วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562

2562-10-26 สถานธรรมฮุ่ยอวี้ จ.ขอนแก่น

西元二〇一九年嵗次已亥九月廿八日                  仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๒๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒         สถานธรรมฮุ่ยอวี้ จ.ขอนแก่น
พระโอวาทท่านเสียวเสี่ยวเซียนถง
  อย่าปล่อยอยากจนลืมมองความจริง  สรรพสิ่งล้วนมาจากธรรมชาติหนา
ใครเจ้าของล้วนเปลี่ยนผันไปหลายหน้า แค่ยืมใช้สักวันหนาต้องคืนไป
                    เราคือ
  เสียวเสี่ยวเซียนถง (小小仙童)  รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา  ลงสู่แดนโลก น้อมกายกตัญชุลี
องค์มารดาแล้ว                  ถามเมธีทุกท่านอยากสนทนาธรรมกับเราหรือเปล่า
  คนพึงรู้การใช้จังหวะจะโคน           ฝึกอ่อนโยนงามสง่าดั่งม้าย่าง
ขาดฝึกใจคนยิ่งกว่าลิงค่าง               แม้ไล่จับยังชรายังไม่พอ
ประคองใจไม่อยู่มักไม่ได้พัก             แปรชังนักเป็นชอบได้เมื่อไรหนอ
แค่ใจสู้แต่ไม่รู้จักตัวพอ                   แม้กำลังไปต่อทำตัวเองงง
พูดปั้นน้ำเป็นตัวอย่าว่าแค่               จนน้ำเต็มแก้วแย่ยังเฉยส่ง
ใจแคบมีแต่ความคิดเจาะจง             แก้วน้ำโล่งแล้วเก่งแบบตัวจริง
อย่าเอาแต่ชมชื่นตัวเองอยู่               รู้ทั้งรู้ดื้อก็เพราะรู้ยิ่ง
เสยหัวเหม่งรั้นหัวชนฝากระทิง          จำพวกกลิ้งตากลมฉลาดแบบดึงดัน
เลยรีบคุยกับจิตใจใฝ่ทบทวน            ธรรมในใจอะไรสมควรทำแบบนั้น
รักษาศีลเหมาะสมลดผูกเลิกพัน         สติทันอารมณ์อัตตาคลายปมหลายปม
เหมือนบำเพ็ญยังไม่เป็นหรือไรหนอ     รู้ตัวก็ต้องแก้อย่างเหมาะสม
ไม่ใช่ก้าวหน้าแต่ไม่เคยล้ม               อย่าลอยลมถ้าหมายมั่นสู่นิรันดร์
                                                                              ฮิ ฮิ หยุด



พระโอวาทท่านเสียวเสี่ยวเซียนถง

เหนื่อยไหม (ไม่เหนื่อย)  เมื่อยไหม (ไม่เมื่อย)  ฟังต่อได้ไหม (ได้)  เมื่อสักครู่เราแค่แกล้งลองถามท่าน ว่าท่านเป็นคนใจกว้างหรือใจแคบ (กว้าง, แคบ)  คนใจกว้างฟังอะไรก็ได้  ฟังอะไรก็ไหวใช่หรือไม่ (ใช่) เป็นคนอดทนเก่งไหม (เก่ง)  เห็นชมตัวเองตลอด ทั้งใจกว้าง ทั้งอดทนเก่ง ทั้งไหว แต่ถึงเวลาไหวหรือไม่ไหว (ไหว)  สู้หรือไม่สู้ (สู้)  ตื่นหรือยัง (ตื่นแล้ว)  ถ้าเช่นนั้นเราเปลี่ยนบรรยากาศจากการที่ฟังธรรมเฉยๆ มาเป็นคุยแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกันดีหรือไม่ (ดี)  ได้ไหม (ได้) 
โดยส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงธรรมะ ท่านจะมองเรื่องความดีคือธรรมะ ทำบุญใส่บาตรคือธรรมะใช่หรือไม่ (ใช่)  สวดมนต์ก็เป็นธรรมะและไปวัดก็เป็นธรรมะใช่หรือไม่ (ใช่)  พระและองค์พระก็คือธรรมะใช่ไหม (ใช่)  เรารู้ธรรมะแค่นี้ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  แล้วเรามักจะพูดว่า ถ้าพูดถึงธรรมะก็ต้องเป็นพุทธศาสนาถึงจะเรียกว่าธรรมะใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  เราลองมาปรับความคิดกัน ดูว่าความคิดเราจะตรงกันไหม โดยส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงธรรมะเราก็จะมองใกล้ๆ กันว่าธรรมะคือแค่ความดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีศีล มีธรรม เรียกว่าธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วธรรมะมีมากกว่านั้นไหม (มี)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจ้งพระนาม)
(เสียวเสี่ยว(小小) แปลว่า เล็กมาก)
เราคือ เสียวเสี่ยวเซียนถง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเล็กมากจนแทบไม่มีตัวตนเลย ถ้าท่านเข้าใจความนัยที่เราพูด ท่านจะอยู่บนโลกอย่างไม่มีทุกข์ ยิ่งมีอัตตาตัวตนมากเท่าไร ยิ่งยึดมั่นถือมั่นความมีตัวตนมากเท่าไร เราก็จะยิ่งทุกข์มากเท่านั้น แต่ถ้าเมื่อไรตัวตนเราหดหาย ตัวตนเราไม่เหลือเป็นความว่างเปล่า ทุกข์จะเกาะกินได้ที่ใดจริงไหม (จริง)  อยู่ที่ไหนพอมีชื่อเรา เราก็พร้อมจะเจ็บ อยู่ที่ไหนพอมีเราเกี่ยวข้อง เราก็พร้อมจะทุกข์ อยู่ที่ไหนพอมีเราไปผูกพัน เราก็พร้อมจะเจ็บช้ำ ใช่หรือไหม (ใช่)  แต่ถ้าไปอยู่ที่ไหนแล้ว เห็นความสำคัญฉันบ้างเคยเห็นฉันในสายตาไหม แล้วใครเจ็บ
บางครั้งอยู่ในโลก การมีตัวตนมันเจ็บปวด บางทีเรามีเหมือนไม่มีบ้างก็ดีนะ ยิ่งมีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนมากเท่าไร ยิ่งเห็นว่าตัวเองสำคัญมากเท่าไร เราก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น ฉะนั้นบางครั้งมีเหมือนไม่มีบ้างก็ได้ อยู่แบบใครไม่เห็นค่าบ้างก็ได้ เรารู้คุณค่าตัวเองก็พอ คนขี้น้อยใจก็ต้องเศร้าใจ
คิดมากไปยึดมั่นมากไป คนที่ทุกข์ก็คือคนที่คิดใช่หรือไม่ บางทีทำตัวเองเหมือนว่างเปล่าบ้างก็ได้ เพราะบางครั้งความมีมันเจ็บ ไม่มีก็เจ็บ แล้ว
ในโลกนี้มีอะไรแล้วเหมือนมีบ้าง

มีสามีเหมือนมีไหม (ไม่มี) มีเงินเหมือนมีไหม (ไม่มี)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีบ้านแล้วเหมือนมีบ้านไหม (ไม่มี)  ไม่ค่อยกลับบ้านชอบออกนอกบ้าน
มีงานแต่ทำตัวเหมือนคนไม่มีงานใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่ากลัวความไม่มีเลย บางครั้งความไม่มีก็ทำให้เราเบาสบายใจได้เหมือนกันจริงไหม (จริง)  โดยส่วนใหญ่คนก็จะบอกว่าชีวิตนี้ก็ยุ่งมากพอแล้ว มีธรรมะไปทำไม แล้วฟังธรรมะให้เข้าใจไปเพื่ออะไร ฟังธรรมไปแล้วก็ยังเอาตัวไม่รอดแล้วให้บำเพ็ญอีก เรื่องยากใหญ่เลย แต่บางครั้งท่านเคยได้ยินไหม คนที่มีธรรมะแม้จนก็รวยได้ แม้อัปลักษณ์ก็งามได้ และคนที่มีธรรมะแม้โง่แต่ก็มีปัญญาทัดเทียมคนฉลาดได้ แล้วคนไม่สวยแต่เป็นคนมีเมตตา เป็นคนใจดีเรียกว่าสวยไหม (สวย)  และบางคนสวยหน้าตาดีแต่ใจดำ สวยไหม (ไม่สวย)  สวยแต่กิน
ไม่ลง จริงไหม

ฉะนั้นมีธรรมดีไหม (ดี)  แล้วธรรมะทำคนจนไม่จริง เชื่อหรือไม่ คนที่มีธรรมะแม้จะจนอย่างไร แต่หากเขามีธรรมะ แม้รู้ว่าตัวเองไม่ค่อยมี แต่พอมีใครขอก็ให้ ถ้าคนมีธรรมะสงสาร ให้เขา กินน้อยหน่อยไม่เป็นไร ให้เขากินอีกหน่อย อย่างนั้นเราควรมีธรรมะเสริมบารมีตัวเองดีไหม (ดี)  เสริมหน้าตาดูดีไหม (ดี)  เสริมปัญญาเราดีไหม (ดี)  แล้วเราควรมีธรรมะไหม (ควร) 
คนหน้าตาไม่สวยแต่น้ำใจดี คนหน้าตาไม่ดี แต่รู้จักรับผิดชอบ ซื่อตรง จริงใจ จะน่ารักมากขึ้นจริงไหม คนตัวดำผมหยิก เตี้ยก็เตี้ย แต่เวลาไปไหนเจอใครก็ทักทาย สวัสดี น่ารักไหม แต่อีกประเภทหนึ่ง หุ่นดี สมาร์ท หล่อ แต่เวลาเจอใครไม่ทักทาย หล่อแต่กินไม่ลง ใช่หรือไม่ (ใช่)  เกิดเป็นคน
เราควรมีธรรมะไหม (ควร)  แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะใช้ธรรมะทำให้เรา
มีปัญญาแล้วเข้าถึงความจริง ทำอย่างไรที่จะทำให้เราใช้ธรรมะแล้วอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างเป็นสุข ตามความเข้าใจเรา ธรรมะคือความดี  เราก็ปฏิบัติดีใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ทำไมบางคนปฏิบัติดีแต่ไม่น่ารัก จริงไหม (จริง)  ปฏิบัติดีแต่หน้ายักษ์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เคยไหมเราปฏิบัติดีกับผู้คนกับคนอื่นแต่เขาไม่ต้องการ เคยไหม (เคย)  เราปฏิบัติดีกับคนอื่นแต่เขารำคาญ เช่นนั้นแปลว่าเรากำลังปฏิบัติธรรมผิดใช่หรือไม่ (ใช่, ไม่ใช่) เราเลิกปฏิบัติเลยดีไหม (ไม่ดี)  เราอย่าลืมว่าทองแท้ต้องไม่กลัวไฟหลอม คนดีจริงต้องไม่กลัวมารและอุปสรรคใช่หรือไม่ (ใช่)  ถึงจะเรียกว่าคนดี

ธรรมะคือความจริงอันเป็นธรรมดา อะไรที่เป็นธรรมดานั่นคือความจริงที่เรียกว่าธรรมดา ใช่ไหม (ใช่)  คนด่าเราก็คือธรรมดา  คนเอาเงินเราไปแล้วไม่คืนก็คือธรรมดา สามีเราไปมีกิ๊กใหม่ก็คือธรรมดา เขาสวยกว่าเรา เรากลายเป็นคนน่าเกลียดเราก็คือ ธรรมดา จริงไหม (จริง)  มีชมก็มีด่า มีได้เปรียบก็มีเสียเปรียบ มีได้ก็มีเสีย มีสวยก็มีขี้เหร่ ใช่หรือไม่ ล้วนเป็นธรรมดา  ธรรมะอันเป็นธรรมดาและเป็นจริงที่หนีไม่พ้น ถูกหรือไม่ (ถูก)
ฉะนั้นผู้ใดที่ประจักษ์แจ้งในความเป็นจริง ผู้นั้นจะเข้าสู่สภาวธรรมอันทำให้คนนั้นพ้นทุกข์  ถ้าเราอยากอยู่กับธรรมะได้เราต้องสอดคล้อง กลมกลืนและสมดุล  ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราเกิดมาเราก็ต้องอยู่กับธรรม และเราเกิดมาเราก็ต้องใช้กรรม และเราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมะ
คนตายได้แต่ธรรมะไม่เคยตาย ถ้าสามารถเข้าใจธรรมะและสามารถอยู่ร่วมกับธรรมะได้อย่างกลมกลืนสอดคล้อง ธรรมะจะทำให้เราไม่ตาย แต่ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนทำให้เราตายไวและทำให้เราตายทั้งเป็น ธรรมะสอนว่าในสิ่งที่ขื่นขม เราสามารถค้นหาความหวานได้ ถ้าในสิ่งที่ทุกข์ทน เราสามารถหาทางพ้นทุกข์ได้ เราก็คือผู้เอาธรรมะมาประจักษ์แจ้งจนนำพาให้ตนเองพ้นทุกข์ และสอนคนโดยไม่ต้องต่อล้อต่อเถียงอะไร เอาตัวเองเป็นตัวอย่าง ลูกเป็นอย่างไรก็ล้วนมาจากพ่อแม่เป็นอย่างนั้น เราเป็นอย่างไร
เราก็ติดเชื้อพ่อแม่มาอย่างนั้น เกลียดพ่อจังเลยพ่อเป็นคนแบบนั้น เกลียดแม่จังเลยแม่เป็นคนแบบนั้น ถ้าหันมาดูตัวเอง ตัวเองก็มีสิ่งที่ตัวเองเกลียดพ่อแม่อยู่ในตัวเรา ถ้าเมื่อใดมนุษย์ประจักษ์แจ้งในความเป็นจริงแห่งธรรมะ มนุษย์จะสามารถอยู่ในโลกและพ้นทุกข์ได้

ฉะนั้นจำไว้นะ ธรรมะคือความจริงอันเป็นธรรมดา ผู้ใดที่สามารถ
อยู่ร่วมได้อย่างกลมกลืนและสอดคล้องไม่เสียสมดุล คนนั้นจะสามารถหาทางพ้นทุกข์และดับทุกข์ได้ด้วยตนเอง แม้เขากำลังจะว่าเราก็ตาม จริงหรือไม่ (จริง)  ธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม ทุกขณะเราสามารถปฏิบัติและรู้แจ้งในธรรมได้ คนฉลาดเขาไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปแล้วมานั่งเสียใจ แต่คนฉลาดเขาจะรู้จักเอาทุกเรื่องมาทำให้ตัวเองสูงขึ้น เก่งขึ้น และเข้าใจธรรมะมากขึ้น เพราะทุกชีวิตล้วนคือธรรม หนีไม่พ้นธรรม และธรรมจึงจะยืนยง แต่อัตตาตัวตนล้วนเสื่อมสลาย จริงหรือไม่ (จริง)  ก่อนเราเกิดมาธรรมะก็มี แม้แต่เราตายไปธรรมะก็ยังคงอยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่เพื่อเรียนรู้ประจักษ์แจ้งในธรรมอันเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนดังคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ทุกความเป็นจริงแห่งธรรม ล้วนมีสัจจะแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ ผู้ใดประจักษ์แจ้งในสัจจะ ผู้นั้นจะตื่นรู้และค้นพบความจริงอันบริสุทธิ์จนเกิดปัญญาแจ่มแจ้ง”

เหมือนเวลาเรามองอะไรอย่างหนึ่ง (ท่านเสียวเสี่ยวเซียนถงเมตตา ยกโถกำยานบนโต๊ะพระขึ้นมา)  อันนี้เป็นธรรมะไหม อยากเห็นธรรมะไหม (อยาก)  อย่างนั้นต้องรอให้มันตกแตกแล้วจึงเห็นธรรมะหรือ แล้วชีวิตทำไมต้องรอให้ตัวเองทุกข์จึงเห็นธรรม ในความเป็นจริงมันมีธรรมซ่อนอยู่แต่เราปิดบังตัวเองไว้จริงไหม (จริง)  ทำไมต้องรอให้เจ็บแล้วเข้าใจธรรม ทำไมต้องรอให้ทุกข์แล้วค่อยพยายามค้นพบความสุข ทำไมต้องรอให้พลัดพราก ทำไมต้องรอให้เจ็บปวด เราดูถูกตัวเองไปหรือเปล่า ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกสิ่งมีธรรมซ่อนอยู่ภายใน ไม่ต้องค้นแค่หยั่งให้ถึงมันก็รู้ เหมือนเราถามท่านว่า โถกำยานนี้มีวันแตกไหม (มี)  แล้วเราถามท่านนะตัวเรามีวันแตก มีวันเจ็บ มีวันสูญเสียไหม (มี)  มีวันทุกข์และมีวันพลัดพรากไหม (มี)  ฉะนั้นเมื่อไรที่เจ็บ เมื่อไรที่ทุกข์ พลัดพราก ทุกข์ไหม (ทุกข์)  ก็มันเป็นจริงอันเป็น (ธรรมดา)  ถ้าเสียสมดุลก็คือไม่เข้าใจธรรมใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อไรที่ทุกข์จงมองออกให้เห็นความจริงอันเป็น (ธรรมดา)  เพราะธรรมะคือความเป็น (ธรรมดา)  ธรรมะคือความจริงอันเป็นธรรมดาที่เป็นกลาง มีทุกข์ก็คือเอียง มีสุขก็คือเอียง มีได้ก็คือเอียง มีเสียก็คือ (เอียง) เข้าใจว่ามันมีได้มีเสียคือ (กลาง)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเวลาเสียก็จะรู้สึกว่า เดี๋ยวมันก็ได้ถ้าไม่ยอมแพ้  แล้วเวลาได้ก็จะรู้สึก (ธรรมดา)  เวลาได้มันก็จะไม่หลงเพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่ได้มานั้นเราเสียไปเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ จริงไหม (จริง)  ถูกสามสิบเสียไปกี่บาท ได้สองตัวเสียไปกี่ร้อย ใช่ไหม (ใช่)  แล้วจริงๆ ได้หรือเสีย (เสีย)  ปลอบใจตัวเอง ถูกสองตัวได้มาตั้งสองพัน แต่ที่แล้วมาเสียไปกี่พันก็ไม่รู้ จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นมองให้ดีๆ ถ้าท่านมีสติดำเนินชีวิตอย่างเข้าใจธรรมท่านจะไม่หลอกตัวเอง เหมือนเราถามว่าให้เราหนึ่งร้อยแล้วเราจะให้หนึ่งพันเอาไหม (เอา)  ของฟรีมีในโลกไหม ให้หนึ่งร้อยเดี๋ยวเราให้หนึ่งพันเอาไหม (ไม่เอา)  ตอนนี้บอกไม่เอา พอเขามาหลอกล่อนิดหน่อยก็บอกว่ารอเดี๋ยวจะไปกดเงินให้
ธรรมะที่เราพูดยากไหม เราขอถามท่านว่า เคยโกรธไหม เคยด่าคนไฟแลบไหม เคยแช่งชักหักกระดูกใครไหม เคยโกหกไหม เคยขโมยไหม (เคย)  ทำหมดทุกอย่างเลยใช่หรือไม่ แล้วยังมีอะไรที่ยังไม่เคยอีก เคยเห็นคนด่าคนอื่นไหม เขาโกหกเราเป็นธรรมดาไหม เราโกหกเขาเป็นธรรมดาไหม ถ้าเมื่อไรที่มนุษย์ประจักษ์แจ้งในความเป็นจริงแห่งธรรม เห็นตัวเองชัดและยอมรับความผิดพลาดของตนเองมากเท่าไร เชื่อเถอะว่าท่านจะเข้าใจผู้อื่นได้มากเท่านั้น และไม่สามารถที่จะว่าใครได้เลย เคยด่าคนอื่นไหม แล้วคนอื่นเขาด่าคนอื่นบ้างผิดไหม เราไม่ผิดแต่เขาผิด ไม่ถูกนะจริงไหม (จริง)  เรามีความเป็นมนุษย์เหมือนกันไหม (เหมือนกัน)  เราโกรธ เราว่า เราขโมยเป็นเหมือนกันไหม (เหมือน, ไม่เหมือน)  เหมือนกัน แต่มากน้อยต่างกันแค่นั้นเองใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเมื่อไรที่เรามีความเข้าใจในตัวเองและยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นมากเท่าไร เราจะไม่สามารถโกรธคนอื่นได้และว่าคนอื่นได้เลย เพราะสิ่งที่ว่าเขา ไปขโมยของเขาตัวเองก็ (เป็น)  ฉะนั้นถ้าเราเรียนรู้ธรรม ธรรมะจึงสอนให้เราเข้าใจความเป็นจริงอันเป็นธรรมดา ว่าโลกนี้ไม่ได้อยู่เพียงภายนอก แต่มันอยู่ภายใน ในตัวเรามีธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วธรรมนั้นเป็นธรรมดา ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราจะเอาความเข้าใจที่เป็นธรรมดานั้น มายกตัวเองให้สูงขึ้นหรือมากดตัวเองให้ต่ำลง (สูงขึ้น)  ขึ้นอยู่กับตัวท่านเลือกเดินเองใช่หรือไม่ (ใช่)  แค่นี้พอเข้าใจธรรมะไหม
อยากกลับบ้านไหม ทุกคนล้วนมีบ้าน แต่บ้านจิตเดิมแท้ที่เรียกว่าธรรมอยู่ที่ไหน (ฟ้า)  อยู่ฟ้าหรือ แล้วทำตัวเหมือนคนมาจากฟ้าหรือทำตัวเหมือนคนมาจากดิน ถ้าคิดว่าตัวเองมาจากฟ้าแล้วอยากกลับฟ้าก็จงทำตัวให้เหมือนฟ้า อย่าทำตัวเหมือนคนมาจากดินแล้วอยากกลับลงดินนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วทำตัวเหมือนคนบนฟ้าหรือคนบนดิน (บนฟ้า) สิ่งที่เราพูด เราไม่ได้บอกให้ท่านปฏิเสธการทำดี ใช่หรือไม่ (ใช่) พื้นฐานของความดียังต้องมีอยู่ พื้นฐานของศีลธรรมยังต้องมีอยู่ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่คนปฏิบัติธรรม หากไม่มีศีลไม่มีธรรมก็เรียกว่าคนไม่ดี ใช่หรือไหม (ใช่) ถ้าไม่อยากรับผลก็จงอย่าสร้างเหตุปัจจัยที่ทำให้เราต้องทุกข์ทน ไม่มีใครทำร้ายเรา นอกจากตัวเราทำตัวเอง ไม่มีใครเปลี่ยนเราได้ นอกจากเราต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงตัวเอง ฉะนั้นธรรมะเน้นย้ำให้เราหันกลับมามองตัวเอง ยิ่งมองตัวเองมากเท่าไร เข้าใจตัวเองมากเท่าไร ท่านจะเข้าใจผู้คนมากเท่านั้น หากวันหนึ่งท่านศึกษาธรรมท่านจะพบความจริงอย่างหนึ่งที่ธรรมะสอนไว้ว่า “ไม่ต้องออกไปข้างนอก ไม่ต้องไปเรียนรู้มากมาย บางครั้งก็ไม่มีประโยชน์เท่ากับเรียนรู้ใจตัวเอง”
เห็นแจ่มแจ้งและเข้าใจผู้คน เห็นแจ่มแจ้งไหม เราด่าเป็นไหม เราโกรธเป็นไหม เราขี้หวงเป็นไหม เราเอาเปรียบคนเป็นไหม เรากินแรงคนไหม เราก็เคย เราเจ้าเล่ห์ฉ้อฉลไหม เราก็เป็น ยิ่งเราเป็นมากเท่าไร และเรายอมรับความเป็นจริงมากเท่าไร เราก็จะยิ่งเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเข้าใจผู้อื่นเชื่อหรือไม่ว่าต่อไปท่านจะไม่กล้าตำหนิติเตียนหรือเกลียดชังใคร เพราะเข้าใจความเป็นคนอันเป็นเช่นนั้น ฉะนั้นถ้ารักษาความเป็นกลางได้ ท่านก็จะพ้นทุกข์ได้จริงหรือไม่ (จริง) 
มีโอกาสกลับมาศึกษาต่ออีกได้หรือไม่ ขอเพียงอย่าดูถูกคุณค่าธรรมในใจตัวเอง ไม่ต้องไปศึกษาธรรมไกลที่ไหน อย่าลืมศึกษาธรรมในใจตนเอง มีธรรมหรือยัง เห็นธรรมในใจตนเองหรือยัง ถ้ายุติธรรมพอก็ยุติธรรมกับคนอื่นได้ ถ้ามีธรรมมากพอธรรมนั้นก็นำพาให้เราพ้นทุกข์และช่วยคนอื่นได้
โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย  แค่ทำตัวให้ถูกให้ดีงาม อย่าเป็นคนเก่งแล้วน้ำเต็มแก้วไม่มีประโยชน์ ทำตัวเป็นแก้วว่างเปล่าก็ดีนะ เพราะเมื่อไรที่คิดว่าตัวเองมีเราก็จะอดอวดไม่ได้ ถ้าคิดว่าตัวเองไม่มีเราก็จะไม่อวดใคร อย่าลืมนะว่าเก่งแค่ไหนก็มีคนเก่งกว่า ฉลาดแค่ไหนก็มีคนฉลาดกว่า สวยแค่ไหนก็มีคนสวยกว่า ดีแค่ไหนก็มีคนดีกว่า อย่างนั้นเราไม่ดีเลยดีไหม (ไม่ดี)  ฉะนั้นมีธรรมก็อย่าลืมความกลมกลืนสอดคล้องและสมดุล โดยไม่ลืมความเป็นกลาง



วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒             สถานธรรมฮุ่ยอวี้  จ.ขอนแก่น
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  ว่าคนอื่นน้ำเต็มแก้ว                    แล้วเราล่ะเป็นบ้างไหม
หนึ่งนิ้วที่ชี้ว่าไป                           สามนิ้วเหลือหาตัวเอง
                    เราคือ
  จี้กงอาจารย์เจ้า รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา  ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยอวี้ แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว                  ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์บ้างไหม

เจ้าท้อเจ้าเหนื่อยบ้างไหม  ต้องกลั้นน้ำตาไว้ลำพัง เคราะห์กรรมซัดโดยไม่ยั้ง เจ้าอยากเป็นอย่างไร วันนี้เมื่อยังไม่พ้น อยู่เพื่อแพ้กับทนสู้ไหว เลือกชีวิตเพราะทำได้ ทำเถอะเพื่อเจ้าเอง
พอเมฆคลายใจตายไปกลับฟื้น จงกลับคืนสู่ฟ้าด้วยเท้าเปล่า ฟ้าของใครเดินก้าวไปให้สุด ลดฟ้าให้เตี้ยมารอเจ้าคืนไหม เวลางดงามทำให้ดีรู้ไหม ศิษย์อยู่ไหนขอใจมีตะวัน ( ซ้ำทั้งเพลง,    )
ทำนองเพลง : เขียนถึงคนบนฟ้า
ชื่อเพลง : ขอใจมีตะวัน



พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ส่วนใหญ่เรามองเขาดีหรือร้าย (มองดี) ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรก็ตาม ตาเราจะบ่งบอกความคิดหรืออารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในใจเสมอใช่หรือไม่  ทำให้เวลาที่เรามองสิ่งใดก็ตามจึงมองได้ไม่แจ่มชัด และมองเขาเหมือนมีอะไรบังใจเราอยู่ใช่หรือไม่ (ใช่)  โดยเฉพาะคนที่เรารู้จัก เรามองเขามองแบบมีอารมณ์ร่วมหรือไม่มีอารมณ์เลย นี่จึงทำให้มนุษย์เวลาอยู่ที่ไหนจึงไม่สามารถรักษาใจให้บริสุทธิ์ดังเดิมได้ ใช่หรือไม่ และอยู่ที่ไหนก็ไม่สามารถมีอิสระทางความคิดและการมอง หรือการฟังได้จริงไหม เพราะทุกขณะที่เรามอง เรามีความคิดแอบแฝงอยู่ มีความรู้ความเชื่อมั่นในตนเองอยู่ จะมองจะฟังอะไรก็เลยไม่อิสระเต็มที่ จริงหรือไม่ (จริง)  ศิษย์เคยไปทำบุญไหม (เคย)  ภาวะจิตในตอนนั้นมันเป็นอย่างไร (ดี)
ศิษย์สบายใจใช่ไหม แต่พอหันกลับไปเจอคู่อริเป็นอย่างไร บุญเมื่อสักครู่มีอยู่ไหม้ทันที หากวันหนึ่งศิษย์ต้องมีอันเป็นไป แล้วขณะนั้นศิษย์เห็นคนที่ศิษย์เกลียดที่สุด ศิษย์ว่าศิษย์จะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ รู้เลยใช่ไหม ฉะนั้นถ้าภาวะจิตตอนนั้นเห็นคนที่เกลียดที่สุดกลายเป็นวัดที่สวยงามที่สุด นรกก็กลายเป็นสวรรค์ เช่นนั้นใครจะฉุดเราได้ มีแต่ตัวเราเอง
การศึกษาบำเพ็ญธรรมเน้นย้ำสำคัญคือ เราต้องหันกลับมาดูจิตดูใจตัวเรา คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ สำคัญคือเราต้องรักษาภาวะจิตของเราให้ดีให้งาม เพราะคนที่ดึงเราตกนรกไม่ใช่คนที่เราเกลียด แต่มันคือใจของเราที่รับคนเกลียดไม่ได้ ถ้ายังยึดติดในรูปนามก็หนีไม่พ้นนรกสวรรค์ แต่เมื่อไรที่จิตของเราพ้นจากการยึดติดรูปนามแล้ว  เข้าสู่สภาวะความว่าง
นิรันดร์ ศิษย์ก็จะไม่มีนรกสวรรค์ให้ศิษย์ต้องไปเลย ดีไหม (ดี)  การศึกษาธรรมไม่ใช่เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ แต่เป็นเรื่องการตื่นรู้ด้วยปัญญาและดูแลจิตตัวเองอย่างเดียว ใครดีไม่ดีไม่เป็นไร เราต้องดีให้แท้จริง ใครจะร้ายใครจะไม่ดีไม่เป็นไร เราต้องไม่ร้ายตามเขา ถ้าทำได้อย่างนี้ ไปอยู่ที่ไหนก็รอดปลอดภัย

กินไม่อิ่มหรือ  เสียงเลยไม่มี มาลองกินอาหารที่ไม่มีเวรไม่มีบาปกรรมไม่ดีหรือ (ดี)  ปกติกินแต่อาหารที่มีเวรมีกรรม ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าอาจารย์ขอให้ไม่กินแค่สามอย่าง สามอย่างที่ไม่ให้ศิษย์กินคือ สัตว์ที่อยู่บนฟ้า สัตว์ที่อยู่บนดิน สัตว์ที่อยู่ในน้ำ ศิษย์ทำได้ไหม (ได้)  ใครว่าทำได้ยกมือขึ้น อาหารของอาจารย์กินแล้วไม่มีบาป ไม่มีกรรม ไม่มีเวร ติดตัว ไม่มีเวร ไม่มีกรรมผูกพันด้วย อาจารย์ขอแค่สามอย่างนี้ได้ไหม (ได้)  แน่ใจว่าทำได้นะ (แน่ใจ)  ทำทุกวันเลยไหม เอาแค่สองวันก็ได้ วันที่พระอาทิตย์ขึ้นกับวันที่พระอาทิตย์ตก ทำได้เราจะมีเวรไหม (ไม่มี)  ทำได้เราจะเบียดเบียนสร้างกรรมไหม (ไม่)
เราเกิดมาบนโลกอยากโดนใครเบียดเบียน อยากให้ใครมาทำร้ายชีวิตเราไหม อยากมีเวรมีกรรมไหม ถ้าเราไม่อยากเราก็ต้องไม่สร้างเหตุให้มันเกิดผล และไม่สร้างปัจจัยที่ทำให้ต้องมีผล เคยได้ยินไหมว่าทำอะไรได้อย่างนั้น ทำอะไรก็ต้องรับอย่างนั้น อยากหนีเวรหนีกรรมก็จงอย่าสร้างกรรม
เพราะถ้าบาปยังละไม่ได้ก็ไม่มีบุญอันบริสุทธิ์ ทำบุญแค่ไหน แต่ถ้ายังสร้างบาปอยู่ก็ไม่ใช่คนบุญจริงๆ เรียกว่าหน้าเนื้อใจเสือ ปากว่าตาขยิบใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าศิษย์ไม่อยากมีเคราะห์ ไม่อยากมีภัย ไม่อยากต้องมารับกรรม ลดได้ควรลด เลิกได้ควรเลิก
ธรรมะสอนให้เรา หนึ่งไม่พึ่งคนอื่น สองไม่ดูถูกคุณค่าและความสามารถตนเอง สามไม่เกียจคร้านไม่ผัดวันประกันพรุ่ง สี่ล้มได้ก็ลุกได้ แพ้ได้ก็แพ้ใหม่ได้ อย่าบอกว่าล้มแล้วจะชนะ แม้ไม่ชนะก็อยู่กับแพ้ให้เข้มแข็งได้
บาปเป็นต้นเหตุให้เกิดทุกข์และกรรมเวรที่ไม่สิ้นสุด จริงหรือไม่ (จริง) การยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตนเอง ก็เป็นทางแห่งบาปได้เหมือนกัน เชื่อว่าตัวเองถูก เชื่อว่าตัวเองแน่ เชื่อว่าตัวเองเก่ง เราก็หลงตัวเองและสร้างบาปได้ หลงว่าเก่ง หลงว่าแน่ก็ดูถูกคนอื่นว่าแย่ใช่หรือไม่ (ใช่) หลงว่าตัวเองดีตัวเองเลิศก็ดูถูกคนอื่นว่าอัปลักษณ์ใช่หรือไม่ (ใช่)
อยากรู้ว่าภาวะจิตตัวเองเป็นแบบไหน ลองหลับตาสักพักหนึ่ง สิ่งที่เราคิดมันคืออะไร ถ้าสิ่งที่เราคิดมันไม่มี มันว่าง มันก็ดี แต่มันไม่ใช่ พอหลับตาสิ่งที่เราคิดคือเราห่วงกังวล นี่ก็ยังไม่เสร็จ นั่นก็ยังไม่จบ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วจิตที่ห่วงเป็นอย่างไร ตายไปคอยห่วงลูกหลาน แล้วก็คอยเฝ้าสมบัติ เอาไหม สิ่งที่ทำให้เราเจอบาปเจอทุกข์เจอเคราะห์กรรมมาจากอะไร อันแรกคือการยึดมั่นถือมั่นในความคิดตน อีกอันที่ศิษย์มักจะมีกันคืออะไร ที่ทำให้เราง่ายที่จะสร้างบาป ง่ายที่จะสร้างกรรม คิดร้ายใช่หรือไม่ คิดดีก็สร้างบาปกรรมได้ไหม (ได้)  ถ้าคิดดีแล้วหลงติดดีก็สร้างบาปกรรมได้ อะไรที่เป็นต้นเหตุของบาปกรรมนั่นก็คือ โลภ โกรธ หลง เป็นทางแห่งบาป ทุกข์ วิบากกรรม และเป็นทางสู่อบายภูมิ มีใครบ้างโกรธแค่นิดเดียว มีใครบ้างโกรธแล้วไม่โกรธอีก มีใครบ้างอยากแล้วไม่ทำผิด มีใครบ้างโกรธแล้วไม่ประพฤติผิด แล้วเราลด โลภ โกรธ หลง ได้ไหม
ศิษย์เคยได้ยินคำว่า “ศีล” ไหม “ศีลช่วยละบาป คุณธรรมช่วยสร้างคุณ” พอเราจะตีใครก็คิดว่ามันเบียดเบียนเขา พอจะแอบไปมีกิ๊กก็คิดว่าไม่ซื่อตรง พอจะขโมยของก็คิดว่าลักทรัพย์ ถ้าทุกขณะเรามีศีลเราจะสร้างบาปไหม แล้วเรามีศีลทุกขณะไหม ฉะนั้นศีลมีไว้เพื่อละบาป คุณธรรมมีไว้เพื่อบำเพ็ญบุญ ถ้าศิษย์บำเพ็ญบุญ ศิษย์ก็ละบาปได้ เพราะว่าถ้าซื่อตรงในชีวิต เราจะนินทาอาจารย์ไหม (ไม่) เราจะแอบนินทาเพื่อนไหม (ไม่) ศิษย์อยากได้คนใจดำหรือคนใจดี อยากได้คนซื่อตรงหรือคนคดโกง แล้วตัวเองใจดำหรือใจดี (ใจดี)  ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ใช่หรือไม่ ศิษย์พูดว่าทำดีมาก็มาก แต่ทำไมไม่ได้ดี อาจารย์ถามหน่อยคนทำดีไม่ได้ดี ละบาปแล้วหรือยัง ถ้าทำดีขนาดไหนแต่บาปยังไม่ละ ดีก็ไม่ส่งผล บำเพ็ญดีขนาดไหนแต่ถ้าชั่วยังไม่เลิก ก็ยังไม่ใช่บุญที่สะอาด ฉะนั้นอย่าบอกว่าทำดีไม่ได้ดี ต้องถามใจตัวเองว่า เราทำดีแล้วเราละบาปได้หรือยัง พระพุทธะองค์จึงสอนว่า
“ละบาปได้เมื่อไรก็คือการบำเพ็ญบุญเมื่อนั้น” แต่ถ้าทำดีไม่ละชั่วจะเรียกคนดีไหม เราไม่ได้มีศีลไว้ที่วัดแต่เรามีศีลเพื่อยับยั้ง หยุดการสร้างบาปกรรมและสร้างทุกข์ให้กับตนเอง

การเบียดเบียนผู้อื่นคดโกงผู้อื่นทำแล้วเป็นคนมีเมตตาไหม ทำแล้วเป็นคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีไหม ถ้าทุกขณะศิษย์คิดอย่างนี้ มีสติยั้งคิดตลอด ศิษย์จะพลาดไปทำชั่วไหม ฉะนั้นศิษย์เอย ศิษย์ไม่สมบูรณ์แบบไม่เป็นไร แต่ขอผิดแล้วแก้ไขตัวทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปด้วยใจที่ไม่ท้อก็พอ อาจารย์รู้ศิษย์ทุกคนไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครงามตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เมื่อรู้ผิดแล้วแก้ไข แล้วพยายามดีให้ได้ ไม่ใช่ผิดแล้วปล่อยเลยตามเลยแล้วไม่คิดที่จะดีขึ้น
ศิษย์เป็นคนชอบทำบุญทำทานไหม (ชอบ)  ศิษย์ทำกับทุกคนไหม ทำเฉพาะกับพระ แล้วก็ทำเฉพาะกับคนที่ทุกข์ยากใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์มีวิธีหนึ่ง ทำบุญทำทานกับทุกคนได้เอาไหม (เอา)  เจอใครอย่าคุยด้วยอารมณ์ แต่คุยด้วยเมตตาเป็นทาน เจอใครอย่าคุยด้วยอารมณ์ แต่คุยด้วยซื่อตรงเป็นทาน ดีไหม (ดี)  โมโหใคร อย่าโมโหด้วยอารมณ์ แต่โมโหด้วยเมตตา ศิษย์เอ๋ย ทำไมศิษย์ทำทานกับคนไกลตัวได้ แต่กับคนใกล้ตัวศิษย์ไม่รู้จักทำทาน ทำไมศิษย์สร้างบุญกับคนไกลตัวได้ แต่คนใกล้ตัวศิษย์หาบุญไม่เจอ ถ้าศิษย์ปฏิบัติต่อคนด้วยการให้ธรรมะเป็นทาน คุยกับเขาด้วยอภัยเป็นทาน ปฏิบัติต่อเขาด้วยความซื่อตรงเป็นทาน
ฉะนั้นศิษย์อย่าบอกว่าเราไม่มีวิถีทาง เราตกเป็นทาสอารมณ์มาเยอะแล้ว ผลของการตกเป็นทาสอารมณ์คือความทุกข์ ให้ผลคือความเจ็บ ทำไมเราลองไม่เปลี่ยนธรรมะเป็นทาน ศิษย์เอ๋ยการที่รู้จักปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเมตตาด้วยคุณธรรม ผลตอบแทนมันให้รสที่หวานชื่นกว่าการปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยกิเลสอารมณ์ เพราะผลที่ตอบแทนมันให้ความทุกข์ทนจริงหรือไม่ (จริง)  ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว เราจะทำอย่างไรต่อดี รู้แบบนี้แล้วเราก็ยังทำใจไม่ค่อยได้ ยังควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ยังอยากมีอารมณ์อยู่ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราทำอย่างไรดี ศิษย์ว่าเราอยู่ในโลกนี้เราเห็นและรู้จักทุกคนไหม (ไม่)  จริงๆ แล้วเราเห็นหรือไม่เห็น (ไม่เห็น)  เห็นแอปเปิลไหม (เห็น)  กินไหม (ไม่)  แปลว่าเราเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะว่าเราเห็นในความหวานอร่อยถูกไหม (ถูก)  ถ้าอาจารย์ถามว่า ถ้าแอปเปิลนี้มีแล้วจะทุกข์เอาไหม (ไม่เอา)  มีแล้วจะเจ็บ สูญเสีย ตายเอาไหม (ไม่เอา) 
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนชายท่านหนึ่งออกไปหน้าชั้น)
อาจารย์ถามหน่อย ถ้าอาจารย์มีศิษย์คนนี้แล้วอาจารย์จะทุกข์ จะเจ็บและตายเพราะเขาไหม (ไม่)  ทำไมกับแอปเปิลอาจารย์พูดว่ามันทุกข์ มันมีความเจ็บ มันมีความตาย ศิษย์เอาไหม (ไม่เอา)  แล้วคนนี้มีไหม (มี)  ฉะนั้นสิ่งที่เราเห็นก็มีไม่เห็นอยู่ใช่หรือไม่ (ใช่)  สิ่งที่เรารู้ก็มีไม่รู้อยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถามจริงๆ ที่เราไม่เห็นเราก็ไม่รู้จริงไหม (จริง)  แล้วมีไหมที่เป็นแฟนเราแล้วไม่เคยเจ็บปวดแล้วไม่ทุกข์เพราะเขา (ไม่มี)  มีแล้วไม่ตายเพราะเขา (ไม่มี)  ถ้าเช่นนั้นจะมีเขาแล้วมีทุกข์ไหม (มี) เจ็บไหม (เจ็บ)  ตายไหม (ตาย)  เอาไหม (เอา, ไม่เอา)
(พระอาจารย์เมตตาให้รองหัวหน้าชั้นออกมาหน้าชั้น)
ถามศิษย์นะ แล้วมีคนนี้ทุกข์ไหม (ทุกข์)  รู้ได้อย่างไร เดาได้ มีไหมที่มีอะไรในโลกแล้วไม่ทุกข์ ไม่เจ็บ ไม่ตาย (ไม่มี)  เราก็ต้องตาย มีแล้วอย่างไรเราก็ยังต้องเจ็บ ต้องทุกข์ ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่ามีแล้วเจ็บ ทุกข์ ต้องตาย อยากมีไหม (ไม่มี)  เอาไหม (ไม่เอา)  จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นศิษย์เอยเราใช้ศีลก็แล้ว ใช้ธรรมก็แล้ว เรายังดับทุกข์และความอยากใจในไม่ได้ อย่างนั้นใช้หลักสัจธรรมเลย หลักสัจธรรมล้วนชี้เข้าไปในแก่นของความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งที่ศิษย์อยากได้ ที่เกลียด ที่โลภ ที่หลง ที่ศิษย์พยายามไปช่วงชิงมา จนผิดศีลผิดธรรม มันมีแล้วสุขขึ้นเยอะกว่าเดิมหรือไม่ (ไม่)  เรายังตาย เจ็บ ยังทุกข์เหมือนเดิมไหม (ทุกข์)  แล้วจะหาทุกข์เพิ่มไหม (ไม่)  เพราะฉะนั้นถ้าไม่หาจะโลภไหม (ไม่โลภ)  จะหลงไหม (ไม่หลง)  จะโกรธไหม (ไม่โกรธ)  โกรธแล้วทำไม (โกรธแล้วเป็นทุกข์)
อยากไหม (อยาก)  นี่แหละเพราะเรายังไม่ประจักษ์แจ้งเห็นจริง ศิษย์เคยได้ยินไหมในมายามีมายาซ่อนอยู่ ในรูปลักษณ์อันสวยงามมีความจริงแท้ที่ซ่อนอยู่หาได้สวยงามไม่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่ามองเห็นแต่ในสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น จนลืมความจริงอันเป็นแก่นแท้ที่เรียกว่าสัจธรรม ทำไมถึงบอกว่าศึกษาธรรมอย่าศึกษาแค่ศีล แค่ธรรม แต่ให้หยั่งลึกลงไปถึงหลักสัจธรรมจนเกิดปัญญาเห็นแจ่มแจ้งแล้วไม่อยากได้อะไรแล้ว เพราะถ้าอยากหนึ่งก็เพิ่มทุกข์อีกหนึ่ง และศิษย์เคยคิดไหมว่ามีหนึ่งแล้วจะทุกข์แค่หนึ่ง หนึ่งบวกหนึ่งมักเป็นสอง และสาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ จริงไหม บางครั้งหนึ่งบวกหนึ่งก็ติดลบห้าสิบ ใช่หรือ (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์อย่ามั่นใจว่าสิ่งที่ศิษย์โลภมาอย่างผิดศีล ขาดธรรม สิ่งที่ศิษย์อยากได้มาอย่างขาดคุณธรรมไร้ความปราณี มันจะทำให้ศิษย์มีสุขมากขึ้น ศิษย์เคยได้ยินไหม สุขเท่าไรก็ทุกข์เท่านั้น สมหวังมากเท่าไรก็ผิดหวังมากเท่านั้น เราควรหรือที่จะอยาก ฉะนั้นธรรมะจึงสอนว่ามันไม่ใช่มีแค่ดี ละบาปบำเพ็ญบุญ แต่ธรรมะยังสอนอีกว่า สัจธรรมความเป็นจริงอย่าเห็นเฉพาะที่เราอยากเห็น แต่จงเห็นให้มากกว่านั้น และการเห็นให้มากกว่านั้นจะทำให้ศิษย์ไม่กล้าที่จะเอาอะไรในโลกเลย เพราะเอามาก็เพิ่มทุกข์ เพราะเอามาก็เพิ่มเจ็บ ตายก่อนตาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยังอยากไหม (ไม่อยาก)  แล้วถ้ามันอยากขึ้นมา ตอนนี้ได้มาแล้วจะอยู่กับมันอย่างไร จำไว้นะศิษย์เห็นเหมือนไม่เห็น รู้เหมือนไม่รู้บ้าง พยายามรู้ทุกอย่างก็เจ็บ พยายามเห็นทุกข์อย่างก็ทุกข์จริงไหม (จริง) เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมีธรรมะอยู่แล้ว มีก็เหมือนไม่มี จริงไหม (จริง)
เหมือนมีคนหนึ่งไปไหนต้องไปกัน เป็นไปได้ไหม แฟนฉันๆ เป็นไง มันไปได้ไหมศิษย์ เขาดีนะศิษย์ ไปไหนไปกัน อีกสองวันอาจารย์จะตายแล้วไปกับอาจารย์ไหม (ไปครับ)  อาจารย์มีความอยากอยู่นะศิษย์ อาจารย์อยากได้ศิษย์ที่สูง ผมหยิก ตัวดำ ดั้งหัก มาเป็นลูกศิษย์อาจารย์ สมมติอาจารย์มีความอยากอยู่ อาจารย์ก็รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่ตอนนี้อาจารย์อยากหาศิษย์ของอาจารย์ที่ผมหยิก ดั้งหัก ตัวดำ สูงกว่าอาจารย์นิดหน่อยมีไหม ก็อาจารย์อยากได้ มีไหม คนเรารู้ทั้งรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่ถึงเวลาอยากได้ไหม (อยากได้)  มีคนใกล้เคียงนิดหนึ่ง ผมหยิกตัวดำดั้งหัก เป็นศิษย์อาจารย์แล้วต้องดีให้ได้ตลอด ดีวันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องดี มะรืนก็ต้องดี แล้วก็ต้องดียิ่งๆ ขึ้นไปได้ไหม มองตามความจริงศิษย์ มันได้หรือ ถึงศิษย์จะปรารถนาดี ถึงศิษย์จะรู้ดีขนาดไหน แต่ศิษย์อย่าลืมว่ามันไม่มีอะไรเป็นดั่งใจเรา และไม่มีอะไรได้ดั่งใจเรา ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ความอยากครอบงำจนลืมมองความจริง ไม่เช่นนั้นคนที่ทำให้ตัวเองทุกข์ก็คือคนที่หลอกตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่)
อีกเรื่องหนึ่ง ศิษย์ของอาจารย์ชอบของขลังไหม มีแล้วไม่ตาย มีแล้วไม่แก่เอาไหม (เอา)  อยากได้ไหม (อยากได้)  แต่อาจารย์ถามจริงๆ มีอะไรบ้างกินแล้วไม่แก่ตาย มีอะไรแล้วอยู่ค้ำฟ้า มีไหม (ไม่มี)  ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ความอยากมันบดบังจนลืมเห็นในสิ่งที่ควรเห็น อย่าปล่อยให้ความอยากมันบดบังจนลืมมองความเป็นจริงที่เรียกว่า ธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาแจกผลไม้ให้กับนักเรียนที่ตอบคำถาม)
ตั้งแต่อาจารย์มาใครตอบคำถามอาจารย์ๆ มีรางวัลให้ดีไหม (ดี) แอปเปิลที่กินแล้วทุกข์ เอาไหม (เอา)  อย่ากลัวที่จะทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะความทุกข์ทำให้เราพ้นทุกข์ได้ด้วยสตินะ พยายามเป็นเด็กดีได้หรือเปล่า
มงคลมันอยู่ที่ตัวเราสร้างไม่ได้อยู่ที่อาจารย์ให้ อาจารย์ถามหน่อยทำอะไรเป็นมงคลและทำอะไรเป็นอัปมงคล (ทำความดีให้เป็นมงคล)  ตอบได้ดี  (ความชั่วเป็นอัปมงคล)  แล้วเราทุกวันทำดีหรือทำชั่ว (ทำดี) ใช่หรือ (ใช่) ชั่วล่ะ ลดไหม (ลดครับ)  ลดเลิกได้ใช่หรือไม่ (ใช่) เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่น (ครับ) แต่ทำมาหมดแล้วใช่ไหม ฉะนั้นต่อไปก็เลิกนะ
(ดูแลพ่อแม่)  เป็นมงคลชีวิตนะ แต่ดูแลพ่อแม่ก็อย่าท้อ อย่าเหนื่อยนะ ต้องให้เขาช่วยตัวเอง อาจารย์ไม่อยากให้ศิษย์โลภ
(ดูแลแม่)  ไม่ใช่ดูห่างๆ นะ
(การด่าให้ร้ายคนอื่น) การหวังดีกับคนอื่นเป็นมงคล แต่การด่าให้ร้ายคนอื่นเป็นอัปมงคล ตอบได้ดี
(ตั้งใจเรียน)  สิ่งหนึ่งที่อาจารย์อยากได้มากกว่าตั้งใจเรียนคือ มีจิตรู้สำนึกคุณคน แม้ว่าใครจะทำดีมากแค่ไหน ทำดีน้อยแค่ไหน ในความดีนั้นก็มีความไม่ดี แค่เราสำนึกแต่สิ่งที่ดีไว้ คนเช่นนี้อยู่ที่ไหนก็ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ จริงไหม
(ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งหลายทั้งปวง)  สุรานารีพาชีกีฬาบัตร (ยาเสพติดทั้งหมดด้วย)  ผู้หญิงก็เป็นได้ใช่หรือไม่  ต้องระวังให้มากนะ  ทำให้ได้นะ
(พูดดี คิดดี)  การพูดดี คิดดีเป็น (มงคล)  การพูดร้ายเป็น (อัปมงคล)  แล้วเราพูดดีหรือพูดร้าย (พูดดี)  คิดดีหรือคิดร้าย (คิดดี)
(การไม่หาเรื่องผู้อื่น)  ถ้าเราไม่อิจฉาเขาเราก็ไม่หาเรื่องเขาหรอก (การทำดีมีเมตตากับผู้อื่นก็เป็นมงคลกับชีวิต) การมีเมตตากับคนอื่น ทำให้ได้นะแม้เขาจะร้ายก็ตาม (การช่วยเหลือผู้อื่น เช่น ขอทาน และการใช้ชีวิตโดยไม่เบียดเบียนใคร)  แค่รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเอง ไม่ต้องไปทำไกล ทำในบ้านกับพ่อกับแม่ กับเพื่อนเรา (การกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีบุญคุณ การฆ่าความโกรธ)  แต่ความโกรธบางทีมันก็ฆ่ายากนะ อาจารย์มีวิธี เมื่อไรที่มีความโกรธ จงมีสติ แล้วอย่าไปให้ค่ามัน อย่าไปสนใจมัน ไปสนใจเรื่องอื่นแทน แล้วความโกรธมันจะหายไป (การเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่า)  แล้วคนที่อายุน้อยกว่าเราก็ให้ความเมตตาได้ ให้เกียรติเขาได้เหมือนกัน ไม่ใช่ให้เกียรติเฉพาะผู้ที่อายุสูงกว่า เด็กเขาก็ต้องการคนให้เกียรติเหมือนเรา ใครมาดูถูกเรา เราชอบไหม ฉะนั้นอย่าแค่เคารพคนที่อายุมากกว่า คนอายุน้อยกว่าเราก็ควรเคารพให้เกียรติ ใช่หรือเปล่า
(คิดไปเอง)  การคิดไปเองเป็นสิ่งที่น่ากลัว คิดว่าเขาด่า บางทีเขาอาจจะไม่ได้ด่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นจะต้องระวังความคิด อยู่กับตนระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังคำพูดจา ทำให้ได้นะ
(กตัญญูต่อพ่อแม่)  แล้วทำได้ไหมหนา ไม่ใช่เพื่อนชวนไปเที่ยวก็ทิ้งพ่อแม่แล้วนะ อย่าลืมหน้าที่ตัวเอง ถ้าทำหน้าที่ได้ถูกต้อง ทำหน้าที่ได้ดีก็เรียกว่ากตัญญูแล้ว (ให้ทาน)  แล้วทานเราสามารถให้ได้ที่ไหน สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในการให้ทานไม่ใช่ให้อามิสเป็นทาน แต่สามารถให้ธรรมะเป็นทาน พูดกับใครด้วยความซื่อตรง ทำกับใครด้วยความเมตตา ปฏิบัติต่อใครด้วยความรับผิดชอบ นี่แหละสามารถทำทานได้ทุกที่ และสร้างบุญได้ทุกโอกาส
(การดูแลครอบครัวและญาติพี่น้องทุกคน)  ดูแลตัวเองได้ดีก็เท่ากับดูแลครอบครัวได้ดี ถ้าตัวเองยังดูแลตัวเองไม่ได้ เราก็ดูแลครอบครัวได้ยากจริงไหม (จริง)  รักษาจิตรักษาใจให้เข้มแข็ง อย่าเป็นคนโมโหง่าย อย่าเป็นคนขี้น้อยใจ อย่าเป็นคนคิดมากใช่ไหม
(การดูแลพ่อแม่ยามเจ็บไข้)  ตอนท่านเจ็บป่วยเราค่อยดูแลหรือศิษย์เอย ตอนท่านดีเราก็ต้องดูแลต้องใส่ใจด้วย อย่ามัวแต่ห่วงตัวเองจนลืมดูคนที่เรารัก เพราะมีเขาจึงมีเรา ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเราจริงไหม
(ความริษยา ความโกรธ ความหลง)  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เราชอบมองคนอื่นด้วยความหลงใหลได้ปลื้ม เมื่อไม่หลงใหลได้ปลื้ม เราก็อิจฉาชิงชังใช่ไหม ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องระมัดระวังที่จะทำให้เกิดมงคลหรือไม่มงคลนั่นก็คือ จิตใจ ถ้าสูงก็มงคล ถ้าต่ำก็อัปมงคล
(เมตตา, พูดธรรมะไม่ว่าใคร, ไม่นินทา)  นักเรียนในชั้นนี้ไม่นินทาใคร ไม่ด่าใครใช่ไหม (ใช่)  หลังจากนี้ไม่ด่าใครนะ ถ้าเราไม่อยากมีบาปมีกรรมต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ มองสิ่งที่เราชอบหรือชังให้ดี สิ่งที่เราเกลียดมันมีดีบ้างไหม ในอุจจาระยังมีประโยชน์เลย ในน้ำเน่ายังมีน้ำสะอาดเลย แล้วคนที่เราเกลียดไม่มีดีเลยหรือ ยิ่งเขาดำเท่าไรเราก็ยิ่งขาวเท่านั้น ใช่ไหม (ใช่)  ยิ่งเขาสกปรกเท่าไรเราก็สะอาด จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นอย่าไปเกลียด ทุกอย่างมันมีดี
(เป็นเด็กดีของพ่อแม่)  อย่าดีแตกนะ (มีสติ)  ต้องมีสติ (ให้ทาน)  กับเพื่อนเราก็ให้ทานได้ อาจารย์มีของขลังของดีที่อยากให้ศิษย์ ของดีของอาจารย์ถ้าพิจารณาบ่อยๆ จะทำให้ศิษย์ไม่อยาก ไม่โลภ โกรธ หลง และรู้จัก ทุกข์ เจ็บ แก่ ตายเป็น (การไม่ว่าร้ายคนอื่น)  ทำให้ได้นะ แม้จะโดนคนอื่นว่าก็ตาม
พระพุทธองค์ทรงเคยกล่าวไว้ในอดีตกาล “ขอให้พิจารณาอยู่บ่อยๆ จะลดความลุ่มหลงมัวเมาในตัวตน จะลดความปรารถนาใคร่ดีและทำผิดบาปได้” และจะลดความโลภ โกรธ หลง ได้คือ หมั่นพิจารณาเตือนตัวเองบ่อยๆ แก่ เจ็บ ตาย เปลี่ยนแปลง เป็นทุกข์ ว่างเปล่า ถ้าเราท่องอยู่เสมอว่าคนเรามีความแก่ มีความเจ็บ มีความตายเป็นธรรมดา แล้วในความแก่ เจ็บ ตาย นั้นมีความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา มีทุกข์เป็นธรรมดา และมีความพลัดพรากเป็นธรรมดา และว่างเปล่าเป็นที่สุดเป็นธรรมดา แล้วเราอยากมีอะไรไหม เพราะถ้ามีแล้ว มันเปลี่ยนแปลง เป็นทุกข์เราจะรับได้ไหม การพิจารณาหลักธรรมจึงไม่ใช่อยู่แค่ศีล ไม่ใช่อยู่แค่การประพฤติปฏิบัติคุณธรรม ศีลมีไว้สำหรับระงับยับยั้งชั่งใจไม่ให้ทำชั่ว คุณธรรมคือการปฏิบัติต่อกันด้วยความร่มรื่นและสมัครสมาน ถ้าเราปฏิบัติต่อผู้อื่นเราก็จะสามารถอยู่กับเขาได้อย่างเป็นสุข ส่วนหลักสัจธรรมที่เรียกว่า แก่เจ็บตายไม่เที่ยงเป็นทุกข์ว่างเปล่า เอาไว้เพื่อพิจารณา เพื่อดับความอยาก ความโลภ ความหลง ถ้าทำได้ถึงสามขั้นนี้ การบำเพ็ญธรรมไม่ใช่เรื่องยาก จริงหรือไม่ (จริง) แต่เรามีสติหยั่งรู้ได้ถึงศีลธรรม และสัจธรรมหรือไม่
(พระอาจารย์เมตตาประทานเพลง ชื่อเพลง : ขอใจมีตะวัน ทำนองเพลง : เขียนถึงคนบนฟ้า)
เพลงนี้เศร้าหน่อย ปกติที่นี่อาจารย์มักจะให้เพลงสนุกสนาน แต่จริงๆ แล้วในการดำเนินชีวิตบางครั้งเหนื่อยกับคน ท้อกับชีวิตใช่ไหม (ใช่) เหมือนพยายามทำเท่าไร อยากจะมีมันก็ไม่มี อยากจะดีกว่านี้มันก็ได้แค่นี้ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเช่นนั้นหากไม่มีวันชนะแล้วชีวิตต้องจมอยู่กับความแพ้ศิษย์จะยังสู้ไหม (สู้) แล้วในความแพ้เราเลือกได้ว่าจะแพ้แล้วแพ้อีกก็สู้ แพ้แล้วไม่ชนะเลย ชีวิตเรามีแค่นี้ใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะฉะนั้นถ้าเรามีโอกาสสู้ มันมีสามทางให้เดิน ทำดีที่สุดไปเลยกับช่างหัวมัน เลวร้ายไปเลย กับอีกทางหนึ่ง เข้าใจความเป็นจริงแห่งชีวิตและรักษาธรรมอันเป็นกลางให้ได้ เจอเรื่องอะไรก็ไม่หวั่นไหว ไม่หยิ่งลำพอง ไม่รู้สึกแย่ รักษาใจอันเป็นกลางอันธรรมดาได้ นั่นแหละเรียกว่ากลับคืนสู่สภาวธรรมอันดั้งเดิม มนุษย์ใจมีอยู่สองอย่าง ไม่ดีจนใจหายก็ร้ายจนแย่ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ธรรมะสอนว่าลองรักษาความเป็นกลาง ไม่ต้องดีมากไม่ต้องแย่มากแต่ยอมรับความดีกับความแย่ของคนในโลกให้ได้ ด้วยหัวใจที่เป็นกลาง ด้วยหัวใจที่สงบเย็นยากหรือไม่
ศิษย์ถามอาจารย์ว่า อาจารย์แล้วบำเพ็ญนั้นบำเพ็ญอย่างไร บำเพ็ญไม่ใช่เรื่องยากบำเพ็ญคือหันกลับมาดูใจตัวเองและประคองใจให้อยู่ในศีลธรรมและเห็นความแจ่มแจ้งในชีวิตจนไม่หวั่นไหวไปกับเรื่องราวใดๆ ในโลกนี้อีกแล้ว แต่มันคงยากถ้าศิษย์แค่ฟังแต่ไม่ทำใช่หรือไม่ (ใช่)  และมันคงยากถ้าศิษย์ยังทำตามใจตัวเองอยู่ใช่หรือไม่ (ใช่)  ลองไปพิจารณาให้ดีนะว่าสิ่งที่อาจารย์พูดในวันนี้เพื่ออะไร เพื่ออาจารย์หรือเพื่อตัวศิษย์เอง สิ่งที่อาจารย์พูดเป็นแค่คำพูดธรรมดา แต่คำพูดธรรมดาถ้าศิษย์ประจักษ์ชัด ศิษย์จะไม่ต้องทุกข์กับโลกใบนี้อีกต่อไป อาจารย์ไม่มีสามตัวให้ แต่มีสามคำที่อยากบอก “ดูแลตัวเองให้ดี”
ฉะนั้นบำเพ็ญธรรมนะศิษย์เอย ดูแลจิตดูแลใจตนเองให้ดี รักษาจิตรักษาใจ ไม่ว่าเจอเรื่องราวอะไรก็จงเข้มแข็งและก้าวต่อไปด้วยความดีงาม
คำว่า “ลดฟ้าให้เตี้ย” หมายความว่าอย่างไร อาจารย์ยอมศิษย์ทุกอย่าง ศิษย์อยากเป็นคนอย่างไร อยากเป็นคนแบบไหน ทำไปลดจนเตี้ยไม่มีข้อแม้ อยากบำเพ็ญอย่างไร แต่ขอให้มีใจอย่างเดียว ใจที่สู้ไม่ถอย ใจที่เสียสละอุทิศเพื่อช่วยคนอื่น แค่นั้นเอง ขนาดนี้แล้วยังไม่บำเพ็ญอีก ยอมขนาดนี้แล้วยังไม่ตั้งใจศึกษาบำเพ็ญอีกมันก็น่าเสียดาย ฉะนั้นเมื่อเจอเรื่องราวอะไร อย่ามืดมนเพราะคำพูดคน อย่าท้อแท้เพราะคำปากคน
“ขอใจมีตะวัน” ขอให้ใจสว่างในความดีงามนั้นตลอดไป ขอให้ใจมั่นคงในความดีนั้นตลอดไป อย่าให้ใจดำ เพราะคนทำให้ดำ ต้องรักษาใจนี้ให้ดี ได้หรือไม่ (ได้)  เพื่อตัวศิษย์เองนะ อย่าหลงพลาดผิดเพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบ อย่าหลงตกเป็นทาสอารมณ์เพียงเพราะความหลงในรูปกายอันไม่เที่ยงแท้ มองให้ดีศิษย์เอย มีอะไรบ้างมีแล้วไม่ทุกข์ มีอะไรบ้างมีแล้วไม่เจ็บ แล้วเราควรหรือที่จะยอมผิดบาปเพื่อการมีสิ่งนั้นโดยลืมคุณค่า
ความดีงามในใจตนเอง น่าเสียดายนะ ฉะนั้นก่อนจะมีอารมณ์อะไรแล้วทำผิดบาป เอาธรรมะมายั้งคิด เอาสติมายั้งใจหน่อย เลือกทำที่ถูก อาจารย์ไม่ต้องการศิษย์สมบูรณ์เต็มร้อย แต่อาจารย์ต้องการศิษย์ที่ผิดแล้วแก้เป็น ผิดแล้วสู้ทำให้ถูกต้องทำให้ดี แค่นั้นพอ ไม่มีใครดีที่สุดจริงไหม (จริง) แต่ขอเป็นคนที่สู้ไม่ถอย มุ่งมั่นในสิ่งที่ดีอย่างไม่ยอมแพ้ นั่นก็น่าภูมิใจแล้ว ลองเอาไปพิจารณานะศิษย์เอย เกิดเป็นคนจะดีจะชั่วไม่ได้อยู่ที่ใครกำหนด อยู่ที่ตัวเราสร้างสรรค์ตัวเราเอง วันนี้จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสิ่งที่ศิษย์ทำทั้งนั้นเลยจริงไหม (จริง) ทำไมถึงเน้นอยากให้มีธรรม เพราะมีธรรมทำให้เราพ้นกรรม แต่ถ้ามีกิเลสอารมณ์ทำให้เราไม่พ้นทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)

(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ไยน้ำเต็มแก้ว”)
“ไย” แปลว่า ทำไม “น้ำเต็มแก้ว” ก็คือ ความเป็นตัวเองสูงจนไม่ยอมลดละลงมาบ้าง ยึดมั่นถือมั่นในความคิดตัวเองมากเท่าไรก็ทำให้เราหนีไม่พ้นบาปกรรมที่ตัวเองสร้างมากเท่านั้น ไม่รู้บ้าง แพ้บ้าง โง่บ้าง ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ศิษย์ จริงไหม (จริง) จะเก่งไปทำไมตลอดเวลา ถูกหรือเปล่า (ถูก) แต่เมื่อไม่เก่งแล้วก็ต้องเก่งให้เป็น แต่เมื่อเก่งเป็นแล้วก็ต้องถอยให้เป็น
ใช่หรือไม่ (ใช่)  ลองเอาไปศึกษาดูนะ  มีโอกาสกลับมาเจอกันอีก

ฉะนั้นไม่ว่าเรื่องราวอะไรขอให้รักษาความสว่างแห่งจิตใจให้ได้ ขอให้รักษาความดีให้อยู่ยั้งมั่นคง ขอให้มุ่งมั่นแล้วไปให้ถึงฝั่งนะศิษย์ อย่าแพ้ใจตัวเองเลย คนมีค่าเพราะรู้จักทำตัวเองให้ทรงคุณค่า
เข้มแข็งหรือยัง อาจารย์ขอให้ศิษย์โชคดีดีกว่านะ ศิษย์เอย บำเพ็ญธรรมแล้วไม่ใช่ไม่มีวันเจ็บ ไม่มีวันทุกข์ แต่คนบำเพ็ญเมื่อยามทุกข์ เมื่อยามเจ็บมีปัญญาคิดได้ พ้นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ไม่ใช่บำเพ็ญธรรมแล้วเจอแต่เรื่องดี  บำเพ็ญธรรมแล้วหากเจอไม่ดี
ก็พยายามหาทางออกให้ดีให้ได้ใช่หรือไม่ (ใช่) ดีกว่าคนชีวิตดีๆ แต่ชอบทำไม่ดี นั่นน่ากลัวยิ่งกว่าจริงหรือไม่ (จริง) บำเพ็ญธรรมขอแค่เพียงใจที่บริสุทธิ์ ใจที่งดงาม ใจที่มุ่งมั่นเท่านั้นเอง อาจารย์ขอแค่ศิษย์คนเดิมที่ดีงาม ที่น่ารัก ที่ไม่ใช่คนดื้อ ที่ไม่ใช่คนหลงผิด ที่เป็นคนอยู่ร่วมกับคนได้อย่างเข้าใจ ที่เป็นคนมุ่งมั่นแล้วสู้ไม่ถอย ที่เป็นคนที่แพ้ล้มแล้วลุกยืนขึ้นได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง

อาจารย์คงต้องกลับแล้วนะ ดูแลตัวเองกันดีๆ นะ มีโอกาสมาผูกบุญกันอีก มีโอกาสกลับมาฝึกฝนปัญญาด้วยการเรียนรู้หลักธรรม นำพาชีวิตให้พ้นทุกข์ อย่าหลงไปกับโลกจนลืมธรรมะในตัวตน อย่าหลงไปกับกิเลสอารมณ์จนลืมความดีงามที่แท้จริงในใจตัวเองนะศิษย์เอ๋ย ดูแลตัวเองนะ เอาตัวเองให้รอดให้ถูกทาง อย่าหลงผิดเลย อาจารย์พูดไม่ออกนะ ถ้ารู้ว่าศิษย์จะจบลงที่ใด อยากช่วย อยากผลักดันให้ดีที่สุด ให้ดีงามที่สุด แต่ถ้าศิษย์ก้าวผิดแล้ว ไม่มีใครช่วยได้นะ จริงหรือไม่ (จริง) ถ้าศิษย์พลาดแล้วใครก็ช่วยไม่ได้นอกจากตัวศิษย์เองต้องรีบปรับความคิด เปลี่ยนความคิด ล้างความไม่ดีด้วยการกระทำความดีใหม่ ที่ยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองก่อด้วยหัวใจที่กล้าหาญน เข้าใจนะ

พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “ไยน้ำเต็มแก้ว”
    ใจคนยิ่งกว่าลิงม้า                             ชรายังจับไม่อยู่
มักชอบเป็นนักต่อสู้                               แต่ไม่รู้จักตัวเอง
ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว                              แย่แล้วมีแต่ความเก่ง
ชื่นชมแต่แบบตัวเอง                               หัวเหม่งดื้อรั้นตากลม
ฉลาดคุยกับจิตใจ                                   อะไรสมควรเหมาะสม
ลดคลายอัตตาอารมณ์                            ผูกปมก็ต้องแก้เป็น



พระอาจารย์เมตตาแก้ไขพระโอวาท ให้ไว้ ณ สถานธรรมฉือเหริน เมื่อวันที่ ๖-๘  กรกฎาคม ๒๕๖๒
กลอนพระโอวาทหน้า ๑
เดิม     ความคิดสิ้นและเกิดใหม่ง่ายดาย  สุขอย่างไรสุดท้ายทุกข์ไม่มีจริง
แก้เป็น  ความคิดสิ้นและเกิดใหม่ง่ายดาย  ทุกข์อย่างไรสุดท้ายทุกข์ไม่มีจริง
เพลงพระโอวาทหน้า ๑๗
เดิม       เคี่ยวเข็ญตนนำแสงประกาย
แก้เป็น    เคี่ยวเข็ญตนงำแสงประกาย

แก้ไขเพลงพระโอวาท ให้ไว้ ณ สถานธรรมอิ๋งเซียน วันที่ ๒๒-๒๓ มิถุนายน๒๕๖๒
เดิม    ** ใช้ชีวิตเพลินกว่าตรงย้อนมองกลับมา พาเข้าใจความหมาย ใช้ชีวิตชีวาเผยความสุขออกมา ยิ้มออกมาได้ไหม ใจเป็นบุญพลิกฟื้นยืนเดิม เกรงกลัวกรรมใช้ธรรมนำใจ ใช้ชีวิตใหม่ขอให้เริ่มจากตัวเอง (ซ้ำ *, **)
แก้เป็น ** ใช้ชีวิตเพลินกว่าตรงย้อนมองกลับมา พาเข้าใจความหมาย ใช้ชีวิตชีวาเผยความสุขออกมา ยิ้มออกมาได้ไหม ใจเป็นบุญพลิกฟื้นยืนเดิน เกรงกลัวกรรมใช้ธรรมนำใจ ใช้ชีวิตใหม่ขอให้เริ่มจากตัวเอง (ซ้ำ *, **)

(พระอาจารย์เมตตาให้ผู้ปฏิบัติงานธรรมตั้งชื่อเพลงที่ประทานให้ไว้ ณ สถานธรรมฉือเหริน  ทำนองเพลง หมื่นคำลา ชื่อเพลง ต่างคิดแต่ไม่ต่างธรรม)

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา