วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

2548-05-28 สถานธรรมฮุ่ยจื้อ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์





西元二○○五年歲次乙酉 四月二十一日          大眾恭求仙佛慈悲指示訓
วันเสาร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘  สถานธรรมฮุ่ยจื้อ  อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
                                            สาธุชนกราบขอประทานพระโอวาทชี้แนะ

  พลาดครั้งหนึ่งฉลาดขึ้นครั้งหนึ่ง       คนรู้ซึ่งแก้ไขไม่จมปลัก
มีปัญหาเพื่อปัญญาได้ประจักษ์          คนรู้จักตนเองไม่เคยปราชัย
                   เราคือ
  องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ         รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่แดนโลกีย์   เคียมคัล
องค์มารดา       ถามเมธีน้องชายหญิงเกษมฤๅ
                   ขอทุกคนจิตสงบตั้งใจฟัง   ฮวา ฮวา

  รู้จักอ่อนแต่ก็ต้องรู้จักแข็ง            รู้จักแกร่งแต่ก็ต้องรู้จักหยุ่น
นำแข็งอ่อนในโลกมาเกื้อหนุน           ความยืดหยุ่นนำให้ปรับเปลี่ยนเป็น
เกิดมาแล้วไม่พ้นชราเฒ่า               มีชีวิตใช่เพื่อเฝ้าสังขารนี้
การทำดีใช่เพื่อเป็นแค่คนดี              แต่จงมีปณิธานอันยิ่งยง
เกิดมารู้ตายไปรู้ไม่เสียชาติ              แปรความขลาดเพื่อจะเอาชนะหลง
ทุกที่ที่มีปัญหารู้จักปลง                  เดินสายตรงเพราะจิตใจแสนเที่ยงธรรม
ในวันนี้มาค้นหาชีวิตจริง                 ชีวิตยิ่งความประเสริฐเกินปล่อยปละ
ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องต้องชนะ                แต่รู้จะยอมพ่ายเพื่อมองเห็นตน
คนบำเพ็ญหากไม่ละกิเลส               แสนเทวษ[๑] ดั่งจมน้ำเมื่อใกล้ฝั่ง
ภายในตนมีมุนี[๒] ขุมพลัง                จงระวังกายใจก้าวเต็มแรง
สองวันนี้จงตั้งใจฟังธรรมะ              จงสละเวลาด้วยความตั้งจิต
อย่าปล่อยให้มารราวีในความคิด         จงสนิทใจด้วยธรรมนำชีวา
อายุนี้เมื่อเลยล่วงยากเรียกกลับ        ขอให้รับความจริงที่ตรงหน้า
ใจอยู่กับปัจจุบันทันเวลา                 มีความกล้านำชีวิตยั่งยืนไป
จงรักษาพุทธระเบียบให้จงดี             แลศิษย์พี่ยืนเคียงข้างคุมชั้นเรียน
                                                                   ฮวา  ฮวา   หยุด


[๑] เทวษ หรือ เทวศ   หมายถึง      การคร่ำครวญ, ความลำบาก
[๒] มุนี                  หมายถึง      นักปราชญ์, ฤษี, พระสงฆ์
[๓] อัชฌาศัย       หมายถึง     กิริยาดี นิสัยใจคอ ความรู้จักผ่อนปรน


วันอาทิตย์ที่ ๒๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ สถานธรรมฮุ่ยจื้อ  อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียน ท่านหันเซียงจื่อ

  มุ่งแก้ไขต้องใจเย็นดุจน้ำแข็ง          เวลาอันสั้นเปลี่ยนแปลงได้ลำบาก
คนสำนึกมองเห็นตนได้ไม่ยาก           เริ่มมาจากเปลือกถึงแก่นอันแท้จริง
                   เราคือ
  หนึ่งในแปดเซียนหันเซียงจื่อ         รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่พุทธสถานฮุ่ยจื้อ   แฝงกายกราบ
องค์มารดา       ถามเมธีทุกท่านสราญฤๅ

  มนุษย์นั้นไม่อาจอยู่ค้ำฟ้า               ทุกชีวาจงอยู่ด้วยธรรมคติ
ความเป็นตายเกิดเมื่อไรใช้สติ           คนชำนิเพียงปัญหาไม่ใช่ปัญหา
ชีพพริบตาอย่าติดโลกีย์ทั่ว              ละเมามัวอยู่ที่ใจปรารถนา
อาศัยความดีชั่วตัวสร้างค่า              เมื่อเกิดมาบำเพ็ญไม่เสียที
ก่อนได้ทำเลือกที่ทำอะไร                เมื่อเป็นคนจงตั้งใจสง่าศรี
จงหัดทำตัวเป็นเช่นเมธี                 เป็นคนง่ายง่ายดีดูสบาย
คนไม่ใจเย็นท้อทำร้ายตัว                คนพันพัวตื่นใจง่ายไฉน
คนทำด้วยอารมณ์ขัดกันไป              ย้อนที่สิ่งในใจใดดำรง
คนเอ๋ยคนชีพงามมีอัชฌาศัย[๓]           ให้เริ่มขึ้นที่ใจไขประสงค์
เร่งลงมือยามนี้ที่จำนง                   ค่ำต้องกลายเช้าจงสู้แข็งแรง
เอาใจลงในงานสะดวกง่าย              ออกแรงในเบาแรงนอกแสวง
แม้ยามค่ำโลกปัญญากระจ่างแจ้ง       ธรรมของคนบ้างแล้งต้องฟื้นฟู
เวลาหน่ายก็ดูตกห้วงช้ำ                 แอบขำหรือน้ำตากลั้นอยู่
ย้อนมองภายในใจหลายฤดู              จิตตัวรู้ไม่เคยพ่ายถาวร
                                                                      ฮา  ฮา   หยุด


พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียน ท่านหันเซียงจื่อ


ท่านเคยเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหม (ไม่เคย) แล้วองค์พระพุทธรูปมิใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือ (ใช่) เช่นนั้นจะบอกว่าไม่เคยเห็นได้ไหม น่าจะบอกว่าไม่เคยสัมผัสมากกว่า  อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์  แล้วอะไรที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ พอรู้ไหม คำถามยากเกินไปหรือเปล่า ว่าอย่างไร (ไม่รู้ครับ) ปรบมือให้กับความกล้า ในโลกนี้มีใครบ้างกล้ายืนขึ้นแล้วบอกผู้อื่นว่าเป็นผู้ไม่รู้ หาไม่ได้ แต่บางคนรู้แล้วไม่กล้าตอบก็น่าเสียดายใช่หรือไม่ จึงทำให้บางครั้งความเป็นมนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ อะไรที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ แล้วอะไรที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่าตอบในใจ ให้เอ่ยปากออกมาพูดดีกว่า ว่าอย่างไร (ธรรมะ) ตอบได้ดี ธรรมะอะไรล่ะที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ การมีความกตัญญู มีความดีที่อยู่ในตัวของตัวเองทำให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การที่เป็นคนมีจิตใจสูงส่ง แล้วอะไรที่ทำให้จิตใจเราสูงส่ง เป็นแค่กตัญญู เป็นแค่คนดี เท่านั้นพอไหม พอเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ไหม (ไม่ได้) ลองตอบดู (รู้คุณผู้มีพระคุณต่อเรา) ผู้รู้คุณคนทำให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวได้ไหม แล้วธรรมะอะไรยิ่งใหญ่จริงหนอที่ทำให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ คิดไม่ออกหรือ กตัญญูก็ใช่ รู้จักสำนึกบุญคุณก็ใช่ แล้วมีอะไรอีกที่ทำให้เรารู้สึกว่าคนๆ นี้ยิ่งใหญ่จริงหนอ คนๆ นี้ประเสริฐจริงหนอ การตอบแทนผู้มีพระคุณ เมื่อสักครู่เพิ่งฟังหัวข้ออะไรไป (กตัญญุตาธรรม) ในสมองก็เลยมีแต่เรื่องนี้ใช่ไหม ไม่มีเรื่องอื่นเลย อยากฟังคำตอบเราไหม (สละทางโลก มุ่งทางธรรม) ถือว่าเป็นผู้ที่นับถือพุทธได้ไม่เสียทีเลย เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธองค์ ยอมสละทางโลกเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น แสวงหาสัจธรรม แต่เมื่อท่านแสวงหาเจอแล้ว มีคนเรียกท่านว่าพระพุทธเจ้าไหม ไม่มีใครรู้ จนกว่าท่านจะเดินแล้วเอาธรรมะนี้ออกไปบอกผู้คน ใช่หรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นก็คือการช่วยเหลือคนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การอุทิศชีวิตจิตใจช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจิตใจเมตตา มหาเมตตา ฉะนั้นคนๆ หนึ่งจะเป็นพุทธะหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่ที่ว่า ชีวิตนี้เรารู้จักเสียสละ อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือใครบ้างหรือเปล่า แต่วันนี้เรามาศึกษาเพื่อดำเนินรอยตามการเป็นพระพุทธองค์ทั้งหมดนั้นใช่ไหม ให้ศึกษาการเป็นพระพุทธองค์ทั้งหมดใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)
ถ้าบอกว่าใช่คนที่เป็นฝ่ายหญิงคงลำบากเพราะบวชไม่ได้ ใช่หรือไม่ อย่างมากก็บวชได้แค่ชีพราหมณ์ ส่วนคนที่เป็นฝ่ายชายบวชได้ไหม แต่จริงๆ อยากบวชไหม ก็น้อยคนนักที่อยากบวช แล้วบวชจนกระทั่งรู้แจ้งแล้วเอาธรรมนี้ไปช่วยคนก็ทำได้ยาก ใช่หรือไม่ ฉะนั้นวันนี้เรามาศึกษาก็เพื่อให้ท่านรู้ว่าในความเป็นมนุษย์นี้ เราสามารถเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ ในความเป็นมนุษย์ได้ด้วยการที่ทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องทำหมดทั้งชีวิต แต่เอาส่วนหนึ่งของชีวิต เอาเวลาว่างของชีวิตไปช่วยเหลือคน ไม่ต้องทั้งชีวิต แค่ส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราว่างไปช่วยเหลือคน เอาธรรมะที่เรามี ที่เราเข้าใจไปเมตตาคน ถ้าทำอย่างนี้ท่านว่าท่านทำได้ไหม แล้วยากไปไหม ไม่ว่าจะเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ ขอเพียงทำดี เห็นใครทุกข์เอาธรรมะไปช่วย นี่ก็คือเรากำลังฝึกจิตใจอย่างพุทธะโพธิสัตว์
ท่านคิดว่าทำแบบนี้ยากไหม (ไม่ยาก)  แล้วทำไมจึงต้องทำรู้ไหม ทำไมเราจึงต้องทำดี ทำไมเราจึงต้องช่วยคนรู้ไหม (เพื่อให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด) ให้ใครหลุดพ้น (ให้ตนเองและผู้อื่นหลุดพ้น) การช่วยคน เราตั้งใจช่วยเพื่อให้หลุดพ้นตั้งแต่แรกไหม ไม่ ที่เราช่วยเพราะเราเห็นเขากำลังทุกข์แล้วเราอยากให้เขาพ้นทุกข์ใช่หรือไม่ แล้วทำไมเราถึงต้องช่วยคน (เพราะความมีเมตตาสูงส่ง เพราะมีจิตใจเมตตาสงสาร) เพราะอะไรเราอยากช่วยคน ง่ายๆ เลย ใจของมนุษย์ทุกคนเห็นใครดิ้นทุรนทุราย เห็นใครตกทุกข์ได้ยาก มนุษย์เราอยู่เฉยๆ เป็นไหม ในจิตใต้สำนึกเรา เรารู้สึกว่าเขาช่างน่าสงสาร ใช่หรือไม่ ในจิตใต้สำนึกเราบอกว่าเราช่วยได้เราควรช่วย แปลว่าโดยพื้นฐานของมนุษย์เห็นใครตกทุกข์ได้ยากช่วยได้เราจะช่วย เฉยได้ (เราจะเฉย)  ทำไมช่วยได้อยากจะช่วย ทำไมเฉยได้เราจะเฉย หมายความว่าอย่างไร
จริงๆ แล้วใจของมนุษย์ทุกคนมีความดีงามอยู่ แต่เราต้องรู้จักฟื้นฟูมันให้เกิดขึ้น ฟื้นฟูมันให้มีบ่อยๆ เหมือนเวลาเรารู้สึกสงสารคนคนหนึ่งแล้วเราพยายามช่วยเต็มที่ ความสงสารเริ่มเติบโตขึ้น พอเราเห็นอีกคนหนึ่งเราก็ช่วยเหลืออีกคนหนึ่ง ความสงสารเราก็ยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเราเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก เราเฉยๆ แล้วพอเราเห็นคนตกทุกข์ได้ยากเราก็เฉยๆ ยิ่งเฉยเข้าทุกวัน เฉยเข้าทุกวัน ต่อไปเห็นคนตายอยู่ตรงหน้าเรากลับเฉยๆ ถ้าเกิดเราไม่เคยคิดที่จะสงสาร พอคนตายอยู่ต่อหน้า ก็เขาตายเราไม่ได้ทำ ฉะนั้นความดีในตัวท่านมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือเรียกบ่อยๆ มันก็มา แต่ถ้าไม่เรียกมันเลย มันก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น จริงนะคิดให้ดีๆ
วันนี้เราศึกษาธรรมเพื่อฝึกจิตสำนึกแห่งความดีงามที่อยู่ในตัวตนให้มีคุณภาพ ให้ออกมาสร้างความดีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ให้ออกมา ทำความดีเพื่อไม่ให้ตนเองเป็นคนเห็นแก่ตัว ปลุกมันขึ้นมาดีไหม หรือจะปล่อยให้เป็นคนใจไม้ไส้ระกำ จะปลุกหรือไม่ปลุก ฟังธรรมะมีความสุขไหม
ความพอใจของเราคือมีเงินแล้วมีสุข เที่ยวแล้วมีสุข มีคนรักแล้วมีสุข แต่เคยมีไหมที่จะนิยามในใจว่า “ขอเพียงมีธรรมะในจิตเราก็มีสุขได้” ขอเพียงชีวิตสงบ ราบเรียบไม่มีอะไรมากระทบแค่นี้ก็สุขได้ ไม่ค่อยมีในนี้ใช่ไหม ไม่ค่อยมีนิยามในใจ มีเงินแล้วสุขมากไหม คิดว่ามีไหม มีแต่ไม่แท้จริง มีความสุขเหมือนกันแต่เป็นสุขไม่ถาวร ใช่หรือไม่ สุขตอนที่อยู่กับเรา แต่ทุกข์ตอนที่ไปอยู่กับคนอื่น ใช่หรือไม่ ท่านเคยได้ยินไหมว่าอยู่ในโลกนี้ ก่อนจะได้อะไรมาต้องสูญเสียบางอย่างไป ก่อนจะได้เงินมา ท่านต้องเสียอะไรไป ยอมเสียแรง เสียกำลัง เสียความสามารถจึงจะได้เงินมา ถูกไหม  แต่บางครั้งหนทางที่กว่าจะได้เงินมา บางทีไม่ใช่แค่เสียแรง แต่เรายังเสียความเป็นคนไปด้วย จริงไหม อย่างเช่นอะไร  เสียความซื่อสัตย์ เสียคุณธรรมในใจ ใช่หรือไม่
อย่างเช่นเราขายข้าว ข้าวใหม่ข้าวเก่า เรารู้แต่บางครั้งข้าวใหม่มันน้อย ข้าวเก่ามันเหลือเยอะ เอาผสมรวมๆ กันแล้วบอกว่าเป็นข้าวใหม่ ใช่หรือไม่ ฉีดยาฆ่าแมลงไหม (ไม่ฉีด) โกหกไหม (โกหก) แต่เพื่อจะได้ขายตอนนี้ มันกำลังออกได้ดี คนกำลังปลูกยังไม่ได้ แต่เราปลูกได้ เราขายไป ทั้งที่ขายตอนนี้คนกินต้องมีอันตราย แต่เราอยากได้เงิน เรายอมขายข้าวแล้วเรายังขายความเป็นคนในตัวเราด้วย จริงไหม ความเป็นคนอะไรที่เราขายไปด้วยเพื่อให้ได้เงินมา นอกจากซื่อสัตย์แล้วอะไร (ศักดิ์ศรี เสียเพื่อน)
เหมือนเรามีเงินร้อยบาท เราอยากได้อีกสองร้อยบาท เราจะทำอย่างไร เราก็โกหกเพื่อนบอกว่า เธอเอามาให้ฉันร้อยหนึ่ง พรุ่งนี้ฉันจะปั่นให้มันเป็นสองร้อย แต่พอถึงเวลา เอามาแล้ว ปั่นไม่ได้ เราก็เลยบอกว่า อ้อมันยังไม่สำเร็จ โกหกไปอีก แล้วเราก็โกหกไปอีกจนเงินสองร้อยเราใช้ไปเรียบร้อยแล้ว เราได้เงินมาแต่เราเสียอะไรไป (เสียศีลธรรม ความซื่อสัตย์ เสียสัจจะ เสียความบริสุทธิ์ทางกายและทางใจ เสียความรู้สึกในใจที่ดีๆ เสียคุณธรรม)  อย่างเช่นวันนี้อาจารย์ให้การบ้านมา เราไม่ได้ทำเอง ตื่นเช้ามาเดี๋ยวไปลอกเพื่อน พออาจารย์เห็นการบ้านเราอยู่บนเล่มแรกสุด โอ้ทำได้ดีจริงๆ ทำเองไหม เราไม่อยากเสียหน้า เราเลยบอกอาจารย์ว่าหนูทำเอง เพียงเพราะไม่อยากเสียหน้าแต่เราเสียอะไรไป (เสียสัจจะ เสียความเชื่อใจ ขาดความไว้วางใจ เสียใจ)
เสียทรัพย์สิน เสียความบริสุทธิ์ เรารู้อยู่แล้วว่าท่านเสียทรัพย์สิน ทรัพย์สินทำให้เราเสียความเป็นคนไหม ถ้าเราเสียเงินแล้วทำให้เราเสียความเป็นคนไหม (ไม่เสีย) ต้องดูว่าเงินนั้นท่านไปเสียอะไร ถ้าเงินนั้นท่านไปซื้อการพนัน เสียความเป็นคนไหม (เสีย) ถ้าท่านตอบแบบนี้ เราจะตอบว่าท่านตอบถูกต้อง เอาเงินไปเสียการพนันถือว่าเสียความเป็นผู้เป็นคนได้ เอาเงินไปซื้อเหล้า เสียไหม (เสีย)
อยู่ในโลกจะได้อะไรมาง่ายๆ เป็นไปได้ไหม บางครั้งเราต้องยอมเสียเพื่อได้มาใช่หรือไม่ (ใช่)  เหมือนวันนี้กว่าจะได้ธรรมะ หรือกว่าจะได้ฟังธรรมะ เราต้องยอมเสียอะไร เสียรายได้ที่ควรจะได้ใช่หรือไม่ เสียเวลาที่น่าจะได้พักผ่อนกลับต้องมา นั่งลำบาก  เราถามท่านต่อว่าหากมีชีวิตกับมีทรัพย์สิน เพื่อให้ได้ทรัพย์สินแต่ต้องสูญเสียชีวิตเอาไหม (ไม่เอา)  เพราะเราต้องเลือกชีวิต  ชีวิตสำคัญกว่าทรัพย์สินใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าเราถามท่านต่อว่า ระหว่างชีวิตกับคุณธรรม เราเลือกอะไร  ใครเลือกชีวิตยกมือขึ้น ใครเลือกคุณธรรมยกมือขึ้น  เราถามคนที่เลือกคุณธรรมนะ ทำไมถึงยอมทิ้งชีวิตเพื่อรักษาคุณธรรม ชีวิตถ้าหากเทียบกับคุณธรรม คุณธรรมเป็นสิ่งที่ล้ำค่าประเมินค่าไม่ได้ ถ้ามีอะไรมาแลกกับชีวิตแล้วเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิต และสูงส่งกว่าชีวิต ทำไมเราไม่ยอมแลก
ดูง่ายๆ พระพุทธเจ้า เพื่อความเมตตามหาเมตตา ชีวิตที่เสวยสุขได้ ท่านกลับไม่เสวยสุข ท่านกลับยอมลำบากเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นถูกหรือไม่  ถ้าท่านเห็นว่าชีวิตไม่สำคัญ ชีวิตนั้นมีสุขดีกว่า ทำไมต้องลำบากเพื่อผู้อื่น แปลว่าท่านเห็นคุณค่าคุณธรรมสำคัญยิ่งกว่าชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)
ท่านลองคิดให้ดีๆ นะ หรือแม้กระทั่งประวัติศาสตร์ของจีนโบราณท่านกวนอู ที่ท่านตายเพื่อรักษาสัจจะใช่หรือไม่ (ใช่)  ถามว่าท่านมีเพื่อนคนหนึ่งมีความซื่อสัตย์มากแม้จะตาย ก็ยอมตายเพื่อความซื่อสัตย์ ดีกว่ากลายเป็นคนโกหก โป้ปดมดเท็จ ตัวท่านก็เหมือนกัน ถ้าถึงเวลาที่จะต้องเลือกระหว่างชีวิตกับความดี ทำไมไม่ทำดี ทำไมยอมเสียความเป็นคนดีเพื่อมีชีวิต
ถ้าท่านมีแฟน แล้วแฟนท่านกลับกลายเป็นคนที่ยอมเสียความเป็นคนเพียงเพื่อจะมีชีวิต ยอมผิดคำพูดเพื่อจะมีชีวิตอยู่ ท่านจะรักไหม มีคนบอกผู้ชายคนหนึ่งว่าถ้ารักผู้หญิงคนนี้ท่านต้องตาย ผู้ชายคนนี้บอกทันที ไม่รัก  ถึงผู้ชายคนนั้นจะรอดกลับมา ท่านคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะรักผู้ชายคนนี้เต็มหัวใจเหมือนเดิมไหม เพราะอะไร ท่านก็เลือกชีวิต ท่านโกรธเขาไหม ท่านโกรธเขาได้ไหม ถึงเวลา เงินกับลูก แม่เลือกเงินมากกว่าลูก โกรธไหม หัวอกความเป็นลูก (โกรธ)  ทำไมจึงโกรธล่ะ  เพราะอะไร เพราะแม่เห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้าคิดให้ดีๆ เพราะแม่มีเงินจึงช่วยชีวิตลูกต่อได้ อันนี้ต่างกันนะถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่ถ้าฝ่ายหญิงมีแฟน ปรากฏว่าผู้หญิงคนหนึ่งเขาก็รักแฟนของท่านเหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นถามแฟนท่านว่า รักเขาไหม ถ้ารักเขาต้องตาย เขาบอกว่าไม่รักเกลียดมันอย่างกับอะไรดี รอดมาแล้วท่านรักเขาไหม  (ไม่)  เพราะอะไร เพราะเขารักชีวิตเขามากกว่ารักเรา แต่ทำไมถึงที่สุดมนุษย์กลับเลือกชีวิตมากกว่าคุณธรรม เลือกตัวเองมากกว่าที่จะช่วยเหลือผู้อื่น แต่ท่านลองคิดดูนะ ถ้าเรามีชีวิตอยู่ เรามีชีวิตเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง คนนั้นแม้จะตายไป เขาก็ไม่ตายไปจากหัวใจเรา คนนั้นจะมีชีวิตอยู่จนกระทั่งเราตายไปด้วย หรือแม้แต่เราตายไป คนคนนั้นก็ยังชื่ออยู่บนโลก ฉะนั้นขอให้ท่านคิดให้ดีๆ ระหว่างคุณธรรมกับชีวิต เหมือนวันนี้มาฟังธรรมะกับกลับบ้านไปนอนตีพุงอยู่ที่บ้าน ดูทีวีอยู่เฉยๆ เราเลือกอะไร (ฟังธรรมะ)  ถ้าพรุ่งนี้มีอีกเลือกไปบ้านหรือมาฟังธรรมะ (มาฟังธรรมะ)  ทำไมพอถึงเวลาจริงๆ มนุษย์กลับเลือกความสบายมากกว่าคุณธรรมที่สูงส่งในจิตใจ คุณธรรมที่สามารถยกระดับให้มนุษย์เป็นคนประเสริฐ ใช่เพราะเห็นแก่ตัวหรือ บางทีก็อาจจะไม่ใช่ เพราะเราไม่ค่อยฝืนอารมณ์ความรู้สึก เพราะคิดว่ามานั่งฟังธรรมะนี้ต้องลำบาก ต้องอดทนใช่หรือไม่ (ใช่)  เราก็เลยไม่อยากลำบาก ไม่อยากต้องอดทนเลยขออยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่าใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถึงเวลาต้องเลือกเดิน ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ขอให้คิดให้ดีๆ ถ้าสิ่งนั้นคือธรรมะ ถ้าสิ่งนั้นคือความดี ทำไมเราไม่ยอมเสียเพื่อให้ได้มา ทำไมเราจึงยอมทิ้งเพื่อหมดคุณค่าของคนไป
เราอยู่ในโลกนี้เคยทำผิดไหม (เคย)  ใครที่เคยทำผิดยกมือขึ้นสิ เราอยากบอกท่านว่า คนที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับว่าตัวเองทำผิด ถือว่ามีดี แต่เมื่อรู้ว่าทำผิดแล้วต้องแก้ไขด้วย จึงจะเรียกว่าดีนั้นทำให้เราเป็นคนประเสริฐ ใช่หรือไม่ (ใช่) ไม่ใช่ทำผิดแล้วมีแต่แก้ตัว แล้วก็ผัดวันไม่แก้ไข เช่นนี้ย่อมยากจะดีได้ ถูกหรือไม่ (ถูก)  อย่างนั้นเราถามท่านหน่อยนะ ว่าที่เราทำดีเราทำดีเพราะอะไร มีคนสองประเภท คนหนึ่งทำเพราะว่าละอายและเกรงกลัวต่อบาป คนหนึ่งทำดีเพราะว่าอยากทำให้ตัวเองมีดีแล้วดียิ่งๆ ขึ้น เพราะเคยผิดครั้งหนึ่งแล้ว ต่อไปก็จะทำดีเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองผิดอีก แต่คนประเภทที่สามที่ทำดีเพราะว่าไม่อยากถูกตัวบทกฎหมายลงโทษ คนไหนน่ากลัวที่สุด (คนที่สาม)  ทำไมบอกว่าคนที่สามน่ากลัวที่สุด คนที่ทำดีเพราะว่ากลัวบทลงโทษ คนที่ทำดีแล้วไม่กล้าทำชั่วเพราะว่ากลัวถูกตี คนเช่นนี้ยังไม่อาจเรียกว่าคนดีได้ เพราะถ้าเกิดไม่มีคนเห็น ไม่มีคนรู้ ไม่มีคนฟ้อง คนเช่นนี้ก็อาจจะแอบทำได้ ใช่หรือไม่ แล้วถ้าใครไปฟ้อง เราก็จัดการซะ คนที่แค่กลัวบทกฎหมายลงโทษ กลัวถูกตี คนนี้ไม่อาจเรียกว่าคนดีได้ คนที่ดีต้องดีจากจิตใต้สำนึกในใจ คนที่ดีเพราะละอายเกรงกลัวต่อบาป คนที่ดีเพราะอยากรักษาความดี คนประเภทนี้ไม่ว่าอยู่ต่อหน้า อยู่ลับหลัง มีคนเห็นหรือไม่เห็น เขาก็จะไม่ทำผิด ถูกหรือไม่ คนเช่นนี้อยู่ด้วยแล้วปลอดภัยกว่า แต่ถ้าไปอยู่กับคนที่ทำเพราะว่ากลัวถูกลงโทษ คนเช่นนี้น่าอันตราย ใช่หรือไม่ เพราะถ้าเขามีปัญญาก็คงหาทางหลีกเลี่ยงตัวบทกฎหมาย หาทางพูดแก้ตัว อย่างเช่นผมไม่ผิดนี่เพราะอย่างนี้ เพราะอย่างนั้น หรือไม่ก็หาพยานมา
ฉะนั้นเราอยากจะมีดี เราต้องมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ถ้าคนคนหนึ่ง ไม่ละอายเกรงกลัวต่อบาป คนๆ นั้นยากจะเป็นคนดีได้ ใช่หรือไม่ แต่เราอยากจะบอกท่านอีกอย่างหนึ่งว่า คนที่รู้จักละอายเกรงกลัวต่อบาปคือคนที่เคารพตนเอง แต่คนที่ทำดีเพราะว่ากลัวกฎหมายลงโทษ คนนั้นคือคนแค่เคารพกฎหมาย ฉะนั้นคนที่รู้จักรักษาความดีก็คือคนที่รู้จักเคารพคุณค่าของตัวเอง เมื่อไรที่ทำชั่ว เมื่อนั้นเขาก็คือคนที่ไม่เคารพตัวเอง ฉะนั้นเมื่อไรเราทำชั่วแล้วโดนคนดูถูก อย่าไปว่าเขา เพราะตัวเองไม่เคารพตัวเองก่อน เพราะตัวเองตีค่าตัวเองให้ต่ำก่อน คนอื่นจึงดูถูกเอา ใช่หรือไม่
เราเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่ง มีอาจารย์คนหนึ่งพยายามประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ศิษย์คนนี้ให้จบไปแล้วต้องได้ดี แต่ทุกวันสอนแต่ความดี ทุกวันมีแต่เรื่องดีๆ แต่พอออกไปข้างนอก ศิษย์ของเขาก็เจอคนบอกว่า โอ๊ยดีไม่เห็นดีเลย ทำชั่วดีกว่า แต่อาจารย์สอนแต่ให้ทำดีนี่ วันหนึ่งเขาก็กลับไปหาอาจารย์แล้วถามอาจารย์ว่า ผมทำชั่วได้ไหม อาจารย์ตอบว่า ได้ สอนมาแทบแย่ แต่พอศิษย์ถามอาจารย์ว่าผมทำชั่วได้ไหม อาจารย์บอกว่าได้ แต่ว่าต้องไม่มีใครเห็น แม้กระทั่งตัวเองก็ต้องไม่เห็นด้วย เขาก็ออกไป ดีใจได้ชั่วบ้างแล้ว ทุกวันอาจารย์สอนแต่ให้ทำความดี แล้วก็ทำดี วันนี้อยากชั่วบ้าง แต่ทำอย่างไรตามันก็ต้องเห็น ใช่ไหม เขาก็คิดได้อย่างหนึ่งคือต้องปิดตา แล้วทำชั่วอะไรดี ปิดตาขโมยเงิน ท่านว่าลำบากไหม แต่เขาฉลาดกว่า คิดก่อนตอนเปิดตา เดินกี่ก้าวไปถึงโต๊ะ เดินกี่ก้าวหลบโต๊ะพ้นแล้วออกจากบ้านได้ เขาก็คิดคำนวณเรียบร้อย ถึงเวลาเริ่มปฏิบัติการ ปิดตาก่อน พอปิดตาคำนวณ สามก้าวถึงโต๊ะ สี่ก้าวถอยออกมาแล้วพ้นโต๊ะ แต่เขาลืมคิดไปว่าพ่อ แม่อยู่หรือเปล่า เผอิญก่อนที่เขาจะไปขโมย แม่เอาเก้าอี้มาวางไว้ข้างๆ โต๊ะ ด้วยความที่เขามองแต่ตัวเองว่าวันนี้จะต้องทำชั่ว ก็ปิดตา ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้สถานการณ์นั้นเปลี่ยนไป สามก้าวถึงโต๊ะ สี่ก้าวถอยหลังพ้นโต๊ะ พอมีเก้าอี้สามก้าวจะพ้นโต๊ะไหม (ไม่พ้น)
คราวนี้เขาก็จัดแจงปิดตา ดูแล้วว่าพ่อแม่ไม่อยู่แน่ เดินไปสามก้าว ยังไม่ทันถึงสามก้าวสะดุดเจอเก้าอี้ล้มหน้าคะมำได้แผลมาหนึ่งแผล โอ๊ย! ทำไมมีเก้าอี้นะ ลุกใหม่ อ๋อ โต๊ะยังอยู่ตรงนี้ เดินไปอีกสองก้าว หยิบเงินมา หยิบมาเสร็จเดินออกมา อ๋อมีเก้าอี้ พ้นมาเรียบร้อยแล้ว ได้มาแล้วเงิน พอเปิดตาออกมาดู เป็นอย่างไร เจอแม่ยืนอยู่ ลูกทำอะไร กลัวไหม แต่เผอิญโชคดีที่ใบที่เขาหยิบนั้นเป็นใบเสร็จ คนนี้นี่ทำชั่วไม่ค่อยขึ้นเลยนะ เขาเลยบอกว่า ผมกำลังเล่น คิดว่าเขาจะตอบแม่ว่าอย่างไร จะบอกว่าผมกำลังเล่นหรือจะพูดความจริง ถามท่านนะ จะพูดความจริงหรือจะพูดโกหก นิทานนี้ยังไม่จบนะ ถามท่านก่อนถ้ามีคนจับได้ท่านจะพูดความจริงหรือจะพูดโกหก (พูดความจริง)  พูดความจริงกับแม่ว่า (ไปขโมยเงิน)  เลือกที่จะพูดความจริง (พูดโกหก)  โกหกว่า (กำลังปิดตาอยู่)  ตอนแรกจะโกหกว่าลูกกำลังทำอะไร (โกหกว่าจะไปเดินเล่น) แล้วเอาใบเสร็จแม่ไปทำอะไร แล้วทำไมต้องปิดตา (เพราะมันสว่างเกินไป)  ตอบแล้วรู้สึกดีไหม (ไม่ดี)
เราจะบอกให้นะว่า คนไหนมีชีวิตไม่สามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้ คนนั้นจะเจอกรรมทันตาเห็น เกิดเป็นคนความซื่อตรงต้องรักษาให้ยิ่งชีวิต  ถ้ารักษาไม่ได้ชีวิตนี้ก็ยากจะมีความสุข  ยอมรับไปเถอะ ผมอยากลองทำบาปดู แต่รู้แล้วว่าทำบาปแล้วรู้สึกไม่ดี พอถึงวันรุ่งขึ้นเขากลับไปที่โรงเรียน แม่เขาจะตามไปที่โรงเรียนเพราะไปดูว่าอาจารย์สอนอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  เวลาเราทำผิดไม่ใช่ตัวเราเองเดือดร้อนคนเดียว คนที่อยู่รอบข้างก็พลอยเดือดร้อนไปด้วยใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าคิดนะว่าเราทำบาปแล้วพ่อแม่ไม่กลุ้มใจไม่เสียใจ คนที่สอนเราไม่เดือดร้อน อาจารย์สอนผิดไหม (ไม่ผิด)  อาจารย์สอนไม่ผิด ศิษย์คนนั้นจะรู้ซึ้งเลยว่าในโลกนี้ทำบาปไม่ให้ใครเห็นได้ไหม (ไม่ได้)  เราปิดตาตัวเองแล้ว ไม่เห็นแล้วนะ ถามจริงๆ เราเห็นไหม (เห็น)  ปิดตาเราก็ยังเห็น  หรือแม้กระทั่งปิดตาเราแล้วเราไม่เห็น แต่คนอื่นเห็นไหม เห็นแล้วทำทำไม
แต่เพราะอะไรอาจารย์จึงสอนบทเรียนนี้ มนุษย์เรานี่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ฉะนั้นพูดส่งไปเลยดีไหม ใครอยากตาย ไปเลยไปตาย ลูกอยากชั่ว ไปเลยลูกไปชั่ว ได้ไหม (ไม่ได้)  แต่เราต้องรู้จักสอนและรู้จักชี้นำในทางที่ถูก สอนแบบนี้แล้วศิษย์คนนั้นกลับมาเจออาจารย์แล้วถามว่า “อาจารย์มันทำได้ที่ไหนล่ะ ทำให้ไม่มีคนเห็นผมยังเห็นเลย ปิดตาผมก็ยังเห็น”  แล้วอาจารย์ก็ยิ้มแล้วตอบศิษย์ว่า “ก็รู้นี่” แต่ถ้าอาจารย์บอกศิษย์เชื่อไหม (ไม่เชื่อ) อาจารย์ห้าม ศิษย์เชื่อไหม (ไม่เชื่อ) ฉะนั้นอาจารย์บอกแบบนี้ศิษย์จะได้รู้ว่าอะไรคือความดี อะไรคือความชั่ว มนุษย์เราถ้าไม่ได้ทำอะไร คนนั้นดูเป็นคนดีจัง แต่ถ้าเมื่อไรทำสิ่งใดสักอย่าง ความดีเริ่มลดลง เพราะอะไรดีจึงลด เราอยู่เฉยๆ เรารู้จักเพื่อนคนหนึ่งเห็นเขาทั้งตัวทั้งตนเรารู้สึกว่าเขาดี แต่ถ้าเกิดยิ่งคบกันไปนานๆ ทำไมเราเริ่มเห็นข้อไม่ดี นั่นแปลว่ามนุษย์ถ้าไม่ทำอะไรเลยสามารถเป็นคนดีที่แท้ได้จริงหรือไม่  เราอยากบอกว่าจริง ถ้ามนุษย์ไม่ทำอะไรเลยมนุษย์ก็เป็นคนดีได้ แต่ในความเป็นจริงของมนุษย์เราอยู่เฉยๆ ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ฉะนั้นเราต้องมีการกระทำอยู่ตลอดเวลา ช่วงที่กระทำขอให้คิดหน่อยว่า ทำแล้วตัวเองได้ประโยชน์แล้วคนอื่นเดือดร้อนไหม ถ้าทำแล้วตัวเองได้ประโยชน์แต่คนอื่นเดือดร้อนขอให้คิดก่อนทำ ถ้าทำแล้วตัวเราไม่ได้ประโยชน์แต่คนอื่นได้ประโยชน์ทำไหม (ทำ)  ฉะนั้นชั่วขณะที่เราทำขอให้คิดหน่อยนะ ถ้าเกิดว่าทำแล้วเขาก็ได้ เราก็ได้ทำไปเถอะ แต่ถ้าเกิดว่าเขาได้แต่เราเสียเอาไหม โดยพื้นฐานมนุษย์ไม่เอา ใช่หรือไม่ แต่การเกิดเป็นคนบางครั้งต้องยอมเสียจริงไหม (จริง)  อย่างเช่นที่เราทำมาแทบตายเราทำเพื่อลูกไม่ใช่หรือ แล้วยอมทำไหม (ยอม)  แต่บางครั้งเราทำแล้วเพื่อผู้อื่นทำไมไม่ยอมบ้างล่ะ ทำแล้วได้เป็นคนเมตตา ทำแล้วได้เป็นคนรู้จักให้ ไม่เป็นคนที่ตระหนี่ถี่เหนียว ทำไมไม่ทำใช่หรือไม่ (ใช่)  อยู่ด้วยกันถ้าเกิดว่าคนนี้มีแต่ทำเพื่อตนเองแต่ไม่เคยเผื่อแผ่เพื่อผู้อื่น คนนี้เราก็ไม่อยากคบ ใช่หรือไม่ (ใช่)
ชีวิตของมนุษย์ทุกคนต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เมื่อก้าวไปแล้วเราต้องรู้จักว่าตอนใดควรหยุด ตอนใดควรพอ ถ้าเกิดว่ามีชีวิตเอาแต่ก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ถึงเวลาหยุดไม่รู้จักหยุด ถึงเวลาพอไม่รู้จักพอ การที่ทำแบบนั้นสักวันหนึ่งจะทำให้ตัวเองต้องทุกข์ และต้องรู้จักหยุดสักทีใช่หรือไม่ (ใช่) 
เราเปรียบเทียบตัวอย่างง่ายๆ ชอบฟังนิทานใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นเราเล่าให้ฟังอีกเรื่องหนึ่ง  อายุมากขนาดไหนฟังนิทานก็เข้าใจง่ายกว่าใช่ไหม (ใช่)  ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนแต่ไม่ค่อยจะตกสักเท่าไร ช่วงฤดูฝนถ้าเข้าป่าจะเก็บอะไรได้ดี (เก็บเห็ด)  นอกจากเก็บเห็ดแล้ว ถ้าเจอป่าไผ่ล่ะ เก็บอะไรได้ดี (หน่อไม้)  มีชายคนหนึ่ง บ่ายคล้อยแล้วออกไปเดินเที่ยว ปรากฏว่าเดินเข้าไปเจอกับป่าไผ่ ต้นฤดูฝนป่าไผ่จะออกหน่อไม้เยอะใช่ไหม (ใช่)  พอเดินเข้าไปก็เจอหน่อไม้เต็มไปหมดเลย แต่ตอนนี้บ่ายเกือบจะค่ำแล้ว ถ้ากลับบ้านไปเอามีดมาตัดหน่อไม้ก็คงไม่ทันแน่ ทำอย่างไรดี อารามกำลังดีใจ มีดไม่มียังมีมือ แถมมีสองมืออีกต่างหาก มีดไม่มีมือก็ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) เอามือขุด แล้วก็แงะมันออกมา กว่าจะแงะได้ทีละอันยากไหม ใครเคยตัดหน่อไม้บ้าง ยากไหม ตัดยากนะ แต่ถ้าใช้มือยิ่งยากใหญ่ ยอดแล้วยอดเล่ากว่าจะได้แต่ละยอดนี่ลำบากไหม แต่อารามที่ดีใจอยากได้ มือเด็ดจะได้สวยไหมแต่ละยอด บางทียังไม่ทันถึงโคนก็เด็ดได้แค่นิดเดียว แต่ด้วยความที่ว่าถ้ากลับไปเอามีดแล้วเดี๋ยวกลัวค่ำ แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วมีคนตัดก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ก็เลยมีแรงเท่าไรเด็ดให้หมด มีเท่าไรก็หาๆ แต่ทำอย่างไรได้ ยิ่งหาก็ยิ่งเหนื่อย ค่ำก็ค่ำแล้ว แต่ด้วยความอยากได้ เด็ดมาได้ทำอย่างไรดี ไม่มีอะไรใส่ เด็ดมากๆ คันไหม แต่ตอนนั้นลืมคัน เด็ดได้เท่าไรยิ่งดี ได้เงินเยอะ ขายแล้วได้ราคาดีใช่หรือไม่ (ใช่)  พอเด็ดได้มากก็หิ้ว ถอดเสื้อออกมาใส่หน่อไม้ กางเกงมีกี่กระเป๋าก็ซุกหน่อไม้เต็มตัวไปหมด ตรงขอบกางเกงก็ซุกหน่อไม้ ซุกเต็มตัวเดินๆ ไปกว่าจะกลับบ้านมืดไหม (มืด)  ยิ่งมืดแล้วถือของพะรุงพะรังอีก เดินยังไม่ทันถึงบ้านล้มตึง ไปหลายตลบ พอถึงบ้านเหนื่อยสายตัวแทบขาด กว่าจะได้หน่อไม้มาเท่านี้ แต่พอดูหน่อไม้แต่ละยอดตัดไปตัดมาเหลือแค่นี้ แบ่งไปแบ่งมาเหลือแค่นี้ ขายได้ไม่พอกิน กลายเป็นเอามากินมากกว่าเอามาขาย พอรุ่งขึ้นต้องไปซื้อยามารักษาอาการคัน นิทานเรื่องนี้จบแล้วนะ ได้อะไรจากนิทานเรื่องนี้ไหม ได้ธรรมะอะไรจากเรื่องนี้ มนุษย์นั้นบอกว่าชีวิตต้องไปหาเงิน แต่เวลาหาแล้ว มีใครไหม หาแล้วไม่หลงเงิน ไม่หลงโลภ ไม่มีใช่หรือไม่ 
เราอยู่ในโลกนี้แสวงเพื่อบำรุงเลี้ยงชีวิต ใช่หรือไม่ แต่ไม่ใช่แสวงจนตาย ต้องรู้จักหยุด รู้จักพอ แล้วก็รู้จักประเมินตัวเอง ประมาณตัวเอง ไม่ใช่หาจนทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นทุกข์ หาแล้วทำให้ตัวเองต้องลำบากทีหลัง ใช่หรือไม่ เวลาเราหา หาอย่างไรที่หาอย่างพอดี หาแล้วไม่เป็นการโลภจนเกินไป
มีใครบ้างที่อยู่ในโลกนี้แสวงหาแล้วรู้จักพอ ตอนไหนชีวิตที่ควรรู้จักพอ ตอนตายแล้วค่อยพอหรือ บางทีจะตายอยู่แล้วยังห่วงอยู่อีก ใช่หรือไม่ บอกว่าเงินอยู่ตรงโน้นนะ เงินอยู่ตรงนี้นะ อย่างนี้เรียกว่าคนปลงได้ไหม เหนื่อยจนตาย ใช่หรือไม่ ฉะนั้นบางครั้งต้องรู้จักหยุด ต้องพอบ้าง ตอนไหนที่เราควรพอ หาเช้ายันค่ำ ใช่ตอนตายถึงจะพอหรือ หมดแรงทำถึงจะพอหรือ ทำตั้งแต่เช้ายันค่ำไม่เคยนอนพัก ค่ำเสร็จตอนเช้าทำต่อ ตอนเช้าเสร็จทำต่อยันค่ำ ตอนไหนกันแน่ที่ควรพอ อย่ารอตอนตายแล้วค่อยพอ ตอนเป็นต้องรู้จักพอก่อน แล้วเราจะไม่เหนื่อยจนตัวตาย
หากวันนี้ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยก็หยุดเสีย เมื่อไรเหนื่อยจงหยุด เมื่อไรเหนื่อยจงพอ เราก็รู้ตอนไหนเหนื่อย ไม่ใช่เหนื่อยแล้วก็ยังทำไปอีก เงินที่หามาได้ก็กลายเป็นค่ารักษา ฉะนั้นมีชีวิตอยู่แสวงหาได้ แต่หาแล้วต้องรู้จักพอเป็น รู้จักหยุดเป็น ไม่อย่างนั้นการแสวงหาจะฆ่าเราตายทางอ้อม
เรื่องสุดท้ายก่อนที่เราจะจากกัน บางท่านนั่งฟังมาจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าธรรมะคืออะไรใช่ไหม เราอยากบอกว่าทุกชีวิตต่างมีธรรม ธรรมคือความเป็นจริงของชีวิต คนทุกคนมีเกิดแก่เจ็บและตายอยู่ในตัวตนทุกคน ในเกิดแก่เจ็บตายนั้นเป็นธรรม เรามีธรรมอยู่ทุกขณะ ผมเรามีธรรมไหม (มี) เนื้อเรามีธรรมไหม (มี)  ถ้ามีคำว่าเกิดแก่เจ็บตาย ทุกสิ่งคือมีธรรมหมด แต่เราจะมีแค่มีธรรม หรือมีธรรมแล้วทำให้เราเป็นผู้ประเสริฐ มีธรรมแล้วทำให้เราหลุดพ้นการเกิดตาย แล้วธรรมอะไรล่ะที่มากกว่า และทำให้เราเป็นผู้ประเสริฐและหลุดพ้นการเกิดตายได้ นั่นก็คือความเมตตา ความซื่อสัตย์ ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีไหมในตัวท่าน มีแต่ไม่ค่อยได้ทำใช่หรือไม่ (ใช่)
แต่ว่าวันนี้ไม่ต้องพูดถึงขั้นหลุดพ้น พูดง่ายๆ แค่เพียงว่าเรามีธรรมแล้ว จะทำให้เราไม่ต้องทุกข์ ชีวิตนี้ทุกข์ไหม ทุกข์เรื่องอะไรบ้าง อย่าบอกนะว่าทุกข์เพราะไม่มีเงิน ทุกข์เพราะเรื่องอะไรที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต (ทุกข์เพราะความแก่ และความเจ็บ)  ความแก่กับความเจ็บอะไรทุกข์มากกว่ากัน (ทุกข์เพราะเจ็บ ทุกข์เพราะเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกข์เพราะไม่มีคนที่เรารัก และไม่มีคนที่รักเรา)  แล้วเราเคยรักใครหรือยัง ถ้าเรารักจนถึงที่สุดไม่ต้องกลัวไม่มีคนรัก (ทุกข์เพราะกลัวตาย)  ทำไมกลัวตายล่ะ (เพราะว่าตายแล้วไม่รู้ไปไหน)  เราอยากรู้ไหมว่าตายไปจะไปไหน ต้องมองดูปัจจุบันเราทำอะไร จริงไหม ถ้าปัจจุบันเราทำดี ตายไปจะไปตกนรกหรือ มันก็ไม่ใช่ ฉะนั้นอย่ากลัวตาย (ทุกข์เพราะไม่รู้จักปล่อยวาง, ทุกข์เพราะเรามีลูกหลานเยอะ) ใช่ลูกหลานเยอะแล้วทุกข์หรือ (กลัวเขาหากินไม่ราบรื่น) เพราะเป็นห่วงใช่หรือไม่ แต่ท่านเคยได้ยินไหมว่า หาทรัพย์สมบัติให้เขาแทบตาย ถ้าเกิดเขาไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทำก็เปล่าประโยชน์
ท่านเคยได้ยินไหมว่า ทุกคนมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง ท่านพยายามขีดให้เขา แต่ถ้าเขาไม่เดิน ห่วงไปก็เหนื่อยเปล่า (ทุกข์เพราะเป็นห่วงคนที่รัก)  แล้วต่อไปจะห่วงอีกไหม (ก็ห่วง) อย่างนั้นก็ต้องทุกข์ต่อไป แล้วอยากพ้นทุกข์ไหมต้องทำอย่างไร ปล่อยได้ควรปล่อย ห่วงได้ควรห่วง ห่วงเป็นบางเรื่อง (ทำดีแล้วไม่ได้ดี กลับโดนคนว่า) อย่างนี้ไม่ต้องทุกข์หรอก มีใครในโลกไม่โดนนินทา มีใครในโลกไม่โดนว่า ทำดีก็ถูกว่า ทำไม่ดีก็ถูกว่า อย่างนั้นทำใจดีกว่า (ทุกข์เพราะไม่รู้จักพอ)  ตอบได้ดี ถ้าเราไม่มีความอยากก็จะพอได้ (ทุกข์เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจในอริยสัจ 4)  แล้วทุกข์มาจากไหน (มาจากไม่ปฏิบัติในหัวข้อสี่ข้อในอริยสัจ 4 คือไม่รู้จักคำว่าพอ มีความโลภ มีตัณหา ต่อไปก็ไม่รู้จักดับ แล้วก็ไม่รู้จักที่จะปฏิบัติในทางที่เป็นสุข คือในทางที่ชอบ)  ตอบได้ดีเหมือนกันแต่อริยสัจ 4 จะบอกว่าทุกข์มาจากไหน แล้วจะดับอย่างไร ใช่หรือไม่ อริยสัจ 4 บอกว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุแห่งทุกข์ อะไรคือทางดับทุกข์ และอะไรคือทางพ้นทุกข์ แล้วทุกข์เกิดจากไหน รู้หรือยัง (ทุกข์เกิดจากตัณหาหรือความโลภ)  ทุกข์เพราะเกิดจากตัณหา เกิดจากความอยากใช่ไหม (ใช่)  แล้วเราทุกข์เพราะอยากอย่างเดียวไหม ทุกข์เพราะกิเลส แล้วทุกข์เพราะอะไรอีก ทุกข์ที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์คือกลัวความพลัดพรากใช่หรือไม่ (กลัวชดใช้กรรม)  มนุษย์เรามีความทุกข์ที่ต้องเกิดขึ้นเหมือนกันทุกๆ คนคือ เกิดแก่เจ็บตาย แล้วทุกข์ที่น่ากลัวที่สุดคือ (ความตาย)  เราจะบอกท่านว่า ทุกข์ที่เรียกว่า “ตาย” ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ความตายทำให้เรารู้ว่าเวลามีค่า ความตายทำให้เรารู้ว่าชีวิตนี้ต้องสร้างคุณค่าให้กับชีวิตมากที่สุด ความตายทำให้เราได้คิด ความตายทำให้เรารู้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  และความตายยังทำให้เรามีวีรบุรุษ มีวีรชน ความตายยังทำให้เรารู้จัก

พระพุทธองค์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นความตายคือ “ครูของเรา ความตายคือผู้มีพระคุณของเรา” ถ้าบรรพชนไม่ยอมตายจะมีเราในวันนี้ไหม (ไม่มี)  ถ้าวันนี้เราไม่ยอมตายจะมีลูกหลานต่อไปไหม (ไม่มี)


ฉะนั้นอย่ากลัวตาย ถ้าชีวิตนี้ทำดีจนถึงที่สุด ความตายก็คือการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติไปเท่านั้นเอง แล้วเรากลัวอะไร (กลัวการเวียนว่ายตายเกิด)  กลัวตายแล้วต้องกลับมาเกิดไหม เราว่ายังไม่ทันกลัวตรงนั้น แต่ท่านกลัวตายมากกว่าใช่หรือไม่ (ใช่)  เราอยากบอกท่านว่าทุกขณะที่เราเจริญเติบโต เรามีความเสี่ยง มีความตายอยู่ทุกขณะจิต เราโตหนึ่งขวบก็ตายหนึ่งขวบ เราโตหนึ่งปีเราก็ตายอีกหนึ่งปี ใช่หรือไม่ (ใช่)  หากชีวิตคือจุดเริ่มต้น ความตายก็คือการกลับไปสู่จุดเริ่มต้นนั้น หรืออาจจะเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า การตายของสิ่งหนึ่ง เพื่อการเกิดของอีกสิ่งหนึ่ง นั่นแปลว่ามันเป็นกฎธรรมชาติ เหมือนผิวอันหนึ่งออกไป แต่มีผิวอีกอันหนึ่งขึ้นมาแทน ผมเส้นหนึ่งร่วงไป แต่ผมอีกเส้นหนึ่งก็มีขึ้นมา ฉะนั้นความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวถูกหรือเปล่า เหมือนเรายกตัวอย่างอีกอย่างหนึ่งนะ ตอนเช้ากับตอนเย็น ใครชอบตอนเช้า ใครชอบตอนเย็น ทำไมจึงชอบตอนเช้า เพราะเรารู้สึกว่าตอนเช้าคือการเริ่มต้น การสร้างสรรค์ใช่หรือไม่  (ใช่)  ตอนเย็นคือการพักผ่อนนอนหลับใช่หรือไม่ (ใช่)  ความตายก็เหมือนกับตอนเช้ากับตอนเย็น เราเลือกได้ไหมว่า ชีวิตฉันจะมีแต่ช่วงเช้าไม่มีช่วงเย็น (ไม่ได้)  ชีวิตมีแต่ช่วงเย็นไม่มีช่วงเช้าได้ไหม (ไม่ได้)  อย่างนั้นเราก็ต้องยอมรับความจริงว่า ชีวิตเมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ เราจะอยู่ระหว่างการเกิดตายอย่างไร เมื่อไรที่จากเกิดแล้วต้องกลายเป็นตาย เรารับความจริงได้ไหม ถ้าวันหนึ่งเรามีแขน แล้ววันหนึ่งแขนเกิดตายไป แขนตายแปลว่ามันใช้การไม่ได้ เรารับความเปลี่ยนแปลงได้ไหม มนุษย์รู้ว่าเกิดคืออะไร ตายคืออะไร แต่มนุษย์รับความเปลี่ยนแปลงบนโลกไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงทำให้มนุษย์ทุกข์ อย่างเช่น เขาเคยอยู่กับเราดีๆ แต่พอเขาเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี เรารับ (ไม่ได้)  เราทุกข์ ฉะนั้นกฎธรรมชาติจึงสอนท่านไว้ว่า เมื่อไรที่พยายามรักษาสิ่งหนึ่งให้คงอยู่ เราต้องยอมรับความเป็นจริงด้านตรงกันข้ามของอีกสิ่งหนึ่งให้ได้ด้วย ทำใจได้ไหม อย่างเช่นฉันหน้าตาอย่างนี้ วันหนึ่งเปลี่ยนแปลงกลายเป็นหน้าตาเหี่ยวย่น รับได้ไหม ถ้ารับได้คงทุกข์น้อย ถ้ารับไม่ได้คงทุกข์มาก
วันนี้มีคนที่ท่านรัก แต่สักวันหนึ่งคนที่ท่านรักต้องเปลี่ยนไปไหม ต้องดับไหม (ดับ)  แล้วช่วงที่เขาเปลี่ยน รับได้ไหม ถ้าช่วงเปลี่ยนรับได้ ช่วงที่ดับก็สู้ไหว แต่ถ้าเกิดช่วงที่เปลี่ยนรับไม่ได้ ช่วงที่ดับก็สู้ไม่ไหว จริงไหม (จริง)  แต่ก่อนมีเงินดีใจไหม (ดีใจ)  แล้วเงินมีวันดับไหม ดับคือ (หมดไป)   แต่ก่อนที่มันจะหมดไป มันเหลือแค่ครึ่งเดียว พอเหลือครึ่งเดียวแล้วมันหมดแล้วสู้ไหวไหม ไม่ไหวก็ต้องไหว
ชีวิตเคยอยู่กับเราแต่ตอนนี้ชีวิตตกอยู่ในเวรกรรมทำใจได้ไหม รับไม่ได้หรือ รับไม่ได้ต้องทำให้ได้ เมื่อความเปลี่ยนแปลงมาสู่มนุษย์เป็นบทเรียนเตือนให้มนุษย์รู้ว่า มนุษย์กำลังเดินไปสู่ความตาย เมื่อเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตแล้วเราต้องสู้กับมันสิ ยอมรับความจริงอย่าหนี คนที่หนีคือคนโง่ คนที่กล้ารับความจริงแล้วคิดว่ามันคือชีวิต มันคือธรรมชาติ คนนั้นจะสามารถเอาชนะความทุกข์ในโลกได้ ยากไหม (ไม่ยาก, ยาก)  ไม่ยากนะ ถ้าท่านยอมรับความจริง ถูกหรือไม่ (ถูก)  ฉะนั้นถ้าเกิดพรุ่งนี้จะต้องตายกลัวไหม (ไม่กลัว)  คนที่กลัวแปลว่ายังไม่ดี จริงไหม คนที่ตายได้แม้กระทั่งวันนี้แปลว่าถึงพร้อมในความดี
ฉะนั้นในวันนี้มาฟังธรรมะเพื่ออะไร เพื่อทำให้เราเป็นคนดี เพื่อทำให้เราไม่ประมาท และเพื่อทำให้เรารู้จักหาทางดับทุกข์ ใช่ไหม (ใช่)  และถ้าเราหาได้ การจะไปช่วยเหลือคนอื่นยากไหม (ไม่ยาก) แต่ถ้าตัวเองยังดีไม่ได้ จะไปช่วยใครให้ดีได้ ตัวเองยังพ้นทุกข์ไม่ได้ แล้วจะไปช่วยใครให้พ้นทุกข์ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) ตอนนี้ท่านรู้หรือยังทางดับทุกข์คืออะไร (ไม่ต้องเกิด)  แต่เราทำได้ไหม ไม่เกิดความรัก จะได้ไม่หลงและไม่ต้องทุกข์เพราะรัก ไม่เกิดความโกรธ จะได้ไม่ทุกข์เพราะโกรธแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่เกิดความอยาก เพราะถ้าอยากมากไปแล้วทำให้เหนื่อยสายตัวแทบขาด หรืออยากมากไปแล้วกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ก็จะอยากน้อยหน่อย ดีหรือไม่ (ดี)
ฉะนั้นเมื่อไรจะรักจงรู้ที่จะรัก เมื่อรักใครจงมองให้ออกว่าเขามีอะไรที่น่าเกลียด แล้วความรักนั้นจะทำให้เราไม่หลง จริงไหม (จริง)  รักแล้วต้องเห็นว่าเขามีอะไรน่าเกลียด แล้วเราจะหลงเขาไม่มาก จะรักเขาแบบไม่ทำร้ายตัวเอง จริงไหม (จริง)  เมื่อไรที่เราเห็นคนที่เราเกลียด เราจะไม่เกลียดจนกระทั่งโกรธและแช่งชักหักกระดูกถ้าเราเห็นว่าเขาก็มีดี  ฉะนั้นความทุกข์ไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่เรารู้จักสู้กับมันหรือเปล่า เท่านั้นเอง ยอมรับความเปลี่ยนแปลงให้ได้ เพราะความเปลี่ยนแปลงคือชีวิต ความดับคือความจริง ใช่ไหม (ใช่)  รักลูกขนาดไหน ถึงเวลาลูกต้องเปลี่ยนแปลงไหม (เปลี่ยน)  เราก็ต้องยอมรับให้ได้
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท คำว่า “พลังแห่งยามเช้า”)  คำนี้มีความหมายว่าอะไรรู้ไหม  ยามเช้าเป็นการเริ่มต้น ยามเช้าคือสิ่งใหม่ ทุกชีวิตมีแต่วันนี้ ขณะนี้ ไม่มีพรุ่งนี้ เวลาเช้าคือเวลาแห่งการสร้างสรรค์ เวลาแห่งการเริ่มต้น ถ้าวันนี้เราต้องเจอยามเช้า คิดเสียว่าเราจะเริ่มต้นทำอะไร เราจะสร้างสิ่งใด ชีวิตคือการสร้างไม่ใช่ทำลาย แล้วเราจะสร้างสิ่งใดให้กับชีวิต ก่อนที่ชีวิตนี้จะถูกทำลายลง สร้างสิ่งที่ดีเพื่อประโยชน์ของมวลชนดีกว่าไหม (ดี)  สร้างหนทางดับทุกข์ให้กับผู้อื่นบ้างได้ไหม (ได้)  คงไม่ยากเกินไปใช่หรือไม่ (ใช่)  ขอให้ทุกวันคือเช้าวันใหม่ ทุกวันคือวันใหม่ วันใหม่ในการเริ่มต้น วันใหม่ที่มีจิตใจใหม่ๆ สดใส ร่าเริง ได้หรือเปล่า (ได้)  ทุกข์คือของเมื่อวานแล้ว วันนี้คือวันใหม่ เราคงเข้มแข็งและสู้ชีวิตอยู่ทุกๆ ขณะ
แม้วันนี้จะไม่ได้มีโอกาสผูกบุญสัมพันธ์กับพระอาจารย์ หรือเซียนองค์อื่นๆ แต่วันนี้ก็ยังได้ผูกบุญสัมพันธ์กับเรา ท่านอยากรู้ไหมว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไร เราอยากบอกท่านว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือคนที่เกิดมาแล้วรู้จักทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าเพื่อตัวเอง ชีวิตนี้ทั้งชีวิต ตัวเองไม่มีสุขไม่เป็นไร ขอให้คนอื่นมีสุขแค่นี้ก็เรียกว่า “พระพุทธะบนแดนดิน”  แล้วท่านคิดว่าท่านเป็นไม่ได้หรือ เป็นได้นะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อยู่ที่ว่าจะพอเพื่อตัวเองหรือยัง แล้วการพอจะไปทำเพื่อผู้อื่นบ้างหรือไม่ ใช่ไหม (ใช่)
วันนี้เราคงมาผูกบุญสัมพันธ์แค่นี้ บำเพ็ญธรรมเพื่อช่วยตัวเองและเพื่อช่วยผู้อื่น บำเพ็ญธรรมเพื่อขัดเกลาตัวเองให้เป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม พยายามไม่ทำสิ่งผิด รักษาแต่สิ่งที่ดีให้คงอยู่กับตัวเองให้นานๆ ได้ไหม คงไม่ยากใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เวลาทำดีขอให้เข้มแข็ง เจอเพื่อนว่า เจอเพื่อนด่า อดทนได้ไหม (ได้)  คนที่ดีที่แท้จริง คือ แม้อดข้าวหนึ่งมื้อก็จะเอาดีให้ได้ แม้จะต้องถูกด่าถูกเหยียบย่ำก็จะรักษาความดีให้อยู่ แม้รีบร้อนขนาดไหน ความดีก็ต้องมีให้จงได้ คนเช่นนี้แหละคือคนที่ดีโดยแท้จริง ไม่ใช่จะอดตายแล้ว ยอมไม่ดี คนเช่นนี้หาใช่ดีไม่ เราเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้เป็นคนดีได้  แล้วมีโอกาสคงนำความดีนี้ไปช่วยให้คนอื่นได้ดียิ่งขึ้นด้วย  ถ้าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนไม่ดี และทำให้คนอื่นได้ดี ทำไหม (ทำ) ยอมโดนด่า ยอมโดนตำหนิว่าร้ายได้ไหม (ได้)  ถ้าคนเช่นนี้ยอมได้ คนเช่นนี้ก็ดีได้ แต่ถ้าคนเช่นนี้ยอมไม่ได้ คนเช่นนี้ก็หามีดีได้ไม่ ใช่หรือเปล่า (ใช่)
อย่าคิดว่าเรามาแสดงละคร หรือเล่นละครหลอกลวงเลย ไม่สนุกหรอกนะ เราทำแล้วได้อะไรล่ะละครบทนี้ เรามาเพราะอยากปลุกจิตใจอันดีงามให้ตื่นขึ้น เมื่อตื่นขึ้นแล้วจงเอาจิตใจอันดีงามนี้ไปช่วยคน ช่วยเขาก็คือช่วยเรา ถ้าเขาเดือดร้อนแล้วเราไม่ช่วย ภัยนั่นแหละจะกลับมาหาตัวเรา ถึงเวลาเราก็คงต้องไปแล้ว อย่าคิดว่าเรามาหลอกลวงเลยนะ เรามาเพราะหวังดีจริงๆ อยากให้ท่านได้ดีและเป็นคนดีในสังคม ที่พยายามจะช่วยกันผลักดันให้สังคมนี้มีดียิ่งๆ ขึ้นไป ถึงเวลาก็คงต้องกลับแล้ว รักษาความดีดุจเกลือรักษาความเค็มนะ




พระโอวาทซ้อนพระโอวาท   “พลังแห่งยามเช้า”

    เกิดตายเป็นเพียงพริบตาอย่าเมามัว      
ความดีชั่วอยู่ที่ตัวเลือกทำได้
เกิดเป็นคนจงหัดทำตัวง่ายง่าย              
คนตื่นใจไม่ท้อในสิ่งที่ทำ
ชีพคนเอ๋ยเริ่มขึ้นที่ยามเช้า                   
กลายต้องเบาแรงลงในยามค่ำ
โลกของคนบ้างดูก็น่าขำ                     
หรือน้ำตาตกในไม่รู้ตัว

อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

2548-05-21 สถานธรรมเจาหยู จ.เชียงใหม่



PDF  2548-05-21-เจาหยรู #4.pdf

วันเสาร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘     พุทธสถานเจาหยู จ.เชียงใหม่
พระโอวาทท่านอว๋าอวาเซียนหนวี่

  เรื่องความดีเล็กน้อยก็ทำ                     ลุยทุกน้ำด้วยความเจียมตน
ทำความน้อมนอบที่เป็นสากล                รู้ใช้คำคนฝึกยามท้อ
ที่สวยงามตามหาข้างใน                       เล็งนิสัยวุ่นวายอารมณ์
มีความคิดก็ต้องมีคารม                        สุขประพรมอมยิ้มไว้ในใจ

                        เราคือ                                               
  อว๋าอวาเซียนหนวี่                      รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา       ลงสู่พุทธสถานเจาหยู  แฝงกายกราบ
องค์มารดาแล้ว                                  ถามทุกท่านยินดีต้อนรับเราไหม

  การมุ่งจะเป็นผู้มีจุดหมาย                   จะเป็นได้อย่าปล่อยใจถลำ
อย่าปฏิบัติเลือกช่างเก็บช่างงำ               กรรมขึ้นกับคนทำอะไรมา
ได้จังหวะโอกาสแล้ววิบากตามซัด          ง่ายสารพัดก่อเกิดกรรมง่ายหนา
สำนึกผ่านสู่ความบริสุทธิ์ในวิญญา        คนจะสอบเป็นพญา[๑]กล้าเผชิญ
ความประเสริฐความเลิศคนสัมผัสรู้        ใจตรงอยู่ซ่อนกว้างสุดประเมิน
ระวังการกระทำทางใหญ่อย่าเพลิน         ขยันเดินคนใจเดียวพิชิตทาง
ทุกจุดหมายโลกเป็นที่บังเกิด                  ความประเสริฐมีโลกเป็นที่สร้าง
เพราะวายวุ่นจึงรู้จักระวัง                      เพียงแต่ใจสงบตั้งปราศจากภัย
ถึงดวงล้ำเลิศเรืองประดุจชาด                ถึงตายังแจ่มชัดดั่งเจียระไน
แต่อย่าเผลอในความประมาทไป            โยโส[๒]ทำที่สิ่งใดผยองเอา
คนมีธรรมสอนคนไม่กระดาก                 หลายคนสอนลำบากมากรุมเร้า
เพื่อเส้นชัยต้องชั่งปัญญาเรา                 ศึกษาเอาจงฝึกต้องน้อมตน

ฮิ  ฮิ  หยุด



[๑] พญา      เจ้าแผ่นดิน, เป็นใหญ่, เป็นหัวหน้า
[๒] โยโส      อวดดี


พระโอวาทท่านอว๋าอวาเซียนหนวี่


ที่มาวันนี้ เราเป็นเซียนเด็ก ไม่ใช่เซียนผู้ใหญ่  วันนี้เรามาเล่นเกมดีไหม ขออาสาสมัครสักสองสามคน  เราวางแจกันนี้ไว้ด้านหลัง แล้วให้ท่านดูว่าแจกันนี้มีน้ำหรือไม่มีน้ำ ห้ามยก ได้แต่มอง ได้ไหม ให้เข้าไปทีละคน  เชิญนั่งก่อนแล้วเข้าไปทีละคน เอาวางไว้ตรงนี้นะ เข้าไปดูทีละคนนะ เกมนี้ไม่ยากใช่ไหม ให้คนที่ดูเมื่อสักครู่เป็นตัวแทนเดินไปดูนะว่ามีน้ำหรือไม่มีน้ำ  คนแรกบอกตามความเป็นจริงว่าเห็นอย่างไรบ้าง (เท่าที่ดูไม่มีน้ำ) ดูเฉยๆ นี่ไม่มีใช่ไหม  ท่านต่อไป  บอกตามความเป็นจริงนะ (ไม่มี,ไม่เห็น, มี, ตอนที่ไม่ตั้งใจดูเห็น แต่ถ้าตั้งใจดูแล้วไม่เห็น)  ท่านคิดว่าในบรรดาคำตอบนี้ ใครพูดความจริง แล้วใครที่พูดความคิดเห็น  เวลาเราจะพิสูจน์เรื่องใดก็ตาม  เราต้องพูดถ่ายทอดความจริงใช่ไหม ถ้าเมื่อไรเราถ่ายทอดความเห็นผสมความจริง  คนที่ฟังจะพิสูจน์ไม่ได้ คนที่ฟังจะตัดสินใจเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้ จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นถ้าคนที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า เป็นตัวแทนของนักเรียนในชั้น เวลาเราได้แค่ดู  เราต้องพูดตามสิ่งที่เราดู จึงเรียกว่าถ่ายทอดความจริง แต่ถ้าไปดูแล้วเราใส่ความเห็นเข้าไปด้วย คนที่ฟังจะตัดสินใจลำบาก จริงไหม (จริง) 
ข้อเสียอย่างหนึ่ง ของมนุษย์เวลามองเห็นสิ่งใด มักไม่ยอมถ่ายทอดความจริงก่อน มักจะชอบนำอารมณ์ไปผสมในความจริงที่ตัวเองเห็นด้วย จริงไหม(จริง) ถ้ามนุษย์เราบอกว่าแค่มอง  แล้วก็กลับมาเดา  เดาไม่ได้ เพราะมันมองไม่เห็น “ถ้ามีไฟฉายหน่อย อาจจะดีกว่านี้” ใช่ไหม (ใช่)  อะไรคือความจริง อะไรคือความเห็น ความจริงก็คือเขาดูไม่ออก ใช่หรือไม่(ใช่) ส่วนความเห็นก็คือ ถ้าเขามีไฟฉาย  เราอยู่ในโลกนี้ บางครั้งที่เราไม่สามารถมองเห็นความจริงในโลกนี้ได้ก็เพราะว่ามนุษย์เราอดใส่ความรู้สึกลงไปในสิ่งที่ เห็น ฟัง สัมผัสไม่ได้ เราจึงมองไม่เห็นความจริง เราจึงไม่รู้ความจริงจากปากคนสักที จริงไหม (จริง)  เวลาเราไปดูอะไรมา แล้วบอกเขาว่า ให้เล่าเรื่องให้ฟังหน่อย  เราก็ใส่อารมณ์ เราก็ใส่ความคิดอย่างนั้นอย่างนี้  แล้วตกลงเป็นอย่างไรกันแน่ ถ้าเขาถามว่าหนังเรื่องนั้นสนุกไหม เราก็เล่าเป็นฉาก เป็นตอน บางทีเขาอยากฟังความคิด แต่เรากลับพูดความจริง ใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นเราอยู่ในโลกนี้  การจะตัดสินใจอะไร ขอให้ซื่อๆ ตรงๆ กับสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่สัมผัส เมื่อมองเห็นได้จริง มองเห็นได้ชัดแล้ว เราก็จะตัดสินใจได้ว่า สิ่งที่เรามองอย่างซื่อๆ ตรงๆ นั้น จริงหรือเท็จ แต่ถ้าเราไม่สามารถมองได้อย่างซื่อๆ ตรงๆ สิ่งที่เรามองเห็นนั้นก็คือมายา ภาพลวง ที่เราเป็นคนสร้างขึ้นเอง ใช่ไหม (ใช่)  
เรามีเสื้อไว้ใส่เพื่ออะไร (เพื่อปกปิดร่างกาย)  เพื่อปกปิดร่างกายเท่านั้น แต่บางทีดูไปดูมาเสื้อนั้นเป็นอย่างไร มันกลับยิ่งเปิด มากกว่าปิด ใช่ไหม (ใช่)  เราก็คิดว่า ไม่เป็นไร เปิดนิดๆ หน่อยๆ สวยดี ทั้งที่จุดประสงค์แรกในการใส่เสื้อผ้าก็คือปกปิดร่างกาย หรือไม่ก็คือคลายความหนาว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางทีกลายเป็นอยากใส่ตัวนี้ แม้หนาวจะตาย แต่ก็อยากใส่ ใช่ไหม (ใช่)  เราจึงถูกภาพลวงหลอกตัวเราเอง หรือเรากำลังสร้างภาพลวงหลอกใจเราเองหรือเปล่าเมื่ออยู่บนโลกนี้ ฉะนั้นอย่าว่าคนอื่นหลอกเรา ถามตัวเราเองก่อนว่าเราหลอกตัวเองไปกี่ครั้ง แล้วตอนนี้เรากำลังจะหลอกตัวเองหรือเรากำลังจะมองเห็นตรงตามความเป็นจริง ใช่ไหม (ใช่)  
ท่านว่าใบไม้นี้สวยไหม (สวย)  แล้วดอกไม้นี้สวยไหม (สวย)  แล้วถ้าเปรียบเทียบอย่างไหนสวยกว่ากัน (ดอกไม้)  แล้วใบไม้ไม่สวยแล้วหรือ (ไม่สวย)  แล้วเมื่อสักครู่บอกว่าสวยไม่ใช่หรือ สวยไหม(สวย)  แต่ถ้าให้เลือกจะเลือกอะไร(ดอกไม้)  นั่นหมายความว่าอย่างไร เลือกสิ่งที่สวยกว่า สิ่งที่ดีกว่า ใช่หรือไม่(ใช่)  แต่ถ้าแจกันนี้จัดออกมามีแต่ดอกไม้ล้วนๆ สวยไหม (ไม่สวย)  ต้นไม้มีแต่ดอก แต่ไร้ใบ สวยไหม (ไม่สวย)  สวย สังเกตสิ ต้นไม้โกร๋นหมด แต่มีดอกสีแดงเต็มไปหมด ท่านบอกก็สวยนะ ใช่ไหม (ใช่)  ความสวยความงามใช่อยู่ที่รูปไหม แต่อยู่ที่ไหน (ตัวเรา)  ใช่ ตัวมนุษย์เป็นคนกำหนดต่างหาก ฉะนั้นถ้าวันนี้มีคนชมว่าสวยก็อย่าได้ภูมิอกภูมิใจ เผอิญว่าองค์ประกอบนั้นหาสวยไม่ได้แล้ว  ได้ไหม(ได้)  เขาเรียกว่าคิดแบบนี้เพื่อไม่ให้หลงตัวเอง ใช่หรือเปล่า(ใช่) เพราะคนบางคนพอสองคนชมว่าสวยบ่อยๆ เริ่มหลงว่าฉันสวย พอออกจากบ้านต้องสวยไว้ก่อน  ฉะนั้นบางครั้งคำชมดี ให้กำลังใจ แต่บางครั้งตัวเราต้องคอยยั้งใจไว้ด้วยเพื่อไม่ให้เราหลงไป  เพราะ คนที่ชมได้ก็เพราะว่ามีการเปรียบเทียบ  ใช่หรือไม่ (ใช่)  วันนี้เราอาจจะอยู่เหนือกว่า แต่ต่อไปคนที่เหนือกว่าเราก็มี จริงหรือไม่(จริง) ฉะนั้นสวยที่สุด ดีที่สุดนั้นควรอยู่ที่ไหน (ใจ)  เอาใจสวยดีกว่าใช่ไหม (ใช่)  ดอกไม้เป็นช่อกับดอกไม้เดี่ยวๆ ท่านเลือกแบบไหน (ช่อ)  แบบเดี่ยวติดอกง่าย แบบช่อถือไปหนัก ใช่หรือเปล่า (ใช่)  เห็นไหม ต้องค่อยๆ คิด เราจะคิดได้ว่าน้อยๆก็มีค่า อย่าบอกว่าไร้ค่า น้อยๆ นั่นแหละ บางทีกลับสะดวกและนำพาไปไหนได้ง่าย  มากๆ ถือไปกลับเกะกะและหนักด้วย  รู้อย่างนี้เอาน้อยๆ ดีกว่า เพราะฉะนั้นเราอยู่บนโลก เราควรโลภหรือไม่โลภ (ไม่โลภ)  อย่างนั้นเราคุยธรรมะกันเท่านี้พอนะ เอาน้อยๆ ดีกว่านะ แล้วเดี๋ยวเราก็กลับแล้วได้ไหม (ไม่ได้)  ทำไมน้อยไปหรือ
อย่างนั้นเราถามท่านหน่อยนะ บางทีเวลาถูกคนว่าใช้คำรุนแรง เจ็บๆ แสบๆ เราโกรธไหม (โกรธ) เราคิดว่าเขาไม่น่าพูดอย่างนี้เลยใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่เวลาเราโมโห เราเผลอพูดเจ็บๆ แสบๆ ไหม (เผลอ)  อย่างนี้ไม่ใช่เรียกว่าคิดได้จริงๆ คนที่คิดได้ต้องมีคารมที่ดี คนที่คิดได้ คนนั้นต้องไม่เผลอพูดไม่ดีตาม ใช่หรือไม่ (ใช่)  นี่จึงจะเรียกว่าคิดได้ และคนที่เห็นคนอื่นผิดได้ ตัวเองต้องไม่ผิดตาม นี่จึงจะเรียกว่ารู้จักว่าเขาได้ ถ้าว่าเขาได้  แต่ตัวเองก็เป็นตาม  อย่าไปว่าเขา ขายขี้หน้าใช่ไหม (ใช่)  เราควรเห็นใจเขามากกว่าว่าคงเป็นเพราะเขายังโกรธอยู่ เพราะเขาห่วง ใช่หรือไม่ (ใช่)
ใครชอบกินอมยิ้มบ้าง มีคนยกมือ แปลว่าคนที่ไม่ยกมือ ไม่เคยกินมาก่อนใช่ไหม เคยชอบไหม (ชอบ)  พออมแล้วยิ้มไหม อมนานๆ แล้วยิ้มออกไหม เพราะอะไร (ฟันผุ)  ฟันผุหรือ แปลกนะความหวานพออมนานเกินไป อมมากเกินไป มันกลายเป็นแสบคอกลายเป็นโทษ แล้วบางทีพออ้าปากมีกลิ่นเหม็นด้วย ใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าให้เลือกขมกับหวาน เราก็ต้องเลือกหวานไว้ก่อน ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นแม้ว่าจะขมหรือแม้ว่าจะหวาน ทั้งความขมกับความหวานก็ต้องมีระยะเวลา อย่าหวังกับมันมากเกินไป เหมือนความรักความหวังดีกับเพื่อนที่มีให้กัน บางทีเราอดคิดไม่ได้ว่า เขาต้องให้เรามากกว่านี้สิ เหมือนเขารักเรา เราบอกต่อไปเขาคงต้องรักเราให้มากกว่านี้ และเขาต้องยิ่งเยอะขึ้นๆ  เราเคยหวังแบบนี้ไหม (เคย)  เหมือนแม่ให้เราร้อยบาท ต่อไปแม่ต้องให้ร้อยห้าสิบบาท หนูโตแล้วแม่ต้องให้สักสองร้อยบาท หนูโตขึ้นอีกแม่ต้องให้สามร้อยบาท พอเราได้ไม่ถึงอย่างที่หวัง เราก็เป็นอย่างไร (เสียใจ, ผิดหวัง)  แล้วเราก็ทำคนอื่นเจ็บปวดไปกับเราด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่) 
ท่านออกไปข้างนอกท่านก็ต้องขออนุญาตพ่อแม่ บอกคนที่รู้จักในบ้าน ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราก็เหมือนกัน ก่อนจะออกมาจากเบื้องฟ้า เบื้องบน เราก็ต้องขออนุญาตองค์มารดาเหมือนกัน ท่านก็มีแม่ เราก็มีแม่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ทุกคนก็มีแม่ ฉะนั้นไปไหนมาไหนก็อย่าลืมบอกพ่อแม่ก่อน ถ้าท่านไม่ให้มา(ประชุมธรรม)จะมาไหม (มา)  อย่างนี้กำลังฝืนคำสั่งพ่อแม่หรือเปล่านะ อย่างนั้นเราก็ต้องรู้จักใช้คำพูดอย่างไรที่ทำให้ท่านอนุญาตให้มา ด้วยการโน้มน้าวเหตุผลที่ดี “หนูไปนะไม่ใช่เพื่อตัวเองนะ หนูไปแล้วหนูจะเอาบุญ เอากุศลมาฝากแม่” ใช่หรือไม่ (ใช่)  เราเข้าวัดฟังธรรมเพื่อเอาสิ่งที่ดีไปฝากคนข้างหลัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราเข้าวัดอย่าเอาฝุ่นกิเลสความไม่ดีในวัดกลับบ้านนะ หลายครั้งเวลาเราไปวัด แทนที่จะจำสิ่งที่ดี เราไม่ค่อยจำ  เราชอบนินทาคน เห็นคนนั้นผิด เห็นคนนี้ไม่ดี กลับไปเลยได้ไม่ดีกลับไป แถมตัวเรายังเป็นกิเลสเข้าไปอยู่ในวัดอีก ใช่หรือไม่ (ใช่)  เป็นฝุ่นสกปรกทำให้วัดหมองมัวใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นไปวัดต้องไปด้วยใจบริสุทธิ์ ไปด้วยการที่คิดดีออกมาเราก็จะได้ดี อย่างนั้นวันนี้เราเป็นตัวกิเลสหรือเป็นตัวดีนะ
การใส่ชุดก็บ่งบอกความเป็นหญิงหรือชาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  สวยไหม เสื้อสวยหรือเราสวย (เสื้อสวย) เสื้อสวยแปลว่าเราไม่สวยใช่ไหม พอเราอยู่กับเสื้อแล้วเสื้อหมองหรือเราหมอง สิ่งสำคัญไม่ใช่อยู่ที่เสื้อผ้านะ สิ่งสำคัญอยู่ที่จิตใจสำคัญกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่บางครั้งเราก็ลืมสนใจจิตใจคน เรามักจะสนใจคำพูดมากกว่าจิตใจ สนใจหน้าตามากกว่าสิ่งที่เขาแฝงอยู่ข้างใน ใช่หรือไม่ (ใช่) 
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาเล่นเกมตีฉิ่ง ถ้าท่านพูดว่าตีฉิ่งหนึ่งครั้ง  ให้นักเรียนนั่งลง ถ้าท่านพูดว่า ตีฉิ่งสองครั้งให้นักเรียนยืนขึ้น )  ถ้าใครทำช้า เราจับเต้นลิง ได้ไหม(ได้)
สิ่งที่ทำให้คนอื่นมีความสุขได้เราจะทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  สิ่งที่ทำให้คนอื่นมีความทุกข์เราจะถอยไม่ทำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีคนยอมเป็นลิงด้วย ปรบมือให้หน่อยนะ แปลกอย่างหนึ่งนะ บางทีเรารู้ว่าอย่างนี้คือความสุข อย่างนี้คือความดี บางทีเราก็อายที่จะทำใช่ไหม (ใช่)  ฉะนั้นอย่าอาย  ถ้าทำบ่อยๆ  เดี๋ยวเราก็ชิน เหมือนเราบอกว่าเรื่องดีงามเล็กๆ  น้อยๆ  บางทีทำไปเถอะ อย่างเช่นบางที เขาพึ่งแต่งตัวมาใหม่ๆ เราก็ไม่กล้าชม แต่ถ้าเราชมเขา เขาก็มั่นใจ ถูกหรือไม่ (ถูก)  อย่างเช่นชมเขาว่าแต่งตัวแปลกแต่สวย หรือชมว่าแต่งตัวสวยแต่แปลกก็ได้ ใช่หรือไม่(ใช่) เราต้องรู้จักให้กำลังใจคนนะ เรื่องดีเล็กๆ น้อยๆ ทำไปเถอะ ไม่ต้องรอให้ใหญ่ๆ แล้วทำ  เล็กๆ เราก็ทำนะ
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้ทายจำนวนลูกอมในห่อใหญ่ว่า มีลูกอมอยู่ในห่อกี่เม็ด)
ลองทายว่ามีลูกอมอยู่ในห่อนี้กี่เม็ด ดูสิว่าจะมีใครทายถูกไหม(ร้อยเม็ด, ร้อยห้าสิบ, สองร้อย, แปดสิบ,ร้อยยี่สิบ, ร้อยยี่สิบห้า, เจ็ดสิบ, ร้อยสามสิบ, ร้อยแปดเม็ด, เก้าสิบเก้า
ในโลกนี้มักมีสิ่งที่เราชอบและสิ่งที่เราไม่ชอบ แล้วส่วนใหญ่สิ่งที่เราไม่ชอบมักเป็นสิ่งที่เราพบบ่อย แล้วสิ่งที่ชอบเรามักจะพบไม่บ่อย นานๆ ครั้ง อย่างนั้นแปลว่าสิ่งที่ชอบมักเป็นสิ่งที่นานๆ จะมาทีหนึ่ง สิ่งที่ไม่ชอบมักจะมาบ่อยๆ และพบบ่อยๆ  แปลว่าสิ่งที่ไม่ชอบมักจะเป็นจริง แต่สิ่งที่ชอบมักจะเป็นความลวงไหม ก็ไม่ถึงกับลวง แต่บางครั้งนานๆ จะพบได้ที เหมือนเราเสี่ยงทายลูกอม เราจะปักใจว่าเราจะทายถูกเป็นไปได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นในห้วงหัวใจที่เราทาย เราจะต้องเผื่อใจไว้ว่า  เราอาจจะคือคนที่ผิดหวัง จริงไหม (จริง)  แต่เราอยู่ในโลกเรามักจะคิดว่าเราเป็นคนที่ถูกและสมหวังเสมอ  เพราะฉะนั้นเวลามีเรื่องสองเรื่องให้คิด เรื่องหนึ่งคือเรื่องจริง เรื่องหนึ่งคือเรื่องชอบ มนุษย์ส่วนใหญ่มักเลือกเรื่องที่ชอบมากกว่าเรื่องที่จริง ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นจึงทำให้เราต้องทุกข์กับสิ่งที่ชอบ แล้วก็เจ็บช้ำกับสิ่งที่จริงเสมอเลย ฉะนั้นเราอยากบอกท่านว่าอยู่บนโลกนี้อย่าทำอะไรตามใจชอบตลอด เพราะทำอะไรตามใจชอบ มักจะต้องผิดหวังเมื่อไม่ได้สิ่งที่ชอบ และรับไม่ได้เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องที่เป็นจริง ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างเช่นง่ายๆ การนับลูกอมนี้เอง ตอนนี้นับได้หนึ่งร้อยเม็ด แสดงว่าคนที่ทายว่าหนึ่งร้อยเตรียมผิดหวังได้เลย แล้วใครยังอยากทายอีก (ร้อยแปดสิบห้า, สองร้อย,  ร้อยเก้าสิบ, ร้อยแปดสิบ,ร้อยเจ็ดสิบห้า) แปลกนะผิดหวังแล้วเราก็ยังอยากเสี่ยงที่จะผิดหวังอีก แต่เผอิญว่านี่เป็นลูกอมนะ แต่ถ้าเป็นหน้าที่การงาน  ตำแหน่งชื่อเสียง เราคงไม่สนุกเหมือนนับลูกอม จริงไหม (จริง)  ชีวิตจริงๆนั้น จึงไม่ใช่แค่การเสี่ยงทายเท่านั้น ถึงโอกาสที่เราต้องตัดสินใจ ถึงมุมที่เราต้องเลือกอย่าเสี่ยงทาย อย่าให้หมอดูเดา เราต้องตัดสินใจด้วยชีวิตเราเอง แล้วจงมองว่านี่คือสิ่งที่ชอบหรือนี่คือสิ่งที่จริง แล้วสิ่งที่เรากำลังเลือกเป็นจริงแล้วเรารับได้ไหม ถ้าเราเลือกที่จะชอบเมื่อใดที่ผลเป็นด้านตรงกันข้ามเราจะอดทนสู้ไหวไหม จริงไหม (จริง)  มนุษย์มักจะมีช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงให้เลือก ช่วงให้ตัดสินใจ แล้วคนที่ต้องรับผิดชอบกับชีวิตของตัวเรา ก็ไม่ใช่คนอื่นใด ตัวเราเอง คนอื่นแค่ยุ แนะ แล้วก็ผลักดัน ฉะนั้นถ้าผิดแล้วไม่มีใครเขารับด้วยนะ เราต้องรับผิดชอบ เราต้องรับมือเอง จริงหรือไม่ (จริง)
ฉะนั้นใครที่นับลูกอมผิด  ไม่ตรง ให้ออกมาเต้นลิง บางทีเราก็ต้องยอมรับว่าเงื่อนไขเกิดขึ้นมาแล้ว เราคิดไม่ถึง  บางทีเราก็คิดไม่ถึง  อย่างเช่นบางทีเราชอบกินอันนี้ พอเกิดโรคถามหา เรากลับตกใจ ฉันเป็นมะเร็ง ฉันเป็นโรคเบาหวาน จริงไหม(จริง)  กลับบ้านไปเงินหายหมดเลย คิดถึงไหม(คิดไม่ถึง) แล้วจะมาบอกว่าฟ้ารอก่อนสิ เมื่อสักครู่ทำไมฟ้าไม่บอก  ถ้าสมมติว่าหัวหน้าทำกับท่านอย่างนี้  หัวหน้าทำอย่างนี้ไม่ถูก ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าตัดสินผิดแล้วจะต้องรับโทษ มีใครจะบอกท่านไหม  ไม่มี ฉะนั้นอย่าโกรธเรานะ เรากำลังสอนบทเรียน ใช่ไหม (ใช่)  บางทีชีวิตเราคาดเดาไม่ได้ ฉะนั้นบางทีต้องกล้ายอมรับทุกรูปแบบ แม้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบเลยก็ตาม จงทำใจรับแล้วก็ชอบมันให้ได้ เมื่อใดที่เราชอบมันเมื่อนั้นความจริงนั่นแหละจะทำให้เรามีสุข
ง่ายๆ เลยเรื่องความตาย กลัวไหม (กลัว)  แต่ถามจริงๆ รู้ไหมว่าต้องตาย (รู้)  แต่ถ้าวันนี้ความตายมาอยู่ตรงหน้า  รับได้ไหม ต้องรับนะ แต่บางคนขอดิ้นทุรนทุรายก่อน “ไม่เอาไม่อยากตาย” แต่เราอยากบอกท่านว่า ถ้าความทุกข์มาอยู่ตรงหน้า ความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้ว จงใช้ใจที่สงบ    ตัวตายแต่ใจไม่ตาย แล้วอะไรที่ทำให้ใจไม่ตาย วันนี้เราจะมาบอกท่าน ที่ตายนั้นตายแต่ตัว แต่ใจของท่านยังอยู่ในใจทุกคน มีค่ามหาศาลและเป็นอมตะ นั่นคือความดีนั่นเอง ใช่ไหม (ใช่)  ท่านจะให้ความดีกี่คะแนน ถ้าเด็กทำความดีท่านให้กี่คะแนน (สิบคะแนน ร้อยคะแนน ร้อยเปอร์เซ็นต์ )
(สิ่งศักดิ์สิทธ์เมตตาให้นักเรียนในชั้นร่วมทายจำนวนลูกอม) มีคนทายจำนวนลูกอมถูก คือหัวหน้าชั้นใช่ไหม (ใช่) การเป็นหัวหน้าชั้นมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ ลูกน้องทำผิดหัวหน้าต้องรับโทษ ใช่หรือเปล่า ถ้าเด็กทำดีได้สิบคะแนน แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำดีได้ร้อยคะแนน แล้วยิ่งถ้าความดีนั้นเป็นการปกป้องเพื่อน ปกป้องลูกน้อง คะแนนยิ่งเพิ่มเป็นสองร้อยเลยใช่ไหม (ใช่) อยากเล่นเกมอีกไหม เริ่มกลัวๆแล้วใช่หรือเปล่า ไม่อยากจริงๆหรือ อย่างนั้นเราบอกไว้ก่อนว่าเล่นเกมต่อไปไม่มีการลงโทษแล้ว มีแต่การให้รางวัล เอาไหม (เอา)  
เกมนี้เรียกว่า เกมใบ้คำ ชอบเล่นใช่ไหม (ชอบ) แต่ว่าใบ้คำของเราจะไม่เหมือนกับใบ้คำที่ท่านเห็นนะ ใบ้คำของเราจะเป็นการเล่นใบ้คำในอากาศ เราจะเขียนตัวหนังสือแล้วให้ท่านทายว่าเราเขียนตัวอะไร ได้ไหม (ได้)  ดูนะฝึกสมาธิ เกมนี้ต้องฝึกสมาธิ เวลาดูอะไรต้องดูตั้งแต่ต้น แล้วจะเดาได้ว่าเรากำลังเขียนอะไร ใครทายถูกเดี๋ยวเราให้ลูกเขียวๆ แดงๆ (สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาเขียนอักษรในอากาศเป็น “ล”) ถ้าเขียนแค่ตัวเดียวจะง่ายใช่ไหม ถ้าคราวนี้เขียนเป็นคำนะ ทายได้ไหม (ไม่ได้) ไม่ได้เลยหรือ อย่างนั้นทีละตัว คำนี้อ่านว่าอะไร (กล้า) ทำไมรู้ เพราะเราเขียนช้าและเราหยุดเป็นช่วงๆ ใช่หรือไม่ (ใช่) ชีวิตนั้นก็เหมือนกันนะ บางครั้งเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว มนุษย์เราอดที่จะนำมาเกี่ยวเนื่องกันไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) อย่างเช่นแต่ก่อนเราเคยมีความสุขอย่างนี้ เราก็มักจะยึดติดว่าตอนนี้เราก็ต้องมีความสุขอย่างนี้ไปตลอด แต่อย่าลืมว่าตัวหนังสือเมื่อเขียนจบหนึ่งตัวก็ต้องจบหนึ่งตัว ใช่ไหม(ใช่)  พอจบหนึ่งตัวมันก็กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว แต่ถ้าช่วงที่กำลังเขียนอยู่นั้นกลับมีอีกตัวหนึ่งและก็อีกตัวหนึ่งต่อมาจนรวมกันเป็นตัวเดียวกันเราก็จะได้หนึ่งคำใช่หรือไม่ (ใช่) นั่นหมายความว่าเรื่องบางเรื่องอาจจะอยู่ในช่วงที่ติดๆกัน เราเอามาคิดรวมกันได้ แต่เรื่องบางเรื่องกลายเป็นอดีตแล้วอย่ายึดติดกับอดีต ชีวิตต้องอยู่กับ (ปัจจุบัน) ใช่หรือเปล่า (ใช่)
 ถ้าเราเขียนติดต่อกันท่านจะเดาออกไหม ลองดูนะออกไม่ออก (ไม่ออก)  เรากำลังเขียนคำว่าละอาย เดายากนะ ยิ่งถึงที่สุดของชีวิตแล้วบางทีชีวิตก็คืออากาศธาตุแค่นั้นเอง ใช่ไหม (ใช่)  เราพยายามเขียนบันทึกชีวิตเล่มหนึ่งให้กับตัวเองแต่ถึงที่สุดแล้วบันทึกของชีวิตนั้นก็ต้องกลายเป็นอากาศธาตุไป มีแต่สิ่งหนึ่งที่สามารถหลงเหลือและรักษาได้ดังที่เราบอกคือ (ความดี) แล้วดีอย่างไรที่ยังหลงเหลือในใจเขา ยกตัวอย่างง่ายๆ มนุษย์เกิดแล้วก็ตาย เกิดแล้วก็ตาย แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดตายแล้วยังคงอยู่คู่กับมนุษย์คืออะไร ยุคนี้ยุคไหน ชาตินี้ชาติไหนก็ยังเห็นอยู่ทุกวัน ใครเดาถูกบ้าง (พระอาทิตย์) หรือว่าเกิดตายครั้งนี้แล้วไม่รู้ว่าจะได้เกิดอีก เลยเดาไม่ถูก (ธรรมะ,ธรรมชาติ,น้ำ,กรรม) ความจริง สัจธรรม ใช่หรือไม่ (ใช่)  สมัยปู่ย่าตายายก่อนที่เราจะเกิดมาก็ยังอยู่ไม่ไปไหน มีดิน มีพระอาทิตย์ มีอะไรอีก ธรรมชาติคืออะไร (อากาศ,ฟ้า,ลมหายใจ) ลมหายใจอยู่หรือ ตายไปแล้วลมหายใจก็ไม่อยู่เป็นลมหายใจคนอื่นแล้วนะ สิ่งที่อยู่ถาวรที่สุดเลยแม้จะเกิดดับก็ยังมีอยู่ (ความดี, ฟ้า, พระจันทร์,โลก) แม้เราจะตายไปดินก็ยังอยู่ฟ้าก็ยังอยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่)  พระอาทิตย์ พระจันทร์ ก็ยังอยู่ ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นมีคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวไว้ว่าความเมตตาของฟ้าคือการให้กำเนิด คุณธรรมของแห่งดินคือการหล่อเลี้ยงอุ้มชูและไม่รังเกียจเดียดฉันท์รับทุกสภาวะ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราอยากรู้ว่าจิตใจอย่างไรที่จะทำให้อยู่ค้ำฟ้าค้ำดิน นั่นก็คือจิตใจที่มีแต่ให้ จิตใจที่รู้จักอดทนให้อภัย มีก็ให้ นี่คือจิตใจที่สามารถจะยังอยู่ค้ำฟ้าค้ำดินได้ ยากไหม (ยาก) ไม่ยากนะ แต่เวลาจะทำอาจจะยากสักหน่อยจริงไหม (จริง) การให้นี่ยากใช่ไหม (ใช่) เพราะมนุษย์มักจะคิดว่าทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายให้ทุกทีเลย ก่อนจะให้ ก็มักคิดว่าทำไมฉันต้องยอม จริงไหม (จริง)  เพราะว่าถ้าคิดอย่างนี้เมื่อไร แปลว่าเรากำลังมีอัตตาตัวตน เมื่อไรที่มีอัตตาตัวตน เมื่อนั้นเราจะกลายเป็นคนตาบอด  เหมือนผงเข้าตา แล้วตาบอด แล้วเมื่อไรที่เรามีอัตตาตัวตนเราก็จะคิดว่า ฉันต้องได้ก่อน คนอื่นได้ทีหลัง ฉันต้องมีก่อน คนอื่นมีทีหลัง  แต่เมื่อไรที่คิดแบบนี้เมื่อนั้นทำก็ไม่ขึ้น จริงไหม (จริง)  แต่เมื่อไรที่คิดว่า เราไม่มี เขามีก็ไม่เป็นไร เพราะว่าอะไรเราจึงพูดเช่นนี้ เพราะว่าถึงที่สุดของชีวิต การเป็นคนดี ไม่ใช่เพราะเรามีมากกว่าเขา แต่คือสิ่งที่เราเคยให้เขาต่างหาก จริงไหม (จริง) 
ท่านเคยเห็นไหมว่าคนในโลกตายไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่ ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ แต่คือคุณงามความดีของคนๆ นั้น แล้วถ้าเราทำจนกระทั่งซื้อใจเขาได้ เขาก็จะเจริญรอยตามความดีของคนๆ นั้น อย่างเช่น องค์ใดที่ซื้อใจท่านได้ องค์ไหน (พ่อกับแม่)  พ่อกับแม่ซื้อใจท่านได้จริงๆ หรือ ถ้าพ่อ แม่ตายไป ท่านจะเจริญรอยตามปฏิปทาความตั้งใจของพ่อแม่จริงหรือเปล่า (ไม่จริง)  องค์ใดที่สามารถซื้อใจมนุษย์ทุกคนในโลกได้ (พระพุทธองค์)  ปรบมือให้ท่านนี้หน่อยนะ  ใช่ไหม  ท่านตายไปกี่พันปีแล้ว (สองพันห้าร้อยกว่าปี)  คัมภีร์ผุพังไปกี่รอบ ทำไมคนก็ยังเอามาเขียนใหม่ เอามาใช้ใหม่ นั่นแปลว่าความดีไม่เคยหายสาบสูญไปจากโลก และความดีอะไรล่ะ นั่นคือการรู้จักให้ ให้ถึงที่สุด จะทำให้เราไม่ได้ตายแค่ตัว แต่ชื่อเรายังอยู่ จริงไหม (จริง)  แล้วทำไมเราถึงต้องทำดีล่ะ เพื่อเราอยากทิ้งชื่อไว้ ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  คนเราทำดีเพราะอยากให้คนชม ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  ความดีเหมือนเพชร เพชรยิ่งซ่อนลึกล้ำมากขนาดไหน เพชรนั้นยิ่งมีค่า ความดียิ่งเด่นออกมาเท่าไร เพชรยิ่งถูกหมิ่นราคาจริงไหม (จริง)  เหมือนกันถ้าจะทำความดีอย่าหวังคนชม ถ้าทำดีเพื่อหวังคนชมจะเป็นเพชรที่ราคาถูก หาได้กลาดเกลื่อน แต่จงทำดีอย่างไม่หวังผล  ทำดีแม้ไม่มีใครเห็นก็ทำ  ความดีนั้นจะเป็นความดีเหมือนเพชรที่หาได้ยากถูกหรือไม่ (ถูก) แล้วทำไมถึงต้องทำดีอีกล่ะ เราอยากบอกเหตุผลมากๆ นะ เพื่อกลับไปแล้วท่านจะได้ไปทำดี
ใครอยากรวยบ้าง ยกมือขึ้นพูดมาจากใจไม่ต้องกลัว ใครๆ ก็อยากรวย เราก็อยากรวยนะ แต่การรวยของเราแตกต่างจากการอยากรวยของทุกท่าน  เราอยากรวยคุณงามความดี เราอยากรวยความที่รู้จักให้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เราอยากรวยในการมีเรี่ยวแรงที่จะกระทำเพื่อคนอื่น เราอยากรวยเรี่ยวแรงที่จะมีแรงไปช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก แต่มนุษย์ในโลกอยากรวยในทรัพย์ปัจจุบัน จริงไหม (จริง)  มนุษย์เราดิ้นรนขวนขวายเพื่อหาทรัพย์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วทรัพย์ปัจจุบันนี่แหละ ที่ทำให้มนุษย์หลงหัวปักหัวปำ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเราจะบอกว่าคนเรานั้นถ้าไม่มีบุญ แม้จะหาทรัพย์มาแทบตาย วันนั้นก็ไม่สามารถใช้ได้จริงไหม (จริง)  ฉะนั้นหาจนตายแต่ถ้าไม่มีบุญในการหาทรัพย์ ไม่มีบุญในการสร้างทรัพย์ คนนั้นก็เหนื่อยเปล่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วยังอยากหาไหม (อยาก)  ถ้าเช่นนั้นเราจะบอกให้ว่าหาอย่างไรถึงจะรวยทรัพย์ได้อย่างแท้จริง เอาไหม (เอา)  ฉะนั้นทนฟังอีกครู่หนึ่งนะ  เมื่อครู่เราค้างเรื่องทำอย่างไรจึงจะมีทรัพย์ได้  ถ้าเราไม่สร้างบุญเราก็จะไม่มีทรัพย์ จริงไหม (จริง)  เราอยากบอกท่านว่าคนบางคนไม่ต้องทำอะไรเลยก็มีเงินมากมาย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเวลาที่เรามีก็อย่าได้ตระหนี่ เวลาให้เราก็คิดว่าเฉือนเนื้อตนเอง คนอย่างนี้ถึงจะมีบุญ สักวันบุญก็ย่อมหมดถูกหรือไม่ (ถูก)  แต่ถ้าเราเป็นคนที่บุญน้อย เงินก็น้อย แต่เรายังรู้จักให้ และไม่หยุดให้ นั่นแหละเป็นคนที่รู้จักสร้างบุญ และรู้จักสร้างทรัพย์ แค่นี้เอง แต่มนุษย์มักมีข้อต่อรองในการให้ ขอมีมากๆ ก่อนแล้วค่อยให้ ใช่ไหม (ใช่)  มีมากๆ แล้วค่อยให้นั้นบุญน้อย  แต่มีน้อยๆ แล้วยังให้นั้นบุญใหญ่   ท่านเห็นคนรวยๆ เขาให้เงินหนึ่งล้าน เขากระทบกระเทือนกับความรวยของเขาไหม (ไม่)  แต่ถ้าเรามีน้อยๆ แต่เราให้ไปเกือบค่อนหนึ่ง บุญใหญ่ยิ่งนัก ฉะนั้นการแสวงหาแต่ไม่เคยให้ มีแต่เก็บแล้วไม่เคยเผื่อแผ่ ถึงแม้เขาจะมีบุญ สักวันเขาย่อมอับบุญ แล้วคนแบบนี้ในทางกลับกัน ถึงแม้เขาเป็นคนอับบุญ แต่เขามีน้อยเขาก็ยังรู้จักให้ ความอับบุญของเขา ก็จะกลายเป็นความมีบุญได้
ฉะนั้นชะตาชีวิตเขียนขึ้นด้วยตัวท่านเอง แล้วลบได้หรือสร้างขึ้นมาใหม่ได้ก็อยู่ที่ตัวท่านนั่นเองเช่นกัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อยู่ที่ว่าช่วงที่ลำบากที่สุด เรายังสร้างบุญ ช่วงที่อัตคัดเรายังสร้างบุญ คนๆ นั้นแหละคือคนที่สร้างบุญที่ยิ่งใหญ่โดยแท้ จริงไหม (จริง)  แล้วการเป็นคนดีนั้นดีไหม (ดี)  แปลกนะมนุษย์เราเกิดมาพ่อแม่ก็อยากได้ลูกที่ดี ผู้หญิงก็อยากได้แฟนที่ดี ผู้ชายก็อยากได้ภรรยาที่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ตัวเรามีเพื่อนก็อยากได้เพื่อนที่ดี แล้วทำไมถึงต้องหาคำว่าดี เพราะอะไรท่านรู้ไหม ใครตอบเราได้ ตอบได้ไหมว่าทำไมต้องหาลูกที่ดี แฟนที่ดี (สิ่งที่ดีนำความสุขมาให้เสมอ)  เพราะอะไร (ความดีไม่นำความวุ่นวายมาสู่เรา, เพราะความดีนำความสุขสบายใจมาให้เรา)  จริงหรือ จริงแน่นอนนะ  ถ้าหากมีคนชมว่าท่านเป็นคนดี หุ่นก็ดี ทุกข์ไหม (ความดีทำให้เราดำรงชีวิตอย่างมีความสุข)

เราอยากรู้นักว่าเพราะอะไรเราถึงอยากเป็นคนดีและอยากได้คนดีอยู่ข้างๆ ท่านอยากได้ลูกที่ดี แฟนที่ดีใช่ไหม (ใช่) ทำไมถึงอยากได้แฟนดี (เพราะใจดี,มีน้ำใจ ทำผิดก็ไม่โกรธ)  เวลาไปเที่ยวก็ไม่ว่าใช่ไหม อย่างนี้ไม่เรียกว่าแฟนใจดีแล้ว เราอยากได้แฟนที่อดทนเราได้ เราด่าแฟน แฟนก็ไม่โกรธเรา อย่างนี้แฟนก็ต้องอภัยให้เรา ใช่ไหม (ใช่) จริงๆ แล้วเราอยากได้สิ่งที่ดี เพราะว่าอะไรกันแน่ เพราะว่าเขาดีแล้วเราได้ดี หรือว่าเพราะว่าเขาดีแล้วเราจะไม่โชคร้าย
สาเหตุหนึ่งที่มนุษย์อยากได้คนดีเพราะว่าอยู่ใกล้คนดีแล้วมีสุข อยู่ใกล้คนดีแล้วไม่เกิดทุกข์ ใช่หรือไม่ (ใช่)   อยู่ใกล้คนดีแล้วไม่วุ่นวายใจ  แต่คำว่าดีของคนนั้นมีหลายระดับเหลือเกิน คนดีต้องอดทนเก่ง ต้องเข้าใจ ใช่ไหม (ใช่)  คนดีต้องให้อภัย ต้องไม่ขี้บ่น แท้จริงแล้วคนดีนั้นเป็นอย่างไร ในความรู้สึกท่าน    (คนดีไม่ทำให้คนอยู่รอบข้างเดือดร้อน) คือไม่ทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนใช่ไหม (ใช่) คนบางคนอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรให้เธอเดือดร้อน แต่เธอรำคาญ เพราะอะไรเขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้เราเดือดร้อน แต่วันๆ  กินๆ นอนๆ แต่ไม่ล้างจาน หรือล้างแต่จานของตัวเอง เดือดร้อนไหม เก็บที่นอนก็เก็บแต่ของตัวเอง  ทำอะไรกินก็ทำแต่ของตัวเอง เดือดร้อนไหม  เขาไม่ผิดไม่ทำให้เดือดร้อน แล้วดีไหม (ไม่ดี) ไม่ดีเพราะอะไร (ไม่ทำให้เราด้วย)
ความดีคือการรู้จักทำเพื่อคนอื่น ความดีที่แท้จริงในหัวใจท่านที่ท่านต้องการคือการรู้จักทำเพื่อคนอื่น รู้จักยอมในสิ่งที่เราไม่อยากยอม  เราบ่นได้แต่เขาต้องไม่บ่น เราโมโหได้แต่เขาต้องไม่โมโห นี่คือคนดีของท่านใช่ไหม ถามจริงๆ  คนดีของมนุษย์มักจะเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นคนที่ให้อย่างเดียว ให้เท่าที่ให้ได้ ท่านจะรู้สึกว่าเพื่อนคนนั้นดีจริงๆ ขอกี่ทีเขาก็ให้ ถ้าเมื่อใดเขาทวง เมื่อนั้นท่านจะว่าเพื่อนเริ่มไม่ดีแล้ว ฉะนั้นท่านจงยอมรับว่าคนที่ดียากนั้นเพราะมนุษย์ทำให้ยาก ไม่ได้ทำดียากเพราะใครเลย  ใช่ไหม (ใช่)  แต่เราอยากบอกว่าอะไรที่เป็นมาตรฐานที่เรียกว่าดี อยากรู้ไหมโปรดติดตามตอนต่อไป วันนี้เราไม่บอกหมด ถ้าบอกหมดแล้วพรุ่งนี้ไม่มา แต่เราจะบอกเหตุผลคร่าวๆ อย่างหนึ่งว่าการทำดี มีดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ความดีนี้จะผลักดันให้เราพ้นทุกข์ แต่ถ้าเรายอมทำชั่ว สูบบุหรี่ กินเหล้า โกหก ชอบด่าคน ชอบนินทา ความชั่วร้ายจะทำให้มนุษย์เวียนว่าย วนไม่จบสิ้น เลือกเอานะ เอาแค่นี้ อยากดีเพราะพ้นทุกข์หรืออยากชั่วแล้วเวียนวน ถ้าแค่เหตุผลนี้แล้วยอมทำชั่วก็สุดแล้วแต่ท่าน ใช่หรือไม่ (ใช่) 
(สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาให้นักเรียนเล่นเกมเคลื่อนไหวร่างกายโยกซ้ายแล้วโยกขวา)  ธรรมชาติของมนุษย์คือการเคลื่อนไหวไม่ตายตัว แล้วอะไรที่ตายตัวในตัวเรา บางทีเรายึดติดนิสัย ใช่ไหม (ใช่) ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขี้บ่น ยอมรับว่าตัวเองกินจุ  ยอมรับว่าตัวเองจู้จี้ เรื่องมาก การที่ยอมรับคือการฆ่าตัวเองตาย  จริงไหม (จริง)  แต่การยอมรับแล้วต้องไม่ตายตัว ยอมรับแล้วต้องรู้จักพลิกแพลง แล้วเราจะไม่ฆ่าตัวตาย เหมือนกับการโยกซ้ายแล้วต้องโยกขวา โยกซ้ายสองทีแล้วต้องกลับมาโยกขวาจึงสมดุล คนเราใจเย็นเกินไป อารมณ์ร้อนมากเกินไปก็ไม่ดี ฉะนั้นควรอยู่อย่างพอดีๆ  คือ เวลาที่โมโห ก็โมโหอย่างคนที่มีสติ อย่าโมโหอย่างคนที่โวยวาย ถึงเวลาที่ทุกข์ จงทุกข์แต่กายแต่ใจอย่าทุกข์ ใจจงมีสติ มีความสุขุม แล้วใช้ปัญญาค่อยๆ แก้ แล้วชีวิตจะโยกซ้าย หรือโยกขวาก็ไม่ทุกข์เลย จริงไหม (จริง)  แต่ทำไมบางทีโยกซ้ายแล้วเอวเคล็ด โยกขวาแล้วสะโพกยอก นั่นเพราะว่าเราไม่ยอมฝืนตัวเองในบางครั้ง คิดว่าเราเป็นคนอย่างนี้แล้วไม่แก้ให้ดีกว่านี้ ยังคิดอย่างเดิมตลอดได้ไหม(ไม่ได้)
ก็มีหรือไม่ การศึกษาธรรมะก็เพื่อนำพาชีวิตให้ไปสู่ทางที่ดี ทางที่พ้นทุกข์ แล้วทางไหนที่จะพาเราพ้นทุกข์ได้ ตอนนี้ท่านต้องคิดแล้วนะ ชีวิตนี้เหมือนสายน้ำสายหนึ่งสักวันต้องไปถึงจุดสิ้นสุด ถูกหรือไม่ (ถูก)  เมื่อถึงจุดสิ้นสุดแล้วทำไมเราต้องเจ็บปวดกับการพลัดพราก  เราหาความสงบในจิตบั้นปลายไม่ได้หรือ ถ้าจุดบั้นปลายของชีวิตคือความพลัดพราก คือความสิ้นสุด ตอนนั้นเรารู้จักปลง รู้จักปล่อยวาง รู้จักทำใจ การพลัดพรากหรือความสิ้นสุดก็ไม่ทำให้เราต้องทุกข์มากใช่หรือไม่ (ใช่)  ฟังแล้วท่านคิดตามไหมนี่ วันนี้เราคงพูดแค่นี้ก่อน ถ้าอยากจะศึกษาธรรมะให้เข้าใจมากกว่านี้ วันนี้คงไม่สามารถรู้เรื่องได้ทั้งหมด ถูกหรือไม่ (ถูก) ถ้าจะบอกว่าให้พูดลึกล้ำและอยากให้เราพูดให้ลึกซึ้งถึงแก่น  เราบอกท่านประโยคเดียว ใครจะเข้าถึงได้บ้าง ธรรมะที่ลึกๆเอาไหม (เอา) ลองดูนะว่าฟังแล้วจะลึกแล้วเข้าใจรู้แจ้งหรือเปล่า มนุษย์เราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย จริงไหม (จริงเรามาตัวเปล่า ไปก็ไปตัวเปล่า แล้วฉะนั้นทุกข์อะไร ทำไมต้องทุกข์และตรงไหนที่ทำให้ทุกข์ ฟังจบแล้วเข้าใจไหม คิดให้ดีนะ ง่ายแต่มีความหมายลึกซึ้ง  อะไรที่นำทุกข์ เมื่อมาตัวเปล่าไปตัวเปล่า แต่คนด่าทำไมทุกข์ คนตีทำไมเราเจ็บ เมื่อตายทำไมเราต้องดิ้นทุรนทุรายในเมื่อความตายก็คือการกลับไปสู่สิ่งเดิมที่เรามีอยู่ใช่ไหม (ใช่) อะไรคือสิ่งที่เราต้องเจ็บปวด มันไม่มี ถึงที่สุดแล้วมนุษย์ต้องกลับไปสู่ความว่างเปล่า เรามาตัวเปล่าเราก็กลับไปตัวเปล่าแต่เพราะชื่อ เพราะร่างกาย เพราะอารมณ์ เพราะนิสัยความเคยชิน มันทำให้เราเจ็บ ใช่ไหม (ใช่) ตอนเรามาเรามีอะไรไหม เรารู้จักชื่อนี้ไหม แต่ก่อนเรายังไม่รู้จักชื่อนี้  อะไรคือความโกรธ ไม่รู้ อะไรคือความรัก ยังไม่เข้าใจ  แต่ตอนนี้เรามีมากมายแล้วถึงเวลาเราต้องกลับไปเป็นศูนย์ ทำไมเรากลับไปไม่ได้ เพราะเรายึดมันไว้ใช่ไหม (ใช่)  แล้วเรากำลังยึดกับอะไร ตัวนี้มันยึดได้ไหม แล้วเรากำลังยึดอยู่กับอะไร ไม่มีนี่
เรากำลังยึดอยู่กับสิ่งสมมุติแล้วสิ่งสมมุติอะไรมีอิทธิพลกับใจเรานัก เพราะเรายอมให้มันมีที่ในใจ ใช่ไหม (ใช่)  ถามจริงๆถึงที่สุดเราทุกข์เพราะอะไร คิดให้ดีดีนะ แล้วจนถึงที่สุดมนุษย์จะอยู่อย่างอิสรเสรีได้ ถ้าเราไร้ซึ่งตัวตน (นักเรียนเรียนถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าถ้าอย่างนั้นจะเรียกว่าปล่อยวางได้ไหม)  แล้วก็ปล่อยคำว่าปล่อยวางด้วย ใช่ไหม (ใช่) ปากเราพูดว่าปล่อยวาง เหมือนเราพยายามนั่งสมาธิเพื่อให้สงบแท้จริงมันถูกต้องหรือเปล่า ความสงบที่แท้จริงก็คือแม้ยืนอยู่กับคนนี้เราก็สงบได้ อย่ามีสมาธิแค่ตอนนั่ง คนที่มีสมาธิที่แท้จริงคือ อยู่ที่ไหนจำได้ไม่เคยลืมว่า ถอดรองเท้าข้างซ้ายก่อนหรือถอดข้างขวาก่อนยังจำได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  พูดธรรมดาก็สนุกดี พูดยากๆ ก็ขอให้เข้าใจด้วยนะ ถึงเวลาเราก็ไปแล้วอย่าคิดว่าเรามาเล่นละครเลยนะ ละครนี้คงไม่สนุกแน่ถ้าท่านเห็นว่าเราหลอกลวง ใช่ไหม (ใช่) 

(ท่านอว๋าอวาเซียนหนวี่เมตตาผู้ปฏิบัติงานธรรม)
ใครอยากคุยกับเราบ้าง คุยอะไรดี (แล้วแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา) สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาเกือบทุกครั้งแล้วนะ ไม่มีครั้งไหนไม่เมตตาเลยนะ  มีครั้งนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะใจดำบ้างดีไหม (ไม่ดี)  ทำไมล่ะ (ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใจดำ พวกเราก็ไม่ได้กลับคืนไป)  อย่างนี้ก็เสียชื่อหมดสิ ต้องคิดว่าเมื่อไรที่เราถูกกดให้รู้สึกแย่ เมื่อไรที่เราถูกบีบให้กลายเป็นคนผิด หรือว่า เมื่อไรที่เราถูกซัดทอดจนกลายเป็นคนที่ชั่วร้าย  ถ้าตอนนั้นเราโดนแล้วเรารู้สึกขนาดนั้น แต่เรายังรู้จักรักษาความดี ไม่รู้สึกแย่ไปตามคนไม่ดี ไม่รู้สึกผิดไปตามคนที่ใส่ร้าย  เรายังรักษาความดีในใจได้ ไม่โกรธเขา ไม่เกลียดเขา ไม่ด่าเขา เราคือสุดยอดคน เราคือคนดีที่แท้จริง ใช่ไหม (ใช่)  แต่ทุกครั้งเลย คนส่วนใหญ่มักจะเป็น พอโดนด่าถึงที่สุด เรารู้สึกอายไหม (อาย)  เรารู้สึกผิดไหม (ผิด)  แต่ถ้าตอนนั้นเรารู้สึกผิด รู้สึกอาย รู้สึกแย่  แต่ในขณะนั้นเราก็ไม่โกรธ ไม่คิดว่าทำไมคนนั้นว่าอย่างนั้น คนนี้ว่าอย่างนี้  แต่เรารู้สึกว่าเขาห่วงนะ  เขามีมุมมองอีกมุมหนึ่งที่แตกต่างนะ  เราอาจจะมองไม่เห็นแล้วเราลืมหรือข้ามไป เราจะเป็นคนที่รักษาอารมณ์ได้ เขาว่าได้แต่เขาทำร้ายใจเราไม่ได้ จริงไหม (จริง) 
ฉะนั้นอย่าได้กลัวความเห็นแก่ตัวของคน อย่าได้กลัวคำด่าร้ายของคน  วันใดที่เราเจอคนที่เห็นแก่ตัว วันใดที่เราเจอคนด่าว่าร้าย  วันนั้นคือวันที่เราจะได้เห็นคนดี หรือไม่ดีต่างหาก จริงไหม (จริง)  ถ้าวันใดเจอแบบนั้น ให้จำไว้เลยว่า วันนั้นเป็นวันที่จะได้ทดสอบใจ ว่าท่านจะได้เป็นคนดีแท้ หรือคนดีจอมปลอม  คนดีที่แท้ไม่ใช่เจอภาวะปกติแล้วเรียกว่าดี แต่คนดีที่แท้คือคนที่เจอภาวะบีบคั้นแล้วยังรักษาความดีในใจได้ จริงไหม ฉะนั้นถ้าเราจะทำให้ท่านเห็นแก่ตัว ก็จงอย่าเห็นแก่ตัว แต่ต้องพยายามคิดว่าเพราะอะไร เขาถึงบีบให้เราทำแบบนี้  แล้วพยายามยืนหยัดสิ่งที่ดีไว้ไม่ใช่ทำไม่ได้ แล้วเราฟาดหัวฟาดหางเลยได้ไหม (ไม่ได้)  แล้วก็โยนความผิดไปให้เขาได้หรือไม่ (ไม่ได้)  คนที่จิตใจเข้มแข็งในการบำเพ็ญคือคนที่ถูกว่า ถูกด่าแล้วไม่ปริปากบ่น  แต่คือคนที่สามารถอดทน อดกลั้นแล้วสามารถฟันฝ่าได้  คนนั้นต่างหากที่เป็นคนดีจริง และกำลังบำเพ็ญได้จริง ใช่ไหม (ใช่)  ทำไมต้องให้เราบอก ถ้าท่านคิดได้ทุกเรื่องทุกราวไม่ต้องมีใครมาบอกหรอก  ตัวท่านเองนั่นแหละ กำลังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในใจ ไม่ต้องรอสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้กำลังใจที่นี่ก็ได้ใช่ไหม (ใช่)

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘  พุทธสถานเจาหยู จ.เชียงใหม่
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
  อยู่ท่ามกลางหมู่พฤกษาเนิ่นนานวัน      อันชีพนั้นย่อมลืมถึงความหอม
ปล่อยชีวิตกลางสังคมย่อมถูกย้อม          จงรู้อยู่แวดล้อมเมื่อธำรง

                        เราคือ
  จี้กง สงฆ์วิปลาส                    รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดาผู้เมตตา   ลงสู่พุทธสถานเจาหยู  แฝงกายกราบ
องค์มารดา                      ถามศิษย์รักทุกคน  ยินดีต้อนรับอาจารย์ไหม

  จงถือความถูกมาเข้าใจง่าย                 อย่าเป็นความคิดตายตัวสับสน
บำเพ็ญหลักหนักมาแก้ใช่กังวล              สู้โดยไม่เป็นคนกลัวประลอง
มักใหญ่ติดใจมายาใช่ฉัน                      คงความไม่อยากสำคัญเบาสมอง
เมตตาได้ใครหยั่งดั่งอิ่มท้อง                  ตระหนี่ของของยืนยันตัวบุคคล
สัจจะในดวงตาหน้าต่างใจ                    ระอาในใจอยู่กลางแดดฝน
บำเพ็ญอันหยัดยืนเรียกร้องตน               ใส่ใจคนกระนั้นอย่าทำลายตัว

ฮา  ฮา  หยุด
เร่งเร่งเดินกันไป เซื่องเซื่องไม่ทันใจ บำเพ็ญรักตน ง่ายก็มีครรลอง ยากก็มีครรลอง ประคองให้พ้น
รู้ใช่เพื่อรำคาญ ไม่พร้อมไปนานนาน ก้าวพลาดทุกคน ต้องกล้ามีเวลา ต้องกล้ามีปัญญา ไม่กล้าวกวน
*หัดเป็นคนเป็นมิตร ไม่หน้าบึ้งกับใคร เสน่ห์คนมากหลาย เลือกให้เข้ากับตน แต่ต่างคนต่างรู้นะ เลือกไว้มักไม่เข้ากับตน
**ถึงแม้มากันเมื่อสาย แต่ไปให้พร้อมกัน ความคิดมักคนละด้าน ทำให้ทุกข์ตัว จงกล้าคิดปลุกชีวิต กล้าลงแรงกว่านี้ ถึงแม้มาจากที่ใด แต่ไปให้พร้อมกัน ความคิดที่คนละด้านในที่นี้ เมื่อทบทวนมักพบในความหวังดี (เมื่อทบทวน ก็มักพบในความหวังดี)
มุ่งมั่นกันเพียงใด ไม่เที่ยงข้างในใจ บำเพ็ญแล้วรวน ก็ต้องมีใจมา ไม่ใช่ทำเย็นชา อย่าหมิ่นน้ำใจ (ซ้ำ * , ** ,**)

                                                                ชื่อเพลง : มีความเป็นมิตรกับทุกคน
                                                ทำนองเพลง : รักคนมีเจ้าของ

พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ที่นี่มีพัดเยอะมากเลยให้อาจารย์เลือกอันไหนดี อันไหนดีกว่า อันใหญ่หรือ เพราะอะไรถึงเลือกอันใหญ่ (เพราะเย็น) อันนี้ไม่ได้หรือ อาจารย์ชอบอันนี้  ได้ไหม อันนี้ก็พัดเย็น หรือเลือกอันนี้ดี อันไหนดีกว่า ใครว่าอันขาวอันนี้ อันนี้ก็พัดเย็น ใช่ไหม  ถ้าเวลาเราร้อนเราก็ทำอย่างไร (พัด) อย่างนั้นอาจารย์ถามหน่อยนะ มีพัดหลายอันอันไหนเหมาะกับอาจารย์
ทำไมถึงว่าอันใหญ่ล่ะ เพราะอะไรถึงไม่เลือกพัดแบบเด็กๆ ล่ะ ไม่เหมาะสมใช่ไหม (ใช่) วันนี้ถ้าอาจารย์จะมาโปรดเด็กๆ อาจารย์ก็ต้องใช้พัดแบบเด็กๆ ใช่ไหม เพราะว่าอาจารย์เห็นศิษย์เหมือนเด็ก แต่ศิษย์ให้อาจารย์เลือกอันใหญ่ อาจารย์ว่ามันแก่มาก แปลว่าในใจศิษย์ยอมรับว่าตัวเป็นคนแก่หรือ ไม่ชอบอะไรที่เป็นเด็กๆ หรือ ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วทำไมอันนี้ถึงไม่เลือกล่ะ มันดูผู้หญิงไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  เลือกพัดที่เหมาะกับเด็กดีหรือกับคนแก่ดี (คนแก่)  อาจารย์อยากบอกว่าบางครั้งเราอยู่ร่วมกัน บางทีเราอยู่กับเด็กเราก็ต้องใช้ความเป็นเด็กไปคุยกับเขา อย่าเอาความเป็นผู้ใหญ่คุยกับเขา ไม่อย่างนั้นจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วถ้าอยู่กับผู้ใหญ่แต่เอาความเป็นเด็กไปคุยกับผู้ใหญ่ บางครั้งก็คุยกันไปไม่ได้ แต่ถ้าบางทีเรากำลังต้องการอยากได้อะไรจากผู้ใหญ่ เราทำตัวเป็นผู้ใหญ่ คุยกับผู้ใหญ่จะได้ไหม บางทีก็ไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  ถ้าผู้ใหญ่คนนั้นมีอัตตาตัวตนสูง แล้วเราเอาความเป็นผู้ใหญ่ไปคุยด้วย เป็นอย่างไร มักจะล้มเหลว ใช่หรือไม่ (ใช่)  สู้เอาความเป็นเด็กไปคุยด้วยไม่ได้ ฉะนั้นเราอยู่ในสังคมอย่ายึดตัวตนอย่างตายตัว ว่าโตแล้วทำตัวเป็นเด็กไม่ได้ ไม่ถูกเสมอไป ใช่หรือไม่ (ใช่)  บางครั้งต้องเป็นเด็กบ้าง เป็นผู้ใหญ่บ้าง  คุยกับศิษย์ในที่นี้อาจารย์จะสละความเป็นเด็กดีหรือสละความเป็นผู้ใหญ่ดี  ถ้าเอาความเป็นผู้ใหญ่ออกไป เหลือความเป็นเด็กไว้วันนี้อาจารย์จะต้องเป็นเด็กที่ไม่ค่อยรู้แล้วมาถามศิษย์ดีไหม (ไม่ดี)  เรามาจับเข่าคุยกัน แบบผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่
วันนี้เป็นวันที่เท่าไรในการศึกษาธรรม วันที่สองนะ เหลืออีกกี่วัน (หนึ่งวัน)  เหลืออีกแค่หนึ่งวัน หรือเหลืออีกตั้งหนึ่งวัน (แค่หนึ่งวัน)  คำว่าแค่กับตั้งนี่ความหมายต่างกันไหม (ต่าง)  แค่นี่ให้ความรู้สึกว่า (น้อย)  แต่ตั้งหนึ่งวันนี่แปลว่า (มาก)  ฉะนั้นเราพูดอะไรขอให้คิดดีๆ คำพูดแสดงออกถึงความรู้สึกลึกๆ ในใจได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) 
วันนี้อยู่ในห้องพระ ดมแต่กลิ่นธูปตลอดเวลา ใช่หรือไม่ (ใช่)  ออกไป กลิ่นที่ติดก็เป็นกลิ่นของควันธูป แต่ถ้าว่าเราไปอยู่ในที่มืดๆ สูบบุหรี่ ฟังเพลง กินเหล้า กลิ่นที่เราติดตัวมาก็เป็นกลิ่นบุหรี่ เหล้า ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่พออยู่นานๆ แล้วเรารู้สึกว่ากลิ่นนั้นมันติดตัวไหม (ติด)  ติดนะ แต่ว่าติดแล้วก็ชิน ตอนแรกอาจรู้สึกเหม็น แต่นานๆ ไปก็เริ่มรู้สึกชิน ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นระหว่างชินกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่ กับชินกลิ่นธูปควัน อย่างไรน่าชินมากกว่ากัน (กลิ่นธูป)  กลิ่นธูป กลิ่นควัน ใช่หรือไม่ (ใช่)  แปลว่าต่อไปจะเข้าห้องพระบ่อยกว่าไปเที่ยวกลางคืน ใช่หรือไม่ (ใช่) 
เคยได้ยินสำนวนๆ หนึ่งไหมว่า “ปลาอยู่ในน้ำ มองไม่เห็นน้ำ นกบินอยู่บนฟ้า มองไม่เห็นฟ้า คนอยู่กลางสังคม ไม่รู้ว่าสังคมนั้นคืออะไร” จริงไหม (จริง)  ตัวเราเองอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมในสังคมมากมาย บางครั้งเราก็เผลอติดนิสัยตามผู้คนในสังคมไปโดยไม่รู้ตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) อะไรที่เราติดจากสังคมกันมากที่สุด บ่อยที่สุด (เกียรติยศ, ค่านิยม, ความสะดวกสบาย, ชื่อเสียงเงินทอง, วัตถุ, ความโก้เก๋หรูหรายิ่งใหญ่, ติดเพื่อน, ความมัวเมาเหล้าบุหรี่)  วันนี้เป็นวันอะไร (วิสาขบูชา)  ขณะนี้สังคมกำลังรณรงค์กันเรื่องสัจจอธิษฐาน ใหม่ที่สุด สดที่สุดคือเรื่องนี้ แปลว่าอาจารย์ทันสมัยกว่าศิษย์  เขารณรงค์ให้ทุกคนตั้งใจที่จะทำความดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  เพราะอะไรเขาถึงรณรงค์ ถ้าทุกคนดีเขาจะรณรงค์ให้ทำดีไหม (ไม่)  แปลว่าตอนนี้ความดีนั้นหาได้ยาก ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วคนคิดที่จะปฏิบัติดีนั้น น้อยเต็มที ใช่หรือไม่ (ใช่)  ท่านที่จะทำดีกันหลายคนกลับนิ่งเฉย อยู่เฉยๆ ไม่คิดที่จะทำอะไรให้ดีขึ้น ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเขาจึงรณรงค์เรื่องนี้ แล้ววันนี้เราจะทำอะไรให้ดีขึ้นบ้างล่ะ คิดบ้างไหม  เรามาคุยกันดีกว่านะว่าทำอย่างไรเรียกว่าทำความดี แล้วทำอย่างไรเรียกว่าทำความชั่ว  อย่างนั้นอาจารย์ถามพื้นฐานความเข้าใจก่อนว่า ความดีความชั่วในใจของศิษย์ทุกคนคิดว่าเป็นอย่างไร
ถามศิษย์รักทุกคนยินดีต้อนรับอาจารย์ไหม (นักเรียนในชั้นเรียนเชิญพระอาจารย์นั่ง) ถ้าอาจารย์ไม่นั่ง ศิษย์ก็ (ไม่นั่ง) จริงหรือเปล่า (จริง) อาจารย์ว่าอาจารย์ได้ยินเสียงศิษย์ฝ่ายหญิงมากกว่าศิษย์ฝ่ายชายนะ ศิษย์ฝ่ายชายไม่ได้พกวาจาหรือคำพูดมาด้วยหรือ ถ้าอาจารย์นั่งศิษย์จะ (ยืน) จริงหรือโดยปกติอาจารย์จี้กงมาถามผู้ปฏิบัติงานธรรมว่าได้ยืนหรือได้นั่ง (ยืน)  ถ้าอาจารย์ จี้กงยืนศิษย์จะ (ยืน) ส่วนใหญ่อาจารย์จี้กงมากี่ชั่วโมง (สองถึงสี่ชั่วโมง) มากสุดสามถึงสี่ชั่วโมงนะ ถ้าอาจารย์ยืนศิษย์จะ (ยืน)  อาจารย์ว่าแล้วเสียงต้องเบาลงๆ ไม่มีทางดังเหมือนเดิมได้ สี่ชั่วโมงนะ อาจารย์ต้องดูผู้สูงวัย ถ้าอาจารย์ยืนสี่ชั่วโมงศิษย์จะยืนหรือนั่ง (ตาย) ยังไม่ทันตอบเลยบอกตายแล้ว ตายเลยหรือศิษย์ สี่ชั่วโมงยืนตายเลยหรือ ไม่หรอกเวลาอาจารย์เห็นศิษย์ทำงานศิษย์ยังยืนได้เป็นชั่วโมงเป็นวัน อาจารย์อยากเห็นจังเลยว่ายืนตายเป็นอย่างไร อาจารย์ยังไม่เคยเห็นเลยเอาไหมลองดูไหม ฝ่ายชายไม่สู้ถามศิษย์ฝ่ายหญิง เอาไหมยืนสี่ชั่วโมง (ไม่เอา,เอา) เราอยู่ร่วมกับคนหมู่มากนะ เราจะถามคนที่อายุน้อยสุดไม่ได้ต้องถามคนที่มีอายุมากสุดใช่หรือไม่ (ใช่) เราอาจจะบอกว่าเราไหวแต่เราต้องดูข้างหลังด้วย ข้างหลังเขาไหวหรือเปล่า เดี่ยวอาจารย์จะดูหน้านะว่าผู้ปฏิบัติงานธรรมจะยืนตายหรือเปล่า ผู้ปฏิบัติงานธรรมไหวไม่ไหว (ไหว) อาจารย์เห็นหน้าทุกคนที่บอกว่าไหวนะ เดี่ยวจนอาจารย์กลับอาจารย์จะดูนะที่ว่าไหวจะจริงหรือเปล่า หลักของการทำอะไรก็ตามสิ่งสำคัญก็คือต้องเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งใจจะทำอะไรแล้วความตั้งใจนั้นต้องถึงที่สุดถ้ายังไม่สำเร็จ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าดีตอนต้นล้มตอนกลางแล้วเลิกตอนปลาย คนเช่นนี้หาความสำเร็จในชีวิตได้ (ยาก)
วันนี้มาเรียนรู้การตั้งสัจจอธิษฐานในการเป็นคนดี ไหนบอกอาจารย์สิความดีในความหมายของศิษย์เป็นอย่างไร (ต้องปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย) หัวหน้าบอกว่าการทำถูกต้องตามกฎหมายเป็นคนดี อย่างนั้นอาจารย์ถามนะ มีคนหนึ่งขับรถตามปกติ พอเจอไฟแดงก็ (หยุด) หยุดไม่ใช่เหยียบนะ พอเจอไฟเขียวก็ไป แต่พอเจอคนผ่าไฟแดงเขาก็บีบแตร แล้วก็ลงไปด่า คนนี้เป็นคนดีไหม (ไม่ดี)  ทำไมล่ะเขาทำตามกฎนี่ แดงก็หยุด เขียวก็ไป เจอคนสวนลงไปด่าทำไมไม่ดี (คนที่ไปด่าเขาไม่ดี) คนที่ทำถูกกฎหมายเขาเรียกว่าคนดีไหม (ไม่ดีต้องทำให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม) เขาเรียกจารีตประเพณี ใช่ไหม (ใช่) อย่างนั้นถ้าเขาไม่ลงไปด่าแต่เขาเกลียดคนอย่างนี้เหลือเกิน เห็นเมื่อไรเป็นรู้สึกไม่ชอบ เกิดอารมณ์โมโหแล้วยังเรียกว่าคนดีไหม (ยังไม่ดีเพราะยังมีอารมณ์อยู่) กฎหมายแค่สอนให้เรารู้ว่าอะไรผิดไม่ควรทำ แต่กฎหมายไม่ได้สอนว่าอะไรถูกแล้วเราควรทำ จริงไหม (จริง) จารีตประเพณีสอนว่าอะไรถูกแล้วเราควรทำ จริงไหม (จริง) จารีตสอนว่าบางสิ่งบางอย่างทำแล้วดี บางสิ่งบางอย่างทำแล้วไม่ถูกต้อง ใช่หรือไม่ (ใช่) ถ้าเราทำถูกต้องตามกฎหมายทำถูกต้องตามจารีต เรียกได้ว่าเป็นพลเมืองที่ดี แต่การจะเรียกได้ว่าเป็นคนดีได้นั้น ต้องมีอะไรเพิ่มอีกอย่างหนึ่งรู้ไหม (มีศีล) อย่างนั้นอาจารย์ถามว่ามีคนๆหนึ่งศีลห้าครบไม่เคยฆ่าสัตว์แต่สั่งเขาฆ่า ศีลห้าครบไหม (ไม่) ศิษย์บอกว่าก็ไม่ฆ่านี่มันตายแล้ว ศิษย์ก็เอาที่ตายแล้วมากิน เห็นมันตายแล้ว แล้วหากไม่เคยพูดปด แต่เวลาเผลอก็พูดปดไปโดยไม่ตั้งใจดีไหม (ไม่ดี) มีศีลห้าครบเรียกว่าคนดีไหม (ไม่ดี) เป็นคนดีได้ไหม อย่างเช่นเห็นสามีภรรยาเขาทะเลาะกัน ฉันไม่เคยพูดปดแล้วเผอิญวันนั้นสามีคนนี้ไปคุยกับสาวคนหนึ่งอย่างมีความสุข ฉันเห็น ฉันเอาความจริงไปบอกภรรยา ฉันรักษาศีลนี่ ฉันเห็นอะไร ฉันก็พูดอย่างนั้นดีไหมคนนี้ (ไม่ดี) ทำไมว่าเขาไม่ดี น่าคิดใช่ไหม แปลว่าการเป็นคนดีไม่ใช่แค่รู้จักกฎหมาย รู้จักจารีตประเพณี มีศีลแล้วยังต้องมีอะไรประกอบ (วิจารณญาณ) มีอะไรอีกไหม (มีธรรมะในใจ) ปรบมือให้หน่อยนะ การที่จะเป็นคนดีได้นั้นต้องรู้จักกฎหมายของบ้านเมือง รู้จักจารีตของสังคมแล้วก็ต้องรู้จักศีลธรรม ศีลคือข้อห้าม ธรรมคือ (ข้อควรปฏิบัติ) ถูกต้องฉะนั้นคนที่จะดีได้ต้องมีครบทั้งสี่อย่างนี้ ดีได้แน่นอนจริงหรือไม่ (จริง)  อย่างนั้นมีให้คิดอีกนะว่าจะดีจริงๆหรือเปล่า
คนที่จะดีได้ต้องมีครบทั้งสี่อย่าง ดีได้แน่นอน จริงไหม (จริง) ความดีต้องประกอบด้วยอะไร (เคารพกฎหมาย) เคารพกฎหมาย รักษาจารีตประเพณี รักษาศีล และมีคุณธรรม อย่างนั้นแปลว่าถ้ามนุษย์รู้จักประกอบสิ่งที่ดี มนุษย์ย่อมเป็นคนที่ดีคนหนึ่งขึ้นมาได้ แต่ว่าในความดีนั้นยังมีดีปานกลาง  ดีระดับต่ำ และดีระดับสูง ฉะนั้นถ้าเราอยากทำดีทั้งทีจะทำดีระดับไหนดี ส่วนใหญ่ถ้าเลือกก็เลือกสูงใช่หรือไม่ (ใช่) อยากรู้ไหมว่าดีระดับสูงยากหรือไม่ยาก อาจารย์จะบอกให้ว่าความดีระดับสูงที่มนุษย์พึงมีและพึงกระทำได้นั่นก็คือการรู้จักเสียสละ สละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมสิ่งนี้คือความสุขความดีที่สูงที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งพึงกระทำได้ แล้วศิษย์คิดว่าศิษย์ทำได้ไหม (ได้) อาจารย์ก็ว่าง่ายและก็ทำได้ด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ว่าเหตุการณ์ของชีวิตทำให้การตัดสินของเราจะดีหรือชั่วต้องอยู่ที่พิจารณา มีหลักเกณฑ์ แล้วการพิจารณาหลักเกณฑ์ว่าคนนี้จะดีหรือจะชั่วมีอะไรบ้าง อาจารย์สมมุติตัวอย่างง่ายๆ ก่อนดีไหม มีคนหนึ่งกินขนมห่อหนึ่งแล้วรู้สึกว่าขนมห่อนี้อร่อยมาก เลยคิดว่าจะซื้อไปฝากเพื่อนที่รักคนหนึ่ง พอซื้อมาแล้วก็เอาไปให้เขากิน พอเพื่อนกินก็ขอบอกขอบใจใหญ่ แล้วก็รู้สึกอร่อย แต่พอวันรุ่งขึ้นเพื่อนโทรมาบอกว่าเขาอยู่โรงพยาบาล ถ่ายท้องอย่างหนัก ไม่รู้ว่าเพราะของที่เธอให้ฉันกินหรือเปล่า ศิษย์ว่าเพื่อนคนนี้ดีไหม ให้คิดนะ แต่กับอีกคนหนึ่งซื้อขนมมาเหมือนกัน คนเดียวกันนั่นแหละ แต่ไม่ชอบคนในบริษัทคนหนึ่งเลยคิดนำขนมที่เราชอบกินเผื่อไปให้คนที่เราไม่ชอบ หลังจากที่รู้ว่าเพื่อนกินแล้วป่วยจึงเอาไปให้คนที่ไม่ชอบอีกคนหนึ่งกิน แต่พอรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งเพื่อนคนนั้นกลับมาบอกว่า เฮ้ย แกซื้ออะไรให้วะ  คนที่ให้ก็เริ่มใจคอไม่ดีถามว่า มีอะไรหรือ เพื่อนก็บอกว่า อร่อยมากเลย ซื้อที่ไหน  เพื่อนที่ให้ก็ ค่อยยังชั่วก็บอกว่า ชอบไหมเดี๋ยวซื้อให้กินอีก  ศิษย์ว่าสองคนนี้ใครดีใครไม่ดี และเอาอะไรตัดสินคน ว่าคนไหนดี คนไหนไม่ดี (คนแรกดี,  เอาเจตนามาตัดสิน, มันขึ้นอยู่กับมุมมอง ถ้ามองว่าเขาดีก็ดี หลอกลวงหรือเปล่า คนที่สองถ้าเรามองว่าเขาไม่ดีอยู่แล้วเขาทำอย่างไรเราก็บอกว่าไม่ดี, เพื่อนที่กินของไปแล้วต้องเข้าโรงพยาบาลที่โทรมาบอกเป็นคนไม่ถนอมน้ำใจ) แต่อาจารย์พูดถึงคนที่ปฏิบัติกับเพื่อนคนที่เกลียด  ให้เขากินแต่เผอิญเขากลับบอกว่าอร่อยและถูกใจ อยากได้อีก ฉะนั้นการตัดสินพฤติกรรมของคนสองคน ศิษย์คิดว่าอย่างไร อย่างนั้นอาจารย์จะบอกให้ว่าการตัดสินคนๆ หนึ่งว่าจะดีหรือไม่ดี ให้ดูที่เจตนารมณ์ จะเอาผลของการกระทำมาตัดสินทุกครั้งไม่ได้ ต้องดูเจตนารมณ์ในจิตใจของเพื่อนคนนั้น ถ้าเขานำไปให้เพื่อนที่เกลียดในใจคิดว่า ขอให้เข้าโรงพยาบาล นั่นเรียกว่ากำลังประพฤติผิด เป็นคนไม่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วบางครั้งเราเป็นอย่างนั้นบ่อยไหม บางทีเราเกลียดคนนี้ แต่เผอิญผลของการที่เราทำนึกว่าเขาจะโชคร้าย แต่เขากลับดวงแข็ง สังเกตคนที่เราเกลียดจะตายยาก แต่คนที่เรารักนั้นมีอันเป็นไปและหายไปจากเราง่ายๆ ใช่หรือไม่ (ใช่)  เช่นนั้นต้องบอกว่าศิษย์บุญน้อย อาจารย์จะบอกว่า  ถ้าเราทำไม่ดีแล้วผลกลับได้ดีแปลว่าอะไร แปลว่าเราทำบาปไม่ขึ้น ต้องดีใจ และทำต่อไปอีกได้ไหม (ไม่ได้)  ก่อนจะให้ขนมเขาไปอีกรอบหนึ่งถ้าเราอยากแก้ไขเจตนารมณ์และเปลี่ยนเป็นคนดี เราต้องบอกเพื่อนว่า เธอชอบก็ดี แต่อย่ากินมากนะ เพื่อนที่ฉันรักให้ไปถุงเดียว เข้าโรงพยาบาลทันที จากคนที่เราเกลียด จากคนที่เขาคิดว่าเราเกลียด ตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร สองความคิดระคนกัน ถ้าเขาคิดร้าย เขาต้องคิดว่า มันต้องการวางยาเรา กลับอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาอยากทำดีกับเรา ถึงพูดให้รู้ว่า กินมากแล้วจะไม่ดี  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่ถ้ากลัวเพื่อนเกลียดเข้าไปอีก เราก็บอกไปว่าเพื่อนกินเข้าไปแล้วเข้าโรงพยาบาลแต่ฉันทานแล้วไม่เป็นอะไร เห็นนายชอบกินแต่ก็อย่ากินมากแล้วเดี๋ยวจะเป็นอะไร นั่นก็คือ เราสามารถแปรเปลี่ยนความชั่วร้ายให้กลายมาเป็นความดีได้ ใช่หรือไม่(ใช่)  จึงมีคำกล่าวคำหนึ่งว่า ความดีอย่าไปยึดติดมาก เราไม่ยึดติดมากแต่เรารักษาให้อยู่กับเราได้ นั่นแหละดี ความชั่วมันไม่ดี มันน่าเกลียด แต่ถ้าเราเปลี่ยนแปลงได้ เราคือคนที่ดีได้ จริงไหม (จริง)  พอเข้าใจหรือยังว่าการทำความดีนั้นอยู่ที่ไหนสำคัญ (เจตนารมณ์) จะเอาแต่ผลวัดได้ไหม (ไม่ได้) 
ส่วนคนที่ทำดีคนแรก เพื่อนเขาอาจจะแค่บอกความจริงว่าของที่เราซื้อไปให้นั้นมันไม่สะอาด เขาอาจจะไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายก็เป็นได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นถ้าทำดีพบอุปสรรค พบคนพูดที่ไม่ถูกใจ อย่าได้คิดร้ายและอย่าได้ท้อถอยในการทำดีเพราะเมื่อไรที่เราพบผลร้ายเราก็จะมีกำลังใจที่จะทำดีต่อไปเรื่อยๆ  ใช่หรือไม่ (ใช่)  ไม่ใช่เพื่อนบ่นนิดหนึ่งก็เกลียดเขาเลย ได้หรือไม่ (ไม่ได้)  ต้องคิดดีเข้าไว้ ถูกหรือไม่ (ถูก) 
การทำดีนั้นยังวัดค่าได้ อีกเรื่องหนึ่ง ระหว่างเงินกับชีวิตอะไรมีค่ามากกว่ากัน (ชีวิต)  ส่วนใหญ่ศิษย์จะตอบว่าชีวิต ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าอย่างนั้นหากว่าทำงานเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เราต้องรู้จักหยุดพักผ่อนบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่าปล่อยให้ความโลภนั้นมาทำร้ายตัวเรา ไม่อย่างนั้นมีเงินเท่าไรก็ต้องเอาเงินนั้นไปรักษาตัวเอง หาเรื่องแท้ๆ  จริงไหม (จริง)  บางทีเราทำงานเพื่อบำรุงเลี้ยงชีวิตแต่กลายเป็นทำงานไปยิ่งทำยิ่งมีหนี้ก็มี ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าชีวิตกับเงินทองศิษย์เลือก (ชีวิต)  ใช่หรือไม่ (ใช่)  อย่างนั้นถ้าชีวิตกับคุณธรรมศิษย์เลือกอะไร (คุณธรรม)  ศิษย์เลือกอะไร (ถ้าไม่มีชีวิตก็ทำคุณงามความดีอะไรไม่ได้) แต่ถ้าถึงวันหนึ่งเราต้องเลือก บางครั้งเราอยากเป็นคนดีแต่การเป็นคนดีบางครั้งมันมีทางต้องเลือก ใช่ไหม (ใช่)  อย่างนั้นอาจารย์สมมุติเรื่องๆ หนึ่งให้ศิษย์คิดนะ ในที่นี้มีคนเป็นหมอ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์อยากถามว่าถ้าคนเป็นหมอ เลือกรักษาสัจจะมากกว่าชีวิตคนได้ไหม สมมุติว่าหมอกำลังตรวจคนไข้ที่อายุมากแล้วและตรวจดูรู้ว่าเขาเป็นโรคร้ายเป็นเนื้องอกขั้นสุดท้าย ตรวจเสร็จเขาเดินมาหาหมอ หมอจะเลือกอะไรถ้ารู้ว่าคนไข้คนนี้เป็นคนที่มีหัวใจอ่อนแอด้วย จะเลือกรักษาสัจจะหรือรักษาชีวิต (ชีวิต)  หมอจะเลือกรักษาสัจจะมีอะไรก็พูดอย่างนั้น หรือเลือกชีวิตคนไข้ (ชีวิต)  ชีวิตคนไข้จริงหรือ (จริง)  อย่างนั้นแปลว่าหมอต้องพูดว่า ยายไม่ป่วยอะไรหรอกยายแข็งแรง ใช่หรือไม่ (ไม่ใช่)  พูดได้เหมือนกันนะ เรียกว่าให้กำลังใจแต่ว่าพรุ่งนี้ยายเอาหลานมาด้วยและมาหาหมออีกรอบหนึ่ง มาพบข้างนอกก็ได้ไม่ต้องเสียเงิน เพราะอะไรหมอจึงพูดอย่างนั้น เพราะว่าถ้าพูดกับคนๆ นี้จะทำให้เขาตกใจ ยิ่งเสียใจและยิ่งทุกข์ใจตายมากกว่าตายด้วยโรคก็ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้าบอกว่าเป็นมะเร็ง เป็นเอดส์ เขาจะตายก่อนเอดส์กินตายซะอีก จริงไหม (จริง)  เหมือนครูก็เหมือนกัน ถ้าบอกว่าศิษย์ได้ผลศูนย์ ใจหายเลยใช่ไหม (ใช่)  แต่ถ้าหากคนนั้นได้ศูนย์แล้วอาจารย์บอกว่าศิษย์คนนี้อาจารย์ยังไม่บอกคะแนนอาจารย์มีเรื่องจะบอกมาหาอาจารย์ที่โต๊ะนะ ศิษย์คนนี้จะรักอาจารย์มาก เพราะอาจารย์ไม่ทำให้ศิษย์ขายหน้า จริงไหม (จริง)  และอาจารย์ยังพูดด้วยความเข้าใจว่าศิษย์เป็นอะไร ทำไมศิษย์จึงทำข้อสอบนี้ไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์อยากบอกศิษย์ว่าเวลาที่เราต้องเลือก  ยกตัวอย่างเช่น คนบางคนพูดผมต้องรักษาศีลห้า ผมเป็นคนมีวาจาสัตย์ มีอะไรก็พูดไปเลย ตรงๆ  ง่ายๆ  ได้ไหม (ไม่ได้)  บางทีไม่ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ระหว่างผิดน้อยกับผิดมาก ถึงบางทีคนที่จะเป็นคนดีแท้ๆ  ต้องชั่งให้เป็นและเลือกให้ถูกอย่าเลือกผิดมากไม่อย่างนั้นคนดีก็จะกลายเป็น คนดีที่ทำร้ายคนได้ ใช่หรือไม่ (ใช่)  จะบอกว่าเขาไม่ดีไหม จะบอกว่าหมอไม่ดี จะบอกว่าอาจารย์ไม่ดีได้ไหม ก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ (ใช่)  ถ้ากลับบ้านไปแม่ถามลูกต่อหมอคุยอะไรกับลูกหรือ ทำไมต้องเรียกลูกไป ตอนนี้ลูกต้องตัดสินใจแล้วจะพูดความจริงหรือพูดความเท็จ ถ้าท่านเป็นลูกท่านจะพูดอย่างไร (บอกว่าหมอบอกว่าแม่ยังไม่เป็นอะไรมาก ให้คุณแม่รักษาสุขภาพให้ดี)  ตอบได้ดีนะ แต่ช่วงที่ตอบต้องเก็บอารมณ์และสีหน้าให้มิดด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นนอกจากเจตนารมณ์ที่เราต้องสังเกตแล้วอย่างหนึ่งที่เราต้องรู้จักพินิจพิจารณาก่อนสิ่งที่เราทำนั้น เป็นผลดีหรือผลร้ายแก่คนรอบข้างหรือเปล่า แล้วถ้าเลือกระหว่างดีกับร้าย เราขอยอมร้ายแล้วทำให้เขาดี ได้ไหม ถ้าหากบางครั้งศิษย์ต้องเป็นหมอ บางครั้งศิษย์ต้องเป็นลูกของคนป่วยคนนี้ ศิษย์จะยอมเป็นคนผิดแล้วรักษาคนถูกไหม บางคนรักหน้ายิ่งกว่าชีวิต ใช่ไหม (ใช่)  “ใครผิดช่าง ฉันถูกไว้ก่อน” แต่อาจารย์อยากบอกว่าถ้าเรายอมผิดเพื่อคนอื่นนี่คือคนดีที่แท้จริง จริงหรือไม่ (จริง) ทำยากไหม
แล้วระหว่างความชั่วสองอัน ศิษย์จะเลือกชั่วอันไหน ชั่วที่มากกว่าหรือชั่วที่น้อยกว่า แล้วใช้อะไรเป็นตัวชั่ง หนึ่งดูที่ว่าถ้าเกิดทำแล้วกลายเป็นคนชั่ว ชั่วนี้ส่งผลกระทบคนอื่นมากหรือเปล่า ถ้าส่งผลกระทบแค่ตัวเองเรายอมชั่ว แต่ถ้าทำแล้วส่งผลกระทำชั่วต่อผองชนเราขอไม่เลือก เราขอชั่วแค่ตัวเองก็พอ ฉะนั้นการตัดสินหรือการดำรงชีวิตของตัวเราจะดีไม่ดี ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์อย่างเดียว แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ว่าจะตกลงที่ใครด้วย  ถ้าทำแล้วผลประโยชน์ตกกับตัวเองแต่ทำคนอื่นเดือดร้อนก็ไม่อาจเรียกว่าความดีได้  แม่เราชอบกินหน่อไม้ มีเท่าไรก็กินให้หมดป่าเลยได้ไหม (ไม่ได้)  ไม่ให้ใครกินได้หรือเปล่า (ไม่ได้)  แล้วบอกว่า หน่อไม้นั้นแม่ผมชอบกินแล้วทำอย่างนั้นได้ไหม (ไม่ได้)  เรียกว่าดีก็จริงแต่ทำให้คนอื่นอดกินได้ไหม (ไม่ได้)  ฉะนั้นพอรู้หรือยังว่าการเป็นคนดีนั้นตัดสินอย่างไร การจะปฏิบัติตัวเองเป็นคนดี ควรเอาอะไรมาชั่ง คงพอนึกออกใช่หรือไม่ (ใช่) 
อาจารย์บอกว่า การที่จะทำดี
1.      ต้องดูที่เจตนารมณ์
2.      ต้องดูที่ผลว่าทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อคนอื่นหรือไม่
แต่ว่าเราจะสามารถพินิจพิจารณาการทำดีเพียงเท่านี้อาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ต้องใช้อะไรเป็นตัวสังเกต
 วิธีที่จะสังเกตไม่ยากเลย มนุษย์เรามองกระจกทุกวันแล้วเราเข้าใจตนเองไหม ไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง ใช่หรือไม่ (ใช่)   อาจารย์บอกว่าคนที่ไม่เข้าใจตนเองซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดแล้ว  คนนั้นคือคนที่โง่ที่สุด ทุกวันก็อยู่กับตัวนี้  พบทุกวันไหม ทำไมไม่เข้าใจ เช่นนั้นจะไปให้คนอื่นเข้าใจเรา ได้ไหม (ไม่ได้)  อาจารย์อยากให้ศิษย์อย่าไปเรียกร้องให้คนอื่นเข้าใจ ถ้าวันไหนเขาไม่เข้าใจอย่าโกรธ
แต่การอยู่ร่วมกันในสังคม เราจะรู้จักเจตนารมณ์ว่าเขาจะคิดอย่างไรได้ เราต้องรู้อะไรอีก เราต้องรู้จักเข้าใจคนรอบข้างด้วย
คนเราจะอยู่ในสังคมได้และจะเป็นคนที่นำพาความสุขให้กับสังคมทุกๆ กลุ่มที่เราไปอยู่ได้ก็ต่อเมื่อ
1.      เข้าใจตัวเอง
2.      มีความเข้าใจเพื่อนรอบข้าง
เราทำดีแต่ว่าสิ่งที่เราทำดีนั้นไม่เคยเข้าใจ เพื่อนรอบข้างความดีนั้นก็สูญเปล่า  ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อะไรที่บดบังตาทำให้เราไม่เข้าใจตัวเอง แล้วก็มองไม่ค่อยเห็นเพื่อนรอบข้าง เพราะอะไรเราพบกับตัวทุกวัน ตื่นเช้าขึ้นมาเรามองหน้าตัวเองไหม เพราะอะไรเราจึงไม่เข้าใจตัวเรา (อารมณ์) เพราะอารมณ์หรือ (ไม่ยอมรับความจริง, มองข้ามไป) มองข้ามไปอย่างเช่นมองกระจกก็ไม่เคยมองนิสัย มองแต่หน้า (อยู่ที่อารมณ์ตัวเอง) อย่างนั้นก็น่าจะดูออกว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยจดจ่อชอบนิสัยหุนหันพลันแล่นไม่ใช่หรือ (เพราะว่าไม่พยายามเข้าใจคนอื่นก็เลยไม่เข้าใจตัวเอง) แล้วเมื่อพยายามเข้าใจคนอื่นจะเข้าใจไหม (ไม่เข้าใจ) ก็เลยกลายเป็นไม่เข้าใจทั้งคนอื่นและไม่เข้าใจทั้งตนเอง น่าจะบอกว่าเป็นเพราะมัวแต่มองคนอื่นแต่ไม่เคยมองตัวเองจริงไหม (จริง)
ตาของมนุษย์นี้มีใครบ้างที่ตาดำมันย้อนมองกลับเข้าไปข้างในมีไหม (ไม่มี) นั่นก็แปลว่าตาของมนุษย์นั้นง่ายที่จะมองออกมากกว่ามองเข้า แต่ถ้ารู้จักย้อนมองเข้าสักวันหนึ่งคงจะมองเห็นตัวเองบ้าง ใช่หรือไม่ (ใช่) แต่เผอิญเราไม่ค่อยอยู่สงบๆ เป็นคนที่อยู่นิ่งไม่ได้ อยู่นิ่งแล้วอึดอัดใช่หรือไม่ (ใช่)ชอบวิ่งออกไปจึงทำให้เราไม่เห็นตัวเอง แล้วเพราะอะไรอีกที่ไม่เห็นตัวเองมีแค่นี้หรือ เพราะไม่มองตัวเองหรือเพราะอะไร (ไม่มีสติ) ตอบได้ดีนะ ทำอะไรมักจะปล่อยไปตามอารมณ์ไม่ค่อยมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว ใช่หรือไม่ (ใช่) มีอะไรอีกอาจารย์ตั้งคำถามยากไปไหม (เพราะเรามีทิฐิ,เพราะดื้อ) เพราะดื้อบางทีเขาพูดอะไรก็ไม่ค่อยฟังทั้งที่บางทีมันก็ถูกเหมือนกัน (เพราะใช้อารมณ์มากเกินไป,ไม่เปิดใจ, ยึดติดกับอัตตาตัวตน) แล้วปล่อยได้หรือยังอัตตา (ได้แล้ว)  ได้แล้วแน่นะ ถ้าสมมุติว่ามีคนเขียนว่า “สมคิดมันชั่ว” ทำใจได้ไหม (ทำได้)  ทำได้นะ ขอให้ทำได้นะ อาจารย์แค่ทดสอบใจแค่นั้นเองนะ ชื่อ สมคิด มีตั้งหลายสมคิด ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจจะเป็นสมคิดตะวันออก ตะวันตกก็ได้ ไม่ใช่สมคิดเรา
คนเราถ้าเรามีความดีอยู่แล้วเป็นพื้นฐาน อย่ากลัวคนใส่ร้ายป้ายสี คนที่เดี๋ยวดีบ้าง ไม่ดีบ้าง พอพบคนใส่ร้ายป้ายสี จึงกลัว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แล้วคนที่มีตัวตนแม้ถูกใส่ร้ายป้ายสี เขาก็ยิ้มได้ มีใครบ้างในโลกไม่ถูกนินทา   อาจารย์จี้กงยังถูกนินทาเลย ใช่ไหม พระพุทธเจ้าก็ยังถูกนินทาลับหลัง “ โอ! พระพุทธรูปองค์นี้ไม่สวยเลย” ใช่ไหม (ใช่)  แล้วนับประสาอะไร กับมนุษย์เดินดินจะไม่ถูกนินทาบ้าง ฉะนั้นถูกนินทาแล้วอย่าได้เศร้าใจ  มีอะไรอีก (นั่นก็คือ กลัวว่ารู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไงแล้วไม่กล้ายอมรับความจริง, เข้าข้างตัวเองมากไป, เพราะหลอกตัวเอง, ไม่ค่อยพิจารณาตัวเองและคนรอบข้าง)  ถ้าอย่างนั้นอาจารย์จะบอกให้ว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันหรือมองไม่เห็นตัวตน เพราะว่าอะไรรู้ไหม เวลาศิษย์มองคนๆ หนึ่งมักจะอดปรุงแต่งและคาดหวังไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่)  จึงทำให้ศิษย์มองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริง เพราะว่าศิษย์ปรุงแต่งเขาในใจ
อย่างเช่นศิษย์รู้จักเพื่อนคนหนึ่งก่อนที่จะได้รู้จักก็มีคนแนะนำอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็คิดว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ พอไปพบเขาจริงๆ เรารู้สึกผิดหวัง ใช่หรือไม่ (ใช่)  หรือเรารู้สึกว่าเขาเป็นมากกว่านั้น แต่ถ้าเราผิดหวังที่เขาเป็นอย่างนั้น แล้วเราก็ยังยืนยันว่าเขาน่าจะเป็นอย่างนี้ และเขาต้องเป็นแบบนี้สิ วันนั้นแหละเป็นวันที่ศิษย์ไม่มีวันเข้าใจ คนๆ นั้นเลยจริงไหม (จริง)  เหมือนเวลาศิษย์แต่งงานกับใครหรือศิษย์ตกลงให้กับคนนี้เป็นเพื่อนศิษย์ แต่ถ้าศิษย์คบกับเขาแล้วศิษย์มีความคาดหวัง คนคนนี้ต้องเป็นยิ่งกว่านี้  และต้องดียิ่งกว่านี้  วันนั้นคือวันที่ศิษย์ไม่เข้าใจตนเลยจริงไหม (จริง)  และอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่สามารถเข้าใจตัวเองและคนอื่นได้ก็เพราะว่าเราไม่พอใจในสิ่งที่มีและเราไม่ยินดีในสิ่งที่ทั้งได้ และเป็น  เรื่องที่เราถามตัวเองว่าชอบอะไรในตัวเองมากที่สุด ไม่ค่อยมีเลย อาจารย์ว่ามีแต่เกลียดขา ขามันใหญ่มากเกลียดผิว ผิวมันดำเกลียดใช่ไหม แต่ถามว่าผิวดำนี้ทนไหม ทนไม่เคยตกเลย ไม่เหมือนพวกขาวๆ เดี๋ยวก็ตก ตกดำเป็นด่างๆ อีกต่างหาก ใช่ไหม (ใช่)
ฉะนั้นคนเราจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของทุกสิ่งและทุกคนได้ก็ต่อเมื่อเราไม่ไปปรุงแต่งเขา ยอมรับที่เขาเป็นเขาได้ไหม (ได้)  แต่อย่าเปรียบเทียบด้วยนะบางทีเราเปรียบเทียบเพื่อนใช่หรือไม่ (ใช่) เพราะคนนั้นนิสัยดี คนนั้นไปคบกับคนโน้น ก็มีแต่ได้ แต่ทำไมเราคบกับคนนี้มีแต่เสียกับเสีย ใช่หรือไม่ (ใช่)   เราก็เลยไม่เห็นความดีของเพื่อนคนนี้เลย  เราก็เลยมองไม่เห็นใจของเขาเลยใช่หรือไม่ (ใช่)  จำไว้นะศิษย์เอ๋ย อยากรู้ว่าโลกนี้เป็นอย่างไร อยากรู้ว่าตัวเรามีนิสัยเช่นไร และอยากรู้ว่าเพื่อนรอบข้างจริงใจแค่ไหนจงใช้ตาที่ไม่ปรุงแต่ง  จงใช้ตาที่ไม่เปรียบเทียบ  ใช้ใจที่บริสุทธิ์ไปมองแล้วเราจะเห็นคนนั้นได้ถ่องแท้  เราจะมองสิ่งต่างๆในโลกได้อย่างรอบคอบและรัดกุมไม่มีอะไรในชีวิตต้องผิดพลาดและเสียใจเลย บ่อยครั้งที่ความคาดหวังของเราทำให้เราทะเลาะกับเพื่อน บ่อยครั้งที่ความคาดหวังของเราทำให้เราไม่รักพ่อแม่ เห็นพ่อแม่คนโน้นดีกว่า ใช่หรือไม่ (ใช่)  บ่อยครั้งที่การเปรียบเทียบ เช่น ภรรยาบ้านนั้นไม่บ่น บ้านเราช่างบ่นจริงๆ เราจึงรักภรรยาต่อไปไม่ไหว ใช่หรือไม่ (ใช่)  แต่อีกอย่างหนึ่งที่อาจารย์อยากบอกก็คือ ถ้าเรารู้จักพอใจกับความเรียบร้อย ศิษย์ก็คงมีความสุขในการดำรงชีวิต  จริงไหม (จริง) 
“หัดเป็นคนเป็นมิตร ไม่หน้าบึ้งกับใคร”
ศิษย์ชอบหน้าบึ้งกัน รู้จักหรือไม่รู้จักก็หน้าบึ้ง จริงนะ ตั้งแต่อาจารย์มา ไม่เห็นศิษย์ยิ้ม
“เสน่ห์คนมากหลาย”
ทุกคนมีเสน่ห์ในตัวเอง ใช่ไหม (ใช่)  ใครบอกอาจารย์ได้บ้างว่าตนเองมีเสน่ห์อะไรที่ทำให้คนรักคนหลง (ลักยิ้มและจิตใจ, มีความอ่อนน้อมถ่อมตน, มีใจเบิกบาน, มีน้ำใจให้อภัย, มีเมตตา, ความดี) (มีความเป็นตัวของตัวเอง)  แต่ถ้ามีมากไปก็ทำให้คนอึดอัดได้นะ อย่างนั้นต้องรู้จักระมัดระวังด้วย (มีความเอื้อเฟื้อต่อผู้คนรอบข้าง,  มีความจริงใจกับทุกคน, มีคำพูดดีๆ, มีน้ำใจ, ถึงจะมีความทุกข์ก็ยังยิ้ม, พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน)  เลือกจะเอาสิ่งนั้นเป็นเสน่ห์สำหรับตัวเอง แล้วต้องทำด้วยนะ อย่าได้ดีแต่พูดแล้วไม่ทำ (มีความเมตตา) เมตตานี้คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่กินเนื้อสัตว์ ใช่ไหม  (เป็นคนมีอัธยาศัยดี, มีธรรมอยู่ในใจ) อะไรที่เป็นธรรมในใจที่มีเสน่ห์ (สร้างความดีไว้ก่อน) อะไรที่เป็นความดีจะรีบทำ แม้ว่าจะเล็กน้อยก็จะขยันทำ (เป็นคนปากหวาน, มีความจริงใจต่อคนรอบข้าง, พูดจาไพเราะ) เวลาโกรธก็ต้องโกรธก็ต้องพูดจาด้วยคำพูดที่ดีๆ  
อาจารย์ถามหน่อยนะ ว่ารู้ไหมอยู่ในโลกนี้ทำอย่างไรจะโกรธน้อยและให้อภัยได้มาก  มีหลักง่ายๆ ไม่กี่ข้อ อยากรู้ไหม (อยากรู้)  ประการแรกก็คือ มีใจกว้างๆ ไม่ถือสาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ประการที่สองคือ ไม่เป็นคนอารมณ์ร้อน  ทำได้ไหม (ได้) แค่นี้เอง แล้วเราจะเป็นคนที่โกรธยากอภัยง่าย เพราะว่ามีใจกว้างแล้วอีกประการหนึ่งคือ มีความเข้าใจและเห็นใจเขา  คนที่รู้จักเข้าใจและเห็นใจเขา  จะเป็นคนที่โกรธคนยาก  อภัยคนและยิ่งเห็นใจจนถึงที่สุด จะไม่ต้องใช้คำว่า อภัย เลย  ใช่ไหม (ใช่)  จะไม่มีใครทำให้โกรธเลยเพราะรู้จักที่จะเข้าใจเขา  ฉะนั้นเราอยู่ในโลกเข้าใจตัวเองและพยายามเข้าใจผู้อื่น  เราจะอยู่ในโลกได้อย่างสันติสุข  ใช่ไหม (ใช่) 
อาจารย์ถามศิษย์นะว่า ความอยากเป็นสิ่งดีหรือไม่ดี (แล้วแต่สถานการณ์)  ตอบได้ดีนะ แปลว่าเริ่มเข้าใจธรรมะได้มากยิ่งขึ้น ความอยากนั้นเป็นตัวสร้างสรรค์และเป็นต้นตอแห่งความชั่วร้ายได้ด้วย ใช่หรือไม่ (ใช่)  ต้องดูว่าเราอยากอะไรถึงจะดี อยากอะไรจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ดี อยากกินข้าวดีไหม (ดี)  อยากกินข้าวนั้นดีแต่ถ้าอยากกินข้าวแต่ต้องเลือกไม่ใช่เจ  เลือกอย่างนี้ดีหรือไม่ดี (ไม่ดี)  ต่อไปอยากกินข้าวต้องเป็นเจ  ดีไหม (ดี)  ทำได้ไหม (ได้)  อาจารย์ไม่ได้บอกให้ศิษย์ต้องไปทำเลยนะ  แต่อาจารย์อยากบอกศิษย์ว่าถ้าเลือกได้กินเนื้อสัตว์ให้มันน้อยๆ  ได้ไหม (ได้)  ชีวิตทุกชีวิตก็รักชีวิตของตนนะ ถ้าอาจารย์เห็นว่าสัตว์ต้องถูกฆ่าตาย  ในหัวใจของคน  เอาแค่คนก็ได้ไม่ต้องถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์  อาจารย์พูดกับศิษย์ว่า ถ้าในความเป็นคน ศิษย์เห็นสัตว์กำลังถูกเชือดแล้วมันดิ้นต่อหน้าต่อตาศิษย์ วันนั้นศิษย์จะกินสัตว์ตัวนั้นลงไหม (ไม่ลง)  แล้วถ้าสัตว์ตัวนั้นมาดิ้นตายตรงขาศิษย์  ศิษย์กินลงไหม (ไม่ลง)  อาจารย์เอาแค่ความรู้สึกในความเป็นคนธรรมดานะศิษย์ แต่ถ้าจิตของคนที่ประเสริฐ จิตแห่งคนที่เข้าถึงความเมตตา เขาย่อมไม่เบียดเบียนสัตว์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีพุทธะองค์ไหนอยากกินสัตว์ ไม่มีหรอก ใช่หรือไม่ (ใช่)  มีแต่มนุษย์ที่บนหัวหมูเพราะอยากกินหมู ใช่ไหม (ใช่)  บนเป็ด บนไก่ เอาไว้ไหว้แล้วลูกยังได้กินด้วย ใช่ไหม (ใช่)
เรื่องสุดท้ายอาจารย์ทิ้งไว้ว่าอย่างไรนะ (เรื่องความทุกข์) เรื่องความทุกข์ใช่ไหม ยังอยากฟังอีกไหมหรือวันนี้ฟังแค่นี้พอแล้วหรือจะมีตอนต่อไปอีกไหม (มี) มีอีกหรือ อาจารย์มายืมร่างคนนี้ก็ไม่ใช่เพื่อให้ศิษย์มาติดยึดนะ อาจารย์อยากบอกว่าอาจารย์มาก็เหมือนอาจารย์กำลังเปิดหนังสือเล่มหนึ่งให้ศิษย์รู้ หนังสือเล่มนี้คือหนังสือแห่งชีวิต ก็เหมือนศิษย์กำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งจะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่สำคัญ จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่สำคัญ แต่อ่านแล้วฟังแล้วได้คุณค่าไหม นั้นสำคัญกว่าใช่หรือไม่ (ใช่) เหมือนเราดูหนังสืออ่านแล้วมันสอนใจ นำที่สอนใจนั่นแหละไปใช้เพราะนั่นคือความจริงและจะอยู่ช่วยชีวิตศิษย์ได้ แต่ตัวหนังสือสักวันมันต้องปิดเล่มลง สักวันมันต้องเสื่อมสลายไป แต่ความเป็นจริงที่เราได้จากคุณค่าของหนังสือเล่มนี้มันไม่มีวันหายไป ถ้าเรารู้จักนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นเห็นอาจารย์ก็เหมือนเห็นหนังสือเล่มหนึ่งนะ อ่านจบแล้วเอาแต่ใจความแก่นสารไปอย่าแบกกลับไปด้วยให้มันหนักใจ ให้มันถ่วงใจ
อาจารย์จะบอกว่ามนุษย์นั้นทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะว่า เหมือนเวลาศิษย์เป็นแผล เราอยากจะแก้ทุกข์ตรงนี้อย่างไร เวลาเป็นแผลไม่กล้าใส่ยา เลยปล่อยให้แผลนั้นเน่า พอใส่ยาแล้วแผลมันจะเป็นอย่างไร (แสบ) บางคนกลัวที่จะกินยา พอกินแล้วกินลำบาก  มนุษย์เรามีทุกข์ทุกคนไม่มีใครหนีความทุกข์ได้ ใช่หรือไม่ (ใช่) เมื่อไรที่มีทุกข์จงหาทางแก้ อย่ากลัวการแก้ บอกให้ทำอย่างนี้ ต้องคิดแบบนี้ ไม่เอา แต่ยอมทุกข์ไปเรื่อยๆ เหมือนกับคนเป็นแผล  ให้ใส่ยาไม่ใส่ กลัวแสบแล้วปล่อยให้ตัวเองเจ็บ คนเช่นนี้ไม่รู้จักชั่งน้ำหนัก ยอมเจ็บสักทีหนึ่งมันจะได้หาย ยอมทุกข์ให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยจะได้รู้ว่าทุกข์มันคืออะไร แล้วต่อไปจะทุกข์อีก จะได้รับมือเป็น จริงไหม(จริง)
แล้วเวลามีทุกข์นี่ ศิษย์มักจะเป็นอย่างไร เวลาเราทุกข์เรามักจะนึกถึงคนที่เราเคยช่วยเหลือ จริงไหม(จริง) คนนั้นต้องช่วยเหลือเราเมื่อเราไปขอความช่วยเหลือ จริงไหม (จริง) อย่างสมมุติเวลาศิษย์ทุกข์ไม่มีเงิน ศิษย์จะนึกถึงอะไร นึกถึงคนที่ศิษย์เคยเอาเงินไปช่วย คนที่ศิษย์เคยไปดูแลเวลาเขาเจ็บป่วย ฉะนั้นเวลาศิษย์ทุกข์ศิษย์ก็เลยเดินไปหาคนที่ศิษย์เคยช่วย แต่พอเขาไม่ช่วย ศิษย์ก็โกรธ ศิษย์ก็ทุกข์หนักอีกใช่ไหม ฉะนั้นเวลาเราทุกข์เราขอความช่วยเหลือแล้วเขาไม่ช่วย ทำใจคิดเสียว่าทุกข์คือบทเรียนสำคัญที่สอนให้เราเข้มแข็ง สอนให้เรารู้คุณค่าของชีวิต มีทุกข์ก็ต้องมีสุข ใช่หรือไม่ (ใช่) ในทุกข์ไม่ใช่เลวร้ายเสมอไปหรอก ทุกข์มันยังมีดีอยู่อย่างหนึ่งคือทำให้เรารู้จักคุณค่าของคน รู้จักคุณค่าของการมีชีวิตที่ดี ใช่หรือไม่ (ใช่) ฉะนั้นอย่ากลัวทุกข์ เมื่อมีทุกข์จงตั้งสติให้ดี และเอาความสงบไปรับความทุกข์ด้วยสติปัญญาของศิษย์จะสามารถฟันฝ่าทุกข์ได้ด้วยตัวเอง  ที่ทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่มี อยากมีในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ ใช่ไหม (ใช่) ฉะนั้นถ้าเราอยากจะหยุดความทุกข์ก็ต้องรู้จักพอ และดำรงตนในความไม่ประมาท ทำได้ไหม (ได้) สังเกตได้ไหมเวลาเราทุกข์เราอยากให้คนอื่นช่วยเหลือ เวลาสุขเราชอบไปเบียดเบียนเขา ใช่หรือไม่ (ใช่) อาจารย์พูดแค่นี้พอเข้าใจบ้างไหม ทุกข์เกิดจากอะไร (ไม่รู้จักพอ) ไม่รู้จักพอ อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่มี ถูกหรือไม่ (ถูก)
(พระอาจารย์เมตตาประทานพระโอวาทซ้อนพระโอวาท หยัดยืนอย่างมีธรรม)
เมื่อไรที่ชีวิตพบทางแยก เมื่อไรชีวิตต้องเลือกระหว่างความดีกับความชั่วขอให้ศิษย์คิดให้ดีดีว่าจะเลือกทำดีหรือว่าเลือกทำชั่ว เลือกชั่วแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน หยุดเสียอย่าทำได้ไหม (ได้) ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ ทำแล้วตัวเองก็หม่นหมอง อย่าทำเลยดีกว่าผ้าขาวกับผ้าที่เคยดำแล้วซักขาว ความขาวเหมือนกันไหม (ไม่เหมือน) อาจารย์ก็อยากให้ศิษย์รู้ว่าใจที่ไม่เคยแปดเปื้อนสิ่งสกปรกย่อมดีกว่าใจที่สกปรกแล้วค่อยล้างอีก ใช่หรือไม่ (ใช่) เป็นไปได้อย่าทำผิด ได้หรือไม่ (ได้) ถ้าผิดก็จงรีบแก้ตัวนะ ได้หรือเปล่า (ได้) โดยเฉพาะบุหรี่ เหล้า การพนัน แล้วก็หวย เล่นแล้วมันไม่ดีใช่ไหม (ใช่) อย่าไปเล่นมันมากนะ มีโอกาสหมั่นทำบุญทำทานได้ไหม (ได้)
เรื่องสุดท้ายก่อนอาจารย์จะไป อาจารย์เห็นคนไม่ได้แอปเปิลนะ การให้ที่ประเสริฐที่สุดก็คือการให้ที่ไม่มีการร้องขอกลับ ศิษย์เคยเห็นไหม  ศิษย์ให้เงินคนขอทาน แต่ในใจศิษย์ยังกลับไปขอคนขอทาน เคยไหม ให้ไปสิบบาท ขอให้หนูโชคดี ขอให้หนูสวยๆ  ศิษย์นั่นน่าเกลียดยิ่งกว่าคนขอทานอีก ใช่ไหม ขอให้สวยๆ เวลาให้ ถ้าให้แล้วขอ ไม่เรียกว่าให้ แต่เรียกว่าเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยน ใช่ไหม (ใช่) ศิษย์จ่ายไปหนึ่งบาท แต่ขอเกือบสิบบาท ทำบุญไปร้อยหนึ่งขอเกือบพันหนึ่ง แล้วก็บอก “ฟ้าไม่ยุติธรรม ผมทำดีไม่เห็นได้ดี”  ก็ทำแล้วขอหมดแล้ว ใช่ไหม (ใช่)  การทำที่ประเสริฐก็คือการทำที่ไม่ขอ เพื่อลดอัตตาตัวตน เพื่อลดความงก ความตระหนี่ อย่าทำบุญเหมือนคนต้องเฉือนเลือดเฉือนเนื้อ ให้ศิษย์ทำบุญทำยากไหม มีร้อยหนึ่งไหนใครทำกี่บาท (ยี่สิบ, สามสิบ, สี่สิบ, สิบบาท) อาจารย์อยากบอกให้นะว่าการให้มีคุณค่า เรื่องที่สอง “มีนักเทศน์คนหนึ่งพึ่งมาเทศน์ใหม่ ไม่เคยเทศน์เลย วันนี้ได้เทศน์เป็นวันแรก พอเทศน์จบปุ๊บมีคุณตาคนหนึ่งลุกขึ้นมาปาดน้ำตาจับเงินในกระเป๋ามีอยู่บาทเดียว เดินเข้าไปวางให้ นักเทศน์คนนั้นพูดว่า ขอบคุณมากตา” ทำไมนักเทศน์จึงขอบคุณตา ทั้งที่ตาน่าจะขอบคุณนักเทศน์ใช่ไหม หรือบางทีอาจจะโมโหว่าเทศน์ครั้งหนึ่งทำไมมีค่าแค่บาทเดียว ใช่ไหม แต่เพราะอะไรนักเทศน์คนนั้นจึงขอบคุณตา ให้ศิษย์คิดนะ คำตอบนี้อาจารย์ให้ศิษย์ไปคิดเป็นการบ้าน เพราะอะไร ถ้าศิษย์หาคำตอบได้ศิษย์จะรู้ว่า คุณค่าของการให้มันมีมากกว่านั้นและจะยิ่งใหญ่ได้ด้วยตัวศิษย์เอง ให้อย่างถูกเวลา ให้อย่างเหมาะสมและการให้บางทียังธำรงรักษาความดีไว้ในโลกด้วย ใช่ไหม (ใช่)  อาจารย์ไม่สนว่าการให้บาทหนึ่ง สองบาท อาจารย์ไม่ดูค่าตรงนั้น ดูค่าตรงที่เขาให้ได้ถูกเวลาไหม เขาให้แล้วบังเกิดอะไร ใช่หรือไม่ (ใช่)  ฉะนั้นขอให้ชีวิตของศิษย์ต่อไปนี้ เป็นการให้ที่ทรงคุณค่าและเป็นการให้ที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ ชีวิตนี้ตั้งสัตย์ว่าจะทำอะไรดี ไปคิดเป็นการบ้านดีไหม อยากจะทำอะไรให้สังคม เป็นคนเห็นแก่ตัวน้อยๆ หน่อย จะทำเพื่อผู้อื่นมากๆ หน่อย จะคิดถึงตัวเองน้อยๆหน่อย แต่จะคิดถึงหัวอกพ่อแม่ให้มากๆ  ไม่ยากใช่ไหม แต่ก่อนเคยเกลียดภรรยาจะรักภรรยามากๆ แต่ก่อนเคยขี้บ่นจะบ่นน้อยๆ  การมุ่งมั่นทำดีทำให้มนุษย์ประเสริฐยิ่งกว่าประเสริฐใดๆ แต่ถ้าไม่คิดมุ่งมั่นทำอะไร มนุษย์ก็คือมนุษย์วันยังค่ำ
ถึงเวลาอาจารย์ต้องไปแล้ว แม่ครัวทุกคนอาจารย์ไม่ได้เข้าไปแจกผลไม้เลย ฝากความขอบคุณของอาจารย์ไปให้ทุกคนด้วย ส่วนใครที่อยากได้ผลไม้ อาจารย์ขอเอาสาลี่ไปแจกให้เขานะ (นักเรียนกล่าวขอบคุณพระอาจารย์เมตตา) อาจารย์อยากเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นการที่ศิษย์มีโอกาสมาช่วยงานอาจารย์บ่อยๆ ได้ไหม (ได้)  มาเสียสละส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมได้รู้จักการทำดี ให้คนได้รู้จักลดละความเห็นแก่ตน ได้ไหม (ได้)  มีโอกาสก็ช่วยอาจารย์หน่อยได้ไหม (ได้) แม้จะลำบากแม้จะฝืนใจ พบคนพูดไม่น่าฟัง ก็ขอให้ (อดทน)  แปลว่าศิษย์ยังไม่มีความเห็นใจคน จำที่อาจารย์บอกได้ไหม ถ้ายังต้องใช้คำว่าอดทน แปลว่าเรายังไม่เห็นใจใคร ใช่หรือไม่ (ใช่)  เห็นใจเขามากๆ แม้เสียงเขาจะไม่น่าฟังแต่ก็ทำให้เราตื่นได้ ใช่หรือเปล่า (ใช่)  อย่างนั้นคิดดีเข้าไว้นะ เสียงอะไรขัดหู การกระทำอะไรขัดใจ แต่ในใจของศิษย์มีคำว่า อภัย และเข้าใจเห็นใจเสมอทำได้นะ

(พระอาจารย์เมตตาให้เพลงธรรมชื่อเพลง  “มีความเป็นมิตรกับทุกคน)
 อยู่ในโลกนี้ถ้าเราไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ใครเป็นอย่างไรเราก็ชอบเขาได้หมด เราก็คงไม่รังเกียจใคร และคนไหนก็คงไม่ทำให้เราทุกข์ใจ ใช่ไหม (ใช่)  จำไว้อย่างหนึ่งนะศิษย์เอ๋ย คนในโลกถ้าเป็นเหมือนอย่างที่ศิษย์ต้องการศิษย์ว่าจะน่าเบื่อขนาดไหน เหมือนอย่างที่ศิษย์ต้องการหมดเลย พูดหวานๆ ศิษย์คงเอียนแย่เลย ใช่ไหม (ใช่)  มีบางคนขม บางคนหวาน ได้รสชาติดี ใช่หรือเปล่า (ใช่)  ฉะนั้นอย่าไปโกรธเขาเลยนะ ถ้าบางครั้งคำพูดเขาไม่ถูกใจ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้ฝึกความอดทน ใช่หรือไม่ (ใช่)  อาจารย์ก็ต้องไปแล้ว
มีโอกาสก็เข้ามาศึกษาอีกนะ ศิษย์เป็นคนมีปัญญา จะมาอีกไหม เอาความรู้ความสามารถมาช่วยคนนะ อายุยังน้อยมีโอกาสเป็นเด็กดี ทำสิ่งที่ดีนะศิษย์นะ  เวลาของเรามีไม่มากแล้วใช่ไหม ฉะนั้นเอาเวลาที่เหลือทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตนะ อายุยังน้อยมีโอกาสก็มาช่วยอาจารย์บ้างนะ ศิษย์ว่าศิษย์เป็นคนดีไหม อาจารย์คิดว่าศิษย์เป็นคนดี แต่ขอให้ทำได้  เอาความรู้ความสามารถไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางที่ดี มีโอกาสเอาความรู้ความสามารถไปช่วยเหลือคน เราเหมือนเรือที่ใกล้ฝั่งแล้วใช่ไหม ฉะนั้นคิดดี พูดดี ทำดีไว้นะ ใช่หรือเปล่า ไม้ใกล้ฝั่งก็มีค่าได้ถ้ารู้จักพูดดี คิดดี แล้วก็ทำบุญมากๆ อาจารย์ดีใจนะที่ศิษย์กลับมา แล้วศิษย์ก็ยังเป็นแรงเป็นความหวังให้อาจารย์  ดูแลกันดีดีนะ ดูแลจิตดูแลใจตัวเองให้ดีดี  อย่าปล่อยให้ตัวเองสร้างทุกข์ให้กับตัวเอง คิดให้ดีจะพูดอะไร คิดให้ดีจะทำอะไร  เป็นศิษย์ของอาจารย์จี้กงนะ จำไว้ให้ดีๆ ทำในสิ่งที่ถูก อะไรที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีอดทนอดกลั้นอย่าทำ เมื่อไรที่ศิษย์ทุกข์ ศิษย์เจ็บ  อาจารย์เจ็บยิ่งกว่า  ดูแลตัวเองกันดีดีนะ  อย่าเศร้ามาก ช่วยเขาก็เหมือนกับช่วยอาจารย์ เขาอาจจะพูดอะไรไม่น่าฟัง  เด็กดีของอาจารย์  ต่อไปนี้ศิษย์ของอาจารย์จะเข้มแข็ง สู้กับทุกๆ เรื่อง ด้วยใจที่คิดเป็นคิดได้ เลือกทำสิ่งที่ถูกให้กับตัวเอง อาจารย์ไปแล้วนะดูแลตัวเองกันให้ดี

          พระโอวาทซ้อนพระโอวาท “หยัดยืนอย่างมีธรรม”

อย่าได้เป็นคนช่างเลือกปฏิบัติ
แล้วโอกาสจะสารพัดก่อเกิด
วิบากกรรมสอบผ่านสู่ความเป็นเลิศ
ความประเสริฐซ่อนอยู่ตรงการกระทำ
ทางกว้างใหญ่ใจคนเดินมีจุดหมาย
โลกวุ่นวายแต่ใจสงบจึงเลิศล้ำ
ดวงตายังแจ่มชัดในสิ่งที่ทำ
ลำบากสอนคนมีธรรมฝึกเอาชัย
จงถือความถูกต้องมาเป็นหลัก 
โดยไม่หนักความคิดมาเป็นใหญ่
ความไม่ติดใจอยากได้ของของใคร
ยั่งยืนอยู่ในดวงใจอันหยัดยืน

อ่านต่อ...

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ค้นหา