วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

2554-07-31 สถานธรรมฉือเหริน จ.นครศรีธรรมราช



西元二〇一一年 歲次辛卯 六月 三十日    仙佛慈悲訓
วันเสาร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔   สถานธรรมฉือเหริน จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา


   ช้าสุขุมเด็ดขาดย่อมเป็นต่อ               เร็วไปหนอต่อบัณฑิตมักเสียหาย
     ความระวังหนุนความกล้าสมบูรณ์ได้      มีวินัยช่วยสร้างคุณธรรม
เราคือ
  ศิษย์พี่นาจา รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา  ลงสู่แดนโลก แฝงกายกราบ
องค์มารดา                 ถามศิษย์น้องทุกคนเหนื่อยไหม


คนเป็นทุกข์เพราะกิเลสเป็นความจริง  รู้ทันสิ่งที่มากระทบใจนี้
ทั้งรูปนามทุกสิ่งใจไม่มี         สองสามสี่มีจิตกระทบไปมา
คนเรียนธรรมชอบเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์  เหมือนนิทานฤทธิ์ต่อฤทธิ์มีเกลื่อนหนา
ยึดหลักธรรมไม่อ่อนแอหลงอวิชชา    บำเพ็ญพาประโยชน์ยังทั้งคนและตน
มีทั้งภัยน้ำไฟทั้งคนโจร        ชีพห้อยโหนหนาวลมเลือดขุ่นข้น
เหล่าพุทธาแสนปางฟ้าร้อนช่วยคน   รู้ตื่นแล้วช่วยตนพร้อมแพร่ธรรม เคารพกันไม่ว่าใครก่อนหรือหลัง   ไม่ชอบชังคงยากสับสนสูงต่ำ
 ฝึกบำเพ็ญทางเดิมเมื่อกร้านระวังคำ   ระวังใจระวังกระทำเหมือนโลกปกครอง
   คนโดนบีบจนแข็งจึงเหินห่าง   เมื่อหมดทางถอยกระด้างกลายเป็นหมอง
 การบำเพ็ญอย่าห่างจิตเดิมแท้ตรอง     ตามธรรมครรลองเข้าออกต้องคุมใจ
 ฮิ ฮิ หยุด
พระโอวาทศิษย์พี่พระนาจา
เมื่อยก็บอกว่าเมื่อย เบื่อก็บอกว่าเบื่อ เราจะได้ช่วยออกกำลังกาย ดีหรือเปล่า (ดี) ขึ้นชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องแสดงปาฏิหาริย์เสมอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ใช่หรือ ถ้าเช่นนั้นเรามีวิชาอันหนึ่งสนใจไหม สามารถเสกดินให้กลายเป็นเงินเป็นทองได้ เสกไม้ให้กลายเป็นเงินเป็นทองได้ สนใจไหม  แต่มีสองวิธี วิธีแรกคือ ลำบากก่อนแล้วก็สบายทีหลัง กับวิธีที่สองคือสบายก่อนแล้วลำบากทีหลัง  อยากได้วิชานี้ไหม เลือกวิธีไหน
(วิธีแรก)  ใครๆ ก็ต้องบอกว่าวิธีแรก ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นวิชานี้ท่านไม่ต้องเรียนกับเราหรอกท่านก็เป็น  ท่านไม่ได้เปลี่ยนทรัพย์ที่เป็นดินให้กลายเป็นเงินเป็นทองหรือ แปรต้นไม้ต้นยางให้กลายเงินเป็นทองหรือ ใช่ไหม (ใช่)  ยอมลำบากก่อนแล้วถึงจะได้ความสบายทีหลัง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่ถ้าเรียนวิชาที่ยอมสบายก่อนแล้วค่อยลำบากทีหลัง ก็คือคนที่พยายามเล่นแร่แปรธาตุ คือหลอกคนได้รวยวันนี้ได้เงิน แต่ถามว่าหลังๆ เขามีความสุขไหม (ไม่มี) เล่นแร่แปรธาตุบอกว่าลอตเตอรี่ ใบนี้นะเป็นร้อยล้านเลย ยอมซื้อไหม คนบางคนยอมซื้อ ใช่ไหม  หวังสบายต้นๆ แต่เป็นอย่างไร โดนหลอก แล้วต้องทุกข์ตอนปลาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอยากเรียนวิชาเล่นแร่แปรธาตุจงคิดเสมอนะว่า อยากลำบากก่อน สบายทีหลัง หรือสบายง่ายๆ แต่ต้องมาทุกข์ทีหลัง
เป็นอย่างนี้ก็คงไม่โดนใครมา เล่นแร่แปรธาตุหลอกท่านได้ เห็นชอบซื้อลอตเตอรี่กันจังเลย เผื่อว่ามันจะเล่นแร่แปรธาตุใบเดียวเปลี่ยนเป็นร้อยๆ ใบ เป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  รางวัลที่หนึ่งมีแค่ใบเดียว หนึ่งในสามสิบล้านคนนะซื้อไหม (ซื้อ)  ไม่ต้องถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรอก  มนุษย์ก็ชอบเรียนวิชานี้ เล่นแร่แปรธาตุอยากเปลี่ยนใบเดียวให้เป็นพันๆ ใบ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่จำไว้นะลำบากตอนต้น สบายตอนท้ายกับ สบายตอนต้น ลำบากตอนท้าย ท่านต้องเลือกเอา ถ้าเรารู้จักจุดยืนของตัวเองเราก็ไม่โดนใครจูงจมูกหลอกเราได้จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นอย่าคิดสบายตอนต้นแล้วช้ำตรมตอนท้าย ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนเราถ้าขยันขันแข็งไม่ยอมอับจนปัญญา ไม่ยอมแพ้ชีวิต จิตใจของมนุษย์นี้มีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่กำลังกายของมนุษย์มีจำกัด ใช่หรือไม่ (ใช่)  โดยเฉพาะพลังแห่งจิตใจที่เกิดจากปัญญาที่สว่างไสวจะทำให้สิ่งที่ไม่น่าเกิด เกิดขึ้นได้ด้วยน้ำมือเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นมนุษย์แท้จริง แล้วมีพลังจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ใหญ่โตและสูงล้ำ แต่เป็นเพราะว่ามนุษย์ไม่ยอมใช้พลังจิตใจนี้ให้ถูก  จึงกลายเป็นอับจนปัญญาแล้วก็ใช้ชีวิตได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต
ใจของมนุษย์ที่ประเสริฐที่สุด ที่ทำให้มนุษย์ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้มนุษย์เป็นเลิศกว่าใครทั้งมวลในโลกนี้คือจิตใจอะไร ก็คือจิตใจที่รู้แจ้งเห็นจริงและพ้นทุกข์เป็นพุทธะให้ใครคนกราบไหว้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และคือสิ่งที่ประเสริฐที่คนๆ หนึ่งจะมีได้ แต่มนุษย์ไปไม่เคยถึงมักจะยอมแพ้ก่อนทุกที ใช่หรือไม่ (ใช่)  แท้ที่จริงแล้วตัวอย่างก็มี แต่เราไม่ไป ใช่ไหม (ใช่)  ดีๆ มี ไม่เอา ชั่วๆ มี ขยันเอา นรกมีไม่น่าไป แต่กลับอยากไป สวรรค์มีไม่เอา ใช่หรือไม่ (ใช่)  (ไม่มีเพื่อน)  รู้ได้อย่างไร มีการบอกว่าขึ้นสวรรค์ บอกว่าไม่มีเพื่อน  เพราะสวรรค์ดี พ้นทุกข์ดี จึงน้อยคนที่จะลงมาบอก เพราะกลัวลงมาแล้วจะหลงแปดเปื้อน แต่เพราะนรกไม่ดีจึงมีหลายคนพยายามบอกให้ท่านอย่าไป จริงไหม เห็นไหมว่าถ้าโลกมนุษย์ดีจริงเขาจะกลับมาไหม ไม่กลับมาหรอกเพราะรู้สึกว่าสกปรก เต็มไปด้วยกิเลส เต็มไปด้วยความลุ่มหลง พลาดไปครั้งเดียวตกนรกอย่างคาดไม่ถึงเลยใช่หรือไม่ (ใช่) 
แต่นรก พอตกไปแล้วมีแต่คน ขึ้นมาบอกว่าอย่าไปๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นจงคิดให้ดีด้วยปัญญานะ
“ช้าสุขุมเด็ดขาดย่อมเป็นต่อ          เร็วไปหนอต่อบัณฑิตมักเสียหาย
ความระวังหนุนความกล้าสมบูรณ์ได้ มีวินัยช่วยสร้างคุณธรรม
ทำอะไรชอบใช้ความเร็วๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางครั้งเร็วก็มักจะผิดพลาดบ่อย สู้ช้าๆ แต่มั่นคงดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ช้าๆ แต่สุขุมรอบคอบดีกว่า ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นวันนี้ผ่านไปเร็วหรือผ่านไปช้า
(เร็ว, ช้า)  คนที่บอกว่าช้าแปลว่าเบื่อ คนที่บอกว่าเร็วแปลว่ารู้สึกดี  สองเรื่องนี้อย่าเอามารวมกัน เพราะอาจจะตีความหมายได้คนละความหมาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
 ถ้าบอกยืนให้นั่ง ถ้าบอกนั่งให้ยืน เตือนสติตัวเองหน่อยนะจะได้ไม่ง่วง ปลุกสติหน่อย ลองทำอะไรฝืนตัวเองดูบ้าง ตั้งแต่มีชีวิตเราตามใจตัวเองมาตลอด ตามใจตัวเองมากๆ เราก็กลายเป็นคนเอาแต่ใจ พอโดนใครขัดใจก็เคืองอารมณ์  พอเคืองอารมณ์มากๆ ก็โมโห  พอโมโหมากๆ ก็ขี้บ่น  พอขี้บ่นก็กลายเป็นคนไม่น่ารัก พอไม่น่ารักก็ไม่มีใครเอา ใช่ไหม (ใช่)  ครบเลย 
(ศิษย์พี่พระนาจาเมตตาให้นักเรียนในชั้นแต่ละแถวเล่นเกม ถ้าบอกว่าหนึ่งให้ยืนขึ้น สองให้นั่งลง สามให้ยืน สี่ให้นั่ง) 
ที่มนุษย์วุ่นวายเพราะตัวเองก็ยังดูแลตัวเองได้ไม่ดี แล้วยังไปยุ่งเรื่องของคนอื่น ใช่ไหม (ใช่)  ดูแลตัวเองดีๆ  ตั้งสติให้ดีๆ จะได้ไม่ผิดพลาด ในชีวิตเราการดูแลตัวเองให้ดีก็ยากแล้ว แต่มนุษย์เราทุกคนก็ยังพยายามที่จะหาคู่ หาทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ระวังจะล้มไม่เป็นท่าทั้งคู่นะ
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์มีทั้งยืนและนั่งใช่ หรือไม่ (ใช่) เมื่อมีคนนั่งต้องมีคนยืน ฉะนั้นฝ่ายหญิงนั่งฝ่ายชายยืนดีไหม (ดี)  เขาพูดเองนะไม่เกี่ยวกับเรา เราไม่ได้ทำให้ท่านทุกข์นะ เราแค่ถามแล้วเขาเป็นคนพูดใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นจะพูดจะทำอะไรอย่าคิดว่านึกจะพูดก็พูด ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวผู้อื่นเดือดร้อน แล้วมันก็จะเด้งกลับมาหาเรา
ถ้าให้เลือกเรานั่ง เขาไม่ได้นั่ง ถ้าเราไม่ได้นั่งเขานั่ง ให้ใครนั่ง จำไว้ชีวิตถึงเขาจะบอกว่ามีให้เลือกแค่สองวิธีแต่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีที่สาม สี่ ถึงศิษย์พี่จะบอกว่าให้เขานั่งหรือให้ศิษย์พี่นั่ง แต่ศิษย์น้องใช่จะคิดวิธีที่สามไม่ได้คือนั่งทั้งคู่ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนมักจะเป็นแบบนี้ทางนี้ก็ไม่ได้ ทางนี้ก็ไม่ได้ ตายแน่เลยสองทางไม่ได้ แต่อย่าลืมว่ามันมีทางที่สามมีทางที่สี่ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แค่อย่าอับจนปัญญาเท่านั้นเอง ฉะนั้นให้ใครนั่ง (ทั้งคู่)  อย่ารอแต่ให้ศิษย์พี่พูด ชีวิตเราต้องดำเนินเองใช่หรือเปล่า (ใช่)  ศิษย์พี่ให้เขานั่ง
(ศิษย์พี่พระนาจาเมตตาให้นักเรียนในชั้นเล่นเกมส่งสับปะรด)
เราถามคำถามเกี่ยวกับธรรมะง่ายๆ ดีไหม  ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ โดยพื้นฐานของมนุษย์รักความสะอาดไหม ใครๆ ก็ต้องรักความสะอาด ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอไม่อาบน้ำตั้งแต่เช้าถึงตอนกลางวัน พออากาศร้อนๆ ตัวเหม็นอยากอาบไหม (อยาก)  หรือผ่านไปสองวันไม่มีน้ำให้อาบ อยากอาบไหม (อยากอาบ)  เหม็นตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นโดยพื้นฐานของ มนุษย์รักความสะอาด อย่างที่สองมนุษย์ทุกคนรักความสงบสุข ที่ไหนวุ่นวายเราไม่อยากไป อยากไปอยู่ที่ที่สงบ อย่างที่สามถ้ามีชีวิตเราก็อยากเดินไปสู่หนทางที่สว่าง ทางใดที่นำชีวิตไปสู่ความมืด เราก็ไม่อยากไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้ามนุษย์เข้าใจพื้นฐานของชีวิตสามอย่างนี้ เราจะไม่มีวันขาดอะไรในสามอย่างนี้ในชีวิต ทำอย่างไรให้ตัวเองสะอาด ทำอย่างไรให้ตัวเองสงบ และทำอย่างไรให้ตัวเองสว่าง ใช่ไหม (ใช่)  มนุษย์มักจะบอกว่าอยากสะอาดก็อาบน้ำซิ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์พี่ถามนะ อยากสะอาดก็อาบน้ำ ถ้าวันหนึ่งศิษย์พี่มีผ้าอยู่ผืนหนึ่ง อยากสะอาดก็ซัก ใช่หรือไม่ (ใช่)  พอซักแล้วจะใช้อะไรก็ได้ ถ้าสมมติว่าผ้าผืนนี้สะอาดดี ศิษย์พี่เอามาเช็ดขา ถามว่าจะเอามาใช้เช็ดหน้าไหม (ไม่เช็ด)  เอาไปซักให้สะอาดแล้วเอากลับมาเช็ดหน้า ศิษย์พี่หมายความว่าอย่างไร
 เรานั้นรักความสะอาด รักความบริสุทธิ์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนเราถ้าเกิดเผลอทำผิดแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ทำความดีชดเชย  ถามว่าชดเชยแล้วยังเช็ดหน้าได้ลงไหม (ไม่ลง)  ลึกๆ ทำไมใจมันยังรู้สึกว่า "จะเช็ดดีไหมหนอ จะเช็ดดีไหมหนอ" ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นโดยพื้นฐานมนุษย์รักความสะอาด แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์สกปรกนั้นคือเรื่องอะไร แล้วอะไรที่จะทำให้เราสะอาด สะอาดทั้งตัว สะอาดทั้งใจ  ฉะนั้นวันนี้ศิษย์พี่มาคุยเรื่องง่ายๆ เรื่องพื้นฐานสามอย่าง ทำอย่างไรให้สะอาด ทำอย่างไรให้สงบ และทำอย่างไรให้ชีวิต (สว่าง)
 ทำไมเราจะต้องมาฟังธรรมะ ทั้งที่บางเรื่องบางอย่างเราก็รู้อยู่แล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าเราเข้าใจเราจะรู้ว่าการยิ่งฟังยิ่งเพิ่มปัญญา การได้ฟังได้เรียนรู้ทำให้เราปัญญายิ่งกระจ่างแจ้ง เพราะอะไรเราจึงต้องปัญญากระจ่างแจ้ง ก็อย่างที่ศิษย์พี่บอกศิษย์น้องไว้ เกิดเป็นคนสิ่งสำคัญก็คือความบริสุทธิ์ สะอาด ความสงบ และความสว่าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราเข้าใจว่าขาดสามสิ่งนี้ไม่ได้ เราก็เข้าใจว่าชีวิตนี้ขาดธรรมสามข้อนี้ไม่ได้เช่นกัน และธรรมสามข้ออะไรที่ทำให้สะอาด สว่าง สงบ ธรรมะอะไรทำให้ชีวิตสะอาด หอมทั้งทวนลมและตามลม หอมด้วยกลิ่น (ศีล)  ถูกต้อง อยากให้ชีวิตสะอาดต้องรักษาศีล อยากให้ชีวิตสงบต้องมีสมาธิ อยากให้ชีวิตมีหนทางสว่าง ต้องเกิดปัญญา ใช่หรือไม่ (ใช่)  รู้อยู่แล้วทำไมตอบศิษย์พี่ไม่ได้ แต่ว่าสะอาด สงบ สว่าง ของศิษย์พี่นั้นยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าศิษย์พี่มีขันน้ำใบหนึ่ง ขันนี้เหมือนกับผ้าเลย สะอาดมาก น้ำที่ตักใส่ขันก็สะอาด แต่ถ้าขันนี้เวลาเอาไปตักน้ำแล้ว แทนที่จะเลือกเอาน้ำนั้นมาล้างหน้า กลับไม่ล้าง แทนที่จะเอามาดื่ม กลับไม่ดื่ม
แต่กลับเอามาล้างเท้า
เอามาล้างเท้า แต่ต่อไปไม่ล้างแล้ว เอาขันใบเดิมไปตักน้ำถังเดิมแล้วเอามาตักน้ำดื่มกินไหม (ไม่กิน)  กล้าเอามาดื่มกินไหม
(ไม่กล้า)  อย่างมากก็เอามาอมแล้วบ้วนออก ใช่ไหม (ใช่)  เหมือนกันขันนี้ก็เปรียบได้กับชีวิต ชีวิตของมนุษย์ถ้ารู้จักเลือกกระทำ สิ่งที่กระทำก็จะสะอาดและคงความบริสุทธิ์ได้ และคนก็อยากจะเอาไปล้างในสิ่งที่อยู่สูงๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าไม่เลือกกระทำแม้ขันจะดีแม้น้ำจะสะอาดแต่ไม่รู้จักเลือกประพฤติ ปฏิบัติตน ขันดีน้ำสะอาดคนก็อาจจะไม่อยากตักมาล้างหน้าไม่อยากเอามาใช้ตักน้ำดื่ม แต่เอาไว้ล้างเท้าเหมือนเดิม ถูกหรือไม่ (ถูก) เช่นเดียวกันนะศิษย์น้อง ถึงศิษย์น้องจะบอกว่าตัวสะอาดใจก็สะอาด แต่ไม่รู้จักระมัดระวังความสะอาด ความสะอาดทำไม่ถูกต้องไปอยู่ผิดที่ผิดทาง ความสะอาดนั้นก็นำให้เกิดสกปรกได้ ถามมนุษย์ว่าให้ไปอยู่วัดไปไหม (ไม่ไป) แต่ให้ไปอยู่ผับอยู่บาร์ ไปไหม (ไป) ใช่หรือไม่ (ใช่)  ให้มาฟังธรรมะฟังไหม ไม่ฟัง แต่ให้ไปเที่ยวไปไหม ไป ใช่หรือไม่
ฉะนั้น ขันถึงจะสะอาด น้ำถึงจะบริสุทธิ์ แต่ทุกๆ วัน ไม่เคยเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ดี ขันสะอาดน้ำสะอาดก็อาจจะกลายเป็นสิ่งสกปรกได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนเชือกปออย่างดีเชือกทออย่างดี แต่ทุกวันไปอยู่กับกองขยะ ไปวางอยู่ข้างๆ ขยะ แม้จะไม่ได้แปดเปื้อนขยะแต่กลิ่นขยะมันก็ต้องติดใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นมนุษย์แม้จะบอกว่า "โอ้ยฉันเป็นคนดี โอ้ยอะไรฉันก็รู้"  แต่ทุกวันไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยฟังธรรม ไม่เคยทำบุญสุนทาน วันๆ เอาแต่เที่ยวกินนอนๆ แล้วชีวิตจะดีกว่าเดิมได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วจะดีคงเดิมไหม (ไม่)  ดีคงเดิมก็ยังไม่แน่เลยว่าจะรักษาได้ ใช่ไหม (ใช่)   เพราะว่าเผลอไปล้างสิ่งสกปรกก็ง่ายที่จะ (สกปรก)  ถ้าเราอยู่วัดแล้วไม่อยากนั่งสมาธิ แต่เห็นเขาทำ ไม่อยากทำบุญหรอก แต่เห็นคนอื่นไปทำทุกวันก็ทำตามเขา ใช่หรือไม่ (ใช่)  เขาชวนไปเล่นการพนัน ไปไหม ไม่อยากไป ไปเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่เล่น สักพักคันมือ ใช่ไหม (ใช่)  แข่งนกแข่งไหม ไม่แข่ง แต่สักพักคันมืออยากซื้อนกสักตัว ใช่ไหม (ใช่) ไม่เล่นแต่ก็อดคันมือไม่ได้ถูกหรือเปล่า (ถูก) 
ฉะนั้นถึงจะเป็นขันราคาแพง น้ำว่าบริสุทธิ์ขนาดไหน แต่ถ้าไม่รู้จักเลือกประพฤติปฏิบัติ ขันราคาแพงน้ำสูงส่งก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาก็เป็นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคน อยากได้สิ่งที่ดีๆ ไม่รู้จักทำ แต่ความชั่วเพียรไปทำ อย่างนี้ก็เท่ากับตีราคาเราให้ตกต่ำลง ถูกหรือไม่ (ถูก)  มนุษย์เราสะอาดด้วยศีลใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามว่าศีลมีกี่ข้อเราจำได้ไหม  จำได้มีข้ออะไรบ้าง นับไม่ค่อยถูกเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้ากายสามารถดำรงรักษาศีลห้าได้ครบ และสามารถต่อยอดเป็นคุณธรรมห้าได้ถึงที่สุด มนุษย์จะสามารรักษากายใจให้สะอาดได้ และหอมอะไรไม่สู้หอมด้วยศีลแต่หอมด้วยน้ำหอมสักพักก็เหม็น ใช่ไหม
กลิ่นนั้นได้งดงามกว่า และหอมได้หลายภพหลายชาติด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเกิดเป็นคนไม่ควรขาดศีล เพราะศีลทำให้เราสะอาด เมื่อศีลสะอาดก็เปรียบได้กับขันน้ำที่สะอาด เป็นขันที่พยายามรักษาตัวเองให้สะอาดแล้ว รู้จักเลือกที่จะอยู่ แต่บางครั้งไม่รู้จักที่จะเลือกรับน้ำ ขันนั้นดีไหม (ไม่ดี)  น้ำนี่ก็รับ น้ำนั้นก็รับ น้ำโน้นก็รับ รับมาหมดเลย แม้ขันจะราคาสูงขนาดไหน แต่ถ้าน้ำในขันสกปรกคนก็อยากขว้างทิ้ง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอยากสงบก็ต้องไม่หวั่นไหว และไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งที่มากระทบ มนุษย์มักจะบอกว่า การนั่งสมาธิไปนั่งที่วัดก็พอ ถึงเวลาขัดขันให้สะอาดแล้ว ขัดขันให้สงบแล้ว แต่ถึงเวลาพอลืมตา ขันไปรองรับคำพูดคนโน้น ขันไปรองรับมองคนนี้ไม่ดี  ขัดมาดีอย่างไรแต่พอออกมานอกวัดไปรับเรื่องโน้น ไปรับเรื่องนี้ ขันก็กลับมาเป็นสกปรก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์พี่สมมติว่าตัวเราเหมือนขันนะ ไปวัดนั่งสมาธิสงบดีนะ สุขดีนะ ปัญญาดีนะ  แต่พอลืมตา เปิดหู เปิดใจก็คิดว่าใครด่าฉันหรือเปล่า สามีมาทำอะไร คนนี้มาทำอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ขันสงบมา ขันที่อุตส่าห์เช็ดล้างมาสะอาดแล้ว กลับมาสกปรกเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นสมาธิที่แท้จริงคือ ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งกระทบภายนอก สามารถมีอิสระต่อภายนอกและมีความสันติภายใน นี้เรียกว่า ฌานสมาธิ  โดยที่ตาก็เปิด หูก็เปิด แต่ไม่หวั่นไหว ใช่ไหม  ถึงแม้ศิษย์น้องจะไปวัดนั่งสมาธินาน แต่ถ้าถึงเวลา ตาก็รับ หูก็ฟัง ถึงเวลาขันก็กลับมาสกปรกเหมือนเดิม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์น้องก็จะต้องรู้จักระมัดระวังในการรองรับ เหมือนตาเปิด ชอบไหมที่จะคิดไม่ดี เมื่อตาเห็นอารมณ์เกิดไหม  ฉะนั้นอยากปราบปีศาจขันนี้จะกลายเป็นขันแห่งพุทธะหรือพญามาร ก็อยู่ที่ว่า เมื่อเวลาตากระทบเรารักษาความมั่นคงไม่หวั่นไหวได้หรือเปล่า จริงไหม  เราจะปราบปีศาจแล้วหักเขี้ยวเล็บปีศาจได้อย่างไร ฟังศิษย์พี่แค่นี้ก็เริ่มไม่มีสมาธิแล้วใช่ไหม ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์น้องเคยได้ยินไหม 
"จิตเกิดสรรพสิ่งเกิด  จิตดับสรรพสิ่งดับ"  อยากปราบปีศาจภายนอก อยากว่าคนอื่นไม่ดี สำคัญต้องกำจัดความคิดไม่ดีของตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)
กำจัด ความเลวร้ายภายนอก สิ่งสำคัญที่สุดคือการควบคุมความเลวร้ายภายใน ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าเขาด่าเราว่าไอ้บ้า แล้วเราจะเป็นไอ้บ้าไหม (ไม่เป็น)  จริงหรือ (จริง)  ถ้าเขาด่ามา เราจะ (ไม่ด่า)  ถ้าเขาเตะมาล่ะ  ฉะนั้นศิษย์พี่ถึงบอกว่าแม้ศิษย์น้องอยู่ในวัด ดูเป็นคนดี อยู่บ้าน ดูเป็นคนดี ชอบทำบุญสุนทาน ทำอะไรตั้งเยอะแยะ แต่พอถึงเวลาตากระทบ ตัวกระทบ หูกระทบ ใจกระทบ แต่ว่ายังไปรองรับอารมณ์ร้ายๆ แล้วก็กระเด้งกลับ มันก็เสียหมด ใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนซักผ้าสะอาดแล้ว เอาไปเช็ดขา แล้วกลับมาเช็ดหน้าเช็ดลงไหม (ไม่ลง)  ฉะนั้นถ้าจะควบคุมให้สะอาดก็ต้องมั่นคง ไม่หวั่นไหว เขาว่าเราบ้า เราอยากบ้าไหม (ไม่อยาก)  เขาด่าว่าเราโง่ เราอยากโง่ไหม (ไม่อยาก)   ถ้าอย่างนั้นเราด่ากลับ ถูกไหม (ไม่ถูก)  เราเตะกลับ ถูกไหม (ไม่ถูก)  เขาโกงมา เราโกงกลับได้ไหม (ไม่ได้)  เขาทำร้ายเรามา เราทำร้ายกลับได้ไหม (ไม่ได้)  พูดได้เป็นฉากๆ ถึงเวลาก็ทำตรงกันข้ามหมดเลย ฉะนั้นถ้าเขาด่ามา เราไม่ด่ากลับ เรามั่นคง เราไม่หวั่นไหว เราก็สงบและเราก็บริสุทธิ์ แต่ถ้าเราหวั่นไหว เราก็จะเป็นคนที่ไม่มั่นคง และสกปรกทันที
จำไว้นะศิษย์น้อง ศิษย์พี่เล่าเรื่องให้ฟังง่ายๆ เป็นเรื่องของพระอาจารย์จี้กงนะ มีสุนัขตัวหนึ่ง เราไปไหน มันก็ตามเรา ยืนสั่นหางคลอเคลียเรา จากที่ไม่อยากเลี้ยง มันตามทุกวัน ตามตลอด เราก็สงสารอยากจะเลี้ยง พอเราเลี้ยงมัน มันก็ซื่อสัตย์ ดูแลเราดีตลอด  วันหนึ่งมันเกิดคึก อารมณ์ไม่ดีมาจากไหน กัดเราซะเหวอะหวะ ศิษย์พี่ถามศิษย์น้อง สุนัขตัวนี้นะ กัดเราจนต้องเย็บต้องหาหมอ เราจะเอามันไว้ไหมหรือฆ่าให้ตายเลย แค่มันกัด ก็เตะถีบมันแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเกิดว่ามันกัดเราจนเหวอะหวะ แล้วเราฆ่ามันให้ตาย ศิษย์น้องเชื่อไหมว่า เวรจะไม่จบเวร เขาจะกลับมาเกิดใหม่ แล้วก็มาตามจองล้างเรา เพราะอะไรเขาถึงมาดีกับเรา พอซักพักก็มากัดเรา เพราะว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ คนนี้เคยไปทำร้ายเขา แล้วเขากลับมาเกิดเป็นสุนัข แต่กรรมยังไม่สุกงอม พอมันสุกงอมเขากำลังต้องทุกข์ สุนัขนั้นมันก็เลยกัด ถ้ากัดแล้วเราให้อภัย เราจบ เราไม่ตีแล้วเลี้ยงมันต่อด้วยความรัก เวรจบกันทันที ถ้าเราฆ่ามันให้ตายด้วยอารมณ์โมโห เวรก็ไม่จบ มันจะกลับมาเพื่อทวงเราคืนอีก
ชีวิต ไม่ใช่แค่เกิดมาแล้วรักษาความสะอาด สว่าง สงบ เท่านี้นะ ขึ้นชื่อว่าชีวิต ทุกข์ที่น่ากลัวที่สุดคือทุกข์แห่งการต้องเวียนว่ายไม่จบสิ้น ต้องเจอกรรมเวรที่เราเป็นคนก่อโดยที่เราใช้แต่อารมณ์ แต่ไม่ใช้ปัญญา
ต่อไปเรื่องปัญญาแล้วนะ ฉะนั้นเวลาเรามองเรื่องอะไร อย่าใช้อารมณ์เป็นหลักแต่จงใช้เมตตา อภัย เพราะเมื่อไรที่เราเจอเรื่องร้ายจำไว้นะศิษย์น้อง เราได้ชดใช้กรรม เจอเรื่องร้ายจงดีใจ ฉันจะได้หมดเวรหมดกรรม เขาร้ายกับเรา ดีใจ แผ่เมตตาให้ "ดี ฉันจะได้หมดเวรหมดกรรมไม่ต้องเจอกันอีก" แต่ไม่ใช่ไปแค้นแล้วไปผูกใจเจ็บ แล้วไปอาฆาตฝังใจจำ ถ้าเช่นนั้นศิษย์น้องก็คือคนที่จะพยายามเวียนเกิด เวียนตายไม่จบสิ้น  ฉะนั้นเจอคนด่าต้องดีใจว่าจะได้หมดกรรมแล้ว เจอคนโกงดีใจว่าหมดเวรแล้ว เจอสามีมีชู้ ต้องรู้สึกว่า ดีใจ "หมดกรรมกันเสียที" เจอภรรยาขี้บ่น ต้องคิดว่า "ดีฉันจะได้หมดเวรเสียที" ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วถ้าวันหนึ่งสวนยางโดนน้ำท่วม "ดี ฉันจะได้ปล่อยวางเสียที"  ทำใจได้ไหม (ได้)  จริงๆ นะ ต้องฝึกทำใจ เพราะชีวิตเราเกิดมายิ่งยึดมั่นถือมั่นยิ่งเป็นทุกข์ เรื่องราวในโลกเกิดมาเพื่อสอนให้เราเรียนรู้ และปล่อยวาง เข้าถึงความจริง เมื่อเข้าถึงความจริงเราจะสว่างด้วยปัญญาแห่งธรรม ใช่ไหม (ใช่)  เอาแต่หนีความจริง คือคนที่พยายามดำเนินชีวิตเพื่อเดินไปสู่ความมืดบอด แต่กล้าที่จะสู้ความจริงด้วยจิตใจ อภัย เมตตา ไม่เคืองโกรธ คนนั้นคือคนที่จะเดินไปสู่แสงแห่งปัญญา ยากไหมสิ่งที่ศิษย์พี่พูด (ไม่ยาก)  ฉะนั้นชีวิตของเราจึงไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรารู้จักดำเนินชีวิตให้เป็นและมองชีวิตให้ออก โลกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะมีธรรมะต่อชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่)
ศิษย์พี่พูดเรื่องอะไรบ้าง (ขัน,สงบ,สว่าง)  พอจำได้ไหม ชีวิตมีพื้นฐานสามอย่างคือ ความสะอาด สงบ และสว่าง หนึ่งสะอาดได้ด้วยศีล สอง สงบด้วยสมาธิ และสาม สว่างได้ด้วยปัญญา แต่เสียอย่างเดียวมนุษย์ไม่สามารถกระจ่างในสัจธรรม จึงไม่สามารถสว่างได้ด้วยปัญญาอย่างแท้จริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ชีวิตนี้เราสามารถบำเพ็ญธรรมได้แต่ไม่ใช่บำเพ็ญแค่เป็นคนดี เพราะเป็นคนดีอย่างมากก็คือขึ้นสวรรค์ พอหมดบุญจากสวรรค์ก็กลับมาเวียนว่ายตายเกิดใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งที่สุดของการเป็นคนดียิ่งกว่าดีคือ การหาทางพ้นทุกข์ด้วยการรู้แจ้งชีวิตและตัวตนเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าพูดอะไรยากศิษย์น้องจะเข้าใจง่ายไหมหนอ ศิษย์น้องเคยได้ยินคำนี้ไหม
"กายเหมือนต้นโพธิ์ จิตเหมือนกระจกใส 
หมั่นเช็ดถูทุกวัน  อย่าให้ฝุ่นละอองลงจับ" 
แต่ศิษย์น้องเคยได้ยินเหนือกว่านั้นด้วยใช่หรือไม่ (ใช่) 
"ต้นโพธิ์ก็ไม่มี กระจกก็ไม่มี
ทุกสิ่งก็ไม่มี ฝุ่นจะจับอะไร"
เข้าใจไหม ถ้าเข้าใจตรงนี้จะสว่างโพลงด้วยปัญญาเลยว่า แท้จริงแล้วทุกสิ่งล้วนไม่มี เมื่อไม่มีกิเลสเกิดได้อย่างไร เอาง่ายๆ นะศิษย์พี่ยกตัวอย่าง ศิษย์น้องเคยคิดไหมว่าเมื่อยามที่เรายังเป็นเด็กอยู่นั้น เราฝันว่าอยากเป็นผู้ใหญ่สักคนหนึ่ง ที่มีเงินมากๆ ใช่ไหม (ใช่)  แล้วพอมีเงินมากๆ คงจะได้ทำบุญ คงได้ไปเที่ยว มีตำแหน่งดีๆ เราฝันอย่างนั้นใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่เมื่อเราได้มีเงินมากๆ มีตำแหน่งดีๆ ทำไมเรากลับไปมองว่าบางครั้งเป็นเด็กก็ดีนะจริงไหม (จริง)  เรารู้สึกว่ามีเงินมากก็ดีแต่มันเหนื่อย วางก็ไม่ลงใช่หรือไม่ (ใช่)  ภาระก็เต็มจะหันซ้ายก็งานจะหันขวาก็ลูก จะเดินหน้าก็งาน จะเดินหลังก็ชีวิต เหนื่อยเหลือเกินไม่เหมือนเด็ก ซ้ายขวาสนุกอย่างเดียวใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อวัยเด็กเราคิดว่าสุขที่สุดคือการได้เป็นผู้ใหญ่ แต่เมื่อเราได้เป็นผู้ใหญ่ สุขที่สุดคือยามเด็ก เห็นไหมว่าสว่างโพลงทันทีว่า อะไรคือความสุขใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อยามไม่มี เราบอกว่าการมีคือความสุข แต่พอมีแล้วสุขไหม (ไม่สุข)  มันไม่เคยสุขสักที  มีแล้วเมื่อไหร่จะมีอีก มีอีกเมื่อไหร่จะได้อีกใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ก่อนเราคิดว่าอยู่ตัวคนเดียวไม่มีความสุข จึงอยากมีหลายคน แต่พอมีหลายคน กลับบอกว่าอยู่ตัวคนเดียวดีกว่า
 นี่แหละสว่างโพล่งด้วยปัญญา  อะไรคือความสุขที่แท้จริงกันแน่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเราอยากเข้าใจชีวิตก็มองดูที่ตนเองและควบคุมตนเองให้ได้  ความสุข ความสะอาด และความสว่างก็จะบังเกิดได้ด้วยตัวท่าน  สว่างเพิ่มก็คิดนิดหนึ่ง เป็นอะไรดีที่สุด เศรษฐีดีหรือก็ไม่ใช่  เด็กดีหรือก็ไม่ใช่  ไม่มีอะไรสุขที่สุดนอกจากการที่จะ อะไรละ  ถ้าอย่างนั้นเราถามท่านนะ  แล้วอะไรละที่สุข สงบที่สุด แล้วทำให้เราสะอาดและสว่าง อะไรนะ  อะไรหนอ  (การหลุดพ้นและการเวียนว่ายตายเกิด)  มันยากไปนะ ใช่ไหม  ฉะนั้นเอาง่ายๆ คือการเข้าใจตัวเอง และรู้จักพอมี พอได้ พอเป็น และได้เท่านี้ก็ขอบคุณแล้ว  แต่เราเคยขอบคุณชีวิตไหมว่าได้แค่นี้ดีหนักหนาแล้ว  ถ้าเราสุขแค่นี้ เราก็จะสว่างเพิ่ม แล้วเราก็จะสงบ แล้วเราก็จะสะอาดได้ทันที  แต่ถ้าเราบอกไม่พอ เดี๋ยวก็อยากไปเอาของคนโน้น เดี๋ยวก็อยากได้คนนี้ หรือจะแอบหนีคุณพ่อคุณแม่อย่างไรดี ใช่หรือเปล่า (ใช่)  หรือจะเอาเงินของเขาอย่างไรดีให้ได้เงินมากๆ ใช่หรือไม่ 
ฉะนั้นเมื่อไม่พอจึงสกปรก เมื่อไม่รู้จักขอบคุณจึงไม่มีวันสงบสุข ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเริ่มต้นแค่นี้นะศิษย์น้อง อยากสะอาด สงบ และสว่างด้วยปัญญา แค่นี้ก็ขอบคุณแล้ว ยากไหม (ไม่ยาก)  ฉะนั้น จงจำไว้ว่า ถ้าเริ่มต้นเราก็รู้จักพอแล้ว จะก้าวสองก้าวสามก็ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อน  แต่ถ้าเริ่มต้นยังไม่รู้จักพอ ก้าวที่สองก็คือทุกข์ ก้าวถอยหลังมาก็คือทุกข์จริงไหม (จริง)  สุขกับตัวเองได้ไหม สงบกับตัวเองได้หรือเปล่า พอกับตัวเองได้หรือยัง ยัง ใช่ไหม 
ฉะนั้น ขอศิษย์น้องทุกคนอย่าดูเบาคุณค่าแห่งตัวตน ค่าแห่งชีวิตที่ประเสริฐสุดก็คือ หาทางพ้นทุกข์ ไม่จำเป็นต้องเป็นพุทธะก็ได้ ศิษย์พี่ไม่หวังให้ศิษย์น้องไกลขนาดนั้น แต่เมื่อมีทุกข์แก้ทุกข์ได้ด้วยตัวเอง แล้วไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยความลุ่มหลง ใช่หรือไม่ (ใช่)  และไม่หาทุกข์ใส่ตัวด้วยการพ่ายกับกิเลสในใจตน จริงไหม (จริง)  ผู้ชายพ่ายแพ้อะไร บุหรี่ เหล้า การพนัน ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ผู้หญิงพ่ายแพ้พูดมากๆ พูดน้อยไม่เป็น ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วก็ชอบคิดมากฟุ้งซ่าน ปลงไม่ได้วางไม่ลง ใช่หรือไม่ (ใช่)  จำไว้นะศิษย์น้อง เกิดเป็นคนสิ่งที่สำคัญที่สุด จงรู้จักความสุขของตัวเอง ถ้าเรารู้จักความสุขของตัวเองการจะทำให้คนรอบข้างเป็นสุขไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเกิดเป็นคนเรายังหวังให้คนอื่นมาทำให้เราสุข เราจะเป็นคนที่อยู่บนโลกนี้ได้อย่างยากเย็น จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นจงมีความสุข หน้าตาอย่างนี้ก็ดีแล้ว ขอบคุณแล้ว เรียนได้แค่นี้ "หนูพยายามเต็มที่แล้ว หนูทำได้แค่นี้จริงๆ" ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราหาเงินแทบตายอย่างไรก็ได้แค่นี้ เราก็คิดว่าดีแล้ว จะได้มีความสุขเสียที จะได้สงบเสียที อายุปูนนี้แล้วยังเอาอะไรหนักหนา แล้วยังห่วงอะไรหนักหนา ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ปลงได้ก็ปลง วางได้ก็วาง เพราะคนที่หาทุกข์ใส่ตัว หาเห็บ หาเหาใส่หัวก็คือตัวท่านเองนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ในโลกนี้ไม่มีใครทำให้เราทุกข์เท่ากับเป็นคนที่ไม่รู้จักคิด และวางใจไม่เป็น เคยได้ยินไหมคิดได้คิดเป็น ขึ้นสวรรค์ คิดไม่เป็นก็ตกนรก จริงหรือเปล่า (จริง)  มีพ่อแม่ไม่รัก แต่ไปรักคนอื่น แล้วแน่ใจหรือว่าจะมีความสุขในความรัก  เพราะคนที่รักเราที่สุดเรายังไม่รัก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อายุน้อยๆ ยังไม่รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ แต่อยากมีแฟน ถึงเวลาจะเอาตัวรอดไหม (ไม่รอด)  ใช่หรือเปล่า (ใช่) 
ไม่ใช่เพื่อศิษย์พี่ ไม่ใช่ให้มาเชื่อศิษย์พี่ แต่เพื่อตัวท่านเอง และเชื่อในความดีของตัวท่านเอง จริงไหม (จริง)  คนทุกคนมีสิ่งที่ดีงาม มีสิ่งที่ประเสริฐ แต่อยู่ที่ว่าเคยไปให้ถึงความดีในจิตใจไหม เคยไปให้ถึงสิ่งที่ประเสริฐและมีค่าที่สุดในใจตัวเองบ้างหรือยัง และสิ่งที่ประเสริฐและมีค่าที่สุดที่ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์นั่นก็คือ ความบริสุทธิ์ ความสงบ และความสว่าง ไม่ต้องเชื่อศิษย์พี่ก็ได้นะ แต่ถามดูว่าตัวท่านสามารถมีสามสิ่งนี้ได้ไหม มีแล้วทำให้ชีวิตพ้นทุกข์ ไปแล้วนะ มีโอกาสไปด้วยกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)
 รักษาศีล ๕ ทำให้เกิดคุณธรรม ๕


ศีล ๕                       คุณธรรม ๕
๑. ละเว้นจากการฆ่า               ๑. เมตตาธรรม
๒. ละเว้นจากการลักทรัพย์              ๒. มโนธรรม
๓. ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม   ๓. จริยธรรม
๔. ละเว้นจากการพูดปด          ๔. สัตยธรรม
๕. ละเว้นจากการดื่มสุรา         ๕. ปัญญาธรรม

วันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔   สถานธรรมฉือเหริน จ.นครศรีธรรมราช
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
เมื่อชีวิตรู้แท้แต่แรกไม่หลง หมั่นปลดปลงสู่การมีแค้นไม่
รู้ชีวิตก็เพื่อเริ่มตัวเพิ่มวัย เผลองมงายกลายเป็นคนมีทำกรรม
การสำนึกอยู่ในจิตไล่หมอกร้าย กลับสู่ใจเดิมบริสุทธิ์คนเลิศล้ำ
ความดีงามสูญหายไปคืนลำนำ นาวาธรรมนาวาจิตกลับคืนสู่มาตุภูมิ
เราคือ
จี้กงสงฆ์วิปลาส รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฉือเหริน  แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว   ถามศิษย์รักทุกคนสบายดีไหม
คำง่ายง่ายที่เข้าใจไม่เหมือนกัน บางคนนั้นแสวงทรัพย์นับคุณค่า
ยิ่งไขว่คว้ายิ่งกลวงในไข้ใจนา เหมือนดังว่าฉลาดแต่ขาดอะไร
อันธรรมชาติคือมหาสมบัติ ไม่ต้องวางไม่ต้องจัดกลับใช้ใหม่
หยั่งรู้ตนจึงแจ้งโลกทั้งใบ ไม่มองออกยึดมั่นในหลงโลกกลม
ทุกเรื่องถูกทับซ้อนซ่อนเงื่อนไข ตามเหตุปัจจัยแห่งจิตที่สั่งสม
เกิดจากใจที่กระทบจนสร้างปม เกิดจากใจตามอารมณ์จนเกิดภัย
คนกำหนดฟ้าลิขิตอย่างตรงเที่ยง บุญกรรมเพียงผลตนก่อถึงคราวใช้
หยุดเคืองแค้นจองเวรติดค้างใจ หยุดยืดเยื้อด้วยอภัยใส่เมตตา
ถูกกระทบต้องสุขุมมองให้ออก ถือทิฐิอัตตาหลอกทุกข์หนักหนา
พอลมพัดผ่านไปล้วนอนิจจา ไยยังหาเหตุเกี่ยวเนื่องไม่สิ้นกัน
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
วันนี้วันที่สองดีใจว่าจะจบแล้วใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  แล้วใครเสียใจบ้าง ถ้าบอกว่าดีใจจะจบแล้วก็แปลว่านั่งมาด้วยความลำบาก แต่ถ้าบอกว่าเสียใจจะจบแล้ว นั้นก็แปลว่านั่งมาด้วยความรู้สึกที่ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  การแสดงภายนอกก็แสดงออกถึงจิตใจภายใน การแต่งกายภายนอกก็บ่งบอกถึงจิตใจภายในได้เหมือนกัน  ถ้ารู้จักแต่งตัวเรียบร้อยมีวินัยก็แปลว่าภายในใจก็มีจริยะที่ดีงาม ถ้าแต่งตัวแบบขอไปทีนั้นก็แปลว่าเป็นคนง่ายๆ หลวมๆ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
กินข้าวอิ่มไหม (อิ่ม)  อิ่มแล้วกินอีกไหม (กิน)  ก็เหมือนกับฟังธรรมะ ถึงแม้จะจบแล้วแต่ก็ไม่ใช่จบกัน ยิ่งฟังก็ยิ่งเพิ่มพูนปัญญาให้ยิ่งเข้าใจชีวิตให้เข้าใจตัวตนและหมดทุกข์กัน เสียที ใช่หรือไม่ (ใช่)
ไหนใครว่าจะกลับมาสถานธรรมอีกยกมือขึ้น คนในพื้นที่มองหน้าคนที่ยกมือนะ พอเวลาไปตามแล้วไม่มา คนที่รับปากอาจารย์ไว้นั้นก็โกหก ถูกหรือไม่ (ถูก)  จะมาอีกไหม (มาอีก)  วงเล็บว่าไม่แน่ แล้วแต่อะไร แล้วแต่สะดวกหรือแล้วแต่อารมณ์ ไม่มีทุกข์แล้วไม่มาหาอาจารย์ใช่ไหม แต่พอมีทุกข์ อาจารย์ให้วิธีแก้ แล้วศิษย์ก็ไม่แก้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ศิษย์เคยได้ยินคำกล่าวไหมว่า เมื่อจิตเรายังลุ่มหลง เราจะถูกโลกปั่นหัว แต่ถ้าเมื่อไหร่ศิษย์พ้นจากการลุ่มหลง เราจะเป็นคนปั่นโลก ถ้าศิษย์รู้ตื่นแล้วศิษย์ไม่ต้องให้โลกมาหมุนศิษย์ แต่ศิษย์จะสามารถเป็นผู้หมุนโลกและเปลี่ยนโลกได้ดั่งใจ แต่ถ้าศิษย์ยังหลงในโลกนี้อยู่ ศิษย์ก็จะถูกโลกหมุนเล่นจนหัวปั่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วตอนนี้เราหลงโลกใช่หรือไม่ (ใช่)  อยากมีเงิน อยากมีชื่อเสียง อยากมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คนๆ หนึ่งสามารถมีได้ เมื่ออยากแล้วเป็นอย่างไร (ทุกข์)  พยามยามอยากเพื่อให้ตัวเองสมหวัง มีพร้อมสมบูรณ์ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ยิ่งหาก็ยิ่ง (ทุกข์)  ยิ่งหาก็ยิ่งเสีย อยากหาให้สมบูรณ์ แต่ถึงที่สุดแล้วก็กลายเป็นบกพร่อง อยากหาให้มั่นคง แต่ถึงเวลาก็กลับไม่มั่นคง อยากหาให้มีมากแต่ถึงเวลาก็กลับสูญเสีย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นปราชญ์โบราณจึงกล่าวไว้ว่า อยากหาความสมบูรณ์ต้องรู้จักพอ อยากหาความยืนยงต้องรู้จักรักษาให้ดี ยอมรับความจริง อยากหาความมั่งมีต้องยอมรับความสูญเสีย ใช่หรือไม่ (ใช่) 
อยากหาความสมบูรณ์ หาเจอที่ไหนได้บ้าง ถามทุกคนในนี้มีเงินบ้างไหม (มี)  แต่ใจมีเงินหรือยัง (ยัง)  มีก็เหมือนไม่มี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามว่ามีสามีไหม (มี)  มีลูกไหม (มี)  แต่พอใจไหม (ไม่พอใจ)  มีก็เหมือน (ไม่มี) ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์พูดง่ายๆ มนุษย์อยากจะหาเงินให้ได้มากที่สุด แต่เชื่อไหมว่าเราหาให้ตัวเองมีเงินได้ แต่หาให้ใจมีเงินไม่ได้ จริงไหม(จริง)
มีรักไหม (มี) แต่ถามว่าใจรู้จักมีรักหรือยัง ยังไม่เคย มีก็เหมือนไม่พอ ฉะนั้นอยากหาความสมบูรณ์ต้องรู้จักพอ อยากหาความมั่งมีต้องยอมสูญเสีย อยากหาความมั่นคงต้องกล้ายอมรับความจริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วศิษย์ก็จะได้เป็นคนที่สมบูรณ์หรือ จะได้เป็นคนที่มีความสุขไม่ทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ศิษย์ดูอาจารย์นะ อาจารย์มีเสื้ออยู่ตัวเดียว มีรองเท้าคู่เดียว พัดก็มีอันเดียว น้ำเต้าก็มีใบเดียว ชีวิตนี้ก็ใส่เสื้อขาดๆ รุ่งริ่ง อาจารย์ก็พอแล้ว สมบูรณ์แล้ว แต่ศิษย์ของอาจารย์มีเสื้อกี่ตัว (หลายตัว)  สมบูรณ์หรือยัง (ยัง)  เดี๋ยวแฟชั่นเปลี่ยน ศิษย์ก็เปลี่ยนตามแฟชั่นใช่หรือไม่ (ใช่)  เดี๋ยวเขาเปลี่ยนศิษย์ก็เปลี่ยนตามเขา แต่ก่อนทีวีอ้วนๆ เดี๋ยวนี้ต้องทีวีจอแบน แล้วต่อไปก็ทีวีแบนๆ  ศิษย์ก็ต้องวิ่งตามเขาไปใช่หรือไม่ (ใช่)  ที่มีก็เลยเหมือนไม่มี  ถึงจะพยายามรักษาความมั่นคงแต่ก็มั่นคงไม่ได้เพราะไม่ยอมรับความจริงใช่หรือ เปล่า (ใช่)  ฉะนั้นอาจารย์ถามศิษย์ว่าศิษย์มีเงินหรือยัง (มีแล้ว) แล้วสุขหรือยัง (ยัง)  ถ้ายังไม่สุขก็ยังหาความสมบูรณ์ไม่เจอ ถ้ายังไม่พอก็ต้องสูญเสียร่ำไป ถ้าอยากยืนยงก็ต้องกล้ารับความจริง  
 มนุษย์มักจะรู้จักคุณค่าของสรรพสิ่งก็ต่อเมื่อสูญเสีย ฉะนั้นชีวิตนี้สิ่งที่สำคัญมากในชีวิตเราคืออะไร คือเงินหรือ คือเกียรติยศหรือ คือความรักหรือ แล้วคืออะไร (ความสุข) ความสุขหรือ ถ้าชีวิตไม่มีสุข ตายเลยใช่ไหม (ใช่)  จริงหรือ ถ้าตอบได้ ได้นั่ง พุทธะช่วยคนที่รู้จักช่วยตน  คนที่ไม่รู้จักช่วยตนเอาแต่หวังวอนขอ พุทธะไม่ยอมช่วยหรอกใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นตอนนี้ถ้าศิษย์ตอบได้ ก็ได้นั่ง ไม่ตอบก็ยืนต่อไปดีไหม (ดี)  สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร
ความพอดีหรือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร (ความพอเพียง,ความพอใจในสิ่งที่เรามี)  การรู้จักพอใจในสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราเป็น คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ก็คงทำให้เรามีความสุข ใช่หรือไม่ และเราพอหรือยัง (ยัง)  เราก็เลยยังไม่สุขสักที ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเห็นเป็นสิ่งสำคัญเราก็ต้องพอได้แล้ว
ทุกคนย่อมมีสิ่งที่สำคัญในชีวิตแตกต่างกันออกไป บางคนบอกว่าความรัก บางคนบอกว่าทรัพย์สินเงินทอง บางคนบอกว่าเกียรติยศชื่อเสียง  บางคนบอกว่าตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางคนบอกว่าคุณธรรม  คนบางคนยอมสูญเสียชีวิตเพื่อรักษาคุณธรรม คนที่ทำได้เช่นนี้คือคนที่เป็นยอดคน  แต่คนบางคนมีค่าต่ำกว่าเงิน คนบางคนมีค่าแย่กว่าความรัก เพราะพอรักไม่ได้ก็ตายเลย ใช่หรือไม่
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร (ความสุขสงบในชีวิต, การรู้จักตนเอง)  การรู้จักตนเองคือสิ่งที่มีค่าที่สุด ก็ตอบได้ดี สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเราก็คือ การรู้จักตนเอง เมื่อรู้จักตนเองแล้วก็จะนำตนเองไปช่วยผู้อื่น อย่างนี้ประเสริฐ ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตากับนักเรียนในชั้นท่านหนึ่ง) แบบนี้ทุกคนได้นั่งแต่ศิษย์ไม่ได้นั่งเอาไหม  ต้องมีข้อทดสอบ ถ้าทุกคนได้นั่ง แต่ศิษย์ไม่ได้นั่งยอมไหม (ได้) ปรบมือหน่อยนะ  เชิญศิษย์รักทุกคนนั่งลงได้
ศิษย์เอ๋ยเห็นไหมแค่จิตใจที่รู้จักเสียสละของคนหนึ่งคน กลับช่วยคนที่คิดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนเฉยๆ ใช่ไหม ทุกคนได้นั่งแล้ว แล้วตอนนี้ตัวเองได้นั่งแล้ว ไม่สงสารคนนี้ที่ยืนอยู่หรือ  ทำอย่างไร เอาแต่ขอจะไม่ได้ อาจารย์บอกไว้ก่อน พบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่มัวแต่ขอ แต่เราต้องกล้าลงมือทำ แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยหนุนช่วย  แต่ถ้าศิษย์ไม่ทำอะไรเลยหวังแต่ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ก็กำลังใช้บุญเก่า  และถ้าบุญเก่าหมด กรรมมันก็จะตามมาทันที  ชีวิตคนเราเกิดมาก็มีกรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  กรรมดีกับกรรมไม่ดี ถ้าเราเอากรรมดีมาใช้หมด วันนั้นเราก็คือคนที่เผชิญกรรมไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้ากรรมดีเราไม่ใช้ แต่เรามีโอกาสใช้แต่กรรมไม่ดี แล้วหมั่นสร้างคุณงามความดีเพื่อเพิ่มกรรมดี เราก็จะได้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นตอนนี้เขาเป็นอะไร (ผู้เสียสละ)  ไม่ยอมใช้กรรมดีของตัวเอง แต่พยายามสร้างกรรมดีให้มากยิ่งขึ้น  แล้วเสียสละตัวเองโดยยอมแบกรับกรรมแทนคนอื่นด้วยนะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นอย่าชมดีกว่า เพราะถ้าชมเดี๋ยวกรรมเขาจะหมดไว เดี๋ยวกรรมเขาจะไม่สมบูรณ์  ศิษย์รู้ไหมว่าถ้าเขาทำกรรมดีแล้ว อาจารย์ยังว่า "โง่  ซื่อบื้อ  แกมันโง่จริงๆ"  อย่างนี้กรรมเขายิ่งหมดไวนะศิษย์ แล้วกรรมดีเขาจะยิ่งสมบูรณ์และงดงามยิ่งขึ้น แต่ใจเขาต้องไม่แอบต่อว่าอาจารย์ว่า ว่าหนูทำไม หรือว่าไม่น่าช่วยมันเลย เราต้องมาซวย อย่างนี้ก็ไม่สมบูรณ์ ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นศิษย์จำไว้นะ ขึ้นชื่อว่าชีวิต กับกรรม เราเกิดมาพร้อมกับกรรมดี และกรรมไม่ดี  หากว่าเราพบกับเรื่องไม่ดี เราได้ชดใช้ พบเรื่องไม่ดี แล้วเรายังได้กล้าหาญยืนหยัดที่จะทำดีต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หวาดหวั่น คนนั้นก็จะได้หมดซึ่งเวรกรรมร้าย เหลือแต่กรรมดี และหัวใจอันบริสุทธิ์ อยากเอาไหม ไม่ต้องเอาหรอก ทำให้ได้ก็พอ  ถึงอาจารย์จะพูดดีขนาดไหน แต่ถ้าศิษย์ไม่ขัดเกลาใจตัวเองมันก็ไปไม่ถึง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าใครตอบอาจารย์ได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของศิษย์คืออะไร ศิษย์จะช่วยศิษย์หนึ่งคน  หลายๆ คนจะช่วยศิษย์หนึ่งคนช่วยไม่ได้หรือ  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เวลา ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อาจารย์จะบอกว่ามนุษย์สามารถอยู่เหนือเวลาได้ ถ้าเราไม่มีความอยากจนเกินไป จริงไหม
เวลาไม่มีประโยชน์อะไรกับเรา เวลามาบีบคั้นใจเราไม่ได้ แต่ถ้ายังมีความอยากอยู่ร่ำไปเราก็เลยติดกับเวลา ใช่หรือไม่ (ใช่) (การรู้สึกเสียสละ)
อยากให้เขานั่งไหม ศิษย์เอ๋ยบางครั้งก็ต้องมีตัวตายตัวแทน เวลาคนนี้ได้นั่งก็ต้องมีคนยืน ในโลกนี้เราต้องมีการหมุนเวียนกันไปนะ อาจารย์อยากให้ศิษย์รู้จักช่วยคนแม้เราจะลำบาก เราก็ยังอยากจะช่วย ถ้าอย่างนั้นวันนี้คนๆ นี้ยอมช่วยคนๆ นี้ แล้วในชั้นนี้ใครยอมเป็นตัวตายตัวแทน  อาจารย์ไม่ได้แกล้งนะแต่อาจารย์อยากฝึกแล้วให้ศิษย์ใช้จริงๆ ถูกหรือไม่ (ถูก)
การจะทำความดีอะไรสักอย่างนี้จะต้องเกิดจากการเสียสละ ใช่หรือเปล่า (ใช่) เสียสละตนเพื่อผู้อื่น ทำตอนไหนล่ะศิษย์ ทำตอนเราอยู่ในโลกนี้ ถ้ามัวแต่ห่วงความสุขของตัวเองเราก็จะไม่สามารถช่วยใครได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เรายอมปลดทุกข์ของคนอื่นแล้วให้คนอื่นมีสุข เราก็คือผู้ที่สามารถช่วยคนอื่นได้และทำให้ตัวเองสุขยิ่งขึ้น สุขที่เกิดจากการทำดีเป็นสุขที่กินไม่มีวันหมด จริงไหม (จริง)  นึกถึงทีไรก็รู้สึกดีใจที่วันนี้ช่วยคนได้ แม้จะยืนจนเหน็บกินขาก็ตาม ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าเป็นสุขถึงขนาดทำแล้วลืมตัวลืมตน นั่นคือการเข้าถึงสุขอันประเสริฐ จริงหรือไม่ (จริง)
ศิษย์รู้ไหมว่ามนุษย์เราในโลกนี้ทุกข์เพราะสาเหตุใด (ทุกข์เพราะไม่พอ) ทุกข์เพราะไม่พอ ทุกข์เพราะอะไรอีก (ทุกข์เพราะมีความโลภ โกรธ หลง) ทุกข์เพราะโลภ โกรธ หลง เป็นต้นตอแห่งภัยพิบัติร้ายในชีวิต ความโกรธทำให้เราขุ่นมัว ความโลภทำให้เราลำเอียง ความหลงทำให้เรามืดบอดมองไม่เห็นความจริง ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นถ้ามนุษย์มีชีวิตอยู่แล้วติดกับกิเลสสามอย่างนี้ มนุษย์ก็จะเป็นคนที่ลำเอียง ตาบอด และก็ใจขุ่นมัว ใช่หรือไม่ (ใช่)
(ความสุข เพราะว่าถ้าเกิดเราไม่มีความสุขเราก็จะไม่มีความทุกข์)  ฉะนั้นความสุขจึงทำให้เราทุกข์ ไม่มีสุขเลยเราก็จะไม่มีทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะทั้งสุขและทุกข์คือสิ่งเดียวกัน มนุษย์มักจะมองเป็นด้านตรงข้าม แต่จริงๆ แล้วในรากเหง้าของความเกิดก็มีความตาย ในรากเหง้าของความสุขก็มีความทุกข์ ใช่หรือไม่ ตอบได้ดี
(เกิด แก่ เจ็บ ตาย)  ทุกข์เพราะยังต้องเกิด แก่ เจ็บ และตาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์เคยได้ยินไหมว่า ถ้ามนุษย์เข้าใจโลกใบนี้ รู้แจ้งโลกใบนี้เราจะเป็นคนหมุนโลก จำที่อาจารย์พูดได้ไหม (ได้)  อาจารย์พูดแต่ต้นว่า ถ้าเรายังหลงในโลกเราจะถูกโลกหมุน  แต่ถ้าเมื่อไหร่เรารู้แจ้งเห็นจริงในโลกใบนี้ เราจะเป็นคน (หมุนโลก)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อเรารู้ว่าเราทุกข์เพราะเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั่นแปลว่าเรามองไม่เห็นความจริงในโลกใบนี้  อาจารย์อยากจะบอกว่า ทำอย่างไรเราจะหมุนโลกและรู้แจ้งเห็นจริงในโลก หนึ่งเราต้องรู้ทันโลก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วการรู้ทันโลก ศิษย์มองเห็นไหม ศิษย์รู้ทันไหม ถ้าอาจารย์ไม่บอก ศิษย์ก็บอกว่า ไม่รู้แล้วโลกมันเป็นอย่างไรละ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ในโลกใบนี้มีได้ก็มี (เสีย)  มีชมก็มี (ตำหนิติเตียน)  มีสรรเสริญก็มี (นินทา)  มีสุขก็มี (ทุกข์)    เมื่อไหร่ที่เรารู้ทันโลก เมื่อนั้นเราก็คือเข้าใจโลกหนึ่งเปราะใช่หรือไม่ ฉะนั้นเมื่อเราเข้าใจโลกหนึ่งเปราะ เราก็จะไม่ยินดียินร้าย เพราะเมื่อไหร่ที่เขาชม เมื่อนั้นเราก็พร้อมที่จะต้องโดนรับคำ (ติฉินนินทา)  เมื่อไหร่ที่เราได้ชื่อเสียงต่อไปเราก็อาจจะต้อง (เสื่อมเสียเกียรติ)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  เมื่อไหร่ที่เรามีสุข เมื่อนั้นเราก็ต้อง (มีทุกข์)  ฉะนั้นศิษย์จะทุกข์กับความน่ายินดี น่ายินร้ายไหม (ไม่)  นี่คือเราก็ไม่ไหลไปตามโลก พอเขาชมว่าสวยดีใจไหม (ไม่ดีใจ) พอวันนี้ถูกลอตเตอรี่ดีใจไหม (ไม่ดีใจ) ใช่หรือไม่ (ใช่) 
อาจารย์อยากจะให้ศิษย์ สามารถรู้ทันโลก เราจะไม่ต้องทุกข์  แล้วการรู้ทันโลกก็คือมองให้ออกว่าโลกมีด้านหน้าก็มี (ด้านหลัง)  มีหัวก็มี (หาง)
มีดีก็มีไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นมันคือ ธรรมดาของโลก ถ้าศิษย์ไม่อยากทุกข์ ไม่อยากโดนโลกปั่นหัว เราก็ต้องอย่าประมาท การไม่ประมาทก็คือ รู้ทัน  เห็นอันนี้ก็สามารถมองเห็นอีกอันหนึ่ง  เหมือนเรามีการเกิด แต่ก็มีการตายอยู่ข้างใน  ศิษย์บอกว่าศิษย์อายุเท่านี้สองปีแล้วที่ได้เกิด อาจารย์บอกว่าสองปีแล้วที่ตาย จริงไหม (จริง)  ตอนนี้กี่ปีแล้วที่ตาย เพราะสิ่งที่ล่วงไปแล้ว คือสิ่งที่เรียกว่า ตาย  แต่มนุษย์กลับมองว่า สิ่งที่ล่วงไปแล้ว คือสิ่งที่เรียกว่า (เกิด)  คราวหน้าอย่าบอกนะว่า วันเกิดครบสามสิบแล้ว ต้องเป็นวันตายครบสามสิบแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เกิดอีกหรือเปล่า เพราะมีแต่ตาย แล้วก็ตาย ใช่หรือไม่
ฉะนั้นมองต้องมองให้ออก แล้วเราจะไม่ทุกข์ในโลก เหมือนเรามองเห็นสาว เราก็เห็นความเหี่ยว แล้วในความเหี่ยวเราก็มีความสาวอยู่  มีใจมันไม่ยอมแก่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์ไม่เคยเห็นหรอกที่พอเหี่ยวแล้วใจจะยอมเหี่ยวตาม  มีแต่เหี่ยวแล้วใจเรายังสาวนะ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเราไม่อยากทุกข์ ไม่อยากถูกทุกข์ครอบงำ ไม่อยากถูกโลกทำให้เราต้องเป็นไปตามโลก เพราะฉะนั้นเราจะต้องมองให้ออก รู้ให้ทัน หรือที่เรียกว่า โลกมีความเป็นธรรมดาอยู่ ถูกไหม  ความแก่เป็นธรรมดา ใช่แล้วศิษย์ เรามีความแก่เป็นธรรมดา เรามีผมหงอกเป็น (ธรรมดา)  แล้วเราก็มีหัวล้านเป็น (ธรรมดา)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์อยากจะบอกว่า นี่คือความเป็นธรรมดา มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ แล้วก็มีตาย เป็นธรรมดา มีความพลัดพรากเป็นธรรมดา แล้วก็มีกรรมของตนเป็นธรรมดา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าเรามองเห็นชัดเจนอย่างนี้ เราก็จะไม่ทุกข์ไปอีกสองอย่าง ใช่หรือไม่ (ใช่)   ถ้าวันไหนแก่เราบอก "เฮ้อๆ เป็นธรรมดา"  วันไหนสามีตายแล้วเรายังอยู่เราก็ (ธรรมดา)  วันไหนลูกตายแล้วเรายังอยู่ก็ (ธรรมดา)  แต่อาจารย์อยากจะบอกว่าทุกข์ได้ แต่จะต้องมองให้ออกว่า มันคือธรรมดาของโลก มันคือส่วนหนึ่งของโลก และถ้าเราเข้าใจ เราก็จะทุกข์จากโลกน้อยลง จริงไหม (จริง)  เขาทุกข์เพราะอะไร (เวียนว่ายตายเกิด)  เพราะต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร  ฉะนั้นถ้ามนุษย์เรารู้จักสร้างบุญกุศล ตัดความโลภ โกรธ หลง เราก็หยุดการเวียนว่ายตายเกิดได้นะ
ความกลัวใช่หรือไม่ ความ กลัวคือความทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตอบได้ดีได้นั่งแล้ว ความกลัวทำให้เกิดทุกข์แล้วต้นเหตุของความกลัวมาจากอะไรรู้ไหมศิษย์ (ไม่ยอมรับความจริง)  ไม่ยอมรับความจริงใช่หรือไม่ กลัวพ่ายแพ้ กลัวสูญเสีย แต่จริงๆ แล้วอาจารย์จะบอกว่าต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งมวล มาจากการมีกายสังขารนี้จริงไหม (จริง)  ถ้าไม่มีกายเราจะรู้จักสุขและทุกข์ไหม ถ้าไม่มีกายเราจะกลัวไหม (ไม่กลัว)  แล้ว เราจะทำอย่างไรให้มีกายแล้วเหมือนไม่มีกายแล้วพ้นทุกข์ได้ เราต้องมองว่าสิ่งที่มีนั้นคือความว่าง แล้วในโลกทั้งหลายที่เราพยายามอยากจะมี แท้ที่สุดแล้วเราก็ต้องปล่อยวาง โลภมากก็ทุกข์มาก อยากมากก็เจ็บมากจริงไหม (จริง)  แล้วเรายังอยากอีกไหม (อยาก)
มนุษย์ทุกข์เพราะอะไร (ทุกข์เพราะความที่เรามีความอิจฉาริษยา)  ทุกข์เพราะอิจฉาริษยา เพราะเห็นเพื่อนได้ดี เราอิจฉาเพราะว่าเราแบ่งตัวเราตัวเขา แต่ว่าจริงๆ เรามองว่าเพราะมีคนดีจึงมีคนที่ไม่ดีใช่หรือไม่ แล้วเพราะมีคนดีเราจึงรู้จักคนที่ดีกว่าดีจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นถ้ามีคนดีหนึ่งคน เหมือนอาจารย์ถามว่า ศิษย์ช่วยยืนหน่อย อาจารย์บอกว่าคนนี้สูง อาจารย์ว่าเพราะมีคนสูงอย่างนี้จึงมีคนสูงกว่านี้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้ามีคนดีกว่าเราอย่าอิจฉาเพราะคนดีกว่าคือบันไดที่ทำให้เรานั้นยิ่ง ดียิ่งขึ้นใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้ามนุษย์เราเรียนรู้ชีวิต ชีวิตก็จะให้ค่าชีวิตที่สูงยิ่งขึ้น หรือเราจะแย่กว่าเขาใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้น พบคนดีอย่าอิจฉา พบคนชั่วอย่าชิงชัง เพราะคนชั่วคือแบบที่เราไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง แต่คนดีคือแบบที่เราต้องเอาอย่างและดีกว่าให้ได้
อาจารย์ไม่อยากให้ศิษย์ติดในรูปลักษณ์ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยากรักษาโรคตัวเองต้องรู้จักดูแลรักษาตนใช่หรือไม่ (ใช่)  เราทุกข์เพราะอะไร
ตอบได้ไหม ถ้าไม่ตอบอาจารย์ให้หลับตาไปจับใครก็ได้หนึ่งคน (โลภมาก)  เพราะโลภมาก โลภอะไรหรือ (กิเลส)  กิเลสอะไร ชอบมองสวยๆ ทั้งที่ไม่ใช่ของเรา ชอบมองในสิ่งที่ไม่ควรมอง ชอบเล่นอบายมุข เล่นในสิ่งที่ไม่ควรเล่น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ต่อไปจะลดไหม (ลดครับ)  ลดให้น้อยลงหรือให้เท่าเดิม (ลดให้น้อยลงครับ)  
(ความอยากได้)  ลดความอยากได้ อยากมี แล้วรู้จักพอบ้างเสียที (โลภมาก ลาภหาย) เข้าใจตอบนะ กฎของอาจารย์บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่แบ่งแยกเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนอายุมาก ยืนก็ยืนเหมือนกัน ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นมองให้เห็นอย่างนี้ศิษย์ก็ยังมองไม่เห็น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฟ้าก็เลยส่งเทวทูตทั้งห้ามาเพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนให้ศิษย์ไม่ประมาทและไม่ หลงทุกข์ และเทวทูตทั้งห้านี้ได้แก่อะไรบ้าง  (ขันธ์ห้า)  ใช่หรือ  เทวทูตทั้งห้าคือใคร ถามว่ามนุษย์เห็นไหม ทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องธรรมดาเราก็เห็น แล้วรู้ไหมว่ามีสุขก็มีทุกข์ เราก็รู้แต่ก็ยังอดทุกข์ไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  พระพุทธะก็เลยบอกว่าทำอย่างไรจะทำให้มนุษย์ไม่ทุกข์และไม่หลงทุกข์  ก็เลยส่งเทวทูตทั้งห้ามาเพื่อย้ำให้ศิษย์ไม่ประมาทและเผลอทุกข์แล้วทุกข์อีก เทวทูตทั้งห้านั้นคืออะไร  (ดิน น้ำ ลม ไฟ)  ผิดเป็นคนที่สอง  เทวทูตมีห้าไม่รู้เลยหรือ
เทวทูตทั้งห้า มีใครบ้าง ทั้งที่เราเห็นโลกใบนี้แล้ว โลกมีได้ มีเสีย มีสุข มีทุกข์ แต่เรายังทุกข์ไหม (ทุกข์) แล้วอาจารย์บอกว่าการพลัดพรากเป็นเรื่องธรรมดา เราก็ยังทุกข์ไหม (ทุกข์) ฉะนั้นพระพุทธะก็เลยส่ง
เทวทูตทั้งห้ามาเพื่อเตือนย้ำมนุษย์ว่าอย่าหลงในโลก อย่าทุกข์กับโลกจนเกินไป เพราะทุกๆ สิ่งล้วนเป็นธรรมดา แต่ในความธรรมดานั้นมันมีความไม่เที่ยงอยู่ ใช่หรือไม่ (นักเรียนในชั้นตอบว่า คนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ)  อาจารย์อยากจะบอกว่าในห้านี้มีผิดหนึ่ง ฉะนั้นหาอีกสอง (ศีลห้า)  ผิด เขาบอกว่ามีคนเกิด มีคนแก่ มีคนเจ็บ มีคนตาย แล้วอีกอันคือ (นิพพาน)  ผิด อะไรที่เป็นเทวทูตส่งมาบอกมนุษย์เรา คืออะไร หนึ่งคือเด็ก ให้รู้ว่าเด็กนั้นมี เด็กเป็นอย่างนี้ การเกิดเป็นอย่างนี้ ใช่หรือไม่ เมื่อมีเด็ก มีเกิดแล้วก็มี (แก่)  มีแก่แล้วมี (เจ็บ)  มีเจ็บแล้วก็มี (ตาย)  แล้วอีกอันหนึ่งละ เทวทูตนั้นล้วนบอกให้มนุษย์รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง เราอย่าเผลอยึด เราอย่าเผลอหลง เพราะหลงไปแล้วเดี๋ยวมันก็ไม่เที่ยง หลงผมนี่เป็นของเรา ผมนี้เป็นของเราไหม (ไม่ใช่)  ตัวนี้ของเราไหม (ไม่ใช่)  เราแค่ยืมใช้ถึงเวลามันยังหนีเราเลย บอกอย่าแก่ อย่าเจ็บ มันก็แก่ มันก็เจ็บ บอกว่า อย่าตาย มันก็ยังอยากจะตาย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วอีกอันหนึ่งคืออะไร
ขนาดศิษย์บอกว่าวันนี้ศิษย์ทุกข์ แต่เชื่อไหมว่า พอผ่านไปสามเดือนความทุกข์นั้นศิษย์ก็ยังลืมได้ ใช่หรือไม่ ถึงแม้จะลืมบางที ลืมไปก็ลืมไปครึ่งหนึ่ง พอผ่านไปปีหนึ่ง จากครึ่งหนึ่งเราก็เกือบจะหมดแล้ว ใช่หรือไม่
(อนิจจัง, สังขาร, การหลุดพ้น)  เราเห็นอะไรเราถึงรู้สึกว่าไม่เที่ยง เห็นการเกิดแก่เจ็บตายล้วนไม่เที่ยง และเราก็เห็นว่าใครทำดีได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว เทวทูตมีอะไรบ้าง (เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว)  ใครทำกรรมใด ย่อมได้รับกรรมนั้นอย่างหนีไม่พ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถึงแม้ว่าโลกใบนี้จะไม่เที่ยง แต่ก็ไม่ใช่ว่าปล่อยให้มนุษย์อยากจะทำดีก็ทำไป อยากจะทำชั่วก็ทำไป เทวทูตยังส่งมาเตือนอีกว่าใครทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่วเป็นผลตอบแทน ฉะนั้นถ้ามนุษย์สามารถหลุดพ้นจาก รูปนามได้ ก็จะสามารถพ้นจากปุถุชนได้ ถ้ามนุษย์สามารถหลุดพ้นจากความดีงามได้ มนุษย์ก็จะเดินสู่ความเป็นอริยะได้
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนเล่นเกมเลขคู่เลขคี่ยืนนั่ง)
พอมีคนได้ก็ย่อมมีคนไม่ได้เป็นธรรมดา ฉะนั้นถ้าเขาได้แล้วเราไม่ได้ก็จงอย่าทุกข์ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่อิจฉาใช่ไหม (ใช่) 
บางเรื่องในโลกนี้ทำดีมีรางวัล บางเรื่องในโลกนี้ทำแล้วไม่มีรางวัล แถมโดนว่าอีก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอาจารย์อยากบอกให้ศิษย์รู้ว่า เรื่องบางอย่างทำได้ บางอย่างทำไม่ได้ เราก็ต้องอดทนและยอมรับ เพราะบางทีผลกรรมมันอาจจะไม่สุกงอม ใช่หรือเปล่า แต่ถ้าทำดีโดยไม่หวังผล คนนั้นคือคนที่ปฏิบัติธรรมเพื่อเดินเข้าสู่ประตูแห่งอริยะ แต่ถ้าทำดีแล้วหวังผลคนนั้นคือคนที่กำลังเดินเข้าสู่ประตูแห่งเทพเทวา พอหมดผลบุญก็ยังต้องกลับมาเกิดใหม่ ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นอยู่บนโลกนี้มนุษย์มีหนทางสามทางให้เลือก
๑. มนุษย์ผู้เลิศล้ำ
๒. เทวาผู้เลิศล้ำ
๓. อริยะผู้ไร้ตัวตน
ถ้าอยากทำดีบ้างทำชั่วบ้าง ก็หนีไม่พ้นเป็นมนุษย์ แต่ถ้าปล่อยให้ตัวเองชั่วมากกว่าดีก็ได้เกิดมาต่ำกว่ามนุษย์ แต่ถ้าทำดีมากกว่าชั่วและดีอย่าง มากๆ ก็ได้เป็นเทพเทวา แต่ถ้าทำดีก็ไม่ยึดติด ตัวตนก็ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น คนนั้นคือคนที่เดินเปิดประตูอริยะ ฉะนั้นชีวิตของคนเรามีโอกาสให้เลือกไม่กี่ทาง แต่อยู่ที่ใครกำหนด ฟ้ากำหนดหรือตัวเรากำหนด (เรากำหนด)  ใช่หรือไม่ (ใช่) 
เมื่อวานจำเรื่องที่พระนาจาพูดถึงสุนัขได้ไหม (ได้)  สุนัขที่เลี้ยงกับเจ้าของ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์อยากจะบอกว่าพระนาจาตัดตอนเล่านะ ยังมีเริ่มต้นอีก แล้วก็มีตอนท้ายอีก อยากฟังไหม (อยาก)  ปีนี้ปลายปีค่อยมาเจอแล้วมาฟังต่อดีไหม (ดี)  จริงนะ (จริง)  กลัวบางคนจะไม่อยู่ให้เจอแล้วสิฟังไหม (ฟัง)  ฉะนั้นอย่าคิดคาดหวังว่าจะมีปลายปี อย่าคิดคาดหวังว่า เดี๋ยวค่อยทำ บางทีชีวิตมีแค่ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ ใช่หรือไม่
เมื่อวานศิษย์ฟังว่า สุนัขตัวหนึ่งเดินตามผู้ชายคนหนึ่ง เดินไปเดินมาผู้ชายเลยเอ็นดูแล้วเลี้ยง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เลี้ยงด้วยความรักไปได้ไม่นานเท่าไหร่  มีวันหนึ่งหมาตัวนั้นลุกขึ้นมากัดเขาจนเหวอะหวะ ใช่หรือเปล่า จริงๆ แล้ว พระนาจาตัดตอนและเล่าไม่ครบ เล่าไม่หมด
เรื่องคือว่า ชายคนเดิมคนนี้ เขาเดินไปกลางป่าแล้วเขาได้ยินเสียงกบ กบร้องเหมือนจะตายเขาจึงเดินไปดู ปรากฏว่าสิ่งที่เขาเห็นคืองูกำลังจะกินกบ ด้วยความที่เขารู้สึกว่าสงสาร เขาก็เลยตีงู กบก็เลย (รอด)  รอด งูไม่ตาย เขาแค่ตีให้มันปล่อยกบ ด้วยความปรารถนาดีอยากช่วย แต่ปรากฏว่าเมื่อผ่านไปได้สามสี่เดือน มีวันหนึ่งบ้านเขาก็ได้ยินเสียงกบร้องอีกแล้ว เขาก็ตกใจคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เลยออกไปดู พอออกไปดู ชั่วขณะที่เขากำลังจะออกไปดูนั้น หลังเขามีงูตัวหนึ่งเตรียมจะฉกเขา และงูตัวนั้นก็คืองูที่จะกินกบครั้งแรก  แต่คราวนี้เขาจะตีงูอีกไหม (ไม่ตี) งูมันเข้ามาบ้านจะฉกแล้วตีไหมศิษย์ (ตี) เขาตีมัน ตอนแรกอุตส่าห์ปล่อยไปแล้วยังจะมากัด ตีมันให้ตายเลย พอตีมันตายงูตัวนั้นเลยเกิดเป็นสุนัข แต่ว่าเขายังมีบุญแห่งกรรมดีหนุนเนื่องอยู่ก็เลยไม่โดนกัด จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเดินผ่านวัด พระเห็นดวงเขาว่าคืนนี้เขาจะไม่รอด เลยบอกเขาว่า คืนนี้หาถุงใส่น้ำสีแดงไว้แล้วเอาวางไว้บนเตียงเอาผ้าปิด ทำเหมือนคนนอนแล้วเอาผ้าห่มปิดให้มิดแล้วจงออกไปจากห้อง พอถึงคืนวันนั้นตามที่พระทัก เขาก็ทำตาม ปรากฏว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ไหม (ไม่รู้)  ปรากฏว่าสุนัขที่เขาเลี้ยง อยู่ๆ ก็เกิดอารมณ์กระฟัดกระเฟียด พยายามตะกายประตูเพื่อจะเข้าไปที่ประตูให้ได้ พอประตูเข้าไม่ได้ก็เลยเข้าทางหน้าต่างแล้วขึ้นไปขย้ำที่เตียง แล้วก็กัดๆๆ ศิษย์ว่าชายคนนี้เห็นแบบนี้จะฆ่าสุนัขไหม ฆ่านะ พอฆ่าเสร็จกรรมจบไหม (ไม่จบ)  เพราะมันแค้นนี่มันเลยไปเกิดเป็นพญางูที่ตัวเป็นปีศาจแต่หางเป็นงู เพราะความแค้น พระก็เลยบอกเขาว่าดวงคุณกำลังไม่ดี เขาก็บอกว่าทำอย่างไรดี พระก็เลยบอกว่าถ้าวันนี้ออกไปข้างนอก ได้ยินเสียงใครเรียกชื่ออย่าหันหลัง แต่ปรากฏว่าเขาหัน เพราะว่าบุญเขาไม่เคยสร้าง กรรมมันเริ่มตกผลใช่หรือไม่ (ใช่)  พอเขาหันหลังปรากฏว่าปีศาจที่หางเป็นงูตัวเป็นปีศาจโผล่มาแล้วตามเขา เขาก็วิ่งหนีถึงที่สุด ปรากฏว่าเขาหนีเข้ามาในเขตวัด พระก็เลยบอกว่างูตัวนี้ใหญ่มากแล้วมีพิษแล้วกรรมมันเป็นของท่านที่ท่าน เกี่ยวกรรมกันมา พระก็เลยช่วยเอาระฆังครอบไว้ให้เขาพ้นภัยจากงู แต่พอรุ่งเช้าปรากฏว่างูเอาตัวพันตั้งแต่ปลายระฆังจนถึงยอดระฆัง งูก็ตายคนในระฆังก็ตาย เพราะว่ามันพ่นพิษออกมาเนื่องจากมันแค้นจัด ครั้งแรกก็ฆ่ามันครั้งที่สองก็ฆ่ามัน ครั้งที่สามจะเอาไว้ไหมใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็เลยทำให้คนนี้ตาย พระอยากจะช่วยเขาก็เลยเอาศพของคนนี้ไปฝังไว้ในดิน แล้วก็เอางูไปฝังไว้ในดินข้างๆ กัน คนนี้พอตายแล้วกลายเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งตั้งตรงสูง เชื่อไหมว่างูกลายเป็นอะไร (เถาวัลย์)  ใช่ เถาวัลย์พันต้นไม้นี้ เห็นว่าความแค้นของคน ความหลงผิดคิดร้ายของคน ความแค้นที่ผูกใจเจ็บติดตรึงตราของเรา ทำให้เราต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น ฉะนั้นเกิดเป็นคนใครทำร้ายอะไรกับเรา ศิษย์อย่าผูกใจเจ็บ ศิษย์อย่าเอาเขาถึงตาย เพราะว่าเขาเอาถึงตาย ศิษย์เคยได้ยินไหมถ้าไล่สัตว์จนตรอกมันจะสู้จนไม่กลัวตายเคยได้ยินไหม ถ้าทำร้ายคนจนถึงที่สุดเขาก็จะหันกลับมาสู้กับศิษย์จนแม้เขาจะตายก็ไม่กลัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้ววันนี้ศิษย์ทำร้ายใครไปบ้าง ยังไม่จบนะ เป็นต้นไม้แล้วเถาวัลย์เกี่ยวต้นไม้ พระพุทธะองค์นี้อยากโปรดเขาจึงเอาต้นไม้นี้มาเป็นตัวเคาะ เขาเรียกว่าบั๊กฮื้อ เวลาพระจีนสวดมนต์จะมีตัวเคาะกับไม้เคาะใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วไม้เคาะก็เอามาจากเถาวัลย์ เพื่อเคาะบอกชาวโลกให้รู้ว่าใครทำกรรมอะไรหนีกรรมนั้นไม่พ้น และอยากจะจบกรรมได้ก็ต้องรู้จักดำรงตนด้วยความไม่เคืองแค้น ไม่ผูกใจเจ็บ อย่ามีชีวิตอย่างเบียดเบียนผู้อื่น แล้วเรามีชีวิต เราเบียดเบียนเขาจนถึงที่สุดคืออะไร
 เอาทั้งชีวิต เอาทั้งเนื้อ เอาทั้งผิว เอาทั้งกระดูก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เนื้ออยู่ในพุง ผิวเขาคาดไว้ข้างๆ พุง ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือผิวเขาเอามาใส่เป็นรองเท้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แถมบางทีกระดูกเขาเอามาบำรุงสัตว์เลี้ยง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นศิษย์ทำอะไรไว้หนีไม่พ้นนะ ฉะนั้นอาจารย์ยังอยากยกนิทานเรื่องนี้เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ เรามีชีวิตอย่าคิดแต่เบียดเบียนผู้อื่นเพื่อความสุขสบายของตัวเอง (พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทซ้อนคำว่า "ตามหาคนเดิม" ) คนเดิมของอาจารย์นั้น ไม่ชิงชังความยากจน  ไม่ลุ่มหลงความมั่งมี  คนเดิมของอาจารย์นั้นหลับก็ไม่ฝัน ตื่นก็ไม่กลุ้มกังวล ไม่เกลียดความทุกข์ ไม่หลงความสุข สามารถมีชีวิตเป็นอิสระจากสิ่งแวดล้อมด้วยจิตใจที่มีความสันติสุข  มีจิตใจที่มุ่งมั่น  มีสีหน้าที่สุภาพ  มีท่าทีที่สุขุม  ถ้าทำได้อย่างนี้ศิษย์ก็คงไม่ต้องไปหาคนเดิมที่ไหน แต่คนเดิมก็คือ ตัวศิษย์ทุกคน ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนเดิมของอาจารย์ยังหลงในรูปอยู่ไหม หลงไหม (ไม่หลง)  มนุษย์ทุกข์ที่สุดเพราะมีร่างกายนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)
อาจารย์อยากจะบอกว่า สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ มนุษย์ทุกข์เพราะมีตัวตน ใช่หรือไม่ (ใช่)   สิ่งที่ออกจากตาเรียกว่า ขี้ตา  สิ่งที่ออกจากหูเรียกว่า ขี้หู  มนุษย์รักตัวนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และยอมทำทุกอย่างเพื่อบำรุงบำเรอตัวนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เราอย่าลืม สิ่งที่ออกจากตาเรียกว่าขี้ตา  สิ่งที่ออกจากหูเรียกว่าขี้หู  สิ่งที่ออกจากปากเรียกว่าขี้ปาก  สิ่งที่ออกจากมือเรียกว่าขี้มือ ทั้งตัวทั้งตนเรียกว่า(ขี้)  ศิษย์พูดเองนะ  ศิษย์กำลังทุกข์กับขี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และเรากำลังห่วงกับขี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และเราพยายามหากองขี้เยอะๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่ศิษย์กำลังบำรุงบำเรอและทำทุกอย่างเพื่อตัวตนนี้ พระพุทธะบอกว่า มันคือกองทุกข์ที่ไม่เที่ยง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากองขี้ จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นจงมองให้ออกแล้วเราจะได้ไม่ทุกข์กับกองขี้
แล้วเราทุกข์กับมันไหม (ทุกข์)  เจ็บก็ทุกข์ ปวดก็ทุกข์ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเป็น (ขี้)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ขี้นั้นสามารถนำพาให้มนุษย์เดินไปสู่ทางประเสริฐแห่งการเป็นพระพุทธะ หรือไม่จำเป็นต้องเป็นถึงพระพุทธะ นั้นก็คือการพ้นทุกข์ เราจะพ้นทุกข์ได้อย่างไร ถ้าเรายังยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อย่างนั้นต้องรู้จักปล่อยวางตัวตนและเสียสละตนเพื่อช่วยผู้อื่น จำไว้นะมือช่วยได้แค่คนเดียว มือช่วยได้ก็แค่ไม่กี่คน แต่คุณธรรมช่วยคนทั้งโลกได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราจะเอาธรรมอะไร ธรรมที่รู้แจ้งในตัวตน ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง หามากไปก็ทุกข์เปล่าๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยึดมากไปปล่อยว่างไม่ได้ก็หาเหาใส่หัว หาทุกข์ใส่ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  ห่วงกองขี้กับห่วงกองทุกข์ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นต่อไปนี้รู้จักเบาๆ บ้าง และจงรู้จักทันโลกบ้าง จำไว้นะถึงจะทุกข์ยากขนาดไหนถึงจะเจ็บปวดสักเพียงใด พอลมพัดผ่านไปมันก็คือของที่ไม่เที่ยง บางครั้งความรักทำให้ศิษย์เจ็บปวด รักลูก รักสามี รักเงินทองใช่ไหม (ใช่)  แต่พอเจ็บปวดแล้วมันทำให้เราเข้าใจชีวิตว่ายืมเขามาถึงเวลาต้องคืนเขาไป แล้วเราทำใจได้อย่างนั้นได้ไหม  (ได้, ไม่ได้)  ถ้าไม่ได้อาจารย์ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้วนะ เพราะชีวิตนี้เราเป็นผู้กำหนดเอง ถ้าหยั่งรู้ตัวตนก็หยั่งรู้ฟ้าดิน แต่ถ้าไม่เข้าใจตัวตนท่านแหงนมองฟ้าก็เปล่าประโยชน์จริงไหม  ถึงฟ้าจะทำให้ทุกข์แต่ถ้าเราไม่ทุกข์ด้วยปัญญารู้แจ้ง เราก็เป็นคนเอาชนะทุกข์ระทมได้ ฟ้าก็ทำอะไรท่านไม่ได้  จำคำพูดอาจารย์ตั้งแต่ต้นไว้นะ ถ้ายังหลงก็จะถูกโลกหมุนวน แต่ถ้าหลุดพ้นเราก็คือคนที่หมุนโลก ใช่หรือไม่ (ใช่) มีเวลาก็มาผูกบุญสัมพันธ์กันอีกนะ กลัวอย่างเดียวกลัวคนดื้อ ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ บุญวาสนามีได้ก็หมดได้ถ้าไม่รู้จักรักษา มีแต่ความดีเท่านั้นที่ยืนยง
ชีวิตนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ต้องตั้งใจ ต้องอดทน (ศิษย์ทำทุกอย่างแล้วอาจารย์)  อดทนนะ แล้วกรรมจะได้หมด ขอให้ตั้งจิตตั้งใจดีๆ (ศิษย์ช่วยเพื่อนทุกอย่างเลย)  เพราะทำถึงที่สุดก็ต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรมนะ อาจารย์กลัวอย่างเดียว กลัวศิษย์ของอาจารย์หลงในโลกนี้ ถึงอาจารย์จะพูดไปแล้วเป็นพันคำ แต่ถ้าศิษย์ไม่รู้จักดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง เราก็คือคนที่หาทุกข์ใส่ตัว ใช่ไหม มีโอกาสตามมาอีกนะ ถ้าอาจารย์ให้พรได้ อาจารย์ก็อยากให้ศิษย์ของอาจารย์เข้มแข็ง อดทนให้ได้กับทุกๆ สิ่ง มีจิตใจมุ่งมั่นทำแต่สิ่งที่ดี ไม่แพ้ภัยตัวเอง ใช่หรือเปล่า
หลับไปถึงไหนแล้ว มาอีกไหมคนดื้อ กลับมาหาอาจารย์อีกนะ ทำได้ก็บุญของศิษย์นะ ใช่ไหม ชีวิตนี้เวลาเหลือไม่มากแล้ว ปลงได้ก็ปลงวางได้ก็วาง หมั่นทำแต่สิ่งที่ดีงามนะศิษย์นะ และคิดถึงแต่สิ่งที่ดี และความดีจะคุ้มครองศิษย์ คนดื้อของอาจารย์ ศิษย์คนดื้อ อดทนนะ เข้มแข็งนะ อย่าร้องไห้ อาจารย์ไม่ทิ้งศิษย์หรอก กลัวอย่างเดียวศิษย์ไม่รู้จักคิดแล้วทิ้งอาจารย์ไป ใช่ไหม อะไรดีก็จงรักษา อะไรที่มันผ่านเลยไปก็จงปล่อยวางนะ ศิษย์เอย ดูแลตัวเองให้ดีนะ มีโอกาสมาให้ครบได้ไหม เสียดายนะที่อยู่ได้ไม่ครบสองวัน ดูแลตัวเองให้ดี ตั้งใจทำแต่สิ่งที่ถูกต้องนะ อย่าเป็นเด็กดื้อ

สุขภาพไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือจิตใจ จงเข้มแข็งและยิ้มเข้าไว้ รักษาใจให้บริสุทธิ์และทำแต่สิ่งที่ดีงาม เป็นคนที่มีแต่รอยยิ้มบนใบหน้า ดีๆ ไม่ทำ ใช่หรือเปล่า ชอบทำในสิ่งที่น่าตีใช่ไหม ศิษย์เอ๋ยทำไมดีๆ ไม่รู้จักทำกันนะ ต้องรอให้ทุกข์ ต้องรอให้เจ็บแล้วค่อยคิดได้ไม่สายไปหรือ ใช่หรือเปล่า ดีไม่ใช่เพื่ออาจารย์แต่ดีเพื่อตัวเอง ใช่หรือไม่ ชั่วก็ไม่ได้ใครรับก็คือตัวเราต้องรับผลเอง แล้วทำไมเราไม่รู้จักเลือกทำสิ่งที่ดี ใช่ไหม สิ่งสำคัญก็คือถ้าป่วยแล้วได้ใช้กรรมก็น่าจะดีใจ ใช่หรือไม่ จับมือกับอาจารย์แล้วคงไม่จากกันอีกนะ จับไหม จับแล้วต้องมาอีกนะ จับไหม อาจารย์อยากให้ศิษย์พ้นทุกข์บนโลกใบนี้ พ้นทุกข์ด้วยตัวเอง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเจ็บแล้วทำให้เราปลงสังขารได้ ถ้าเจ็บแล้วทำให้เรารู้แจ้งเห็นจริงในชีวิตได้ อาจารย์ก็อยากให้ศิษย์ลองเจ็บ แล้วจะได้ปล่อยวางบ้าง ตัวตนนี้ยึดไปมันก็ไม่มีอะไร สู้ทำดีให้ถึงที่สุด ตัวตนนี้เราก็ยังต้องทิ้งไว้ในโลกนี้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  สิ่งที่เอาไปได้มีแค่จิตญาณ จิตญาณที่ดำรงซึ่งความดีงามอันบริสุทธิ์ใสและสงบ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ประเสริฐสุดคือจิตใจที่บริสุทธิ์ น่ากลัวที่สุดคือจิตใจที่หลงผิด ใช่หรือไม่ ชื่อของอาจารย์แปลว่าวิปลาส แต่ถ้าศิษย์สามารถกำจัดความวิปลาสได้ ศิษย์ก็คือผู้ไม่หลงอีกต่อไป และวิปลาสคืออะไร วิปลาส ก็คือเห็นสิ่งที่ไม่มีว่าเป็นมี เห็นสิ่งที่เพ้อฝันว่าเป็นของจริง แล้วเราในโลกนี้วิปลาสแล้วเพ้อฝันไหม เห็นสิ่งที่ไม่มีว่ามี เห็นโลกใบนี้เป็นของจริงทั้งที่จริงๆ แล้วมันเป็นมายา แต่ถ้าศิษย์ตัดวิปลาสตัดความเพ้อฝันได้ ศิษย์ก็หมดความหลงผิดได้และรู้แจ้งเห็นจริง ช่วยตัวเองนะ ให้พ้นจากโลกใบนี้ด้วยจิตใจที่รู้ตัวรู้ตนนะ ถูกไหมศิษย์ รักษาตัวเองให้ดีนะศิษย์นะ อย่าทำผิด เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม รู้จักคิด รู้จักทำนะ เข้าใจนะ ไปแล้วนะ อย่าคิดว่าอาจารย์มาหลอกเลย มันไม่คุ้มหรอก ใช่หรือไม่ ตั้งใจบำเพ็ญธรรมเพื่อตัวเอง

พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทซ้อนคำว่า "ตามหาคนเดิม"

สิ่งที่มากระทบใจกระทบจิต

มีอิทธิมีฤทธิ์ต่อคนยังอ่อน
ทั้งน้ำไฟทั้งเลือดลมหนาวพร้อมร้อน
ฟ้าปางก่อนสับสนยากคงเหมือนเดิม
ถอยออกห่างจิตเดิมแท้แต่แรกเริ่ม
เมื่อกร้านโลกจึงแข็งจนกลายกระด้าง
สู่การมีตัวมีตนเป็นคนเพิ่ม
ทำคนเดิมจิตบริสุทธิ์สูญหายไป

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา