วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

2549-11-18 สถานธรรมฮุ่ยอวี้ จ.ขอนแก่น


西元二○○六年歲次丙戌九月二十八     大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ สถานธรรมฮุ่ยอวี้ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
                                              สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ

  องค์ความรู้คือศึกษาและลงมือ            ประธานคือจิตใจสว่างใส
คุมชีวิตละอัตตาให้สิ้นไป                      สอบคนผู้มีใจสู่ทางธรรม
                        เราคือ
  องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ                        รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่แดนโลกีย์ เคียมคัล
องค์มารดา        ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
                        ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง          ฮวา ฮวา

  ด้วยจิตใจใสสะอาดแต่เดิมที               อันความดีในโลกนี้ยังมีอยู่
การบำเพ็ญจิตใจให้ต่อสู้                      กับตนเองที่เป็นผู้รู้มากมาย
มีชีวิตแต่ยังไม่สร้างชีวิต                        ใช้ความคิดแต่ยังไม่ควบคุมไว้
มีคำพูดที่ยังพูดแต่ตามใจ                      การบำเพ็ญต้องใส่ใจในวิญญาณ
ใช้ปัญญาอันขัดเกลาไร้กิเลส                 ทุกทุกเจตจำนงรู้ธรรมร่วม
ชีวิตนี้อย่าปล่อยปละให้หละหลวม          ความสำรวมอยู่ในทีทุกเวลา
ชีวิตนี้มีค่ายิ่งกว่าเคยรู้                         พินิจดูอย่าสงสารตนเองนัก
สิ่งที่มีว่าไม่ดีแท้ดีนัก                            จงรู้จักเพียรพยายามย้อนมองตน
ศึกษาธรรมสองวันฟื้นฟูจิต                   ปฏิบัติมุ่งพิชิตวัฏสงสาร
ลงสู่ห้วงทรมานเพื่อพ้นทรมาน               ใจชื่นบานเกิดด้วยรู้ธรรมแท้จริง
จะสุขใจสบายกายรู้ปล่อยวาง               เดินหนทางแห่งธรรมบนโลกนี้
ต้องมั่นคงซื่อตรงต่อความดี                   แม้นานปีไม่เผลอใจอวิชชา
น้องคนบุญวันนี้อยู่ร่วมสถาน                 ประชุมธรรมจิตเบิกบานตื่นหลับไหล
จงตั้งใจเรียนธรรมเพื่อเข้าใจ                 จงมีใจแยกแยะฟื้นดวงญาณ
ในวันนี้ไม่กล่าวความให้มากไป               จงรักษาระเบียบไว้ให้เคร่งครัด
ทำได้ดีอยู่ในความจำกัด                       หากรู้หัดที่ว่ายากก็ง่ายคืน
จรดวางพู่กันลงคุมชั้นเรียน
                                                                                                                                           ฮวา ฮวา หยุด


วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ สถานธรรมฮุ่ยอวี้ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
พระโอวาทท่าน อว๋า อวา เซียนหนวี่

  ทำอย่างไรให้ฟ้าดินร่วมสู้                   ต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์การเคลื่อนไหว
หากเข้าใจกฎเกณฑ์สรรพสิ่งได้              ย่อมจะใช้ประโยชน์ได้ไม่สิ้นสุด
                        เราคือ
  อว๋า อวา เซียนหนวี่                      รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่แดนโลก แฝงกายประณตน้อม
องค์มารดาแล้ว                              ถามทุกท่านเบื่อศึกษาธรรมหรือเปล่า

  คุณธรรมเติบโตดีในใจปราชญ์            โดยฝึกหัดปฏิบัติอย่างแน่แน่ว
หัวใจซื่อท่ามกลางต่างรู้แกว                  บำรุงธรรมรากแก้วต้นไม้ใจคน
ปัญญาใจดุจหัวใจของจิตธรรม              คิดพูดทำดุจมนุษย์ผู้กุศล
วัดระดับรากฐานในใจตน                     รู้ตั้งต้นแต่รากยอดยิ่งนา
แม้อดีตบอบช้ำกรีดแทงใจ                    ประคองให้จิตใจสุจริตแกร่งกล้า
โลกมนุษย์ที่สุดแล้วแค่มายา                  แก้ปัญหาจนอับไม่เหมารวม
พึงลดความซับซ้อนวาจาติดยึด              รักษาความประพฤติไม่ใจใหญ่ร่วม
การดำรงเรียบง่ายไม่ใช่หละหลวม          กิเลสร่วมซุกซ่อนผลจิตแบกคอน
อย่าได้คอยหวังสำนึกไม่แก้ไข                ปล่อยสบายบ่งเป็นคนวินัยหย่อน
ปะทะบ่อยบอกความชอบต่อกร             คนตื่นก่อนพาชีวิตอย่าอาลัย

ทั้งลมฝนให้ฝึกรับปัญหา                      มีปัญญาสู่ทางดีไม่สงสัย
ฟ้ามีฝนคนลำบากยิ่งเข้าใจ                   รู้สติยากง่ายกล้ารับมือ
                                                                                               ฮิ ฮิ หยุด





       พระโอวาทท่านอว๋า อวา เซียนหนวี่
ชอบชั่วโมงร้องเพลงใช่ไหม (ใช่)  ร้องเพลงกับฟังธรรมะชอบชั่วโมงไหนมากกว่ากัน (ชอบชั่วโมงพัก)  ชอบชั่วโมงพัก แล้วอยากพักตลอดชีวิตไหม เขาบอกว่าความตายคือการพักตลอดชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วเราชอบความตายไหม (ไม่ชอบ)  แล้วอยากพักตลอดชีวิตไหม (ไม่อยาก)  คนเราทุกคนก็ต้องตายทั้งนั้นใช่หรือเปล่า (ใช่)
ทุกคนต้องเดินไปสู่ความตาย กลัวไหม (กลัว)  แต่เราก็ต้องตาย ทุกคนต้องเดินไปสู่ความว่างเปล่าและไม่มีที่สิ้นสุด ไม่อยากว่างเปล่า แต่ถึงที่สุดเราก็ต้องว่างเปล่า อย่างนั้นเรามาเตรียมตัวตายดีไหม (ไม่ดี)  ทำไมล่ะ ตัวอย่างง่ายๆ แต่ก่อนเราไม่รู้คุณค่าของชีวิตว่าสำคัญขนาดไหน เราลองมาทำตัวตายกันดีไหม เอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบไปที่จมูก ดูสิว่าเราจะอดทนต่อความตายได้นานแค่ไหน เรารู้สึกว่าการไปสู่ความตาย การไปสู่ความว่าง เป็นเรื่องที่ลำบาก แต่ถึงที่สุดแล้วทุกคนก็ต้องไปถึงที่นั่นใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นการรู้จักเตรียมตัวพร้อมไว้เสียแต่เนิ่นๆ จะทำให้เรานั้นทุกข์น้อย ลำบากน้อย  การฝึกฝนปล่อยวางบ้าง การฝึกฝนตั้งตนให้อยู่ในความไม่ประมาทบ้างเป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือ แต่ถึงเวลาทำไมเราถึงเอาแต่หนีล่ะ เคยเห็นผึ้งไหม เวลามันบินเข้ามาในห้องเรา เราวิ่งหนีผึ้ง ผึ้งยิ่งบินตาม เหมือนเวลาต่อบินเข้ามาในห้อง ยิ่งวิ่งหนี มันยิ่งบินตาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะฉะนั้นอย่ากลัวความทุกข์ อย่ากลัวความตาย อย่ากลัวความว่างเปล่า เพราะที่จริงแล้วมนุษย์ทุกคนมีความทุกข์เป็นของธรรมดา มีความตายเป็นที่สิ้นสุด และมีความว่างเปล่าเป็นสิ่งที่แน่นอน มองทะลุเนื้อก็เป็นกระดูก มองทะลุกระดูกก็เป็นอะไร ถึงที่สุดร่างกายเราก็ต้องกลับคืนสู่ฟ้าดิน ใช่ไหม (ใช่)
การมาศึกษาหลักธรรมก็เพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่รู้แล้ว แต่ให้เข้าใจยิ่งๆ ขึ้นไป  ฉะนั้นมาตรวจสอบว่า เรารู้จริงหรือรู้ไม่จริง แล้วเรารู้เราเคยได้เอาไปปฏิบัติจริงหรือไม่ ฉะนั้นการฟังจะต้องมีความกระปรี้กระเปร่า ไม่ใช่ฟังอย่างห่อเหี่ยว แปลกนะเวลาแดดเปรี้ยงๆ เรายังรู้จัก (กางร่ม)  ฝกตกก็ยังรู้จัก (กางร่ม) โดนคนด่าเราก็ยังรู้จักยิ้ม แล้วเวลาโดนคนด่าเรามากๆ เราทำอย่างไร บางคนก็เดินหนี บางคนก็ทนฟัง บางคนก็โกรธ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วอะไรล่ะที่ดีที่สุด (วางเฉย)  เราถามท่านหน่อยนะ มีสามสิ่ง ความสุข ความแข็งแรงของร่างกาย และความร่ำรวย  ถ้าเราให้พรสามอย่างนี้ แต่ให้เลือกแค่อย่างเดียว แล้วท่านจะเลือกอะไร ใครเลือกความสุขยกมือขึ้น ถ้ามีความสุขแต่ร่างกายไม่แข็งแรงสุขไหม (ไม่สุข)  ใครเลือกความแข็งแรงยกมือขึ้น ร่างกายเราก็แข็งแรง แต่ทำไมนั่งตรงนี้ไม่มีความสุข น่าแปลกนะ แข็งแรงไหม วันนี้เจ็บป่วยเป็นไข้อะไรไหม (ไม่เป็น)  ทำไมแข็งแรงแล้วไม่มีความสุขล่ะ ใครอยากได้ความร่ำรวยบ้าง แล้วถ้าเกิดมีสามสิ่งนี้ ร่ำรวยก็จริงแต่ท่านเคยเจอไหมคนร่ำรวย ที่ป่วยเป็นโรครักษาเท่าไรก็รักษาไม่หาย เงินมีประโยชน์ไหม (ไม่มี)  ฉะนั้นสามสิ่งนี้แท้จริงแล้วอะไรที่สำคัญกันแน่
ส่วนใหญ่มนุษย์ก็จะบอกว่าขอแข็งแรงไว้ก่อน ถ้าใจเราแข็งแรงการจะคิดและทำอย่างไรให้มีความสุขก็เป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าใจอ่อนแอสภาพร่างกายก็ย่ำแย่ แม้จะมีความสุขก็เป็นเรื่องยาก ฉะนั้นตอนนี้ท่านแข็งแรงมากทำไมจึงยิ้มไม่ออก มีความสุขไม่ได้ แล้วความสุขเป็นเรื่องหายากไหม (ไม่ยาก)  แล้วเพราะอะไรเราจึงนั่งตรงนี้อย่างไม่มีความสุข
(คนที่จะมีความสุขได้ต้องประกอบด้วยกายกับใจ ถ้ากายกับใจไม่สมบูรณ์ก็มีความสุขไม่ได้ เพราะฉะนั้นความสุขน่าจะสมบูรณ์กว่า) แต่ท่านเคยเห็นไหม บางคนนั้นไม่มีแขน แต่เขาสามารถหาเงินเลี้ยงครอบครัวและมีความสุขได้ และเป็นคนที่ยิ้มง่ายกว่าคนที่ปกติอีก (เขามีความพอใจ มีความพอดี เขาถึงมีความสุข ร่างกายดีขนาดไหนก็แล้วแต่ ถ้าเขายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็หาความสุขยาก ร่ำรวยขนาดไหนก็แล้วแต่ ความเพียงพอก็ยังไม่มี)
อย่างนั้นเราถามว่าความสุขของมนุษย์คืออะไร (ความพอดี ความพอใจของแต่ละคน) บางเรื่องพอใจแต่ไม่พอดี แล้วเราจะหาความสุขได้ไหม บางเรื่องพอดีแต่ไม่พอใจ (ถ้าสมดุลกันก็เป็นความสุขได้) ปรบมือให้ท่านนี้หน่อยนะ
ท่านอื่นคิดว่าความสุขคืออะไร (ความพอเพียง) พอเพียงเมื่อไรก็มีความสุข แล้วพอเพียงหรือยัง (ยัง) อย่างนั้นความสุขก็ยังอยู่ไกลนะ บางทีเราอยู่ในโลกเราแสวงหาความสุข แต่เราเคยกลับมาถามตัวเราไหมว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไรกันแน่ บางครั้งเราพูดว่ามีเงินคือความสุข ประสบผลสำเร็จคือความสุข ได้คนที่รักเรามีความสุข แต่ทำไมพอได้คนที่รัก ประสบผลสำเร็จ มีเงิน กลับมีทุกข์ใช่ไหม (ใช่)  ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์คืออะไร (ความสงบ การปล่อยวาง) คือบางครั้งได้ปล่อยวางในเรื่องที่มันกลุ้มมากๆ หาที่สงบๆ ใช่ไหม (ใช่)  คนที่เข้าใจสิ่งนี้ได้ต้องเคยวุ่นวายมาก่อนแล้วจึงอยากหาความสงบ คนที่เคยไขว่คว้ามาก่อนแล้วจึงอยากปล่อยวางถูกไหม ถ้าถามเด็กที่อายุยังน้อย ยังไม่เคยวุ่นวายก็ยังต้องบอกว่า ไม่หรอกความสงบคือสิ่งที่ไม่ใช่ความสุขใช่ไหม (ใช่)  บางคนบอกว่าความสุขของข้าพเจ้าคือการได้กินข้าวครบสามมื้อ วันไหนไม่อดวันนั้นดีที่สุด หรือเด็กที่อายุน้อยๆ ความสุขของเขาคือการถึงวันที่ได้รับเงินของพ่อแม่ แล้วเอาไปซื้อขนม อย่างนั้นความสุขของท่านคืออะไรล่ะ (ความสุขคือการพอ พอทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ยึดติด ไม่ยึดมั่นถือมั่น รู้จักการวางเฉย) เห็นทุกคนชอบทำตามคำพูดของกษัตริย์ของท่าน กษัตริย์ท่านบอกว่าขอให้ดำเนินชีวิตไปสู่ความพอเพียง แต่บางคนพอเพียงแล้วกลับหาความสุขไม่เจอ และไม่อยากกลับไปสู่คำว่า  พอ  เพราะรู้สึกว่าชีวิตนี้ยังพอไม่ได้เลยสุขไม่เป็นสักทีใช่ไหม (ใช่)  (การนอนหลับ แล้วไม่ต้องรับรู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น แต่ยังไม่อยากจะตาย)  แล้วท่านนอนตลอดเวลาได้ไหม (ไม่ได้)  อย่างนั้นพอตื่นแล้วก็ต้องกลับมารับรู้เรื่องราวใหม่ เหมือนคนอยากหมดทุกข์ ก็เลยกินเหล้า อยากหมดทุกข์ก็เลยกินเหล้า แล้วมันจะหมดไหม ไม่หมดใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนี้เรียกว่า หนีความจริง ก็หนีได้ชั่วขณะ เท่ากับเรากำลังหลอกตัวเองถูกไหม (ถูก)  เพราะว่าเราไม่สามารถหลับแล้วลืมความทุกข์ได้ เราบอกความสุขง่ายๆ ของเราให้ฟังเอาไหม (เอา)  เราขอถามท่านนะ วันนี้เดินไปซื้อของ แล้วปรากฏว่าเราให้ไป ๑๐ บาท สมมติว่าของนั้นราคา ๒๐ เขาทอนกลับมา ๔๘๐ คนแรกไม่คืนเงิน แต่กลับไปอย่างมีความสุข สุขใจเหลือเกินใช่ไหม คนที่สองให้ไป ๑๐ ต้องเสียค่าของ ๒๐ บาทเหมือนกัน แต่เขาทอนมา ๘๘๐ คนนี้กลับบอกว่า คุณให้เกิน เอาคืนไป แม่ค้าบอกว่า ให้เกินหรือ ขอบคุณมากนะที่เอามาคืน คนนี้กลับไปอย่างมีความสุข ความสุขของเรามีอยู่สองอย่าง ท่านว่าคนไหนน่าจะมีความสุขมากกว่ากัน (คนที่สอง)  ทำไมท่านจึงบอกว่าคนที่สองล่ะ เพราะเราไม่โกงเขา เราไม่เอาเปรียบเขา แล้วเขายังขอบคุณเรากลับมาด้วย เราก็เลยรู้สึกมีความสุข
อีกเรื่องหนึ่ง การนั่งรถ พอรถมามีที่นั่งว่างๆ เราก็รีบนั่ง สักพักหนึ่งมีคุณยายมา คิดในใจเราอุตส่าห์ได้ที่นั่งแล้วนะ ทำไมคุณยายมาช้าจัง แต่อีกคนหนึ่งลุกทันที แล้วให้คุณยายนั่ง ยายบอกว่า ขอบใจนะหลาน วันนั้นกลับบ้านไปเรามีความสุขไหม (มีความสุข)  แล้วเราทำให้คนที่ไม่ยอมลุกนั้นสะท้อนใจได้บ้างไหม (ได้)  ไม่ได้มากก็ได้น้อยใช่หรือไม่ (ใช่)  ในทางกลับกัน เราลุกช้าแต่คนอื่นลุกก่อน เรารู้สึกละอายใจไหม (ละอายใจ)  หรือเราแกล้งหลับไปเลย ไม่ต้องมอง ไม่ต้องรับรู้ ฉะนั้นความสุขที่แท้จริง ก็คือการทำสิ่งที่ถูกต้องในเวลาอันเหมาะสมจริงไหม (จริง)  หรืออีกเรื่องหนึ่ง เผอิญเราเดินไปชนแจกันตกแตกดังโพละ แยกออกเป็นสองเสี่ยง แต่กลัวพ่อแม่รู้ เราก็จับแจกันมาประกบใหม่แล้ววางที่เดิม พอคราวนี้น้องมาชนเปรี้ยงอีกเหมือนกัน น้องตกใจ ทำอย่างไรดี พอแม่มาตีน้องใหญ่เลย เราจะบอกพ่อแม่ไหมว่าเราทำแจกันแตกเอง ไม่ใช่น้องทำแตก (บอก)  เหมือนกันเราอยู่ในสังคม บางครั้งการทำดี การทำสิ่งที่ถูกต้อง ในเวลาเหมาะสมคือความสุข ในกรณีกลับกัน มันเป็นความผิดของเรา ถ้าเราทำถูกต้องและเหมาะสม แม่ พ่อ หนูทำเอง ไม่ใช่น้อง เราโดนตี แต่ในใจลึกๆ เรารู้สึกเป็นอย่างไร สุขใจไหมที่ได้ปกป้องน้อง แล้วน้องจะไม่ปลื้มพี่หรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีน้องที่ไหนจะแก้แค้นไหม พี่รอให้ผมถูกตีจนตายก่อนแล้วค่อยบอก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อย่ารอให้น้องถูกตีแล้วค่อยบอก ไม่อย่างนั้นน้องจะไม่ปลื้มใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นความสุขก็คือการทำอะไรก็ได้ที่ถูกต้องและเหมาะสม
เรามาก็อย่าคิดว่าเรามาเล่นละครเลยนะ คิดว่าเรามาแลกเปลี่ยนความรู้ทางธรรมะกันดีไหม (ดี)  จะได้รู้สึกอยากฟัง อยากคุยกับเรา
(นักเรียนในชั้นเรียนเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั่ง)
การมีพิธีรีตองมากอย่างนี้ ก็เพื่อให้เรานึกถึงอกเขาอกเราใช่ไหม (ใช่)  เราได้นั่งคนอื่นก็ต้องได้ (นั่ง)  บางครั้งความสุขก็คือ การยอมเสียสละนะ ถ้าไม่เสียก็ไม่มีวันได้ถูกหรือเปล่า  (ถูก)  ถ้าเอาแต่ได้แล้วไม่ยอมเสีย ใครเล่าจะชอบเรา ใช่หรือไม่ (ใช่) 
มนุษย์เราอยากเข้มแข็ง  แต่ความเข้มแข็งของมนุษย์ อะไรเรียกว่า  เข้มแข็ง  (จิตใจเข้มแข็ง)   จิตใจอย่างไรเรียกว่า เข้มแข็ง  อย่างเช่นเราต่อสู้กับคนอื่นแล้วเราชนะ เรียกว่าเข้มแข็งไหม (ไม่ใช่)  เราแพ้ทุกทีเรียกว่าเข้มแข็ง ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  ความเข้มแข็งที่แท้จริงคืออะไร (หัวหน้าชั้น : คือการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา)  ปรบมือให้หัวหน้าชั้นหน่อยนะ   รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา  ถ้าสมมติ เราทำงานอยู่กับเพื่อนแล้วเพื่อนดูถูกดูแคลนเรา เราอดทนได้ และเรายังรู้จักคุยกับเขาอีก  ถ้าหากว่าเขามีอะไรที่ดี เราก็ยังส่งเสริมคนที่ดูถูกดูแคลนเราให้ได้ดีด้วย อย่างนี้เรียกว่า เข้มแข็ง ไหม  (เข้มแข็ง)
คนที่รู้จักอดทนต่อสิ่งที่ยากทน สามารถฝืนรับและทนต่อความยากลำบากได้ รู้จักแยกแยะผิดชอบดีร้ายได้ เป็นคนเข้มแข็งที่แท้จริง เมื่อไรที่เราอดทนต่อคนที่ร้ายที่สุดต่อเราได้ และเรายังอยู่ร่วมกับเขาได้ คนนั้นนอกจะแปรศัตรูเป็นมิตรแล้ว เขายังเป็นคนที่มีใจกว้างยิ่งนัก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการที่เราอยากจะเข้มแข็งอย่างแท้จริง เราต้องฝึกฝนกับคนที่เราเกลียดที่สุดใช่หรือไม่ (ใช่)  เจอคนที่เกลียดที่สุด แต่เรายังมองเห็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขาได้ เราก็คือคนที่ทั้งใจกว้างและเข้มแข็งอย่างแท้จริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่การอยู่ในโลกนี้สอนให้มนุษย์เข้มแข็งคือ   ห้ามใครดูถูก    ฉันต้องเป็นผู้ชนะแท้ที่จริงใช่ไหม (ไม่ใช่)   ชนะครั้งหนึ่ง ต่อไปเขาก็ต้องอยากเอาชนะเราอีก แล้วเราต้องต่อกรกับคนเช่นนี้ไปถึงเมื่อไหร่ สู้ยอมแพ้แต่ชนะใจไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) 
อีกเรื่องหนึ่ง มนุษย์ทุกคนอยากรวยไหม  (อยาก)  แต่ถ้าร่ำรวยแล้วไม่รู้จักพอ อย่างนั้นเรียกว่าร่ำรวยไหม (ไม่)  ถ้าเรามีน้อย แล้วรู้จักพอ รู้จักแบ่งปัน ไม่ใช่เรียกว่าร่ำรวยหรือ  ฉะนั้นถ้ามนุษย์รู้จักจัดการเรื่องความสุข ความเข้มแข็ง และความร่ำรวยได้ถูกต้อง การมีทั้งสามอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมถูกหรือไม่ (ถูก)  เหมือนเรามีแค่นี้  แต่เรารู้จักแบ่งปัน รู้จักเก็บและรู้จักใช้ ใครจะว่าเรายากจนได้ แต่ถ้าเรามีเยอะ ในธนาคารก็มี ในบ้านก็มี แต่ในใจเรากลับบอกว่าไม่พอ ใครมาขอก็ไม่ให้ อย่างนี้เรียกว่า รวยหรือจน (จน)  จนใจใช่หรือไม่  เคยเห็นไหม คนที่รวยแต่ขี้เหนียว  กับคนที่มีน้อยแต่ใจกว้าง เรารู้สึกว่าเขารวยน้ำใจ ใช่ไหม (ใช่)   มีเงินแต่แล้งน้ำใจ มีเงินน้อยแต่ใจกว้าง ท่านรักคนไหนมากกว่า (คนใจกว้าง)  แล้วทำไมอยากรวยอีกล่ะ
ถ้าเราอยู่บนโลกนี้และเข้าใจหลักการดำเนินสามอย่างนี้ได้  ความสุข ความเข้มแข็ง และความร่ำรวย ไม่ได้อยู่ไกลเลย แต่ทุกวันนี้เราได้แต่จุดธูปขอหวย ขอให้แข็งแรง ขอให้ลูกเรียนเก่ง ลูกแข็งแรงหรือเราแข็งแรง  ฟ้าเสกให้แข็งแรงไหม (ไม่)  ถ้าทุกวันทานแต่ของไม่สุก จะไม่มีพยาธิได้อย่างไร ผักก็ไม่ทาน แล้วจะถ่ายลำบากไหม  ถ้าทานอาหารครบห้าหมู่  ร่างกายจะอ่อนแอไหม  แม้อากาศจะหนาว แดดจะร้อน จะป่วยไหม (ไม่)  แต่ถ้าวันๆ เอาแต่นอน ขอให้รวย จะรวยไหม (ไม่รวย)  ฉะนั้นเราถึงอยากจะบอกว่า คนฉลาดเท่านั้นที่รู้จักกฎของฟ้าดิน และทำให้ฟ้าดินส่งเสริมให้เรามั่งมี อย่างเช่นวันนี้ฝนตก ทำอย่างไรให้เรามั่งมี  ต้องรู้จักเพาะปลูก พอปลูกเยอะ ต้นไม้เติบโต เราจะได้กินผลกินใบ ไม่ใช่อากาศดีก็นอน  แดดร้อนก็นอน ขอฟ้าให้ร่ำรวย จะรวยไหม (ไม่รวย) 
ฉะนั้นถ้าเรารู้จักกฎเกณฑ์ฟ้าดิน ช่วงฤดูฝนก็รู้จักเพาะปลูก ช่วงฤดูหนาวรู้จักเก็บเกี่ยวและทำงานอย่างอื่นด้วย เช่นถักผ้า ทอผ้าขายได้ ไม่ว่าร้อนหรือหนาวหากเรารู้จักหาเลี้ยงชีพ เราจะยากจนไหม (ไม่)  ถ้าเราขยันทำมาหากิน รู้จักประหยัด ซื่อตรงไม่คดโกง ใช้จ่ายก็รู้จักมัธยัสถ์ รู้จักแบ่ง รู้จักให้ รู้จักเก็บ รู้จักออม แม้ฟ้าหรือใครก็ไม่สามารถทำให้เรายากจน ใช่หรือไม่ (ใช่) 
อาหารห้าหมู่กินให้ครบไม่ใช่เลือกกินแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ กินแต่เปรี้ยว หวานไม่กิน หรือกินแต่หวาน เปรี้ยว ขม ไม่เอา โรคถามหาไหม (ถาม)  ถ้ากินอาหารครบห้าหมู่และออกกำลังกาย ใครจะมาทำให้เราเจ็บป่วยได้ไหม (ไม่ได้) 
อีกกรณีหนึ่ง ถ้าเรารักษาศีลห้าให้ครบ  พูดอะไรทำอย่างนั้น  ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท จะมีผีตนไหนเข้าบ้านคนนี้ไหม มีแต่จะคุ้มครอง ไม่หลอกหลอนถูกไหม (ถูก)  ดังคำพูด คนดี ผีคุ้ม แต่ทำไมกลัวผีกันนัก เพราะเรายังไม่ดีใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นศีลห้ารักษาให้ครบ เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่พูดอย่างทำอีกอย่าง ชอบนินทาคน ถ้าเรารักษาศีลห้าได้ ความอัปมงคลโชคร้าย เคราะห์ร้าย จะมาสู่ชีวิตไหม (ไม่มา)  ไม่ต้องขอฟ้า ไม่ต้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่ อย่างนั้นต่อไปเวลาไหว้ฟ้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สู้เรียนรู้แบบอย่างจากฟ้าดิน และเรียนรู้คุณงามความดีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วนำแบบอย่างท่านมาใช้ไม่ดีกว่าหรือ พุทธะที่ท่านกราบไหว้อยู่ทุกวันนี้ ท่านเป็นคนที่มีเมตตามาก อดทนก็เก่ง ทำไมเราไม่เรียนรู้หลักสำคัญของท่านมาใช้ มีแต่ไหว้แล้วขอสามตัว ถ้าเราอยากขอให้โชคมาหา ทำไมเราไม่สร้างสรรค์โชคให้กับตัวเอง รู้จักทำสิ่งที่เหมาะควร และบำรุงเลี้ยงสรรพสิ่งให้เจริญเติบโต  เช่นนี้แล้วเงินจะไม่เข้ามาสู่กระเป๋าเราหรือ  ดังนั้นการดำเนินชีวิตอย่ากลัวความยากจน  เราย่อมอยู่ได้ถ้าเรารู้จักดำรงชีวิตเป็น
แต่เป็นเรื่องยากอย่างหนึ่งเพราะมนุษย์รักความสบายใช่หรือไม่ (ใช่)  อยากได้อะไรมาง่ายๆ แต่เรื่องง่ายๆ กว่าจะมาถึงเราต้องรอนานหน่อยใช่หรือไม่ (ใช่)  สู้เอาเวลาที่รอนั้นมารีบๆ ขวนขวายมองสิ่งที่มีค่าในตน แล้วสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ไม่ดีกว่าหรือ  เรามีสมองไว้ทำอะไร (ไว้คิด)  มีขาไว้ทำอะไร (ไว้เดิน)  ถ้าไม่คิด ไม่เดิน ไม่ทำงาน ง่อยเปลี้ยไหม (ง่อยเปลี้ย)  เสียแรงไหม (เสียแรง)  วันนี้มาฟังธรรมะครึ่งวันแล้ว รู้สึกมือเป็นง่อย หรือสมองเป็นง่อยไหม (ไม่)  เราใช้มือกับสมองให้เกิดประโยชน์ดีไหม (ดี) 
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนปรบมือ และทำท่าประกอบ ท่าโยก ท่าตีปีก)
มือก็มือของเรา หัวก็หัวของเรา ทำไมจะควบคุมไม่ได้ ถ้าตัวเองยังควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำไมชอบไปควบคุมคนอื่นให้ยุ่งยากใจ
ขนาดตัวเราเองยังคุมยากเลย แล้วคุมคนอื่นไม่ยิ่งยากใหญ่หรือ ก่อนจะคุมใคร ก่อนจะสอนใคร ต้องสอนตัวเองและคุมตัวเองให้ได้ดีก่อนถูกไหม (ถูก)
การบำเพ็ญธรรมนั้น เริ่มต้นจากการเป็นคนดีก่อน ถ้าเป็นคนดีแล้วค่อยฝึกฝนขัดเกลาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ถ้าเรายังเป็นคนดีได้ไม่มั่นคง เราจะฝึกฝนเรียนรู้การเป็นพระพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร แล้วการเป็นพระพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยากกว่าการเป็นคนดีไหม (ยาก)  ยากหรือ มนุษย์มักจะพูดว่ายากทั้งที่ยังไม่ได้ลองเรียนรู้หรือลองฝึกทำถูกไหม (ถูก)  แต่ทำไมเป็นเช่นนั้น เรารักลูกไหม (รัก)  แต่ลูกทำให้เจ็บใจกี่ครั้งเสียใจกี่ครั้ง ทำไมเรายังรักและอดทนได้ทั้งที่คิดว่าไม่น่าจะอดทนได้ แล้วสามีล่ะน่ารักไหม ไม่คิดว่าจะทนได้แต่ทำไมทนได้ใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นมนุษย์เราสามารถอดทนในสิ่งที่ยากอดทนได้ ถ้าเรารักทุกคนเหมือนลูก รักทุกคนเหมือนสามี ลองคิดสิว่าครอบครัวเราจากที่มีเท่านี้ จะกลายเป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น เพราะแค่เราอดทนให้ได้และยอมให้ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  เคยได้ยินไหมว่า อยากได้สิ่งใดจากคนในโลก จงรู้จักให้สิ่งนั้นกับเขา เราอยากได้ชีวิต จงเรียนรู้ที่จะให้ชีวิต เราอยากมีอายุยืนยาว เราจงเรียนรู้ที่จะให้อายุยืนยาวกับผู้อื่น ทำได้ไหม (ได้)  นั่นแปลว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์ ทำได้ไหม ท่านเคยได้ยินไหมว่า ปล่อยปลาหนึ่งตัวด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ไม่คิดหวังผลตอบแทน เราจะได้ผลบุญคือการมีชีวิตอยู่ที่ยืนยาวขึ้น  ทำไมเขาถึงบอกว่าทำบุญแล้วต้องปล่อยนกปล่อยปลา แต่ถึงเวลามือปล่อยแต่ปากเคี้ยว อย่างนี้เรียกว่าปล่อยจริงๆ ไหม (ไม่จริง)
ท่านเกลียดนกเค้าแมวไหม (เกลียด) เกลียดงูไหม (เกลียด)  มนุษย์ชอบบอกว่านกเค้าแมวเป็นสัตว์แห่งความตาย แต่ท่านรู้ไหมว่านกเค้าแมวมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ มันชอบกินหนู มนุษย์ไม่ชอบหนูและพยายามกำจัดหนู เจองูทีไรก็ฆ่า เจอนกเค้าแมวก็ไล่ไป ท่านรู้ไหมว่าสิ่งที่ท่านเกลียดนั้นมีประโยชน์เหมือนกันนะ นกเค้าแมวช่วยจับหนู งูก็ช่วยกินหนูใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มนุษย์พอหนูเยอะๆ คนกินหนู  เราถามต่อว่าตั๊กแตนกินอะไร (หญ้า)  ตั๊กแตนบางทีมันช่วยกินจักจั่น บางทีมันกินน้ำค้าง ถ้าไม่มีอะไรกินจึงจะไปกินยอดหญ้ายอดข้าวใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มนุษย์ชอบเอาจักจั่นมาเล่นตีกันใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือไม่มนุษย์ก็ชอบกินตั๊กแตน ทำให้จักจั่นเยอะใช่หรือเปล่า (ใช่)  แล้วตั๊กแตนบางตัวมันกินหนอนด้วย ฉะนั้นมนุษย์ชอบกินตั๊กแตน จักจั่นเลยเต็มบ้านเต็มเมืองถูกไหม (ถูก)  หนอนเลยมีเยอะแยะจนต้องซื้อยาฆ่าหนอนถูกไหม มนุษย์ชอบกินนกเลยจับนกมากิน แท้จริงแล้วหนอนมีตั๊กแตนช่วยกินใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วนกมากินตั๊กแตนอีกทีหนึ่งถูกไหม มนุษย์ยังมากินตั๊กแตนอีก แล้วมนุษย์เวลากิน กินแบบบันยะบันยังไหม กินแล้วตากแห้งนก ตากแห้งตั๊กแตน กินแล้วทำให้ธรรมชาติเสียสมดุลใช่ไหม (ใช่)  มนุษย์ก็เลยเสียเงินไปซื้อยาฆ่าแมลงมาใช้ถูกหรือไม่ แล้วเงินซื้อยาฆ่าแมลงแพงกว่าเงินจับนกไหม (แพงกว่า)  แพงกว่าอย่างนั้นอย่าจับนกดีไหม ปล่อยนกให้จับตั๊กแตน ปล่อยตั๊กแตนให้จับจักจั่นและกินหนอนถูกไหม (ถูก)  ถ้ามนุษย์มีความอยากที่มากเกินจะทำให้โลกนี้เสียสมดุล และมนุษย์จะเป็นผู้สูญเสียในที่สุดถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นหากเรามองให้ดี มีแต่มนุษย์แต่ไม่มีตั๊กแตน ไม่มีนก ไม่มีหนอนเลยเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  สรรพสิ่งเรียกว่าสรรพสิ่ง โลกมนุษย์เรียกว่าโลกมนุษย์ก็เพราะว่ามีมนุษย์และมีสรรพสิ่งใช่หรือไม่ (ใช่)  เคยเห็นกราฟของโลกมนุษย์ไหม ต้องมีแมลงเยอะๆ มีตั๊กแตนเยอะๆ มีนกเยอะๆ ถึงจะมีคนใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ตอนนี้กราฟสรรพสิ่งมันกลับกัน กลายเป็นคนเยอะๆ แมลงน้อยๆ สมดุลไหม (ไม่สมดุล)
ฉะนั้นถ้ามนุษย์ทำตามใจตัวเองอย่างมากเกินควร มนุษย์นั่นแหละเป็นผู้ทำลายล้างโลก หาใช่ตั๊กแตนบุกโลกใช่ไหม ที่หนูมันเยอะ ตั๊กแตนหรือเพลี้ยเยอะ เป็นเพราะมนุษย์เป็นผู้ทำลายใช่หรือไม่ (ใช่)  หากเราสังเกตให้ดี ธรรมชาติสอนให้มนุษย์รู้ว่า เมื่อเอาสิ่งหนึ่งมาต้องรู้จักตอบแทนและคืนสิ่งที่ให้เรามาด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็คือเมื่อเราเอาสิ่งหนึ่งมา เราก็ต้องรู้จักยังผลประโยชน์ให้สิ่งนั้น แล้วก็ตอบแทนสิ่งนั้นต่อไปด้วย ท่านเคยเห็นผึ้ง แมลงปอหรือผีเสื้อไหม เวลามันกินน้ำหวานของดอกนี้ มันยังติดเกสรของดอกนี้เพื่อไปแพร่พันธุ์ให้ดอกไม้นี้เจริญเติบโตที่อื่นด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)  ผีเสื้อพอมันกินน้ำหวานของดอกนี้แล้วมันยังช่วยผสมเกสรจากดอกหนึ่งไปสู่ดอกหนึ่งใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่มนุษย์กินทั้งตั๊กแตน หนู นก เคยช่วยอะไรบ้างไหม (ไม่)  อย่างนั้นเราก็สู้อะไรกับผึ้งกับผีเสื้อไม่ได้เลย  เรากลายเป็นผู้ที่ทำลายล้างสิ่งมีชีวิตในโลกใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเขาจึงกล่าวว่าอย่าดูถูกสิ่งเล็กๆ สิ่งเล็กๆ นั้นก็อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ยิ่งใหญ่ได้ เราถึงบอกว่ามนุษย์ไม่ว่าจะรวย จน ผิวขาว หรือผิวดำ ทุกคนต่างมีคุณค่า ขอเพียงสร้างสรรค์คุณค่าของตัวเองให้ถูกต้องและเหมาะสม เราก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับสรรพสิ่งที่คอยเกื้อหนุนให้โลกนี้ดำรงอยู่ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ความอยากของเรา หรือความรังเกียจของเรา ทำลายโลกให้เสียสมดุลเลยจริงไหม (จริง)  อย่าเกลียดนกเค้าแมว เดี๋ยวนี้ท่านเคยเห็นนกเค้าแมวไหม (ไม่) แทบจะไม่เห็นแล้ว
เช่นเดียวกันอย่าเกลียดใครคนใดคนหนึ่งจนมองไม่เห็นประโยชน์ของเขา เพราะคนทุกคนหรือทุกๆ สิ่งในโลกล้วนมีทั้งคุณและโทษ อย่าเห็นโทษจนมองไม่เห็นคุณ และอย่ามองเห็นคุณจนลืมนึกถึงโทษ เราจะได้ไม่หลงระเริงเกินไป
เราอยากบอกท่านที่อายุยังน้อยๆ ว่าอย่าคิดว่าอายุมากๆ ค่อยมาศึกษาธรรม บางทีอายุมากแล้วสังขารก็ไม่ไหว หูก็ตึง ตาก็มองไม่เห็น ศึกษาธรรมตอนนั้นจะได้อะไรไหม  ถึงได้แต่ก็น้อย ใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาเราเหลือน้อยแล้วเรากลับได้น้อยเข้าไปอีก ไม่ยิ่งเสียเปล่าหรือ ยิ่งเวลาเหลือน้อย ยิ่งต้องรู้จักขวนขวายทำดีให้มาก เพราะสิ่งที่เราจะเอาไปได้ตอนเราตายก็คือความดีเท่านั้น  ถูกไหม (ถูก)  ถ้าอย่างนั้นเราขอถามท่าน การทำดีนั้นทำได้อย่างไรบ้าง (ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน)  อย่างเช่น (ช่วยเหลือทุกสิ่งทุกอย่างถึงแม้เขาจะประพฤติผิด และช่วยเหลือยามที่เขาเจ็บป่วย)  เมื่อเขาประพฤติผิดเราไปช่วยเหลือเขา ช่วยให้เขาเห็นความถูกต้อง (ช่วยเตือนสติเขา) 
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นเล่นเกมส่งผลไม้เมื่อหยุดที่ใครให้ตอบคำถามว่าทำความดีได้ด้วยวิธีใดบ้าง) 
(ทำความดีแล้วเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ทุกคน)  รู้จักคำว่ามีแล้วก็แบ่งปัน ไม่มีก็รู้จักพูดแต่สิ่งที่ดี แบ่งปันให้คนอื่นมีกำลังใจ (รู้จักทำบุญ)  เจอคนขอทานให้เขาไหม (ให้)  ให้ไปไม่คิดอะไรในใจใช่ไหม การทำดีคือ (รู้จักไปวัด หมั่นทำบุญทำทาน, การเอาชนะจิตใจตนเอง)  การที่ไม่เป็นคนขี้โมโห เป็นคนใจเย็นเรียกว่าทำดีไหม ศีลห้าเราลองเลือกมาตอบสักข้อหนึ่ง เป็นคนดีได้ไหม (ได้)  ทำความดีคือ (ตั้งใจเรียน)  เรามีหน้าที่รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้ดี ตั้งใจเรียน  (หมั่นช่วยคนที่เขาตกทุกข์ได้ยาก)  ปรบมือให้ท่านนี้หน่อย มนุษย์ทุกคนอยากเป็นคนดีแต่พอถึงที่สุดเราถามว่าความดีคืออะไร กลับตอบไม่ได้น่าแปลกไหม ฉะนั้นในศีลห้าข้อนี้ถ้าเราพยายามรักษาให้ครบ เราก็เป็นคนดีได้ระดับหนึ่งแล้วใช่ไหม (ใช่)  ทำงานรู้จักรับผิดชอบไม่กินแรงคนอื่นเป็นคนดีไหม (เป็น)
ถึงเวลาใครโกรธใครด่า เราใจเย็น ไม่โกรธให้อภัยนี่เรียกว่าคนดีหรือไม่ (ดี)  (เมตตาสงสารและให้โอกาสคนที่ทำผิดถ้าเราไม่ลักเล็กขโมยน้อย เรียกว่าการทำดีใช่หรือไม่  (รู้จักช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากการทำดีคือ (ไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังความอยากถ้าอยากได้ในสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้อง ความอยากนั้นก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือ (ใช่แต่ถ้าเราอยากได้ แล้วกล้าทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ความอยากความกล้านั้นเป็นสิ่งที่ผิดไหม (ผิด)  (ทำใจให้ปกติเขาบอกว่าที่มนุษย์กลายเป็นคนไม่ดีเพราะผิดปกติใช่หรือไม่  แต่ก่อนเรามีความโกรธหรือไม่ (ไม่มีแต่พอโกรธเมื่อไหร่ผิดปกติเมื่อนั้นถูกหรือไม่ (ถูกเพราะผิดปกติจากความเป็นคน ความโกรธ ความอยาก ความโลภ ความหลง ล้วนไม่ใช่รากฐานของมนุษย์ มนุษย์นั้นแต่เดิมมาไม่มีความโกรธ ความอยาก ความโลภ ความหลง มาก่อน แต่มาอยู่ในโลกถึงอยากโกรธ ถึงอยากโลภ ถึงอยากหลง ฉะนั้นรักษาความปกติให้อยู่นานๆ นะ (ไม่ดื่มสุรา)  ปรบมือให้ท่านนี้หน่อย แล้วถ้าเพื่อนชวนดื่มนิดหน่อยเอาไหม  ถ้ากินแล้วควบคุมไม่ได้ก็ต้องบอกว่า วันนี้ถือศีลห้า ห้ามดื่ม”  แต่ถ้าดื่มไปนิดหน่อยแล้วต้องดื่มไปเรื่อยๆ อย่างนั้นไม่ดื่มดีกว่า   (รู้จักเมตตาและไม่เบียดเบียนผู้อื่น, ไม่ทำให้ผู้ปกครองหรือแม่เสียใจ มีแต่ให้คนอื่น ถ้าจะเป็นคนดีต้องมี ๔ อ.อดทน  ๒.อดออม
.อดกลั้น ๔.อภัย  และช่วยกันและกันไม่ทำให้คนที่เรารักเสียใจอยากอดทน  อยากอดกลั้น อยากให้อภัย สิ่งสำคัญก็คือต้องกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วย  ถึงแม้เราจะมี ๔ อ. แต่ถึงเวลาเราไม่ทำสัก อ. ก็ไม่มีประโยชน์  (กตัญญูรู้คุณดูแลคุณพ่อคุณแม่, ไม่พูดปด, การให้โดยไม่หวังผลตอบแทนท่านเคยได้ยินหรือไม่ว่าความดีเป็นเรื่องแปลก
ยิ่งนึกถึงและยิ่งพยายามใช้มันบ่อยๆ ความดีและสิ่งดีนั้น ก็จะมีอยู่ในตัวเรา แต่ถ้าไม่นึกถึงไม่ใช้เลย ความดีนั้นก็รู้สึกว่าจะอยู่ห่างไกล
ยิ่งนึกถึงและยิ่งพยายามใช้มันบ่อยๆ ความดีและสิ่งดีนั้น ก็จะมีอยู่ในตัวเรา แต่ถ้าไม่นึกถึงไม่ใช้เลย ความดีนั้นก็รู้สึกว่าจะอยู่ห่างไกล


ฉะนั้นขอให้กวักมือเรียกความดีบ่อยๆ คิดถึงบ่อย ๆ และปฏิบัติบ่อยๆ เราก็จะกลายเป็นสิ่งที่ดีโดยปริยาย  แต่ถ้าเกิดไม่เคยทำ ไม่เคยคิดถึง เวลาลนลานแล้วอะไรเรียกว่าดี วันนี้เรามาสะกิดเตือนใจให้ท่านรู้ว่า มนุษย์มีความดีอยู่ในตัวเรา  อย่างเช่น ตอนนี้มีคนกำลังโมโห ใครล่ะจะคอยเป็นโล่ที่บดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังแรงกล้า เขาโมโหเราเดินไปบอกเขาดีไหม หรือเราจะถอยห่างออกไปดี  เขากำลังต่อว่าเราอยู่ เราจะอดทนรับฟังเขาหรือไม่ ใจเย็นๆ ฟังเขาไปก่อน พอเขาอารมณ์เย็นแล้วเราค่อยอธิบายก็ยังได้ การทำดีหรือการปฏิบัติดีก็คือ สามารถช่วยขัดเกลาสิ่งที่ไม่ดีที่มีอยู่ในตัวเรานั้นให้หมดไป และมีในสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าเรามีดีนั้น ให้มีดียิ่งขึ้น นี่แหละเรียกว่าการปฏิบัติบำเพ็ญตน  ทำได้ไหม (ได้สิ่งที่ทำยากที่สุดนั่นก็คือ เมื่อเจอเรื่องโกรธเราไม่โกรธตอบได้หรือไม่  เมื่อเจอเรื่องน่ายินดีเรารู้จักแบ่งปันสิ่งที่ยินดีให้ผู้อื่นบ้าง ไม่เก็บไว้คนเดียวได้หรือไม่ (ได้เมื่อดำเนินชีวิตรู้จักตั้งตนไม่ประมาทได้หรือไม่ (ได้พอถึงเวลาขอให้มีสติปัญญาคิดให้ทัน
ตั้งแต่มาเรายังไม่ได้บอกวิธีเอาชนะความทุกข์เลย ใช่หรือเปล่า (ใช่)  นั่งอยู่ที่นี่ทุกข์ไหม (ไม่ทุกข์)  ถ้านั่งอยู่ที่นี่มีสุขได้การเอาชนะความทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราถามท่านหน่อย ระหว่างอ้อยกับมะระ ชอบกินอะไร คนส่วนใหญ่มักจะชอบกินอ้อย แล้วระหว่างอ้อยกับมะกอกชอบอะไรมากกว่ากัน อ้อยใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อ้อยพอกินจนหมดรสหวานเราก็ต้องคายทิ้ง แต่มะกอกยิ่งกินยิ่งเคี้ยวยิ่งหวานยิ่งมัน และช่วยขัดฟันให้ปากเราสะอาดด้วยใช่หรือเปล่า (ใช่)  ส่วนมะระยิ่งกินตอนแรกยิ่งขม แต่ยิ่งกินก็ยิ่งหวาน พอกินมะระขมๆ แล้วไปกินกับข้าวอะไร เราก็รู้สึกอร่อย แต่พอกินอ้อยหวานๆ แล้วคายกากทิ้ง ไปกินกับข้าวอะไรก็รู้สึก (ไม่อร่อย)  ความสุขก็เหมือนกับอ้อยที่หากเรารักษาไม่ดี ความสุขบางครั้งก็ถูกวางทิ้ง ถูกปล่อยวาง แต่ถ้าหากความทุกข์เรามองดูให้ดีแล้วเข้าใจให้ถ่องแท้ อย่าเอาแต่ตื่นตระหนก ตั้งสติให้ดี ความทุกข์นั้นยิ่งเราเข้าไปแก้ยิ่งเราเพ่งมอง กลับยิ่งมีทางออกและพบความสุข  แล้วถ้าหากเราคิดว่า เรามีความสามารถที่จะเอาชนะปัญหาได้ ทุกข์นั้น ปัญหานั้นก็จะยิ่งลดลง เล็กลง  เมื่อไรที่เจอความยากลำบากเจอปัญหา จงคิดเหมือนกินอ้อย กับกินมะระ  อย่ามัวแต่ลนลานแล้วไม่มีสติ ไม่อย่างนั้นแล้วจะลำบาก  ฉะนั้นเจอความทุกข์อย่ากลัว เพราะท้ายที่สุดของทุกข์ก็คือความสุข
วันนี้เรามาศึกษาธรรมแลกเปลี่ยนความรู้กันเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้นะ ถ้าวันนี้นั่งตรงนี้แล้วยังไม่มีความสุข ยังมีทุกข์ เรื่องทุกข์ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอะเจอในภายภาคหน้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าหากนั่งตรงนี้แล้วมีความสุขได้ มีรอยยิ้มได้ ความทุกข์ในเบื้องหน้าก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย  เรื่องยากๆ ก็แปรเป็นง่ายได้ เรื่องลำบากเรายังคิดให้มีสุขได้ แล้วโลกนี้ยังมีความทุกข์อะไรให้เราต้องต่อกรอีก  ฉะนั้นการมาฝึกฝนบำเพ็ญธรรมจึงเป็นการเรียนรู้ชีวิตและเข้าใจชีวิตให้เดินไปสู่ทางแห่งความสุขที่ดี ไม่ใช่มาฝึกฝนบำเพ็ญธรรมแต่เป็นอันธพาลครองเมืองก็ไม่เอา เป็นเด็กดื้อ พูดยากเข้าใจยากอย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง  ฉะนั้นการฝึกฝนบำเพ็ญธรรมก็คือ การรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และรู้จักแบ่งเวลาในการผ่อนคลายเอาไปช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง อย่าลืมว่าวันนี้เราได้รับ เพราะมีผู้อื่นเสียสละ  วันนี้เราได้รับแล้วก็จงเสียสละแบ่งสิ่งที่ได้รับไปให้คนอื่นบ้างดีไหม (ดี)  อย่างที่เราบอก สรรพสิ่งในชีวิต ไม่ใช่มีคนหนึ่งแล้วคนอื่นไม่มี แต่มีคนหนึ่งเพราะช่วยอีกคนหนึ่ง  คิดให้ดีๆ นะ อย่ามานั่งฟังธรรมะให้เสียเปล่า
เป็นผู้หญิงต้องมีความอ่อนโยนเป็นหลัก เข้มแข็งเป็นรอง เป็นผู้ชายต้องมีความเข้มแข็งเป็นหลัก อ่อนโยนเป็นรอง แต่ถ้าเมื่อไรผู้ชายมีความอ่อนโยนเป็นหลัก เข้มแข็งเป็นรอง นั่นก็เรียกว่าไม่ใช่ผู้ชาย  เหมือนกันถ้าผู้หญิงเข้มแข็งเกินไป ขาดความนิ่มนวลก็ย่อมขาดความเป็นหญิงที่น่ารักถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นเป็นหญิงนุ่มนวลเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ขาดเข้มแข็งไม่ได้
มีโอกาสลองมาศึกษาให้เยอะๆ มาศึกษาหลักธรรมเพื่อตัวเราเอง เดินไปสู่หนทางที่ดี และแนวความคิดที่ประเสริฐ ไปแล้วนะ



วันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ สถานธรรมฮุ่ยอวี้ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  หัวสมองปลอดโปร่งและแจ่มชัด           จะสลัดปัญหาเป็นเปลาะเปลาะได้
จะรวบรัดปัญหาบางอย่างทำไม่ได้         จะเยิ่นเย้อบางเรื่องไปก็มีดี
                        เราคือ
  จี้กงอาจารย์เจ้า                                          รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่  สถานธรรมฮุ่ยอวี้ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว                              ถามศิษย์รักทุกคนร้อนหรือเปล่า

คนอีสานไปแห่งไหน  ความร่วมใจก็เพียบเข้าถึงแทน  ศึกษาธรรมวนเข้าหาถึงแก่น  ใจยึดแกนผลักดันช่วยกัน
มีธรรมะเป็นสื่อใจ  และน้ำใจเรียบง่ายเสนอนำ  เรื่องหยิบยืมพาเสียมิตรยันค่ำ  ใจชัดเจนกระทำมั่นคง
โอ้ละเน้อโอ้ละเน้อมาดู สู้ต่อไปคนขอนแก่น  คลอเสียงแคน ตะแล่นแตร..............
มองออกไป ง่ายง่ายเพราะเป็น  มองย้อนต่างคนมองต่างมุมเห็น  ปัญหาเช้าเย็น  แม้ยากเข็ญก็ผ่านกันไป
เพียงศิษย์รักคอยช่วยกัน  ความทุกข์พลันพลอยสิ้นสลายไป  แค่ชีวิตคิดแก้ไขเสียใหม่  ลมหายใจแห่งธรรมยั่งยืน (ซ้ำ *)
                             เพลง : ฮักศิษย์ขอนแก่น
ทำนองเพลง : ฮักสาวขอนแก่น
               พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
ร้องเพลงเบื่อหรือยัง (ยังไม่เบื่อ)  ร้องเพลงรอเบื่อหรือยัง (ยังไม่เบื่อ)  นั่งรอเบื่อหรือยัง (ยังไม่เบื่อ)  ฟังธรรมะเบื่อหรือยัง (ยังไม่เบื่อ)  มีอะไรที่เบื่อบ้าง เบื่อตัวเองใช่หรือเปล่า ใครเบื่อตัวเองบ้าง ทำไมเราคิดอย่างหนึ่งแล้วเวลาทำกลับทำอีกอย่าง เบื่อไหม (ไม่เบื่อ)  คิดว่าจะไม่ทะเลาะกับคนที่บ้านแต่พูดไปพูดมา ทำไมทะเลาะกันเรื่อยเลย แสดงว่าเราปากไม่ตรงกับใจ ใช่ไหม (ใช่)  ทำอย่างไรล่ะ ปากไม่ตรงกับใจก็ต้องทำให้ตรง แต่ทีนี้ปากตรงกับใจ แล้วใจตรงหรือเปล่า (ตรง)  วันนี้ยังคิดตำหนิใครอยู่ในใจไหม ตอบยากมากใช่หรือเปล่า
ไหนลองเอาฟันบนกระทบฟันล่างซิ เอาปากมาหรือเปล่า ถ้าได้ยินเสียงแสดงว่าเอามาด้วย ฉะนั้นวันนี้ตอบหรือไม่ตอบ มานั่งยิ้มเฉยๆ ไม่เอานะ มานั่งแล้วต้องนั่งให้คุ้มค่าคุ้มเวลา ถ้านั่งแล้วเสียเวลาจะนั่งทำไม ถ้าฟังแล้วต้องฟังให้รู้เรื่อง เมื่อทำอะไรแล้วต้องทำให้ดี ให้สำเร็จ
ชีวิตนี้เบื่อไม่เบื่อ (เบื่อ) ชีวิตนี้ทุกข์ไม่ทุกข์ (ทุกข์) ชีวิตนี้เครียดไม่เครียด (เครียด) ชีวิตนี้กังวลหรือเปล่า (กังวล) ถ้าบอกว่าชีวิตนี้ไม่ทุกข์ไม่เบื่อไม่เครียดไม่กังวลนี่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว แต่ว่าเราเป็นมนุษย์พิเศษ เพราะว่าเรารู้เท่าทันตัวเอง เมื่อไรดี เมื่อไรไม่ดี เมื่อไรที่เราเผลอ เมื่อไรที่เรามีสติ เมื่อไรที่เราดีใจ เมื่อไรที่เราเสียใจ เมื่อไรที่มีความสุข เมื่อไรที่มีความทุกข์เราต้องรู้ตัว ดีใจอย่าดีใจเพราะว่าทำคนอื่นเสียใจแล้วดีใจ เสียใจอย่าเสียใจเพราะว่าเราทำผิดเลยเสียใจ ทุกคนผิดพลาดได้ ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ทำบ่อย ยิ่งทำอะไรบ่อยมากเท่าไร ความผิดก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จริงหรือไม่ (จริง) คนไม่เคยทำก็คือคนที่ไม่ทำผิดจริงหรือเปล่า (จริง) คนที่ทำก็ย่อมมีสิ่งที่ทำผิดพลาดได้ เพราะฉะนั้นอย่าทุกข์ใจเสียใจเพราะว่าเรานั้นทำผิด แต่จงทุกข์ใจเสียใจที่เรานั้นแก้ไขตัวเองไม่เป็น ใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าหากว่าอยากเป็นมนุษย์พิเศษต้องรู้จักแก้ไขตัวเองให้เป็น ถ้าหากว่าอยากเป็นคนที่เหนือคนเราต้องมีดีกว่าคนอื่น จริงหรือไม่ (จริง) ดีอย่างไรล่ะ ดีกว่าคนอื่นกับเหยียดหยามคนอื่นเหมือนกันไหม (ไม่เหมือน) ต่างกันตรงไหน สมมติว่าวันนี้เราเกิดหาเงินได้มากกว่าคนอื่น เผอิญว่าคนนั้นวันทั้งวันยังหาเงินเข้าบ้านไม่ได้สักนิดเดียว แล้วเผอิญว่าเราไปคุยกับเขาว่าเราทำอย่างนั้นอย่างนี้จึงได้เงินมาเยอะ เรากลายเป็นคนที่เหยียดหยามคนอื่นหรือเปล่า (เป็น) ทั้งๆ ที่เราเจตนาหรือไม่ (ไม่) เพราะฉะนั้นการที่เป็นคนเหนือคนอื่นกับเป็นคนที่เหยียดหยามคนอื่นต่างกันตรงไหน
(การที่ดีเหนือคนอื่น น่าจะเป็นคุณลักษณะพิเศษที่ผู้อื่นทำไม่ได้ หรือทำดีได้ไม่เท่า แต่การที่ดีกว่าแล้วเหยียดหยามผู้อื่นเป็นการเอาสิ่งที่ดีของตนไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง, ดีเหนือคนอื่นคือเราจะไม่พูดเหยียดหยามคนอื่นโดยที่เอาความดีของเราไปคุยข่มเขาทั้งที่เขาทำอย่างเราไม่ได้ ไม่พูดทับถม และพูดแต่สิ่งที่ดีให้เขาฟัง, การที่ดีกว่าคนอื่นแล้วไปดูหมิ่นคนอื่นหรือไปอวดอ้างเป็นการไม่สมควร, ไม่ทำให้คนอื่นเสียใจ)
ในปัจจุบันนี้คำว่า ความดี ศิษย์ของอาจารย์ที่นั่งอยู่ในที่นี้รู้อย่างแจ่มชัดว่า อะไรดี อะไรไม่ดี อะไรคือการที่เรานั้นดีเหนือคนอื่น อะไรคือการเหยียดหยามคนอื่น สิ่งที่ต่างกันระหว่างสองสิ่งนี้ศิษย์ของอาจารย์ยังเห็นไม่ชัด สิ่งที่ต่างกันระหว่างสองสิ่งนี้ คือสิ่งที่เราพูดและทำ เมื่อเราตื่นนอนขึ้นมาจนถึงก่อนเข้านอน ทั้งวันของเราคือการพูดและทำใช่หรือไม่ (ใช่)  สิ่งที่คนอื่นสัมผัสและรับรู้ได้คือการพูดและทำทั้งวันจนกว่าเราจะนอน ฉะนั้นการที่เราบอกว่าเราเป็นคนดี แต่บอกว่าดีที่ไหน ดีที่ใจ ใจดีไหม ใจดีทุกคน แต่ว่าปากก็ไม่ตรงกับใจใช่หรือไม่ (ใช่)  การกระทำออกมาก็ไม่ได้ดั่งใจ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต่างกันระหว่างสองสิ่งนี้คือ การพูด และการทำ การจะบอกว่าเราเป็นคนดี แต่การพูดและการกระทำของเรานั้นไม่ได้รับการฝึกฝน ไม่ได้ระมัดระวังเลยนั้น ทำให้เราเป็นคนดีกว่านี้ได้ไหม (ไม่ได้)  ถามว่าวันนี้มีคนชมว่าเราดีไหม ตั้งแต่เกิดมามีคนชมว่าเราเป็นคนดีไหม (มี)  ถามว่าให้เราชมตัวเองว่าเราเป็นคนดี ได้ไหม (ได้, ไม่ได้)  ให้ชมตัวเองว่าดีก็รู้สึกเขินปากจริงหรือไม่ (จริง)  และก็กระดากใจใช่หรือเปล่า (ใช่)  เพราะว่าบางทีทำดีไป แต่ใจยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยใช่ไหม (ใช่)  จะทำอย่างไรให้สมบูรณ์กว่านี้ ทำอย่างไรที่จะทำให้เราเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่ดีกว่าคนอื่น จะทำเหมือนที่แล้วๆ มาจะดีกว่านี้ได้หรือเปล่า ถ้าหากว่าวันนี้ไม่มีข้าวสารอยู่ในหม้อ ถ้าไม่เดินออกไปซื้อ ไม่ออกไปหา ไม่ออกไปยืม ไม่ออกไปทำอะไรเลย วันนี้จะมีข้าวกินไหม (ไม่มี)  วันนี้ใจของศิษย์ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อใจนี้แล้ว ทำอย่างไร ทำเหมือนเดิมก็เป็นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ (ใช่)  ต้องทำชีวิตนี้ให้ดีกว่าเดิมใช่หรือเปล่า (ใช่)  บางทีเราเห็นคนๆ หนึ่ง  เราบอกว่า โอ้ คนนี้มีชีวิตชีวาจริงๆ เลย แสดงว่าเขานั้นขยับเขยื้อน กระตือรือร้น ทำงานทำการ เขาส่งสายตาที่เป็นประกายและเป็นพลังชีวิตออกมาจริงหรือไม่ (จริง)  คนนี้มีชีวิตชีวากระตือรือร้นจังเลย แล้วเรามีไหม เรามีเป็นบางทีใช่หรือเปล่า (ใช่)  บางทีก็มีบางทีก็ไม่มี บางทีก็ดีบางทีก็ไม่ดี ดีบ้างไม่ดีบ้างไปอยู่สวรรค์ชั้นไหน สวรรค์ชั้นดีบ้างไม่ดีบ้างมีไหม (ไม่มี)  แล้วตกลงจะไปไหนกัน เวลาเราก้าวขึ้นมาข้างบนนี้เรียกว่าชั้นบนใช่หรือเปล่า (ใช่)  เวลาเราอยู่ข้างล่างก็เรียกว่าชั้นล่างจริงหรือไม่ (จริง)  เราจะอยู่ระหว่างกึ่งกลางชั้นได้หรือเปล่า (ไม่ได้)  เราอยู่ระหว่างกึ่งกลางชั้นเราก็เป็นคนครึ่งๆ กลางๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เป็นคนดีบ้างไม่ดีบ้าง เป็นเทวดาดีบ้างไม่ดีบ้างใช่หรือเปล่า (ใช่)  ใช่หรือ อย่างนั้นอาจารย์ให้นั่งดอกบัวครึ่งดอกก็แล้วกันนะได้ไหม (ไม่ได้)  ฐานบัวมีอันหนึ่งให้ศิษย์นั่งคนละครึ่ง ศิษย์คนนี้นั่งครึ่งซ้าย ศิษย์อีกคนนั่งครึ่งขวาดีไหม (ไม่ดี)  คนไหนทะเลาะกันจับไปนั่งดอกบัวดอกเดียวกันเลยดีหรือเปล่า ดีไม่ดี คนไหนเป็นคู่อริกันให้ทะเลาะกันจนหล่นมาจากดอกบัวเลยดีไหม (ไม่ดี)  เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเอง การเปลี่ยนแปลงชีวิตนี้ ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตอนมีชีวิต ต้องเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าเราไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ อีกสิบปีข้างหน้าถามว่ามีอะไรดีขึ้นไหม (ไม่มี)  ศิษย์หลายคนอาจจะคิดว่าเราไม่ดีตรงไหน เราไม่ดีแค่ไม่กล้าชมตัวเอง
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาแจ้งพระนาม)
ลงสู่สถานธรรมฮุ่ยอวี้ ฮุ่ยอวี้ แปลว่าอะไร แปลว่า ปัญญา แล้วเรามีปัญญาหรือเปล่า คนรู้มากบอกว่าไม่มี คนรู้น้อยบอกว่ามีแล้วเมื่อสักครู่ใครตอบอะไรไปก็ทบทวนดู
โลกนี้มีร้อนมีเย็นใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าร้อนเป็นธรรมดาหรือเปล่า (ธรรมดา)  ถ้าเย็นก็เป็นธรรมดาหรือเปล่า (ธรรมดา)  แล้วใจของเรามีร้อนมีเย็นไหม (มี)  ถ้าใจร้อนก็ไม่ธรรมดา ถ้าเย็นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ว่าเย็นอย่างหลังดีหรือไม่ (ดี)  ถ้าใจเย็นไม่ธรรมดาก็หมายถึงดี จริงหรือเปล่า (จริง)
มาสถานธรรมก็กระฉับกระเฉงดีหรือไม่ (ดี)  ฟังธรรมะก็กระฉับกระเฉง นั่งฟังตาแป๋วเลยดีหรือเปล่า (ดี)  ไม่ใช่นั่งตาเซื่อง จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่
ไม่รู้คนช่วยอาจารย์คิด คิดออกหรือยัง (ไม่ทันการ)  นี่แหละเป็นความคิดศิษย์ ให้คิดนี่เครียดไหม ต้องระวังเพราะอายุมากขึ้น ทำอะไรไม่ทันใจ ยิ่งมองยิ่งเครียดใช่หรือเปล่า (ใช่)  เร่งตัวเราได้เร่งคนอื่นไม่ได้ บางเรื่องช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม บางเรื่องไวเกินไป รีบเกินไป ก็สะดุดล้มเสียการ บางเรื่องก็ต้องช้าบางเรื่องก็ต้องเร็วใช่หรือเปล่า (ใช่)  เหมือนกับศิษย์ทุกคนในที่นี้ ทุกคนก็มีข้อดีของแต่ละคนต่างกันไปใช่หรือไม่ (ใช่)  แม้กระทั่งบอกว่ากินข้าวเก่งเหมือนกัน สองคนกินเร็วเท่ากันไหม (ไม่เท่ากัน)  ทำกับข้าวอร่อยเหมือนกัน สองจานรสชาติเหมือนกันไหม (ไม่เหมือนกัน)  เพราะฉะนั้นคนตรงนี้ทุกคนล้วนมีข้อดีจริงหรือไม่ (จริง)  บางเรื่องต้องช้า บางเรื่องต้องเร็ว การเก็บมะม่วงที่อยู่บนต้น ถ้าหากเก็บช้าเกินไปก็สุก เก็บเร็วเกินไปก็ไม่ได้เรื่องใช่ไหม (ใช่) 
จะรวบรัดปัญหาบางอย่างทำไม่ได้  จะเยิ่นเย้อบางเรื่องไปก็มีดี
ในวรรคหน้าความหมายคือให้ช้า ในวรรคหลังความหมายก็คือให้ช้า แล้วก็ช้า ที่บอกให้ช้า ไม่ใช่หมายความว่าไม่ให้เร็ว แต่เราต้องเร็วอย่างรู้ทุกสิ่งทุกอย่างว่าให้ตามกันไป ศิษย์ของอาจารย์ที่นี่หลาย คนเดินมาพร้อมกัน คนหน้าเดินไปไกล คนหลังก็เดินตามอยู่ไกล ใช่หรือไม่ (ใช่)  ช้าไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ทำ แต่คำว่า ช้า หมายความว่าให้รอๆ กัน บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์คือ ความรู้สึก เร็วหรือช้าเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เป็นเรื่องของการให้หยุด การหยุดแต่บางทีหมายถึงว่า กำลังหยุด แต่กลายเป็นรีบๆ  ก็มี  เพราะฉะนั้นการที่ให้ช้าไม่ได้หมายความว่าให้หยุด  แต่การให้ช้าคือให้รู้จักมองหน้า มองหลัง เหลียวหน้า เหลียวหลัง ดูพี่ดูน้องให้ดีๆ ความรู้สึกของคนเป็นเรื่องสำคัญมาก บางทีอากาศร้อนแทบตาย แต่หากว่าคนนั้นมีความรู้สึกใจเย็น ไม่มีความเครียดใดๆ ก็เกิดความเย็นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางทีอากาศก็เย็นอยู่ในห้องแอร์ แต่เกิดความเครียดขึ้นมาก็เหงื่อแตกเลยอย่างนี้ก็มีใช่หรือเปล่า (ใช่)
วันนี้ศิษย์ของอาจารย์ เป็นคนที่มีปากไว้พูด มีสมองไว้คิด แล้วก็ทำงานอยู่ตลอดเวลา ขอให้รู้จักประมาณว่าบางทีควรช้ากว่านี้ไหม บางเรื่องควรรวบรัดให้เร็ว บางเรื่องก็ทำให้เยิ่นเย้อให้ช้ากว่านี้หน่อยได้ไหม เพราะว่าบางคนนั้นยังมีความรู้สึกตามไม่ทันเลยก็มี ใช่หรือไม่ (ใช่)
เมื่อครู่อาจารย์พูดถึงเรื่องที่ว่า เราจะทำตนให้ดีเหนือกว่าคนอื่น กับการที่เรายกตนข่มท่านต่างกันตรงไหน ต่างกันตรงที่การกระทำและคำพูดของเรา  อาจารย์พูดกับศิษย์คนเก่าหรือคนใหม่ก็พูดในเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ว่าด้วยระยะเวลาการบำเพ็ญแล้ว ทำให้การปรับใช้ธรรมะข้อนี้ไม่เหมือนกัน ถ้าหากว่าเปรียบทะเลมีความกว้างใหญ่ไพศาล และทะเลนั้นรองรับสายน้ำทุกสาย คนที่อยากเป็นคนพิเศษเหนือคนอื่น ต้องเป็นดุจดั่งทะเล ต้องรู้จักที่จะถ่อมตน และยอมรับทุกอย่าง อาจารย์ย้ำต้องยอมรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคำชมหรือคำติ ถ้าเป็นคำชมเรายิ้มแก้มปริเลย ทั้งที่รู้ว่าเขาชมแบบขอไปที ก็ยังยิ้มจริงหรือเปล่า (จริง)  คำติก็ต้องรับเช่นเดียวกัน รับให้เหมือนกับตอนที่รับคำชม  แต่หากว่าคนติมากๆ แล้วยังยิ้มแก้มปริ เขาจะว่า คนนี้ฟังไม่รู้เรื่อง ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ฉะนั้นการจะดำรงตนเป็นคนที่บำเพ็ญธรรมได้ดี เมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่น เราจำเป็นที่จะต้องทำให้คนอื่นรู้สึกว่า เราฟังรู้เรื่อง อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าเมื่อใดที่เขารู้สึกว่าเราฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็จะยิ่งย้ำใช่หรือเปล่า (ใช่)  เหมือนพ่อแม่ที่บ่นเราเช้าค่ำ เพราะเขาคิดว่าเราฟังไม่รู้เรื่อง ก็เลยบ่นเราอยู่นั่น แต่การที่จะทำให้คนอื่นรู้ว่าเราฟังรู้เรื่องไม่ใช่แค่การพยักหน้า การพยักหน้าเป็นเพียงพฤติกรรมหยาบๆ ที่ทำแล้วคนอื่นเข้าใจได้ทันที แต่เราต้องทำให้ละเอียดมากขึ้น ด้วยการที่เราต้องรู้จักประพฤติตนตามนั้นจริงหรือไม่ (จริง)  สิ่งที่เขาพูดแล้วเป็นสิ่งที่ดี เราต้องทำตามไหม (ทำตาม)  แต่หากว่าสิ่งที่เขาพูดแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราต้องทำความเข้าใจก่อน เพราะบางทีคนที่พูดแล้วเราต้องฟัง ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอำนาจมากกว่าเรา อย่างเช่นพ่อแม่ พี่ ญาติ อาจารย์อาวุโส หรือนักธรรมผู้บำเพ็ญมาก่อนหน้า การอยู่ร่วมกันจึงเป็นเรื่องที่ทำยาก แต่ก็ทำอยู่ทุกวัน เราก็อยู่ร่วมกับคนที่เราทะเลาะอยู่ทุกวันเลย จริงหรือเปล่า (จริง)  บางทีก็เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นแฟน เป็นลูก เป็นคนที่เรารู้จักมักคุ้นในสังคมของเรา เราต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นทุกๆ วันจริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นการที่เราเปลี่ยนตัวของเราเอง เป็นการเอารัดเอาเปรียบตัวเราเองหรือไม่ คนอื่นไม่เปลี่ยน ทำไมเราต้องเปลี่ยนเพราะอะไร (เพราะว่าเราเป็นคนพิเศษ)
ตอบได้ไหม อยากได้หรือเปล่า (ถ้าเรายังเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ แล้วเราจะเปลี่ยนคนอื่นได้อย่างไร, เพราะว่าเราอยากเป็นคนดี ถ้าไม่มีใครจะทำให้เราดีได้ เราต้องทำตัวเองให้ดีกว่าคนอื่น ให้คนอื่นเห็นเราเป็นตัวอย่างในการทำดี, ทุกวันนี้เรายังไม่ดีเราก็อยากได้ดีเหมือนคนอื่น, ต้องปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น, ต้องมองตัวเองว่าเราจะเข้ากับเขาได้ไหม ต้องมองว่าในขณะนี้เขาทำอะไรกันอยู่ เราจะเข้ากับเขา เราก็ต้องปรับสภาพตัวเอง เราต้องเป็นคนอยู่ในศีลในธรรม พูดอะไรต้องทำจริง เหมือนกับจิ้งจกอยากจะกินแมลง ทำอย่างไรถึงจะปรับสีได้ ถ้าไม่ปรับสียังเป็นสีขาวอยู่แมลงก็มองเห็น เราต้องเปลี่ยนให้เข้ากับคนอื่น ต้องรู้เขารู้เราด้วย)  ตอบมากให้ลูกเล็กกว่าดีไหม (อาจจะเป็นสองลูก)  ชาวโลกคิดถึงแต่กำไรจริงหรือไม่ (จริง)  แต่เวลาพูดไม่กลัวขาดทุนเลย  ถ้ายิ่งฟังก็ยิ่งกำไรถูกหรือไม่ (ถูก)  ยิ่งพูดก็ยิ่งขาดทุน ถ้าไม่พูดเลยเป็นอย่างไร ถ้าไม่พูดเลยก็ขาดทุนมากที่สุด เพราะต้องฟังคนอื่นพูดอย่างเดียวใช่หรือเปล่า (ใช่)  (คนเราต้องปรับตัวเข้ากับผู้อื่น เพราะเราต้องการเป็นมิตรกับคนทุกคนทั่วโลก, เราต้องปกป้องสภาพตัวเราเองว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนชั่ว ถ้าเป็นสิ่งที่ดีเราก็เปลี่ยนแปลงให้เป็นตัวอย่างของคนอื่น, เราต้องปรับปรุงตัวเองให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมและสถานการณ์ที่เป็นอยู่เหมือนกับภาษิตที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม, โลกเราต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา, คนอื่นเขาดี ตัวเรายังไม่ดี เลยต้องเปลี่ยนให้ดีเหมือนคนอื่น) 
(นักเรียนลุกขึ้นจะตอบคำถามพระอาจารย์ แต่กลับนั่งลง)  อย่างนี้เรียกเขินอายหรือไม่กล้า (ถ้าเขาไม่เปลี่ยนแปลงมาหาเราก่อน เราต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีไปหาเขาก่อน เขาถึงจะมาหาเรา)  มนุษย์มักจะไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการทำสิ่งใด แต่ว่าเวลาที่โดนยั่วโมโหปุ๊บ ทำได้หมดทุกอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำก็ทำได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  การยั่วโมโหเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการรบในสมัยก่อน คือการยั่วคนอื่นให้มีแรงกระตุ้นเกิดขึ้น แต่ว่าศิษย์ต้องระวังตัวด้วย หลายคนชอบไปยั่วคนอื่นแต่ไม่รู้จักวิธีการรับมือ ยั่วจนเขาโมโห เสร็จแล้วตัวเองโดนเขาว่ากลับ ก็มานั่งซึม เพราะว่าไปยั่วเขา เพราะฉะนั้นความโกรธก็พอจะมีข้อดีอยู่บ้างคือ ทำให้ศิษย์มีแรงกระตุ้น มีแรงผลักดันไปข้างหน้า คนที่จะใช้กลวิธีนี้ต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง จึงจะสามารถใช้วิธีนี้ได้ หากเป็นคนที่มีคุณธรรมไม่พอ อาจจะโดนศรย้อนมาปักอก ฉะนั้นเวลาที่เราอยากจะกระตุ้นใครให้เดินหน้า หากเราคิดว่าเราจะกระตุ้นเขาด้วยการทำให้เขารู้สึกตื่น เราเองต้องเตรียมรับมือให้ดีก่อนใช่หรือไม่ (ใช่) 
 (พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนออกมาวงพระโอวาทและเมตตาประทานเพลงชื่อเพลง ฮักศิษย์ขอนแก่น ทำนองเพลง ฮักสาวขอนแก่น)
ทุกวันนี้ก็มองออกไปตลอดเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ว่าการบำเพ็ญธรรมต้องมองเข้า มองเข้าที่ไหน มองเข้าหาตัวเอง ตำหนิตัวเองได้ไหม ถ้าหากใครที่ตำหนิตัวเองได้ คนนั้นจะเป็นคนที่ก้าวหน้ามากขึ้น แต่ไม่ใช่ติเพื่อเป็นเรืออับปาง ไม่ใช่การติแบบนั้น แต่เป็นการติเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีมากกว่าให้เกิดขึ้น เราโกรธคนอื่น เราติคนอื่น เราว่าคนอื่นเป็นสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ แต่หากว่าเรามองตัวเอง ติตัวเอง ว่าตัวเอง แก้ไขตัวเอง อันนี้จึงเป็นเรื่องสร้างสรรค์ จริงหรือไม่ (จริง)
เราเดินอยู่ทุกวัน แม้ขาเราจะไปข้างหน้าแต่จิตใจถอยหลังอย่างนี้ใช้ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ขาต้องเดินไปข้างหน้า ใจก็ต้องไปข้างหน้าด้วย มีความก้าวหน้าพัฒนาตัวเองมากขึ้น อย่างนี้จึงจะเหมือนผู้ที่ใฝ่ความก้าวหน้า ใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาให้นักเรียนร้องเพลง)
ม่วนหลายๆ ก็ร้องบ่อยๆ มาสถานธรรมก็มาบ่อยๆ ฟังธรรมะก็ฟังบ่อยๆ บ่นคนอื่นก็บ่นน้อยๆ หน่อย ว่าคนอื่นก็ว่าน้อยๆ หน่อย คิดอะไรกับใครก็คิดในแง่ดี มองเขาในแง่ดีๆ ดีหรือไม่ (ดี) เราชอบให้ใครทำอะไรไม่ดีกับเราหรือเปล่า (ไม่ชอบ) เพราะฉะนั้นอย่าทำไม่ดีกับคนอื่น ดีหรือไม่ (ดี) เป็นเรื่องง่ายๆ เวลาคนอื่นดีกับเรา เราต้องดีกับคนอื่น เมื่อคนอื่นทำไม่ดีกับเรา เราต้อง (ดีกับคนอื่น) เราต้องเอาความดีชนะใจคนอื่น ใช่หรือไม่ (ใช่) ดูแล้วเหมือนกับว่าเราไม่มีทางจะเป็นคนไม่ดีเลย ใช่หรือเปล่า (ใช่)
ในหนึ่งวันมี ๒๔ ชั่วโมง เราทำดีกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า (ทำ) ส่วนใหญ่เราทำดีให้ผู้อื่นเพียงเล็กน้อย เราไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร แต่ส่วนมากเรามักทำดีให้แค่ตัวเองเท่านั้น ใช่หรือไม่ (ใช่) เราทำความดีให้แค่ตัวเองเท่านั้นแล้วผลจะเป็นอย่างไร เราก็เป็นแค่คนดีคนหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าเราทำความดีให้คนอื่น เราก็จะเป็นคนดีของทุกๆ คน ใช่ไหม (ใช่)
มีคำพูดบอกว่าคำชมไม่อยากได้แค่อย่าว่าก็แล้วกัน แต่ถ้ามีคนมาชมเราเมื่อไรเราก็ชอบใจ เพราะฉะนั้นการที่จะได้มาซึ่งคำชมหมายความว่าเราต้องทำตัวให้น่าชมด้วย ไม่ใช่ว่าคนอื่นอยู่เราก็ทำดีอวดไป เวลาลับหลังคนอื่นเราก็ทำตามใจตัวเอง ได้หรือเปล่า (ไม่ได้)
การที่จะบำเพ็ญธรรมให้สำเร็จและไม่อยากอยู่ในการเวียนว่ายตายเกิด จำเป็นจะต้องทำเบื้องหน้าและเบื้องหลังให้เหมือนๆ กัน ไม่ใช่อยู่ข้างหน้าทำอย่างอยู่ข้างหลังทำอย่าง ถ้าทำอย่างนี้ยังเป็นคนที่ไว้วางใจได้หรือไม่ (ไม่ได้)
คนบางคนชีวิตดูจืดชืดเรียบง่าย แต่เมื่อไรที่อยากหาสีสันเติมให้กับชีวิตมักจะไปทำอะไรที่ลับๆ ล่อๆ เห็นได้อยู่คนเดียว เรื่องใดที่เปิดเผยให้กับผู้อื่นไม่ได้ เรื่องนี้มักจะเป็นเรื่องที่มีปัญหาในวันหลัง เพราะฉะนั้นเรามีแต่ทำดีเท่านั้น เราจึงเปิดเผยได้ทุกเรื่อง จริงหรือไม่ (จริง) ถ้าหากว่าเราทำในสิ่งที่ดี เราย่อมไม่กลัวว่าผีจะหลอก  ถ้าเราไม่ได้แอบภรรยาไปทำอะไร ก็ไม่ต้องกลัวว่าภรรยาจะมาเห็น ถ้าไม่ได้แอบครูไปทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวว่าครูเห็น ถ้าไม่แอบเพื่อนไปทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวเพื่อนเห็น จริงหรือไม่ (จริง)
เพราะฉะนั้นการที่อยู่เป็นคนต้องเป็นคนที่มีชีวิตชีวา มีความกระตือรือร้น เป็นผู้กล้าต้องรู้จักยืดหยุ่นและพลิกแพลงให้กับชีวิตตัวเอง ธรรมะแต่ละข้อเป็นธรรมะที่เหมือนๆ กัน เรียบง่ายแต่เมื่อลงไปสู่รายละเอียดในชีวิตของศิษย์แล้วไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งพูดว่าทำดีเฉยๆ แต่พอลงไปในชีวิตของศิษย์แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เป็นผู้ชายเป็นคนที่มีความหยาบมาก เป็นผู้หญิงเป็นคนที่มีความละเอียดมาก แต่ในความเป็นผู้ชายก็มีความละเอียดเหมือนกัน ถ้าละเอียดมากเกินไปก็ดูหยุมหยิมเหมือนผู้หญิง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงดูแข็งกระด้างมากเกินไปก็เหมือนผู้ชายจริงหรือเปล่า แต่ศิษย์ที่ยืนอยู่ที่นี้ทุกคน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่แข็ง ในความแข็งของเราอาจจะมีข้อดี แต่ข้อเสียคือการทำให้ตัวเองนั้นเสียใจที่สุดที่เราเป็นอย่างนี้ ใช่ไหม  บางทีเราก็อยากจะมีความนุ่มใช่หรือเปล่า (ใช่)  แต่เราดูนุ่มนิ่มก็จะกลายเป็นคนเหยาะแหยะ เราก็รู้สึกว่าอย่านุ่มนิ่มดีกว่า
ฉะนั้นในความนิ่มนวลละเอียดของเรา ความละเอียดก็มีข้อเสียของความละเอียด ความกระด้างก็มีข้อเสียของความกระด้าง ฉะนั้นเราต้องเป็นคนที่มีความนุ่มนวล นิ่มนวล และละเอียดอ่อน แต่ในขณะเดียวกันเราต้องไม่ละเอียดเกินไปจนกลายเป็นหยุมหยิม จู้จี้ ในขณะเดียวกันเราก็มีความอยากอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องเพิ่มความรู้สึกคิดพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีกให้ตัวเอง ระวังพฤติกรรมของเรา เพราะว่าความอยากนั้นสัมพันธ์กับความประพฤติของตัวเอง ถ้าหากรู้จักที่จะหย่อนลงบ้าง ไม่หยาบมากเกินไปชีวิตก็จะไม่มีปัญหาใช่หรือเปล่า (ใช่)  ผู้ชายมักมีปัญหาตรงที่คิดน้อยเกินไป ส่วนผู้หญิงมักมีปัญหาตรงที่คิดมากเกินไป เราจึงต้องแยกหญิงชายใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราบำเพ็ญธรรมเดินทางสายกลาง เราต้องอุดรูรั่ว ข้อบกพร่องต่างๆ แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเองใช่หรือไม่ (ใช่)
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาทคำว่า สุจริตธรรม)
สุจริต แปลว่าอะไร (ซื่อตรง, ซื่อสัตย์, บริสุทธิ์, ความประพฤติที่ดีงาม)  มีความประพฤติที่ดีงาม มีความประพฤติชอบทั้งต่อหน้าคนอื่นและลับหลังคนอื่นดีหรือไม่ (ดี)  เราทำดีก็ไม่ได้ทำดีเพราะว่าอยากอวดใคร ดีแล้วก็ไม่เที่ยวคุยจนมากเกินไป ดีแล้วก็ขอให้ความดีนั้นอยู่คู่ตัว ให้คนอื่นมองแต่ไกลแล้วเกิดความชื่นชม อย่าให้เขาเห็นมาแต่ไกลแล้วเขารีบหลบไปเลย อย่างนี้แปลว่าเราเป็นอย่างไร น่ากลัวหรือน่ารัก (น่ากลัว)  บางคนแค่ระยะสามเมตร เจ้าตัวเป็นคนสายตาสั้น แต่ว่าคนอื่นมองเห็นเราในระยะสามเมตรรีบวิ่งหายไปเลย น่ากลัวไหม (น่ากลัว)  ศิษย์ทุกคนล้วนเคยเจอ เพราะฉะนั้นแต่ละคนมีความน่ากลัวอยู่ในตัวใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาคนอื่นน่ากลัวกับเรา เราชอบไหม (ไม่ชอบ)  ถ้าเช่นนั้นอย่าน่ากลัวกับคนอื่นดีหรือเปล่า (ดี) มิตรภาพที่สร้างง่ายที่สุดคืออะไร (รอยยิ้ม)
โดยปกติแล้วคนที่เป็นสุจริตชน ปัญญาชน หรือผู้มีคุณธรรม ชอบความอ่อนโยน ในวันนี้หลายๆ คนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นสุจริตชนเป็นผู้มีคุณธรรม ฉะนั้นเวลาที่อยากจะได้รับความร่วมมือจากผู้อื่นจำเป็นต้องเคารพคนอื่น แล้วคนอื่นจะให้ความเคารพตอบจริงหรือไม่ (จริง)  เรื่องที่เราพูดไปหรือสิ่งที่เราทำไปแม้ว่าเราจะไม่เจตนา คนอื่นถือไม่ถือ (ถือ)  แต่คนไม่เจตนาก็ยังดีกว่าคนที่เจตนาใช่หรือไม่ (ใช่)  ศิษย์ก็ยังมีดีอยู่ เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งยามหลับก็อย่าลืมว่าเราเป็นผู้บำเพ็ญธรรมใช่หรือเปล่า (ใช่)  ส่งเสริมและให้กำลังใจกันให้มาก ที่นี่เป็นแดนอีสาน ที่นี่มีคนบุญเยอะแยะ เพียงแต่คนบุญทางนี้ก็เป็นคนไม่ค่อยพูดมากใช่ไหม (ใช่)  เป็นคนยิ้มยาก แต่ถ้าหากศิษย์สนิทกับเขาได้ เขาจะเปิดใจทุกห้องให้ศิษย์เลย
อาจารย์เข้าใจศิษย์ทุกคนที่นี่ดี อาจารย์รู้ว่าศิษย์ของอาจารย์เป็นคนที่มีรากภูมิธรรมที่ดี แต่จำเป็นจะต้องได้รับการส่งเสริมที่ดี ซึ่งอาจารย์หวังว่าฐันจู่ที่นี่จะลงแรงมากกว่านี้อีกหน่อยได้ไหม (ได้)   อย่าขี้เกียจนะ มีความท้อประเภทหนึ่งที่ช่วยไม่ได้เลย และช่วยไม่ไหวด้วย คือความท้อที่เกิดจากความขี้เกียจ เป็นเรื่องที่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรใช่ไหม หวังว่าศิษย์ของอาจารย์ทุกคนนั้นลงแรงเต็มที่เต็มกำลังของตนเอง เรามีแรงเท่าไหร่เราก็ทำเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งที่ควรระวังมากในการดำเนินทางธรรม ทุกอย่างที่เราทำเพื่อผู้อื่น เพื่อความสบายใจของผู้อื่น ไม่เกี่ยวกรรมกับผู้อื่น เรียกว่า กุศล แต่หากว่าเราเกิดการยึดติดในกุศลนั้นๆ กุศลก็อาจกลายเป็นอกุศลในใจ
เมื่อไรที่กลายเป็นอกุศลในใจของเราแล้ว แม้งานที่ทำจะเป็นกุศล ก็กลายเป็นอกุศลเสียสิ้น ถามว่าผลตอบแทนของกุศลผลบุญนั้นมีไหม   มี ผลตอบแทนของบุญกุศลที่สร้างไปทุกเม็ดทุกหน่วยต้องมีตามนั้น แต่จะเกิดความอับจนทางด้านปัญญา จะเห็นว่าบางคนเป็นผู้มีวาสนาสูงส่งมาก ทั้งที่เขาก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร พูดธรรมะอะไรก็ไม่ค่อยเป็น แต่เขากลับเป็นคนที่ดวงดีมาก อันนี้เป็นผลตอบแทนของกุศล แต่ผลตอบแทนของกุศลนั้นไม่กลายเป็นกุศลแท้จริง เรียกว่าก่อนมะม่วงจะสุกก็เน่าเสียก่อน แต่ถามว่ามีมะม่วงลูกนั้นอยู่ไหม (มี)  มะม่วงลูกนั้นมีอยู่แต่ไม่สามารถที่จะนำมากินได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเมื่อทำกุศลผลบุญใดๆ อย่าเกิดความโลภอยากจะทำมากๆ อยากจะทำให้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ เพราะถ้าหากเกิดการยึดติด ในใจแล้วจะกลายเป็นอกุศลทันที ไม่สามารถที่จะไปจนถึงจุดหมายปลายทางได้เลย
อาจารย์มาเพียงแค่นี้ดีไหม ใจลึกๆ นั้นอาจารย์อยากจะอยู่กับศิษย์อีกนานๆ แต่อาจารย์อยู่นานแล้ว เดี๋ยวตอนกลับบ้านศิษย์ก็จะห่วงบ้านอีก และอีกอย่างหนึ่งศิษย์ที่นี่หลายคนมาไกล เวลานี้อาจารย์มีความหนักใจในศิษย์แต่ละคน เปรียบไปแล้วเหมือนศิษย์ยืนอยู่ที่บันไดคนละก้าว วิสัยทัศน์ ความคิดความอ่านไม่เหมือนกัน ทำอย่างไรจะลดบันไดนี้ลงมาให้ศิษย์ยืนระนาบเดียวกันได้ ถ้าศิษย์ทำได้ ศิษย์จะรักคนทุกคน จะเห็นคนอื่นเหมือนกับที่เห็นตัวเอง ศิษย์จะมีความเมตตาไม่หมดสิ้นได้ ศิษย์ต้องเข้าใจคนอื่น แต่ความเมตตานั้นมีทั้งเข้มงวด มีทั้งผ่อนคลาย ศิษย์ต้องเลือกใช้ให้เป็น ฝากศิษย์ที่เป็นรุ่นพี่ให้ดูแลรุ่นน้อง งานธรรมะกว้างไกล คนที่ยังไม่เปิดปัญญานั้นมีอีกเยอะ แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มี เพียงแต่รอวันและรอศิษย์ ศิษย์เก่งกว่าอาจารย์ ศิษย์ดีกว่าอาจารย์เพราะว่าศิษย์มีร่างกาย มีกายเนื้อที่จะช่วยใครก็ได้ เพียงแต่ศิษย์ยังเลือกที่รักมักที่ชัง อาจารย์หวังว่าความเป็นโพธิสัตว์จะอยู่ในคำพูด อยู่ในความคิด และอยู่ในการกระทำของศิษย์ ลดอัตตาตัวเองให้มากๆ และเพิ่มความเมตตาให้มากๆ แล้วศิษย์จะรู้เลยว่าแม้จะอยู่ในโลกเหมือนๆ กัน แต่ฟ้าสว่างไม่เท่ากัน
มีเวลากลับมาสถานธรรมนะ ฟังธรรมะบ่อยๆ แล้วอย่าเบื่อ รักษาตัวให้ดีๆ ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ลาก่อน



พระโอวาทซ้อนพระโอวาท สุจริตธรรม

  รากแก้วดุจหัวใจของต้นไม้                 จิตใจดุจรากฐานในมนุษย์
ต้นบอบช้ำแต่รากดียอดแทงสุด              จิตใจสุจริตแล้วไม่อับจน
ความประพฤติเรียบง่ายไม่ซับซ้อน          วาจาใจไม่ซุกซ่อนคอยหวังผล
จิตสำนึกบ่งบอกความเป็นคน                ชอบฝึกฝนพาให้สู่ทางดี



                    พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
(พระอาจารย์เมตตาส่งเสริมแม่ครัว)
กำลังใจแปลว่าอะไร กำลังใจแปลว่ากำลังที่มาจากใจ ถ้าใจเรามันไม่มีกำลัง กำลังใจก็ไม่มีจริงหรือเปล่า บำเพ็ญธรรมหลายปี ยิ่งหลายปีก็ยิ่งมีกำลังถูกไหม คนที่เดินประจำ ขาจะแข็งแรงใช่หรือเปล่า คนที่ไม่เดินประจำขาก็ไม่แข็งแรงถูกไหม เพราะฉะนั้นเวลาทำงานธรรมะ เหนื่อยก็เป็นธรรมดา ท้อก็มีได้ อาจารย์พูดอย่างนี้เพราะว่าบางทีศิษย์ท้อจริงๆ ไม่ได้ท้อกับงานธรรมะ แต่ท้อกับชีวิตทางโลกจริงไหม ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เราทำงานธรรมะได้อย่างที่เราต้องการ แต่งานธรรมนั้นมีอยู่สองเรื่อง มีอยู่สองคำ คือคำว่า งาน กับคำว่า ธรรม คำว่างานก็คือสิ่งที่ศิษย์นั้นให้แรง ใช้แรงทำตอนนี้ แต่คำว่า ธรรม มันอยู่ข้างในใจ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ทำให้คำว่า ธรรม มันมีรูป เมื่อไรที่ทำคำว่า ธรรม ให้มีรูป มันจะบำเพ็ญลำบาก แต่คำว่า กฎเกณฑ์ ก็มีความสำคัญคือทำให้ศิษย์อยู่กันได้ดี คำว่า กฎ  ย่อมเป็นสิ่งที่คนกำหนด เพราะฉะนั้นพยายามที่จะอะลุ่มอล่วยผ่อนปรนกัน
วันนี้คนที่นี่ทำงานอยู่ตรงนี่ส่วนใหญ่เป็นคนมาจากกรุงเทพฯ เป็นคนที่อยู่ส่วนกลางเป็นส่วนมาก เพราะฉะนั้นศิษย์ต้องรู้ว่าตัวเองจะเหนื่อย เราก็ต้องมองไปไกลๆ เราเหนื่อยแล้วเรามีผลกระทบต่อเขาหรือเปล่า แน่นอนศิษย์ที่อยู่ตรงนี้ทุกคน พอศิษย์เหนื่อยปุ๊บมีผลกระทบมากมายเป็นลูกคลื่น เพราะฉะนั้นเราอย่ามองว่าเราไม่สำคัญ ทุกคนสำคัญ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ตรงนี้หลายคนเป็นแม่ครัว แต่แม่ครัวนี้ก็เป็นเจี่ยงซืออยู่หลายคน เจี่ยงซือมีหน้าที่บรรยายธรรมต้องไม่ลืม ความสามารถในการทำงานของเรามีพรั่งพร้อมอยู่แล้ว ทุกคนทำอาหารอร่อย ทำอาหารได้ดี แต่บรรยายธรรมก็ต้องบรรยายได้ดีด้วย ถ้าท้อใจเหนื่อยใจเวลาเราบำเพ็ญมากๆ อาจารย์แนะนำคนที่บำเพ็ญธรรมมานานๆ ขอให้ศิษย์ยิ่งท้อ ยิ่งฟังธรรมะ
มีสามอย่างที่ห้ามห่าง แต่ในนั้นอาจารย์อยากจะเน้นว่า อย่างหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือ ยิ่งท้อยิ่งต้องฟังธรรมะ เราต้องไม่อวดโอ้ หรือรู้สึกลำพองตนในความสามารถของเราที่มี เราต้องยิ่งฟังธรรมะให้มากๆ ถ้ามีคนรุ่นน้องเราที่เขาพูดธรรมะยังไม่เก่ง เราก็ฟังและให้กำลังใจเขาใช่หรือเปล่า ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราต้องบรรยายธรรมเราก็ต้องทำให้ดีใช่ไหม แต่ก่อนที่เราจะขึ้นไปพูดให้ใครฟัง เราต้องตอบตัวเองก่อนว่าสภาวะจิตใจของเรามันไปถึงไหนแล้ว เพราะฉะนั้นกำลังใจนี่ กำลังจากใจ กำลังที่อยู่ข้างใน ทำอย่างไรให้กำลังที่อยู่ข้างในมันออกมาเป็นกำลังที่อยู่ข้างนอก ต้องไม่ตึงมากเกินไป ต้องไม่หย่อนมากเกินไป อาจารย์พูดกลางๆ แต่อาจารย์อยากให้ศิษย์ทุกคนไปปรับใช้กับชีวิตตนเอง อาจารย์เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลย อาจารย์ห่วงศิษย์ทุกคน และก็รักศิษย์ทุกคน ยิ่งบำเพ็ญนานก็ยิ่งน่าห่วง น่าห่วงนี่คือ หมดกำลังใจ ท้อใจ ถ้าท้อเพราะเหนื่อย เราก็ต้องพัก ถ้าท้อเพราะว่าเรารู้สึกว่าใจทางธรรมของเราตกลงไป เราต้องฟังธรรมะ ทำได้ไหม

(พระอาจารย์เมตตาผู้ปฏิบัติงานธรรม)
บำเพ็ญธรรมะต้องไม่ลืม เราจะมีความสุขได้เมื่อจิตใจของเรานั้นเบิกบาน เคยเห็นดอกไม้ไหม ตอนนี้เราเหมือนดอกไม้เหี่ยว หรือเหมือนดอกไม้บาน ตอนนี้เราเป็นดอกไม้เหี่ยวคอตก หรือเป็นดอกไม้บาน หรือดอกไม้ของเราเดี๋ยวเหี่ยว เดี๋ยวบาน อาจารย์รู้ว่าศิษย์ทุกคนบำเพ็ญแล้วมีโรคภัยเยอะแยะ ห่วงตัวเองไหม โรคเกิดที่กาย แต่วันนี้เราบำเพ็ญธรรม เราบำเพ็ญใจ ก่อนที่จะห่วงโรคทางกาย ช่วยดูโรคทางใจด้วยดีไหม โรคทางใจมีอาการหนักหนาสาหัสแล้ว ศิษย์มักจะยิ้มแต่ไม่มีความสุข มักจะหัวเราะแต่ว่าใจยังร้องไห้ ที่สำคัญอารมณ์ก็แปรปรวนเหมือนที่เขาบอกว่า อายุมากแล้วอารมณ์แปรปรวน จริงๆ ก็เริ่มแปรปรวนกันแล้วใช่หรือไม่ ยิ่งรู้จักใครมากๆ ยิ่งรู้ท่ารู้ทีรู้แกวเขาเยอะๆ ยิ่งแปรปรวนใหญ่เลยใช่หรือเปล่า
ในสังคมที่คนดีๆ อยู่ร่วมกัน อันได้แก่ศิษย์ทั้งหลาย ศิษย์เป็นคนดีมากศิษย์อยู่ร่วมกัน วันนี้เพียงแต่ส่งคนที่มีความไม่ดี เป็นคนที่มีทัศนคติบิดเบี้ยวเพียงนิดเดียวลงมา ศิษย์ก็จะป่วนกันไม่จบไม่สิ้นแล้ว เพราะฉะนั้นเราเป็นคนดีจำนวนมาก เราต้องมีพลังเพื่อที่จะโอบอุ้มคนที่ปั่นป่วน เวลาเขาเดินเข้ามา ถูกต้องไหม เป็นฐานที่แข็งแรงหรือยัง พร้อมจะรับการโยกไหวหรือยัง พร้อมจะให้อาจารย์ร่อนตะแกรงหรือยัง ถ้าร่อนศิษย์จะร่วงก่อนเลยหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นมีแค่คนที่ปั่นป่วนเข้ามาเพียงคนเดียว เราก็แย่แล้ว แสดงว่าฐานของเรายังไม่มั่นคงใช่หรือเปล่า ฐานนี้เป็นฐานอะไร ฐานในจิตใจของตัวเอง อารมณ์ในจิตใจตัวเองและฐานในการที่เราจะจับมือคนรอบข้าง เราลองดูสิว่า คนรอบข้างเรา เราจับมือได้ทุกคนไหม เราจับมือร่วมมือกับเขาได้ทุกคนหรือเปล่า อย่ามีเรื่องค้างคาใจ อย่าอยู่กันอย่างคนที่รู้แกว ขอให้อยู่กันด้วยหัวใจอิสระ ทุกคนมีธรรมะ ทำงานธรรมะคือทำงานที่มันเป็นธรรมะที่อยู่ในหัวใจออกมาด้วยเข้าใจไหม ธรรมะอยู่ในใจเราทุกคนนะอย่าลืม

(พระอาจารย์เมตตาผู้ร่วมฟัง)
อายุหลายแล้วก็ต้องรีบบำเพ็ญธรรม ไม้ที่ใกล้ฝั่งก็ขอให้ไปใกล้ฝั่งนิพพานดีไหม (ดี)  ต้องทำงานธรรมะ ต้องบำเพ็ญธรรมทุกๆ วันทำได้ไหม (ได้)  

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

2549-11-11 สถานธรรมฉงเต๋อ จ.กาญจนบุรี


西元二○○六年歲次丙戌九月二十一日     大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙     สถานธรรมฉงเต๋อ จ.กาญจนบุรี
                                              สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ

  หนทางที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่               ไม่อาจนำย้อนสู่ใจอันสว่าง
ความสว่างในโลกมีไม่เลือนลาง              ไม่อาจให้เส้นทางพ้นทุกข์ใด
                        เราคือ
  องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ          รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่แดนโลกีย์  เคียมคัล
องค์มารดา        ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
                        ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง     ฮวา  ฮวา

  ในชาตินี้โชคดีเกิดเป็นมนุษย์                อย่าได้หยุดการแสวงหามรรคผล
การเป็นทุกข์คือครูอันแยบยล                การอดทนทำให้สำเร็จสิ่งยากเย็น
ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง                  ต้องดูหน้าดูหลังให้ถี่ถ้วน
กระทำตนในสิ่งที่สมควร                      แม้กิเลสมายั่วยวนรู้อดใจ
ทำจิตใจให้สว่างด้วยฝึกฝน                   อย่าเป็นน้ำล้นแก้วฟังให้ตรง
จิตสว่างปัญญาจะมั่นคง                      สายทองส่งลงสู่โลกช่วยเวไนย
ใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่า                          วันเวลาไม่อาจเรียกกลับได้
แต่อดีตบางเรื่องย่อมสอนใจ                  เลือกเก็บและเลือกทิ้งไปให้ผลดี
ปฏิบัติธรรมใช่เรื่องยากลำบากเกิน         การดำเนินทางธรรมต้องรู้ชัด
ทั้งธรรมชาติและการรู้จำกัด                 คนสันทัดไม่วายระวังใจ
ทั้งภายในภายนอกหนึ่งเดียวกัน              เมตตานั้นอยู่แห่งใดไม่ทุกข์เศร้า
ตนในตนต้องมาหมั่นขัดเกลา                 แม้ยังเยาว์ความเข้มแข็งมีพอกัน
รักษาความอ่อนไว้ได้คือเข้มแข็ง             หากคนแกร่งปัญหาย่อมลดลงเอง
ในที่นี้มีมากมายหลายคนเก่ง                 จงหัดเพ่งพิจารณาย้อนสู่ใน
ใช้เวลาสองวันประชุมธรรม                   ขอให้นำความตั้งใจความมุ่งมั่น
ฟังธรรมะด้วยจิตใจมีให้กัน                   อยู่ร่วมกันดั่งพี่น้องใช่อื่นไกล
ชีวิตนี้มีค่าหากบำเพ็ญจริง                    ท่ามกลางนิ่งให้สยบจิตเคลื่อนไหว
อันกังขามีอยู่มาสอบใจ                        ความเข้าใจเกิดจากฟังพอบรรเทา
ในชาตินี้ขอให้เป็นชาติสุดท้าย                หยุดเวียนว่ายไปด้วยบำเพ็ญเน้นปฏิบัติ
ทั้งการพูดการกระทำใจเคร่งครัด           เดินทางลัดอย่าได้กลัวขวากหนามใด
รักษาซึ่งระเบียบให้เรียบร้อย                คนไม่น้อยต่างควบคุมตนเองไว้
หลังจบชั้นยังศึกษาต่อต่อไป                  ยิ่งเข้าใจบำเพ็ญก็ง่ายทวี
ในวันนี้ไม่กล่าวความมากกว่านี้              น้องคนดีจงตั้งใจอยู่ให้ครบ
คนเก่าและคนใหม่ร่วมบรรจบ               ใช้ธรรมะสงบร่วมเรือธรรม
จรดวางพู่กันลงบันทึกคะแนน
                                                                                     ฮวา  ฮวา   หยุด


วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙     สถานธรรมฉงเต๋อ จ.กาญจนบุรี
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ

  พฤติกรรมอาจเลียนแบบกันได้ง่าย       แต่เจตนาแท้ภายในไม่อาจโกหก
เพราะคาเรื่องผลประโยชน์คิดไม่ตก        อุบายรกความคิดทำร้ายตน

                        เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ          รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่พุทธสถานฉงเต๋อ   แฝงกายอัญชุลี
องค์มารดาแล้ว                ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

  ชีวิตคนทุกวันถูกเคี่ยวกรำ                  คนฝึกธรรมใจเข้าหาแจ่มใส
หากเพียรมากไม่รู้เพื่ออะไร                   จิตเมามายหลายเชิงชั้นนิวรณ์[๑]
อย่าฉลาดแต่นำกันเทียวชีวิต                 คนทุกทิศร่วมปฏิบัติที่ซับซ้อน
วิถีเปลี่ยนนิดน้อยเพียงอุปสรรคอ่อน       แต่สังวร[๒]การประชิดเข้ายังมี
ฟ้าย่อมเห็นในจุดยืนประสงค์                 วิสัยส่งผิดเกิดแล้ว บ่ ยั่นหนี
สิ้นอัตตาที่เป็นเราคือเมธี                      ธรรมชาติที่มีสิ่งอยู่สิ่งไป
บำเพ็ญธรรมเช้าค่ำทุกที่ก้าว                 ผู้ไม่ติดยึดเราอภัยง่าย
คนที่ถือคนอื่นทรมานใจ                       ผู้เชื่อมั่นในสิ่งใดพิจารณา

รู้ใจตามทำและพูดประมาณ                 เลิกข่มกันจงรู้ทันปัญหา
ทำไมเอาใจตัวไม่อยู่นา                        เหลิงวิชาอวิชชาทาสเป็นนายตัว
                                                                                        ฮา  ฮา   หยุด



    เป็นทุกข์เป็นร้อนแค่ไหน ก่อนอื่นเลิกไปจ้องมองที่คน การเห็นเรื่องราวกับตา นำความทุกข์มาหน้าตาว่าทน เดินตกไปเหวใจไร้ก้น ยังหนักใจถึงทำหน้าย่น ตรองแต่ส่วนตนวกวนหัวไม่ไป การเดินทางของชีวิตง่าย อาจลุ่มหลงเรื่องใดได้ง่าย อย่าคิดแต่ไกลใกล้ใกล้ก็ควรทบทวน
    จิตใจถูกรมปัญหา ยิ่งหยิบยกมายิ่งพาจะผวน โลกยังแข่งขันคึกคัก ปัญญาทักทายช่วยได้ดังควร ลงแรงเองหรือต้องชักชวน ใจที่จวนสิ้นแรงจนถ้วน กิเลสฉนวนลดละไม่หลงตา จงเตรียมใจรับวันข้างหน้า ยากเท่าไรไม่ยอมสิ้นท่า หากทุกข์ผ่านมา ผ่านทุกข์เบื้องหน้ามองใจ


ชื่อเพลง : มองใจผ่านทุกข์
ทำนองเพลง : นัดพบที่หน้าอำเภอ
พระโอวาทท่านหนึ่งในแปดเซียนหลันไฉ่เหอ
มีท่านในที่นี้มองเราด้วยสายตาแปลกๆ นะ เราต่างจากมนุษย์ทั่วไปไหม (ไม่)  ก็ไม่ต่างใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อะไรที่ทำให้มนุษย์ทั่วไปกลายเป็นพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่จิตใจธรรมดาดวงนี้หรอกหรือ แต่ทำอย่างไรให้ใจดวงนี้กลายเป็นคนที่น่านับถือน่าเคารพ เราลองยกตัวอย่างนิทานง่ายๆ ให้ท่านฟังเอาไหม (เอา)  จะเรียกว่านิทานหรือเรื่องจริงก็ได้นะ มีชายคนหนึ่งถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม เขาอยากจะจัดงานเลี้ยงวันเกิด เป็นอันรู้ว่าคนที่เขารักที่สุดและสนิทที่สุดต้องชวนไหม (ชวน)  โดยเฉพาะเพื่อนที่รักที่สุด ที่สนิทที่สุดต้องชวนคนแรกแน่นอนถูกหรือไม่ (ถูก)  ส่วนคนที่สนิทน้อยหน่อยก็ชวนด้วยเหมือนกันใช่หรือเปล่า (ใช่)  บังเอิญว่างานวันเกิดนี้ เพื่อนที่รักที่สุดและสนิทที่สุดเป็นที่หนึ่งในใจ เขากลับไม่มา พอเขามาถึงงานแล้วเพื่อนที่สนิทน้อยก็พยายามถามว่า เพื่อนสนิทเธอไม่มาด้วยหรือ ไหนว่ารักมากที่สุด วันสำคัญของเธอทำไมไม่มา ใช้ไม่ได้เลย แย่จริงๆจนกระทั่งจบงานไป เพื่อนที่รักที่สุดสนิทที่สุดก็ไม่มา เขาต้องพยายามตอบคำถามคนที่ถามว่า เพื่อนที่รักที่สุดสนิทที่สุดทำไมไม่มาเขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะเขาก็ไม่รู้ ได้แต่ยิ้ม หลังวันเกิดผ่านไปแล้ว เพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้โทรศัพท์มาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ผลสุดท้ายจนแล้วจนรอด ตัวเขาเองต้องเป็นคนที่โทรศัพท์ไปหาเพื่อนคนนี้ และคำแรกที่หลุดจากปากเขา ท่านคิดว่าเขาจะต่อว่าเพื่อนไหม ถ้าตามนิสัยของเรา เราจะต่อว่าเพื่อนไหม (ต่อว่า)  แต่ชายคนนี้กลับไม่พูดต่อว่า กลับถามว่า เธอเป็นอะไรหรือ ไม่สบายหรือเปล่า หรือทางบ้านมีปัญหาอะไรถึงมาไม่ได้เพื่อนคนที่ไม่ได้มางานวันเกิดรู้สึกอย่างไร จะรักเพื่อนคนนี้ยิ่งขึ้นไหม (รัก)  ถ้าเกิดเขาไม่ได้อยากมา และจริงๆ แล้วก็ไม่ได้รักเพื่อนคนนี้ ก็จะเปลี่ยนใจเป็นเริ่มรักเพื่อนคนนี้ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนบางคนเรานับเขาเป็นเพื่อน แต่เขาไม่ได้ให้ความเป็นเพื่อนตอบ แต่คนนี้ก็ยังคงให้ความเป็นเพื่อนสม่ำเสมอ แม้ตอนนั้นเพื่อนเขากำลังปฏิบัติไม่ดีตอบเขา แต่สิ่งที่เขาให้คือการดีด้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนคนนั้นจะรักตอบกลับไหม (รักตอบ)  เขากลับพูดว่า ขอโทษ วันนั้นไม่สบายจริงๆ ไปไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยถ้าเขารักอยู่แล้วเขาจะรักเพื่อนคนนี้ยิ่งขึ้นไหม (รักยิ่งขึ้น)  นี่แหละดวงจิตดวงใจเล็กๆ น้อยๆ การคบกับใครสักคน หรือการจะเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม ถ้าคิดถึงกำไร ขาดทุน หรือคิดว่าทำไมฉันต้องเสียเปรียบตลอด คนนั้นไม่มีวันเป็นคนดีที่แท้จริงได้ และคนนี้จะไม่มีวันมีเพื่อนแท้เลยในโลกแม้หนึ่งคนจริงไหม (จริง)  ฉะนั้นความเป็นพุทธะ หรือดวงจิตดวงใจที่ดีงามของท่านกับของพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือของคนดีคนหนึ่งในสังคมแตกต่างจากเราไหม (ไม่)  แล้วเราจะไม่มีความคิดตรงนี้หรือ มีแต่ว่าเราขุดค้นแล้วหาเจอไหม ฉะนั้นความเป็นพุทธะ หรือความเป็นคนดีที่แท้จริง มีอยู่ในใจของทุกๆ คน แต่อยู่ที่ว่าเราจะมีดวงตาเห็นธรรมในจิตใจเราไหม
ใช่ไหม (ใช่)  เราจะมีดวงตาขุดค้นความดีที่เราคิดว่าเราไม่เคยคิดจะมี แต่เราก็มีได้ ได้ไหม (ได้)  แค่นิดเดียวเองใช่หรือไม่ (ใช่)
คนรวย มนุษย์คิดว่า รวยแล้วจะมีความสุข จริงไหม (จริง)  มนุษย์ยังคิดว่า การรวยคือ การได้มาซึ่งความสุขที่เราต้องการทุกๆ อย่าง  ท่านเคยได้ยินสำนวนไทยที่พูดว่า มีทองเท่าหนวดกุ้งนอนสะดุ้งจนเรือนไหวไหม แล้วคนที่มีทองเป็นร้อยๆ ล้านหรือเงินเป็นร้อยๆ ล้านเขาจะมีสุขหรือ เคยสังเกตไหมว่า คนที่จนพอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย วันนี้ไม่มีอะไรจะสุขเท่ากับนอนบนหมอนใบนี้  ส่วนคนที่มีเงินมากๆ หัวถึงหมอนหลับไหม (ไม่หลับ)  เราถามหน่อยว่า ความสุขที่เราคิดว่ามันจะมีได้ คิดว่ารวยแล้วจะมีสุขเหนื่อยไหม (เหนื่อย)  ต้องถามคนที่มีจริงๆ เขาจะรู้  ฉะนั้นอย่าคิดว่า ความสุขที่เราคิดว่า เป็นรูปเป็นร่างจะเป็นความสุข ไม่ใช่หรอก สุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจเราต่างหาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ปรับเปลี่ยนให้ดี ปรับมุมองศาให้ได้ ไม่ว่าจะเผชิญอย่างไร เราก็มีสุขได้ ถูกไหม (ถูก) และอะไรที่ทำให้มนุษย์เสียดุลอีก
ในฉลาดก็มีความซื่อ ในความแข็งก็ต้องมีความอ่อน เพิ่งจะพูดกันไปไม่ใช่หรือว่าจะต้องมีสมดุลใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราจะยึดอย่างเดียวแล้วไม่ยึดอีกอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะในโลกสองอย่างนี้มีคุณค่าด้านกลับเสมอ เราต้องมองให้เห็นใช่หรือเปล่า (ใช่)  และอีกอย่างหนึ่งคือ ในฉลาดก็ต้องมีซื่อ ในแข็งแกร่งก็ต้องมีอ่อนน้อม ถ้าอย่างนั้นในร้ายก็ต้องมีดีใช่หรือไม่ (ใช่)  เอาไว้สำหรับมองคนอื่นนะ แต่ไม่ใช่เพื่อเอามาอ้างแล้วอภัยตัวเอง ฉันร้ายอย่างไรฉันก็ยังมีดีอยู่นะแบบนี้เลยไม่ยอมแก้ไขตัวเอง เช่นนี้ไม่ถูกต้อง ในร้ายก็ต้องมีดี ใช้สำหรับในการให้อภัยคนอื่น แต่ไม่ใช่ให้อภัยแล้วไม่ยอมแก้ไขสิ่งที่ตัวเองมี แต่คำว่าในร้ายก็ต้องมีดี ยังใช้ได้อีกกรณีหนึ่งก็คือ ในบางครั้งคนดีมักจะชอบเป็นคนที่ให้ พอให้บ่อยๆ จะทำให้คนรอบข้าง (เคยตัว)  เขาพูดได้ถูกนะ ลูกที่ถูกตามใจมากๆ จะกลายเป็นคนที่เสียคน และไม่สามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้ เพราะถูกพ่อแม่ประคบประหงมจนเคยชิน คนที่ตามใจตัวเองบ่อยจะเป็นคนที่ไม่สู้ชีวิต แต่จะเป็นคนที่กลายเป็นทาสของชีวิตและกิเลสตัณหาจริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นเราอยู่ในโลกบางครั้งต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ และบางครั้งก็ต้องยอมรับที่จะเป็นผู้รับ เพื่อให้คนอื่นเขามีคุณค่าในการยื่นให้ใช่หรือไม่ (ใช่)
ปันส่วนเวลาของตัวเองเพื่อผู้อื่นบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วถ้าเพื่อผู้อื่นอย่างคนที่คิดมีธรรมแล้วคิดเห็นทำการเพื่อผู้อื่นนั้น ก็จะเป็นการปูทางไปสู่หนทางอันงดงามหรือเรียกว่าแดนนิรพาน[๓]ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)


 ความพยาบาท ความง่วงเหงาหาวนอน ความฟุ้งซ่านรำคาญ ความลังเลใจ

ถ้าเป็นเรื่องของเพื่อนอีกคนหนึ่งล่ะ ยืมเงินท่านมาสิบหนแล้ว ไม่เคยคืนสักหน ทุกครั้งที่มายืมก็บอกว่าเดือดร้อนๆ คราวนี้มายืมเป็นหนที่สิบเอ็ด ท่านจะให้หรือไม่ให้ ถ้าอย่างนั้นมาดูไหมว่าชายคนนี้ตัดสินใจให้หรือไม่ให้ เขาตัดสินใจ ให้ แล้วพูดอย่างไรว่าการให้ครั้งนี้จะทำให้เขารู้สึก ถ้าท่านไม่ให้ท่านก็จะไม่มีวันสอนคนผิดให้ได้รู้ดีถูกไหม (ถูก)  แต่ถ้าท่านให้แล้วรู้จักให้เป็น ท่านจะสามารถเปลี่ยนคนไม่ดีให้รู้จักสำนึกดีได้ เขาบอกว่า นายยืมฉันไปสิบหน ทั้งสิบหนไม่คืน ฉันไม่เคยว่า แต่ครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายนะ เพราะฉันเชื่อมั่นในตัวนาย ว่านายเดือดร้อนจริงๆ ถึงแม้ว่าครั้งนี้นายจะโกหกฉัน ฉันก็ไม่ว่า แต่ฉันให้ความซื่อตรงกับนาย แต่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วคนที่รับไปรู้สึกอย่างไร (ละอาย)  ละอายใจใช่ไหม (ใช่)  แล้วก็รู้สึกสะท้อนใจจริงๆ ว่าเพื่อนก็รู้นะไม่ใช่ถูกปิดหูปิดตา ไม่ใช่เป็นคนโง่ให้เราหลอกตั้งสิบหน แต่เขารู้อยู่แก่ใจทั้งสิบหน แล้วหนที่สิบเอ็ดก็ยังเชื่อใจอีกใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นในการทำดีและในการเปลี่ยนแปลงคน ทุกขณะจิตเราสามารถที่จะเอาเขามาสอนเรา และเอาเราสอนเขาได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นการกระทำดีกว่าคำพูดถูกไหม (ถูก)  พูดให้เพื่อนฟังว่า เธอดีสักทีสิเขาจะดีไหม ยากใช่หรือไม่ (ใช่)  สู้เอาการกระทำสะท้อนสะเทือนใจดีกว่าใช่หรือไม่ (ใช่)  นิทานสองเรื่องนี้พอฟังได้ไหม อย่างนั้นอยากฟังหัวข้อศึกษาธรรมหรือฟังเราพูดดี (ฟังสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา)  ท่านกำลังพูดให้คนที่จะพูดหัวข้อศึกษาธรรมต่อไปน้อยใจไม่อยากพูด ถูกไหม  มนุษย์เราถ้าเกิดทุกขณะจิตคิดถึงอกเขาอกเราอยู่เสมอ แม้สักน้อยหนึ่งคำพูดท่าน ก็จะไม่ทำให้ใครเจ็บใจเลยถูกไหม (ถูก)  ฉะนั้นคิดสักนิดนะ เราควรพูดว่า ท่านพูดก็ดีเขาพูดก็ดีใช่หรือไม่(ใช่)  แต่ทำไมเมื่อสักครู่ไม่คิดล่ะ เพราะเราไม่ได้อยู่บอกท่านตลอดเวลา ท่านต้องมีสติตรึกตรองเรื่องราวในชีวิตให้ถ่องแท้ด้วยตัวเอง ดังคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า เมื่อไรที่เรามีสุข แล้วเราดีใจในความสุข บางทีต้องคิดถึงคนที่ทุกข์บ้าง เราจะได้ไม่เหลิงตัวเอง เมื่อไรที่เราประสบผลสำเร็จ และเราดีใจเที่ยวป่าวประกาศ อย่าลืมนะว่าช่วงที่เรากำลังป่าวประกาศ ว่าเรากำลังประสบผลสำเร็จ เราอาจจะทำร้ายใจใครที่ยังไม่สำเร็จก็ได้ใช่ไหม เมื่อเราดีใจก็ให้นึกถึงคนที่ต่ำกว่า ช่วงที่เราเสียใจก็อย่าลืมคิดถึงสิ่งที่สูงกว่า จะได้เป็นตัวหักล้างและดึงกันไม่ทำให้เรานั้นหลงระเริงหรือทุกข์จนย่ำแย่ เรื่องนี้ท่านรู้ไหม ไม่ยากหรอกทำอย่างไรเราถึงจะรู้ว่า ในท่ามกลางเราดำรงชีวิตอยู่นี้มีคนที่เหนือกว่าและมีคนที่ต่ำกว่า แต่เราต้องมีสติดึงตัวเองให้ตลอดเวลา  เราถามท่าน เราตัวสูงที่สุดไหม (ไม่)  เราเตี้ยที่สุดไม่ (ไม่)  เพราะอะไรจึงบอกว่าไม่ใช่  ต้องมีคนที่สูงกว่าเราและมีคนที่ต่ำกว่าเรา ใช่หรือไม่ (ใช่)  การที่คิดอย่างนี้เสมอๆ เพื่อไม่ให้ดูเบาตัวเองและไม่ให้หลงตัวเอง
พฤติกรรมอาจเลียนแบบกันได้ง่าย
แต่เจตนาแท้ภายในไม่อาจโกหก
เพราะคาเรื่องผลประโยชน์คิดไม่ตก
อุบายรกความคิดทำร้ายตน
ฉะนั้นถ้าอยู่ร่วมกันอย่าคิดถึงกำไรขาดทุน ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นคนที่แล้งน้ำใจ เสียเปรียบสักเล็กน้อยแต่บางทีอาจจะได้น้ำใจเพื่อนกลับมาก็เป็นได้ และคุณค่าน้ำใจเพื่อนบางทีตีเป็นราคาไม่ได้ด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ยอมเสียเปรียบวันนี้ดีกว่าต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ตอนนี้เรากำลังศึกษาหลักธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  การศึกษาหลักธรรมต้องยืมร่างกายปลอมเพื่อบำเพ็ญตัวจริงแท้ วันนี้เราก็มาขอยืมของปลอมอันนี้เพื่อค้นหาความจริงแท้ ในตัวเราหรือในตัวท่าน (ในตัวเรา)  แต่เคยได้ยินไหมว่า ของตัวเราอาจจะสะท้อนให้เห็นของตัวท่านได้  เคยเห็นไหมว่า ฟ้าสว่างๆ ใจเราก็พลอยรู้สึกสดชื่นแจ่มใส แต่พอฟ้ามืดครื้มอึมครึม ใจเราก็รู้สึกห่อเหี่ยวหดหู่  ฉะนั้นความจริงแท้ในตัวเราก็สามารถส่องสะท้อนความจริงแท้ในตัวคนอื่นได้เหมือนกัน ถูกหรือไม่ (ถูก)  เวลาอึมครึมเหมือนกับเวลาอะไร ทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกอึมครึมและหดหู่ด้วย (อารมณ์เศร้า,โกรธ,เกลียด, เครียด,แค้น)  แล้วตอนนี้อยู่ร่วมกันแล้วรู้สึกอึมครึมไหม เราเข้ามาในห้องนี้รู้สึกว่า บรรยากาศอึมครึมมากเลย  เพราะใจท่านตอนนี้มีทั้งเกลียด ทั้งแค้น ทั้งเศร้า ใช่หรือไม่ รู้สึกได้เลยว่าเข้ามาในห้องนี้อึมครึม มาก ถ้าเกิดว่า ภายในใจท่านมีความสดชื่น รู้สึกยินดี ปรีดา คนเข้ามาในห้องก็จะรู้สึกสดชื่น ถูกไหม (ถูก)  ในห้องนี้บรรยากาศจะเกิดได้ ไม่ใช่เกิดจากใจของใครดวงใดดวงหนึ่ง แต่เป็นการรวมของทุกๆ ใจ  และใจหนึ่งจะมีผลต่ออีกใจหนึ่งได้ ก็ต่อเมื่อ ใจนั้นรุนแรงและมีค่าสง่างาม แต่ตอนนี้รู้สึกว่า ใจอึมครึมจะชนะใจสดชื่น  ฉะนั้นใครดึงเราก็ไม่เท่ากับตัวเรานั้นดึงตัวเราเอง ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เปลี่ยนใจให้เป็นท้องฟ้าปลอดโปร่ง ได้ไหม (ได้)  ทำไมเศร้าหมองอะไรนักหนา เราเคยได้ยินเซียนน้อยบอกว่า ถ้าเกิดพูดธรรมะให้กับมารให้กับปีศาจ มารกับปีศาจจะยิ่งหงอลงแย่ลง ถ้าพูดให้กับพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พอฟังธรรมแล้วก็ยิ่งเบิกบาน แจ่มใส วันนี้อะไรอยู่ในตัวเอาออกจะดีไหม สดชื่นแจ่มใสดีกว่าไหม (ดี)  ยังมีคนยิ้มไม่ออกอีกนะ  อย่ากลับไปห่อเหี่ยวเหมือนเดิม
มาถึงที่นี่แล้วรู้ไหมห้องพระที่นี่ชื่อว่า (ฉงเต๋อ)  มาทำอะไรรู้ไหม (มารับธรรม)  มารับธรรมหรือ มาทำอะไรบางทีก็ยังไม่รู้แต่ถูกหัวหน้าบังคับให้มา ใช่ไหม (ไม่ใช่)  ถูกใครบังคับให้มาหรือเปล่า ถ้ามาด้วยความยินดีปรีดาใบหน้าก็คงยิ้มแย้มกว่านี้
เป็นทุกข์เป็นร้อนแค่ไหน
มาฟังด้วยความเป็นทุกข์เป็นร้อนไหม
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาถามนักเรียนในชั้นว่าเมื่อยหรือยัง)  (ยัง) ท่านตอบว่ายังเราก็ยังไม่ให้นั่ง ถ้าเราเผลอลืมถามขึ้นมาก็อย่าว่ากันนะ  เมื่อยหรือยัง การเมื่อยอาจไม่จำเป็นจะต้องนั่งเก้าอี้ก็ได้ ใช่ไหม (ใช่)  การจะเข้าใจสิ่งใดให้ถูกต้อง ต้องถามเขาให้ชัดเจนอย่าเดาส่งๆ ถูกหรือไม่ (ถูก)   เดี๋ยวกลายเป็นสิ่งที่ให้เขาไป เขากลับไม่อยากได้ แล้วก็ไม่ต้องการ แถมรำคาญอีก ใช่ไหม (ใช่)   เราต้องถามให้ชัดเจนเมื่อยอยากนั่งไหม (อยาก)  เสียงเบาแปลว่ายังไม่ต้องการมาก ถูกหรือไม่ (ถูก)   แล้วเสียงก็ยังไม่เด็ดขาดแปลว่าความต้องการยังแค่เล็กน้อย ถ้าบอกว่าอยากแล้วเต็มที่เต็มเสียงแปลว่าถึงที่สุดแล้ว  อยากนั่งหรือยัง (อยาก)  โดนเราหยอกเย้านิดหน่อยเองนะ ถ้าโดนหยอกเย้านิดหน่อยไม่พอใจแล้วอย่างนี้จะอดทนอะไรได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)   เกิดเป็นคนขาดไม่ได้ซึ่งความอดทนอดกลั้น โดนแหย่นิดแหย่หน่อย ทนไม่ได้แล้วหรือ
ระหว่างคนดีกับคนไม่ดีท่านชอบคนประเภทไหนมากกว่ากัน (คนดี)  แล้วคนที่อยู่รอบข้างเราดีหรือไม่ดี มนุษย์มักพูดอะไรไม่ตรงตามความเป็นจริงจากหัวใจ ถูกไหม (ถูก)   คนไม่ดีทุกท่านไม่ชอบ แต่คนดีทุกท่านชอบ แต่ไม่ชิดใกล้ ใครยิ่งดีกับเรามากๆ บางทีเรากลับรำคาญ น่าเบื่อ เป็นอย่างนั้นไหม (เป็น)  เพราะถ้าท่านชอบคนดีจริงๆ แปลว่าสังคมปัจจุบันที่ท่านอยู่ต้องมีแต่คนดี ถูกไหม (ถูก)  แต่กลายเป็นว่าสังคมปัจจุบันที่เราอยู่ หรือในหมู่เพื่อนที่ใกล้ชิดเรา มีทั้งดีน้อยดีกลางและก็ไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ที่ดีมากๆ ไม่ค่อยมี  ทำไมเราจึงบอกเช่นนี้ ถ้าเราถามว่าคนๆ หนึ่งมีความดี 99% แต่ไม่ดีอยู่ 1% ท่านยังจะคบไหมและจะว่าเขาไหม จะบ่นไหม กับอีกคนประเภทหนึ่ง 99.99% ไม่ดีเลยแต่ดีอยู่แค่ 0.01% คบไหม ทำไมเราชอบถามอะไรที่ตอบยากหรือลองใจท่านเหลือเกิน โดยส่วนใหญ่ เพื่อนเราอะไรๆ ก็ดีหมดพอมีข้อเสียสักหนึ่งอย่าง เราบ่นแล้วบ่นอีกรำคาญแล้วรำคาญอีก ถูกไหม (ถูก)  ลูก ภรรยาเรา อะไรๆ ก็ดีหมดแต่เสียอย่างเดียวแก้ไม่ได้สักที แล้วพอมาเจอทีไรเราก็หงุดหงิดรำคาญใจ แต่อีกคนประเภทหนึ่งเสียเกือบหมด แต่ดีอยู่แค่นิดเดียวเรากลับคบได้นานกว่า ใช่ไหม (ใช่)  เราอยากบอกท่านว่าคนในโลกนี้ทุกๆ คนไม่มีใครสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้แต่ทองคำที่ท่านว่าสวยและเอามาใส่ยังมีความเป็นทองแค่ 99% ใช่ไหม (ใช่)  เสื้อผ้าบอกว่าคอตตอน 100% “ฉันจะใส่แต่คอตตอน 100%” ถามจริงๆ ใน 100% จะไม่มีส่วนอื่นผสมเลยเป็นไปได้ไหม อะไรที่เพียวๆ บริสุทธิ์บางครั้งมนุษย์เรากลับไม่ชอบรับไม่ได้ จริงไหม (จริง)  ถามคนขาย น้ำส้มคั้นสดๆ แท้ไหม” “แท้ แต่พอดื่มไปแล้วไม่หวานก็บ่นเขาอย่างกับอะไรดี แต่ถ้าหวานก็บ่นเขาว่า ใส่น้ำตาลแน่นอน ถูกไหม (ถูก)  ทำไมเราจึงพูดอย่างนี้เพราะเราต้องการบอกท่านว่าจริงๆ แล้วใครที่อยู่กับตัวเราแล้วสามารถดำรงตนได้อย่างเหมาะสมและไม่ทำให้ท่านรำคาญใจ หาได้ง่ายไหม (ไม่ง่าย)  ไม่มีหรอก ดีเกินไปก็กลายเป็นเรารู้สึกแย่ แต่พอเขาแย่เกินไป เราก็รู้สึกดี เพราะรู้สึกเราเป็นคนดีเขาไม่ดีเลย จริงไหม (จริง)  กลายเป็นว่าทั้งที่ความดีน่าจะชิดใกล้ ความชั่วน่าจะไกลห่าง แต่มนุษย์ปัจจุบันกลับกลายเป็นความดีไกลห่างแต่ความชั่วชิดใกล้  เราต้องการบอกท่านว่าในโลกนี้แม้เขาจะดีทุกอย่างแต่เสียอย่างหนึ่งก็จงยอมรับให้ได้ และในด้านกลับกัน แม้เขาจะเสียหมดทุกอย่างและมีดีแค่หนึ่งอย่างเราก็ต้องรู้จักเคารพในหนึ่งที่ดีนี้ของเขา ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้มีปัญญาเห็นธรรมและมองเข้าใจชีวิตอย่างทะลุปรุโปร่ง เราต้องอยู่ระหว่างสังคมที่มีทั้งคนไม่ดีและคนดี ถ้าท่านไม่รักษาดุลยภาพในการดำรงให้ถูกต้องก็ง่ายที่จะไม่เที่ยง ถูกไหม เมื่อเราไม่เที่ยงแล้วการมองอะไรจะแจ่มชัดไหม (ไม่แจ่มชัด) เมื่อใจเราบิดเบี้ยวแล้วการฟังอะไรจะชัดเจนไหม (ไม่ชัดเจน)  แล้วใจเราจะตัดสินอะไรว่าจริงเท็จถูกต้องได้อย่างไร ฉะนั้นเกิดเป็นคนจึงต้องรักษาดุลยภาพของความเป็นคนให้ดี อะไรที่ทำให้เราเสียดุลที่สุด  (ความรัก)  ความรักทำให้เสียดุลไหม เสียดุลการค้าเพราะต้องจ่ายไปหลายบาทถึงจะได้รักมาหรือเปล่า หรือเสียดุลตรงที่มีตาแต่ก็เหมือนคนตาบอด มีอะไรอีก (ความอิจฉา)  ถ้าต่อไปมีคนได้ดีเกินหน้าจะอิจฉาไหม (ไม่อิจฉา)  น่าจะยินดีกับเขาถูกไหม (ถูก)
(ให้นึกคิดก่อนทำ,ความโมโห,ความเบื่อหน่าย,สมาธิไม่ค่อยดี,ความง่วง)  ความง่วงก็เป็นอุปสรรคในการบำเพ็ญธรรมได้ ความเกียจคร้านและความเบื่อหน่ายก็เป็นอุปสรรคในการศึกษาธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือความเกลียด ความง่วง ความเบื่อหน่ายก็เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้คนที่อยู่ตรงหน้าด้วย ทำให้มองคนตรงหน้า ตามองไม่ค่อยชัด หูก็ไม่อยากจะฟังทั้งที่ได้ยินเสียง  มีคำกล่าวว่า มนุษย์ต่างจากพุทธะตรงไหน มนุษย์เห็นมุมหนึ่ง แต่ไม่เห็นอีกมุมหนึ่ง  แต่พุทธะเห็นมุมหนึ่งแล้วสามารถมองทะลุไปทั้งสิบมุมได้
เพราะฉะนั้นวันนี้การที่เราจะสามารถอยู่บนโลกแล้วไม่เสียดุล ไม่ใช่เสียดุลการค้า เสียดุลเรื่องเงิน  แต่ไม่เสียดุลในการเรียนรู้ชีวิตอย่างแท้จริง  เราจะต้องรู้จักมองคุณค่าของด้านตรงข้าม คุณค่าของด้านกลับของทุกๆ สิ่ง มนุษย์เราไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ เพราะไม่เคยรู้จักทุกข์อย่างแท้จริง ถูกหรือไม่ (ถูก)  เรารู้ทำอย่างไรจึงมีสุข แต่เคยเอาชนะทุกข์ได้หรือไม่  แล้วท่านก็รู้อย่างหนึ่งว่า ถ้ามนุษย์เราเอาชนะทุกข์ได้แล้ว สุขก็ไม่ไปไหนหรอก ทุกวันนี้ที่เราเรียกว่า สุข แท้จริงคือ ทุกข์น้อยต่างหาก  ตามประสาของคนศึกษาธรรมจริงๆ แล้วไม่มีสุขในโลก  แต่สุขที่มนุษย์เข้าใจกันในโลกก็คือ ความทุกข์ที่มีน้อยต่างหาก  ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจทุกข์และยอมรับทุกข์อย่างเต็มตัว และเผชิญทุกข์ด้วยการที่มีสติ ความทุกข์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก  แต่ความสุขกลายเป็นเรื่องยากไปเสียอีก ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราเอาชนะทุกข์ได้ ความสุขก็เป็นเรื่องง่าย พุทธะเคยกล่าวไว้ว่า หากมนุษย์เรามีความสงบอย่างแท้จริงแม้มีความทุกข์ที่เลวร้ายที่สุด แล้วจะพบความสุขก็ไม่ใช่เรื่องยาก  พบทุกข์ที่แย่ที่สุดเราสามารถมองเห็นความสุขได้ไหม อย่าลืมว่า ที่สุดของทุกข์คือ สุข ที่สุดของสุขคือ ทุกข์  ฉะนั้นถ้าทุกวันเราเอาชนะทุกข์ได้ บั้นปลายชีวิตของเราก็คือ ความสุข  แต่ถ้าเราไม่สามารถเอาชนะความทุกข์ได้ บั้นปลายของเราก็จะไม่มีวันพ้นทุกข์ได้ อย่าลืมว่า ความสุขที่มนุษย์คิดว่าเป็นความสุขนั้น มีอะไรบ้าง เช่น
เรื่องที่เราจะบอกต่อ นั่นก็คือการคิดถึงคนอื่นมากกว่าคิดถึงตัวเอง หรือการคิดตัวเองมากเกินกว่าที่จะคิดถึงคนอื่นใช่ไหม (ใช่)  ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี คอยเอาไปเปรียบเทียบกับคนโน้น เราเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีความสุข สิ่งที่มีอยู่นั้นไร้คุณค่าถูกไหมใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าคิดถึงคนอื่นมากเกินไปจนตัวเองด้อยค่า ก็ต้องหัดคิดถึงตัวเองบ้าง ถ้าคิดถึงตัวเองจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแล้วไม่เห็นคุณค่าของคนอื่นก็ต้องรู้จักคิดถึงผู้อื่นบ้างถูกไหม (ถูก)
ระหว่างเป็นคนฉลาดในโลกกับเป็นคนซื่อๆ ในโลกชอบเป็นคนแบบไหน (ฉลาดแล้วต้องซื่อสัตย์ด้วย)  ปรบมือให้ท่านนี้หน่อยนะ ตอบได้ดี คนส่วนใหญ่ในโลกสอนให้เรารู้ว่า ต้องฉลาด ต้องแข็งแกร่ง และต้องมั่งมี ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าเราดำเนินในชีวิต เคยเห็นไหมฉลาดมากๆ คนก็ไม่ไว้ใจ คิดว่าเราเจ้าเล่ห์เอาเปรียบใช่หรือไม่ (ใช่)  แข็งแกร่งมากๆ คนก็ว่าดื้อดึงดันทุรังใช่หรือเปล่า (ใช่)  ถ้าเราจะบอกท่านว่า
การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้หากทุกอย่างเอาอะไรตามใจตัวเองเป็นหลัก มองแต่อารมณ์ แต่ไม่คำนึงถึงเหตุผล อารมณ์ก็จะทำให้เราเสียผู้เสียคนใช่หรือไม่ (ใช่)
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานเพลงพระโอวาท มองใจผ่านทุกข์)
หน้าตาแบบนี้ให้เพลงอะไรดี เอาแบบกลางๆ แล้วร้องได้ทุกคนดีกว่านะ ใช่หรือไม่ (ใช่) อาจไม่ถูกใจคนทั้งหมดแต่อย่างน้อยๆ ก็ร้องได้เกือบทุกคน อยากรู้ไหมทำนองเพลงอะไร (อยากรู้) รู้ก่อนก็ได้ เพราะรู้สึกว่าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่แล้ว ทำนองเพลง นัดพบที่หน้าอำเภอ
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นเรียนช่วยนำร้องเพลง)
อย่างน้อยก็มีความกล้าในเรื่องที่ถูกต้องใช่หรือไม่ แต่เมื่อรู้ว่าไม่ได้ ความกล้านั้นก็ต้องถอยออกมานะ  ใช่หรือเปล่า (ใช่) อย่าฝืนทำให้คนอื่นเขาลำบากใจใช่ไหม นี่แหละคนในโลกปัจจุบันนี้บางทีก็ยากตรงนี้ใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่ได้แล้วไม่ยอมบอกว่าไม่ได้ แต่ยังดันทุรังว่าตนเองทำได้ ก็ทำให้สังคมต้องเดือดร้อนใช่หรือไม่ (ใช่)
เราก็มาด้วยเวลาอันควรมากพอสมควร หากจะรักษาสมดุลของคนในโลกต้องรู้จักไปบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) คนในโลกมีเวลามาก็ต้องมีเวลาไป ใช่หรือเปล่า (ใช่) มีเวลาอยู่ก็ต้องมีเวลาจาก  ฉะนั้นเราอยากจากแล้วให้เขาระลึกถึงอยู่เสมอ ตอนอยู่จงเห็นเขาเป็นเหมือนพระเจ้า ทำแต่สิ่งดีๆ ไว้ ตอนจากคนเขาจะได้ระลึกถึง และอาลัยรักใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นการคิดถึงแต่ตัวเองจนลืมมองถึงผู้อื่น อย่ามัวแต่หวังผลประโยชน์ส่วนตนจนลืมคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวม คุณค่าของคนในสังคมมิใช่เกิดมาเพียงเพื่อทำแต่ตัวเอง แต่ยังต้องรู้จักแบ่งสรร
เป็นคนที่มีชีวิตอยู่อย่างคนที่รู้จักสิ้นกิเลสเป็น สิ้นความอยากเป็น ในหนึ่งวันรู้จักอยากได้ก็ต้องรู้จักหยุดอยากเป็น แล้วความอยากนั้นจะไม่ทำร้ายเรา รู้จักโกรธได้ก็ต้องหยุดโกรธเป็น แล้วความโกรธของเราก็จะไม่ไปทำร้ายใคร ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นการศึกษาบำเพ็ญธรรมจึงเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มที่ตัวเรา แล้วเอาความดีนั้นไปสะท้อนสะเทือนผู้อื่น อย่าลืมนะว่า แม้จะทำดีมาเต็มที่แต่พอผิดพลาดครั้งหนึ่งคนก็ไม่ค่อยให้อภัย ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นเมื่อไรที่เราเจอคนที่ทำไม่ดีจงอภัยเขามากๆ เผื่อผลของการอภัยนั้นมันจะสะท้อนกลับมาเมื่อเราทำผิดดีไหม (ดี) เมื่อไรที่ถูกเขาโกง เขาต่อว่า ให้อภัยเขามากๆ เผื่อว่าผลของการให้อภัยที่ถูกโกงนั้นจะไม่กลับมาทำให้เราต้องรับเวรรับกรรม ขอให้คิดให้ได้นะ ถ้าทุกท่านรู้จักสำนึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ เราก็คงจะไม่คิดโกรธใครที่ทำไม่ดีกับเรา ใช่หรือไม่ (ใช่ ) แต่ถ้าเมื่อไรเราคิดว่าตัวเองดีแล้วก็เป็นอันง่ายที่จะโกรธใคร เวลาที่เขาทำไม่ดีกับเรา ถูกหรือเปล่า (ถูก) ฉะนั้นคนในโลกไม่มีใครที่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช่หรือไม่ (ใช่) ในร้อยก็ยังมีผิดหนึ่ง ในผิดทั้งร้อยก็ยังมีถูกหนึ่งเหมือนกันใช่หรือเปล่า (ใช่)
วันนี้เราก็มาศึกษาธรรมกับท่านเพียงแค่นี้ อย่าคิดว่ามาเล่นละครตบตาเลยนะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากี่ทีก็จะพูดประโยคนี้อยู่ร่ำไป แต่ก็ล้างความกังขาของมนุษย์ไม่เคยหมดสิ้นได้สักทีถูกไหม (ถูก) วันนี้เชื่อ พรุ่งนี้ไม่มั่นใจ วันนี้อยากเป็นคนดี พรุ่งนี้เริ่มไม่เอาแล้ว ใช่ไหม(ใช่) ฉะนั้นทำดีให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วความเป็นคนดีก็ไม่ได้จากเราไปไหน ถ้าเราทำได้ใช่ไหม (ใช่) ขอเพียงยอมเสียเปรียบหน่อย ยอมอภัยหน่อย ถึงเราจะขาดทุนในโลก แต่ท่านจะได้กำไร ณ เบื้องบน ยอมขาดทุนหรือเปล่า แค่นั้นเองนะ มีโอกาสคงได้มาผูกบุญกันอีก


วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ สถานธรรมฉงเต๋อ  จ.กาญจนบุรี
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

  ชีวิตหนึ่งชีวิตนี้เหมือนขาดอะไรไป         ระลึกไว้ชีวิตคือการทวนกระแส
โดยไม่หยุดไม่หย่อนการเปลี่ยนแปร        เป็นของแท้เป็นของเทียมต้องเลือกเป็น
                        เราคือ
  อรหันต์อนุเคราะห์ชาวโลก            รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่สถานธรรมฉงเต๋อ แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว                ถามศิษย์รักทุกคนนั่งฟังธรรมะเหนื่อยหรือเปล่า

  มองให้ทั่วเป็นเบ้าหลอมสู่โลกทัศน์        ความจำกัดเป็นเบ้าหลอมสู่ไหวพริบ
การระวังเป็นเบ้าหลอมได้เต็มสิบ           ถูกคั้นบีบเบ้าหลอมความคิดสร้างสรรค์
ความดีเป็นเบ้าหลอมสู่พลัง                   ความใจกว้างเป็นเบ้าหลอมแห่งมวลมิตร
สัจจะเป็นเบ้าหลอมแห่งการพิชิต            บำเพ็ญจิตเป็นเบ้าหลอมพ้นว่ายเวียน
ความรู้เป็นเบ้าหลอมแห่งปัญญา            อันความกล้าเป็นเบ้าหลอมสู่ความยิ่งใหญ่
การเรียนรู้เป็นเบ้าหลอมสู่ความใหม่       การรู้ให้เป็นเบ้าหลอมสู่เมตตา
ความขยันเป็นเบ้าหลอมความสำเร็จ       การสังเกตเป็นเบ้าหลอมความฉลาด
บารมีเป็นเบ้าหลอมแห่งอำนาจ              ความประมาทเป็นเบ้าหลอมแห่งความตาย
ความอวดดีเป็นเบ้าหลอมแห่งความพ่าย  ความเบื่อหน่ายเป็นเบ้าหลอมแห่งความเฉื่อย
ไม่อดทนเป็นเบ้าหลอมไม่สิ้นเหนื่อย        ปล่อยเรื่อยเปื่อยเป็นเบ้าหลอมต้องว่ายเวียน
                                                                             ฮา  ฮา  หยุด
               พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
รออาจารย์นานไหม โดยปกติคนเป็นพ่อแม่ต้องรอลูก แต่เรารอใครนานที่สุด รอตัวเองหรือรอความรู้ตื่นแห่งตัวเองจริงหรือไม่ (จริง)  ถามว่าเราลืมตาในตอนเช้าง่ายหรือเปล่า อดนอนมาทั้งคืนแล้วให้ลืมตาตื่นในตอนเช้าง่ายหรือเปล่า (ไม่ง่าย)  ความยากก็มากขึ้นแต่ก็ยังทำได้จริงหรือไม่ (จริง)  แต่ให้เราลืมตาตื่นจากความฝันของตัวเองที่ตัวเองนั้นเป็นผู้แต่งไว้ ตัวเองนั้นเป็นผู้วาดหวังไว้ ให้เราลืมตาตื่นจากความฝันของตัวเองยากหรือไม่ยาก (ยาก)  ตอนนี้ชีวิตเราเหมือนความฝันหรือไม่ (เหมือน)
ถ้าเรามีความทุกข์แล้ว ทำอย่างไรจะหายทุกข์ เราทำใจได้ เรารู้จักชีวิตเราได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ทำใจไม่ได้จริงหรือไม่ (จริง)  เข้าใจที่อาจารย์พูดไหม เราทำใจได้แต่ในขณะเดียวกันเราก็ทำใจไม่ได้ เข้าใจอารมณ์หลังไหม
ในลักษณะวิถีทางแห่งผู้บำเพ็ญหลายๆ คนที่ทำอยู่ เราอาจทำตัวเรานั้นให้เหมือนผู้บำเพ็ญทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ รูปแบบการแต่งตัว พิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ใดๆ แต่เราไม่อาจทำตัวเราให้เป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงได้ หากเราขาดไปหนึ่งสิ่ง หนึ่งสิ่งนี้คือการยอมรับความจริงใช่หรือเปล่า (ใช่)  เราจะกลายเป็นคนที่ทำใจได้เพราะเราทำใจได้ หรือกลายเป็นคนที่ทำใจได้เพราะเราทำใจไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองใช่หรือไม่ (ใช่)
ฉะนั้นในวันนี้การบำเพ็ญของเรา เรารู้สึกว่าราบรื่นหรือไม่ราบรื่น อาจจะดีขึ้นได้ก็ย่อมอยู่ที่ตนเอง หรืออาจจะไม่ดีวันนี้ไปดีวันหน้า ย่อมขึ้นอยู่กับตัวเอง หรือต้องบำเพ็ญอย่างทุกข์ยากทั้งชีวิตเราก็ต้องทำใจตนเอง เป็นเพราะว่าคนนั้นบุญและกรรมทำมาไม่เท่ากัน คนทำบุญมามากเขาก็ย่อมได้รับผลดีจริงหรือไม่ (จริง)  แต่เทวดาก็ตกสวรรค์ได้ เทวดาเสวยสุขอยู่เบื้องบนแดนสวรรค์อยู่ห้าร้อยปี ก็หล่นลงมาได้เหมือนกันใช่หรือไม่ (ใช่)
เป็นมนุษย์มีความสุขแล้วมีความสุขเล่า ก็ต้องเอาความสุขนี้มาเตือนสติตัวเอง ในขณะที่เราสุขเราต้องนึกถึงความทุกข์บ้างใช่หรือไม่ (ใช่)  เราเห็นคนอื่นแย่เราต้องยื่นมือเข้าไปช่วยถูกต้องหรือเปล่า (ถูกต้อง)  มีใครบ้างเห็นคนอื่นแย่แล้วซ้ำเติมคนอื่น มีหรือเปล่า บางทีเราไปซ้ำเติมผู้อื่นด้วยไม่เจตนาจริงหรือเปล่า (จริง)  แต่ถ้าหากว่าไม่เจตนาบ่อยๆ แสดงว่าเราจงใจซ้ำเติมคนอื่น แล้วเอาหน้ากากมาบังหน้าตัวเองจริงหรือไม่ (จริง)
ฉะนั้นคนดีหรือไม่ดี จริงๆ แล้วก็ต้องดูที่ความจริงใจจริงหรือไม่ (จริง)  ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเองถูกหรือเปล่า (ถูก)  ถ้าหากเราเอาหน้ากากมาบังหน้า แล้วเราจะติดหน้ากากนี้ไปจนตาย ก็ย่อมทำได้ แต่บุญกรรมเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงจากความเป็นจริงได้ คนทำดีก็ย่อมได้ดี คนทำชั่วก็ย่อมได้ชั่วจริงหรือไม่ (จริง)
ชีวิตหนึ่งชีวิตนี้เหมือนขาดอะไรไป
เคยรู้สึกไหม หาเงินมาทั้งชีวิตเรา หาเงินจนผมหงอกผมขาว หาเงินจนหน้าซีด หน้าเครียด หาเงินจนรู้สึกว่าต้องทนแล้วก็ต้องทนอีก ทนแล้วทนเล่า ถามว่าพอหรือไม่พอ (ไม่พอ)  นี่ถึงเรียกว่า มนุษย์ นี่แหละถูกแล้วที่ศิษย์เป็นมนุษย์ มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ แต่เป็นมนุษย์เฉยๆ มนุษย์เรียกอีกชื่อว่า คน ใช่หรือไม่ (ใช่)  คนอยู่กับคนเรียกว่าอะไร
อยากพ้นทุกข์สักชั่วขณะไหม (อยาก)  ออกไปเที่ยวที่ไกลๆ ที่เขาบอกว่าอากาศดีๆ แบบที่เราชอบใจ อยู่กับผู้หญิงสวยๆ หรือไปเที่ยวกับแฟนที่เรารักมาก มีความสุขไหม (มี)  ถามว่านั่นเป็นความสุขจริงๆ หรือเปล่า เป็นความสุขที่ไม่มีวันเวียนมาเป็นความทุกข์เลย ใช่หรือเปล่า (ไม่ใช่)
คนที่เรารักที่สุด เราก็ทะเลาะมาแล้ว คนที่เรารักที่สุดเราก็โกรธมาแล้ว  เพราะฉะนั้นชีวิตหนึ่งชีวิตนี้ทำอย่างไรให้มีความสุขแม้ชั่วขณะหนึ่ง ถ้าอาจารย์ตอบศิษย์ก็ตอบแบบง่ายๆ คือ การนั่งสมาธิ การหาความสงบให้จิตใจเป็นการทำให้ตนเองพ้นทุกข์ขณะหนึ่ง จริงหรือไม่ (จริง)  แต่ว่าสมาธินั้นมีเพียงช่วงสั้นอันเกิดจากตอนนั่ง เวลาเจอเรื่องมากระทบจิตใจ ศิษย์ก็ฟุ้งซ่านอีก การที่จะทำให้ตัวเองนั้นพ้นทุกข์ขณะหนึ่ง จึงต้องหันมามองใจของตนเอง เอาสมาธิไปอยู่ในการกระทำ ขณะยืน ขณะนั่ง ขณะทำงาน ขณะที่ใช้ชีวิต คือ ทำให้ใจของตนเองนิ่งลง  นิ่งลงจากความโลภ เมื่อไม่มีความโลภจะรู้สึกว่า การทำงานหาเงินนั้นเป็นเพียงการที่เอาแรงไปแลกเงินมาแค่นั้น มีเงินอยู่ก็พอแล้ว ใช่หรือไม่ (ใช่)
ปัญหาของคนก็คือ การหาเงินและการใช้เงิน หามาแล้วใช้มากกว่าที่ตัวเองหา จริงหรือเปล่า (จริง)  ทุกข์ไหม (ทุกข์)  ถ้าหากว่าชีวิตนี้ไม่สามารถที่จะเหลือเป็นเงินเก็บไว้ได้ อย่างน้อยต้องทำให้รายรับและรายจ่ายมีความสมดุลกัน เท่านี้ถึงแม้ว่าเราไม่รวยแบบเศรษฐีแต่เรารวยแบบพอเพียง จริงหรือไม่ (จริง)  ข้อเท็จจริงก็คือว่า คนนั้นใช้เงินที่หามาอย่างง่ายดายด้วยความสุรุ่ยสุร่าย และหาเงินที่ได้มายากด้วยความประหยัด ฉะนั้นความลำบากย่อมให้คุณยิ่งกว่าความสบาย
ความพร้อมเป็นเรื่องที่ลำบากหรือเปล่า (ไม่ลำบาก)  ถ้าหากว่ามีคนจำนวนมากทำงานแล้วมีใครหนึ่งคนไม่ยอมให้ความร่วมมือทำให้งานนั้นบรรลุผลได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นในวันนี้อาจารย์มาขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ  อย่ามีใครคนใดคนหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือดีหรือเปล่า (ดี)
ขอให้เอาใจมารวมกัน คนอยากจะสามัคคีกันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าคาใจบางเรื่อง ความคาใจเป็นเรื่องที่แก้ลำบากหรือไม่ (ลำบาก)  เราไม่สามารถแก้สิ่งที่คาใจของอีกคนหนึ่งได้หมดสิ้น จริงหรือเปล่า
เหมือนกับวันนี้เราเกิดไปรู้เรื่องอะไรของใครเข้า แล้วเกิดสมมติว่าให้เรามองหน้าเขาให้ติด ยิ้มกับเขา จับมือเขา ต้อนรับเขา เลี้ยงข้าวเขา ทำได้หรือเปล่า (ได้, ไม่ได้)  บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้  คนที่ทำได้ในภาษาของมนุษย์โลกเรียกว่ามารยาทสังคม จริงหรือเปล่า (จริง)  คือทำให้ผ่านๆ ไปด้วยความมีมารยาทที่ถูกต้อง กับอีกคนหนึ่งเขาสามารถทำได้ด้วยน้ำใสใจจริงของเขา แต่เปลือกนอกเหมือนกันหรือไม่ 
คนหนึ่งคนถูกคาใจด้วยคนอีกสองคน หนึ่งในสองคนเดินเข้ามายิ้มให้ จับมือ ต้อนรับ พาไปเลี้ยงข้าว เทคแคร์ดูแล ปูเสื่อให้อย่างดี  ส่วนอีกคนก็ทำเหมือนๆ กัน  สองคนนี้เหมือนกันหรือเปล่า
สองคนนี้ทำเหมือนๆ กัน แต่คนหนึ่งทำด้วยมารยาทสังคม ทำด้วยจิตใจที่คิดว่าทำไปตามมารยาทเท่านั้น ส่วนอีกคนหนึ่งทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์และใสสะอาด ถ้าหากว่ามองเปลือกนอกศิษย์จะไม่เห็นเลยว่ามีความแตกต่างกัน แต่ถ้ามองเห็นข้างในก็จะเห็นว่าแตกต่างกัน จริงหรือไม่ (จริง)  แต่คนสมัยนี้รู้หน้าไม่อาจจะรู้ใจ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คนทำออกมาจะถือเป็นจริงเป็นจังเป็นบทสรุปของการกระทำนั้นๆ ไม่ได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ การปฏิบัติตัวของคนจึงมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีเงื่อนไข มีกาลเทศะ มีมารยาท และมีความคิดที่อยู่ในนั้นซ่อนเร้นไว้มากมาย การที่เราเป็นคนบำเพ็ญธรรมจึงจำเป็นที่จะต้องถอดสิ่งเหล่านี้ออก ถอดหน้ากากออก ทำยากไหม (ไม่ยาก)
เมื่อสักครู่เราพูดถึงคนที่ทำตามมารยาท  คนอีกคนหนึ่งทำด้วยจิตใจที่ใสบริสุทธิ์สะอาด คนในโลกนี้บอกว่าคนที่ซื่อเกินไปเป็นคนโง่ ถามว่าถ้าหากหน้าที่ทางสังคมและการทำงานบีบให้ศิษย์ต้องดูแลและต้อนรับคนที่ศิษย์ไม่ชอบใจ กับการที่อีกคนหนึ่งทำออกมาจากใจด้วยความรู้สึกบริสุทธิ์ใจ ถึงแม้ว่าจะรู้เรื่องเขามากมาย ถึงแม้ว่าจะเคยรับรู้ในบางสิ่งบางอย่าง แต่ว่าเข้าไปดูแลเขาเช่นเดียวกัน ถามว่าถ้าบอกว่าการที่เราทำตัวเป็นคนซื่อเป็นการแสดงความโง่ อย่างนี้สองคนนี้โง่เหมือนกันหรือเปล่า
สองคนทำออกมาเหมือนกันแสดงว่าโง่เหมือนกัน แต่คนหนึ่งโง่อย่างบริสุทธิ์กับอีกคนโง่อย่างลึกลับซับซ้อน ฉะนั้นการที่เป็นผู้บำเพ็ญธรรมจึงต้องเป็นคนที่ต้องแสดงความจริงใจและความบริสุทธิ์ใจออกมาให้ปรากฏ แม้ว่าการแสดงความจริงใจจะเป็นความโง่ในสายตาของคนอื่น เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องแสดงความโง่อย่างนั้นออกมา เพราะว่าการที่ศิษย์ใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายต่างๆ นั้น สิ่งที่ศิษย์เสียไปโดยไม่สามารถเรียกกลับมาได้คืออะไร สิ่งที่ศิษย์ทุ่มลงไปคือจิตใจของศิษย์เอง เราต้องไปทำในสิ่งที่เหมือนกับอีกคนหนึ่งไปทำ แต่เรากลับทำด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย สลับซับซ้อน สิ่งที่เราเสียออกไปคือจิตใจของตัวเราเอง ซึ่งไม่มีวันเรียกจิตใจที่สะอาดกลับมาได้อย่างง่ายดาย ใช่หรือไม่ (ใช่)
เหมือนคนที่คิดมาก คนคิดมากจะมีวันคิดน้อยลงหรือเปล่า (ไม่มี)  การเป็นคนคิดมาก เราก็จะคิดมากไปกับทุกๆ เรื่อง วันนี้เราคิดมากกับเรื่องแค่นี้ วันหน้าเราก็คิดมากกับเรื่องที่ใหญ่มากขึ้น จนแก้ไม่ได้ จริงหรือเปล่า (จริง)  เพราะฉะนั้นเราถึงมาพูดกันว่าการเป็นคนบำเพ็ญธรรมมีแต่ต้องยึดจิตใจของตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์เข้าไว้ การที่จะชำระจิตใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์ได้จำเป็นที่จะต้องมามองตนเองในทุกขณะทุกเวลาทุกนาที และแก้ไขตนเองในทุกเวลาทุกนาที ยอมเสียเปรียบบ้างเป็นการได้กำไร จริงหรือไม่ (จริง)
เสียเปรียบเราอาจจะเสียแรง เสียใจ เสียเวลา แต่เราได้จิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ถ้าหากว่าอยากที่จะแก้ไข ชำระจิตใจตนเองต้องยอมเสียเปรียบบ้าง ถ้าหากว่าเอาทรายสองกองมากองไว้ หยิบกองหนึ่งออกไปใส่อีกกองหนึ่ง ขาดทุนไหม ถามว่าทรายกองที่ถูกหยิบหายไปจากโลกนี้หรือเปล่า (ไม่)  ทรายกองที่ถูกหยิบก็ไปอยู่ในอีกกองหนึ่ง จริงหรือเปล่า (จริง)
วันนี้เราอาจจะเริ่มยอมเสียเปรียบลูกเรา เงินหามาเหนื่อยแทบตาย ลูกร้องอยากได้ของเล่น ซื้อให้หรือเปล่า (ซื้อ)  เงินหามาแทบตาย ป่วยนิดหน่อยแค่ไอก็ต้องไปหาหมอ เราก็เสียเงินไป จริงหรือไม่ (จริง)  เพราะฉะนั้นทรายกองหนึ่งแบ่งไปสู่กองอื่นก็เป็นการทำให้กองอื่นเพิ่มพูนมากขึ้นไม่ได้หายไปจากโลก
วันนี้เรารู้จักแต่เสียสละให้คนใกล้ๆ ตัวเรา วันหนึ่งเราก็รู้จักเสียสละให้กับคนที่เรารู้จักโดยที่ไม่ได้สัมพันธ์เป็นญาติมิตร วันหนึ่งเราก็รู้จักเสียสละให้คนบนโลกนี้ทุกๆ คน เพราะฉะนั้นทรายที่เกิดจากกองของเราแบ่งไปให้กองคนอื่น ให้คนอื่นเขามีมากหน่อย ให้คนอื่นมีความสุขมากหน่อย ถามว่าความสุขนั้นหายไปจากใจเราหรือไม่ (ไม่) 
สิ่งที่ดีๆ ของเราให้ผู้อื่นไปก็ไม่ได้หายไปจากโลก ฉะนั้นอย่าบอกว่าเกิดมาแล้วทำอะไรทำไมถึงได้โดนเอาเปรียบ เวลาที่เราโดนเอาเปรียบขอให้ถูกเอาเปรียบอย่างเต็มใจแล้วศิษย์จะมีความสุข ความสุขไม่ได้อยู่ที่การไปเที่ยวที่ไกลๆ ที่ศิษย์พอใจ ความสุขไม่ได้เกิดจากการใช้เงินตามที่ศิษย์อยากได้ ความสุขไม่ได้เกิดจากสิ่งที่ศิษย์ไปหามาจากภายนอก แต่ความสุขเกิดจากภายในของตนเอง อยากมีความสุขจึงต้องหันมาให้ตนเองรู้จักเสียสละไปบ้าง แล้วจะเกิดความสุขมากขึ้น ความสุขเกิดได้จากอะไร (การเสียสละ,การให้)


ชีวิตหนึ่งชีวิตนี้เหมือนขาดอะไรไป
ระลึกไว้ชีวิตคือการทวนกระแส
โดยไม่หยุดไม่หย่อนการเปลี่ยนแปร
เป็นของแท้เป็นของเทียมต้องเลือกเป็น

กลอนนำอาจารย์เขียนไว้บอกว่า ชีวิตนี้เหมือนขาดอะไร ขาดอะไรไม่รู้ มาดูต่อไป บรรทัดสุดท้ายบอกว่า เป็นของแท้เป็นของเทียมต้องเลือกเป็น อาจารย์สมมติว่าคนสองคนนี้เป็นของสองสิ่ง คนหนึ่งเป็นของเทียม คนหนึ่งเป็นของแท้
คนที่ทำออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นของเทียม ส่วนคนทำออกมาด้วยความจริงใจนั้นเป็นของแท้ ของแท้คือแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมา แสดงความใจดีออกมา แสดงความเมตตาออกมา เป็นของแท้ ส่วนคนที่ทำออกมาด้วยซับซ้อนนั้นเป็นของเทียม สุดท้ายคนที่เป็นของเทียมนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีใจ แต่ว่าเขาก็ทำเหมือนคนที่มีความเมตตา ฉะนั้นเขาจึงดูว่าเป็นของเทียม
อาจารย์บอกว่าเป็นของเทียมเป็นของแท้ต้องเลือกเป็น ศิษย์ของอาจารย์อยากเลือกเป็นคนไหน (เป็นของแท้) ถ้าหากว่าศิษย์นั้นสามารถที่จะเลือกได้ ซื้อของอย่างหนึ่งอยากซื้อของแท้หรือของเทียม (ของแท้)  ตัวเรานี้ถ้าหากว่าเราเป็นคนๆ หนึ่ง เราอยากเป็นของแท้หรือของเทียม (ของแท้)  ถ้าเราเป็นของแท้ เบื้องบนก็เลือกเรา ถ้าเราเป็นของเทียม แม้กระทั่งคนที่เป็นมนุษย์เหมือนกันอยากเลือกไหม (ไม่อยาก) คนที่เป็นมนุษย์เหมือนกันยังไม่อยากเลือก
เพราะฉะนั้นของแท้ของเทียมให้ศิษย์เลือกเป็น เลือกเป็นว่าชีวิตนี้มีหลายๆ สิ่งในชีวิตที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง วันนี้ตำแหน่งนี้เป็นของเรา วันนี้ถูกคนชม อีกสองวันอาจจะถูกคนด่าก็ได้ จริงหรือไม่ ชีวิตนี้เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นต้องทวนกระแสของชีวิตนี้ ถึงแม้บางเรื่องเราทำด้วยความไม่เต็มใจ ไม่ได้อยากทำเลยแต่ก็ต้องทำ แต่ในเมื่อศิษย์เลือกที่จะไปทำแล้ว ขอให้เอาใจจริงๆ ของเราไปทำดีไหม (ดี) ไม่ใช่บอกว่าใจจริงๆ ของเราคือความโกรธ แล้วเราเลือกไปทำจริงๆ เหมือนใจเลย เอาความโกรธออกไปเลย ใช่หรือเปล่า
คำว่า ทำใจ กับคำว่า ทำใจของอาจารย์ก็ไม่เหมือนกัน จริงหรือไม่
ฉะนั้นของที่หน้าตาเหมือนกันในความเป็นศิษย์คนเดียวกันมีความโกรธและมีความดีอยู่ในตน ฉะนั้นศิษย์ต้องเลือกที่จะแสดงออกมาโดยที่ใจของเรานั้นต้องดีด้วย แล้วก็เอาความดีออกมา
ถ้าใจของศิษย์ยังเป็นความโกรธ ทำอย่างไรดีล่ะ ถ้าใจของเรายังเป็นอคติ อันได้แก่ความรักมากเกินไป ความหลง ความกลัว ความชังมากเกินไป เราต้องเปลี่ยนจิตใจของเราก่อน เราต้องเปลี่ยนจิตใจของเราให้ดี แล้วแสดงออกมาให้เป็นสิ่งที่ดี เราจึงเป็นของแท้ทั้งในทั้งนอก บางคนเป็นของแท้เปลือกนอก ข้างในเป็นอย่างไร (เทียม)  ข้างในเป็นของปลอม เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นของแท้ทั้งนอกและในตน ถ้าหากว่าในเราดี นอกเราดีไหม (ดี)  ถ้าในเราไม่ดี นอกเราดีไหม (ไม่ดี)  ในไม่ดีนอกไม่ดี แต่สำหรับสมัยปัจจุบัน ในไม่ดีอาจจะมีนอกที่ดีก็ได้ แต่อาจารย์ก็ยังเป็นคนหัวโบราณ อาจารย์เป็นคนโบราณ เพราะฉะนั้นอาจารย์อยากให้ศิษย์นั้นดีจากข้างในออกมาสู่ข้างนอก ถ้าหากว่าในดี นอกย่อมดี อันนี้ไม่มีปัญหา แต่หากบอกว่าในไม่ดี แล้วนอกดี นี่คือเป็นในลักษณะที่มนุษย์ปัจจุบันชอบทำ ฉะนั้นคนปัจจุบันนี้เป็นคนที่แค่จะหาความสุขธรรมดาก็ลำบาก อยากจะให้บำเพ็ญธรรมก็ยิ่งลำบาก อยากให้บรรลุธรรมยิ่งสุดจะลำบาก
แต่ว่าในวันนี้ศิษย์ทุกคนมาที่นี่ รู้แล้วว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่ศิษย์นั้นอยากที่จะพ้นไป ฉะนั้นศิษย์เลือกที่จะเป็นผู้ที่บำเพ็ญธรรม คือหมดจากความทุกข์ ฉะนั้นจึงต้องมาบำเพ็ญธรรม แล้วทำเรื่องสุดจะลำบากนี้ ทำได้ไหม (ได้)
อาจารย์ชวนมาทำเรื่องสุดจะลำบากทำไหวหรือเปล่า (ไหว)  ชวนมาทำเรื่องสุดจะลำบากเลยนะ ฉะนั้นเรื่องสุดจะลำบากนี้ก็ต้องมีใจที่สุดจะ (อดทน)  อดทนแล้วหรือ ยังไม่ทำอะไรก็อดทนแล้ว  ทำเรื่องสุดจะลำบากก็ต้องมีใจสุดจะเข้มแข็ง สุดจะสะอาด ถ้าหากว่าห้องน้ำที่บ้านเรานี้ เราอยากจะขัดพื้นให้ใหม่เหมือนกับตอนที่เราสร้างเสร็จใหม่ๆ  ไหวไม่ไหว (ไหว)  ถ้ามีคราบมากแสดงว่าเจ้าของเป็นคนที่ขี้เกียจมากนะ ห้องน้ำที่บ้านเรานี้ เราอยากที่จะขัดให้ใหม่เหมือนกับตอนที่เราเพิ่งสร้างเสร็จ ลำบากไหม (ลำบาก)  ห้องน้ำของบางคนใช้มาตั้งแต่เกิด ของบางคนก็มาใช้ทีหลัง เวลาถ้าสิบปี ห้องน้ำเลอะมากไหม (มาก)  เลอะมากเลย แล้วชีวิตเรากี่ปีแล้ว เป็นสิบๆ ปีเลย เพราะฉะนั้นใจของเราสะอาดไหม (ไม่สะอาด)  ถ้าเราไม่ได้ขยันขัดใจของเรา ไม่ขยันขัดเกลา ใจเราก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าไร
คนสมัยปัจจุบันบอกว่า คนมีความคิดคือคนฉลาด เราก็เลยปล่อยใจของเราคิด คิด คิด ไปเรื่อยๆ ไม่รู้คิดไปทางไหน คิดไปทางไหนก็ไม่รู้ คิดจนจะตกเหวแล้วยังไม่รู้ตัวเลย คิดจนเหมือนนรกเร่าร้อน ร่ำร้องอยู่ข้างในใจของตัวเองยังไม่รู้เรื่องเลย เราก็ยังพอใจที่เราได้คิด แต่ว่าเราต้องรู้ว่าความคิดนั้นต้องจำกัดอยู่ในวงที่คิดเป็น คิดดี ถึงจะดี อย่าปล่อยให้ความคิดเรามันไปเรื่อยๆ จะขึ้นสวรรค์ก็ไม่รู้ ตกนรกก็ไม่รู้ อย่างนี้ไม่ได้ อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าคิดเป็น อย่างนี้เขาเรียกว่าฟุ้งซ่าน
ฉะนั้นคนที่บำเพ็ญอยู่ในปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน ศิษย์หลายคนนั้นก็บำเพ็ญมานาน ศิษย์เป็นของแท้ของปลอม อาจารย์ยังบอกไม่ถูก บางทีแวบหนึ่งเป็นของแท้ขึ้นมา บางทีอีกแวบหนึ่งกลายเป็นของปลอมไปแล้ว ใช่หรือเปล่า (ใช่)  การที่เรานั้นแต่งตัวออกมาเหมือนผู้ปฏิบัติบำเพ็ญธรรม เรากินเจและตั้งปณิธานทานเจ การที่เรายิ้มกับใครเป็นส่วนใหญ่หรือมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้บำเพ็ญเป็นส่วนใหญ่ แต่หากว่าเรายังไม่ได้เป็นผู้บำเพ็ญจริงๆ ถึงแม้ว่าเรามีองค์ประกอบครบแต่ขาดหัวใจ หัวใจของผู้บำเพ็ญคือ หัวใจที่บริสุทธิ์และขัดเกลาอยู่เสมอ
หากว่าโดยส่วนใหญ่ศิษย์นั้นเป็นคนที่ยิ้มต้อนรับขับสู้คนอื่น แต่เผอิญวันหนึ่งถูกยั่วโมโหโดยใครไม่รู้แล้วเจอญาติธรรมแล้วก็ดุใส่เขา เรียกว่า ยิ้มมาเก้าหน หน้าบึ้งแค่หนึ่งหน ถือว่าล้มเหลวหรือชนะ (ล้มเหลว)  แต่มีอยู่คนหนึ่งเป็นคนขี้โมโห โดยส่วนใหญ่โมโหๆ ไปสักเก้าหน แต่วันนี้จบท้ายมายิ้มตอนจบเหมือนตอนอวสานของละคร ตอนสุดท้ายมายิ้มก็กลายเป็นตัวเอก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ก็อย่าลืมว่า การที่เราบึ้งมาเก้าหนก็มีผลกับตัวเรา บางคนบอกว่า เราเป็นคนดุ เป็นคนแย่ มากๆ เลย เรายิ่งต้องฟังคนอื่นวิจารณ์ ต้องมารู้จักคนอื่นอย่างถ่องแท้
ศิษย์ต้องอย่าลืมถึงแม้อาจารย์จะบอกว่า คนที่ตอนจบสุดท้ายเป็นตัวเอก แต่อย่าลืมว่าเก้าครั้งที่ทำขึ้นมาเป็นสิ่งที่เรายังบึ้งอยู่ก็ยังต้องได้รับการแก้ไข ใช่หรือไม่ (ใช่)  ในที่สุดเมื่อเอาเข้าจริงๆ คนที่ยิ้มเก้าแล้วบึ้งแค่หนึ่งครั้ง เป็นคนที่พัฒนายิ่งกว่า เพราะฉะนั้นอาจารย์ชมทั้งสองฝ่าย  แต่ถ้าให้ดีการบึ้งตึงก็เป็นสิ่งที่ควรจะระงับไป เมื่อใจเราระงับความโกรธได้หน้าตาของเราก็จะยิ้มแย้ม  วันนี้ถูกคนอื่นทำหน้าบึ้งใส่ต้องสำรวจตัวเองว่า เราเคยทำหน้าบึ้งกับใครหรือเปล่า  เรื่องในโลกลึกลับซับซ้อนกว่านั้น บางทีคนเขามาตีโพยตีพายว่าเรา เขาทำหน้าบึ้งตึงกับเราไม่มีสาเหตุ ต้องมาพิจารณาว่า เราเคยไปนินทาใครลับหลังหรือเปล่า คนเรามีปากแค่หนึ่งปาก แต่ว่าพูดตลอดเวลาและพูดในสิ่งที่ดีตลอดหรือเปล่า (เปล่า)  เรายังไม่ใช่คนที่พูดดีตลอด เพราะฉะนั้นการที่เราถูกคนอื่นบึ้งใส่ เราต้องคิดว่า เราเคยพูดว่าคนอื่นหรือเปล่า เวลาคนที่พยายามจะไม่นินทาคน อาจารย์เห็นแล้วทรมานแทน
อาจารย์จะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง  มีศิษย์อยู่คนหนึ่ง ศิษย์คนนี้มีจริงๆ อาจารย์ก็เห็นว่า เขาพยายามจะไม่พูดนินทาว่าร้ายใคร วันนี้ไปนั่งอยู่ในวงสนทนาที่มีแต่การนินทาคนอื่นพอดี เขาก็พยายามที่จะไม่พูด พอนั่งไปนานๆ เข้า เผอิญมาพูดตรงพอดีกับคนที่เขารู้สึก เขาคันปากยิบๆ คนดีที่พูดดีมาตลอด คนนี้เขาจะอดใจอยู่ไหม (ไม่อยู่)  มีอะไรให้ลุ้นไหม อาจารย์นั่งลุ้นต่อไป เขาพยายามพูดแค่นิดเดียว พูดอีกนิดหนึ่งแล้วก็เก็บคำพูด พยายามนินทาคนแบบดีๆ แฝงเจตนาเล็กๆ  อันนี้เป็นแบบที่ศิษย์ชอบทำใช่ไหม  เวลาที่พูดไปเรื่อยๆ สุดท้ายอดใจไหวไหม (ไม่ไหว)  อดทนให้มากๆ อดทนยังไม่ไหวก็อดกลั้น ถ้าอดกลั้นยังไม่ไหวก็อดใจหน่อย  เตือนสติตัวเองให้มากๆ
การที่คนอื่นพูดข้อเสียของเรามีประโยชน์ไหม (มี)  การที่คนอื่นพูดข้อเสียของเรา ถ้าเราได้ยินได้ฟังเราก็ได้แก้ไข  แต่ถ้าหากว่าการที่เราพูดข้อเสียของคนอื่นมีประโยชน์ไหม (ไม่มี)  การที่เราพูดข้อเสียของคนอื่นอยู่บ่อยๆ เป็นการทำให้เรานั้นมีวจีกรรมเพิ่มมากขึ้น บางคนอยู่ดีๆ ก็ปากแตก ลิ้นแตก เหงือกร่น ปากนกกระจอก เป็นหรือเปล่า (เป็น)  ถ้าหากบอกว่า เป็นต้องบอกว่ามีบุญที่ได้มีสิ่งที่เตือนตัวเอง จริงหรือไม่ (จริง)
คนที่มีมารยาทออกมาจากความจริงใจนั้น ถ้าหากว่าทำได้จริงๆ อันนี้เรียกว่าสุภาพชน มารยาทง่ายๆ ที่อาจารย์จะสอนในวันนี้บางคนอาจจะรู้อยู่แล้วแต่คนรู้อยู่แล้วก็ต้องเอาไปทำให้บ่อยๆ แล้วก็ฟังไว้เป็นสิ่งที่เรานั้นควรปฏิบัติ ถ้ารู้แล้วก็ฟังให้มากขึ้น
1. เมื่อเห็นคนมีความทุกข์อย่าทำตัวครึกครื้น
2. เมื่อเห็นคนเศร้าอย่าหัวเราะ ทำได้ไหม (ได้)
3. เมื่อคนเขาพูดคุยให้เรื่องส่วนตัวของเขากับคนที่เขาสนิทเราอย่าฟัง
4. เมื่อเข้าบ้านคนอื่นอย่ากวาดตามองสิ่งของๆ เขา
5. เมื่อเดินไปถึงโต๊ะทำงานอย่าแตะต้องสิ่งใดที่เป็นของเขา
6. เมื่ออยู่ในที่ที่เราไม่แน่ใจในสถานะของตัวเองให้ยืนอยู่เฉยๆ ก่อน ทำได้ไหม (ได้)  อาจารย์ให้ง่ายๆ แค่นี้
ฟังธรรมะฟังด้วยจิตใจเบิกบาน แม้ว่าฝืนใจนิดๆ ในการที่จะนั่งสองวันแต่ว่าฟังแล้วก็ได้ดีเข้าตัว ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เวลาเรากินเราก็กินแต่อาหารดีๆ ถูกหรือไม่ (ถูก)  ตอนนี้ก็ให้ใจรับสิ่งที่ดีๆ เข้าไป ดีหรือเปล่า (ดี)  ให้ใจกินอาหารบ้างอย่าให้ใจเอาแต่ฟังเพลง หรือเที่ยวแล้วก็มองแต่ในสิ่งที่ไม่ดี ใช้อายตนะไปในทางที่แปดเปื้อนทำให้ใจของเราสกปรก
ความอวดดีเป็นเบ้าหลอมแห่งความพ่าย
ความเบื่อหน่ายเป็นเบ้าหลอมแห่งความเฉื่อย
เบื่อหน่ายไหม ทำงานทุกวันจันทร์แล้วศุกร์ เมื่อไรจะเย็นสักที เมื่อไรจะเสาร์ เมื่อไรอาทิตย์ อ้าวจันทร์อีกแล้ว ไม่อยากให้ถึงเลย เป็นไหม ต้องมีความสุขกับงาน ทำงานถึงจะมีความสุข ใช่หรือไม่ แล้วทำไมเราถึงไม่มีความสุขกับงานเล่า งานที่เราทำอยู่เป็นงานที่เราชอบไหม ล้างชามทุกวันเลย งานนี้ชอบไม่ชอบ (ชอบ)  ชอบหรือไม่  ไม่ชอบล้างชามก็ต้องไปซื้อข้าวกินจะได้ไม่ต้องล้างเอง จริงหรือไม่ พอไปซื้อข้าวกินก็เสียเงิน แล้วพอกินแล้วรู้สึกเบื่อแล้วก็ไปเปลี่ยนร้านที่มันแพงกว่าเดิม ใช่ไหม
(พระอาจารย์เมตตาคนที่บ้านที่เปิดสถานธรรมอยู่ในเมืองของกาญจนบุรี)
เวลาที่สถานธรรมอยู่ที่โน่น ช่วยกันคนละไม้คนละมือ คนเดียวทำจะเหนื่อยแต่ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ความเหนื่อยจะไม่มาก ทุกคนตรงนี้มีความสามารถเป็นของตัว ความสามารถของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าหากว่าเรียกแล้วก็คือมีความชำนาญไม่เหมือนกัน เอาความแตกต่างมาเป็นสีสัน มันจะช่วยให้ทำงานร่วมกันได้อย่างดี อย่ามองความแตกต่างเป็นเรื่องที่แตกแยก ความแตกต่างคือเรื่องที่ไม่เหมือนกันแล้วมาทำงานด้วยกันถือว่าเป็นความชำนาญคนละอย่าง พอมาอยู่ร่วมกัน มันจะกลายเป็นสิ่งที่ดีมาก ฉะนั้นในแต่ละคน ยิ่งพยายามพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะด้านการพูดธรรมะ ไม่ว่าจะด้านความคิด ไม่ว่าจะเป็นด้านความใจกว้าง ทุกอย่างขอเพียงศิษย์มีใจ งานธรรมะจะอยู่กับศิษย์ จะเป็นสิ่งที่ศิษย์นั้นสามารถที่จะใช้พยุงต่อไปได้ ทำได้ไหม
(พระอาจารย์เมตตาประทานชื่อเพลงพระโอวาทที่ท่านหลันต้าเซียนให้ว่า มองใจผ่านทุกข์”)
ปกติแล้วเราจะมองความทุกข์ผ่านทางใจของเราใช่หรือไม่ เรามองอะไรก็แล้วแต่ ก็มองตามแต่ใจของเรา ใจของเราจะเอาแต่ใจ ดื้อรั้นไปทางไหน เราก็มองไปทางนั้น มองเท่าไหร่ก็ไม่เปลี่ยนไปจากใจของตัวเองเสียที ใจยิ่งไม่สู้ ทุกข์ก็ยิ่งแย่ ที่นี้ให้มองใจผ่านทางความทุกข์บ้าง ว่าผ่านมาจากทางความทุกข์นี้ ใจของเราเป็นอย่างไร
อันนี้เป็นความหมายของเพลง
วันนี้นั่งกันจนเมื่อยจนเหนื่อยแล้ว อาจารย์อยากให้ศิษย์ทุกๆ คนเป็นคนที่ดี ไม่ดื้อรั้น ศิษย์ของอาจารย์ภายใต้การบำเพ็ญของฮวั๋งเตี่ยนฉวันซือ ส่วนใหญ่จะเป็นคนเก่ง มีตำแหน่งหน้าที่ มีฐานะ ฉะนั้นความดื้อรั้นของศิษย์มันจะพุ่งพรวดเป็นทวีคูณ บางเรื่องก็ไม่ยอมกันเฉยๆ ไม่มีเหตุผล ไม่ยอมให้ความร่วมมือกันเฉยๆ มันก็เลยไปไหนไม่ได้ อาจารย์พูดอย่างนี้ อาจารย์ไม่ใช่ว่า แต่อาจารย์อยากให้ศิษย์นั้นดีขึ้น ส่วนศิษย์ทางปราณบุรีก็เหมือนกัน อย่าลืมที่อาจารย์เคยตักเตือนไว้ ปัญหานี่มาไม่หยุดไม่หย่อนเลยนะ ก็ยังจำเป็นที่จะต้องสู้กันต่อไป คนเหลือเท่าไหร่ก็สู้เท่านั้น ใครมีเหตุให้ต้องเหนื่อย ให้หยุดพัก ให้ต้องท้อ เราก็ให้กำลังใจ อาจารย์บอกแล้วว่า การพูดเรื่องไม่ดีนี่ ไม่ค่อยจะมีประโยชน์ จะบอกว่าใครไม่เก่ง ไม่สามารถมันก็ไม่มีประโยชน์ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีชีวิตอย่างทุกข์เข็ญลำบากแล้ว ขอให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขดีกว่า ส่วนศิษย์ที่อยู่ที่นี่  (พระอาจารย์เมตตาให้เรียกฐันจู่)  ยังรับแอปเปิ้ลอาจารย์ก็แสดงว่ายังตั้งใจจะดูแล สังขารไม่อำนวยก็ทำเท่าที่แรงมี เข้าใจไหม แต่ว่าอาจารย์ก็เชื่อว่าศิษย์บางคนที่เป็นคนที่อยู่ที่นี่ ก็ขอให้ ถ้าอยู่ใกล้ที่นี่ ก็มาขึ้นเรือธรรมที่นี่ บำเพ็ญที่นี่ แต่ว่าไกลที่นี่ออกไปทางตัวเมือง ก็ให้ไปสถานธรรมที่บ้านสกุลฟัง การบำเพ็ญธรรมอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน ขอเพียงแต่ว่าทุกๆ ที่ที่ศิษย์ไปมีธรรมะ ใจของศิษย์มีธรรมะอย่างเต็มเปี่ยม ธรรมะจะอยู่กับศิษย์ การบำเพ็ญธรรมจะเป็นเรื่องที่ศิษย์นั้นสามารถทำได้ตลอดเวลา
หัวหน้าชั้นลองสรุปคำว่า การปฏิบัติบูชา  แปลว่าอะไร  (การบูชาธรรมะโดยการกระทำ)  คำยังไม่ค่อยสวย คนที่สองตอบหน่อย (บูชาธรรมะด้วยการปฏิบัติที่ดี)  (พระอาจารย์เมตตาให้แอปเปิ้ลนักเรียนเบอร์2 จับแล้วท่านเมตตาถามว่า อยู่ไหม ก่อนท่านดึงกลับ แต่นักเรียนท่านนี้ยึดแอปเปิ้ลไว้แน่น)  อาจารย์บอกเพื่อให้ตั้งตัว แต่ก็ยังยึดแอปเปิ้ลอยู่ แต่ถ้าหากว่า เป็นเจ้ากรรมนายเวร เป็นเคราะห์กรรมต่างๆ เป็นกิเลสและพญามารต่างๆ เวลาดึงทีไม่บอกเลย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเวลาที่เราประคองก้าวเท้าของเราไว้ให้ดีๆ เราก็ย่อมผ่านพ้นได้ แต่ถ้าหากว่า เราประคองก้าวของเราไม่มั่นคง อย่าคิดว่าเดินแล้วจะไม่สะดุดล้ม ฉะนั้นการสะดุดล้มของศิษย์เป็นเรื่องธรรมดาหรือไม่ (ธรรมดา)  การสะดุดล้มของเราเป็นเรื่องธรรมดา คนมีร่างกายต้องป่วยต้องไข้ ถ้าคนที่บำเพ็ญอนุตตรธรรมแล้วไม่ต้องป่วยต้องไข้ดูแล้วปกติหรือเปล่า ดูแล้วก็ไม่ใช่ว่าเรานั้นจะเป็นการบำเพ็ญที่ปกติ หากว่าเราไม่ต้องเจออุปสรรคใดๆ เลย ดีทุกอย่าง เราอยากบำเพ็ญไหม มีหลายๆ คนเวลาที่มารับธรรมะก็ต้องพูดบอกว่า ดีอย่างนั้น อย่างนี้  แต่ถามว่าเวลาที่เราได้ดีทุกอย่างเราอยากบำเพ็ญหรือเปล่า เวลาที่ดีทุกอย่างกลับเป็นเวลาที่ไม่คิดถึงธรรมะเลย จริงหรือไม่ (จริง)  ฉะนั้นการที่เรามีความทุกข์บ้างมาจิ้มๆ ไชๆ มีความทุกข์บ้างมาสะกิดตัวเรานั้นเป็นเรื่องดี
(พระอาจารย์เมตตาประทานโอวาทซ้อนโอวาท)
ปฏิบัติบูชา  หมายถึง การบูชาธรรมด้วยการปฏิบัติ  ทุกวันนี้ศิษย์ของอาจารย์ทุกคนที่ขึ้นชื่อว่า ยังบำเพ็ญธรรมเป็นผู้บำเพ็ญธรรม ศิษย์ทั้งหลายมือเท้าของศิษย์ คำพูดของศิษย์ทุกๆ อย่างเป็นการกระทำ สิ่งที่เราทำนั้นจึงได้ชื่อว่า เป็นการบูชาธรรมหรือไม่  ธรรมะมีค่าเพราะมีคนเห็นค่า ธรรมะสูงค่าเพราะคนนั้นปฏิบัติ  ฉะนั้นในวันนี้ศิษย์ของอาจารย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติงานธรรม ศิษย์ของอาจารย์ซึ่งกำลังที่จะบำเพ็ญธรรม กำลังก้าวเข้าสู่การบำเพ็ญธรรม สิ่งที่ศิษย์ปฏิบัติทั้งหมดทั้งสิ้นจึงเป็นสิ่งที่เรานั้นใช้ในการบูชาธรรม  จะบูชาธรรมด้วยการที่เรานั้นโกรธเกรี้ยวบ่อยครั้งไม่ถูกแน่ อาจารย์ยังอยากเรียกร้องให้การปฏิบัติของศิษย์เป็นการปฏิบัติที่ออกจากใจจริงๆ มาจากจิตใจที่สะอาดและทำในสิ่งที่ถูกต้อง บางทีถูกคนว่า โง่ ถูกคนพูดว่า ไม่ฉลาด บางทีสิ่งที่เราทำเป็นความดี แต่กลับไม่มีคนเห็นชอบเลย ก็ถือว่า ให้ศิษย์นั้นรู้และแน่ใจ พิจารณาด้วยธรรมะเป็นเกณฑ์ว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้องตามครรลองคลองธรรมหรือไม่ พิจารณาว่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับเราเพราะอะไร เพราะการฟังมากคือ การได้กำไร คนที่เราเสวนาด้วยแม้ว่าพูดไม่ดีบ้าง หยาบบ้าง หากเราฟังมากๆ เราจะได้กำไร  หากว่าเราฟังน้อย เราจะกลายเป็นคนที่ขาดทุน แม้พูดมาไม่น่าฟัง แต่ฟังแล้วได้กำไร เอาไหม (เอา)  ฟังคำพูดที่ออกมาจากคู่อริเรายิ่งได้กำไร เอาไม่เอา (เอา)  แน่ใจหรือเปล่าว่าจะฟังเขาได้ตลอดรอดฝั่ง แน่ใจหรือเปล่าว่า จะไม่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แน่ใจหรือเปล่าว่าจะฟังรู้เรื่อง ฝึกนะฝึกนี่คือการฝึก  สิ่งที่ไม่ชอบใจยิ่งฝึกมาก ใจของเราก็ยิ่งกว้างออกไปมากยิ่งขึ้น
คนชอบซื้อที่ที่เฉพาะของตัว หารู้ไม่ว่าที่ทุกที่บนโลกนี้เราก็ไปได้ ถ้าหากว่ามีแค่ที่ของตัวก็ดูจะคับแคบ หวงไว้แต่ตรงนั้น  ถ้าหากว่าเราไม่มีที่ ที่ทุกที่ก็คือที่ที่เราเดินได้ จริงหรือไม่ (จริง)  มีคำกล่าวบอกว่า ถ้าหากว่าอยากที่จะได้ชื่อเสียงมาก จะยิ่งเสื่อมเสีย หากอยากได้เงินทองมาก ก็ยิ่งสูญเสีย รู้จักพอก็จะไม่มีอันตราย รู้จักหยุดก็จะไม่มีภัย
อาจารย์ให้ในวันนี้เกือบจะทั้งหมดเป็นคำว่า เบ้าหลอม  คือ เตาหลอม  เอาสิ่งหนึ่งเข้าไปหลอมได้อีกสิ่งหนึ่งออกมา อย่างเช่น เอาความขยันเข้าไปหลอมก็จะได้ความสำเร็จออกมา เอาการรู้จักสังเกตเข้าไปหลอมก็จะได้ความฉลาดกลับออกมา เอาบารมีเข้าไปหลอมจะได้อำนาจออกมา เอาความประมาทเข้าไปหลอมจะได้ความตายออกมา เอาความอวดดีเข้าไปหลอมได้ความพ่ายออกมา เอาความเบื่อหน่ายเข้าไปหลอมได้ความเหนื่อยออกมา เอาความไม่อดทนเข้าไปหลอมได้ความไม่สิ้นเหนื่อยออกมา ความเรื่อยเปื่อยเข้าไปหลอมก็ต้องได้ความว่ายเวียนกลับออกมา
เป็นฐันจู่ศึกษาธรรมให้มากๆ เข้าใจแล้วนำไปปฏิบัติให้มากๆ ที่นี่ถึงแม้ว่าคนมาน้อยแต่หากว่าศิษย์เป็นคนที่มีความแกร่งก็สามารถช่วยเหลือกันได้เช่นเดียวกัน อาจารย์ฝาก  ขณะนี้อาจารย์รู้สึกห่วงใยในชีวิตจิตญาณของศิษย์ทุกคนอย่างลึกซึ้ง ยิ่งศิษย์บำเพ็ญมานานปีอาจารย์ก็ยิ่งห่วง คนบำเพ็ญมานานก็ยิ่งน่าห่วง คนบำเพ็ญยิ่งดีขึ้นอาจารย์ก็คลายใจได้บ้าง หวังว่าศิษย์ทุกคนคงพอที่จะทำให้อาจารย์โล่งใจได้มากกว่าหนักใจด้วยการดูแลตัวเองให้ดีๆ มีคำพูดกล่าวว่า  ความพอใจนำมาซึ่งปัญหา  การถ่อมตนนำมาซึ่งผลกำไร  อาจารย์หวังว่าศิษย์นั้นถ้าหากอยากหากำไรให้ตนเองก็หาในทางที่ถูกต้อง คิดในแง่ดีต่อกัน ร่วมมือกัน ศิษย์แต่ละคนเป็นคนเก่งมากๆ ศิษย์ก็เป็นคนดีมากๆ เพียงแต่วันนี้พลังยังไม่รวมกัน แต่จะบอกว่าศิษย์ไม่พยายามอาจารย์ก็เห็นว่าศิษย์พยายาม แต่จงไปพยายามลงแรงกับใจของตนให้มากกว่านี้อีกหน่อย ศิษย์ทำได้อาจารย์เชื่อ อาจารย์เห็นแล้วว่าอีกคืบเดียวในความรู้สึกของศิษย์นั้น ถ้าหากว่าศิษย์ลงแรงจริงๆ ศิษย์จะมีจิตใจที่สวยงามกว่านี้มาก เมื่อศิษย์ไม่มีความทุกข์ศิษย์ก็จะมีแรงไปช่วยผู้อื่นได้มากกว่านี้ อย่ามีความทุกข์เพราะกิเลส อย่ามีความทุกข์เพราะความอยากได้ อยากเป็น อย่ามีความทุกข์เพราะความโลภ  ชาตินี้อยากบำเพ็ญเป็นชาติสุดท้ายไม่ใช่หรือ  หมดจากชาตินี้ถ้ากลับไปได้จะกลับไปอยู่กับอาจารย์ไม่ใช่หรือ (ใช่)  อาจารย์ก็รอนะ แต่ในขณะนี้ในความเป็นจริงของหลายคนมันไกล ศิษย์ของอาจารย์เป็นผู้ที่เต็มไปด้วยบุญบารมี วาสนา เพราะว่าศิษย์สั่งสมไว้มาก แต่ศิษย์ไม่มีการขัดเกลาที่ดี ไม่ได้สั่งสมคุณธรรมบารมีไว้เลย ลำพังแค่กุศลพาไปไม่ถึงนิพพาน หากว่าตัวศิษย์ยังมีกิเลสเต็มไปหมด ต้องสั่งสมคุณธรรม ขัดเกลาจิตตนเองให้สะอาดกว่านี้ พุทธะนั่งบนดอกบัวที่ยังมีจิตใจที่มีราคีติดอยู่ด้วยนั่งไม่ได้หรอก มันจะหล่นลงมาเอง แต่อาจารย์อยากให้ศิษย์ ณ ปัจจุบันนี้บำเพ็ญตัวเองให้ดี อย่างน้อยมีความสุขในทุกๆ วัน แค่มีความสุขทุกวันก็ดีแล้วใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ก็คิดว่าอย่างนั้น



พระโอวาทซ้อนพระโอวาท ปฏิบัติบูชา
    เข้าใจธรรมมากมายหลายเชิงชั้น     แต่นำกันปฏิบัติเพียงน้อยนิด
เปลี่ยนทุกทีที่อุปสรรคเข้าประชิด         การเห็นผิดเกิดแล้วยังยืนยัน
สิ่งที่เป็นเราอยู่ทุกค่ำเช้า                  คือสิ่งที่เรายึดติดถือมั่น
ในสิ่งที่เชื่อและทำตามกัน                 จงรู้ทันไม่เป็นทาสอวิชชา



[๑] นิวรณ์  :  สิ่งห้ามกันจิตไว้มิให้บรรลุความดี มี ๕ ประการ คือ ความพอใจรักใคร่
[๒] สังวร   :  ความระวัง ป้องกัน
[๓]   นิรพาน   นิพพาน

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา