วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2561

2561-04-07 สถานธรรมหมิงฮุย จ.ลพบุรี

西元二〇一八年嵗次戊戌二月二十二日                                     仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๑                             สถานธรรมหมิงฮุย  จ.ลพบุรี
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ

  คนรู้ยอมอดทนได้สงบเย็น              ดับรากแห่งปัญหาเป็นให้ลงได้
เป็นเหตุสร้างทานศีลธรรมทั้งหลาย      แม้นเวรภัยยังจางได้ถ้าเย็นพอ
                                เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ              รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา          ลงสู่แดนโลก น้อมกายอัญชุลี
องค์มารดา                                                 ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ
  ชีวิตคนอย่าฟุ้งเฟ้อเป็นภาระ           สมถะจางจืดจึงเรียกรสแท้
บุรุษรู้สามัญแล้วยอดนักแล              ถึงรสแท้เป็นคนพ้นโลกีย์
คนยิ่งเก่งยิ่งต้องรู้จักยอม                 อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอเป็นราศี
พูดทำส่งสูงสง่าเพราะอารี                ดำรงตนทั่วไปมีธรรมประกาย
จันทร์ฉายเด่นกลางฟ้าเวลาค่ำ           ผ่านประกายงำเก็บน้ำเด่นฉาย
หมั่นลดน้ำเต็มแก้วอย่าเสียดาย          ตะแคงคว่ำเอียงย่อมไม่เคยปรานี
กริ่งไม้ใบง่ายปลิวสะบัดขั้ว               หล่นร่วงเพาะหน่อตัวเป็นวิถี
ตั้งใจใหม่ชีวิตซ่อนหลุดพ้นนี้              อย่าร้างโรยในดีนั้นทาบทา
มีคุณธรรมความประพฤติที่ไม่สอง        บำเพ็ญปั้นเสกสรรต้องเหนื่อยหน่อยหนา
อย่าให้หรูหราความจริงยิ่งปัญญา        อย่าปรุงแต่งพึงรักษาชีวิตธรรม
ถึงเรียบง่ายจริยาไม่มองข้าม             รู้งดงามในจึงประเสริฐล้ำ
ที่สุดสูงว่างไร้ไม่กระทำ                   ทางคืนสู่สามัญย้ำจิตบำเพ็ญ
                                                                                                    ฮา ฮา หยุด

พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
“คนรู้ยอมอดทนได้สงบเย็น           ดับรากแห่งปัญหาเป็นให้ลงได้
เป็นเหตุสร้างทานศีลธรรมทั้งหลาย   แม้นเวรภัยยังจางได้ถ้าเย็นพอ”
คนที่รู้ยอมรู้อดทนได้ อยู่ที่ไหนก็จะสงบเย็นสามารถตัดรากแห่งปัญหาทั้งมวลได้ สามารถมีศีล มีธรรม สามารถให้อภัยเป็นทานได้ สามารถสร้างสรรค์คุณธรรมต่างๆ ออกจากใจได้ แต่ถ้าชีวิตนี้ยอมไม่ได้ อดทนไม่ได้ ธรรมใดจะบังเกิดคงไม่มี มีแต่โมโห โกรธเกรี้ยว ถือสา หาเรื่องราวใช่หรือไม่ (ใช่)  คนที่อดทนได้รู้ยอมได้ แม้เวรภัยอยู่ตรงหน้าก็ยังสิ้นได้ถ้าคนนั้นรู้ยอมรู้อดทนจริงไหม (จริง)  เขามาหาเรื่องเราอยู่ตรงหน้ายอมได้ไหม ถ้ายอมได้เวรภัยก็จบลงตรงนี้ แต่ถ้าไม่ยอม ถือสาหาความเอาเรื่องเอาราว เวรภัยก็ติดตัวเราไปเรื่อยๆ เวรภัยจะมีหรือไม่มี ไม่ได้อยู่ที่ข้างนอก แต่จริงๆ แล้วอยู่ที่ใจเรา เกิดเป็นคนควรมีคำว่าอดทนเเละรู้ยอม
พระพุทธะกล่าวไว้ว่า “จิตที่รู้จักอดทนอดกลั้นสามารถตัดรากเหง้าของปัญหาทั้งมวลในโลกได้ จิตที่รู้จักอดทนรู้ยอมสามารถตัดปัญหาการทะเลาะวิวาทหรือคำตำหนิติเตียนได้ เเละจิตที่รู้จักใจเย็นรู้ยอมยังสามารถบังเกิดการสร้างสรรค์คุณธรรมให้เกิดขึ้นในชีวิตเเละจิตใจได้ จิตที่รู้เย็นรู้ยอมยังสามารถดับเวรเภทภัยตรงหน้าให้มลายหายสิ้นได้” ชีวิตนี้ที่ต้องเจอเวรภัยเป็นเพราะการไม่ยอม ชีวิตนี้มีปัญหา ไม่มีความสุขเพราะรับไม่ได้ ใจไม่เเข็งพอ ใช่ไหม (ใช่)  แล้ววันนี้อดทนได้ไหม รู้ยอมได้ไหม ยอมได้ก็เป็นสุข อดทนได้ก็สงบจริงหรือไม่ (จริง)
มีใครสงสัยไม่เป็นไร เราจะเป็นอะไรไม่สำคัญ เพราะเดี๋ยวเราก็ไม่อยู่ สิ่งสำคัญคือท่านกำลังเป็นอะไร เพราะคนที่ต้องแบกรับผลของการกระทำคือตัวท่านเอง ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเห็นเราเป็นความสุขท่านก็ได้กำไร คือมีความสุขเพิ่ม แต่ถ้าเห็นเราเป็นความทุกข์ท่านก็ขาดทุนที่ต้องอยู่กับเราเพราะต้องจมทุกข์ ถ้าเห็นทุกคนเป็นความสุขอยู่ที่ไหนก็เป็นสุข แต่ถ้าเห็นเขาเป็นความทุกข์อยู่ที่ไหนท่านก็ (ทุกข์)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางครั้งสิ่งสำคัญหรือเหตุของปัญหาจริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่อยู่ที่ผู้อื่น แต่ท้ายที่สุดคืออยู่ที่ใจเราเอง
คนยิ่งเก่งยิ่งต้องรู้จักยอม         อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอเป็นราศี
พูดทำส่งสูงสง่าเพราะอารี         ดำรงตนทั่วไปมีธรรมประกาย
คนที่อยู่ในโลกดูแล้วน่ารัก ดูแล้วอยากใกล้ชิด น่าจะเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน เข้าใกล้แล้วรู้สึกมีเมตตา ยิ่งอยู่แล้วยิ่งสงบเย็น ใช่หรือไม่ เราหาสิ่งนั้นแล้วเราเคยทำสิ่งนั้นบ้างไหม ถ้าคนหนึ่งมุ่งมั่นดำเนินชีวิตเพื่อค้นหาความหมายที่เเท้จริงของชีวิตว่าเกิดมาเพื่ออะไร แล้วคุณค่าชีวิตที่ สูญหายไปทุกวันทำไปเพื่ออะไร เขาคงต้องพยายามค้นหาให้เจอว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร แล้วถึงที่สุดทุกวันเราหายใจทิ้งไปนั้นได้อะไรคืนกลับมา ตลอดชีวิตที่ผ่านมาสิ่งที่ได้คืนคือความสุข ความสงบไหม ทำไมเหมือนมีความสุขเเต่ความสุขนั้นกลับให้ทุกข์มากกว่าสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทำไมเหมือนดูสงบเเต่ลึกๆ กลับไม่เคยสงบเเละสบายใจ อย่างนั้นเเปลว่าชีวิตที่แท้จริง สิ่งที่มีค่าที่สุดกว่าชีวิตคือลาภยศไหม คือเงินทองไหม (ไม่ใช่)  เราอยากหาความสุขเเต่อะไรคือสุขเเท้ในโลก อะไรคือสงบแท้จริงๆ ไม่เป็นสุขที่กลับไปทุกข์ ไม่เป็นสงบที่ลึกๆ กลับวุ่นวายใจ ตลอดชีวิตที่เราทิ้งไปสิ่งที่เราได้มา สุขแท้ไหม แล้วค้นพบความสงบที่จริงหรือยัง (ยัง)  น่าจะมีอะไรที่ทำให้เราสุขแล้วสุขจริงๆ สงบแล้วไม่กลับมาวิตกกังวลอีก น่าจะเป็นธรรมะถูกไหม แต่ทำไมปฏิบัติธรรมแล้ว ทำดีแล้วกลับไม่สงบใจ เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่กลับไม่สบายใจ เป็นเพราะอะไร ถ้าคนๆ หนึ่งสามารถมีธรรม แล้วธรรมนั้นทำให้เขาสงบจนมั่นคง คนนั้นน่าจะเรียกว่าปฏิบัติได้ถูกต้อง จริงไหม (จริง)  แล้วถ้าเกิดคนๆ หนึ่งมีธรรม แต่ไม่สามารถสงบและมั่นคงในธรรมได้ แปลว่าเขาต้องมีอะไรปฏิบัติผิด
ผู้มั่นคงในความดีงามย่อมเข้าถึงความสงบ แม้สภาวะแวดล้อมจะเป็นอย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายก็ไม่สามารถพรากความสงบไปจากใจผู้ที่มั่นคงในความถูกต้องดีงามได้ แต่ผู้ที่ไร้ความสงบใจ ไปอยู่ที่ใดๆ ก็ไม่สุข เหมือนสภาวะแวดล้อมแกล้งเรา ทำให้เราทุกข์ จริงไหม (จริง)  แต่ในความเป็นจริงผู้ที่มั่นคงในความถูกต้องดีงาม แม้สภาวะจะมีผลขนาดไหน แต่สภาวะนั้นก็ไม่สามารถดึงหรือพรากใจที่มุ่งมั่นในความถูกต้องดีงามให้ไหลลงต่ำได้ เหมือนคนที่อิ่มในสุข อิ่มในความดีงาม อิ่มในบุญ อิ่มในความถูกต้อง แม้เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ก็ลากใจให้เขาทุกข์ไม่ได้ จริงไหม (จริง)  เหมือนคนอิ่มใจแล้ว ใครมาพูดอะไรตอนนี้มันอิ่มใจแล้ว มันสงบแล้ว มันสุขแล้ว ใครจะลากใจให้เขาเปลี่ยนได้ไหม (ไม่ได้)  มีแต่ผู้ที่ไม่มั่นคงในความดีเท่านั้น อยู่ตรงไหนก็หวั่นไหว อยู่ที่ใดก็เปลี่ยนแปลง
ฉะนั้นที่พูดว่าทำดี ที่พูดว่าเป็นคนดี ดีมั่นคงหรือยัง ดีจนพบความสงบสุขที่แท้จริงหรือไม่ เพราะถ้าคนดีมั่นคงในความดี มั่นคงในความสุข และมั่นคงในความสงบ อะไรก็พรากใจดีๆ ไปจากใจเขาไม่ได้ อะไรก็พรากให้ใจเขาหวั่นไหวเปลี่ยนแปลงแล้วเปลี่ยนเป็นคนชั่วไม่ได้ อย่างนั้นที่ท่านทำดีแล้วไม่สุข ทำดีแล้วไม่สงบ เพราะยังไม่ใช่คนดีจริง ยังไม่ใช่คนที่รักดีจริง ถูกไหม (ถูก)  ถ้ารักดีจนตัวตายจะกลับกลายเปลี่ยนใจไหม ถ้าซื่อตรงจนถึงที่สุดจะเปลี่ยนแปลงไหม (ไม่)  ถ้าเป็นคนดีที่แท้จริงจะกลัวคนติฉินนินทาไหม (ไม่กลัว)  ฉะนั้นก่อนจะว่าคนอื่นว่าเขาทำให้เราวุ่นวายใจ ก่อนจะว่าคนอื่นที่เขาทำให้เราเจ็บปวดใจไม่สบายใจ ถามใจท่านก่อน มั่นคงในความถูกต้อง ซื่อตรงในความดีงาม ไยต้องหวั่นไหวกับคำพูดคน ดังที่มนุษย์กล่าวไว้ว่า “คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้” ความหมายจริงแปลว่าคนดีแม้จะถูกไฟนินทา ไฟถากถาง ไฟหล่อหลอม ความดีก็ไม่เคยไหม้หรือสูญหาย ไปจากใจ คนดีแม้จะเจอชะตากรรมที่พลิกผันต้องตกต่ำ ความดีก็ไม่ไหลลงต่ำไปฉันนั้น แปลว่าความดีไฟก็ไหม้ไม่ได้ สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงใจคนดีไม่ได้เช่นนั้นแล เราเหมือนยังไม่ดีจริงเลยนะ ใช่ไหม (ใช่)  อยากมุ่งมั่นดีหรือมุ่งมั่นไม่ดี (ดี)  เชื่อไหมว่าดีกับไม่ดีแค่อยู่ที่พลิกใจ พลิกใจเป็นก็กลายเป็นดี เป็นคุณธรรมเป็นมหากุศล แต่ถ้าพลิกใจไม่เป็นก็กลายเป็น  โลภโมโทสัน โกรธเกรี้ยวสร้างวิบากเวรกรรม
(อยากให้เป็นคนดี)  ให้เป็นคนที่ดีที่หวั่นไหวง่ายหรือเป็นคนดีที่มุ่งมั่นจริง (เป็นคนดีที่มุ่งมั่นจริง)  แม้แต่ตัวท่านเอง เจอใครก็อยากเจอคนจริงๆ ทำจริงๆ แล้วตัวเราทำจริงดีจริงหรือยัง เราขอยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าตอนนี้มุ่งมั่นอยากทำดีจริงๆ
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้เลือกดอกไม้สองดอก มีดอกไม้สีขาวและสีแดง)
ชอบดอกไหนมากกว่ากัน (สีขาว,สีแดง)  แต่ถ้ามีคนให้คงอยากได้ดอกสีแดงใช่ไหม แล้วถ้าดอกหนึ่งเป็นดอกแห่งความดี อีกดอกหนึ่งเป็นดอกแห่งความไม่ดี เลือกสิ่งใด ดีหรือไม่ดี เชื่อไหมว่าเราไม่ได้มองแค่นั้น ทำอะไรอย่าย่ำอยู่กับที่ ถ้าท่านเลือกดีเเล้วไม่ดีให้ใคร ไม่ดีใครรับ อย่าเป็นคนที่พยายามมุ่งมั่นทำสิ่งที่ดีเเล้วหวังเลือกแต่สิ่งที่ดี เมื่อเจอเรื่องไม่ดีก็รับไม่ได้ และอย่าเป็นคนที่เลือกเจอแต่สิ่งดีเมื่อเจอสิ่งไม่ดีก็รังเกียจเดียดฉันท์ และอย่าเป็นคนเก็บแต่ดี เพราะทุกวันนี้เก็บ (ไม่ดี)  มากกว่า (ดี)  เหมือนเวลาที่เราอยู่กับคนส่วนมากหรืออยู่กับคนหมู่ใหญ่ ดีๆ เราเก็บไว้ ไม่ดีโยนให้เขาไปถูกไหม (ไม่ถูก)  บางครั้งต้องคิดว่าการยอมไม่ดีบ้างก็อาจจะกลายเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ ถ้าท่านมั่นคงในความถูกต้อง ไยต้องหวั่นไหวเพราะเเค่คำพูดว่าไม่ดี ในอีกทางหนึ่งถ้าตอนนี้มีแต่ไม่ดี เอาหรือไม่เอา (เอา)  จงตามใจตัวเองให้ทัน คนในโลกนี้เห็นอะไรก็ไม่ดีไปหมด เมื่อเห็นไม่ดีแล้วมีความสุขไหม อย่างนั้นเอาหรือไม่เอาดี แล้วทุกวันนี้ที่มองเห็นแต่ไม่ดี พูดว่าไม่เอา แต่ต้องอยู่กับตรงนี้ให้ได้ ฉะนั้นแม้ไม่ดีคนดีก็ไม่หวั่นไหว ถ้ารู้จัก พลิกแพลงให้เป็น ท่านก็จะรู้ว่าสิ่งที่เราเห็นไม่ดี เราควรจะไม่เอาแล้วอยู่กับการไม่เอาอย่างไรให้เป็นสุข ถูกหรือไม่ (ถูก)  ไม่ใช่ไม่เอาแล้วเอาแต่รังเกียจ แล้วเอาแต่ด่าทอเอาแต่กร่นว่า อย่างนี้ก็ไม่สุข มหาโจรพลิกใจได้ยังกลายเป็นพุทธะ คนหลงเมื่อรู้ตื่นจึงมีธรรมในใจตน ฉะนั้นภาวะแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับพลิกใจเป็น พลิกใจเป็นก็สร้างมหากุศล พลิกใจไม่เป็นก็ก่อเกิดเป็นเวรกรรมและการจองเวรเวียนว่าย แล้วถ้ามีแต่ดีเอาหรือไม่ มีปัญญาพลิกใจเป็นก็จะตอบเราว่า ไม่เอา ขอเป็นคนดีที่ตายแล้วทิ้งดีไว้ให้โลกยังเห็น ถ้าเก็บดีมาหมดใครจะเห็นความดีในใจท่าน สู้ทำแล้วทิ้งความดีไว้ดีกว่านะ แต่คนปัจจุบันเก็บดีทิ้งร้ายไว้บนโลก ใช่ไหม (ใช่)  ชีวิตอยู่ที่เราพลิกใจ โกรธแล้ว โลภแล้ว หลงแล้ว ใครทุกข์ ยิ่งโกรธเราก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งด่าเราก็ยิ่งปวดใจ ยิ่งโมโหก็เหมือนไฟเผาฟืน แล้วเราจะเผาต่อไหม คนมักโกรธจะไม่มีจิตสำนึกคุณใคร คนมักโกรธจะไม่สามารถมีศีลธรรมในใจได้ แล้วคนที่มักโลภจะไม่เคยเป็นคนที่มีใจกว้าง แต่จะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าพลิกใจไม่โกรธจะกลายเป็นคนรู้จักคุณคน รู้จักศีลรู้จักธรรม อย่าโกรธเลยเราก็ฝึกเมตตาใจ ไม่โกรธเลยเราก็มีศีลธรรมขึ้นมา เห็นโลภแล้วให้เขาไปเถอะ กินน้อยหน่อยกินมากหน่อย เดี๋ยวก็ตายเหมือนกัน ใช่ไหม (ใช่)  สมบัติผลัดกันชม วันนี้เราชมพอแล้ว ให้เขาชมบ้างเป็นไร ไม่โลภดีกว่า พอไม่โลภใจแคบเป็นใจกว้าง พอไม่โลภเห็นแก่ตัวกลายเป็นเมตตาจิตพอไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงกลายเป็นจิตใจมองเห็นโลกแจ่มชัดไม่ถูกบดบังไม่ถูกหลอกลวง แล้วคนพลิกไม่เป็นเล่า ฉะนั้นเจออะไรพลิกใจทางไหน พลิกถูกก็สร้างมหากุศล พลิกผิดก็ตกนรกอเวจี แล้วใครที่สร้างสวรรค์บนดิน แล้วใครที่ก่อกองไฟจุดเผาตัวเอง ฉะนั้นดีหรือไม่ดี อะไรก็ได้ถ้ารู้ใจตัวเอง มั่นคงพอ เข้มเเข็งมีความถูกต้องพอ ดีจริงพอ อยากเจอคนจริง อยากเจอคนดีจริง อยากได้คนดีจริง ทำไมไม่ทำให้ตัวเราเป็นคนจริง ใช่ไหม (ใช่)  เพราะจริงๆ แล้วผู้ที่มุ่งมั่นบำเพ็ญ ถ้าเข้าถึงความเป็นจริงแห่งหลัก  สัจธรรม ก็ไม่ได้ทำตัวแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดาเดินดินจริงไหม (จริง)  ถ้าทำตัวยกตัวเองสูงเด่น ใครหรือจะเข้าใกล้แต่ควรจะทำตัวเรียบง่าย กลมกลืนและสอดคล้อง และทุกขณะในการดำเนินชีวิต ควรมีธรรมย้ำเตือนใจ เป็นคนธรรมดาเข้ากับใครก็ได้ อยู่กับใครก็เป็นสุข และไปอยู่ที่ไหน ก็นำความผาสุกสงบเย็นมาให้ คนเช่นนี้ถึงจะเรียกว่าผู้มุ่งมั่นปฏิบัติจริง แต่ไม่ใช่ไปอยู่ที่ไหนใครก็ส่ายหัวเบือนหน้าหนี เช่นนั้นเราต้องหันมาตรวจสอบตน จริงไหม (จริง)  แล้วเราเป็นแบบไหน เราเดินเข้าบ้าน เขาต้อนรับหรือเขาเมินหน้าหนี (ต้อนรับ)  ผู้ปฏิบัติธรรม เห็นไปตามญาติธรรมโดนเมินหน้าหนีท้อใจเลย ใช่ไหม (ใช่)  มุ่งมั่นทำสิ่งที่ถูกต้องอย่าหวาดหวั่นแม้เจอเรื่องไม่ดี เพราะคนที่สงบในความดีจะไม่หวั่นไหวจะไม่เปลี่ยนแปลง จริงไหม (จริง)  เราถามนะ ถ้าเจอดอกไม้ มีทั้งดีและไม่ดีเก็บหรือไม่เก็บ (ไม่,เก็บ)  ดูตามวาระโอกาส จริงไหม (จริง)  ถ้าเก็บแล้วสร้างสรรค์สิ่งที่ดีก็เก็บ แต่ถ้าเก็บแล้วทำคนทุกข์ใจบางครั้งก็ไม่ควรเก็บ นั่นแหละยากในการดำเนินชีวิต
ตอนไหนที่เรียกว่าดีแท้จริง ถ้าทำแล้วไม่ผิดต่อฟ้าไม่อายต่อดิน ไม่ผิดต่อคุณธรรมความเป็นคน เก็บหรือไม่เก็บไม่ใช่เรื่องสำคัญใช่หรือไม่ (ใช่)แต่ถ้าเก็บแล้วขาดคุณธรรมความเป็นคนเงยหน้าก็อายฟ้าก้มหน้าก็อายดิน อย่างนั้นอย่าเก็บดีกว่า แล้วเราเป็นแบบนั้นไหม ฉะนั้นมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมขออย่าลืมคุณธรรมแห่งความเป็นคน นั่นคือจิตสำนึกแห่งความถูกต้องดีงาม โลกนี้จะสันติได้เพราะคนยังสำนึกในความถูกต้องดีงาม จริงหรือไม่ (จริง)
ฉะนั้นขอให้รู้จักระมัดระวังควบคุมใจตัวเองให้ดี แค่ชั่วขณะเดียว พลิกใจตามอารมณ์ก็ก่อเกิดเป็นวิบากกรรมและความทุกข์ทน แต่ถ้าพลิกใจตั้งตรง ก็ก่อเกิดเป็นคุณธรรมมหากุศล ธรรมภายนอกไม่เท่าธรรมภายใน กราบไหว้พระภายนอก ไม่สู้มีพระสงบเย็นอยู่ภายใน หาคุณธรรมภายนอก ไม่สู้ปฏิบัติธรรมได้ภายใน อย่ามัวแต่กราบพระภายนอก พอถึงเวลาเจอเรื่องราวกลับลืมพระภายใน อย่ามัวแต่มีธรรมภายนอก แต่ถึงเวลาขาดคุณธรรมประจำใจ ทำอะไรต้องมีสติยั้งคิด ถ้าพรุ่งนี้ยังมีบุญก็คงได้มาผูกบุญกันอีก รักษาบุญโอกาสนะ คุณธรรมความดีสั่งสมมากย่อมก่อเกิดเป็นบุญกุศล กิเลสอารมณ์สั่งสมมากย่อมตามไปด้วยวิบากกรรมและวัฏฏะการเวียนว่าย ถามใจท่านดูจะเลือกธรรมหรือเลือกกิเลส

วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑                         สถานธรรมหมิงฮุย  จ.ลพบุรี
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  คนกลัวทุกข์มากกว่าทุกข์จริงจริง      จิตไม่นิ่งทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
ยิ่งสู้ก็ยิ่งแพ้เพื่ออะไร                      ทำใจได้จึงนับว่าเป็นโชคดี
ทุกข์ของจริงไม่เท่าทุกข์ในจิต            ใส่ความคิดใส่อารมณ์ใส่ศักดิ์ศรี
ใส่ความมีผลประโยชน์ใส่ท่าที            ใส่ข้อดีเข้าไปยิ่งยากทำใจ
ทำเรื่องดีด้วยใจพลีอย่าแก่งแย่ง          เรื่องถูกผิดถือรุนแรงเป็นศึกใหญ่
ทำเรื่องถูกทำเรื่องดีเพื่อสบายใจ         หากทำแล้วไม่สบายใจคือผิดทาง
                                เราคือ
  จี้กงอาจารย์เจ้า                  รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา          ลงสู่แดนโลก   แฝงกายน้อมกราบ
องค์มารดาแล้ว                     ถามศิษย์รักอาจารย์ทุกคนสบายดีไหม

    มองเจ้าเอย ยอมแพ้เสียง่าย ยามนี้ยังมีใจ มิเป็นประสา ใจเจ้าเอยตามจิตธรรมดา รู้ไปไม่ยอมรู้มา เผลอแค่ครา ต้องเร่งเท่าตัว
    คนหนอคน ตั้งใจดิบดีกลับล้าไป วันสองวันท่าดีขยับกลับลับตา คำของคนยามที่เปลี่ยนไปไม่เหลือค่า เพียงลับตาห่างกันเนิ่นนาน
    ไยทุกวันสบายสบายกลับทุกข์ใจ บางเรื่องราวเจ้ายืมบำเพ็ญได้หลายเท่า ดวงชะตาหรือจะสู้ฟ้าคอยลุ้นเจ้า เพียรของเรา ทุกวันนะทำได้เลย

ทำนองเพลง: ออเจ้าเอย
ชื่อเพลง : ใจเจ้าเอย


พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ทานข้าวอิ่มไหม อิ่มแปลว่า กินไม่ลงแล้ว ตอนเย็นไม่กินแล้วใช่ไหม (กิน)  นึกว่าตอนเย็นไม่กินแล้ว ใจมนุษย์นี่ถมไม่เต็ม พุงมนุษย์นี่ถมไม่เต็มเป็นเหมือนชูชก กินไม่มีวันอิ่ม ยอมเป็นชูชกหรือ ถือว่าวันนี้เรามาแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกันดีหรือเปล่า “ชีวิตคือการเรียนรู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง” ไม่ลองดูสักตั้งจะรู้ง่ายๆ ได้อย่างไรว่าเราทำได้หรือไม่ได้ เราจะแพ้หรือชนะ แพ้ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ล้มแล้วก็ลุกขึ้นสู้ใหม่ ชนะแล้วดีใจไหม (ดี) ก็ระวังวิตกกังวลอีกว่าต่อไปเราจะชนะอีกไหม
อาจารย์ถามคำถามง่ายๆ อะไรในโลกที่ศิษย์ไม่จำเป็นต้องครอบครองแต่ก็มีสุขได้ ไม่ต้องเป็นเจ้าของแต่ก็ทำให้เราสุขได้
(ทรัพย์สมบัติ, นามธรรม)  ทรัพย์สมบัติต้องครอบครองก่อนถึงจะมีสุข ใช่ไหม (ใช่)  ไม่มีทรัพย์สมบัติมีสุขไหม (มี)  คนบนโลกส่วนใหญ่จะมีความสุขได้ต้องครอบครอง ต้องเป็นของเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)
รถคันนี้เป็นของสาธารณะ เรามีสุขไหม เราใช้กันแบบไม่ใช่ของฉัน เราไม่ค่อยมีสุข แต่ถ้าบอกว่าเป็นรถของฉัน เรารู้สึกมีความสุข เงินนี้เป็นเงินสาธารณะเรามีสุขไหม (ไม่มี)  แต่พอเป็นเงินฉัน ยิ้มทันที ใช่ไหม (ใช่)  สิ่งที่ศิษย์แสวงหาในโลกทุกวันนี้ ศิษย์พยายามหาให้เป็นของเรา แล้วเราเรียกว่าความสุข แต่ศิษย์รู้ไหมว่าในโลกยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ที่แม้จะไม่ใช่ของใคร ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของได้ เราก็สามารถมีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องครอบครองอย่างแท้จริง เคยหาความสุขประเภทนี้ไหม
(ธรรมะ) ธรรมะแบบไหนหรือ (ทุกอย่างที่เราทำดี)  ถ้าเราปฏิบัติธรรมแล้วก็จะมีความสุข แต่โดยส่วนใหญ่เวลาเราทำดีเรายึดไหม (ยึด)  ฉันดีนะ อย่ามาว่าฉัน ฉันดี ใช่ไหม (ใช่)  ใครว่าเราไม่ดีไม่ได้ ฉันดีมาว่าฉันทำไม ใช่หรือไม่ (ใช่)
(อิสรภาพ, อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ, ความคิดชอบ, ความเห็นชอบ, ปล่อยวาง)  ตอบกว้างอีกแล้วขอคำตอบที่แคบๆ แล้วศิษย์ตอบแล้วทุกคนพอทำได้อย่างนั้นก็มีสุขทันทีเลย คิดออกไหม ลองคิดสิ
(การให้อภัย, ไม่ยอมแพ้และไม่ท้อถอย, การได้เฝ้าดูจิตของเราเอง)การได้เฝ้าดูจิตของตัวเอง สามารถทำให้เราเป็นสุขได้ แต่บางครั้งการเห็นจิต จิตมันชอบคิดร้ายนะ มันก็เลยจะทุกข์มากกว่าสุข
(การให้)  การให้ทำให้เราสามารถเป็นสุขได้ ใช่ไหม (ใช่)  ก็ตอบได้ดีนะ แต่ให้อะไร
(ให้ทุกคนมีศีล สมาธิ ปัญญา)  จะทำให้เรามีสุขได้โดยที่เราไม่ต้องยึดถือครอบครอง ก็เหมือนจะได้ดีนะ แต่บางครั้งคนเราเวลาถือศีลมากๆ ถือสมาธิมากๆ ก็มักจะหลงความยึดติด หลงว่าตัวเองมีศีลสูง มีภูมิธรรมสูงนะ ต้องระวัง
(ความรัก)  มีรักไหนไม่ครอบครองบ้าง
(หลักคำสอนของพระพุทธศาสนา)  เอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนามาใช้จะได้มีสุขใจ
(การเสียสละ, กตัญญูรู้คุณ)  อย่ากตัญญูแค่ปาก ต้องรู้จักรับผิดชอบหน้าที่ ขยันหมั่นเพียร
(เมตตา)  เมตตาทุกสรรพสัตว์ สัตว์เล็กก็ต้องเมตตา
(ความทุกข์)  อาจารย์ขอทันสมัยหน่อยนะ กดหนึ่งไลค์ เข้าใจตอบดีนะ
ศิษย์เอย สุขที่ไม่ต้องแสวงหา ไม่ต้องครอบครองแต่ก็มีสุขได้คือ “ใจที่รู้จักชื่นชม” แค่ใครทำอะไรพูดอะไร ก็ชื่นชมว่าดี แค่เห็นพระจันทร์ ก็ว่าสวย แต่เราครอบครองได้ไหม (ไม่ได้)  แต่ถ้าเรารู้จักชื่นชมเราก็มีความสุข ทุกวันนี้ศิษย์เคยชื่นชมใคร ตื่นเช้ามาก็ด่าติว่าบ่นคอมเม้นต์ แล้วเรามีสุขไหม เพราะอะไรๆ ก็ไม่ชอบ แต่ถ้าเราเห็นอย่างนั้นก็ดี อย่างนี้ก็ดี แค่นี้ก็ดี ทุกวันเรามีสุข ทุกขณะที่เราทำเรามีสุข เรารู้จักชื่นชมยินดี ใครที่เราจะเกลียด ใครที่จะไปสร้างให้ทุกข์ แล้วศิษย์ก็ไม่ต้องรอว่า ต้องมีสิ่งนั้นมีสิ่งนี้ถึงจะสุข ถ้าทุกก้าวของศิษย์รู้จักชื่นชม ความสุขจะหายากไหม ความสุขไม่ต้องนิยามไกลโพ้น แล้วชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไร อันนี้ก็ไม่ชอบ อันนี้ก็เบื่อ คนนี้ก็ไม่ได้เรื่อง คนนี้ก็อย่างนั้น คนนี้ก็อย่างนี้ สุดท้ายเป็นโรคซึมเศร้า ฉะนั้นศิษย์เอย ถ้าเรารู้จักชื่นชมยินดี เมื่อเราเห็นคุณค่า ทุกคนก็มีค่า เมื่อเราไม่เห็นคุณค่า ทุกคนก็ไร้ค่าให้ชื่นชม ใครบ้างไม่ดี ขนาดคนที่ด่าเรา อาจารย์ว่าก็ยังดีเพราะทำให้เราเห็นว่า เราเป็นคนที่ไม่ดีแบบที่เขาด่าหรือไม่ เขาโกงเรา ทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้ว เราโดนเขาโกงแล้ว เรายังอยากจะดีหรือไม่ดี เราโดนเขาทำลายแล้ว เราโดนเขาทำให้เราสูญเสียแล้ว เราจะมีชีวิตที่เสียสูญไหม ฉะนั้นถ้าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ศิษย์ชื่นชม ศิษย์รู้จักขอบคุณ ศิษย์สำนึกคุณ ศิษย์เห็นคุณค่าของเขา มีอะไรบ้างในโลกที่เราจะเกลียด มีอะไรบ้างในโลกที่เราจะผูกใจเจ็บ และมีอะไรบ้างในโลกที่จะทำให้เราต้องชิงชัง จองเวรจองกรรม หรือเคียดแค้นก่นด่า แล้ววันนี้ศิษย์เคยชื่นชมยินดีอะไรบ้างหรือยัง
ถ้าชีวิตมีสุขทุกวัน แม้วันข้างหน้าจะล้มเหลว แม้วันข้างหน้าจะผิดหวัง แต่อย่างน้อยเรามีความสุขเป็นขวัญกำลังใจ แต่ถ้าวันนี้ อะไรศิษย์ก็ไม่พอใจ อะไรศิษย์ก็ไม่สุข วันหน้าศิษย์เจออะไร ศิษย์จะเอาแรงใจที่ไหนไปสู้ ถูกหรือไม่ (ถูก)  แล้วตอนนี้เราชื่นชมอะไรบ้าง เราขอบคุณอะไรบ้าง กลับบ้านภรรยาไปขอบคุณสามี สามีไปขอบคุณภรรยา บางทีชีวิตอย่าไปยุ่งยากมากเลยเอาง่ายๆ ตรงๆ แม่อย่าทำแบบนี้เดี๋ยวพ่อเกลียดนะ แม่ก็ต้องระวังแล้วใช่ไหม (ใช่)  ไปอ้อมคำพูดเยอะแยะมากมาย เปล่าประโยชน์ บ่นไปก็เหนื่อยใจเปล่าๆ จริงหรือไม่ (จริง)
จำไว้นะศิษย์เอ๋ย ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดถูกไปทั้งหมด และไม่มีสิ่งใดผิดที่แท้จริง ถ้ายึดถูกยึดผิดเกินไป คนที่ยึดก็เป็นทุกข์ ว่ากันไปที่สุดใครที่ถูกจริง ว่ากันไปที่สุดใครที่ผิดจริง อย่างนั้นเราถูกหรือผิด (ผิด,ถูก)
เหมือนใบหน้าเรา มันจะเหี่ยวก็เหี่ยวแบบนี้ก็สวยหนอ ใครไม่ชอบฉันชมตัวเองว่าสวยก็ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ให้กำลังใจตัวเองแต่อย่าถึงกับเป็นการหลงตัวเอง ใครว่าไม่ได้ก็ไม่ถูกต้อง
วันนี้มาฟังธรรมะเข้าถึงธรรมบ้างไหม (เข้าถึง)    ถ้าถึงแล้วใจต้องเบิกบาน ใจต้องปิติต้องอิ่มสุข แต่ทำไมหน้ามุ่ย ยิ้มไม่ออก ถ้าศิษย์อยากเข้าถึงธรรมต้องรู้จักมองภายใน ถ้าศิษย์อยากเห็นแจ้งในธรรม ศิษย์ต้องรู้จักเห็นแจ้งความเป็นจริงภายใน เพราะภายในคือแก่นแท้ของทุกสรรพสิ่ง และภายในที่เรียกว่าแก่นหรือหลักนั้นมีธรรมที่หนีไม่พ้นและเป็นธรรมอันเป็นสัจจะ ถ้าเมื่อไรที่เราสามารถเข้าใจหลักแห่งสัจจะภายใน และเอาความเห็นแจ้งในหลักสัจจะภายในพิจารณาทุกสิ่งอยู่เนืองๆ ก็จะก่อเกิดความเป็นอิสระเบิกบานใจ ไม่ถูกบีบคั้นหรือถูกทิ่มแทงใจได้ง่าย แต่อะไรที่เป็นสัจจะความจริงแท้ภายใน เพราะถ้าเราหมั่นเห็นอยู่เนืองๆ พิจารณาอยู่เนืองๆ เราจะไม่เกิดความอยากได้ใคร่ดีอะไรในโลก แต่เราจะรู้จักช่วงใช้แล้วรู้จักวางมันลงได้โดยที่ไม่ต้องปล่อยมันเลย ตอบได้ไหม (สัจธรรม)  สัจธรรมอะไรที่เราอยากเข้าถึงธรรม อยากเห็นแจ้งในธรรม ศิษย์ก็ต้องหาว่าอะไรที่ทำให้เราเห็นแจ้งและเข้าถึงธรรม นั่นก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนคือธรรม ชีวิตก็คือธรรม สรรพสิ่งก็คือธรรม ทั้งรูปทั้งนามก็คือธรรม เราเห็นธรรมทุกวันแต่เราไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ เพราะเราเห็นตามความคิด เราเห็นแล้วตัดสินตามอารมณ์ความรู้สึก ฉะนั้นจะเห็นแจ้งเข้าถึงธรรมได้ เราต้องมองภายใน ซึ่งภายในมีแก่นเหมือนกันในทุกสรรพสิ่งไม่ว่ารูปหรือนาม และในแก่นอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หลักธรรม แล้วธรรมอะไรที่เราหมั่นพิจารณาอยู่เนืองๆ ที่จะสามารถทำให้เราเข้าถึงธรรมแล้วพ้นทุกข์ได้ ตอบได้ไหม
ผลไม้ผลนี้กินแล้วมีแต่ทุกข์ กินไหม เอาไหม (เอา, ไม่เอา, ไม่กินแต่เอา)
ถ้ามีคนๆ นี้แล้วมีแต่ความโลเล ไม่แน่นอน เอาไหม (ไม่เอา)  ผลไม้นี้กินแล้วมีแต่ทุกข์เอาไหม เงินนี้มีแล้วเหมือนไม่มี เอาไหม (เอา)  เงินนี้หากี่ครั้งๆ มีเท่าไรก็เหมือน (ไม่มี)  ได้มาแล้วมีแต่ความว่างเปล่า แล้วเรายังอยากจะได้มันอีกไหม ลึกๆ ก็อยากได้ แล้วศิษย์เหนื่อยกับความว่างเปล่าที่ศิษย์หาไหม ทุกข์ไหม อาจารย์กำลังจะบอกว่า ทุกสิ่งที่ศิษย์พยายามแสวงหา หนีไม่พ้นความว่างเปล่า หนีไม่พ้นความทุกข์ และหนีไม่พ้นความไม่แน่นอน
ในโลกมีอะไรบ้างไหมที่มีแล้วไม่ทุกข์ มีแล้วไม่เปลี่ยนแปลง มีแล้วถึงที่สุดไม่ว่างเปล่า (ไม่มี)  อยากจะรักใครสักคนมีทุกข์ใช่หรือไม่ แล้วหาความมั่นคงได้ไหม (ไม่ได้)  หาตัวตนแท้จริงเขาได้ไหม (ไม่ได้)  เหมือนจะเป็นของเรา จดทะเบียนแล้ว แต่จริงๆ แล้วเป็นของเราไหม (ไม่ใช่)  พ้นประตูบ้านไปแล้วไม่รู้ของใคร แม้อยู่ในบ้าน ใจก็ไม่รู้ไปอยู่กับใคร ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจแก่นหลักทุกสรรพสิ่ง มันจะทำให้ศิษย์อยากน้อยลง แล้วเวลาจะทุกข์ ศิษย์ก็จะรู้เลยว่า ก็เราอยากได้มาเอง อาจารย์ก็บอกแล้วว่า มีอะไรในโลกบ้างศิษย์ไม่ทุกข์ มีอะไรในโลกบ้างแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง และมีอะไรในโลกบ้างที่ได้แล้วเหมือนไม่ได้ มันทุกสิ่งเลย จริงไหม
เหมือนว่าเราได้ร่างกายนี้ แต่ร่างกายนี้ฟังเราไหม (ไม่)  เหมือนเราได้เงินนี้ แต่เงินอยู่กับเราไหม (ไม่อยู่)  เหมือนว่าเราได้ผลไม้นี้ แต่มันเป็นของเราจริงๆ ไหม (ไม่)  ถ้าเราเข้าถึงแก่นหลักธรรมความเป็นจริงที่เรียกว่า ไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เราจะทุกข์กับอะไร อาจารย์จี้กงบอกแล้ว เราโง่เอง เรายังอยากมี อาจารย์จี้กงบอกแล้วว่ามันไม่เที่ยง อาจารย์จี้กงบอกแล้วว่ามันจะทุกข์ แต่เราคิดว่ามันสุข อาจารย์จี้กงบอกแล้วว่าว่างเปล่า นึกว่ามันจะมีแต่มันไม่เคยมี ใช่ไหม (ใช่)  หาแบงค์ร้อยมากี่ร้อยใบ แล้วรู้สึกมีในใจหรือยัง ร้อยหนึ่งยังไม่พอ เอาอีกสักร้อยสิบร้อยก็ยังไม่พอใช่ไหม (ใช่)
ถ้าทุกขณะศิษย์ไม่จมอยู่กับกิเลส ไม่จมอยู่กับความอยาก ไม่จมอยู่กับความคิด ไม่จมอยู่กับโลก แต่เข้าถึงธรรมเนืองๆ พิจารณาธรรม มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันว่างเปล่า ใจที่พิจารณาอย่างนี้ เห็นอะไรก็ชัดถึงข้างใน แล้วยังอยากอีกหรือ ยังจะเอาอีกหรือ ถ้าทุกขณะศิษย์พิจารณาธรรมอยู่ตลอดเวลา ศิษย์จะไม่มีวันถึงธรรมบ้างหรือ ศิษย์จะไม่มีวันเห็นแจ้งธรรมบ้างหรือ แต่ทุกวันนี้ศิษย์ไม่เคยเข้าถึงธรรม ไม่เคยมองธรรม มองแต่เพียงเราอยากอะไร เราชอบอะไร ผมอยากทำอะไร ผมอยากกินอะไร อยากไปไหน ใช่ไหม (ใช่)  เราใช้กิเลสหรือเราใช้ปัญญา (กิเลส)  ศิษย์อยู่ในโลก ศิษย์อยู่อย่างคนใช้ความคิดหรือใช้ปัญญา มองตามความอยากหรือมองตามความจริงจนทะลุปรุโปร่ง เดี๋ยวเรามาดูกันว่า การตามความอยากกับการตามปัญญา มันต่างกันอย่างไร การปล่อยตัวเองไปตามความคิด อารมณ์กิเลส กับการดึงตัวเองให้รู้จักมีปัญญา มันต่างกันตรงไหน ฟังไหม (ฟัง)
ต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งมวลล้วนมาจากการหลงไปตามกิเลสอารมณ์และตัณหาของใจ เมื่อไรเราสามารถรู้แจ้งเห็นความเป็นจริงอันเป็นหัวใจหลักของทุกสรรพสิ่ง เราก็จะสามารถหาทางพ้นทุกข์ได้ ส่วนใหญ่มนุษย์มักทำอะไรตามกิเลสตามอารมณ์ง่ายกว่าที่จะใช้ปัญญา ทำอะไรตามใจตัวเองมากกว่าใช้สติปัญญา
ปัญญามีสองแบบ ปัญญาทางโลกกับปัญญาทางธรรม เรามาดูก่อนว่า กิเลสเป็นเรื่องธรรมดาปกติหรือ พอศิษย์เกิดมา ศิษย์ก็อยากตลอดชีวิตเลยหรือ เกิดมาก็ด่าเขาตลอดชีวิตเลยหรือ มันไม่ใช่เรื่องปกตินะ เรื่องปกติของชีวิตคือความเป็นธรรมดาไม่มีอะไร จิตที่มีศีลคือจิตที่ปกติ แต่จิตที่ไร้ศีลคือจิตที่ผิดปกติ คนเราอยากผิดศีลเป็นประจำไหม (ไม่)  แล้วเวลาที่เราทำอะไรผิดศีลนั้นใจเราจะสั่นมือไม้ก็จะสั่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นคนที่มีศีลคือ (คนปกติ)  คนที่ผิดศีลคือ (คนไม่ปกติ)  แล้วศิษย์ปกติหรือไม่ปกติ (ปกติ) อย่างนั้นแปลว่าศิษย์มีศีลครบใช่ไหม (ไม่ครบ)  แต่วันนี้อย่างน้อยก็ครบ ที่แล้วมาไม่เคยครบ แต่วันนี้ยังไม่ฆ่าสัตว์ เพราะว่ากินเจ วันนี้ยังไม่ได้โกหกสามี เพราะว่ามาฟังธรรมะ ศิษย์เอ๋ย กิเลสทำไมถึงอยากมีกันจังเลย นรกไม่มีทางให้เดิน มนุษย์ก็เพียรพยายามหาทางเดินจนได้ ศิษย์รู้ไหมว่ากิเลสเป็นต้นตอเป็นรากเหง้าแห่งบาปทั้งมวล แล้วผู้ใดมีกิเลสก็หนีไม่พ้นวิบากกรรมและการเวียนว่าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อไรที่ศิษย์มีกิเลส หนีพ้นทุกข์ หนีพ้นบาปกรรมไหม (ไม่)  มีใครบ้างโกรธแล้วไม่ด่า มีใครบ้างด่าแล้วไม่แช่งชัก มีใครบ้างแช่งชักแล้วไม่จองเวรจองกรรม ถ้าโกรธแล้วสร้างกรรม อย่าโกรธ ถ้าโลภ โกรธ หลง มันทำให้เราหนีไม่พ้นทุกข์ บาปกรรมและการจองเวรจองกรรม ศิษย์ควรจะมีไหม (ไม่)
โลภ โกรธ หลงนี้ มันมีรากเหง้ามาจากความนึกคิดแห่งตัวตนที่เราแบ่งแยกว่าเวลาเราเห็นอะไรแล้วเรารู้สึกชอบ มันก็เริ่มกลายเป็น รัก โลภ หลง แล้วเกลียดก็มาจาก เมื่อมีชอบก็มี (ไม่ชอบ)  เมื่อไม่ชอบก็เกลียด ซึ่งแบ่งแยกออกเป็นสองอย่าง เรียกว่ากรรมดี กับกรรมชั่ว แล้วทำอย่างไรที่จะให้กรรมดีกลายเป็นพ้นกรรมแล้วไม่ต้องกลับมาเวียนรับกรรม ก็คือจงทำกรรมนั้นให้เป็นกุศลกรรม คือทำดีแล้วมันสามารถชะล้างความเป็นตัวตน ละความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนได้ นั่นเรียกว่า การประกอบกุศลกรรม
ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่าใครด่าศิษย์ให้ขอบคุณได้ไหม (ไม่ได้)  ศิษย์จำไว้ว่าชั่วขณะนั้นจะเป็นตัวกำหนดกรรมของศิษย์ ถ้าด่าเขากลับนั่นเรียกว่ากรรมชั่ว ด่าแล้วยังจำไปเล่าให้คนอื่นฟัง เป็นการเริ่มคิดกรรมชั่วแล้วยังจองเวรจองกรรม จำไว้ในใจไม่ลืม เเค่เห็นเขาก็เกลียดเขา นั่นคือการสร้างวิบากกรรมให้ตัวเองต้องไปทำ เเต่ถ้าชั่วขณะที่เขาด่าเเล้วคิดว่าช่างเขา นั่นเรียกว่าสร้างกรรมดี แต่กรรมดี ใจยังยึดติดยังลืมไม่ลง เเต่ถ้าตอนที่เขาด่าเราเเล้วเรารู้สึกขอบใจ นั่นเรียกว่ากุศลกรรม คือกดตัวเองออกไปได้ว่าฉันไม่ดี สามารถกระชากตัวตนเราได้เเล้วเราไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่รู้สึกอะไร เราขอบคุณ
ชีวิตเกิดมาพร้อมกับกรรม เเล้วอยากนำกรรมไปต่อหรืออยากจบกรรม (จบกรรม)  ถ้าเขานำของรักของหวงศิษย์ไปศิษย์จะตอบว่า (ขอบคุณ)  จึงบอกว่าชั่วขณะเเม้จะบอกว่าให้อภัย ทำใจ ก็ยังเป็นกรรมดีที่ยังยึดติด เเต่ถ้ารู้สึกขอบคุณ ถ้ายังมีบุญกรรมกันอยู่ก็เจอกัน แต่ถ้าหมดบุญกันแล้วก็ไม่เป็นไร ชั่วขณะหนึ่งของชีวิตเราเป็นผู้ลิขิตกรรมตัวเอง เเต่หนทางธรรมไม่ได้มีแค่กรรมดีกรรมชั่ว เเต่ยังมีอีกทางหนึ่งเรียกว่าทางสายกลาง ทางพ้นเวรพ้นกรรม มนุษย์เกิดมาพร้อมกับการใช้กรรมเก่า เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นทายาท แล้ววันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับวันนี้ใช่หรือไม่
ถ้าวันนี้เราไม่สร้างกรรมใหม่ ที่เหลือเราก็แค่ใช้กรรมเก่า ศิษย์เป็นตัวกำหนดกรรมตัวเราเองนะ ชั่วขณะที่เขาตีเรา ด่าเรา คิดดีขึ้นสวรรค์ คิดชั่วลงนรก ถ้าพ้นจากความคิด นั่นคือทางสายกลาง ใช่ไหม (ใช่)  เราคิดดีเราก็ได้ดี แต่ถ้าเราพ้นจากความคิด มันก็แปลว่าเราพ้นจากหนทางแห่งกรรมทั้งสอง อย่างนั้นเราต้องมาแก้ตั้งแต่ความคิด ถูกไหม (ถูก)  ตอนนี้อาจารย์บอกวิธีจะเอาชนะกิเลสได้แล้วนะ อยู่ที่ศิษย์จะรู้จักยั้งใจตัวเองได้หรือไม่ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความคิดของมนุษย์ มนุษย์ทุกข์เพราะความคิด เขาด่าเรา เราทุกข์เพราะเขาด่าหรือเราทุกข์เพราะว่าเราคิดยอมไม่ได้ (เราคิด)  เขาด่าเราเขาทำให้เราทุกข์หรือเราทุกข์เพราะว่าเรารับไม่ได้ที่เขาด่าเรา (รับไม่ได้) ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นถ้าอาจารย์ขอปรับความคิดศิษย์หน่อย ศิษย์โดนด่าได้ไหม (ได้)  ศิษย์เสียได้ไหม (ได้)  แพ้ได้ไหม (ได้)พูดกับอาจารย์อะไรก็ได้ แต่กับคนอื่นไม่เคยยอมแบบนี้เลย จริงไหม (จริง)  แก่ได้ไหม (ได้)  เจ็บได้ไหม (ได้)  ตายได้ไหม (ได้)
ศิษย์เอ๋ย ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นธรรมดาของทุกชีวิต เกิดมาไม่ตายทรมานนะ เกิดมาไม่เจ็บแล้วตายเลยก็แย่นะ เกิดมาแล้วเจ็บแล้วตายเลย ไม่แก่ ก็แย่นะ เพราะหมายความว่าอายุสั้น ถูกไหม (ถูก)ฉะนั้นเกิดแล้วได้แก่ ได้เจ็บ ดีแล้วขอบคุณ ได้ตาย ดีแล้วได้ปลดปลง เพราะความเจ็บเป็นตัวเตือนให้รู้ว่า ชีวิตเราเริ่มจะไม่สมบูรณ์แล้ว เราจะต้องรีบดูแลรักษา แต่ถ้าดูแลรักษาก็จงจำไว้ว่า เรามีกรรมแค่สังขาร แต่ใจเดิมแท้เราไม่มีกรรม ฉะนั้นเจ็บที่กายอย่าเจ็บที่ใจ ทุกข์มันไม่เที่ยง มันว่างเปล่า มันไม่ใช่ของเรา สิ่งที่มีอยู่แล้วคือธรรม แล้วเราต้องกลับคืนสู่ธรรม แต่ที่กลับไม่ได้เพราะไม่ยึดธรรม แต่ไปยึดกรรม จริงไหม (จริง)  ยึดว่ากรรมดี เราเคยทำดีอย่างนี้ เราต้องได้ดีอย่างนี้สิ ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์ต้องเข้าใจให้ถูก ร่างกายนี้แค่ยืมใช้แล้วสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน ไม่ผิดจรรยาบรรณไม่ผิดคุณธรรมความเป็นคน แค่นี้ก็คุ้มแล้วที่เกิดมา จะสุขจะทุกข์บ้างก็ไม่เป็นไร มันเป็นธรรมดา มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ สุขทุกข์มันเป็นเรื่องธรรมดาโลก
ศิษย์เอ๋ย ทุกข์นี้น่ารักที่สุดเลยนะ มองมุมใหม่ ถ้าไม่มีทุกข์ จากที่เราเด็กจะโตไหม ทุกข์แปลว่าสภาพที่ทนได้ยาก ถ้าเราทนได้ง่าย ทนได้แบบยืดยาว เราจะนั่งแล้วยืนไม่เป็น เราจะยืนแล้วนั่งไม่ได้ แต่เพราะมีทุกข์ทำให้เรารู้ว่า มันทุกข์แล้วนะ เราต้องนั่ง นั่งจนทุกข์แล้วนะฉันต้องยืน มองเขามากๆ แล้วนะ มันเจ็บนะ ฉันต้องวาง ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าชีวิตไม่มีทุกข์แปลว่าศิษย์เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตนะ อะไรก็ไม่รู้สึกรู้สาแล้ว ถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้น ทุกข์ดีไหม (ดี)  น่ารักไหม (น่ารัก)  มันอยู่ที่เรารับมือ ถ้ารับมือเป็น ทุกข์ก็ไม่น่ากลัว ถ้ารับมือไม่เป็นยอมแพ้ยกธงขาว ศิษย์ก็ยังไม่ทันสู้อะไรเลย ถูกไหม เพราะมีทุกข์ ศิษย์จึงรู้จักคำว่าสำเร็จ จึงรู้ว่าใครคือมิตรแท้ ศิษย์จึงรู้ว่าอะไรคือนิพพานและสุขแท้จริง จริงไหม เพราะมีทุกข์ ศิษย์จึงรู้จักคุณค่าของชีวิต ศิษย์จึงเข้าใจชีวิต เพราะมีทุกข์ ศิษย์จึงแจ่มแจ้งเห็นจริงและเข้าสู่ทางพ้นทุกข์ จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นทุกข์น่ากลัวไหม (ไม่น่ากลัว)  แก่น่ากลัวไหม (ไม่น่ากลัว)  เจ็บน่ากลัวไหม (ไม่น่ากลัว)
โดยส่วนใหญ่เวลาเราทำอะไร เรามักจะตกเป็นทาสของอารมณ์ และหนีไม่พ้นทุกข์ เราก็มักจะไหลไปตามความคิด มากกว่าปัญญา มากกว่ามีสติยั้งคิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์ว่าปัญญาทางโลกกับปัญญาทางธรรมเหมือนกันไหม (ไม่เหมือน)
ปัญญาทางโลกเรียนเพื่อรู้ภายนอกเเล้วให้มั่งมี ปัญญาทางธรรมเพื่อรู้เเจ้งเห็นจริงภายใน เรียนเพื่อให้รู้ว่าจริงๆ เเล้วเรารู้หรือไม่รู้ ทางโลกสอนให้เรารู้เพื่อเก่งเพื่อฉลาด แต่ทางธรรมสอนให้เรารู้เหมือนไม่รู้ ศิษย์บอกว่าศิษย์รู้จักเขา เเต่ศิษย์รู้จักเขาจริงๆ ไหม ศิษย์บอกว่าศิษย์รู้จักตัวเอง เเล้วรู้จักตัวเองจริงๆ ไหม ศิษย์บอกว่ารู้จักทั้งโลกเเต่รู้จริงๆ ไหม พอถึงเวลาเปลี่ยนไหม เราบอกว่าเรารู้สูตรคณิตศาสตร์คำนวณได้หมด เเต่ถึงเวลาสูตรมีวันเปลี่ยนไป ความจริงมีวันพลิกผันไหม โลกสอนให้รู้ เเต่ธรรมสอนให้รู้เหมือนไม่รู้ ทางโลกสอนให้เก่ง เเต่ทางธรรมสอนให้ไม่เก่ง เก่งอย่างไรก็คือไม่เก่ง รู้อย่างไรก็คือไม่รู้
สิ่งที่น่ากลัวของมนุษย์คือ ชอบขี้ตู่ ไม่ใช่ของตัวเองแต่บอกว่าของตัวเอง ศิษย์เป็นทุกคน ศิษย์บอกว่าสมบัตินั่นคือของศิษย์เเต่จริงๆ เเล้วไม่มีสิ่งใดเป็นของศิษย์ ถึงเวลาเมื่อศิษย์ตายไปก็ต้องคืนธรรมชาติ
ทางโลกสอนว่าเราต้องมี เราต้องได้ เราต้องเป็น แต่ทางธรรม สอนให้เราไม่มี ไม่ได้ ไม่เป็น
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนชายท่านหนึ่งยืนขึ้นตอบคำถาม)
ศิษย์เคยเป็นเด็ก ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่ แล้วต่อไปเป็นผู้แก่ แล้วต่อไปเป็นอะไร (ตาย)  ต่อไปจะเป็นอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเทียบกับคนที่มีเงิน เราก็ไม่มี แต่ถ้าเทียบกับคนที่จนกว่า เราก็ว่าเรามี ก่อนนี้เราเป็นเด็ก ตอนนี้เราเป็นคนโต ต่อไปเราเป็นผู้ใหญ่ ต่อไปเราเป็นอะไร จะได้แก่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถูกไหม
โลกสอนให้เรามี เราเป็น แล้วย้ำว่าเราต้องมี เราต้องเป็น แต่ธรรมะสอนว่า ศิษย์ไม่เคยมี ศิษย์ไม่เคยเป็น และไม่รู้ว่าจะมี เป็นอะไรที่แท้จริง และเรากำลังสูญเสียหรือทุกข์กับอะไร ทั้งที่จริงๆ แล้วเราไม่เคยเป็นอะไร และเราก็ไม่เคยมีอะไร แต่เราคิดไปเองว่าเรามี จริงไหม (จริง)
ถ้าศิษย์อยากอยู่ในโลก ศิษย์อยากข้องเกี่ยวกับโลกโดยที่ไม่ทุกข์ จงอย่าเอาแต่ใช้กิเลส ความคิด แต่จงใช้ปัญญาที่เห็นแจ้งในธรรม ทางโลกยังสอนว่า ทำอะไรมันต้องมีเหตุผล ใช่ไหม (ใช่)  แต่โลกของความเป็นจริง เหตุผลใช่ที่สุดของคำตอบไหม (ไม่ใช่)  เหตุผลของทางโลก ปัญญาของทางโลกมักจะบอกว่า ทำอะไรต้องมีเหตุมีผล แต่อาจารย์ถามหน่อย เหตุผลนี้ชนะ เหตุผลนี้แพ้ แล้วที่ชนะนี้มันชนะจริงไหม (ไม่จริง)  แล้วที่เขาแพ้เขาแพ้จริงไหม (ไม่จริง)  มันแค่ชั่วขณะหนึ่งถูกไหม (ถูก)  วันนี้เขาดี พรุ่งนี้เขาไม่ดี เราไม่สามารถตัดสินได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนวันนี้ศิษย์บอกว่าศิษย์ทุกข์ แต่พรุ่งนี้ศิษย์ทุกข์ไหม (ไม่)  แล้วความทุกข์นี้คือใช่ที่สุดของศิษย์ไหม (ไม่)  ฉะนั้นโลกแห่งธรรมจึงสอนว่า เหตุผลไม่ใช่ที่สุดของความจริง ที่สุดของความจริงล้วนพลิกแพลงเปลี่ยนผัน
เรามาแลกเปลี่ยนถามตอบกันดีไหม (ดี)  ถ้าตอบได้อาจารย์ก็ให้ผลไม้เป็นรางวัล รางวัลอันนี้อย่าเก็บไว้กินคนเดียว อาจารย์อยากให้ศิษย์รู้จักแบ่งปันแล้วสร้างบุญต่อ ปัญญาทางโลกสอนให้เรารับ แต่ปัญญาทางธรรมสอนให้เราให้ อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยนะ ให้อะไรที่ประเสริฐ ให้อะไรที่เรียกว่าดีและให้ได้ทุกวัน
(ให้ทาน)  ศิษย์สามารถให้ทานได้ทุกวัน ไม่โกรธใคร มีเมตตาก็ให้ทาน ถึงเวลาเราจะได้ เรายอมได้น้อยหน่อย ให้คนอื่นได้มากหน่อย เราก็ให้ทาน ฉะนั้น ทานไม่ใช่ทำแค่ที่วัด ไม่ใช่ให้คนที่ยากจน แต่เราให้ทุกคนได้ แต่เราจะให้อะไรเป็นทาน เมตตาเป็นทาน จริงใจเป็นทาน ซื่อสัตย์เป็นทาน ให้เกียรติเคารพเขาเป็นทาน ปัญญาเป็นทาน ถ้าเรารู้จักทำทานทุกที่ ทุกที่เราก็สามารถสร้างบุญอันงดงามได้จริงไหม (จริง)  แต่ปกติเราให้อะไร ให้แต่เงิน แต่เราไม่เคยให้เมตตา (ให้ความสุขแก่ทุกคน ให้ศีลให้พรเขา)  ถ้าศิษย์รู้จักเมตตาคนเยอะๆ ให้ความใส่ใจคนเยอะๆ เห็นใจคนเยอะๆ นั่นดีกว่าให้ศีลให้พร ปากให้ศีลให้พรแต่ใจยังแอบว่าเขาอย่างนี้ก็ไม่ดี
(ให้ความรักความสุข)  ให้ความเมตตา ให้ความเอ็นดูรักใคร่ ให้ความเกื้อหนุน ให้ความเอาใจใส่ ให้ความซื่อตรงจริงใจ อย่าลืมทำด้วยนะ
(ธรรมะให้ทำความดี, อยู่อย่างเพียงพอ)  ถ้าเราไม่รู้จักพอเพียงก่อน ถ้าเราไม่รู้จักมีธรรมก่อน ไปเรียกร้องคนอื่นก็เหนื่อยเปล่า เราต้องทำให้เขาเห็นก่อน อายุปูนนี้แล้วนะ ยังไม่พออีกหรือ (พอแล้ว)
(ให้อภัย)  ถ้าศิษย์ยังรู้สึกว่ายังต้องให้อภัยแปลว่าศิษย์ยังรู้สึกขัดเคืองใจ ถ้าจะให้ธรรมที่ประเสริฐก็คือ ให้ความเข้าใจ ให้ความเห็นใจ ให้ความเมตตา เพราะอภัยแล้วลึกๆ มันยังไม่พอใจอยู่ ให้อภัยแล้วมันยังติดค้างใจอยู่ มันก็ยังเป็นกรรมอยู่ อาจารย์บอกให้อภัยก็ได้ แต่จริงๆ ยอมไหม (ไม่ยอม)  ลึกๆ ยอมไหม (ไม่ยอม)  ใช่หรือไม่ 
(ให้น้ำใจ)  เห็นใครเดือดร้อน เรารู้จักเอาใจใส่ช่วยเหลือ ไม่นิ่งดูดาย ไม่เอาเปรียบ มีใจกระตือรือร้นเห็นใครเดือดร้อนเราช่วยเหลือ นี่ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง เห็นใครอยากได้เราก็มีน้ำใจแบ่งให้ อาจารย์บอกแล้ว ถ้าการกระทำอะไรที่มันกระชากใจเรา แล้วไม่เหลือตัวตนให้ยึดถือ กรรมนั้นจะกลายเป็นกุศลกรรมที่ดี แต่ศิษย์มักอยากจะได้แค่บุญ สบายใจ อิ่มใจ ทำบุญ มันก็ยังมีตัวตนให้ทุกข์ แต่ถ้าทำแล้วมันกระชากใจเราออกไม่เหลือตัวตนให้ยึดถือ ไม่มีที่ให้ทุกข์อยู่ นั่นแหละ กุศลนักแล ถ้าเราให้เฉพาะคนที่เรารักแสดงว่าเรายังมีใจที่ยึดถืออยู่ จริงไหม (ให้คนที่เรารักก่อน)  คนที่เราไม่รักก็ให้ได้ ให้แล้วกระชากใจกว่า จริงไหม (จริง)  ถ้ายังให้เฉพาะคนที่รักก็ยังแปลว่ายังยึดติดกรรมดีอยู่ แต่ถ้าให้แบบกระชากใจให้คนที่ไม่รัก จะเห็นชัดเลยว่าได้สร้างกุศลกรรมเลยนะศิษย์เอ๋ย
