่านดี เพราะเขาอยู่ในบ้านเขาถ
ดี แต่เวลาที่เขาออกไปนอกบ้านเขาเป็นอย่างไร ท่านก็ไม่สามารถรู้ได้   ถ้าถ
ท่านเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มองเห็นคนดีมีประปรายอยู่เป็นจุดๆท่านจะทำอย่างไร  ในถ
โลกปัจจุบันที่ธรรมชาติถูกทำลายลงก็เริ่มมีการรวมพลังกันอนุรักษ์ธรรมชาติและ ต่อต้านการทำลายที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ  เบื้องบนก็เช่นกัน เมื่อมองเห็นคนชั่วมากถ
ขึ้น เบื้องบนก็หาทางรวมคนดีเป็นกลุ่ม หาวิธีการช่วยเหลืออนุรักษ์ความดีให้คงถ
ไว้ เพราะฉะนั้น เมื่อท่านมั่นใจว่าท่านเป็นคนดี จงรักษาความดีไว้ เหมือนกับ เกลือรักษาความเค็ม     รักษาความดีของท่านให้เหมือนความเค็มของเกลือ  (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจกเกลือให้นักเรียนทีละคน)   เกลือถ้วยเล็กๆแจกทุกคน แล้วก็ยังมีเหลืออีก  ความดีก็เหมือนกับเกลือ คนเอาไปทีละนิดๆก็ยังไม่หมด ถ
กินเกลือแล้วหิวนำ้ใช่ไหม  น่าสงสารนะ  เป็นมนุษย์นี่พอกินเค็มก็เอาหวานดับถ
พอกินหวานก็เอาเค็มต่อ   ถ
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้เอานำ้มาให้นักเรียนดื่ม) รักกันเหมือนพี่น้อง ดื่มนำ้ร่วมถ
สาบานนะ มีน้อยก็ดื่มน้อย  เวลาดื่มนำ้ต้องรู้จักแบ่ง แบ่งสัดส่วนของนำ้ว่า ดื่ม เท่าไหร่จึงจะพอไปถึงคนหลังสุด ก็เหมือนกับการแบ่งเวลา การที่เราทำอะไรถ
สักอย่าง เราอาจจะไม่รู้ไปถึงจุดจบ เราก็ต้องแบ่งเวลาทั้งๆที่ไม่รู้  แบ่งให้ดีถ
ที่สุด ให้มากที่สุด ดื่มนำ้แก้วเดียวกัน ตามหลักโภชนาการทางโลกอาจจะไม่ถูก ต้อง  แต่ตามหลักสามัคคีก็ถูกต้อง ดื่มนำ้เข้าไปแล้วให้คิดว่าสถาน(เรือ)ธรรม ลำนี้เป็นเหมือนกับบ้านของทุกท่าน ก็ขอให้ทุกท่านสามัคคีคือพลัง ถ
คนเราเมื่อคิดในทางที่ดีจิตใจก็จะสบาย เวลาเราจะเข้ามาบำเพ็ญธรรมถ
ทุกอย่างก็เหมือนกับจะมีระเบียบ มีกฏ บางคนคิดว่ากฏระเบียบมากเกินไป แต่ถ
ว่ากฏระเบียบก็เป็นเหมือนกับทางเดิน  จะกว้างหรือจะแคบเท่าไหร่ไม่ใช่อยู่ที่ถ
ว่าท่านเปิดใจกว้างหรือแคบเท่าไหร่ กฏระเบียบก็เหมือนกับอิ""ฐที่วางไว้กั้่นเป็นถ
ทางให้ท่านเดิน    ถ้าหากว่าท่านไม่อยากให้มีกฏระเบียบความยุ่งยากนั้นเลยถ
ท่านก็เดินไปในทางที่หญ้าจะขึ้นรก  แต่ถ้าท่านมีกฏระเบียบ  ตัวท่านเองก็จะมีถ
ระเบียบ คนที่เดินตามหลังท่านมาก็จะมีระเบียบเช่นกัน การฝึกระเบียบวิธีการถ
ไหว้พระ เพื่อช่วยให้ท่านได้รู้ ได้เข้าใจ ได้เรียน  เหมือนอย่างที่คนข้างหน้าถ
เรียน และคนที่ต่อจากท่านไป ไม่ว่าจะเป็นคนประเภทไหนเข้ามา  จะเป็นคนถ
ประเภทที่รู้จักกฏระเบียบดี หรือเป็นคนไม่ชอบกฏระเบียบ หรือเป็นคนที่ปกติไม่ถ
อยากจะรักษาระเบียบอะไรในชีวิต เขาก็จะต้องมาหัดกฏระเบียบต่างๆเหมือน กับที่ท่านไหว้พระเยอะๆเมื่อเช้านี้   บางคนก็ไหว้เป็น   บางคนก็ไหว้ไม่เป็น บางคนก็ว่าเยอะไป บางคนก็ว่าทำได้ ทำไหว  ถ้าหากว่าท่านมีระเบียบตลอดถ
การบำเพ็ญก็เหมือนกับท่านมีทางตลอดไปในการบำเพ็ญของท่าน  แต่ว่าการจะถ
ทำอะไรสักอย่าง จะต้องรู้จักการพลิกแพลงให้เกิดความพอดี  อย่างเช่นเมื่อกี้ถ
ผู้ชายมากราบพระได้หมด   ส่วนผู้หญิงกราบรับเราได้หมดทุกคนไหม (ไม่ได้)ถ
เพราะติดเก้าอี้ ท่านจะทำอย่างไร   ถ้าท่านจะคุกเข่าลงไปให้ได้ หัวก็จะไปถ
โขกกับเก้าอี้ ท่านก็จะคิดว่า ทำไมต้องทำแบบนี้  เพราะท่านรู้แต่เพียงว่ากฏก็ถ
คือกฏ  ระเบียบก็คือระเบียบ  ท่านก็จะคุกเข่าลงไปให้ได้  หัวก็จะไปโขกกับถ
เก้าอี้จนเจ็บตัว แต่ถ้าท่านรู้ว่า กฏระเบียบคือสิ่งที่หมายถึงอะไร และมีไว้เพื่อ อะไร  ท่านก็จะลุกขึ้นยืนตัวตรง แล้วโค้งอย่างสวยงาม  เพราะฉะนั้นในการ บำเพ็ญธรรม ในเรื่องของการมาสถานธรรม และในอีกหลายๆเรื่องนั้น ก่อนที่ จะพลิกแพลงเป็น ท่านต้องศึกษาให้มากพอ เข้าใจให้ถ่องแท้  คนที่เพิ่งประชุมถ
ธรรมไปและมีใจที่จะบำเพ็ญ  ท่านต้องตอบคำถามตัวเองก่อนว่าวันนี้ท่านอยาก บำเพ็ญธรรมเพราะอะไร เพื่อการหลุดพ้น หรือเพื่อขอ   ถ้ามุ่งหมายเพื่อการ หลุดพ้น นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านเดินไปถึงวันสุดท้าย  เดินไปถึงจุดหมายปลาย ทาง แม้ว่าอุปสรรคจะขวางหน้าอีกเท่าไหร่ ท่านก็จะยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินต่อไป เรื่อยๆๆ   แต่ถ้าไม่ใช่ ท่านก็อาจจะเดินๆๆ แล้วพอไม่ได้อย่างที่ขอ ท่านก็จะถ
กู๊ดบาย ซาโยนาระ ใช่ไหม   เพราะอะไร  เพราะเราไม่ได้อย่างที่เราขอถ
ฉะนั้น การบำเพ็ญธรรมจึงต้องอดทนถ
รู้จักกองไฟไหม  ไฟร้อนไหม  กองไฟเปรียบเหมือนอะไร (ความทุกข์,ถ
กิเลส, ตัณหา, ความโลภ, ความโกรธ, ความหลง, สิ่งยั่วยวน) สิ่งต่างๆที่ถ
กล่าวมาต้องมีที่ส่งออกมา แต่สำคัญที่สุดไม่ใช่สถานีส่ง แต่คือสถานีรับ และเรา ทุกคนก็ทำตัวเป็นสถานีรับใช่หรือไม่ ถ
ทุกท่านมาอยู่ที่นี่ถึงแม้ว่าตัวท่านอาจจะมีพื้นฐานธรรมกันมาบ้าง  แต่ก็ต้องถ
ยอมรับว่ามีบางเรื่องที่ท่านก็ยังไม่รู้  โดยเฉพาะเรื่องการโปรดยุคสามนี้ ท่านถ
ก็ต้องรู้น้อยกว่าคนที่ศึกษามาก่อนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องในสถานธรรม ท่านก็ ต้องรู้น้อยกว่าคนที่คลุกคลีอยู่ในสถานธรรม เพราะฉะนั้น ท่านก็ต้องยอมที่จะโง่ บ้างเพื่อให้ท่านฉลาดมากยิ่งขึ้น ไม่มีใครรู้ตลอดทุกเรื่อง  ท่านเองก็เหมือนกันถ
เป็นทาสมารนอนหลับหรือเปล่า ยังมีอีกตั้งหลายมาร เช่นมารในจิตที่ได้ถ
รับหน้าที่ในการทดสอบว่าท่านยังมีกิเลสหนาเท่าไหร่  อย่างเช่น เขาจะเอา สิ่งมายั่วยวนท่าน ดูว่าท่านจะหลงตามไหม ถ้าจิตใจของท่านยังเหลือสิ่งที่เป็นถ
กิเลสทั้งหลาย พอเขาเอากิเลสมาล่อ แล้วท่านเปิดเครื่องรับๆมาปุ๊บ  แสดงถ
ว่าในใจของท่านยังมีกิเลสเหลืออยู่ ท่านก็จะโดนสอบตกทันที ทำไมต้องมีการ ทดสอบในยุคสมัยนี้  เพราะการบำเพ็ญเป็นพุทธะในสมัยนี้เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าถ
ในสมัยก่อน แต่ท่ามกลางความง่ายก็มีความยากเกิดขึ้น เพราะว่าไม่ได้เรียกถ
ร้องให้ท่านสละอะไรเลย ให้ท่านมีทุกอย่างพร้อมบริบูรณ์เหมือนเดิม  แต่ท่านถ
ต้องสละท่ามกลางโลกใบเล็กๆนี้   สละความสุขส่วนตัวเพื่อความสุขส่วนรวมถ
นี่คือการเสียสละ  แต่ท่ามกลางความเสียสละนี้ เมื่อเทียบกับสมัยก่อนก็เทียบถ
ไม่ติด  แต่ท่านสามารถจะสำเร็จไปเหมือนท่านเหล่านั้นได้เช่นกัน   อยู่ที่ว่าถ
ท่านแน่พอหรือไม่ เอาจริงหรือไม่ บำเพ็ญจริงหรือไม่  เพราะว่าทางด้านรูปถ
กายภายนอก ทางด้านสิ่งใดๆอาจจะไม่ต้องพูดถึง  แต่ทางด้านจิตใจ ท่านจะถ
ต้องสูงเท่าระดับของเมื่อก่อน  ใช่ ยากมาก แต่หากทำทุกวันก็ง่าย ถ้าไม่ทำถ
ทุกวันก็ยาก   แค่ทิ้งไปสามวันก็ลืม(ลืมแน่นอน)  รู้ว่าแน่นอนแล้วยังไม่ทำตัวถ
ให้แน่เลยถ
ใครอยากกลับบ้านแล้วยกมือขึ้น เดี่๋ยวเราจะได้กลับเหมือนกัน บ้านใครถ
บ้านมัน เรารู้นะว่าท่านอยากกลับไปบ้านเรา เพราะบ้านเราดีนะ แต่พอท่านถ
ขึ้นไปปุ๊บ ท่านก็เด้งลงมาเลย เหมือนติดสปริงเลย (เพราะอะไร)เพราะว่า ดินแดนที่ไม่มีกิเลสนั้น คนมีกิเลสอยู่ไม่ได้   หลายคนคิดว่าตัวเองบำเพ็ญได้ดีถ
จริง  แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว ไม่ใช่ว่าเบื้องบนปฏิเสธไม่ให้ท่านอยู่ แต่ท่านถ
ปฏิเสธตัวเองที่จะอยู่ เพราะว่าท่านอยู่ไม่ได้เอง   เบื้องบนไม่ใช่ที่ของท่าน เหมือนมีดกับหินลับมีด ท่านอยู่ในโลกท่านเป็นมีดและก็มีหินลับมีด  แต่เบื้องบนถ
ไม่มีหินลับมีด นานๆไปท่าน(มีด)ก็ทื่อ และในที่สุดมีดก็มาหาหินลับมีดเองถ
คนทุกคนนั้นบำเพ็ญก็บำเพ็ญที่ใจ   และสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในใจของท่านก็คือถ
จิตที่มีความศรัทธา เพราะว่าจิตที่มีความศรัทธานั้นสามารถทำอีกหลายๆอย่างถ
ให้เกิดขึ้นได้  แต่ว่าท่านอย่าได้ศรัทธาอย่างงมงาย  เช่น ศรัทธาในการติดถ
รูปลักษณ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นศรัทธาที่งมงาย  เพราะว่าเรา(สิ่งศักดิ์สิทธิ์)ก็ ไม่ใช่คนๆนี้ เรามาที่นี่ก็แค่ชั่วคราว หากท่านจะยึดอะไรสักอย่างหนึ่ง ถ้าบอกถ
ว่าไม่ให้ท่านยึดอะไรเลย ท่านก็จะเคว้งคว้างไปมา เดี๋ยวก็ลอยไปชนกำแพงถ
ข้างโน้นที ลอยไปชนข้างนั้นที  ก็ให้ท่านยึดหลักสัจธรรม ยึดการศึกษาธรรมะถ
เป็นหลัก  ถ
    การบำเพ็ญธรรมนั้่นวิธีการทำทานทำได้หลายอย่าง   เช่นการพูดถ
ธรรมะก็เป็นทานอย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเงินทอง  ใช้กำลังแรงกายถ
อย่างเช่นคนที่กำลังทำอาหารให้เราทานอยู่ข้างในนั้น น่ารักไหม เขาทำไปก็ ยิ้มไป ท่านทำได้ไหม เวลาที่เห็นเขายิ้มแล้วท่านมีความสุขไหม(มี)แล้วเวลาถ
ที่กินอาหารเขาอร่อยไหม(อร่อย) แปลกจริงๆ ทำไมเราทำไม่ได้ ทำไมเขาถ
ทำได้ (เขามีบุญ)ไม่ใช่เพราะเขามีบุญ  ท่านทุกคนก็มีบุญ ถ้าไม่มีบุญจะมารับ ธรรมะไม่ได้รู้ไหม ต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าท่านก็เป็นหนึ่ง..คนไทยชอบพูดว่าถ
อะไร..หนึ่งในตองอู  ท่านก็เป็นที่หนึ่งเหมือนกัน ท่านต้องเชื่ออย่างนี้  เชื่อถ
ว่าท่านก็มีสิทธิ์ที่จะบำเพ็ญจนบรรลุเป็นพุทธะได้เช่นกัน  เพียงแต่ว่าท่านจะทำถ
หรือไม่ทำ จะไปหรือไม่ไป ถ
คนที่ชอบพูดว่าที่ไหนดีฉันก็ไปหมดเลย  จะเล่าเรื่องสมมุติให้ฟัง  มีคนๆถ
หนึี่ง เป็นคนไทยมาเรียนที่อเมริกา ภาษาไทยไม่ค่อยแตกฉานเท่าไหร่ พอมา เรียนที่นี่ต้องใช้ภาษาอังกฤษๆก็ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่  พอมาบำเพ็ญธรรมแล้วก็ถ
ต้องใช้ภาษาจีนด้วย ทีนี้ภาษาจีนก็ไม่ค่อยเอาไหน  สรุปแล้วสามภาษาก็สำคัญถ
ทั้งนั้น สุดท้าย คนๆนี้ก็ไม่ได้ภาษาไหนเลย  อยู่ไปนานๆภาษาไทยก็ลืม ภาษาถ
อังกฤษก็ลุ่มๆดอนๆ  ภาษาจีนก็ไม่ค่อยกระดิกเลย   เปรียบเทียบเหมือนการถ
บำเพ็ญธรรมของเรา ท่านก็พูดถูกที่ว่าที่ไหนดีก็จะไป ถ้าที่ไม่ดีก็ไม่ไป  แต่ถ้าถ
จะพูดประโยคนี้ ควรพูดว่า..ที่ไหนดีฉันก็จะไป แต่จะไปศึกษาดูให้รู้จริงในถ
ทุกๆที่ที่ไป  เมื่อเจอสิ่งไหนที่ดีกว่าก็จะพยายามบำเพ็ญในทางนั้นให้ดีที่สุด  เหมือนอย่างวันนี้ที่มาที่นี่ ถ้าหากพูดกันอย่างยุติธรรม  เราไม่บอกท่านว่าที่นี่ดี ถ
ที่สุด  แต่ว่าท่านต้องศึกษาที่นี่ให้รู้จริงก่อนที่ท่านจะไปที่อื่น    มิฉะนั้นท่านจะถ
เหมือนมีขาอยู่สองขาแต่เหยียบเรืออยู่ห้าแคม  จะเหยียบอย่างไรเราก็ยังนึกถ
ไม่ออก อย่างน้อยๆท่านก็ไม่ได้เหยียบอยู่แค่สองแคม   บางคนอาจจะเหยียบ มากกว่านั้นอีก เพราะฉะนั้น  ท่านต้องพยายามที่จะศึกษาให้เข้าใจมากกว่านี้ถ
รู้จักตัวเองไหม ถ้าใครอยากฟังเรื่องรู้จักตัวเองต้องไปฟังพระอาจารย์ถ
จี้กง ถ้าใครยังไม่เคยฟังให้ไปหามาอ่าน  เอาไว้วันหลังเราเจอกันใหม่ คน ที่มาสถานธรรมในวันนี้ เราบอกได้ว่าท่านทุกคนอย่างน้อยได้สละเวลาของตนถ
ได้เปิดใจของตนเองแล้วจึงสามารถมาที่นี่ได้ เมื่อท่านเปิดใจ  ทางเบื้องบน ถ
ก็เปิดให้ท่าน ท่านก็มีโอกาสเข้าไป  มีโอกาสก็ขอให้ศึกษาให้มากๆ  ถ้าไม่มีถ
โอกาส เอาหนังสือไปเปิดอ่าน เมื่อมีอะไรสงสัย  ก็มาถามอาจารย์ถ่ายทอดถ
เบิกธรรม  ปีหน้าขอให้เราได้เจอกับท่านอีก ไม่ว่าเราจะได้เจอกันชนิดเห็น กันอีกหรือไม่ ก็ขอให้ทุกท่านได้สละเวลามาเช่นนี้ทุกๆปี เมื่อศึกษาธรรมไปสัก ช่วงหนึ่ง จนอยู่ตัวแล้ว ท่านจะรู้ว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่ แต่ตอนนี้ท่านอาจจะ ยังตอบตัวเองไม่ได้ ตอนนี้อาจจะรู้อะไรได้ไม่ชัดเจน  แต่ถ้าหมั่นศึกษาบ่อยๆ ท่านต้องตอบตัวเองได้แน่นอนว่าท่านกำลังจะทำอะไร และตอนนี้ท่านกำลังทำ อะไรอยู่  ถ
อย่าลืมที่เราบอก มีภูเขาอยู่สองลูก  ภูเขาแห่งความสุข และภูเขาแห่ง ความทุกข์    หากว่าท่านคิดดี พูดดี ทำดี ช่วยเหลือผู้อื่น ท่านก็จะมีความสุข  จะเลือกเดินไปทางไหนขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง ทำดีทำไม่ดี พูดดีพูดไม่ดี..นินทา ขนาดว่ามีคนไทยน้อยอย่างนี้ก็ยังแอบนินทากันได้เลย   ท่านก็รู้ว่าเราบำเพ็ญถ
ธรรมแล้ว ถ้าหากรู้สึกว่าอยากจะนินทาเมื่อไหร่ก็(รูดซิปปาก)ถ้าหากอยากจะ ว่าใครก็(รูดซิปปาก)  ถ้าหากกำลังคิดว่าจะทำความดีสักอย่าง  แต่ต้องเสียถ
เปรียบ เอาเปรียบตัวเองนิดหน่อยก็ขอให้ท่านเสียสละออกไป    เพราะนั่น แสดงให้เห็นถึงความไม่เห็นแก่ตัวของท่าน  เมื่อท่านทำได้หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง  จนชิน  เมื่อทำดีเล็กๆน้อยๆ  ท่านจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ   ต่อไปท่านจะทำความดีเพิ่มมากขึ้นๆๆๆ     แบบมือที่แยกกว้างออกไปเรื่อยๆ ถ
 ถ
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนยืนขึ้น  กางมือออก  ร่วมกันร้องเพลงส่ง) ทำจิตใจให้กว้างๆ ยิ้มกว้างๆเหมือนพระศรีอารย์ด้วยถ

บนแดนฟ้า พุทธาไปอยู่แห่งใด  มองมองไป พุทธาลงแดนโลกมา  คราวก่อนว่าจะบำเพ็ญ แต่แล้วไยลืมง่ายง่าย เร็วเร็วอย่านานไป   พุทธา มาคืนบ้านมาถ
ลงแรงหนา  สามทางทรัพย์กายและใจ  เพลียแรงใจ  สังคมมีถ
คำรำ่ลือ  เป็นสุขได้ครั้งได้คราว  ยุคขาวดังบัวบานใกล้   คนรู้อย่านอนใจถ
พุทธาเร็วเร็วรีบมา ถ
เพลงพระโอวาท... ไปไหนดี ทำนองเพลง...  มองมองหาถ

อ่านต่อ...

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2543

2543-09-17 สถานธรรมหยูซื่อ ไมอามี่ (ไม่สมบูรณ์)


วันอาทิตย์ที่ 17กันยายน 2000 สถานธรรมหยูซื่อ ไมอามี่

พระโอวาทท่านหนันผิงเซียนถง
ต่อกรกับศัตรูที่ไร้รูปลักษณ์ ต้องตระหนักจิตตนเข้มแข็งพอไหม
ความเจ็บป่วยยากจนคนไม่พอใจ กิเลสร้ายโลภโกรธหลงจิตฉันทา
เราคือ
หนันผิงเซียนถง รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่สถานธรรมหยูซื่อ  แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามเซียนถงน้อยน้อยมีความสุขหรือเปล่า
  โปรดสนใจสละเวลามาสถานธรรม และไม่ย่ำอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้า
มีปัญหาต้องแก้ไขด้วยปัญญา อันเมตตาหมั่นแสดงออกทั้งนอกใน
ศึกษาแล้วต้องฝึกหัดปฏิบัติเป็น ความลำเค็ญทำให้คนนั้นยิ่งใหญ่
อย่าได้กลัวอุปสรรคที่สอนใจ หัดครวญใคร่อย่างกล้าหาญผ่านแน่เอย
ตั้งจุดหมายแห่งชีวิตกันดีไหม ต่อความหลงมากมายให้เพิกเฉย
ต่อความคิดดีงามให้ยาวเอย อย่าละเลยชีวิตตนสักนาที
กายอันนี้เป็นกายปลอมไม่ยาวนาน กลับคืนบ้านหลุดพ้นด้วยไม่คิดหนี
หันหน้าสู้ความจริงทั้งชีวี เพราะเวลาวารีไม่คอยใคร
มีโอกาสวันหน้ามาเจอกันอีก ดังติดปีกสู่ฟ้าที่สว่างใส
ไม่กลัวยากกลัวแต่ท่านไม่มีใจ บำเพ็ญยุคปลายต้องไร้จิตอวิชชา
ฮิ  ฮิ  หยุด

     หมายเหตุ : กลอนที่ขีดเส้นใต้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมแต่ง 
     
     
พระโอวาทท่านหนันผิงเซียนถง

มีคนคิดถึงเราหรือเปล่า(คิดถึง) แล้วเราเป็นใครล่ะ (ไม่ทราบ)  ไม่ทราบแล้วมาคิดถึงเราได้อย่างไร  เวลาคิดถึงคนต้องรู้จักชื่อคนที่เรา คิดถึง ไม่อย่างนั้นคิดถึงไม่ถูก  ที่นี้ท่านก็คิดถึงแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่สนใจว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหน ขอให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ใช้ได้ แสดงว่าทุกท่านก็ติดรูปลักษณ์ใช่หรือเปล่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงนี้เต็มไปหมด ท่านก็มองไม่เห็น ท่านก็ไม่รู้ ท่านก็อยากจะดูใช่หรือเปล่า (ใช่)  อย่างนี้ดีหรือไม่ (ไม่ดี)  ไม่ดีเลย   ถ้าวันนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มาเป็นยังไง (เสียใจ)ทำไมเสียใจง่ายจัง เวลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาท่านก็ยึดแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์  เวลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วท่านจะยึดอะไรล่ะ ต้องหัดยึดสัจธรรม   สัจธรรมแปลว่าอะไรล่ะ
ในวันนี้ทุกท่านมาสถานธรรมไม่ใช่เป็นครั้งแรก อาจจะเป็น ครั้งที่เท่าไรก็ได้ แล้วแต่???•บ่อย เรามาสถานธรรม ก็เพื่อจะศึกษาธรรมะ ธรรมะนั้นอาจจะแปลว่าเป็นความดี ในภาษาจีน อาจจะแปลว่าทาง ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นรูปลักษณ์ ถ้าท่านยึดแล้ว ก็จะมีแต่การเข้าไม่ถึงธรรมะที่แท้จริง การศึกษาสัจธรรมก็เพื่อที่จะเอา มาใช้ สัจธรรมแปลว่าธรรมะที่เป็นความจริง แปลง่ายๆ ตรงตัว  แต่ที่เราให้ทุกท่านแปล เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าท่านยังเข้าไม่ถึงสัจธรรมเลย   ทุกวันนี้ก็ยังมีทุกข์อยู่ ทุกวันนี้ก็ยังมีสุขอยู่ ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้นำธรรมะมาใช้ ในชีวิตจริงๆ จึงยังมีสุขและทุกข์ เวียนว่ายตายเกิด  ทั้งๆที่ยังไม่ได้ ตายลงเลย ถ้าอยากพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ก็ต้องศึกษาสัจธรรม และนำมาใช้ นำมาปฏิบัติ  ทุกท่านจะเข้าถึงคำว่าสัจธรรมคำนี้ได้ ต่อเมื่อทุกท่านได้ลงมือบำเพ็ญแล้วเท่านั้น หากไม่ลงมือบำเพ็ญก็ไม่ได้ เข้าถึงคำว่าสัจธรรม     แม้จะมีคนที่อธิบายได้ดีกว่าทุกท่านตรงนี้ อธิบายได้ดีกว่าคนที่ยืนเมื่อสักครู่นี้ทั้งหมด แต่หากว่ากระทำไม่ได้ นำไปใช้ไม่ได้ ปฏิบัติไม่ได้ ก็ถือว่าเข้าไม่ถึงเหมือนกัน  เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคำแปลของท่านจะดีหรือไม่ดีอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปกลุ้มใจ จะกลุ้มมากๆ ก็ตรงที่ทุกท่านรู้แล้วแต่นำไปปฏิบัติไม่ได้ ในเมื่อรู้ว่าการที่ เราโกรธนั้นเป็นเรื่องไม่ดี ก็ต้องโกรธน้อยๆ เพราะว่าทำใจได้ จึงโกรธน้อยลง แต่หากว่าท่านหายโกรธไม่ได้ ระงับอารมณ์โกรธของ ตัวเองไม่ได้ ก็แสดงว่าท่านยังเข้าไม่ถึงสัจธรรม
ต่อกรกับศัตรูที่ไร้รูปลักษณ์
มีอะไรบ้างที่เป็นศัตรูที่ไร้รูปลักษณ์ของพวกท่านความที่คนไม่พอใจเรา กิเลสรัก โลภ โก?? หลง ทั้งหลายนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปลักษณ์  เราต้องต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ให้ชนะให้ได้  สิ่งที่ไม่มีรูปลักษณ์เหล่านี้ท่านจะต่อสู้กับเขา??????(ด้วยจิตใจ,ใช้ธรร?)(????????ร้องเพลงต้อนรับ เพื่อต้อนรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์)  คนที่ร้องไม่ได้แสดงว่าไม่เก่าจริง วันนี้ชั้นเรียนญาติธรรมอะไร (ญาติธรรมเก่า) เก่าอะไร อะไรเก่า (เก่าเพราะอยู่นาน)เก่าเพราะ บำเพ็ญเท่าไหร่ก็เหมือนเก่า ไม่มีอะไรก้าวหน้าขึ้นเลยใช่หรือเปล่า  คำว่าเก่านี้อะไรเก่า เก่าอายุเยอะหรือเปล่า เก่าเพราะว่าแก่แล้ว ใช่ไหม(ไม่ใช่) คำว่าเก่านี้แสดงว่าเรามีอายุทางธรรมมากขึ้นใช่หรือไม่ (ใช่)  อายุทางธรรมของเรามากขึ้น อายุทางโลกของเราก็มากขึ้น  เราจะปล่อยให้อายุมากขึ้น อายุทางธรรมก็มากขึ้น แต่ไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลงเลยไม่ไ??  เพราะว่าการบำเพ็ญธรรมก็คือการเปลี่ยนแปลง ตัวเราเองไปในทางที่ดี ถ้าหากว่าเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วไม่ยอมดีขึ้นสักที ก็เรียกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลง เรียกว่าเป็นคนที่พยายามแล้วยังไม่ได้ลงมือ ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  ฉะนั้นต้องยอมลงมือสักทีดีหรือไม่ (ดี)  กินเจหรือยัง(กินแล้ว) มีเวลาว่างมาสถานธรรมหรือเปล่า(มา)  เวลา คนเขายั่วโมโหโกรธไหม(ไม่โกรธ) เวลาคนเขาขโมยเงินไปโมโหไหม
คำว่าญาติธรรมเก่านั้น จะต้องมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง  จากกิเลสหยาบที่ท่านได้รู้จักดี จากกิเลสที่ท่านมีอยู่ ทุกวันจะต้องดีขึ้น เรื่อยๆ  คนที่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ คนที่เล่นการพนัน ก็ต้องเลิกให้ได้ นี่เรียกว่าการเลิกกิเลสหยาบเฉพาะตัวของเรา
เดี๋ยวร้องเพลงอีกรอบหนึ่ง เอาแบบยิ้มหวานๆ แต่ว่าเวลาเรายิ้ม เราต้องยิ้มออกมาจากความจริงใจ  ถ้าหากว่าไม่จริงใจ ยิ้มออกมา เราก็รู้สึกแย่เองใช่ไหม  เพราะฉะนั้นต้องยิ้มออกมาแบบจริงใจ ปรบมือให้ประสานกับเสียงเพลง ?????แสดงถึงความสามัคคีและมีพลังของ พวกเรา เอาออกมาจากใจของเราเลย  เพราะว่าคนถ้าหากว่ามีใจ ก็ทำได้ทุกอย่าง เหมือนคนตกใจ เวลาไฟไหม้บ้านก็ยกโอ่งออกมาทั้ง?ล? เพราะว่าใจมีพลัง  ???ร่างกายยังเจ็บป่วยเหมือนเดิม แต่ไฟไหม้บ้าน ตกใจก็เลยอุ้มออกมาเลย  เพราะฉะนั้นเวลาเรามีใจจะบำเพ็ญธรรมะ เราก็มีแรงยกโอ่งเหมือนกัน เชื่อตัวเองไหม (เชื่อ)
วันนี้มาฟังธรรมะแล้วก็ต้องเก็บไปปฏิบัติให้หมด ถ้ามีเวลาว่างก็ต้อง มาสถานธรรมบ่อยๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนที่สามารถจะสอนธรรมะ ให้พวกท่านได้ แต่พวกท่านรู้ไหมว่า ถ้าหากพวกท่านขยันมาสถานธรรม แม้แต่พวกท่านกัน??ท่านก็สามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อธรรมะต่อกันไ?? ไม่แน่คนที่อยู่ที่นี่ อาจจะมีใครที่เก่งยิ่งกว่าอาจารย์บรรยายธรรม ???? เก่งยิ่งกว่าอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมก็ไม่แน่  เราก็ยังสามารถที่จะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกันได้ เวลาท่านมาสถานธรรมท่านก็เหมือนกับ ก้อนหินก้อนหนึ่ง ????ลี่ยมมีมุมเยอะ เวลาท่านเข้ามาถึงสถานธรรม ในสถานธรรมก็เหมือนตระแกรงร่อนอันหนึ่ง ???ร่อนท่าน เวลา•?? เหลี่ยมขัดกันเป็นยังไง เจ็บไหม (เจ็บ)  นิดหน่อยนะ ไม่มากหรอก แต่ว่าก็ต้องโดนกันบ้าง ในที่สุดแล้วขัดกันมากๆ เป็นยังไง ก็จะไม่มีคม  จิตของพวกท่านก็คือก้อนหินที่เราเปรียบเทียบนี้ จิตของท่านก็จะกลมใ? ฉะนั้นเราอยากให้พวกท่านมาสถานธรรมบ่อยๆ เพื่อที่จะมาขัดเกลา จิตของตัวเอง แม้ว่าจะไม่มีใครสามารถที่จะสอนพวกท่านได้ ท่านเองเมื่อเข้ามาในสถานธรรม พบผู้ร่วมบำเพ็ญธรรมด้วยกัน ถ้าหากว่าคนนั้นเขาติท่านหน่อย คนนี้เขาชมท่านหน่อย ท่านจะเลือกชอบ แต่คนที่ชมท่าน แล้วก็ไม่ชอบคนที่ติท่านได้หรือไม่ (ไม่ได้)  เราก็ต้องชอบทั้งหมดใช่หรือไม่  เมื่อมีคนติ เราก็ยิ้มให้ ยิ้มแล้วก็ขอบคุณ  การยิ้มต้องยิ้มออกมาจากใจจริงๆ เวลาคนยิ้มแล้วไม่ได้ออกมาจากใจ ท่านดูออกไหม(ดูออก)ชอบไ?ม(ไม่ชอบ)  ฉะนั้นเวลา•??ยิ้มให้ใคร ก็ต้องยิ้มออกมาจากใจจริ ดีใจก็ดีใจออกมาจากจิตใจ  หากท่านโกรธ ก็อย่าโกรธไปทั้งวัน เวลาเราโกรธใคร ส่วนใหญ่เราจะโกรธ ข้ามวันเลยใช่ไหม (ใช่)  ไม่ใช่โกรธแค่วันเดียว แต่โกรธสองวัน สามวัน  คนที่ท่านโกรธ เขารู้ไหม (ไม่รู้)  เขาไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือแต่ใครโกรธ (ตัวเราเอง)  เหลือแต่ตัวเรา จุดไฟใส่เชื้อ เป็นไงเผาตัวเองจนไม่เหลือแล้ว  เพราะฉะนั้นถ้าหากว่ามีความโกรธ ก็อย่าโกรธไปทั้งวัน ขอแค่ชั่วโมงหนึ่งพอไหม แต่ชั่วโมงนี้ห้ามออกไป เจอหน้าใคร ไม่อย่างนั้นคนนั้นก็จะโดนเราพาลใส่ใช่หรือไม่ (ใช่)  โกรธได้สัชั่วโมงนี่น่าจะพอแล้วนะ เยอะไหม (เยอะ)  สมมติว่าในหนึ่งสัปดาห์ ท่านต้องเจอคนที่ทำให้โกรธหนึ่งครั้ง เดือนหนึ่งท่านต้องโกรธ?ี่ครั้ง (4 ครั้ง)  ปีหนึ่งท่านต้องโกรธกี่ครั้ง  ตั้งหลายครั้ง  กิเลสไม่ได้มีแค่ความโกรธอันเดียว ยังมีโลภ ยังมีหลงอีก  พอหนึ่งปีผ่านไปท่านก็ย่ำอยู่ที่เดิม ฉะนั้นต้องให้เป็นคนที่มีความโกรธน้อยๆ ถ้าหากว่าไม่โกรธได้ยิ่งดี ไม่จำเป็นว่าต้องสองชั่วโมง ถ้าไม่โกรธได้ ก็เป็นผลดีต่อใคร (ตัวเราเอง)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นำโต๊ะออกมา • กลุ่ม, ฝ่ายหญิง??ตัวแทน??กลุ่  แต่ละกลุ่มให้จัด แอ๊ปเปิ้ลใส่พาน  จัดให้สูงที่สุด ยิ่งสูงยิ่งชนะ) คนที่มา สถานธรรมที่นี่??่อให้ท่านเป็นคนเก่าจริง????ไม่จริง ท่านก็ต้องเป็นคนที่มา จัดผลไม้  ท่านจะรอให้คนอื่นจัดก็ไม่ได้ ที่นี้ก็จัดให้สูงที่สุดเลย
(นักเรียนจัดผลไม้เสร็จ โดยมีฐาน???ลูก และซ้อนขึ้นไปอีก???ลูก)  เวลาให้จัดสูงๆ แล้วจัดยากไหม (ยาก)  ถ้าหากว่าเราจัดแบบนี้ เวลามีคนมาชนโต๊ะ(ผลไม้หล่นจากพานๆหนึ่ง) มีอีกพานที่อยู่ได้ใช่ไหม  พานนี้หล่นไปแล้ว แล้วทำยังไง (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เคาะโต๊ะ) หล่นหมดเลย แสดงว่า คน???เวลายิ่งขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ยิ่งปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย(ไม่) ถ้า???เมื่อสักครู่จัดแบบเตี้ยที่สุด (สิ่งศักดิ์สิทธิ์จัดผลไม้แบบฐาน???ลูก แล้วซ้อนขึ้นไปอีกลูก และอีกลูกวางไว้ข้างนอก แล้วเคาะโต๊ะ)  ล้มไ?ม(ไม่ล้ม)  คนๆนี้ดูเหมือน เตี้ยและต่ำต้อยที่สุด แต่เขามั่นคงที่สุด ก็คือสูงที่สุดนั่นเอง เพราะว่ามีฐานอยู่??? แต่คนที่นี้มีฐานอยู่??? แม้จะมองอย่างนี้ก็คือเตี้ยและต่ำต้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็คือสูงที่สุด ฐาน??? ถึงแม้ว่าจะดี แต่เอาเข้าจริงๆ เขาก็ยังไม่มั่นคงพอ ฉะนั้นแม้ว่า ท่านจะเป็นคนที่มีคนอื่นเขาดีกว่าเรา เหนือกว่าเรา มีเงินมากกว่า มีความสามารถมากกว่า นั่นไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ว่าท่านสามารถตั้งตัวเอง ให้มั่นคงอย่างนี้ได้หรือไม่ เวลาท่านโดนใครกระทบ คำพูดกระทบ เวลาท่านโดนเศรษฐกิจกระทบ ล้มไม่ล้ม (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เคาะโต๊ะ)  แต่คน???•นี้หล่นหมดเลย คนที่บำเพ็ญธรรมจึงต้องรู้จักที่จะวอนขอ ให้ตัวเองนั้นสูงและมั่นคง อย่าสูงด้วยการเปรียบเทียบกับตรงนี้และตรงนั้น  ถ้าหากท่านอยากได้ที่????,ที่??,หรือที่??? ท่านจะเดือดร้อนไม่มีวันสิ้นสุด
ที่นี้จัดให้สูงใหม่ กลุ่มเดิม (จัดผลไม้เสร็จ)  มั่นคงไ?ม (มั่นคง)  จัดล้นออกมาเท่านี้ยังบอกมั่นคงอีก ถ้าหากว่าท่านจะจัดเหมือนกับที่เราจัด เมื่อสักครู่นี้ แล้วมีอีกผลหนึ่งตั้งอยู่ข้างนอกก็ไม่เห็นเป็นไรนะ ทำไมต้อง ยึดติดว่าทุกอย่างจะต้องลงไปให้หมด   แสดงว่าท่านมีอะไร ท่านจะทุ่มไป ทั้งใ? ไม่เผื่อใจเอาไว้ข้างนอกเผื่อใจไว้ผิดหวัง นี่คือการทุ่มลงไป ให้หมด (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชี้ไปที่พานที่นักเรียนจัด) เหมือนคนลงทุน ทำการค้า มีเท่าไหร่ก็ทุ่มลงไปหมด พอถึงเวลาพังก็พังหมด ไม่เผื่อใจไว้ผิดหวัง
ในสถานธรรมนั้นคนที่จัดผลไม้ก็นิยมจัดให้สูงๆอย่างนี้  ถ้าหากท่าน จะจัดสูงอยู่บนโต๊ะพระก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าท่านจัดชีวิตของท่านให้สูงก็จะมี อันตราย ที่ยกผลไม้ตรงนี้ขึ้นมาก็เพื่อสอนให้ท่านเห็นชีวิต นี่คือสัจธรรมชีวิต คือความเป็นจริงของชีวิตที่ทุกท่านสามารถมองเห็นได้ เป็นรูปลักษณ์ ถ้าหากท่านจะรู้จักเปรียบเทียบในทางที่ถูกต้อง ก็จะทำให้ พวกเรามองเห็นความเป็นจริงของชีวิตหรือสัจธรรมชีวิตได้ แต่หากท่าน ไม่รู้จักมอง มาสถานธรรมก็มาแค่ไหว้พระ ถึงเวลามีอุปสรรคหน่อย ก็ขอๆๆๆ  ท่านก็จะไม่มีชีวิตที่รุ่งเรืองได้ แต่ว่าชีวิตที่รุ่งเรืองจริงๆ ก็คือการอยู่บนฐานที่มั่นคงที่สุด จัดชีวิตของท่านให้ดีๆนะ  เพราะว่า ชีวิตของคนมีอย่างมากก็เพียงไม่กี่ปี  หากท่านไม่รู้จักวาง ชีวิตของท่านให้ดีๆ  ท่านก็จะประสบความล้มเหลวในอนาคต  แต่บางคนถ้าหากว่าเราจัดๆๆ แต่ว่าไม่รู้จักที่จะเอาชีวิตของเรานั้น ดำเนินไปตามที่เราจัด ได้แต่นั่งคิด ได้แต่นอนคิด ได้แต่มัวคิด ชีวิตก็ไม่สามารถจะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน
ท่านคิดว่าในชีวิตนี้อะไรที่มีความสำคัญกับท่านมากที่สุด (ความ??, ไม่วุ่นวายในชีวิต, ความที่ไม่มีอารมณ์โกรธ, ไม่มีความโลภโกรธหลง,  ความสุขในครอบครัว)  แล้วก่อนมีครอบครัว อะไรที่สำคัญที่สุดในชีวิตล่ะ  เวลาที่ท่านอยู่ในโลกนี้ ท่านก็มักจะเอาปัญหาของท่านที่อยู่เฉพาะหน้า ตอนนี้มาตอบเราว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของท่าน อย่างเช่นตอนนี้ ถ้าครอบครัวไม่สงบสุข ท่านก็คงจะบอกว่าขอให้ครอบครัวมีความสุขนะ ถ้าหากว่าร่างกายเจ็บป่วย ก็คงจะบอกว่าขอให้ร่างกายของเราดี  นั่นแหละเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต   แต่ท่านไม่คิดหรือว่า จริงๆแล้วก่อนที่ ท่านจะโตขึ้นมา หรือต่อไปท่านจะมีปัญหาในชีวิตอีกมากมาย ก่อนที่ท่านจะ แก่เฒ่า ก่อนที่ท่านจะตายไป ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตอีกมากมาย แต่ว่าให้ดูให้ดีๆ ก่อนที่ท่านจะมีครอบครัวล่ะ ก่อนที่ท่านจะเกิดมา อะไรที่ท่านปรารถนาที่สุด ถ้าหากว่าการเป็นคนอยู่ทำให้เราวุ่นวายกายใจ ทำไมเราไม่หลุดพ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิดนี้ล่ะ 
การที่มานั่งอยู่เฉยๆนี้ไม่ทำให้ท่านได้สิ่งเหล่านี้ ท่านจะต้องลงมือ •?เอง ทำอย่างไรให้ได้ความสงบอย่างที่ท่านอยากจะได้ ถ้าหากว่า พาตัวเราไปอยู่ในที่ๆวุ่นวาย หรือทำให้จิตใจของเราวุ่นวาย เราก็คง จะไม่สงบ ก็คงต้องห้ามปรามจิตใจของเราให้สงบลงก่อน ถ้าหากว่า การเป็นคนอยู่ทำให้มีปัญหาวุ่นวาย ก็ขอให้ท่านตั้งความตั้งใจ ???ความ มุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนี้ ได้????ไม่ แต่ที่ฟังๆมานี่ ยังไม่มีใครตอบเราว่าขอให้หลุดพ้นเลยนะ แสดงว่ายังเป็นปุถุชนอยู่มาก ยังเป็นคนสามัญธรรมดาอยู่มากใช่ไหม ขอให้ท่านเป็นบุคคลสามัญธรรมดา ที่ยิ่งใหญ่ ให้มีความคิดที่เหนือกว่าคนทั่วๆไป  แล้วสักวันหนึ่งขอให้ท่าน คิดว่าท่านอยากที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ท่านจะได้ไม่ต้อง วนๆๆ อยู่อย่างนี้ 
อยู่กับท่านยิ้มจนแก้มเมื่อยเลย     เพราะท่านเป็นคนน่ารักใช่ไหม
(มีนักเรียนในชั้นแต่งกลอน...ชีวิตพลีสู้เพื่อสุขไกลทุกข์เอย)  ให้ท่านคิด ดีๆนะ  ถ้าหากท่านสู้เพื่อความสุข ท่านจะไกลทุกข์ได้ไหม ได้หรือเปล่า (ไม่ได้) ความทุกข์กับความสุขเหมือนปกหน้ากับปกหลัง ของหนังสือเล่มหนึ่ง ข้างหนึ่งเป็นความสุข อีกข้างหนึ่งเป็นความทุกข์ มันอยู่เล่มเดียวกัน  ถ้าหากว่าท่านสู้เพื่อความสุข ก็จะทุกข์  ถ้าหากท่านสู้เพื่อความทุกข์ (ก็จะทุกข์)  ในโลกที่จะสู้เพื่อความทุกข์ ไม่ยอมคิดเลยใช่ไหม 
พระอาจารย์เคยสอนไว้แล้วเราจำได้ ท่านบอกว่าความสุขกับ ความทุกข์เป็นเส้นตรงเส้นเดียวกัน ถ้าหากท่านเริ่มที่ความสุข ก็จะไปจบ ท้ายที่ความทุกข์  ถ้าหากท่านเริ่มที่ความทุกข์ ท่านก็จะจบท้ายที่ความสุข แสดงว่าความทุกข์กับความสุขเป็นสิ่งเดียวกัน ที่แยกกันไม่ออก  ฉะนั้นถ้า หากว่าท่านหวังที่จะสุข ท่านก็ต้องมีความทุกข์ตามมาไม่มากก็น้อย ไม่ใช่ ว่าให้ท่านสุขไม่ได้ แต่ให้ท่านสุขอย่างคนที่มีสติ และสุขในทำนองคลองธรรม ที่ถูกต้อง ถ้าหากว่าไม่สุขอยู่บนทำนองคลองธรรมที่ถูกต้อง ท่านก็จะไม่ได้ รับความสุขอันแท้จริง เพราะว่าจะสุขอยู่ปนๆ ไปกับความทุกข์ใจ
ในวันนี้มาที่นี่ดีใจที่ได้เจอพวกท่านทุกคน พวกท่านแต่ละคนก็มีข้อดี กันคนละข้อ แล้วเราอยู่กับพระอาจารย์ เราฟังพระอาจารย์พูดเรื่องท่าน บ?อย? แต่ละคนท่านเล่าให้ฟังว่าดีก็มี ท่านเศร้าใจลึกๆอยู่ก็มี เราอยากให้ พวกท่านทุกคนทำตนให้ดีที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้ เพราะว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เบื้องบนก็คอยมองอยู่ว่ามนุษย์นั้นเป็นยังไง และมนุษย์ทำยังไง  คนไหนที่ จะพอฝากความหวังไว้ได้บ้าง เพราะว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำเร็จขึ้นไปก็เคย อยู่ในสภาวะเช่นเดียวกับที่พวกท่านเป็นอยู่ตอนนี้ และพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ ไม่ได้มาช่วยท่าน ตอนนี้ท่านมาบำเพ็ญธรรม พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยท่าน มากไม่ได้ ยังต้องปล่อยให้ท่านเคี่ยวกรำ ยังต้องปล่อยให้ท่าน เจออุปสรรค เพื่อที่ท่านจะได้ขัดเกลาตัวเอง มีโอกาสที่จะชำระกรรม ล้างกรรมที่ท่านเคยสร้างไว้ และยืนหยัดอยู่ด้วยขาของตัวเอง และหลุดพ้นไปได้ด้วยตัวเอง ถึงเวลานั้นท่านก็จะภูมิใจที่สุด   แต่เมื่อท่าน เป็นศิษย์ของพระอาจารย์ท่าน พระอาจารย์ก็คอยที่จะช่วยท่านอยู่เสมอ ขอเพียงแต่ท่านมีใจที่จะบำเพ็ญและก็ลงมือทำจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าท่านทำได้ หรือเปล่า เพราะเรารู้สึกว่าแต่ละคนนั้นพอมีปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไร ก็ไม่ค่อยอยากจะบำเพ็ญธรรมแล้ว คิดว่าตนเองไม่มีเวลา มีเวลาน้อย ก็เลยไม่อยากจะให้เวลากับการบำเพ็ญ  ฉะนั้นท่านต้องทำให้ได้ ถ้าหากว่าท่านทำไม่ได้ ชาตินี้ก็จะไม่ใช่ชาติสุดท้ายของท่าน ท่านก็จะไม่สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ เข้าใจไหม 
ก่อนเรากลับลุกขึ้นยืน เซียนถังทั้งหลายจับไม้พายเร็ว  ร้องเพลง และทำท่าประกอบเพลง เซี่ยวเซิ่งโจ่วอี้หุย)
ดังติดปีก ไม่ใช่เราติดปีก แต่ให้ท่านติดปีก  เราบอกว่าถ้า มีโอกาส วันหน้าเรามาเจอกันอีก  แล้วให้ท่านสู้เหมือนคนที่ติดปีก ติดปีกบินไปสู่ท้องฟ้าที่สว่างใส เราไม่กลัวว่าท่านจะไปเจออุปสรรค แต่เรากลัวว่าท่านไม่มีใจจะสู้
ขอให้ทุกท่านขยันบำเพ็ญได้ไหม  ลิ้นกับฟันก็กระทบกันเป็นธรรมดา อยู่ร่วมกันถ้าหากว่าจะทะเลาะกันแล้ว ก็ให้เปิดใจให้กว้างๆ ยิ่งขยัน หมั่นเพียรให้กำลังใจกันทุกวัน ยิ่งรู้สึกดีขึ้น  การบำเพ็ญธรรมยิ่งราบรื่นขึ้น  หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล  เวลาทุกคนก็มีเท่าๆกัน  มีเหมือนๆกัน   ขอให้ทุกคนเจียดเวลาที่จะมาสถานธรรมบ้าง บำเพ็ญตนก็ไม่ใช่ว่าจะต้อง อยู่ในสถานธรรมเท่านั้น อยู่ที่ไหนก็บำเพ็ญได้ อยู่ที่บ้านก็บำเพ็ญได้ อยู่ในห้องครัว อยู่ในห้องนอน อยู่ริมถนนท่านก็บำเพ็ญธรรมได้ทุกๆที่  ขอให้ทุกท่านรู้จักที่จะขัดเกลาจิตใจของตัวเองมากๆ  แล้วก็ยิ้มให้กว้างๆ  ออกมาจากความจริงใจ
ร้องเพลงอะไรส่งล่ะ จะมาส่งเงียบๆไม่ได้นะ ต้องส่งแบบสนุกสนาน  ร้องเพลง ระฆังใ?  ทำนองเพลง Merry Christmas)
สถานธรรมเปรียบเหมือนบ้านของท่าน ขยันเข้ามาให้มาก ขยันร่วมมือกันให้มาก สามัคคีให้มาก เราเชื่อว่าสถานธรรมสามารถ ที่จะต้อนรับทุกท่านตลอดไป ตราบ?•??ที่ท่านมีใจ ไปแล้วนะ เจอกันใหม่นะ

เพลง : ระฆังใจ ทำนองเพลง : Merry Christmas
กะเทาะมาเคาะใจเป็นทำนอง จะร้องเพลงครื้นเครงบรรเลงจิต  หากคิดมองย้อนตนเป็นคนใหม่  ฝ่าตาข่ายร้ายแห่งตน
แอบคิดความลับในใจใดใด หากร้ายเป็นพิษมาทำลายจิต หมั่นลิดใบไม้ใบโรยใบกรอบ  หมั่นตรวจสอบทุกหมู่ชน

อ่านต่อ...

วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2543

2543-09-10 สถานธรรมหยูซื่อ ไมอามี่ (ไม่สมบูรณ์)


  วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน  2000 สถานธรรมหยูซื่อ ไมอามี่

 พระโอวาทพระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย
จงรักกันดั่งพี่น้องร่วมอุทร   รู้ผ่อนหนักผ่อนเบาถ้อยทีถ้อยอาศัย
อย่าได้หน้าลืมหลังให้เหนื่อยใจ    ทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็กหลานคนดี
               เราคือ
  พระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่สถานธรรมสกุลหลวี่ แฝงกายประณตน้อม
องค์มารดา ถามหลานปราชญ์น้อยน้อยมีความสุขกันหรือเปล่า
วนเวียนว่ายตายเกิดมาแสนนาน อยากกลับบ้านหรือไม่หลานทั้งหลาย
คนมีทุกข์น้อยกว่าสุขเสมอไป เชื่อว่าพ่ายก็จะพ่ายหลานเมธี
เราจะไม่ว่าใครเขาเป็นอย่างไร  แต่ว่าใจดีชั่วแห่งตนนี้
หากคนไม่สามารถอยู่ด้วยสันติวิธี  ผิดหลักฟ้าพูนชีพมีแต่วุ่นวาย
ประโยชน์สร้างคุณค่าให้แก่สิ่งนั้น   จงเท่าทันกิเลสตนก่อนจะสาย
เบื่อบ้างไหมดรีจะต้องรู้พาย   อย่างมงายทำผิดทั้งทั้งที่รู้
จิตหลงไปใจประมาทขาดแก่นสาร เหล้าพนันผลาญคนไฟมีเชื้ออยู่
ยอมรับกลับใจทางตันคว้านประตู   ปัญญาชูโล่งคืนมาเป็นคนเดิม
                           ฮา  ฮา  หยุด

พระโอวาทพระพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย

    ง่วงนอนไหม นั่งฟังธรรมะง่วงนอนแล้วเวลานั่งดู•เวลานั่ง ทำงานง่วงนอนไหม ว่า เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ  แต่ถ้าเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าฟัเราก็จะไม่รู้สึก ง่วงนอนเลย ใช่หรือไม่(ใช่)คนที่อยู่ที่นี่มีความเป็นอยู่สบาย แต่มัก จะใช้ความสะดวกสบายภายนอกนี้มากดจิตใจไว้ จนไม่รู้ว่าจิตใจของเรา อยู่ในสภาพเช่นไรแล้ว   สมมติว่าจิตใจเราเหมือนผลไม้ลูก???? ถ้าเอา ของหนักๆมากดไว้ หรือเอาของเบาๆมากดไว้ นานเข้าผลไม้ลูกนี้จะ บี้แบนไหม  ตอนนี้จิตใจของเราก็เป็นแบบนี้ เราเอาสิ่งต่างๆที่เป็น ความสะดวกสบาย แม้กระทั่งเรื่องตาของเราจะบังคับให?ตาลืมหรือหลับ ก็ต้องเอากาแฟมากดไว้   จิตใจของเราน่าสงสารไหม แล้วต้องทำ อย่างไรถึงจะช่วยจิตใจที่น่าสงสารของตนเองนี้  เวลาเราเห็นคนน่า สงสาร  เราอยากช่วยเขาไหม(อยาก) แล้วตอนนี?ระหว่างตัวเรากับ คนอื่นใครน่าสงสารกว่ากัน(ตัวเรา)   ถ้าเทียบระหว่างพุทธะกับตัวเรา ตอนนี้ใครน่าสงสารกว่ากัน(ตัวเรา)   มีพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำเร็จไป ด้วยรูปกายของขอทานก็มี พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธ??ที่สำเร็จไปด้วยลักษณะของ คนหลังค่อมอย่างเราก็มี แต่ว่ารูปกายภายนอกไม่น่าสงสาร ถ้าจิตใจ เป็นอิสร?เสรี แต่ว่าหลานๆนั้นจิตใจไม่ได้เป็น?????เสร? แม้ว่าร่างกาย จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรองรับมากมาย  ก็ยังน่าสงสารอยู่ด? ฉะนั้นการที่จะมองให้ดีว่าใครน่าสงสาร เราลองมาดูตัวเราเองว่าเรา น่าสงสารกว่าไหม  ทุกๆวันเพื่อหาเงินทอง  หาสิ่งที่ต้องการ  หาสิ่ง อำนวยความสะดวก จนไม่มีเวลาเป็น???ของตัวเองแล้ว มาฟังธรรมะ แค่สองวันยังสละเวลาให้ไม่ได้ ดูเหมือนว่าหลานๆจะใ?้เวลาทุกวัน???? มีค่าใช่หรือไม่ (???) เวลาทุกๆวันผ่านไป อย่างมีค่าจริง???? (ไม่จริ) แต่เวลาให้เราฟังธรรมะ ให้เราบำเพ็ญธรรมเราก็ทำไม่ได้ เราก็ให้เวลาไม่ได้   เวลาของแต่ละคนนั้นมีเท่ากัน  แต่• จิตใจของเราไม่เหมือนกัน   ???ใช้เวลาทุกๆ วัน????มีค่าไหม   ก็ยัง ไม่มีค่าเท่าไร แต่เราก็เสียดายเวลาหนึ่งวันของเรามากๆ•???•??ทุกๆวัน ที่เราใช้ไป เราก็ไม่ได้ใช้ให้เต็มที่ อย่างนี้สละเวลามาสองวันก็ไม่ใช่ เรื่องยากเกินไปใช่หรือไม่(ใช่)  เพราะถ้าหากเอาเวลามารวมๆกัน เวลาที่เราไม่มีประโยชน์เท่าไ สองวันนี้ก็คงจะไม่มากเกินไป  
    จงรักกันดั่งพี่น้องร่วมอุทร    รู้ผ่อนหนักผ่อนเบาถ้อยทีถ้อยอาศัย
อย่าได้หน้าลืมหลังให้เหนื่อยใจ ทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็กหลานคน??
   เห็นได้ว่ากลอนบทนี้ประกอบไปด้วยคำที่เป็นสุภาษิต  คำที่เรารู้ อยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเราเท่านั้นเ? ในสองวันนี้  ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดอะไร ไม่ว่าอาจารย์บรรยายธรรมพูด อะไร  ไม่ว่านักธรรมอาวุโสพูดอ??? เราจะทำเป็นเหมือนสุภาษิตหรือ คำพังเพยนี้ไม่ได้ คือเป็นคนได้หน้าลืมหลังไป ทำอย่างนี้ไม่ได้ เราต้อง พยายามเก็บ   สิ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บอก       สิ่งที่อาจารย์บรรยายธรรม อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมบรรยาย เก็บมาใส่ใจจำไว้ แล้วนำไปปฏิบัติ ให้ได้ เพื่อให้เกิดคุณค่าขึ้น จะได้ไม่เสียเวลาหนึ่งวัน ให้ผ่านไปอย่าง ไม่มีประโยชน์ เข้าใจไหม
    ความสุขเป็นอย่างไร รู้จักไหม หลานได้รู้จักความสุขที่แท้จริงแล้ว หรือไม่ ??พวกเราอยู่เฉยๆ เราจะได้รับความสุขไหม ทำอย่างไรล่ะ (ค้นคว้าปฏิบัติธรรม) ที่ทุกวันนี้ทำมาพอหรือยัง(ยังไม่พอ) ต้องลงแรง เพิ่มใช่ไหม การลงแรงไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ทำอะไรเลย แต่หมายความว่าต้องทำทุกอย่างที่ขวางหน้า
คนในโลกนี้แม้เป็นเศรษฐีก็ไม่มีวันพอ??• แล้วเมื่อไหร่จะพอล่ะ วินาทีนี้ต่อไปเลยดีไหม(ดี)ถ้าหากมีเงินน้อยก็ ใช้น้อย มีอาหารน้อยก็กินน้อย มีเสื้อผ้าน้อยก็ใช้เท่าที่มี ไม่มีรถก็ต้อง เดินมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยล่ะ คำว่าสะดวกตรงข้ามกับอะไร  ถ้าหากว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกน้อย  ก็ต้องมีความลำบากมาก  แล้ว มนุษย์ทุก?คนก็กลัวคำว่าลำบากนี้ แล้วก็สรุปเอาว่าถ้ามีความลำบากมาก ก็ไม่มีความสุขใช่ไหม(ใช่) จริงๆแล้วถามว่าความสะดวกสบายกับความ ยากลำบาก อะไรกันที่ทำให้เราเหลิง(ความสะดวกสบาย) แล้วเรา เคยเห็นคนเวลาเหลิงกับคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนไหม คนไหนดีกว่ากัน (คนอ่อนน้อมถ่อมตน) แล้วเรายังอยากเป็นคนเหลิงอีกหรือ(ไม่อยาก)  ไม่อยากก็ต้องมีความลำบากบ้างใช่ไหม(ใช่) แล้วเวลาเรามีความยา? ลำบาก เราจะบอกว่าไม่มีความสุขไหม อยากได้ทั้งเป็นคนไม่เหลิง แล้วก็อยากได้ทั้งความสุขมากๆใช่ไหม(ใช่) คนอย่างนี้เรียกว่าคนอะไร (คนโลภ) รู้จักความโลภดีแค่ไหน    คนส่วนใหญ่นั้นโลภทุกคนแต่เก็บ สีหน้าไว้ใช่ไหม(ใช่)เพราะทุกคนมีความโลภ ทุกคนจึงมองออกว่าคนนี้ กำลังโลภ เห็นด้วยไหม(เห็นด้วย) ฉะนั้นเวลาเราจะปิดใคร เราคิดว่า เราเก่งขนา?ปิดได้ถึง100%ไห?   แสดงว่าคนอื่นก็มองเราออกใช่ไหม เมื่อเราคิดว่าเขามองเราออก เราไม่อยากให้เขามองเห็นความโลภ ของเราเราจึงต้องไม่โลภ ท่องไว้ในใจ เมื่อเราไม่โลภ    คนอื่นก็ดู ไม่เห็นความโลภของเรา  ถึงดูเท่าไหร่ ก็มองไม่เห็นความโลภของเรา เพราะว่าเราไม่โลภ     นี่แหละเป็นสิ่งที่คนบำเพ็ญธรรมจะต้องทำ   จริงๆแล้ว คนที่บำเพ็ญธรรมไม่ได้ทำอะไร ที่ผิดแปลกแตกต่างจาก ความเป็นจริงหรือหลักสัจธรรม   การบำเพ็ญธรรมได้เข้าสู่การบำเพ็ญ หลักสัจธรรมที่แท้จริง เพียงแต่ว่าคนทุกวันนี้เห็นคนอื่นไม่โลภ ก็คิดว่าเขา คงจะแสร้งทำ   เห็นคนอื่นมีความสุขก็คิดว่าเขาคงจะแสร้งสุข เวลาเรา เห็นเขามีความทุกข์ เราก็กลับยืนมองเฉยๆ นี่เป็นสิ่งที่คนบำเพ็ญธรรม ควรจะละเว้นทั้งสิ้น  การบำเพ็ญธรรมก็เป็นเรื่องง่ายๆไม่มีอะไรยาก  แล้วทำไมเราถึงไม่อย   เรียบง่าย และใช้ได้กับชีวิตประจำวันของเราทุกวัน ไม่ใช่ว่า จะต้องมาบำเพ็ญที่สถานธรรมทุกวัน คนจุดธูปไหว้พระทุกวัน แต่ว่าจิตใจ ของเราไม่ได้มีพระอยู่ภายใน  ต่อให้จุดธูปไหว้พระทุกวัน   ก็ไม่ใช่ว่า พระจะคุ้มครองได้  สำหรับคนที่ไม่ได้จุดธูปไหว้พระก็อย่าใช้เป็นข้ออ้าง ว่าพระอยู่ในใจแล้ว   ทุกๆวันก็เลยไม่เข้ามาไหว้พระ  อย่างนี้ก็ไม่ได้
 มนุษย์ในโลกนี้เอาใจยาก พอสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดในหลักสัจธรรมก็เก็บ ไว้อ้างพอสิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดแล้วไม่เห็นด้วย ก็ไม่เอาไปใช้  ในที่สุดแล้ว เราก็กลายเป็นคนที่เอาใจใครไม่ได้ เราต้องหัดอย่างหนึ่งก็คือ การที่ มองข้ามจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดของผู้อื่นไปบ้าง อย่าได้เรียกร้องว่า ทุกๆอย่างที่เราเห็น ทุกๆอย่างที่เราจับได้จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะว่าตัวเราเอง??มีทั้งความดีและความชั่วอยู่ในใจ คนอื่นที่เรามอง เขาก็อาจจะมีข้อบกพร่องได้ ถ้?หากว่าเราเรียกร้องจ????????ว่า??? ต้องสมบูรณ์100%ตัวเราก็ต้องสมบูรณ์100%เหมือนกัน ใช่หรือไม่(ใช่) แล้วเป็นไปได้ไหม(เป็น????????) ถ้าเป็นไปไม่ได้เราก็อย่าไปเรียกร้อง ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
 คนที่ร่ำรวยก็เพราะเมื่อก่อนนี้ทำมาหากินไว้     ทำงานหาเงิน  คนที่ยากจนก็เพราะว่าใช้จ่ายไปจนหมด ฉะนั้น ทุกๆอย่างเป็นเหตุเป็นผล เราอยากที่จะมีมรรคผล อยากที่จะเป็นพุทธะ มัวแต่หาเงิน  ทำงาน จะได้เป็นพุทธะไหม (ไม่ได้เป็น)  ต้องทำอย่างไรล่?
เมื่อสักครู่นี้กลอนนำ ที่เราผู้เฒ่า?????? เกี่ยวกับเรื่องของการอยู่ ร่วมกัน การบำเพ็ญธรรมในสมัยนี้   ให้หลานๆมาอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก เรานั้นจึงต้องรู้จักที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ เพราะถ้าเราอยู่ร่วมกั?คนอื่น เขาได้ เราก็จะบำเพ็ญธรรมได้   ฉะนั้น การอยู่ร่วมกันจะต้องโอบอุ้ม ประคองจิตใจให้แข็งแรง ถ้อยทีถ้อยอาศัย หมายถึงอะไร ???แปลว่า คำพูด แปลว่าทุกๆคำพูดของเรา เราจะต้องระมัดระวังใช่หรือไม่ เราจะให้คนอื่นระมัดระวัง โดยที่ตัวเราไม่ระมัดระวังได้ไหม (ไม่ได้) แล้วเราจะเรียกร้องคนอื่น หรือเราจะเรียกร้องตัวเองล่ะ (ตัวเอง) เวลาพ่อแม่อยากให้ลูกไม่สูบบุหรี่   แต่ว่าพ่อยังสูบอยู่ ลูกสูบตามไหม  ถ้าหากว่าเราอยากให้ลูกใช้เงินอย่างประหยัด    แต่ตัวเรายังใช้เงิน ฟุ่มเฟือยอยู่ ลูกจะทำตามไหม ฉะนั้นการที่จะทำสิ่งใดแม้แต่ลูกเราเอง ยังเรียกร้องลำบากการเรียกร้องจึงต้องเรียกร้องกับตัวเองก่อน  การบำเพ็ญธรรมก็เช่นเดียวกัน เรียกร้องจากผู้อื่นไม่ได้ มีแต่เรียกร้อง กับตัวเ? ถ้าหากว่าเราเรียกร้องจากคนอื่น เวลาคนอื่นทำ แล้วเรา ไม่ทำ เราก็ต้องเกิดความละอายใจ ใช่หรื????
การอยู่ร่วมกัน ต้องทำเรื่องใหญ่ให้ ทุกวันนี้เรา ถนัดทำเรื่อง????ให้เป็นเรื่องใหญ่ใช่ไหม ใหญ่ยิ่งขึ้นๆ จนไม่รู้ว่าเรื่องนั้น? เริ่มขึ้นมาจากตรงไหนแต่หากว่ามองทุก?เรื??? เราจะเห็นได้อย่างชัด? ว่าปัญหาเกือบทุกปัญหา เรามีส่วนร่วมของความวุ่นวายของปัญหานั้นๆ ทั้งสิ้น คนบำเพ็ญธรรมก็ทำง่ายๆ คือการเรียกร้อง???ตัวเองก่อน
     ยังมีคำว่า???????????   ทำไมถึงต้องย้อนมองส???? ปกติก็ มีแต่คำว่ามองส่องกระจกใช่หรือไม่   การมองส่องกระจกก็คือการมอง ไปที่????? แต่การย้อนมองส่องตนนั้นมิต้องใช้กระจกแต่ต้องใช้จิตมอ การมองส่องกระจกให้ลืมตามอง หากไม่ลืมตามองก็มองไม่เห็น แต่การ ย้อนมองจิตให้หลับตา   หลับตาแล้วใช้จิตของเรามองตัวเราเอง เวลา เราหลับตา  ปกติเราจะคิดไปต่างๆนานา   คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านๆมา คิดถึงเรื่องราวไม่สมใจปอง คิดถึงความวุ่นวาย คิดถึงความสุขในอดีต คิดถึงลูกที่ไม่เชื่อฟังเรา หรือว่าคิดถึงปัญหาเงินทองทั้งหลายก็ดี แต่ว่า ตอนนี้ต้องเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างแล้ว คือการหลับตาแล้วมองให้เห็นว่าเรา นั้นมีความผิดอะไรบ้าง ไม่มีใครเกิดมาโดยไม่เคยทำความผิด ทุกๆคน ทำความผิดมาแล้วทั้งนั้น แต่ว่าทำอย่างไรเราถึงจะมองเห็นความผิด ของเราเอง เวลาคนอื่นเขาอยากเตือนเรา เขาว่าเรา เราก็ไม่ชอบ ฟังคำที่เป็นความจริง เราไม่ยอมรับฟัง ฉะนั้นให้คนอื่นเตือนก็เป็นการ ชี้โพรงให้กระรอก
เราต้องหมั่นมองหาความผิดของตัวเอง เมื่อเราเห็นความผิดของ ตัวเองเมื่อไหร่ เวลาถูกคนอื่นว่าเราผิด เราจะเกิดความรู้สึกละอายใจ ตามมา ถ้าหากว่าเราไม่เคยเห็นสิ่งที่ผิดพลาดของตัวเอง อะไรที่คนอื่น ว่าเรา ว่าเราผิดอย่างนั้น เราย่อมไม่อยากฟัก็อย่างที่บอก  ไม่มีใคร ไม่เคย??? ทุกคนมีความผิดทั้งนั้น ฉะนั้นเราจึงต้องพยายามที่จะเปิดใจ ให้กว้าง พยายามที่จะมองตัวเองให้เห็น และเห็นได้ชัด   เห็นให้ชัด เหมือนที่เราเห็นผิวกายของเรา ว่าเรามีรูขุมขนมากเท่าใด แล้วเห็น ให้ชัดว่ายังมีก้านของความผิด ยังมีก้านของความบาปมากเท่าไหร่ ที่อยู่ บนพื้นที่ของจิตใจของเรา
    •   เพราะว่าพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นผู้ที่สะอาดแล ??•?? ?ราก็จำเป็นที่จะต้องขัดเกลาจิตใจของเร?ให้สว่า ถ้าหลอดไฟ ??ละอองฝุ่นติดอยู? หลอดไฟหลอดนี้จะสว่างไห?  ตอนนี้จิตใจของเรา มีฝุ่นติดอยู่ แต่ว่าฝุ่นนี้มีชื่อว่ากิเลส    ติดอยู่ในจิตใจของเรามากมาย จิตใจของเรา??สว่างไหม (ไม่สว่าง)
วันนี้มาที่นี่พูดถึงเรื่องการบำเพ็ญธรรม คนที่บำเพ็ญธรรม จุดมุ่งหมาย ก็เพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด คนที่จิตใจเต็มไปด้วยกิเลสคนที่ จิตใจไม่สะอาดและไม่สว่าง สามารถหลุดพ้นได้ไหม(ไม่ได้) ให้คนอื่น ขัดให้ได้ไหม(ไม่ได้)   แม้แต่เราผู้เป็นพุทธะสิ่งศักดิ์สิ•ธิ?   พูดเท่าไหร่ ถ้าหากว่าหลานๆไม่ทำ หลาน?ก็??ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้   
ในยุคนี้เป็นความโชคดีของหลานๆเอง ที่ได้เกิดมาทันการโ หมายความว่าได้รับการเปิดประตูเกิดตายตั้ง ต่ อ????   ย ัง ?ไ ด้ ริ่ บำเพ ็ญ เราจึงไม่รู้สึกว่ามีค่า???เท่าไหร่ในทำนองเดียวกัน ??อยากจะรู้ว่ามีดคมไหม ก็ยังต้องลองหั่นด? อยากจะรู้ว่าธรรมะนี้แท้ไหม ก็ต้องลองปฏิบัติ?? ไม่ปฏิบัติก็ไม่บรรลุ การปฏิบัติก็ไม่ได้เสียเวลาอะไร แค่เจียดเวลาฟังธรรมะบ้าง     บำเพ็ญจิตใจของตัวเราให้สว่าง?? แค่นี้เป็นการยากไหม ไม่ยากเลยนะไห รา ก็ ช้ ีว ิต?? ??????ัน ? ???ไม่ค่อย คุ้ม ค่า ???เท่าไหร่ อนนี้ เราเพิ่มก บำเ พ็ญธรรมเข?ามา ทำเพื่อผู้อื่นให้มาก ทำเพื่อตนเองให้น้อย     วามสุขจริงๆนั้น  เกิดขึ้นในยามที่เรานั้นทำเพื่อผู้อื่นมา? •           แต่หากทุกวันๆก็ทำเพื่อตนเองทั้งสิ้น   แม้จะช่วยผู้อื่นก็ยังคำนวณ ผลประโยชน์ตีกลับมาให้ตัว??  จิตใจที่จะ         ช่วยผู้อื่นอย่??•???? ความสุขที่เกิดในจิตใจก็จะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง 
ประโยชน์สร้างคุณค่าให้แก่??????? สิ่งที่หลานๆหากันทุกวันนี้ มีอยู่ สิ่งหนึ่งที่หากันทุกวันเลยเรียกว่าเง?? จริงๆแล้ว ???เป็นเพียงกระดาษ ใช่หรือไม่ ???•?????? ???????ด้วย คำว่า ??? ก็จะ???นว่า ประโยชน์ สร้างคุณค่าให้แก่??? เพราะว่า เงินนั้นสามารถบันดาลได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ใช่หรือไม่(ไม่ใช่) ถึงแม้ท่านจะตอบว่าไม่ใช่   แต่ทุกๆ วันที่อยู่นั้นใช่  ทุกๆวันที่หลานอยู่ มีเงินนั้นคือมีทุกอย่าง ทีนี้เรามามองทางธรรมเราจะ แทนสิ่งนั้นด้วย แทนด้วยคำว่าเ  เป็นอย่างนั้นไหม   ???•จิตใจของเราเองอย่างไม่มี ประโยชน์ ความจริงจิตใจนั้นก็ควรที่จะเป็นประโยชน์  แต่ในความเป็น จริงอีกเหมือนกัน •??ทุกวัน??? เราใช้จิตใจ ของเราอย่างไม่มีประโยชน์ เรียกว่าทุกวันก็คือเงิน เอาจิตใจของเราไปเคร่ เอาจิตใจ ของเร?ไปกลัดกลุ้ม   เอาจิตใจของเราไปเกียจคร้าน สิ่งใดควรคิด ไม่ยอมคิด สิ่งใดไม่ควรคิดก็เฝ้าแต่คิด ใช่ไหม(ใช่) เพราะฉะนั้น จิตใจ ของเราจึงไม่มีประโยชน์  แต่ว่า ที่พูดเรื่องเงินก็เพื่อให้เราได้เห็นชัดๆ ว่าเรานั้นควรที่จะทำจิตใจของเราให้มีประโยชน์ ???สามารถบันดา?ได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง   เ งิ บั ? ้ท ุก สิ่ ที่ ป็ กาย??? ไม?สามารถบ ัน ? ุข ด้   ส่ นั้ ถบั ? ด้ ุก ย่ างที่ ภายใน  รวมถึงความสุข  รวมถึงสุขภาพที่แข็งแรง 
ถ้าหากว่าทุกๆวัน เราหมั่นคิดถึงผู้อื่นแต่ในทางที่ดี เป็นคนมองโลก ในแง่ดี ทุกๆวันมองให้เห็นจิตใจของเรา ว่าจิตใจของเรานั้นควรที่จะได้ รับการแก้ไข เปลี่ยนแปลง และปรับปรุงมากเท่าไหร่ คนๆนั้นก็จะเป็นคน ที่ส่งผลออกมาข้างนอก ก็คือตัวเองนั้นเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ตัวเอง นั้นเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงาม วันทั้งวันก็นั่งยิ้มได้ตลอดวั? นี่คือคนที่มีจิตใจ ที่มีประโยชน์ คนที่รู้จักใช้จิตใจของตัวเอง แต่ว่าการที่จะให้จิตใจ มีประโยชน์ขนาดนี้ต้องปรับปรุงอย่างไร เมื่อไหร่ที่คิดว่าจะเกลียดก็ต้อง ตีตัวเองหนึ่งทีเป็นการเตือนสติตัวเอง       แต่อย่าตีแรงจ?เกินไปนะ เพราะตีแรงเกินไปจะกลายเป็นไม่กตัญญู
เราผู้เฒ่ามา ก็ต้องแจกผลไม้ให้กับหลานๆทุกคนเก็บไว้ทาน ส้ม เป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ  เมื่อทานส้มแล้ว จะได้ทำให้น้ำที่หล่อเลี้ยงจิตใจ ของเรานั้นชุ่มชื้น  จะได้มีจิตใจบำเพ็ญกันได้อีกหลายๆปี  
ปัญญาชูโล่งขึ้นมาเป็นคนเดิม   คนที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่   คนที่เล่น การพนันนั้น จิตใจของเราจะรู้สึกหนักอึ้ง เวลาที่เรา?มาเหล้า หัวของ เราหนักๆไม่สบายเลย   สติของเราก็ขาดผึงเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอนแรกก็เรากินเหล้า ตอนหลังก็เหล้ากินเรา   เพราะฉะนั้น  การที่ บอกว่าเรานั้นจะเป็นคนเดิมได้     เราต้องงดสิ่งที่เป็นอบายมุขก่อน  คนเดิมคือคนก่อนที่จะเมาเหล้า   คนเดิมคือ คนก่อนที่จะเล่นการพนัน  คนเดิมคือคนก่อนที่หลงโลกีย์อันนี้ 
คนที่อยู่ใกล้ธรรมะมากแต่ว่าไม่ได้ไปถึงสวรรค์นั้? เพราะเขา มีธรรมะไว้เป็นเพียงสิ่งประดับประดา   มีธรรมะไว้เพียงเปลือกนอก แต่ไม่ได้มีธรรมะไว้ในจิตใจ   เมื่อทำสิ่งใดไปก็ทำไปเพราะรักหน้า  คนเขาเรียกให้ทำอะไรก็ทำไปเพราะกลัวเสียหน้า   ธรรมะไม่ได้อยู่ ในจิตใจของเขาจริงๆ ในที่สุดแล้วชีวิตนี้จบลง   บุญกุศลไม่ได้เกิดขึ้นจริง คนๆนี้แม้จะทำบุญมากกว่าใครแต่ก็ไปไม่ถึงไหน   แล้วหลานน้อยๆที่อยู่ที่น?? ตอนนี้เดินๆมาจนถึงธรรมะแล้ว ยังไม่ทันศึกษา   ก็ไม่รู้ว่าธรรมะจริง หรือเปล่า ก็จะเดินเลยธรรมะไปแล้ว   อย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไรที่ เราจะได้รู้ธรรมะ  การบำเพ็ญธรรมก็ขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งสิ้น???????? เจียดเวลาหาโอกาสให้กับตัวเองหน่อยโอกาสที่ได้มานั่งอยู่นั้นจะได้ ไม่ต้องริบหรี่ๆลงไป 
คนที่?????มาสองวันอยู่แล้ว ก็ขอให้มาให้ครบ ให้สมกับที่ได้ ตั้งใจเจีย?เวลาไว้ ส่วนคนที่ตั้งใจมาวันเดียว คราวหน้ามีโอกาส??ต้อง รู้จักเจียดเวลาให้กับตัวเองนะ  
สถานธรรมที่นี่หากใครมีเวลาว่างก็ให้ขยันมา   ส่วนคนที่อยู่ที่นี่ อยู่ก็ต้องขยันไหว้พระ   ขยันดู   ขยันรู้  ขยันมอง    (ร้องเพลง เทียนกลางทะเลทราย เป็นการกราบส่ง)
รักษาตัว   รักษาใจให้ดี   วันหลังมีโอกาสค่อยพบกันใหม่


 วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2000

  พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  ขุมพลังของมนุษย์คือจิตใจ  คนที่ใช้แต่อารมณ์ย่อมล้มเหลว
    ชนะใจตนเองได้ดีไม่เลว      คว้าน้ำเหลวเพราะไม่เอาจริงกับตน
          เราคือ
 จี้กงสงฆ์วิปลาส อาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ผู้เมตตา   ลงสู่แดนโลกีย์   แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามศิษย์รักทุกคนง่วงนอนหรือเปล่า

คนติดดินกลายดิ้นรนกันไม่หยุด ปัญหาฉุดทั้งทุกข์ทนอาจแค่เริ่ม
แลกชีวิตเพื่อชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม  พันธะเพิ่มสิ่งใดทำใครลวงตน
    ความสำเร็จกลับน้อยแม้นแสนเหนื่อยม?? ฝืนลำบากไม่สูญหายให้ใจหล่น
    ทางโลกหนาอย่าทุ่มไปทั้งกมลผิอดทนเพื่อเงินตราจะบ้าไป
    อย่ามองแค่เพียงดำขาวเข้านิยม คงอารมณ์เรียบเรียบเนิ่นนานแฝง
                                    -ขวนขวาย
    กลางติดขัดจิตธรรมอยู่แห่งใด   บำเพ็ญใจธรรมดาคือครองธรรมทุ?วัน
    มุ่งมั่นจะเป็นพุทธะย่อมเป็นพุทธะ มุ่นมั่นอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น
    มุ่งมั่นจะทำดีย่อมดีพลัน เพียรทุกวันคงสมดังใจปอง
                                    ฮา ฮา หยุด

    หมายเหตุ:กลอนที่ขีดเส้นใต้พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมแต่ง


  โลกคือละคร ต่างคนละทาง ทุกอย่างกอบโกยหาตัว  แค่คล้อยหลังกัน   หักหลังพ้นตัว  มิอาจหยุดจึงแสนเหนื่อย   หลงปล่อยความดีสูญเปล่า รักแต่ตนเองเท่านั้น  ทำไมจึงมิยอมเปลี่ยน  ชำระจิตก่อนจะสายไป
  แค่สำนึกพอ   ไม่มีสายเกิน   ทุกอย่างต่างมีทางของตัว  อย่าเดินหลงไป    ข้ายังล้นใจ          รอศิษย์สักวันต้องกลับมา  มิหวั่นบำเพ็ญสูญเปล่า   ว่าแต่บำเพ็ญบ้างไหม  มิหวั่นบำเพ็ญสูญเปล่า  แล้วศิษย์บำเพ็ญหรือเปล่า

เพลง : โลกคือละคร
ทำนองเพลง : รู้สึกอย่างไรหรือเปล่า



พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ความนัยของ 1 ก็คือให้ยืนขึ้นใช่หรือไม่ (หัวหน้าชั้นทำหน้าที่นับ 1, 2, 3 เพื่อให้จังหวะในการยืนขึ้น, นั่งลง) ความนัยของ ก็แปลว่า ให้นั่งลง แล้วเวลาเรามาฟังธรรมะทำไมเขาต้องบรรยายหัวข้อเมื่อครู่นี้ ให้เราฟังล่ะ   หัวข้อเมื่อสักครู่นี้หมายถึงอะไร (พระมหากรุณา????ณของ เบื้องบน และพระคุณแห่งพระอาจารย์) การที่เรารู้ประวัติสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่ใช่ให้เราศึกษาเหมือนกับอ่านหนังสือนิทาน   เหมือนกับอ่านการ์ตูน หรือว่ารู้ไว้เฉยๆ  แบบทำนองรู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม  ไม่ใช่อย่างนั้น  แต่การรู้ประวัติสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อที่เราจะได้เจริญรอยตาม เลือกในสิ่งที่ เราสามารถที่จะทำตามได้ ประวัติชีวิตท่านตั้งเป็น????ปี เราฟังเพียง แค่ไม่ถึง??ชั่วโมง เราจึงยังจับเนื้อความไม่ได้   ไม่รู้ว่าความนัยของ การพูดหัวข้อนี้ให้ฟังนั้นคืออะไร เหมือนถามว่?ซันแปลว่าอะไร ก็แปลว่า ???  ไม่ได้แปลว่านั่งลงเลยใช่ไหม เราไม่รู้ว่? จริงๆแล้วเราควรที่จะ เข้าใจความหมายว่า ??? หรือเข้าใจความหมายว่า นั่งลง ถึงจะถูกต้อง กว่ากัน เพราะฉะนั้น การที่เราได้ศึกษาหัวข้อที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้ก็เพื่อได้รู้ และปฏิบัติตาม 
ในชั่วโมงกว่าที่ฟังมานี ้ ในหัวข้อที่ฟังมา ไม่ว่าจะกี่นาทีก็แล้วแต่ เราลองคิดว่าตรงไหนที่เราเลียนแบบตามอย่างไให้มีความอดท?)ปกติเราจะทนเฉพาะเรื่องที่เราทนได้เท่านั้น ใช่หรือเปล่า(ใช่) ส่วน เรื่องที่เราทนไม่ได้ เราก็ไม่ทนใช่ไหม   อย่างนั้นแสดงว่าเรายังไม่ได้ ใช้ความอดทน  ถ้าใช้ความอดทน   หมายความว่าเรื่องที่เราทนไม่ได้ เราก็ต้องพยายามทนให้ได้ ถ้าไม่มีความตั้งใจ จะสามารถอดทนได้ไ??
      ดังเรื่องราวของผู้อาวุโสที่ฟังมาเมื่อครู่นี้ประวัติของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ฟังมา  ถ้าหากท่านไม่มีความตั้งใจ จะอดทนมาถึงวาระสุดท้ายได้??? ฉะนั้นคนที่อยากจะมีความอดทนนั้น   จึงต้องเป็นคนที่มีความตั้งใจสูง (พระอาจารย์เมตตาพูดกับหัวหน้าชั้น) ศิษย์ของอาจารย์มีความตั้งใจสูง ไหม (พอประมาณ) ตอนกินเจรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง(รู้สึกดี) ตอนเลิก กินเจรู้สึกเป็นอย่างไร(ปวดท้องเหมือนเดิม) จึงบอกว่าถ้าเราทน??? ในเรื่องที่เราทนได้ ก็เรียกว่าเราใช้ความอดทนเพียงความ อดทนธรรมดาที่เรารู้จัก แต่ถ้าเราอดทนในสิ่งที่เราทนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ้อ ที บีบ ัง คั ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่ไม่ เอื้ออำนวย   ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยหลักต่างๆ•??บีบบังคับเรา ให้เราจะต้องเป็นไ ์นั้น แต่หากเราสามารถ ท? ได้ จึง ถือว่าเราเป็น ผู้ ่ม ีความ ย่ ท้ จริง หมายความว่า ไม่ว่าจะ เจอสิ่งใดๆ   ก็สามารถ ที่จะบังคับจิตใจของตนเองได้ ไม่ถู ้อ บั งค ับ ให้ จิตใจ ของเรา เปลี่ยนแปลงความตั้งใจนั้นๆ 
กฎเกณฑ์ทุกกฎเกณฑ์มีข้อยกเว้น มนุษย์ชอบพูดแบบนี้ ใช่ไหม(ใช่)  การบำเพ็ญธรรมก็อาจจะมีข้อยกเว้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่การยกเว้น ไม่ใช่การยกเว้นที่เข้าข้างตัวเอง การยกเว้นเพื่อให้ตัวเองสบายหรือ ว่าการยกเว้นเพื่อเอาแต่ใจตัวเอง  ดื้อรั้นไปตามจิตใจนั่นไม่เรียกว่า เรายกเว้นได้อย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้? สองวันนี้ที่เรา??นั่งฟังธรรมะ จำเป็นที่จะต้องฟังแล้วให้รู้ความหมายว่า เขาเปิดประชุมธรรมสองวันนี้ เพื่ออะไร(เพื่อให้เราเรียนรู้)   ?ารที่เรานั่งฟังสองวันนี้ก็เพื่อให้เรา นำไปปฏิบัติได้   ถ้าหากว่าเราปฏิบัติไม่ได้ ถ้าเราทำไม่ได้ ก็จะไม่มี ผลเสียกับเรา  แต่จะไม่มีผลดีกับเราด้วย   ถ้าหากคนที่ทำได้ก็มีข้อดี กับตัวเอง                   ให้เปรียบเทียบ ระหว่างคน??คน
(พระอาจารย์เมตตา ให้อาจารย์บรรยาย และนักเรียน ออกมายืนหน้าชั้น) สมมติว่าคน?นี้ ตั้งใจทำงานหาเงินทางโลก อย่างชนิดเอาเป็นเอาตาย ก่อนแก่ก็ร่ำรวยมหาศาล ส่วนคนนี้ก็ทำงานธรรมะ และก็ตั้งใจทำงาน ธรรมะ เงินก็มีพอใช้บ้างไม่พอใช้บ้าง   แต่ว่ามีความสุขดี พอ??คนนี้ จบชีวิตศิษย์คิดว่าคนไหนไปสูงกว่าก?? (คนที่ทำงานธรรมะ)ศิษย์อยากเป็น คนไหน(คนที่ทำงานธรรมะ)ถามว่าเวลาบำเพ็ญธรรมใครเลือกทางเส้????(ตัวเอง) เวลาบำเพ็ญธรรมะ มีความยากลำบากไหม(ยาก) แล้วตอนนี้ จะให้ใครเลือกเส้นทางชีวิตให้กับเรา (ตัวเอง)   แล้วเราอยากเลือก เส้นทางตามแบบอาจารย์บรรยายธรรม หรือเลือกเส้นทางของ ญาติธรรมท่านนี้(แบบอาจารย์บรรยายธรรม)ทุกคนอยากจะเลือกเส้นทาง แบบอาจารย์บรรยายธรรมหมด   ตอบเองใช่ไหม  
มีคนตอบว่าสายกลาง สายกลาเป็นยังไ (ต้องพิจารณาสิ่งนั้น ให้ถี่ถ้วน) ใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว(56ปี) เหลือเวลาอีกกี่ปี(ไม่ทราบ)   คนเราพออายุสัก70 ปีบำเพ็ญไหวไหม (ไม่ไหว) อาจารย์สมมติให้เวลาที่จะบำเพ็ญอีก 20ปี   เป็นอาย? 76 ปี จะเลือกเส้นทางสายไหน(สายกลาง)   •??ไม?ตอบนี่เลือกอะไร (ถามนักเรียนหญิงหมายเลข2:   สายกลาง แต่ว่าจุดประสงค์ต่างกัน) คนนี้ยังเหลือเวลาอีกหลายสิบปี ยังบอกกลางไหว   อาจารย์ก็รู้ว่าศิษย์ บางคน??ต้องตอบว่าสายกลาง   ที่นี้อาจารย์จะเอาสายกลางมาให้ดู (เชิญอาจารย์บรรยายธรรม และนักเรียนในชั้นคนเดิมออกมายืนใหม่) คนนี้ทำงานธรรมะ ทุ่มเทเพื่อผู้อื่น คนนี้ทุ่มเทเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว ของตัวเอง กลางระหว่าง2คนนี้คืออะไร(ที่ว่าง) ความนัยของที่ว่างนี้ คืออะไร จับ??คนนี้มาบวกกันแล้วหารครึ่ง ทางสาย กลางนี้คืออะไร(ความว่างเปล่า) ความนัยของความว่างเปล่า?ี้ คืออะไร คนนี้ทำงานธรรมะมาก ????คนนี้ทำงานทางโลกมากเอามาบวกกันก็คือ มีทั้งทางธรรมและทางโลกทั้งสองอย่าง ถ้าหากจะให้ทำทั้งงานธรรม และงานทางโลก ก็รู้สึกว่าหนักนะ เพราะฉะนั้นตัดครึ่งหนึ่ หมายความว่า ครึ่งหนึ่งธรรมะ ครึ่งหนึ่งทางโลก   ให้ไม่มีข้างไหนที่หนักมากเกิ??? ก็จะเป็น?????? ก็จะเบา ก็จะสบายดีใช่???  อย่างเช่น ???วันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเสาร์หรืออาทิตย์หยุด   ไม่ว่าจะเป็นอาทิตย์หรือจันทร์หยุด ก็เอาเวลาที่เหลือของเราทำงานธรรมะเท่าที่เราจะทำได้ เป็นเรื่อง ยากไหม   ถ้าหากว่าเรานั้น???แต่ทำมาหากินทุกๆวันก็มีแต่ ?องคนอ?ื? ทุก?วันก็คิดแต่จะได้เงินทอง คิดแต่จะได้สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต แต่ไม่เคย คิดจะมอบให้ผู้อื่นเลย ตัวเราก็จะไม่มีสิ่งที่ดีเหล่านั้น คนที่เขาไปชวนเรา มารับธรรมะ ก็เพราะว่าอยากจะให้เราได้รับสิ่งที่ดี เมื่อเขาชวนเรา ????เรามา เขาก็รู้สึกดี เมื่อเป็นอย่างนี้   ก็คือการที่เราสร้างบุญให้กับ ตัวเอง   ให้ตัวเองได้ทำทั้งงานธรรมะ ได้ทำทั้งงานทางโลก นี่เป็น สิ่งที่ยุคนี้ พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียกร้องให้มนุษย์ทำ  คือทำงานธรรมะและ ทำงานทางโลกไปด้วยกัน
ทำงานทางโลกแล้วมีบาปไหม ทำงานทางธรรมแล้วมีบุญไหม บางทีทำงานธรรมะอาจจะมีบาปก็ได้ บางทีทำงานทางโลกอาจจะมีบุญ ก็ได้ เพราะอะไร ขึ้นอยู่กับใจของเรา ???เราใช้ใจของเราไปอย่างไร ฉะนั้นจึงต้องใช้ใจอันเดียวกันนี้ ทำทั้งงานธรรมะ และทำทั้งงานทางโลก เพื่อให้เรานั้นเกิดบุญในทั้งสองทาง แล้วในที่สุดศิษย์จบชีวิตลง ศิษย์จะ ลอยขึ้นหรือจะตำ?ลง ก็ขึ้นอยู่กับศิษย์  แต่ถ้าหากว่าทำงานทางโลกอย่าง เดียว   ธรรมะไม่เคยศึกษา ไม่เคยเอาธรรมะไป ปฏิบัติ ็??แต่???? กรรมๆๆๆ เหมือนกับใส่ก้อนหิน ????ก้อน ??ก้อ? ???ก้อน   หนักไหมสมมติใจของเราเป็นพัดก็แล้วกันนะ ทำอย่างไรให้พัดนี้ลอยขึ้น แล้วทำ อย่างไรพัดนี้ถึงร่วงลง คิดเอาเอ ตลอดชีวิตของ?ร?จึงต้องรู้จักที่จะ สร้างกรรมดี ถ้าหากเราเป็นคนที่มีกุศลมาก ใจของเราก็เหมือนขนนก ลมก็คือบุญที่เราสร้าง ก็จะพัดขึ้นๆให้เราลอย ไม่มีวันตกแต่หากว่าใจ ของเราหนักเหมือนหิน มีแต่อัตตา มีแต่ตัวตน มีแต่ความโลภ มีแต่ความ โกรธ มีแต่ความหลง ใจของเราก็ดิ่ง เมื่อดิ่งลงแล้ว จะทำอย่างไรให้ ใจของเราสูงขึ้น ถ้าหากว่าไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักย้อนมอง ใจของเรา ก็จะดิ่งลงไป 
   ขุม ัง อง ุษ ย์ อจ ิต ใจ คนที่ใช้แต่อารมณ์ย่อมล้มเหล?  บางคนมีจิตใจที่จะทำงานนี้มาก ไม่ว่าเจอความยากลำบากอย่างไรก็ สามารถที่จะฝ่าฟันไปได้   เหมือนกับมีภูเขามาตั้งอยู่ข้างหน้าหนึ่งลูก เราจะทำภูเขานี้ให้???เรียบไปยากเกินไหม(ยาก) ถ้าถามคนสมัยก่อน ??จะบอกว่ายาก ถ้าถามคนสมัยนี้ต้องตอบว่าง่าย ขนาดดวงจันทร์ ยังไป เหยียบได้ นับประสาอะไรกับภูเขาลูกเดียวที่อยู่ข้างหน้า คนสมัยนี้ มีทั้ง รถตัก มีทั้งเครื่องช่วยนานาชนิด เพราะฉะนั้นคนสมัยนี้บำเพ็ญธรรม จะว่า ง่ายก็ง่าย เพราะว่ามีสิ่งที่ช่วยมาก จะว่ายากก็ยาก เพราะว่าติดตรง ที่ไม่รู้ความนัยของสิ่งต่างๆ เหมือนเมื่อครู่นี้ถามว่าซันแปลว่าอะไ? ก็??? ว่า???อยู่นั่นเอง ไม่รู้ว่าเราจะฝ่าไปไเพราะว่าติดอยู่แค่น??? พูดอะไรก็คืออย่างนั้น  อย่างนี้เราก็ไปไหนไม่ได้ ฉะนั้นภูเขาหนึ่งลูก ที่อยู่ข้างหน้า อุปสรรคของเรานี้ จะฝ่าไป   ก็ใช้จิตใจที่เป็นขุมพลังนี้ ถ้าหากว่ามีจิตใจที่จะลงแรงมาก มีจิตใจที่จะสู้มาก ต่อให้คนที่เป็นโรค เจ็บข? ปวดแขน ปวดหลัง เดินไม่ได้   ถ้าหากว่าอยากทำงานธรรมะจิตใจอันนี้ก็จะหนุนนำให้เราสามารถที่จะเดินได้เลย เชื่อ????ไม่(เชื่อ) เพราะอะไร เพราะจิตใจของเรา เป็นจิตใจของนักต่อสู้ ???ถ้าหากว่า เรามีแต่จิตใจของคนป่วย ให้เราเดินไป????ตีนภูเขา ยังเดินไม่ได้เลย 
คนที่ใช้แต่อารมณ์ย่อมล้มเหลว  คนที่นี่มีใครชอบใช้แต่อารมณ์บ้าง ไหนลองยกมือขึ้นหน่อ? ใช้แต่อารมณ์   แล้วผลลัพธ์ออกมาเป็น?????? (ล้มเหลว) ทำอย่างไรจึงจะไม่ล้มเหลว ต้องระงับอะไร(ระงับอารมณ์)
ชนะใจตนเองได้ดีไม่เล?     ให้ศิษย์ชนะคนอื่นกับชนะตนเอง ชนะใครภูมิใจกว่ากัน(ชนะตัวเอง) เพราะว่าการเอาชนะคนอื่นเป็นกา? เอาชนะที่ง่าย   แต่การเอาชนะตนเองเป็นการเอาชนะที่ยาก เพราะ ตัวเรานั้นรู้ทันตัวเราหมดฉะนั้น เราจึงต้องพยายามที่จะเอาชนะตัวเอง เพื่อที่จะได้รับความภูมิใจนั้น
คว้า?ำ?เหลวเพราะไม่เอาจริงกับต? รู้จักคำว่า เอาจริง ไหม (ทำจริง,ตั้งใจทำจริง)คำว่าเอาจริ มีความหมาย และกว้างยิ่งกว่า คำว่าตั้งใจอีกนะ อย่างเช่น คนที่อยากได้ปริญญาหนึ่งใ? ก็ต้องลงทุนที่จะ ทั้งเรียน ทั้งทำกิจกรรม ทั้งอ่านหนังสือทำทุกๆอย่าง ที่จะได้รับปริญญานี้ ??เราอยากได้มรรคผลเบื้องบนแดนนิพพาน   เราจะต้องทั้งลงแรง ขัดเกลากิเลสของตัวเราเอง ต้องรู้จักสร้างกุศล   ต้องรู้จักเอาชนะ ตัวเอง ทุกวันมีอารมณ์ไหม (มี)เราต้องเอาชนะทุกวันไหมก็ต้องทุกวัน เช่นเดียวกัน จะบอกว่าวันนี้ ไม่อยากเอาชนะเลย เว้นไปก่อน เดี๋ยว พรุ่งนี้ค่อยเอาชนะใหม่ อย่างนี้ถือว่าเป็นคนเอาจริงไหม (ไม่เอาจริง)
    ถามศิษย์รักทุกคนง่วงนอนหรือเปล่า(ไม่ง่วง) ตอนนี้ไม่ง่วงแล้ว ????ฟังธรรมะก็จะน?? เวลานอนก็นอนไม่หลับใช่ไหม(ใช่)  ทำไมถึง นอนไม่หลับล่ะ(คิดมาก) รู้ว่าตัวเองคิดมาก ทำไมไม่คิดน้อยๆหน่อยล่ะ จะคิดน้อยๆง่าย????ไม่(ไม่ง่าย) ทำไมล่ะจิตใจเราอยู่ไกลมาก ไม่รู้จัก เขาเลยใช่ไหม(ไม่ใช่) จิตใจอยู่บนภูเขา เลยต้องปีนไปเอา มันยาก ลำบากที่จะปลอบให้เขาหลับหรือไง  
    (กราบรับพระอาจารย์)เอาอะไรมารับอาจารย์ ไปตามใจลงมา จากภูเขาเร็ว จะได้เอามาดีใจ ใจอยู่ที่ไหน (•??ตัวเราเอง) ใจอยู่ที่ตัว แน่หรือ(แน่)   แล้วเวลาให้เขาคิดน้อยๆ    ทำไมเขาไม่ยอมคิดล่ะ (ชนะใจตัวเองไม่ได้) เพราะว่าตัวเราไม่ดีใช่ไหม(ใช่)    ใช่หรือ ตอนรับธรรมะ เขาบอกว่าพาคนดีมารับธรรมะไม่ใช่หรือ ตกลง คนดีหรือไม่ดีกันแน่(คนดี) คุยกับอาจารย์จี้กงปวดหัวนะ
    เมื่อยหรือยัง(ยัง) ??ยังไม่เมื่อย   พายเรือกันสักหน่อยดีกว่า พอพายเสร็จเรือก็หยุดอยู่ที่เดิม   เพราะว่าไม่ออกแรง   ที่นี้อาจารย์ พูดความนัยอีกแล้ว   ออกแรงหมายถึงอะไร สถานธรรมเปรียบเสมือน เรือลำหนึ่ง แดนโลกนี้เปรียบเสมือนน้ำทะเล   เราเป็นคนพาย การ ออกแรงหมายถึงอะไร( ฉุดช่วยเวไนย,ชักนำคนให้มารับธรรมะ)     การออกแรงก็หมายถึงการบำเพ็ญ   การออกแรงก็คือการบำเพ็ญ ตัวเรา   ? ?? เราก็ย่อมที่จะไม่ได้ออกแรง นั่นเอง ถึงแม้จะมาสถานธรรมทุกวัน  ?แม้จะช่วยงานธรรมะ   ???หากว่าตัวเราไม่ได้บำเพ็ญตนให้ดี ก็หมายถึงว่าเรายังไม่ได้ออกแรง อะไรเลยที่จะ ทำให้เรือลำนี้เคล????•????     ?มื่อเราจะทำงานของส่วนรวม  เราก็ต้องมีจิตใจกว้างเพียงพอ ที่จะออกแรงให้กับเรือใหญ่ลำนี? (พระอาจารย์เมตตาประทานผลไม้ให้กับผู้ที่ตอบคำถาม)  ทุกคนรู้จักแต่วิธีการแย่ง ไม่รู้จักวิธีการอื่?   ทำไมทุกคนรู้จักแต่วิธีการ แย่งล่ะศิษย์??อาจารย์ บางทีบางปัญหานั้นแก้ง่ายเพียงแค่เร ??? ??•ระหว่างคน?????คน แต่ว่าบางทีเรายังไม่พู? อะไรเล? สมมติว่าศิษย์ตอบ แล้วก็คิดว่าผลไม้นี้ควรเป็นของเราใช่ไหม (ใช่) แล้วถึงเวลาเราทำ????ไ?(ขอ)เราก็แย่งเอาไปโดยที่เราไม่รู้ ว่าจริงๆแล้ววิธีก?ร แย่งนั้นไม่ถูกต้อง บางทีเราต้องรู้จักเปิดอะไร ตาเราเปิดไหม(เปิด) หูเราเปิดไหม(เปิด) ?ากเราเปิดไหม(เปิด) ต้อ เปิดปาก ตาเปิด หูเปิด แต่ปากทำไมปิดไว้ไม่ยอมพูด  เราอยู่ในโลกนี้ เราจำเป็นจะต้องเปิดตาเพื่อดู  ไม่ใช่ดูอย่างดูเห็นของ แต่ต้องดูให้ชัดเจน   มีอยู่ชั้นเรียนหนึ่ง อาจารย์สอนให้ศิษย์ของอาจารย์ ดูแอปเปิ้ล ไม่ใช่ดูว่าแอปเปิ้ลนี้อร่อยไหม แต่ต้องดูว่าแอปเปิ้ลมีตำหนิไหม เพื่อที่เราจะได้รู้จักว่าธรรมะของเราคืออะไร แต่การที่จะรู้จักแ?ปเปิ้ล จริงๆแล้วต้องทำ????งไ? เปิดปากเหมือนกั?   ต้องชิมใช่ไหม ถึงจะรู้ การที่จะทำอะไรนั้น ปัญหาบางอย่างนั้นแก้ไขด้วยการพูด แต่เรา ต้อพูดด้วยคำพูดที่ไพเราะ สุภาพ น่าฟ?   บางคนชอบพูดมึงมาพาโวย บางคนชอบพูดวะโ??ย  ไม่ยอมเลิก   คนบำเพ็ญพูดมึงม?พาโวยวะโ??ย ไม่ยอมเลิกได้ไหม(ไม่ได้) น่าดูไม่น่าดู) พุทธ?องค์นี้เดี๋ยวพูดวะ อีกแล้ว เดี๋ยวพูดโว?ยอีกแล้? เดี๋ยวพูดมึงอีกแล้ว ไม่น่าฟังเลยใช่??? เพราะฉะนั้น เราต้องแก้ตั้งแต่ไหน   อายตนะภายนอกที่เรารู้จัก ตาต้องหัดดูในสิ่งที่ดี ปากต้องหัดพูดในสิ่งที่ดี ทำได้ไหม สองอย่างนี้ เริ่มต้นง่ายๆนะ พอคนเขาเห็นเราพูดจาดีขึ้น    เขาจะเป็น (จะนับถือ)   เขาจะบอกว่ารังเกียจเราเหลือเกินที่เราพูดจาไพเราะ อย่างนั้นไหม(ไม?)   แ??เขาจะพูดอย่างไร (ฉันรักเธอเพราะเธอพูดดี) อยากมีคนรักหรืออยากมีคนเกลียด(อยากมีคนรัก) เพราะฉะนั้น เราต้อง เริ่มต้นที่ตัวเองใช่??? (ใช่)            
    เชิญนั่งลงได้ (เชิญพระอาจารย์นั่งก่อน)ถ้าอาจารย์ไม่นั่ง ?????จะ นั่งไหม(ไม่) จริงหรือเปล่าศิษย์รัก(จริง)   อาจารย์อยากสอบใจคนว่า ถ้าอาจารย์ไม่นั่งจะไม่นั่งกันจริงๆ หรือเปล่าศิษย์รัก
ผิอดทนเพื่อเงินตราจะบ้าไป ผิ แปลว่? หากหรือแม้น หมายความ ว่า ถ้าหากเราอดทนเพื่อเงินอย่างเดียว เราจะเป็นอย่างไร(เราจะบ้า) คนในโลกนี้ มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันก็ด้วยเรื่องเงินใช่??? พี่น้องดีๆ กันอย?่ พอมีเรื่องเงินเข้ามาก็แตกแยกกัน ในที่ทำงานหากว่าใครเงินหาย ก็ระแวงกันไปทั่วใช่??? ฉะนั้นเราต้องมีสติให้มากขึ้น เพื่อจะได้ดูว่าเงิน นั้นทำให้เราบ้าจริงหรือเปล่า ชีวิตนี้อะไรสำคัญที่สุด มีคนยืนไม่ไหวแล้? เชิญนั่ง เชิญนั่ง ไม่ต้อเกรงใจนะ  (เชิญพระอาจารย์นั่ง, ขอบคุณ พระอาจารย์เมตตา)  ไม่เหลือศิษย์รักเลย เหลือแต่ศิษย์... ดูสิ นั่งช้ากว่าเค้ายังกล้านั่งอีก
    คนติดดินกลายดิ้นรนกันไม่หยุ? หมายความว่าอย่างไร อาจารย์ บรรยายสภาพคนในยุคนี้ ขณะนี้ตอนนี้และวันนี้นะ คนไทยที่มาอยู่อเมริกา ทุกคนนั้นจริงๆแล้วเป็นคนที่ติดดินใช่หรือไม่ ยังจำสมัยก่อนได้ไห?ว่าเรา เป็นคนที่ติดดินมากแค่ไหน จากคนที่ติดดินนั้น ตอนนี้ กลายเป็นคนที่ดิ้นรน ไม่หยุดไม่หย่อน ใช่หรือไม่  เพื่ออะไร(เพื่อเงิน)เราอาจจะดิ้นรนเพื่อ อะไรก็ได้ เราอาจจะมีเหตุผลของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ สภาพของเราทุกคน ก็คือสภาพที่ดิ้นรนไม่หยุดไม่หย่อน ยิ่งเราดิ้นมาก เท่าไหร่ก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น ใช่???(ใช่)  ยิ่งดิ้นแรง ปัญหาก็ยิ่ง มากขึ้น ยิ่งหนักขึ้น ความทุกข์ทนในตอนนี้   ที่เราบอกว่าทนไม่ได้แล้ว แก้ไม่ไหวแล้ว อาจเป็นแค่การเริ่มต้นก็ได้
แลกชีวิตเพื่อชีวิตดีขึ้นกว่าเดิ? เราแลกชีวิตของ เรานั้นเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ????แลกร่างกายของเราที่เคยแข็งแรง ให้อ่อนแอลงไป  องที่เคยแจ่มใสของเรา???เป็นสมองที่มึนตื้อ
พั?ธะเพิ่มสิ่งใดทำใครลวงตน  จริงๆแล้วไม่มีใครมาลวง??? ไม่มีใครหลอกเราให้เราเป็นอย่างนี้  ไม่มีใครทำให้เราเป็นอย่าง???ได้ นอกจากตัวของเราเอง       หากว่ามือของเราจะต้องทำงานไม่หยุ? หากว่าเท้าของเราจะต้องเดินไม่หยุด   ก็ขอให้ใจของเรานั้นได้หยุด เพื่ออะไร  ใจที่ว่างๆและเป็นปกติอยู่เสมอจึงเป็นสุขได้   หากว่าเรา ใช้ใจของเราทั้งหมดนั้นลงไปทุ่มเทกับความวุ่นวาย  ใจเมื่อลงไปอยู่ใน แก้วน้ำของความวุ่นวายจะวุ่นวายไหม(วุ่นวาย) ตอนนี้ศิษย์อยู่ในโลกที่ วุ่นวาย แล้วศิษย์เอาใจของศิษย์นั้นจุ่มลงไปในโลกใบนี้ด้วย ใจของเรา จะวุ่นวายไหม(วุ่นวาย)     ทำอย่างไรจึงจะหลุดจากความวุ่นวายน??    พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยศิษย์ไม่ได้หรอกนะ  เราทนกับความยากจนไม่ได้ เราทนกับความลำบากไม่ได้ เราก็เอาชีวิตของเราเข้าไปแ?? สุดท้าย คุ้ม????ไม่   เราตอบตัวเองได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเห็นโจทย์เลยใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เราก็คิดว่า เราคงเป็นคนที่โชคดีที่จะได้รับสิ่งที่ดีๆเสมอๆเวลา มีเรื่องเข้ามาหาเรานั้นทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ดีไหม(ไม่แน่เสมอไป) ไม่แน่ เสมอไปว่าจะเป็นเรื่องที่ดี เราก็ต้องเผื่อใจของเราไว้สำหรับความ โชคร้ายของตัวเราบ้าง  เราก็ต้องคิดหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเราบ้าง  อย่าให้ปัญหานั้นทำให้เรานึกคิดอะไรไม่ออก
ในวันนี้เรามารวมตัวกัน แม้ว่าจะน้อยคนไปหน่อยนะ แต่อาจารย์ก็ ถือว่า เป็นเรี่ยวแรงที่ศิษย์ของอาจารย์ต่างคนต่างได้ไปออกแรง ซึ่งแรง นั้นออกมาได้เท่านี้   ?????ต่างคนนั้นไปลงแรงจริงๆ คงมีความสำเร็จ ที่มากกว่านี้   แต่อาจารย์ก็เข้าใจว่าศิษย์ทุกคนนั้นเหนื่อยนะ เหมือนกับ กลอนที่อาจารย์บอกไ??
    ความสำเร็จกลับน้อยแม้นแสนเหนื่อยมาก     อาจารย์ก็รู้ว่าศิษย์ ต่าง??เหนื่อยมาก คนที่ไม่เคยทำงาน จ??ม่รู้ว่าเหนื่อยอย่างไร พอลองมาทำกว่าจะดึงคนมาได้คนหนึ่ง กว่าจะช่วยคนมาได้คนหนึ่ง ก็เป็น เรื่องยากใช่หรือไม่แต่ก่อนที่เราจะช่วยคนอื่น เราต้องช่วยตัวเองก่?? ช่วยให้จิตใจของเรานั้นตรงเที่ยง เที่ยงตรง ช่วยให้จิตใจของเรานั้น เที่ยงธรรม   เอาอะไรมาวัดล่ะ ก็เอาใจของเรานั้นแห???าเป็นตัววัด เพราะไม่มีใครเข้าใจและรู้จักตัวของเราดีพอเท่าตัวเราเอง ??????? จึงบอกว่าความสำเร็จกลับน้อยแม้แสนเหนื่อยมาก
     ฝึกลำบากไม่สูญหายให้ใจหล่ ?  ความลำบากที่เราลงแรงฝึกไป  คำต่อว่าที่คนอื่นว่ามา ความลำบากอุปสรรคที่???ได้เคยพบเจอ ก็ถือว่า เป็นการฝึกฝนจิตของเราให้ยกระดับมากขึ้น ผลของการฝึกนั้นไม่สูญหาย ให้จิตใจของเรานั้นหล่น ให้เราตกใจหน้าซีดหรอกนะเพราะว่าผลความ ลำบากอันนี้จะส่งเสริมเรา ให้เราเป็นคนที่ใหม่มากยิ่งขึ้น เหมือนกับพื้น ถ้าหากว่าพื้นเลอะๆ ทำอย่างไรถึงจะสะอาด(เช็ด,ปัด)ถ้าคราบนั้นติดมา
แล้วหนึ่งปีทำอย่างไรจะออก(ขัด) ขัดให้แรงๆใช่ไหม แล้วใจของเราล่ะ ถ้ามันเปื้อนมากๆ เอาใจไปทิ้งได้ไหม(ไม่ได้) พื้นอันนี้ความนัยก็คือจิตใจ ของเรา พื้นบ้านเปลี่ยนใหม่ เอาของเก่าทิ้งได้ พื้นใจทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นคราบที่ติดอยู่นั้น   คราบบางคราบติดมาเท่าอายุเราเลย เหมือนคราบบุหรี่ คราบบางคราบนั้นติดทนมาก เราต้องออกแรง??? แล? ??องออกแรงทุกวันด้วย เพราะออกแรงครั้งเดียว???ออก????ไม่(ไม่ออก)  ต้องถามคนนี้ (ผู้ดูแลสถานธรรม) รู้??ที่สุดนะ ?????????คนรักสะอาด
คนสูบบุหรี่ทุกวันจะให้ปอดแข็งแรงได้ไหม(ไม่ได้) คนที่เล่นการ พนันทุกวันจะให้รวยได้ไหม(ไม่ได้)   แล้วการที่ได้สั่งสมกรรมมาตั้งแต่ ชาติปางก่อน แล้วชาตินี้ป่วยจะให้หายได้ไหม(ไม่ได้)ทำอย่างไรจะให้ หาย(บำเพ็ญธรรม)มาคุกเข่าวอนขอพระตรงนี้ก็ช่วยไม่ได้ แต่หากคุกเข่า ขอพระในใจอาจจะช่วยได้ ใช่หรือไม่(ใช่) ในเมื่อศิษย์ทุกคนนั้นอยู่ในยุค วิทยาศาสตร์ เราก็ทำตัวเราให้เป็นคนที่มีเหตุมีผลใช่หรือไม่ แล้วก็คิด อะไรให้มีเหตุมีผล   ถึงจะสมกับเป็นคนยุคนี?? ถึงเราบำเพ็ญคนก็ไม่ว่า งมง?? แต่หากเราคิดอะไรก็ไม่มีเหตุไม่มีผล คนมาเห็นเราบำเพ็ญธรร? เขาก็จะบอกว่าเราเป็นอย่างไร (งมงาย)
    ในยามนี้ พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์สู้มารไม่ได้นะ เพราะว่าอะไร เพราะว่าคนเกือบจะหมดโลกเข้าข้างมาร ไม่ได้เข้าข้างพุทธะ จริงไหม (จริง) คนเกือบทั้งโลกอยู่ฝ่ายมาร  ชอบแต่ความสบา? ไม่ชอบความ ลำบาก  แล้วจะให้พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอิทธิฤทธิ์อย่างไร  ???อิทธิฤทธิ์ ให้คนหายป่วย แล้วเข้ามาทางพุทธะเป็นไปได้ไหม(ไม่ได้)ขนาดศิษย์ ยังตอบว่าไม่ไ?? แล้วอาจารย์จะตอบว่าได้ ได้อย่างไร
    มุ่งมั่นจะเป็นพุทธะย่อมเป็นพุทธะ  มุ่งมั่นอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น  ทุกคนต้องมีความมุ่งมั่น แล้วเอาความมุ่งมั่นของเราออกมาเท่านั้นเอง  (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนออกมาวงคำตามที่พระอาจารย์บ??)
สามคนนี้(ผู้ดูแลสถานธรรม)   มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า (เปล่า)  ทุกคนต่างก็ตอบว่าไม่มีปัญหา ฉะนั้น??????ต่อหน้าหรือลับหลั ไม่ว่าในใจ ลึ?ๆ หรือไม่ลึกก็แล้วแต่ เราก็จะมีปัญหากันไม่ได้ เราต้องรักเขา แล้วเขาก็ต้องรักเรา ทั้งสามคนต่างมีความแตกต่างกัน    การที่จะอย?่ ร่วมกันมันยาก แต่อาจารย์ก็มีความหวังอยู่ที่ศิษย์???คนนี้ แล้วก็ศิษย์คนนี้ ศิษย์คนนั้น ศิษย์คนโน้น แล้วก็มีศิษย์ที่ขายดอกไม้ ฉะนั้นก็มีอยู่ไม่กี่คน เท่านั้น แต่การที่ศิษย์ทุกคนนั้นมีนิสัย ความเป็นอย?? สภาพแวดล้อมที่เลี้ยงดู มาต่างกัน ทำให้ทุกคนนั้นต่างกัน การมาอยู่ร่วมกันจึงต่างต้องเข้าใจกัน
    มีคนอยากให้อาจารย์ตั้งชื่อสถานธรรมอยากรู้ว่าอาจารย์จะใ?? ได้ไหม  ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อศิษย์ตั้งเป็นส่วนกลางแล้ว ทุกคนมีส่วนร่วม หมายความว่าจะปิดเรือลำนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็แล้?แต่ เวลา มีอุปสรรคขึ้นมาจะมาพูดไม่ได้ เพราะทุกคนนั้น ต่อไปในวันข้างหน้?เรา ต้องเป็นอาวุโสของคนอื่น เป็นเรื่องที่ลำบาก ทั้ง???คนนั้นลึกๆในใจ ไม่เคยมีปัญหากัน แต่ที่แสดงอยู่ทุกวันนี้ เป็นเหมือนแม่เหล??ที่เวลาเข้า ใกล?กันแล้วมันจะแยกออกจากกันทันที มองหน้ากันไม่ติด ต้องรู้จักเข้าใจ กัน   รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน   คนไหนมีเวลามากกว่าก็สละเวลา ให้มากหน่อย  คนไหนเป็นคนที่รักความสะอาดมากกว่า   คนนั้นก็มาทำ ความสะอาด   คนนี้อาจารย์มีไว้ดูแลที่นี่ ไม่มีคนนี้สงสัยจะเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้นะ ส่วนคนนี้รู้จักคนมาก  ชวนคนได้เยอะ คนนี้เวลามากหน่อย ก็ต้องปลงตกมากหน่อย ส่วนสองคนนี้ที่เป็นผู้หญิง คนนี้ถนัดทำครัว แล้ว คนนี้ถนัดทำอะไร คนนี้ถนัดกินเจถ้าหากวันนี้ไม่มีคนตั้งปณิธานทานเจที่นี่ อาจารย์ก็ขอเบื้องบนไม่ได้ที่จะให้มีชื่อห้องพระ ฉะนั้นแต่ละคนไม่เหมือน กันเลย ไม่ใช่เอาใจที่เหมือนๆกันมาทำงานร่วมกัน แต่ให้เอาความต่าง อันนี้แหละ มาเป็นสีสันให้กับการบุกเบิกแพร่ธรรมในครั้งนี้ เอาสิ่งที่ต่าง กันมากที่สุดแต่ร่วมมือกันให้มากที่สุด ศิษย์ก็จะเป็นคนเก่งทุกๆคนทีเดียว
ตกลงถ้าอาจารย์ให้ชื่อสถานธรรมแล้ว ก็จะเหนื่อยมากขึ้น ความ สำเร็จจะมากจะน้อยอาจารย์ไม่เคยใส่ใจ      อาจารย์ใส่ใจกับศิษย์ ของอาจารย์ที่อยู่ตรงนี้ว่าบำเพ็ญดีหรือเปล่า    อาจารย์ใส่ใจว่าศิษย์ ของอาจารย์ ได้ทำตามกำลังที่ตัวเองมีหรือเปล่า   นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์ คาดหวังที่สุด อาจารย์คอยดูแลมรรคผล และสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ต่อศิษย์ อาจารย์คอยดูแลศิษย์ทุกคน แต่หากศิษย์ไม่ช่วยอาจารย์ไม่ช่วยส่งบุญกุศล ให้อาจารย์ อาจารย์ก็ไม่มีบุญกุศลไปต่อกรกับเจ้ากรรมนายเวร ศิษย์ก็จะ ลำบาก บางทีเจอความยากลำบากมากจะบอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ช่วยเหลื? ไม่ได้ แต่เราต้องคิดว่าหนักได้กลายเป็นเบาแ???   ทุกๆวันหมั่นขอบคุณ เบื้องบน    หันมามองตัวเองสำรวจตัวเองให้มาก ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ ความคิดทุกขณะไม่ว่าจะทำสิ่ง?? ล้วนเป็นตัวแทนของธรรมะ เพราะธรรมะไม่มีรูปลักษณ์ เมื่อมีคนเข้ามาในสถานธรรมไม่พบศิษย์คนนี้ ก็พบศิษย์คนนั้น ก็มีอยู่เท่านี้   เพราะฉะนั้นเราต้องยกระดับตัวเองขึ้นมา เข้าใจไหม ทำในสิ่งที่อาจารย์เคยบอกไว้แล้วศิษย์ยังไม่ได้ท?ให้ดียิ่งขึ้น
(พระอาจารย์เมตตาประทานผลไม้และทอฟฟี่)  เอาทอฟฟี่ไปอมให้ปากหวานๆนะ คนนี้ปากหวานอยู่แล้? แต่ว่าอาจารย์ยัง ให้เพื่อที่ให้เราทำใจให้ได้มากๆ คนเรามีเรื่องขัดข้องต่างกัน มีเรื่องที่ คิดไม่เหมือนกันเยอะแยะ บางทีเราก็ไปเจอมุมต่างของคนแต่ละคนที่ไม่ เหมือนกันใช่ไหม  เราก็ต้องทำใจให้มากๆ เพราะเรายังอยากบำเพ็ญ ธรรม ยังต้องเจอหน้ากันอีก
(นักเรียนช่วยกันลากเส้นต่อคำ ได้พระโอวาทซ้อนพระโอวาทออกมาเป็? คำว่า เวลาไม่คอยใค?)
เวลาคอยศิษย์ไหม  ไม่คอยเลยนะ  เวลาไม่เคยคอยใคร คำนี้ ได้ยินมานานแล้วใช่หรือไม่แต่เราไม่เคยคิดว่? เวลาของเรานั้นก็สั้?พอๆ กับคนอื่น เราไม่ได้ใช้เวลาให้มีคุณค่ามากกว่าคนอื่น แล้วเราจะเป็นศิษย์ อาจารย์จี้กงได้อย่างไร เพราะอาจารย์ไม่มีเวลาหยุด ไม่มีแม้เวลาจะ หยุดคิดว่าจะทำอะไร•??เป็นเรื่องส่วนตัวทุกๆวันทุก?เวล? ???????ช่วยคน ตลอด แล้วศิษย์ของอาจารย์ล่ะ อาจารย์มีเวลาเป็น????เป็น???ปี ยัง??? ??ช่วยคน ศิษย์ของอาจารย์มีอายุแค่????ปี ก็มีเรื่องวุ่นวาย มีเรื่องที่ ขอไม่จบ แล้วถ้าหากว่าศิษย์ขอเพื่อตนเองหมด แล้วศิษย์จะเอาอะไร ไปให้คนอื่นใช่หรือไม่     เราจึงต้องรู้ว่าการที่ได้เกิดเป็นคนในชาตินี้   ???เวลาที่ไม่คอยเรา   ชาติเดียวชาตินี้     ??เราจะหลุดพ้นจากการ เวียนว่ายตายเกิดได้ เราจะต้องบริหารเวลาของเราอย่างไร ให้เวลา ของเรานั้นเพียงพอกับการหลุดพ้นในไม่กี่สิบปีข้างหน้านี้ การบริหารเวลา อย่างทุกๆวันที่เป็นอยู่นี้พอไหม(ไม่พอ) ไม่พอเลย เดินยังไม่ได้ครึ่งทาง เลย ถ้าบริหารเวลา???อย่าง•ทุกวันนี้
    ฉะนั้นจะทำอย่างไร ให้เราได้รับผลประโยชน์ที่เราอยากได้รับ ให้มากที่สุด เป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด เพราะศิษย์ จะเอาประโยชน์อันนี้กลับคืนสู่เบื้องบน ลำบากหน่อยนะ  บำเพ็ญธรรม ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเวลาไม่เคยคอยเรา ทุกๆวันที่ผ่านไป เรื่องสามวัน ที่แล้วเราคิดแล้วเหมือนฝันใช่หรือไม่   ปัญหาที่เพิ่งจบไป เราคิดแล้วยัง รู้สึกว่าเป็นไปได้อย่างไร วิธีการแก้ปัญหาที่เราไม่เคยรู้ว่าเรามีปัญหา มากขนาดนั้น แต่เราก็แก้ได้ 
จงนำประสบการณ์ต่างๆมาใช้ในการบำเพ็ญธรรม แต่เลือกสิ่งที่ดีๆ เท่านั้น ผู้บำเพ็ญธรรมหัดให้อภัยกัน ผู้บำเพ็ญธรรมอ่อนน้อมถ่อมใจ อย่า ควานหา   อย่าพยายามเสาะแสวงหา ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นใครผิด เพราะมนุษย์ในโลกนี้ไม่มีใครยอมรับว่าตนเองผิด เพราะฉะนั้นเมื่อเรา รู้เช่นนี? เราก็จงนำพาชีวิตของเราให้ราบรื่น แล้วเราจงนำพาชีวิตของ เวไนยให้ตามขึ้นมา
    ที่ยังเป็นที่บุกเบิก   การที่ศิษย์ของอาจารย์มาบำเพ็ญธรรม หรือมานั่งประชุมธรรม นักเรียนทั้งชั้นมีแค่???คนเท่านั้นแต่ศิษย์เคยเห็น ทางโลกไหม  ร้านอาหารอร่อยๆที่ศิษย์ชอบไป ตอนแรกๆที่ร้านเพิ่งเปิด มีคนกี่คน ตอนที่คนไม่ชอบเข้าก็มีคนน้อย ต่อเมื่อศิษย์รู้ว่าอร่อยแล้ว ทุกคน รู้ว่าอร่อย  ทุกคนก็กรู???เข้าไปร้านนี้ ถึงตอนนั้นจะเข้าไปกินก็ยังต้อง ต่อแถว???เลย ตอนนี้ศิษย์มีโอกาสดีกว่าคนที่จะมาต่อหลังศิษย์อีก แล้ว ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ให้????ประโยชน์ ถ้าศิษย์ไม่ใช้โอกาสนี้ถือว่าไม่ฉลาด อาจารย์ถึงได้พูดว่า ?ิษย์ของอาจารย์ทุกคนฉลาดหม? ไม่มีใครไม่ฉลาด
    ช่วยกันดึง  หมายความว่า  ให้ดึงคนนั้น   ให้เราดึงเขาให้อยู่ แล้วเขาดึงเราให้อยู่ ไม่ใช่ดึงกันจนแตกแยกจากไป   แต่หมายความว่า ??ศิษย์??????ถอยให้ศิษย์คนนี้ดึง ศิษย์คนนี้ถอยให้ศิษย์คนน???ดึง ดึงกันให้อยู่ ถ้าไม่พอใจก็ไปช่วยกันดึงก็ได้ จะได้ไม่มีปัญหา
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลงโลกนี้คือละคร  ทำนองเพลง รู้สึกอย่างไรหรือเปล่?)                   ตั้งใจร้องเพลงนี้ให้ดีๆ เพลงที่อาจารย์ให้ที่นี่เกือบทุกเพลงคนที่นี่ร้องกัน ไม่ได้ เวลาของเราศิษย์อาจารย์ไม่มี???น?? ศิษย์ของอาจารย์น่ารัก??? ทุกคน ถ้าหากบำเพ็ญธรรมก็จะยิ่งน่ารักกว่านี้
    อาจารย์ให้ชื่อสถานธรรมแล้ว ทุกๆคนมีภาระต้องช่วยกันแบก???? กันหาม ใครหมดกำลังใจเราก็ต้องช่วยกัน ช่วยส่งกำลังใจ สถานธรรมเรือลำนี้ก็มีแต่กำลังใจเต็มไปหมดพอใครเข้ามาก็สดชื่น ออกไปก็ยิ้มได้ ไม่กลัวแบกหนักนะ  วันนี้เอาสัปปะรดไปทานกัน จะได้ รุ่งเรือง? หั่นแบ่งกันกินทุกคน(ขอบคุณพระ
    ศิษย์ในวันนี้ที่นั่งอยู่ตรงนี้   วันข้างหน้าอาจจะเป็นประวัติศาสตร์ ทางธรรม สามารถให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้แล้วนำไปปฏิบัติกันต่อ เป็นแบบ อย่าง สามารถให้คนชื่นชม  พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ก็มีจุดเริ่มต้นที่ ปุถุชน บางคนจบชีวิตนี้แล้วไปเวียนว่ายตายเกิด ???บางคนนั้นไปเป็น พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พวกเราทุกคนต่างเลือกทางกันเออย่างที่อาจารย์บอ? มาแต่ต้น ถ้าในใจของศิษย์ทุกคนมีอาจารย์ อาจารย์ก็อยู่ในใจศิษย์ แต่ถ้า ในใจของศิษย์ไม่มีอาจารย ต่อให้เอารูปมาตั้งไว้ อาจารย์ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้
    อย่าทำอะไรให้ผิดใจใครเรื่องบางเรื่องแก้ไขได้ คำพูด เรื่องบางเรื่องต้องปรับปรุงตัว  จับมือกันหน่อยนะ     จับมือกันดีๆ   ร่ายกายไม่ไหวแต่ใจไหว เหนื่อยมากก็สู้ให้มากขอให้ศิษย์ของอาจารย์ ได้กลับไปเบื้องบน บำเพ็ญกันให้ดีๆ วันนี้เริ่มต้นใหม่ วันนี้คิดได้   วันนี้ เริ่มต้น อีกไม่นานก็สำเร็จ หากทำกันสามวันดีสี่วันไข้ วันนี้มีใจ วันหน้า หมดใจ



อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา