西元二○一三年 歲次癸巳二月十九日 仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ สถานธรรมฉือฮุ่ย จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ
มัวกังขาจนพาไม่เปิดใจ มัวสงสัยจนใจขุ่นมัวหมอง
ลองเปิดใจสักนิดพินิจตรอง ธรรมทั้งผองล้วนมาจากหนึ่งเดียวกัน
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฉือฮุ่ย แฝงกายประณตน้อม
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ
ถูกกระทบเกิดอารมณ์ขึ้นมาคราใด เตือนตนยั้งตนได้ทันท่วงที
เกิดและดับแท้จริงไม่เคยมี ทุกข์สุขที่ทรมานเป็นแค่ยึดติด
วางใจทุกอย่างลงตรงบังเหียนกุม สติกุมขณะหยั่งลึกสู่ยั้งคิด
หยุดได้ทันท่วงทีไม่พลาดผิด รู้เพราะจิตได้หยุดว่าไม่วุ่นวาย
ดีมีความหลงโกรธโลภดีลำบาก หินขวางทางน้ำหลากนี้เชี่ยวไหล
โลกธาตุเพียงจิตหนึ่งเดียวเป็นหัวใจ ปริศนาไขพลังเกิดครองสติแห่งตน
คนมีสติไม่เป็นทาสแห่งอายตนะ มารถูกสยบสงบสละดับเหตุต้น
สติอำนวยการเกิดธรรมไม้ได้ฝน ผู้ฝึกตนมีพละเป็นสติปัญญา
หากธรรมไม่เป็นสองกิเลสถูกปราบ กิเลสหาบเป็นทองธรรมะเรืองไร้ค่า
เบากิเลสดับใจไฟตรองอีกครา คนรู้ได้จิตสู่ฟื้นคราคลาไคล
การบำเพ็ญที่แท้คือการฝึกหัด หนึ่งชี้ลัดแต่บำเพ็ญลัดไม่ได้
ไม่มีบุญพูดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ ไม่ตื่นใจทำอย่างไรก็ไม่ฟัง
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนต่อกลอนพระโอวาทในวรรคสุดท้าย
“มัวกังขาจนพาไม่เปิดใจ มัวสงสัยจนใจขุ่นมัวหมอง
ลองเปิดใจสักนิดพินิจตรอง ธรรมทั้งผองล้วนมาจาก........”
ธรรมทั้งผองล้วนมาจากอะไร (มาจากสถานธรรม, มาจากจิตใจ) ธรรมทั้งผองมาจากใจหรือ คนที่รู้เหมือนกันวันนี้เลยมานั่งฟังธรรมใช่หรือไม่ ไม่รู้ว่าธรรมมาจากไหน อยู่ที่ไหน บางทีก็ไม่รู้ นึกว่าอยู่ที่วัด นึกว่าอยู่ที่คนพูดแต่ตัวเราหาไม่มี เป็นอย่างนั้นไหม (ไม่เป็น) แล้วธรรมทั้งผองล้วนมาจากอะไร (มาจากธรรมชาติ) ธรรมทั้งผองล้วนมาจากธรรมชาติ อย่างนั้นอะไรที่มาจากธรรมชาติ อันนั้นก็ต้องมีธรรมะ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ทำไมคนที่นั่งฟังอยู่ตรงนี้หาธรรมไม่ค่อยเจอนะ
“ธรรมทั้งผองล้วนมาจากหนึ่งเดียวกัน” ถ้าเห็นคนเป็นคนก็ไม่มีธรรม ถ้าเห็นธรรมในคนก็เห็นธรรมในตน เข้าใจความหมายนี้ไหม ถ้ายังเห็นคนเป็นคนก็ไม่มีวันพบธรรม แต่ถ้าเห็นธรรมในคนก็จะเห็นธรรมได้ในตัวตน แต่เราไม่ใช่ ทำไมเรามองไม่เห็นธรรมในผู้คน ทำไมเรามองไม่เห็นธรรมแวดล้อมอยู่ พอเราเห็นคนแล้วเป็นอย่างไร เขามีนิสัยเป็นอย่างไร เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างโน้น กิเลสเป็นความอยาก วัตถุเป็นธรรมะไหม (ไม่) ถ้าเห็นวัตถุกิเลสเป็นความอยาก เป็นการปรุงแต่ง ถ้าเอามาใส่กับตัวแล้วจะดูดี ถ้าเรามีแล้วจะเป็นการเสริมบารมี ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่พุทธะไม่ใช่ ไม่ว่าคนหรือสิ่งของก็สามารถมองเห็นซึ่งธรรมะ และธรรมะอันนั้นก็คืออะไร ที่มีอยู่ในคน ในสิ่งของ และทำให้พบธรรมในตน คิดออกไหม ถ้าเรายังมองเห็นคนเป็นคนจะไม่มีวันพบธรรม แต่เมื่อไหร่เห็นธรรมในคน ก็จะเห็นธรรมได้ในตัวตน แล้วอะไรคือธรรมในตัวคน หันไปด้านหน้า ด้านซ้าย ด้านขวา หรือหันมามองตัวเราก็เต็มไปด้วยกิเลส นิสัย ความโลภ ความอยาก ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่รู้ไหมว่า ไม่ว่าจะเป็นกิเลส นิสัย ความโลภ ความอยาก ก็มีธรรมอยู่ในนั้น ธรรมนั้นคืออะไร ตอบได้ไหม ตอบได้เรากลับ ตอบไม่ได้เราอยู่ต่อ ทำไมเราพูดแปลกๆ ตอบได้จะกลับ ตอบไม่ได้เราจะอยู่ ก็ในเมื่อท่านรู้แล้วเราจะพูดทำไมให้ยืดยาว ถูกไหม แต่ถ้าท่านไม่รู้สิ เราถึงจะพูดต่อ ถูกหรือเปล่า (ถูก) ถ้าตอบได้ถูกเราก็กลับ ไม่อยู่ให้ท่านรำคาญใจ แต่ถ้าตอบไม่ถูกจริงๆ เราจะอยู่ต่อ เพื่อชวนให้ท่านมองเห็นธรรมในหัวใจ
ว่าอย่างไร ฟังธรรมมาก็มาก เรียนธรรมมาก็เยอะ แต่พอถึงเวลาให้ตอบทำไมตอบไม่ได้ (ธรรมะในจิตใจคือการกระทำ) การกระทำอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากรรม กรรมดีกรรมชั่ว แล้วเป็นธรรมไหม ก็เป็นธรรมนะ แต่ทำไมมองไม่เห็นธรรม เห็นแต่กรรมแล้วก็กรรม (ธรรมะคือธรรมชาติที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เป็นอนิจจัง เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ไม่มีอะไร) ตอบได้ดี ถ้าเรามองเห็นความไม่เที่ยงในตัวคน อย่าไปโกรธเขาเลย เดี๋ยวอารมณ์เขาก็มา เดี๋ยวอารมณ์เขาก็ไป เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวอารมณ์ร้าย ไม่มีอะไรเที่ยง แล้วเราจะไปโกรธกับความไม่เที่ยงทำไม แล้วเราจะไปถือสาหาความกับความไม่เที่ยงทำไม เพราะความไม่เที่ยงมีทุกข์ และเมื่อมีความทุกข์จนถึงที่สุดก็คือว่างเปล่า ฉะนั้น เรากำลังยึดมั่นกับความไม่เที่ยงให้เป็นทุกข์ และถึงที่สุดก็ว่างเปล่าเพื่ออะไร ทุกข์ แล้วต้องมีต่อใช่ไหม เวลาเห็นเขาไม่พอใจ ถ้าเราหยั่งลึกถึงธรรมว่า ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง อย่ายึดให้ทุกข์ ถ้ายึดแล้วเราจะว่างไม่ได้เราก็ยังวนอยู่ในทุกข์ต่อไป เรายังถือสาหาความตลอด ใช่หรือไม่ เราเคยปล่อยวางไหม เราเคยคิดได้หรือไม่ว่ามันไม่เที่ยง อย่าไปโกรธ คิดได้ไหม (ได้) ไม่ได้ ต้องทุกข์จนถึงที่สุด ทุกข์จนไม่รู้จะเอาอะไรมาทุกข์อีกแล้ว จนในที่สุดก็ปล่อยๆ ไป ปล่อยให้เวลาทำใจ แล้วถ้าเกิดเราไม่มีเวลาให้ทำใจ เราต้องแบกทุกข์มาเวียนว่ายตายเกิด ก่อกรรมก่อเวร จะเอาหรือ ไม่เอาใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วยังจะเกลียดเขาไหม (ไม่เกลียด) จริงหรือ
เราเห็นท่านนั่งเบื่อนั่งเมื่อยมานานพอสมควรแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรามาชวนเปลี่ยนบรรยากาศบ้างดีหรือเปล่า (ดี) เรามาชวนคุย คงไม่ทำให้ท่านเบื่อ หรือยิ่งเบื่อกว่าเดิม (ไม่เบื่อ)
เหมือนจับลิงมานั่งอยู่นิ่งๆ ลิงมักจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เราเห็นใจเราเหมือนลิงไหม หรือว่าเป็นม้าพยศ เขาบอกให้นั่งเฉยๆ เราบอกไม่ไหวแล้ว จะตายแล้ว จะแย่แล้ว ใช่หรือเปล่า ดอกไม้สวย ใจเราสวยเหมือนดอกไม้ไหมนะ อยากนั่งหรือยัง (ยัง) อย่างนั้นยืนเป็นเพื่อนเราก่อนนะ ดีหรือไม่ (ดี) ดีจริงๆ ไม่เปลี่ยนใจนะ อยากยืนหรืออยากนั่ง (นั่ง) ทำไมเพิ่งมาคิดได้ พอตอนนี้มาตอบว่าไม่เอาแล้วนั่งดีกว่า ใช่ไหม ทำไมล่ะ กลัวจะโดนยืนตลอดใช่หรือเปล่า (ใช่) จะกลัวอะไรล่ะ มันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เดี๋ยวได้นั่งก็ต้องได้ยืน เดี๋ยวได้ยืนก็ต้องได้นั่ง นั่นแหละเรียกว่าชีวิต ถ้าวันไหนยืนแล้วนั่งไม่ได้นี่สิเรียกว่าใกล้ตาย ใช่หรือเปล่า (ใช่) ยังนั่งได้ยังยืนไหวก็เรียกว่าชีวิต แต่ถ้าเกิดยืนแล้วนั่งไม่ได้ นั่งแล้วยืนไม่ไหวแปลว่าเริ่มขาดชีวิต
โดยส่วนใหญ่คนที่มาฟังธรรมก็คืออยากหาทางพ้นทุกข์ อยากพบความสุขที่แท้จริง หรือว่าอยากขอสองตัว อะไรมากกว่ากัน ชักไม่ค่อยมั่นใจแล้วใช่ไหม อย่างนั้นเราบอกตั้งแต่ต้นเราไม่ให้สองตัวนะ เราอยากมาช่วยกันหาธรรมะที่จะนำพาให้ชีวิตเราพ้นทุกข์ ถามจริงๆ ว่าเราอยู่ในโลกนี้มีความสุขไหม ขอดูหน้าผู้ที่บอกว่ามีหรือไม่มี มีไหม มีทั้งสุขและมีทั้งทุกข์ แต่ส่วนใหญ่เป็นทุกข์มากกว่าสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) จนบางครั้งอดตัดพ้อต่อว่าไม่ได้ว่า ฟ้าทำไมถึงชอบให้ชีวิตฉันพบแต่ความทุกข์ ทำไมไม่ให้เรามีความสุขบ้างเลย ใช่หรือไม่ (ใช่) ท่านเคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งไหมที่ว่า ฟ้าไม่รังแกคน มีแต่คนรังแกคน ฟ้าเป็นผู้ลิขิตแต่คนเป็นผู้คุมกำหนดชะตาชีวิต จะบอกว่าโทษฟ้าได้หรือไม่ (ไม่ได้) ถ้าเช่นนั้นจะโทษใครดี (โทษตัวเอง) เราบอกว่าเราไม่มีความสุขก็เพราะคนนั้นคนนี้ หรือถ้าบอกว่าฟ้าให้ชีวิตของเรามาสมบูรณ์หน่อยเราคงจะมีความสุขมาก ถูกต้องหรือไม่ ทำไมฟ้าให้ฉันเกิดมายากจน ทำไมฟ้าให้ฉันมาเกิดในครอบครัวที่ลำบาก ถ้าฉันสบายกว่านี้ฉันคงเป็นคนดีกว่านี้ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่) แน่ใจนะ ถ้าเราถามท่าน สมมุติว่าท่านเกิดมาสมบูรณ์พร้อมมีทุกอย่างหมด พอมีทุกอย่างเราอยากขยันไหม (ไม่ขยัน) อะไรก็มีหมดแล้วไม่ต้องขยันก็มีกิน เมื่อไม่ขยันก็รักสบาย เมื่อรักสบายจะมีน้ำใจช่วยเหลือใครไหม (ไม่มี) ก็น้อย ใช่หรือไม่ (ใช่) ขอไปมีความสุขแต่ละวันก็พอ ใช่หรือไม่ (ใช่) การจะช่วยคนก็เป็นเพียงประปรายเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ช่วยอย่างเต็มที่เต็มแรง ถูกหรือไม่ (ถูก) เราถามท่านนะ เมื่อท่านมั่งมีแต่รักสบายไม่เคยเอื้อประโยชน์แก่ผู้อื่น ไม่เคยมีจิตใจที่จะช่วยเหลือแบ่งปันผู้อื่นจริงๆ ถามว่านานๆ ไปจะมีความสุขไหม (ไม่มี) นานๆ ไปจะมีใครรักจะมีคนเคารพให้เกียรติไหม ในอีกทางหนึ่งถ้าเราเกิดมาลำบาก แต่เราขยัน ซื่อตรง รับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่ดูถูกดูแคลนว่างานนั้นจะต่ำหรืองานนั้นจะลำบากขนาดไหน ทำทุกอย่างเต็มที่ขยันขันแข็ง แม้ตอนแรกจะมีคนดูถูก แต่ต่อไปเขาจะเคารพให้เกียรติและรัก ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นชะตาขึ้นอยู่ที่ฟ้าแต่ชีวิตขึ้นอยู่ที่ตัวเรากำหนด คนรักของเราไม่รักเรา เป็นเพราะเขานิสัยไม่ดี หรือว่าเรานิสัยไม่ดี (เรานิสัยไม่ดี) จริงหรือ (จริง) เห็นบางทีทำประชดไปมาก ทำแทบแย่เขาไม่รัก มันไม่ดี ไม่มีค่าพอกับฉัน เราไปที่ไหนเราก็อยากมีความสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ไปที่ไหนก็บ่น คนนี้ติ คนนั้นถือสา คนนี้ไม่ค่อยยอมใคร เห็นใครไม่ได้ดั่งใจก็รำคาญไม่ชอบ เห็นใครพูดอะไรขัดใจหน่อยก็ขัดหูเบื่อหน่าย ถามว่ามีชีวิตแบบนี้ไปอยู่ที่ไหนจะมีความสุขไหม (ไม่มี) แล้วพวกเราเป็นอย่างนั้นไหม (ไม่เป็น) อยากให้คนอื่นเขาเคารพรักให้เกียรติ อยากไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อย่ามัวแต่โทษคนอื่น ลองหันมามองตัวเอง เราขยัน เราซื่อตรง เรากินแรงเอาเปรียบใครไหม ถ้าขยัน ซื่อตรง ไม่กินแรง ไม่เอาเปรียบ แม้จะเกิดมาจนแต่นานๆ ไปเขาก็รัก ถูกหรือไม่ (ถูก) แต่พออยู่ไปนานๆ แล้วนิสัยเป็นอย่างไร ชอบตำหนิ ติคนโน้น ว่าคนนั้น คนโน้นก็ไม่ได้ดั่งใจ คนนี้ก็ไม่ดี เบื่อจริงๆ เลย โลกนี้ไม่มีใครดีเลย ไปอยู่ที่ไหนคิดแบบนี้จะมีความสุขไหม (ไม่มี) แล้วเราเป็นอย่างนั้นหรือไม่ (ไม่เป็น) แม้กระทั่งพ่อแม่เรายังแอบบ่นตัดพ้อต่อว่า ยังไม่ดีดังใจเราเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)
ครอบครัวของเรา เรายังไม่ภาคภูมิใจ แล้วเราจะมีชีวิตที่มีสุขได้อย่างไร ถูกหรือไหม (ถูก) แม้กระทั่งครอบครัวเรา เรายังหาความสุขไม่ได้ แล้วจะคิดไปตั้งหลักสร้างบ้านใหม่ครอบครัวใหม่ที่มีสุข จะเป็นไปได้หรือ (ไม่ได้) แล้วเราเป็นอย่างนั้นไหม (ไม่เป็น) จิตที่คอยคิดแต่จะควบคุมคนอื่นไม่คิดควบคุมตนเองคือหนทางที่นำพาไปสู่ความทุกข์และถึงที่สุดก็หนีไม่พ้นนรก แต่จิตที่รู้จักสำนึกผิดยอมรับว่าตัวเองผิดบ้าง หันกลับมามองว่าตัวเองไม่ดีบ้าง ไม่เอาแต่โทษผู้อื่น จิตที่รู้จักสำนึกผิดว่าตัวเองไม่ดี คือคาถารักษาชีวิต คือหนทางสวรรค์ คือยาชุบชีวิตที่วิเศษที่ไปอยู่กับใครก็เป็นสุข ฉะนั้นคิดให้ดีๆ นะ อยากมีความสุขในโลก แต่เอาแต่ติ แล้วก็ถือ แล้วก็ยึด ไม่ปล่อยไม่วางแล้วก็เกลียดแล้วก็โกรธแล้วก็แช่ง ถึงที่สุดก็คือทุกข์ แล้วถ้าหนีทุกข์ไม่พ้นก็คือนรก แต่ถ้าหันกลับมามอง เราคงไม่ดี เราคงแย่ไป เราคงผิด หนทางนี้คือคาถาชุบชีวิต ไปอยู่ที่ใดก็คือทางสวรรค์ ฉะนั้นตอนนี้หาทางพบสุขในชีวิตได้หรือยัง จะเอาแต่ติหรือหันกลับมามองตัวเอง เราเป็นอย่างนั้นไหม อยากได้บ้านที่ร่มเย็นไหม (อยาก) อยากได้ครอบครัวที่เป็นสุขไหม (อยาก) แล้วเอาแต่ติ เอาแต่ว่า เอาแต่กวดขันเขาแต่ไม่กวดขันเรา ถูกไหม (ไม่ถูก) ไม่ถูกแล้วยังทำไหม (ไม่ทำ) จริงนะ (จริง) กลับไปบ้านไม่เรียบร้อยบ่นไหม (ไม่บ่น) กลับไปสามียังไม่กลับมาบ่นไหม (ไม่บ่น) กลับไปแล้วลูกก็ยังไม่กลับมาบ่นไหม (ไม่บ่น) จำให้ขึ้นใจนะ ไม่บ่น เรายังกลับมาค่ำเลยเขากลับค่ำเราก็ (ไม่บ่น) ท่านเคยได้ยินไหม วิถีทางแห่งความสุขไม่ใช่ต้องพบได้บนสวรรค์ แต่วิถีทางแห่งความสุขต้องเริ่มได้จากการเข้าถึงความเป็นคน แล้วถึงจะเข้าถึงความสุขเบื้องบน ถ้าเข้าถึงความเป็นคนไม่ได้จะไปหาความสุขบนเบื้องบนได้อย่างไร ถ้ายังไม่สามารถมีความสุขด้วยตัวตนได้แล้วคิดว่าจะไปอยู่กับคนโน้นคนนี้คนนั้นจะมีความสุขได้หรือ จริงไหม (จริง) ก็อาจจะทำให้ท่านสุขได้ครู่หนึ่ง แต่ถ้าตัวเองเป็นต้นเหตุแห่งปัญหา เดี๋ยวความคิดเราก็จะทำให้เขากับเราเป็นทุกข์ ใช่ไหม (ใช่) รักที่จะมีความสุขแต่ถ้าคิดว่าแค่นี้ไม่พอต้องอีกสิ ต้องอีกสิ ไปอยู่กับใครก็มีแต่ทุกข์ จริงไหม (จริง) ฉะนั้นความสุขของเราหายากไหม (ไม่ยาก) ไม่ยากตรงไหน ตรงที่อย่าเอาแต่ใจแล้วก็ถือ ใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนมาวันนี้ได้ธรรมะหรือได้ข้อตำหนิ (ได้ธรรมะ)
เราคุยธรรมะแบบนี้พอเข้าใจไหม (เข้าใจ) ไม่ยากเกินใช่หรือไม่ (ใช่) หรือที่พระพุทธะเคยพูดบ่อยๆ ว่า มองเห็นคนดีมีคุณค่าอยู่กับใครก็เกิดประโยชน์ แต่ถ้ามองเห็นคนไม่ดีไร้ค่า อยู่กับใครก็อยู่ไม่รอด ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอยากหาความสุขอันเปรียบปานเทพเทวาบนแดนฟ้า ขอเพียงไม่เห็นแก่ตน ไม่โลภ ไม่เจ้าอารมณ์ ความสุขก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) มีชีวิตอยู่รู้จักเอื้อประโยชน์ตน แล้วยังรู้จักเอื้อประโยชน์ผู้คน ไม่ติฉินนินทาว่าเขาแล้วทำร้ายเขาให้เสียหาย เมื่อคนไม่ผิดต่อคนก็เข้าถึงความเป็นคนได้ แม้ต่อหน้าจะหาความดีไม่เจอ แต่ลับหลังพยายามค้นจนเจอความดีได้ คนนั้นก็เข้าถึงธรรมได้
ถ้ามนุษย์ไม่มีความโลภ ไม่มีความเห็นแก่ตนจนเกินไป วิถีทางแห่งความสุขที่เปรียบปานเทพบนแดนสรวง ก็ไม่ใช่เรื่องที่หายากถูกหรือไม่ (ถูก) แต่มนุษย์อดไม่ได้ เห็นใครดีก็อิจฉา เห็นใครได้ดีมีสุขก็แอบติฉินนินทา ฉะนั้นถ้าเราไม่เห็นแก่ตน เห็นใครได้ดีก็อำนวยสุขให้เขา ไม่ใช่อำนวยสุขประโยชน์แค่ตน แต่มีชีวิตแล้วยังรู้จักอำนวยความสุขให้ผู้อื่น ไม่คอยติฉินนินทาว่าร้ายใครให้เจ็บปวด เมื่อไม่ผิดต่อคนด้วยกัน ก็เข้าถึงความเป็นคนที่แท้ ต่อหน้าแม้จะหาความดีไม่เจอ แต่ลับหลังก็จะค้นหาความดีเขาให้เจอ เข้าถึงคนแล้วยังเข้าถึงธรรมในตัวคน เราอยากถามท่านว่า เมื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนแล้ว ยังเอื้อประโยชน์ต่อผู้คน ไม่ติฉินนินทาคนหรือทำร้ายคน ให้ร้ายด้วยคำพูด เมื่อคนไม่ผิดต่อคน ก็เข้าถึงความเป็นคน ไม่มีตัวคนแม้เขาไม่ทำผิดอะไร แม้เขาทำผิดแล้วยังหาดีในตัวเขาให้เจอ ก็เข้าถึงความเป็นธรรม พูดอย่างนี้ฟังยากใช่ไหม ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาเราเจอคนว่าเรา เราโกรธไหม (โกรธ) แล้วเราเอาไปบอกต่อ เอาไปนินทาต่อ หรือเอาไปว่าต่อไหม ส่วนใหญ่จะว่ากลับทันที นี่เรียกว่าผิดต่อความเป็นคน ผิดต่อความเป็นคนหมายความว่าอย่างไร เพราะเรามองไม่เห็นธรรมะในตัวคนและเพราะเรามองไม่เห็นความจริงในตัวคน พูดอย่างนี้ก็ยังไม่เข้าใจอีกใช่ไหม อย่างนั้นเราถามท่านง่ายๆ นะ ดอกไม้ที่สวยเบ่งบาน กับดอกไม้ที่เหี่ยว ท่านว่าอย่างไรดีกว่ากัน ส่วนใหญ่ก็ต้องเอาดอกไม้สวยๆ มาจัด ดอกไม้เหี่ยวๆ ไม่จัดใช่หรือไม่ (ใช่) เรารักคนที่ใจเย็นหรือโมโหโกรธา (ใจเย็น) เราชอบคนโวยวายหรือคนรู้จักนิ่งเงียบไม่ต่อล้อต่อเถียง (นิ่งเงียบ) ใจเราลึกๆ ชอบอย่างนั้นใช่ไหม (ใช่) แล้วตรงกันข้าม ลึกๆ เขาก็ชอบแบบนั้นไหม (ชอบ) เมื่อเขาก็ชอบ เราก็ชอบ ฉะนั้นแปลว่าถ้าเราไม่ผิดต่อความชอบ เราก็ไม่ผิดต่อความเป็นคนของตน แล้วก็ไม่ผิดต่อความเป็นคนของเขา ลึกๆ เขาอยากว่าเราให้เจ็บไหม (ไม่) จริงๆ ก็ไม่อยากแต่มันทนไม่ไหว ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเคยไหมที่ว่าไปแล้ว ไม่น่าพูดเลย เคยไหม (เคย) ทำไมเราจึงรู้จักละอายล่ะ แปลว่าลึกๆ ของความเป็นคนล้วนไม่ชอบ ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อเราไม่ละเมิดต่อความเป็นคน เราก็เข้าถึงความเป็นคนได้ นั่นก็คือมนุษย์ทุกคนรักคนใจเย็น ชอบคนมีเมตตาใช่ไหม (ใช่) แล้วเราใจเย็นไหม
ฉะนั้นอย่าผิดต่อความเป็นคนที่แท้ในหัวใจ เราก็ชอบคนใจเย็น เราก็ชอบคนที่มีสัมมาคารวะ เราไม่ชอบใครดูถูกเรา เราดูถูกใครไหม พอใครคิดช้า ตอบช้า โมโหไหม พูดแล้วไม่รู้เรื่องต้องพูดอีกสองสามรอบ รำคาญไหม อดบ่นเขาไม่ได้ไหม นี่แหละผิดต่อความเป็นคนในหัวใจ ใช่หรือไม่ (ใช่) จำไว้นะ หัวใจเรารักสุข เกลียดทุกข์อย่างไร คนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์อย่างนั้น อะไรที่เราไม่ชอบ เรายังไม่อยากได้ แล้วทำไมเอาสิ่งที่เราไม่ชอบไปกระทำต่อคนอื่น ถูกหรือไม่ (ถูก) รำคาญไหมคนขี้บ่น (รำคาญ) แล้วบ่นไหม (บ่น) แม่บ่นเสร็จเราบ่นต่อ ถูกไหม (ถูก) สามีบ่นเสร็จ เราเอาเรื่องสามีไปบ่นต่อ ชอบไหม (ไม่ชอบ) สามีหรืออะไรที่เราไม่ชอบ ฉะนั้นถ้าเรามองให้ถูก เราจะไม่เกลียดสามี เราบอกสามีฉันรักคุณนะ แต่ที่ฉันไม่ชอบคือความขี้บ่น เราจึงแยกได้ออก เราจึงไม่โกรธผิดคน ใช่หรือไม่ (ใช่) ถามภรรยา สามีรักไหม (รัก) แต่ที่รักไม่ลงเพราะอะไร (ขี้บ่น) แล้วจริงๆ เขาเป็นคนขี้บ่นไหม ขี้บ่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่เพราะเขาทุกข์จึงบ่นออกมา ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจถามว่าสามีแท้จริงเป็นคนขี้เหล้าไหม ชอบเล่นการพนันไหม ชอบชนวัวไหม ชอบแข่งนกมาตั้งแต่เกิดไหม ชอบกินเหล้าตั้งแต่เกิดไหม (ไม่) ฉะนั้นบอกไปนะ ฉันชอบตัวตนที่แท้จริงของคุณ แต่ฉันไม่ชอบตัวตนที่มีเหล้าแถมมา ถูกไหม (ถูก) แล้วเราก็จะมีครอบครัวที่ร่มเย็นเพราะเราบอกเขาได้ถูกว่า เราไม่ชอบอะไรในตัวเขา และเรารักอะไรในตัวเขา ฉะนั้นเข้าใจความเป็นคนก็เข้าถึงธรรม ถ้าไม่เข้าใจความเป็นคน ก็จะมองไม่เห็นธรรมสักข้อเดียว พอเข้าใจไหม (เข้าใจ) ต่อไปจะบ่นแม่ไหม (ไม่บ่น) จะน้อยใจพ่อไหม (ไม่น้อยใจ)
“ไม่มีบุญพูดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ ไม่ตื่นใจพูดอย่างไรก็ไม่ฟัง”
เหมือนเรามาจนถึงป่านนี้ เราพูดให้ท่านฟัง ถ้าไม่เชื่อ กังขา ฟังเราอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง เมื่อสักครู่ฟังเรารู้เรื่องไหม (รู้เรื่อง) จริงหรือ ฉะนั้นวิธีบำเพ็ญธรรมง่ายๆ ของเรา เราอยากบอกให้ท่านได้รู้ว่า มนุษย์ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ไม่ชอบ แล้วอะไรที่ไม่ชอบ เราอย่าทำกับคนอื่น เหมือนเรื่องหนึ่งที่เราอยากให้ท่านได้รับรู้ ว่าคนทุกคนเกิดมายากลำบาก ถ้าหากเรามีเสื้อใหม่ตัวหนึ่ง มีพี่น้องสามคน น้องคนกลางกับน้องคนเล็กจะแย่งเอาให้ได้ เราซึ่งเป็นพี่คนโตอยากร่วมแย่งกับน้องด้วยไหม ถ้าเกิดแย่งกันแล้ว เสื้อตัวหนึ่งสามคนแย่งกัน ต่างมีความทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่) แย่งกันไปมา เคยคิดไหมว่าพ่อแม่คงเศร้าใจลึกๆ ที่มีปัญญาซื้อเสื้อใหม่ให้ลูกได้เพียงตัวเดียว แต่มีลูกถึงสามคน เราเคยเป็นอย่างนี้ไหม เวลาพ่อแม่ซื้ออะไรมาดีๆ เราเคยมาแย่งกับน้องไหม ถ้าแย่งน้องจะทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจ ถ้าตอนเล็กเราไม่แย่ง พอต่อไปถ้ามีสมบัติเราจะแย่งและทะเลาะกันจนผิดพี่ผิดน้องไหม ตอนเล็กๆ เราเคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันไหม (เคย) เห็นแล้วเป็นอย่างไร ทุกข์ใจใช่ไหม มองหน้าท่านก็มองอย่างไม่มีความสุข พอทะเลาะเสร็จแม่ก็ร้องไห้ พ่อก็หนีออกจากบ้าน แล้วเราเคยคิดในใจไหมว่า ถ้าวันหนึ่งเรามีครอบครัว มีคนรัก ให้เป็นตายร้ายดีอย่างไร จะไม่ทะเลาะกันให้ทุกข์ใจ จำไว้นะตอนเด็กๆ เราไม่ชอบอะไร โตขึ้นอย่าเป็นอย่างนั้น ไม่ชอบพ่อแม่ขี้บ่น ต่อไปอย่าขี้บ่น ไม่ชอบพ่อแม่ทะเลาะกัน ต่อไปเราอย่าทะเลาะกับผู้คน ไม่ชอบพี่น้องแก่งแย่งกัน แม่ต้องมาเสียใจ พ่อต้องลำบากใจ เราไม่อยากให้ท่านทุกข์ เราอย่าแก่งแย่งกัน
ฉะนั้นจำไว้นะเราไม่ชอบอะไร โตไปเราจะไม่ทำ ถูกหรือไม่ (ถูก) เมื่อเข้าถึงธรรมในความเป็นคนก็จะเข้าถึงธรรมในหัวใจตน มีแต่จิตสำนึกที่รู้จักผิดบ้าง ละอายบ้าง จึงเป็นหนทางสวรรค์ชั้นฟ้า การเอาแต่ตำหนิต่อว่าผู้อื่นเป็นหนทางสู่ความทุกข์และนรก ไม่มีวันสิ้นสุด ฉะนั้น วันนี้เราพูดแค่นี้พอเข้าใจไหม พูดเยอะๆ ถึงจะพูดดีตอนต้นแต่นานไป เขาก็รำคาญ ฉะนั้นถึงเราจะพูดดีแต่เราจะพูดไม่เยอะ จะได้ไม่ทำให้ท่านรำคาญใจ
ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรมต้องเริ่มต้นที่รากแห่งชีวิตและจิตใจ ถ้าในครอบครัวเรายังหาความสุขไม่ได้ ท่านจะบำเพ็ญธรรมที่ไหนให้มีความสุขที่แท้จริงได้ ถ้าในชีวิตยังหาความสุขให้กับตัวเองไม่ได้แล้วจะไปอยู่กับใครแล้วมีความสุขได้ ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นการบำเพ็ญธรรมต้องเริ่มที่รากของชีวิตและรากของจิตใจ อยู่กับใครต้องมีความสุข ถ้าอยู่กับใครแล้วมีแต่ทุกข์ นั่นไม่ใช่หนทางบำเพ็ญ ท่านกำลังผิดต่อความเป็นคนและหาธรรมะในตนไม่พบเจอ ฉะนั้นเจอใครร้ายจงพยายามหาความดีเขาให้เจอและเราอย่าร้ายตอบ แล้วดอกไม้ก็จะบานในใจ โดยไม่จำเป็นต้องถือดอกไม้ ใช่หรือเปล่า ขอให้ทุกท่านรู้จักดำเนินชีวิตอย่างมีสุข อย่าทำร้ายตนเองเพราะความคิด ถูกหรือไม่ (ถูก) เราคงไปแล้วนะมีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก ดีใจที่ได้มีโอกาสมาผูกบุญสัมพันธ์ เพราะยิ่งเจอคนก็ยิ่งเจอธรรม ยิ่งเห็นคนก็ยิ่งเข้าใจธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ สถานธรรมฉือฮุ่ย จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ไม่เคยหยุดเลยสักวัน เธอฉันทุกวันมีเรื่อง
สร้างเสริมต่อยอดเนืองเนือง เป็นเมืองใหญ่โตแห่งใจ
ชวนหยุดใจกันละนิด ย้อนมองส่องจิตน้อยใหญ่
ว่าเป็นอะไรอย่างไร คิดใหญ่มาจากเม็ดถั่ว
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ผู้เมตตา ลงสู่แดนโลก แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว ถามศิษย์รักทุกคนฟังธรรมะรู้เรื่องไหม
ถึงภัยใต้พันพัว ตัวเราไม่หวั่นใจ หนทางที่ยาวไกลคึกคัก
เพื่อฉุดช่วยเวไนย ด้ามขวานผนึกกำลังคึกคัก งานธรรมแพร่ขยาย
ในจิตเดียวเป็นได้ทั้งพระและมาร
เห็นภัยรอบรอบตัว มิสู้ภัยต้องเกิดตาย
ต้องเวียนว่ายไม่อาจนับครั้ง รู้ตัวก่อนภัยมาถึง ต้องสว่างข้างใน
ถึงปรากฏทางให้เห็น
ชื่อเพลง :ขวานใต้ตัดกิเลสสิบทิศ
ทำนองเพลง : ราชสีห์กับหนู
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ใครๆ ก็อยากมีความสุขใช่ไหม (ใช่) อาจารย์เคยได้ยินคำพูดคำหนึ่งว่า “การทำบุญบ่อยๆ ย่อมนำความสุขมาสู่ชีวิต” ถูกหรือไม่ (ถูก) ศิษย์มักจะพูดว่า คนเราอยู่ในโลกนี้ แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญวาสนาแข่งกัน (ไม่ได้) จริงหรือ ตอนนี้อาจารย์เถียงหัวชนกำแพงเลย ไหนบอกว่ายิ่งทำบุญยิ่งมีความสุข ใช่ไหม (ใช่) ถ้าเราทำอยู่บ่อยๆ เราก็มีความสุขบ่อยๆ เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้เราเปลี่ยนชาติกำเนิดไม่ได้แต่เราสร้างปัจจุบันให้มีความสุขได้และสร้างอนาคตที่ดีงามได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ด้วยการทำบุญ ทำความดี ใช่หรือไม่ (ใช่) บุญย่อมนำพาซึ่งความสุข ถูกหรือไม่ (ถูก) แล้วเราทำบุญไหม (ทำ) แล้วมีความสุขไหม (มี) โกหกทั้งเพ อาจารย์จะบอกศิษย์นะ ถึงแม้เราจะเปลี่ยนชาติกำเนิดเราไม่ได้ เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้ด้วยการรู้จักทำบุญอย่างที่เราชอบพูดกันว่า ทำบุญบ่อยๆ ก็ย่อมนำสุขมาสู่ชีวิตและจิตใจ มีความอิ่มเอิบใจ ถูกไหม (ถูก) แต่เราทำบ่อยๆ ไหม อาจารย์เห็นทำบ่อยเหมือนกัน แต่ศิษย์รู้ไหมว่าศิษย์ทำบุญ อาจารย์ไม่เรียกว่าบุญ เขาเรียกว่า ติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ทำบุญเพื่ออะไร เพื่อความสบายใจ เพื่อลดกิเลส เพื่อลดความโลภ เพื่อลดความตระหนี่ ถูกไหม แต่ทำไมยิ่งทำกลายเป็นยิ่งโลภ ยิ่งขอ ยิ่งอยากได้ อย่างนี้ถูกไหม (ไม่ถูก) แล้วทำบุญอย่างนี้จะสบายใจไหม (ไม่สบายใจ) ฉะนั้นศิษย์เอย เราศึกษาธรรมะเราต้องเข้าใจจุดประสงค์หลักของการเรียนรู้ธรรมะ เราเรียนรู้ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์ ไม่ใช่เราเรียนรู้ศึกษาธรรมเพื่อจมอยู่กับทุกข์ แล้วหาทุกข์ไม่จบสิ้นหรือหาสุขไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) แล้ววันนี้เราฟังธรรมะเราพ้นทุกข์ไหม อาจารย์เห็นยิ่งนั่งยิ่งทุกข์ อย่างนี้ฟังแล้วได้ไหม ไม่ได้อะไรเลย ใช่หรือไม่ อาจารย์จะบอกว่า ศิษย์รู้ไหมในชั้นเรียนพอคนเดินเข้ามาปุ๊บ สิ่งแรกที่หัวหน้าต้องพูดคือ อิ๊ สิ่งที่สองคือ เอ้อร์ สิ่งที่สามคือ ซัน ใช่หรือไม่ (ใช่) สองวันนี้ได้ อิ๊ เอ้อร์ ซัน กลับบ้านแค่นั้นเองใช่ไหม แต่อาจารย์จะบอกว่าตั้ง แต่อิ๊ ศิษย์ก็ได้บุญแล้ว พอเอ้อปุ๊ปศิษย์น้อมเคารพ ไม่ยึดติดตัวตน ไม่มีอัตตาตัวตน วางตัวตนน้อมเคารพ อยากจะรับฟัง การรู้จักเคารพผู้อื่น นั่นก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง พอเห็นหน้าแล้ว ไม่น่าโค้งเลย มันอายุน้อยกว่าฉัน อย่างนี้ไม่ได้บุญ เพราะว่าการเคารพนบนอบคน ไม่ว่าเขาจะมีคุณธรรมสูงกว่า ชาติตระกูลสูงกว่าหรือมีอายุสูงกว่า แล้วเราเคารพนบนอบได้ นั่นคือได้บุญหนึ่งประการ พอเคารพเสร็จเรานั่งฟังด้วยความตั้งใจ อิ่มเอิบ เข้าใจ เกิดความกระจ่างแจ้ง ปิติใจ นี่ก็ได้บุญอีกหนึ่งประการ ถูกไหม พออิ่มเอิบเกิดความกระจ่างแจ้งเข้าใจ นี่ก็ได้บุญอีกเป็นสามประการ ใช่หรือไม่ (ใช่) พอได้เสร็จแล้วอิ่มบุญจัง คิดในใจเพื่อขอแผ่บุญนี้ให้กับบรรพชน ลูกหลาน ญาติ วิญญาณ ได้บุญอีกสี่ประการ พอเขาพูดได้ดี สาธุ อนุโมทนาบุญ ได้บุญอีกห้าประการ เดินออกไป โอ้ คนนั้นพูดดีจริงๆ ชอบๆ ได้บุญอีกหกประการ เห็นไหมว่าแค่ฟังธรรมเองนะศิษย์ ศิษย์ก็สามารถสร้างบุญได้ตั้งเยอะแยะ แต่ที่ฟังมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ได้บุญซักประการหนึ่งไหมมีไหม (มี) กี่ข้อ นับแล้วไม่เห็นเหลือสักข้อเลย ใช่ไหม (ใช่) มีสักประการไหม (มี) มีอะไร (กินเจ) กินเจอิ่มใจ อิ่มท้อง แต่ไม่อิ่มบุญ อิ่มบุญไหม กินเจได้บุญหรือ กินเจไม่ได้บุญนะ กินเจแค่ไม่สร้างบาปกรรมเพิ่ม ต้องเข้าใจให้ถูก กินเจคือการไม่สร้างบาปกรรมเพิ่ม บุญจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อทำแล้วกลับสู่ความเป็นอะไร ความเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์ ไม่เต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง นี่แหละเรียกว่าได้บุญ ทำอะไรแล้วทำให้จิตใจผ่องใส สะอาด ผ่องแผ้ว สบายใจ นั่นเรียกว่าบุญ แค่นี้ยังเข้าใจไม่ถูกเลย อย่างนั้นฟังเพิ่มอีกหนึ่งวันดีไหม
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากต้นเหตุเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็กลายเป็นเรื่องบานปลายที่ยิ่งใหญ่ได้ ใช่หรือไม่ ก่อนที่จะเกิดปัญหาลุกลามใหญ่โต ล้วนเริ่มมาจากความไม่พอใจเล็กๆ ก่อนที่จะเป็นปัญหายิ่งใหญ่ ล้วนเริ่มมาจากใจที่ไม่รู้จักพอ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นทุกวันเราตื่นขึ้นมา ศิษย์เคยสังเกตไหม เราตื่นขึ้นมาทุกวัน เรามักจะถามว่า ฉันอยากอะไร ใช่หรือเปล่า ตื่นขึ้นมาตามกิเลสแท้ๆ เลย คือ วันนี้อยากอะไร วันนี้ฉันอยากไปไหน วันนี้ฉันอยากกินอะไร วันนี้ฉันอยากอยู่บ้านไหม อย่างนี้คือเกิดมาเพื่อวิ่งสนองตามกิเลสถูกหรือไม่ (ถูก) แต่ตอนนี้ถ้าอาจารย์บอกว่าก่อนที่จะเริ่มต้นออกไปไหน ก่อนที่จะเริ่มคิดอะไร ลองหยุดสักนิดแล้วบอกตัวเองว่า แล้วเราต้องวิ่งไปตามมันไหม เปลี่ยนจากตอนอยากกิน เป็นมีอะไรก็กินได้ เปลี่ยนจากอยากไปไหน ก็เป็นอยู่บ้านก็มีสุขได้ ไม่ใช่มีชีวิตแล้วบอกว่า ฉันอยาก ฉันอยาก อย่างนี้คือมีชีวิตเพื่อสนองกิเลสแท้ๆ เลย ฉะนั้นก่อนจะหยุดอยาก ลองหันมามองสิว่า เราจะวิ่งตามกิเลสไปถึงไหน กิเลสมันมีหน้าตาไหม (ไม่มี) มันมีแส้หวดเราไหม (ไม่มี) มันมีอาวุธทำร้ายเราไหม (ไม่มี) แล้วเราเชื่อมันไหม (เชื่อ)
ต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งมวล แล้วทำให้มนุษย์ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในโลกไม่จบสิ้น ก็ล้วนมาจากกิเลสทั้งนั้น ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้น ก่อนที่จะลืมตาแล้วอยากกิน อยากไปเที่ยว อยากนู่น อยากนี่ ลองหยุดสัดนิดนึง ตั้งสติสักนิดหนึ่งว่า อ้อ มีอะไรก็กินได้ดีไหม จะได้ไม่เหนื่อย มีอะไรก็มีความสุข จะได้ไม่ทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเราทำได้ไหม แค่รู้จักหยุดบ้าง หยุดแล้วหันมามองบ้างก่อนที่จะวิ่งไปตามอยาก หยุดแล้วหันมามองดูตัวเองบ้าง ก่อนที่จะวิ่งไปตามกิเลส
วันนี้มาฟังธรรมะเพื่อหาทางพ้นทุกข์ ไม่ใช่ยิ่งฟังยิ่งทุกข์ อย่างนี้เรียกว่าผิดทาง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้น วิถีทางการปฏิบัติธรรมมีตั้งหลายอย่าง แต่จุดประสงค์หลักก็คือเพื่อไม่ให้เราหลง แต่ทำไมไปๆ มาๆ ศิษย์กลับหลงการปฏิบัติ ถูกหรือไม่ (ถูก) อยากนั่งหรือยัง (อยาก)
อาจารย์ฟังไม่ค่อยออกแล้วนะ หูอาจารย์ไม่ค่อยดีแล้วนะ ถ้าอาจารย์นั่งศิษย์ก็ (นั่ง) ถ้าอาจารย์ยืนศิษย์ก็ (ยืน) แล้วถ้าอาจารย์ยืนแล้วไม่นั่งศิษย์ก็ (ยืน) ว่าแล้ว รู้ไหมส่วนใหญ่อาจารย์ยืนหรือนั่ง (ยืน) แปลว่าจะยืนกับอาจารย์ใช่ไหม (ใช่) อาจารย์มาส่วนใหญ่ไม่ใช่มาชั่วโมงเดียวนะ มากี่ชั่วโมง สองชั่วโมงเป็นอย่างน้อยใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นแปลว่าอาจารย์ยืนศิษย์ก็ยืน อาจารย์นั่งศิษย์ก็นั่ง ส่วนใหญ่อาจารย์จะไม่ค่อยให้นั่งได้ง่ายๆ ต้องตอบคำถามก่อนถึงได้นั่ง เพราะอาจารย์บอกแล้วนะ พุทธะรู้จักคนที่รู้จักช่วยตน เราเรียนรู้ธรรมะเพื่อหาทางพ้นทุกข์ ไม่ใช่เรียนธรรมะแล้วยิ่งทุกข์ อย่างนี้เปล่าประโยชน์ ถูกหรือไม่ ฉะนั้นเราฟังธรรมะเพื่อนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์ อาจารย์ถามหน่อยนะว่า ธรรมะคืออะไร ตอบได้ไหม (ธรรมะคือธรรมชาติ) ถูกไหม (ถูก) ฉะนั้นโดนด่าก็เป็นธรรมชาติ ใช่ไหม เพราะอะไรถึงเป็นธรรมชาติ ทุกอย่างนี้เป็นธรรมชาติหมดใช่ไหม (ใช่) โดนด่าก็เป็น (ธรรมชาติ) โดนโกงก็เป็น (ธรรมชาติ) ได้หรือเปล่าหนอ หัวหน้าตอบถูกไหม ถ้าอาจารย์บอกว่าธรรมะคือสิ่งที่เป็นจริงรอบๆ ตัวเรา หรือเรียกว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาของชีวิต คำตอบของอาจารย์ครอบคลุมกว่าไหม อาจารย์ถามหัวหน้าว่าจะให้ทุกคนนั่งแล้วตัวเองยืนยอมไหม (ยอม) อ้าวศิษย์รักนั่งลงได้ (ขอบคุณพระอาจารย์เมตตา) (ขอบคุณหัวหน้า)
ธรรมะ เป็นธรรมชาติ แม้เราจะตอบแล้วเราไม่ได้รับผลของการทำความดีแล้วคนอื่นได้ไป มันก็เป็นธรรมชาติ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ธรรมชาติก็สอนให้เรารู้อย่างหนึ่งว่า เมื่อมีคนดี แล้วเราได้นั่ง แล้วปล่อยให้คนดียืน อย่างนี้มันใช่ธรรมชาติของคนดีไหม (ไม่ใช่) ที่บอกให้คนดียืนต่อไป ไม่เกี่ยวกับเรา ได้ไหม (ไม่ได้) ฉะนั้นเราจะทำอย่างไร ใครจะช่วยหัวหน้า
(นักเรียนในชั้นคนหนึ่งยกมือ) แต่ ในโลกนี้ศิษย์เคยได้ยินไหม มันไม่มีคนที่โชคดีไปตลอด มันต้องมีคนดีแล้วก็คนไม่ดี ใช่ไหม (ใช่) คนโชคดีแล้วก็คนโชคร้าย ใช่ไหม (ใช่) ถ้าศิษย์จะยอมช่วยหัวหน้า หัวหน้าเป็นคนโชคดี ศิษย์ต้องเป็นคนโชคร้าย ยอมไหม นั่นแหละธรรมะ ศิษย์ยอมไหม ถ้าศิษย์ยอมให้หัวหน้านั่ง แล้วตัวเองยืน ยอมไหม นั่นแหละเรียกว่าธรรมะ จริงไหมล่ะศิษย์ อาจารย์ถามจริงๆ จะมีคนรอดปลอดภัยเป็นไปได้ไหมในโลกนี้ มันต้องมีคนโชคดี กับคนโชคร้าย ถูกไหม ตอนนี้นักเรียนในห้องทุกคนเป็นคนโชคดี ได้นั่งหมด แต่หัวหน้ายอมรับโชคร้าย อย่างนั้นตอนนี้ถ้าศิษย์จะช่วย เขาก็กลายเป็นคนโชคดี แล้วศิษย์กลายเป็นคนโชคร้าย ยอมไหม อย่าพยายามหาเหตุผลนะศิษย์
ความจริงมันก็ไม่แน่ ไม่อย่างนั้นศิษย์คงไม่พูดหรอกว่า ทำดีไม่เห็นได้ดี ใช่ไหม (ใช่) อย่างนั้นแปลว่าจะช่วยหัวหน้าใช่ไหม แต่อาจารย์บอกว่า ในโลกมันมีกฎเกณฑ์ บางครั้งเราว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ว่ากฎเกณฑ์เขาบอกว่า คุณไม่ถูก ถ้าคุณยอมให้คนนี้ถูก คุณต้องเป็นคนผิด ยอมไหม แต่รู้สึกว่ามันฝืนใจใช่ไหม (ก็ไม่ฝืนใจค่ะ) อ้าวอย่างนั้นหัวหน้านั่งไป เขายืนไป เต็มใจไหม (เต็มใจ) อย่างนั้นหัวหน้านั่ง อาจารย์ต้องการจะให้ศิษย์เห็นว่า ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น บางทีธรรมะก็อยู่เหนือถูก-ผิด ดี-ร้าย ได้-เสีย ของความเป็นคน นั่นก็เรียกว่า ธรรมะ ฉะนั้นบางครั้งเรารู้สึกว่าเราทำถูกแล้ว เราทำดีแล้ว แต่ทำไมอาจารย์ไม่ให้หนูนั่ง แล้วเราผิดไหม ไม่ผิดนี่ แล้วเราร้ายไหม (ไม่ร้าย) ก็ไม่ร้ายนี่ แต่ถ้าในใจคิดว่าเมื่อไหร่จะให้หนูนั่ง ทำไมไม่ให้หนูนั่งอาจจะร้ายก็ได้ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นธรรมะคืออะไรหรือศิษย์ อาจารย์อยากจะบอกให้ศิษย์ให้เห็นว่าธรรมะคือความเป็นจริงที่แม้ว่าบางครั้งความจริงนั้นจะโหดร้ายกับเราก็ตาม มันก็คือธรรมะ ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นตอนนี้เราเจอบทโหดร้ายแล้วเราอยากหาใครช่วยไหม อาจารย์ให้โอกาสหาตัวตายตัวแทน ธรรมะคืออะไร อย่ามองธรรมะแค่ด้านเดียว (ขอให้ผู้ที่มีจิตเมตตาช่วยด้วย) ตัวเองทุกข์แล้วแต่ก็เข้าใจพูดนะ ใครล่ะจะยอมทุกข์ มันเป็นเรื่องยากนะศิษย์ แต่ศิษย์รู้ไหมว่าคนไหนที่กล้ายอมทุกข์คนนั้นจะพบธรรม คนไหนที่เอาแต่หนีทุกข์คนนั้นจะไม่มีวันพ้นทุกข์และพบธรรมได้ อาจารย์ช่วยแล้วนะ ดูสิว่ามีใครอยากช่วยศิษย์ไหม หัวหน้ายอมช่วย และมีนักเรียนยอมช่วยอีกคนหนึ่ง ศิษย์พ้นทุกข์แล้วนะได้นั่ง (ขอบคุณค่ะ) อย่างนั้นธรรมะคืออะไร (สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ซึ่งความคิดของเราจะดี ชั่ว โหด เลวร้าย อย่างไร มันก็มีกฎเกณฑ์ของมันเองซึ่งถ้าเกิดขึ้นกับชีวิตของเราแล้ว คิดว่าบุคคลเหล่านั้นก็ต้องดีพร้อมจะรับมันค่ะ) มองให้ออกแล้วคิดให้ได้หาทางพ้นทุกข์ให้เจอ นี่เหละเรียกว่าเข้าถึงธรรม ดั่งที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า “ธรรมะเป็นปัจจัตตัง” รู้ด้วยตัวเองเห็นแจ้งด้วยตัวเองใครช่วยเราไม่ได้ ตอนนี้ศิษย์รู้เท่าๆ กันหมดแล้ว ธรรมะคือความจริง ความจริงนั้นไม่ว่าจะดีหรือจะเลวก็ตามแล้วความจริงนั้นอยู่นอกเหนือกฎดีชั่ว เลวร้ายทุกข์สุขของความเป็นคนนั้นเรียกว่าธรรมะใช่หรือไม่ (ใช่) ธรรมะยังบอกอีกอย่างหนึ่งว่าธรรมะคือความปกติอันพอดีของชีวิต ฉะนั้นถ้าเราเจอดี ร้าย ได้ เสีย ทุกข์ สุข เราสามารถรักษาจิตให้เป็นปกติได้ไหม แล้วพอใจในสิ่งที่เกิดได้ไหม ถ้ารักษาจิตปกติพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แม้จะโดนให้ยืนก็ตามศิษย์ก็จะพบธรรมได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ยืนไหม จะยอมยืนไหม (ยอมยืนค่ะ) หัวหน้าตอบนะ ธรรมะคืออะไร (ธรรมะก็คือธรรมชาติเป็นจักรวาลที่ให้กำเนิดสรรพสิ่ง ชีวิต) ศิษย์เอ๋ยอย่าไปไกล ธรรมะถึงที่สุดแล้วก็ย้อนกลับมา ที่ตัวไม่ต้องไปอธิบายมาก ธรรมะก็คือตัวเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) ตัวเราที่เข้าใจชีวิตแล้วหาทางพ้นทุกข์เจอ ธรรมะอาจจะใช่จักรวาล แต่อาจารย์จะบอกว่าจริงๆ แล้ว จักรวาลก็ไม่มีประโยชน์ถ้าศิษย์แก้ทุกข์ไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้น อยากยืนอีกไหม (ถ้าความลำบากอยู่บนความสุขของคนส่วนใหญ่ เราจำเป็นที่จะต้องรับแบกภาระไว้เพื่อให้การแพร่ธรรมะกว้างไกลออกไป) ตอบได้ดีนะ ถ้าธรรมะทำให้ตัวเองต้องลำบาก แต่ทำให้งานธรรมะเจริญกว้างไกล ธรรมะทำให้ตัวเองต้องทนลำบาก ยืนอยู่คนเดียว แต่คนอื่นมีความสุข ผมก็ทำ ตอบได้ดีไหม (ดี) เข้าถึงธรรมหรือยัง พอจะเข้าใจธรรมะบ้างไหมศิษย์ แต่มีบางคนยังไม่รู้เรื่องกับอาจารย์เลยใช่ไหม หัวหน้านั่งลงได้
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นออกมาหน้าชั้น ๔ คน จับคู่กัน โดยให้คู่หนึ่งยืนทะเลาะกัน อีกคู่หนึ่งยืนคุยกัน)
อาจารย์ถามหน่อยนะ ว่าคู่ไหนมีธรรมะ ศิษย์ว่าคู่ไหน คู่ที่ทะเลาะกันหรือคู่ที่คุยกันเงียบๆ ไหนใครว่าคู่ที่เงียบๆ มีธรรมะ ยกมือขึ้น เอามือลง ไหนใครว่าคู่ทะเลาะมีธรรมะ ยกมือขึ้น เอามือลง อาจารย์เพิ่งได้ยินทะเลาะกันมีธรรมะด้วย ศิษย์ว่าคู่ไหนมีธรรมะหรือว่าทั้งคู่มีธรรมะ ยกมือขึ้น เอามือลง ศิษย์ว่าทั้งคู่ไม่มีธรรมะเลย ยกมือขึ้น แล้วที่ไม่ตอบคืออะไรศิษย์ ปรบมือให้สี่ท่านนี้หน่อยนะ โดยส่วนใหญ่ก็มักจะบอกว่าคู่ที่นิ่งๆ น่าจะมีธรรมะมากกว่าใช่หรือไม่ แล้วคู่ที่ทะเลาะกันดูไม่น่าจะมีธรรมะ แต่ถ้าอาจารย์บอกว่าไม่อาจหยั่งรู้ได้ก็ใช่ ถ้านิ่งๆ แต่ว่ายังไม่มีเรื่องให้กระทบ เราจะบอกว่าเขามีหรือไม่มีธรรมะ เราก็ไม่อาจรู้ได้ถูกไหม แต่อาจารย์อยากจะบอกว่า ไม่ว่าธรรมะคืออะไร ศิษย์มักจะพูดว่า ธรรมะต้องเป็นความสงบเท่านั้น วุ่นวายไม่ใช่ธรรมะ ถูกไหม ก็ไม่น่าจะใช่ ใช่ไหม ธรรมะที่แท้จริงน่าจะอยู่ได้ไม่ว่าจะสงบหรือวุ่นวาย นิ่งเฉยหรือว่ามีเรื่อง เราก็ต้องสามารถมองเห็นธรรมะได้ ถ้าเขามีเรื่องกับเรา เราให้อภัยไม่ถือโกรธไหม ถ้าเราให้อภัยทำความเข้าใจ เราก็เป็นคนจบได้ด้วยธรรมะ แต่ถ้าเราไม่ยอม เรามองไม่เห็นธรรมะ เราหาเรื่องเขาตอบ เราก็คือคนที่มองไม่เห็นความเป็นจริงในโลก ถูกหรือไม่ ฉะนั้นเข้าใจธรรมะให้ถูกต้องนะ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ถามอีกนะ ธรรมะคืออะไร
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นเรียน ๑ ท่านและผู้ปฏิบัติงานธรรม ๑ ท่านไปยืนหน้าชั้นเรียน ๒ ท่าน) ศิษย์ว่า สองคนนี้อะไรคือธรรมะ (ร่างกาย) ร่างกายหรือ มีคนบอกว่าสังขารคือธรรมะ เราเห็นธรรมะอะไรในตัวสองท่านนี้ไหม ศิษย์ตอบว่า (ความดี) เห็นอะไรดีในตัวเขา (เห็นนิสัย) แค่มองก็รู้นิสัยเลยเหรอ ดีทั้งคู่ไหม ศิษย์ว่าดีทั้งคู่ไหม
ถ้าไม่ดีก็ไม่มา แต่คนที่มาส่วนใหญ่นี่ดีทั้งนั้นใช่ไหม (ถ้าไม่ดีอาจารย์ไม่ให้เข้า) เข้าใจตอบ บางครั้งควรจะบอกว่า ธรรมะคือด้านสว่าง ถ้าไม่ใช่ธรรมะคือด้านมืด ถูกไหม บางคนเขาบอกว่าธรรมะคือความสว่าง อธรรมคือความมืดมิด ใช่หรือไม่ ธรรมะคือดูดี มองอะไรก็สบายใจ แต่ถ้าไม่ใช่ธรรมะ ก็คือหม่นหมอง มีแต่ความเศร้า มีแต่ความทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่จริงๆ แล้วต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไหม (ไม่) ไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าจะยอมกระโดดลงไปสู่ความทุกข์ และเห็นแจ้งในทุกข์ได้อย่างไร ฉะนั้นธรรมะก็คือ ไม่ว่าร้าย ไม่ว่าดี ไม่ว่าจะขาวหรือดำ เราก็สามารถมองเห็นธรรมได้
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนในชั้นออกมาเป็นตัวอย่าง สามวัย คือวัยสาว, วัยกลางคน, วัยสูงอายุ)
เห็นธรรมะไหม (เห็น) เห็นอะไร (เห็นความไม่เที่ยง) เห็นความไม่เที่ยงเลยหรือ ใช่ไหม (ใช่) ทำไมจะต้องเอามาเรียงแล้วถึงจะเห็น จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นศิษย์ท่านไหน ก็ล้วนมีธรรมะที่เรียกว่า ความไม่เที่ยง หลักใหญ่ของการเรียนรู้ธรรมะ แล้วจะนำพาให้เราพ้นทุกข์ได้ ถึงที่สุดแล้วศิษย์จะต้องจำไว้ว่า ธรรมะที่จะนำพาให้เราพ้นทุกข์ได้ นั่นคือความไม่เที่ยงแท้ ใช่หรือไม่ (ใช่) แม้อารมณ์โกรธ แม้อารมณ์อยาก แม้เรื่องดีเรื่องร้าย มันก็ล้วนไม่เที่ยง ฉะนั้นเราจะไปยึด เราจะไปโกรธ เราจะไปโมโหได้ไหม (ไม่ได้)
ถ้าสมมติอาจารย์บอกว่า แก่จริงๆ เลยเธอ โกรธไหม (ไม่โกรธ) เหี่ยวแล้วนะเธอ โกรธไหม (ไม่โกรธ) อย่างนั้นอาจารย์ถามศิษย์ ยังสวยอยู่เลย ควรจะดีใจไหม (ดีใจ) ดีใจแปลว่าหลงตัวเอง ในเมื่อเราไม่ควรโกรธกับการโดนว่าเหี่ยว ศิษย์ก็ไม่ควรดีใจกับการโดนชมว่าเต่งตึง หรือสวย เพราะมันเป็นอะไร มันไม่เที่ยง ไม่ใช่พออารมณ์กระทบก็ไปแล้ว ไม่เห็นธรรมะแล้ว ได้ไหม สมมติ อาจารย์เดินมาคนแรก ชมว่าสวยจังเลย หน้ายังดูละอ่อนอยู่เลย ดีใจไหม พออีกคนเดินมาใหม่ ยายทำไมแก่ แปลว่าเรารักคนแรกที่ชมแล้วเราเกลียดคนนี้ที่ว่าเลยใช่ไหม (ไม่ใช่) ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมคืออะไร เมื่อรู้ธรรมแล้วต่อไปคือการปฏิบัติ
ฉะนั้นเมื่อเราเข้าใจธรรมะได้ระดับนึงแล้ว แล้วเราจะปฏิบัติธรรมอย่างไร หรือว่าศิษย์ยังไม่เข้าใจธรรมะ เข้าใจไหม ธรรมะคือ หนทางสู่ความพ้นทุกข์ ธรรมะคือความเป็นจริงอันหนีไม่พ้น ธรรมะคือความจริงอันเป็นธรรมดาของชีวิต ธรรมะคือความเป็นกลาง ธรรมะคือความไม่เที่ยง เอาง่ายๆเลยดีไหม (ดี) ถ้าเห็นอะไรทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) ผมเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) อารมณ์เราเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) โดนด่าเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) มีเงินเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) มีภรรยาเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) มีสามีเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) มีลูกเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) ไม่มีลูกเที่ยงไหม (ไม่เที่ยง) ฉะนั้น เราต้องมองให้เห็นความเป็นจริงของโลกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นธรรมดา อันไม่เที่ยงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นเพียงชั่วคราว ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจอย่างนี้เราก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ และปฏิบัติได้ทุกๆ ที่ ทำความสงบได้ทุกๆ ที่ ไม่จำเป็นจะต้องมีความสงบอยู่แค่ในวัด ไปไหนก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ ศิษย์ว่าใช่ไหม (ใช่) ศิษย์ว่าเป็นไปได้ไหม (เป็นไปได้)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนชาย ๒ ท่านออกมาหน้าชั้น) อย่างไรเรียกว่าปฏิบัติธรรม เมื่อเรารู้ธรรมแล้ว เราจะเอาไปปฏิบัติอย่างไรจนเห็นธรรม จริงไหม (จริง) อย่างนั้นปฏิบัติธรรมคืออะไร รู้ไหมว่าปฏิบัติอย่างไร (คือปฏิบัติแล้วลด ละ เลิก อบายมุขทุกอย่างครับ)
(พระอาจารย์เมตตาตีนักเรียนคนแรกด้วยพัดทุกครั้งที่เขาตอบ)
ใช่หรือ (ครับ) แน่ใจหรือ (แน่ใจครับ) จริงหรือศิษย์ (จริงครับ) อย่างนั้นเปลี่ยนด้ามใหม่ ก็ศิษย์บอกว่าลด ละ เลิกทุกอย่างแล้ว ใช่ไหม (ใช่ครับ) อย่างนั้นอาจารย์บอกว่า แล้วอย่างนี้เรียกว่าปฏิบัติธรรมได้ไหม (ได้ครับ) แน่หรือ (แน่ใจครับ) ห้ามเปลี่ยนแล้วนะ (ครับ) ไหวไหม (ไหวครับ) พร้อมนะ (ครับ) แล้วก็ปฏิบัติได้ใช่ไหม (ครับ) ได้อะไร (ได้ความนึกคิดครับ) นึกคิดอะไร (นึกคิดถึงธรรมครับ) ธรรมอะไร (ธรรมพรหมวิหาร ๔ ครับ) มีอะไรบ้าง (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ครับ) ใช่หรือไม่ (ครับ ใช่ครับ)
(พระอาจารย์เมตตาถามแล้วใช้พัดตีนักเรียนอีกท่านหนึ่งทุกครั้งที่เขาตอบ)
เขาพูดถูกไหมศิษย์ (ถูกครับ) เราปฏิบัติธรรมได้ทุกเมื่อ ใช่ไหม (ใช่ครับ) แม้แต่โดนอาจารย์ตีก็ปฏิบัติได้ใช่ไหม (ใช่ครับ) ได้อะไร (นิ่งเฉยและปล่อยวางครับ) เข้าใจหรือยังศิษย์ ฉะนั้นศิษย์ก็ปฏิบัติได้ทุกเมื่อเมื่อโดนกระทบ เมื่อโดนกระทบศิษย์คิดได้ไหม เมื่อโดนกระทบศิษย์เห็นธรรมไหม เมื่อโดนกระทบศิษย์เห็นอะไร ถ้าโดนกระทบแล้ว ศิษย์ด่ามัน เกลียดมัน โกรธมัน เดี๋ยวก็เตะมัน อย่างนี้ไม่ได้ธรรมะ แต่ได้อารมณ์ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่ถ้าโดนกระทบ เราเห็นธรรม อ้อ มันไม่เที่ยง อ้อ มันไม่แน่ เดี๋ยวเขาตบ เดี๋ยวเขาก็เลิกตบไปเองล่ะ เดี๋ยวเขาก็หมดแรงตบไปเอง
หรือถ้าเราคิดให้เกิดปัญญา อ้อ อาจารย์ตบก็ดี ตบปุ๊บกิเลสหาย ตบปุ๊บความโกรธหาย ตบปุ๊บอัตตาตัวตนไม่เหลืออยู่ (ปล่อยวางครับ) ปล่อยให้จริงนะ อาจารย์ว่าพยายามท่องขันติ ขันติ ขันติ ใช่ไหม (ใช่ครับ) อย่างนี้แปลว่ายังไม่เข้าใจ ยังปล่อยวางไม่ได้ เมื่อไรที่เรายังท่องคำว่าขันติ อดทน แปลว่าเรายังยึดติดในตัวตน อันนี่ก็ไม่เที่ยง อารมณ์ที่เกิดเพราะโดนกระทบก็ไม่เที่ยง ตัวอาจารย์ก็ไม่เที่ยง ฉะนั้น เราจะมองเห็นแต่อารมณ์ อารมณ์ อารมณ์ หรือเห็นไม่เที่ยง ทุกข์แล้วปล่อยวางหรือไม่เที่ยง ทุกข์แล้วเราจะทุกข์ เราจะทุกข์ แล้วเราก็เตะมัน อย่างนี้ก็คือเวียนว่ายตายเกิดไม่หลุดพ้นทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่ครับ) ฉะนั้นปฏิบัติได้ทุกขณะเมื่อจิตรู้ใจตน เห็นตัวเองไม่ได้เห็นผู้อื่น ไม่ได้เห็นผู้อื่นที่มากระทบ แต่เห็นตัวเองที่ถูกกระทบแล้วมีอารมณ์ หรือถูกกระทบแล้วเห็นธรรมะ เห็นทุกข์แล้วปล่อยวาง หรือถูกกระทบ เห็นอารมณ์แล้วโกรธมันเลย แล้วก็ไปทำร้ายมันเลย นั่นก็คือคนที่สร้างกรรมให้เกิดการเวียนว่ายไม่จบสิ้น แต่ถ้าถูกกระทบแล้ว เอ้อดี ได้ชดใช้กรรม เอ้อดี ได้ปล่อยวาง เอ้อดี ได้ไม่ยึดมั่นถือมั่น เราจะเอาแบบไหน ฉะนั้นพอเข้าใจแล้วหรือยังว่า ปฏิบัติธรรมได้ทุกๆ ที่ แล้วศิษย์ก็สามารถเป็นพระที่สามารถสร้างวัดได้ทุกๆ ขณะ ถ้าเราไปอยู่กับใครโดนกระทบไม่โกรธ อยู่กับใครโดนกระทบมองเห็นตัวเอง อยู่กับใครโดนกระทบปล่อยวางไม่เอาทุกข์มา เราก็ทำวัดให้เกิดได้ในทุกๆ ที่ ใช่หรือไม่ (ใช่ครับ) เอาอีกไหม (ได้แล้วครับ)
จำไว้นะศิษย์เอ๋ย ตัวตนนี่คือศาลาที่พักชั่วคราว มันอยู่กับเราไม่ได้นาน ตัวจริงที่แท้คือสิ่งที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราเกิดมาเพื่อ เกิดมาแล้วดับ หรือ เราเกิดมาเพื่อเกิดดับไม่รู้จบ หรือเราเกิดมาเพื่อดับการ เกิด คิดให้ดีๆ ฉะนั้นจำไว้นะศิษย์เอ๋ยเราเข้าใจธรรมะ เรารู้ธรรมะเยอะ แต่ธรรมะไม่ใช่รู้มาเพื่อได้ ได้รู้ว่าฉันเก่งนะจบเปรียญธรรม ฉันฟังธรรมเยอะ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ทางดับทุกข์ ธรรมะที่แท้จริงคือรู้แล้วเอามาใช้แล้วดับทุกข์ให้ได้นี่จึงเรียกว่าธรรมะ เรียกว่าปฏิบัติธรรมใช่หรือไม่ (ใช่)
อาจารย์ขอนักเรียนอีกคนหนึ่ง อยากเรียนรู้วิธีการปฏิบัติธรรมกับอาจารย์ไหม เดี๋ยวอาจารย์จะสอนให้อีกหนึ่งคน วิธีการปฏิบัติธรรมกับอาจารย์ไม่ยากเลยนะ เอาแอปเปิลมาให้อาจารย์หน่อย
(พระอาจารย์เมตตา เกี่ยวกับการนำแอปเปิลมาน้อย มามาก)
อยากเรียนการปฏิบัติธรรมกับอาจารย์ก็ต้องอดทนใช่ไหม (ใช่) (นักเรียนนำแอปเปิลมาให้พระอาจารย์ ๑ ผล) เอามาแค่นี้จะพอกินที่ไหนล่ะ ไม่ได้ดั่งใจเลย ไม่ไหวๆ นะ ใช้ไม่ได้เลยนะ ศิษย์ว่าอย่างไร (นักเรียนนำแอปเปิลมาให้พระอาจารย์ ๑ ถาด) ศิษย์ว่ามันโลภไปไหม มันมากไปไหมเอาให้มันพอดีๆ สิ ไปใหม่ๆ ถ้าไม่ไปแล้วทำอย่างไร ศิษย์จะได้พ้นทุกข์ไม่ถูกใช้แล้วใช้อีก ศิษย์เอ๋ยบางครั้งเราทำงานกับคน เราพูดหนึ่ง เราก็ทำหนึ่ง เขาก็ว่าเราโง่ แต่พอเขาสั่งหนึ่ง เราทำสอง เขาก็ว่าฉลาดเกินรู้มาก ใช่ไหม (ใช่) เป็นอย่างนั้นไหมศิษย์ ฉะนั้นคิดให้ออก ถ้าศิษย์คิดได้ศิษย์ก็ปฏิบัติธรรมได้ ถ้าศิษย์คิดไม่ได้ศิษย์ก็ต้องถูกเขาใช้ ถูกเขาว่าจนทุกข์ตาย แต่ถ้าศิษย์คิดออกคิดได้ศิษย์ก็พ้นทุกข์ได้ ใช่ไหม (ใช่) เราเคยเป็นไหม แม่บอกว่าให้ไปหยิบมาหน่อยลูก ลูกนี่โง่จริงๆ หยิบมาทำไมลูกเดียวพอกินที่ไหน พอลูกเอามาทั้งเข่งแม่บอกว่าไปเอามาจากไหนไปขโมยเขามาหรือเปล่า แม่ว่าเราจนหาที่ดีไม่เจอเลยก็มีใช่หรือไม่ (ใช่)
บางทีเราอยู่กับคน เราพยายามอยากจะเป็นคนดี เราอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่บางครั้งหันซ้ายก็โดนว่า หันขวาก็โดนว่าจะเดินหน้าก็ไปไม่ได้ จะถอยหลังก็ทำไม่ถูก ทำยังไง (ทำใจ) ศิษย์เอย ถ้าเป็นอย่างนี้ลองพูดกับหัวหน้า หัวหน้าครับผมโง่จริงๆ หัวหน้าต้องการกี่ลูกกันแน่ครับ ใช่ไหม หัวหน้าต้องการอะไร ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ผมมันโง่หัวหน้าต้องชี้ให้ผม ก็แค่น้อมยอมรับความจริง ถูกไหม ฉะนั้นอาจารย์ทำอย่างไรดี (จะรับกี่ลูกครับ) แค่นั้นเอง ใช่ไหม เดินแล้วหยิบมาลูกเดียวก็ไม่ถูกใจ สองลูกก็ไม่ถูกใจ ยกมาทั้งถาดก็ไม่ถูกใจ อย่างนั้นทำอย่างไร (น้อมรับ) น้อมรับว่าเราไม่รู้จริงๆ แล้วถามเขาสิ จะเอาเท่าไหร่ครับหัวหน้าคราวนี้ผมจะไม่โง่อีกแล้ว ถ้าบางครั้งความทุกข์มันทำให้เราทุกข์ อย่าหนี ศิษย์กระโดดลงไปหามันแล้วค้นหาทางออกให้เจอ ก็ถ้ามันทำให้เราเจ็บ ศิษย์จะบอกไม่เจ็บ ถ้าศิษย์ต้องเจอการตาย ศิษย์ก็ต้องยอมรับการตาย ถ้าศิษย์ต้องเจอการพลัดพราก ศิษย์ก็ต้องยอมรับการพลัดพราก เพราะมันเป็นธรรมดาของชีวิต เรารู้แล้วเราจะเอามาปฏิบัติหรือรู้แล้วเอาแต่หนี เอาแต่หนี กลัวแล้ว กลัวแล้ว แบบนี้ถูกไหม (ไม่ถูก) ต้องกล้ายอมรับมันและหาทางพ้นทุกข์ให้เจอ ใช่ไหม (ใช่) วันหนึ่งเขาไม่รัก วันหนึ่งเขาไม่ปรารถนา ไม่ยินดีกับเรา ทำดีเท่าไรเขาก็ไม่เห็นดีด้วย ศิษย์ทำอย่างไรล่ะ ร้องไห้แล้วก็หนีดีหรือยอมรับ ใช่หรือไม่ (ใช่) เอากี่ลูกดี อย่างนั้นอาจารย์ให้หนึ่งลูก พอเข้าใจวิธีปฏิบัติธรรมแล้วหรือยัง พอเข้าใจไหม ธรรมศิษย์รู้เยอะแล้ว แต่เมื่อไรศิษย์จะลงมือปฏิบัติให้ตัวเองได้พ้นทุกข์บ้างเสียที
เอากี่ลูกดีหัวหน้า ตอบหลายครั้ง ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมคืออะไร การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่เป็นการทิ้งหน้าที่ แต่การปฏิบัติธรรมก็คือการ
ละทิ้งความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่า จะผ่านมาหรือผ่านไป ไม่ยึดติด ยินดียินร้ายในสิ่งใด สามารถอยู่กับทุกๆ ขณะได้ด้วยหัวใจที่ไม่เป็นทุกข์ นี่แหละเรียกว่าปฏิบัติธรรม ทำยากไหม (ไม่ยาก) ไม่ยากเลยใช่หรือไม่
ละทิ้งความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่า จะผ่านมาหรือผ่านไป ไม่ยึดติด ยินดียินร้ายในสิ่งใด สามารถอยู่กับทุกๆ ขณะได้ด้วยหัวใจที่ไม่เป็นทุกข์ นี่แหละเรียกว่าปฏิบัติธรรม ทำยากไหม (ไม่ยาก) ไม่ยากเลยใช่หรือไม่
ยืนเมื่อยหรือยัง อาจารย์มีรางวัลให้ เอารางวัลมาล่อแล้วนะ ดูสิจะอยากตอบอาจารย์ไหม ถ้าเราอยู่ในโลกเราจะใช้คุณธรรมข้อไหนในการปฏิบัติธรรมตอบว่า (ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่) แปลว่าได้แอปเปิลมาจะแบ่งไหม (แบ่ง) ไม่มั่นใจหรือ ยิ่งแบ่งยิ่งได้บุญที่ยิ่งใหญ่นะ ตอบว่า (ทางสายกลาง) แปลว่า คนที่ไม่ยินดียินร้าย ไม่ติดในสิ่งที่สวยงามหรืออัปลักษณ์ ยอมรับได้ในทุกแบบ นั่นคือมีหัวใจเป็นหนึ่งไม่แบ่งแยก ทำให้ได้นะ พูดได้แล้วทำไม่ได้มีมากแล้วนะ (การให้อภัย) การให้อภัยเป็นทานอันประเสริฐ ทำให้ได้ตลอด (มีเมตตา) มีเมตตาต่อผู้อื่น แม้เขาจะทำเราเจ็บปวดเราก็ยัง (เมตตาต่อผู้อื่นทุกๆ ท่าน) แม้เขาจะตบหน้าเรา เราก็ยัง (เมตตา) แม้เขาจะเอาสามีเราไปเราก็ (เมตตา) จริงเหรอ
ศิษย์เอ๋ย (รู้จักพอ) รู้จักพอมีให้ได้ทุกวันนะความสุขจะได้มีทุกวัน ถ้าได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ความสุขก็จะหายากนะ (การเอื้ออาทรต่อผู้อื่น) การรู้จักเอื้ออาทรกับผู้อื่น มีก็รู้จัก (แบ่งปัน,สร้างคุณธรรมความดีต่อครูบาอาจารย์พ่อแม่ และต่อพี่น้องทุกคน) ตอบได้ดีนะ อาจารย์ว่าเอาแค่รู้จักใจเย็น ไม่ขี้บ่น ไม่ขี้โมโห ไม่ติดหมาก หรือเปล่า คนดีเค้าติดหมากไหม หมากก็เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งนะ ต้องเลิกให้ได้ อาจารย์ยังเลิกเหล้าได้เลย ทำไมศิษย์จะเลิกหมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นศิษย์จะต้องทรมานนะ ถ้าเลิกไม่ได้ (ต้องมีสติก่อนมีอารมณ์) ใช่ไหม (เมตตาและรู้จักชักชวนทำบุญ) รู้จักมีเมตตาและชักชวนในสิ่งที่ถูกต้องดีงามนะ ทำให้ได้นะ
(กตัญญู รู้คุณ) คุณธรรมความดีงามและความสุขต้องเริ่มจากในบ้าน มีความไม่เที่ยง เห็นอะไรก็พยายามบอกว่า มันไม่เที่ยงใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวได้เดี๋ยวเอาคืน มันเป็นธรรมดาใช่ไหม (ใช่) เหมือนอาจารย์จะให้ แล้วอาจารย์เปลี่ยนใจไม่ให้ ได้ไหม (ได้) แน่นะ (ไม่ยึดมั่นถือมั่น) ไม่ยึดมั่นถือมั่นแม้กระทั่งความคิดตัวเอง ใช่ไหม (ทำจิตใจให้ดี) จิตใจดีทำได้อย่างไรล่ะ (อดทน) อดทนได้หรือ เห็นนั่งไปก็แอบบ่นไปนะ (อดทน, ให้อภัย, รู้จักเสียสละ) ให้อภัยได้จริงๆ หรือ เขามองหน้าหาเรื่องเรา เราจะให้อภัยเขาไหม (อภัย) แน่นะ พูดได้ต้องทำให้ได้ (กตัญญูรู้คุณ, รู้จักเสียสละ) อย่างนั้นให้เขาได้ไหม ศิษย์ตอบว่าอะไรหรือ เดี๋ยวยืนนาน (ใช้ความกตัญญู) ใช้ความกตัญญูคือรู้จักตอบแทนบุญคุณคน ใช่หรือไม่ อย่ากตัญญูแค่เฉพาะพ่อแม่ แต่ต้องรู้จักกตัญญูให้แผ่กว้างต่อไปอีก สำหรับคนที่ทำดีกับเรา ก็ยังสำนึกคุณ ใช่หรือไม่ (ทำจิตใจให้สะอาด) ทำจิตใจให้สะอาดและสงบ จะสะอาดได้อย่างไรยังชอบคิดเล็กคิดน้อยอยู่เลย ยังชอบถือสาหาความอยู่เลย ถูกไหม (ถูก) ถ้าอย่างนี้จะสะอาดไหม คิดเล็กคิดน้อยถือสาหาความ ไม่ดีใช่ไหม (ขยันและอดทน, รู้จักพอเพียง) พอได้หรือยัง พอได้ก็มีสุขได้ในทุกวัน ใช่หรือไม่ ถ้าไม่พอก็ทุกข์ได้ทุกวัน แล้วก็เหนื่อยไม่จบสิ้น (ธรรมะคือ การปฏิบัติธรรม คือการปล่อยวาง) แล้วปล่อยได้สักอย่างหรือยัง (มีความเมตตากรุณา)
มีความเมตตากรุณา ยุงกัดเราไม่ (ไม่ตบ)
มีความเมตตากรุณา ยุงกัดเราไม่ (ไม่ตบ)
เราไม่ (ไม่ตี) ทำได้หรือ (ไม่เห็นแก่ตัว, เป็นฆราวาสที่ดี) เป็นฆราวาสที่ดีอย่างนั้นต้องรู้จักมนุษย์ รู้จักคุณธรรมของความเป็นคนก่อน เกิดเป็นคนต้องมีอะไรเป็นอันดับหนึ่ง กตัญญูรู้คุณ มโนธรรมสำนึก จริยธรรม ซื่อตรงใช่หรือไม่ (รู้จักเผื่อแผ่ผู้อื่น, มีความซื่อสัตย์ไม่ว่าต่อตนเองและต่อผู้อื่น) แน่ใจนะไม่แอบมีกิ๊กไม่แอบมีแฟนแล้วไปมีแฟนอีกทำได้ไหม (ทำได้) (รู้จักอ่อนน้อมสุภาพ, ไม่โลภไม่โกรธไม่หลง) อาจารย์เห็นศิษย์ท่องกันได้เยอะๆ แต่ถึงเวลาก็ยังโลภยังโกรธยังหลง ใช่ไหม (ใช่) แล้วอย่างนี้จะท่องกันเพื่ออะไรนะ จะเบาความโลภความโกรธความหลงดีไหม (การเข้าใจในทุกข์) อาจารย์ว่าคำตอบเริ่มเพี้ยนๆ แล้วนะ
อาจารย์ถามว่าอะไรแล้วนะ (ถามว่าใช้ธรรมอะไรในการดำเนินชีวิต) ใช้ธรรมอะไรในการดำเนินชีวิตนำพาให้เราพ้นทุกข์ (ยึดมั่นถือมั่นในความดีแม้ไม่มีใครเห็น) ถูกไหม (ถูก) ทำดีได้แต่อย่ายึดมั่นไม่อย่างนั้นมันจะทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่) (พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี) พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ยินดีในสิ่งที่ตัวเองได้หรือแม้ไม่ได้ก็ไม่เสียใจไม่ทุกข์ใจใช่ไหม (ธรรมะคือการให้ทานเสียสละและรู้คุณคน,ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน) ตอบได้ดี
โดยส่วนใหญ่มนุษย์มักจะบอกว่า การปฏิบัติธรรมก็คือ การมีทาน (ศีล สมาธิ ปัญญา) การปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ที่มนุษย์รู้กันก็คือ ต้องเริ่มจาก ทาน (ศีล สมาธิ ปัญญา) ศีลไม่ถึง สมาธิไม่มี ปัญญาหาไม่เจอ
ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอาจารย์จะบอกให้นะ มนุษย์มักจะมองว่าเกิดเป็นคนทำไม่ดีมาเยอะแยะ ทำทานเดี๋ยวก็พอแล้ว ทำทานเดี๋ยวก็หายเดี๋ยวก็ล้างกันได้ ได้ไหม ชดเชยกันไม่ได้ใช่หรือไม่ แต่ส่วนใหญ่มนุษย์มักจะเป็นแบบนี้ ไปโกงเขามาเยอะๆ ไปโลภเขามาเยอะๆ แล้วค่อยมาทำบุญแล้วสบายใจเป็นคนดี ถูกไหม (ไม่ถูก) แล้วเราเป็นไหม (ไม่เป็น) จริงนะ ด่าเขามาเรียบร้อยแล้ว แล้วเดี๋ยวไปทำบุญหน่อย โอ๊ย สบายใจ หรือทำบุญเสร็จไปด่าเขาถูกไหม ไม่ถูกนะศิษย์
ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นอาจารย์จะบอกให้นะ มนุษย์มักจะมองว่าเกิดเป็นคนทำไม่ดีมาเยอะแยะ ทำทานเดี๋ยวก็พอแล้ว ทำทานเดี๋ยวก็หายเดี๋ยวก็ล้างกันได้ ได้ไหม ชดเชยกันไม่ได้ใช่หรือไม่ แต่ส่วนใหญ่มนุษย์มักจะเป็นแบบนี้ ไปโกงเขามาเยอะๆ ไปโลภเขามาเยอะๆ แล้วค่อยมาทำบุญแล้วสบายใจเป็นคนดี ถูกไหม (ไม่ถูก) แล้วเราเป็นไหม (ไม่เป็น) จริงนะ ด่าเขามาเรียบร้อยแล้ว แล้วเดี๋ยวไปทำบุญหน่อย โอ๊ย สบายใจ หรือทำบุญเสร็จไปด่าเขาถูกไหม ไม่ถูกนะศิษย์
จุดประสงค์หลักของการทำทานก็คือ ฝึกเมตตา ให้รู้จักลดความโลภ ความโกรธ ความหลง ความตระหนี่ ฉะนั้นการทำทานบ่อยๆ เป็นสิ่งที่ดี ใช่หรือไม่ แล้วเราทำบ่อยไหม (บ่อย) เหมือนที่อาจารย์บอกอย่าคิดว่าการทำทานต้องให้เงิน แค่ไหว้ รู้จักไหว้ รู้จักอ่อนน้อม นั่นก็เป็นบุญ ก็เป็นการทำทานได้เหมือนกัน การรู้จักฟังธรรมก็เป็นการสร้างบุญ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการทำบุญมีเยอะแยะ ใช่หรือเปล่า ไม่ใช่แค่ให้ทานอย่างเดียว แล้วศิษย์ชอบทำสังฆทานไหม (ชอบ) เคยทำไหม (เคย) แล้วรู้ไหมสังฆทานแปลว่าอะไร ไม่รู้อาจารย์ แต่รู้ว่าเมื่อไรมีเคราะห์ต้องไปทำสังฆทาน แต่อาจารย์จะบอกให้นะศิษย์ สังฆทานก็คือ การทำทานโดยไม่เจาะจง เพราะว่าการทำทานโดยไม่เจาะจงว่าต้องเป็นพระองค์นี้ ต้องเป็นคนๆ นี้ อันนั้นถึงจะเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ แต่อาจารย์จะบอกให้นะว่า ทำสังฆทานแม้มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานถึงร้อยครั้ง ก็ไม่ประเสริฐเท่ากับการสร้างวิหารศาลาที่พักให้คนได้ใช้ประโยชน์หนึ่งหลัง แต่ศิษย์รู้ไหมว่า สร้างศาลาที่พักหรือสร้างสถานธรรมให้คนมาฟังธรรมร้อยๆ หลัง ก็ไม่ประเสริฐเท่ากับการให้ธรรมะเป็นทานหนึ่งครั้ง แล้วการให้ธรรมะเป็นทานที่ศิษย์สามารถให้ได้เสมอ ไม่มีเงินศิษย์ก็ให้ได้นั่นคือ การให้อภัย เราทำทานเสร็จแล้วเห็นพระนั่งมอเตอร์ไซค์ขี่รถไปแล้ว ไม่น่าให้เลย เคยเป็นแบบนั้นไหม ทำทานให้คนพิการเสร็จแล้ว เขาเดินตึกๆ หายเฉยเลย โกรธเขาไหม เขากำลังจะให้เราสร้างทานที่ยิ่งใหญ่กว่าการให้ทานก็คือ อภัยเป็นทาน ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นถ้าเขามีศีล ไม่มีศีล แต่เรายังรู้จักให้อภัยได้ ศิษย์ก็ได้สร้างทานที่ยิ่งใหญ่แล้วศิษย์รู้ไหมว่าทำทานเป็นร้อยๆ เป็นพันๆ ครั้ง ก็ไม่เท่ากับการรักษาศีลหนึ่งครั้ง แล้วมีศีลเป็นร้อยๆ เป็นพันๆ ครั้ง ก็ไม่ประเสริฐเท่ากับมีปัญญาเห็นแจ้งจริง แล้วทำตัวเองพ้นทุกข์ ฉะนั้นอาจารย์บอกวิธีปฏิบัติธรรม เพื่อทำให้ตัวเองพ้นทุกข์ไปแล้ว ถ้าศิษย์มีชีวิตอยู่ เราไม่โกรธไม่เกลียด เรามีเมตตา เราก็สามารถทำทานได้ทุกขณะ ใช่หรือไม่ แต่ถ้าศิษย์บอกว่ายังอยากอยู่ ยังโลภอยู่ ยังอยากด่าอยู่ ศิษย์ก็คือคนที่ทำบาป ไม่สามารถสร้างทาน แล้วค่อยมาสร้างทานชดเชย มันแก้กันได้ไหม ฉะนั้นต้องมองให้เห็น ให้ถูกนะ จุดประสงค์ของการรักษาศีลคือ กลับคืนสู่ความเป็นปกติ คนที่ไม่มีศีลคือ คนที่ผิดปกติ แล้วศิษย์มีศีลไหม (มี) จริงหรือ ไม่โกหก ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ผิดลูกผิดเมีย ไม่ติดสุราเมรัย
จริงนะ (จริง) การพยายามนึกถึงเนืองๆ ว่าเรามีศีลครบไหม ก็เป็นบุญอย่างหนึ่งนะศิษย์ ทำให้ได้นะ
พระอาจารย์เมตตาประทานชื่อสถานธรรมที่ ต.ปากพูน อ.เมือง
จ.นครศรีธรรมราช ว่า “ฉือฝ่า” และชื่อสถานธรรมที่หมู่บ้านป่าแชง
ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ว่า “ฉือฮว่า”
จ.นครศรีธรรมราช ว่า “ฉือฝ่า” และชื่อสถานธรรมที่หมู่บ้านป่าแชง
ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ว่า “ฉือฮว่า”
เมื่อสักครู่ที่อาจารย์พูดไปว่า ทำสังฆทานแม้มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานร้อยครั้ง ก็ไม่ประเสริฐเท่ากับ การสร้างวัดให้คนศึกษาธรรมหนึ่งครั้งยิ่งใหญ่นะศิษย์ แต่สร้างวัดได้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่ประเสริฐเท่ากับเราสามารถให้อภัยคนได้หนึ่งครั้ง ทำได้ไหม
พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า
“รู้ด้วยสติ” คำนี้มีความหมายนะ ถ้าเวลาศิษย์เจออะไรมากระทบทางตา ทางหู หรือทางหัวใจก็ตาม ขอให้ทำด้วยสติ และรู้จักปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง ก็จะนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์ หลายครั้งที่เราทำอะไรเพราะขาดสติ โอกาสทุกข์ก็มีมาได้ทันที ใช่หรือไม่ (ใช่)
“รู้ด้วยสติ” คำนี้มีความหมายนะ ถ้าเวลาศิษย์เจออะไรมากระทบทางตา ทางหู หรือทางหัวใจก็ตาม ขอให้ทำด้วยสติ และรู้จักปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง ก็จะนำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์ หลายครั้งที่เราทำอะไรเพราะขาดสติ โอกาสทุกข์ก็มีมาได้ทันที ใช่หรือไม่ (ใช่)
การศึกษาธรรม เป็นปัจจัตตังใช่หรือไม่ ต้องรู้ด้วยตัวเองปฏิบัติได้ด้วยตัวเองแล้วศิษย์ก็จะเห็นแจ้งได้ตัวเอง โลกใบนี้เป็นโลกแห่งความทุกข์ แล้วเราเรียนรู้ธรรมเพื่อพ้นทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่) อย่าเรียนไปเปล่าแล้วถึงเวลาปฏิบัติไม่ได้อย่างนี้น่าเสียดายใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วเราอยู่ในโลกนี้ทุกข์มากไหมศิษย์ (ทุกข์) นั่งอย่างนี้ทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์) นึกว่ายังทุกข์อีก
วันนี้อาจารย์คงต้องกลับแล้วเพราะศิษย์ยังมีหัวข้อธรรมะที่ต้องศึกษาต่อ อีกใช่หรือไม่ (ใช่) อาจารย์บอกศิษย์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วนะว่า การศึกษาธรรมะถึงที่สุดแล้วไม่ใช่เพื่อให้ได้เงินได้ทอง ไม่ใช่เพื่ออำนาจวาสนาแต่การศึกษาธรรมะจุดประสงค์คือ นำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์ และมองเห็นความเป็นจริงในโลกนี้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นธรรม ธรรมอันเป็นจริงที่เราไม่มีวันหนีพ้นเราต้องหาทางพ้นทุกข์ให้เจอ โลกนี้เป็นโลกที่เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ใช่หรือไม่ (ใช่)
เราก็เหมือนกัน อารมณ์ นิสัย สิ่งที่ผ่านมาผ่านไป ไม่เคยมีอะไรยั่งยืนแน่นอน ถูกหรือไม่ (ถูก) สิ่งที่สามารถยั่งยืนแน่นอน แล้วไปกับเราได้ มันมีอะไรรู้ไหมศิษย์ ความดีงาม บุญบาป และเวรกรรม ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอาจารย์จึงอยากให้ศิษย์รู้จักสร้างบุญบ่อยๆ ทำบุญบ่อยๆ แล้วเมื่อไหร่ที่เจอทุกข์ หาทางพ้นทุกข์ให้เจอ บุญนั้นล่ะจะหนุนนำให้ศิษย์ ไม่ว่าจะเวียนว่ายตายเกิดกี่รอบ ก็จะทำให้ศิษย์ได้พบทางสว่าง อาจารย์รู้ว่าศิษย์ไม่มีวันพ้นทุกข์ได้ในทันที แต่จริงๆ ถ้าศิษย์ตั้งใจแล้วมองให้เห็น เวลาโดนกระทบ อย่าเอาแต่มองเขา อย่าเอาแต่เกลียดเขา อย่าเอาแต่ด่าเขา โดนกระทบแล้ว อะไรเกิดในตัวเรา โดนกระทบแล้วเราเห็นอะไรไหม น้อยเนื้อต่ำใจ โมโห โกรธ เพราะอะไร เพราะความยึดมั่นถือมั่น เพราะความยึดติด ชอบแบบนี้ ไม่ชอบแบบนั้น ใช่ไหม
ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมก็คือ ไม่ใช่ให้ทิ้งหน้าที่ แต่การปฏิบัติธรรมก็คือการทิ้งความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องดีร้าย ได้เสีย ทุกข์สุข และสามารถอยู่บนโลกได้อย่างไม่ทุกข์ ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม ทำให้ได้นะศิษย์ อย่ามีความสุข ความสงบแค่อยู่ในวัด แต่ต้องทำให้ได้ทุกๆ ที่ แม้โดนว่าเราก็สงบได้ แม้โดนด่าเราก็เห็นธรรมได้ ยากไหม (ไม่ยาก) แต่อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่ศิษย์ของอาจารย์จะยอมทำ อย่ามัวแต่ไปคิด เปลี่ยนคนอื่น แต่ไม่เปลี่ยนตัวเอง อย่ามัวแต่ไปเข้มงวดคนอื่น แต่ตัวเองยังแก้ไขอะไรไม่ได้ เช่นนี้ไม่ถูกต้อง ผู้ปฏิบัติธรรมคือหันมามองตัวเอง
และรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น และดับทุกข์ในใจให้ได้ ศิษย์ก็จะอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ถูกไหม (ถูก) อาจารย์อยากเห็นศิษย์พ้นทุกข์จริงๆ พ้นทุกข์ที่มันไม่เที่ยงนี้ให้ได้ โลกนี้มันไม่มีอะไรให้เราคว้า ให้เรายึดได้เลยนะศิษย์ อาจารย์ถามศิษย์หน่อย ศิษย์บอกว่าศิษย์มีชีวิตนี้ ศิษย์จะยึดเงินเป็นที่พึ่ง เงินพึ่งได้ไหม (ไม่ได้) แล้วถ้าวันหนึ่งเราไม่มีเงิน ศิษย์จะพึ่งอะไร พึ่งสามีได้ไหม (ไม่ได้) พึ่งลูกได้ไหม (ไม่ได้) พึ่งตัวเองได้ไหม (ได้) บางทีก็พึ่งตัวเองไม่ได้ เพราะถึงที่สุดตัวเองก็ต้องเจ็บ ต้องตาย
และรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น และดับทุกข์ในใจให้ได้ ศิษย์ก็จะอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ถูกไหม (ถูก) อาจารย์อยากเห็นศิษย์พ้นทุกข์จริงๆ พ้นทุกข์ที่มันไม่เที่ยงนี้ให้ได้ โลกนี้มันไม่มีอะไรให้เราคว้า ให้เรายึดได้เลยนะศิษย์ อาจารย์ถามศิษย์หน่อย ศิษย์บอกว่าศิษย์มีชีวิตนี้ ศิษย์จะยึดเงินเป็นที่พึ่ง เงินพึ่งได้ไหม (ไม่ได้) แล้วถ้าวันหนึ่งเราไม่มีเงิน ศิษย์จะพึ่งอะไร พึ่งสามีได้ไหม (ไม่ได้) พึ่งลูกได้ไหม (ไม่ได้) พึ่งตัวเองได้ไหม (ได้) บางทีก็พึ่งตัวเองไม่ได้ เพราะถึงที่สุดตัวเองก็ต้องเจ็บ ต้องตาย
ฉะนั้นสิ่งที่พึ่งได้คืออะไร คือปัญญาเห็นแจ้งในความจริงของโลกใบนี้ ว่าทุกอย่างล้วนมีทุกข์ อย่ายึด ต้องรู้จักวาง กายเจ็บได้ ใจอย่าเจ็บ เขาด่าเราได้ แล้วทำไมต้องให้ใจเจ็บอีกรอบหนึ่ง ศิษย์เคยได้ยินไหม เขาด่าเราครั้งเดียว แต่ความคิดทำให้เราเหมือนโดนด่ากี่ครั้ง (ร้อยร้อยครั้ง) เพราะอะไรเราจึงปล่อยไม่ได้ เพราะเราแค่ยึดมั่นถือมั่น มองไม่เห็นความจริงในโลก ถูกไหมศิษย์ (ถูก) ฉะนั้นตื่นขึ้นจากความฝัน แล้วมองให้เห็นความจริง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ สิ่งที่เที่ยงแท้คือปัญญาที่มองเห็นแจ้งบนโลกใบนี้
ถ้ามนุษย์ประกอบไปด้วยปัญญา แม้ทุกข์ก็เปลี่ยนเป็นสุขได้ ปัญญาคือแก้วอันประเสริฐ คือมณีอันล้ำค่า แต่ถ้าเกิดเป็นคนเสื่อมซึ่งปัญญาแล้ว ศิษย์จะไม่มีวันหาความสุขในโลกได้เลย ใช่หรือไม่ (ใช่) อาจารย์ไปแล้วนะ รู้ว่าเมื่อยแล้ว เหนื่อยแล้ว มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกัน มีโอกาสกลับมาผูกบุญกับอาจารย์อีกดีไหม ดีไหม (ดี) อาจารย์อยากให้ปัญญา ปัญญาที่คิดได้ ปัญญาที่นำพาศิษย์พ้นทุกข์ ไม่ใช่ปัญญาที่ติดในโลภ โกรธ หลง ในโลกใบนี้ ใช่หรือเปล่า ถึงเวลาอาจารย์ก็คงต้องไปแล้ว บางคนยังไม่รู้เรื่องกับอาจารย์เลย รู้เรื่องไหม น่าเสียดายนะถ้าฟังธรรมมาตั้งเยอะแยะแต่ไม่เข้าใจ ศิษย์มองดูชีวิตให้ดีๆ ชีวิตนี้คือความสุขหรือไม่ พุทธะบอกว่ามีแต่ทุกข์ที่เกิดขึ้น ทุกข์ที่ตั้งอยู่ แล้วก็ทุกข์ที่ดับไป การเรียนรู้ธรรมะ คือการหาทางพ้นกองทุกข์กองใหญ่อันนี้ ยึดเมื่อไรก็คือคนโง่ รักหลงเมื่อไหร่ก็คือคนโง่ เพราะอันนี้คือกองทุกข์ รักไหม หลงไหม สวยหรือ มันไม่เที่ยง ฉะนั้นจะทุกข์ทำไม ไม่คิดหาทางพ้นทุกข์ เราเกิดมาเพื่อโง่ แล้วก็ทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ ทุกวัน หรือเราเกิดมาเพื่อมีปัญญาหาทางพ้นทุกข์ ชีวิตคืออะไร ชีวิตคือการนำพาตัวเองให้มีความสุข ฉะนั้นธรรมะคืออะไร ธรรมะก็ไม่ต่างกับชีวิต ทำยังไงให้ตัวเองพ้นทุกข์แล้วมีสุขที่แท้จริง ฉะนั้นตื่นนะศิษย์ ตื่นแล้วมองให้เห็นความจริง โลกนี้สวยไหม โลกนี้สวยหรือ มองดูให้ชัด แล้วจะเห็นว่ามันไม่มีอะไรเลยที่ยึดได้ เงินก็ยึดไม่ได้ ชีวิตก็ยึดไม่ได้ แล้วมีอะไรล่ะที่จะนำพาให้เราไม่ยึดแล้วพ้นทุกข์ ถ้าไม่ใช่ปัญญา
อย่างนั้นอาจารย์รอวันสำเร็จนะ ถึงเวลาอาจารย์ก็คงต้องไปแล้ว ขอบคุณศิษย์ทุกคนที่ช่วยกันดูแลน้องเล็กๆ ให้ฟังธรรมะจนจบ ขอบคุณในความเหนื่อยยากของศิษย์ทุกคนที่ยังมุ่งมั่นปฏิบัติธรรม ขอบคุณจิตใจของศิษย์ที่รู้จักเสียสละเพื่อช่วยคนอื่นนะ อย่าทำร้ายตัวเอง เลือกทำแต่สิ่งที่ถูกต้องได้ไหม มีโอกาสกลับมาหาอาจารย์อีกนะ จงรู้ไว้ว่าในโลกใบนี้ยังมีพุทธะคนหนึ่งที่ยังห่วงศิษย์เสมอ อย่าดื้อนะ มีโอกาสกลับมาหาอาจารย์อีกนะศิษย์เอ๋ย เข้าใจที่อาจารย์พูดไหมเด็กดื้อ สงสัยอะไรนักหนา อย่ารู้มากแต่ทำอะไรไม่ได้นะ อาจารย์อยากให้มงคล อยากให้ปัญญากับศิษย์นะ อาจารย์ไปแล้ว ดูแลตัวเองกันดีๆ บำเพ็ญธรรมอย่าสร้างปัญหาเพราะความคิด อย่าเป็นทุกข์เพราะความคิดของตัวเอง อย่าทำร้ายตัวเองเพราะคิดแล้วคิดอีก เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม นำพาให้ตัวเองพ้นทุกข์ให้ได้ อาจารย์ไม่เคยทิ้งศิษย์ ศิษย์เอ๋ย ดูแลตัวเองดีๆ
ชีวิตนี้มีเรื่องยากแล้ว ฉะนั้นอย่าคิดอะไรให้ยิ่งยาก เข้าใจหรือเปล่า เด็กน้อย เป็นอาจารย์จี้กงน้อยๆ ได้หรือเปล่า จี้กงน้อยๆ คือคนที่รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักเสียสละ ทำได้ไหม ทำให้ได้นะ อาจารย์ไปแล้วนะ ไม่ได้จับมืออาจารย์ไม่เป็นไร แต่อาจารย์อยากให้พลัง พลังแห่งความเข้มแข็ง รู้จักปฏิบัติธรรมด้วยความอดทนนะศิษย์ แล้วนำพาตัวเองให้พ้นทุกข์ให้ได้นะศิษย์ การปฏิบัติธรรมคือนำพาตัวเองพ้นทุกข์ อยากให้อาจารย์รักษาโรคหรือ อาจารย์อยากรักษาโรคทุกข์มากกว่านะ โรคที่ชอบทุกข์ไม่หลุดสักที ก็รู้จักวางมันบ้าง ยอมใช้กรรมจะได้หมดนะศิษย์ ยิ้มสู้ เข้าใจไหม ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ศิษย์ก็จะพ้นทุกข์ได้ เข้าใจนะ
อย่าทุกข์อีกเลยนะ ต้องรู้จักดำเนินชีวิตให้เป็น ดำเนินชีวิตให้ถูก เราก็พ้นทุกข์ได้ ตั้งใจบำเพ็ญธรรมนะศิษย์ อดทนให้ได้ ไม่ว่าเจอเรื่องอะไร ขอให้คิดให้ออก หาธรรมให้เจอ และพ้นทุกข์ให้ได้ อาจารย์อยากเห็นศิษย์พ้นทุกข์สักที อย่าทุกข์กับคน อย่าพ่ายใจตน อย่าทุกข์เพราะความคิด อย่าทุกข์เพราะว่าแค่ยึดติด เชื่ออาจารย์เถอะนะ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “รู้ด้วยสติ”
ทุกขณะหยั่งลึกลงตรงสู่ใจ กุมบังเหียนยั้งหยุดได้ทันท่วงที
ไม่ว่าโลภโกรธหลงความไม่ดี เพียงจิตหนึ่งเดียวนี้สติครอง
เกิดพลังสติสยบสงบสละ ดับการเกิดธรรมพละไม่เป็นสอง
กิเลสเป็นไม้จุดไฟใจเป็นทอง ธรรมเรืองรองฟื้นสู่จิตได้อีกครา