西元二○○五年歲次乙酉 四月二十一日 大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ สถานธรรมฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ
พลาดครั้งหนึ่งฉลาดขึ้นครั้งหนึ่ง คนรู้ซึ่งแก้ไขไม่จมปลัก
มีปัญหาเพื่อปัญญาได้ประจักษ์ คนรู้จักตนเองไม่เคยปราชัย
เราคือ
องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่แดนโลกีย์ เคียมคัล
องค์มารดา ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง ฮวา ฮวา
รู้จักอ่อนแต่ก็ต้องรู้จักแข็ง รู้จักแกร่งแต่ก็ต้องรู้จักหยุ่น
นำแข็งอ่อนในโลกมาเกื้อหนุน ความยืดหยุ่นนำให้ปรับเปลี่ยนเป็น
เกิดมาแล้วไม่พ้นชราเฒ่า มีชีวิตใช่เพื่อเฝ้าสังขารนี้
การทำดีใช่เพื่อเป็นแค่คนดี แต่จงมีปณิธานอันยิ่งยง
เกิดมารู้ตายไปรู้ไม่เสียชาติ แปรความขลาดเพื่อจะเอาชนะหลง
ทุกที่ที่มีปัญหารู้จักปลง เดินสายตรงเพราะจิตใจแสนเที่ยงธรรม
ในวันนี้มาค้นหาชีวิตจริง ชีวิตยิ่งความประเสริฐเกินปล่อยปละ
ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องต้องชนะ แต่รู้จะยอมพ่ายเพื่อมองเห็นตน
สองวันนี้จงตั้งใจฟังธรรมะ จงสละเวลาด้วยความตั้งจิต
อย่าปล่อยให้มารราวีในความคิด จงสนิทใจด้วยธรรมนำชีวา
อายุนี้เมื่อเลยล่วงยากเรียกกลับ ขอให้รับความจริงที่ตรงหน้า
ใจอยู่กับปัจจุบันทันเวลา มีความกล้านำชีวิตยั่งยืนไป
จงรักษาพุทธระเบียบให้จงดี แลศิษย์พี่ยืนเคียงข้างคุมชั้นเรียน
ฮวา ฮวา หยุด
[๑] เทวษ หรือ เทวศ หมายถึง การคร่ำครวญ, ความลำบาก
วันอาทิตย์ที่ ๒๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ สถานธรรมฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียน ท่านหันเซียงจื่อ
มุ่งแก้ไขต้องใจเย็นดุจน้ำแข็ง เวลาอันสั้นเปลี่ยนแปลงได้ลำบาก
คนสำนึกมองเห็นตนได้ไม่ยาก เริ่มมาจากเปลือกถึงแก่นอันแท้จริง
เราคือ
หนึ่งในแปดเซียนหันเซียงจื่อ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยจื้อ แฝงกายกราบ
องค์มารดา ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ
มนุษย์นั้นไม่อาจอยู่ค้ำฟ้า ทุกชีวาจงอยู่ด้วยธรรมคติ
ความเป็นตายเกิดเมื่อไรใช้สติ คนชำนิเพียงปัญหาไม่ใช่ปัญหา
ชีพพริบตาอย่าติดโลกีย์ทั่ว ละเมามัวอยู่ที่ใจปรารถนา
อาศัยความดีชั่วตัวสร้างค่า เมื่อเกิดมาบำเพ็ญไม่เสียที
ก่อนได้ทำเลือกที่ทำอะไร เมื่อเป็นคนจงตั้งใจสง่าศรี
จงหัดทำตัวเป็นเช่นเมธี เป็นคนง่ายง่ายดีดูสบาย
คนไม่ใจเย็นท้อทำร้ายตัว คนพันพัวตื่นใจง่ายไฉน
คนทำด้วยอารมณ์ขัดกันไป ย้อนที่สิ่งในใจใดดำรง
เร่งลงมือยามนี้ที่จำนง ค่ำต้องกลายเช้าจงสู้แข็งแรง
เอาใจลงในงานสะดวกง่าย ออกแรงในเบาแรงนอกแสวง
แม้ยามค่ำโลกปัญญากระจ่างแจ้ง ธรรมของคนบ้างแล้งต้องฟื้นฟู
เวลาหน่ายก็ดูตกห้วงช้ำ แอบขำหรือน้ำตากลั้นอยู่
ย้อนมองภายในใจหลายฤดู จิตตัวรู้ไม่เคยพ่ายถาวร
ฮา ฮา หยุด
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียน ท่านหันเซียงจื่อ
ท่านเคยเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหม
(ไม่เคย) แล้วองค์พระพุทธรูปมิใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือ (ใช่)
เช่นนั้นจะบอกว่าไม่เคยเห็นได้ไหม น่าจะบอกว่าไม่เคยสัมผัสมากกว่า
อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์
แล้วอะไรที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ พอรู้ไหม
คำถามยากเกินไปหรือเปล่า ว่าอย่างไร (ไม่รู้ครับ) ปรบมือให้กับความกล้า
ในโลกนี้มีใครบ้างกล้ายืนขึ้นแล้วบอกผู้อื่นว่าเป็นผู้ไม่รู้ หาไม่ได้
แต่บางคนรู้แล้วไม่กล้าตอบก็น่าเสียดายใช่หรือไม่
จึงทำให้บางครั้งความเป็นมนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์
อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์
แล้วอะไรที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่าตอบในใจ
ให้เอ่ยปากออกมาพูดดีกว่า ว่าอย่างไร (ธรรมะ) ตอบได้ดี
ธรรมะอะไรล่ะที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ การมีความกตัญญู
มีความดีที่อยู่ในตัวของตัวเองทำให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
การที่เป็นคนมีจิตใจสูงส่ง แล้วอะไรที่ทำให้จิตใจเราสูงส่ง เป็นแค่กตัญญู
เป็นแค่คนดี เท่านั้นพอไหม พอเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ไหม (ไม่ได้)
ลองตอบดู (รู้คุณผู้มีพระคุณต่อเรา)
ผู้รู้คุณคนทำให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวได้ไหม
แล้วธรรมะอะไรยิ่งใหญ่จริงหนอที่ทำให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้
คิดไม่ออกหรือ กตัญญูก็ใช่ รู้จักสำนึกบุญคุณก็ใช่
แล้วมีอะไรอีกที่ทำให้เรารู้สึกว่าคนๆ นี้ยิ่งใหญ่จริงหนอ คนๆ
นี้ประเสริฐจริงหนอ การตอบแทนผู้มีพระคุณ เมื่อสักครู่เพิ่งฟังหัวข้ออะไรไป
(กตัญญุตาธรรม) ในสมองก็เลยมีแต่เรื่องนี้ใช่ไหม ไม่มีเรื่องอื่นเลย
อยากฟังคำตอบเราไหม (สละทางโลก มุ่งทางธรรม)
ถือว่าเป็นผู้ที่นับถือพุทธได้ไม่เสียทีเลย
เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธองค์ ยอมสละทางโลกเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น
แสวงหาสัจธรรม แต่เมื่อท่านแสวงหาเจอแล้ว มีคนเรียกท่านว่าพระพุทธเจ้าไหม
ไม่มีใครรู้ จนกว่าท่านจะเดินแล้วเอาธรรมะนี้ออกไปบอกผู้คน ใช่หรือไม่
สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นก็คือการช่วยเหลือคนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
การอุทิศชีวิตจิตใจช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจิตใจเมตตา มหาเมตตา ฉะนั้นคนๆ
หนึ่งจะเป็นพุทธะหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่ที่ว่า
ชีวิตนี้เรารู้จักเสียสละ อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือใครบ้างหรือเปล่า
แต่วันนี้เรามาศึกษาเพื่อดำเนินรอยตามการเป็นพระพุทธองค์ทั้งหมดนั้นใช่ไหม
ให้ศึกษาการเป็นพระพุทธองค์ทั้งหมดใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)
ถ้าบอกว่าใช่คนที่เป็นฝ่ายหญิงคงลำบากเพราะบวชไม่ได้
ใช่หรือไม่ อย่างมากก็บวชได้แค่ชีพราหมณ์ ส่วนคนที่เป็นฝ่ายชายบวชได้ไหม
แต่จริงๆ อยากบวชไหม ก็น้อยคนนักที่อยากบวช
แล้วบวชจนกระทั่งรู้แจ้งแล้วเอาธรรมนี้ไปช่วยคนก็ทำได้ยาก ใช่หรือไม่
ฉะนั้นวันนี้เรามาศึกษาก็เพื่อให้ท่านรู้ว่าในความเป็นมนุษย์นี้
เราสามารถเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ ในความเป็นมนุษย์ได้ด้วยการที่ทำอย่างไร
ไม่จำเป็นต้องทำหมดทั้งชีวิต แต่เอาส่วนหนึ่งของชีวิต
เอาเวลาว่างของชีวิตไปช่วยเหลือคน ไม่ต้องทั้งชีวิต
แค่ส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราว่างไปช่วยเหลือคน เอาธรรมะที่เรามี
ที่เราเข้าใจไปเมตตาคน ถ้าทำอย่างนี้ท่านว่าท่านทำได้ไหม แล้วยากไปไหม ไม่ว่าจะเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ ขอเพียงทำดี เห็นใครทุกข์เอาธรรมะไปช่วย นี่ก็คือเรากำลังฝึกจิตใจอย่างพุทธะโพธิสัตว์
ท่านคิดว่าทำแบบนี้ยากไหม
(ไม่ยาก) แล้วทำไมจึงต้องทำรู้ไหม ทำไมเราจึงต้องทำดี
ทำไมเราจึงต้องช่วยคนรู้ไหม (เพื่อให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด)
ให้ใครหลุดพ้น (ให้ตนเองและผู้อื่นหลุดพ้น) การช่วยคน
เราตั้งใจช่วยเพื่อให้หลุดพ้นตั้งแต่แรกไหม ไม่
ที่เราช่วยเพราะเราเห็นเขากำลังทุกข์แล้วเราอยากให้เขาพ้นทุกข์ใช่หรือไม่
แล้วทำไมเราถึงต้องช่วยคน (เพราะความมีเมตตาสูงส่ง เพราะมีจิตใจเมตตาสงสาร)
เพราะอะไรเราอยากช่วยคน ง่ายๆ เลย ใจของมนุษย์ทุกคนเห็นใครดิ้นทุรนทุราย
เห็นใครตกทุกข์ได้ยาก มนุษย์เราอยู่เฉยๆ เป็นไหม ในจิตใต้สำนึกเรา
เรารู้สึกว่าเขาช่างน่าสงสาร ใช่หรือไม่
ในจิตใต้สำนึกเราบอกว่าเราช่วยได้เราควรช่วย
แปลว่าโดยพื้นฐานของมนุษย์เห็นใครตกทุกข์ได้ยากช่วยได้เราจะช่วย เฉยได้
(เราจะเฉย) ทำไมช่วยได้อยากจะช่วย ทำไมเฉยได้เราจะเฉย หมายความว่าอย่างไร
จริงๆ
แล้วใจของมนุษย์ทุกคนมีความดีงามอยู่
แต่เราต้องรู้จักฟื้นฟูมันให้เกิดขึ้น ฟื้นฟูมันให้มีบ่อยๆ
เหมือนเวลาเรารู้สึกสงสารคนคนหนึ่งแล้วเราพยายามช่วยเต็มที่
ความสงสารเริ่มเติบโตขึ้น พอเราเห็นอีกคนหนึ่งเราก็ช่วยเหลืออีกคนหนึ่ง
ความสงสารเราก็ยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเราเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก เราเฉยๆ
แล้วพอเราเห็นคนตกทุกข์ได้ยากเราก็เฉยๆ ยิ่งเฉยเข้าทุกวัน เฉยเข้าทุกวัน
ต่อไปเห็นคนตายอยู่ตรงหน้าเรากลับเฉยๆ ถ้าเกิดเราไม่เคยคิดที่จะสงสาร
พอคนตายอยู่ต่อหน้า ก็เขาตายเราไม่ได้ทำ
ฉะนั้นความดีในตัวท่านมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือเรียกบ่อยๆ มันก็มา
แต่ถ้าไม่เรียกมันเลย มันก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น จริงนะคิดให้ดีๆ
วันนี้เราศึกษาธรรมเพื่อฝึกจิตสำนึกแห่งความดีงามที่อยู่ในตัวตนให้มีคุณภาพ
ให้ออกมาสร้างความดีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ให้ออกมา
ทำความดีเพื่อไม่ให้ตนเองเป็นคนเห็นแก่ตัว ปลุกมันขึ้นมาดีไหม
หรือจะปล่อยให้เป็นคนใจไม้ไส้ระกำ จะปลุกหรือไม่ปลุก ฟังธรรมะมีความสุขไหม
ความพอใจของเราคือมีเงินแล้วมีสุข
เที่ยวแล้วมีสุข มีคนรักแล้วมีสุข
แต่เคยมีไหมที่จะนิยามในใจว่า “ขอเพียงมีธรรมะในจิตเราก็มีสุขได้” ขอเพียงชีวิตสงบ
ราบเรียบไม่มีอะไรมากระทบแค่นี้ก็สุขได้ ไม่ค่อยมีในนี้ใช่ไหม
ไม่ค่อยมีนิยามในใจ มีเงินแล้วสุขมากไหม คิดว่ามีไหม มีแต่ไม่แท้จริง
มีความสุขเหมือนกันแต่เป็นสุขไม่ถาวร ใช่หรือไม่ สุขตอนที่อยู่กับเรา
แต่ทุกข์ตอนที่ไปอยู่กับคนอื่น ใช่หรือไม่ ท่านเคยได้ยินไหมว่าอยู่ในโลกนี้
ก่อนจะได้อะไรมาต้องสูญเสียบางอย่างไป ก่อนจะได้เงินมา ท่านต้องเสียอะไรไป
ยอมเสียแรง เสียกำลัง เสียความสามารถจึงจะได้เงินมา ถูกไหม
แต่บางครั้งหนทางที่กว่าจะได้เงินมา บางทีไม่ใช่แค่เสียแรง
แต่เรายังเสียความเป็นคนไปด้วย จริงไหม อย่างเช่นอะไร เสียความซื่อสัตย์
เสียคุณธรรมในใจ ใช่หรือไม่
อย่างเช่นเราขายข้าว
ข้าวใหม่ข้าวเก่า เรารู้แต่บางครั้งข้าวใหม่มันน้อย ข้าวเก่ามันเหลือเยอะ
เอาผสมรวมๆ กันแล้วบอกว่าเป็นข้าวใหม่ ใช่หรือไม่ ฉีดยาฆ่าแมลงไหม (ไม่ฉีด)
โกหกไหม (โกหก) แต่เพื่อจะได้ขายตอนนี้ มันกำลังออกได้ดี
คนกำลังปลูกยังไม่ได้ แต่เราปลูกได้ เราขายไป
ทั้งที่ขายตอนนี้คนกินต้องมีอันตราย แต่เราอยากได้เงิน
เรายอมขายข้าวแล้วเรายังขายความเป็นคนในตัวเราด้วย จริงไหม
ความเป็นคนอะไรที่เราขายไปด้วยเพื่อให้ได้เงินมา นอกจากซื่อสัตย์แล้วอะไร
(ศักดิ์ศรี เสียเพื่อน)
เหมือนเรามีเงินร้อยบาท
เราอยากได้อีกสองร้อยบาท เราจะทำอย่างไร เราก็โกหกเพื่อนบอกว่า
เธอเอามาให้ฉันร้อยหนึ่ง พรุ่งนี้ฉันจะปั่นให้มันเป็นสองร้อย แต่พอถึงเวลา
เอามาแล้ว ปั่นไม่ได้ เราก็เลยบอกว่า อ้อมันยังไม่สำเร็จ โกหกไปอีก
แล้วเราก็โกหกไปอีกจนเงินสองร้อยเราใช้ไปเรียบร้อยแล้ว
เราได้เงินมาแต่เราเสียอะไรไป (เสียศีลธรรม ความซื่อสัตย์ เสียสัจจะ
เสียความบริสุทธิ์ทางกายและทางใจ เสียความรู้สึกในใจที่ดีๆ เสียคุณธรรม)
อย่างเช่นวันนี้อาจารย์ให้การบ้านมา เราไม่ได้ทำเอง
ตื่นเช้ามาเดี๋ยวไปลอกเพื่อน พออาจารย์เห็นการบ้านเราอยู่บนเล่มแรกสุด
โอ้ทำได้ดีจริงๆ ทำเองไหม เราไม่อยากเสียหน้า เราเลยบอกอาจารย์ว่าหนูทำเอง
เพียงเพราะไม่อยากเสียหน้าแต่เราเสียอะไรไป (เสียสัจจะ เสียความเชื่อใจ
ขาดความไว้วางใจ เสียใจ)
เสียทรัพย์สิน
เสียความบริสุทธิ์ เรารู้อยู่แล้วว่าท่านเสียทรัพย์สิน
ทรัพย์สินทำให้เราเสียความเป็นคนไหม
ถ้าเราเสียเงินแล้วทำให้เราเสียความเป็นคนไหม (ไม่เสีย)
ต้องดูว่าเงินนั้นท่านไปเสียอะไร ถ้าเงินนั้นท่านไปซื้อการพนัน
เสียความเป็นคนไหม (เสีย) ถ้าท่านตอบแบบนี้ เราจะตอบว่าท่านตอบถูกต้อง
เอาเงินไปเสียการพนันถือว่าเสียความเป็นผู้เป็นคนได้ เอาเงินไปซื้อเหล้า
เสียไหม (เสีย)
อยู่ในโลกจะได้อะไรมาง่ายๆ
เป็นไปได้ไหม บางครั้งเราต้องยอมเสียเพื่อได้มาใช่หรือไม่ (ใช่)
เหมือนวันนี้กว่าจะได้ธรรมะ หรือกว่าจะได้ฟังธรรมะ เราต้องยอมเสียอะไร
เสียรายได้ที่ควรจะได้ใช่หรือไม่ เสียเวลาที่น่าจะได้พักผ่อนกลับต้องมา
นั่งลำบาก เราถามท่านต่อว่าหากมีชีวิตกับมีทรัพย์สิน
เพื่อให้ได้ทรัพย์สินแต่ต้องสูญเสียชีวิตเอาไหม (ไม่เอา)
เพราะเราต้องเลือกชีวิต ชีวิตสำคัญกว่าทรัพย์สินใช่หรือไม่ (ใช่)
ถ้าเราถามท่านต่อว่า ระหว่างชีวิตกับคุณธรรม เราเลือกอะไร
ใครเลือกชีวิตยกมือขึ้น ใครเลือกคุณธรรมยกมือขึ้น
เราถามคนที่เลือกคุณธรรมนะ ทำไมถึงยอมทิ้งชีวิตเพื่อรักษาคุณธรรม
ชีวิตถ้าหากเทียบกับคุณธรรม คุณธรรมเป็นสิ่งที่ล้ำค่าประเมินค่าไม่ได้
ถ้ามีอะไรมาแลกกับชีวิตแล้วเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิต
และสูงส่งกว่าชีวิต ทำไมเราไม่ยอมแลก
ดูง่ายๆ
พระพุทธเจ้า เพื่อความเมตตามหาเมตตา ชีวิตที่เสวยสุขได้
ท่านกลับไม่เสวยสุข ท่านกลับยอมลำบากเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นถูกหรือไม่
ถ้าท่านเห็นว่าชีวิตไม่สำคัญ ชีวิตนั้นมีสุขดีกว่า
ทำไมต้องลำบากเพื่อผู้อื่น
แปลว่าท่านเห็นคุณค่าคุณธรรมสำคัญยิ่งกว่าชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)
ท่านลองคิดให้ดีๆ
นะ หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ของจีนโบราณท่านกวนอู
ที่ท่านตายเพื่อรักษาสัจจะใช่หรือไม่ (ใช่)
ถามว่าท่านมีเพื่อนคนหนึ่งมีความซื่อสัตย์มากแม้จะตาย
ก็ยอมตายเพื่อความซื่อสัตย์ ดีกว่ากลายเป็นคนโกหก โป้ปดมดเท็จ
ตัวท่านก็เหมือนกัน ถ้าถึงเวลาที่จะต้องเลือกระหว่างชีวิตกับความดี
ทำไมไม่ทำดี ทำไมยอมเสียความเป็นคนดีเพื่อมีชีวิต
ถ้าท่านมีแฟน
แล้วแฟนท่านกลับกลายเป็นคนที่ยอมเสียความเป็นคนเพียงเพื่อจะมีชีวิต
ยอมผิดคำพูดเพื่อจะมีชีวิตอยู่ ท่านจะรักไหม
มีคนบอกผู้ชายคนหนึ่งว่าถ้ารักผู้หญิงคนนี้ท่านต้องตาย ผู้ชายคนนี้บอกทันที
ไม่รัก ถึงผู้ชายคนนั้นจะรอดกลับมา
ท่านคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะรักผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจเหมือนเดิมไหม เพราะอะไร
ท่านก็เลือกชีวิต ท่านโกรธเขาไหม ท่านโกรธเขาได้ไหม ถึงเวลา เงินกับลูก
แม่เลือกเงินมากกว่าลูก โกรธไหม หัวอกความเป็นลูก (โกรธ) ทำไมจึงโกรธล่ะ
เพราะอะไร เพราะแม่เห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่ถ้าคิดให้ดีๆ เพราะแม่มีเงินจึงช่วยชีวิตลูกต่อได้
อันนี้ต่างกันนะถูกหรือไม่ (ถูก) แต่ถ้าฝ่ายหญิงมีแฟน
ปรากฏว่าผู้หญิงคนหนึ่งเขาก็รักแฟนของท่านเหมือนกัน
ผู้หญิงคนนั้นถามแฟนท่านว่า รักเขาไหม ถ้ารักเขาต้องตาย
เขาบอกว่าไม่รักเกลียดมันอย่างกับอะไรดี รอดมาแล้วท่านรักเขาไหม (ไม่)
เพราะอะไร เพราะเขารักชีวิตเขามากกว่ารักเรา แต่ทำไมถึงที่สุดมนุษย์กลับเลือกชีวิตมากกว่าคุณธรรม
เลือกตัวเองมากกว่าที่จะช่วยเหลือผู้อื่น แต่ท่านลองคิดดูนะ
ถ้าเรามีชีวิตอยู่ เรามีชีวิตเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง คนนั้นแม้จะตายไป
เขาก็ไม่ตายไปจากหัวใจเรา คนนั้นจะมีชีวิตอยู่จนกระทั่งเราตายไปด้วย
หรือแม้แต่เราตายไป คนคนนั้นก็ยังชื่ออยู่บนโลก ฉะนั้นขอให้ท่านคิดให้ดีๆ
ระหว่างคุณธรรมกับชีวิต เหมือนวันนี้มาฟังธรรมะกับกลับบ้านไปนอนตีพุงอยู่ที่บ้าน
ดูทีวีอยู่เฉยๆ เราเลือกอะไร (ฟังธรรมะ)
ถ้าพรุ่งนี้มีอีกเลือกไปบ้านหรือมาฟังธรรมะ (มาฟังธรรมะ) ทำไมพอถึงเวลาจริงๆ
มนุษย์กลับเลือกความสบายมากกว่าคุณธรรมที่สูงส่งในจิตใจ
คุณธรรมที่สามารถยกระดับให้มนุษย์เป็นคนประเสริฐ ใช่เพราะเห็นแก่ตัวหรือ
บางทีก็อาจจะไม่ใช่ เพราะเราไม่ค่อยฝืนอารมณ์ความรู้สึก เพราะคิดว่ามานั่งฟังธรรมะนี้ต้องลำบาก
ต้องอดทนใช่หรือไม่ (ใช่) เราก็เลยไม่อยากลำบาก
ไม่อยากต้องอดทนเลยขออยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่าใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นถึงเวลาต้องเลือกเดิน
ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ขอให้คิดให้ดีๆ ถ้าสิ่งนั้นคือธรรมะ
ถ้าสิ่งนั้นคือความดี ทำไมเราไม่ยอมเสียเพื่อให้ได้มา
ทำไมเราจึงยอมทิ้งเพื่อหมดคุณค่าของคนไป
เราอยู่ในโลกนี้เคยทำผิดไหม
(เคย) ใครที่เคยทำผิดยกมือขึ้นสิ เราอยากบอกท่านว่า
คนที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับว่าตัวเองทำผิด ถือว่ามีดี
แต่เมื่อรู้ว่าทำผิดแล้วต้องแก้ไขด้วย
จึงจะเรียกว่าดีนั้นทำให้เราเป็นคนประเสริฐ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ไม่ใช่ทำผิดแล้วมีแต่แก้ตัว แล้วก็ผัดวันไม่แก้ไข เช่นนี้ย่อมยากจะดีได้
ถูกหรือไม่ (ถูก) อย่างนั้นเราถามท่านหน่อยนะ
ว่าที่เราทำดีเราทำดีเพราะอะไร มีคนสองประเภท
คนหนึ่งทำเพราะว่าละอายและเกรงกลัวต่อบาป
คนหนึ่งทำดีเพราะว่าอยากทำให้ตัวเองมีดีแล้วดียิ่งๆ ขึ้น
เพราะเคยผิดครั้งหนึ่งแล้ว ต่อไปก็จะทำดีเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองผิดอีก
แต่คนประเภทที่สามที่ทำดีเพราะว่าไม่อยากถูกตัวบทกฎหมายลงโทษ
คนไหนน่ากลัวที่สุด (คนที่สาม) ทำไมบอกว่าคนที่สามน่ากลัวที่สุด
คนที่ทำดีเพราะว่ากลัวบทลงโทษ คนที่ทำดีแล้วไม่กล้าทำชั่วเพราะว่ากลัวถูกตี
คนเช่นนี้ยังไม่อาจเรียกว่าคนดีได้ เพราะถ้าเกิดไม่มีคนเห็น ไม่มีคนรู้
ไม่มีคนฟ้อง คนเช่นนี้ก็อาจจะแอบทำได้ ใช่หรือไม่ แล้วถ้าใครไปฟ้อง
เราก็จัดการซะ คนที่แค่กลัวบทกฎหมายลงโทษ กลัวถูกตี
คนนี้ไม่อาจเรียกว่าคนดีได้ คนที่ดีต้องดีจากจิตใต้สำนึกในใจ
คนที่ดีเพราะละอายเกรงกลัวต่อบาป คนที่ดีเพราะอยากรักษาความดี
คนประเภทนี้ไม่ว่าอยู่ต่อหน้า อยู่ลับหลัง มีคนเห็นหรือไม่เห็น
เขาก็จะไม่ทำผิด ถูกหรือไม่ คนเช่นนี้อยู่ด้วยแล้วปลอดภัยกว่า
แต่ถ้าไปอยู่กับคนที่ทำเพราะว่ากลัวถูกลงโทษ คนเช่นนี้น่าอันตราย
ใช่หรือไม่ เพราะถ้าเขามีปัญญาก็คงหาทางหลีกเลี่ยงตัวบทกฎหมาย
หาทางพูดแก้ตัว อย่างเช่นผมไม่ผิดนี่เพราะอย่างนี้ เพราะอย่างนั้น
หรือไม่ก็หาพยานมา
ฉะนั้นเราอยากจะมีดี
เราต้องมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ถ้าคนคนหนึ่ง ไม่ละอายเกรงกลัวต่อบาป
คนๆ นั้นยากจะเป็นคนดีได้ ใช่หรือไม่ แต่เราอยากจะบอกท่านอีกอย่างหนึ่งว่า
คนที่รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาปคือคนที่เคารพตนเอง
แต่คนที่ทำดีเพราะว่ากลัวกฎหมายลงโทษ คนนั้นคือคนแค่เคารพกฎหมาย
ฉะนั้นคนที่รู้จักรักษาความดีก็คือคนที่รู้จักเคารพคุณค่าของตัวเอง
เมื่อไรที่ทำชั่ว เมื่อนั้นเขาก็คือคนที่ไม่เคารพตัวเอง
ฉะนั้นเมื่อไรเราทำชั่วแล้วโดนคนดูถูก อย่าไปว่าเขา
เพราะตัวเองไม่เคารพตัวเองก่อน เพราะตัวเองตีค่าตัวเองให้ต่ำก่อน
คนอื่นจึงดูถูกเอา ใช่หรือไม่
เราเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่ง
มีอาจารย์คนหนึ่งพยายามประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ศิษย์คนนี้ให้จบไปแล้วต้องได้ดี
แต่ทุกวันสอนแต่ความดี ทุกวันมีแต่เรื่องดีๆ แต่พอออกไปข้างนอก
ศิษย์ของเขาก็เจอคนบอกว่า โอ๊ยดีไม่เห็นดีเลย ทำชั่วดีกว่า
แต่อาจารย์สอนแต่ให้ทำดีนี่ วันหนึ่งเขาก็กลับไปหาอาจารย์แล้วถามอาจารย์ว่า
ผมทำชั่วได้ไหม อาจารย์ตอบว่า ได้ สอนมาแทบแย่
แต่พอศิษย์ถามอาจารย์ว่าผมทำชั่วได้ไหม อาจารย์บอกว่าได้
แต่ว่าต้องไม่มีใครเห็น แม้กระทั่งตัวเองก็ต้องไม่เห็นด้วย เขาก็ออกไป
ดีใจได้ชั่วบ้างแล้ว ทุกวันอาจารย์สอนแต่ให้ทำความดี แล้วก็ทำดี
วันนี้อยากชั่วบ้าง แต่ทำอย่างไรตามันก็ต้องเห็น ใช่ไหม
เขาก็คิดได้อย่างหนึ่งคือต้องปิดตา แล้วทำชั่วอะไรดี ปิดตาขโมยเงิน
ท่านว่าลำบากไหม แต่เขาฉลาดกว่า คิดก่อนตอนเปิดตา เดินกี่ก้าวไปถึงโต๊ะ
เดินกี่ก้าวหลบโต๊ะพ้นแล้วออกจากบ้านได้ เขาก็คิดคำนวณเรียบร้อย
ถึงเวลาเริ่มปฏิบัติการ ปิดตาก่อน พอปิดตาคำนวณ สามก้าวถึงโต๊ะ
สี่ก้าวถอยออกมาแล้วพ้นโต๊ะ แต่เขาลืมคิดไปว่าพ่อ แม่อยู่หรือเปล่า
เผอิญก่อนที่เขาจะไปขโมย แม่เอาเก้าอี้มาวางไว้ข้างๆ โต๊ะ
ด้วยความที่เขามองแต่ตัวเองว่าวันนี้จะต้องทำชั่ว ก็ปิดตา
ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้สถานการณ์นั้นเปลี่ยนไป สามก้าวถึงโต๊ะ
สี่ก้าวถอยหลังพ้นโต๊ะ พอมีเก้าอี้สามก้าวจะพ้นโต๊ะไหม (ไม่พ้น)
คราวนี้เขาก็จัดแจงปิดตา
ดูแล้วว่าพ่อแม่ไม่อยู่แน่ เดินไปสามก้าว
ยังไม่ทันถึงสามก้าวสะดุดเจอเก้าอี้ล้มหน้าคะมำได้แผลมาหนึ่งแผล
โอ๊ย! ทำไมมีเก้าอี้นะ ลุกใหม่ อ๋อ โต๊ะยังอยู่ตรงนี้ เดินไปอีกสองก้าว
หยิบเงินมา หยิบมาเสร็จเดินออกมา อ๋อมีเก้าอี้ พ้นมาเรียบร้อยแล้ว
ได้มาแล้วเงิน พอเปิดตาออกมาดู เป็นอย่างไร เจอแม่ยืนอยู่ ลูกทำอะไร
กลัวไหม แต่เผอิญโชคดีที่ใบที่เขาหยิบนั้นเป็นใบเสร็จ
คนนี้นี่ทำชั่วไม่ค่อยขึ้นเลยนะ เขาเลยบอกว่า ผมกำลังเล่น
คิดว่าเขาจะตอบแม่ว่าอย่างไร จะบอกว่าผมกำลังเล่นหรือจะพูดความจริง
ถามท่านนะ จะพูดความจริงหรือจะพูดโกหก นิทานนี้ยังไม่จบนะ
ถามท่านก่อนถ้ามีคนจับได้ท่านจะพูดความจริงหรือจะพูดโกหก (พูดความจริง)
พูดความจริงกับแม่ว่า (ไปขโมยเงิน) เลือกที่จะพูดความจริง (พูดโกหก)
โกหกว่า (กำลังปิดตาอยู่) ตอนแรกจะโกหกว่าลูกกำลังทำอะไร
(โกหกว่าจะไปเดินเล่น) แล้วเอาใบเสร็จแม่ไปทำอะไร แล้วทำไมต้องปิดตา
(เพราะมันสว่างเกินไป) ตอบแล้วรู้สึกดีไหม (ไม่ดี)
เราจะบอกให้นะว่า คนไหนมีชีวิตไม่สามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้
คนนั้นจะเจอกรรมทันตาเห็น เกิดเป็นคนความซื่อตรงต้องรักษาให้ยิ่งชีวิต
ถ้ารักษาไม่ได้ชีวิตนี้ก็ยากจะมีความสุข ยอมรับไปเถอะ
ผมอยากลองทำบาปดู แต่รู้แล้วว่าทำบาปแล้วรู้สึกไม่ดี
พอถึงวันรุ่งขึ้นเขากลับไปที่โรงเรียน
แม่เขาจะตามไปที่โรงเรียนเพราะไปดูว่าอาจารย์สอนอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)
เวลาเราทำผิดไม่ใช่ตัวเราเองเดือดร้อนคนเดียว
คนที่อยู่รอบข้างก็พลอยเดือดร้อนไปด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)
อย่าคิดนะว่าเราทำบาปแล้วพ่อแม่ไม่กลุ้มใจไม่เสียใจ
คนที่สอนเราไม่เดือดร้อน อาจารย์สอนผิดไหม (ไม่ผิด) อาจารย์สอนไม่ผิด
ศิษย์คนนั้นจะรู้ซึ้งเลยว่าในโลกนี้ทำบาปไม่ให้ใครเห็นได้ไหม (ไม่ได้)
เราปิดตาตัวเองแล้ว ไม่เห็นแล้วนะ ถามจริงๆ เราเห็นไหม (เห็น)
ปิดตาเราก็ยังเห็น หรือแม้กระทั่งปิดตาเราแล้วเราไม่เห็น แต่คนอื่นเห็นไหม
เห็นแล้วทำทำไม
แต่เพราะอะไรอาจารย์จึงสอนบทเรียนนี้
มนุษย์เรานี่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
ฉะนั้นพูดส่งไปเลยดีไหม ใครอยากตาย ไปเลยไปตาย ลูกอยากชั่ว ไปเลยลูกไปชั่ว
ได้ไหม (ไม่ได้) แต่เราต้องรู้จักสอนและรู้จักชี้นำในทางที่ถูก
สอนแบบนี้แล้วศิษย์คนนั้นกลับมาเจออาจารย์แล้วถามว่า “อาจารย์มันทำได้ที่ไหนล่ะ
ทำให้ไม่มีคนเห็นผมยังเห็นเลย ปิดตาผมก็ยังเห็น”
แล้วอาจารย์ก็ยิ้มแล้วตอบศิษย์ว่า “ก็รู้นี่” แต่ถ้าอาจารย์บอกศิษย์เชื่อไหม
(ไม่เชื่อ) อาจารย์ห้าม ศิษย์เชื่อไหม (ไม่เชื่อ)
ฉะนั้นอาจารย์บอกแบบนี้ศิษย์จะได้รู้ว่าอะไรคือความดี อะไรคือความชั่ว
มนุษย์เราถ้าไม่ได้ทำอะไร คนนั้นดูเป็นคนดีจัง
แต่ถ้าเมื่อไรทำสิ่งใดสักอย่าง ความดีเริ่มลดลง เพราะอะไรดีจึงลด
เราอยู่เฉยๆ เรารู้จักเพื่อนคนหนึ่งเห็นเขาทั้งตัวทั้งตนเรารู้สึกว่าเขาดี
แต่ถ้าเกิดยิ่งคบกันไปนานๆ ทำไมเราเริ่มเห็นข้อไม่ดี
นั่นแปลว่ามนุษย์ถ้าไม่ทำอะไรเลยสามารถเป็นคนดีที่แท้ได้จริงหรือไม่
เราอยากบอกว่าจริง ถ้ามนุษย์ไม่ทำอะไรเลยมนุษย์ก็เป็นคนดีได้
แต่ในความเป็นจริงของมนุษย์เราอยู่เฉยๆ ได้หรือไม่ (ไม่ได้) ฉะนั้นเราต้องมีการกระทำอยู่ตลอดเวลา
ช่วงที่กระทำขอให้คิดหน่อยว่า
ทำแล้วตัวเองได้ประโยชน์แล้วคนอื่นเดือดร้อนไหม
ถ้าทำแล้วตัวเองได้ประโยชน์แต่คนอื่นเดือดร้อนขอให้คิดก่อนทำ
ถ้าทำแล้วตัวเราไม่ได้ประโยชน์แต่คนอื่นได้ประโยชน์ทำไหม (ทำ)
ฉะนั้นชั่วขณะที่เราทำขอให้คิดหน่อยนะ ถ้าเกิดว่าทำแล้วเขาก็ได้
เราก็ได้ทำไปเถอะ แต่ถ้าเกิดว่าเขาได้แต่เราเสียเอาไหม
โดยพื้นฐานมนุษย์ไม่เอา ใช่หรือไม่
แต่การเกิดเป็นคนบางครั้งต้องยอมเสียจริงไหม (จริง)
อย่างเช่นที่เราทำมาแทบตายเราทำเพื่อลูกไม่ใช่หรือ แล้วยอมทำไหม (ยอม)
แต่บางครั้งเราทำแล้วเพื่อผู้อื่นทำไมไม่ยอมบ้างล่ะ ทำแล้วได้เป็นคนเมตตา
ทำแล้วได้เป็นคนรู้จักให้ ไม่เป็นคนที่ตระหนี่ถี่เหนียว
ทำไมไม่ทำใช่หรือไม่ (ใช่)
อยู่ด้วยกันถ้าเกิดว่าคนนี้มีแต่ทำเพื่อตนเองแต่ไม่เคยเผื่อแผ่เพื่อผู้อื่น
คนนี้เราก็ไม่อยากคบ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ชีวิตของมนุษย์ทุกคนต้องก้าวเดินไปข้างหน้า
ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เมื่อก้าวไปแล้วเราต้องรู้จักว่าตอนใดควรหยุด
ตอนใดควรพอ ถ้าเกิดว่ามีชีวิตเอาแต่ก้าวเดินไปข้างหน้า
แต่ถึงเวลาหยุดไม่รู้จักหยุด ถึงเวลาพอไม่รู้จักพอ
การที่ทำแบบนั้นสักวันหนึ่งจะทำให้ตัวเองต้องทุกข์
และต้องรู้จักหยุดสักทีใช่หรือไม่ (ใช่)
เราเปรียบเทียบตัวอย่างง่ายๆ
ชอบฟังนิทานใช่ไหม (ใช่) อย่างนั้นเราเล่าให้ฟังอีกเรื่องหนึ่ง
อายุมากขนาดไหนฟังนิทานก็เข้าใจง่ายกว่าใช่ไหม (ใช่)
ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนแต่ไม่ค่อยจะตกสักเท่าไร
ช่วงฤดูฝนถ้าเข้าป่าจะเก็บอะไรได้ดี (เก็บเห็ด) นอกจากเก็บเห็ดแล้ว
ถ้าเจอป่าไผ่ล่ะ เก็บอะไรได้ดี (หน่อไม้) มีชายคนหนึ่ง
บ่ายคล้อยแล้วออกไปเดินเที่ยว ปรากฏว่าเดินเข้าไปเจอกับป่าไผ่
ต้นฤดูฝนป่าไผ่จะออกหน่อไม้เยอะใช่ไหม (ใช่)
พอเดินเข้าไปก็เจอหน่อไม้เต็มไปหมดเลย แต่ตอนนี้บ่ายเกือบจะค่ำแล้ว
ถ้ากลับบ้านไปเอามีดมาตัดหน่อไม้ก็คงไม่ทันแน่ ทำอย่างไรดี อารามกำลังดีใจ
มีดไม่มียังมีมือ แถมมีสองมืออีกต่างหาก มีดไม่มีมือก็ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)
เอามือขุด แล้วก็แงะมันออกมา กว่าจะแงะได้ทีละอันยากไหม
ใครเคยตัดหน่อไม้บ้าง ยากไหม ตัดยากนะ แต่ถ้าใช้มือยิ่งยากใหญ่
ยอดแล้วยอดเล่ากว่าจะได้แต่ละยอดนี่ลำบากไหม แต่อารามที่ดีใจอยากได้
มือเด็ดจะได้สวยไหมแต่ละยอด บางทียังไม่ทันถึงโคนก็เด็ดได้แค่นิดเดียว
แต่ด้วยความที่ว่าถ้ากลับไปเอามีดแล้วเดี๋ยวกลัวค่ำ
แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วมีคนตัดก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)
ก็เลยมีแรงเท่าไรเด็ดให้หมด มีเท่าไรก็หาๆ แต่ทำอย่างไรได้
ยิ่งหาก็ยิ่งเหนื่อย ค่ำก็ค่ำแล้ว แต่ด้วยความอยากได้ เด็ดมาได้ทำอย่างไรดี
ไม่มีอะไรใส่ เด็ดมากๆ คันไหม แต่ตอนนั้นลืมคัน เด็ดได้เท่าไรยิ่งดี
ได้เงินเยอะ ขายแล้วได้ราคาดีใช่หรือไม่ (ใช่) พอเด็ดได้มากก็หิ้ว
ถอดเสื้อออกมาใส่หน่อไม้ กางเกงมีกี่กระเป๋าก็ซุกหน่อไม้เต็มตัวไปหมด
ตรงขอบกางเกงก็ซุกหน่อไม้ ซุกเต็มตัวเดินๆ ไปกว่าจะกลับบ้านมืดไหม (มืด)
ยิ่งมืดแล้วถือของพะรุงพะรังอีก เดินยังไม่ทันถึงบ้านล้มตึง ไปหลายตลบ
พอถึงบ้านเหนื่อยสายตัวแทบขาด กว่าจะได้หน่อไม้มาเท่านี้
แต่พอดูหน่อไม้แต่ละยอดตัดไปตัดมาเหลือแค่นี้ แบ่งไปแบ่งมาเหลือแค่นี้
ขายได้ไม่พอกิน กลายเป็นเอามากินมากกว่าเอามาขาย
พอรุ่งขึ้นต้องไปซื้อยามารักษาอาการคัน นิทานเรื่องนี้จบแล้วนะ
ได้อะไรจากนิทานเรื่องนี้ไหม ได้ธรรมะอะไรจากเรื่องนี้
มนุษย์นั้นบอกว่าชีวิตต้องไปหาเงิน แต่เวลาหาแล้ว มีใครไหม
หาแล้วไม่หลงเงิน ไม่หลงโลภ ไม่มีใช่หรือไม่
เราอยู่ในโลกนี้แสวงเพื่อบำรุงเลี้ยงชีวิต
ใช่หรือไม่ แต่ไม่ใช่แสวงจนตาย ต้องรู้จักหยุด รู้จักพอ
แล้วก็รู้จักประเมินตัวเอง ประมาณตัวเอง
ไม่ใช่หาจนทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นทุกข์ หาแล้วทำให้ตัวเองต้องลำบากทีหลัง
ใช่หรือไม่ เวลาเราหา หาอย่างไรที่หาอย่างพอดี หาแล้วไม่เป็นการโลภจนเกินไป
มีใครบ้างที่อยู่ในโลกนี้แสวงหาแล้วรู้จักพอ
ตอนไหนชีวิตที่ควรรู้จักพอ ตอนตายแล้วค่อยพอหรือ
บางทีจะตายอยู่แล้วยังห่วงอยู่อีก ใช่หรือไม่ บอกว่าเงินอยู่ตรงโน้นนะ
เงินอยู่ตรงนี้นะ อย่างนี้เรียกว่าคนปลงได้ไหม เหนื่อยจนตาย ใช่หรือไม่ ฉะนั้นบางครั้งต้องรู้จักหยุด ต้องพอบ้าง ตอนไหนที่เราควรพอ
หาเช้ายันค่ำ ใช่ตอนตายถึงจะพอหรือ หมดแรงทำถึงจะพอหรือ
ทำตั้งแต่เช้ายันค่ำไม่เคยนอนพัก ค่ำเสร็จตอนเช้าทำต่อ
ตอนเช้าเสร็จทำต่อยันค่ำ ตอนไหนกันแน่ที่ควรพอ อย่ารอตอนตายแล้วค่อยพอ ตอนเป็นต้องรู้จักพอก่อน แล้วเราจะไม่เหนื่อยจนตัวตาย
หากวันนี้ทำงานมาทั้งวัน
เหนื่อยก็หยุดเสีย เมื่อไรเหนื่อยจงหยุด เมื่อไรเหนื่อยจงพอ
เราก็รู้ตอนไหนเหนื่อย ไม่ใช่เหนื่อยแล้วก็ยังทำไปอีก
เงินที่หามาได้ก็กลายเป็นค่ารักษา ฉะนั้นมีชีวิตอยู่แสวงหาได้ แต่หาแล้วต้องรู้จักพอเป็น รู้จักหยุดเป็น ไม่อย่างนั้นการแสวงหาจะฆ่าเราตายทางอ้อม
เรื่องสุดท้ายก่อนที่เราจะจากกัน บางท่านนั่งฟังมาจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าธรรมะคืออะไรใช่ไหม เราอยากบอกว่าทุกชีวิตต่างมีธรรม
ธรรมคือความเป็นจริงของชีวิต คนทุกคนมีเกิดแก่เจ็บและตายอยู่ในตัวตนทุกคน
ในเกิดแก่เจ็บตายนั้นเป็นธรรม เรามีธรรมอยู่ทุกขณะ ผมเรามีธรรมไหม
(มี) เนื้อเรามีธรรมไหม (มี) ถ้ามีคำว่าเกิดแก่เจ็บตาย
ทุกสิ่งคือมีธรรมหมด แต่เราจะมีแค่มีธรรม
หรือมีธรรมแล้วทำให้เราเป็นผู้ประเสริฐ
มีธรรมแล้วทำให้เราหลุดพ้นการเกิดตาย แล้วธรรมอะไรล่ะที่มากกว่า
และทำให้เราเป็นผู้ประเสริฐและหลุดพ้นการเกิดตายได้ นั่นก็คือความเมตตา
ความซื่อสัตย์ ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีไหมในตัวท่าน
มีแต่ไม่ค่อยได้ทำใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่ว่าวันนี้ไม่ต้องพูดถึงขั้นหลุดพ้น
พูดง่ายๆ แค่เพียงว่าเรามีธรรมแล้ว จะทำให้เราไม่ต้องทุกข์
ชีวิตนี้ทุกข์ไหม ทุกข์เรื่องอะไรบ้าง อย่าบอกนะว่าทุกข์เพราะไม่มีเงิน
ทุกข์เพราะเรื่องอะไรที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต (ทุกข์เพราะความแก่
และความเจ็บ) ความแก่กับความเจ็บอะไรทุกข์มากกว่ากัน (ทุกข์เพราะเจ็บ
ทุกข์เพราะเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกข์เพราะไม่มีคนที่เรารัก
และไม่มีคนที่รักเรา) แล้วเราเคยรักใครหรือยัง
ถ้าเรารักจนถึงที่สุดไม่ต้องกลัวไม่มีคนรัก (ทุกข์เพราะกลัวตาย)
ทำไมกลัวตายล่ะ (เพราะว่าตายแล้วไม่รู้ไปไหน)
เราอยากรู้ไหมว่าตายไปจะไปไหน ต้องมองดูปัจจุบันเราทำอะไร จริงไหม
ถ้าปัจจุบันเราทำดี ตายไปจะไปตกนรกหรือ มันก็ไม่ใช่ ฉะนั้นอย่ากลัวตาย
(ทุกข์เพราะไม่รู้จักปล่อยวาง, ทุกข์เพราะเรามีลูกหลานเยอะ)
ใช่ลูกหลานเยอะแล้วทุกข์หรือ (กลัวเขาหากินไม่ราบรื่น)
เพราะเป็นห่วงใช่หรือไม่ แต่ท่านเคยได้ยินไหมว่า
หาทรัพย์สมบัติให้เขาแทบตาย ถ้าเกิดเขาไม่รู้จักคิด
ไม่รู้จักทำก็เปล่าประโยชน์
ท่านเคยได้ยินไหมว่า
ทุกคนมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง ท่านพยายามขีดให้เขา แต่ถ้าเขาไม่เดิน
ห่วงไปก็เหนื่อยเปล่า (ทุกข์เพราะเป็นห่วงคนที่รัก) แล้วต่อไปจะห่วงอีกไหม
(ก็ห่วง) อย่างนั้นก็ต้องทุกข์ต่อไป แล้วอยากพ้นทุกข์ไหมต้องทำอย่างไร
ปล่อยได้ควรปล่อย ห่วงได้ควรห่วง ห่วงเป็นบางเรื่อง (ทำดีแล้วไม่ได้ดี
กลับโดนคนว่า) อย่างนี้ไม่ต้องทุกข์หรอก มีใครในโลกไม่โดนนินทา
มีใครในโลกไม่โดนว่า ทำดีก็ถูกว่า ทำไม่ดีก็ถูกว่า อย่างนั้นทำใจดีกว่า
(ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ) ตอบได้ดี ถ้าเราไม่มีความอยากก็จะพอได้ (ทุกข์เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจในอริยสัจ 4) แล้วทุกข์มาจากไหน (มาจากไม่ปฏิบัติในหัวข้อสี่ข้อในอริยสัจ 4 คือไม่รู้จักคำว่าพอ
มีความโลภ มีตัณหา ต่อไปก็ไม่รู้จักดับ
แล้วก็ไม่รู้จักที่จะปฏิบัติในทางที่เป็นสุข คือในทางที่ชอบ)
ตอบได้ดีเหมือนกันแต่อริยสัจ 4 จะบอกว่าทุกข์มาจากไหน แล้วจะดับอย่างไร ใช่หรือไม่ อริยสัจ 4 บอกว่าอะไรคือทุกข์
อะไรคือเหตุแห่งทุกข์ อะไรคือทางดับทุกข์ และอะไรคือทางพ้นทุกข์
แล้วทุกข์เกิดจากไหน รู้หรือยัง (ทุกข์เกิดจากตัณหาหรือความโลภ)
ทุกข์เพราะเกิดจากตัณหา เกิดจากความอยากใช่ไหม (ใช่)
แล้วเราทุกข์เพราะอยากอย่างเดียวไหม ทุกข์เพราะกิเลส
แล้วทุกข์เพราะอะไรอีก ทุกข์ที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์คือกลัวความพลัดพรากใช่หรือไม่ (กลัวชดใช้กรรม) มนุษย์เรามีความทุกข์ที่ต้องเกิดขึ้นเหมือนกันทุกๆ คนคือ เกิดแก่เจ็บตาย แล้วทุกข์ที่น่ากลัวที่สุดคือ (ความตาย) เราจะบอกท่านว่า ทุกข์ที่เรียกว่า “ตาย” ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ความตายทำให้เรารู้ว่าเวลามีค่า ความตายทำให้เรารู้ว่าชีวิตนี้ต้องสร้างคุณค่าให้กับชีวิตมากที่สุด ความตายทำให้เราได้คิด ความตายทำให้เรารู้ ใช่หรือไม่ (ใช่) และความตายยังทำให้เรามีวีรบุรุษ มีวีรชน ความตายยังทำให้เรารู้จัก
พระพุทธองค์ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นความตายคือ “ครูของเรา ความตายคือผู้มีพระคุณของเรา” ถ้าบรรพชนไม่ยอมตายจะมีเราในวันนี้ไหม (ไม่มี) ถ้าวันนี้เราไม่ยอมตายจะมีลูกหลานต่อไปไหม (ไม่มี)
ฉะนั้นอย่ากลัวตาย ถ้าชีวิตนี้ทำดีจนถึงที่สุด ความตายก็คือการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติไปเท่านั้นเอง แล้วเรากลัวอะไร
(กลัวการเวียนว่ายตายเกิด) กลัวตายแล้วต้องกลับมาเกิดไหม
เราว่ายังไม่ทันกลัวตรงนั้น แต่ท่านกลัวตายมากกว่าใช่หรือไม่ (ใช่)
เราอยากบอกท่านว่าทุกขณะที่เราเจริญเติบโต เรามีความเสี่ยง มีความตายอยู่ทุกขณะจิต เราโตหนึ่งขวบก็ตายหนึ่งขวบ เราโตหนึ่งปีเราก็ตายอีกหนึ่งปี ใช่หรือไม่ (ใช่) หากชีวิตคือจุดเริ่มต้น
ความตายก็คือการกลับไปสู่จุดเริ่มต้นนั้น
หรืออาจจะเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า การตายของสิ่งหนึ่ง
เพื่อการเกิดของอีกสิ่งหนึ่ง นั่นแปลว่ามันเป็นกฎธรรมชาติ เหมือนผิวอันหนึ่งออกไป
แต่มีผิวอีกอันหนึ่งขึ้นมาแทน ผมเส้นหนึ่งร่วงไป
แต่ผมอีกเส้นหนึ่งก็มีขึ้นมา ฉะนั้นความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวถูกหรือเปล่า
เหมือนเรายกตัวอย่างอีกอย่างหนึ่งนะ ตอนเช้ากับตอนเย็น ใครชอบตอนเช้า
ใครชอบตอนเย็น ทำไมจึงชอบตอนเช้า เพราะเรารู้สึกว่าตอนเช้าคือการเริ่มต้น
การสร้างสรรค์ใช่หรือไม่ (ใช่) ตอนเย็นคือการพักผ่อนนอนหลับใช่หรือไม่
(ใช่) ความตายก็เหมือนกับตอนเช้ากับตอนเย็น เราเลือกได้ไหมว่า
ชีวิตฉันจะมีแต่ช่วงเช้าไม่มีช่วงเย็น (ไม่ได้)
ชีวิตมีแต่ช่วงเย็นไม่มีช่วงเช้าได้ไหม (ไม่ได้) อย่างนั้นเราก็ต้องยอมรับความจริงว่า
ชีวิตเมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ เราจะอยู่ระหว่างการเกิดตายอย่างไร
เมื่อไรที่จากเกิดแล้วต้องกลายเป็นตาย เรารับความจริงได้ไหม
ถ้าวันหนึ่งเรามีแขน แล้ววันหนึ่งแขนเกิดตายไป แขนตายแปลว่ามันใช้การไม่ได้
เรารับความเปลี่ยนแปลงได้ไหม มนุษย์รู้ว่าเกิดคืออะไร ตายคืออะไร
แต่มนุษย์รับความเปลี่ยนแปลงบนโลกไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงทำให้มนุษย์ทุกข์
อย่างเช่น เขาเคยอยู่กับเราดีๆ แต่พอเขาเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี เรารับ
(ไม่ได้) เราทุกข์ ฉะนั้นกฎธรรมชาติจึงสอนท่านไว้ว่า
เมื่อไรที่พยายามรักษาสิ่งหนึ่งให้คงอยู่
เราต้องยอมรับความเป็นจริงด้านตรงกันข้ามของอีกสิ่งหนึ่งให้ได้ด้วย ทำใจได้ไหม
อย่างเช่นฉันหน้าตาอย่างนี้ วันหนึ่งเปลี่ยนแปลงกลายเป็นหน้าตาเหี่ยวย่น
รับได้ไหม ถ้ารับได้คงทุกข์น้อย ถ้ารับไม่ได้คงทุกข์มาก
วันนี้มีคนที่ท่านรัก
แต่สักวันหนึ่งคนที่ท่านรักต้องเปลี่ยนไปไหม ต้องดับไหม (ดับ)
แล้วช่วงที่เขาเปลี่ยน รับได้ไหม ถ้าช่วงเปลี่ยนรับได้ ช่วงที่ดับก็สู้ไหว
แต่ถ้าเกิดช่วงที่เปลี่ยนรับไม่ได้ ช่วงที่ดับก็สู้ไม่ไหว จริงไหม (จริง)
แต่ก่อนมีเงินดีใจไหม (ดีใจ) แล้วเงินมีวันดับไหม ดับคือ (หมดไป)
แต่ก่อนที่มันจะหมดไป มันเหลือแค่ครึ่งเดียว
พอเหลือครึ่งเดียวแล้วมันหมดแล้วสู้ไหวไหม ไม่ไหวก็ต้องไหว
ชีวิตเคยอยู่กับเราแต่ตอนนี้ชีวิตตกอยู่ในเวรกรรมทำใจได้ไหม รับไม่ได้หรือ รับไม่ได้ต้องทำให้ได้ เมื่อความเปลี่ยนแปลงมาสู่มนุษย์เป็นบทเรียนเตือนให้มนุษย์รู้ว่า มนุษย์กำลังเดินไปสู่ความตาย เมื่อเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตแล้วเราต้องสู้กับมันสิ ยอมรับความจริงอย่าหนี คนที่หนีคือคนโง่ คนที่กล้ารับความจริงแล้วคิดว่ามันคือชีวิต มันคือธรรมชาติ คนนั้นจะสามารถเอาชนะความทุกข์ในโลกได้ ยากไหม (ไม่ยาก,
ยาก) ไม่ยากนะ ถ้าท่านยอมรับความจริง
ถูกหรือไม่ (ถูก) ฉะนั้นถ้าเกิดพรุ่งนี้จะต้องตายกลัวไหม (ไม่กลัว) คนที่กลัวแปลว่ายังไม่ดี
จริงไหม คนที่ตายได้แม้กระทั่งวันนี้แปลว่าถึงพร้อมในความดี
ฉะนั้นในวันนี้มาฟังธรรมะเพื่ออะไร
เพื่อทำให้เราเป็นคนดี เพื่อทำให้เราไม่ประมาท
และเพื่อทำให้เรารู้จักหาทางดับทุกข์ ใช่ไหม (ใช่) และถ้าเราหาได้
การจะไปช่วยเหลือคนอื่นยากไหม (ไม่ยาก) แต่ถ้าตัวเองยังดีไม่ได้
จะไปช่วยใครให้ดีได้ ตัวเองยังพ้นทุกข์ไม่ได้
แล้วจะไปช่วยใครให้พ้นทุกข์ได้
ใช่หรือไม่ (ใช่) ตอนนี้ท่านรู้หรือยังทางดับทุกข์คืออะไร (ไม่ต้องเกิด)
แต่เราทำได้ไหม ไม่เกิดความรัก จะได้ไม่หลงและไม่ต้องทุกข์เพราะรัก
ไม่เกิดความโกรธ จะได้ไม่ทุกข์เพราะโกรธแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ไม่เกิดความอยาก เพราะถ้าอยากมากไปแล้วทำให้เหนื่อยสายตัวแทบขาด
หรืออยากมากไปแล้วกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ก็จะอยากน้อยหน่อย ดีหรือไม่ (ดี)
ฉะนั้นเมื่อไรจะรักจงรู้ที่จะรัก
เมื่อรักใครจงมองให้ออกว่าเขามีอะไรที่น่าเกลียด
แล้วความรักนั้นจะทำให้เราไม่หลง
จริงไหม (จริง) รักแล้วต้องเห็นว่าเขามีอะไรน่าเกลียด
แล้วเราจะหลงเขาไม่มาก จะรักเขาแบบไม่ทำร้ายตัวเอง
จริงไหม (จริง) เมื่อไรที่เราเห็นคนที่เราเกลียด
เราจะไม่เกลียดจนกระทั่งโกรธและแช่งชักหักกระดูกถ้าเราเห็นว่าเขาก็มีดี ฉะนั้นความทุกข์ไม่ใช่เรื่องยาก
อยู่ที่เรารู้จักสู้กับมันหรือเปล่า เท่านั้นเอง
ยอมรับความเปลี่ยนแปลงให้ได้ เพราะความเปลี่ยนแปลงคือชีวิต
ความดับคือความจริง ใช่ไหม (ใช่) รักลูกขนาดไหน ถึงเวลาลูกต้องเปลี่ยนแปลงไหม (เปลี่ยน) เราก็ต้องยอมรับให้ได้
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “พลังแห่งยามเช้า”) คำนี้มีความหมายว่าอะไรรู้ไหม ยามเช้าเป็นการเริ่มต้น
ยามเช้าคือสิ่งใหม่ ทุกชีวิตมีแต่วันนี้ ขณะนี้ ไม่มีพรุ่งนี้
เวลาเช้าคือเวลาแห่งการสร้างสรรค์ เวลาแห่งการเริ่มต้น
ถ้าวันนี้เราต้องเจอยามเช้า คิดเสียว่าเราจะเริ่มต้นทำอะไร
เราจะสร้างสิ่งใด ชีวิตคือการสร้างไม่ใช่ทำลาย
แล้วเราจะสร้างสิ่งใดให้กับชีวิต ก่อนที่ชีวิตนี้จะถูกทำลายลง
สร้างสิ่งที่ดีเพื่อประโยชน์ของมวลชนดีกว่าไหม (ดี) สร้างหนทางดับทุกข์ให้กับผู้อื่นบ้างได้ไหม (ได้) คงไม่ยากเกินไปใช่หรือไม่ (ใช่) ขอให้ทุกวันคือเช้าวันใหม่
ทุกวันคือวันใหม่ วันใหม่ในการเริ่มต้น วันใหม่ที่มีจิตใจใหม่ๆ สดใส
ร่าเริง ได้หรือเปล่า (ได้) ทุกข์คือของเมื่อวานแล้ว วันนี้คือวันใหม่
เราคงเข้มแข็งและสู้ชีวิตอยู่ทุกๆ ขณะ
แม้วันนี้จะไม่ได้มีโอกาสผูกบุญสัมพันธ์กับพระอาจารย์
หรือเซียนองค์อื่นๆ แต่วันนี้ก็ยังได้ผูกบุญสัมพันธ์กับเรา
ท่านอยากรู้ไหมว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไร เราอยากบอกท่านว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือคนที่เกิดมาแล้วรู้จักทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าเพื่อตัวเอง
ชีวิตนี้ทั้งชีวิต ตัวเองไม่มีสุขไม่เป็นไร
ขอให้คนอื่นมีสุขแค่นี้ก็เรียกว่า “พระพุทธะบนแดนดิน” แล้วท่านคิดว่าท่านเป็นไม่ได้หรือ
เป็นได้นะ ใช่หรือไม่ (ใช่) อยู่ที่ว่าจะพอเพื่อตัวเองหรือยัง
แล้วการพอจะไปทำเพื่อผู้อื่นบ้างหรือไม่ ใช่ไหม (ใช่)
วันนี้เราคงมาผูกบุญสัมพันธ์แค่นี้ บำเพ็ญธรรมเพื่อช่วยตัวเองและเพื่อช่วยผู้อื่น
บำเพ็ญธรรมเพื่อขัดเกลาตัวเองให้เป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม
พยายามไม่ทำสิ่งผิด รักษาแต่สิ่งที่ดีให้คงอยู่กับตัวเองให้นานๆ ได้ไหม
คงไม่ยากใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เวลาทำดีขอให้เข้มแข็ง เจอเพื่อนว่า
เจอเพื่อนด่า อดทนได้ไหม (ได้) คนที่ดีที่แท้จริง คือ
แม้อดข้าวหนึ่งมื้อก็จะเอาดีให้ได้
แม้จะต้องถูกด่าถูกเหยียบย่ำก็จะรักษาความดีให้อยู่ แม้รีบร้อนขนาดไหน
ความดีก็ต้องมีให้จงได้ คนเช่นนี้แหละคือคนที่ดีโดยแท้จริง
ไม่ใช่จะอดตายแล้ว ยอมไม่ดี คนเช่นนี้หาใช่ดีไม่
เราเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้เป็นคนดีได้ แล้วมีโอกาสคงนำความดีนี้ไปช่วยให้คนอื่นได้ดียิ่งขึ้นด้วย ถ้าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนไม่ดี
และทำให้คนอื่นได้ดี ทำไหม (ทำ) ยอมโดนด่า
ยอมโดนตำหนิว่าร้ายได้ไหม (ได้) ถ้าคนเช่นนี้ยอมได้ คนเช่นนี้ก็ดีได้
แต่ถ้าคนเช่นนี้ยอมไม่ได้ คนเช่นนี้ก็หามีดีได้ไม่ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
อย่าคิดว่าเรามาแสดงละคร
หรือเล่นละครหลอกลวงเลย ไม่สนุกหรอกนะ เราทำแล้วได้อะไรล่ะละครบทนี้
เรามาเพราะอยากปลุกจิตใจอันดีงามให้ตื่นขึ้น
เมื่อตื่นขึ้นแล้วจงเอาจิตใจอันดีงามนี้ไปช่วยคน ช่วยเขาก็คือช่วยเรา
ถ้าเขาเดือดร้อนแล้วเราไม่ช่วย ภัยนั่นแหละจะกลับมาหาตัวเรา
ถึงเวลาเราก็คงต้องไปแล้ว อย่าคิดว่าเรามาหลอกลวงเลยนะ
เรามาเพราะหวังดีจริงๆ อยากให้ท่านได้ดีและเป็นคนดีในสังคม
ที่พยายามจะช่วยกันผลักดันให้สังคมนี้มีดียิ่งๆ ขึ้นไป
ถึงเวลาก็คงต้องกลับแล้ว รักษาความดีดุจเกลือรักษาความเค็มนะ
พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “พลังแห่งยามเช้า”
เกิดตายเป็นเพียงพริบตาอย่าเมามัว
ความดีชั่วอยู่ที่ตัวเลือกทำได้
เกิดเป็นคนจงหัดทำตัวง่ายง่าย
คนตื่นใจไม่ท้อในสิ่งที่ทำ
ชีพคนเอ๋ยเริ่มขึ้นที่ยามเช้า
กลายต้องเบาแรงลงในยามค่ำ
โลกของคนบ้างดูก็น่าขำ
หรือน้ำตาตกในไม่รู้ตัว