ศิษย์จะเกิดมาเอาแค่บุญพอ บุญมันก็หนีไม่พ้นกรรม แต่อาจารย์อยากให้กุศลกรรมเลย (การได้มาที่นี่ในสองวัน สิ่งที่ได้รับคือ คุณค่าทางจิตใจที่มีมาก)  ทำให้จิตใจเข้มแข็ง ทำให้จิตใจดี ใช่ไหม เเต่ควรค้นหาภายในอย่ามัวแต่มองออก มองออกแล้วต้องหาภายใน
(ให้คำแนะนำให้คำปลอบใจให้คำพูดดีๆ)  สิ่งที่ดีจะออกจากใจเราได้ เราต้องมีใจที่ดีงามมั่นคง เหมือนศิษย์จะส่งความสุขให้คนอื่นได้อย่างไร เมื่อศิษย์ยังไม่มีความสุข ยังไม่มีธรรมพอ ใช่ไหม (ใช่)
(ให้กำลังใจ)  บางครั้งกำลังใจไม่ต้องพูดอะไร เวลาเขาเสียใจเเค่ (ปลอบใจ)  เวลาเขาผิดก็ไม่เป็นไรเราผิดด้วยกัน เวลาที่ศิษย์ท้อพ่ายแพ้ ศิษย์อยากมีเพื่อนที่เข้าใจ เเต่คนสมัยนี้ชอบซ้ำเติมคนผิด ชอบพูดเรื่องของคนผิดเลยมีแต่เรื่องผิดๆ ทำไมไม่พูดถึงสิ่งที่ถูกที่ดีบ้าง
(ให้ความเป็นธรรม)  ถ้าเราจะให้ความเป็นธรรมกับผู้อื่นได้ เราต้องเที่ยงธรรมก่อน จะตัดสินใจว่าถูกผิดต้องถามใจตัวเองก่อน ใจศิษย์เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานหรือเอาความจริงเป็นบรรทัดฐาน ถ้าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานศิษย์ไม่สามารถบอกได้ว่าใครผิดใครถูก ไม่สามารถเอาความคิดเห็นของศิษย์ใส่ไปได้ เพราะความคิดเห็นของศิษย์ยังอยู่บนความเข้าใจของตัวเองไม่ได้อยู่บนความจริง ฉะนั้นอย่าคิดตัดสินใครเลยดีที่สุด
(ให้โอกาสและเวลา)  ถึงเวลาก็ให้โอกาสตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยนะ
(ให้ความรักและความเมตตา)  ให้ความรักมันง่ายที่จะลำเอียง แต่ให้ความเมตตาจะบริสุทธิ์ยุติธรรมกว่านะ
(ให้ใจที่ซื่อสัตย์และเมตตา)  ทำอะไรให้ใจไปเลย ทำได้อย่างนี้ก็ดีนะ 
(ให้ความจริงใจ, ให้กุศล)  กุศลต้องออกจากใจ แปลว่าจะพยายามทำอะไรก็ได้ที่สามารถละวางตัวตนได้ เริ่มต้นที่ทำดีให้ถูกต้องและมั่นคงก่อนนะ
(ให้ความเอื้ออาทรต่อกัน)  ถึงเวลาอย่าเอื้ออาทรแบ่งพรรคแบ่งพวกนะ
(ให้ธรรมศึกษา การรักษาศีล สมาธิ)  แค่ทำตัวให้ปกติก็มีศีล มั่นคงในความปกติก็มีสมาธิ รู้แจ้งเห็นจริงก็เกิดปัญญา ถูกหรือไม่ (ถูก)  ถ้าความเป็นคนยังทำไม่ดีก็พูดถึงพ้นทุกข์ไม่ได้ ซื่อตรงหรือยัง ซื่อสัตย์หรือเปล่า รับผิดชอบหน้าที่ไหม เพราะธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ถ้าปฏิบัติธรรมไม่ได้ ธรรมก็จะช่วยอะไรไม่ได้เลย 
(อุเบกขา)  อุเบกขาคือวางใจเป็นกลาง ใจที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าทำได้ศิษย์จะสามารถตัดโลภ โกรธ หลง ได้ และกลับสู่ทางสายกลางอันแท้จริงที่เรียกว่าพ้นกรรม แค่เห็นอะไรอย่าตัดสิน อย่าคิดว่าเขาต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ อย่าผูกขาด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนได้ วันนี้เราเห็นเขาดี แต่พรุ่งนี้จะดีไหม ก็ไม่แน่
(ให้ความช่วยเหลือ)  แม้แต่ตอนเราทำงาน เราก็ช่วยเหลือเขาได้ ให้ใจเขาไป เขาก็จะให้ใจเรากลับ จริงใจกับเขาแค่ไหน เขาก็จะจริงใจกลับ แต่ขออย่างเดียวทำแล้วไม่ยึดติด 
(ให้ชีวิตไม่เบียดเบียนผู้อื่น)  ศิษย์เอ๋ย ถ้าไม่อยากทุกข์เพราะโดนเบียดเบียนชีวิต เราก็อย่าเบียดเบียนชีวิตใคร เพราะโลกนี้เป็นโลกของเหตุและผล เราไม่สร้างเหตุแล้วเราจะรับผลไหม ถ้าศิษย์ไม่เอาชีวิตเขามา แล้วเขาจะมาเอาชีวิตศิษย์ไหม คิดให้ดีนะ เพราะเราแอบเอาชีวิตเขามาบ่อยๆ ใช่ไหม
(การให้ความเห็นจริง)  อยู่ในโลกถ้าอยากมีความสุขที่สุดก็พูดให้น้อย คิดเห็นให้น้อยเเล้วเราก็จะผิดน้อย เเต่มนุษย์ชอบคิดว่าตัวเองรู้จริง รู้เเน่ แต่จริงๆ เเล้วเราไม่เคยรู้อะไรเลย
(ให้ชีวิต)  ไม่ดูถูกทั้งคำพูดเเละการกระทำนั่นคือการให้ชีวิตเขาแล้ว เขาได้ดีเราก็ยินดี ไม่เบียดเบียนชีวิตเขามาใส่ท้องเราก็คือ การให้ชีวิตเขา
(ให้โอกาสเขา)  ไม่ซ้ำเติมเขา เพราะทุกคนผิดได้ เราก็เคยผิด
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “เรียบง่ายเป็นสุข”)
ถ้าชีวิตรู้จักโลภโมโทสันให้น้อยลง พอใจในความอ่อนจางบางจืด ใจก็จะมีฟ้าที่กว้าง ไม่มีเมฆหมอกมาบดบัง เเต่มนุษย์ล้วนปรารถนาความอยากได้ใคร่มี อยากมั่งมีศรีสุข ผลสุดท้ายก็หาความเรียบง่ายเเละสงบสุขในชีวิตไม่เจอ เเต่ถ้าเรารู้จักพอใจในความธรรมดา เรียบง่าย ไม่ต้องฟุ้งเฟ้อ เราก็มีสุขได้ ยิ่งยกตัวเองสูงเด่นคนก็ยิ่งกดขี่ข่มเหง เเต่ทำตัวเองให้เรียบง่ายก็ยิ่งเป็นที่รักของทุกผู้คน
เราอยู่ในโลกเวลาเรามีอะไรดี มีใครบ้างไม่อวด เเต่ยิ่งอวดคนก็ยิ่งมองไม่ดี ฉะนั้นไม่อวดทำตัวธรรมดาสามัญถึงเรียกว่าดี เก็บงำประกาย ไม่อวดตัวเองโดดเด่น เพราะว่าคนเรายิ่งเต็มยิ่งล้น ก็ง่ายที่จะถูกคนอยากจะล้ม มีเก่งก็มีเก่งกว่า มีดีก็มีดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  น้ำเต็มแก้วมันเอียงคว่ำง่าย แต่เมื่อไรที่ถูกคนอื่นคว่ำ จำไว้ว่า ใบไม้ร่วงสามารถแตกเพาะหน่อใหม่ แม้จะมีคนเก่งกว่าก็อย่าเสียใจ เพราะมันเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่จะทำให้เราก้าวสู่ความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  สูญเสียได้ แต่ว่าการสูญเสียก็ก่อเกิดความเข้าใจ
ความเป็นจริงของชีวิตมีความเกิดก็มีความตายอยู่ทุกขณะ ทุกขณะที่ศิษย์บอกว่าศิษย์หายใจมีชีวิตอยู่ แต่พุทธะเรียกว่า ศิษย์กำลังหายใจเพื่อหมดชีวิต จริงไหม (จริง)  กำลังหมดชีวิตไปทุกวันๆ และชีวิตเราหมดไปเพื่ออะไร กิเลส ตัณหา หรือหมดไปเพื่อรู้แจ้งเห็นจริงในธรรม หมดไปเพื่อสร้างวิบากกรรม หรือสิ้นเคราะห์กรรมแจ้งในธรรม ถามใจศิษย์นะ ความดีงามไม่ต้องเสกสรร แค่ออกมาจากใจ กลั่นมาจากใจ ทำด้วยใจ จริงใจ เมตตา ให้เกียรติ ซื่อตรง การเป็นคนไม่ยาก แต่ยากตรงที่เป็นคนให้ประเสริฐ ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเห็นแก่ตัวมาก ศิษย์ก็ไม่มีทางสร้างคุณธรรมใดๆ ในโลกได้ แต่ถ้าศิษย์เห็นแก่ตัวให้น้อย คุณธรรมใดๆ ก็บังเกิดได้ด้วยใจของศิษย์เอง
สังขารนี้มันหนีความเจ็บไม่ได้ เมื่อใดที่มีความเจ็บ จำไว้นะ หมั่นท่องปลงสังขารว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เดี๋ยวต้องคืนดินคืนฟ้า มีอย่างเดียวคือจิต ขอกลับคืนสู่ธรรม สังขารไม่ใช่ของเรา เจ็บได้ป่วยได้ แต่จิตเราไม่ใช่สังขาร จิตเราคือสภาวธรรมที่พ้นทุกข์มานานแล้ว แต่เราไม่เคยเข้าถึงสภาวะจิตอันนั้น จิตที่ทำให้เราพ้นโลก พ้นเวียนว่าย พ้นกระแสวิบากกรรม จิตที่ตื่นรู้แจ้งกลับคืนสู่สภาวธรรมที่เรียกว่า “ไม่มี” ไม่มีอะไรต้องเอา ไม่มีอะไรต้องยึด เพราะถ้ายังอยากเอาอยากมี มันก็หนีไม่พ้นกรรมดี กรรมชั่ว แต่ถ้าวันหนึ่งกายมันต้องเจ็บ แล้วมันต้องไป หมั่นปลงมันเรื่อยๆ มันไม่ใช่ของฉัน มันจะกลับคืนสู่ธรรม ฉันขออย่างเดียว จิตกลับคืนสู่ธรรม กายชดใช้กรรมเป็นธรรมดา
หมั่นพิจารณาธรรมเนื่องๆ แล้วความสว่างแท้จริงจะปรากฏขึ้นในใจของศิษย์ และความพ้นทุกข์ที่แท้จริง จะเกิดขึ้นด้วยตัวเราเอง ค้นหาธรรมในใจ ได้ไหมศิษย์เอ๋ย (ได้)  ชีวิตมันทุกข์พอแล้ว เหนื่อยมากแล้ว หาความสงบหาความสบายบ้างไม่ได้หรือ ทำไมยังชอบหากิเลสตัณหาให้ทุกข์อีก
เมื่อถึงเวลาต้องพัก พักแล้ววางแท้จริง เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับ ก็ขอกลับอย่างจริงแท้ กลับอย่างคนที่เข้าใจในธรรม ความเจ็บป่วยมันหนีไม่พ้น มันเป็นกรรมของสังขาร แต่ขออย่างเดียวอย่าสร้างกรรมเพิ่ม ปล่อยนะ ต้องปล่อยได้แล้ว เข้มแข็งยิ่งกว่าเข้มแข็ง เมตตายิ่งกว่าเมตตา เสียสละยิ่งกว่าเสียสละ จนไม่เหลือตัวตนให้ยึดถือ ใช่ไหม
ดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจกันให้ดี อย่าได้เจ็บอย่าได้ทุกข์อย่าได้ไข้เลยนะ เข้มแข็ง มั่นคง เด็กดื้อ อย่าหลงโลกมาก มีสติ ใช้ธรรมยั้งคิด ระวังอารมณ์ ดูแลกายดูแลใจให้ดี ต้องหยุดสร้างบาปได้แล้ว หมั่นขอขมากรรม เข้าใจนะ ชีวิตมันไม่เที่ยงแท้ รักษาความดีงามให้มั่นคง อย่ากลัวความเจ็บป่วย ขอเพียงมีจิตที่มุ่งมั่น ตรงสู่ความเห็นแจ้งในธรรม ความเจ็บป่วยก็ทำอะไรจิตใจดวงนี้ไม่ได้หรอก ตั้งใจบำเพ็ญนะ รักษาความดีให้ดี อย่าฟุ้งซ่าน มั่นคงเข้มแข็งได้ด้วยตัวเอง ศิษย์เอ๋ย มีโอกาสกลับมาหาอาจารย์อีกนะ อย่าปล่อยให้อาจารย์โดดเดี่ยว
ศิษย์เอย ถ้าอยากเอาชนะกรรมเวรก็ต้องลดละการสร้างกรรม ลดละการเบียดเบียน มือหนึ่งทำบุญอีกมือหนึ่งฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มือหนึ่งบอกว่ามีศีลธรรมเเต่อีกใจหนึ่งก็ก่อบาปเวรกรรม แล้วแบบนี้จะพ้นได้อย่างไร สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือกรรมเวรที่ศิษย์สร้าง มุ่งมั่นให้ถึงที่สุดรักษาดวงจิตให้ดี มีทางออกแล้วนะศิษย์ เข้มเเข็ง ไม่มีใครเราก็อยู่ได้ ไม่มีใครทำเราก็ทำได้ คนเดียวก็มีความสุขเข้มแข็งได้ อย่าอ่อนแอ รักษาดวงจิตให้ดี ให้จิตนี้ยังคงบริสุทธิ์งดงามในหนทางที่ถูกต้อง ในหนทางเเห่งธรรม
(มีทุกข์)  ทำใจให้ได้ยอมรับความจริงเเล้วลุกขึ้นสู้ ต้องเข้มแข็งให้ได้ เกิดมาตัวเปล่าก็ต้องไปตัวเปล่า ไม่มีใครไปกับเรา เข้มเเข็งสู้ให้ได้
เด็กดื้อทั้งหลายระวังควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าให้อารมณ์สร้างพิษภัยเเก่ตนเอง รู้จักมีศีลธรรมให้ได้ รู้จักให้ เลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง ระมัดระวังตัวเอง รักษาคุณธรรมความดีของตน อย่าปล่อยให้อารมณ์มาทำร้ายชีวิต มีความคิดที่ดี รู้เท่าทันจิตใจไม่เท่ากับรู้ควบคุมความคิด เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความคิดของคน ถ้าเรามีความคิดที่ถูกต้อง ก็ต้องเอาสติคอยยั้ง มีธรรมคอยเตือนใจ
รักษาให้ได้นะ ความซื่อตรง ทำให้ได้ ตั้งใจบำเพ็ญ ระมัดระวังความคิดอารมณ์ตัวเอง ดูแลกายใจตัวเองให้ดี อย่าใจร้อน ใจเย็น รู้จักคิดรู้จักทำ ไม่มีอะไรยากถ้าพยายาม (จะทำตัวให้ดี)  ละความโกรธได้หรือยัง ละความหลงได้หรือยัง รักษาต่อไปนะ มุ่งมั่นต่อไปนะ จะได้เข้มแข็งขึ้น ตั้งใจทำสิ่งที่ถูกต้องนะ อย่าหลงผิด ความคิดต้องระวัง บางทีมันฟุ้งเกินไป บำเพ็ญได้หรือยัง ลดละได้หรือยัง ทำได้หรือยัง สิ่งที่ยากคือการควบคุมใจตน สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ อารมณ์และกิเลสของตน ถ้ายังทำไม่ได้ก็ยังผ่านไม่ได้ แต่ถ้ารู้จักควบคุมได้ชะตาชีวิตก็อยู่ในมือเรา แต่ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ชะตาชีวิตของศิษย์ก็อยู่ในมือยมบาล คุมให้ได้ ดูแลใจให้ดี ไม่มีใครก็เข้มแข็งได้ ไม่มีใครก็อยู่ได้
ได้บำเพ็ญหรือยัง (กำลังบำเพ็ญ)  อยากเปลี่ยนชะตาชีวิตให้ชีวิตอยู่ในมือเรา เราก็ต้องควบคุมกิเลสอารมณ์ให้ได้ รู้หมดแต่เมื่อไรจะทำให้ได้ มุ่งมั่นสิ่งที่ดีต่อไปนะ เข้มแข็งแล้วใช่ไหม เมื่อไรจะมั่นคง เมื่อไรจะเด็ดเดี่ยว
หนทางธรรมยาวไกลแค่ไหน ขอเพียงมีจิตใจเด็ดเดี่ยวมั่นคงสำคัญที่สุด ไม่อ่อนแอ ไม่หวั่นไหว มุ่งเดินตรงนั่นคือหัวใจที่เข้มเเข็งที่สุด ถ้าเรามุ่งมั่นในความถูกต้องดีงาม มุ่งมั่นในหัวใจที่อุทิศเสียสละ ทำดีเพื่อเสียสละ ทำดีเพื่ออุทิศ ทำดีเพื่อฉุดโปรดผู้คน ทำให้เรามีสุข เเละสุขนั้นทำให้เราเข้มแข็ง เมื่อเข้มแข็งเเล้วไยจึงอ่อนแอ ต้องอิ่มในสุขที่เราได้ทำสิ่งที่ถูกต้องเเละดีงาม ไยจึงทุกข์ ไยจึงเศร้า ในเมื่อเรามองเห็นความถูกต้องดีงามที่แจ่มชัดแล้ว มีทางที่ถูกต้องแล้ว กำลังกลับคืนสู่ธรรมแล้ว จะทุกข์อะไรอีก ต้องเบิกบาน ต้องสว่างภายใน เเละความสว่างนั้นต้องให้ผู้อื่นได้เย็นสงบเป็นสุขกับเราด้วย อย่าแค่สุขกับตัวเอง เเต่สุขอะไรที่ทำให้คนอื่นเย็นสว่าง สุขอะไรที่ทำให้คนอื่นอยู่กับเราแล้วสงบเป็นสุข มีจิตใจที่ซื่อตรงในธรรม มีจิตใจที่เมตตากรุณาปรานีในธรรม  ธรรมคือทางพ้นทุกข์ ธรรมคือทางประเสริฐ แต่กิเลส อัตตา ตัวตน ทิฐิ อารมณ์ คือทางแห่งความทุกข์ ทางแห่งบาปทั้งมวล ไม่รีบหยุดยั้งรอจนสายเกินไป ใครก็ช่วยศิษย์ไม่ได้ ไม่รีบมุ่งมั่นทำเสียตั้งแต่วันนี้ ใครก็เปลี่ยนแปลงใจศิษย์ไม่ได้ อาจารย์ไม่ได้ให้ศิษย์มาหวังพึ่ง แต่อาจารย์ อยากให้ศิษย์เรียนรู้เข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูด แล้วพึ่งตัวเองให้ได้และนำพาผู้อื่นให้ได้ เป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นได้ต่ออีก นี่คือสิ่งที่อาจารย์มุ่งหวัง อาจารย์ต้องการศิษย์เป็นจี้กงที่จะอนุเคราะห์ช่วยคน ไม่เคารพอาจารย์ไม่เป็นไร แต่ขอให้เคารพและเชื่อมั่นในความดีของตัวเอง ดีจริง ดีแท้ แล้วดีให้ถึงที่สุด เพราะถึงที่สุดทุกชีวิตต้องกลับคืนสู่ธรรม แต่ถ้ายังยึดติดก็กลับไปสู่กรรม ไม่ใช่ธรรม ดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจกันให้ดีนะ เรามีกรรมเพียงสังขาร จิตเดิมแท้ไม่เคยมีกรรม จิตเดิมแท้คือธรรมอยู่ในนี้ ธรรมที่ไม่ต้องการอะไร ไม่ต้องการเจ้าของ แต่ต้องการเพียงความว่าง ลองไตร่ตรองสิ่งที่อาจารย์พูดว่าอาจารย์พูดจริงหรือไม่ คิดให้ดี

พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “เรียบง่ายเป็นสุข”
    จางจืดจึงรู้รสแท้                               สามัญแลเป็นยอดคน
ยิ่งเก่งยิ่งน้อมถ่อมตน                             สูงส่งทำตนทั่วไป
เก็บงำประกายฉายเด่น                           น้ำเต็มย่อมเอียงคว่ำง่าย
ใบไม้ร่วงเพาะหน่อใหม่                           ชีวิตซ่อนในโรยรา

     คุณธรรมความประพฤติที่ดีนั้น             ไม่ต้องเสกสรรปั้นแต่งให้หรูหรา
ความเรียบง่ายงดงามในจริยา                   จึงรู้ว่าสูงสุดคืนสู่สามัญ


อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา